สูตรขนม สูตรอาหาร อาชีพรายได้เสริม ประกาศฟรี โฆษณาฟรี Career Articles Extra Income
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

Drop Down MenusCSS Drop Down MenuPure CSS Dropdown Menu

ขนมครกชาววัง ทำกินเพลิน ทำขายรวย

“ลงทุนครั้งหนึ่ง ประมาณ 300 บาท ซื้อแป้งสำเร็จรูป 1 กิโลกรัม มาผสมกับ น้ำกะทิ น้ำสะอาด น้ำปูนใส น้ำตาลโตนด เกลือ จะได้แป้งสำหรับหยอดขนมครก 3 กิโลกรัม แป้งจำนวนนี้สามารถหยอดขนมครก ขนาด 15 เบ้า ได้ 24 กระทะ หากแคะไม่เสีย จะได้ขนมครก ทั้งหมด 360 ชิ้น จำหน่ายชิ้นละ 2 บาท รวมแล้วเป็นเงิน 720 บาท หลังหักค่าใช้จ่าย ได้กำไรเกินครึ่ง”


ย่านชุมชนตอนเช้าตรู่ หรือช่วงเย็นที่เป็นเวลาเปิดของตลาดนัด มักมีหนึ่งเมนูขนมไทยวางขาย นั่นคือ “ขนมครก” ขนมที่ทำจากแป้งข้าวเจ้า หัวกะทิ แล้วโรยด้วยหน้าต่างๆ ซึ่งรสชาติออกหวาน เค็ม มัน จึงไม่น่าแปลกใจ ที่หลายคนนิยมรับประทาน

ก้าวแรกเศรษฐีฉบับนี้ นำเสนอข้อมูล ช่องทางการลงทุน และสถานที่จำหน่ายอุปกรณ์ขนมครก ขนมที่ขึ้นชื่อว่าเป็นขนมไทยตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา เดิมไม่ได้มีพัฒนาการเหมือนอย่างทุกวันนี้ เพราะตามหลักขนมไทย ใช้เพียงข้าวเจ้าไปโม่ให้เป็นแป้ง เจือกับน้ำตาล และมะพร้าวเท่านั้น แต่ปัจจุบัน ถูกนำมาประยุกต์ให้เข้ากับยุคสมัย สร้างรสชาติให้โดดเด่นไม่ซ้ำใคร


0055


ขนมครกชาววัง
จุดเด่น ชิ้นใหญ่ กรอบอร่อย
อาจารย์จินดามาศ ทินกร วิทยากรศูนย์อาชีพและธุรกิจ มติชน ผู้เชี่ยวชาญขนมครก กล่าวว่า จำหน่ายขนมเมนูนี้ มากว่า 40 ปี สูตรที่ใช้เป็นสูตรโบราณตกทอดจากรุ่นสู่รุ่น แต่ปัจจุบัน เพื่อให้เข้ากับยุคสมัย นำส่วนผสมมาดัดแปลงเล็กน้อย ทว่ารสชาติ และรูปลักษณ์ยังคงเดิม “ขนมครกเมื่อก่อน สูตรดั้งเดิมนำข้าวสาร มาผสมข้าวสุกค้างคืนแล้วโม่ เพื่อให้มีความนิ่ม แต่ข้อเสียคือ ทำให้เสียไว ปัจจุบัน สะดวกสบาย เนื่องจากมีแป้งสำเร็จรูปจำหน่าย ช่วยลดความยากลงไปได้พอสมควร ส่วนหน้าที่ใช้โรยก็มีความหลากหลายมากขึ้น”

วัตถุดิบสำคัญของขนมครก ที่วิทยากรพูดถึงคือ แป้ง มีด้วยกัน 2 รูปแบบคือ แป้งสด และแป้งแห้ง ถามผู้เชี่ยวชาญได้ใจความว่า แป้งสดคือ แป้งที่ต้องทำเองไม่มีวางจำหน่าย อันมีส่วนผสมของข้าวสารเก่า ข้าวสวยกลางปีสุกค้างคืน ถั่วทอง หรือถั่วเขียวเลาะเปลือก นำมาโม่ด้วยเครื่อง วิธีการ นำข้าวสารเก่าแช่น้ำค้างคืน ไปโม่พร้อมข้าวสุกและถั่วทอง เหตุที่ไม่ใช้ข้าวใหม่ เพราะแป้งจะเหนียว เวลาแคะออกจากเบ้าจะไม่ค่อยล่อน ส่วนแป้งแห้งคือ แป้งสำเร็จรูปที่ขายทั่วไปตามท้องตลาด โดยความแตกต่างของแป้งทั้งสองนี้คือ แป้งสด เนื้อขนมจะละเอียดและหอม แต่แป้งแห้งจะให้ความสะดวกมากกว่า

นอกจากแป้งจะเป็นส่วนประกอบสำคัญของขนมครก ยังมีกะทิที่ใช้ ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้เลือกซื้อมะพร้าวสำหรับทำขนมมาขูด แล้วคั้นเพื่อให้ได้น้ำกะทิที่สดใหม่ จากนั้นผสมเกลือป่นเล็กน้อย การทำเช่นนี้จะทำให้ได้กะทิที่หอม นอกจากนั้น ยังมีความเข้มข้นมากกว่ากะทิกล่อง แต่หากเลี่ยงไม่ได้ แนะนำให้ใช้ยี่ห้ออร่อยดี เนื่องจากกลิ่นจะหอมแบบธรรมชาติ

อีกสิ่งที่จะช่วยเพิ่มรสชาติ ให้ขนมครกกรอบอร่อย นั่นคือ ขนาด วิทยากร เผยว่า ควรเลือกใช้เบ้าขนมครกที่มีขนาด 15 เบ้า เฉลี่ยหลุมละประมาณเส้นผ่าศูนย์กลาง 5 เซนติเมตร เวลาเทแป้ง ให้เท 3/4 ของเบ้า จากนั้นใช้กระบวยหน้ากว้าง 5 เซนติเมตร กดให้แป้งล้นขึ้นมา ประมาณ 1 เซนติเมตร เติมหางกะทิ ตามด้วยหัวกะทิ บริเวณที่ล้นเรียกว่าขอบ ซึ่งจะมีความกรอบ และแลดูชิ้นใหญ่ ลักษณะนี้รวมเรียกขนมครกชาววัง “เบ้าขนมครกที่วางขายทั่วไป มีตั้งแต่ขนาด 15 เบ้า 22 เบ้า และ 28 เบ้า อยากให้เลือกใช้ขนาด 15 เบ้า เนื่องจากชิ้นใหญ่ทำออกมาเฉลี่ยชิ้นละประมาณ 7 เซนติเมตร ซึ่งผู้บริโภคจะรู้สึกคุ้มค่า ต่างจากขนาดเล็กประมาณเส้นผ่าศูนย์กลาง 3 เซนติเมตร”

ลำดับต่อมา ด้านรสชาติ อาจารย์จินดามาศ เผยว่า ปัจจุบันคนส่วนใหญ่ไม่นิยมรับประทานหวาน ดังนั้น อยากให้ผู้ประกอบการ ทำรสชาติแบบกลมกล่อม ไม่หวานจัด หรือเลี่ยนเกินไป ส่วนหน้าที่โรยยอดนิยม ได้แก่ ต้นหอม ผักชี ข้าวโพด เผือก ลูกตาล ถ้ายังไงสามารถนำไปดัดแปลงเพิ่มเติมได้


0056

ลงทุน 3,000 บาท
ขายดีทุกวัน ไม่มีวันหยุด
ถึงตรงนี้ ถามผู้เชี่ยวชาญ ถึงจำนวนเงินลงทุน ได้ความว่า เงินที่ใช้ลงทุนขายขนมครกต่ำสุด เฉลี่ยใช้เงินประมาณ 3,000 บาท แบ่งเป็นค่าอุปกรณ์ 2,500 บาท ได้แก่ เตาไฟ 2 หัว เป็นเตาเหล็ก 1,500 บาท เบ้าขนมครก 1 ใบ ราคา 600 บาท กาหยอดขนมครก 60-100 บาท เตาแก๊ส 300 บาท ค่าวัตถุดิบ อาทิ แป้ง กะทิ น้ำตาลโตนด เกลือ จานกระดาษไว้ใส่ขนม ทั้งสิ้น 300 บาท แถมเหลือเป็นเงินหมุนเวียนจำนวนหนึ่ง “3,000 บาท หลักๆ ได้อุปกรณ์การขายและวัตถุดิบจำนวนหนึ่ง แต่จะไม่รวมอุปกรณ์เล็กๆ น้อยๆ อาทิ กะละมังผสมแป้ง ทัพพี ช้อน ของจุกจิกในครัว เนื่องจากแต่ละบ้านมักมีอยู่แล้ว”

เมื่อทราบว่าต้องใช้งบประมาณเท่าไหร่ ต่อมาถึงรูปแบบการขาย วิทยากร ระบุว่า สามารถวางจำหน่ายได้ทั้งรถเข็น และตั้งโต๊ะ ขึ้นอยู่กับเงินทุน ถ้าเป็นรถเข็น คันละประมาณ 5,000 บาท ถ้าเลือกตั้งโต๊ะ สามารถเลือกวัสดุได้ตามกำลัง เลือกขนาดโต๊ะให้กว้าง 3 ฟุต ขึ้นไป ส่วนทำเลที่แนะนำ ยังคงอยู่ย่านตลาดสด ตลาดนัด งานวัด งานประจำปี ชุมชน หอพัก บริษัทห้างร้าน ป้ายรถประจำทาง หน้าร้านสะดวกซื้อ โรงพยาบาล หมู่บ้านจัดสรร สถานศึกษา หรือหากใครมีร้านอาหารอยู่แล้ว นำไปเสริมเป็นของหวานได้ ส่วนวัน และช่วงเวลาขาย ไม่มีกฎเกณฑ์ใดๆ ขายได้ทุกวัน ตั้งแต่เช้า ไปจนค่ำมืด


0061


คล้ายว่าขั้นตอนขนมครกไม่มากมายนัก ทว่าสิ่งใดที่ยากที่สุด อาจารย์จินดามาศ เผย อยู่ที่เทคนิคการหยอด บรรดามือใหม่ ควรใช้ช้อนหรือกระบวย ไม่ควรใช้กาหยอด เนื่องจากน้ำหนักมือยังไม่ได้มาตรฐาน ส่งผลให้กะปริมาณไม่ถูก อีกทั้งเวลาแคะ เพื่อไม่ให้เสียของ ต้องใจเย็นรอจนกว่าขนมจะสุก “ลงทุนครั้งหนึ่ง ประมาณ 300 บาท ซื้อแป้งสำเร็จรูป 1 กิโลกรัม มาผสมกับ น้ำกะทิ น้ำสะอาด น้ำปูนใส น้ำตาลโตนด เกลือ จะได้แป้งสำหรับหยอดขนมครก 3 กิโลกรัม แป้งจำนวนนี้สามารถหยอดขนมครก ขนาด 15 เบ้า ได้ 24 กระทะ หากแคะไม่เสีย จะได้ขนมครก ทั้งหมด 360 ชิ้น จำหน่ายชิ้นละ 2 บาท รวมแล้วเป็นเงิน 720 บาท หลังหักค่าใช้จ่าย ได้กำไรเกินครึ่ง”

นอกจากขนมครกจะลงทุนต่ำ ขายได้กำไรดีแล้ว ข้อได้เปรียบอีกอย่างคือ วัตถุดิบหาซื้อได้ง่าย ส่วนผสมทุกอย่าง ซื้อได้ที่ตลาดสด ร้านขายของชำ ซุปเปอร์มาร์เก็ต และห้างสรรพสินค้าทั่วไป ไม่เหมือนกับอาชีพบางชนิด ที่ต้องมีร้านประจำ เช่น ขายอาหาร หรือผลไม้

อีกเทคนิคการขายที่อาจารย์จินดามาศ แนะนำ คือรสชาติต้องคงที่ วัตถุดิบสดใหม่ สถานที่จำหน่ายสะอาด มีหลากหลายไส้ให้เลือกรับประทาน พูดจาไพเราะกับลูกค้า ตั้งใจขาย ไม่หยุดบ่อย จะทำให้ได้ลูกค้าประจำ จากนั้นจะเกิดการบอกปากต่อปาก

ก่อนยุติเนื้อหา อาจารย์จินดามาศนำสูตรการทำขนมครกชาววัง มาให้ทดลองทำ และย้ำว่า โอกาสในการขายขนมชนิดนี้ ยังมีพื้นที่อีกมาก เนื่องจากปัจจุบัน คนยังนิยมบริโภคขนมชนิดนี้อยู่ สนใจสอบถามเนื้อหา หรือเข้ารับการอบรม ติดต่อ ศูนย์อาชีพและธุรกิจ มติชน โทรศัพท์ (02) 589-2222, (02) 589-0492 และ (02) 954-4999 ต่อ 2100, 2101, 2102 และ 2103


0057


วัตถุดิบตัวแป้งขนมครก
ส่วนผสม
  1. แป้งข้าวเจ้าอย่างดี ตราดอกไม้ 1 กิโลกรัม
  2. น้ำกะทิ 4 ถ้วยตวง
  3. น้ำสะอาด 2 ถ้วยตวง
  4. น้ำปูนใส 2 ถ้วยตวง
  5. น้ำตาลโตนด 1 ช้อนโต๊ะ
  6. เกลือ 1 ช้อนชา
  7. โรยหน้าตามใจชอบ อาทิ ต้มหอม ข้าวโพด เผือก ฯลฯ
วิธีผสมแป้ง
ค่อยๆ เทแป้งข้าวเจ้า ลงผสมกับน้ำสะอาด น้ำปูนใส คนจนกว่าจะเข้ากัน จากนั้นเติมกะทิ น้ำตาลโตนด เกลือป่น แล้วคนให้เข้ากันดี

กะทิหน้าขนมครก
ส่วนผสม
  1. หัวกะทิ 6 ถ้วยตวง
  2. หางกะทิ 2 ถ้วยตวง
  3. น้ำตาลทราย 1 1/2 ถ้วย
  4. เกลือ 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำกะทิสำหรับหยอดหน้า
ผสม หัวกะทิ หางกะทิ เกลือป่น น้ำตาลทราย เข้าด้วยกัน นำไปตั้งไฟ คนให้น้ำตาลและเกลือละลาย จากนั้นยกลง ทิ้งไว้ให้เย็น ใส่ภาชนะเตรียมหยอดหน้าขนมครก

วิธีทำขนมครก
  1. ตั้งกระทะขนมครก ใช้ไฟอ่อนปานกลาง รอจนเตาร้อนเต็มที่
  2. นำลูกประคบ ทำด้วยกากมะพร้าวห่อด้วยผ้าขาว แตะน้ำมันพืช เช็ดที่เบ้าขนมครกให้ครบทุกเบ้า
  3. ตักหรือใช้กาหยอดแป้งขนมครก ลงในเบ้าปริมาณ 3/4 นำกระบวยกดให้ล้นขึ้นมาด้านข้าง ประมาณ 1 เซนติเมตร ปิดฝาทิ้งไว้ราว 2-3 นาที
  4. หยอดหางกะทิ ตามด้วยหัวกะทิ ประมาณ 1 ช้อนชา ต่อ 1 เบ้า โรยหน้าตามใจชอบ ปิดฝาทิ้งไว้ รอจนขอบแป้งเหลือง ใช้ช้อนแซะขึ้นใส่ภาชนะ
วิธีทำหน้าไข่เค็ม นำไข่เค็มต้มสุก มาแกะเปลือกออก นำไปขูดให้เป็นเส้นฝอยๆ ใช้โรยหน้าขนมครก เพิ่มความอร่อยด้วยพริกชี้ฟ้าหั่นฝอย และผักชี (เฉพาะใบ)

วิธีทำหน้ากุ้ง ใช้กุ้งสด มะพร้าวทึนทึก ในปริมาณที่เท่ากัน สับให้ละเอียด นำไปรวน ใส่พริกไทย เกลือป่น ชิมให้ออกรสเค็มนิดๆ โรยบนหน้าขนมครก แต่งด้วยใบมะกรูดหั่นฝอย พริกเหลืองซอย ใบผักชีเด็ดเป็นใบๆ

