เก็บตกจากงานอะเมซิ่ง แกรนด์ เซลล์ ครั้งที่ 11 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เมื่อ 26-29 ก.ค. ที่ผ่านมา ในงานมีกิจกรรมมนต์เสน่ห์แห่งขนมไทยและผลไม้ ซึ่ง “ขนมรังไร” หรือ “ขนมเรไร” ขนมชาววังเก่าแก่ มีบรรยายอยู่ในพระราชนิพนธ์กาพย์เห่เรือชมเครื่องคาวหวานของรัชกาลที่ 2 เป็นขนมที่สวยงามประณีต เหมือนรังนกม้วนสานกันไปมา ก็เป็นหนึ่งในขนมไทยที่โดดเด่นในงานนี้ ซึ่งวันนี้ทีม “ช่องทางทำกิน” ก็มีข้อมูลเกี่ยวกับขนมไทยชนิดนี้มานำเสนอ...
วรรณภา ป้อมทอง หรือ คุณติ๊ก เจ้าของร้านขนมไทยโบราณแม่ผ่องศรี ซึ่งขายขนมไทยมานานเกือบ 20 ปี เล่าว่า สูตรขนมทั้งหมดของร้านเป็นของแม่ผ่องศรีซึ่งเป็นคุณแม่ ซึ่งตนเองก่อนที่จะมาจับอาชีพขายขนมนั้นทำธุรกิจอื่นมาก่อน ทำมาหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจร้านอาหาร ธุรกิจอพาร์ตเมนต์ แต่ไม่ค่อยประสบความสำเร็จ ในที่สุดคุณแม่จึงแนะนำให้ทำธุรกิจขายขนม ซึ่งคุณแม่จะมาทำและถ่ายทอดให้ จึงได้ลองทำธุรกิจนี้อาชีพนี้กับคุณแม่
“เริ่มต้นด้วยขนมไทย ๆ 4-5 อย่าง เช่น ขนมเหนียว ขนมต้ม ถั่วแปบ วันแรกขายในหมู่บ้านได้เงิน 2,000 บาท แต่ลงทุนด้วยเงินเพียง 500 บาท ตอนนั้นดีใจมาก และคิดว่าใช่ทางของเราแล้ว จึงเริ่มหาที่ขายตามตลาดนัดให้ครบ 7 วัน โดยเพิ่มขนมกล้วย ขนมฟักทอง ขนมใส่ไส้ ซึ่งภายใน 2-3 ปีเท่านั้นก็ฟื้นตัวเลย” วรรณภาเล่า พร้อมบอกว่า ขนมไทยโบราณ ขนมไทยชาววัง หลาย ๆ อย่าง คุณแม่สอนทำเพิ่มให้ในภายหลัง รวมถึง “ขนมรังไร” หรือ “ขนมเรไร”
ขนมชนิดนี้ปัจจุบันมีคนทำขายไม่กี่ราย
อุปกรณ์ในการทำขนมเรไร หลัก ๆ ก็มี กะละมังนวดแป้ง เตาแก๊ส กระทะทองเหลือง รังถึง หม้อต้มกะทิ แม่พิมพ์เรไร และอุปกรณ์ทำขนมเบ็ดเตล็ดอื่น ๆ
วิธีทำ ตามสูตรก็เริ่มจากร่อนแป้งท้าวยายม่อม 400 กรัม ผสมกับแป้งข้าวเหนียว 600 กรัม ผสมแป้ง 2 อย่างให้เข้ากันแล้วพักไว้สักพัก จากนั้นจึงใส่หัวกะทิ 400 กรัมลงนวดกับแป้ง นวดจนเข้ากัน ใช้เวลาประมาณ 20 นาที หรือนวดจนแป้งนุ่ม และมีกลิ่นหอมของกะทิ ก็ใช้ได้
