Home » All posts

น้ำซุปน่าซด เครื่องในสด รสชาติกลมกล่อม "เซี่ยงจี๊เจ้าเก่า"ต้มเลือดหมู คู่ปากชาวขอนแก่น

หนาว นี้ใครมีโปรแกรมท่องแดนอีสาน ย่ำเมืองขอนแก่น เจ๊แซบมีร้านต้มเลือดหมูเก่าแก่ที่อยู่คู่ตลาดขอนแก่นมาแสนนาน ชื่อร้าน "เซี่ยงจี๊เจ้าเก่า" ร้านหนึ่งคูหา ราคากันเอง เริ่มบรรเลงความแซบตั้งแต่ฟ้าใกล้สาง พอฟ้าสว่างใกล้เที่ยงของหมดปิดร้านนอน ร้านเล็กๆบรรยากาศบ้านๆ บริหารงานกันเองในครอบครัว มี "เฮียอู๋" เป็นหัวเรือใหญ่ ดูแลกิจการต่อจากบิดาแอนด์มารดา เปิดมาตั้งแต่ปี 2515 รวมเวลาบริการความอร่อยมานานกว่า 38 ปี!

"คุณพ่อเป็นคนกรุงเทพฯ อยู่แถวตลาดสวนหลวงจุฬาฯครับ แล้วย้ายมาทำงานอยู่ ขอนแก่น ก็เลยได้มาแต่งงานกับแม่ที่นี่ แล้วก็คิดว่าจะทำอะไรดี พอดีว่าหลังบ้านแกที่กรุงเทพฯ เขาทำต้มเลือดหมูขายกัน แต่ว่าตอนนั้นที่ขอนแก่นยังไม่มีขาย แกก็เลยมาเริ่มทำตั้งแต่ปี 2515 ส่วนผมมารับช่วงตั้งแต่เด็กแล้วครับ พอผมเรียนจบก็ช่วยมาตลอด แต่ว่ามาทำจริงๆ คนเดียวก็เพิ่งจะ 10 ปีที่ผ่านมา ตอนแรกเราเช่าอยู่ตรงนี้ พอช่วงนึงเจ้าของเค้าจะสร้างตึกใหม่ เราก็เลยไปขายในตลาดโต้รุ่ง พอเขาสร้างเสร็จเราก็กลับมาอยู่ที่เดิมแล้วก็อยู่มาตลอดครับ" เฮียอู๋ไล่เรียงที่มาที่ไปของร้านให้ฟังอย่างชัดเจน

อุ่นท้องยามเช้า

เหตุ ที่ต้องใช้ชื่อร้านว่า "เซี่ยงจี๊เจ้าเก่า" เพราะร้านนี้มีดีที่เซี่ยงจี๊และเป็นร้านแรกที่ทำขาย แต่พอย้ายเข้าไปอยู่ในตลาด เริ่มมีร้านใหม่ๆผุดขึ้นมา พอกลับมาที่เดิม แม่เฮียอู๋เลยสั่งให้ใช้ชื่อว่าเซี่ยงจี๊เจ้าเก่า ลูกค้าขาประจำจะได้ไม่เข้าใจผิดคิดว่าเป็นร้านใหม่

สำหรับขาหม่ำที่ ไม่ถนัดเครื่องใน อ่านแล้วอาจจะสงสัย "เซี่ยงจี๊" มันคืออะไร "มันคือไตครับ มันคือไตของหมู เราจะมีร้านประจำส่งกันมาเป็นสิบๆปี" ทุกเช้าจะมีเซี่ยงจี๊มาส่งกันสดๆ เฮียอู๋จะทำหน้าที่คัดเอาเฉพาะชิ้นที่ใช้ได้ ถ้าชิ้นไหนไม่ได้มาตรฐานเฮียส่งคืนหมด อดลงหม้อ

หลังจากได้เซี่ยงจี๊ มาแล้ว ต้องทำความสะอาดเป็นเวลา 1 วันกับอีก 1 คืน!! เริ่มต้นตั้งแต่นำเซี่ยงจี๊ไปล้างให้สะอาด หั่นสไลด์เป็นชิ้นๆ แล้วล้างอีกหนึ่งรอบ ก่อนจะนำมาแช่ในน้ำแข็งที่มีน้ำ เล็กน้อยเป็นการไล่ กลิ่นคาว และต้องเปลี่ยนน้ำแข็งทุกๆ 6 ชั่วโมงตลอดทั้งวัน ถึงจะได้เซี่ยงจี๊ที่สะอาดและกรอบพร้อมขายในวันต่อไป

เคล็ดลับความ กรอบฉบับเฮียอู๋ทำให้เซี่ยงจี๊ของร้านนี้มีแฟนคลับมากมาย ทั้งคนดังนักการเมือง ผู้หลักผู้ใหญ่ในพื้นที่ ชาวบ้านนักหม่ำ นักเรียนนักศึกษาที่นิยมมากันเป็นหมู่คณะ ทำให้ร้านเล็กๆคึกคักตลอดทั้งเช้า

ขาประจำคึกคัก

นอก จากเซี่ยงจี๊จะกรอบเด้งโดนใจแล้ว เฮียอู๋ยังมีเครื่องในส่วนอื่นๆ ไว้ให้ลิ้มลอง มีทั้งไส้อ่อน เคี้ยวง่ายสบายเหงือก กระเพาะหมู ที่ผ่านการล้างมาอย่างดี ล้างแล้วต้ม ก่อนจะเลาะพังผืดในกระเพาะออก นำไปลวก แล้วลอกพังผืดกับเมือกออกเป็นครั้งที่ 2 รับรองความสะอาดปราศจากกลิ่นคาว สำหรับพลพรรคนักโซ้ย ตับ เฮียอู๋มีตับใหม่ๆสดๆมาส่งให้ทุกวัน ไม่ต้องทำอะไรมากแค่สไลด์บางๆแล้วลวกพอสะดุ้งสุกถูกใจคอตับมากมาย ปิดท้ายด้วยเครื่องในที่ห้ามขาดในชามต้มเลือดหมู นั่นก็คือ เลือดหมู แสนนุ่ม ละมุนลิ้น

ทุกเช้าจะมีร้านประจำนำเลือดหมูสดๆ มาส่ง เลือดร้านนี้การันตีไม่มีแป้งเจือปน เป็นเลือดล้วนๆ ต้มไฟอ่อนๆ โรยเกลือแค่เล็กน้อย แล้วปล่อยให้เลือดเกาะกลุ่มกันเป็นก้อนๆ เฮียอู๋ย้ำว่าต้มเลือดให้นุ่ม ต้องคุมไฟดีๆ ถ้าไฟแรงเกินไปเลือดจะฟ่อใช้ไม่ได้ ไฟต้องอ่อนๆ ร้อนสม่ำเสมอเลือดถึงจะนุ่มได้ใจ

ใช่ว่าจะมีแต่เครื่องในเป็นดาว เด่นอยู่ในชามต้มเลือดหมู เฮียอู๋ยังมี "หมูสับ" เนื้อนุ่ม รสชาติละมุนละไม เอาใจขาโซ้ย เป็นเนื้อหมูสามชั้น หมูเนื้อแดง และมันหมู ผสมกันในอัตราส่วนที่พอเหมาะพอดี ไม่มีมันเยอะเกินไป และไม่กระด้างจนลำบากเคี้ยว ปรุงรสเล็กน้อยด้วยซอส น้ำปลา พริกไทย และเกลือ คลุกเคล้าให้เข้ากัน ปั้นเป็นก้อนพอดีหม่ำ

บรรยากาศหน้าร้าน

น้ำ ซุปร้านนี้ใช้คาตั๊งล้วนๆ ตื่นมาต้มตั้งแต่ตีห้าก็ต้มเรื่อยมาจนร้านเปิด น้ำซุปรสชาติละมุนละไม ซดเล่นก็เพลิน โซ้ยกับข้าวก็เจริญอาหาร เฮียอู๋จะใส่ผักกาดหอม ขึ้นฉ่าย จิงจู่ช่าย ผักชี และต้นหอมมาช่วยเพิ่มคุณค่าทางอาหาร และเพิ่มความหวานให้น้ำซุป ถ้าช่วงผักถูกเฮียอู๋ใจปํ้ากระหน่ำใส่ผักแบบไม่เกรงใจใคร แต่ถ้าช่วงผักราคาแพงเฮียขอใส่แบบพอดีๆ เพื่อประคองต้นทุนไม่ให้พุ่งพรวดจนปวดใจ

ร้าน "เซี่ยงจี๊เจ้าเก่า" หรือบางคนเรียกร้าน "อู๋เซี่ยงจี๊" ตั้งอยู่ที่ถนนสถิตยุติธรรม อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น ร้านอยู่ตรงข้ามโรงเรียนขอนแก่นวิทยายนกับธนาคารแห่งประเทศไทย ติดกับบ้านพักอธิบดีผู้พิพากษาเขต 4 ร้านเปิดตั้งแต่เช้าประมาณ 6 โมงครึ่งจนถึง 11 โมงครึ่ง ทุกวัน เบอร์ โทร. 08-1393-1999

ทุก ปีทางร้านจะมีวันหยุดบ้างคือช่วงตรุษจีน เชงเม้ง และวันที่ไม่มีของขาย โดย เฉพาะช่วงปิดเทอม เพราะโรงหมูในขอนแก่นจะทำหมูน้อยลง ทำให้ของขาดเฮียอู๋ ต้องปิดร้านไปโดยปริยาย ใครที่อยากไปหม่ำแล้วไม่อยากช้ำใจเพราะไปเก้อ กรุณายกหูโทรศัพท์โทร.ถามก่อนเพื่อความสบายใจ!!!

