สูตรขนม สูตรอาหาร อาชีพรายได้เสริม ประกาศฟรี โฆษณาฟรี Career Articles Extra Income
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

Drop Down MenusCSS Drop Down MenuPure CSS Dropdown Menu

กากถั่วเหลือง สร้างรายได้

กากถั่วเหลืองที่มักจะถูกทิ้ง ที่จริงมีประโยชน์ จึงคิดนำมาเป็นส่วนผสมของขนมและอาหาร 3 ชนิดคือ คุกกี้ช็อกโกแลตชิพ กรอบเค็ม น้ำพริกเผา เพื่อให้กากถั่วเหลืองเกิดประโยชน์ ไม่ถูกทิ้งไปสูญเปล่า


คุกกี้ช็อกโกแลตชิพ

มีคุณค่า-เป็นสินค้าทำเงิน

น้ำพริกเผา

จากถั่วเหลือง” ที่เหลือจากการผลิตนมถั่วเหลืองหรือน้ำเต้าหู้ ยังมีคุณค่า เมื่อนำไปอบแห้งจะประกอบด้วยโปรตีน 24-28% ไขมัน 8-12% เส้นใยอาหารที่ไม่ละลายน้ำ 40-44% เส้นใยอาหารที่ละลายน้ำ 12-15% รวมทั้งมีเกลือแร่และสารที่มีประโยชน์ต่าง ๆ ซึ่งกากถั่วเหลืองนี้สามารถใช้ทำ ผลิต ภัณฑ์อาหาร แทนแป้งสาลีได้ โดยวันนี้ทีม “ช่องทางทำกิน” ก็มีข้อมูลการทำผลิตภัณฑ์จากกากถั่วเหลืองมานำเสนอ…

เรื่องของกากถั่วเหลืองเป็นส่วนหนึ่งในนิทรรศการประชาสัมพันธ์คหกรรมศาสตร์ โครงการ “บ้านสวยด้วย 3R มากคุณค่าอาหารไทยชิมผัดไทยแชมป์โลก” เมื่อวันที่ 9 ต.ค.ที่ผ่านมา ณ ศูนย์เทเวศร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร (มทร.พระนคร) โดย ปริญญาพร อ่อนคล้าย และ ภูมิสิทธิ์ ประดิษฐ์ธีระ นักศึกษาปริญญาโท คณะคหกรรมศาสตร์ มทร.พระนคร เจ้าของผลงาน ผลิตภัณฑ์จากกากถั่วเหลือง บอกว่า กากถั่วเหลืองที่มักจะถูกทิ้ง ที่จริงมีประโยชน์ จึงคิดนำมาเป็นส่วนผสมของขนมและอาหาร 3 ชนิดคือ คุกกี้ช็อกโกแลตชิพ, กรอบเค็ม, น้ำพริกเผา เพื่อให้กากถั่วเหลืองเกิดประโยชน์ ไม่ถูกทิ้งไปสูญเปล่า

ก่อนหน้านั้นเคยทดลองทำด้วยกากถั่วเหลืองที่เหลือสด ๆ จากการทำน้ำถั่วเหลือง แต่ปรากฏว่ามีกลิ่นสาบและความชื้น อาหารที่ทำออกมามีเนื้อเหลวใช้การไม่ได้ จึงเปลี่ยนวิธี และพบว่าการอบแห้งเป็นวิธีที่ดีที่สุด โดยใช้การอบด้วยเตาไมโครเวฟ เกลี่ยกากถั่วเหลืองให้แผ่ออก อบด้วยความร้อน 150 องศา ระยะเวลา 30 นาที ระหว่างอบหมั่นเกลี่ยเรื่อย ๆ โดยกากถั่วเหลืองสด 1,000 กรัม อบแห้งแล้วจะเหลือ 500 กรัม
สำหรับการนำมาทำเป็นอาหาร เริ่มที่ คุกกี้ช็อกโกแลตชิพกากถั่วเหลือง

ส่วนผสม

กากถั่วเหลืองอบแห้ง 250 กรัม ต่อแป้งสาลี 500 กรัม, เบกกิ้งโซดา 1 ช้อนชา, เนยสด 454 กรัม, น้ำตาลไอซ์ซิ่ง 450 กรัม, เกลือ 1 ช้อนชา, ไข่ไก่ 3 ฟอง และช็อกโกแลตชิพ 200 กรัม

วิธีทำ คุกกี้ช็อกโกแลตชิพกากถั่วเหลือง

ร่อนแป้งสาลีกับเบกกิ้งโซดา แล้วนำแป้งมาผสมกับกากถั่วเหลือง พักไว้ จากนั้นตีเนยสด น้ำตาลไอซ์ซิ่ง เกลือ ให้ขึ้นฟูด้วยหัวตีใบไม้ แล้วใส่ไข่ทีละฟอง ใส่กลิ่นวานิลลาผสมพอเข้ากัน ตามด้วยใส่ส่วนผสมแป้ง และใส่ช็อกโกแลตชิพเล็กน้อย จากนั้นนำส่วนผสมที่ได้มาปั้นก้อนเล็ก ๆ แล้วแต่งหน้าด้วยช็อกโกแลตชิพอีกเล็กน้อย นำเข้าเตาอบอุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส ประมาณ 13-15 นาที หรือจนขนมสีเหลืองสุก ซึ่งเตาอบนี้ให้ทำการอุ่นเตาอบโดยเปิดอุณหภูมิ 180 องศา นาน 10-15 นาที ก่อนอบจริง เพื่อให้ได้อุณหภูมิคงที่ 180 องศา

ตามสูตรนี้จะทำคุกกี้ได้ 45 ชิ้น (ตัวคุกกี้เบอร์ 12) ขายได้ในราคา 50 บาท มีต้นทุนประมาณ 20 บาท

กรอบเค็มกากถั่วเหลือง

ใช้กากถั่วเหลืองอบแห้ง 1 ถ้วยตวง ต่อแป้งสาลี 100 กรัม, แป้งข้าวเจ้า 50 กรัม, ผงฟู 1/2 ช้อนชา, ไข่ไก่ 2 ฟอง, เกลือ 1 ช้อนชา, น้ำปูนใส 1 ช้อนโต๊ะ, น้ำมันพืช 2 ช้อนชา

วิธีทำ กรอบเค็มกากถั่วเหลือง

ร่อนแป้ง 2 ชนิดกับผงฟูให้เข้ากัน แล้วผสมแป้งที่ได้กับกากถั่วเหลืองให้เข้ากัน ใส่น้ำมันพืช ใส่ส่วนผสมที่เหลือทั้งหมด นวดจนแป้งนุ่ม (ถ้าแป้งแห้งเติมน้ำเล็กน้อย) แบ่งแป้งเป็น 4 ก้อน คลึงแป้งแผ่เป็นแผ่นบาง ตัดเป็นรูป สี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาด 1 นิ้ว แล้วนำไปทอดในน้ำมันที่ร้อนจนแป้งเหลืองสุก ตักขึ้นใส่กระชอนพักไว้
กรอบเค็มนี้ต้องมี “น้ำปรุงรส” ด้วย

มีส่วนผสมดังนี้

น้ำตาลปี๊บ 1 ถ้วย, น้ำเปล่า 1/3 ถ้วย, กระเทียม 1/2 ถ้วย, พริกไทย 1/4 ช้อนชา และแบะแซ 50 กรัม โดยวิธีทำน้ำปรุงรสคือ ตีกระเทียมกับพริกไทยให้เข้ากัน แล้วนำส่วนผสมทั้งหมดใส่ผสม เคี่ยวจนงวดได้ที่ เสร็จแล้วก็นำไปคลุกกับแป้งกรอบเค็มที่ทำไว้
จากสูตรนี้จะทำกรอบเค็มได้ 200-250 กรัม บรรจุขายกล่องละ 20-25 บาท มีต้นทุนประมาณ 10 บาท

น้ำพริกเผากากถั่วเหลือง

ซึ่งมีส่วนผสม ได้แก่ กากถั่วเหลืองอบแห้ง 1 ถ้วยตวงต่อหอมแดงซอย 1 ถ้วย, กระเทียมซอย 1 ถ้วย, พริกขี้หนูแห้ง 30 เม็ด, พริกชี้ฟ้าแห้ง 10 เม็ด, น้ำตาลปี๊บ 150 กรัม, น้ำปลา 1/3 ถ้วย, น้ำมะขามเปียก 1/2 ถ้วย และน้ำมันพืช 3/4 ถ้วย

วิธีทำ น้ำพริกเผากากถั่วเหลือง

ตั้งกระทะใส่น้ำมัน เจียวหอมแดง และเจียวกระเทียม พักไว้ จากนั้นปั่นพริก 2 ชนิดรวมกัน นำลงผัดในน้ำมันให้หอม ตามด้วยใส่กากถั่วเหลืองอบแห้ง ใส่หอมแดงเจียว กระเทียมเจียว ผัดพอเข้ากัน เสร็จแล้วปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊บ น้ำปลา น้ำมะขามเปียก ผัดต่อจนแห้ง เสร็จแล้วพักไว้ให้เย็น แล้วบรรจุใส่กล่อง
สูตรนี้จะได้น้ำพริก 20 กระปุก กระปุกละ 80 กรัม ขายได้กระปุกละ 15 บาท มีต้นทุนประมาณ 7-8 บาท

ใครสนใจเรื่อง “ผลิตภัณฑ์จากกากถั่วเหลือง” ทั้งคุกกี้ช็อกโกแลต ชิพ, กรอบเค็ม, น้ำพริกเผา ต้องการติดต่อ ปริญญาพร อ่อนคล้าย และ ภูมิสิทธิ์ ประดิษฐ์ธีระ นักศึกษาปริญญาโท คณะคหกรรมศาสตร์ มทร.พระนคร เจ้าของผลงาน ติดต่อได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 08-5482-5570 และ 08-6633-8546.
ที่มา : เดลินิวส์

Read More...


ซาลาเปาคุณหน่อย-ลุยสวนคุณทิพย์ 2 เมนูเจ

เอกลักษณ์สำคัญของซาลาเปาพี่หน่อย อยู่ที่ความนุ่มของแป้ง และความเข้มข้นของไส้ ไม่ว่าจะเป็นไส้เจหรือไม่เจ ซาลาเปาเจทั้ง 3 ไส้ คุณพี่หน่อยใช้แป้งสูตรพิเศษที่คิดค้นขึ้นมาเพื่อเป็นอาหารเจโดยเฉพาะ
ซาลาเปาเจ

วันนี้เจ๊แซบมาแบบทูอินวัน ขอแนะนำ 2 ร้าน เด็ดที่มีเมนูเจเริ่ดๆ ไม่ซ้ำใคร เริ่มที่ความนุ่ม ละมุนลิ้น กินได้ทั้งวัน ซาลาเปาร้านศุภชัย สะพานควาย ขวัญใจเจ๊แซบ แอบผูกปิ่นโตกันมาเนิ่นนาน ดำเนินการผลิตโดย “คุณพี่หน่อย” เสียงหวาน หลังจากที่เจ๊แนะนำความอร่อยให้เหล่าบรรดาแกงก๊วนชวนกันไปโซ้ยมาเนิ่นนาน หลายปีก่อน วันนี้เจ๊ขอหวนมาหาคุณพี่หน่อยอีกครั้ง พร้อมกับ 3 เมนูเด่น เป็นดาวรุ่งพุ่งแรงต้อนรับเทศกาลกินเจ

“ครั้งที่แล้วที่ลงไทยรัฐไป เรายังไม่มี ไส้ผักเห็ดหอม กับ ไส้เผือกใส่แปะก๊วย แต่ว่า 2 อย่างนี้เราก็เริ่มทำมาพร้อมๆกัน ตอนแรกเราก็ทำเฉพาะช่วงเจเท่านั้น แต่คนชอบทานกันมาก เพราะคนสนใจเรื่องสุขภาพกันเยอะขึ้น ไส้ผักของเราก็เลยขายดี กลายเป็นตัวเอกของร้านอีกตัวนึง เวลาปกติเราก็เลยมีไส้ผักขายเหมือนกัน ตอนปกติจะใช้หม้อใช้อุปกรณ์ร่วมกันได้ แต่ถ้าเป็นช่วงเจเราจะแยกออกมาเป็นพิเศษแยกจากตัวอื่นๆ ไม่ทำรวมกันค่ะ สำหรับ ไส้ถั่วดำ นี่มีมานานแล้วค่ะ และคนก็นิยมมาตลอด” คุณพี่หน่อยบรรยายถึงซาลาเปาเจ 3 ไส้ ที่เจ๊แซบภูมิใจนำเสนอ

ซาลาเปาคุณหน่อย

เอกลักษณ์สำคัญของซาลาเปาพี่หน่อย อยู่ที่ความนุ่มของแป้ง และความเข้มข้นของไส้ ไม่ว่าจะเป็นไส้เจหรือไม่เจ คุณพี่หน่อยใส่ไม่ยั้ง ใครที่ชอบทานผักโดยเฉพาะเห็ดหอม ต้องรีบออกจากบ้านมาร้านพี่หน่อย ณ บัดนาว เพราะ ซาลาเปาไส้ผัก ของคุณพี่ให้เห็ดหอมแบบ ถึงอกถึงใจ กัดไปตรงไหนเป็นต้องโดน คุณพี่หน่อยใช้ผัก 3 ชนิด คือ เห็ดหอม แครอท และกะหล่ำปลีหั่นฝอยนำมาล้างทำความสะอาด และแช่น้ำทิ้งไว้จนแน่ใจว่าสะอาดสุดๆ จึงนำ มาผัดกับน้ำมันพืชจนผักสุก ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว และน้ำตาล ทิ้งไว้ให้เย็นได้ที่จึงนำมาห่อ

ขั้นตอนการห่อต้องใช้ความชำนาญเป็นพิเศษ เพราะยากมั่กๆ ถ้าห่อไม่เป็นไส้จะทะลักออกมา กว่าเด็กแต่ละคนจะห่อได้สวยงามตามมาตรฐานต้องใช้เวลาฝึกนานพอตัว อีกหนึ่งไส้ที่ได้ใจขาโซ้ยรุ่นใหญ่ลายครามคือ ซาลาเปาไส้เผือกใส่แปะก๊วย เนื้อเผือกหอมกวนแสนนุ่มละมุน รสชาติละเมียดละไม พี่หน่อยใช้เผือกหอมอย่างดี คัดขนาดกำลังเหมาะ ล้าง ปอกเปลือกจนสะอาดหมดจด จึงนำไปนึ่ง บด และกวน ปรุงรสด้วยน้ำตาลและน้ำมันงา พักไว้ให้เย็น ค่อยนำมาห่อ ระหว่างห่อใส่เม็ดแปะก๊วยเนื้อแน่นที่ผ่านการนึ่งมาอย่างดี เคี้ยวทีโดนเต็มๆ


ซาลาเปาเจทั้ง 3 ไส้ คุณพี่หน่อยใช้แป้งสูตรพิเศษที่คิดค้นขึ้นมาเพื่อเป็นอาหารเจโดยเฉพาะ “พี่หน่อยใช้เวลาคิดค้นกันยากพอสมควรนะคะ พี่บอกสูตรไม่ได้ ลูกค้าบางคนทานก็ไม่รู้ว่ามันแตกต่าง แต่ถ้าพิจารณาดีๆ จะรู้ว่าตอนเจเราจะใช้แป้งคนละตัวกับช่วงปกติ” อยากรู้ว่าแตกต่างอย่างไร ต้องไปลอง

ลุยสวนเจ

ร้านที่สองที่เจ๊แซบแอบเหน็บมาฝากขาโซ้ยชาวเจ คือ ก๋วยเตี๋ยวลุยสวนคุณทิพย์ หลังการบินไทย อีกหนึ่งร้านขวัญใจสาวๆหนุ่มๆ ผู้รักสุขภาพ เทศกาลเจแบบนี้ “คุณพี่ทิพย์” มีเมนู ลุยสวนเจ มาฝากขาหม่ำเป็นประจำทุกปี

ลุยสวนเจนี่ เรามีทุกปีค่ะ คือจะเหมือนมังสวิรัติตรงที่เราใส่เต้าหู้ เห็ดหอม แครอทเหมือนเดิม แต่ ถ้าเป็นเจจะไม่ใส่เครื่องเทศ ตอนผัดก็จะไม่ใส่ กระเทียม ผักชีเลยค่ะ แต่ทานแล้วยังอร่อยเหมือนเดิมนะคะ” คุณพี่ทิพย์แอบโฆษณาแบบเนียนๆ

หัวใจสำคัญของลุยสวนคือ น้ำจิ้มรสแซบ ถึงแม้ในเทศกาลเจ คุณพี่ทิพย์จะลดเครื่องปรุงที่มีกลิ่นฉุน ใส่แค่พริก มะนาว น้ำตาล และเกลือ แต่คุณพี่ยังการันตีว่ารสชาติดีเหมือนเดิมทุกประการ

ลุยสวนคุณทิพย์

นักหม่ำที่ต้องการอาหารเจที่ไม่จำเจ เจ๊แซบแนะนำให้มาสอยก๋วยเตี๋ยวลุยสวนของคุณพี่ทิพย์ไปติดบ้านไว้ ถ้ายังไม่อิ่ม หม่ำซาลาเปาไส้ผักตามอีกสักลูกสองลูก แล้วตบท้ายล้างปากด้วยซาลาเปาไส้เผือกใส่แปะก๊วย และซาลาเปาไส้ถั่วดำ เป็นอันเสร็จสิ้นการกินเจที่แสนเอร็ดอร่อย ทานได้บ่อยเท่าที่ต้องการ

“ศุภชัยซาลาเปาเจ้าอร่อย” ดำเนินงานโดยพี่หน่อยและครอบครัว ร้านอยู่ที่ปากซอยประดิพัทธ์ 8 ร้านเปิดทุกวันวันจันทร์ถึงเสาร์ตั้งแต่ 7 โมงเช้า ถึง 6 โมงเย็น วันอาทิตย์ตั้งแต่ 7 โมงเช้าถึงบ่ายสาม เบอร์โทร. 0-2271-1230 และ 0-2278-3306

คุณพี่หน่อยฝากย้ำว่าระวังจะเข้าผิดร้าน ของแท้ต้องมีคุณพี่หน่อยพร้อมกับคอลัมน์เจ๊แซบแปะอยู่หน้าร้านเท่านั้น!!

“ก๋วยเตี๋ยวลุยสวนพี่ทิพย์” อยู่ในตลาดลุงเพิ่มหลังตึกการบินไทย ร้านเปิดทุกวัน ปิดเฉพาะวันอาทิตย์ ใครอยากลองต้องรออีกหนึ่งวัน จันทร์เมื่อไหร่ได้หม่ำแน่ เปิดตั้งแต่ 7 โมงครึ่งถึงบ่ายสาม เบอร์โทร. 08-6603-4727 และ 08-4005-5420


ร้านพี่ทิพย์ของแท้ต้องมีคุณพี่ทิพย์เดินไปเดินมาเป็นโลโก้ และคอลัมน์เจ๊ แซบโชว์อยู่หน้าร้านเช่นกันค่ะ
ที่มา : ไทยรัฐ

Read More...


