สูตรขนม สูตรอาหาร อาชีพรายได้เสริม ประกาศฟรี โฆษณาฟรี Career Articles Extra Income
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

Drop Down MenusCSS Drop Down MenuPure CSS Dropdown Menu

สูตรทำขนม สตรอเบอรี่เค้กหน้าวิปครีม

สตรอเบอรี่เค้ก หน้าวิปครีม ทำง่าย ต้นทุนต่ำ ทำขายกันง่ายๆ ได้เลย

ด้วยตอนนี้เศรษฐกิจไม่ค่อยดีเท่าไร ในปัจจุบัน มีขนมเค้กมากมายให้เราได้เลือกกินกันตามที่เราชอบ แต่วันนี้ เรามีวิธีการทำขนมสตรอเบอรี่เค้กหน้าวิปครีมมาสอนกัน

สตรอเบอรี่เค้ก

ที่เลือก ขนมสตรอเบอรี่เค้กหน้าวิปครีม มาสอนเพราะเป็นขนมเค้ก ที่ไม่ค่อยมีขายตามท้องตลาดแล้ว ต้นทุนก็ไม่สูงมากเท่าไร มาเริ่มทำขนมสตรอเบอรี่เค้กหน้าวิปครีมกันเลยดีกว่า

ส่วนผสม : ขนมสตรอเบอรี่เค้กหน้าวิปครีม

  • - ซื้อแป้งเค้กที่ไว้สำหรับทำเค้กโดยเฉพาะประมาณ 90 กรัม ไข่ไก่ 3 ฟอง อย่าใช้ไข่เป็ดทำเพราะจะมีกลิ่นเหม็นคาว
  • - เนยสดจืด 40 กรัม วิปครีม 400 cc น้ำตาล 5 ช้อนโต๊ะ ใช้น้ำตาลทรายเท่านั้นน่ะค่ะ
  • - ต่อจากนี้ผสมน้ำซอส น้ำ 200 cc น้ำตาล 90 กรัม บรั่นดี 3 ช้อนโต๊ะรวมกันแล้วเตรียม สตอเบอรี่ ผงฟู เนย
เท่านี้ก็เรียบร้อยแล้ว สำหรับการเตรียมส่วนผสม สำหรับทำขนมสตรอเบอรี่เค้กวิปครีม แล้ว
มาดูกันน่ะค่ะว่า ส่วนผสมที่เตรียมง่าย และราคาไม่สูงเท่าไร จะสามารถทำขนมออกมาให้น่าทานได้แค่ไหน

วิธีทำ : ขนมสตรอเบอรี่เค้กหน้าวิปครีม

เริ่มจากการ ใส่น้ำร้อนพอประมาณ แล้วตอกไข่ไก่ตีสักพักให้เข้ากันแล้วใส่น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ ตีให้เข้ากันจนเป็นสีครีม ร่อนผงฟูทิ้งไว้ เสร็จแล้วนำเค้กและผงฟูที่ร่อนทิ้งไว้มาคนให้เข้ากัน แล้วนำเนยไปละลายในน้ำอุ่น แล้วค่อยๆเทลงไปกับส่วนผสม ที่ผสมไว้แล้วคนให้เข้า กันเบาๆ

หลังจากส่วนผสมเข้ากันดีเรียบร้อยแล้ว เทใส่พิมนำเข้าเตาอบ เปิดไฟ ประมาณ 180 องศา เราจะไม่ใช้ไฟที่แรงมากจนเกินไปน่ะ พออบสุกก็ตัดเค้กเป็นครึ่ง แล้วนำไปพักไว้

ตีวิปครีม ใส่น้ำตาลและใส่เนยลงไปประมาณ 40 กรัม แล้วตีรวมกันให้แข็งตัว แต่ไม่ต้องแข็งตัวมาก เดี๋ยวปาดหน้าเค้กแล้วไม่สวย จากนั้นก็ใส่สตอเบอรี่บนเค้กก่อนแล้วนำใส่วิปครีมลงไป เอาสตอเบอรี่มาหั่น วางเรียงๆไว้แล้วแต่เราจะแต่งหน้าเค้กแบบไหนก็ได้

อย่าใส่วิปครีมจนหมดนะ เหลือเอาไว้มาปั่น ให้แข็งอีกรอบ นำวิปครีมที่เหลือ มาปั่นแล้วเอามาใส่หลอดที่ทำเค้กให้เป็นหัวแหลมๆแล้วแต่ง หน้าเค้กด้วยวิปครีมที่ปั่นไว้ด้วย