เจ๊แซบ หัวเขียว

หมูแดงหอม บะหมี่นุ่ม น้ำซุปอร่อย ก๋องเมงจั้น ร้านบะหมี่ของชาวกวางตุ้งชื่อเมง

สูตรทำอาหาร

เส้นนุ่มไม่เหมือนใคร

วิถีชีวิตแบบไท้ย...ไทยของเรา นี้ มีสิ่งประหลาดแอนด์มหัศจรรย์มากมายซ่อนแทรกอยู่ในทุกพื้นที่ หนึ่งในความพิสดารที่เจ๊แซบขอแนะนำให้หาโอกาสแวะไปทัศนา คือ "ตลาดร่มหุบ" แห่งเมืองสมุทรสงคราม ตลาดร่มหุบเป็นส่วนหนึ่งของตลาดแม่กลอง บางคนเรียกตลาดสุดเก๋นี้ว่า "ตลาดเสี่ยงตาย" ตั้งอยู่บนทางรถไฟสายแม่กลอง บ้านแหลม อาณาบริเวณของตลาดคร่อมเคียงรางรถไฟเป็นทางยาว มีแผงขายของอยู่ประชิดติดรางไม่หวาดกลัวใดๆทั้งสิ้น พอมีรถไฟมาที พ่อค้า แม่ขายที่วางตะกร้า กระบุงไว้ข้างทางรถไฟก็พร้อมใจกันเก็บของหลบ พอรถไฟแล่นผ่านไปก็กลับมาค้าขายเหมือนเดิมราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น เป็นความระทึกขวัญที่ไม่เหมือนใครในโลก วันหยุดยาวอาทิตย์นี้ใครที่ยังไม่รู้จะไปเที่ยวที่ไหน รีบหอบลูกจูงหลานมาสมุทรสงครามแล้วจะรู้ว่า...คนไทยเก๋ไก๋ไม่แพ้ ชาติใดในโลก (หุหุ)

มาตลาดร่มหุบทั้งที ต้องแวะหม่ำของดีที่อยู่ เคียงบ่าเคียงไหล่กับคนแถวนี้มานานกว่า 60 ปี ร้านบะหมี่หมูแดง "ก๋องเมงจั้น" บะหมี่โฮมเมดขนานแท้ ตีเส้นกันหลังร้าน ส่งมาขายหน้าร้านสดๆใหม่ๆ การันตีไม่มีค้างคืน ร้านเก่าแก่ที่ยืนหยัดท้าแดดท้าฝนมาจนนับอายุไม่ถ้วน

"โหหหหห... (ลากเสียงยาว) นานมากค่ะ...เริ่มขายมาตั้งแต่รุ่นอากง สมัยนั้นใส่หาบเดินขาย ข้างหน้าเป็นที่ลวก ข้างหลังก็เป็นที่ใส่บะหมี่ เตี่ยพี่เป็นคนถือกระป๋องเดินตาม ขายอยู่กี่ปีก็ไม่รู้ แล้วก็เริ่มมาเปิดเป็นร้านประมาณ 60 กว่าปีก่อน ร้านแรกอยู่อีกที่ ส่วนร้านนี้เปิดมาตั้งแต่ปี 2506 ถ้ารวมตั้งแต่อากงหาบขายก็ไม่รู้กี่ปี เพราะพี่เกิดไม่ทัน" (ฮา) คุณพี่ปรินซ์ทายาทรุ่นที่ 3 เล่าประวัติ
อันเก่าแก่ของร้านให้เจ๊แซบฟังแบบจริงใจ

ร้าน "ก๋องเมงจั้น" เป็นชื่อภาษากวางตุ้ง "ก๋อง" หมายถึงคนกวางตุ้ง "เมง" เป็นชื่ออากง "จั้น" หมายถึง ร้านอาหาร รวมแล้ว ก๋องเมงจั้น แปลได้ว่า ร้านอาหารกวางตุ้งของคนที่ชื่อเมง ชัดเจนได้ใจความมั่กๆ!

เอก ลักษณ์ของก๋องเมงจั้นไม่ได้มีแค่ชื่อที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร แต่เส้นบะหมี่ร้านนี้ยังนุ่ม เหนียว เคี้ยวเพลิ้น...เพลิน ส่วนผสมที่ใช้ทำบะหมี่ไม่มีอะไรแปลกประหลาดต่างจากร้านอื่น มีแป้ง ไข่ น้ำ สามอย่าง แต่ด้วยส่วน ผสมที่เน้นไข่เป็นหลัก และวิธีการนวดที่ยังคงไว้ด้วยวิธีแบบเดิมๆ นวดด้วยมือ โดยมีเตี่ยและเฮียๆของพี่ปรินซ์ลงมือทำด้วยตัวเอง ทำให้เส้นบะหมี่มีหน้าตาไม่เหมือนใคร หอมกลิ่นไข่อ่อนๆ ไม่ว่าจะหม่ำแบบแห้งหรือแบบน้ำก็อร่อยล้ำ

แผ่นเกี๊ยวเป็นแป้งตัวเดียวกับบะหมี่ เหนียวนุ่มกำลังดี ไม่หนา ไม่บางเกินไป ใส่ไส้ด้วยหมูสับปรุงรสสูตรพิเศษเนื้อนุ่ม หม่ำกับแป้งเกี๊ยวแสนจะเข้ากั๊น...เข้ากัน!

อีกหนึ่งเสน่ห์ที่ตรึง ใจขาหม่ำทุกยุคทุกสมัยคือ "หมูแดง" ที่ผ่านการหมักจนเข้าเนื้อ และนำไปย่างด้วยถ่านในถังแบบเดิมๆเป๊ะ! รสชาติเข้มข้น หอมกรุ่น โดยเฉพาะชิ้นที่มีมันติดนิ้ด...นิด ย่างเกรียมๆ เจ๊ แซบเลิฟมากกกก...

น้ำ ซุปก๋องเมงจั้นซดแล้วสดชื่น หวานน้ำต้มกระดูกล้วนๆ ยิ่งบ่ายยิ่งหวาน โดย เฉพาะช่วงเย็นที่ร้านใกล้ปิดน้ำซุปจะหวานจับใจ นอกจากน้ำซุปรสกลมกล่อมแล้ว กระเทียมเจียวร้านนี้ได้ใจเจ๊แซบแบบเต็มๆ คุณพี่ปรินซ์สั่งคัดเฉพาะกระเทียมกลีบงามนำมาลอกเปลือกให้เกลี้ยงแล้วเจียว จนเหลืองกรอบโรยมาในน้ำซุป แค่ได้กลิ่นเจ๊แซบก็ใจระทวย จ้วงซดแบบไม่ห่วงสวย (หุหุ)

สองเมนูเด่นที่เป็นขวัญใจเจ๊แซบ คือ บะหมี่แห้ง และเกี๊ยวน้ำ มาร้านนี้ทีไร เจ๊แซบขอ 2!!

หมูแดงห๊อม..หอม

ทุกวันนี้ลูกๆหลานๆ ของอากงเมงยังคงมุ่งมั่นในการทำบะหมี่เกี๊ยวหมูแดงอย่างเต็มที่ พยายามรักษารสชาติ มาตรฐานการบริการ และความสะอาดไว้ให้มากที่สุด ปัจจุบันลูกค้าของก๋องเมงจั้นได้ขยับขยายกระจายวงไปถึงนักท่องเที่ยวชาวต่าง ชาติ โดยเฉพาะเกาหลี จีน และฮ่องกง จะมาหม่ำกันมากเป็นพิเศษ "ตอนนี้มีทัวร์เกาหลีลงเยอะมาก เค้าจะเริ่มตั้งแต่มากินบะหมี่ที่ร้าน แล้วไปไหว้หลวงพ่อแหลมซึ่งศักดิ์สิทธิ์มาก พวกเราชาวแม่กลองนับถือท่านมาก ทุกครั้งที่แม่กลองรอดพ้นจากภัยต่างๆก็เพราะหลวงพ่อ คุ้มครอง นมัสการหลวงพ่อแหลมแล้วก็รอดูรถไฟ ดูตลาดร่มหุบประมาณสิบเอ็ดโมง" พี่ปรินซ์แนะนำเส้นทางทัวร์แบบเบาๆ แต่เร้าใจ

พี่ปรินซ์ ทายาทคนปัจจุบัน

สำหรับลูกค้าหน้าใหม่ที่สนใจมาลองความแซบระดับคลาสสิก มาได้ที่ตลาดแม่กลอง จังหวัดสมุทรสงคราม ร้านตั้งอยู่ในตัวตลาด หาไม่ยาก เอ่ยปากถามคนแถวนั้นส่วนใหญ่จะรู้จักกันเป็นอย่างดี หรือ โทร.ถามได้ที่เบอร์ 0-3471-1739 และ 08-9898-1319 ร้านเปิดทุกวันตั้งแต่ 9 โมงครึ่งถึง 5 โมงเย็น ปีใหม่ สงกรานต์ เปิดตลอดมาหม่ำได้ ไม่ต้องกลัวอด

พิเศษ สุดๆสำหรับนักหม่ำปลาทู วันที่ 10-19 ธันวาคมนี้ชาวแม่กลอง จัดเทศกาลกินปลาทู และของดีเมืองแม่กลอง ที่บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดสมุทรสงคราม หลังจากจบภารกิจช่วงเช้าที่ตลาดร่มหุบ ก็เตรียมท้องรอโซ้ยนานาเมนู ของปลาทูกันต่อ มาแม่กลองทั้งทีมีแต่คุ้มกับคุ้ม!