เบอร์เกอร์ปลาทูไทย สร้างอาชีพ

เบอร์เกอร์ปลาทูไทย เพิ่มยอดขาย ประชาสัมพันธ์ร้านด้วยการทำเว็บไซต์เปิดหน้าร้านค้าออนไลน์ ได้ลูกค้าหลากหลายทั่วประเทศ ซ้ำต้นทุนการโฆษณาก็ต่ำ ทำให้มีชื่อเสียงโด่งดังในโลกไซเบอร์


เบอร์เกอร์ปลาทูไทย

เบอร์เกอร์ปลาทูไทย สร้างชื่อ

คุณสุทิน เล่าก่อนมาเปิดร้านอาหารว่า พื้นเพเป็นคนจังหวัดสมุทรสงคราม ก่อนหน้านี้เคยเลี้ยงกุ้งกุลาดำ ทว่าขาดทุน ภรรยาแยกตัวไปขายทอดมันและอาหารตามสั่งในตลาดสดแม่กลอง ส่วนตัวเองไปรับเหมาก่อสร้าง แต่แล้วธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไม่ประสบผลสำเร็จ ตรงกันข้าม กิจการของภรรยาดำเนินไปได้ด้วยดี ที่สุดแล้วเลยหันมาเอาดีในธุรกิจอาหาร

ครอบครัวแจ่มศรี เปิดร้านขายอาหารทะเลเรื่อยมา กระทั่งปี 2546 คุณสุทิน กล่าวว่า หอการค้าจังหวัดสมุทรสงคราม ชวนไปร่วมออกร้าน งานเทศกาลกินปลาทูที่ดอนหอยหลอด ซึ่งจะจัดขึ้นปี 2547 โดยมีเงื่อนไขว่า เมนูที่จะไปจำหน่าย ต้องทำจากปลาทูเท่านั้น ช่วงเวลา 1 ปี นำโจทย์กลับมาขบคิด กระทั่งกลายมาเป็นเบอร์เกอร์ปลาทูไทย

จากประสบการณ์ที่เคยไปเดินเที่ยวงาน มีแต่เมนูปลาทูเดิมๆ เช่น ปลาทูผัดฉ่า ปลาทูผัดพริกไทยดำ ฉู่ฉี่ปลาทู ปลาทูแดดเดียว ยำปลาทู ห่อหมกปลาทู ปลาทูซาเตี๊ยะ ปลาทูทอดราดพริก ปลาทูย่างน้ำปลาหวาน ฯลฯ ทางร้านอยากสรรหาความแปลกใหม่ เลยลองไปปรึกษาลูกสาว ได้คำแนะนำมาว่า ต้องทำเมนูที่โกอินเตอร์ นั่นคือ แฮมเบอร์เกอร์ เมื่อผสมผสานปลาทูไทยลงไป กลายเป็นเบอร์เกอร์ปลาทูไทย ด้วยเป็นเมนูที่ยังไม่เคยมีใครทำมาก่อน ฉะนั้น จึงยากพอตัว สองสามีภรรยาเจ้าของร้านอาหารคุณเป๋า จึงใช้วิธีไปตระเวนชิมสารพัดแฮมเบอร์เกอร์ รวมถึงสอบถามกรรมวิธีการทำ จนรู้รสชาติ ส่วนผสม รูปร่างหน้าตาของแฮมเบอร์เกอร์เป็นอย่างดี แต่เนื่องจากคุณสุทินไม่ถนัดทำอาหาร จึงให้ภรรยาที่เชี่ยวชาญทำครัวเป็นผู้ลงมือปรุง เมื่อคิดจะทำเมนูที่ต่างไปจากคนอื่น ต้องทำให้ดี เพราะถ้าลูกค้าชอบ เท่ากับว่าได้สร้างชื่อเสียง และยอดขายให้กับร้านไปในตัว คุณสุทิน ระบุ

เมื่อ เมนูโกอินเตอร์ ถูกใส่ใจปรุงรสชาติมาเป็นอย่างดี ทุกอย่างจึงเป็นไปตามที่เจ้าของร้านคาดหวังคือ ลูกค้าให้การยอมรับ ส่งผลถึงยอดจำหน่ายที่สูงถึง 10,000 ชิ้น เรียกว่า เบอร์เกอร์ปลาทูไทยสามารถแจ้งเกิดได้ในงานดังกล่าว จากนั้นไม่นาน เจ้าของเมนูได้รับเชิญไปออกงานแสดงสินค้า ณ อิมแพค เมืองทองธานี จัดโดยกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม สร้างปรากฏการณ์ 10 วัน ยอดขายหลักแสนบาท ไม่นานเมนูเบอร์เกอร์ปลาทูไทยจึงถูกบรรจุไว้ในร้านอาหาร

ภายหลัง ที่เมนูดังกล่าวออกมาสร้างสีสันให้วงการปลาทู จนชื่อเสียงโด่งดัง เจ้าของไอเดีย บอกว่า อยากเพิ่มยอดขาย และประชาสัมพันธ์ร้าน ด้วยการทำเว็บไซต์ เหตุผลเพราะปัจจุบันการทำธุรกิจ ไม่ว่าจะประเภทใดก็ตาม สิ่งสำคัญต้องมีสื่อประชาสัมพันธ์ สาเหตุที่เลือกสื่ออินเตอร์เน็ต เนื่องจากจำนวนผู้ใช้งานเพิ่มมากขึ้นทุกวัน อีกทั้งไม่จำกัดเฉพาะคนไทย คนทั่วทุกมุมโลกสามารถเข้ามาทำความรู้จักได้ ลำพังใช้วิธีปักป้ายร้าน ตามถนนหนทาง ได้ลูกค้าเฉพาะกลุ่ม แต่การเปิดหน้าร้านบนเว็บไซต์ จะได้ลูกค้าหลากหลาย ซ้ำต้นทุนการโฆษณาก็ต่ำ เพราะทุกวันนี้มีเว็บไซต์สำเร็จรูป ราคาถูก เหมาจ่ายต่อปี

ค้า-ขายออนไลน์ ช่องนี้เห็นผลทันตา

เมื่อ คุณสุทินตัดสินใจเปิดหน้าร้านค้าออนไลน์ เขาใช้วิธีเช่าพื้นที่จากเว็บไซต์สำเร็จรูป เหมาจ่ายรายปี ปีละหลักพันบาท ข้อดีคือ มีเจ้าหน้าที่ช่วยโพสต์ข้อความและรูปภาพให้ แต่หลังๆ เจ้าตัว เผยว่า พอมีความรู้ เกี่ยวกับการทำเว็บไซต์ เลยหันมาลงข้อมูลเกี่ยวกับทางร้านด้วยตัวเอง

สอบถามรายละเอียด สินค้า และจำนวนลูกค้าที่เข้ามาสั่งซื้อแต่ละวัน เจ้าของแฮมเบอร์เกอร์ ตอบว่า เนื่องจากเป็นอาหาร ฉะนั้น ต้องทำสดใหม่ทุกวัน เลยจะทำตามออร์เดอร์เท่านั้น กรณีลูกค้าสั่งเยอะมาก หรืออยากเหมาให้ไปจัดเลี้ยงนอกสถานที่ ทางร้านจะขนวัตถุดิบ และอุปกรณ์ไปเอง สินค้าที่สั่งทางออนไลน์ ขั้นต่ำ 50 ชิ้น มีอายุเก็บได้นาน 2-3 วัน หากอยากเหมาจัดเลี้ยงนอกสถานที่ ขั้นต่ำ 5,000 บาท ทั้ง 2 รูปแบบ จัดเฉพาะกรุงเทพฯ และปริมณฑล หากเป็นจังหวัดไกลๆ ให้โทรศัพท์มาสอบถามกับทางร้านก่อน

ทุกวันนี้ลูกค้าที่เข้ามาสั่ง ซื้อเบอร์เกอร์ปลาทูไทย เจ้าของสูตร ระบุว่า ส่วนใหญ่เป็นพวกคณะทัวร์ เจ้าของรีสอร์ต ทำบุญขึ้นบ้านใหม่ จัดเลี้ยงบริษัท ร้านค้า เป็นต้น สำหรับสินค้าที่สั่ง จะถูกแพ็กและจัดส่งทางรถตู้ ราคาค่าส่งคิดตามระยะทาง สั่ง 50 ชิ้นขึ้นไป จากชิ้นละ 29 บาท เหลือชิ้นละ 25 บาท เวลาไม่นาน เบอร์เกอร์ปลาทูไทย และร้านอาหารคุณเป๋า มีชื่อเสียงโด่งดังในโลกไซเบอร์ เจ้าของกิจการไม่หยุดนิ่ง ขยายเป็นรถจำหน่ายเบอร์เกอร์ปลาทูไทย เคลื่อนที่ไปตามแหล่งท่องเที่ยว ลักษณะคล้ายรถตู้ ตอนนี้มีแล้วยังจังหวัดเพชรบุรี ราชบุรี นครปฐม และกาญจนบุรี

เอ่ยถามถึงเคล็ดลับการปรุง คุณสุทิน ว่าต้องใช้ปลาทูแม่กลองอย่างเดียว จากนั้นมาคลุกเคล้าเครื่องเทศ ใช้ขนมปังยี่ห้อฟาร์มเฮ้าส์ สาเหตุที่ใช้ปลาทูแม่กลอง เพราะเนื้อนุ่ม หนังบาง หางเหลือง ไม่มีกลิ่นคาว รสชาติอร่อย อีกทั้งส่วนตัวหาซื้อง่าย จะมีชาวประมงมาส่งถึงที่ร้าน ราคากิโลกรัมละ 55-60 บาท แต่ละวันรับปลาทูเฉลี่ย 1 ตัน จำนวนปลาทู 100 กิโลกรัม ขูดเอาแต่เนื้อจะได้เพียง 40 กิโลกรัม ปลาทู 1 กิโลกรัม สามารถทำแฮมเบอร์เกอร์ได้ประมาณ 50 ชิ้น ถ้าช่วงฤดูฝน จะเจอปัญหา ปลาทูตัวเล็ก แต่ราคาจะถูก

ด้านกำลังการผลิต คุณสุทินและภรรยา บอกว่า แต่ละเดือนยอดจำหน่ายเบอร์เกอร์ปลาทูไทย ทั้งทางออนไลน์ และหน้าร้าน เฉลี่ย 35,000 กว่าชิ้น พนักงานแบ่งเป็น ฝ่ายขาย คนขับรถ แม่ครัว มีประมาณ 20 คน พื้นที่ร้านอาหาร 1 ไร่เศษ รองรับลูกค้าได้ 400 คน สำหรับอนาคตของกิจการ คุณสุทินและภรรยาอยากจะขยายรูปแบบแฟรนไชส์ แต่ขณะนี้กำลังอยู่ในช่วงเตรียมรายละเอียด

และนี่คือเมนูที่สามารถโกอินเตอร์ได้ด้วยวัตถุดิบของคนไทย ซ้ำทุกกระบวนการผลิต ใช้แรงงานในประเทศ สร้างวงจรเศรษฐกิจไทยเข้มแข็ง หากผู้ใดอยากลิ้มรสอาหารทะเลสด และเบอร์เกอร์ปลาทูไทย สโลแกน “ต้องไปกินให้ได้ในชาตินี้” ติดต่อ คุณสุทิน แจ่มศรี เลขที่ 1/3 หมู่ 4 ตำบลบางจะเกร็ง อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสงคราม โทรศัพท์ (034) 723-703, (081) 941-0376
ที่มา : keajon

Read More...


ข้าวผัดหมูแดงฮ่องกง

หมูแดงที่เกาะฮ่องกง เนื้อนุ่มฉ่ำอร่อยกว่าหมูแดงบ้านเรา ผมจึงเอาหมูแดงฮ่องกงมาทำข้าวผัดแบบไทยๆ เป็น ข้าวผัดหมูแดงฮ่องกง ครับ
ข้าวผัดหมูแดงฮ่องกง

หมูแดงที่เกาะฮ่องกง เนื้อนุ่มฉ่ำอร่อยกว่าหมูแดงบ้านเรา ผมจึงเอาหมูแดงฮ่องกงมาทำข้าวผัดแบบไทยๆ ครับ

เครื่องปรุง ข้าวผัดหมูแดงฮ่องกง

1. หมูแดงฮ่องกง 1 จาน
2. ข้าวสวย 1 จาน
3. พริกไทยป่นตรามือ 1 ช้อนชา
4. น้ำปลาทิพรส 1 ช้อนโต๊ะ
5. ไข่ไก่ 2 ฟอง
6. ต้นหอม 3 ต้น
7. ผงชูรสเจ 1 ช้อนชา
8. น้ำซุปต้มกระดูก 2 ทัพพี
9. ผงกระเทียมตรามือ 1 ช้อนชา

วิธีทำ ข้าวผัดหมูแดงฮ่องกง

1. ตักข้าวสวยใส่จานแล้วผึ่งลมให้เม็ดข้าวแห้งสนิท
2. หั่นหมูแดงเป็นชิ้นเล็กๆ สี่เหลี่ยมลูกเต๋า หั่นต้นหอมให้เป็นชิ้นเล็กๆ
3. ตอกไข่ไก่ลงไปทอดในกระทะ พอไข่เริ่มสุกจึงใส่หมูแดงลงไปผัดด้วย
4. พอได้กลิ่นหมูแดง เหยาะน้ำปลาลงไปหน่อย จึงเทข้าวสวยลงไปผัดกับหมูแดง
5. ผัดไปสักพัก พอเม็ดข้าวเริ่มแข็ง ให้ใส่น้ำซุปลงไปผัดให้เม็ดข้าวนุ่ม
6. ใส่ต้นหอม เหยาะผงชูรสเจ และผงกระเทียมลงไปหน่อย ให้มีกลิ่นหอมจึงผัดไปสักพัก จะได้ข้าวผัดหมูแดงหอมนุ่มน่ากิน

ที่มา : คมชัดลึก

Read More...


ไอศกรีม ดอกไม้ไทย ศรีมาลา

“ศรีมาลา” ไอศกรีมดอกไม้ไทย สร้างเอกลักษณ์ท้องถิ่นอัมพวา ไอศกรีมดอกไม้ เป็นนวัตกรรมจากดอกไม้อัมพวา 5 ชนิด คือ ดาหลา เข็ม กุหลาบมอญ บัว และอัญชัน

ไอศกรีมดอกไม้ ทั้ง 5 ชนิดในแพคเกจจิ้งใหม่ ไอศกรีมดอกไม้ เป็นนวัตกรรมจากดอกไม้อัมพวา 5 ชนิด คือ ดาหลา เข็ม กุหลาบมอญ บัว และอัญชัน ซึ่งเป็นดอกไม้พื้นบ้าน ที่มีพบเห็นได้ทั่วไปในอำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสาคร และผู้ที่ได้มีโอกาสเดินทางไปเที่ยวตลาดน้ำอัมพวา ก็คงจะได้ลองลิ้มชิมรสชาติกันมาแล้ว

ไอศกรีม ดอกไม้ไทย ศรีมาลา

ปัญจรัตน์ วงศ์นภาพรรณ และ นวรัตน์ วงศ์นภาพรรณ สองพี่น้อง ผู้ปลุกปั้นการสร้างแบรนด์ไอศกรีมของไทยด้วยการนำสิ่งที่แปลกใหม่บวกกับ รสชาติ ที่ถูกใจลูกค้าคนไทย และที่สร้างความฮือฮาจนสร้างแบรนด์ onemore ให้เป็นที่รู้จัก อย่าง ไอศกรีมผลไม้ไทยโรยท็อปปิ้งไทย อย่างไอศกรีมมะม่วงน้ำปลาหวาน ไอศกรีมมะยมโรยพริกเกลือ หรือไอศกรีมกล้วยบวชชี และรวมถึง ไอศกรีมดอกไม้ ที่จะกล่าวถึงในวันนี้ ฯลฯ

ปัญจรัตน์ - นวรัตน์ วงศ์นภาพรรณ สองพี่น้องเจ้าของกิจการ ที่มาของไอศกรีมดอกไม้สด มาจากความตั้งใจของสองพี่น้อง ที่ไม่ได้หยุดคิดที่จะพัฒนาสินค้าตัวใหม่ จนได้มาพบกับ “อาจารย์อัจฉรา แก้วน้อย” จากมหาวิทยาลัยราชภัฎบ้านสมเด็จเจ้าพระยา ซึ่งได้คิดค้นการทำสารสกัดเข้มข้นจากดอกไม้ ร่วมกับนักศึกษา สาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการอาหาร โดยได้รับทุนวิจัยตามโครงการ IRPUS ของสกว. ซึ่งทางมหาวิทยาลัย ให้ความสนใจเลือกผลิตภัณฑ์ไอศกรีมของเรา มาพัฒนาเป็นไอศกรีมดอกไม้ไทย “ทางอาจารย์อัจฉรา ได้ให้เราเลือกดอกไม้ชนิดใดชนิดหนึ่ง หรือ จำนวน 3 ชนิด เพื่อนำมาทำไอศกรีม แต่เนื่องจากเราต้องการให้เกิดความหลากหลายแก่ผู้บริโภค เราจึงขอเลือกดอกไม้ทั้ง 5 ชนิด

โดย ผู้จัดการ http://www.manager.co.th/

Read More...


บล็อคโคลี่ อบกรอบ ผักกรอบขนมขบเคี้ยว

บล็อคโคลี่ อบกรอบ ผักกรอบขนมขบเคี้ยว สินค้าอาหารแปรรูปจำพวกขนมขบเคี้ยว เน้นคุณค่าทางโภชนาการให้ผู้บริโภค อย่าง บล็อคโคลี่ อบกรอบ เจ้าแรกในโลก รวมถึงผลไม้อื่นๆ ที่คนไทยและต่างชาติคุ้นเคย


บล็อคโคลี่ อบกรอบ ผักกรอบขนมขบเคี้ยว

นายสุทธิศักดิ์ พิพัฒนติกานันท์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด จากเพื่อนสนิทที่โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน จับมือกับร่วมหุ้นทำธุรกิจส่งออก อาศัยประสบการณ์ด้านการส่งออก จากหนึ่งในหุ้นส่วน ที่ดำเนินธุรกิจด้านนี้มาหลายสิบปี มาต่อยอด พร้อมผลิตสินค้าอาหารแปรรูปจำพวกขนมขบเคี้ยว เน้นคุณค่าทางโภชนาการให้ผู้บริโภค อย่าง บล็อคโคลี่ อบกรอบ เจ้าแรกในโลก รวมถึงผลไม้อื่นๆ ที่คนไทยและต่างชาติคุ้นเคย หวังเปลี่ยนแนวคิดคนไทยหันรับประทานสแนค ที่มีคุณค่า

Greenday ถือเป็นธุรกิจของคนรุ่นใหม่อย่างแท้จริง ที่หุ้นส่วนทั้ง 3 คน คือ นายสุทธิศักดิ์ พิพัฒนติกานันท์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด, นายชัยรัตน์ คงศุภมานนท์ ผู้จัดการทั่วไป และนายณัฐวุฒิ เผ่าปรีชา ผู้จัดการฝ่ายการเงิน บริษัท เอเชีย เวิลด์ เทรดดิ้ง 88 จำกัด ที่ได้นำความรู้และประสบการณ์ด้านธุรกิจส่งออกมาจากนายชัยรัตน์ หนึ่งในหุ้นส่วน ที่ครอบครัวได้ทำการส่งสินค้าของดอง เช่น หน่อไม้ พริก มะม่วง และมะกอก รวมถึงอาหารแช่แข็งมาหลายสิบปี

และหนึ่งในนั้นคือการนำผลไม้ไทยมาแปรรูปด้วยระบบ Vacuum Dry ( วิธีการอบผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ให้แห้ง โดยใช้คลื่นแมคนิตรอน และมีการดูดความชื้น ที่เกิดขึ้น ด้วยระบบสุญญากาศเครื่องอบแห้งไมโครเวฟสุญญากาศ จึงเหมาะสำหรับผลิตภัณฑ์ที่ต้องการการอบที่รวดเร็ว ได้คุณภาพ ที่สูง และสีสันใกล้เคียงของดั้งเดิมมากที่สุด โดยใช้อุณหภูมิภายใต้สุญญากาศไม่เกิน 80 อาศาเซลเซียส ซึ่งจะทำให้ผลิตภัณฑ์ที่อบ ) ที่ถือเป็นความตั้งใจ ของครอบครัวนายชัยรัตน์ที่ผลักดันสินค้าที่เกิดจาก Vacuum Dry ให้เป็นสินค้านำตลาด
โดย ผู้จัดการ http://www.manager.co.th/

Read More...


ข้าวเหนียวมูนธัญพืช สมุนไพรแฟนซี

ขายข้าวเหนียวมูนสมุนไพรแฟนซี และ “ข้าวเหนียวมูนธัญพืช” กับ “เทศกาลกินเจ” ที่ใกล้จะมาถึง “ข้าวเหนียวมูนธัญพืช” ก็เป็นอีกสินค้าที่มีแนวโน้มสดใส.