แค่นี้เราก็ได้ขนมสตรอเบอรี่เค้กหน้าวิปครีม มาทำขายกันง่ายๆเลย เห็นไหมว่า ขนมสตรอเบอรี่เค้กหน้าวิปครีมทำง่ายแล้วต้นทุนต่ำด้วย ใครว่างๆลองไปทำขนมสตรอเบอรี่เค้กหน้าวิปครีมทานกัน
ที่มา http://www.oknation.net/blog/greenbag/2009/07/01/entry-5

Read More...


ทำอาชีพเสริม เปิดร้านข้าวขาหมู

เปิดร้าน”ข้าวขาหมู” เป็นอาชีพเสริม ชูเนื้อนุ่มอร่อย-น้ำเข้มข้นดึงลูกค้า สำหรับผู้ที่สนใจอยากจะเป็นเจ้าของกิจการร้านขายข้าวขาหมู




อาชีพเสริม เปิดร้านข้าวขาหมู


ด้วยชอบ “ข้าวขาหมู” เป็นอาหารจานโปรด เมื่อมีโอกาสก็จะออกนอกบ้านตระเวนชิมร้านอร่อยตลอดเวลา เป็นแรงผลักให้ “ทรงพล-กานดา เลี่ยมสมบูรณ์” เจ้าของร้านถ่ายรูปย่านถนนติวานนท์ ต.บางพูด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี เลือกที่จะ เปิดร้านขายข้าวขาหมู เป็นอาชีพเสริม ในยามที่เศรษฐกิจตกต่ำเช่น ปัจจุบัน หลังทั้งคู่ได้รับการฝึกอบรมเมนูนี้จากที่ต่างๆ รวมทั้งโครงการ “คม ชัด ลึก ฝึกอาชีพ” ปลายปีที่แล้ว ทำให้มีรายได้เพิ่มในแต่ละวันไม่น้อย

กานดา เล่าว่า โดยปกติเป็นคนชอบข้าวขาหมู และซื้อมารับประทานเป็นประจำ พร้อมกันนั้น เมื่อมีเวลาก็มักจะตระเวนชิมร้านข้าวขาหมูที่มีชื่อเสียง เพื่อพิสูจน์รสชาติความอร่อยของแต่ละร้าน และในระหว่างนั้น ทั้งเธอและทรงพลสามี จึงเกิดไอเดียอยากจะเปิดร้านขายข้าวขาหมู เพื่อทำเป็นอาชีพเสริม

จากเดิมที่เปิดห้องภาพหรือร้านถ่ายรูปอยู่แล้ว เนื่องจาก การขาย ข้าวขาหมู นั้นเธอมองว่า ขั้นตอนในการทำไม่ยุ่งยากมากนัก ใช้คนน้อยด้วย ที่สำคัญนอกจากทั้งเธอและสามีจะเป็นคนชอบกินข้าวขาหมูด้วยแล้ว เมนูนี้ยังเป็นที่ต้องการของลูกค้าอีกหลายๆ คน

อาชีพเสริม เปิดร้านข้าวขาหมู
ต่อเมื่อปลายปี 2551 ทั้งคู่ได้ตัดสินใจไปสมัครฝึกอบรมวิชาชีพระยะสั้นในโครงการ “คม ชัด ลึก ฝึกอาชีพ” หลักสูตรข้าวขาหมู โดย วิรัตน์ ศิริวิกรานต์ เจ้าของร้านข้าวขาหมู ตรอกไก่-บางรัก ที่ไปเปิดร้านย่านถนนรัตนาธิเบศร์ จ.นนทบุรี เป็นวิทยากร

“วิทยากรให้ความรู้ดีมาก เขาจะบอกสูตรอย่างละเอียด รวมทั้งขั้นตอนการทำข้าวด้วย ขณะเดียวกันก็ให้ผู้เข้าอบรมได้ลงมือปฏิบัติจริง มีการลองผิดลองถูกกัน ซึ่งหลังจากอบรมเสร็จเรียบร้อย พี่ก็ยังไม่ได้ตัดสินใจเปิดร้านขายในทันที หากนำสูตรที่ได้จากการเรียนมาปรับปรุงรสชาติ ให้เข้ากับในแบบฉบับที่ตัวเอง ชื่นชอบ นั่นก็คือรสชาติน้ำราดจะต้องเข้มข้น เนื้อขาหมูต้องนุ่ม ที่สำคัญจะเลาะเอาไขมันใต้หนังออก เพื่อให้ได้อร่อยกับขาหมูล้วนๆ โดยเวลารับประทานจะได้ไม่กังวลเรื่องอ้วนมากไป”

