.
.
.
.
.
.
.






คุณเอี๊ยดกับผมเป็นเพื่อนกันมานานมากตั้งแต่ผมกลับจากเมืองนอกใหม่ ๆ คุณเอี๊ยดมีร้านหอยทอด ผัดไทย และอีกหลาย ๆ อย่าง ซึ่งมีหลายสาขาพอสมควร โดยแม่ครัวของคุณเอี๊ยดเป็นคนที่ทำอาหารได้อร่อยมาก ผมลองชิมมาหลายต่อหลายครั้งแล้ว
และผมมีเพื่อนที่อยู่จังหวัดขอนแก่น ซึ่งเขาทำอาหารอีสานได้อร่อยมาก มีร้านอยู่ที่ขอนแก่นด้วย พอเขามากรุงเทพฯ ผมเลยแนะนำให้ทั้งคู่รู้จักกัน คุณเอี๊ยดจึงขอซื้อสูตรอาหารจากเพื่อนผมมาทำร้านอาหารที่ ถนนรัตนาธิเบศร์ ผมเลยตั้งชื่อร้านให้ว่า เอี๊ยดตำแหลก
ที่ร้านนี้มีอะไรกินบ้าง ผมขอเล่าให้เพื่อน ๆ ฟังนะครับ อย่างแรกมี ปลาทับทิมเผา ที่ยัดไส้ด้วยสมุนไพรต่าง ๆ แล้วเอาเกลือทา จากนั้นจึงนำไปย่างไม่ให้ปลาแห้งจนเกินไป อร่อยมากครับ เนื้อปลานุ่ม เพราะได้ปลาที่สด ซึ่งจะทำให้ได้รสชาติที่หวานครับ
คอหมูย่าง ที่นี่อร่อยมาก เพราะเนื้อนุ่มเหลือเกินครับ แต่ผมขอพูดเรื่องน้ำจิ้มสักเล็กน้อยที่นี่มีน้ำจิ้มหลายอย่างเหลือเกินครับ มีทั้งแจ่ว น้ำจิ้มซีฟู้ด แจ่วมะเขือเทศ
อย่างเมื่อเขาเอาปลาเผามาเสิร์ฟ ก็จะมีน้ำจิ้มแจ่วมาให้ และมีมะเขือเผามาให้ด้วยครับ ของแปลกที่เขานำมาให้ผมกิน มีทั้ง ผักเคียงที่เยอะมากมาย รวมทั้ง ข้าวเหนียวที่ห่อมาอย่างสวยงามน่ากินมาก นอกจากจะมีปลาทับทิมเผาแล้ว ยังมี ปลาช่อนนึ่ง เสิร์ฟกับแจ่วมะเขือเทศและแจ่วธรรมดาด้วย ผมกินอย่างสนุก สนานเลยครับ
จากนั้น มี ไก่บ้านทอดน้ำปลา อร่อยมากเช่นกันครับ ผมนั่งแทะอยู่คนเดียวเลย เนื้อไก่รสชาติไม่เค็มเกินไป รวมทั้ง เนื้อกับหนังยังกรอบอยู่เลยครับ แต่เนื้อไก่ของเขาจะเหนียวนิด ๆ สู้ฟันเล็กน้อย แล้วต้องกินกับขนมจีนนิดหนึ่งนะครับถึงจะอร่อย
ตามมาด้วยส้มตำซึ่งเป็นเมนูที่ขาดไม่ได้ มีทั้ง ส้มตำไทย ส้มตำลาว และ ส้มตำปูม้า เรื่องส้มตำไม่ต้องพูดอะไรมากครับ อร่อย แซบที่ครกครับ ถ้าใครไม่ชอบกินรสเผ็ดมาก ตอนสั่งต้องบอกเขาด้วยนะครับ เพราะเดี๋ยวจะกินกันไม่ได้ เพราะแม่ครัวที่นี่จะตำรสชาติจัดจ้านครับ