Download : http://www.ziddu.com/download/13093786/bankanom010.pdf.html

อุปกรณ์สำหรับทำขนมครก
  1. เครื่องโม่แป้ง (ในกรณีทำแป้งสด)
  2. เบ้าขนมครก
  3. กาสำหรับหยอดแป้ง
  4. ลูกประคบ (ทำด้วยกากมะพร้าวห่อด้วยผ้าขาว)
  5. ช้อนสำหรับแคะขนมครก
เคล็ดลับความอร่อย
1. น้ำมันพืชที่ใช้เช็ดเบ้าขนมครก ควรเป็นน้ำมันมะพร้าว จะทำให้ขนมครกมีกลิ่นหอม ชวนให้น่ารับประทาน นอกจากนั้น ยังทำให้ผิวขนมครกมีสีสวย
2. ภาชนะใส่ขนมครก ไม่ควรใช้โฟม เนื่องจากมีสารเมลามีน ก่อให้เกิดมะเร็ง ควรเป็นจานกระดาษ หรือรองด้วยใบตอง หรือหากจำเป็นต้องเรียงซ้อนกัน ก็ควรมีใบตองวางทับไว้ด้วย เพื่อไม่ให้ขนมครกติดกัน
3. เบ้าขนมครก มีทั้งที่ผลิตจากเหล็ก และสเตนเลส ขึ้นอยู่กับเงินลงทุน ส่งผลด้านความสวยงาม แต่ไม่ส่งผลต่อรสชาติแต่อย่างใด


0058

ร้านจำหน่ายวัตถุดิบทำขนมครก
  1. ตลาดสดใกล้บ้าน/ห้างสรรพสินค้า
  2. ร้านแสงอรุณ ตั้งอยู่บริเวณหน้าตลาดจังหวัดนนทบุรี จำหน่ายวัตถุดิบทำขนมไทยทุกประเภท ภาชนะบรรจุ และอุปกรณ์จำเป็นทั้งหมดสำหรับทำขนม โทรศัพท์ (02) 525-0504
  3. ร้านตั้งจิบเซ้ง ที่อยู่ แขวงวังบูรพาภิรมย์ เขตพระนคร กรุงเทพฯ โทรศัพท์ (02) 222-1721, (02) 221-3809, (02) 221-2280, (02) 221-1693
ร้านขายกล่องบรรจุและเบ้าขนมครก
1. ร้านตั้งจิบเซ้ง ที่อยู่ แขวงวังบูรพาภิรมย์ เขตพระนคร กรุงเทพฯ โทรศัพท์ (02) 222-1721
2. ร้านขจรศักดิ์ เครื่องครัว ที่อยู่ แขวงวังบูรพาภิรมย์ เขตพระนคร กรุงเทพฯ โทรศัพท์ (02) 221-0572 โทรสาร (02) 221-7796
3. ห้างแม็คโคร ทุกสาขา
4. ร้านกิตติเครื่องครัว ที่อยู่ แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพฯ โทรศัพท์ (02) 271-0634
5. บริษัท วีรสุ รีเทล จำกัด สาขาถนนวิทยุ ที่อยู่ 83/7 ถนนวิทยุ ลุมพินี ปทุมวัน กรุงเทพฯ โทรศัพท์ (02) 254-8100-8 โทรสาร (02) 254-8109 เปิดทุกวันเวลา 09.00-19.00 น.
6. บริษัท วีรสุ จำกัด สาขาเยาวราช ที่อยู่ 436 ถนนเยาวราช เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ โทรศัพท์ (02) 226-5365-7, (02) 224-2240, (02) 224-2179 โทรสาร (02) 226-5364 เปิดทุกวัน เวลา 09.00-18.00 น. ยกเว้นวันอาทิตย์
7. บริษัท วีรสุ จำกัด สาขาลาดพร้าว ที่อยู่ 3456 /1 ถนนลาดพร้าว บางกะปิ กรุงเทพฯ โทรศัพท์ (02) 375-6284-7, (02) 734-1040-5 โทรสาร (02) 734-1049 เปิดทุกวัน เวลา 09.00-19.00 น.
8. บริษัท วีรสุ รีเทล จำกัด สาขาแจ้งวัฒนะ ที่อยู่ 104/19-21 ถนนแจ้งวัฒนะ ทุ่งสองห้อง หลักสี่ กรุงเทพฯ โทรศัพท์ (02) 982-4435-7 โทรสาร (02) 982-4439 เปิดทุกวัน เวลา 10.00-19.00 น.
9. วีรสุคอร์เนอร์ สาขาเสรีเซ็นเตอร์ ถนนศรีนครินทร์ โทรศัพท์ (02) 746-0171 เปิดวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา 11.00-21.00 น. วันเสาร์-วันอาทิตย์ เวลา 10.00-21.00 น.
10. วีรสุคอร์เนอร์ The Mall งามวงศ์วาน ชั้น 4 บริเวณแผนกเครื่องใช้ไฟฟ้า โทรศัพท์ (02) 550-0609 เปิดวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา 10.30-22.00 น. วันเสาร์-วันอาทิตย์ เวลา 10.00-22.00 น.
11. วีรสุคอร์เนอร์ ห้างอิเซตัน ชั้น 5 บริเวณหน้าซุปเปอร์มาร์เก็ต โทรศัพท์ (02) 255-9816 เปิดทุกวัน เวลา 10.00-21.00 น.
12. วีรสุคอร์เนอร์ The Mall บางกะปิ ชั้น 3 บริเวณแผนกเครื่องใช้ไฟฟ้า โทรศัพท์ (02) 363-3076 เปิดวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา 10.30-22.00 น. วันเสาร์-วันอาทิตย์ เวลา 10.00-22.00 น.
13. วีรสุคอร์เนอร์ The Mall ท่าพระ ชั้น 4 บริเวณแผนกเครื่องใช้ไฟฟ้า โทรศัพท์ (02) 477-7200 เปิดวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา 10.30-22.00 น. วันเสาร์-วันอาทิตย์ เวลา 10.00-22.00 น.
14. ห้างแม็คโคร
15. ร้านดี-เบสท์ โกรเซอรี่ จำกัด เลขที่ 148/6-7 หมู่ 2 ตำบลปากเกร็ด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี โทรศัพท์ (02) 960-6924-5 โทรสาร (02) 960-6934
16. ร้านกล้วยน้ำไทการช่าง 1 ที่อยู่ แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ โทรศัพท์ (02) 617-6310-2 โทรสาร (02) 617-7785
17. ร้านกล้วยน้ำไทการช่าง 1 ร้านสาขาคลองเตย กรุงเทพฯ โทรศัพท์ (02) 381-7956
18. ร้านกล้วยน้ำไทการช่าง สาขาพระโขนง กรุงเทพฯ โทรศัพท์ (02) 249-4732-35 โทรสาร (02) 249-5620
19. บริษัท ดี เค เบเกอรี่มาร์ทเทรดดิ้ง จำกัด ที่อยู่ แขวงบางพลัด เขตบางพลัด กรุงเทพฯ โทรศัพท์ (02) 881-0619-21 โทรสาร (02) 881-0622
20. ร้านกล้วยน้ำไทการช่าง 2 กรุงเทพฯ โทรศัพท์ 02) 391-2093
21. บริษัท คิงส์แมชชีนส์กล้วยน้ำไทการช่าง จำกัด ที่อยู่ แขวงพระโขนง เขตคลองเตย กรุงเทพฯ โทรศัพท์ (02) 249-4732, (02) 249-5235, (02) 249-5620, (02) 671-6844-5 โทรสาร (02) 672-8700
22. บริษัท จักรวาล เซ็นเตอร์ จำกัด ที่อยู่ ตำบลตลาดขวัญ อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี โทรศัพท์ (02) 526-8115, (02) 968-3041-8 โทรสาร (02) 526-7918, (02) 968-4989
23. ร้านจิรวัฒน์ อุปกรณ์เบเกอรี่ ที่อยู่ แขวงบางแค เขตบางแค กรุงเทพฯ โทรศัพท์ (02) 455-9453, (02) 801-0204
24.บริษัท ไทยวาชิโนอิเล็คตริค จำกัด 4264 หมู่ 11 ซอยแบริ่ง ถนนสุขุมวิท 107 อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ โทรศัพท์ (02) 758-4819 (084) 071-4748

Read More...


สุดยอด 99 ทำเลค้าขาย(ตลาดนัด-ตลาดเปิดท้าย) ในกทม.เท่านั้นนะคะ


สุดยอด 99 ทำเลค้าขาย(ตลาดนัด-ตลาดเปิดท้าย)  ในกทม.เท่านั้นนะคะ
เอามาฝากสำหรับผู้ที่ต้องการเช่าพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดท้ายขายของ, ตลาดนัด, ตลาดเปิดท้าย, แบกะดิน, เช่าบูธ, ออกร้าน และอื่นๆ  

พร้อมเบอร์โทรศัพท์ติดต่อสอบถาม เช่าพื้นที่กันได้เลยจ้า…บางคนบอกว่า “อยากหาที่ขายของค่ะ ไปติดต่อที่ไหน คนจัดก็บอกว่าล็อคเต็ม จนท้อแล้วค่ะ” อย่าเพิ่งท้อนะคะ เอาใจช่วยทุกๆคนค่ะ พยายามเลือกพื้นที่ หรือ ทำเลที่เราสามารถไปได้ แล้วโทรติดต่อเลยค่ะ อย่ารอช้า บางคนคิดอยู่นาน ไม่ลงมือทำสักที แล้วหนูจะช่วยพี่ๆได้อย่างไร จริงมั้ยค่ะ อิ อิ


  1. หลังสวน ซ.1 คุณพิสิทธิ์ โทร 0899960320, 0816434969
  2. หลังสวน ซ.5 คุณเปิ้ล โทร 0819341288
  3. สาทร (ข้างอาคารไอทย ซี ซี) คุณส้ม โทร 0814272927
  4. สาทร (ตึก วาย เอ็ม ซี เอ) คุณจิ๋ม โทร 0816276497
  5. อาหารสินสาทร (ฝั่งธนฯ) คุณฝน โทร 0818201970
  6. สาทร ซ.3 สวนพลู ติดต่อที่ร้านได้ทุกวัน ณ สถานที่
  7. สีลม ซอย 10 ITF คุณประเทือง โทร 0816941536
  8. สีลม ซอย 108 พันเก้า คุณจุ้ย โทร 0818998016
  9. สีลม ซอยพิพัฒน์ คุณสิทธานต์ โทร 0818055688, 022331861
  10. อาคารวรวัฒน์ คุณป้อ โทร 0816542718
  11. United Center สีลม ฝ่ายอาคาร โทร 022311100 ต่อ 405
  12. อาคารไทยศรีซุริค คุณป้อ โทร 0816542720
  13. ซอยศาลาแดง คุณเอียด โทร 0894144735 , 0866160197
  14. ซอยศาลาแดง เยื้องแอนคาเฟ่ คุณหญิง โทร 0813250073 , 0891050773
  15. สีลม หน้าอาคารศรีวรวัฒน์ คุณอวยพร โทร 026352195-8
  16. สีลมคอมเพล็กซ์ คุณเพ็ญ โทร 026321199 ต่อ 136
  17. ตึก ซ๊ พี (C.P.) สีลม ฝ่ายอาคาร โทร 026382181
  18. สุรวงศ์ (อาคารไทยสงวน) คุณป้อ โทร 0816542719
  19. เพลินจิตร (ตรงข้ามเซ็นทรัล) คุณณี ติดต่อ 10.00 น. วันจันทร์ 9.30 น.
  20. เพลินจิตร (ข้าง ธ.กรุงศรีอยุธยา) เจ๊วารี ติดต่อ ณ สถานที่
  21. เพชรบุรี (ข้างตึกแกรนด์) คุณลพ โทร 0816828075
  22. เพชรบุรี (ตรงข้ามโมนาลิซ่า) คุณสุชาติ โทร 0816972725
  23. เพชรบุรี (ตึกอิตาเลี่ยนไทย) คุณเปิ้ล คุณภาสพงษ์ โทร 0819347701 0813150450 ขายวันที่ 31 1 2
  24. อาคารชาญอิสระ ถ.เพชรบุรี คุณสุชาดา โทร 023082020
  25. อาคารวานิช ถ.เพชรบุรี ต่อต่อก่อน 10.00 น. ได้ทุกวัน ติดต่อ ณ สถานที่
  26. เพชรอโศก ข้าง (GMM) คุณมล โทร 0816903619
  27. อาคารเสริมมิตร ถ.อโศก ติดต่อ ณ สถานที่ โทร 02xxxxxxx ต่อ 1000
  28. ตึก Q House (ถ.อโศก) ติดต่อ ณ สถานที่ โทร 022642247, 022642245
  29. ซ.ครูฉวี ติดต่อ ณ สถานที่ โทร 022944970
  30. คลองตัน (UM Tower) คุณอ้อย โทร 027198251
  31. ตึก DTAC คุณผึ้ง โทร 0816219819 ต้องทำหนังสือขอพื้นที่ชาย
  32. ซ.สุขุมวิท 16 (ปลาวาฬ) คุณสมาน โทร 022588968
  33. ซ.สุขุมวิท 1 (นานา) คุณประกิต โทร 022542163
  34. ตึกมิชลิน คุณพัชร โทร 026150202 ต่อ 52
  35. เบอร์รี่ยุกเกอร์ คุณแซค โทร 0898880022
  36. ซ.อารีย์ คุณหนิง โทร 0814988610
  37. อาคาร SSP (เอกมัย) ติดต่อ ณ สถานที่
  38. ซ.รามคำแหง 26/1 คุณโสภา โทร 023741200
  39. อาคาร U COM (ถ.วิภาวดีรังสิต) ติดต่อ ณ สถานที่
  40. บางนาทาวเวอร์ (ก.ม.7) ถ.บางนา คุณสมชาติ โทร 0812117978
  41. บางนา (นสพ.เนชั่น) ถ.บางนา คุณณัฐ โทร 0816251818
  42. กองสลากเอกมัย ติดต่อ ณ สถานที่ ขายฟรี จันทร์-ศุกร์
  43. แจ้งวัฒนะ ช.5 ติดต่อ ณ สถานที่
  44. นสพ.ไทยรัฐ คุณสุวรรณี โทร 022751630 ต่อ 1171
  45. อาคารทิปโก้ (สี่แยกประดิพัทธ์) ติดต่อ ณ สถานที่
  46. รัชดา (เมืองไทยคอมเพล็กซ์) คุณแพรว โทร 0816236820
  47. รัชดา (เมืองไทยคอมเพล็กซ์) คุณจอย โทร 0819046553, 0816386589
  48. รัชดา (เมืองไทยคอมเพล็กซ์) คุณหน่อย โทร 022779826
  49. อสมท. คุณพร โทร 0895357945
  50. ตึก อาร์ เอส รัชดา คุณหญิง โทร 0813250773
  51. อาคารชำนาญเพ็ญชาติ คุณนุ โทร 0895140556 , 0814205806
  52. อาคารชำนาญเพ็ญชาติ คุณส้ม โทร 0814205806
  53. อาคารชินวัตร 3 (ถ.วิภาวดีรังสิต) ติดต่อ ณ สถานที่
  54. อาคาร ซัน ทาวเวอร์ (ถ.วิภาวดีรังสิต) คุณปุ๋ย ติดต่อ ณ สถานที่
  55. แจ้งวัฒนะ (ข้างกระทรวงยุติธรรม) คุณอ้อย โทร 0818896921
  56. อาคารจัสมิน คุณเจี๊ยบ คุณเปิ้ล โทร 0818228446 , 0818150450
  57. กสท. (ถ.แจ้งวัฒนะ) คุณวนิดา โทร 0818550226, 025063612
  58. ตึกว่องวานิช (ถ.พระราม9) คุณน้อง โทร 0818299161
  59. ตึก KPN (ถ.พระราม 9) คุณฝน โทร 0818201970
  60. ทสท. (ถ.แจ้งวัฒนะ) คุณวันทนา โทร 025051056, 025053306-7
  61. ธนาคาร ธกส. นางเลิ้ง ติดต่อ ณ สถานที่ ทุกวันพุธ
  62. เมืองทองธานี (ต้นประดู่) ติดต่อ ณ สถานที่ 025035033 ต่อ 0017, 6021
  63. ธ.ออมสิน คุณเฉลียง โทร 0892325017 วันพฤหัส 80 บาท
  64. อาคารล๊อคซ์เลย์ (คลองเตย) คุณอ๊อด โทร 081987 0797
  65. สโมสรการบินไทย คุณจันทร์เพ็ญ โทร 025452536 เดือนละ 4วัน ตี4-6โมงเช้า
  66. การบินไทย คุณไพบูลย์ โทร 025452535
  67. สโมสรการท่า (ดอนเมือง) ติดต่อ ณ สถานที่ โทร 025353998 025351205 จันทร์ พุธ ศุกร์
  68. กรมชล ไฟฟ้า ติดต่อ ณ สถานที่ 0869792380
  69. กรมศุลกากร คุณวันชัย โทร 026677131
  70. การประปานครหลวง (ถ.ประชาชื่น) คุณมนตรี โทร 025040123 ต่อ 870 0816109313 วันที่ 16,28 ของเดือน
  71. สหภาพ ติดต่อ ณ สถานที่ โทร 025039935
  72. การไฟฟ้า (สนง.ใหญ่เพลินจิตร) คุณกรรณิกา โทร 022205816-7 เวลา 11.00-13.00น. 500บาท/วัน
  73. การไฟฟ้า (สนง.ใหญ่เพลินจิตร) คุณณรงค์ โทร 024360000 024363646 เวลา 8.00-16.00น. 500บาท/วัน