ขายได้ทั้งปี-ขายดีช่วง กินเจ

ในยุคที่เศรษฐกิจตกสะเก็ด ถ้าใครมัวแต่ย่ำอยู่กับสิ่งเดิม ๆ ก็คงไปไม่รอดแน่ ซึ่งกับการค้าขายนั้นการสร้างจุดขายและไอเดียที่แปลกใหม่เป็นสิ่งจำเป็นมาก และสำหรับตัวอย่าง “ช่องทางทำกิน” รายนี้ ก็มีไอเดียดี ๆ มีสินค้าน่าสนใจ ซึ่งกับ “เทศกาลกินเจ” ที่ใกล้จะมาถึง สินค้าตัวนี้ก็มีโอกาสขายดิบขายดียิ่งขึ้น…

เฉลิมพันธ์ เจษฎาพงศ์ภักดี หรือ เจ๋ง ทายาทร้านแม่เก่ง ขายข้าวเหนียวมูนสมุนไพรแฟนซี และ “ข้าวเหนียวมูนธัญพืช” เจ้าตัวเล่าให้ฟังว่า ธุรกิจนี้เป็นธุรกิจครอบครัว ที่ได้ระดมความคิดและลองผิดลองถูกในการทำข้าวเหนียวมูนร่วมกันมา สุดท้ายก็มาลงตัวกับรสชาติปัจจุบัน เป็นที่ถูกอกถูกใจของผู้ที่ได้ลิ้มลอง

เจ๋งเองก็โตมาพร้อม ๆ กับธุรกิจข้าวเหนียวมูน รู้ขั้นตอนการผลิตและการขายทุกอย่าง และตอนนี้ก็ได้เข้ารับช่วงสานต่อธุรกิจนี้ โดยกำลังศึกษาระดับปริญญาตรีบริหารธุรกิจ เพื่อจะนำความรู้มาพัฒนาธุรกิจต่อไป


“ข้าวเหนียวสมุนไพรแฟนซี เป็นแนวคิดของผม เป็นไอเดียที่นำสีจากสมุนไพรธรรมชาติมาผสมเพื่อสร้างสีสันและความแตกต่าง โดยทำเป็น 9 สี 9 รส สีม่วงจากอัญชัน, สีเหลืองจากขมิ้น, สีเขียวจากใบเตย, สีส้มจากแครอท, สีแดงจากบีทรูท, สีดำจากข้าวเหนียวดำ, สีชมพูจากดอกเฟื่องฟ้า และสีเนื้อจากแก่นฝาง เมื่อทำออกมาขายในตลาด กระแสตอบรับดีมาก ๆ จนระยะหลัง ๆ ก็มีคนลอกเลียนเยอะเหมือนกัน”

เจ๋งเล่าต่อไปว่า ต่อมาได้มีการพัฒนาสินค้า จนเกิดเป็น “ข้าวเหนียวมูนธัญพืช” ซึ่งจากกระแสรักสุขภาพ ก็มีลูกค้าสนใจมาก และในช่วง “เทศกาลกินเจ” เมื่อปีที่แล้ว ก็ขายดิบขายดี จนต้องทำต่อเนื่อง ซึ่งก็จะมีทั้ง ข้าวเหนียวมูนลูกเดือย, ข้าวเหนียวมูนแปะก๊วย, ข้าวเหนียวมูนเม็ดบัว, ข้าวเหนียวมูนถั่วเหลือง, ข้าวเหนียวมูนเผือก, ข้าวเหนียวมูนงาม่อน, ข้าวเหนียวมูนถั่วแดง, ข้าวเหนียวมูนกลอย

สำหรับการทำข้าวเหนียวมูนขาย อุปกรณ์ที่ต้องใช้หลัก ๆ ก็มี… เตาแก๊ส, ลังถึง, ไม้พาย, หม้อสเตนเลส, ถังน้ำ, กะละมังขนาดใหญ่, ถาด, มีด, ทัพพี, กระชอน, กระทะ, ผ้าขาวบาง ฯลฯ

ส่วนวัตถุดิบใช้ทำ

“ข้าวเหนียวมูนธัญพืช” ถ้าใช้ข้าวเหนียวเขี้ยวงู 10 กก. จะใช้มะพร้าวขูดขาว 18 กก., น้ำตาลทรายขาว 6 กก. และลูกเดือย เผือก ถั่วแดง แปะก๊วย เป็นต้น

ขั้นตอนการทำ

“ข้าวเหนียวมูนธัญพืช” เช่น ลูกเดือย แปะก๊วย เผือก และถั่วแดง เริ่มจากนำข้าวเหนียวมาแช่น้ำทิ้งไว้ 3 ชั่วโมง แล้วซาวล้างให้สะอาด นำไปใส่ลังถึงนึ่ง โดยรองด้วยผ้าขาวบาง เกลี่ยข้าวเหนียวให้ทั่ว นึ่งน้ำเดือดไฟแรงประมาณ 45 นาที เพื่อให้เมล็ดข้าวเหนียวอ่อนนุ่ม

ธัญพืชต่าง ๆ ให้แยกนึ่งแต่ละชนิด ลูกเดือย ให้นำไปแช่น้ำทิ้งไว้ 3 ชั่วโมง แล้วซาวล้าง จากนั้นนำไปต้มสัก 10 นาที ตักขึ้นให้สะเด็ดน้ำแล้วนำไปนึ่งพร้อมกับข้าวเหนียว, แปะก๊วย ล้างให้สะอาด นำไปนึ่งพร้อมกับข้าวเหนียว, เผือก ทำการปอกเปลือก แล้วล้างให้สะอาด หั่นเป็นชิ้นเล็ก นำไปนึ่งพร้อมกับข้าวเหนียว ส่วนถั่วแดง นำไปแช่น้ำ 3 ชั่วโมง ล้างให้สะอาด แล้วนำไปต้ม 15 นาที ให้เม็ดนิ่ม แล้วจึงนำไปนึ่งพร้อมข้าวเหนียว
ระหว่างที่รอข้าวเหนียวสุก ทำการคั้นมะพร้าวด้วยน้ำต้มสุกจนได้หัวกะทิสดที่เข้มข้น

นำหัวกะทิสดที่ได้มาแบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกใช้ในการมูนข้าวเหนียว โดยนำน้ำกะทิมาเติมน้ำตาลทราย เกลือ ให้รสชาติออกหวานเค็มพอดี ๆ ใช้ทัพพีคนส่วนผสมให้ละลายเข้ากัน แล้วทำการกรองน้ำกะทิด้วยผ้าขาวบางอีกรอบให้สะอาด นำขึ้นตั้งไฟพอเดือด ยกลงตั้งพักไว้ เมื่อข้าวเหนียวที่นึ่งกับธัญพืชสุก เทใส่กะละมัง นำน้ำกะทิที่เตรียมไว้เทราดลงในข้าวเหนียวธัญพืชที่ยังร้อน ๆ ใช้ไม้พายช่วยมูนให้ข้าวเหนียวกับน้ำกะทิเข้ากันจนทั่ว แล้วปิดฝาทิ้งไว้ประมาณ 20 นาทีเพื่อให้ความร้อนจากข้าวเหนียวดูดซึมน้ำกะทิให้แห้ง
น้ำกะทิอีกส่วน นำมาผสมแป้งข้าวโพด น้ำตาลทราย เกลือนิดหน่อย ชิมรสชาติตามชอบ นำขึ้นตั้งไฟใช้ความร้อนปานกลาง คนไปเรื่อย ๆ ไม่ให้กะทิแตกมัน พอเดือดยกลง ก็จะได้กะทิสำหรับราดข้าวเหนียวเพื่อเพิ่มรสชาติ และก็ต้องทำถั่วเขียวซีกคั่วไว้สำหรับโรยหน้าข้าวเหนียวมูนด้วย ซึ่งจุดเด่นข้าวเหนียวมูนร้านแม่เก่งคือจะมีรสชาติหวานมันกลมกล่อม ข้าวเหนียวไม่แฉะ ตอนรับประทานรสชาติยังคงติดลิ้น

ข้าวเหนียวมูนทุกอย่างของร้านนี้ ขาย กก.ละ 120 บาท โดยมีต้นทุนประมาณ 50% จากราคาขาย
ร้านข้าวเหนียวมูนร้านนี้อยู่ปากซอยหมู่บ้าน ต.รวมโชค 33/496 ซอยโชคชัย 4 (54) ถนนลาดพร้าว กรุงเทพฯ โทร. 08-9881-2349, 08-9889-8891, 0-2538-3331 ใครสนใจซื้อ สนใจจะสั่งไปขายต่อ ก็เชิญได้ตามสะดวก ซึ่งกับ “เทศกาลกินเจ” ที่ใกล้จะมาถึง “ข้าวเหนียวมูนธัญพืช” ก็เป็นอีกสินค้าที่มีแนวโน้มสดใส.
เชาวลี ชุมขำ : รายงาน/จเร รัตนราตรี : ภาพ
http://www.dailynews.co.th

Read More...


ลูกเดือยทอดกรอบสมุนไพร รายได้ดี

ขนมกรุบกรอบทานเล่นจากโรงงานใหญ่ ๆ ที่มีวางขายตามท้องตลาดนั้น บ้างก็มีประโยชน์น้อย บ้างก็มีราคาสูง ซึ่งนี่ก็เป็นช่องว่างทางการตลาดสำหรับรายย่อย เป็น “ช่องทางทำกิน” จากการผลิตขนมกรุบกรอบที่มีประโยชน์-ราคาไม่แพง อย่างการทำ “ลูกเดือยทอดกรอบสมุนไพร” ขายก็น่าสนใจ…


ลูกเดือยทอดกรอบ
ขนมกรุบกรอบทานเล่นจากโรงงานใหญ่ ๆ ที่มีวางขายตามท้องตลาดนั้น บ้างก็มีประโยชน์น้อย บ้างก็มีราคาสูง ซึ่งนี่ก็เป็นช่องว่างทางการตลาดสำหรับรายย่อย เป็น “ช่องทางทำกิน” จากการผลิตขนมกรุบกรอบที่มีประโยชน์-ราคาไม่แพง อย่างการทำ “ลูกเดือยทอดกรอบสมุนไพร” ขายก็น่าสนใจ…

ชมพูนุช เผื่อนพิภพ อาจารย์สาขาวิชาวิทยาศาสตร์การอาหารและโภชนาการ คณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ มทร.พระนคร เปิดเผยว่า จากการทำโครงการเกษตรอินทรีย์ เป็นผลิตภัณฑ์ เมื่อลงพื้นที่ในต่างจังหวัดก็พบพวกธัญพืชต่าง ๆ เป็นที่นิยมมาก แล้วก็เห็น “ลูกเดือย” ซึ่งใคร ๆ ก็คิดว่านำไปต้มได้เพียงอย่างเดียว

แต่เมื่อพิจารณาดูแล้ว เห็นว่าน่าจะทำเป็นอย่างอื่นได้ อาทิ อาหารทานเล่นแบบกรุบกรอบ ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ทั้งเด็ก วัยรุ่น ผู้ใหญ่ โดยลูกเดือยมีสารอาหารที่มีประโยชน์แก่ร่างกายมากมาย

เช่น ใยอาหาร วิตามินเอ วิตามินบี 1 ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม แคล เซียม และยังมีสรรพคุณเป็นยาเย็น ใช้บำบัดอาการหลอดลมอักเสบ ปอดอักเสบ น้ำคั่งในปอด แก้ร้อนใน บำรุงไต บำรุงกระเพาะอาหารและม้าม ขับปัสสาวะ ขับเสมหะ บำรุงสตรีหลังคลอด ช่วยย่อยอาหาร และเจริญอาหาร

ทั้งหมดคือคุณประโยชน์ของเจ้าเม็ดกลม ๆ อ้วน ๆ ที่เรียกว่า “ลูกเดือย”

ส่วน “ลูกเดือยทอดกรอบสมุนไพร” ที่คิดทำขึ้นมา นอกจากลูกเดือยแล้ว ยังมี ใบมะกรูด, พริกไทยดำ เป็นสมุนไพรที่เพิ่มกลิ่นและสีสันให้มีความน่ารับประทานมากขึ้น และมีประโยชน์มากขึ้น

ลูกเดือยทอดกรอบ

ลูกเดือยทอดกรอบสมุนไพร มีวัตถุดิบและวิธีการทำดังนี้คือ…
วัตถุดิบก็มี ลูกเดือย 250 กรัม, ใบมะกรูด 45 กรัม, เมล็ดพริกไทยดำ 20 กรัม, น้ำตาลทรายขาว 30 กรัม, เกลือป่น 5 กรัม และน้ำมันพืช (สำหรับทอด) 0.5 ลิตร

ส่วนวิธีทำ…เริ่มจากนำลูกเดือยแช่น้ำสะอาดนาน 1 คืน แล้วต้มให้สุก เมื่อสุกแล้วตักขึ้นให้สะเด็ดน้ำ นำไป อบในตู้อบที่อุณหภูมิ 60 องศา เซลเซียส นาน 4-6 ชั่วโมง วิธีนี้จะทำให้ลูกเดือยเมื่อทอดแล้วจะพองฟูและมีความกรอบนุ่ม ไม่แข็งกระด้าง (หากไม่มีตู้อบให้ใช้วิธีการตากแดดให้ แห้งแทน)

ขั้นตอนต่อมา ทอดลูกเดือยในน้ำมันที่ร้อนจัด จนพองฟูและมีสีเหลืองทอง นำขึ้นสะเด็ดน้ำมัน โดยแบ่งทอดทีละน้อย เตรียมหั่นใบมะกรูดเป็นฝอยลงทอดให้กรอบดี และทอดเมล็ดพริกไทยดำให้พอสุก

Read More...


เป็ดย่างตุ๋นมะนาวดอง

เป็ดย่างตุ๋นมะนาวดอง ใช้เป็ดย่างสูตรกวางตุ้งของร้าน เจริญเวียงโภชนา ซึ่งหมักด้วยเครื่องเทศพริกไทย เต้าเจี้ยว ซีอิ๊ว ให้ซึมเข้าไปถึงเนื้อเป็ดย่าง อร่อยเท่ากับห่านย่างที่เกาะฮ่องกง

เคยกินแต่เป็ดตุ๋นมะนาวดองจนเบื่อ วันนี้ผมขอสอนวิธีทำ เป็ดย่างตุ๋นมะนาวดอง สูตรโบราณที่ชาวกวางตุ้งทำกินมาก่อน ผมจึงใช้เป็ดย่างสูตรกวางตุ้งของร้าน เจริญเวียงโภชนา ซึ่งหมักด้วยเครื่องเทศพริกไทย เต้าเจี้ยว ซีอิ๊ว ให้ซึมเข้าไปถึงเนื้อเป็ดย่าง อร่อยเท่ากับห่านย่างที่เกาะฮ่องกง หนังเป็ดย่างเกรียม ๆ รีดไขมันออกเกือบหมด แล้วผมเอามาตุ๋นกับมะนาวดอง น้ำซุปไม่มันเลี่ยน หอมกลิ่นเป็ดย่างอร่อยสุดยอดครับ

เป็ดย่างตุ๋นมะนาวดอง

เครื่องปรุง เป็ดย่างตุ๋นมะนาวดอง

  • 1.เป็ดย่างหนังกรอบ 2 ตัว
  • 2.พริกไทยดำเกล็ดตรามือ 1 ช้อนโต๊ะ
  • 3.รากผักชี 5 ราก
  • 4.กระเทียม 3 หัว
  • 5.ซีอิ๊วขาวเห็ดหอม 1 ทัพพี
  • 6.ฟักแก่ 1 ลูก
  • 7.น้ำเป็ดย่าง 2 ทัพพี
  • 8.มะนาวดอง 4 ลูก
  • 9.บ๊วยดอง 3 ลูก

วิธีทำ เป็ดย่างตุ๋นมะนาวดอง

  • 1.แขวนเป็ดย่างให้สะเด็ดน้ำมันที่อยู่ในตัวเป็ดจนแห้งสนิท จึงสับเป็ดเป็นชิ้น
  • 2.ใส่พริกไทยดำเกล็ด รากผักชี กระเทียม ซีอิ๊วขาว ลงก้นหม้อ แล้วปอกเปลือกฟักแก่หั่นเป็นชิ้นหนา ๆ วางเรียงบนเครื่องเทศ แล้วนำเป็ดย่างสับวางซ้อน
  • 3.ใส่น้ำเป็ดย่าง แล้วเติมน้ำสะอาดให้ท่วมเนื้อเป็ดย่าง ปิดฝาหม้อต้มด้วยไฟร้อนปานกลางนาน 1 ชั่วโมง
  • 4.ลอกเปลือกมะนาวดองและเนื้อบ๊วยดองใส่เครื่องบดปั่นจนละเอียด ส่วนเม็ดและเนื้อมะนาวดองทิ้งให้หมด
  • 5.ตุ๋นเป็ดย่างจนเนื้อนุ่มดีแล้ว เปิดฝาหม้อใส่น้ำมะนาวดองลงไป ใช้ทัพพีคนให้ทั่ว จึงปิดฝาหม้อต้มอีก 10 นาที
  • 6.ตักเป็ดย่างตุ๋นมะนาวดองกับฟักใส่โถ กินกับข้าวสวย ซดน้ำมะนาวดองร้อน ๆ จะช่วยให้ร่างกายอบอุ่นขึ้น เนื้อเป็ดย่างตุ๋นนุ่มหอมกรุ่น
เป็ดย่างตุ๋นมะนาวดองสูตรนี้ผมมอบให้ร้านเจริญเวียงโภชนา ทำไว้กินคู่กับ เป็ดย่าง หมูแดง หมูกรอบ ตีนเป็ดยัดไส้ ขาหมูยัดไส้ อร่อยจนลืมไม่ลงครับ โทร. 0-2235-1088, 08-6771-7135.
ขุนขยับ แม่มะลิ
อีเมล chaisang_k@yahoo.co.th
เดลินิวส์ออนไลน์ www.dailynews.co.th

Read More...


ข้าวต้มน้ำนมถั่วเหลือง BUG & BEE

ร้านอาหารแนวฟิวชั่น บั๊ก แอนด์ บี เมนูใหม่ ข้าวต้มน้ำนมถั่วเหลือง สรรค์สร้างความอร่อยใหม่กับเมนูที่มาพร้อมกับความรู้สึกดีๆ ไม่รู้จบ


บั๊ก แอนด์ บี เมนูใหม่ ข้าวต้มน้ำนมถั่วเหลือง
บั๊ก แอนด์ บี เมนูใหม่ ข้าวต้มน้ำนมถั่วเหลือง

ข้าวต้มน้ำนมถั่วเหลืองผสมมิโซะและปลาดอรี่ 120 บาท

บั๊ก แอนด์ บี ร้านอาหารแนวฟิวชั่น ให้บริการอาหาร และเครื่องดื่มแนวใหม่ ที่เน้นความสร้างสรรค์ของเมนูควบคู่ไปกับความอร่อย ในบรรยากาศผ่อนคลาย สบายๆ เป็นกันเอง เปิดตัว ข้าวต้มน้ำนมถั่วเหลือง เมนูรสชาติใหม่สุดสร้างสรรค์ภายใต้แนวคิด Comfort Food: ความรู้สึกดีๆที่กินได้ ที่ไม่ได้มีดีแค่ความอร่อยเท่านั้น แต่ยังทำให้ทุกวันของคุณมีแต่เรื่องดีๆ เกิดขึ้นมากมาย

อิ่มอกอิ่มใจไปกับข้าวต้มแนวใหม่รสชาตินุ่มละไมอย่าง ข้าวต้มนมถั่วเหลือง ผสมมิโซะปลาดอรี่ ด้วยส่วนผสมที่ลงตัวของข้าวกล้องหอมมะลิ มากคุณค่า เสิร์ฟในน้ำซุปนมถั่วเหลืองผสมมิโซะสูตรเฉพาะเข้มข้น ที่มาพร้อมกับปลาดอรี่เนื้อนุ่ม สด แสนอร่อย หนึ่งในเมนูอารมณ์ดีที่อุดมไปด้วยคุณประโยชน์อย่างครบครัน
นอกจากนี้ยังมีอีกหลายเมนูใหม่ ที่พร้อมจะทำให้คุณหรือใครๆมีสุขภาพใจผ่อนคลาย สุขภาพกายมีพลัง และยังมีความสุขไปทั้งวันอีกด้วย

บั๊ก แอนด์ บี เมนูใหม่ ข้าวต้มน้ำนมถั่วเหลือง
บั๊ก แอนด์ บี เมนูใหม่ ข้าวต้มน้ำนมถั่วเหลือง

ข้าวต้มน้ำนมถั่วเหลืองผสมมิโซะและกุ้ง 120 บาท

เกี่ยวกับ BUG & BEE
บั๊ก แอนด์ บี สีลม ตั้งอยู่เพียงย่างก้าวเดียวจากทางขึ้นบันไดเลื่อนสู่ สถานีรถไฟฟ้าศาลาแดง ฝั่งตรงกันข้ามกับ สีลมคอมเพล็กซ์ เปิดให้บริการทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง เป็นร้านอาหารแนวฟิวชั่น ให้บริการอาหารและเครื่องดื่มแนวใหม่ที่สร้างสรรค์และเอร็ดอร่อย พร้อมกับบรรยากาศผ่อนคลาย สบายๆ เป็นกันเอง


บั๊ก แอนด์ บี สาขาเอ็มบีเค เซ็นเตอร์ (มาบุญครอง) เปิดให้บริการอยู่ที่ชั้น 3 ใกล้ทางเชื่อมรถไฟฟ้าบีทีเอส คงความเป็นเอกลักษณ์ โดยเฉพาะบรรยากาศที่ผ่อนคลายและสะดวกสบายไว้เป็นอย่างดี ควบคู่กับ เครื่องดื่มสุดสดชื่น และอาหารฟิวชั่นสุดสร้างสรรค์สำหรับนักช็อป ทั้งไทยและเทศ

บั๊ก แอนด์ บี ยังเป็นผู้ให้บริการ ลา กลาส คอร์เนอร์ ตั้งอยู่ที่ฟู้ดคอร์ด สยามพารากอน ชั้นจี และดิ เอ็มโพเรี่ยม ชั้น 5

บั๊ก แอนด์ บี เป็นร้านอาหารที่เต็มไปด้วยบรรยากาศของความสดใส และผ่อนคลาย เหมาะสำหรับการนัดพบปะสังสรรค์ อิ่มเอมกับอาหารและเครื่องดื่มแสนสดชื่นในสไตล์ฟิวชั่น เพลิดเพลินกับนิตยสารชั้นนำจากทั่วโลก หรือมาใช้เวลาผ่อนคลายจากความเร่งรีบของชีวิตในเมือง
ที่มา : http://lifestyle.th.msn.com/prnews/article.aspx?cp-documentid=3072243

Read More...