ก่อนจบก่อนจาก...เจ๊แซบฝากบอกถึงแฟนๆของพี่มดแห่งร้านระเบียงเล อ่างศิลา ณ บัดนาว คุณพี่มดได้เปลี่ยนชื่อร้านเป็น "มดซีฟู้ด" เพราะใครไปใครมาก็เรียกกันแต่ร้านพี่มด...ร้านพี่มด คุณพี่เลยเปลี่ยนชื่อใหม่เอาใจลูกค้ามาหม่ำได้ไม่ต้องกลัวผิดร้าน เบอร์โทร. 0-3839-8006 หมึกผัดน้ำดำ ปูม้านึ่ง และกะหล่ำผัด น้ำปลา ยังอร่อยเหมือนเดิม เพิ่มด้วยเมนูใหม่รับหน้าหนาวเป็น กุ้งแชบ๊วยผัดน้ำปลา ปลาทูหวาน ปลาทูย่าง น้ำปลามะกอก และปลาทูน้ำมะนาว...แค่ฟังชื่อก็พานน้ำลายไหล...เอื๊อกกกก!!

เจ๊แซบ หัวเขียว

http://www.thairath.co.th/column/life/soi/133387

Read More...

ขนมจีนดอซอ-น้ำพริกปลาร้าดอยี

สูตรทำอาหาร

ทุกวันนี้แม้คนไทยจะมีวิถีชีวิตใกล้ชิดกับประชากรของประเทศ เพื่อนบ้าน ทั้งลาว เขมร และพม่า มากขึ้น เพราะมีคนหลายเชื้อชาติจากประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะพม่า เข้ามาขายแรงงานในไทยแทบจะทุกบ้าน แต่เราก็ยังไม่ค่อยได้รู้จักวัฒนธรรมการกินของพวกเขามากนัก วันนี้จึงเป็นโอกาสที่จะได้นำเสนอเมนูอาหารพม่าบ้าง ซึ่งก็ไม่ได้ต่างจากอาหารพื้นบ้านของไทยเราเลย จะต่างกันก็แต่รสชาติเท่านั้นเอง

คุณซูซี่–สมศรี (สันติพงศ์ชัย) หาญศิริสวัสดิ์ ผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์ โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ ซึ่งมีเชื้อสายพม่าจากคุณแม่ (มาดามลี หรือดอ อมายี) และเกิดที่นครย่างกุ้ง เมืองหลวงในอดีตของพม่า ได้ย้ายเข้ามาอยู่เมืองไทย เมื่อ 40 กว่าปีที่แล้ว คุณยายดอซอของซูซี่ เป็นชาวพม่าแท้ๆ แต่งงานกับ "โอวบุนปาร์" คนจีน (แคระ) ที่อพยพเข้ามาอยู่ในพม่า และเป็นน้องชายของ "โอวบุนโฮ้ว" ต้นตำรับยาหม่องตราเสืออันลือชื่อนั่นเอง

โดยสองพี่น้องช่วยกันบุกเบิกธุรกิจไปคนละเส้นทาง คนพี่อยู่ที่ฮ่องกง ส่วนคนน้องจะอยู่พม่า และสิงคโปร์ คุณซูซี่บอกว่า คุณยายดอซอจะทำอาหารเก่งมาก จนลูกหลานติดใจรสมือ ทุกวันนี้ที่บ้านของเธอก็ยังทานอาหารพม่าเป็นหลัก โดยนำสูตรอาหารของคุณยายมาทำรับประทาน แถมเผื่อแผ่ไปยังพรรคพวกเพื่อนฝูงจนติดใจไปตามๆ อย่างขนมจีนน้ำยาดอซอ สูตรคุณยาย และน้ำพริกปลาร้าดอยี สูตรบ้านคุณแม่ของเธอ

เครื่องปรุง ขนมจีน (น้ำยา) ดอซอ : ปลาดุก/กระเทียม/หอมแดง/ตะไคร้/ขิง/ผงขมิ้น/พริกแห้งเม็ดใหญ่/แป้งเบซัน (แป้งของแขก)/พริกไทยดำ/ขนมจีน/ถั่วฝักยาว/ผักชี/ถั่วเบซัน (ถั่วแขก)/น้ำเต้า/แป้งโกกิ/ไข่ต้ม/ มะนาว/ กระเทียมเจียว/พริกป่น/น้ำปลา/ข้าวคั่ว

วิธีทำ 1). นำกระเทียมทุบ ตะไคร้ทุบ และขิงหั่นเป็นชิ้นแล้วทุบ เรียงใส่หม้อ 2) ตามด้วยปลาดุกที่ทำความสะอาดแล้ว เรียงลงในหม้อ 3) ต่อด้วยพริกแห้งเม็ดใหญ่ๆ 4) โรยเกลือ ขมิ้น และเหยาะน้ำปลาลงไปด้วย 5) เติมน้ำลงในหม้อให้ท่วมปลาแล้วต้มให้เดือดประมาณ 1 ชั่วโมงค่อยปิดไฟ 6) ตักปลาขึ้นมาพักไว้ให้เย็นแล้ว ค่อยแกะเอาแต่เนื้อไม่เอาหนัง 7) นำขิงกับตะไคร้ที่ใส่ ลงไปต้มกับปลาขึ้นมาตำ แล้วคั้นเอาแต่น้ำที่มีกลิ่นหอมใส่ลงในหม้อต้มปลาตั้งไฟให้เดือด 8) แยกขิงก้อนเท่าหัวแม่มือมาตำรวมกับกระเทียมพอหยาบๆแล้วนำไปผัด ส่วนพริกที่ต้มในหม้อก็นำมาตำให้ละเอียด แล้วใส่ลงไปผัดกับขิงและกระเทียมให้หอม 9) ใส่เนื้อปลาที่แกะไว้ลงไปผัดด้วยจนแห้ง 10) ละลายแป้งเบซัน เป็นแป้งของแขก ใส่ลงไปในน้ำต้มปลา รอจนเดือดค่อยใส่ข้าวคั่วลงไป รอจนเดือดอีกครั้งจึงใส่ปลาที่ผัดไว้ลงผสม 11) ใส่พริกไทยดำคั่วและตำจนละเอียดลงไปในปริมาณตามชอบ ถ้าไม่ชอบก็ไม่ต้องใส่ และปรุงรสตาม ชอบ 12) ใส่ไข่ต้มที่ซอยเป็นเส้นๆ ลงไปต้มด้วย

ส่วนเครื่องเคียงที่รับประทานร่วมกัน ได้แก่ ไข่ต้ม น้ำเต้า (หั่นเป็นแท่งๆเหมือนเฟรนช์ฟรายด์) ชุบแป้งโกกิทอดให้เหลือง เช่นเดียวกับถั่วฝักยาว ถั่วเบซัน และหอมใหญ่ที่หั่นเป็นแว่นๆ โรยด้วยผักชี กระเทียมเจียว พริกป่น และบีบมะนาวตาม คล้ายกับรับประทานขนมจีนน้ำเงี้ยว และถ้าจะให้ดีใส่น้ำพริกปลาร้าสูตรพม่า จะช่วย เพิ่มรสชาติให้อร่อยยิ่งขึ้น สำหรับเส้น ก็ใช้เส้นขนมจีน หรือเส้นก๋วยเตี๋ยว อาจจะใช้เส้นใหญ่มาตัดให้ขนาดเล็กลง อาจจะใหญ่กว่าเส้นขนมจีนนิดหน่อย

ส่วน ผสมน้ำพริกปลาร้าดอยี : ปลาร้าอย่างดี ครึ่งกิโลนำมาต้มในน้ำกับผงขมิ้นครึ่งช้อนชา ต้มให้เดือด แล้วกรองเอาแต่น้ำไว้ จากนั้นนำปลาดุกย่าง แกะเอาแต่เนื้อ มาตำกับพริกขี้หนูคั่ว แล้วนำไปต้มกับน้ำปลาร้า จะได้ น้ำพริกปลาร้าที่หอมอร่อย ทานกับขนมจีน (น้ำยา) ดอซอ หรือผักลวกตามชอบ.
http://www.thairath.co.th/content/life/134366

Read More...