  74. กรมที่ดิน (หนองจอก) คุณจุรี โทร 025432274
  75. กรมศุลกากร (คลองเตย) คุณนิตยา คุณราตรี โทร 0813854774(ห้องอาหาร) 0896771357(ห้องสโมสร)
  76. ปตท. วิภาวดีรังสิต คุณธร คุณเป้า คุณยาย คุณตุ่ม โทร 0873056258 0865704350 0817560485 0894439775
  77. หลังกทม. (เสาชิงช้า) คุณชลอ โทร 0816178609 028680071
  78. การไฟฟ้า (ถ.งามวงศ์วาน) คุณอนุวัฒน์ คุณสุชิน โทร 025890100-2 ต่อ 5369 5325
  79. โรงงายาสูบ (พระราม4) คุณตุ่ม โทร 0818062998
  80. บ.คอสโม กรุ๊ป คุณรัชนี โทร 023112131 023310073 (ทำหนังสือขออนุญาติก่อน)
  81. ธ.ไทยพาณิชย์ สนง.ใหญ่ คุณภาสพงษ์ โทร 0819347701
  82. อาคารพญาไท พลาซ่า คุณอรุณี คุณป้อ โทร 0815642718
  83. Bank of China ติดต่อ ณ สถานที่ โทร 0898856071
  84. อาคารศรีภิญโญ (ข้าง รพ.เดชา) ติดต่อ ณ สถานที่ โทร 0815642718
  85. ตลาดนัดสัญจร (ตึก BB) ม.ประสานมิตร โทร 0816347645
  86. อาคารพหลโยธินเพลส คุณบุญเสริม โทร 0813505180
  87. อาคารศุลกากร (คลองเตย) คุณนิตยา โทร 0816493872
  88. อาคาร sv (ถ.พระราม3) คุณนิตยา โทร 0816493873
  89. อาคารศรีจุลทรัพย์  คุณนิตยา โทร 0816493874
  90. อาคารมโนรม (ถ.พระราม4) คุณตุ่ม โทร 0818062998
  91. ฮ่องกงพลาซ่า (ถ.นราธิวาส) คุณนิตยา คุณประเสริฐ โทร 0816493975 0898856071
  92. อาคาร CDG (ถ.นางเลิ้ง) คุณเล็ก โทร 026780020 ต่อ 2973
  93. สมาคมผู้สื่อข่าว (ถ.สามเสน) คุณเปิ้ล โทร 0813150450
  94. โรงพยาบาลพระมงกุฏ เจ๊เล็ก โทร 0813272840 0896651606
  95. รพ.จุฬา (อาคารสภากาชาดไทย) คุณต๋อย คุณเจริญรัตน์ โทร 022564290 022564427-9
  96. อาคารฐานเศรษฐกิจ ฝ่ายอาคาร 025139898-9
  97. บิ๊กซี (ลาดพร้าว) ติดต่อ ณ สถานที่ จับสลากวันอาทิตย์บ่าย
  98. ยูเนี่ยนมอลล์ (ลาดพร้าว) ติดต่อ ณ สถานที่ จับสลากวันอาทิตย์บ่าย
  99. ตลาดปัฐวิกรณ์ (นวมินทร์) ติดต่อ ณ สถานที่ เข้าแถวซื้อล๊อกทุกวันช่วงบ่าย
ผู้ประกอบการ SMEs และแฟรนไชส์ หลายท่านมีสินค้ามากมาย ต้องการลงตลาดนัด หรือ กระจายสินค้าออกไปในวงกว้าง แต่ยังไม่รู้ว่าจะเริ่มติดต่ออย่างไร? มีตลาดนัดที่ไหนทำเลดีๆบ้าง? ข้อมูลในหน้านี้ ก็ถือว่าเป็นฐานข้อมูล ทำเลค้าขายให้ท่านบางส่วนนะคะ ช่วยๆกันจ้า

สินค้าของท่านยังมีโอกาสขายได้อีกเยอะ หากเรามีข้อมูล และรู้ช่องทางในการทำการตลาด ทาง ThaiSMEfranchise ขอเป็นกำลังใจ และเอาใจช่วยพ่อค้าแม่ขายทุกท่านนะคะ ทุกอย่างถ้าเราทำอย่างตั้งใจ รับรองขายดีเป็นเทน้ำเทท่าแน่ๆค่ะ

หากเน้นเป็นพื้นที่ให้เช่า หรือ ต้องการเปิดร้าน เช่าสถานที่ แนะนำเว็บนี้ค่ะ


รวมพื้นที่ให้เช่าเต็มๆเลยจ้า แบ่งตามเขต ตามโซน ค้นหาง่ายดีค่ะ




Read More...


หลอดไฟไล่ยุง “ชิว ชิว” เส้นทางปั้นเถ้าแก่

หลอดไฟไล่ยุง 3 ขนาด หลอดสั้น ยาว และตะเกียบ
ปัจจุบันการทำการค้าของผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็ก หรือ เอสเอ็มอีคนไทย มีหลายสิ่งหลายอย่างที่เปลี่ยนแปลงไปมาก ซึ่งมีทั้งโอกาส และเสียโอกาสไปพร้อมๆ กัน อยู่ที่ว่าจะรู้จักปรับตัวและหาโอกาสในช่องว่างที่มีอยู่ไม่มากนี้อย่างไร

  นายอริย์รัช โรจน์นิรันดร์ เจ้าของ บ.ชิวชิว จก. นายอริย์ธัช โรจน์นิรันดร์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชิว ชิว จำกัด หนึ่งในตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์นำเข้าจากต่างประเทศ เล่าว่า สำหรับ บริษัท ชิว ชิว จำกัด ได้ก่อตั้งมาได้ประมาณ 3 ปี ซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าจากหลายประเทศ โดยเลือกสินค้าอุปโภค บริโภคที่มีความแปลกใหม่ เพราะเป็นสิ่งที่ตรงกับความต้องการของผู้บริโภค อาทิ เช่น หลอดไฟไล่ยุง น้ำมันมะรุม ชุดบาร์ซิลิโคนแทนการเสริมทรวงอกด้วยการผ่าตัด เป็นต้น ช่องทางการจัดจำหน่าย มาจากการบอกกันแบบปากต่อปาก หรือ การขายผ่าน เซเว่นแคตตาล็อค รวมถึงการออกงานแสดงสินค้า ขายผ่านเว็บไซต์ และเนื่องจากสินค้าของเราเป็นสินค้าที่แปลกใหม่ หรืออยู่ในกระแสความนิยม จึงค่อนข้างจะได้รับความสนใจจากลูกค้าค่อนข้างมาก ข้อดีของการเป็นตัวแทนจำหน่ายสามารถทำตลาดแบบไม่ต้องลงทุนมาก และเป็นบริษัทเล็ก สามารถที่จะเลือกสินค้ามาขายได้หลากหลาย อันไหนไม่ประสบความสำเร็จเราก็ไม่ทำต่อ ไปหาของใหม่เข้ามาขายได้ตลอด โดยไม่ต้องสต็อกสินค้าจำนวนมาก   ไฟหลอดให้แสงสีเหลืองนวน ที่สำคัญปัจจุบันสินค้าจากต่างประเทศ โดยเฉพาะจีนมีสินค้าใหม่ออกมาอย่างต่อเนื่อง และราคาค่อนข้างถูก บางครั้งราคาถูกกว่าสินค้าที่เราผลิตเองเสียอีก ทำให้เราได้ผลตอบแทนจากกำไรต่อหน่วยในระดับที่พึงพอใจ ประมาณ 30-50% จุดเริ่มต้นของการมาเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าจากต่างประเทศ มาจากการที่ผมต้องการทำการค้า เริ่มมองหาสินค้า โดยการไปเดินงานแสดงสินค้าในต่างประเทศ และพบเห็นสินค้าที่น่าสนใจ และตรงกับความต้องการของตลาดเมืองไทย เมื่อมีการ ตกลงราคากันแล้ว ถ้าพอใจก็ทำการค้าร่วมกัน ไม่จำเป็นต้องมีข้อผูกมัดมากนัก เป็นสิ่งดีสำหรับบริษัทเล็กอย่างเราในการปรับตัว สำหรับ หลอดไฟไล่ยุง สินค้านวัตกรรมจากประเทศจีน ที่ผลิตออกมาเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่อยู่ในเขตร้อนชื้น ที่ต้องเจอปัญหาเรื่องของยุงและแมลงรบกวนต่างๆ ที่นอกจากสร้างความรำคาญ และยังเป็นอันตรายต่อสุขภาพ และจุดเริ่มต้นของหลอดไฟไล่ยุง มาจากเดิมเราทำมูลนิธิเพื่อสุนัขจรจัด และสุนัขที่เรารับมาดูแล เจอปัญหาเรื่องของยุงที่มากัด เป็นที่มาของ โรคพยาธิหัวใจที่พบได้มากในสุนัขทั่วไป และเมื่อซื้อมาใช้ปรากฎว่าไล่ยุงได้จริง จึงตัดสินใจหันมาเป็นตัวแทนจำหน่าย หลังจากนั้น เริ่มทำตลาดแบบให้ลูกค้าได้ทดลองนำไปใช้ และบอกกันแบบปากต่อปาก ปรากฎว่าผลตอบรับออกมาดีมาก จึงคิดว่าน่าจะทำตลาดอย่างจริงจัง โดยเริ่มมองหาตัวแทนจำหน่ายในต่างจังหวัดที่ต้องการรับสินค้าของเราไปจำหน่าย คุณสมบัติของตัวแทนจำหน่ายไม่จำเป็นต้องมีหน้าร้าน เพียงแค่สนใจ มาสั่งสินค้าจากเราขั้นต่ำ 50 หลอด ก็เป็นตัวแทนจำหน่ายได้แล้ว การันตีว่าถ้าทำอย่างจริงจังรายได้ต่อเดือนไม่น่าต่ำกว่า 10,000 บาทขึ้นไป และสามารถทำเป็นรายได้เสริมในช่วงวิกฤตเช่นนี้ได้ ปัจจุบันมีผู้สนใจทำหลอดไฟไล่ยุง กันออกมาหลายแบรนด์ แต่ส่วนใหญ่จะนำเข้ามาจากที่เดียวกัน แต่มาทำตรายี่ห้อของตัวเอง ช่องทางการขายส่วนใหญ่จะเห็นในอินเตอร์เน็ต และการออกงานแสดงสินค้า ราคาในปัจจุบันก็จะแตกต่างกัน ซึ่งตรงจุดนี้เองน่าจะเป็นข้อได้เปรียบของเราเพราะพยายามจะตั้งราคาที่ไม่สูง และต่ำกว่าที่มีอยู่ในท้องตลาด และจุดขายของเราอีกอย่างคือเราเป็นบริษัทมีตัวแทน ลูกค้าเชื่อใจได้ว่าได้ของแท้ เพราะปัจจุบันสินค้าในอินเตอร์เน็ตมีของปลอมออกมาขายจำนวนมาก โดยราคาของเราอยู่ที่ 350 บาท สำหรับหลอดตะเกียบ และหลอด สั้น และ 370 บาท สำหรับหลอดยาว อายุการใช้งานประมาณ 3,000 ชั่วโมง สามารถไล่ยุงได้ในระยะ 12 เมตรถึง 15 เมตร สินค้าได้ผ่านการทดสอบและมีใบรับประกันจากเจ้าของลิขสิทธิ์สินค้าในประเทศสหรัฐอเมริกาว่าไม่เป็นอันตรายต่อผู้ใช้ การทำงานของหลอดไฟจะให้ลำแสงสเปคตรัมสีเหลือง ที่รบกวนสายตาของยุงหรือแมลงจะไม่ชอบ และก็จะบินหนีไปในที่สุด ต่างจากโคมไฟกันยุง สีฟ้า สีม่วง ซึ่งจะล่อยุงให้วิ่งเข้าไป ยุงก็จะโดนไฟช็อต และตายไปในที่สุด ส่วนลำแสงของหลอดไล่ยุงจะเป็นแสงสีเหลือง นอกจากไล่ยุงแล้ว ได้มีการทดสอบว่าเมื่อใช้หลอดไฟนี้ประมาณ 7 วัน แมลงสาบที่เคยอยู่ในบ้าน ก็หายไปด้วย กลุ่มลูกค้าที่ผ่านมาจะมาจากในต่างจังหวัด ในฟาร์มเพาะเลี้ยงสัตว์ เช่น ฟาร์มไก่ โค ควาย หรือ ติดให้กับสัตว์เลี้ยงอย่างสุนัข ที่เลี้ยงอยู่นอกบ้าน ซึ่งคนเลี้ยงสุนัขและรักสุนัขเพิ่มขึ้น ทำให้เราได้ลูกค้าในกลุ่มนี้ค่อนข้างมาก ที่ผ่านมาส่วนใหญ่ลูกค้าจะทดลองซื้อไปใช้ก่อนจะกลับมาซื้อใหม่ เมื่อใช้ได้ผล ลูกค้าอีกกลุ่มหนึ่งที่ให้ความสนใจเป็นพิเศษ คือ กลุ่มผู้ปฏิบัติธรรม หรือ พระสงฆ์ ที่ต้องนั่งปฏิบัติธรรมในตอนกลางคืน จำเป็นต้องใช้ โดยมากลูกค้าซื้อไปถวายพระในช่วงเทศกาลเข้าพรรษา นายอริย์รัช กล่าวในตอนสุดท้ายว่า การทำธุรกิจไม่ว่าจะเป็นผู้ผลิต หรือ เป็นตัวแทนจำหน่ายประสบความสำเร็จได้เหมือนกัน ถ้าเราเข้าใจความต้องการของลูกค้า และเลือกขายแต่สินค้าที่มีคุณภาพเท่านั้น
สิ่งหนึ่งที่พบได้และดูเหมือนจะเพิ่มขึ้นเรื่อย คือ การที่ผู้ผลิตหันมาเป็นผู้ค้าเอง หลังจากที่สินค้าจากประเทศจีน เริ่มทะลักเข้ามาเป็นจำนวนมาก เพราะแทนที่จะผลิตแข่ง หันมานำเข้าและเป็นผู้ขายเพียงอย่างเดียว เพราะได้ต้นทุนที่ต่ำกว่าการผลิตเอง

Read More...


ขายอาหารตามสั่ง

              

เงินลงทุน
ประมาณ 20,000 บาทขึ้นไป (ขึ้นอยู่กับขนาดของร้าน) ไม่รวมค่าเช่าร้าน (เตาแก๊สพร้อมถัง 2,000 บาท ตู้กระจก 2,500 บาท โต๊ะวางตู้กระจก 500 บาท โต๊ะ-เก้าอี้ 6 ชุด ประมาณ 3,600 บาท)


เงินลงทุนต่อวัน
ประมาณ 700 - 4,000 บาท (ขึ้นอยู่กับปริมาณของที่ชื้อ)

รายได้
วันละประมาณ 2,000 บาทขึ้นไป

วัสดุ/อุปกรณ์
เตาแก๊สพร้อมถัง โต๊ะ-เก้าอี้ ตู้กระจก โต๊ะวางตู้กระจก หม้อ กระทะ มีด
เขียง ตะหลิว ทัพพี จาน ชาม ถ้วย ช้อนส้อม แก้วน้ำ

แหล่งจำหน่ายวัสดุอุปกรณ์
ตลาด ร้านค้าทั่วไป

วิธีดำเนินการ
หาสถานที่ตั้งร้าน อาจเป็นบ้านของตนเอง (ถ้ามีทำเลที่เหมาะสม อยู่ในแหล่งชุมชน หรือในหมู่บ้านจัดสรร) หรือหาสถานที่สำหรับเช่าทำร้าน เช่น ใกล้สถานที่ราชการ/สำนักงาน มหาวิทยาลัย โรงเรียน ตลาด เป็นต้น ซึ่งขึ้นอยู่กับเงินลงทุนว่ามากน้อยเพียงใด แล้วจึงจัดซื้ออุปกรณ์ต่างๆ ดังกล่าวข้างต้น จัดร้านให้ดูสะอาด งามตา น่านั่ง ตั้งโต๊ะ-เก้าอี้ ให้พร้อม มีอุปกรณ์ใส่เครื่องปรุงรส (น้ำส้ม น้ำปลา น้ำตาลทราย พริกป่น) วางบนโต๊ะ จากนั้นเตรียมของสดและเครื่องปรุงตามรายการอาหารที่มีอยู่ในเมนูไว้ให้พร้อม ซึ่งโดยทั่วไป ได้แก่ น้ำมันพืช น้ำมันหอย น้ำปลา ซีอิ๊วขาว ซีอิ๊วดำ น้ำซอส(ถั่วเหลือง) น้ำตาลทราย เกลือป่น พริกไทยป่น ไข่ไก่ กระเทียม หอมแดง