ขั้นต่อไป ตั้งกระทะทองเหลือง ใช้ไฟร้อนปานกลาง ใส่หัวกะทิ 600 กรัมลงไป รอจนหัวกะทิร้อน จึงใส่แป้งที่นวดแล้วลงไปกวน โดยการกวนแป้งนี้ วรรณภาบอกว่า ต้องกวนต่อเนื่องราว 20 นาที กวนด้วยความระมัดระวัง และต้องกวนไปในทิศทางเดียวกัน กวนไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งแป้งไม่ติดกระทะ และน้ำกะทิซึมเข้าไปในเนื้อแป้งจนหมด จึงนำลงมาพัก โดยคลุมด้วยผ้าขาวบาง พักให้เย็น
ระหว่างนั้นให้ละลายน้ำหวานสีแดง น้ำหวานสีเขียว และน้ำสีฟ้า (ดอกอัญชัน) เตรียมไว้อย่างละ 1 ถ้วย หรือมากกว่านั้นก็ได้ ตามชอบ
แบ่งแป้งเป็น 4 ส่วน ส่วนละเท่า ๆ กัน และนำน้ำหวานสีแดง น้ำหวานสีเขียว และน้ำสีฟ้า ที่เตรียมไว้ ใส่ลงไปในแป้งอย่างละส่วน แล้วนวดให้สีน้ำหวานกับแป้งเข้ากัน ซึ่งถึงตอนนี้จะได้แป้งสีแดง สีเขียว สีฟ้า และอีกส่วนยังเป็นสีขาว
ปั้นแป้งเป็นก้อนกลม ๆ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 นิ้ว แล้วนำไปกดในพิมพ์ขนมเรไร (ลักษณะคล้ายที่กดกล้วยทับ) ซึ่งโรยแป้งมันไว้ไม่ให้ขนมติดพิมพ์ โดยแป้งที่กดออกมาจากพิมพ์จะมีลักษณะเป็นเส้นกลมเหมือนรังนก
จากนั้น นำเส้นขนมเรไรไปใส่ในรังถึงซึ่งปูรองด้วยใบตองที่ทากะทิไว้ทั่ว นึ่งให้ขนมสุก ใช้เวลานึ่งประมาณ 10 นาที ก็ใช้ได้ พร้อมขาย
“ขนมรังไร” หรือ “ขนมเรไร” นี้ ขายคู่กับ หัวกะทิ ที่เคี่ยวกับใบเตย น้ำตาลทราย เกลือ ให้ได้รสหวาน-มัน-เค็ม และ มะพร้าวทึนทึกขูด น้ำตาลผสมงาขาวคั่ว โดยในการขายขนมเรไรของวรรณภานั้น ต่อ 1 ถุง ที่มีขนมเรไร 8-9 คำ จะขายชุดละ 35-40 บาท โดยมีต้นทุนเฉพาะในส่วนของวัตถุดิบถุงละประมาณ 15-20 บาท ซึ่งก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่ง “ช่องทางทำกิน” ที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว
ใครสนใจ “ขนมรังไร” หรือ “ขนมเรไร” และขนมไทยอื่น ๆ อาทิ โคกะทิ โคหัวล้าน ขนมไข่ปลา ขนมลืมกลืน ขนมหยกมณี ฯลฯ ต้องการติดต่อ วรรณภา ป้อมทอง ก็ติดต่อได้ที่ โทร. 08-1619-2508, 08-6351-3970.
สุภารัตน์ ยอดศิริวิชัยกุล : เรื่อง/ภาพ
..........................................
คู่มือลงทุน...ขนมเรไร-รังไร
ทุนอุปกรณ์ 5,000 บาทขึ้นไป
ทุนวัตถุดิบ 15-20 บาท/ชุด
รายได้ 35-40 บาท/ชุด
แรงงาน 1 คนขึ้นไป
ตลาด ย่านอาหาร, ร้านขนม
จุดน่าสนใจ คู่แข่งที่ทำขายมีน้อย
credit :
http://www.dailynews.co.th/article/384/147317