หมูสะเต๊ะ-หมูปิ้ง Dr.Song’s แฟรนไชส์

“ด็อกเตอร์ซองส์” Dr.Song’s เสริมสวย เมนูสะเต๊ะ-หมูปิ้ง ชูมาตรฐานโลก มาตรฐานระดับสากล ปูพรมแฟรนไชส์


หมูสะเต๊ะ

เมนูหมูสะเต๊ะและหมูปิ้ง ซึ่งคุ้นปากคนไทยเป็นอย่างดี ถูกหยิบมาแต่งตัวใหม่ในรูปแบบแฟรนไชส์ “ด็อกเตอร์ซองส์” (Dr.Song’s) โชว์จุดเด่นสะอาด และปลอดภัยผลิตในมาตรฐานระดับสากล ขณะที่วางระบบคุ้มคุณภาพตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง ตั้งเป้ากระจาย 5,000 สาขาใน 2 ปี พร้อมอัดงบ 30 ลบ. แจ้งเกิดแบรนด์
ยอดศักดิ์ อภิชาตวรศิลป์ เจ้าของธุรกิจ

ยอดศักดิ์ อภิชาตวรศิลป์ ประธานกรรมการบริหารบริษัท ฟูดเบลสซิ่ง (1988) จำกัด เผยว่า บริษัทดำเนินธุรกิจด้านอาหารแปรรูป และซอสปรุงรส มากว่า 20 ปี มีผลิตภัณฑ์มากกว่า 50 ชนิด โดยเป็นทั้งผู้ผลิตให้แบรนด์ยักษ์ใหญ่ (OEM) และขายภายใต้แบรนด์ตัวเอง รวมถึง ส่งออกต่างประเทศ มียอดขายประมาณ 2,000 ล้านบาทต่อปี

ทั้งนี้ มองโอกาสขยายธุรกิจ เนื่องจากปัจจุบันมนุษย์เงินเดือนจำนวนมาก อยากมีอาชีพสองไว้เป็นรายได้เสริม หรืออยากมีธุรกิจของตัวเอง รวมถึง คนอีกจำนวนมากอยากลงทุนทำธุรกิจแทนที่เอาเงินไปฝากธนาคารซึ่งดอกเบี้ยต่ำมาก เมื่อจับความต้องการดังกล่าว ประกอบกับเห็นว่าบริษัทมีความพร้อมทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นวัตถุดิบ โรงงานผลิต เทคโนโลยี และบุคลากร จึงคิดขยายธุรกิจแฟรนไชส์หมูสะเต๊ะ และหมูปิ้ง ในชื่อ DR.Song’s

ชุดหมูสะเต๊ะ 65 บ. มีให้เลือก 2 รส คือ ดั้งเดิม และกาแฟ

“ผมมองว่า เมนูหมูสะเต๊ะ และหมูปิ้ง เป็นเมนูที่คนทั่วไปคุ้นเคยอยู่แล้ว เป็นได้ทั้งอาหารหลักและกินเล่น ซื้อง่ายขายคล่อง นอกจากนั้น ในท้องตลาดมีคู่แข่งไม่มากนัก และยิ่งเจาะจงที่เป็นสินค้าเกรดบนผลิตสะอาดได้มาตรฐาน แทบจะไม่มีคู่แข่งโดยตรงเลย” ยอดศักดิ์ ให้เหตุผลที่เลือกเมนูดังกล่าวมาทำแฟรนไชส์
ชุดหมูปิ้ง 70 บ. ประกอบด้วยหมู 10 ไม้ และข้าวเหนียว 1 ห่อ

คุ้มดูแลคุณภาพต้นทางถึงปลายทาง

อย่าง ไรก็ตาม แฟรนไชส์รูปแบบรถเข็นลงทุนไม่สูงนัก แทบทุกรายในประเทศไทย ล้วนเจอปัญหาคล้ายกันคือ ไม่สามารถดูแลคุณภาพให้เท่าเทียมกันได้ทั้งหมด

ประเด็นดังกล่าว ยอดศักดิ์ระบุว่ารับรู้อย่างดี และเตรียมแผนรองรับไว้แล้ว โดยแฟรนไชส์ Dr.Song’s จะใช้ระบบดูแลตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง กล่าวคือ

1.เข้มงวดคัดกรองผู้จะมาเป็นเครือข่ายธุรกิจ ต้อง มีความพร้อมในหลายๆ ด้าน เช่น วุฒิภาวะ การศึกษา และทุน อีกทั้ง ส่งเสริมให้เป็นผู้บริหารร้านว่าจ้างพนักงานขายแทนที่จะลงไปขายด้วยตัวเอง ซึ่งวิธีนี้จะช่วยกรอกผู้ลงทุนได้ระดับหนึ่ง
ปลายไม้ติดโลโก้ ป้องกันปลอมสินค้า
2.วัตถุดิบเกือบทั้งหมดต้องรับจากส่วนกลางเท่านั้น (ยกเว้นแตงกวา พริก และหอมแดง กับเนยใช้ทาระหว่างย่าง) ไม่ว่าจะเป็นหมูเสียบไม้ น้ำจิ้ม อาจาด ข้าวเหนียว ถุงหิ้ว และถ่านไม้ ซึ่งกฎดังกล่าวถือเป็นหัวใจของธุรกิจ เพราะวัตถุดิบทั้งหมดได้มาตรฐานส่งออก ผลิตในโรงงาน GMP , HACCP ฯลฯ โดยมีเครื่องหมายการค้าของบริษัทกำกับ ทำให้คุมคุณภาพสินค้าได้ง่าย ผู้ขายเพียงแค่แกะซอง แล้วอุ่นร้อนสามารถขายได้ทันที เช่น เนื้อ หมูคัดเฉพาะเนื้อสันนอกกับสะโพกในส่วนที่ไม่มีมัน โดยเป็นหมูที่เลี้ยงในฟาร์มปิด นำมาหมักสำเร็จรูปด้วยซอสแล้วเสียบไม้ที่ฆ่าเชื้อ ซึ่งปลายไม้มีโลโก้ Dr.Song’s ติดไว้ป้องกันสินค้าเลียนแบบ แล้วบรรจุในซองของบริษัทอีกชั้นหนึ่ง สามารถเก็บในอุณหภูมิปกติได้ 6 เดือนถึง 1 ปี ผู้ขายจึงไม่ต้องกังวลการเน่าเสียหากขายไม่หมด
เคาน์เตอร์แฟรนไชส์ Dr.Song’s
และ 3.ทางบริษัทมีสัญญาครอบคลุมชัดเจน อีกทั้งข้อมูลทุกๆ อย่างจะถูกเก็บบันทึกให้ระบบคอมพิวเตอร์ นอกจากนั้น จะส่งทีมตรวจสอบคุณภาพสม่ำเสมอ และหากมีสาขาใด จงใจผิดสัญญาจะยืดเคาน์เตอร์คืนทันที และในรายที่ผิดสัญญาอย่างร้ายแรงจะดำเนินคดีฟ้องร้องตามกฎหมาย

แจงกติกาลงทุนธุรกิจ

เจ้าของธุรกิจ อธิบายถึงหลักเกณฑ์ในการลงทุน หากต้องการเฉพาะเมนูหมูสะเต๊ะ ลงทุน 25,000 บาท ได้รับเคาน์เตอร์ พร้อมอุปกรณ์เสริมพร้อมขาย เช่น ตู้แช่ เตาปิ้งที่ให้เลือกระหว่างเตาไฟฟ้า หรือเตาถ่าน (ตามความเหมาะสมของสถานที่ขาย) หากต้องการเสริมเมนูหมูปิ้งข้าวเหนียว เพิ่มเงินลงทุนอีก 10,000 บาทเป็น 35,000 บาท

ทั้งนี้ บริษัทจะส่งวัตถุดิบให้ สำหรับเมนูหมูสะเต๊ะ ชุดละ 45 บาท ประกอบด้วยหมู 10 ไม้ น้ำจิ้ม และอาจาด ส่วนหมูปิ้ง ชุดละ 50 บาท ประกอบด้วยหมู 10 ไม้และข้าวเหนียว กำหนดให้ขายปลีกที่ชุดละ 65 บาท และ70 บาทตามลำดับ ซึ่งราคานี้ ผู้ลงทุนจะมีกำไรประมาณ 1.78 บาทต่อไม้ ควรขายได้วันละไม่ต่ำกว่า 50 ชุด (500 ไม้) จะมีรายรับ 890 บาทต่อวัน หรือเดือนละ 26,700 บาท หลังหักค่าพนักงานและค่าเช่าสถานที่แล้ว จะเหลือกำไรสุทธิประมาณ 15,000-18,000 บาท สามารถคืนเงินลงทุนได้ภายใน 1-2 เดือน

ย่างด้วยเตาไฟฟ้า ไม่เกิดควันมาก สามารถขายในห้องแอร์ได้

ตั้งเป้ากระจาย 5,000 สาขา

ยอดศักดิ์ กล่าวต่อว่า สำหรับราคาปลีกที่เฉลี่ยแล้วอยู่ที่ไม้ละ 6.5-7 บาทนั้น จากการสำรวจตลาด ลูกค้าเป้าหมายยอมรับราคานี้ได้ อย่างไรก็ตาม เพื่อให้ผู้ลงทุนมั่นใจในความสำเร็จ เบื้องต้นบริษัทจะเริ่มวางสาขาของตัวเองก่อนไว้เป็นร้านต้นแบบ จำนวน 20 จุด ในทำเลเป้าหมาย ได้แก่ ในศูนย์อาหารตามห้างสรรพสินค้า โรงเรียนเอกชน มหาวิทยาลัย ปั๊มน้ำมัน และย่านท่องเที่ยว กำหนดเปิดร้านพร้อมกันในวันที่ 1 สิงหาคม 2552

ทั้งนี้ วางเป้าว่า จะขยายสาขาทั้งหมด 5,000 จุดทั่วประเทศ ภายในเวลา 2 ปี ซึ่งจากที่บริษัทได้ทดสอบตลาดโดยออกงานแสดงสินค้า มีผู้สนใจยื่นความจำนงแล้วกว่า 500 จุด ซึ่งจะทยอยเปิดตามๆ กันไป และเพื่อให้ผู้ลงทุนทุกรายประสบความสำเร็จ บริษัทจะทำประชาสัมพันธ์ต่อเนื่อง ทั้งทางหนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ และวิทยุ ให้ผู้บริโภคได้รู้จักสินค้าและคุ้นเคยกับแบรนด์ สำรองงบส่วนนี้ไว้ที่ 30 ล้านบาทในระยะเวลา 2 ปี
ข้าวเหนียวบรรจุสำเร็จรูป เพียงอุ่นร้อนเปิดกินได้ทันที

แฟรนไชส์ Dr.Song’s

ลงทุน
  • เฉพาะเมนูหมูสะเต๊ะ ลงทุน 25,000 บาท หากเพิ่มเมนูหมูปิ้ง เป็น 35,000 บาท
  • รับวัตถุดิบกึ่งสำเร็จแทบทั้งหมดจากส่วนกลาง ราคาส่งหมูสะเต๊ะชุดละ 45 บาท หมูปิ้งชุดละ 50 บาท
  • ราคาขายปลีก หมูสะเต๊ะชุดละ 65 บาท หมูปิ้งชุดละ 70 บาท กำไรสุทธิเฉลี่ย 1.78 บาทต่อไม้
ข้อดี
  • บริษัทแม่มีพื้นฐานพร้อม ทั้งด้านการผลิต และการตลาด
  • มีระบบช่วยเหลือผู้ลงทุน เช่น จัดอบรมพนักงานขาย ทีมที่ปรึกษาพิจารณาทำเล สำรองงบ ประชาสัมพันธ์ 30 ล้านบาทในระยะเวลา 2 ปี เป็นต้น
ข้อควรระวัง
  • ยังไม่มีร้านต้นแบบ ทำให้ประเมินปัจจัยเสี่ยง หรืออัตราล้มเหลวได้ยาก
  • ในอนาคตอาจเกิดโรคระบาดใหม่ที่มาจากสัตว์ กระทบความเชื่อมั่นผู้บริโภค
ติดต่อ โทร.0-2711-3588 ,0-2391-2505 หรือ www.foodblessing.com/satae.html
โดย ASTV ผู้จัดการออนไลน์
http://www.manager.co.th/SMEs/ViewNews.aspx?NewsID=9520000085689

Read More...


ก๋วยเตี๋ยวหมูตุ๋น โกยรายได้

เปิดตำนาน “ก๋วยเตี๋ยวหมู ตุ๋นยาจีน” สูตรผสมที่ลงตัว ระหว่างสมุนไพรจีน และสมุนไพรไทย ต่อยอดการฝึกอบรมแห่งต้นกล้าอาชีพ ม.เกษตร

คนตกงานหัวใจแกร่ง ปรุง ก๋วยเตี๋ยวหมูตุ๋น โกยรายได้

ก๋วยเตี๋ยวหมูตุ๋น

เปิดตำนาน “ก๋วยเตี๋ยวหมู ตุ๋นยาจีน” สูตรผสมที่ลงตัวระหว่างสมุนไพรจีน และสมุนไพรไทย ต่อยอดการฝึกอบรมแห่งต้นกล้าอาชีพ ม.เกษตร อีกหนึ่งต้นกล้าที่เตรียมเติบโตเด่นเป็นสง่าบนบ้านเกิดชลบุรี เผยเงินทุนเริ่มต้น 45,000 บาท คาดคืนทุนภายใน 6 - 8 เดือน

ทันที ที่เศรษฐกิจฟาดงวงฟาดงาอย่างหนักปลายปีก่อน “ณัฐ อยู่อุดมสุข” เป็นอีกผู้หนึ่งที่ได้รับผลกระทบเข้าอย่างจังด้วยวัยเพียง 28 ปีกว่าๆ ที่ต้องถูกเลิกจ้างจากการเป็นพนักงานของโรงงานผลิตรถยนต์แห่งหนึ่ง ในตำแหน่งผู้ควบคุมเครื่องจักร ประกอบรถยนต์ สาขาแหลมฉบัง จ.ชลบุรี หลังจากที่สัญญาที่ว่าจ้างครบ 10 เดือนสิ้นสุดลง

แต่เขามิได้กระทำให้ชีวิตต้องสิ้นสุดไปกับสถานการณ์อันเลวร้ายนั้น ตรงกันข้ามกลับเดินหน้าต่อสู้อย่างไม่ลดละ ทั้งหางานทำ โดยเคยเป็นทั้งลูกจ้างรายวัน ทำหน้าที่เชื่อมถังรถบรรทุกก็แล้ว แม้กระทั่งไปฝึกเรียนซ่อมรถจักรยานยนต์ ของกรมพัฒนาฝึมือแรงงานที่เปิดสอนฟรี ทุกวันอาทิตย์

ก๋วยเตี๋ยวหมูตุ๋น
น้ำซุปอุดมไปด้วยเครื่องเทศของไทยและจีนเข้มข้น

แต่ โชคชะตาได้พลิกชีวิตณัฐอีกครั้ง เมื่อได้ชมรายการทีวีเกี่ยวกับการเปิดอบรมอาชีพ ที่เปิดสอนหลักสูตรการทำขนม “วาฟเฟิล” ซึ่งทำจากข้าวกล้อง หลักสูตรของภาควิชาอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ก็สนใจพร้อมกับค้นคว้าหาข้อมูล

“เมื่อ ผมเห็นข่าวก็เข้าไปดูเว็บซ์เกี่ยวกับภาควิชานั้นๆ ทันที ก็ไปพบคอร์สทำกาแฟ สอนโดย ดร.สุรชัย จิวเจริญสกุล หรืออาจารย์ คิมที่พวกเราเรียกันจนติดปาก ในหมู่ผู้เรียนของโครงการต้นกล้าอาชีพ ที่ผมก็ได้เป็นส่วนหนึ่งด้วยเช่นกัน โดยที่อาจารย์สอนทำกาแฟ และผมก็สนใจอยู่แล้ว เพราะก่อนหน้านี้สมัยที่เรียนอยู่ปวส.แถวท่าพระ ผมก็ทำงานร้านกาแฟ พอจะรู้บ้างแต่ยังไม่ครบทุกกระบวนการของการเป็นผู้ประกอบการ และขณะนั้นก็คิดอยากเปิดร้านกาแฟอย่างจริงจังด้วยเช่นกัน” ณัฐเผยให้ฟัง

แต่ในช่วงที่เรียนทำกาแฟ ก็มีการประกาศเปิดรับสมัครผู้ว่างงาน เข้าอบรมฟรีในโครงการต้นกล้าอาชีพ อาจารย์คิมก็ชวนให้สมัคร ซึ่งแต่เดิมณัฐเลือกสาขาที่เกี่ยวกับที่ร่ำเรียนอันดับต้นๆ แต่เหมือนฟ้าประทานทำให้ได้รับคัดเลือกให้ได้เรียนหลักสูตร “การประกอบอาหารและเครื่องดื่ม” ของอาจารย์อีกครั้ง ซึ่งก็ได้ความรู้และเทคนิคการประกอบอาหารมามากมาย และเป็นอีกแขนงอาชีพหนึ่งที่คิดแล้วจะเลี้ยงปากเลี้ยงท้องตนเองได้

ก๋วยเตี๋ยวหมูตุ๋น
ลวกเส้นพร้อมเสิร์ฟลูกค้า

เพียงแค่คำชักชวนของครูผู้สอนครั้งนี้ กลายเป็นจุดเริ่มต้นของณัฐในวันนี้ วันที่กำลังจะกลายเป็นอีกหนึ่งต้นกล้าตัวอย่างที่น่าจับตามอง เมื่อเขาตัดสินใจใช้เงินเก็บส่วนตัวจำนวน 45,000 บาท เป็นทุนก้อนแรกเปิด“ร้านก๋วยเตี๋ยวหมูตุ๋นยาจีน” ตามคำแนะนำของอาจารย์ และตั้งขายหน้าบ้านเกิดของเขาเอง ซึ่งติดอยู่กับถนนใหญ่ คือ ถนนโรงหาดมอญ ทางที่จะเชื่อมไปสู่ชายหาดมอญ และมุ่งตรงสู่มหาวิทยาลัยบูรพา
เงินที่ลงทุนจำนวนดังกล่าวนี้ เป็นการลงทุนไปกับการจัดซื้อจัดหาอุปกรณ์เครื่องครัว เตาแก๊ส หม้อต้มก๋วยเตี๋ยวหลายขนาด ภาชนะที่ใส่เครื่องปรุงก๋วยเตี๋ยว เครื่องปรุงรส วัตถุดิบของแห่ง ของสด ชามก๋วยเตี๋ยว ถ้วยขนม และแก้วน้ำ อย่างละประมาณ 3 - 4 โหล และโต๊ะพับ ประมาณ 3-4 ตัว เก้าอี้ประมาณ 25 ตัว

“จุดเด่นของทางร้านอยู่ที่ สูตรก๋วยเตี๋ยวหมูตุ๋นยาจีน ที่เป็นการผสมผสานเครื่องยาจีนกับสมุนไพรไทย เพื่อให้น้ำซุปกลมกล่อม ในขณะที่หมูหมักก็เน้นไปที่เครื่องเทศเข้มข้น ทำให้เมื่อรับประทานรสชาติจะเข้ากันได้ดีกับน้ำซุป ซึ่งในน้ำซุปประกอบไปด้วย เก๋สกี้ ปวยซัว ชงเจีย โป๊กกั๊ก อบเชย ตังกุย ข่า น้ำมันหอย น้ำปลา น้ำตาล และพริกไทย โดยทุกอย่างล้วนจะให้ประโยชน์ต่อสุขภาพ โดยปราศจากผงชูรสอีกด้วย


ก๋วยเตี๋ยวหมูตุ๋น
ลูกค้ารอชิมก๋วยเตี๋ยวหมูตุ๋นยาจีนรสเด็ด

“ผม เริ่มต้นธุรกิจนี้ในระดับกลางๆ ก่อน โดยขายในราคาชามละ 25 บาท ส่วนเครื่องดื่มก็จะมี ชา กาแฟ ทำเป็นขวดขนาด 300 มิลลิกรัม ขวดละ 20 บาท น้ำชาเขียวแบบญี่ปุ่น ขวดละ 10 บาท และมีน้ำพันช์สีมรกต ซึ่งชงเป็นแก้ว แก้วละ 15 บาท เปิดขายตั้งแต่เวลา 11.00 น. โดยคาดว่าจะสามารถคืนทุนได้ภายใน 6 – 8 เดือน”
***สนใจติดต่อได้ที่ 081-827-2221***

Read More...


