สูตรขนม สูตรอาหาร อาชีพรายได้เสริม ประกาศฟรี โฆษณาฟรี 2010
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

Drop Down MenusCSS Drop Down MenuPure CSS Dropdown Menu

HAPPY NEW YEAR 2011







สวัสดีปีกระต่าย



ในวาระดิถีเข้าปีหน้า



คุกกี้...
คุกกี้เป็นสัญลักษณ์ของความสุข และความปรารถนาดีผู้ที่ชอบให้คุกกี้เป็นของขวัญแก่ผู้อื่นไม่ว่าจะทำเองหรือซื้อมาแจกก็ตาม เป็นคนที่ชอบพบปะพูดคุยกับผู้คน ค่อนข้างอารมณ์ดีเข้ากับคนง่าย ไม่ชอบความขัดแย้ง ไม่ก้าวร้าวใคร แต่ก็ขี้น้อยใจเก่ง และไม่ค่อยละเอียดรอบคอบนัก


Read More...


ขายหมูปิ้ง


1.หมูปิ้งสูตรนมสด รสอร่อย ขายดีมาก
เครื่องปรุง
เนื้อหมู เอาติดมันก็ได้ หรือ เนื้อสันก็ดี 1 กิโลกรัม
ซีอิ้วดำ 1/2-1 ชต.
นมข้นจืด 3-4 ชต.
หรือนมสด 1 ถ้วย
น้ำตาลปิ้บ 1/2 ถ้วย
น้ำตาลทรายนิดหน่อย น้ำมันหอย นิดหน่อย
ซีอิ้วขาวเห็ดหอม 2-3 ชต
กระเทียม รากผักชี
พริกไทย 2ชต.
น้ำมันมะกอก 2-3ชต.
ผสมกันเสร็จชิมดูก่อนว่ารสออกมาแบบไหน ถ้าชอบหวานชอบเค็มก็เต็มเพิ่มลงไป
 
วิธีทำ
ล้างหมูให้สะอาดแล้วแล่ อย่าบางมากคลุกเคล้ากับส่วนผสมแล้ว แช่ในตู้เย็นสัก 1-2 วันค่อยนำออกมาเสียบไม้ปิ้งหรือเจ้าของสูตรเดิมเขาเสียบไม้ไว้เลยแล้วแช่ฟิต 3 วัน ค่อยเอาออกมาปิ้ง แช่ฟิตจะทำให้หมูนุ่มมาก ๆเวลาปิ้งน้ำปรุงที่เหลืออย่าทิ้งนำน้ำกะทิมาผสม ตอนปิ้งก็ใช้น้ำปรุงนี้ทาลงไปที่หมูกำลังปิ้งเพื่อให้หยดลงไปถ่านกำลังร้อน ๆ จะได้มีควันหอม ๆ รมหมูด้วย
 
2.หมูปิ้งสูตรชาววัง
เครื่องปรุง
เนื้อหมู เอาติดมันก็ได้ หรือ เนื้อสันก็ดี 1 กิโลกรัม
ซีอิ้วดำ 1/2-1 ชต.
นมข้นจืด 3-4 ชต.
หรือนมสด 1 ถ้วย
น้ำตาลปิ้บ 1/2 ถ้วย
น้ำตาลทรายนิดหน่อย น้ำมันหอย นิดหน่อย
ซีอิ้วขาวเห็ดหอม 2-3 ชต
กระเทียม รากผักชี
พริกไทย 2ชต.
น้ำมันมะกอก 2-3ชต.
ผสมกันเสร็จชิมดูก่อนว่ารสออกมาแบบไหน ถ้าชอบหวานชอบเค็มก็เต็มเพิ่มลงไปวิธีทำล้างหมูให้สะอาดแล้วแล่ อย่าบางมากคลุกเคล้ากับส่วนผสมแล้ว แช่ในตู้เย็นสัก 1-2 วันค่อยนำออกมาเสียบไม้ปิ้งหรือเจ้าของสูตรเดิมเขาเสียบไม้ไว้เลยแล้วแช่ฟิต 3 วัน ค่อยเอาออกมาปิ้ง แช่ฟิตจะทำให้หมูนุ่มมาก ๆเวลาปิ้งน้ำปรุงที่เหลืออย่าทิ้งนำน้ำกะทิมาผสม ตอนปิ้งก็ใช้น้ำปรุงนี้ทาลงไปที่หมูกำลังปิ้งเพื่อให้หยดลงไปถ่านกำลังร้อน ๆ จะได้มีควันหอม ๆ รมหมูด้วย

3.หมูปิ้งรสดั้งเดิม
เครื่องปรุง
เนื้อหมู 600 กรัม
กระเทียมกลีบใหญ่ 5-6 กลีบ
พริกไทยเม็ด 1 ช้อนโต๊ะ
ซีอิ้วขาว 3 ช้อนโต๊ะ
ซอสปรุงรส 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลปี๊บ 3 ช้อนโต๊ะ
หัวกะทิ 1/3 ถ้วย
 
วิธีทำ
1. ล้างเนื้อหมูให้สะอาด ซับน้ำให้แห้งแล้วหั่นเป็นชิ้นขนาดประมาณ 2 นิ้ว หนาประมาณ 3 มิลลิเมตร
2. ปลอกเปลือกกระเทียม ล้างน้ำให้สะอาดแล้วหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ นำไปโขลกให้ละเอียดพร้อมพริกไทยเม็ด
3. นำกระเทียมพริกไทยที่โขลกได้ใส่ลงไปในเนื้อหมูที่หั่นไว้ เติมเครื่องปรุงต่างๆ และกะทิ3 ช้อนโต๊ะลงไป คลุกเคล้าเครื่องปรุงต่างๆ ให้เข้ากันแล้วหมักไว้ประมาณ 3 ชั่วโมงหรือทิ้งไว้ข้ามคืน
4. เมื่อหมักได้ที่แล้ว นำเนื้อหมูที่ได้มาเสียบไม้ (ก่อนเสียบไม้ให้นำไม้ไปแช่น้ำไว้ก่อนประมาณ 30 นาที เพื่อช่วยไม่ให้ไม้ไหม้)
5. เริ่มต้นทำการปิ้งโดยวางหมูที่เสียบไม้เรียบร้อยแล้วลงบนตะแกรง นำหัวกะทิที่เหลือมาทาให้ทั่วทุกไม้

4.หมูปิ้งสูตรบาบีคิว
ส่วนผสม
เนื้อหมู 1 กิโลกรัม
ซอสมะเขือเทศ 1/4 ถ้วยตวง
ซีอิ๊วขาว 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 1/2 ช้อนโต๊ะ
พริกไทย ป่น 1 ช้อนชา
ซอสเปรี้ยว 3 ช้อนโต๊ะ
มัสตาร์ด 1 ช้อนชา
น้ำมันพืช 1/4 ถ้วยตวง
เหล้า 3 ช้อนโต๊ะ
 
วิธีทำ
1. หั่นเนื้อหมูเป็นชิ้นบางๆ
2. ผสมเครื่องปรุงทั้งหมดเข้าด้วยกัน นำหมูที่หั่นไปหมัก เคล้าให้เข้ากัน นำไปใส่ไว้ในตู้เย็นประมาณ 1 ชั่วโมง
3. นำหมูที่หมักมาเสียบไม้ให้สวยงาม แล้วนำไปย่างจนกระทั่งสุก

 



วิธีนึ่งข้าวเหนียวให้นุ่มอร่อย
ส่วนผสม
1. ข้าวเหนียว 5 กิโลกรัม(ถ้าข้าวเหนียว 1 กก.ก็ใช้เกลือ สัก 1 ช้อนชาก็ได้ค่ะ)
2. เกลือ 1 ช้อนโต๊ะ
3. น้ำสะอาดพอท่วม
4. ใบเตย 2-3 ใบ
วิธีการทำ
1. นำข้าวเหนียวที่ได้ไปทำการล้างน้ำให้สะอาด โดยล้างประมาณ 2 น้ำ
2. เติมน้ำสะอาดลงไปให้พอท่วม ตามด้วยเกลือ 1 ช้อนโต๊ะที่เตรียมไว้
3. หลังจากนั้นแช่ทิ้งไว้ประมาณ 1 – 2 ชั่วโมง ก็สามารถนำไปนึ่งได้ก่อนนึ่งข้าวเหนียวให้รองก้นหวดด้วยใบเตยประมาณ 2-3 ใบ จะช่วยให้ข้าวเหนียวมีกลิ่นหอมของใบเตยน่ารับประทาน การนำข้าวเหนียวแช่น้ำเกลือ ก่อนนำไปนึ่งนั้น จะช่วยลดระยะเวลาในการแช่ข้าวเหนียวได้ ซึ่งปกติแล้วถ้าไม่ใส่เกลือจะต้องใช้ระยะเวลาในการแช่ข้าวเหนียวประมาณ 1 คืน แต่เมื่อเติมเกลือลงไป แช่แค่ 1 – 2 ชั่วโมง ก็จะทำให้ข้าวเหนียวนุ่มน่ารับประทานขึ้น
 
อุปกรณ์ที่ใช้ในการลงทุนขายหมูปิ้ง
1.เตาปิ้งหมู มีหลายแบบ เลือกใช้ตามความชอบ เราลองไปแอบดูตามร้านที่เขาขายก่อนก็ได้ค่ะ ลองสอบถามราคาและแหล่งที่ขายเตาแบบที่คุณต้องการ จะได้ราคาไม่แพง และเดินทางไปซื้อได้สะดวก
2.รถเข็น มีทั้งแบบไม่มีหลังคา และมีหลังคา ราคาเริ่มต้นที่ประมาณ 4,000 บาทค่ะถ้าไม่อยากลงทุนเยอะ จะลองขายหน้าบ้านตัวเองดูก่อน ก็ใช้แค่โต๊ะ 1 ตัวก็พอค่ะ เป็นการทดลองตลาดและฝีมือ ค่ะ
3.ถาด+ตะแกรง ใส่หมูปิ้ง เพื่อจะนำหมูที่ปิ้งเสร็จแล้วมาจัดวางให้สวยงาม แนะนำให้ใช้ใบตองสะอาดๆ วางก่อนนะนะจะได้หอมและน่ารับประทานยิ่งขึ้น
4.กระติ๊กใบใหญ่ ไว้ใส่ข้าวเหนียวที่นึ่งเสร็จแล้วจะได้เก็บความร้อนของข้าวอยู่เสมอ(อย่าลืมนำผ้าข้าวบางวางในกระติ๊กก่อนนะค่ะ)
5.กรรไกร ใช้ตัดเนื้อที่ไหม้ ดำ ออก เวลาเราย่างหมูปิ้ง ตรงไหนดำไปเกรียมไป เราก็ใช้กรรไกรตัดทิ้งก่อน วางขายนะคะ
6.ถุงใส่
เคล็ดลับมัดใจลูกค้า
บางร้าน มีน้ำจิ้มรสเด็ด แถมให้ลูกค้าด้วย เพื่อใครชอบรสจัดๆ เราอาจจะทำน้ำจิ้มรสซีฟู๊ด ก็ได้นะค่ะ น้ำจิ้ม ปรับปรุง และคิดสูตรตามความชอบของเรา ก่อนอื่นเราต้องนำมาทดลองจิ้มกับ หมูปิ้งสูตรของเราก่อนว่า อร่อยไหม ถ้าอร่อย ขายได้เรยค่ะ



สูตรน้ำจิ้มซีฟูดรสเด็ด
ส่วนผสม
◊ รากผักชีหั่นฝอย ๒ ราก
◊ พริกขี้หนูสด ๑๐ เม็ด
◊ กระเทียม ๓ กลีบ
◊ เกลือ ๑ ช้อนชา
◊ น้ำมะนาวลูก
◊ น้ำตาลทราย ๑/๒ ช้อนชา
◊ น้ำอุ่น ๓ ช้อนโต๊ะ

 
 
วิธีทำ
นำพริกขี้หนูสด กระเทียม รากผักชี เกลือ น้ำตาล โขลกด้วยกันให้ละเอียด ผสมน้ำมะนาว น้ำอุ่น คนให้เข้ากัน ชิมรสตามชอบ ตักขึ้นใส่ถ้วย
 
ที่สำคัญคือความสะอาด และการยิ้มแย้มแจ่มใส บริการลูกค้าทุกคน ซื่อสัตย์ต่อลูกค้าของเรา นำของดีขายให้ลูกค้านะค่ะ ลองทำขายดูนะคะ คงไม่ยากเกินไป ขอให้ทุกคนโชคดี ขายดี ร่ำรวยทุกคนค่ะ
 

Read More...