หลังจากปรับปรุงสูตรเข้าที่แล้ว ทั้งคู่ตัดสินใจลงทุน 2 หมื่นบาท เปิดร้านข้าวขาหมูขึ้นมาหน้าร้านถ่ายรูป พร้อมตั้งชื่อร้านว่า “ธิดาขาหมู” เลขที่ 41 / 21 ถ.ติวานนท์ ต.บางพูด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี เปิดบริการตั้งแต่ 09.00-16.00 น.ทุกวัน

โดยข้าวขาหมูของร้านจะเน้นเรื่องวัตถุดิบที่ต้องสด สะอาด เครื่องปรุงรสต่างๆ ในการทำน้ำพะโล้ขาหมูนั้นจะเน้นสินค้าที่มีคุณภาพแม้ราคาจะแพงหน่อยก็ตาม เพื่อให้ได้รสชาติที่ออกมากลมกล่อม ซึ่งในแต่ละวันทำให้ครอบครัวเลี่ยมสมบูรณ์ มีรายได้สุทธิเมื่อหักต้นทุนแล้วตกวันละ 500-1,000 บาท

“การที่เราลงมือทำอาชีพเสริม ขอให้นึกถึงสิ่งที่ตัวเองถนัดและชอบเอาไว้ก่อน เพราะนั่นคือพื้นฐานที่จะทำให้คนเราทำสิ่งนั้นๆ ออกมาได้ดี อย่างที่เราชอบรับประทานข้าวขาหมู จึงเปิดร้านขายข้าวขาหมูขึ้น และตอนนี้ที่ร้านกำลังมีเมนูใหม่ออกมาเสริมอีก คือข้าวหมูพริกไทยไว้เป็นทางเลือกให้แก่ลูกค้า” กานดา บอก
ไม่ใช่เรื่องยากเลย สำหรับผู้ที่สนใจอยากจะเป็นเจ้าของกิจการร้านขายข้าวขาหมูเล็กๆ โดยเฉพาะท่านที่ว่างงาน ท่านที่กำลังมองหาอาชีพเสริม หรือจะเป็นอาชีพหลักก็ไม่ว่ากัน เพราะโครงการฝึกอาชีพระยะสั้นของ คม ชัด ลึก มีเปิดอบรมเมนูนี้กันอยู่ตลอดเวลา ส่วนจะเป็นวันไหน เมื่อไหร่นั้น สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร.0-2338-3356-7 เพียงท่านละ 1,177 บาท

โดย “ศุภชัย สินธ์ประเสริฐ ” จาก คมชัดลึก http://www.komchadluek.net

Read More...


เปิดร้านเบเกอรี่ อย่างไร ให้ขายดี?

ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่คิดจะเปิดร้านเบเกอรี่ ทำอย่างไรถึงจะให้ขนมขายดี เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด อาชีพเสริม สร้างรายได้ ในการดำเนินกิจการร้านเบเกอรี่

สิ่งแรกที่ต้องคำนึงคือ ทำอย่างไรให้ขนมภายในร้าน มีคุณค่าน่าสนใจน่าซื้อ ทำอย่างไรให้ขนมภายในร้าน มีคุณค่าน่าสนใจ น่าซื้อ คุ้มกับค่าเงินที่ผู้ซื้อต้องเสียไป พูดง่ายๆ ว่าทำอย่างไรถึงจะให้ขนมขายดี ต่อไปนี้ จะเป็นข้อแนะนำ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ในการดำเนินกิจการร้านเบเกอรี่

ร้านเบเกอรี่

1.บอกลูกค้าล่วงหน้าถึงตัวขนมที่คุณจะวางขาย

ถ้า คุณวางแผนจะทำขนมชนิดพิเศษกว่า ที่มีขายตามปกติ เช่น อาจเป็นขนมสำหรับเทศกาลต่างๆ คุณก็ควรจะบอกลูกค้า ให้ทราบล่วงหน้าถึงขนมนั้นๆ เพราะจะเป็นการกระตุ้น ให้ลูกค้ากลับมาอุดหนุนร้านคุณอีก สามารถทำให้คุณกำหนดได้ว่าขนมชนิดใด ที่ลูกค้าสนใจมากที่สุด