เมนูโปรดของผมจริง ๆ ก็คือ ตำแหลกผลไม้ ทำไมถึงเรียกว่าตำแหลกผลไม้ ทราบหรือไม่ครับ ก็เพราะเขาเอาผลไม้ต่าง ๆ มาตำแหลกแบบทางภาคอีสาน ถ้าเป็นผมจะใส่ปูกับปลาร้าเข้าไปด้วย แต่ที่ร้านใส่แต่ปลาร้าเท่านั้นครับ ตำได้อร่อยมาก เป็นเมนูเพื่อสุขภาพด้วยนะครับ เพราะปลาร้าเขาต้มมาเป็นอย่างดี ไม่ต้องกลัวเรื่องพยาธิครับ
อาหารอีสานเป็นสิ่งที่ผมชอบมากเลย แต่คนไทยมักจะบอกว่าอย่ากินอะไรหวาน ซึ่งความจริงแล้วในอาหารอีสานไม่มีอะไรหวาน เลยนะครับ ฉะนั้นถ้าไปที่ร้านเอี๊ยดตำแหลกจะมีของหวาน ๆ อยู่เหมือนกัน เช่น ส้มตำไทย ก็ต้องหวานหน่อยหนึ่ง ซึ่งจริง ๆ จะต้อง เปรี้ยว เค็ม หวาน เท่า ๆ กัน แต่ถ้าไปสั่งส้มตำลาว ก็คงต้องไปบอกให้เขาใส่น้ำตาลด้วย เพราะส้มตำลาว จะไม่มีน้ำตาลใส่เลยเด็ดขาดครับ ใครไม่ถนัดรสชาติแบบนั้นก็ต้องบอกพนักงานตอนที่เขามารับรายการอาหาร แต่ถ้าใครที่ชอบรสชาติแท้ ๆ ก็ไม่ต้องบอกอะไร สั่งแต่ชื่ออาหารที่อยากกินครับ
ส่วนตำแหลกผลไม้จะมีความหวานอยู่ในตัวอยู่แล้ว ไม่ต้องใส่น้ำตาลเข้าไป เขาต้องใช้พริกแห้งในการตำจะได้เผ็ด แซบ อร่อย ส่วนส้มตำปูควรจะเป็นแบบ
ไทย ๆ เพราะผมว่าส้มตำปูแบบอีสานไม่ค่อยอร่อย ตรงนี้ก็แล้วแต่คนชอบนะครับ
ลองแวะไปดู ร้านนี้มีอาหารมากมายหลายอย่างให้ได้เลือกชิมกัน แต่ผมเพียงเรียนให้ทราบนิดเดียวว่าไก่บ้านทอดน้ำปลาของเขาอร่อยมากครับ ส่วนอาหารประเภทตำต่าง ๆ สุดยอด เรื่องน้ำจิ้มของเขายิ่งดีใหญ่เลยนะครับ มีให้เลือกหลายอย่าง อร่อยมากครับ และผมก็ชอบมากด้วย เพราะฉะนั้นอยากจะเชิญชวนเพื่อน ๆ ให้ลองไปชิมกันครับ.
ชิมให้เป็น
คนส่วนมากชอบเข้าใจผิดว่า อาหารอีสาน อย่างแจ่ว จะต้องทำให้ถูกปากคนกรุงเทพฯ หรือคนที่ไม่ใช่คนที่มาจากภาคอีสาน ความจริงแล้วต้องไปถามคนอีสานดูนะครับว่าต้องทำอย่างไรถึงจะเรียกว่าชิมให้ เป็น ผมขอบอกเลยว่าแจ่วนั้นทำจากอะไรบ้าง
ความจริงแล้ว จะมีน้ำปลาหรือปลาร้า พริกแห้งหรือพริกป่นก็ได้นะครับ รวมทั้ง น้ำส้มมะขาม (น้ำมะขามเปียก) หรือจะเป็นมะนาวก็ได้ครับ ต้องมีต้นหอมด้วย บางครั้งจะใส่ใบสะระแหน่ หรือผักชีใบเลื่อยเข้าไปด้วยสักเล็กน้อย จากนั้นผสมให้เข้ากันแล้วก่อนยกเสิร์ฟก็ค่อยโรยข้าวคั่ว ไม่ใช่โรยแล้วแช่ไว้นาน ๆ นะครับ เพราะจะทำให้ข้าวคั่วอืดได้