สูตรขนมครก

ส่วนผสม

1. แป้งข้าวเจ้าอย่างดี ตราดอกไม้ 1 กิโลกรัม
2. น้ำกะทิ 4 ถ้วยตวง
3. น้ำสะอาด 2 ถ้วยตวง
4. น้ำปูนใส 2 ถ้วยตวง
5. น้ำตาลโตนด 1 ช้อนโต๊ะ
6. เกลือ 1 ช้อนชา
7. โรยหน้าตามใจชอบ อาทิ ต้มหอม ข้าวโพด เผือก ฯลฯ
วิธีผสมแป้ง
ค่อยๆ เทแป้งข้าวเจ้า ลงผสมกับน้ำสะอาด น้ำปูนใส คนจนกว่าจะเข้ากัน จากนั้นเติมกะทิ น้ำตาลโตนด เกลือป่น แล้วคนให้เข้ากันดี
กะทิหน้าขนมครก
ส่วนผสม
1. หัวกะทิ 6 ถ้วยตวง
2. หางกะทิ 2 ถ้วยตวง
3. น้ำตาลทราย 1 1/2 ถ้วย
4. เกลือ 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำกะทิสำหรับหยอดหน้า
ผสม หัวกะทิ หางกะทิ เกลือป่น น้ำตาลทราย เข้าด้วยกัน นำไปตั้งไฟ คนให้น้ำตาลและเกลือละลาย จากนั้นยกลง ทิ้งไว้ให้เย็น ใส่ภาชนะเตรียมหยอดหน้าขนมครก

วิธีทำขนมครก1. ตั้งกระทะขนมครก ใช้ไฟอ่อนปานกลาง รอจนเตาร้อนเต็มที่
2. นำลูกประคบ ทำด้วยกากมะพร้าวห่อด้วยผ้าขาว แตะน้ำมันพืช เช็ดที่เบ้าขนมครกให้ครบทุกเบ้า
3. ตักหรือใช้กาหยอดแป้งขนมครก ลงในเบ้าปริมาณ 3/4 นำกระบวยกดให้ล้นขึ้นมาด้านข้าง ประมาณ 1 เซนติเมตร ปิดฝาทิ้งไว้ราว 2-3 นาที
4. หยอดหางกะทิ ตามด้วยหัวกะทิ ประมาณ 1 ช้อนชา ต่อ 1 เบ้า โรยหน้าตามใจชอบ ปิดฝาทิ้งไว้ รอจนขอบแป้งเหลือง ใช้ช้อนแซะขึ้นใส่ภาชนะ

วิธีทำหน้าไข่เค็ม นำไข่เค็มต้มสุก มาแกะเปลือกออก นำไปขูดให้เป็นเส้นฝอยๆ ใช้โรยหน้าขนมครก เพิ่มความอร่อยด้วยพริกชี้ฟ้าหั่นฝอย และผักชี (เฉพาะใบ)
วิธีทำหน้ากุ้ง ใช้กุ้งสด มะพร้าวทึนทึก ในปริมาณที่เท่ากัน สับให้ละเอียด นำไปรวน ใส่พริกไทย เกลือป่น ชิมให้ออกรสเค็มนิดๆ โรยบนหน้าขนมครก แต่งด้วยใบมะกรูดหั่นฝอย พริกเหลืองซอย ใบผักชีเด็ดเป็นใบๆหรือว่าใครจะคิดสูตรหน้าขนมครกใหม่ๆ เองก็ได้นะคะขนมครกของเราจะได้ไม่เหมือนใคร
*เคล็ดลับความอร่อย*1. น้ำมันพืชที่ใช้เช็ดเบ้าขนมครก ควรเป็นน้ำมันมะพร้าว จะทำให้ขนมครกมีกลิ่นหอม ชวนให้น่ารับประทาน นอกจากนั้น ยังทำให้ผิวขนมครกมีสีสวย
2. ภาชนะใส่ขนมครก ไม่ควรใช้โฟม เนื่องจากมีสารเมลามีน ก่อให้เกิดมะเร็ง ควรเป็นจานกระดาษ หรือรองด้วยใบตอง หรือหากจำเป็นต้องเรียงซ้อนกัน ก็ควรมีใบตองวางทับไว้ด้วย เพื่อไม่ให้ขนมครกติดกัน
3. เบ้าขนมครก มีทั้งที่ผลิตจากเหล็ก และสเตนเลส ขึ้นอยู่กับเงินลงทุน ส่งผลด้านความสวยงาม แต่ไม่ส่งผลต่อรสชาติแต่อย่างใด
.................................................................................................................................
 สูตรขนมครกโบราณ
สูตรขนมครกสูตรนี้ เป็นของอาจารย์ทองเยาว์ โทณานนท์ จากวิทยาลัยในวังคะ อาจารย์ทองเยาว์แนะนำว่า ข้าวสารที่จะใช้สำหรับทำขนมครกนั้น ควรใช้ข้าวสารเก่า เพราะถ้าใช้ข้าวใหม่ จะเหนียวติดฟัน และเวลาแคะออกจากเตาก็ไม่ค่อยจะล่อนด้วย ส่วนเรื่องที่เช็ดหลุมขนมครกคุณถามมา เขาจะใช้เศษผ้าฝ้ายหรือผ้าขาวบางมาห่อรวมกันหลาย ๆชั้น ทำเหมือนเวลาเราทำลูกประคบนั่นแหละคะ แล้วเอาไปแช่น้ำมันเอาไว้ พอให้น้ำมันซึมทั่วเนื้อผ้า ก็เป็นอันใช้ได้ หรืออาจจะใช้ผ้านำห่อกากมะพร้าวแล้วนำไปชุบน้ำมันนิดหน่อยก็ได้คะ

สมัยก่อนโน้นเขาจะใช้เตาขนมครกที่ทำจากดินเผา แต่ถ้าซื้อปุ๊บนำมาใช้ปั๊บ ขนมจะติดเตา ไม่ล่อน วิธีแก้ไขของคนโบราณ คือ ก่อนที่จะนำกระทะนี้มาใช้ เขาจะเอากากมะพร้าวสุมให้เต็มหลุมแล้วนำไปตั้งไฟให้น้ำมันจากกากมะพร้าวเคลือบทั่วกระทะขนมครก (ทิ้งไว้ให้กากมะพร้าวไหม้คาหลุมเลย) วิธีนี้จะทำให้ขนมไม่ติดเตาคะ
ส่วนผสมตัวแป้ง

ข้าวสารเก่า 1 ลิตร ( = 4 ถ้วย 4 ช้อนโต๊ะ กับอีก 1 ช้อนชา)
ข้าวสุก 1 + 1/ 2 ถ้วย
มะพร้าวขูดขาว 500 กรัม
เกลือป่น 1 ช้อนชา
ส่วนผสมกะทิสำหรับหยอดหน้า
หัวกะทิ 4 + 1/ 2 ถ้วย
น้ำตาลทราย 1 + 1/ 2 ถ้วย
เกลือป่น 1 - 2 ช้อนชา
วิธีทำ

เริ่มจากทำตัวแป้งก่อน โดยเอาข้าวสารซาวให้สะอาด ผสมกับข้าวสุก มะพร้าว เกลือ ใส่ภาชนะปากกว้าง เช่น ชามอ่าง ใช้น้ำ 3 เท่า ต้มให้เดือด แล้วเอามาชงในชามอ่างที่ใส่ส่วนผสมไว้ ใช้ไม้พายหรือทัพพีคนให้ทั่ว ทิ้งไว้ให้เย็น แล้วเอาไปโม่ (การเอาน้ำร้อนชงก่อน จะช่วยรักษาแป้งไว้ได้นาน คือ ทำเช้าไปจนถึงบ่ายแป้งก็ไม่เปรี้ยว ไม่อย่างนั้นจะบูด และถ้าเราใช้ภาชนะปากแคบทรงสูง ข้าวก็จะสุกมากเกินไป เพราะความร้อนจะกระจายได้น้อย)

หลังจากนั้นก็หันมาทำกะทิสำหรับหยอดหน้า โดยเอาหัวกะทิ น้ำตาลทราย และเกลือ มาผสมเข้าด้วยกัน คนให้น้ำตาลและเกลือละลาย ยกขึ้นตั้งไฟ พอเดือด จึงยกลง (อย่าเคี่ยว กะทิจะแตกมันมาก)
วิธีหยอด
ตั้งเตาเอาน้ำมันพืชเช็ดให้ทั่ว เริ่มหยอดหลุมกลางก่อนเพียงหลุมเดียว
 หยอดตัวแป้ง หยอดหน้ากะทิ ปิดฝา
แล้วมาหยอดแถวที่ 2 ปิดฝา
แล้วมาหยอดรอบนอก เสร็จแล้วปิดฝา
เราก็เปิดหลุมแรก แล้วเปิดแถวที่ 2 แคะออก แล้วมาเปิดรอบนอก จะสุกพอดีกันเลย
เวลาหยอดเสร็จแล้ว ต้องปิดฝาทันที ไฟต้องแรง แต่ถ้าใช้เตาดิน ก็แรงมากไม่ได้ เดี๋ยวเตาจะแตก ถ้าใช้กระทะเหล็กก็จะสะดวก แต่หอมสู้กระทะดินไม่ได้ ก็ต้องใจเย็น เวลาหยอดหน้าก็ต้องระวัง ถ้าช้าไปก็จะไหม้ และกะทิจะแตกมัน
ขนมครกแบบโบราณ จะนิยมทานกับหน้าต่าง ๆ ที่นิยมทำคือ หน้าไข่เค็ม หน้าหัวผักกาดเค็ม และหน้ากุ้งคะ
วิธีทำหน้าไข่เค็ม
 เริ่มจาก นำไข่เค็มต้มสุกมาแกะเปลือกออก เวลาแกะเปลือกไข่เค็ม อย่ากะเทาะไข่ทั่วทั้งฟองเหมือนกับไข่ต้มธรรมดา ๆ นะคะ ต้องกะเทาะเพียงที่เดียว แล้วค่อย ๆ แกะไปเรื่อย ๆ จนทั่วทั้งฟอง อันนี้ต้องใจเย็นกันหน่อยคะ
พอได้ไข่เค็มที่ปอกเปลือกเสร็จแล้ว ก็นำไปขูดให้เป็นเส้นฝอย ๆ ระวังอย่าให้ไข่ที่ขูดแล้วกองทับกันมากเกินไป มันจะติดเป็นเนื้อเดียวกัน
 แล้วนำไข่เค็มที่ขูดเสร็จนี้ไปโรยหน้าขนมครกเมื่อจะแคะขึ้น วางพริกชี้ฟ้าหั่นฝอย และ ผักชีเด็ดใบ
วิธีทำหน้าหัวผักกาดเค็ม
ใช้หัวผักกาดเค็มนำมาสับให้ละเอียด ผสมรากผักชี กระเทียม พริกไทยป่น แล้วนำไปผัดกับน้ำมันนิดหน่อย
วิธีทำหน้ากุ้ง
ใช้กุ้งสด มะพร้าวทึนทึกในปริมาณที่เท่ากัน สับให้ละเอียด
แล้วรวนด้วยน้ำมัน โรยพริกไทย เกลือป่น ให้ออกรสเค็มนิด ๆ
ใช้โรยหน้าขนมครก แต่งด้วยใบมะกรูดหั่นฝอย พริกเหลืองซอย ใบผักชีเด็ดเป็นใบ ๆ

อุปกรณ์สำหรับทำขนมครก (ราคาโดยประมาณ)เงินลงทุนประมาณ 3,000 บาท

1.เตาไฟ 2 หัว เป็นเตาเหล็ก 1,500 บาท
2.เบ้าขนมครก 1 ใบ ราคา 600 บาท
3. กาหยอดขนมครก 60-100 บาท
4.เตาแก๊ส 300 บาท
5.ค่าวัตถุดิบ อาทิ แป้ง กะทิ น้ำตาลโตนด เกลือ จานกระดาษไว้ใส่ขนม ทั้งสิ้น 300 บาท
ลงทุนครั้งหนึ่ง ประมาณ 300 บาท ซื้อแป้งสำเร็จรูป 1 กิโลกรัม มาผสมกับ น้ำกะทิ น้ำสะอาด น้ำปูนใส น้ำตาลโตนด เกลือ จะได้แป้งสำหรับหยอดขนมครก 3 กิโลกรัม แป้งจำนวนนี้สามารถหยอดขนมครก ขนาด 15 เบ้า ได้ 24 กระทะ หากแคะไม่เสีย จะได้ขนมครก ทั้งหมด 360 ชิ้น จำหน่ายชิ้นละ 2 บาท รวมแล้วเป็นเงิน 720 บาท หลังหักค่าใช้จ่าย ได้กำไรเกินครึ่ง”
ร้านจำหน่ายวัตถุดิบทำขนมครก
1. ตลาดสดใกล้บ้าน/ห้างสรรพสินค้า
2. ร้านแสงอรุณ ตั้งอยู่บริเวณหน้าตลาดจังหวัดนนทบุรี จำหน่ายวัตถุดิบทำขนมไทยทุกประเภท ภาชนะบรรจุ และอุปกรณ์จำเป็นทั้งหมดสำหรับทำขนม โทรศัพท์ (02) 525-0504
3. ร้านตั้งจิบเซ้ง ที่อยู่ แขวงวังบูรพาภิรมย์ เขตพระนคร กรุงเทพฯ โทรศัพท์ (02) 222-1721, (02) 221-3809, (02) 221-2280, (02) 221-1693
ร้านขายกล่องบรรจุและเบ้าขนมครก
1. ร้านตั้งจิบเซ้ง ที่อยู่ แขวงวังบูรพาภิรมย์ เขตพระนคร กรุงเทพฯ โทรศัพท์ (02) 222-1721
2. ร้านขจรศักดิ์ เครื่องครัว ที่อยู่ แขวงวังบูรพาภิรมย์ เขตพระนคร กรุงเทพฯ โทรศัพท์ (02) 221-0572 โทรสาร (02) 221-7796
3. ห้างแม็คโคร ทุกสาขา
4. ร้านกิตติเครื่องครัว ที่อยู่ แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพฯ โทรศัพท์ (02) 271-0634
5. บริษัท วีรสุ รีเทล จำกัด สาขาถนนวิทยุ ที่อยู่ 83/7 ถนนวิทยุ ลุมพินี ปทุมวัน กรุงเทพฯ โทรศัพท์ (02) 254-8100-8 โทรสาร (02) 254-8109 เปิดทุกวันเวลา 09.00-19.00 น.
6. บริษัท วีรสุ จำกัด สาขาเยาวราช ที่อยู่ 436 ถนนเยาวราช เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ โทรศัพท์ (02) 226-5365-7, (02) 224-2240, (02) 224-2179 โทรสาร (02) 226-5364 เปิดทุกวัน เวลา 09.00-18.00 น. ยกเว้นวันอาทิตย์
7. บริษัท วีรสุ จำกัด สาขาลาดพร้าว ที่อยู่ 3456 /1 ถนนลาดพร้าว บางกะปิ กรุงเทพฯ โทรศัพท์ (02) 375-6284-7, (02) 734-1040-5 โทรสาร (02) 734-1049 เปิดทุกวัน เวลา 09.00-19.00 น.
8. บริษัท วีรสุ รีเทล จำกัด สาขาแจ้งวัฒนะ ที่อยู่ 104/19-21 ถนนแจ้งวัฒนะ ทุ่งสองห้อง หลักสี่ กรุงเทพฯ โทรศัพท์ (02) 982-4435-7 โทรสาร (02) 982-4439 เปิดทุกวัน เวลา 10.00-19.00 น.
9. วีรสุคอร์เนอร์ สาขาเสรีเซ็นเตอร์ ถนนศรีนครินทร์ โทรศัพท์ (02) 746-0171 เปิดวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา 11.00-21.00 น. วันเสาร์-วันอาทิตย์ เวลา 10.00-21.00 น.
10. วีรสุคอร์เนอร์ The Mall งามวงศ์วาน ชั้น 4 บริเวณแผนกเครื่องใช้ไฟฟ้า โทรศัพท์ (02) 550-0609 เปิดวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา 10.30-22.00 น. วันเสาร์-วันอาทิตย์ เวลา 10.00-22.00 น.
11. วีรสุคอร์เนอร์ ห้างอิเซตัน ชั้น 5 บริเวณหน้าซุปเปอร์มาร์เก็ต โทรศัพท์ (02) 255-9816 เปิดทุกวัน เวลา 10.00-21.00 น.
12. วีรสุคอร์เนอร์ The Mall บางกะปิ ชั้น 3 บริเวณแผนกเครื่องใช้ไฟฟ้า โทรศัพท์ (02) 363-3076 เปิดวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา 10.30-22.00 น. วันเสาร์-วันอาทิตย์ เวลา 10.00-22.00 น.
13. วีรสุคอร์เนอร์ The Mall ท่าพระ ชั้น 4 บริเวณแผนกเครื่องใช้ไฟฟ้า โทรศัพท์ (02) 477-7200 เปิดวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา 10.30-22.00 น. วันเสาร์-วันอาทิตย์ เวลา 10.00-22.00 น.
14. ห้างแม็คโคร
15. ร้านดี-เบสท์ โกรเซอรี่ จำกัด เลขที่ 148/6-7 หมู่ 2 ตำบลปากเกร็ด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี โทรศัพท์ (02) 960-6924-5 โทรสาร (02) 960-6934
16. ร้านกล้วยน้ำไทการช่าง 1 ที่อยู่ แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ โทรศัพท์ (02) 617-6310-2 โทรสาร (02) 617-7785
17. ร้านกล้วยน้ำไทการช่าง 1 ร้านสาขาคลองเตย กรุงเทพฯ โทรศัพท์ (02) 381-7956
18. ร้านกล้วยน้ำไทการช่าง สาขาพระโขนง กรุงเทพฯ โทรศัพท์ (02) 249-4732-35 โทรสาร (02) 249-5620
19. บริษัท ดี เค เบเกอรี่มาร์ทเทรดดิ้ง จำกัด ที่อยู่ แขวงบางพลัด เขตบางพลัด กรุงเทพฯ โทรศัพท์ (02) 881-0619-21 โทรสาร (02) 881-0622
20. ร้านกล้วยน้ำไทการช่าง 2 กรุงเทพฯ โทรศัพท์ 02) 391-2093
21. บริษัท คิงส์แมชชีนส์กล้วยน้ำไทการช่าง จำกัด ที่อยู่ แขวงพระโขนง เขตคลองเตย กรุงเทพฯ โทรศัพท์ (02) 249-4732, (02) 249-5235, (02) 249-5620, (02) 671-6844-5 โทรสาร (02) 672-8700
22. บริษัท จักรวาล เซ็นเตอร์ จำกัด ที่อยู่ ตำบลตลาดขวัญ อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี โทรศัพท์ (02) 526-8115, (02) 968-3041-8 โทรสาร (02) 526-7918, (02) 968-4989
23. ร้านจิรวัฒน์ อุปกรณ์เบเกอรี่ ที่อยู่ แขวงบางแค เขตบางแค กรุงเทพฯ โทรศัพท์ (02) 455-9453, (02) 801-0204
24.บริษัท ไทยวาชิโนอิเล็คตริค จำกัด 4264 หมู่ 11 ซอยแบริ่ง ถนนสุขุมวิท 107 อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ โทรศัพท์ (02) 758-4819 (084) 071-4748