เลี้ยงผึ้งจิ๋ว ต้นทุนต่ำ สร้างรายได้

เพาะเลี้ยงผึ้งจิ๋ว ต้นทุนต่ำ สร้างรายได้ดี และกำลังได้รับความนิยมในต่างประเทศ


เลี้ยงผึ้งจิ๋ว

“ผึ้งจิ๋ว” เป็นผึ้งพื้นเมืองของไทย ไม่มีเหล็กใน สามารถเพาะเลี้ยงในเชิงเศรษฐกิจได้ ซึ่ง “น้ำผึ้ง” ของผึ้งจิ๋วกำลังได้รับความนิยมในต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดญี่ปุ่น เนื่องจากน้ำผึ้งมีคุณภาพดี มีคุณค่าทางอาหารและมีสรรพคุณทางยาสูง และวันนี้ทีม “ช่องทางทำกิน” ก็มีข้อมูลมาให้พิจารณา…

วิสิทธิ์ ธนูอาจ เกษตรกรสวนผลไม้ ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนภูมิปัญญาท้องถิ่นคนจันทบุรี ต.วังแซม อ.มะขาม จ.จันทบุรี วัย 47 ปี เป็นผู้หนึ่งที่เพาะเลี้ยงผึ้งจิ๋ว โดยเขาเล่าว่า ก่อนหน้านี้ทำการเกษตรอย่างหลงทางไปมาก เพราะมุ่งแต่พึ่งยาฆ่าแมลง จนมีหนี้ท่วมตัว ต้องเลิกอาชีพเกษตรกรหันไปรับจ้างเป็นพนักงานขับรถ

แต่แล้วก็เคราะห์ซ้ำ เมื่อเกิดตาบอดไปข้างหนึ่งเพราะตัดหญ้าแล้วเศษไม้ กระเด็นเข้าตา จนต้องเลิกอาชีพขับรถ ไปเป็นลูกจ้างรายวัน ซึ่งรายได้ก็ไม่เพียงพอเลี้ยงครอบครัวที่มีลูก 2 คน

จนวันหนึ่งวันฟ้าใสก็บังเกิด เมื่อได้เข้าร่วมโครงการต้นกล้าอาชีพ รุ่นที่ 1 ได้พบกับ รศ.ดร.สำนึก บุญเกิด อาจารย์ประจำสาขาเทคโนโลยีการเกษตร มหาวิทยาลัยรามคำแหง ซึ่งได้สอนวิชาเลี้ยง “ผึ้งจิ๋ว” ผลิต “น้ำผึ้งอินทรีย์” ที่เรียกว่า “ชันโรง” ให้

ทำให้รู้ถึงวิธีการเลี้ยงที่ถูกต้องทุกกระบวนการ และสามารถนำมาต่อยอดให้ความรู้กับภรรยาและลูก ๆ จนยึดเป็นอุตสาหกรรมครัวเรือน จนทำให้สามารถขายพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ รวมถึงส่วนต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นน้ำชันโรง ซึ่งเป็นผลิตผลส่วนต้นที่นำไปพัฒนาเป็นน้ำผึ้งชันโรง 100% เพื่อวางขาย ส่งขายให้อาจารย์มหาวิทยาลัย และทั่ว ๆ ไป รวมถึงการออกร้านเคลื่อนที่ในงานเทศกาล ต่าง ๆ โดยขายได้ในราคา 500 บาทต่อ 1 ขวดกลม

เลี้ยงผึ้งจิ๋ว

วิสิทธิ์บอกอีกว่า นอกจากนี้เขายังได้รับการเชิญ จากมหาวิทยาลัยรามคำแหง ให้ไปเป็นวิทยากรผู้ อบรมการเลี้ยงผึ้งจิ๋วแก่ต้นกล้าอาชีพรุ่นน้อง รวมถึงหน่วยราชการต่าง ๆ จนปัจจุบันนี้ เขามีรายได้แบบก้าวกระโดดขึ้นมาเฉลี่ยเดือนละไม่ต่ำกว่า 15,000-20,000 บาท ซึ่งต้องขอขอบคุณบุคคลและโครงการที่ได้ให้โอกาส
สำหรับขั้นตอนการเพาะเลี้ยงผึ้งจิ๋วหรือชันโรง หลัก ๆ มี 2 ขั้นตอนคือ ขั้นตอนการย้ายรัง และ ขั้นตอนการแยกรัง ซึ่งการย้ายรังหมายถึงการผ่ารังผึ้งจิ๋วที่ทำรังในธรรมชาติ แล้วย้ายประชากรผึ้งจิ๋วทั้งหมดลงในรังเลี้ยง ซึ่งรังดังกล่าวนี้ต้องมีสภาพมั่นคงแข็งแรง ปลอดภัย ไม่แออัด มีสุขอนามัยที่ดี และสามารถขนย้ายรังได้สะดวก สามารถจัดการดูแลช่วยเหลือผึ้งจิ๋วได้ ส่วนการแยกรังผึ้งจิ๋วหมายถึงการแบ่งประชากรผึ้งจิ๋วในรังเลี้ยงจาก 1 รัง เป็น 2 รัง หรือ 3 รัง ขึ้นอยู่กับสภาพความสมบูรณ์ของผึ้งจิ๋วที่จะแยก

การเคลื่อนย้ายรังธรรมชาติ นำมาตั้งไว้ใกล้บริเวณที่จะผ่ารัง ก่อนผ่าต้องประเมินประชากรผึ้งจิ๋ว และการย้ายรังธรรมชาติ จากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่งต้องรักษาระดับแนวดิ่งของรัง เนื่องจากไข่จะถูกวางไว้บนอาหารเหลวภายในเซลล์ บางเซลล์ไข่ฟักเป็นตัวอ่อนแล้วกินอาหารภายในเซลล์ยังไม่หมด อาจจะถูกอาหารหมกตายขณะขนย้าย เพราะเซลล์จะเอียงไป-มา ตรงจุดนี้ต้องระวังเป็นพิเศษ

ในส่วนของรังเลี้ยงผึ้งจิ๋ว ขนาดต้องมีความจุประมาณ 7 ลิตร ทำด้วยไม้กระดาน หรือเศษไม้แปร หรือไม้นิ้วก็ได้ ต่อกันให้สนิท แต่ไม่ต้องใช้เทคนิคบังใบ ความกว้างประมาณ 20 ซม. ยาว 30 ซม. สูง 12 ซม. ด้านบนหรือฝารังเป็นแผ่นกระจกหรือพลาสติกใส เปิด-ปิดได้ ด้านหน้ารังเจาะรูเหนือพื้นขึ้นมาเล็กน้อยกันน้ำไหลเข้ารัง หน้ารังมีพื้นชานชาลาเล็กน้อยสำหรับให้อาหาร ให้ผึ้งจิ๋วพัก และเพื่อความสะดวกในการบินเข้า-ออก

ก่อนผ่ารัง ยกรังจากตำแหน่งเดิม ให้รักษาระดับ เอารังเลี้ยงที่เตรียมไว้ตั้งแทนที่รังเดิม เตรียมขวดเหล้าเพื่อนำไปดักที่รูเข้า-ออก ให้ผึ้งบินเข้าไปอยู่ในขวดด้วยการเคาะรัง พอกระเทือนผึ้งจิ๋วที่บินได้จะบินเข้าไปอยู่ในขวด ปิดปากขวดนำไปเก็บไว้ในที่เย็น ๆ ไม่ร้อน จากนั้นลงมือผ่ารัง ซึ่งต้องระวังอย่าให้กลุ่มไข่ ตัวอ่อน และดักแด้ เสียหายมากนัก เมื่อรังถูกเปิดออก นำของเหลวไปป้ายที่หน้ารัง เพื่อดึงดูดให้ผึ้งที่บินหลงเหลืออยู่กลับเข้ารัง เดิม

เลี้ยงผึ้งจิ๋ว

จากนั้นค่อย ๆ ย้ายกลุ่มไข่ ตัวอ่อน ดักแด้ ใส่ในรังเลี้ยง สำหรับถ้วยอาหาร เช่น เกสรและน้ำผึ้ง ที่ไม่แตก ก็ให้นำไปใส่ในรังเลี้ยงด้วย แต่อย่านำน้ำผึ้งจากถ้วยที่แตกใส่ในรัง เพราะจะทำให้ผึ้งงานติดน้ำผึ้งตาย แล้วต้องพยายามหานางพญาแม่รัง เมื่อพบให้ใช้ช้อนตักเอาเข้าไปไว้ในรัง แต่อย่าใช้มือจับนางพญา

ถ้าสถานที่ผ่ารังกับที่ตั้งรังเดิมอยู่คนละที่ แต่ห่างไม่เกิน 300 เมตร ต้องย้ายรังธรรมชาติไ ปตั้งเลี้ยงไว้ที่อื่นห่างจากที่ตั้งรังเดิมเกิน 600 เมตร ประมาณ 2 สัปดาห์จึงย้ายกลับมาตั้งในบริเวณที่จะผ่ารัง ให้คุ้นเคยสถานที่ 2-3 วันก่อนจะผ่ารัง ปิดฝารังและหน้ารังทิ้งไว้ 2-3 วัน จึงนำรังเลี้ยงไปตั้งไว้ในที่ที่ให้ผึ้งหากินได้ตามปกติ
สำหรับต้นทุนในการเพาะเลี้ยงผึ้งจิ๋ว วิสิทธิ์บอกว่า แทบไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายอะไรเลย เพียงแค่มีเศษไม้เก่า ๆ มาทำเป็นรัง และหาพ่อพันธุ์แม่พันธุ์มาไว้ในรังเลี้ยง ซึ่งตามต่างจังหวัดผึ้งจิ๋วจะมีอยู่ทั่วไปตามแหล่งที่มีดอกไม้ โพรงไม้ ขอนไม้ กระบอกไม้ไผ่ โพรงตามบ้านเรือน หรืออาจจะอยู่ตามท่อพีวีซี กล่องกระดาษ ฯลฯ

การเลี้ยง “ผึ้งจิ๋ว” อาจจะไม่ง่ายสำหรับคนที่ไม่คุ้นเคย อย่างไรก็ตาม ถ้าใครที่มีปัญหาเรื่องอาชีพแล้วสนใจ อาชีพเลี้ยงผึ้งจิ๋ว นี้ ทางโครงการต้นกล้าอาชีพเขามีการอบรมให้ โดยติดต่อได้จนถึง 17 ส.ค. 2552 และอบรมเดือน ก.ย.

สอบถามรายละเอียดเพิ่มได้ที่คอลเซ็นเตอร์ โทร.1111 หรือที่คุณวิสิทธิ์ โทร. 08-9097-0137.

เชาวลี ชุมขำ
ที่มา เดลินิวส์ออนไลน์
http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=525&contentId=11675

Read More...


เมนู ซี่โครงแกะอบ ตำรับนิวซีแลนด์

เมนู แลมพ์ชอพ ซี่โครงแกะอบ ตำรับนิวซีแลนด์ เมนูอาหาร ทำง่าย วัตถุดิบไม่มาก


ซี่โครงแกะอบ

คุ้นเคยกับการทานเนื้อแกะเป็นอย่างดี เพราะ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีอีโอ อกริฟู้ด จำกัด (ส่งออกน้ำมันรำข้าว) ทายาทคนโตของ พงษ์ศักดิ์ ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์(เสียชีวิตแล้ว) ไปศึกษาอยู่ประเทศนิวซีแลนด์ตั้งแต่อายุ 11 ขวบ ซึ่งที่นิวซีแลนด์ ทานเนื้อแกะกันเป็นประจำ

แม่บ้านซึ่งดูแลคุณทิมในตอนนั้น จึงทำอาหารเมนูเนื้อแกะให้ทานอยู่เสมอโดย เฉพาะแลมพ์ชอพ ซึ่งคุณทิมเองก็ชอบด้วยเพราะอร่อย ทำง่าย จึงแอบฝึกปรือวิชาจนทำทานเองได้ อาหารที่นี่เน้นใช้วัตถุดิบดี ๆ ใช้ซอสน้อย ๆ เพื่อให้ได้รสชาติของวัตถุดิบแท้ ๆ ต่างกับยุโรปที่ชอบหมักเนื้อแกะด้วยเครื่องเทศเยอะ ๆ

คุณทิมบอกว่าชอบทำอาหารทานเอง โดยเฉพาะตอนอยู่ต่างประเทศทำทานเองเป็นประจำ แต่ชอบทำเฉพาะเมนูที่ใช้เตาอบเป็นส่วนใหญ่เพราะสะดวก สำหรับ เมนูแลมพ์ชอพ นั้นชอบทานตั้งแต่เด็กแล้วจนปัจจุบันก็ยังทำทานเองอยู่ เสมอ ๆ เกือบวันเว้นวันด้วยซ้ำ วัตถุดิบไม่มาก เตรียมซี่โครงแกะ, เกลือเห็ดทรัฟเฟิล, น้ำมันรำข้าว, เครื่องเทศ, ก้านโรสแมรี่, มิ้นท์ซอส, หน่อไม้ฝรั่ง และเนยจืด

หมักซี่โครงแกะ ด้วยการทาน้ำมันรำข้าวให้ทั่ว โรยเกลือเห็ดทรัฟเฟิลและก้านโรสแมรี่ ห่อด้วย แวร็ปนำเข้าตู้เย็นแช่ไว้ 6 ชั่วโมง

ก่อนเริ่มปรุงให้นำซี่โครงแกะออกจากตู้เย็นให้คลายความเย็นประมาณ 20 นาที ตั้งกระทะให้ร้อนไฟแรงไม่ต้องใส่น้ำมัน นำซี่โครงแกะลงไปในกระทะ เพื่อให้ด้านนอกของซี่โครงแกะเหลือง พลิกให้ทั่วทั้งสองด้าน ให้พอขอบเหลืองไม่ต้องสุก เรียกว่าการเซียร์ (sear) เป็นวิธีการล็อกความชุ่มชื้นของเนื้อแกะไว้ ให้กรอบนอกนุ่มใน

จากนั้นนำซี่โครงแกะใส่ถาดที่รองฟอยล์ไว้ด้านล่าง โรยก้านโรสแมรี่ไว้รอบ ๆ ถาดและบนเนื้อแกะ โรยเครื่องเทศ นำเข้าเตาอบที่วอร์มไว้แล้วก่อนหน้าในอุณหภูมิประมาณ 230 องศาเซลเซียส 4-5 นาที เมื่อนำซี่โครงแกะเข้าเตาอบให้ตั้งอุณหภูมิไว้ที่ประมาณ 170 องศาเซลเซียส ประมาณ 8 นาที แล้วพลิกกลับอีกด้าน เมื่อจะทานจึงราดด้วยมิ้นท์ซอส

เมื่อซี่โครงแกะใกล้เสร็จให้เตรียมหน่อไม้ฝรั่งเพื่อทานคู่กัน นำหน่อไม้ฝรั่งไปนึ่งโดยใส่เนยจืดลงไปด้วยประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ โรยเกลือเห็ดทรัฟเฟิล ปิดฝา ความร้อนปานกลางประมาณ 5 นาที คุณทิมบอกด้วยว่าควรทาน แลมพ์ชอพ คู่กับสลัด เติมความอร่อย ด้วยการใส่ เบคอนกรอบ ลงไปคลุกกับผักสลัดและหั่นแอปเปิ้ลเขียว เป็นชิ้นเล็ก ๆ ผสมลงไปในตอนท้าย.

จิราภรณ์
เอื้อเฟื้อสถานที่ : ฟู้ดลอฟท์ เซ็นทรัล เวิลด์
ที่มา เดลินิวส์ออนไลน์
http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&contentId=10098&categoryID=500

Read More...


สูตรทำขนม สตรอเบอรี่เค้กหน้าวิปครีม

สตรอเบอรี่เค้ก หน้าวิปครีม ทำง่าย ต้นทุนต่ำ ทำขายกันง่ายๆ ได้เลย

ด้วยตอนนี้เศรษฐกิจไม่ค่อยดีเท่าไร ในปัจจุบัน มีขนมเค้กมากมายให้เราได้เลือกกินกันตามที่เราชอบ แต่วันนี้ เรามีวิธีการทำขนมสตรอเบอรี่เค้กหน้าวิปครีมมาสอนกัน

สตรอเบอรี่เค้ก

ที่เลือก ขนมสตรอเบอรี่เค้กหน้าวิปครีม มาสอนเพราะเป็นขนมเค้ก ที่ไม่ค่อยมีขายตามท้องตลาดแล้ว ต้นทุนก็ไม่สูงมากเท่าไร มาเริ่มทำขนมสตรอเบอรี่เค้กหน้าวิปครีมกันเลยดีกว่า

ส่วนผสม : ขนมสตรอเบอรี่เค้กหน้าวิปครีม

  • - ซื้อแป้งเค้กที่ไว้สำหรับทำเค้กโดยเฉพาะประมาณ 90 กรัม ไข่ไก่ 3 ฟอง อย่าใช้ไข่เป็ดทำเพราะจะมีกลิ่นเหม็นคาว
  • - เนยสดจืด 40 กรัม วิปครีม 400 cc น้ำตาล 5 ช้อนโต๊ะ ใช้น้ำตาลทรายเท่านั้นน่ะค่ะ
  • - ต่อจากนี้ผสมน้ำซอส น้ำ 200 cc น้ำตาล 90 กรัม บรั่นดี 3 ช้อนโต๊ะรวมกันแล้วเตรียม สตอเบอรี่ ผงฟู เนย
เท่านี้ก็เรียบร้อยแล้ว สำหรับการเตรียมส่วนผสม สำหรับทำขนมสตรอเบอรี่เค้กวิปครีม แล้ว
มาดูกันน่ะค่ะว่า ส่วนผสมที่เตรียมง่าย และราคาไม่สูงเท่าไร จะสามารถทำขนมออกมาให้น่าทานได้แค่ไหน

วิธีทำ : ขนมสตรอเบอรี่เค้กหน้าวิปครีม

เริ่มจากการ ใส่น้ำร้อนพอประมาณ แล้วตอกไข่ไก่ตีสักพักให้เข้ากันแล้วใส่น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ ตีให้เข้ากันจนเป็นสีครีม ร่อนผงฟูทิ้งไว้ เสร็จแล้วนำเค้กและผงฟูที่ร่อนทิ้งไว้มาคนให้เข้ากัน แล้วนำเนยไปละลายในน้ำอุ่น แล้วค่อยๆเทลงไปกับส่วนผสม ที่ผสมไว้แล้วคนให้เข้า กันเบาๆ

หลังจากส่วนผสมเข้ากันดีเรียบร้อยแล้ว เทใส่พิมนำเข้าเตาอบ เปิดไฟ ประมาณ 180 องศา เราจะไม่ใช้ไฟที่แรงมากจนเกินไปน่ะ พออบสุกก็ตัดเค้กเป็นครึ่ง แล้วนำไปพักไว้

ตีวิปครีม ใส่น้ำตาลและใส่เนยลงไปประมาณ 40 กรัม แล้วตีรวมกันให้แข็งตัว แต่ไม่ต้องแข็งตัวมาก เดี๋ยวปาดหน้าเค้กแล้วไม่สวย จากนั้นก็ใส่สตอเบอรี่บนเค้กก่อนแล้วนำใส่วิปครีมลงไป เอาสตอเบอรี่มาหั่น วางเรียงๆไว้แล้วแต่เราจะแต่งหน้าเค้กแบบไหนก็ได้

อย่าใส่วิปครีมจนหมดนะ เหลือเอาไว้มาปั่น ให้แข็งอีกรอบ นำวิปครีมที่เหลือ มาปั่นแล้วเอามาใส่หลอดที่ทำเค้กให้เป็นหัวแหลมๆแล้วแต่ง หน้าเค้กด้วยวิปครีมที่ปั่นไว้ด้วย

แค่นี้เราก็ได้ขนมสตรอเบอรี่เค้กหน้าวิปครีม มาทำขายกันง่ายๆเลย เห็นไหมว่า ขนมสตรอเบอรี่เค้กหน้าวิปครีมทำง่ายแล้วต้นทุนต่ำด้วย ใครว่างๆลองไปทำขนมสตรอเบอรี่เค้กหน้าวิปครีมทานกัน
ที่มา http://www.oknation.net/blog/greenbag/2009/07/01/entry-5

Read More...


