การทำสินค้าขาย เพียงอย่างเดียว หากเป็นนักการตลาดตัวยงแล้ว ถือว่ามีความเสี่ยงสูงในการดำเนินธุรกิจ ฉะนั้นจึงจำเป็นต้องประกอบหลายธุรกิจเพื่อลดความเสี่ยง แต่ทฤษฎีนี้คงใช้ไม่ได้กับข้าวเหนียวมูนแฟนซีสมุนไพร 9 สี ของร้าน “แม่เก่ง” ที่ ได้อาศัยการลองผิดลองถูกในการทำข้าวเหนียวมูนทั้งๆที่ไม่มีความรู้ด้านนี้ เลย ส่งผลให้ในปัจจุบันทั้งรสชาติ คุณภาพ และข้าวเหนียวมูน รวมถึงความโดดเด่นในเรื่องสีสันจากสมุนไพรไทย ทำให้แบรนด์แม่เก่งเป็นที่รู้จักดีในหมู่ผู้ที่ชื่นชอบการรับประทานข้าว เหนียวมะม่วง

นายวิศิษฐ์ เจษฎาพงศ์ภักดี เจ้าของข้าวเหนียวมูน “แม่เก่ง” เล่าว่า ธุรกิจนี้เป็นธุรกิจของครอบครัว ที่ได้ร่วมกันระดมความคิด และลองผิดลองถูกในการทำข้าวเหนียวมูนร่วมกันมา สุดท้ายจึงมาลงกับรสชาติปัจจุบัน เป็นที่ถูกอกถูกใจของผู้ที่ได้ลิ้มลอง ซึ่งในช่วงแรกครอบครัวนี้มีอาชีพรับผลไม้ตามฤดูกาลมาขาย พอถึงช่วงที่ผลผลิตมะม่วงออกสู่ตลาดจำนวนมาก ทางร้านจะขายดีเป็นพิเศษ รวมถึงลูกค้าก็แนะนำให้ลองทำข้าวเหนียวมูนมาขายบ้าง เพราะเมื่อ 30 ปีที่แล้ว บริเวณซอยโชคชัย 4 (54) ยังไม่มีเจ้าไหนที่ทำข้าวเหนียวมูนขาย จึงได้เริ่มจากการลองผิดลองถูกประมาณ 1 ปี รวมถึงได้มีการปรับปรุงสูตรอย่างต่อเนื่องจนมาลงตัวที่สูตรในปัจจุบัน

“เราเริ่มจากความไม่รู้กระบวนการผลิตข้าวเหนียวมูนเลย อาศัยการทดลองทำมาเรื่อยๆ บางครั้งก็ท้อบ้าง เพราะกว่าจะทำออกมาเป็นที่พอใจทั้งรสชาติ และคุณภาพ ต้องทิ้งข้าวเหนียวไปกว่า 10 กระสอบ ส่วนแนวคิดที่นำสีจากสมุนไพรมาผสมเพื่อสร้างความแตกต่างจากเจ้าอื่นนั้น เกิดจากความคิดของลูกชายคนเล็ก (นายเฉลิมพันธ์ เจษฎาพงศ์ภักดี) ที่ได้นำข้าวเหนียวมูนสีม่วง ซึ่งเกิดจากการนำดอกอัญชันมาผสม และนำไปส่งอาจารย์ในวิชาโครงงานวิทยาศาสตร์ ทำให้เป็นจุดเริ่มต้นของการนำสีสมุนไพรมาเป็นอีกหนึ่งส่วนผสมข้าวเหนียวมูน แม่เก่ง”

ทั้งนี้ในเรื่องของสีสันที่นำเข้าเพื่อสร้างความแตกต่างได้เริ่มทำมา เมื่อ 3 ปีที่แล้ว มีเพียงไม่กี่สีเท่านั้น แต่สำหรับในปีนี้ ถือเป็นปีมหามงคลของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ทรงมีพระชนมายุครบ 80 พรรษา จึงคิดทำข้าวเหนียวมูนออกมาให้ครบ 9 สี โดยเป็นที่มาจากธรรมชาติล้วนๆ ได้แก่ สี ขาว จากกะทิสด สีเขียวจากใบเตย, สีม่วง จากดอกอัญชัน, สีส้ม จากแครอท, สีแดง จากบีทรูท, สีดำ จากข้าวเหนียวดำ, สีชมพู จากดอกเฟื่องฟ้า, สีเนื้อ จากแก่นฝาง และสีเหลืองจากขมิ้น