สู้ด้วยความหวาน กล้าหาญด้วยความเย็น ไอศกรีม อิ๊กกลู ฮัท ทางเลือกสำหรับคนรักไอศกรีม

สูตรทำขนม

ทุก เช้าเจ๊แซบตื่นขึ้นมาพร้อมกับความหวังว่าจะได้เจอความหนาวเย็นแบบสุด ขั้วตามคำทำนายของหลายสถาบัน แต่วันแล้ว วันเล่า ความหนาวก็ยังมาไม่ถึงบ้านเจ๊แซบซักที รอ.. ร้อ..รอ..จนอ่อนใจ ก็ยังไม่หนาว วันนี้เจ๊แซบเลยแอบแว่บไปแสวงหา 'ความเย็นแบบพกพา' มาหม่ำ สร้างความฉ่ำชื่นใจไปพลางๆ เป็นการชำระล้างความอ้างว้างของกระเพาะ (ฮา)

ความเย็นที่เจ๊จะแนะนำในวันนี้ ไม่ใช่เย็นแบบธรรมดา ต้องเรียกว่า "เย็นสู้ชีวิต" เพราะกว่าจะได้ลงหลักปักถังปั่นไอศกรีมเลี้ยงชีพ "คุณพี่พรรณ" ต้องผจญกับอาการล้มลุกคลุกคลานถึงขั้นสิ้นเนื้อประดาตัว เหลือแต่ครอบครัวและหัวใจที่ยังสู้ไม่ถอย ค่อยๆตั้งสติแก้เกมชีวิตผลิตความหวานบวกความเย็นจนเป็นไอศกรีมยี่ห้อ "อิ๊กกลู ฮัท" (igloo hut) ไอศกรีมโฮมเมดที่มีรสชาติชัดเจนและเป็นตัวของตัวเอง ไอศกรีมกระปุกไม่ ใหญ่แต่มีความตั้งใจของคนทำอัดแน่นอยู่เต็มเปี่ยม

อิ๊กกลู ฮัท โฮมเมดไอศกรีมอร่อยเข้มข้น รสธรรมชาติ

"เมื่อก่อนพี่ทำส่งออกค่ะ ทำมา 20 กว่าปี มีคนงาน 200 กว่าคน พอมาเจอช่วงที่ค่า เงินบาทมันแข็งค่า น้ำมันก็ขึ้น บางทีเราทำสัญญาส่งของล่วงหน้า 1 ปี รับเงินมาแต่พอค่าเงินมันเปลี่ยน ต้นทุนก็เพิ่มขึ้น เราก็ขาดทุน ส่วนลูกค้าบางคนก็ไม่จ่ายสตางค์ ธนาคารก็ไม่ให้ความช่วยเหลือ แล้วยังมาเจอลูกน้องโกง เจอทั้งหุ้นส่วนโกง พี่เลิกทำเลย ตอนนั้น หมดไปเยอะมาก บางทีก็ท้อนะ แต่พี่ฮึดขึ้น มาได้ เพราะเราคิดว่าชีวิตมันต้องสู้ มันต้องเดินหน้า พี่ก็มีลูก มีเพื่อนที่ดี คอยช่วยเหลือมาตลอด พี่ก็ตั้งหลักใหม่คิดว่าจะทำอะไรดี แล้วพี่ก็นึกถึงแม่พี่...เพราะแม่พี่ทำหวานเย็น ทำไอติมขายตั้งแต่พี่ยังเป็นเด็ก เราก็เป็นลูกมือแม่มาตลอด แล้วพอดีกับสามีเพื่อนรุ่นน้องเขารู้เรื่องไอติมพวกซอล์ฟเสิร์ฟแบบฝรั่ง เราก็เอาสองอย่างมารวมกัน ลองอยู่เป็นปี ทำทุกวัน ให้คนในบ้าน ให้เพื่อนชิม จนอยู่ตัวก็ลองเปิดขาย ก็ได้เสียงตอบรับดี เราก็มีกำลังใจทำต่อจนถึงทุกวันนี้" คุณพี่พรรณเปิดใจเล่าถึงเส้นทางความหวานเย็นที่ไม่ได้หวาน และไม่ได้เย็นเหมือนไอศกรีมแม้แต่น้อย

ด้วยความเป็นคนไม่หยุดนิ่ง เป็นผู้หญิงคิดแล้วทำจริง คุณพี่พรรณลงมือปลุกปั้นปั่นไอศกรีมขึ้นมามากมาย คัดแล้วคัดอีกจนเหลือ 35 รส แบ่งออกเป็น 4 แบบ คือไอศกรีมผลไม้, ไอศกรีมธัญพืช, ไอศกรีมนม และไอศกรีมโยเกิร์ต

สาวนักโซ้ยรักสุขภาพและรอบเอวอย่างเจ๊แซบแอบเทใจให้ไอศกรีมผลไม้เป็นพิเศษ ด้วยความหวาน สดชื่น ลื่นคอ ไม่ว่าจะเป็น "รสเชอร์รี่ เบอร์รี่" สีแดงสด รสหวานอมเปรี้ยว เหมาะที่จะมีติดบ้านไว้ ตกบ่ายหนังตาเริ่มตกเมื่อไหร่ คว้ามาหม่ำแก้ง่วงได้ชะงัดนัก "รสมะพร้าวน้ำหอม" คุณพี่พรรณใช้มะพร้าวน้ำหอมจากสวนแถวสามพรานมาปั่น จนเป็นเกล็ด ได้ทั้งกลิ่นและรสชาติของมะพร้าวทุกคำ "รสส้ม" ทั้งหอมทั้งหวานน้ำส้มโชกุนแท้ๆ เพิ่มความเร้าใจในการหม่ำด้วยผิวส้มหั่นละเอียดยิบ "รสแอปเปิ้ล" ทำจากแอปเปิ้ลสดๆ ใส่แต่เนื้อล้วนๆ ไม่มีกลิ่นสังเคราะห์ หรือน้ำเชื่อมรสผลไม้มาใส่ให้เสียอรรถรส อีกหนึ่งรสที่ขายดีเป็นพิเศษคือ "รสกะทิสด" พี่พรรณลงมือคั้นกะทิเองแบบไม่เกรงใจกะทิสำเร็จรูป เน้นมันไม่เน้นหวาน ทานได้ทุกเพศทุกวัยถูกใจขาประจำหลายครอบครัว

ไอศกรีมทอด..ของโปรด

ไอศกรีมผลไม้ของ 'อิ๊กกลู ฮัท' ยังมีอีกหลายรสสลับสับเปลี่ยนไปตามฤดูกาล เช่น "รสละมุด" และ "รสน้อยหน่า" ที่สั่งตรงมาจากสวนของคุณยายขาประจำ คุณพี่พรรณจะเลือกใช้แต่ผลไม้ที่ผ่านการคัดมาอย่างพิถีพิถัน สด และสะอาด "เพราะไอศกรีมผลไม้นี้ไม่มีอะไรมากเลยนะ คือ เราใช้น้ำและเนื้อของผลไม้ปั่นลงไปในเครื่อง เพราะฉะนั้นวัตถุดิบเราต้องดี มีคุณภาพจริงๆ ไม่อย่างนั้นมันจะไม่ได้รสชาติ"

สำหรับขาโซ้ยที่ห่วงใยในสุขภาพทางร้านมี "ไอศกรีมธัญพืช" ที่ทำจากนมถั่วเหลืองเข้มข้นผสมกับธัญพืชหลากหลายชนิด เช่น "รสงาดำ" เป็นงาดำคัดอย่างดี คั่วและบดปั่นกับนมถั่วเหลือง ทั้งหอม ทั้งมัน ใครที่แพ้นมวัวหม่ำได้สบายใจ "รสถั่วเหลือง" ที่ทำจากถั่ว เหลืองล้วนๆ นำมาแช่และปั่นให้เป็นน้ำ แล้วปั่นในเครื่องอีกทีจนกลายเป็นเนื้อไอศกรีมนอกจากนี้ ยังมี "รสเนยถั่ว", "รสถั่วงา" และ "รสเผือก" ที่ทำจากเผือกหอมเนื้อแน่น นำมาต้ม นึ่ง และปั่นกับนมถั่วเหลืองจนกลายเป็นไอศกรีมเผือกรสละมุนไม่เหมือนใคร

พี่พรรณ เจ้าของสูตรอร่อย

เซียนไอศกรีมที่นิยมความหวานมันเข้มข้น เจ๊แนะนำให้ลองไอศกรีมนมร้านนี้ รสชาติดีไม่แพ้แบรนด์ดังของฝรั่งมังค่า แถมราคาถูกกว่าเป็นเท่าตัว ไม่ว่าจะเป็น "รสวานิลลา" ที่ใช้สูตรเก่าของคุณแม่อร่อยไม่แพ้ใคร "รสกาแฟ" เข้มข้น ไม่เน้นหวาน "รสช็อกโกแลต" และ "เจลลี่มิลค์กี้" สองเมนูสุดฮิตติดชาร์ต แนะนำให้มีติดบ้านไว้ปราบคุณลูกน้อยยามซน นอกจากไอศกรีมที่ต้องลงมือทำเองทุกรสแล้วคุณพี่พรรณยังมีแรงเหลือทำ "โคนวัฟเฟิล" ที่กรอบที่มันโดนใจ ไม่แพง

สัมผัสไอศกรีมโฮมเมดแท้ๆ ในราคาแบบไทยๆ ได้ที่ร้าน "อิ๊กกลู ฮัท" ซอยอารีย์ 2 ซอยเดียวกับสำนักงานเขตพญาไท ถ้ามาจากทางราชครูพอเลี้ยวขวาเข้าซอยอารีย์ 2 ร้านจะอยู่ทางซ้ายมือเป็นทาวน์เฮาส์ ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่ 10 โมงเช้าถึง 6 โมงเย็น ถ้าต้องการสั่งจำนวนมากไปจัดเลี้ยงปีใหม่ รบกวนสั่งล่วงหน้าประมาณ 3 วัน โทร.สั่งได้ที่เบอร์ 0-2279-5862