ประเภทผัก
ได้แก่ ผักคะน้า ผักกาดขาว กะหล่ำปลี ข้าวโพดอ่อน แครอท มะเขือเทศ ผักชี ต้นหอม กระเพรา หอมหัวใหญ่ มะนาว มะกรูด ใบโหระพา พริกขี้หนู พริกชี้ฟ้า


ประเภทเนื้อสัตว์
ได้แก่ ไก่ หมู กุ้ง ปลาหมึก เนื้อวัว ปลา ผู้ที่จะขายอาหารตามสั่ง ต้องมีความชำนาญในการทำอาหาร สามารถทำได้หลายอย่าง ทำได้อร่อยรสชาติ ถูกปากลูกค้าและทำได้ รวดเร็วคล่องแคล่วกะส่วนผสมได้แม่นยำ และเหมาะสมกับภาชนะที่ใส่ไม่มากหรือน้อยเกินไปและที่สำคัญต้องสะอาด ถูกหลักอนามัย น่ารับประทาน ดังนั้น จึงควรฝึกฝนให้มีความชำนาญในการประกอบอาหารชนิดต่างๆ โดยอาจเข้ารับการฝึกอบรมจากสถานที่ฝึกอบรมต่างๆที่เปิดสอนทดลองทำโดยดูจากตำราอาหาร หรือเริ่มต้นจากการเป็นลูกมือของผู้ที่ชำนาญในการประกอบอาหารมาก่อนและเมื่อมีความชำนาญแล้ว อาจดัดแปลงสูตรอาหารต่างๆ ให้มีรสอร่อยเพิ่มขึ้นได้เอง

สถานที่ฝึกอบรม
1. สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตพระนครใต้ โทร. 211-2052, 211-2056
2. สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตโชติเวช โทร. 281-0545, 282-8531-3
3. สำนักส่งเสริมและฝึกอบรม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โทร. 942-8460 ต่อ 219-222, 942-8200-45 ต่อ 1336-1339
4. โรงเรียนฝึกอาชีพ กรุงเทพมหานคร โทร. 643-7177-8, 613-7191
5. วิทยาลัยอาชีพทุกจังหวัด

ข้อแนะนำ
1. ผักและเนื้อสัตว์ต่าง ๆ ต้องสด ใหม่ และสะอาด
2. รสชาติของอาหารต้องคงเส้นคงวา เป็นที่ถูกปากลูกค้า
3. ควรมีน้ำแข็งเปล่า น้ำโพลาลิส และน้ำอัดลมไว้บริการลูกค้าตามต้องการ


   
อ้างอิง : http://www.doe.go.th/vg/career/career5/job5072.htm  
อ้างอิงภาพ : http://th.88dbmedia2.jobsdb.com/DB88UploadFiles/2008/03/13/264DCDF5-5485-4DA9-A8BB-BA743FBA7256.jpg

Read More...


วิธีต้มบะหมี่อย่างปลอดภัย ไม่ทำลายสุขภาพ

สำคัญมาก สำหรับสาวกบะหมี่สำเร็จรูป
credit : numning.info,jun_2
วิธีต้มบะหมี่อย่างปลอดภัย ไม่ทำลายสุขภาพ


Normally, how we cook the instant noodles is to put the noodles into a pot
with water, throw in the  powder and let it cook for 3 around  mins and then
ready to  eat.

ปกติเราจะใส่บะหมี่ในน้ำพร้อมเครื่องปรุงและต้มประมาณ 3 นาทีจนเดือด

This is the WRONG method of cooking the instant noodles.

ซึ่งเป็นวิธีที่ผิด

By doing this, when we  actually boil the ingredients in the powder,
normally with MSG, it will change the molecular structures of the MSG
causing it to be toxic.

การใส่เครื่องปรุงในน้ำและต้มจนเดือด จะทำให้ผงชูรสเปลี่ยนเป็นสารพิษ

The other thing that you may or may not realized is that, the noodles are
coated with wax

ดังนั้นเส้นบะหมี่สำเร็จรูปซึ่งเคลือบด้วย wax ผสมผงชูรส
ก็จะกลายสภาาพเป็นสารพิษเมื่อต้มในน้ำเดือด

and it will take around 4 to 5 days for the body  to excrete the wax after
you have taken the noodles.

ซึ่งร่ายกายต้องใช้เวลา 4 - 5 วันในการขับ wax
ผสมผงชูรสซึ่งกลายสภาพเป็นสารพิษนี้ออกจากร่างกาย

So the CORRECT method, which you may or may not know, is to cook the noodles
this way?

นี่คือวิธีต้มบะหมี่ที่ถูกต้อง
1. boil the noodles in a pot with water.

เทบะหมี่สำเร็จรูปในน้ำและต้มจนเดือด

2. once the noodles is cooked, take out the noodles, and throw away the
water which contains wax.

เมื่อบะหมี่สุกแล้ว เทน้ำที่ต้มบะหมี่ทิ้ง (เป็นการเท wax
ผสมผงชูรสซึ่งเป็นสารพิษทิ้งไป)

3. boil another pot of water till boiling and put the noodles into the hot
boiling water and then shut  the fire.

ต้มน้ำให้เดือดอีกครั้ง และใส่เส้นบะหมี่ที่ต้มไว้แล้วตามข้อ 2 และปิดไฟ
(ปิดเตาแก๊ส หรือเชื้อเพลิงอะไรก็แล้วแต่ที่ใช้ต้มน่ะ)

4. only at this stage when the fire is off, and while the water is very
hot, put the ingredient with the powder into the water, to make noodle soup.

** เมื่อปิดไฟ (เชื้อเพลิง ฯลฯ) เรียบร้อยแล้ว
จึงใส่เครื่องปรุงขณะน้ำยังร้อน**
(ผงชูรสในเครื่องปรุงจะได้ไม่กลายเป็นสารพิษอีก)

5. however, if you need dry noodles, take out the noodles n add

ถ้าเป็นบะหมี่ชนิดแห้ง เมื่อเทน้ำตามข้อ 2 ทิ้งแล้ว

The ingredient with the powder and toss it to get dry noodles.

จึงใส่เครื่องปรุงผสมให้เข้ากัน ก่อนรับประทาน

Hope this piece of information is of importance to your health in relation
to eating instant noodles and please apply this cooking method with
immediate effect.

โปรดเปลี่ยนวิธีต้มบะหมี่สำเร็จรูปแบบเดิมๆ ของคุณโดยด่วน
และใช้วิธีที่ถูกต้องนี้โดยเร็วที่สุด

เพื่อสุขภาพของคุณเอง

Read More...


สูตรขนมโมจิญี่ปุ่น แต่วิธีทำแบบไทย ๆ

สูตรขนมโมจิญี่ปุ่น แต่วิธีทำแบบไทย ๆ


สูตรขนมโมจิญี่ปุ่น แต่วิธีทำแบบไทย ๆ

ส่วนผสมแป้งสูตรขนมโมจิญี่ปุ่น
(ดัดแปลงสัดส่วนเล็กน้อย หลังจากทำครั้งแรก)


1. แป้งสาลีอเนกประสงค์ (all purpose flour) 2 ถ้วยตวง (ร่อน 2 ครั้ง)
2. กะทิ 2 ถ้วยตวง
(หากใช้กะทิกระป๋อง เมื่อเทใส่ถ้วยตวงจะได้ประมาณ 1 + 3/4 ถ้วย
ให้เติมน้ำลงไปอีก 1/4 ถ้วย ก็จะได้ปริมาณกะทิ 2 ถ้วยตามต้องการ)
3. น้ำตาลทราย 2/3 ถ้วยตวง (1 ถ้วยตวง หากชอบหวาน)
4. สีผสมอาหาร สีแดง 2-3 หยด
5. แป้งมันคั่ว 1/2 – 3/4 ถ้วยตวง
(สำหรับไว้ทามือกันตัวแป้งและใส้ติดเวลาปั้น รวมทั้งเอาไว้โรยตัวพิมพ์และตัวขนมในขั้นตอนกรุพิมพ์ด้วย)


วิธีการคั่วแป้งมัน ใช้ไฟอ่อน คนตลอดเวลาประมาณ 4-5 นาที
ส่วนผสมไส้ถั่วแดง
1. ถั่วแดงต้มสุก 1 ถต. (หรือถ้าใช้แบบกระป๋องที่สุกแล้ว 1 กระป๋อง)
2. น้ำตาลทราย 1/2 ถต.
3. น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ
4. แป้งสาลี 1-2 ช้อนโต๊ะ (อันนี้เพิ่มเติมจากสูตรหลังจากทดลองทำครั้งแรกค่ะ)

เริ่มด้วยการทำไส้กันก่อนนะคะ

วิธีทำไส้
วันนี้ใช้ถั่วแดงกระป๋องเพราะสะดวกและประหยัดเวลาดีค่ะ เทน้ำทิ้งไป และล้างออกด้วยน้ำเปล่าหลาย ๆ ครั้ง แล้วเอามาบดให้ละเอียดใน Food Processor หรือ เครื่องปั่น หรือ โขลกให้ละเอียด ด้วยครกก็ได้ค่ะ ถ้าใช้ Food Processor หรือ เครื่องปั่น ให้ผสมน้ำลงไปประมาณ 1/4 ถ้วย เครื่องจะได้ทำงานบดได้ดีและ “ไม่พัง”เอาถั่วแดงบดแล้ว ใส่หม้อ (วันนี้ใช้หม้อสแตนเลส จะได้คนสนุกไม่ต้องกลัวขูดผิวหม้อเสีย ใครมีหม้อเคลือบก็ใช้หม้อเคลือบก็ได้ค่ะ หม้อทองเหลืองยิ่งดีใหญ่) ตั้งไฟ ใส่น้ำตาลทราย กวนให้น้ำตาลทรายละลาย กวนอยู่ตลอด ด้วยไฟอ่อนๆ แล้วใส่น้ำมันพืชและแป้งสาลีอย่างละ 1 ช้อนโต๊ะ ลงไป กวนให้เข้ากัน หากคิดว่าตัวใส้ยังเหลวมากอาจเพิ่มแป้งสาลีเข้าไปอีก 1 ช้อนโต๊ะ


กวนจนเหนียวได้ที่ เทออกใส่ถ้วย พักไว้ให้เย็น แล้วถั่วแดงกวนจะปั้นเป็นก้อนได้ ไม่ติดมือ (ใช้มือแตะแป้งมันที่เตรียมไว้ จะช่วยให้แป้งไม่ติดมือได้ค่ะ)

วิธีทำแป้ง
เอา น้ำตาลทรายและกะทิใส่หม้อตั้งไฟ คนไฟกลางให้น้ำตาลทรายละลาย ใส่สีที่ต้องการลงไป 2-3 หยด เติมกลิ่นวนิลา 1 ช้อนชา ใครชอบกลิ่นแบบไทย ๆ เช่นกลิ่นมะลิ ก็เติมประมาณ ซัก 1 หยด ลงไปนะคะ คนให้เข้ากัน และค่อย ๆ เทแป้งลงไป กวนด้วยไฟอ่อนๆ


กวนจนแป้งสุก ร่อน ไม่ติดหม้อ กวนให้ทั่วๆ ขั้นตอนนี้ใช้เวลาไม่นานหรอกค่ะ ประมาณ 2-3 นาทีเทออกใส่ถ้วย ทิ้งไว้ให้อุ่น พอปั้นได้

ในที่สุดก็ได้ส่วนผสมทั้งหมดที่จะใช้ประกอบขนม ก็มี ตัวใส้ถั่วแดง แป้งห่อใส้ และ แป้งมันคั่ว

สูตรขนมโมจิญี่ปุ่น แต่วิธีทำแบบไทย ๆ

วิธีประกอบตัวขนม
ตัก แป้งออกมา ประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ ปั้นให้เป็นก้อนกลม ๆ ตามสูตรข้างบนปั้นได้ 48 ก้อน ค่ะ (อย่านับจำนวนในถาดที่โชว์นะคะ เพราะมีจำนวนไม่ถึง)


สำหรับใส้ ใช้ถั่วแดงกวนประมาณเกือบ 1 ช้อนชาสำหรับการทำใส้ 1 ก้อน ปั้นจนได้ใส้ 48 ก้อน เท่ากับจำนวนแป้งที่ปั้นไว้ แล้วนำแป้งแผ่ออก ใส่ใส้หุ้มกลับ ปั้นให้เป็นทรงกลมเมือนเดิม

อัน นี้แล้วแต่นะคะ บางท่านอาจสะดวกโดยการปั้นแป้งแล้วสอดใส้ไปด้วย ทำให้เสร็จเป็นหนึ่งขั้นตอนไปเลย ขนาดของขนมก็สามารถกำหนดขนาดตามต้องการได้ หากใครมีพิมพ์ก็สามารถนำแป้งและใส้ที่ปั้นเข้ากันแล้วไปกดลงในพิมพ์ให้เป็น รูปที่ต้องการก็ได้ด้วยค่ะ หากไม่มีพิมพ์ ก็ปั้นเป็นทรงกลมก่อนแล้วกดให้แบน ทำเป็นรูปทรงกลมแบนเหมือนขนมญี่ปุ่นบางแบบ ก็สวยดีนะคะ

ก่อน กรุตัวขนมลงไปโรยด้วยแป้งมันก่อนนะคะ เวลาเคาะขนมออกจะได้ไม่ติดพิมพ์ ใช้สันมือด้านบนกดตัวขนมลงในพิมพ์จะได้เห็นลายพิมพ์ชัดเจน แต่กดเบา ๆ นะคะ ใช้มือแตะแป้งมันด้วยค่ะ ขั้นตอนนี้อาจดูเลอะเทอะหน่อย

แล้วเคาะขนมออกจากพิมพ์ เอาถาดใหญ่หน่อยมารองรับตามรูป ทำดังนี้จนหมดขนมที่มี เสร็จแล้วค่ะ เก็บไว้ในขวดโหล หาก คิดว่าจะสามารถรับประทานหมดภายใน 3-4 วันก็ไม่ต้องเอาเข้าตู้เย็น หากคิดว่าไม่สามารถ ก็เอาขวดโหลเข้าตู้เย็น จะเก็บได้นานเป็น 2 อาทิตย์เลยนะคะ ที่แนะนำให้เอาเข้าตู้เย็น เพราะขนมมีส่วนผสมของกะทิน่ะค่ะ อาจเสียง่ายหากเราเก็บไว้ข้างนอก เมื่อนำขนมเข้าตู้เย็นแล้ว เนื้อขนมอาจแข็งขึ้นนิดหน่อย เวลาจะรับประทานให้นำขนมออกมาทิ้งไว้ที่อุณหภูมิห้อง เนื้อขนมก็จะนิ่มหนึบและอร่อยเหมือนเดิมค่ะ

ลอง ทำนะคะ เห็นหน้าตาอย่างนี้ เข้ากับชาหรือกาแฟดีทีเดียว อร่อยสู้แบบที่ญี่ปุ่นทำขายแต่แพงได้ค่ะ เพื่อนซื้อของญี่ปุ่นมาให้ลอง ก็อร่อยดีค่ะ เพียงแต่ตัวขนมเขาจะหนึบกว่ามาก มีใส้นิดเดียว

credit : http://food-recipes.vzazaa.com/

Read More...