                                                      ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจากมติชนค่ะ
credit : http://bychoms.blogspot.com/

Read More...


สูตรก๋วยเตี๋ยวเรือ



ส่วนผสม และวิธีปรุงน้ำซุป
ใช้หม้อก๋วยเตี๋ยว เบอร์ 16 (ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 16 นิ้ว)
น้ำสะอาด 14 ลิตร
ซีอิ๊วดำ (ตราเด็กสมบูรณ์ สูตร 5) 1/2 กระบวย
เกลือป่น (ใช้ได้ทั้งเกลือปรุงทิพย์และเกลือป่นทั่วไป) 1 1/2 ช้อนโต๊ะ
ซอสปรุงง่วนเชียงฝาสีน้ำตาล 2 กระบวย
ซีอิ๊วขาว (ตราเด็กสมบูรณ์ สูตร 5) 1 กระบวย
เต้าหู้ยี้ ก้อนใหญ่ 1 1/2 ก้อน
(ก้อนเล็ก ใช้ 3 ก้อน)
ผงชูรส จะใส่หรือไม่ใส่ก็ได้ 2 ช้อนโต๊ะ
รสดี รสหมู/รสเนื้อ 1/2 ซอง (หรือจะใช้คนอร์ก้อนก็ได้ 2 ก้อน)
น้ำกระเทียมดอง 2 กระบวย
น้ำตาลโอทึ้ง (น้ำตาลอ้อย) 1 กระบวย
เต้าเจี้ยว (ตราเด็กสมบูรณ์ สูตร 2) 1/2 กระบวย
กระดูกหมู-เนื้อ (เอียเล้ง) 1/2 กิโลกรัม
ใบเตย 1 กำ
รากผักชี 1 กำ
กระเทียมสดตำ 2 ช้อนโต๊ะ
เม็ดผักชี 1 ช้อนโต๊ะ
อบเชย 1/2 ขีด ประมาณ 2-3 ก้าน
ดอกโป๊ยกั้ก 1 ช้อนโต๊ะ ประมาณ 8 ดอก
กะทิสด 1 กิโลกรัม (แบ่งเป็น หัวกะทิ 1/2 กิโลกรัม หาง 1/2 กิโลกรัม)
ข่าแก่ทุบ
เหล้าจีน 1/2 กระบวย
ผงก๋วยเตี๋ยวเรือ 5 ช้อนโต๊ะ
เลือดหมูสด หรือเลือดวัว 4 กระบวย
น้ำตาลกรวด 1 ขีด
พริกหอม ยี่ห้อไร่ทิพย์ 1 ช้อนโต๊ะ
ซีอิ๊วหวาน (ใช้สำหรับเมนูก๋วยเตี๋ยวแห้ง)
ผ้าขาวบาง สำหรับไว้ห่อเครื่องเทศ


 
วิธีทำ
1. ต้มน้ำให้เดือด
2. นำซีอิ๊วดำ เกลือป่น ซอสปรุงรส ซีอิ๊วขาว เต้าหู้ยี้ ผงชูรส ผงรสดี น้ำกระเทียมดอง น้ำตาลโอทึ้ง เต้าเจี้ยว น้ำตาลกรวด มาปั่น หรือคนให้ส่วนผสมละลายเข้ากัน เทลงใส่หม้อน้ำเดือด ช่วงนี้เร่งไฟให้แรง 3. นำหัวกะทิ และหางกะทิ อย่างละ 1/2 กิโลกรัม เทใส่ลงไป รอให้เดือดพล่าน ใส่เลือดสด 4 กระบวย
4. นำกระเทียม เม็ดผักชี พริกหอม ดอกโป๊ยกั้ก อบเชย ตำหยาบๆ ห่อด้วยผ้าขาวบางมัดด้วยตอกให้แน่น 5. ใส่เครื่องเทศที่ห่อด้วยผ้าขาวบาง ขาแก่ ใบเตย ลงไปต้ม ช่วงนี้หรี่ไฟให้อ่อนลง


เนื้อหมู/เนื้อวัว ที่ใช้เฉลี่ยปริมาณ 200 ชาม
เนื้อหมูหั่นบาง เลือกบริเวณสันคอ หรือคั่วตับ 1 กิโลกรัม
ตับหมูหั่นบาง 1/2 กิโลกรัม
ลูกชิ้นหมู (แนะนำยี่ห้อ PA) 1 1/2 กิโลกรัม
หมูตุ๋นใช้พวงตับ 1/2 กิโลกรัม
เลือดสด 1 ขวดลิตร
สูตรหมักเนื้อหมู/เนื้อวัว (ในปริมาณ 1 กิโลกรัม)
1. ใส่ซอสง่วนเชียง ฝาสีน้ำตาล 3 ช้อนโต๊ะ
2. น้ำมันหอย 2 ช้อนโต๊ะ
3. รสดี + ผงชูรส 1 ช้อนชา
4. ไก่ไข่ เบอร์ 0 1 ฟอง

วิธีทำพริกน้ำส้ม

พริกสด 1/2 กิโลกรัม กระเทียมสด 1 กำมือ คั่วไฟอ่อนจนพริกสุก นำไปบดผสมน้ำส้ม 3 ขวดลิตร น้ำกระเทียมดอง 2 กระบวย เกลือป่น 1 ช้อนโต๊ะ สูตรนี้สามารถเก็บไว้ใช้นาน 1 สัปดาห์

เคล็ดลับ

1. กะทิ สามารถใช้กะทิสด หรือกะทิกล่องได้ เลือกขนาด 250 มิลลิลิตร
2. อบเชย ดอกโป๊ยกั้ก เม็ดผักชี พริกหอม เหล่านี้ควรนำไปคั่ว หรืออบ เพื่อช่วยให้น้ำซุปมีกลิ่นหอม
3. ช่วงที่กะทิเดือด เพื่อไม่ให้น้ำซุปจับกันเป็นก้อน นำตะกร้อลวกเส้นก๋วยเตี๋ยวลงไปเขย่าๆ
4. ผักที่ใช้รับประทานกับก๋วยเตี๋ยวเรือ ผักบุ้ง ถั่วงอก ใบโหระพา ผักชีฝรั่ง
5. เลือดหมู ลักษณะสีจะคล้ำๆ ส่วนเลือดวัว สีจะแดงสด
6. เส้นก๋วยเตี๋ยวที่นิยม เส้นเล็ก เส้นหมี่ เส้นใหญ่ บะหมี่ วุ้นเส้น
7. เมนูแห้ง ใส่ถั่วลิสงป่น และซีอิ๊วดำ ลงไปคลุก

 
อุปกรณ์ที่จำเป็น

ตู้กระจก ราคาประมาณ 1,000-1,500 บาท
โต๊ะวางตู้กระจก ราคาประมาณ 500 บาท
หม้อก๋วยเตี๋ยว ราคาประมาณ 1,300 บาท
เตา และถังแก๊ส ราคาประมาณ 2,000 บาท
ตะกร้าใส่เส้น เริ่มต้น ใบละ 10 บาท
กะละมังใส่ผัก เริ่มต้น ใบละ 10 บาท
ชาม หรือโหล ใส่เนื้อวัว-เนื้อหมู 2 ใบ เริ่มต้น ใบละ 50 บาท
ชาม หรือโหล ใส่เครื่องปรุง เริ่มต้น ชุดละ 100 บาท
กระบวยตักน้ำซุป สเตนเลส เบอร์ 2 อันละ 60-120 บาท
ที่ลวกทองเหลือง 2 อัน อันละ 150-300 บาท
ถ้วยก๋วยเตี๋ยว ถ้วยซุปเปอร์แวร์ ใบละ 30 บาท ถ้วยตราไก่ ประมาณใบละ 10 บาท ช้อน ตะเกียบ ตะหลิว กระทะ กล่องตะเกียบ พวงเครื่องปรุง ฝาชี เขียง มีด หั่นเนื้อ-หมู ประมาณ 1,000 บาท ถุงใส่ก๋วยเตี๋ยวใช้ถุงร้อนขนาด 6 x 9 นิ้ว ถุงน้ำจิ้ม 3 x 5 นิ้ว ถุงหิ้ว 6 x 14 นิ้ว
เงินลงทุนทั้งหมด ประมาณ 10,000-13,000 บาท ไม่รวมโต๊ะ เก้าอี้ ค่าสถานที่ เงินทุนหมุนเวียน วัตถุดิบหมุนเวียน ซึ่งเบ็ดเสร็จทั้งหมดจะประมาณ 100,000 บาท

** หมายเหตุ กระบวยสามารถเปลี่ยนจากสเตนเลส เป็นอะลูมิเนียมได้ แต่หม้อ ควรทำจากสเตนเลสชนิดปลอดสารตะกั่ว พวกภาชนะใส่ผัก และเนื้อสัตว์ สามารถเลือกภาชนะใส่ได้ตามต้องการ

แหล่งซื้ออุปกรณ์ทำก๋วยเตี๋ยว

- ห้างแม็คโคร ห้างสรรพสินค้าทั่วไป
- ซีกัลช็อปออนไลน์ ที่อยู่ 891 ถนนตากสิน เขตธนบุรี กรุงเทพฯ โทรศัพท์ (02) 873-9229
- หจก.สหตั้งง่วนเฮง ที่อยู่ 24-26 ถนนอนุวงศ์ แขวงจักรวรรดิ เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ โทรศัพท์ (02) 453-2015-18 โทรสาร (02) 897-8313
- ย่านสำเพ็ง
- สนามหลวง 2
- ช้อปสะบัดดอทคอม เข้าดูรายละเอียดสินค้าได้ที่ www.shopzabuzz.com
- บริษัท อาปาเช่เดลี่ฟู้ด จำกัด ที่อยู่ 124/60 ซอยเรวดี 22 ถนนติวานนท์ ตำบลตลาดขวัญ อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี โทรศัพท์ (02) 951-5037, (02) 951-4175-6 โทรสาร (02) 951-4717
- ร้าน FactoryOutletshop ปากซอยเสรีไทย 67 ที่อยู่ 85 ถนนเสรีไทย ซอย 67 คลองกุ่ม บึงกุ่ม กรุงเทพฯ โทรศัพท์ (081) 313-4443
- เครื่องครัวตราหัวม้าลาย ที่อยู่ 24 ถนนศรีนครินทร ์หนองบอน กรุงเทพฯ โทรศัพท์ (02) 720-5959
- ผู้ผลิตเครื่องครัว ตราจรวด และตรานกนางนวล บริษัท ไทยสเตนเลสสตีล จำกัด โทรศัพท์ (02) 730-7999
- ร้าน CCT Kitchenware ที่อยู่ 928-932 ซอยเปาประสิทธิ์ ถนนทรงวาด เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ โทรศัพท์ (02) 223-7463-4, (087) 511-7972 โทรสาร (02) 226-5931 เว็บไซต์ www.cctkitchenware.com
- สมุนไพร ทำก๋วยเตี๋ยวเรือ หาซื้อได้ตามร้านขายยาจีน ย่านเยาวราช
- เจ้ากรมเป๋อ ขายสมุนไพร อาทิ อบเชย ที่อยู่ 229-31 ถนนจักรวรรดิ เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ โทรศัพท์ (02) 221-3272 เวลาทำการ วันจันทร์-เสาร์ 08.30-16.30 น. หยุดวันอาทิตย์
- เวชพงศ์โอสถ จำหน่ายสมุนไพร ที่อยู่ 145-149 ถนนสี่แยกวัดตึก แขวงจักรวรรดิ เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ โทรศัพท์ (02) 221-2469, (02) 224-6328
- บริษัท กอสโต จำกัด ผลิตและจำหน่ายผงทำน้ำก๋วยเตี๋ยวสำเร็จรูป ที่อยู่ 64 ซอยอินทามระ 55 สุทธิสาร กรุงเทพฯ โทรศัพท์ (02) 693-6476-9 เว็บไซต์ www.gostofood.com
- ลูกชิ้นหมู ยี่ห้อ PA โทรศัพท์ (02) 738-4515
- เส้นก๋วยเตี๋ยว ยี่ห้อ แพนด้า โทรศัพท์ (081) 991-5677
ใกล้ที่ไหน สะดวกที่ไหนก็หาซื้อกันได้ตามใจชอบเลยนะค่ะ
 สำหรับข้อมูลที่ระบุมาทั้งหมด คงพอใช้เป็นแนวทางปฏิบัติได้บ้าง แต่หากต้องการทราบรายละเอียดเพิ่มเติม หรือสนใจเข้ารับการอบรมวิชาชีพนี้ ติดต่อได้ที่
ศูนย์อาชีพและธุรกิจ มติชน
โทรศัพท์ (02) 589-2222, (02) 589-0492 และ (02) 954-4999 ต่อ 2100, 2101, 2102 และ 2103