หลายคนสงสัยที่ผมไม่ได้เอ่ยขึ้นมาเลยก็คือ น้ำตาล ใช่หรือไม่ครับ ความจริงแล้ว แจ่วจะไม่มีน้ำตาลนะครับ และรสชาติก็ไม่ควรจะหวานด้วย เดี๋ยวคนอีสานเขาจะหาว่าคนกรุงเทพฯ กินไม่เป็นเด้อ ผมเองก็คิดเหมือนคนอีสาน เพราะคนกรุงเทพฯ กินไม่เป็น ชอบใส่น้ำตาล
แต่ถ้าอยากจะใส่น้ำตาล ก็ใส่ได้ตามใจชอบ เพราะคนเราชอบกินรสชาติไม่เหมือนกัน แต่ผมเองก็ยังอยากให้ลองกินแบบอีสานดูนะครับ ผมว่ารสชาติแซบกว่ากันตั้งเยอะ รวมทั้งจะได้ชิมให้เป็นด้วยนะครับ
ซุปปูแบบจีน - เข้าครัวกับหมึกแดง
เครื่องปรุง
-น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ
-ต้นหอมสับ 1 ช้อนโต๊ะ
-ขิงสับ 1 ช้อนชา
-เห็ดหูหนูสับหยาบ 30 กรัม
-หน่อไม้จีน 30 กรัมซอยเป็นเส้น
-เนื้อปู 50 กรัม
-น้ำซุป 1 ลิตร
-จิ๊กโฉ่ พอประมาณ
-ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ
-เกลือป่น 1 ช้อนชา
-พริกไทยขาวป่น 1/2 ช้อนชา
-พริกไทยดำป่น 1/2 ช้อนชา
-แป้งมัน 1 ช้อนโต๊ะ
-ไข่ไก่ 2 ฟอง
- น้ำมันงา 2 ช้อนชา
- เนื้อปูเป็นก้อน สำหรับโรยหน้า
- ใบผักชี สำหรับโรยหน้า
วิธีทำ
1. นำหม้อตั้งไฟ ใส่น้ำมันพืชลงไป พอร้อนใส่ต้นหอมสับ ขิงสับลงไป ผัดพอหอม
2. ใส่เห็ดหูหนูสับหยาบ หน่อไม้จีนซอยเป็นเส้น และเนื้อปูลงไปผัดให้เข้ากัน
3. เติมน้ำซุปลงไป ต้มให้เดือด
4. ปรุงรสด้วย จิ๊กโฉ่ ซีอิ๊วขาว เกลือป่น พริกไทยขาวป่น พริกไทยดำป่น คนให้เข้ากัน
5. ชิมรสให้ออก เปรี้ยว เค็ม ๆ และหวานจากผักและน้ำซุป
6. ในชามผสม ใส่แป้งมันผสมกับน้ำซุป คนให้แป้งละลาย แล้วเทลงไปในหม้อซุป คนให้เข้ากัน ต้มพอเดือดและซุปข้นขึ้น
7. ตอกไข่ใส่ชามผสม ตีพอเข้ากัน แล้วเทไข่ลงไปในหม้อ พักไว้ประมาณครึ่งนาที แล้วคนให้ไข่แตกกระจายให้ทั่ว และเป็นเส้น ๆ ใส่น้ำมันงาลงไป คนพอเข้ากัน ปิดไฟ
8. ตักซุปใส่ถ้วย แต่งหน้าด้วยเนื้อปูเป็นก้อน ใบผักชี เสิร์ฟกับจิ๊กโฉ่
ความอร่อย ความสะอาด คุณภาพของวัตถุดิบ การบริการ ราคา ความเผ็ด
ที่อยู่ : 35/37-38 ถ.รัตนาธิเบศร์ ต.บางกระสอ
อ.เมือง นนทบุรี 11000
โทรศัพท์ : 0-2969-9959
เวลาเปิด : เปิด 10.00–22.00 น. หยุดทุกวันจันทร์ที่ 4 ของเดือน
*มีห้องสำหรับจัดเลี้ยง*
ขอขอบคุณเจ้าของบทความ : หมึกแดง
www.mcdangguide.com