สำหรับจุดเด่นของข้าวเหนียวมูนแม่เก่ง คือ รสชาติที่มีความหวาน มัน ข้าวไม่แฉะ และเมื่อรับประทานรสชาติยังติดลิ้นอยู่ ซึ่งเป็นเคล็ดลับเฉพาะของทางร้านในกระบวนการผลิต ในขณะที่การเก็บรักษาหากนำเข้าตู้เย็นจะสามารถเก็บได้นาน 1 เดือน เพราะใช้หัวกะทิล้วนจึงไม่เสียง่าย โดยขายข้าวเหนียวมูนทุกสีในราคากิโลกรัมละ 100 บาท ซึ่งกำลังการผลิตในช่วงหน้าข้าวเหนียวมะม่วงผลิตประมาณ 1,000 กิโลกรัม/วัน ส่วนเทศกาลผลไม้อื่นๆ จะอยู่ที่ 100-200 กิโลกรัม/วัน เน้นการขายหน้าร้านย่านลาดพร้าว ในซอยโชคชัย 4 (54) เกือบ 100% และขายส่งให้กับร้านอาหารและโรงแรมหลายแห่ง ซึ่งทางร้านได้อำนวยความสะดวกในการจัดส่งข้าวเหนียวมูนให้ถึงบ้าน โดยลูกค้าต้องรับผิดชอบค่าขนส่งเองทั้งหมด

นอกจากทางร้านแม่เก่ง จะเลื่องชื่อในเรื่องของข้าวเหนียวมูนแล้ว แต่หากขาดมะม่วงสุก พันธุ์น้ำดอกไม้ที่มีรสชาติหวานสนิท ไม่ผ่านการบ่มแก๊ส คงจะทำให้การรับประทานข้าวเหนียวมะม่วงมื้อนั้นขาดความสมบูรณ์ไป ทำให้ทาง ร้านแม่เก่งสั่งมะม่วงสุกพันธุ์น้ำดอกไม้มาจำหน่าย โดยคัดสรรคุณภาพมะม่วงเกรดส่งออก จำหน่ายในกิโลกรัมละ 150 บาท มีให้รับประทานได้ตลอดทั้งปี นอกจากมะม่วงที่คัดสรรมาเป็นอย่างดีแล้ว ทางร้านยังมีเมนูอื่นๆ ให้เลือกสรร เช่น สังขยา และหน้าปลา เพื่อรับประทานร่วมกับข้าวเหนียวมูน รวมถึงข้าวต้มมัดที่อร่อยไม่แพ้กัน

ธุรกิจนี้เรียกได้ว่าเป็นธุรกิจครอบครัวอย่างแท้จริง ที่ทุกคนได้มีส่วนร่วมในการเสนอแนวคิดและขั้นตอนการผลิตซึ่งสิ่งเหล่านี้ได้ ซึมซับให้กับลูกชายคนเล็ก ที่ตั้งใจสานธุรกิจนี้ต่อไป ซึ่งในขณะนี้ได้เข้ามาช่วยผลิตและขาย เกือบเต็มตัว เนื่องจากกำลังศึกษาระดับปริญญาตรีคณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยรามคำแหง เพื่อนำความรู้มาพัฒนาธุรกิจต่อไป
***ติดต่อ 0-2538-3331, 08-9889-8891 และ 08-9881-2349*** หรือ www.moonrice9.com
อ้างอิงจาก ผู้จัดการออนไลน์

นายวิศิษฐ์ เจษฎาพงศ์ภักดี เจ้าของข้าวเหนียวมูน “แม่เก่ง” เล่าว่า ธุรกิจนี้เป็นธุรกิจของครอบครัว ที่ได้ร่วมกันระดมความคิด และลองผิดลองถูกในการทำข้าวเหนียวมูนร่วมกันมา สุดท้ายจึงมาลงกับรสชาติปัจจุบัน เป็นที่ถูกอกถูกใจของผู้ที่ได้ลิ้มลอง ซึ่งในช่วงแรกครอบครัวนี้มีอาชีพรับผลไม้ตามฤดูกาลมาขาย พอถึงช่วงที่ผลผลิตมะม่วงออกสู่ตลาดจำนวนมาก ทางร้านจะขายดีเป็นพิเศษ รวมถึงลูกค้าก็แนะนำให้ลองทำข้าวเหนียวมูนมาขายบ้าง เพราะเมื่อ 30 ปีที่แล้ว บริเวณซอยโชคชัย 4 (54) ยังไม่มีเจ้าไหนที่ทำข้าวเหนียวมูนขาย จึงได้เริ่มจากการลองผิดลองถูกประมาณ 1 ปี รวมถึงได้มีการปรับปรุงสูตรอย่างต่อเนื่องจนมาลงตัวที่สูตรในปัจจุบัน

“เราเริ่มจากความไม่รู้กระบวนการผลิตข้าวเหนียวมูนเลย อาศัยการทดลองทำมาเรื่อยๆ บางครั้งก็ท้อบ้าง เพราะกว่าจะทำออกมาเป็นที่พอใจทั้งรสชาติ และคุณภาพ ต้องทิ้งข้าวเหนียวไปกว่า 10 กระสอบ ส่วนแนวคิดที่นำสีจากสมุนไพรมาผสมเพื่อสร้างความแตกต่างจากเจ้าอื่นนั้น เกิดจากความคิดของลูกชายคนเล็ก (นายเฉลิมพันธ์ เจษฎาพงศ์ภักดี) ที่ได้นำข้าวเหนียวมูนสีม่วง ซึ่งเกิดจากการนำดอกอัญชันมาผสม และนำไปส่งอาจารย์ในวิชาโครงงานวิทยาศาสตร์ ทำให้เป็นจุดเริ่มต้นของการนำสีสมุนไพรมาเป็นอีกหนึ่งส่วนผสมข้าวเหนียวมูน แม่เก่ง”