หรือใครอยากลองไปชิมรสชาติก๋วยเตี๋ยวเรืออร่อยๆ ของอาจารย์โอฬารก่อน ร้านตั้งอยู่ที่ คลองสี่ ย่านถนนลำลูกกา อยู่ช่วงเส้นทางลัดที่จะไปธัญบุรี (ถนนไสวประชาราษฎร์) จากถนนใหญ่เข้าไปประมาณ 1 กิโลเมตร อยู่ใกล้ๆ กับหมู่บ้านสวนทองวิลล่า 7 เยื้องโรงงานอาริยะการทอ ลักษณะร้านเป็นอาคารพาณิชย์สูง 3 ชั้น มีป้ายบอกไว้ชัดเจน โทรศัพท์ (081) 490-5502



Read More...


สูตรหอยทอด สูตรผัดไทย สูตรออส่วน


สูตรหอยทอด สูตรที่1.
เครื่องปรุง

- หอยแมลงภู่ (ประมาณ 18 ตัว ต่อ 1 จาน)
- ถั่วงอก 1/2 ถ้วยตวง
- กระเทียมสับ 1/3 ช้อนโต๊ะ
- น้ำปลา 1/3 ช้อนโต๊ะ
- ไข่ไก่ 1 ฟอง
- ต้นหอม ผักชี 1/3 ถ้วยตวง
- แป้งอเนกประสงค์1/3 ถ้วยตวง
- น้ำเปล่า 1/3 ถ้วยตวง

วิธีทำ

ตั้งกระทะให้ร้อน เติมน้ำมัน ตักแป้งที่ผสมเรียบร้อยแล้วราดเป็นแผ่น ใส่หอยแมลงภู่ให้ทั่วแผ่นแป้ง ใส่ไข่ เติมน้ำมันเล็กน้อย ทอดให้เหลืองทั้งสองด้าน พักไว้ข้างกระทะ เจียวกระเทียมพอหอม ใส่ถั่วงอก น้ำปลา ผัดให้เข้ากัน ตักหอยทอดที่พักไว้ใส่จาน วางถั่วงอกบนหอยทอด โรยหน้าด้วยผักชี พริกไทยป่น เสิร์ฟพร้อมซอสพริกและน้ำส้ม

สูตรหอยทอด สูตรที่2.
เครื่องปรุง
1.หอยแมลงภู่ 10 – 15 ตัว
2.ไข่ไก่ 1 ฟอง
3.แป้งมัน 2 ช้อนโต๊ะ
4.แป้งข้าวเจ้า 1 ช้อนโต๊ะ
5.น้ำปูนใส 1 ช้อนโต๊ะ
6.กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ
7.น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
8.น้ำตาล 1/2 ช้อนชา
9.ซิอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
10.ถั่วงอก 1/2 ถ้วยตวง
11.พริกไทยป่น 1/2 ช้อนชา
12.ต้นหอมสับ 1 ช้อนโต๊ะ
13.น้ำเปล่า 3 ช้อนโต๊ะ
14.น้ำมันพืช
15.ผักชี (สำหรับแต่งอาหาร)
วิธีทำหอยทอด

1.ล้างหอยแมลงภู่ในน้ำสะอาด จากนั้นนำไปลวกในน้ำเดือดจนเกือบสุก จึงนำออกมาสะเด็ดน้ำ แกะเปลือกออกเตรียมไว้
2.ในชามขนาดกลาง, ผสมแป้งมัน, แป้งข้าวเจ้า, น้ำปูนใสและน้ำเปล่าเข้าด้วยกัน คนจนส่วนผสมทั้งหมดละลายและเข้ากันเป็นเนื้อเดียว
3.ตั้งน้ำมันในกระทะบนไฟร้อนปานกลาง จากนั้นเทน้ำแป้งลงในกระทะและใส่หอยแมลงภู่ลงไป อย่าคนหรือพยายามกลับหน้าจนกว่าจะเกือบสุก
4.ใส่ไข่ไก่ลงไปบนแป้งในกระทะ ทอดจนเหลืองกรอบจึงกลับหน้าไปทอดอีกข้าง เมื่อสุกทั่วแล้วจึงปิดไฟ และตักใส่จานเสริฟ
5.ตั้งน้ำมันในกระทะบนไฟร้อนปานกลาง ใส่กระเทียมและผัดจนหอม จากนั้นจึงใส่ถั่วงอก, ต้นหอม, ซิอิ๊วและน้ำตาลลงไป ผัดจนส่วนผสมเข้ากันและสุกทั่ว จึงตักใส่จานเสริฟ (ข้างหอยทอดที่จัดเตรียมไว้ก่อนแล้วในขั้นตอนที่ 4)
6.เหยาะพริกไทยลงไปนิดหน่อยและแต่งหน้าด้วยผักชี เสริฟทันทีขณะยังร้อนพร้อมน้ำจิ้มที่เตรียมไว้

สูตรหอยทอด สูตรที่3.
เครื่องปรุง

1. แป้งข้าวจ้าว 1 ถ้วย

2. แป้งทอดกรอบ 1/4 ถ้วย
3. แป้งเท้ายายม่อม 1/4 ถ้วย
4. น้ำเย็นจัด 1 1/2 ถ้วยตวง
5.ต้นหอม ผักชี
6. ถั่วงอก 1/2 กก.
7. น้ำมันพืช
8. กระเทียมเจียว
9. หอยแมลงภู่
10. ซอสพริก
11. ไข่เป็ด -ไข่ไก่

วิธีทำ
1.นำหอยแมลงภู่มาล้างน้ำสัก 2 น้ำให้สะอาด แล้วก็ใส่กระชอน พักไว้ให้สะเด็ดน้ำ

2.ผสมแป้งทั้ง 3 ชนิดเข้าด้วยกันก่อน แล้วก็ทะยอยใส่น้ำเย็นจัดลงไปเอาทัพพีคนๆ ให้เข้ากันดีหั่นต้นหอมใส่ลงไปนิดหน่อยเพิ่มความสวยงาม
3.ผัดถั่วงอกกับกระเทียมเจียวสักเล็กน้อย เติมน้ำปลา น้ำมันหอย พริกไทยลงไปหน่อยจะยิ่งช่วยให้ถั่วงอกมีรสชาติมากขึ้น ไม่จืดชืดจนเกินไป พักไว้
4.ตั้งกระทะบนเตาไฟ ใส่น้ำมันลงไปเยอะสักหน่อย จะได้ทอดแป้งออกมาแล้วกรอบ ๆ ไม่ด้าน
5. ระหว่างรอน้ำมัน และกระทะร้อน ก็จัดการตักส่วนผสมแป้ง ลงในถ้วยสักใบ ตักใส่สัก 2-3 ทัพพี ประมาณว่าให้ทอด…ออกมาแล้วได้สักขนาด 1 จาน หยิบหอยแมลงภู่ที่สะเด็ดน้ำแล้วใส่ลงไปแล้วก็คน ๆ ให้เข้ากัน
6.พอน้ำมันร้อน ...... กระทะร้อนจัดการเทแป้งในถ้วยลงในกระทะ เทแบบสาด ๆ .ให้ทั่วกระทะแป้งจะได้ไม่หนาอยู่ตรงที่ใดที่หนึ่ง
7.พอเทแป้งลงกระทะ ก็จัดการตอกไข่ใส่ลงไป 1 ใบ จะใช้ไข่เป็ดหรือไข่ไก่ก็ได้ ตอกไข่ลงไปแล้ว เอาปลายตะหลิวยี ๆ ให้ไข่แดงแตก และกระจาย ๆ ปน ๆ กับไข่ขาวหน่อย
8.จากนั้นรอให้ด้านล่างสุก และเริ่มเป็นแผ่น ๆ สักนิด ก็เอาตะหลิวเนี่ยนะ ฉีก ๆ แป้งหอยทอดให้แยกเป็นชิ้นใหญ่ ๆ หน่อย สัก 3-4 ชิ้น หรือจะมากกว่านี้ก็ได้(ใช้ตะหลิว 2 อัน จะสะดวก และง่ายมาก ๆ เลย)
จากนั้น ก็ปล่อยไว้สักแป๊บ (ใช้ไฟกลาง) รอให้ด้านล่างสุกเป็นชิ้นทั่ว ๆ กันหน่อย
9. ตักใส่จานพร้อมเสริฟ


 
ส่วนผสมน้ำจิ้มหอยทอด

ซอสพริก 1/4 ถ้วยตวง
น้ำตาลทราย 1/2 ช้อนโต๊ะ
เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
น้ำส้มสายชู 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำเปล่าเล็กน้อย

วิธีทำน้ำจิ้มหอยทอด
- นำส่วนผสมทั้งหมดไปตั้งไฟพอเดือด คนให้เข้ากัน ยกลงพักไว้ให้เย็น
- แต่ถ้าใครชอบทานเผ็ดๆ ก็ใส่พริกชี้ฟ้าแดงโขลกละเอียดลงไปด้วยได้ ชิมรสตามใจชอบ
- ถ้าไม่อยากผสมน้ำจิ้มเอง ก็สามารถใช้ซอสพริกผสมกับน้ำจิ้มไก่ก็ได้เหมือนกัน


สูตรผัดไทยกุ้งสด
เครื่องปรุง
 เส้นก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็ก (ใช้เส้นจันท์เพราะจะเหนียวนุ่ม ไม่เกาะตัวกัน)

- เต้าหู้เหลือง (หั่นเป็นชิ้นบาง ๆ)
- หัวไชโป๊ว (แบบเส้นนำมาสับละเอียด)
- ถั่วลิสงป่น
- พริกป่น
- ต้นกุยช่าย
- น้ำตาลปี๊บละลายน้ำแล้วตั้งให้เดือด
- น้ำมะขามเปียก
- น้ำปลา
- มะนาว
- กุ้งแห้ง
- ถั่วงอก
- หัวปลี
- ไข่ไก่

วิธีทำ


สำหรับสูตรการทำผัดไทยของทางร้านจะแตกต่างกับสูตรโบราณที่จะผัดเส้นกับถั่วงอกพร้อมกัน แต่ทางร้านจะผัดเส้นกับซอสแล้วพักไว้มุมหนึ่งของกระทะก่อน จากนั้นก็ผัดถั่วงอก นำเส้นที่พักไว้มาผัดรวมกัน แล้วเติมเต้าหู้เหลือง หัวไชโป๊ว ถั่วลิสง พริกป่น กุ้งแห้ง และต้นกุยช่าย คลุกเคล้าให้เข้ากัน ใส่น้ำตาล น้ำปลา น้ำมะขามเปียก ผัดให้เข้ากันอีกที แล้วแหวกให้เป็นช่อง ใส่น้ำมัน ใส่ไข่ ผัดจนได้ที่ตักใส่จาน เสิร์ฟพร้อมผักสดและเครื่องเคียง




สูตรออส่วน
เครื่องปรุง สูตรโดย หมึกแดง

- หอยนางรมลวก 1 ถ้วยตวง
- แป้งมัน 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำเปล่า 1/4 ถ้วยตวง
- น้ำมันพืช 4 ช้อนโต๊ะ
- ไข่เป็ด 2 ฟอง
- เกลือพอประมาณ
- พริกไทยป่นพอประมาณ
- ต้นหอมซอยพอประมาณ
- ผักชีซอยพอประมาณ
- ถั่วงอกพอประมาณ
- ซอสพริก

วิธีทำ
1 นำกระทะตั้งไฟใส่น้ำมันให้ร้อน ใช้ไฟแรง
2 อีกภาชนะใส่หอยนางรมที่ลวกแล้วผสมกับแป้งมัน เกลือ พริกไทย น้ำ ต้นหอมซอยคนให้เข้ากัน เทลงไปผัดในกระทะ
3 ตอกไข่ใส่ชามตีให้ฟู และเทราดลงไปในส่วนผสมในกระทะ คนให้ส่วนผสมแยกออก
4 นำกระทะอีกใบตั้งไฟใส่น้ำมันลงไปพอร้อน นำถั่วงอกลงไปผัดพอน้ำมันเคลือบถั่วงอกตักใส่จานแล้วเทหอยนางรมที่ผัดแล้วลงไปข้างบนถั่วงอก โรยหน้าด้วยพริกไทย ผักชี เสิร์ฟคู่กับซอสพริก