ทำอาชีพเสริม เปิดร้านข้าวขาหมู

เปิดร้าน”ข้าวขาหมู” เป็นอาชีพเสริม ชูเนื้อนุ่มอร่อย-น้ำเข้มข้นดึงลูกค้า สำหรับผู้ที่สนใจอยากจะเป็นเจ้าของกิจการร้านขายข้าวขาหมู




อาชีพเสริม เปิดร้านข้าวขาหมู


ด้วยชอบ “ข้าวขาหมู” เป็นอาหารจานโปรด เมื่อมีโอกาสก็จะออกนอกบ้านตระเวนชิมร้านอร่อยตลอดเวลา เป็นแรงผลักให้ “ทรงพล-กานดา เลี่ยมสมบูรณ์” เจ้าของร้านถ่ายรูปย่านถนนติวานนท์ ต.บางพูด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี เลือกที่จะ เปิดร้านขายข้าวขาหมู เป็นอาชีพเสริม ในยามที่เศรษฐกิจตกต่ำเช่น ปัจจุบัน หลังทั้งคู่ได้รับการฝึกอบรมเมนูนี้จากที่ต่างๆ รวมทั้งโครงการ “คม ชัด ลึก ฝึกอาชีพ” ปลายปีที่แล้ว ทำให้มีรายได้เพิ่มในแต่ละวันไม่น้อย

กานดา เล่าว่า โดยปกติเป็นคนชอบข้าวขาหมู และซื้อมารับประทานเป็นประจำ พร้อมกันนั้น เมื่อมีเวลาก็มักจะตระเวนชิมร้านข้าวขาหมูที่มีชื่อเสียง เพื่อพิสูจน์รสชาติความอร่อยของแต่ละร้าน และในระหว่างนั้น ทั้งเธอและทรงพลสามี จึงเกิดไอเดียอยากจะเปิดร้านขายข้าวขาหมู เพื่อทำเป็นอาชีพเสริม

จากเดิมที่เปิดห้องภาพหรือร้านถ่ายรูปอยู่แล้ว เนื่องจาก การขาย ข้าวขาหมู นั้นเธอมองว่า ขั้นตอนในการทำไม่ยุ่งยากมากนัก ใช้คนน้อยด้วย ที่สำคัญนอกจากทั้งเธอและสามีจะเป็นคนชอบกินข้าวขาหมูด้วยแล้ว เมนูนี้ยังเป็นที่ต้องการของลูกค้าอีกหลายๆ คน

อาชีพเสริม เปิดร้านข้าวขาหมู
ต่อเมื่อปลายปี 2551 ทั้งคู่ได้ตัดสินใจไปสมัครฝึกอบรมวิชาชีพระยะสั้นในโครงการ “คม ชัด ลึก ฝึกอาชีพ” หลักสูตรข้าวขาหมู โดย วิรัตน์ ศิริวิกรานต์ เจ้าของร้านข้าวขาหมู ตรอกไก่-บางรัก ที่ไปเปิดร้านย่านถนนรัตนาธิเบศร์ จ.นนทบุรี เป็นวิทยากร

“วิทยากรให้ความรู้ดีมาก เขาจะบอกสูตรอย่างละเอียด รวมทั้งขั้นตอนการทำข้าวด้วย ขณะเดียวกันก็ให้ผู้เข้าอบรมได้ลงมือปฏิบัติจริง มีการลองผิดลองถูกกัน ซึ่งหลังจากอบรมเสร็จเรียบร้อย พี่ก็ยังไม่ได้ตัดสินใจเปิดร้านขายในทันที หากนำสูตรที่ได้จากการเรียนมาปรับปรุงรสชาติ ให้เข้ากับในแบบฉบับที่ตัวเอง ชื่นชอบ นั่นก็คือรสชาติน้ำราดจะต้องเข้มข้น เนื้อขาหมูต้องนุ่ม ที่สำคัญจะเลาะเอาไขมันใต้หนังออก เพื่อให้ได้อร่อยกับขาหมูล้วนๆ โดยเวลารับประทานจะได้ไม่กังวลเรื่องอ้วนมากไป”

หลังจากปรับปรุงสูตรเข้าที่แล้ว ทั้งคู่ตัดสินใจลงทุน 2 หมื่นบาท เปิดร้านข้าวขาหมูขึ้นมาหน้าร้านถ่ายรูป พร้อมตั้งชื่อร้านว่า “ธิดาขาหมู” เลขที่ 41 / 21 ถ.ติวานนท์ ต.บางพูด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี เปิดบริการตั้งแต่ 09.00-16.00 น.ทุกวัน

โดยข้าวขาหมูของร้านจะเน้นเรื่องวัตถุดิบที่ต้องสด สะอาด เครื่องปรุงรสต่างๆ ในการทำน้ำพะโล้ขาหมูนั้นจะเน้นสินค้าที่มีคุณภาพแม้ราคาจะแพงหน่อยก็ตาม เพื่อให้ได้รสชาติที่ออกมากลมกล่อม ซึ่งในแต่ละวันทำให้ครอบครัวเลี่ยมสมบูรณ์ มีรายได้สุทธิเมื่อหักต้นทุนแล้วตกวันละ 500-1,000 บาท

“การที่เราลงมือทำอาชีพเสริม ขอให้นึกถึงสิ่งที่ตัวเองถนัดและชอบเอาไว้ก่อน เพราะนั่นคือพื้นฐานที่จะทำให้คนเราทำสิ่งนั้นๆ ออกมาได้ดี อย่างที่เราชอบรับประทานข้าวขาหมู จึงเปิดร้านขายข้าวขาหมูขึ้น และตอนนี้ที่ร้านกำลังมีเมนูใหม่ออกมาเสริมอีก คือข้าวหมูพริกไทยไว้เป็นทางเลือกให้แก่ลูกค้า” กานดา บอก
ไม่ใช่เรื่องยากเลย สำหรับผู้ที่สนใจอยากจะเป็นเจ้าของกิจการร้านขายข้าวขาหมูเล็กๆ โดยเฉพาะท่านที่ว่างงาน ท่านที่กำลังมองหาอาชีพเสริม หรือจะเป็นอาชีพหลักก็ไม่ว่ากัน เพราะโครงการฝึกอาชีพระยะสั้นของ คม ชัด ลึก มีเปิดอบรมเมนูนี้กันอยู่ตลอดเวลา ส่วนจะเป็นวันไหน เมื่อไหร่นั้น สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร.0-2338-3356-7 เพียงท่านละ 1,177 บาท

โดย “ศุภชัย สินธ์ประเสริฐ ” จาก คมชัดลึก http://www.komchadluek.net

Read More...


เปิดร้านเบเกอรี่ อย่างไร ให้ขายดี?

ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่คิดจะเปิดร้านเบเกอรี่ ทำอย่างไรถึงจะให้ขนมขายดี เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด อาชีพเสริม สร้างรายได้ ในการดำเนินกิจการร้านเบเกอรี่

สิ่งแรกที่ต้องคำนึงคือ ทำอย่างไรให้ขนมภายในร้าน มีคุณค่าน่าสนใจน่าซื้อ ทำอย่างไรให้ขนมภายในร้าน มีคุณค่าน่าสนใจ น่าซื้อ คุ้มกับค่าเงินที่ผู้ซื้อต้องเสียไป พูดง่ายๆ ว่าทำอย่างไรถึงจะให้ขนมขายดี ต่อไปนี้ จะเป็นข้อแนะนำ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ในการดำเนินกิจการร้านเบเกอรี่

ร้านเบเกอรี่

1.บอกลูกค้าล่วงหน้าถึงตัวขนมที่คุณจะวางขาย

ถ้า คุณวางแผนจะทำขนมชนิดพิเศษกว่า ที่มีขายตามปกติ เช่น อาจเป็นขนมสำหรับเทศกาลต่างๆ คุณก็ควรจะบอกลูกค้า ให้ทราบล่วงหน้าถึงขนมนั้นๆ เพราะจะเป็นการกระตุ้น ให้ลูกค้ากลับมาอุดหนุนร้านคุณอีก สามารถทำให้คุณกำหนดได้ว่าขนมชนิดใด ที่ลูกค้าสนใจมากที่สุด

2.บอกให้ลูกค้ารู้จักชื่อขนม

วิธีง่ายๆ และดีที่สุดคือ เขียนชื่อขนมบอกไว้ให้สะดุดตาเป็นการกระตุ้นความสนใจ นอกจากนี้ยังมีวิธีการที่ควรทำคือ ถุงที่ใช้ใส่ขนม นอกจากจะต้องมีชื่อร้านและสัญลักษณ์ของร้านแล้วควรจะมีชื่อ ขนมที่ขายอยู่ด้วย

3.การจัดขนมในร้าน

การโชว์ขนม ก็คือการให้ขนมในร้านมีคนเห็น และสะดุดตามากที่สุด ลักษณะพิเศษบางประการของขนม จะช่วยให้ลูกค้าจดจำชนิดและชื่อของขนมได้ เช่น ขนมปังฝรั่งเศส และควรให้คำอธิบายสั้นๆ สำหรับขนมที่มีลักษณะที่แตกต่างไป จากปกติจะทำให้ลูกค้าสนใจมากขึ้น ในการโชว์ขนมควรเน้นเรื่องสีของขนม เช่น ไม่ควรวางขนมที่มี สีเหมือนกันหรือใกล้เคียงกันไว้ด้วยกัน เพื่อกระตุ้นความสนใจของผู้ซื้อ ซึ่งเป็นวิธีที่ได้ผลมากที่สุดในการจัดโชว์หน้าร้าน

4.มีตัวอย่างให้ลองชิมสำหรับผู้ซื้อ

เมื่อมีการแนะนำสินค้าใหม่ วิธีที่ดีที่สุด คือ การนำเอาขนมตัวใหม่มาเป็นตัวอย่างให้ลูกค้าทดลองรับ ประทาน วิธีนี้ใช้ได้ผลมาก เพราะลูกค้าจะกระตือรือร้นมากในการทดลองสิ่งใหม่ๆ

5.ให้คำแนะนำ ปรึกษาและอธิบายด้วยความเต็มใจ

อย่าปล่อยให้ลูกค้าสับสน กับชนิด ลักษณะและรสชาติของขนม ที่แตกต่างกันแต่ควรให้ความกระจ่างกับลูกค้า และต้องแสดงให้ลูกค้าเห็นว่าเรามีความเต็มใจ และยินดีที่จะให้บริการลูกค้าอยู่เสมอ

6.จัดรายการพิเศษเพื่อขอบคุณลูกค้า

การพยายามจัดหาสิ่งใหม่ๆ ให้กับลูกค้า จะเป็นอีกวิธีที่ทำให้ลูกค้าประทับใจ ในต่างประเทศเจ้าของร้านบางรายส่งเสริมการขายโดยการจัดรายการพิเศษ เพื่อขายขนมปังแฟนซี สำหรับเด็กๆ วิธีนี้จะทำให้คุณทราบถึงความพอใจของลูกค้าอีกด้วย

7.รับฟังคำแนะนำจากลูกค้า

อย่าลังเลใจ ในการถามหรือ ขอความคิดเห็นจากลูกค้า เพราะคือโอกาสที่จะทำให้คุณรู้จักลูกค้ามากขึ้น และลูกค้าจะรู้สึกเชื่อถือในร้านของคุณ ผลที่ตามมาก็คือลูกค้าจะกลับมาอุดหนุนที่ร้านอีกและยังจะบอกต่อๆ กันไปถึงคุณภาพ และความพิถีพิถันของขนมในร้านของคุณ

ตามที่กล่าวมานี้ คงจะเป็นวิธีการที่ช่วยทำให้ร้านเบเกอรี่ให้มีกำไรมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม คุณต้องดูลักษณะนิสัยของลูกค้าในถิ่นที่คุณเปิดร้านอยู่ เพื่อปรับปรุงเปลี่ยนแปลงร้านของคุณให้เป็นที่พอใจ ของลูกค้าอยู่เสมอและคิดว่าคงจะไม่เกินความสามารถของคุณแน่ๆ

ที่มา http://www.manager.co.th ภาพประกอบจาก restaurants.ziplocal.com

Read More...


น้ำผัก-น้ำผลไม้ คั้นขายสด รายได้ดี

อาชีพเสริม ขายน้ำผัก-น้ำผลไม้ 100% คั้นสด เป็นอีกรูปแบบการขายเครื่องดื่ม เพื่อสุขภาพที่ได้รับความนิยมจากลูกค้า สร้ายรายได้ดี น่าสน

น้ำผัก-น้ำผลไม้ 100% คั้นสด เป็นอีกรูปแบบการขายเครื่องดื่ม เพื่อสุขภาพที่ได้รับความนิยมจากลูกค้า สร้ายรายได้ดี อาชีพเสริมน่าสน คั้นกันสด ๆ ให้ดูกันเห็น ๆ ไม่มีน้ำตาล ได้รับคุณประโยชน์ทางโภชนาการล้วน ๆ เป็นอีกช่องทางทำกิน ที่จะริมทาง หน้าโรงเรียน ตลาดนัด ฯลฯ ที่ไหนก็ทำเงินได้ ซึ่งวันนี้ก็มีข้อมูลมานำเสนอ



น้ำผัก-น้ำผลไม้ รายได้ดี


นิชาภา บ้วนนอก ขายน้ำผัก-ขายน้ำผลไม้ 100% คั้นสด แยกกากจากเครื่องคั้นสด (juicer) อยู่ที่ถนนข้าวสาร เจ้าของร้านนี้บอกว่า ขายน้ำผัก-ขายน้ำผลไม้ 100% คั้นสดมา 5 ปี แล้ว ซึ่งเป็นรูปแบบนำเสนอที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยที่มาของร้านนี้คือการคั้นน้ำผัก-คั้นน้ำผลไม้ ให้คุณพ่อดื่มด้วยเครื่องคั้นสด แบบแยกกาก ซึ่งเป็นการทำตามแนวชีวจิต และก็มาคิดว่าน่าจะทำเป็นรูปแบบของธุรกิจค้าขายได้ จึงค้นคว้าศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมนี้จะโชว์ผลไม้เป็นชิ้น ๆ หน้าร้าน

เกิดขึ้นเพราะเจ้าของร้านก่อนหน้านี้เวลาไปทานน้ำผลไม้ที่ไหนไม่ชอบอ่านเมนู และเมนูส่วนใหญ่ก็เหมือน ๆ กันหมด น่าจะ “ให้เห็นผลไม้สด ๆ แล้วเลือกเอาว่าจะผลไม้ชนิดไหน-อย่างไร” ตามใจคนกิน โดยผู้ขายก็ช่วยแนะนำ และ “เพื่อสุขภาพจริง ๆ จะต้องไม่ใส่น้ำตาล ไม่มีน้ำเชื่อม” ถ้ามีก็จะกลายเป็นน้ำปั่นไป แต่ก็เป็นอีกรูปแบบการขาย ก็สุดแท้แต่

น้ำผัก-น้ำผลไม้ รายได้ดี
ร้านของนิชาภา จะจัดหน้าร้านโดยออกแบบให้ดูทันสมัย คล้ายร้านผลไม้ในเมืองนอก โดยทำเป็นเคาน์เตอร์ เรียงผลไม้ต่าง ๆ เป็นชั้น ๆ และแปะราคาไว้ เช่น เสาวรส 2 ลูก 10 บาท, ส้ม 3 ลูก 10 บาท, ฝรั่ง ลูกละ 10 บาท, แตงโม ชิ้นละ 10 บาท, สับปะรด ชิ้นละ 10 บาท, มะม่วงสุก ผลละ 25 บาท, แอปเปิ้ล ลูกละ 20 บาท, แก้วมังกร ชิ้นละ 20 บาท, ว่านหางจระเข้ ชิ้นละ 10 บาท, บีทรูท หัวละ 20 บาท , มะเขือเทศ 2 ลูก 10 บาท, แครอท หัวละ 20 บาท, มะเฟือง ลูกละ 20 บาท, ต้นเซเลอรี่ ก้านละ 15 บาท ฯลฯ และยังมีขิงแก่ มะนาว และมะระขี้นก ซึ่งเป็นตัวเพิ่มรสชาติด้วย

เมื่อลูกค้ามาสั่งก็เลือกผลไม้ได้เลย ซึ่งนิชาภาบอกว่า เจ้าของร้านต้องมีความรอบรู้เรื่องผักและผลไม้ ทั้งในเรื่องคุณประโยชน์และรสชาติ บางครั้งต้องแนะนำลูกค้าได้ ว่าอะไรกับอะไรเมื่อคั้นรวมกันแล้วจึงจะอร่อย

นอกจากนี้ ที่ร้านนี้ยังได้จัดชุดแบบล้างพิษ หรือดีท๊อก ชุดละ 40 บาท ประกอบไปด้วย แอปเปิ้ลเขียว, แอปเปิ้ลแดง, ขิงแก่, บีทรูท, ว่านหางจระเข้, แครอท และต้นเซเลอรี่ และชุดน้ำพั๊นซ์ ประกอบด้วย มะเฟือง, สับปะรด, ส้ม, เสาวรส, แตงโม, ฝรั่ง, แอปเปิ้ล ราคาชุดละ 40 บาทเช่นกัน

นิชาภาบอกว่าเมนูไม่มีสูตรตายตัว แล้วแต่ลูกค้าสั่ง แต่ที่นิยมก็มี มะม่วง+สัปปะรด, มะม่วง+เสารส, แครอท+แอปเปิ้ล หรือถ้าเป็น 3 อย่างก็มีเสาวรส+สัปปะรด+มะม่วง, ว่านหางจระเข้+สัปปะรด+ส้ม ซึ่ง ว่านหางจระเข้ตอนนี้เป็นที่นิยมมาก ๆ ในหมู่คนญี่ปุ่น ส่วนราคานั้น ก็ขึ้นอยู่กับราคาชิ้นของผักและผลไม้ตามที่ติดไว้หน้าร้าน หรืออยากจะทานน้ำที่มีเอ็นไซม์มาก ๆ ก็แนะนำน้ำจากต้นอ่อนข้าวสาลี ซึ่งขายเป็นชอต ราคาชอตละ 50 บาท

ในการขายอุปกรณ์การทำที่จำเป็น นอกจากมีด เขียง ที่คั้นน้ำส้มแล้ว ก็มีเครื่องคั้นน้ำแบบแยกกากที่สำคัญมาก อย่างน้อยต้องมี 2 เครื่อง ขึ้นไป เพื่อสลับใช้ ป้องกันการอุดตัน และการเสื่อมสภาพที่รวดเร็ว โดยราคาเครื่องก็ตั้งแต่มีหลักพันขึ้นไปจนถึงเป็นหมื่น ตามคุณภาพของเครื่อง

เวลาขาย เมื่อลูกค้าเลือกผลไม้แล้ว เช่น มะม่วง+สัปปะรด ก็ปอกเปลือก เลาะเม็ด ตัดเนื้อผลไม้ออกมาเตรียมไว้ ใส่น้ำแข็งยูนิตในแก้วพลาสติกประมาณ 3 ก้อน แล้วนำเนื้อผลไม้แต่ละอย่างคั้นน้ำสดออกมา เมื่อเสร็จก็คนให้เข้ากันกับน้ำแข็ง ปิดฝาแก้ว ใส่หลอด ถ้าเมนูนี้ก็ขายในราคา 35 บาท ซึ่งแก้วจะมีขนาด 12,16 และ 22 ออนซ์ ราคาก็แตกต่างกันไป ระหว่างที่ขายก็ต้องหมั่นทำความสะอาดเครื่องคั้นสดเรื่อย ๆ เพื่อกันการอุดตัน

นิชาภาบอกว่า การขายน้ำผัก-น้ำผลไม้คั้นสด 100% นั้น ในระยะเริ่มแรกน่าจะลงทุนเพียงผลไม้ 5 อย่าง อาทิ แตงโม, สัปปะรด, ส้ม, แครอท, ฝรั่ง ซึ่งเครื่องคั้นสดแบบแยกกากก็เลือกเอาตามสภาพแวดล้อม การลงทุนผักผลไม้ถ้าประมาณ 500 บาทต่อวัน แล้วขายหมด ก็น่าจะได้เงินประมาณ 1,000 บาท เริ่มแรกก็ขายเล็ก ๆ ก่อน เมื่อไปได้ดีแล้วจึงค่อย ๆ ขยับขยายร้าน “อาชีพแบบนี้กลุ่มลูกค้าและทำเลเป็นเรื่องสำคัญ

ร้านน้ำผัก-ผลไม้ 100% คั้น สดของนิชาภาที่ถนนข้าวสาร อยู่ด้านหน้าร้านเซเว่น-อีเลฟเว่น (ตรงกลาง) ตรงข้ามกับร้านข้าวสารเซ็นเตอร์ ขายอังคาร-อาทิตย์ ยกเว้นวันจันทร์ เวลา 18.00 น. เป็นต้นไป
และเป็นอีกช่องทางทำกินที่น่าพิจารณา…!!