ก่อนจากกันคุณพี่พรรณพูดถึงชีวิตของตัวเอง ไว้อย่างน่าฟัง "ทุกวันนี้พี่ทำจิตใจให้สงบ หลับให้เต็มที่ พักผ่อนให้เพียงพอ แล้วก็พร้อมจะต่อสู้วันต่อไป พี่ทำตามคำสอนของในหลวง ทำโดยไม่คิดถึงกำไร แต่ตั้งใจทำให้ลูกค้าได้ทานของดี ของอร่อย แล้วก็พอดี พอเพียง เราทำเอง ไม่ได้ทำใหญ่โตอะไร แล้วพี่ก็มีความสุข แค่มีลูกค้าโทร.มาบอกว่า ได้ทานแล้วอร่อยมาก เราก็มีความสุขและดีใจมากๆแล้วค่ะ" รอยยิ้มของพี่พรรณทำให้เจ๊ชื่นใจตามไปด้วย ถือว่าเป็นของแถมแกล้มความหวานเย็นได้เป็นอย่างดี

ก่อนจบก่อนจาก...เจ๊แซบมีเรื่องมาแจ้งให้ทราบสำหรับพลพรรคนักหม่ำที่กำลัง มองหาของฝาก ของขวัญส่งท้ายปลายปี แต่ยังคิดไม่ออกว่าจะซื้ออะไร อดใจเก็บตังค์ไว้อีก 7 วัน อาทิตย์หน้าเจ๊มี "ของขวัญสุดแซบ 4 แบบ 4 สไตล์" มาแนะนำ สำหรับอาทิตย์นี้แวะไปหม่ำไอศกรีมคุณพี่พรรณให้หนำใจกันไปก่อนนะคร้า.....

เจ๊แซบ หัวเขียว

Read More...

งับ งับ... บะหมี่เฮ่งกี่ บะหมี่ปูหมูหวาน

สูตรทำอาหาร

เมื่อ วันเสาร์ที่ผ่านมา (18 ธ.ค. 53) หากเจ้าดาราทองยังคงมีพระชนมชีพอยู่ คงพระทรงปรีดาที่ได้เห็นทีมแชมป์โลกอย่างทีม Red Bull ที่ได้สร้างประวัติศาสตร์ให้กับประเทศไทย ยังดังที่ท่านได้เป็นนักขับ F1 ที่ได้แสดงให้โลกเห็นว่า ประเทศเล็กอย่างสยามก็สามารถชนะฝรั่งตัวโตๆ ได้อย่างไม่มีปัญหา ไทยรัฐออนไลน์ได้ส่งนักข่าว 2 ท่านและทีมช่างภาพไปเก็บบรรยายกาศครั้งนี้มาเพื่อให้ทุกท่านที่ไม่ได้มี โอกาสเข้าไปชมได้สัมผัสอย่างใกล้ชิด คงเป็นอีกครั้งหนึ่งที่จะทำให้ทั้งโลกรู้จัก "ถนนราชดำเนิน" ซึ่งยิ่งใหญ่ไม่แพ้ที่ใดในโลก

มา ถึงถนนนี้คงหนี้ไม่พ้นต้องหาของกินให้ได้หิวๆ จะไปกินผัดไท ก็เขียนไปแล้ว คิดขึ้นได้ว่าแถวนั้นมีราดหน้าสี่สีอยู่ ได้โอกาสที่จะได้ชิมเสียทีเคยกินตั้งแต่ตอนหนุ่มๆ วันนี้ไปกินอีกครั้งกลับไม่เป็นแบบเดิม เอาเป็นว่าร้านนี้ยังไม่เขียนถึงและยังขอไม่แนะนำเพราะให้เป็น 20 ปีที่แล้วจะต้องได้ "ที่สุดในแผ่นดิน" แต่ถ้าเป็นตอนนี้คงเหลือไม่ถึง "ต้องกินก่อนตาย" ปรับปรุงหน่อยครั บ แต่ขับรถผ่านก่อนถึงร้านเจอร้าน "บะหมี่เฮ่งกี่" เขียนว่าบะหมี่เหลืองทอง เอาว่ะจะอร่อยแค่ไหนคงต้องโดนกันหน่อย ทีเด็ดทีขาดมีแน่ๆ และผมยกให้เลยครับ

เฮ่ง กี่ เป็นร้านทำบะหมี่ที่มาจากโพธาราม จ.ราชบุรี ทำขายมาตั้งแต่่รุ่นพ่อมาถึงรุ่นพี่เขา ที่ย้ายมาอยู่เมืองกรุง ได้คุยกับเจ้าของร้านหลายเรื่องรวมถึงการทำบะหมี่ อ๋อร้านนี้เป็นบะหมี่กวางตุ้งน่ะครับ ไม่ใช่ฮกเกี้ยน ที่เส้นของบะหมี่จะแบนไม่กลม ที่ผมทดลองสั่งจะเป็นบะหมี่ 5 อย่าง ใส่เพียบทั้งหมูหวาน ไข่พะโล้ หมูแดง ปู เกี้ยว เอาจัดไป... รสชาติคำแรกของบอกครับว่ากินเข้าไปนึกว่าไป "ร้านฮ่องกีี่" ตรงสุขุวิท 15 ร้านนี้บะหมี่แบบนี้อร่อยมาก พอมาเจอร้านนี้ต้องบอกว่า เด็ดขาด เอามากๆ เลย เหมือนกันอย่างกับแกะ บอกไม่ได้เลยว่าใครจะเด็ดกว่ากัน คงจะต้องดูที่ถ่ายรูปดูว่าใครเข้าเส้นก่อนกัน (ว่าไปนั้น ของกินน่ะพี่ ไม่ใช่วิ่งร้อยเมตร) ส่วนน้ำซุปใช้ได้กินแล้วชื่นใจ มาคราวนี้ได้กินของดีแบบนี้ไม่เสียเที่ยวที่ขับไปกินเสียใกล้จากที่ทำงาน เหลือเกิน เอาครับใครชอบอะไรไปลองสั่งดูครับมีหลายอย่างมากครับให้เลือกสั่งกัน

ร้านอยู่ ที่ถนน สำราญราษฎร์ เลยแยกสำราญราษฎร์ ไปสัก 200 เมตร ถ้าเห็นปั้นเชลล์ แปลว่าเลยครับเจอแถวๆนั้นเดินกับมานิดหน่อย ถ้าจะไปตั้งท่าที่ถนนราชดำเนิน ตรงป้อมมหากาฬ (ก็ตรงข้ามโรงหนังเฉลิมไทยเก่านั้นละครับ) ขับมาเลยผ่านผัดไทประตูผี (ลุงภา)ตรงนี้จะมีปั้มแรกเอสโซ่ ข้ามแยกสำราญราษฎร์ ให้มองทางซ้ายไว้จะเจอป้าย จอดได้เลยครับแถวนั้นจอดได้ ไปไม่ถูกโทรครับ 02-621-0153

Rating : ชาตินี้ต้องกิน (4 ดาว)

เรื่องและภาพโดย
ธนา ทุมมานนท์ (เบย์พาเลส)
www.facebook.com/baypalace

Read More...

แผนที่นี้แสดงระดับความสูงทางภูมิศาสตร์ของประเทสไทย

แผนที่นี้แสดงระดับความสูงทางภูมิศาสตร์ของประเทสไทย โดยใช้ข้อมูลจากดาวเทียม มองลงมาจากอวกาศ ที่ระดับความสูง 1000 กม จากพื้นดิน...

โดยกำหนดระดับความสูงด้วยสีต่างๆ เพื่อใช้ในการพยากรณ์พื้นที่น้ำท่วมทั่วประเทศ

ระดับความสูง

น้อยกว่า 1 เมตร สีน้ำเงินอ่อน
1 เมตร สีน้ำเงินเข้ม
5 เมตร สีแดง
10 เมตร สีชมพูอ่อน
20 เมตร สีชมพูเข้ม
30 เมตร สีเขียวอ่อน
50 เมตร สีเขียวเข้ม
100 เมตร สีเหลืองอ่อน
200 เมตร สีเหลืองเข้ม
400 เมตร สีส้ม
800 เมตร สีน้ำตาล
1000 เมตร สีขาว

สมมติว่า...

- มีน้ำท่วม 10 เมตร ท่านต้องหลบไปให้พ้นพื้นที่สีชมพูอ่อน
- หากมีน้ำท่วม 20 เมตร ท่านต้องหลบไปให้พ้นพื้นที่สีชมพูเข้ม เป็นต้น

1. ประเทศไทย มองจากระดับความสูง 1000 กม.
2. กรุงเทพ มองจากระดับความสูง 100 กม.
3. กรุงเทพ มองจากระดับความสูง 200 กม.

Read More...

แซบสบายรับปีใหม่ ร้าน "เพื่อน" อัมพวา เป็ดร่อนเนื้อนุ่มหนังกรอบ...มาก!!

ไก่มะนาว ขวัญใจประชาชน

แซบสบายรับปีใหม่ ร้าน "เพื่อน" อัมพวา เป็ดร่อนเนื้อนุ่มหนังกรอบ...มาก!!