และผมมีเพื่อนที่อยู่จังหวัดขอนแก่น ซึ่งเขาทำอาหารอีสานได้อร่อยมาก มีร้านอยู่ที่ขอนแก่นด้วย พอเขามากรุงเทพฯ ผมเลยแนะนำให้ทั้งคู่รู้จักกัน คุณเอี๊ยดจึงขอซื้อสูตรอาหารจากเพื่อนผมมาทำร้านอาหารที่ ถนนรัตนาธิเบศร์ ผมเลยตั้งชื่อร้านให้ว่า เอี๊ยดตำแหลก
ที่ร้านนี้มีอะไรกินบ้าง ผมขอเล่าให้เพื่อน ๆ ฟังนะครับ อย่างแรกมี ปลาทับทิมเผา ที่ยัดไส้ด้วยสมุนไพรต่าง ๆ แล้วเอาเกลือทา จากนั้นจึงนำไปย่างไม่ให้ปลาแห้งจนเกินไป อร่อยมากครับ เนื้อปลานุ่ม เพราะได้ปลาที่สด ซึ่งจะทำให้ได้รสชาติที่หวานครับ
คอหมูย่าง ที่นี่อร่อยมาก เพราะเนื้อนุ่มเหลือเกินครับ แต่ผมขอพูดเรื่องน้ำจิ้มสักเล็กน้อยที่นี่มีน้ำจิ้มหลายอย่างเหลือเกินครับ มีทั้งแจ่ว น้ำจิ้มซีฟู้ด แจ่วมะเขือเทศ
อย่างเมื่อเขาเอาปลาเผามาเสิร์ฟ ก็จะมีน้ำจิ้มแจ่วมาให้ และมีมะเขือเผามาให้ด้วยครับ ของแปลกที่เขานำมาให้ผมกิน มีทั้ง ผักเคียงที่เยอะมากมาย รวมทั้ง ข้าวเหนียวที่ห่อมาอย่างสวยงามน่ากินมาก นอกจากจะมีปลาทับทิมเผาแล้ว ยังมี ปลาช่อนนึ่ง เสิร์ฟกับแจ่วมะเขือเทศและแจ่วธรรมดาด้วย ผมกินอย่างสนุก สนานเลยครับ
จากนั้น มี ไก่บ้านทอดน้ำปลา อร่อยมากเช่นกันครับ ผมนั่งแทะอยู่คนเดียวเลย เนื้อไก่รสชาติไม่เค็มเกินไป รวมทั้ง เนื้อกับหนังยังกรอบอยู่เลยครับ แต่เนื้อไก่ของเขาจะเหนียวนิด ๆ สู้ฟันเล็กน้อย แล้วต้องกินกับขนมจีนนิดหนึ่งนะครับถึงจะอร่อย
ตามมาด้วยส้มตำซึ่งเป็นเมนูที่ขาดไม่ได้ มีทั้ง ส้มตำไทย ส้มตำลาว และ ส้มตำปูม้า เรื่องส้มตำไม่ต้องพูดอะไรมากครับ อร่อย แซบที่ครกครับ ถ้าใครไม่ชอบกินรสเผ็ดมาก ตอนสั่งต้องบอกเขาด้วยนะครับ เพราะเดี๋ยวจะกินกันไม่ได้ เพราะแม่ครัวที่นี่จะตำรสชาติจัดจ้านครับ
เมนูโปรดของผมจริง ๆ ก็คือ ตำแหลกผลไม้ ทำไมถึงเรียกว่าตำแหลกผลไม้ ทราบหรือไม่ครับ ก็เพราะเขาเอาผลไม้ต่าง ๆ มาตำแหลกแบบทางภาคอีสาน ถ้าเป็นผมจะใส่ปูกับปลาร้าเข้าไปด้วย แต่ที่ร้านใส่แต่ปลาร้าเท่านั้นครับ ตำได้อร่อยมาก เป็นเมนูเพื่อสุขภาพด้วยนะครับ เพราะปลาร้าเขาต้มมาเป็นอย่างดี ไม่ต้องกลัวเรื่องพยาธิครับ