สูตรการทำเมล่อนปัง

สูตรการทำเมล่อนปัง

สูตรการทำเมล่อนปัง

ส่วนผสมเมล่อนปัง

ส่วนผสมส่วนที่1
1.ยีสต์แห้ง 1 ถุง
2.น้ำอุ่น 1/4 ถ้วย
3.น้ำตาล 1/4 ช้อนชา

ส่วนผสมส่วนที่2
1.แป้งอเนกประสงค์ 1  3/4 ถ้วย
2.เกลือ  1/2  ช้อนโต๊ะ
3.น้ำตาล 1 ชั้นโต๊ะ + 1 1/4 ช้อนชา
4.เนยเหลว 3 ช้อนโต๊ะ
5.น้ำ 7/8 ถ้วย

ส่วนผสมส่วนที่3
1.แป้ง 1  1/4  ถ้วย
2.ผงฟู 1 หยิบมือ
3.เนยละลาย  2/3  ถ้วย
4.น้ำตาล 10 ช้อนโต๊ะ
5.ไข่ไก่ 1 ฟอง
6.เปลือกมะนาวขูดฝอยครึ่งผล
7.กลิ่นเมล่อนเข้มข้น (ถ้าไม่มีใช้กลิ่นสับประรดแทนได้)

วิธีทำสูตรขนมเมล่อนปังจ้าาาาาาาาา
1. เทยีสต์แห้งลงในน้ำอุ่น เทน้ำตาลในส่วนผสมส่วนที่ 1 ลงไป เพาะเชื้อยีสต์ให้โตประมาณ 10 นาที
2. ผสมส่วนที่ 2 ทั้งหมดให้เข้ากัน แล้วเทใส่ในชามอ่างใหญ่ เทส่วนผสมในข้อ1 ลงในแป้ง แล้วคนให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียว
3. นวดส่วนผสมแป้งที่ได้ประมาณ 10 – 20 นาที (ใช้แผ่นไม้โรยแป้งเล็กน้อย เอาก้อนแป้งวางลงบนแผ่นไม้ แล้วใช้ไม้นวนคลึง)
4. ทาชามอ่างด้วยเนยบางๆให้ทั่วทั้งชาม แล้วเอาก้อนแป้งที่ได้ในข้อ3 ใส่กลับลงไปในชาม เอาผ้าหรือแผ่นพลาสติกปิดชามไว้ไม่ไห้อากาศเข้าได้ แล้วตั้งทิ้งไว้ในอุณหภูมิห้องประมาณ 2 ชั่วโมงแป้งจะขยายตัวเป็นสองเท่า
5. นำแป้งที่ได้ออกมานวดอีก 10 นาที เสร็จแล้วแบ่งแป้งที่ได้เป็นลูกกลมๆขนาดเท่าลูกปิงปอง แล้วเอาวางบนถาดอบที่รองด้วยกระดาษบไว้ ทิ้งไว้ 5 นาที
6. ผสมส่วนผสมในส่วนผสมที่ 3 ทั้งหมดให้เข้ากันในชามอีกใบเสร็จแล้วเอาส่วนผสมที่ได้คลึงเป็นแผ่นหนา ประมาณ 2-3 มม. แล้วนำไปห่อลูกแป้งในข้อ 5 ให้มิด วางลูกแป้งที่ห่อแล้วกลับบนถาดอบ
7. โรยน้ำตาลบนลูกแป้งได้ถ้าชอบ เสร็จแล้วนำเข้าเตาอบ ไฟเเรง 375 อาศา F ประมาณ 12-15 นาที หรือเมื่อขอบของขนมปังเริ่มเป็นสีน้ำตาลเป็นอันเสร็จ


* การรับประทานจะรับประทานแบบร้อนๆ เนื้อนุ่มให้ควันฉุย หรือเอาเข้าตู้เย็นให้เเข็งกรอบ จะอร่อยกันคนละแบบ

credit : http://food-recipes.vzazaa.com/

Read More...


ครีมสด (นามะ ครีม )

ครีมสด  (นามะ ครีม )

ครีมสด (นามะ ครีม )
ส่วนประกอบ ….. จะได้ปริมาณค่อนข้างมาก .. ถ้าใช้น้อยก็ให้ลดลงตามสัดส่วน..
- ครีมสด …….. 1000 cc
- น้ำตาลทราย (อย่างละเอียด) ….. 100 g


วิธีทำ
- ครีมสดต้องแช่เย็นก่อนแล้วจึงนำมาตีทันทีขณะที่ยังเย็นๆอยู่
- เทครีมสด ใส่ชามอ่างผสมกับน้ำตาลทรายเข้าด้วยกัน
– ตีครีมสดไปในทางเดียวกันให้อากาศเข้า ขณะที่ครีมสด ยังเย็นๆอยู่ โดยเอาอ่างอีกใบหนึ่ง ใส่น้ำกับน้ำแข็ง ..มารองก้น อ่างครีมสดอีกที เพื่อรักษาระดับความเย็นของเนื้อครีมเอาไว้
- เมื่อตีครีมไปได้ 6 นาที ครีมจะเริ่มเซ็ตตัว เวลายกตระกร้อตีครีมขึ้นมาครีมจะไหลเป็นทางหนืดต่อเนื่องเส้นเล็กๆ ..จากนี้ไปครีมจะเริ่มฟูขึ้นเรื่อยๆให้ตีต่อไป… (สำหรับผู้ที่ใช้เครื่องตีครีมไฟฟ้า เมื่อผ่านไป6 นาทีแล้วก็ยังคงตีตามปกติ

credit : http://food-recipes.vzazaa.com/

Read More...


เรื่องของวิปปิ้งครีม

วิธีทำวิปปิ้งครีมโดยไม่ต้องใช้ขวดและอัดแก๊ส

วิธีทำวิปปิ้งครีมโดยไม่ต้องใช้ขวดและอัดแก๊ส

วิธีทำวิปปิ้งครีมโดยไม่ต้องใช้ขวดและอัดแก๊ส
- ครีมสด 1 ถ้วยตวง
- น้ำตาลทราย 1/4 ถ้วยตวง
- วานิลา 1/2 ช้อนชา


เอาโถผสมและตะกร้อตีไปแช่ในตู้เย็นก่อนเพื่อให้วิปปิ้งฟู วิธีทำ ใส่ครีมลงในโถผสมและตีด้วยความเร็วสูง หลังจากนั้นค่อยๆใส่น้ำตาลทรายลงไป ตีไปอย่าหยุด แล้วตามด้วยวานิลา ตีจนเป็นครีมข้นก็ให้หยุด ซึ่งใช้เวลาไม่นาน

ใช้วิปปิ้งครีมชนิดผงแทนครีมสด

วิปปิ้งครีมผง สามารถใช้แทนวิปปิ้งครีมสดได้ เพียงแต่ผู้ทำเติมน้ำเย็นลงไปตามอัตราส่วนที่เขียนไว้ข้างถุง แล้วตีด้วยหัวตีตะกร้อใช้ความเร็วสูง จนขึ้นฟู(ตั้งยอดแข็ง) ก็สามารถนำมาใช้ได้ วิปปิ้งครีมผง จะมีทั้งชนิดหวานและชนิดจืด ถ้าซื้อชนิดจืดมาแต่อยากให้มีรสหวานให้เติมน้ำตาลไอซิ่ง

การตีวิปปิ้งครีมผง

วิปปิ้งครีมผง เป็นวิปปิ้งครีมอีกชนิดหนึ่งซึ่งมีลักษณะเป็นผง สามารถใช้แทนวิปปิ้งครีมสดได้ในอัตราส่วน วิปปิ้งครีมผง 125 กรัมน้ำเย็นจัด 150 กรัม โดยตีด้วยหัวตีตะกร้อความเร็วสูงสุด จนกระทั่งข้น ประมาณ 2 นาที วิปปิ้งครีมชนิดผงจะมีอายุการเก็บนานกว่าชนิดสด ส่วนที่เหลือให้เก็บเข้าตู้เย็น เวลาจะใช้สามารถนำมาตีให้ฟูและเนียนใหม่ได้ สามารถเก็บไว้ได้ประมาณ 5 – 6 เดือน โดยเก็บไว้ในที่แห้งและเย็น

เคล็ดลับในการทำวิปปิ้งครีมให้ฟู

- ควรแช่ภาชนะ ตะกร้อที่จะใช้ตี และครีมให้เย็นจัด จะทำให้คุณตีครีมได้ขึ้นดี

- ตีในอ่างโลหะที่แช่ในอ่างอีกใบที่ใส่น้ำแข็งไว้ (อุณหภูมิครีม ต่ำกว่า 8 องศาเซลเซียส) ปริมาณครีมในอ่างควรน้อยกว่าครึ่งอ่าง จะทำให้ตีเอาอากาศเข้าไปได้มากๆ แต่อย่าตีนานเกินไปเพราะครีมจะแยกตัวเป็นเม็ดไขมัน กับน้ำใสๆ (กลายเป็นเนย)

Fresh Cream หรือ Whipping Cream

Fresh Cream หรือ Whipping Cream

Fresh Cream หรือ Whipping Cream ในภาษาญี่ปุ่น นิยมเรียกว่า นามะ คุรีมุ(ครีม )ที่แปลว่า… ครีมสด …เป็นที่นิยมในการนำมา ประกอบหรือตกแต่งขนมอบ-ขนมเค้กในญี่ปุ่น กันมาก และมีวิธีการทำหลายสไตล์ จะขอยกตัวอย่าง แบบที่แม่บ้านญี่ปุ่นนิยมทำกันในครัวเรือน มาให้ดูเป็นบางส่วนนะคะ

ครีมสด …อาจจะอยู่ในรูปของโฟมครีมตีจนขึ้นฟูเป็นครีมแล้ว หรือ ยังเป็นครีมข้นเหลวอยู่ ก็ได้ ตัวอย่างเช่น ..

1. นามะ ครีม… ที่ยังเหลวอยู่ นิยมมาราดใส่ ชา-กาแฟ หรือ ราดบนหน้าอาหารฝรั่ง เช่น สตูว์ ฯลฯให้ดูน่าทาน

2. นามะ ครีม… ที่ตีขึ้นจนฟูเป็นโฟมนั้น นิยมนำมาตกแต่งขนมกันมาก ลองมาดูวิธีทำแบบง่ายๆดูนะคะ ..
**ทั้งนี้ นอกจากกรรมวิธี แล้ว ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ และ ยังสดใหม่ ก็มีส่วนสำคัญในรสชาติด้วยค่ะ

Fresh Cream
จะมีบรรจุใส่กล่องกระดาษขาย เป็นคล้ายน้ำนมเนื้อข้นๆเหลวๆ ..

การตีครีมให้ขึ้นฟูของขนมเค้กต่างๆ ในญี่ปุ่นนั้น นิยมใช้ ครีมสด ที่เรียกว่า นามะคุรีมุ … เป็น ครีมที่ใช้ไขมันพืชทดแทนไขมันสัตว์ในนม …แต่ก็ควรจะมีความเข้มข้นของไขมันในระดับ 40 % ขึ้นไป จึงจะตีเป็นครีมได้ฟูและอยู่ตัวดี ….

ครีมสด (นามะ ครีม )
ส่วนประกอบ ….. จะได้ปริมาณค่อนข้างมาก .. ถ้าใช้น้อยก็ให้ลดลงตามสัดส่วน..

- ครีมสด …….. 1000 cc
- น้ำตาลทราย (อย่างละเอียด) ….. 100 g

วิธีทำ
- ครีมสดต้องแช่เย็นก่อนแล้วจึงนำมาตีทันทีขณะที่ยังเย็นๆอยู่
- เทครีมสด ใส่ชามอ่างผสมกับน้ำตาลทรายเข้าด้วยกัน
– ตีครีมสดไปในทางเดียวกันให้อากาศเข้า ขณะที่ครีมสด ยังเย็นๆอยู่ โดยเอาอ่างอีกใบหนึ่ง ใส่น้ำกับน้ำแข็ง ..มารองก้น อ่างครีมสดอีกที เพื่อรักษาระดับความเย็นของเนื้อครีมเอาไว้
- เมื่อตีครีมไปได้ 6 นาที ครีมจะเริ่มเซ็ตตัว เวลายกตระกร้อตีครีมขึ้นมาครีมจะไหลเป็นทางหนืดต่อเนื่องเส้นเล็กๆ ..จากนี้ไปครีมจะเริ่มฟูขึ้นเรื่อยๆให้ตีต่อไป… (สำหรับผู้ที่ใช้เครื่องตีครีมไฟฟ้า เมื่อผ่านไป6 นาทีแล้วก็ยังคงตีตามปกติ)
- เมื่อตีไปได้ 7 นาที พอยกตระกร้อขึ้นมาจะเห็นเป็นครีมฟูเกาะตัวตระกร้อติดขึ้นมา
- เมื่อตีต่อไปได้ 8 นาที ก็จะเห็นเป็นครีมข้นฟูละเอียดตั้งยอดได้ดังภาพ ..จึงสามารถนำไปตกแต่งหน้าเค้ก และ ขนมได้
ข้อสังเกตุ
- ถ้าใช้ครีมสด ที่ มี ปริมาณไขมันต่ำกว่า 40 % ก็อาจจะต้องใช้เวลาตีครีมให้นานขึ้น

- ปริมาณครีมสด ที่ใช้ในการตีครีม ….ถ้าปริมาณน้อยเกินไป จะทำให้ขึ้นฟูยาก คือ น้อยกว่า 80 cc …. ควรจะต้องใช้ ครีมสดอย่างน้อย 100 cc ขึ้นไป ในการตีแต่ละครั้ง
- ควรใช้ครีมสดที่ตีได้แต่ละครั้งให้หมดโดยเร็ววัน.. โดยระหว่างนั้นเก็บไว้ในตู้เย็น
- บรรจุครีมสดใส่ถุงบีบ ระวังพยายามอย่าให้อากาศเข้าไป โดยปิดจุกไว้อีกด้านหนึ่ง
- เริ่มทดลองบีบครีม โดยใช้ฝ่ามือบิดถุงครีมเมื่อต้องการจะหยุดไหล หรือ ปล่อยครีมออกมาเป็นจังหวะ จากนั้นก็บีบครีมตกแต่งขนมตามแบบที่ชอบ

** ระดับความหวานของครีมแล้วแต่คนชอบ … อาจจะใช้สัดส่วน ครีมสด(Fresh Cream)… 200 ml /ผสมน้ำตาลทราย …15 g ก็ได้

** ถ้าใช้เครื่องตีครีม ควรใช้ความเร็วระดับต่ำ

** ไม่ควรตีครีมนานเกินไป เพราะจะทำครีมให้เกิดการแตกตัว (แยกตัวของสสาร) ซึ่งจะไม่สามารถทำให้กลับมาอยู่ในสภาพเดิมได้อีก

การทำ ครีมสด แบบง่ายๆ อีกวิธี
1. เตรียมเอาขวดใส่มายองเนสที่ล้างสะอาดผึ่งแห้งดีแล้ว ..

2. เทครีมสด(เย็นๆ) และ น้ำตาลทรายใส่ในขวด ประมาณ 1 ใน 3 ของขวด
3. เขย่าขวดประมาณ 5 – 10 นาที ..เขย่าขวดกลับขึ้นบนลงล่าง ไปมา
4. จะได้ครีมสดออกมาลักษณะนี้ …สะดวกในการบีบใช้ และเก็บ

* เมื่อใช้ไม่หมดก็นำแช่ตู้เย็นทั้งขวดแต่ควรจะรีบใช้ให้หมดในเร็ววัน

การทำครีมสด ….

**อุปกรณ์การทำ ไม่ควรมีหยดน้ำเกาะอยู่ เพราะจะทำให้ตีขึ้นยาก

**การใส่น้ำตาลทราย ควรผสมแต่แรก หรือ ใส่ระหว่างที่กำลังตีครีม … ไม่ควรใส่หลังจากครีมฟูขึ้นเป็นโฟมไปแล้ว …

การทำครีมสด ด้วยเครื่องปั่นไฟฟ้า

- ใช้ครีมสด แช่เย็น มาผสมน้ำตาล …ถ้าจะให้ดี อ่างที่ใส่ครีมสดก็ควรจะแช่เย็นด้วย หรือ รองก้นอ่างด้วยน้ำเย็นแบบการตีด้วยมือ
- ตีครีมด้วยระดับความเร็วปานกลาง ถึง ความเร็วสูง ในตอนแรก ..จนกระทั่ง ครีมตั้งยอด แล้ว จึง ลดระดับลงเป็นความเร็วต่ำ ปั่นต่ออีกนิดหน่อยก็หยุด (ไม่ควรตีครีมนานเกินไป …ครีมจะเกิดการแตกตัวอีกครั้ง แล้วแก้ยาก

สูตรการทำวิปครีม

สูตรการทำวิปครีม

สูตรการทำวิปครีม

เอาสูตรการทำวิปครีมมาเพิ่มให้เป็นอีกหนึ่งทางเลือกค่ะ สูตรนี้เป็นของ Ina Garten ค่ะ
1.Whipping Cream 1 ถ้วย
2.น้ำตาลทราย 1/4 ถ้วย
3.วนิลลา 1/2 ช้อนชา


วิธีทำ
1. ใส่วิปปิ้งครีมลงในถ้วย ตีด้วยความเร็วปานกลางสำหรับตอนแรกๆ จนเริ่มมีฟองคล้ายๆ สบู่

2. ใส่น้ำตาลทรายลงไปทีละน้อยๆ ในขณะที่ใส่น้ำตาลทรายก็ตีไปด้วยอย่าหยุดค่ะ ตีด้วยความเร็วสูงประมาณ 2 นาที

3. เติมวนิลา และตีต่อไปจนส่วนผสมมีลักษณะเป็นครีมข้น แพทใช้เครื่องตีอันใหญ่ ใช้เวลาไม่เกิน 5 นาทีก็เสร็จค่ะ อันนี้ก็ให้สังเกตุเอานิดนึงนะคะว่าควรจะหยุดตีได้หรือยัง อย่าตีนานเกินไปค่ะเดี๋ยวจะกลายเป็นน้ำเหลวเป๋ว การทำวิปครีมนั้นขั้นตอนการทำไม่ยากหรอกค่ะ แต่ต้องคอยระวังระยะในการตีเท่านั้นเอง ตีนานเกินไปไม่ดีค่ะ ลองทำดูนะคะ

การทำวิปปิ้งครีมให้ฟู

การทำวิปปิ้งครีมให้ฟู

การทำวิปปิ้งครีมให้ฟู

เคล็ดลับทำวิปปิ้งครีมให้ฟู

- ควรแช่ภาชนะ ตะกร้อที่จะใช้ตี และครีมให้เย็นจัด จะทำให้ตีครีมได้ขึ้นดี

- ตีในอ่างโลหะที่แช่ในอ่างอีกใบที่ใส่น้ำแข็งไว้ (อุณหภูมิครีม ต่ำกว่า 8 องศาเซลเซียส) ปริมาณครีมในอ่างควรน้อยกว่าครึ่งอ่าง จะทำให้ตีเอาอากาศเข้าไปได้มาก ๆ แต่อย่าตีนานเกินไปเพราะครีมจะแยกตัวเป็นเม็ดไขมัน กับน้ำใส ๆ (กลายเป็นเนย)

ถ้าอยากได้วิปปิ้งครีมที่ฟูน่าทาน ก็ลองนำวิธีที่แนะนำไปปฏิบัติตามกันได้.

credit : http://food-recipes.vzazaa.com/

Read More...