เจ๊แซบขอพาทุกท่านก้าวย่างเข้าสู่ ปีกระต่ายด้วยความอร่อยในบรรยากาศสบายๆ ราคาไม่ทำร้ายกระเป๋าสตางค์ ที่ร้าน "เพื่อน" ของ "คุณพี่สุนันทา" ตั้งอยู่ ในอำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม ร้านเล็กๆ แต่ไม่อึดอัด เพราะตัวร้านเปิดโล่ง โปร่งตา เหมาะแก่การนั่งหม่ำทั้งครอบครัว

"ที่พี่มาเปิดร้านเพราะเป็นคนชอบทำอาหาร แล้วก็ชอบชิมอาหารตามร้านต่างๆ เวลาเราไปกินแล้วชอบ เราก็มาลองทำเอง แต่ว่าเราทำในแบบของเรา รสแบบเรา กว่าจะเปิดร้านได้ก็นานมากนะคะ กว่าทุกอย่างจะลงตัว เพราะแรกๆเราก็ไปทำงานเป็นลูกจ้างเค้าก่อน แล้วถึงมาเปิดของตัวเอง ส่วนตัวไม่ได้เป็นคนอัมพวา เป็นคนกาญจนบุรีค่ะ แต่แฟนเป็นคนที่นี่ก็เลยย้ายมาอยู่กับแฟน มาทำกันตรงนี้ ตอนแรกๆทำเล็กกว่านี้ แล้วก็ขยายออกมาเรื่อยๆ รวมเวลาที่อยู่ตรงนี้มาก็ 20 กว่าปีแล้วค่ะ ไม่เคยย้ายไปไหน" ปัจจุบันคุณพี่สุนันทายังคงประจำตำแหน่งอยู่หน้าเตา สร้างสรรค์อาหารแต่ละจานด้วยความพิถีพิถัน พนักงานทั้งหน้าร้านและในครัวเป็นคนใกล้ตัวแทบทั้งสิ้น มีทั้งสามี พี่สาว หลานชาย และยังอีก มากมาย ทำกันเอง เสิร์ฟกันเอง เป็นกิจการภายในครอบครัว

โอโห..เป็ดร่อนหนังกร๊อบ..กรอบ

รายการ อาหารที่ร้าน "เพื่อน" มีความหลาก หลายมั่กๆ!! เริ่มตั้งแต่เมนูแบบบ้านๆ เบ(สิก) ๆ ยันเมนูเหลา หะ-รู-หะ-รา อย่าง "เป็ดร่อน" หลายคนเห็นแล้วแปลกใจแอบสงสัย อะไรเอ่ย...ไม่เข้าพวก (ฮา) แต่ขอโทษ!! คุณน้องเป็ดร่อน นี่แหละค้า!!...เมนูสุดฮิตที่ลูกค้าติดอกติดใจ บางคนสู้ขับรถหลังขดหลังแข็งเพื่อตั้งหน้าตั้งตามาโซ้ยเป็ดร่อนโดยเฉพาะ หลายคนหม่ำที่ร้านยังไม่หนำใจ ซื้อเป็นของฝากญาติผู้ใหญ่ที่บ้าน ซ้ำอีก การันตีว่าของเค้าดีจริงๆ!!

คุณพี่สุนันทาใช้เป็ดเชอรี่ค่อนข้างแก่ เลือกแบบตัวโตๆ เนื้อเยอะๆ สั่งตัวเดียวอิ่มได้ทั้งครอบครัว เป็ดแต่ละตัวจะผ่านการทำความสะอาดอย่างดี ก่อนจะนำมาตุ๋นกับเครื่องเทศสูตรเฉพาะของที่ร้าน ปรุงรสเพิ่มด้วยซีอิ๊วหวาน เกลือ และน้ำตาล หมักทิ้งไว้กว่าครึ่งวัน จนเป็ดเริ่มเปื่อยนุ่มชุ่มไปด้วยเครื่องเทศในทุกอนูเนื้อ

คุณพี่เที่ยง เจ้าของร้าน

กว่าจะได้สูตรที่พอใจคุณพี่สุนันทาต้องเสียทั้งแรงกาย เสียหยาดเหงื่อ และ เสียเป็ด ไปหลายตัว "พี่ลองทำเยอะมาก...ทำให้คนที่บ้านชิมบ้าง เพื่อนๆ ญาติๆ ชิมบ้าง เสียเป็ดไปหลายตัวกว่าจะลงตัว เพราะว่าสูตรอาหารพวกนี้เราจะไปถามใคร ไม่มีใครบอกเลย เราต้องลองผิดลองถูกเองหมดเลยค่ะ" สุดท้ายชัยชนะก็เป็นของคนสู้ไม่ถอย สูตรความอร่อยก็อยู่ในกำมือของคุณพี่จนได้ (หุหุ)

หลังจากตุ๋นเป็ดจนเปื่อยสะใจ ค่อยๆตักขึ้นจากหม้อ นำมาผึ่งให้เป็ดแห้งรอออเดอร์ ลูกค้ามาสั่งปุ๊บหย่อนเป็ดทั้งตัวลงไปทอดในน้ำมันร้อนจัด ไฟแรง ให้เป็ดสุกเสมอทั้งตัว เนื้อข้างในจะนุ่ม หนังกรอบ...กร๊อบ...กรอบ เหยาะน้ำจิ้มรสแซบ โซ้ยกับข้าวสวยเม็ดร่วนแสนจะอร่อยเริ่ด!!

นอกจากเป็ดร่อนรสเลิศแล้ว ทางร้านยังมี "ขาหมู ร่อน" ไว้บริการ ใช้เครื่องเทศชนิดเดียวกัน ขั้นตอนการทำเหมือนกันเป๊ะ รสดี ทอดดี ไม่มีอมน้ำมัน

ปลาทูซาเตียะกลมกล่อม

อีกหนึ่งเมนูขวัญใจขาประจำ ใครไปใครมาต้องแนะนำให้ลอง คือ "ปูผัดผงกะหรี่" ปูทะเลไข่จากแม่กลอง เลือกตัวโตๆ ผัดกับเครื่องแบบขลุกขลิก หม่ำได้ทั้งครอบครัว สำหรับขาโซ้ยคอแข็งอยากได้ ของแรงๆ เจ๊แซบขอแนะนำ "แกงส้มปูไข่" รสจัดจ้านสะท้านทรวง ถ้าใจถึงสั่งมาซดเรียกความสดชื่นรับประกันตื่นชัวร์!

สำหรับขาโซ้ยคออ่อนและคุณน้องคุณหนูที่ไม่ถนัดรสจัด เจ๊แซบขอแนะนำ "ไก่มะนาว" เมนูดั้งเดิมที่เกิดขึ้นมาพร้อมๆกับร้านเมื่อ 20 กว่าปีก่อน เป็นเนื้อไก่บดปรุงรสด้วยน้ำมันหอย พริกไทย ตีให้เข้ากัน นำเนื้อไก่บดที่ปรุงรสแล้วมาแผ่นโรตีแผ่ออกให้ความหนากำลังน่าหม่ำ โรยงาและนำไปทอดให้กรุบกรอบเสมอกันทั้งแผ่น ราดด้วยน้ำสลัดสูตรส่วนตัวออกรสเปรี้ยวๆ มันๆ ถูกปากทั้งรุ่นเล็กรุ่นใหญ่

เมนูปิดท้ายที่คุณพี่สุนันทาภูมิใจนำเสนอมั่กๆคือ "ยำปลาดุกฟู" เมนูพื้นฐานที่มีความฟูเป็นเอกลักษณ์ ฟูกรอบได้ใจมั่กๆ!!

ห่อหมกรสจัด

เส้นทางความอร่อยแบบกันเองในสไตล์ ร้าน "เพื่อน" ตั้งอยู่ริมถนนสมุทรสงคราม-ปากท่อ ถ้ามาจากเส้นพระราม 2 ข้ามสะพานแม่น้ำแม่กลอง กลับรถลอดใต้ สะพาน แล้วขับตรงขึ้นมา เห็นร้านเครื่องเสียงเล็กซาวด์ทางขวามือ เลี้ยวขวาเข้าไปขับตรงไปจนสุดซอย เลี้ยวซ้ายตรงอำเภอปากท่อ ตรงเข้าไปประมาณ 1 กิโลกว่าๆ จะเจอร้านอยู่ทางซ้ายมือ ติดกับอาคารที่ทำการ อบต. ร้านเปิดทุกวันตั้งแต่ 11 โมง ถึง 2 ทุ่ม ครัวปิดประมาณ 1 ทุ่ม เพราะต้องล้างครัวทุกวันหลังร้านเลิก ตามปกติหนึ่งเดือนร้านจะปิด 2 วันช่วงปลายๆเดือนไม่ระบุวันแน่นอน เพื่อความชัวร์โทร.มาถามล่วงหน้าป้องกันการเสียอารมณ์ เบอร์โทร. 0-3476-5816, 08-9914-1199 และ 08-6000-1858

สุดท้ายแอนด์ท้ายสุด...เจ๊แซบขอ

ปิดท้ายด้วยความประทับใจอย่างที่สุดของคุณพี่สุนันทา นับตั้งแต่ เปิดร้านมา 20 กว่าปี "เป็นวันที่พระเทพฯเสด็จมาที่ร้านค่ะ วันนั้นเราไม่รู้อะไรเลย รู้แค่ว่ามีคนมาจองโต๊ะ และเขาก็ปิดไม่ได้บอกว่าจองให้ ท่าน เราเพิ่งรู้ก็ตอนที่ท่านเสด็จมาที่ร้านเลย พี่นะตื่นเต้น มึน งงไปหมด ใครพูดอะไรก็ไม่ได้ยิน มองแต่ท่าน แล้วก็มีความสุขมากเลย ท่านเสวย

อยู่นานชั่วโมงกว่าๆ พี่ทั้งดีใจทั้งมีความสุขจนไม่คิดว่าชีวิตนี้จะมีอะไรที่ทำ ให้เราดีใจได้มากเท่านี้อีกแล้ว"...