ออส่วน เพิ่มสูตรกรอบ

เครื่องปรุง

หอยนางรม 1 ถ้วยตวง
แป้งมัน 1 ช้อนโต๊ะ
ไข่ไก่ 2 ฟอง
เกลือ
พริกไทยป่น
กระเทียมสับ
น้ำมันพืช
ต้นหอมซอย ผักชีซอย
ถั่วงอก
ซอสพริก(ใส่น้ำขิงดองนิดนึงรสชาติจะกลมกล่อมขึ้นค่ะ)
ซิอิ๊วขาวหรือซอสถั่วเหลือง
น้ำเปล่า 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
1.เอาหอยนางรมล้างน้ำให้สะอาด (ล้างหลาย ๆ น้ำ) กะว่าล้างจนน้ำใส
2.เอาแป้งมันละลายน้ำ ใส่เกลือ พริกไทย ซิอิ๊วขาวหรือซอสถั่วเหลือง คนให้เข้ากัน
3.ตั้งน้ำมันให้ร้อน ใส่กระเทียมผัดพอเหลือง ใส่ไข่ ใส่หอยนางรม พร้อมกันทันที(อย่าให้ไข่สุก)
4.เอาแป้งมันในข้อ1 ใส่ลงไปผัดให้เร็ว ๆ กะพอเหนียว แล้วผัดไปไว้ข้าง ๆ กระทะพักไว้แป๊บนึง
5.ใส่ถั่วงอกลงไปอีกข้างนึงตรงที่ว่างของกระทะกะว่าผัดพอสุก
6.ตักใส่จานโดยการนำถั่วงอกไว้ด้านล่าง แล้วนำหอยนางรมที่ผัดเสร็จแล้วไว้ด้านบน
7.โรยหน้าด้วย ต้นหอม ผักชี และพริกไทย เสิร์ฟคู่กับซอสพริก

สูตรออส่วนสูตรที่3
เครื่องปรุง(สำหรับ 4 คน)

หอยนางรมสดแกะเปลือกแล้ว 1 ขีด
ต้นหอม 4 ต้น
ไข่ไก่ 2 ฟอง
แป้งมัน
น้ำมันพืช
ซีอิ้วขาว
พริกไทยป่น
ผงชูรส

วิธีทำ
1.นำหอยนางรมมาลวกน้ำร้อน ระวังอย่าให้สุกเกินไป แล้วเอาขึ้นใส่ชาม
2.ต้นหอมตัดเป็นท่อนๆ ขนาดประมาณ 1 นิ้ว เอาต้นหอมใส่ลงไปในชามหอยนางรม ใส่ซีอิ้วขาว พริกไทยป่น ผงชูรส
3.เอาแป้งมันละลายกับน้ำเล็กน้อยใส่ลงในชามด้วยเคล้าทุกอย่างให้เข้ากัน
4.ต่อยไข่ใส่ชามอีกใบหนึ่งต่างหาก ตีไข่พอแตก
5.เอากะทะก้นแบนตั้งไฟพอร้อนใส่ไข่ลงไป ใช้ตะหลิวคนไข่ให้ทั่ว อย่าให้ไข่จับกันเป็นแผ่น แล้วเขี่ยไข่ไว้ข้างหนึ่งของกะทะ
6.ใส่หอยนางรมที่เคล้าเครื่องปรุงไว้ ลงในกะทะผัดพอสุก
7.ตักไข่ที่สุกแล้วใส่จานก่อนแล้วตักหอยนางรมที่ผัดไว้ราดทับบนไข่ รับประทานร้อนๆ

เคล็ดลับความอร่อย เครื่องปรุงต้อง สด ใหม่ สะอาดค่ะ แล้วเวลาทอดหอยทอด ต้องให้กรอบอร่อย พักให้สะเด็ดน้ำมันก่อนเสริฟ ระวังอย่าให้อมน้ำมันเด็ดขาดเพราะจะไม่อร่อยค่ะ ถั่วลิสงคั่วที่ใช้กับผัดไทยควรคั่วและป่นเอง ทำวันต่อวัน ถั่วจะได้ไม่เหม็นหืน และจะมีกลิ่นหอมเวลานำไปผัดจะเพิ่มรสชาดได้ดียิ่งขึ้น
ก่อนเปิดร้านขาย เราควรจะไปดู ไปชิม ร้านหอยทอด ผัดไทย ออส่วน ว่าที่ไหนขายดี เขาทำกันยังไง รสชาดของเขาเป็นยังไง ไปดูหลายๆที่นะค่ะ แล้วนำมาปรับปรุงสูตรของเราเอง พัฒนาจนเป็นสูตรเด็ดของเราเอง มัดใจลูกค้าจนติดใจถึงขั้นจะต้องขับรถมาไกลๆเพื่อจะมากินหอยทอด ผัดไทย ออส่วน แค่จานเดียว ของร้านเรา เยี่ยมไปเลยใช่ไหมค่ะ!!แค่นึกก็ยิ้มแก้มป่องกันแล้วค่ะ ^^ลองพยามแล้วคิดค้นสูตรใหม่ๆดูนะคะ ให้อร่อยและแปลกไม่เหมือนใคร เพื่อเพิ่มมูลค้าสินค้าของเราค่ะ ขอให้โชคดีค้าขายร่ำรวยกันทุกๆคนนะคะ สู้ๆค่ะ^^

อุปกรณ์การขาย
รถเข็น
เตาแก๊สพร้อมหัว
กระทะสำหรับขายหอดทอด (ใช้ร่วมกันได้ผัดไทยหอยทอด)
ตะหลิว
จาน,ช้อน,ตะเกียบ
ถุงพลาสติก
กระดาษเคลือบพลาสติก ไว้สำหรับห่อผัดไทย แต่บางร้านใช้ใบตองห่อนะค่ะ น่าทานไปอีกแบบ


credit : http://bychoms.blogspot.com/

Read More...


สูตรกาแฟโบราณ

อุปกรณ์
-รถเข็นพร้อมหลังคา หรือถ้ามีหน้าร้านหรือหน้าบ้านจะใช้รถเข็น หรือเคาน์เตอร์ หรือตู้ตั้งโต๊ะก็ได้
-ถังแก๊ส 15 กิโลกรัม หัวเตาแก๊สพร้อมอุปกรณ์(ใช้หัวเตา NC30 หัวเตารุ่นใหม่)
-หม้อกาแฟพร้อมอุปกรณ์ 2 ช่อง 3 หลุม เบอร์ 14นิ้ว หรือ45 เซนติเมตร
-กระป๋องชงถ่ายเทชา-กาแฟ ควรใช้กระป๋องแสตนเลส ไซด์ 12 เซนติเมตร 4 ใบ
-ถุงชงชา-กาแฟ ใช้ผ้าสำลี ความหน้าของผ้าชนิดกลาง คือไม่บางและไม่หนาจนเกินไป 4 ใบ
-ถ้วยกาแฟ +ช้อนกาแฟ ถ้วยน้ำชา แก้วหู
-กาน้ำชา เบอร์ 16-20 เซนติเมตร
-ที่เปิดกระป๋องนม
-ที่จุดหัวแก๊ส
-ถุงร้อน เบอร์ 6x9  หรือจะใช้ ถุงเสื้อกล้าม เบอร์ 6x11

วัตถุดิบ
1.ผงกาแฟโบราณ มีหลายยี่ห้อให้เลือกมากมาย ลองซื้อมาชงชิมด้วยตัวเองแล้วให้เพื่อนๆชิม สรุปยี่ห้อไหนอร่อยสุด นำมาขายได้เลย ตรางู,ตราพระอาทิตย์,ตรามือ,ตรามังกรบิน,ตราแพะ,ตราดอกบัว ฯลฯ
2.ผงชา (เหมือนข้อ 1.)
3.กาแฟสำเร็จรูป เนสกาแฟ, มอคโคน่า ฯลฯ
4.ครีมเทียม เนสเล่ , บัดดี๊ดีน,คอ๊ฟฟี่เมต ฯลฯ
5.โอวัลติน สูตร 3
6.น้ำหวานเฮลธ์บลูบอย แดง-เขียว
7.นมสด คาเนชั่น ,มะลิ, ฯลฯ
8.นมข้นหวาน คาเนชั่น ,มะลิ, ฯลฯ
9.น้ำตาลทรายไม่ฟอกสี
10.บ๊วย
11. ไข่ไก่



ขั้นตอนการชง
*ต้มน้ำในหม้อต้มให้เดือดจัด ใส่ใบเตยลงในหม้อต้มสัก 3-4 ใบ
1.สูตรกาแฟโบราณ ร้อน
-ตักผงกาแฟโบราณ 6 ช้อนโต๊ะ หรือเราจะใช้ 2 ทัพพีตักข้าวก็ได้ (1 ทัพพีตักข้าว เท่ากับ 3 ช้อนโต๊ะ)
-ตักน้ำร้อนใส่ถุงชง แล้วชงถ่ายไปมา ประมาณ 3-4 ครั้งเพื่อให้สีกาแฟออก และมีกลิ่นหอม
-ใส่นมข้นหวาน 2 ช้อนชา
-เหยาะนมสด 1-2-3
-นำกาแฟที่อยู่ในถุงชงมาเทใส่แก้ว3/4 แก้ว ( เกือบเต็มแก้ว) เสริฟพร้อมน้ำชารอ้น

2.กาแฟเย็น
-น้ำตาลทรายแดง 2 ช้อนโต๊ะ
-ใส่น้ำกาแฟ3/4แก้ว
-เติมนมข้น 2 ช้อนโต๊ะคนให้เข้ากัน
-โรยนมสดใส่บนน้ำแข็งประมาณหนึ่งก่อน แล้วเทกาแฟที่ชงเสร็จลงไปแล้วโรยนมสดข้างบนอีกที


3.โอเลี้ยง
-เทน้ำกาแฟที่อยู่ในถุงชง มาเทใส่แก้ว 1/2 แก้ว(ครึ่งแก้ว)
-ใส่น้ำตาลทราย1ช้อนครึ่ง (ถ้าชอบหวาน ใส่ 2ช้อนโต๊ะ)แล้วคนให้เข้ากัน
-ใส่น้ำแข็งเต็มแก้ว แล้วเทโอเลี้ยงที่ชงไว้ เสริฟ
*โอเลี้ยงยกล้อ คือ เติมนมสดโรยรอบๆปากแก้ว สัก3 รอบ ในขั้นตอนสุดท้าย เราก็จะได้โอเลี้ยงยกล้อพร้อมเสริฟ แล้วค่ะ


*สูตรนี้จะชงได้ 3 แก้วในการเติมผงกาแฟลงในถุงชงแต่ละครั้ง ทีนี้เราชงครบ 3 แก้วไปแล้วนะค่ะ เอาล่ะ เราจะมาเติมผงกาแฟกันค่ะ
เติมผงกาแฟเพิ่ม 6 ช้อนโต๊ะ ทำแบบเดิม ตักน้ำรอ้นใส่ถุงแล้วถ่ายเทไปมา เพิ่มความหอมและเข้มให้กาแฟ จำไว้ว่าเราเพิ่มกาแฟแต่ละครั้ง เราจะชงได้แค่ 3 แก้วเท่านั้นนะค่ะ กาแฟเราจะเข้มข้นหอม และมีคุณภาพค่ะ ลูกค้าจะได้ติดใจ พอเราชงไปเรื่อยๆ เติมไปเรื่อยๆ จนใกล้จะเต็มถุงกาแฟ เราก็เปลี่ยนถุงใหม่ ทำแบบเดิมค่ะ  หวังว่าคงพอเข้าใจขั้นตอนนี้กันแล้วนะค่ะ ไปพบสูตรต่อไปกันเลยค่ะ




4.ชาร้อนโบราณ
*เติมผงชาใส่ถุงชง 3 ช้อนโต๊ะ ใส่น้ำร้อน ถ่ายเทไปมา ขั้นตอนเหมือนกาแฟค่ะ
-เทน้ำชาครึ่งแก้ว
-นมข้น 2 ช้อนชา
-เทนมสดลงไปนับ1-2-3ไม่ต้องคนเช่นกันค่ะเสิร์ฟเลย


5.ชาดำเย็น
-เทน้ำชาที่อยู่ในถุงชง 1/2 แก้ว
-ใส่น้ำตาลทราย1 ช้อนครึ่ง ช้อนโต๊ะ แล้วคนให้ละลาย
-ตักน้ำแข็งเต็มแก้ว เทชาที่ชงแล้วใส่แก้วน้ำแข็ง พร้อมเสริฟ


6.ชามะนาว
-ขั้นตอนเหมือนกับการชงชาเย็น เพียงเติมน้ำมะนาวครึ่งลูกชงไปด้วย แตะเกลือเพียงปลายช้อนนะค่ะ
-เทใส่แก้วน้ำแข็ง พร้อมเสริฟ


7.ชาเย็น
-เทน้ำชาที่อยู่ในถุงชง เทใส่แก้ว 1/2 แก้ว
-ใส่นมข้น 2 ช้อนชา
-ใส่น้ำตาลทราย 1 ช้อนครึ่ง (ช้อนโต๊ะ) คนให้เข้ากัน
-ตักน้ำแข็งใส่แก้ว เทนมสดโรย เทน้ำชาที่ชงไว้ แล้วตามด้วยนมสด วนรอบปากแก้วอีกครั้ง เสริฟ


สูตร เนสกาแฟร้อน
-ตักกาแฟ 2 ช้อนชา
-น้ำตาล 1 ช้อนครึ่ง (ช้อนโต๊ะ)
-ใส่น้ำร้อน 3/4 แก้ว (เกือบเต็มแก้ว) คนให้ละลาย
-ตามด้วยนมข้นหวาน 1 ช้อนชา
-เหยาะนมสดนับ 1
-ใส่คอฟฟี่เมต2 ช้อนชา คนให้ละลาย เสริฟพร้อมน้ำชา สูตรนี้ สุดยอดด


สูตรเนสกาแฟเย็น
-ตักกาแฟ 2 ช้อนชา
-น้ำตาลทราย 1 ช้อนครึ่ง (ช้อนโต๊ะ)
-ใส่น้ำรอ้น 1/2 แก้ว คนให้ละลาย
-ใส่นมข้นหวาน 2 ช้อนชา คนให้เข้ากัน ตามด้วยคอฟฟี่เมต 1 ช้อนชา คนให้ละลาย
-ตักน้ำแข็งใส่แก้วโรยนมสด เทกาแฟที่ชงไว้ ตามด้วยนมสดวนรอบปากแก้ว เสริฟ


สูตรโอวัลติน ร้อน
-ตักผงโอวัลติน(สูตร 3)   2ช้อนชา
-เติมน้ำร้อน1/2 แก้วชงให้ละลาย
-นมข้นหวาน 2 ช้อนชา
-เหยาะนมสดนับ 1 พร้อมเสริฟ