วิธีทำเค้กแต่ละชนิด และสาเหตุที่ทำให้เค้กเสีย และวิธีการแก้ไข

วิธีทำเค้กแต่ละชนิด และสาเหตุที่ทำให้เค้กเสีย และวิธีการแก้ไข


** เค้กที่มีไขมันเป็นส่วนผสมหลักมีด้วยกัน 3 วิธี คือ **

วิธีที่ 1. ครีมเนย
เป็นวิธีการผสมโดยตีไขมันกับน้ำตาลจนขึ้นฟูเป็นครีมขาว แล้วค่อยๆใส่ไข่ทีละฟอง ตีให้เข้ากัน จึงใส่แป้งสลับกับของเหลวโดยเริ่มต้นด้วยแป้งและต้องจบด้วยแป้ง การเติมแป้งลักษณะนี้เพื่อให้แป้งดูดซึมน้ำบางส่วนและป้องกันแป้งจับตัวเป็นก้อนผสมกันจนเนียนเรียบ


วิธีที่ 2. ผสมขั้นตอนเดียว
เป็นการผสมส่วนผสมทั้งหมด ยกเว้นไข่แล้วตีด้วยความเร็วสูงประมาณ 5 นาทีจึงใส่ไข่ ตีต่ออีก 5 นาทีด้วยความเร็วต่ำ วิธีนี้มักใช้กับแป้งสำเร็จรูป


วิธีที่ 3. แยกไข่ขาว-ไข่แดง
เป็นวิธีที่นิยมมาก เพราะจะได้เค้กที่มีปริมาณมาก โดยแยกไข่แดงและไข่ขาวไว้ก่อน แล้วตีเนยกับน้ำตาลจนขึ้นจึงใส่ไข่แดงทีละฟอง ตีผสมจนเข้ากันด้วยความเร็วต่ำ ใส่ส่วนผสมแป้งสลับกับของเหลว เติมกลิ่นตามต้องการ จากนั้นตีไข่ขาวครีมออฟทาร์ทาร์จนตั้งยอดอ่อนจึงค่อยๆ ใส่น้ำตาลอีกส่วนจนหมดและมีลักษณะตั้งยอดแข็ง ใส่ส่วนผสมแป้ง ตะล่อมเบาๆให้เข้ากัน


** เค้กที่มีไข่เป็นส่วนผสมหลัก มี 2 วิธี คือ **

วิธีที่ 1. แองเจิลฟูลเค้ก
เป็นเค้กที่ใช้ไข่ขาวตีกับน้ำตาลหนึ่งส่วนและใส่ครีมออฟทาร์ทาร์ลงไปด้วยเพื่อช่วยให้ฟองไข่ขาวอยู่ตัว ไม่เหลวเป็นน้ำ และทำทำให้เนื้อเค้กที่อบเสร็จมีสีขาวละเอียด ส่วนน้ำตาลอีกส่วนนำมาผสมกับแป้ง เกลือ แล้วนำไปผสมกับไข่ขาวที่ตีจนตั้งยอดแข็ง คนเบาๆ ให้เข้ากัน วิธีนี้จะไม่มีไขมัน เพราะฉะนั้นพิมพ์ที่ใช้ใส่ก็ต้องไม่ทาไขมัน


วิธีที่ 2. สปองจ์เค้ก เป็นเค้กที่ใช้ไข่ทั้งฟองหรือใช้เฉพาะไข่แดง โดยตีไข่กับน้ำตาลด้วยความเร็วสูงจนกระทั่งฟองไข่ละเอียดเป็นเนื้อสีขาว จึงใส่ส่วนผสมของแป้ง บางสูตรอาจมีนมและเนยละลายด้วย ซึ่งการเติมเนยละลายนั้นต้องเป็นเนยอุ่นๆ เพื่อป้องกันการยุบตัว และต้องใส่หลังจากผสมแป้งแล้วโดยคนเร็วๆ และเบา

ชิฟฟอนเค้ก เป็นเค้กที่มีเนื้อเบาและนุ่ม มีวิธีการทำ 2 ขั้นตอน
ขั้นตอนที่ 1. แยกเอาไข่แดง – ไข่ขาว จากนั้นตีไข่ผสมกับแป้ง น้ำตาลหนึ่งส่วน ผงฟู เกลือ น้ำมันพืช และน้ำ คนจนส่วนผสมเนียน

ขั้นตอนที่ 2. ตีไข่ขาวกับครีมออฟทาร์ทาร์ หรือน้ำมะนาวพอขึ้น จึงค่อยๆใส่น้ำตาลอีกส่วน ตีจนฟองแข็งตัวตั้งยอดแข็งจึงใส่ส่วนผสมไข่แดงตะล่อมเบาๆจนเข้ากันดีขั้นตอนนี้สำคัญมากต้องผสมเบาๆมือ

** สาเหตุที่ทำให้เค้กเสียและวิธีการแก้ไข **

การทำเค้กที่ดีจะต้องอาศัยเทคนิคแล้วยังต้องมีประสบการณ์ สัดส่วนและสิ่งที่ทำอย่างถูกต้อง ข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นเสมอและวิธีแก้ไขดังนี้

1.เค้กหน้าไม่เรียบ ฟู และแตก วิธีแก้ไข ก็คือใช้ที่ปาด แตะน้ำมันพืชทาบนเนื้อขนมก่อนเข้าอบ

2.เค้กยุบตรงกลางเป็นเพราะอุณหภูมิในการอบไม่ถูกต้องใช้ไฟอ่อนหรือไฟแรงเกินไป ควรปรับอุณหภูมิให้ถูกต้อง หรืออาจใส่ผงฟูหรือน้ำตาลมากเกินไป เป็นเพราะเคลื่อนย้ายเค้ก หรือเปิดเตาอบขณะเค้กกำลังขึ้น

3.ผิวหน้าเค้กแฉะ เป็นเพราะอบไว้ไม่สุกดี วิธีแก้ไขควรอบให้สุก ตรวจสอบอุณหภูมิของเตาอบ

4.เค้กที่มีรูใหญ่ๆ เป็นเพราะส่วนผสมแห้งเกินไป ผสมกันไม่ทั่ว เทเค้กลงในพิมพ์ไม่ต่อเนื่อง วิธีแก้ไขควรผสมให้เข้ากันอย่างทั่วถึง เทเค้กลงพิมพ์ให้ต่อเนื่องกัน ไล่อากาศก่อนเข้า เตาอบโดยเคาะพิมพ์เบาๆ หรือใช้พายยางลากไปมาในเนื้อขนมก่อนนำเข้าเตาอบ

5.เนื้อเค้กแห้ง เป็นเพระตีไข่ขาวนานเกินไป หรืออบนานเกินไปวิธีแก้ไขควรตีไข่ขาวถึงจุดที่ต้องการเท่านั้นไม่ควรอบนานเกินไปตรวจสอบอุณหภูมิอย่างถูกต้อง

** 14 ข้อควรใส่ใจในการทำเค้ก **

1.แป้งต้องนำมาร่อนก่อนทุกครั้งจึงค่อยตวง
2.ในการร่อนส่วนผสมแต่ละครั้งต้องร่อนผงฟู แป้ง และเกลือรวมกัน
3.การตวงต้องตวงให้พอดีกับช้อนตวง ไม่พูนขึ้นมา
4.การคนน้ำตาลและเนย ต้องคนให้เข้ากันเป็นเนื้อครีมก่อนจะใส่ไข่ ในการคนไข่ต้องคนให้เข้ากันดี
5.ในการคนส่วนผสมต้องคนให้เข้ากันก่อน โดยวิธีการตะล่อมๆ คนพลิกจากข้างล่างมาข้างบน แล้วจึงใส่นมตาม คนให้เข้ากันแล้วจึงใส่แป้งโดยต้องค่อยๆใส่ทีละน้อยๆ
6.ถาดที่ใส่ส่วนผสมในการอบ ต้องปูด้วยกระดาษก่อนแล้วจึงค่อยทาเนยก่อนเทส่วนผสมใส่ทุกครั้ง
7.การเทขนมลงในพิมพ์ ควรเทขนมเพียงค่อนของพิมพ์ เพราะเวลาอบขนมจะพองตัวขึ้นเต็มพิมพ์พอดี แล้วจึงใช้ไม้เขี่ยให้ถึงพื้นพิมพ์เพื่อไล่อากาศออก
8.ติดเตาอบตั้งไฟให้ถึงความร้อนตามที่ตำราบอกก่อน จึงจะใส่ขนม เมื่อขนมสุกจะมีสีน้ำตาลทอง ขนมจะหดตัวร่อนจากขอบพิมพ์ จึงเอาออกจากเตาวางบนตะแกรง และค่อยๆเลาะเอากระดาษออก
9.นมที่ใช้ต้องเป็นนมสดเท่านั้น หรือถ้าจะใช้นมข้นจืด (นมระเหย) ต้องเติมน้ำอีกเท่าตัว แต่ทางที่ดีควรใช้นมสดจะดีกว่า
10.น้ำตาลที่ใช้ต้องเป็นน้ำตาลทรายป่น หรือน้ำตาลทรายป่นละเอียด เพื่อในการผสมส่วนผสมจะละลายง่าย
11.น้ำตาลไอซิ่ง คือ น้ำตาลทรายผงละเอียดที่ผสมแป้งข้าวโพดหรือแป้งมัน ใช้ในการแต่งหน้าเค้ก หรือโรยหน้าขนมปัง
12.ไข่ที่ใช้หมายถึงไข่ไก่ทั้งฟอง ถ้าตำราระบุว่าใช้ไข่แดง คือไข่แดงที่แยกไข่ขาวออกแล้ว
13.โกโก้ผงละเอียดเมื่อผสมน้ำแล้วเรียกว่า ช็อกโกแลต
14.กลิ่นที่นิยมใช้ในการทำขนมคือ กลิ่นวานิลา กลิ่นส้ม กลิ่นกล้วย กลิ่นกาแฟ กลิ่นบรั่นดี กลิ่นช็อกโกแลต กลิ่นอลามัน ดังนั้นจึงควรมีกลิ่นพวกนี้ไว้ใช้ได้ตลอดเวลา


ข้อมูลจากนิตยสารหญิงไทย

Read More...


ประเภทของคุี้กกี้ Cookies

ประเภทของคุี้กกี้ Cookies


คุี้กกี้แบ่งออกเป็น 4 ประเภทใหญ่ ๆ คือ
1. Chocolate Cookies
2. Oat Cookies
3. Fruit & Nut Cookies
4. Festive Cookies เช่น คุี้กกี้ที่ทำเนื่องในโอกาสพิเศษต่าง ๆ เช่น วันเกิด วันวาเลนไทน์ วันคริสต์มาส เป็นต้น


การทำคุี้กกี้มีหลายแบบ เช่น
1. Rubbing Method คือการผสมส่วนผสมต่าง ๆ ด้วย ส้อม หรือ Pastry Blender หรือมือ

2. Creaming Method คำว่า Creaming คือการผสมเนยกับน้ำตาลด้วยเครื่องตี แล้วใส่ไข่ ใส่นมลงไป แล้วค่อยนำไปผสมกับส่วนผสมของแห้งแบบอื่น ๆ

3. All-In-One Method คือประเภทร่อนแป้ง เกลือ ผงฟู ผงต่าง ๆ ผสมกัน แล้วตีไข่ใส่ลงไป ใส่นม ใส่เนย เรียกว่าจบในถ้วยผสมถ้วยเดียวเลย จะใช้พายคนหรือเครื่องตีไฟฟ้าก็ได้

4. Rolling and Cutting Cookies เมื่อผสมแป้งเสร็จแล้ว มักเอาแป้งไปใส่ตู้เย็นไว้สัก 1/2 ชม. หรือ 1 ชั่วโมง หรือนานกว่านั้น จากนั้นเอาพินมานวดคลึงให้เป็นแผ่นบาง แล้วใช้ Cookie Cutter ตัดเป็นรูปต่าง ๆ

5. Shaping Drop Cookies คุี้กกี้พวกนี้มักมีส่วนผสมหยาบ ๆ ของถั่วสับ โอ๊ต ผลไม้แห้ง เหล่านี้ทำให้ไม่สามารถใช้พวกหลอดต่าง ๆ บีบ ต้องใช้ช้อนตักแล้ววางลงบนถาด ซึ่งคล้าย ๆ กับการหยอด เลยเรียกว่า Drop Cookie

6. Shaping Tuiles et Cigarettes ให้นึกถึงขนมทองม้วนบ้านเรา หรือขนมเบื้องที่ทาแป้งบนกระทะแห้ง ๆ แล้วม้วนให้โค้งเล็กน้อย

7. Molding Cookies พวกนี้มักเป็นคุี้กกี้ที่มีส่วนผสมแบบละเอียดเนียน ปั้นเป็นลูกกลม ๆ ขนาดขนมไข่นกกระทา แล้วใช้ส้อมกดลงทั้งด้านซ้ายและขวา ออกมาจะมีผิวเหมือนตาตารางหมากรุก

8. Refrigerator Cookies คุี้กกี้ประเภทนี้มักปั้นให้เป็นหลอด คล้าย ๆ กับหมูยอ (ไม่อ้วนเท่าหมูยอ) แล้วแช่ในตู้เย็นทิ้งไว้หลายสัปดาห์ก่อนนำไปอบ หรืออาจจะแช่ในช่องฟรีซหลาย ๆ วันก่อนนำไปอบ เมื่อแช่แข็งแล้ว ก่อนนำมาอบ ก็ใช้มีดตัดเป็นรูปทรงกลมคล้ายเหรียญบาท แล้วค่อยนำไปอบ คุี้กกี้ประเภทนี้มักจะกรอบ

8. Piping Cookies พวกนี้มักเนื้อละเอียดและนุ่มออกเหนียว ๆ ใส่หลอดบีบหรือถุงพลาสติกรูปกรวยแล้วมีหัวรูปทรงต่าง ๆ

ต่อไปจะพูดถึงเรื่องของที่นำมาทำคุี้กกี้นั้นมีอะไรบ้าง ไม่จำเป็นต้องมีครบทุกอย่างนะค่ะ แต่ต้นโอ๊คพยายามรวบรวมมาว่ามีอะไรบ้างเท่านั้น

อันแรกก็คือเรื่องของแป้ง แป้งที่ใช้ทำคุี้กกี้ส่วนใหญ่คือแป้งสาลีเอนกประสงค์ และถัดมาคือแป้ง Self Rising และอาจมีแป้ง Whole Wheat ไว้ผสมบ้าง สำหรับคุกกี้สูตรเืพื่อสุขภาพ
เนย: มักจะใช้แบบ Unsalted Butter เป็นส่วนใหญ่ หรืออาจใช้มาร์การีนแทนก็ได้ คุี้กกี้บางสูตรอาจใช้เนยละลาย บางสูตรอาจใช้เนยอุณหภูมิห้อง บางส๖รอาจเป็นเนยที่อุณหภูมิเย็น

ไข่: มักใช้ไข่ที่อยู่ในอุณหภูมิห้อง คือควรเอาออกจากตู้เย็นอย่างน้อยเป็นเวลา 30 นาที แต่ถ้าลืม อาจใช้วิธีลัดคือ นำไข่ไปล้างด้วยน้ำร้อนที่ไหล หรืออาจแช่ในน้ำหรือน้ำอุ่นจัด ๆ สักระยะหนึ่ง ก่อนนำไปทำคุี้กกี้

นม : มักใช้นมอุณหภูมิห้องเช่นกัน ในรูปเป็นนมไขมันต่ำคือที่บ้านจะใช้นมไขมันต่ำหรือ Skim Milk อย่างเดียว

น้ำตาลชนิดต่าง ๆ ที่ใช้ทำคุี้กกี้ คุี้กกี้ส่วนใหญ่มักใช้น้ำตาลทรายธรรมดา (Granulated Sugar) หรือแบบละเอียด (Superfine Sugar)เพราะจะละลายได้ดีและรวดเร็วเมื่อตีผสมกับเนย ส่วนน้ำตาลอย่างอื่น ๆ เช่น
Icing หรือ Confectioners: อาจใช้ผสมบ้างแต่น้อยมาก อาจพบว่ามีการใช้โรยบนคุี้กกี้