ทั้งนี้ในเรื่องของสีสันที่นำเข้าเพื่อสร้างความแตกต่างได้เริ่มทำมา เมื่อ 3 ปีที่แล้ว มีเพียงไม่กี่สีเท่านั้น แต่สำหรับในปีนี้ ถือเป็นปีมหามงคลของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ทรงมีพระชนมายุครบ 80 พรรษา จึงคิดทำข้าวเหนียวมูนออกมาให้ครบ 9 สี โดยเป็นที่มาจากธรรมชาติล้วนๆ ได้แก่ สี ขาว จากกะทิสด สีเขียวจากใบเตย, สีม่วง จากดอกอัญชัน, สีส้ม จากแครอท, สีแดง จากบีทรูท, สีดำ จากข้าวเหนียวดำ, สีชมพู จากดอกเฟื่องฟ้า, สีเนื้อ จากแก่นฝาง และสีเหลืองจากขมิ้น

สำหรับจุดเด่นของข้าวเหนียวมูนแม่เก่ง คือ รสชาติที่มีความหวาน มัน ข้าวไม่แฉะ และเมื่อรับประทานรสชาติยังติดลิ้นอยู่ ซึ่งเป็นเคล็ดลับเฉพาะของทางร้านในกระบวนการผลิต ในขณะที่การเก็บรักษาหากนำเข้าตู้เย็นจะสามารถเก็บได้นาน 1 เดือน เพราะใช้หัวกะทิล้วนจึงไม่เสียง่าย โดยขายข้าวเหนียวมูนทุกสีในราคากิโลกรัมละ 100 บาท ซึ่งกำลังการผลิตในช่วงหน้าข้าวเหนียวมะม่วงผลิตประมาณ 1,000 กิโลกรัม/วัน ส่วนเทศกาลผลไม้อื่นๆ จะอยู่ที่ 100-200 กิโลกรัม/วัน เน้นการขายหน้าร้านย่านลาดพร้าว ในซอยโชคชัย 4 (54) เกือบ 100% และขายส่งให้กับร้านอาหารและโรงแรมหลายแห่ง ซึ่งทางร้านได้อำนวยความสะดวกในการจัดส่งข้าวเหนียวมูนให้ถึงบ้าน โดยลูกค้าต้องรับผิดชอบค่าขนส่งเองทั้งหมด

นอกจากทางร้านแม่เก่ง จะเลื่องชื่อในเรื่องของข้าวเหนียวมูนแล้ว แต่หากขาดมะม่วงสุก พันธุ์น้ำดอกไม้ที่มีรสชาติหวานสนิท ไม่ผ่านการบ่มแก๊ส คงจะทำให้การรับประทานข้าวเหนียวมะม่วงมื้อนั้นขาดความสมบูรณ์ไป ทำให้ทาง ร้านแม่เก่งสั่งมะม่วงสุกพันธุ์น้ำดอกไม้มาจำหน่าย โดยคัดสรรคุณภาพมะม่วงเกรดส่งออก จำหน่ายในกิโลกรัมละ 150 บาท มีให้รับประทานได้ตลอดทั้งปี นอกจากมะม่วงที่คัดสรรมาเป็นอย่างดีแล้ว ทางร้านยังมีเมนูอื่นๆ ให้เลือกสรร เช่น สังขยา และหน้าปลา เพื่อรับประทานร่วมกับข้าวเหนียวมูน รวมถึงข้าวต้มมัดที่อร่อยไม่แพ้กัน

ธุรกิจนี้เรียกได้ว่าเป็นธุรกิจครอบครัวอย่างแท้จริง ที่ทุกคนได้มีส่วนร่วมในการเสนอแนวคิดและขั้นตอนการผลิตซึ่งสิ่งเหล่านี้ได้ ซึมซับให้กับลูกชายคนเล็ก ที่ตั้งใจสานธุรกิจนี้ต่อไป ซึ่งในขณะนี้ได้เข้ามาช่วยผลิตและขาย เกือบเต็มตัว เนื่องจากกำลังศึกษาระดับปริญญาตรีคณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยรามคำแหง เพื่อนำความรู้มาพัฒนาธุรกิจต่อไป
***ติดต่อ 0-2538-3331, 08-9889-8891 และ 08-9881-2349*** หรือ www.moonrice9.com
อ้างอิงจาก ผู้จัดการออนไลน์
ขายของได้ทุกที่ บนรถขายขายของเคลื่อนที่ ได้ทั้งของกินและเครื่องดื่ม
ตัวอย่างอาชีพค้าขายที่ไม่ง้อทำเล(รูป)ตอน 1-12
download ...http://commercial-on-wheels.blogspot.com/
ตัวอย่างอาชีพค้าขายที่ไม่ง้อทำเล(รูป)ตอน 1-12
download ...http://commercial-on-wheels.blogspot.com/
adv001