"เจ๊แซบ หัวเขียว"

ขอบคุณข้อมูลจาก ไทยรัฐ

Read More...

ความแซบไม่เคยหยุดนิ่ง ไก่ต้มเงินล้าน น้ำซุปเข้มข้นซึมทั่วเนื้อไก่

สูตรทำอาหาร

ความแซบไม่เคยหยุดนิ่ง ไก่ต้มเงินล้าน น้ำซุปเข้มข้นซึมทั่วเนื้อไก่

ทุกวันนี้ไปไหนมาไหนใครๆก็บ่นว่าทำมาหากินลำบ๊าก...ลำบาก ยิ่งคนค้าขายไม่รู้ ลูกค้าหายไปไหนหมด นับย้อนกลับไป 5 ปีก่อน "คุณพี่เอ๊าะ" แห่งร้าน "ไก่ต้มเงินล้าน" เป็นหนึ่งคนที่เคยประสบปัญหา แต่ ด้วยความใจสู้คุณพี่ผันวิกฤติให้เป็นโอกาส ยอมปิดหน้าร้าน หันมาใช้นโยบาย "เดิน สาย" เปิดเป็นแผงขายตามที่ต่างๆ หมุนเวียนสับเปลี่ยนกันไปพร้อมๆกับรับออกร้าน ออกงานแสดงสินค้านานาชนิด ไม่เกี่ยงว่างานเล็กงานใหญ่ ใกล้หรือไกล ห้างใหญ่ไฮโซกลางเมือง หรือห้างแถบปริมณฑล คุณพี่จะขนไก่ไปต้มให้หม่ำกันถึงที่ นับว่าเป็นการแก้ปัญหาที่ดีเลิศ นอกจากจะเป็นการเปิดตัวเองสู่โลกกว้าง ยังเป็นการขยายฐานลูกค้าออกไปอย่างได้ผล จนทุกวันนี้เริ่มมีแฟนคลับตามหม่ำราวกับแม่ยกที่ตามไปคล้องพวงมาลัยให้นัก ร้องในดวงใจ (ฮา)

"พี่ทำขายมาได้ 5 ปีแล้วค่ะ พี่เป็นคนโคราช เริ่มแรกเลยทำขายอยู่โคราชมา 1 ปี แล้วก็เริ่มเข้ามาขายในกรุงเทพฯ แรกเลยพี่ได้แรงบันดาลใจมาจากไก่ต้มน้ำปลานี่แหละค่ะ เคยไปกินของเพื่อนแล้วก็ชอบ คิดว่าอร่อยดี แต่ทีนี้เราจะทำไม่ให้เหมือนเค้า เพราะเราก็อยากได้แบบที่เป็นสูตรของเราเอง พี่ก็เลยลองทำเป็นแบบไก่ต้มซอส ตอนลองทำ เราก็ลองขายไปด้วยที่โคราช ลูกค้าที่มาทานก็จะบอกชอบอะไร ไม่ชอบอะไร เราก็ปรับจนสูตรมันลงตัว อยู่ตัวแล้ว เราก็เริ่มเข้ามาขายที่กรุงเทพฯ" ตอนเข้ามาแรกๆคุณพี่เอ๊าะเปิดร้านอยู่แถวๆพระราม 2 ขายทั้งหน้าร้านและรับออกงานในเวลาเดียวกัน ขายมาขายไป ขายไปแล้วก็ขายมา เริ่มเห็นว่ายอดขายจากการออกงานนอกชักจะแรงแซงยอดขายหน้าร้าน

คุณ พี่เอ๊าะกับคุณสามีจึงเริ่มระดมความคิดตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวที่จะปิดหน้า ร้าน และรับจ้างเดินสายออกร้านตามงานต่างๆ ซึ่งถือว่าเป็นการตัดสินใจที่น่าหวาดเสียวในยุคนั้น แต่ด้วยการผนึกกำลังในครอบครัวทำให้ ไก่ต้มเงินล้านสามารถผ่านช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อมาได้อย่างสวยงามและมั่นคง ไม่มีแหกโค้งลงคลอง (หุหุ) "ไอเดียนี้มาจากพี่เองค่ะ เพราะเราเริ่มเห็นว่าทำขายหน้าร้านบางวัน

ขายไม่ได้เลย แต่ออกร้านวันนึงบางทีเรามี 3-4 งานแล้วก็ขายได้ดี ช่วยประหยัด ต้นทุนอีกด้วย พี่สาวของสามีพี่เค้าก็มาช่วยด้วย จนความแตกต่างมันเห็นชัด พี่ก็เลยตัดสินใจไม่มีหน้าร้าน ออกงานอย่างเดียวไปเลย"

พี่เอ๊าะควบคุมความแซบ

ร้าน "ไก่ต้มเงินล้าน" เป็นไก่ต้มเนื้อแน่น เนื้อนุ่ม ขายมาพร้อมกับน้ำซุปกลิ่นหอม รสกลมกล่อม หม่ำกับน้ำจิ้มรสเด็ดเผ็ดนำ จะโซ้ยเปล่าๆ หรือจะโซ้ยกับข้าวแล้วราดน้ำจิ้มสุดแซบก็อร่อยลงตัว!!!

ไก่ แต่ละตัวสั่งตรงมาจากฟาร์ม เป็นไก่ ปลอดสาร รับประกันความสะอาด ต้มแล้วเนื้อจะแน่นนุ่มไม่ยุ่ยเละ น้ำซุปที่ทำจากเครื่องเทศสารพัดชนิดสีน้ำตาลเข้ม มองเผินๆคล้ายกับน้ำราดข้าวขาหมู แต่รสชาติต่างกัน

น้ำซุปของร้านนี้ มีเอกลักษณ์เฉพาะ ตัว รสชาติกำลังดีมีหวานนำนิ๊ดดดดหน่อย ไม่เลี่ยน หม่ำคู่กับเนื้อไก่กำลังเหมาะ ทุกวันนี้คุณพี่เอ๊าะยังเป็นคนผสมน้ำซุปเองกับมือ ไม่ปล่อยให้คนอื่นทำเด็ดขาด รับประกันว่ารสชาติเหมือนกันทุกหม้อ!

เจ๊ แซบพยายามใช้ความใจกล้ากระแซะแงะสูตรน้ำซุปออกจากปาก แต่คุณพี่เอ๊าะใจแข็งไม่ยอมเปิดเผย เฉลยว่ามีเกลือ น้ำตาลทราย น้ำปลา และซีอิ๊ว เป็นส่วนผสมพื้นฐาน ส่วนเครื่องเทศอื่นๆขออุบไว้เป็นความลับสำหรับประกอบธุรกิจหาเลี้ยงชีพต่อไป (หุหุ)

นอกจากไก่ต้มเนื้อนุ่ม น้ำซุปรสเลิศ "น้ำจิ้ม" ร้านนี้ยังไม่ธรรมดา รสจัดจ้านจี๊ดจ๊าดเกินคาด หอมพริก กระเทียม มะนาว ยิ่งหม่ำสดๆ รสชาติยิ่งดี เพิ่มอรรถรสในการโซ้ยไก่ให้ถึงแซบขีดสุด

สำหรับขาหม่ำที่ยังไม่เคยลองไก่ต้มเงินล้าน เจ๊แซบขอแนะนำวิธีหม่ำแบบถึงอกถึงใจพระเดชพระคุณ (หุหุ) เริ่มต้นจากเลือกไก่ชิ้นกำลังพอเหมาะจะเป็นอก ปีก น่อง ก็ได้ตามใจโปรด แล้วฉีกเป็นชิ้นๆ พอดีคำ ราดน้ำซุปให้ ชุ่มๆ แล้วตามด้วยน้ำจิ้มรสแซบ หม่ำกับข้าวสวยเม็ดแน่นๆ ตักเข้าปาก แล้วค่อยเคี้ยวให้ความนุ่มของเนื้อไก่ ความกลมกล่อมของน้ำซุป และความแซบ

ของน้ำจิ้มอบอวลอยู่ในปาก...อร่อยมั่กๆ อู้ยยยยย...แค่คิดเจ๊แซบก็แอบน้ำลายสอ... เอื้อกกกก!!