สูตรโอวัลตินเย็น
-ตักผงโอวัลติน(สูตร 3) 2ช้อนชา
-น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
-น้ำร้อน 1/2 แก้ว คนให้ละลาย
-นมข้นหวาน 2 ช้อนชา คนให้ละลาย
-ตักน้ำแข็งใส่แก้วโรยนมสด ตามด้วยน้ำโอวัลตินที่ชงไว้แล้ว ตามด้วยนมสดวนรอบปากแก้ว เสริฟ


สูตรน้ำแดงชง
-น้ำหวานเฮลบลูบอย์ครึ่งแก้วค่ะ
-ใส่น้ำร้อนลงไป 3/4 แก้ว
-ถ้าลูกค้าต้องการหวานๆใส่น้ำตาลทราย 1-2 ช้อนโต๊ะค่ะ
-ใส่น้ำแข็ง เสริฟ


สูตรโกโก้ร้อน
-ตักผงโกโก้ 1 ช้อนชา
-น้ำตาล 1 ช้อนชา
-ใส่น้ำร้อน1/2 แก้ว คนให้ละลาย
-นมข้นหวาน 1 ช้อนชา
-เหยาะนมสด นับ 1-2-3 เสริฟพร้อมน้ำชาร้อน


สูตรโกโก้เย็น
-ตักผงโกโก้ 1 ช้อนชา
-น้ำตาล 1ช้อนชาครึ่ง
-ใส่น้ำร้อน1/2 แก้ว คนให้ละลาย
-นมข้นหวาน 2ช้อนชาคนให้ละลาย
-ตักน้ำแข็งใส่แก้วโรยนมสด ตามด้วยน้ำโกโก้ที่ชงไว้ แล้วโรยนมสด วนรอบปากแก้วอีกครั้งเสริฟ


สูตรน้ำบ๊วยเย็น
-บ๊วย 1 ลูกพร้อมน้ำบ๊วย 3 ช้อนชา
-น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ บี้ส่วนผสมทั้งหมดให้แตก
-ใส่น้ำร้อน1/2 แก้ว คนให้เข้ากัน
-ตักน้ำแข็งเต็มแก้ว เทน้ำบ๊วยที่ชงไว้ พร้อมเสริฟ


สูตร นมเย็น เขียว-แดง
-น้ำแดงหรือน้ำเขียว 2ช้อนโต๊ะ
-น้ำตาลทราย 1ช้อนครึ่ง
-นมข้นหวาน 2 ช้อนชา
-ใส่น้ำร้อน 1/2 แก้วคนให้ละลาย
-ตักน้ำแข็งเต็มแก้วโรยนมสด เทน้ำที่ชงไว้ ตามด้วยโรยนมสด วนรอบปากแก้ว พร้อมเสริฟ








ขั้นตอนการทำไข่ลวก
-น้ำไข่ 2 ใบ ใส่กระบอกอะลูมิเนียม ใส่น้ำร้อนเดือดจัด ให้ท่วมไข่
-ใช้เวลาประมาณ 3 นาที
-ตอกไข่ใส่แก้ว เสริฟ พร้อมซอส พริกไทย เกลือ
*อย่าลวกไข่ทิ้งไว้นะค่ะจะไม่อร่อย ลูกค้าสั่ง ค่อยลวกให้ใหม่ๆสดๆค่ะ


เคล็ดลับความอร่อย
-ทุกครั้งที่ชงต้องลวกแก้วเสมอ
-น้ำที่จะนำมาต้มต้องผ่านเครื่องกรองน้ำเท่านั้น
-น้ำต้องเดือดอยู่เสมอ
-การซักถุงชงกาแฟ ซักได้เฉพาะน้ำเปล่าเท่านั้น
ความสะอาด ความใส่ใจคุณภาพ และบริการลูกค้า สำคัญที่สุดนะค่ะ ขอให้โชคดี ค้าขายร่ำรวยทุกคนค่ะ^o^


แหล่งซื้อวัตถุดิบและอุปกรณ์
ตลาดมีนบุรี ตลาดสี่มุมเมือง ส่วนเคาเตอร์ไม้ ไปที่ทางรถไฟสายเก่าค่ะ
credit : http://bychoms.blogspot.com/

Read More...


ขายกล้วยแขกทอด มันทอด เผือกทอด ข้าวเม่าทอด


สูตรกล้วยทอด
ส่วนผสมกล้วยแขก

- กล้วยน้ำว้าสุกหรือห่าม 1 หวี
- แป้งข้าวเจ้า 2 ถ้วยตวง
- แป้งสาลี 1 ถ้วยตวง
- มะพร้าวขูด 1 ถ้วยตวง
- เกลือ ½ ช้อนชา
- หัวกะทิ 1 ½ ถ้วยตวง
- งาคั่ว 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลปี๊บ 3 ช้อนโต๊ะ
- น้ำปูนใส ½ ถ้วยตวง
- น้ำมันพืชพอประมาณ

วิธีทำ
1. นำแป้งข้าวเจ้า แป้งสาลี เกลือ นวดกับหัวกะทิ และมะพร้าวขูดนวดให้เข้ากัน ใส่น้ำปูนใส แล้วนวดต่อ ใส่งาลงไปให้ทั่ว

2. ตั้งกระทะไฟปานกลาง ใส่น้ำมันกะให้ท่วมกล้วยที่จะทอด เมื่อน้ำมันร้อนนำกล้วยที่หั่นตามยาว 3-4 ชิ้น ต่อ 1 ลูก (แล้วแต่ลูกใหญ่หรือเล็ก) ชุบแป้งที่ผสมไว้ตามข้อ 1 ใส่ในน้ำมันจนเต็มกระทะ
3. ทอดจนแป้งเหลืองกรอบ และเนื้อกล้วยสุก ตักขึ้นพักไว้ให้สะเด็ดน้ำมันก่อนนำใส่ถุงกระดาษขายให้ลูกค้า
มันทอด เผือกทอด ฟักทองทอด กล้วยตากทอด ใช้สูตรเดียวกับกล้วยทอดนะค่ะ


สูตรข้าวเม่าทอด
ส่วนผสมกล้วยข้าวเม่า

- กล้วยไข่สุก 1 หวี
- น้ำมันพืชพอประมาณ

ส่วนที่ 1
- มะพร้าวขูด 4 ขีด
- ข้าวเม่าแห้งที่ทำจากข้าวเจ้า 4 ขีด
- น้ำตาลปี๊บ 4 ขีด
- น้ำตาลทราย 2 ขีด
ส่วนที่ 2
- มะพร้าวขูด 3 ขีด
- แป้งข้าวเจ้า 2 ½ ขีด
- แป้งสาลี 2 ½ ขีด
- เกลือป่น ½ ขีด
- ไข่ไก่ 1 ฟอง

วิธีทำ
1. ส่วนที่ 1 นำน้ำตาลปี๊บและน้ำตาลทรายผสมกัน เทน้ำสะอาดลงเล็กน้อยพอละลายเข้ากัน นำไปตั้งไฟเคี่ยวพอเหนียว จึงใส่มะพร้าวลงไปเคี่ยวต่อจนเกือบแห้ง ใส่ข้าวเม่าเคี่ยวต่อจนแห้งยกลงจากเตา

2. ส่วนที่ 2 นำน้ำสะอาดมาคั้นมะพร้าวให้ได้หัวกะทิ 1 ½ ถ้วยตวง หางกะทิ 1 ½ ถ้วยตวง นำหัวกะทิเทลงในแป้งทั้ง 2 ชนิดที่ผสมกันไว้ ใส่เกลือป่น แล้วนวดให้เข้ากัน ตอกไข่ใส่ลงไป นวดต่อ รินหางกะทิลงไปผสม นวดต่อไปจนเนื้อแป้งไม่ติดมือ
3. นำกระทะตั้งไฟปานกลาง ใส่น้ำมันกะให้ท่วมกล้วยที่จะทอด นำกล้วยที่ปอกเปลือกแล้วมาห่อด้วยส่วนผสมที่ 1 ห่อให้บาง (ถ้าหนาจะไม่กรอบ) พอน้ำมันร้อนได้ที่จึงนำกล้วยที่ห่อลงชุบในส่วนผสมที่ 2 และลงทอดติดกันเป็นคู่
4. เอามือจุ่มแป้ง (ส่วนผสมที่ 2) โรยลงทอดในกระทะ และคอยเขี่ยให้มารวมกันเป็นแพ ตักช้อนขึ้นวางบนกล้วยที่กำลังทอด เมื่อแป้งที่ห่อกล้วยสุกเหลือง จึงตักขึ้นพักไว้ให้สะเด็ดน้ำมัน

 
สูตรขนมไข่นกกระทาทอด
ส่วนผสม
* แป้งมัน 500 กรัม
* แป้งสาลี 2 ช้อนโต๊ะ
* มันเทศต้มจนสุก 800 กรัม
* น้ำตาลทราย 5 ช้อนโต๊ะ
* เกลือป่น 1 1/2 ช้อนชา
* งาขา (สำหรับโรยหน้า ตามความชอบ)
* น้ำปูนใสเล็กน้อย
* น้ำมันพืชสำหรับทอด

วิธีทำ
1. นำแป้งมัน, แป้งสาลี, น้ำตาลทราย, และเกลือผสมเข้าด้วยกัน
2. นำส่วนผสมในขั้นตอนที่หนึ่งไปผสมกับมันเทศนึ่ง จากนั้นใส่น้ำปูนใสลงไปนิดหน่อย ขยำส่วนผสมจนเข้ากันดี จึงปั้นเป็นลูกกลมๆ
3. ตั้งน้ำมันในกระทะบนไฟร้อนปานกลาง รอจนน้ำมันร้อนจึงใส่แป้งที่ปั้นไว้แล้วลงไปทอด คอยกลับสม่ำเสมอ อย่าให้ไหม้
4.. เมื่อสุกเหลืองดี ตักออกมาสะเด็ดน้ำมัน ทิ้งไว้ให้เย็น (โรยหน้าด้วยงาขาว) จึงเสริฟรับประทานได้

วัสดุ/อุปกรณ์ : รถเข็น เตาแก๊สพร้อมถัง กระทะ ตะแกรงทอดมีด้าม ไม้ปลายแหลม ถาดหม้อ หรือกะละมัง ถุงกระดาษ

ขายกล้วยแขกทอด เป็นอีกอาชีพหนึ่ง ที่น่าสนใจเพราะใช้เงินลงทุนไม่มากแต่ได้กำไรค่อนข้างดีและไม่ยุ่งยากในการขาย ข้อสำคัญนะค่ะ ก่อนตัดสินใจขายควรดูทำเล หาที่ๆเหมาะสม แหล่งชุมชน และอย่าลืมนะค่ะลองไปสำรวจตลาดก่อนค่ะ ว่ากล้วยทอดเจ้าที่อร่อยๆเขาขายดี เขาทำกันยังไง ไปชิมหลายๆเจ้าแล้วมาลองคิด ค้นสูตร ปรับปรุงสูตรของเราเอง เทคนิคการทอด ความกรอบอร่อย เขาทำกันยังไง ความสะอาดและการเอาใจใส่ลูกค้าเป็นสิ่งสำคัญนะค่ะ ขอให้ค้าขายร่ำรวยทุกๆคนนะค่ะ

Read More...


ขายข้าวปั้นซูชิ

สูตรข้าวปั้นซูชิ ส่วนผสม มีดังนี้
1.ข้าวสารญี่ปุ่น 1 กิโลกรัม
2.น้ำเปล่า (สำหรับหุงข้าว) 1 กิโลกรัม
วิธีทำ
1. ซาวข้าวสารตามปกติ แล้วแช่น้ำเปล่าไว้ 15 นาที หลังจากนั้นพักให้ข้าวสะเด็ดน้ำอีก 15 นาที
2. นำข้าวสารใส่หม้อหุงข้าว เติมน้ำเปล่า เปิดสวิตช์หุงตามปกติ พอข้าวสุกพักให้ระอุประมาณ 5 – 10 นาที

น้ำส้มทำข้าวซูชิ ส่วนผสมมีดังนี้
1.น้ำส้มญี่ปุ่น 900 กรัม
2.น้ำตาลทราย 750 กรัม
3.มิริน 20 กรัม
4.สาเก 20 กรัม
5.เกลือป่น (ไทย) 150 กรัม
6.สาหร่ายคอมบุ 1 ชิ้นเล็ก
วิธีทำ
1. นำน้ำส้มญี่ปุ่น น้ำตาลทรายและเกลือป่นผสมให้เข้ากัน ใส่สาเกและมิรินลงไปคนผสมให้เข้ากัน
2. ใส่คอมบุ นำไปตั้งไฟให้เดือดอีกครั้ง แล้วยกลงทิ้งไว้ให้เย็น
วิธีผสมข้าวซูชิ
1. นำข้าวที่สุกแล้วกำลังร้อน (1,000 กรัม) ใส่ภาชนะขนาดกลาง แล้วนำน้ำส้มที่ต้มแล้ว 120 กรัม มาพรมใส่คลุกเคล้าให้ทั่ว ทิ้งไว้ให้เย็นแล้วจึงนำไปปั้นเป็นข้าวหน้าต่าง ๆ ได้
*หมายเหตุ : การผสมข้าวซูชิ ต้องใช้ … ข้าวร้อนๆ ผสมกับ น้ำส้มซูชิเย็นๆ เท่านั้น มิฉะนั้นจะทำให้ข้าวที่ผสมลงไปนั้นแฉะเกินไป
ขออธิบายแบบคร่าว ๆ นะคะ น้ำส้มที่เหลือจากการพรมในข้าวสามารถเก็บไว้ได้ค่ะ โดยคุณต้องเก็บในตู้เย็น (นานหลายเดือนทีเดียว) แต่ถ้าคุณไม่อยากเก็บไว้สามารถลดทอนส่วนผสมได้ค่ะ เพราะจากอัตรส่วนผสมที่ให้ไปนี้ สามารถทำข้าวปั้นได้ประมาณ 4-5 กิโลกรัมค่ะ
ข้อแนะนำอีกอย่างนะคะ… คุณไม่จำเป็นต้องซื้อน้ำส้มญี่ปุ่นก็ได้ค่ะ เพราะสามารถใช้น้ำส้มหมักของไทยแทนได้ (มีสีออกเหลือง) ขวดละ 20 – 30 ฿ ราคาถูกว่า และรสชาติใกล้เคียงกันค่ะ