Light Brown Sugar: หรือน้ำตาลทรายแดง (แบบสีอ่อน) อาจช่วยเพิ่มรสชาติให้หวานมันและมีสีสันเข้มขึ้นและมีกลิ่นหอม

Demerara: คล้าย ๆ น้ำตาลทรายที่ยังไม่ฟอกแบบบ้านเรา มีเม็ดข้างค่อนข้างหยาบ อาจต้องทำให้ละลายด้วยความร้อนก่อนแล้วจึงนำไปผสมกับส่วนผสมแห้งอื่น ๆ

Chocolate ชนิดต่าง ๆ เช่น Semi-Sweet,White Chocolate,Milk Chocolate,ผงโกโก้,มะพร้าวขูดแห้งมีทั้งแบบหวานและแบบไม่หวาน (Coconut Flake)

ข้าวโอ๊ต (Rolled Oat)
สิ่งที่ให้ความหวานอื่น ๆ เช่น
Honey (น้ำผึ้ง) ให้คุณค่าอาหารสูง แต่ค่าน้ำตาลก็สูงมากเช่นกัน
Light Corn Syrup กรณีเป็นขนมที่ไม่เน้นสีเข้ม
Dark Corn Syrup เป็นขนมที่อาจต้องการเน้นสีเข้ม
Molasses คล้าย ๆ น้ำตาลอ้อยที่เคี่ยวแบบข้น ๆ บ้านเรา จะออกเหนียว ๆ
ผลไม้แห้งชนิดต่าง ๆ ส่วนใหญ่แล้วมักใช้ลูกเกดสีดำกับลูกเกดสีเหลืองมากกว่า อันอื่น ๆ อาจใช้บ้างแต่ก็ไม่มาก
ผลไม้แห้งเคลือบน้ำตาล อาจมีใช้บ้างแต่ไม่มาก
ผงเครื่องเทศต่าง ๆ และผิวมะนาว ผิวส้มแห้ง
ถั่วชนิดต่าง ๆ
กลิ่นหอมสกัดต่าง ๆ
ยีสต์(ไม่ค่อยใช้),Baking Powder,Baking Soda
เชอร์รี่อาจใช้ประดับตกแต่งสำหรับคุี้กกี้บางชนิด

ส่วนอันอื่น ๆ อีกสามอันนั้นใช้ผสมทำคุี้กกี้ หรือทำเป็นไส้คุี้กกี้ (คุี้กกี้ที่ใช้สองอันประกบกัน แล้วใช้แยมบ้าง Nutella บ้างทาระหว่างกลางเป้นต้น)
Cooking Spray ยี่ห้อต่าง ๆ ใช้เสปรย์ที่ถาดก่อนวางคุี้กกี้ แล้วจึงนำไปเข้าเตาอบ ส่วนใหญ่มักทำจากน้ำมันข้าวโพด (กรณีที่ไม่ใช้เนยทาถาด)
Shortening เข้าใจว่าภาษาไทยใช้คำว่า “เนยขาว” เป็นไขมันที่ได้จากพืช แต่ถ้าเลี่ยงได้ควรเลี่ยงเพราะเป็นไขมันประเภทอันตรายต่อร่างกายชนิดหนึ่ง
Whipping Cream คือครีมชนิดข้นสุด ๆ (การใช้อาจมีทั้งการตีให้ขึ้นฟู หรือใช้แบบข้น ๆ สด ๆ เลย) อันนี้ถ้าเลี่ยงได้ก็ควรเลี่ยงเช่นกันเพื่อสุขภาพค่ะ
Cream Cheese ส่วนใหญ่ใช้ทำไส้ คล้ายเต้าหู้อ่อน
น้ำมันมะกอก การทำขนมต่าง ๆ ถ้ามีสูตรใช้น้ำมันมะกอกหรือน้ำมันพืชอื่น ๆ จะดีต่อสุขภาพมากกว่าการใช้เนยค่ะ น้ำมันมะกอกการซื้อควรเลือกดูที่มีคำว่า First Cold Press ดีที่สุดเพราะน้ำมันมะกอกจะมีการกลั่นด้วยขั้นตอนของความเย็น ไม่ใช้ความร้อนแบบน้ำมันชนิดอื่น ๆ ถ้ามีคำว่า Cold Press อย่างเดียวก็ยังไม่ดีเท่ากับคำว่า First Cold Press
By Oaktree


http://food-recipes.vzazaa.com/

Read More...


วุ้นคันเต็นแบบผง

mizu-yokan วุ้นถั่วแดงกวน

วุ้นคันเต็นแบบผง
ส่วนผสม…..(สำหรับ 4 คน)
วุ้นคันเต็นแบบผง (粉寒天) …….. 2 ช้อนชา
น้ำสะอาด…. 2 ½ ถ้วยตวง
น้ำตาลทราย……. 50 กรัม
ถั่วแดงกวน แบบบดละเอียด ( Koshi An – こしあん)…… 300 กรัม
เกลือป่น……..นิดหน่อย


วิธีทำ
1). นำหม้อใส่น้ำสะอาด ใส่ผงวุ้นลงไป ยกหม้อขึ้นตั้งเตาโดยใช้ ไฟอ่อนต้ม หมั่นใช้ไม้พาย คอยคนกวนบ่อย ๆ อย่าปล่อยให้เดือด พอวุ้นละลายดีแล้ว ก็เติมน้ำตาลทรายลงไป หรี่ไฟเป็นไฟอ่อนสุด เคี่ยวจนน้ำตาลละลายดี


2). นำถั่วแดงกวนใส่ลงไป ในข้อ 1 ระหว่างที่ทำนั้น ใช้ไฟอ่อนตลอด กวนเบา ๆ ให้ถั่วแดงกวนแตกกระจาย ละลายเข้ากันดี จะดูว่าน้ำข้นเหนียวขึ้น เติมเกลือป่นนิดหน่อย ชิมรสดู…ให้ออกหวานนำ ตอนนี้…จะเป็นน้ำข้น ๆ เหนียว ๆ คนให้เกลือละลายและเข้ากันอีกครั้ง ปิดไฟเตา และให้ยกออกจากเตาทันที

3). นำหม้อที่กวนได้ที่แล้ว ไปแช่ในกะละมังที่ใส่น้ำเย็นจัด ((ใส่น้ำแข็งลงไปในน้ำด้วยก็ดีค่ะ)) คนกวนเบา ๆ (ในทิศทางเดียวกัน) จนกว่าความร้อนจะลดลง น้ำวุ้นถั่วแดงจะดูเริ่มข้นเหนียวขึ้น พอความร้อนลดลงเหลือประมาณ 40 องศา ก็หยุดกวนได้

4). เทใส่พิมพ์ตามชอบ หรือตักใส่บนแผ่นพลาสติกใสปิดอาหารแบบทนความร้อน (Warp) ที่ฉีกออกมาเป็นแผ่นสี่เหลี่ยมเตรียมไว้ นำน้ำวุ้นในข้อ 3 ตักใส่ลงไป รวบมุมทั้ง 4 ด้านของแผ่นพลาสติกขึ้นมา จับปั้นเป็นก้อนกลม ๆ (คล้ายเราปั้นข้าวปั้น) ด้านบนสุดตรงปลาย จับบิดหมุนให้แน่น หรือจะใช้เชือกผูกให้แน่นก็ได้ นำเข้าแช่ในตู้เย็น จนวุ้นจับแข็งตัว แกะแผ่นพลาสติกออก จัดใส่จานพร้อมเสริฟ์ หน้าตาก็จะออกมาเป็นแบบนี้คะ


mizu yokan


จะเทใส่พิมพ์แบบสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่….พอวุ้นแข็งตัว แล้วค่อยนำมาตัดแบ่ง ก็สะดวกยิ่งขึ้น
ตัดเป็นชิ้นพร้อมเสริฟ



mizu-yokan


ใส่ในกระบอกไม้ไผ่…..ได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของไม้ไผ่….เป็นของฝากที่คนญี่ปุ่นนิยมกันมาก


mizu-yokan

นำไปใส่ไส้ต่าง ๆ เช่น ถั่วแดงกวนแบบเม็ดใหญ่ , เกาลัด ฯลฯ ตามชอบลงไปด้วย อร่อยไปอีกแบบค้า


mizu-yokan


ปัจจุบันนี้…..นอกจากวุ้นที่ทำด้วย ถั่วแดงกวน แล้ว ยังมีวุ้นที่ทำจากส่วนผสมอื่น ๆ เช่น มันเทศ (อิโมะโยกัง) , ฟักทอง (คาโบจะโยกัง), ชาเขียว (มัตจะโยกัง) ฯลฯ ซึ่งได้รับความนิยมมากเช่นกัน ถ้าเพื่อน ๆ สนใจ ลองหัดและดัดแปลงทำดูนะค่ะ

credit : http://food-recipes.vzazaa.com/

Read More...


สูตรเต้าฮวยนมสดแบบละเอียด

สูตรเต้าฮวยนมสด


สูตรเต้าฮวยนมสดแบบละเอียด

ส่วนผสมจะแบ่งเป็น 3 ส่วนค่ะ
1. เต้าฮวย
2. น้ำราด
3. ฟรุตสลัด


เต้าฮวย
1.น้ำเปล่า 2 ถ้วยตวง (ของเหลว)
2.นมสด (จืด) 2 ถ้วยตวง (ของเหลว)
3.นมข้นจืด 2 ถ้วยตวง (ของเหลว)
4.นมข้นหวาน 1 ถ้วยตวง (ของเหลว)
5.ผงวุ้น 2 ช้อนชา
6.เจลลาตินผง 2 ช้อนชา
สัดส่วนตามที่บอกด้านบน จะได้ถ้วยขนาด 7 ออนซ์ 12-13 ถ้วยค่ะ


น้ำเปล่า 2 ถ้วยตวงใส่หม้อค่ะ หากใช้เจลลาตินผง ตวงเจลลาตินผงแล้วโปรยให้เป็นฝุ่นบนผิวน้ำ โปรยให้เจลลาตินกระจายทั่วกัน ไม่กระจุกตัว หากใช้เจลลาตินแบบแผ่นตัดเป็นชิ้นเล็ก ๆ แล้วแช่ไว้ในน้ำ ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที ให้เจลลาตินผงอิ่มน้ำ หรือถ้าเป็นชนิดแผ่นก็เพื่อให้เค้านิ่ม


เวลาผ่านไป เจลลาตินอิ่มน้ำแล้วใส่นมสดและนมข้นจืดลงไป หากไม่ชอบกลิ่นนมข้นจืดก็ลดปริมาณเอาเอง แต่ให้คงสัดส่วนของเหลวไว้เท่าเดิม


แล้วก็ตวงผงวุ้นใส่ลงไป ใส่ไม่เต็ม 2 ช้อนชาดีนะคะ หย่อนนิดหน่อย เพราะชอบตัวเต้าฮวยไม่แข็งมาก ชอบแบบไหนก็เพิ่มลดเอาเอง


เหตุที่ไม่แนะนำให้ใส่เจลลาตินผงพร้อมผงวุ้นเพราะมันดูยากค่ะว่าเจลลาตินอิ่มน้ำหรือยัง เจลลาตินจะละลายได้ดีเมื่อเค้าอิ่มน้ำ


เอาตะกร้อมือคนให้เข้ากัน หากไม่มีใช้ทัพพีอะไรที่มีตามสะดวก บางคนอาจจะใส่นมข้นหวานไปตอนนี้




สูตรเต้าฮวยนมสด




นำหม้อไปตั้งไฟ แรก ๆ อ่อนมาทางกลางก่อนค่ะ เพื่อให้ของเหลวร้อนและเจลลาตินละลาย หากเค้าอิ่มน้ำเต็มที่ตั้งแต่แรกจะละลายไม่ยาก


หมั่นคน เพราะหากไม่คน เจลลาตินที่อิ่มน้ำบางส่วนมันเป็นก้อน อาจจะรวมตัวไปอยู่ก้นหม้อ และแทนที่จะละลายมันจะติดก้นหม้อและไหม้ได้


พอเริ่มเดือดอ่อน ๆ ให้เร่งเป็นไฟกลางไปทางแรงเพื่อละลายผงวุ้นให้หมด ผงวุ้นจะละลายได้ดีที่น้ำเดือดไฟแรงค่ะ ไม่ใช่ไฟอ่อน หากใช้ไฟอ่อนตลอดยังไงผงวุ้นก็ละลายไม่หมดค่ะ ต่างจากเจลลาติน คนไปด้วยนะคะ เพราะมันมีนม อาจจับตัวเป็นก้อนและไหม้ได้ ให้เดือดฟองละเอียดสักพัก เอาทัพพีตักของเหลวขึ้นมาดูว่ามีเกล็ดผงวุ้นหลงเหลืออยู่หรือไม่ หากไม่มีเป็นอันใช้ได้ หากมีก็ให้เดือดต่อแล้วสังเกตใหม่


ลดไฟลงอ่อนหน่อยแล้วก็ใส่นมข้นหวานลงไป ลองใส่ประมาณ 3/4 ถ้วยก่อน คน ๆ แล้วชิม หากไม่พอก็เติมไปเองนะคะ ลดเพิ่มเอาเองตามความชอบหวานมากหรือน้อย


รอให้เดือดพักนึง ปิดเตาค่ะ กรองด้วยกระชอนตาถี่ 1 ครั้ง หรือหากใครไม่กรอง ช้อนฟองทิ้งให้หมดนะคะ พักให้ไว้อุ่นสักพักก่อนจะเทใส่ภาชนะตามต้องการ


พออุ่นแล้วเทใส่แก้วหรือภาชนะตามต้องการ นำแช่ตู้เย็นประมาณ 2-3 ชั่วโมง เพื่อให้เต้าฮวยเซ็ทตัว หรือว่าจะใส่ถาดอลูมิเนียมพอเซ็ทตัวแล้วนำมาตัดเป็นชิ้นสี่เหลี่ยม หรือใช้พิมพ์กดเป็นรูปต่าง ๆ ตามต้องการแล้วค่อยนำใส่แก้วก็ตามสะดวก แต่ต้องระวังเรื่องความสะอาดหน่อยนะ หากมือสกปรก อายุการเก็บของอาหารจะลดลง ระหว่างรอเต้าฮวยเซ็ทตัวทำน้ำราดรอได้เลยคะ จะได้ไม่เสียเวลา




สูตรเต้าฮวยนมสด




สูตาการทำน้ำราด
1.นมสด (จืด) 1 ถ้วยตวง (ของเหลว)
2.นมข้นจืด 1 ถ้วยตวง (ของเหลว)
3.นมข้นหวาน มากน้อยตามชอบ
ชอบน้ำราดเยอะ ๆใช้นมสดและนมข้นจืดอย่างละ 1 + 1/2 ถ้วยนะคะ หากใครไม่ชอบกลิ่นนมข้นจืดก็เพิ่มลดสัดส่วนเหมือนตอนทำเต้าฮวยค่ะ นมสดและนมข้นจืดใส่หม้อใบย่อม ๆ ตามด้วยนมข้นหวาน คน ๆ ให้เข้ากันแล้วชิมดู หวานมากหวานน้อยตามชอบนะคะ ไม่ได้ตวงให้ค่ะ นำไปตั้งไฟกลางไปทางอ่อน คนเป็นระยะ ให้เดือดสักพักปิดเตา พักส่วนนี้ไว้ให้อุ่น นำไปแช่เย็นไว้ก่อน บางคนอาจจะไม่เอามาตั้งไฟนะคะ แค่ผสม ๆ กันแล้วราดเลย แต่หากนำมาตั้งไฟจะช่วยยืดอายุการเก็บของอาหารค่ะ


ส่วนสุดท้าย “ฟรุตสลัด” ซื้อสำเร็จเลยคะ ยี่ห้อไหนก็ตามใจชอบ หรือหากจะทำเองก็ตามสบายนะคะ เปิดกระป๋องแล้วเทใส่กระชอนโปร่งให้ผลไม้สะเด็ดน้ำเชื่อมค่ะ หรือหากไม่มีกระชอนโปร่งก็ใช้ช้อนตักแต่เนื้อผลไม้เอาไว้


พอเต้าฮวยเซ็ทตัวแล้วก็ยกออกมา ตักฟรุตสลัดใส่ หากจะเพิ่มสีสันโดยการใส่ผลไม้เพิ่มเติมก็ได้ เช่น องุ่นดำ กีวี สตอเบอรี่ ล้างทำความสะอาดและหั่นชิ้นเล็กตามขนาดผลไม้นะคะ

ตัวเต้าฮวยหากชอบกลิ่นชาเขียว ก็ลองเอานมสดต้มกับชาเขียวแล้วกรอง หรือชอบให้เป็นสีจะหยดสีชมพูใส่ แล้วเพิ่มกลิ่นสตอเบอรี่ก็ตามชอบ


แล้วก็ตักน้ำราดใส่ลงไป นำแช่เย็นอีกครั้ง เพราะกินเย็น ๆ จะอร่อย ชื่นใจ อย่าตักน้ำเชื่อมในฟรุตสลัดใส่ลงไปเยอะนะคะ จะทำให้ความมันของน้ำราดลดลง




สูตรเต้าฮวยนมสด


credit : http://food-recipes.vzazaa.com/

Read More...