อาหารอีสานเป็นสิ่งที่ผมชอบมากเลย แต่คนไทยมักจะบอกว่าอย่ากินอะไรหวาน ซึ่งความจริงแล้วในอาหารอีสานไม่มีอะไรหวาน เลยนะครับ ฉะนั้นถ้าไปที่ร้านเอี๊ยดตำแหลกจะมีของหวาน ๆ อยู่เหมือนกัน เช่น ส้มตำไทย ก็ต้องหวานหน่อยหนึ่ง ซึ่งจริง ๆ จะต้อง เปรี้ยว เค็ม หวาน เท่า ๆ กัน แต่ถ้าไปสั่งส้มตำลาว ก็คงต้องไปบอกให้เขาใส่น้ำตาลด้วย เพราะส้มตำลาว จะไม่มีน้ำตาลใส่เลยเด็ดขาดครับ ใครไม่ถนัดรสชาติแบบนั้นก็ต้องบอกพนักงานตอนที่เขามารับรายการอาหาร แต่ถ้าใครที่ชอบรสชาติแท้ ๆ ก็ไม่ต้องบอกอะไร สั่งแต่ชื่ออาหารที่อยากกินครับ
ส่วนตำแหลกผลไม้จะมีความหวานอยู่ในตัวอยู่แล้ว ไม่ต้องใส่น้ำตาลเข้าไป เขาต้องใช้พริกแห้งในการตำจะได้เผ็ด แซบ อร่อย ส่วนส้มตำปูควรจะเป็นแบบ
ไทย ๆ เพราะผมว่าส้มตำปูแบบอีสานไม่ค่อยอร่อย ตรงนี้ก็แล้วแต่คนชอบนะครับ
ลองแวะไปดู ร้านนี้มีอาหารมากมายหลายอย่างให้ได้เลือกชิมกัน แต่ผมเพียงเรียนให้ทราบนิดเดียวว่าไก่บ้านทอดน้ำปลาของเขาอร่อยมากครับ ส่วนอาหารประเภทตำต่าง ๆ สุดยอด เรื่องน้ำจิ้มของเขายิ่งดีใหญ่เลยนะครับ มีให้เลือกหลายอย่าง อร่อยมากครับ และผมก็ชอบมากด้วย เพราะฉะนั้นอยากจะเชิญชวนเพื่อน ๆ ให้ลองไปชิมกันครับ.
ชิมให้เป็น
คนส่วนมากชอบเข้าใจผิดว่า อาหารอีสาน อย่างแจ่ว จะต้องทำให้ถูกปากคนกรุงเทพฯ หรือคนที่ไม่ใช่คนที่มาจากภาคอีสาน ความจริงแล้วต้องไปถามคนอีสานดูนะครับว่าต้องทำอย่างไรถึงจะเรียกว่าชิมให้ เป็น ผมขอบอกเลยว่าแจ่วนั้นทำจากอะไรบ้าง
ความจริงแล้ว จะมีน้ำปลาหรือปลาร้า พริกแห้งหรือพริกป่นก็ได้นะครับ รวมทั้ง น้ำส้มมะขาม (น้ำมะขามเปียก) หรือจะเป็นมะนาวก็ได้ครับ ต้องมีต้นหอมด้วย บางครั้งจะใส่ใบสะระแหน่ หรือผักชีใบเลื่อยเข้าไปด้วยสักเล็กน้อย จากนั้นผสมให้เข้ากันแล้วก่อนยกเสิร์ฟก็ค่อยโรยข้าวคั่ว ไม่ใช่โรยแล้วแช่ไว้นาน ๆ นะครับ เพราะจะทำให้ข้าวคั่วอืดได้
หลายคนสงสัยที่ผมไม่ได้เอ่ยขึ้นมาเลยก็คือ น้ำตาล ใช่หรือไม่ครับ ความจริงแล้ว แจ่วจะไม่มีน้ำตาลนะครับ และรสชาติก็ไม่ควรจะหวานด้วย เดี๋ยวคนอีสานเขาจะหาว่าคนกรุงเทพฯ กินไม่เป็นเด้อ ผมเองก็คิดเหมือนคนอีสาน เพราะคนกรุงเทพฯ กินไม่เป็น ชอบใส่น้ำตาล