อีก หนึ่งเมนูสำหรับแม่บ้านนักประยุกต์ ถ้าซื้อไก่ต้มเงินล้านมาแล้วหม่ำไม่หมด เจ๊แซบแนะนำให้ทำเป็นก๋วยเตี๋ยวไก่ จะใช้เส้นก๋วยเตี๋ยว หรือเส้นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปก็ได้ นำไปลวก แล้วนำไก่ต้มที่ยังทานไม่หมดพร้อมกับน้ำซุปมาเติมน้ำ และต้มใหม่ ปรุงรสตามแต่ลิ้นของแต่ละคน จากนั้นนำไปราดบนเส้นที่เตรียมไว้ ใส่ผักต้มตามชอบ อร่อยดี แถมมีประโยชน์อีกต่างหาก

ธุรกิจไก่ต้มเงิน ล้านของคุณพี่เอ๊าะ เป็นอีกหนึ่งรูปแบบของการค้าขาย แต่ไม่ใช่ระบบแฟรนไชส์อย่างที่หลายคนเข้าใจ ถ้าใครอยากลิ้มลองของดีที่ไม่หยุดนิ่งอยู่กับที่ สามารถตามไปหม่ำกันได้ตามตารางเวลาดังนี้ วันที่ 1-15 มกราคม เซ็นทรัลพระราม 2, วันที่ 6-12 มกราคม เดอะมอลล์บางแคและแฟชั่นไอส์แลนด์ (อยู่ถึงวันที่ 18), วันที่ 12-23 ที่สีลมคอมเพล็กซ์ และวันที่ 15-23 ที่

ไก่ต้มซอสเนื้อนุ่ม กลมกล่อมปลอดสาร

เมืองทองธานี งานไทยเมกะโชว์ พ้นจากช่วงนี้ไปแล้วสามารถโทร.ถามได้ที่เบอร์ 08-4823-3999 และ 08-7246-1789 หรือที่เว็บไซต์ http://kaitommillion.com/ สะดวกที่ไหนแวะเวียนไปหม่ำได้ที่นั่น ทางร้านรับออกงานและทำข้าวหน้าไก่เป็นกล่องๆ ถ้าต้องการจำนวนมากกรุณาโทร.สั่งล่วงหน้า

ก่อนจาก...คุณพี่เอ๊าะฝากข่าวถึงลูกค้าขาประจำที่ตามหม่ำมาเป็นเวลา นาน ทางร้านจะเปิดขายเป็นหลักแหล่งในเร็ววันนี้ที่เสรีมาร์เก็ต ณ พาราไดซ์ พาร์ค แต่จะเริ่มเปิดได้ เมื่อไหร่คุณพี่เอ๊าะจะส่งข่าวอีกทีเจ้าค่า!!!!

"เจ๊แซบ หัวเขียว"

โดย เจ๊แซบ หัวเขียว

Read More...

กุยช่ายแป้งสด ทำเงินแบบแตกต่างค้าขายแบบง่าย ๆ

สูตรทำขนม

ค้าขายแบบง่าย ๆ แต่มีสไตล์ที่แตกต่างจากร้านอื่น ๆ หรือแบบเดิม ๆ ก็เป็นจุดขายอีกจุดที่ทำให้อาหารหรือขนมธรรมดา ๆ มีจุดเด่นขึ้นมาทันที ดูอย่าง “กุยช่ายแป้งสด” ร้านริมทางร้านนี้ เป็นตัวอย่าง...

นงค์ศรี-สุนทร พุ่มพิน สองสามีภรรยา ขาย “กุย ช่ายแป้งสด” แถวริมถนนพระราม 4 มานานกว่า 20 ปี โดยนงค์ศรีบอกว่า เมื่อก่อนขายกุยช่ายแบบนี้แต่เป็นกุยช่ายแบบกลม ๆ ที่ทำสำเร็จแล้ว

ไปรับมาขาย ซึ่งรายได้ไม่ค่อยคุ้มเหนื่อย เพราะนอกเหนือจากตัวขนมกุยช่าย ทุกอย่างต้องลงทุนเอง อย่างพริกน้ำส้ม หรือซีอิ๊วดำ ซึ่งร้านที่ขายส่งกุยช่ายก็จะมีกุยช่ายให้อย่างเดียว อย่างอื่นไม่เกี่ยว เพราะฉะนั้นถ้าเหลือต้องแบกรับภาระเอง

จากจุดนี้จึงลองมองดูลู่ทางใหม่ ดูว่าหากทำเองในรูปแบบอื่น ๆ จะขายได้ไหม ก็ลองแบบข้าวเกรียบปากหม้อ ใช้เป็นแบบแป้งสด แต่ใช้ไส้ของกุยช่าย ก็ปรากฏว่าขายดี เพราะไม่มีใครทำ จึงขายมาจนถึงปัจจุบัน

การขายกุยช่ายแป้งสด นงค์ศรีบอกว่า สิ่งที่ต้องลงทุนหลัก ๆ คือ หม้อแขกขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 8 นิ้ว สำหรับทำกุยช่ายแป้งสด ใช้ 2 ใบ พร้อมฝาครอบ, เตาแก๊ส, ที่ปาดแป้ง และอุปกรณ์กระจุก กระจิกอย่างอื่นที่จำเป็นสำหรับค้าขาย

ไส้ขนมกุยช่าย มีหลายไส้ เช่น ไส้ใบกุยช่าย ไส้หน่อไม้ ไส้กะหล่ำปลี

นงค์ศรีบอกถึงการทำตัวแป้งว่า ถ้าใช้แป้งข้าวเจ้า 1 กก. จะใช้แป้งมัน 500 กรัม แป้งหมี่ 500 กรัม น้ำ 2 ขวด (3 ลิตร) ผสมแป้งและน้ำ คนให้เข้ากัน ก็ใช้ได้ ระหว่างที่ขายต้องคอยคนเรื่อย ๆ ไม่ให้แป้งนอนก้น

ต้มน้ำให้เดือด แล้วเทใส่ในหม้อแขกประมาณค่อนหม้อ ขึงปากหม้อด้วยผ้าขาวบาง และตัดผ้าขาวบางส่วนด้านข้างออก ไป เพื่อให้ไอน้ำออกมา ยกหม้อแขกขึ้น ตั้งไฟบนเตาแก๊ส เปิดไฟร้อนตลอดเพื่อ ให้น้ำเดือดระหว่างที่ขายนั้นหากน้ำในหม้อลดลง ต้องหมั่นเติมน้ำให้อยู่ระดับเดิมเรื่อย ๆ

วิธีขาย ตักแป้ง 1 ทัพพี ใส่ลงบนผ้าขาวบางที่ขึงไว้ ละเลงแป้งเป็นรูปวงกลมให้ทั่ว ปิดฝาครอบ แล้วทำแบบนี้อีกด้านหนึ่งของปากหม้อ จากนั้นย้ายมาเปิดฝาที่ครอบแป้งชุดแรกออก แป้งจะสุกพอดี ตักไส้กุยช่ายใส่ลงบนแป้งพอประมาณ ใช้ที่ปาดแป้งหรือไม้พายปาดแป้งปิดไส้ขนม โดยปิดทั้งสี่ด้าน เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า จากนั้นตักวางพักลงบนถาดที่ทาน้ำมันเพื่อกันไม่ให้แป้งติดกับถาด

การทำไส้ขนม ถ้าเป็นไส้ใบกุยช่าย ก็ผัดใบกุยช่ายสด กับเนื้อหมู กุ้งแห้ง ซึ่งเป็นการผัดน้ำมันธรรมดา ๆ ปรุงรสด้วยซีอิ๊ว น้ำตาล น้ำปลา สำหรับไส้กะหล่ำปลี และไส้หน่อไม้ ทำวิธีเดียวกับไส้กุยช่าย แต่จะทำ 2 ส่วนคือส่วนกะหล่ำปลีหรือหน่อไม้หั่นที่ผัดกับหมูและ กุ้งแห้ง และอีกส่วนใช้เห็ดหอมหั่นผัดน้ำมัน ซึ่งไส้กะหล่ำปลีและไส้หน่อไม้นั้น นอกจากใส่กะหล่ำปลีและหน่อไม้แล้วก็ ต้องใส่เห็ดหอมลงไปเพิ่มด้วยประมาณ 2-3 ชิ้น

เวลาจะขาย ก็ตักกุยช่ายใส่กล่อง ๆ ละ 4 ชิ้น พร้อมด้วยกระเทียมเจียว และต้องมีซีอิ๊วดำกับพริกน้ำส้มแนบไปด้วย ขายในราคากล่องละ 30 บาท มีกำไรประมาณ 30% จากราคาขาย

นอกจากนี้ ที่ร้านนี้ยังขายก๋วยเตี๋ยวหลอดด้วย โดยใช้ก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่ที่หั่นเป็นแผ่น ๆ สำหรับทำก๋วยเตี๋ยวหลอดโดยเฉพาะ นำมาห่อถั่วงอกต้ม โรยหน้าด้วยกุ้งแห้ง หัวไชโป๊หั่น ต้นหอม ผักชี และกระเทียมเจียว ใส่ถุงขายถุงละ 3 ชิ้น พร้อมซีอิ๊วดำและพริกน้ำส้ม ขายราคา 10 บาท

ร้านกุยช่ายของนงค์ศรี-สุนทร อยู่แถวสี่แยกคลองเตย ริมถนนพระราม 4 หน้าธนาคารกสิกรไทย ถนนพระราม 4 ขายเวลา 06.00-14.00 น. ยกเว้นวันอาทิตย์ เบอร์โทรศัพท์คือ 08-1939-4149 และ 08-9017-0928 ทั้งนี้ “กุยช่ายแป้งสด” เป็นอีกตัวอย่างการพลิกแพลงให้แตกต่าง จนเป็น “ช่องทางทำกิน” ที่ดี.