ข้อมูล : (สำนักพิมพ์แม่บ้าน)
ฝากวีดีโอ สาธิตการทำซูชิหน้าต่างๆให้ดูกันนะค่ะ พอวีดีโอจบ แล้วกดต่ออีกครั้งนะคะจะมีอันใหม่ไปเรื่อยๆค่ะ ^^



แหล่งซื้อวัสดุ อุปกรณ์การขายข้าวปั้นซูชิ
http://www.hoshifoods.com/

บริษัท เอ.ดี.ฟู้ด จำกัด เลขที่ 5 ซ.จุฬา 3 ถ.บรรทัดทอง แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กทม.10330 โทร.02-215-1595, 089-212-3491, 086-319-0529 แฟกซ์ 02-214-0049 ที่นี่เขารับสอนทำซูชิด้วยค่ะ

อุปกรณ์มีขายตามห้างทั่วไป เช่น HomeFreshMart , Tops , Foodland , MarketPlace,แมคค์โคร ทุกสาขา

เจเจ ซูชิ ฟู้ดส์ ที่อยู่ร้านค้า 68/4 หมู่ 7 หมู่บ้านเอื้อประชา (สามแยกวัดเสด็จ) ถนนรังสิต-ปทุมธานี ต.สวนพริกไทย อ.เมือง จ.ปทุมธานี 12000 
http://www.jjsushi.com/

ฝากสักนิด
การขายข้าวปั้นซูชิเป็นอีกอาชีพหนึ่งที่กำลังมาแรงในขณะนี้ เราจะพบเห็นร้านขายข้าวปั้นซูชิอยู่ทั่วไป ตามตลาดนัด หน้าโรงเรียน หน้าห้างและในห้างสรรพสินค้า แหล่งชุมชนต่างๆ ราคาขายขึ้นอยู่กับสถานที่ การลงทุนครั้งแรกไม่ควรลงทุนมากเกิน3,000 บาท สำหรับร้านเล็กๆเช่นวางบนโต๊ะตัวเดียวก็พอค่ะ ทดลองขายดูก่อน จัดร้านให้สะอาดน่าทานอย่าลืมดูแลคนขายด้วยนะค่ะต้องสะอาดด้วย ดูแล้วเหมาะกับการขายอาหารและที่สำคัญต้องตัดเล็บคนขายให้สั้นสะอาดอย่าทาสีเล็บเป็นเด็ดขาด
ก่อนเปิดร้านขายข้าวปั้นซูชิ อย่าลืมไปสำรวจตลาดดูก่อนนะค่ะ ว่าร้านอื่นเขาทำ เขาขายข้าวปั้นซูชิให้อร่อยกันยังไง มีทีเด็ดอะไร แล้วร้านเรามีทีเด็ดอะไร? ฝากไว้ด้วยนะค่ะ ขอให้ค้าขายข้าวปั้นซูชิกันให้รวยถ้วนหน้า


http://bychoms.blogspot.com/

Read More...


สูตรปาท่องโก๋ น้ำเต้าหู้


สูตรปาท่องโก๋ มีให้หลายสูตรนะค่ะ ขอแนะนำว่าก่อนทำขายให้ลองทำกินดูก่อน แล้วปรับปรุงสูตร จนได้สูตรที่เราต้องการ เพราะการขายปาท่องโก๋นั้นปัจจุบันเราจะพบร้านขายได้ทั่วทุกที่เลยค่ะดังนั้นถ้าเราคิดจะขายปาท่องโก๋น้ำเต้าหู้เราควรมีสูตรเฉพาะตัวของเราเอง

โดยการปรับปรุงสูตร ที่ได้มาแล้วคิดค้นเพิ่มมูลค่าสินค้าเข้าไปนะค่ะ ยกตัวอย่างเช่น ปาท่องโก๋สูตนมสด ปาท่องโก๋สูตรชาเขียว ปาท่องโก๋สูตรรสมัน,รสเผือก,รสฟักทอง,รสถั่วเขียว,รสถั่วแดง,รสแครอท,รสมันฝรั่ง ฯลฯ

ส่วนน้ำเต้าหู้เช่นกันค่ะ เราอาจจะคิดสูตรเพิ่มเป็น น้ำเต้าหู้สุขภาพ อาจจะผสมเป็น น้ำเต้าหู้แครอท,น้ำเต้าหู้งาดำ,น้ำเต้าหู้ถั่วแดง,น้ำเต้าหู้รสอัญชัญ,น้ำเต้าหู้รสวนิลา, รสใบเตย, รสสตอรเบอรี่,ฯลฯ ลองปรับปรุงและลองคิดค้นเมนูใหม่ๆดู เราจะได้ขายความแตกต่างอย่างมีรสชาติ

เริ่มต้นเราอาจจะทำเล็กๆไปก่อนนะค่ะ อย่าลงทุนเยอะ ลองตลาดดูก่อนว่าไปได้แค่ไหน แล้วค่อยขยับขยาย
หลักการค้าขายอย่าลืมนะค่ะ ความสะอาด รสชาติอาหาร การยิ้มแย้มใส่ใจลูกค้า และความแตกต่าง ความแปลกใหม่ของสินค้าเรา ขอให้เฮงๆ ค้าขายรวยๆทุกคนนะค่ะ





ลองเข้าไปดูวิธีการทำที่ลิ้งค์นี้นะค่ะ จะได้เห็นขั้นตอนการทำ ส่วนสูตรนั้นเราใช้ตามสูตรของเราค่ะhttp://www.youtube.com/watch?v=vsDpIGZv6zg&feature=player_embedded
หรือถ้าชอบตามสูตรเขาก็ได้ค่ะ

ปาท่องโก๋ สูตร 1 (แบบกรอบนอก นุ่มใน และกลวงเล็กน้อย)

ส่วนผสม
แป้งสาลีตราฮกแดง 1 กิโลกรัม
ไข่ไก่ 2 ฟอง
เกลือ 4 ช้อนชา
น้ำ 3 + 3 /4 - 4 ถ้วย
ยีสต์ 1 ช้อนชา
น้ำมันพืช 2 ช้อนชา
น้ำตาล 2 ช้อนโต๊ะ
แอมโมเนีย (เช้าก่า) 1 ช้อนโต๊ะ
ผงฟู 2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
- ผสมยีสต์ ผงฟู และแป้ง รวมกันแล้วพักไว้
- ละลายน้ำตาล เกลือ แอมโมเนีย ในน้ำ
- เติมน้ำมันพืช ไข่ไก่ คนให้เข้ากันดี ใส่ส่วนผสมของเหลวลงในส่วนผสมแป้ง
- นวดให้เข้ากัน พักแป้งไว้ประมาณ 3 - 4 ชั่วโมง
- ตัดแป้งเป็นแท่งยาว ๆ โรยแป้งนวลเพื่อไม่ให้ติดมือ
- ยืดแป้งออกให้เป็นแผ่นบาง ๆ หนาประมาณ 1 /2 เซนติเมตร ตัดเป็นชิ้นยาว ๆ
- ใช้ไม้จุ่มน้ำแตะตรงกลาง ประกบแป้งเข้าหากัน
- นำไปทอดในน้ำมันที่ร้อนจัด

ปาท่องโก๋ สูตร 2 (แบบนุ่ม มีเนื้อ เมื่อเย็นแล้วเนื้อนิ่มไม่เหนียว)

ส่วนผสม
แป้งสาลีตราฮกแดง 1 กิโลกรัม
ไข่ไก่ 1 ฟอง
เกลือ 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำ 3 1 /2 ถ้วย
น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ
โซดา 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาล 3 ช้อนโต๊ะ
แอมโมเนีย (เช้าก่า) 1 /2 ช้อนชา
ผงฟู 2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
- ผสมโซดา ผงฟู และแป้ง รวมกันแล้วพักไว้
- ละลายน้ำตาล เกลือ แอมโมเนีย ในน้ำ
- เติมน้ำมันพืช ไข่ไก่ คนให้เข้ากันดี
- ใส่ส่วนผสมของเหลวลงในส่วนผสมแป้ง
-นวดให้เข้ากัน พักแป้งไว้ประมาณ 4 - 6 ชั่วโมง
- นำไปทอด

สูตรปาท่องโก๋เสวย ปาท่องโก๋เจ้าดังแห่งย่านศาลเจ้าพ่อเสือ
สูตรการทำปาท่องโก๋

ส่วนผสมครั่งที่1
น้ำเปล่า 2 กระป๋องนมข้น
น้ำตาลทราย 3 ช้อนโต๊ะ
เกลือ 3 ช้อนโต๊ะ
เช่าเก่า 1 ช้อนโต๊ะ (แอมโมเนียทำขนม)
โซดาคาบอเนต 1/4 ช้อนชา
ไข่ไก่ 1 ฟอง
น้ำมัน 2 ช้อนโต๊ะ

ส่วนผสมครั้งที่2
ยีสต์ ( กีมาฟ ) 1/4 ช้อนชา
ผงฟู 1 ช้อนชา
แป้งสาลีตราฮกแดง 1 กก.
วิธีทำ
เอาน้ำ น้ำตาลทราย เกลือ เช่าก่า โซดาไบคาบอเน็ต ไข่ไก่ และน้ำเป่าใส่ในกาละมัง แล้วคนให้ละลายให้หมด แล้วร่อนแป้งสาลีตราฮกแดงลงในกาละมังอีกใบหนี่งร่อนแป้งเสร็จแล้ว เอาพริกไทย ผงฟู ยีสใส่ลงไปในแป้ง แล้วใช้มือคนให้เข้ากัน พอแป้งเข้ากันดีแล้ว ให้เอานำส่วนผสมของน้ำ น้ำตาลทราย เกลือ เช่าก่า ไข่ไก่ แล้วนวดแป้งได้เลย ห้ามนวดกดโดยใช้วิธีนวดโกยขี้นแล้วหมุนกาละมังห้ามเอาสันมือกด ส่วนน้ำต้องค่อยๆเติมทีละนิด โดยใช้เวลานวด 15 นาที หรือนวดจนแป้งไม่ติดมือ พอนวดได้ที่แล้วหมักแป้งทาน้ำมันให้ทั่วทิ้งไว้ 4-6 ชม.จะใส่ถุงพลาสติกหรือกาละมังก็ได้แต่ต้องหาอะไรปิดไว้ เพื่อไม่ให้โดนอากาศ พอหมกแป้งได้ที่ดีแล้วก็เอาแป้งมาวางบนโต๊ะ จากนั้นตบแป้งเป็นแผ่นประมาณ 2 1/2 นิ้ว แล้วเอาถุงพลาสติกคลุมด้วยผ้าขาวบางอีกทีหนึ่งเพื่อไม่ให้ถูกอากาศ

ในส่วนของการทอดนั้น เอากะทะตั้งไฟแล้วเอาน้ำมันปาล์มใส่ รอจนน้ำมันร้อนจึงตัดแป้งปาท่องโก๋ที่เตรียมไว้ ตัดกว้างประมาณ 2 นิ้ว แล้วตบแป้งให้แบนๆประมาณ 1/2 ซม,แล้วตัดเป็นท่อนๆประมาณ 2 ซม. แล้วเอาน้ำแต้มตรงกลางแป้งเพื่อให้ปาท่องโก๋ติดกัน (แต้มน้ำอันเว้นอัน)แล้วทอดกลับไปกลับมาให้เหลือง แล้วตักขึ้น เทคนิคการทอดปาทองโก๋นั้นต้องนวดแป้งแล้วหมักให้ได้ที่ เวลาดูว่าน้ำมันร้อนพอทอดปาท่องโก๋ได้หรือยัง ให้ตัดแป้งชิ้นเล็กๆใส่ลงไปก่อน ถ้าแป้งลอยขึ้นก็ทอดได้ ต้องใช้แป้งนวลโรยกับพื้นก่อนเพื่อไม่ให้แป้งติดกัน และอย่าโรยแป้งมากเพราะจะทำให้น้ำมันข้น

ปาท่องโก๋” สูตรของคุณไพศาล จ.เพชรบุรี
ปาท่องโก๋เป็นของว่างที่นิยมกินกันตอนเช้าเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นไพศาลก็ต้องเตรียมทำแป้งตั้งแต่ 3 ทุ่ม พอตี 1 ก็ตื่นออกมาเปิดร้านเตรียมทอดขายไปจนถึง 10 โมงเช้า... กับการทำปาท่องโก๋นั้น อุปกรณ์ที่ต้องใช้ก็มี....


 เตาแก๊ส, กระทะ, กะละมังใบใหญ่ 3-4 ใบ, ผ้าขาวบาง, ไม้ทอดปาทองโก๋ 1 คู่ (คล้ายกับตะเกียบขนาดใหญ่), ถาดอะลูมิเนียม 2 ใบ, ถ้วยพลาสติกใบเล็กพร้อมไม้เล็ก ๆ อีก 1 อัน, กระชอนสำหรับตักปาท่องโก๋ที่ทอดแล้ว และมีดสำหรับตัดแป้งเวลาที่จะเอาลงทอด
กระทะที่ใช้สำหรับทอดนั้นถ้าจะให้ดีต้องสั่งทำพิเศษ เป็นกระทะที่ก้นไม่ลึก เพื่อที่เวลาทอดจะไม่ต้องใช้น้ำมันมาก !!