แต่ถ้าอยากจะใส่น้ำตาล ก็ใส่ได้ตามใจชอบ เพราะคนเราชอบกินรสชาติไม่เหมือนกัน แต่ผมเองก็ยังอยากให้ลองกินแบบอีสานดูนะครับ ผมว่ารสชาติแซบกว่ากันตั้งเยอะ รวมทั้งจะได้ชิมให้เป็นด้วยนะครับ
ซุปปูแบบจีน - เข้าครัวกับหมึกแดง
เครื่องปรุง
-น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ
-ต้นหอมสับ 1 ช้อนโต๊ะ
-ขิงสับ 1 ช้อนชา
-เห็ดหูหนูสับหยาบ 30 กรัม
-หน่อไม้จีน 30 กรัมซอยเป็นเส้น
-เนื้อปู 50 กรัม
-น้ำซุป 1 ลิตร
-จิ๊กโฉ่ พอประมาณ
-ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ
-เกลือป่น 1 ช้อนชา
-พริกไทยขาวป่น 1/2 ช้อนชา
-พริกไทยดำป่น 1/2 ช้อนชา
-แป้งมัน 1 ช้อนโต๊ะ
-ไข่ไก่ 2 ฟอง
- น้ำมันงา 2 ช้อนชา
- เนื้อปูเป็นก้อน สำหรับโรยหน้า
- ใบผักชี สำหรับโรยหน้า
วิธีทำ
1. นำหม้อตั้งไฟ ใส่น้ำมันพืชลงไป พอร้อนใส่ต้นหอมสับ ขิงสับลงไป ผัดพอหอม
2. ใส่เห็ดหูหนูสับหยาบ หน่อไม้จีนซอยเป็นเส้น และเนื้อปูลงไปผัดให้เข้ากัน
3. เติมน้ำซุปลงไป ต้มให้เดือด
4. ปรุงรสด้วย จิ๊กโฉ่ ซีอิ๊วขาว เกลือป่น พริกไทยขาวป่น พริกไทยดำป่น คนให้เข้ากัน
5. ชิมรสให้ออก เปรี้ยว เค็ม ๆ และหวานจากผักและน้ำซุป
6. ในชามผสม ใส่แป้งมันผสมกับน้ำซุป คนให้แป้งละลาย แล้วเทลงไปในหม้อซุป คนให้เข้ากัน ต้มพอเดือดและซุปข้นขึ้น
7. ตอกไข่ใส่ชามผสม ตีพอเข้ากัน แล้วเทไข่ลงไปในหม้อ พักไว้ประมาณครึ่งนาที แล้วคนให้ไข่แตกกระจายให้ทั่ว และเป็นเส้น ๆ ใส่น้ำมันงาลงไป คนพอเข้ากัน ปิดไฟ
8. ตักซุปใส่ถ้วย แต่งหน้าด้วยเนื้อปูเป็นก้อน ใบผักชี เสิร์ฟกับจิ๊กโฉ่
ความอร่อย ความสะอาด คุณภาพของวัตถุดิบ การบริการ ราคา ความเผ็ด
ที่อยู่ : 35/37-38 ถ.รัตนาธิเบศร์ ต.บางกระสอ
อ.เมือง นนทบุรี 11000
โทรศัพท์ : 0-2969-9959
เวลาเปิด : เปิด 10.00–22.00 น. หยุดทุกวันจันทร์ที่ 4 ของเดือน
*มีห้องสำหรับจัดเลี้ยง*
ขอขอบคุณเจ้าของบทความ : หมึกแดง
www.mcdangguide.com
ขายของได้ทุกที่ บนรถขายขายของเคลื่อนที่ ได้ทั้งของกินและเครื่องดื่ม
ตัวอย่างอาชีพค้าขายที่ไม่ง้อทำเล(รูป)ตอน 1-12
download ...http://commercial-on-wheels.blogspot.com/
ตัวอย่างอาชีพค้าขายที่ไม่ง้อทำเล(รูป)ตอน 1-12
download ...http://commercial-on-wheels.blogspot.com/
adv001