ที่มา : เดลินิวส์ออนไลน์ www.dailynews.co.th

Read More...


อาหารเสริมสุขภาพ คืออะไร?

เรื่องของอาหารเสริมสุขภาพ อาหารเสริมสุขภาพ คืออะไร? ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมสุขภาพมีกี่ประเภท? ใครต้องการ?


อาหารเสริมสุขภาพ

ภาพผัก ผลไม้ เพื่อสุขภาพ จาก zybernia.wordpress.com


ประโยคอมตะที่ว่า “คุณเป็นอย่างที่คุณกิน” (you are what you eat) นั้นดูจะไม่เข้าสมัยซะแล้วกับชีวิตคนยุคไซเบอร์ (Cyber age) ที่ถูกควรจะเป็น คุณ (ควร) กินอย่างที่คุณเป็น (you should eat what you are) …นั่นคือ ถ้าคุณรู้ว่ามีความเสี่ยงที่จะมีปัญหาเกียวกับไขมันในเลือดสูง ความดันสูง เบาหวาน หรือโรคอ้วน ก็ควรจะเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง หรือ อาหารที่มีรสเค็มจัด หวานจัด เป็นต้น

การบริโภคอาหาร มิใช่จะคำนึงถึงแต่ความอร่อยเพียงอย่าง เดียว คุณค่าเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องตระหนัก กินอะไร ? กินอย่างไร ? จึงจะเป็นการ “กินอย่างฉลาด“.. “กินอาหารหลากหลายให้ครบ 5 หมู่ กินข้าวเป็นหลัก กินผักให้มาก ผลไม้ประจำ เน้นปลามากกว่าเนื้อสัตว์ ไขมันพอประมาณ น้ำตาลพอควร หลีกเลี่ยงรสเค็ม..” นี้เป็นส่วนหนึ่งของข้อปฏิบัติในการบริโภคอาหาร เพื่อโภชนาการที่ดีของคนไทย

แต่ด้วยพฤติกรรมการบริโภคที่เปลี่ยนไปได้รับสารอาหารไม่สมดุล ก่อให้เกิดโรคความดันโลหิตสูง หัวใจขาดเลือด ไขมันในเลือดและอื่นๆ อาหารเสริมสุขภาพจึงได้รับความนิยมจากผู้บริโภคมากขี้น

อาหารเสริมสุขภาพ คืออะไร?

อาหารเสริมสุขภาพ จัดเป็น ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร หรือ Dietary supplement products ซึ่งหมายถึง ผลิตภัณฑ์ที่ใช้รับประทานโดยตรง นอกเหนือจากการรับประทานอาหารหลัก ตามปกติมักจะอยู่ในลักษณะเป็นเม็ด แคปซูล ผง เกล็ด ของเหลว หรือลักษณะอื่น มีจุดมุ่งหมายสำหรับบุคคลทั่วไปที่มีสุขภาพปกติ (มิใช่สำหรับผู้ป่วย) เช่น น้ำมันปลาแคปซูล ใยอาหารอัดเม็ด ใยอาหารผงสำหรับชงหรือโรยอาหาร เป็นต้น

ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมสุขภาพ มีกี่ประเภท?

พอจะจัดกลุ่มของอาหารเสริมสุขภาพที่มีจำหน่ายในท้องตลาด หรือ จำหน่ายโดยตรงแก่ผู้ซื้อ โดยแบ่งตามคุณสมบัติ และประสิทธิภาพเด่นๆ ดังนี้ :-
  • อาหารบำรุงสุขภาพ จะเป็นพวกที่อวดอ้างสรรพคุณว่าเป็นอาหารบำรุงร่างกาย รับประทานแล้วมีสุขภาพดี ราคาค่อนข้างแพง อาทิเช่น รังนก โสม หูฉลาม ซุปไก่สกัด เป็นต้น
  • อาหารป้องกันและรักษาโรค ตัวอย่างเช่น น้ำมันดอกอิฟนิ่งพริมโรส (Evening primrose oil) น้ำมันปลา เลซิทิน นมผึ้ง สาหร่ายคลอเรลล่า
  • อาหารลดน้ำหนัก สำหรัยผู้เป็นโรคอ้วน อาหารประเภทนี้ จะเพิ่มประมาณ บริโภคแล้วอิ่ม ไม่ให้คุณค่าทางอาหาร ตัวอย่างเช่น ผลิตภัณฑ์จากบุก เมล็ดแมงลัก guagum
  • อาหารเสริมนักกีฬา มีสารอาหารที่ให้พลังงานอย่างรวดเร็ว อย่างเช่น เครื่องดื่มเกลือแร่ชนิดต่างๆ
  • ผลิตภัณฑ์ที่เสริม หรือเติมสารอาหาร (fortifiaction) บางชนิดให้มากขึ้น เช่น ใยอาหาร(dietary fiber) แคลเซียม เพื่อเป็นทางเลือกแก่ผู้คนบางกลุ่มที่ได้รับสารอาหารบางชนิดไม่เพียงพอต่อ ความต้องการของร่างกาย

สถาบันค้นคว้าและพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหาร ทำอะไร?

นักวิจัยของสถาบันค้นคว้าและพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหาร ได้ทำการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับอาหารเสริมสุขภาพ หลายโครงการด้วยกัน พอที่จะแบ่งแยกออกเป็นประเภทได้ ดังนี้ :-
  • ผลิตภัณฑ์ชนิดใยอาหารสูง
  • ผลิตภัณฑ์ชนิดแคลอรี่ต่ำ
  • ผลิตภัณฑ์ชนิดแคลอรี่สูง
งานวิจัยเกี่ยวกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีคุณค่าทางโภชนาการนั้น อาศัยหลักการพื้นฐานในการเติม สารอาหาร(nutrient) ลงในผลิตภัณฑ์อาหาร(Dr.Allan Forbes of the Bureau of Food,FDA) มีหลายวิธีคือ
1) restoration คือการใส่สารอาหาร ซึ่งเดิมมีอยู่ในวัตถุดิบที่เป็นส่วนประกอบของอาหาร แต่อาจสูบเสียหรือถูกกำจัดออกระหว่างขบวนการผลิต จึงเติมสารอาหารชนิดนั้นลงไปเพื่อปรับปรุงให้ดีขี้น เช่น การเติม dietary fiber ลงไปใน ผลิตภัณฑ์
2) fortification เป็นการเสริมสารอาหารบางตัวอาจจะเป็นวิตามิน เกลือแร่ชนิดต่างๆ เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับสารอาหารครบถ้วน RDI (Recommended Daily Intakes)กำหนดไว้
3) เติมสารอาหารลงไปในอาหารเพื่อบุคคลบางกลุ่มที่มีโรคประจำตัว เช่น อาหารสำหรับคนเป็นโรคอ้วน โรคไขมันในเลือดสูง โรคเบาหวาน
4) เพื่อเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการในผลิตภัณฑ์ใหม่ ที่เลียนแบบจากอาหารดั้งเดิม


High fiber diet …ใครต้องการ?

กิน ผักให้ได้ 7% ของพลังงานทั้งหมดต่อวันหรือมากกว่า หรือกินผักและผลไม้ วันละ 400 ถึง 800 กรัม หรือ 5 ส่วน (serving) หรือมากกว่าต่อวัน กินให้มากและหลากหลายตลอดปี (1 serving=ผักสด 1 ถ้วยตวง หรือผักสุก ? ถ้วยตวง หรือ ผลไม้ 1 ผล หรือผลไม้หั่นบรรจุกระป๋อง 1/2 ถ้วย)

หากทำได้เช่นข้อความดังกล่าวข้างต้น อาหารเสริมชนิดใยอาหารสูงก็ไม่ใช่สิ่งจำเป็นสำหรับคุณ แต่หากทำไม่ได้ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมใยอาหาร อาจเป็นทางเลือกหนึ่งเพื่อให้ร่างกายได้รับใยอาหารอย่างเพียงพอ
ใยอาหาร (dietary fiber) เป็นส่วนประกอบของพืช ที่เอนไซม์ในระบบทางเดินอาหารของคนไม่สามารถย่อยได้ แต่จุลินทรีย์บางชนิด ลำไส้ใหญ่สามารถย่อยสลายส่วนประกอบบางส่วนของใยอาหารได้ โดยเฉพาะส่วนที่เป็น pectic substance โดยทั่วไปแบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ
  • soluble dietary fiber(ใยอาหารชนิดละลายน้ำได้) ได้แก่ pectin hemicellulose บางชนิด polysaccharides อื่นๆ
  • Insoluble dietary fiber (ใยอาหารชนิดที่ไม่ละลายน้ำ) ได้แก่ lignin celllulose hemicellulose
ใยอาหารทั้ง 2 ชนิด นี้มีผลต่อระบบสรีระ (physiological)และเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างไรนั้น สรุปให้เห็นในตารางต่อไปนี้ :-
อาหารเสริมสุขภาพ

นักวิจัยของสถาบันค้นคว้าและพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหาร ได้ทำงานวิจัยเกี่ยวกับ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีใยอาหารสูงแคลอรีต่ำ หลายโครงการ ด้วยกัน โดยใช้แหล่งของใจอาหารสูงจากผลผลิตทางการเกษตรที่มีในประเทศ ประเภทถั่วต่างๆ ธัญพืช งา เมล็ดพืช ใช้เป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์หลากหลายชนิด อาทิ เช่น อาหารเสริมใยอาหาร ชนิดผง ผลิตภัณฑ์เบเกอรี่ (ขนมปังและคุกกี้) เครื่องดื่มสำเร็จรูปชนิดดื่ม นอกจากนี้ ยังนำส่วนของน้ำมะพร้าวที่เหลือทิ้งมาทำเป็นวุ้นน้ำมะพร้าว ใช้เป็นแหล่ง ของใยอาหาร(cellolose ) สูง นำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ็ต่างๆ มากมาย งานวิจัยถูกเผยแพร่ออกสู่ประชาชนให้สามารถทำเป็นอาชีพเสริม ก่อให้เกิดรายได้ที่ดี อีกหนึ่งทาง

อาหารไทย ทั้งคาว-หวานที่นิยมทานกันส่วนใหญ่ ใส่กะทิ จีงมีไขมันสูงและเป็นไขมันชนิดอิ่มตัวอีกต่างหาก ทำให้ผู้ที่มีปัญหาโคเลสเตอรอลสูง ต่างหวาดกลัวไม่กล้าทานมาก จึงได้นำ Soy oat มาใช้เป็นสารทดแทนใขมัน เนี่องจาก soy oat ตัวนี้ให้แคลอรี่ต่ำเพียง 1 กิโลแคลอรรี่ / กรัม เป็น soluble fiber และให้ความรู้สึกมันๆ เหมือนใขมัน อาหารไทยที่ทำ ไม่ว่าจะเป็นแกงเขียวหวานไก่ น้ำพริกขนมจีน ถั่วกวน สัมปันนี จีงรับประทานได้อย่างเต็มปาก และเต็มใจ

น้ำนมถั่วเหลือง เต้าหู้อ่อน ก็ถูก นำมาพัฒนา ปรับปรุงใหม่ ให้มี soluble fiber มากขึ้น โดยเติม soy oat ลงในส่วนผสม ผู้บริโภคที่นิยมผลิตภัณฑ์เหล่านี้อยู่แล้ว ก็ยิ่ง จะชอบใจมากยิ่งขึ้น เพราะเป็นดับเบิ้ล nutritive value เลยทีเดียว

แล้ว “ขนมอบ” สไตล์ตะวันตกล่ะ…?

ไม่ว่าจะเป็น เค้กกล้วยหอม บราวนี่ ล้วนแต่อุดมด้วยไขมัน จากนมเนย ทานมากย่อมไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพแน่นอน Oatrim -5 ซึ่งเป็นสารทดแทนไขมัน (fat substitute)ถูกนำมาทดแทนเนยสดมีข้อดีคือ ให้พลังงาน 1 กิโลแคลอรี่ต่อกรัม อีกทั้งยังให้ใยอาหารประเภท soluble fiber ช่วยลดโคเลสเตอรอลในเลือด เค้ากล้วยหอม และบราวนี่ ที่พัฒนาขึ้นมีปริมาณไขมันอิ่มตัวและโคเลสเตอรอลต่ำกว่าขนมที่จำหน่ายทั่วไป

ผลิตภัณฑ์แคลอรี่ต่ำ..

นี่ก็เป็นผลิตภัณฑ์อาหารเสริมสุขภาพ อีกชนิดหนึ่ง ที่นักวิจัยได้ทำการศึกษา โดยทำเป็นอาหารว่าง พลังงานต่ำ จากข้าวกล้อง โดยใช้เครื่อง เอ็กซ์ทรูเดอร์ ผลิตภัณฑ์ชนิดนี้ก็จะเป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับ ผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักแต่ก็ยังชอบที่จะเคี้ยวขนมในปากตลอดเวลา นอกจากนี้ ยังได้พัฒนาน้ำปลาหวานสูตรลดแคลอรี่(ต่ำกว่า มาตรฐาน ร้อยละ 30 ) เพื่อสนองความต้องการของผู้ที่ชอบกินมะม่วงน้ำปลาหวานแต่กลัวอ้วน โดยใช้น้ำตาลที่ให้พลังงานต่ำ เช่น sorbitol (ให้พลังงาน 1 ใน 3 ของร่างกาย) high fructose corn syrup (HFC) ที่มีความหวานมากกว่า sucrose 1.2 เท่า และ Xantan gum เป็นส่วนผสมที่เพิ่มความเหนียวให้แก่ผลิตภัณฑ์

อาหาร High Calcium

ผลิตภัณฑ์ ชนิดใดที่เสริม เติม เพิ่ม แคลเซียมบลงไป ดูจะได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก นั่นเป็นเพราะว่า โรคกระดูกผุ กระดูกกร่อน กระดูกพรุน มาาเยือนประชากรของประเทศก่อนที่จะถึงวัยอันควร สาเหตุสำคัญคงเป็นเพราะขาดการออกกำลังกาย และบริโภคแคลเซียมน้อยกว่าปริมาณขั้นต่ำที่กำหนดไว้ สิ่งนี้เป็นเหตุช่วยส่งเสริมให้เสี่ยงต่อการเป็นโรคกระดูกพรุนมากยิ่งขึ้น ดังนั้นผู้คนส่วนใหญ่ จึงพยายามซื้อหาแคลเซียมหรืออาหารเสริมแคลเซียมในรูปแบบต่างๆมารับประทาน

ด้วยเหตุนี้ ผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูป(Food bar) ชนิดแคลเซียมสูง จึงได้ถูกผลิตขึ้น เพื่อให้เหมาะกับผู้บริโภคยุคเร่งรีบ โดยพัฒนาให้เป็นลักษณะ Food bar ที่มีรสชาติคุ้นลิ้นคนไทย อย่างเช่น ข้าวผัด ผัดกะเพรา เป็นต้น โดยข้อเท็จจริงแล้ว หากเราบริโภคอาหารที่มีแคลเซียมสูง เช่น นม ปลาตัวเล็ก ผักใบเขียว งา ฯลฯ เป็นประจำแล้ว อาหารเสริมแคลเซียมก็ไม่ใช่สิ่งจำเป็น

แต่หากจะซื้อหามาบริโภค ก็ควรจะมีความรู้ ความเข้าใจก่อนว่า บางครั้งผลิตภัณฑ์เสริมแคลเซียมที่โฆษณาอวดอ้าง แคลเซียมสูงนั้น เป็นแคลเซียมชนิดไหน เพราะแคลเซียมในแต่ละรูปแบบ จะถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายไม่เท่ากัน พบว่า calcium bioavailability ของ calcium lactate เท่ากับ 86% ,calcium gluconate 77%,calcium citrate 80%,calcium phosphate 56% และ calcium carbonate 76 % ดังนั้น จะซื้อหาแคลเซียมชนิดใดมารับประทานก็ควรจะดูให้ถ่องแท้ มิใช่เพียงแต่สรรพคุณที่โฆษณา

..และในวันนี้จะพบคำว่า Oligofructose ปรากฎอยู่บนฉลากที่บรรจุผลิตภัณฑ์ ต่างๆมันคืออะไร?
Oligofructose เป็น non-digest Oligosaccharides ไม่สามารถถูกย่อยในลำไส้เล็ก เป็นองค์ประกอบทางธรรมชาติ ของ inulin พบในผักผลไม้ทั่วไป เช่น แอสปารากัส หัวหอม กระเทียม กล้วย ข้าวสาลี เป็นต้น จัดว่าเป็น soluble dietary fiber Oligofructose ยังเป็น prebiotic ที่กระตุ้นการเจริญเติบโตของแบคทีเรียในลำไส้ ชนิดให้ประโยชน์แก่ร่างกาย( biofidibacteria ) และที่สำคัญ Oligofructose ช่วยเพิ่มการดูดซึมแคลเซียมเข้าสู่ร่างกาย

..กล่าวได้ว่าอาหารเสริมสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นชนิดใดก็ตาม ทั้งที่มีราคาถูก และราคาแพง ก็หาใช่สิ่งจำเป็นที่จะต้องขวนขวายหามารับประทาน เพราะอันที่จริงหากกินอาหารปกติให้ครบทุกหมู่ ตามหลักโภชนาการแล้ว สุขภาพย่อยดีได้ โดยมิต้องพึ่งพาอาหารเสริมสุขภาพ เพราะคำว่า “เสริม ก็บอกอยู่แล้วว่า มิใช่อาหารหลัก”

รวบรวมโดย เพลินใจ ตังคณะกุล จาก http://www.ku.ac.th ภาพจาก zybernia.wordpress.com

Read More...


หัดทำ แจ่วบอง อาชีพเสริม

แจ่วบอง เป็นน้ำพริกอีสานที่ชาวบ้านชาวช่องรู้จักกันดีเป็นอย่างยิ่ง อันว่า แจ่ว แปลว่า น้ำพริก แต่คำว่า บอง แปลว่าอะไรไม่รู้เหมือนกัน แจ่วบอง เรียกอีกอย่างว่า ปลาร้าบอง ที่ตอนนี้สามารถสร้างรายได้ให้กับผู้ผลิตและผู้จำหน่ายเป็นอย่างดี


แจ่วบอง

แจ่วบอง เป็นน้ำพริกอีสานที่ชาวบ้านชาวช่องรู้จักกันดีเป็นอย่างยิ่ง อันว่า แจ่ว แปลว่า น้ำพริก แต่คำว่า บอง แปลว่าอะไรไม่รู้เหมือนกัน แจ่วบอง เรียกอีกอย่างว่า ปลาร้าบอง ที่ตอนนี้สามารถสร้างรายได้ให้กับผู้ผลิตและผู้จำหน่ายเป็นอย่างดี เพราะมันมีรสชาติที่แซบหลาย ด้วยเหตุฉะนี้ จึงต้องรับประทานกับผัก เพื่อคลายความเผ็ดร้อนลง

แจ่วบอง

นางอัจฉรา เดชพรรณา ประธานกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรวิสาหกิจชุมชนนาจารย์ อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ เล่าให้ฟังว่า กลุ่มฯ มีสมาชิก 20 คน แปรรูปปลาร้า เป็นปลาร้าบอง ด้วยการนำเครื่องปรุงต่าง ๆ เข้าไปผสมหลายรูปแบบ ทำให้ได้หลายรสหลายสูตร เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถเลือกรสได้ตามอารมณ์ อยาก ตามความชอบ เรียกได้ว่า ชอบแบบไหนมีให้เลือกได้หลายแบบ

การทำปลาร้าถือเป็นภูมิปัญญาของคนอีสาน ในการถนอมอาหารไว้กินนาน ๆ ซึ่งได้จากการนำปลามาทำความสะอาด คลุกด้วยเกลือและรำอ่อนและข้าวคั่ว ก่อนนำไปหมักในไหหรือภาชนะที่ปิดฝาให้แน่นสนิท เป็นเวลาประมาณ 1 ปี ก็จะได้ปลาร้าที่มีรสชาติดี พร้อมที่จะนำมารับประทานหรือนำมาปรุงอาหารได้

การนำปลาร้ามาเข้าเครื่องหรือทำปลาร้าบอง ก็หมายถึงการเพิ่มรสชาติของการกินปลาร้าให้แปลกออกไปจากที่เคยรับประทานทุก เมื่อเชื่อวันนั่นเองจะได้ไม่จำเจซ้ำซาก เหมือนคนรับประทานน้ำพริกถ้วยเก่า รสชาติเก่า ๆ มันก็น่าเบื่อเป็นธรรมดาตามประสาวิญญูชน หากเปลี่ยนรสชาติไปบ้างก็เหมือนรับประทานน้ำพริกถ้วยใหม่จะได้ไม่น่าเบื่อไง ด้วยปลาร้าธรรมดาเมื่อตักออกมารับประทานจะให้รสเค็มอย่างเดียว แต่พอใส่เครื่องปรุงเข้าไป ก็จะได้รสชาติที่แปลกใหม่ ชวนรับประทาน นำมารับประทานกับข้าวเหนียวหรือข้าวสวยก็ได้ สามารถเก็บไว้ได้นานนับเดือน ทีเดียว

จากความอร่อยของปลาร้าบอง ชาวอีสานจึงนำเผยแพร่ ออกสู่คนต่างถิ่น กระทั่งทุกวันนี้ ปลาร้าบองได้โกอินเตอร์อย่างภาคภูมิใจ ทำรายได้ให้ผู้ผลิตอย่างดี ข้อนี้มิใช่อะไร เพราะมีชาวอีสานไปทำงานยังต่างประเทศ เป็นจำนวนมากนั่นเอง!