ขนมปัง*ไข่ครีม*

ขนมปัง ไข่ครีม


หน้าตาเหมือนไข่เจียวเรยยนะเนี่ยย
เอาสูตรมาจากทีวี (จำรายการไม่ได้ นานแร้ว) อิอิ แต่วิธีทำมา adap นิโหน่ย เพราะเราไม่อยากยุ่งยาก
ดาร์ลิงค์ชอบมากๆ ทานกะบาร์บีคิวซอสเสสมั่ง ทานกะซุปข้าวโพดมั่ง
ล่าสุดกะ Lamb! (แต่อิ่มไปหน่อย)
อ้วนรึป่าว? ไม่กล้าคิดเลย ทั้งเนย นม ไข่ ฮ่าๆๆ
เอาเป็นว่า ของอร่อยๆ ทำง่าย ถูกปากดาร์ลิงค์อย่างงี้ เอาสูตรมาเก็บไว้ก่อนดี

เตรียมเครื่องต่างๆ ดังนี้
ขนมปัง 5 แผ่น
ไข่ไก่ 4 ฟอง
Thicken ครีม 2 ช้อนกินข้าว(พูนๆ)
ต้นหอมซอยละเอียด 1 ต้น
เนยจืดสำหรับทอด
ปรุงรสด้วย: เกลือ เกือบๆ 1 พินท์ , พริกไทยตามใจชอบ

ขนมปัง ไข่ครีม


ขั้นตอนวิธีทำ
*เตรียมครีมคัสตาด*
1. ตีไข่ไก่พอเข้ากัน ไม่ต้องให้ฟู (เราไม่ต้องการฟอง)
2. ใส่ครีม เกลือ พริกไทย ต้นหอม ลงไปในไข่ ตีให้เข้ากัน

*ชุบ & ทอด*
1. หั่นขนมปังเป็นรูปตามใจชอบ แค่หั่นครึ่งก้อพอ เพราะมันจะได้ไม่หนักมากเวลาชุบครีมไข่
2. ชุบขนมปังลงไปในส่วนผสมไข่ครีม(หรือครีมไข่) ให้มันดูดๆครีมไข่เข้าไปในตัวขนมปัง ทิ้งไว้ซักพัก
3. ตั้งกระทะ (ตั้งก่อนหน้านี้ก้อได้) รอร้อน ใส่เนยลงไปพอละลายทั่ว ค่อยๆ วางขนมปังลงไป พลิกด้านพอเหลือง
4. เสร็จละ.. ตักเสริฟข้างจานคู่กะเนื้อ หรือ ซุป


ขนมปัง ไข่ครีม



Read More...


เต้าฮวยนมสด~ฟรุ๊ตสลัด~

เต้าฮวยนมสด ฟรุ๊ตสลัด

อาทิตย์นี้ นึกเมนูกับข้าวไม่ออก เบื่ออาหารกันน่าดูเราสองคน หยิบตำรามาเปิดๆ ดูหลายเล่ม เจออันนี้น่าสนใจมากๆ หันไปถามดาร์ลิงค์ "กินนี้มั้ย?" (แล้วก้อชี้ๆ รูป) ดาร์ลิงค์ก้อเงียบ...เด๋วนี้ ใครๆ ก้อทักว่า ดาร์ลิงค์ "อ้วน" ฮีเลยแบบ ไม่พูดว่าอยากกินโน่นกินนี่เท่าไหร่ ไอ้เราหลังๆ เลยไม่ได้ทำอะไรพิสดาร เพราะกลัวไม่มีคนช่วยชิม ช่วยร่วมอุดมการณ์ จะกลายเป็น "อ้วน" คนเดียวไปซะอีก...

แต่ อันเนียะ "เต้าฮวย" ง่ายมากๆ อยากกินด้วย (เอชอบกินเต้าฮวยเย็นที่ MK มากเลย) ก้อเลยแบบ ไม่ง้อดาร์ลิงค์ก้อได้ ทำเลย ทำไม่เยอะเท่าไหร่ กำลังพอดี เครื่องก้อพอมีอยู่ที่บ้าน ลุยย...ยย

ปล. ใช้เวลาทำเร็วมากๆๆๆๆ กลับมาบ้านแบบ รีบผสมแล้วก้อเอาแช่ตู้เย็น คืนนี้จะได้ทานกัน .. ดาร์ลิงค์นะ ชอบมากๆ ขออีกชามเลย (ไม่เอาถ้วยแล้ว บอกเล็กไป) ... ส่วนนึงเป็นเพราะเค้าชอบทานน้ำเต้าหู้อยุ่แล้ว งานนี้ เลยมีคนมาช่วยชิม ช่วยติชม... ไม่งั้นเซ็งแย่เลย ทำเองกินเอง

ปล2 สูตรด้านล่าง คนที่อยู่ไทย หาของได้ง่ายๆ ใช้สูตรที่บอกได้เลย ส่วนคนไกลบ้านอย่างเรา ใช้สูตรของเอก้อได้ ง่ายดี

เต้าฮวยนมสด ฟรุ๊ตสลัด


ส่วนผสม เต้าฮวยนมสด
- น้ำเต้าหู้     1 1/2 ถ้วย
ของเอใช้ น้ำเต้าหู้กล่องเลย ยี่ห้อ Yeo (ประมาณแลคตาซอย)  1 กล่อง (250ml) เป็นแบบไม่ผสมนม มีรสหวานอยู่แล้วนิดหน่อย (250ml เนี่ย ใกล้เคียงกับ ถ้วยครึ่งมากๆ คะ ขาดไปนิด)
- นมสด       1 1/2 ถ้วย
ของเอใช้ นมสดรสจืด 1 กล่อง (300ml) จริงๆ ใส่ไม่หมด เพราะพยายามจะให้สัดส่วนเท่ากับน้ำเต้าหู้
- วุ้นผง        1 1/2 ช้อนชา
ของเอใช้ ผง Gelatin 1 ซอง (ง่ายดีมั้ย ไม่ต้องตวง) เพราะผง Gelatin ซองนึง ใช้กับของเหลว 500ml
- น้ำตาลทราย  1/4 ถ้วยตวง
เอใช้เท่ากันเลยกับสูตร (จริงๆ จะลด เพราะน้ำเต้าหู้เราหวานอยู่แล้ว แต่ชิมไปชิมมา มันก้อโอเคอ่ะนะ เลยใส่ไปหมด)

วิธีทำ เต้าฮวยนมสด
1. ทำฟรุตสลัดเตรียมไว้ก่อนเลย ของเอใช้ง่ายๆ เหมือนกัน (วิธีทำด้านล้าง) อันนี้ใครชอบไง ก้อทำแบบนั้นแหละ
2. ละลายผงวุ้น (หรือ Gelatin) ลงให้เข้ากันในน้ำเต้าหู้ เอาขึ้นตั้งไฟ คนจนวุ้นละลาย
3. ใส่น้ำตาล และนมสด คนๆ รอเดือด ยกลง เทใส่พิมพ์ เป็นถ้วยๆ หรือเป็นถาด(ไว้ตัดเป็นก้อนๆ) แล้วแต่ชอบ ถ้าเป็นถ้วย ก้อใส่แค่ ครึ่งถ้วยก้อพอ เหลือที่เอาไว้ใส่ฟรุตสลัดด้านบน .. ของเอใส่เยอะไปหน่อย เพราะพิมพ์หมด เลยใส่ให้มันหมดๆ ไป

เต้าฮวยนมสด ฟรุ๊ตสลัด

ได้ออกมา 3 ถ้วยกะ 1 กล่องย่อมๆ
4. พักไว้ให้หายร้อน มันจะไม่แข็งข้างนอก ต้องเอาเข้าตู้เย็น ช่องธรรมดา ชั่วโมงนึงก้อแข็งเป็นวุ้นแล้ว

เต้าฮวยนมสด ฟรุ๊ตสลัด  

คว่ำออกมา เสริฟพร้อมฟรุตสลัดเย็นๆ

ส่วนผสม ฟรุตสลัด และวิธีทำ (ของเอ)
- มี กีวี ลิ้นจี่กระป๋อง สัปปะรดกระป๋อง แอปเปิล ส้ม
เอามาหั่นตามใจชอบ ปกติ ทำสูตรนี้ทานกับไอศรีมอยู่แล้ว คือ หั่นเสร็จชิ้นเท่าๆ กัน เอามาคลุกๆๆ กับน้ำลิ้นจี่กระป๋อง แล้วก้อน้ำเชื่อมในสับปรดกระป๋อง น้ำของผลไม้แต่ละอย่างมันจะออกมาผสมๆ กัน ออกเปรี้ยวๆหวานๆ (ไม่หวานซะทีเดียวเหมือนทำน้ำเชื่อมต่างหาก).. เสียดายไม่มีสตอเบอรี่ (มันแพง พอๆ กะกล้วยตอนนี้เลย ที่ออสฯ กล้วยขาดตลาดค่ะ สงสัยสตอฯ เหมือนกัน) ... คลุกเสร็จเรียบร้อย ก้อแช่ตู้เย็นไว้


Read More...


KFC โคลสลอว์

แบบครบยกเซ็ท จะได้เลิกทาน KFC มาทำทานกันเอง และอาจขายเป็นอาชีพเสริมได้





ส่วนผสม
กะหล่ำปลี (ซอยเล็ก).............  8 ถ้วย
แครอท (หั่นเล็กๆ).............   1/4 ถ้วย
น้ำตาลทราย.............   1/3 ถ้วย
เกลือ .............  1/2 ช้อนชา
พริกไทย.............   1/8 ช้อนชา
นมสด .............  1/4 ถ้วย
มายองเนส.............   1/2 ถ้วย
น้ำส้มสายชู .............  1 1/2 ช้อนชา
น้ำมะนาว .............  2 1/2 ช้อนชา
เนยจืด.............   1/4 ถ้วย

วิ ธี ท ำ
1. ซอยกะหล่ำปลีและแครอทให้เป็นชิ้นเล็กๆ
2. ผสมน้ำตาล เกลือ พริกไทย นม มายองเนส เนยจืด น้ำส้มสายชูและน้ำมะนาวให้เข้ากัน
3. นำกะหล่ำปลีและแครอทที่ซอยแล้วมาคลุกเคล้าจนเข้ากันดี

ที่มาของ
KFC โคลสลอว์

หรือแบบนี้ก็ได้ ง่ายๆดี
กะหล่ำปลีหันฝอย.............  1 1/2 ถ้วยตวง
หอมใหญ่สับละเอียด.............   2 ช้อนโต๊ะ
ขึ้นฉ่ายหั่นละเอียด.............   1 ช้อนโต๊ะ
แครอทหั่นละเอียด.............   2 ช้อนโต๊ะ
พริกไทย.............   1/2 ช้อนชา
มายองเนส.............    1/4 ถ้วย


วิ ธี ท ำ

ผสมผักเข้าด้วยกัน ใส่มายองเนส  พริกไทย เคล้าให้เข้ากัน ตักใส่ภาชนะ นำเข้าตู้เย็น จัดเสร์ฟเย็นๆ

credit : http://www.annisaa.com/

Read More...


มันบด Mashed Potato




มันฝรั่งบด............. 3  ถ้วยตวง
นมสด.............  6 ช้อนโต๊ะ
เนยสด ............. 1/4 ถ้วยตวง
น้ำเกรวี่.............  2ิ ถ้วย


วิ ธี ท ำ
1. ล้างมันฝรั่งแล้วไปต้มทั้งเปลือก  หรือแกะเปลือกแล้วต้มก็ได้
2. ลอกเปลือกออกบดมันให้ละเอียด
3. ผสมมันฝรั่ง นมสด เนยสดเข้าด้วยกัน
4. เวลารับประทาน ตักมันบดใส่ภาชนะ ราดด้วยบราวซอส (น้ำซอสร้อนๆ)

สูตรทั่วไปใช้ลูกจันทร์บดผสมลงไปด้วย



น้ำเกรวี่


- น้ำซุปไก่ (ทั่วไปใช้น้ำสต็อกหมู หรือไม่ก็เนื้อ หรือไก่ และแน่นอน มันไม่ฮะลาล) ทำเองก็ต้องดัดแปลงเป็นธรรมดา ^^” 
- แป้งข้าวโพด
- พริกไทยดำ นิดหน่อย
- เกลือนิดหน่อย

เคี่ยวไฟอ่อนจนกระทั่งน้ำเหลือครึ่งหนึ่ง

(เวลาทำน้ำเกรสี่ ส่วนมากเอาน้ำต้มไก่้ ง่ายๆดี
ตอนทำสเต็กเนื้อ ก็ทำน้ำแบบนี้ )
ทำเสร็จก็นำไปราดบดมันบด ทานตอนร้อนๆ (ทานตอนอุ่นๆดีกว่า ไม่ต้องเป่า ^^)
หรือนำน้ำนี้ไปทำเสต็กก็ได้

Read More...




----------------

ปรับปรุง
รายการบทความทั้งหมด



การบำรุงรักษารถยนต์เบื้องต้น



ร้านค้าเคลื่อนที่ ใช้ รถบรรทุกขนาดเล็กมาดัดแปลง



รวมบทความอาชีพ เสริม หลากไอเดียวิธีหารายได้เสริม



รวมบทความงานฝีมือ-สิ่งประดิษฐ์ รายได้เสริม



ทองม้วน thong muan ; rolled wafer





MASK รุ่นสายคล้องคอ







MASK รุ่นสายคล้องคอ. ��รุ่นนี้เป็นที่นิยมใช้กันมาก #ขายดีมาก
ทำจากผ้าคอตตอนแท้ 100%  ไม่ผสม เนื้อผ้านุ่ม 
3 ชั้น. สวมใส่พอดีกับใบหน้า ไม่เจ็บหู มีสายคล้องคอปรับได้
เวลาถอดออก ไม่ต้องกลัวลืม เพราะถอดแล้วคล้องคอไว้ได้
บรรจุในถุงซิปฟรอย์อย่างดี
ราคาชิ้นละ. 59. บาท. ไม่รวมส่ง 
มีหลายสีให้เลือกนะคะ   สนใจทักแชทขอดูสีผ้าได้นะคะ
หน่วยงาน บริษัท ห้างร้าน หรือ สนใจสั่งไปจำหน่าย 
มีเรทราคาส่งค่ะ

-> id line : noeyhorm_06
#มีวางจำหน่ายหน้าร้านชานมไต้หวันมาราชาสาขาจรัญ44


ร้านมาราชาชานมไข่มุก สาขาจรัญสนิทวงศ์ 44
● รับบัตรสะสมครบ 10 แก้ว แลกรับฟรี 1 แก้ว
● สั่งเดลิเวอรีผ่าน LINE MAN, Foodpanda ,GET ...ถึงมือปั๊บพร้อมดื่มปุ๊บ!
● อัพเดทโปรโมชั่นใหม่ๆ รสชาติใหม่ ตลอดเวลา
● มีเมนูให้เลือก 40 กว่าเมนู : https://bit.ly/2Z9iqV0






























































เลือกช่องทางติดต่อและรับข่าวสารบริการหลังการขาย
ฟอร์ด พลปิยะอยุธยาและฟอร์ด พลปิยะวังน้อย

--------------------------------------------------------------------------------------------
แคมเปญ-โปรโมทชั่น อะไหล่ฟอร์ด อัพเดททางออนไลน์และปรับปรุงข้อมูลออนไลน์
อะไหล่ฟอร์ด อะไหล่รถฟอร์ด อะไหล่รถยนต์ฟอร์ด อะไหล่ฟอร์ดแท้ ร้านขายอะไหล่รถฟอร์ด ขายอะไหล่รถฟอร์ด อะไหล่ฟอร์ด
 
Option

รวมบทความอาชีพเสริม หลากไอเดียวิธีหารายได้เสริม หาอาชีพเสริมอิสระทำเงิน สร้างอาชีพอิสระงานฝีมือ แนะนำการสร้างรายได้เสริมทำเงินด้วยการขายสินค้าหรือขายของเป็นอาชีพเสริม อิสระงานฝีมือ แนะแนวธุรกิจ อาชีพเสริม อาชีพแก้จน อยากจะมีรายได้เสริมนอกเหนือจากงานประจำ บล๊อกจัดทำขึ้นเป็นวิทยาทานเพื่อเผยแผ่ความรู้อันจะเป็นไปเพื่อบุญกุศล ขอให้ทุกท่านที่มีส่วนร่วมในบทความของบล๊อกนี้ จงได้รับอานิสงฆ์ด้วยเทอญ.