วิธีการทำปาท่องโก๋
เริ่มกันที่ “การหมักแป้ง” ซึ่งเป็นขั้นตอน “สำคัญที่สุด” ปาท่องโก๋จะอร่อยหรือไม่อร่อยต้องขึ้นอยู่กับฝีมือ และก็แป้งที่ใช้ด้วย ซึ่ง “แป้งสาลี” ที่ใช้ ไพศาลย้ำว่าต้องใช้ 2 ยี่ห้อผสมกัน คือ ยี่ห้อหัวกวาง กับ ยี่ห้อต้นสน เท่านั้น เพราะทำให้รสชาติของปาท่องโก๋อร่อยแบบกรอบนอก-นุ่มใน

นำแป้งสาลีหัวกวาง 3 กก. และแป้งสาลีตราต้นสน 7 กก. เทผสมกันในกะละมังใหญ่ ใส่แอมโมเนีย (ผสมอาหาร) ลงไป 2.5 ขีด, เกลือป่น 250 กรัม, ยีสต์ 1 ช้อนชา, ผงฟู 1 ช้อนชา (ถ้าเป็นหน้าหนาวให้ใส่ 1 ช้อนครึ่ง เพราะหน้าหนาวแป้งจะขึ้นช้า) ใช้มือคลุกเคล้าส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน

เติมน้ำเปล่าลงไปประมาณ 7 กก. หลังจากนั้นก็ทำการนวดแป้งด้วยมือจนแป้งเข้ากัน
เคล็ดลับการทำแป้งอยู่ที่การนวดแป้ง เวลานวดนั้นต้องใช้มือนวดและต้องใช้ความเร็วในการนวด ใช้เวลาในการนวดประมาณ 4 นาที ซึ่งแป้งสูตรที่ว่ามานี้ถ้าใช้เวลานวดนานจะทำให้แป้งนั้นแข็ง... จากนั้นห่อแป้งด้วยผ้าขาวบางหรือแผ่นพลาสติกหรือใส่ภาชนะมีฝาบิด ระวังอย่าให้ลมเข้าเพราะจะทำให้แป้งแข็ง หมักแป้งไว้ ประมาณ 4 ชม.เพื่อเตรียมนำมาทอดต่อไป

การทอดปาท่องโก๋...ตั้งกระทะใช้ไฟกลาง ใส่น้ำมันพืช  รอจนกว่าน้ำมันร้อน ขณะเดียวกันก็ทำการนวดแป้งที่เตรียมไว้ให้ออกเป็นแผ่น แล้วเอามีดปาดเอาแป้งออกมาเป็นท่อน นวดให้เป็นแผ่นยาว ๆ
ใช้แป้งสาลีโรยรองพื้นไว้เล็กน้อย ตัดแป้งเป็นชิ้นเล็ก ๆ ขนาดกว้าง 0.5 นิ้ว ยาวประมาณ 1.5 นิ้ว ใช้ไม้ชิ้นเล็ก ๆ แตะน้ำที่อยู่ในถ้วยพลาสติก มาแตะที่แป้งแล้วนำมาประกบกัน แล้วจึงนำลงทอดในกระทะ
เวลาจะนำลงทอดดึงแป้งให้ยืดออกมานิดหน่อย เพื่อเวลาทอดแป้งจะได้ยาวออกไปอีก การทอดนั้นใช้ไม้คีบกลับตัวปาท่องโก๋เพื่อให้สุกเท่ากัน สังเกตได้จากแป้งที่สุกแล้วจะมีสีเหลืองทอง
ห้ามใช้ไฟแรงเพราะว่าปาท่องโก๋ด้านนอกจะไหม้ เนื้อข้างในจะไม่สุก
และยังมีเคล็ดลับในการทอดอีกอย่างคือ เมื่อเปลี่ยนน้ำมันให้ใช้น้ำมันเก่าผสมลงไปในน้ำมันใหม่เล็กน้อย เวลาทอดออกมาปาท่องโก๋จะมีสีที่เหลืองสวยน่ารับประทาน...

จากสูตรที่ว่ามา แป้งที่ผสมเสร็จจะได้แป้ง 10 กก. สามารถทอดปาท่องโก๋ได้ประมาณ 900 ตัว ขายในราคาตัวละ 1 บาท ซึ่งนอกจากจะทอดปาท่องโก๋ขายแล้ว ก็อาจจะขายชา-กาแฟ หรือน้ำเต้าหู้ ควบคู่กันไปด้วยก็จะยิ่งดี ก็จะเป็นการเสริมรายได้อีกทาง...

ข้อควรระวัง การใช้น้ำมันซ้ำ

นอกจากคุณค่าลดลง ในหนูทดลองยังพบว่าทำให้การเจริญเติบโตลดลง ตับและไตมีขนาดใหญ่ มีการสะสมไขมันในตับ การหลั่งน้ำย่อยทำลายสารพิษในกระเพาะอาหารเพิ่มขึ้น และไขมันที่ถูกออกซิไดซ์ปริมาณสูงอาจทำให้ไลโปโปรตีน ชนิดแอลดีแอลมีโอกาสเกิดอนุมูลอิสระมากขึ้น มีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด ทั้งพบความสัมพันธ์ระหว่างการเกิดโรคมะเร็งที่ปอดกับ สารสูดไอระเหยจากการผัดหรือทอดอาหารเป็นเวลานาน และพบสารก่อกลายพันธุ์ในไอระเหยของน้ำมันทอดอาหาร ก่อให้เกิดเนื้องอกในตับและปอด และก่อมะเร็งเม็ดเลือดขาวในหนูทดลอง


ลองเข้าไปดูวิธีการทำที่ลิ้งค์นี้นะค่ะ จะได้เห็นขั้นตอนการทำ ส่วนสูตรนั้นเราใช้ตามสูตรของเราค่ะhttp://www.youtube.com/watch?v=Akhc6LVuJMg&feature=player_embedded
หรือถ้าชอบตามสูตรเขาก็ได้ค่ะ
สูตรน้ำเต้าหู้
-ถั่วเหลือง 1 กิโลกรัม

-น้ำตาลทรายขาวละเอียด 1 กิโลกรัม(หวานมากหวานน้อยขึ้นอยู่กับตามใจชอบ สามารถลด หรือเพิ่มปริมาณน้ำตาลได้)
-เกลือเสริมไอโอดีนป่น 2 ช้อนชา
-น้ำสะอาด 32 ถ้วย ( ประมาณ 8 ลิตร )
-ใบเตย2-3ใบ

ถ้าจะให้มีรสมันเพิ่ม เวลาปั่นให้ใส่ถั่วลิสงคั่ว 1 กำมือ ปั่นรวมกัน
สีน้ำนมจะออกสีเหลือง หรือ อาจใช้นมข้น ประมาณครึ่งกระป๋องใส่ลงไป
ก็จะได้น้ำนมถั่วเหลืองที่มีสีขาวชวนรับประทาน มีกลิ่นหอมและมีรสมัน เหมือนนมสด

ขั้นตอนและวิธีทำ :
1.นำถั่วเหลือง( ใช้ชนิดถั่วเหลืองทั้งเมล็ด ไม่ใช้ถั่วเหลืองซีก) มาคัดเอาสิ่งสกปรก กรวดทรายดิน ออกให้หมด ล้างให้สะอาด ( เมล็ดที่เสียจะลอยน้ำ คัดทิ้ง ) เอาขึ้นจากน้ำ สงไว้
2.นำถั่วเหลืองไปคั่วให้หอม แล้วนำถั่วเหลืองที่คั่วไปแช่ในน้ำสะอาด จะใช้วิธีแช่ในน้ำร้อนประมาณ 3 ชั่วโมงก็ได้ตามสะดวก จากนั้นนำมายีเอาเปลือกออก ล้างให้สะอาด เอาขึ้นจากน้ำ สงไว้ การแช่ถั่วเหลืองไม่ควรนานเกิน 2-3 ชั่วโมง
ให้สังเกตว่าพอเม็ดถั่วเริ่มพอง อมน้ำเต็มที่ก็จะใช้ได้ ถ้าเราแช่เมล็ดถั่วเหลืองในน้ำนานเกินไปจะทำให้ โปรตีนในถั่วจับตัวกันได้ไม่ดีเท่าที่ควร หรือ โดยให้น้ำท่วมประมาณ 3 เท่าของถั่วเหลือง แช่นานประมาณ 5 - 8 ชั่วโมง
3. แบ่งถั่วเหลืองพอประมาณใส่ในเครื่องปั่นน้ำผลไม้ แล้วใส่น้ำให้พอปริ่มๆถั่วเหลือง
 ปั่นใหละเอียด แบ่งปั่นไปเรื่อยๆ หรือ บดด้วยโม่หิน จนถั่วเหลืองหมด
4.ตวงน้ำ 2 ลิตร นำไปต้มจนเดือดจัด
5.ระหว่างที่รอ ให้เทน้ำถั่วเหลืองที่ปั่นไว้แล้วใส่ลงไปในหม้อที่รองด้วยผ้าขาวบาง 2 ชั้น นำน้ำที่ต้มเดือดเทตามลงไป คนให้เข้ากัน น้ำจะอุ่นพอดี คั้นเอาแต่น้ำนมถั่วเหลืองแบบคั้นกะทิ
แล้วแยกกรองกากออกมา
6.เทน้ำถั่วเหลืองที่คั้นไว้ไว้แล้วใส่ลงไปในหม้อ โดยกรองด้วยผ้าขาวบาง 2 ชั้น เสร็จแล้วเติมน้ำส่วนที่เหลือทั้งหมดลงไปในหม้อ คนให้เข้ากัน
5. ยกหม้อขึ้นตั้งไฟ ( ถ้าต้องการใช้กลิ่นใบเตยดับกลิ่นสาปถั่วเหลือง ใส่ใบเตยตอนนี้ )
ต้มด้วยไฟกลาง พอเริ่มจะเดือด ก็ใช้ไฟอ่อน คุมอุณหภูมิไม่ให้เกิน 90 องศาเซลเชียส
 ( น้ำจะเดือดที่อุณหภูมิ 100 องศาเซลเชียส )
คือต้มให้น้ำถั่วเหลืองร้อนแต่ไม่เดือด ขั้นตอนในการต้มใช้เวลาประมาณ 30 - 40 นาที
ในขณะต้มต้องหมั่นคนอยู่ตลอดเวลา มิฉะนั้นจะไหม้ได้ง่าย
 พอชิมดูว่าถั่วเหลืองสุกแล้วใส่เกลือครึ่งช้อนชา
เคี่ยวต่ออีกประมาณ 5 นาที ปิดไฟหรือยกลง เติมน้ำตาลและเกลือป่น ชิมรสตามชอบ

ถ้าต้องการเพิ่มกลิ่นใบเตย ก็ใช้ ใบเตยล้างสะอาด 5 ใบตัดเป็นท่อน ๆ ต่อ ถั่วเหลือง 1 กิโลกรัม

ถ้าต้องการแต่งสีก็เติมสีอาหารจากธรรมชาติ อาทิเช่น
สีเหลือง จาก ขมิ้นชัน ขมิ้นอ้อย หญ้าฝรั่น ดอกคำฝอย ลูกพูด ดอกกรรณิการ์ ฟักทอง มันเทศ แครอท
สีเขียว จาก ใบเตยหอม ใบย่านางพริกเขียว และ ใบคะน้า
สีแดง จากครั่ง มะเขือเทศสุก , กระเจี๊ยบ ,มะละกอ ,ถั่วแดง และพริกแดง
สีน้ำเงิน จากดอกอัญชัน
สีม่วง จาก ดอกอัญชันสีน้ำเงินผสมมะนาว , ข้าวเหนียวดำ และถั่วดำ
สีแสด จากเมล็ดของผลคำแสด เป็นต้น
ส่วนการแต่งกลิ่นก็มีกลิ่นสำเร็จขายอยู่ทั่วไป

ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก http://khonkrung.com/simple/index.php?t29.html
เดลินิว และ www.pak-soi.com/show_topic.php?id=353&forum=6 -

Read More...




----------------

ปรับปรุง
รายการบทความทั้งหมด



การบำรุงรักษารถยนต์เบื้องต้น



ร้านค้าเคลื่อนที่ ใช้ รถบรรทุกขนาดเล็กมาดัดแปลง



รวมบทความอาชีพ เสริม หลากไอเดียวิธีหารายได้เสริม



รวมบทความงานฝีมือ-สิ่งประดิษฐ์ รายได้เสริม



ทองม้วน thong muan ; rolled wafer





MASK รุ่นสายคล้องคอ







MASK รุ่นสายคล้องคอ. ��รุ่นนี้เป็นที่นิยมใช้กันมาก #ขายดีมาก
ทำจากผ้าคอตตอนแท้ 100%  ไม่ผสม เนื้อผ้านุ่ม 
3 ชั้น. สวมใส่พอดีกับใบหน้า ไม่เจ็บหู มีสายคล้องคอปรับได้
เวลาถอดออก ไม่ต้องกลัวลืม เพราะถอดแล้วคล้องคอไว้ได้
บรรจุในถุงซิปฟรอย์อย่างดี
ราคาชิ้นละ. 59. บาท. ไม่รวมส่ง 
มีหลายสีให้เลือกนะคะ   สนใจทักแชทขอดูสีผ้าได้นะคะ
หน่วยงาน บริษัท ห้างร้าน หรือ สนใจสั่งไปจำหน่าย 
มีเรทราคาส่งค่ะ

-> id line : noeyhorm_06
#มีวางจำหน่ายหน้าร้านชานมไต้หวันมาราชาสาขาจรัญ44


ร้านมาราชาชานมไข่มุก สาขาจรัญสนิทวงศ์ 44
● รับบัตรสะสมครบ 10 แก้ว แลกรับฟรี 1 แก้ว
● สั่งเดลิเวอรีผ่าน LINE MAN, Foodpanda ,GET ...ถึงมือปั๊บพร้อมดื่มปุ๊บ!
● อัพเดทโปรโมชั่นใหม่ๆ รสชาติใหม่ ตลอดเวลา
● มีเมนูให้เลือก 40 กว่าเมนู : https://bit.ly/2Z9iqV0






























































เลือกช่องทางติดต่อและรับข่าวสารบริการหลังการขาย
ฟอร์ด พลปิยะอยุธยาและฟอร์ด พลปิยะวังน้อย

--------------------------------------------------------------------------------------------
แคมเปญ-โปรโมทชั่น อะไหล่ฟอร์ด อัพเดททางออนไลน์และปรับปรุงข้อมูลออนไลน์
อะไหล่ฟอร์ด อะไหล่รถฟอร์ด อะไหล่รถยนต์ฟอร์ด อะไหล่ฟอร์ดแท้ ร้านขายอะไหล่รถฟอร์ด ขายอะไหล่รถฟอร์ด อะไหล่ฟอร์ด
 
Option

รวมบทความอาชีพเสริม หลากไอเดียวิธีหารายได้เสริม หาอาชีพเสริมอิสระทำเงิน สร้างอาชีพอิสระงานฝีมือ แนะนำการสร้างรายได้เสริมทำเงินด้วยการขายสินค้าหรือขายของเป็นอาชีพเสริม อิสระงานฝีมือ แนะแนวธุรกิจ อาชีพเสริม อาชีพแก้จน อยากจะมีรายได้เสริมนอกเหนือจากงานประจำ บล๊อกจัดทำขึ้นเป็นวิทยาทานเพื่อเผยแผ่ความรู้อันจะเป็นไปเพื่อบุญกุศล ขอให้ทุกท่านที่มีส่วนร่วมในบทความของบล๊อกนี้ จงได้รับอานิสงฆ์ด้วยเทอญ.