สำหรับกรรมวิธีการทำปลาร้าบอง

กลุ่มแม่บ้านเกษตรกร อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ ประธานกลุ่ม กล่าวว่าสูตรที่ทำอยู่ทุกวันนี้มีส่วนผสมคือ ปลาร้าที่นำมาทำปลาร้าบอง ต้องเป็นปลาที่ผ่านการหมักมาไม่น้อยกว่า 1 ปี ซึ่งนิยมใช้ปลาช่อนเพราะมีเนื้อนุ่มกว่าปลาชนิดอื่น การทำปลาร้าบอง มีส่วนผสมคือ พริก 500 กรัม ข่า 300 กรัม กระเทียม 5 กก. หอม 5 กก. งา 300 กรัม ใบมะกรูด 200 กรัมและปลาร้า 6 กก.

วิธีการทำ

นำส่วนผสมดังกล่าวทุกอย่างอบให้สุกและนำไปบดให้ละเอียด นำปลาร้าไปต้มให้สุกกรองเอาแต่น้ำแล้วนำเครื่องปรุงที่เตรียมไว้ทั้งหมดมา รวมกันนำไปเข้าเครื่องนวดผสมให้เข้ากันจนละเอียด แล้วนำน้ำปลาร้าที่สุกแล้วเทลงในเครื่องนวดผสมเข้ากันดีจนเหนียวได้ที่ก็ เป็นอันเสร็จ พิธี จากนั้นนำไปบรรจุกล่อง โดยการชั่งน้ำหนักให้ได้ 80 กรัมต่อ 1 กระปุก จำหน่ายด้วยราคา 10 บาท ส่วนอีกราคาหนึ่งคือ 50 บาท บรรจุในกระปุกด้วยน้ำหนัก 500 กรัม

แต่กว่าที่จะจำหน่ายได้ราคาดีจนทุกวันนี้ มีหลายหน่วยงานที่คอยให้กำลังใจและสนับสนุนงบประมาณเพื่อจัดสร้างอาคาร ซื้อวัสดุอุปกรณ์และให้เงินหมุนเวียน เมื่อปี 2545 เช่น กศน.จ.กาฬสินธุ์ สนับสนุนเงิน 13,000 บาท อบจ.กาฬสินธุ์ สนับสนุนเงิน 100,000 บาท เทศบาลตำบลนาจารย์หนุนเงิน 360,000 บาท จังหวัดกาฬสินธุ์สนับสนุนงบซีอีโอ 100,000 บาท สหกรณ์สนับสนุน 40,000 บาท มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสานสนับสนุนอุปกรณ์ตู้อบไฟฟ้า ตู้ตากพลังงานแสงอาทิตย์ พร้อมให้ความรู้ด้านการแปรรูปอาหารอีกด้วย ส่วนกรมส่งเสริมการเกษตรสนับสนุนเงิน 150,000 บาท จัดซื้ออุปกรณ์และบรรจุภัณฑ์

การทำปลาร้าบองนั้น ส่วนประกอบล้วนมาจากผลผลิตที่สามารถผลิตได้เองด้วยคนในชุมชน เครื่องประกอบต่าง ๆ ล้วนเป็นสมุนไพรที่สามารถปลูกเองได้ ปลูกได้ทุกบ้าน และผักที่นำรับประทานด้วยนี้ก็เป็นผักพื้นบ้านที่มีคุณประโยชน์ นับเป็นกิจกรรมอย่างหนึ่งที่เป็นการเพิ่มมูลค่าของทรัพยากรในท้องถิ่น
ที่มา : เดลินิวส์

Read More...


เปิดร้านอาโก ขายกาแฟสด รายได้ดี

สุพจน์-เพ็ญแข แววหงษ์ สองสามีภรรยา ขวนขวายหาอาชีพเสริม และผลพวงจากการเข้าฝึกอบรมในโครงการ คม ชัด ลึก ฝึกอาชีพ เมนูกาแฟสด-เต้าหู้นมสด ทั้งคู่จึงเปิดร้านอาโก ย่านสี่แยกกบินทร์บุรี ขาย 2 เมนูนี้ พร้อมเสริมอาหารจานเดียวในเวลาต่อมา


กาแฟสด อาโก

เพ็ญแข ภรรยาวัย 48 ปี เล่าว่า ร้านอาโก นี้ใช้ทำเลที่พักอาศัยของตนเองซึ่งอยู่หน้าหมู่บ้านก้องตะวันวิลล่า ถ.สุวรรณศร ห่างจากสี่แยกกบินทร์บุรี ก่อนเข้าสู่ตัวเมืองปราจีนบุรีราว 1 กิโลเมตร เปิดเมื่อปลายปี 2549 หลังตนไปอบรมเมนูกาแฟสด-เต้าหู้นมสด ในโครงการ คม ชัด ลึก ฝึกอาชีพ ก่อนถ่ายเทความรู้ให้ สุพจน์ สามี ซึ่งลาออกจากงานดูแลกิจการร้านอย่างเต็มตัว ขณะที่ตนยังคงทำงานอยู่บริษัทแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลจากร้านราว 800 เมตร จะคอยมาดูแลภาพรวมและช่วยเหลือบ้างในช่วงเที่ยง หลังเลิกงาน วันหยุดต่างๆ
ทั้ง 2 เมนูลูกค้าให้การตอบรับดีมาก ที่เป็นอย่างนี้เพราะเราใช้วัตถุดิบที่ดี แม้จะแพงไปหน่อย แต่เราก็สามารถกำหนดราคาขายได้เอง เพราะมั่นใจในคุณภาพ อย่างกาแฟเราใช้อาราบิกาแท้ปรุง เมื่อบวกเคล็ดลับการทำอื่นๆ ซึ่งวิทยากรแนะนำทุกขั้นตอน ผสมเทคนิคของเราเองด้วย จึงทำให้กาแฟสดแก้วนั้นรสชาติกลมกล่อม หอม อร่อย เช่นเดียวกับเต้าหู้นมสด ที่เมื่อลูกค้าเข้าร้านก็จะสั่งรับประทานคู่กันตลอด

ด้วยเชื่อมั่นในคุณภาพ ฝีมือความอร่อยของทั้ง 2 เมนู เพ็ญแขยอมรับว่า สนนราคาขายกาแฟสดทุกรายการจะอยู่ที่แก้วละ 40-50 บาท ขณะที่เต้าหู้นมสดกำหนดราคาไว้ที่ถ้วยละ 20 บาท ที่ผ่านมาลูกค้าซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนทำงาน พนักงานออฟฟิศ นักเรียน นักศึกษา จึงไม่ปฏิเสธ พร้อมอุดหนุนอย่างต่อเนื่อง กระทั่งร้านเพิ่มเมนูอาหารจานเดียวในเวลาต่อมา เพื่อตอบโจทย์และเป็นทางเลือกให้ลูกค้าขาประจำที่ต่างประสานเสียงอยากให้ เพิ่มเมนูเหล่านี้ เพื่อความสะดวกในการรับประทานอย่างครบวงจร

ร้านกาแฟสด อาโก

รายการอาหารจานเดียวของร้านอาโก เพ็ญแขบอกว่า มีทุกเมนู แต่ที่ลูกค้าชอบและสั่งมากเป็นพิเศษก็คือ ผัดไทย และ สปาเกตตีขี้เมา ราคาอยู่ที่จานละ 45 บาท ซึ่งราคาขนาดนี้เธอการันตีว่าคุ้มค่ากับความอร่อยชนิดเต็มจานแน่นอน ส่วนใครที่ผ่านไปทางแยกกบินทร์บุรี สนใจอยากลองชิมเมนูอร่อยเหล่านี้ของร้าน เธอบอกแวะชิมได้ตลอดเวลา เพราะร้านเปิดทุกวัน นอกจากมีสามีคอยดูแลทุกเมนูอย่างใกล้ชิดแล้ว ยังมีน้องๆ ไว้คอยต้อนรับเพื่อบริการความอร่อยอีก 5 คน หากไปไม่ถูก โทรสอบถามได้ที่โทร.08-1295-2266

มีนาคมปีหน้า เราจะเปิดร้านอีกสาขา อยู่ที่ปั๊ม ปตท.บริเวณสี่แยกกบินทร์บุรี แต่จะอยู่แนวถนนที่มุ่งหน้าเข้าตัวจังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งที่ใหม่นี้เราไปเช่าพื้นที่เขา และกำหนดขายทุกเมนู โดยจะเน้นที่เต้าหู้นมสด-กาแฟสด อาหารจานเดียว และอาจมีเมนูอื่นๆ เพิ่มด้วย

เพ็ญแข ทิ้งท้ายว่า ในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้คนส่วนใหญ่ก็อยากมีรายได้เพิ่มเพื่อให้พอกับค่าใช้จ่าย แต่บางคนพอเริ่มต้นก็เกิดความกลัว ลังเล และท้อแท้ในที่สุด แต่สำหรับตัวเธอเองไม่ได้รู้สึกอย่างนั้น ขณะเดียวกันก็มองว่าอุปสรรคเหล่านี้เป็นแรงกระตุ้นให้คิดที่จะสู้ต่อไป ซึ่งนั่นเป็นที่มาให้ร้านอาโก มีรายได้เฉลี่ยทุกเมนูไม่ต่ำกว่า 5-6 หมื่นบาทต่อเดือน

ส่วนใครที่ว่างงานหรือกำลังมองหาอาชีพเสริม โครงการฝึกอาชีพของ คม ชัด ลึก มีเปิดอบรมเหมือนเช่นเคย เริ่มจากเมนูเต้าหู้นมสด-เต้าฮวยน้ำขิง วันอาทิตย์ที่ 17 มกราคม 2533 ส่วนเมนูกาแฟสด ซึ่งอบรมในเชิงบริหารธุรกิจร้านกาแฟสด 2 วัน คือวันเสาร์-อาทิตย์ที่ 6-7 กุมภาพันธ์ 2553 สนใจสอบถามรายละเอียดที่โทร.0-2338-3356 และ 0-2338-3357

ที่มา : คมชัดลึก

Read More...


ทำสับปะรดกวน เป็นอาชีพเสริม

ใครสัญจรผ่านถนนสาย โพนแพง-หนองคาย ต้องสะดุดตากับสับปะรด ที่เรียงไว้อย่างเป็นระเบียบ แถมมีผลิตภัณฑ์ที่แปรรูปอีกหลายรายการ เป็นจุดดึงดูดให้ผู้ที่สัญจรไปมาต้องแวะ ซื้อผลสับปะรดสด บ้างซื้อสับปะรดกวนที่แปรสภาพแล้ว เพราะสามารถใช้เป็นของฝากได้ ทำให้หน้าร้าน ไร่ปิยะดา หนาตาไปด้วยผู้คนที่มาอุดหนุน


สับปะรดกวน

ประจบ โลหะปาน วัย 45 ปี เจ้าของร้าน เล่าให้ฟังว่า ที่บ้านปลูกสับปะรดพันธุ์ ปัตตาเวียไว้กว่า 15 ไร่ แต่ละปีให้ผลผลิตค่อนข้างดี ด้วยเป็นพันธุ์ที่มีคุณภาพดี เนื้อแน่น มีรสหวานฉ่ำ จึงส่งขายตามตลาดได้อย่างคล่องตัว อีกทั้งยังมีลูกค้าประจำมารับไปขาย แต่ด้วยความที่อยากใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์และเพิ่มค่าให้แก่สับปะรดที่ปลูกให้มากขึ้น จึงเกิดแนวคิดที่จะแปรรูปสับปะรดในไร่ให้สามารถขายได้ตลอดทั้งปี

เริ่มจากการทำสับปะรดกวน ตามสูตรที่คิดค้นขึ้นเอง จากที่มีเพียงรสเดียวก็ปรับปรุงสูตรเรื่อยๆ จนขณะนี้มี 3 รส ได้แก่ รสเผ็ด รสเปรี้ยว และรสมัน โดยทั้งสามรสนอกจากรสชาติกลมกล่อมแล้ว ยังมีความพิเศษตรงคลุกงา และปั้นเป็นก้อนกลมๆ พอดีคำ จึงถูกใจกลุ่มผู้บริโภคเป็นอย่างมาก

ลูกค้าแต่ละคนต่างชอบรสชาติที่ไม่เหมือนกัน จึงคิดค้นสูตรใหม่ๆ เพื่อเอาใจลูกค้าทุกกลุ่ม ทำให้สับปะรดกวนในร้านมีรสชาติหลากหลาย อาทิ รสเผ็ดเราก็ใส่พริกลงไปด้วย ทำให้มีรสเผ็ดปนหวานคล้ายมะขามแก้ว ส่วนรสเปรี้ยวก็จะกวนเฉพาะเนื้อสับปะรดเท่านั้น ไม่ผสมน้ำตาล ส่วนรสมันก็จะเน้นใส่มะพร้าวลงไปเยอะหน่อยเพื่อให้หอมมันยิ่งขึ้น”

ด้วยความขยันขันแข็ง ประกอบกับมีความคิดสร้างสรรค์ มุ่งมั่นคิดค้นสูตรใหม่ๆ เอาใจลูกค้า ทำให้สินค้าในร้านของเธอมียอดขายกว่า 2 หมื่นบาทต่อเดือน โดยราคาสับปะรดสดขายกิโลกรัมละ 10 บาท ส่วนสับปะรดกวน ขายกล่องละ 10 บาท ซึ่งราคานี้ประจบบอกว่าขายมากว่า 10 ปี พร้อมกันนี้ในร้านก็ยังมีผลิตภัณฑ์จากผลไม้ชนิดอื่น เช่น มะขามกวน กระท้อนกวน มะเขือเทศกวน ข้าวเกรียบสับปะรด และข้าวเกรียบใบเตย เพื่อเป็นตัวเลือกให้แก่ลูกค้า

ผลไม้ที่นำมาเป็นวัตถุดิบก็เป็นผลไม้ในท้องถิ่น ปลูกตามริมฝั่งแม่น้ำโขง ซื้อมาในราคากันเอง แล้วนำมาแปรรูปเป็นของฝาก สามารถเพิ่มคุณค่าให้แก่ผลไม้พื้นบ้านได้อย่างมาก แต่ที่ขายดีที่สุดในร้านก็ยังคงเป็นสับปะรดกวน

สับปะรดกวน 3 รส รวมถึงผลิตภัณฑ์ต่างๆ ในร้าน “ไร่ปิยะดา” มีผู้คนแวะเวียนมาเลือกซื้อไปเป็นของขวัญและของฝากอย่างไม่ขาดสาย สะท้อนให้เห็นถึงคุณภาพของผลไม้พื้นบ้านที่มีความพิเศษอยู่ในตัวเอง บวกความพิถีพิถันความตั้งใจของผู้ประกอบการที่คิดค้นหาวิธีเพิ่มมูลค่าให้ แก่พืชผลจนกลายเป็นผลิตภัณฑ์ขึ้นชื่อ มีลูกค้าอุดหนุนต่อเนื่อง สร้างเม็ดเงินได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ

ท่านที่สนใจอยากสอบถามข้อมูลรายละเอียดการทำ ติดต่อได้ที่คุณประจบ โลหะปาน บ้านเลขที่ 60 หมู่ 9 ต.โพนแพง อ.รัตนวาปี จ.หนองคาย หรือโทร.08-9278-0837, 0-4248-0093

ที่มา : คมชัดลึก

Read More...




----------------

ปรับปรุง
รายการบทความทั้งหมด



การบำรุงรักษารถยนต์เบื้องต้น



ร้านค้าเคลื่อนที่ ใช้ รถบรรทุกขนาดเล็กมาดัดแปลง



รวมบทความอาชีพ เสริม หลากไอเดียวิธีหารายได้เสริม



รวมบทความงานฝีมือ-สิ่งประดิษฐ์ รายได้เสริม



ทองม้วน thong muan ; rolled wafer





MASK รุ่นสายคล้องคอ







MASK รุ่นสายคล้องคอ. ��รุ่นนี้เป็นที่นิยมใช้กันมาก #ขายดีมาก
ทำจากผ้าคอตตอนแท้ 100%  ไม่ผสม เนื้อผ้านุ่ม 
3 ชั้น. สวมใส่พอดีกับใบหน้า ไม่เจ็บหู มีสายคล้องคอปรับได้
เวลาถอดออก ไม่ต้องกลัวลืม เพราะถอดแล้วคล้องคอไว้ได้
บรรจุในถุงซิปฟรอย์อย่างดี
ราคาชิ้นละ. 59. บาท. ไม่รวมส่ง 
มีหลายสีให้เลือกนะคะ   สนใจทักแชทขอดูสีผ้าได้นะคะ
หน่วยงาน บริษัท ห้างร้าน หรือ สนใจสั่งไปจำหน่าย 
มีเรทราคาส่งค่ะ

-> id line : noeyhorm_06
#มีวางจำหน่ายหน้าร้านชานมไต้หวันมาราชาสาขาจรัญ44


ร้านมาราชาชานมไข่มุก สาขาจรัญสนิทวงศ์ 44
● รับบัตรสะสมครบ 10 แก้ว แลกรับฟรี 1 แก้ว
● สั่งเดลิเวอรีผ่าน LINE MAN, Foodpanda ,GET ...ถึงมือปั๊บพร้อมดื่มปุ๊บ!
● อัพเดทโปรโมชั่นใหม่ๆ รสชาติใหม่ ตลอดเวลา
● มีเมนูให้เลือก 40 กว่าเมนู : https://bit.ly/2Z9iqV0






























































เลือกช่องทางติดต่อและรับข่าวสารบริการหลังการขาย
ฟอร์ด พลปิยะอยุธยาและฟอร์ด พลปิยะวังน้อย

--------------------------------------------------------------------------------------------
แคมเปญ-โปรโมทชั่น อะไหล่ฟอร์ด อัพเดททางออนไลน์และปรับปรุงข้อมูลออนไลน์
อะไหล่ฟอร์ด อะไหล่รถฟอร์ด อะไหล่รถยนต์ฟอร์ด อะไหล่ฟอร์ดแท้ ร้านขายอะไหล่รถฟอร์ด ขายอะไหล่รถฟอร์ด อะไหล่ฟอร์ด
 
Option

รวมบทความอาชีพเสริม หลากไอเดียวิธีหารายได้เสริม หาอาชีพเสริมอิสระทำเงิน สร้างอาชีพอิสระงานฝีมือ แนะนำการสร้างรายได้เสริมทำเงินด้วยการขายสินค้าหรือขายของเป็นอาชีพเสริม อิสระงานฝีมือ แนะแนวธุรกิจ อาชีพเสริม อาชีพแก้จน อยากจะมีรายได้เสริมนอกเหนือจากงานประจำ บล๊อกจัดทำขึ้นเป็นวิทยาทานเพื่อเผยแผ่ความรู้อันจะเป็นไปเพื่อบุญกุศล ขอให้ทุกท่านที่มีส่วนร่วมในบทความของบล๊อกนี้ จงได้รับอานิสงฆ์ด้วยเทอญ.