2.บอกให้ลูกค้ารู้จักชื่อขนม

วิธีง่ายๆ และดีที่สุดคือ เขียนชื่อขนมบอกไว้ให้สะดุดตาเป็นการกระตุ้นความสนใจ นอกจากนี้ยังมีวิธีการที่ควรทำคือ ถุงที่ใช้ใส่ขนม นอกจากจะต้องมีชื่อร้านและสัญลักษณ์ของร้านแล้วควรจะมีชื่อ ขนมที่ขายอยู่ด้วย

3.การจัดขนมในร้าน

การโชว์ขนม ก็คือการให้ขนมในร้านมีคนเห็น และสะดุดตามากที่สุด ลักษณะพิเศษบางประการของขนม จะช่วยให้ลูกค้าจดจำชนิดและชื่อของขนมได้ เช่น ขนมปังฝรั่งเศส และควรให้คำอธิบายสั้นๆ สำหรับขนมที่มีลักษณะที่แตกต่างไป จากปกติจะทำให้ลูกค้าสนใจมากขึ้น ในการโชว์ขนมควรเน้นเรื่องสีของขนม เช่น ไม่ควรวางขนมที่มี สีเหมือนกันหรือใกล้เคียงกันไว้ด้วยกัน เพื่อกระตุ้นความสนใจของผู้ซื้อ ซึ่งเป็นวิธีที่ได้ผลมากที่สุดในการจัดโชว์หน้าร้าน

4.มีตัวอย่างให้ลองชิมสำหรับผู้ซื้อ

เมื่อมีการแนะนำสินค้าใหม่ วิธีที่ดีที่สุด คือ การนำเอาขนมตัวใหม่มาเป็นตัวอย่างให้ลูกค้าทดลองรับ ประทาน วิธีนี้ใช้ได้ผลมาก เพราะลูกค้าจะกระตือรือร้นมากในการทดลองสิ่งใหม่ๆ

5.ให้คำแนะนำ ปรึกษาและอธิบายด้วยความเต็มใจ

อย่าปล่อยให้ลูกค้าสับสน กับชนิด ลักษณะและรสชาติของขนม ที่แตกต่างกันแต่ควรให้ความกระจ่างกับลูกค้า และต้องแสดงให้ลูกค้าเห็นว่าเรามีความเต็มใจ และยินดีที่จะให้บริการลูกค้าอยู่เสมอ

6.จัดรายการพิเศษเพื่อขอบคุณลูกค้า

การพยายามจัดหาสิ่งใหม่ๆ ให้กับลูกค้า จะเป็นอีกวิธีที่ทำให้ลูกค้าประทับใจ ในต่างประเทศเจ้าของร้านบางรายส่งเสริมการขายโดยการจัดรายการพิเศษ เพื่อขายขนมปังแฟนซี สำหรับเด็กๆ วิธีนี้จะทำให้คุณทราบถึงความพอใจของลูกค้าอีกด้วย

7.รับฟังคำแนะนำจากลูกค้า

อย่าลังเลใจ ในการถามหรือ ขอความคิดเห็นจากลูกค้า เพราะคือโอกาสที่จะทำให้คุณรู้จักลูกค้ามากขึ้น และลูกค้าจะรู้สึกเชื่อถือในร้านของคุณ ผลที่ตามมาก็คือลูกค้าจะกลับมาอุดหนุนที่ร้านอีกและยังจะบอกต่อๆ กันไปถึงคุณภาพ และความพิถีพิถันของขนมในร้านของคุณ

ตามที่กล่าวมานี้ คงจะเป็นวิธีการที่ช่วยทำให้ร้านเบเกอรี่ให้มีกำไรมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม คุณต้องดูลักษณะนิสัยของลูกค้าในถิ่นที่คุณเปิดร้านอยู่ เพื่อปรับปรุงเปลี่ยนแปลงร้านของคุณให้เป็นที่พอใจ ของลูกค้าอยู่เสมอและคิดว่าคงจะไม่เกินความสามารถของคุณแน่ๆ

ที่มา http://www.manager.co.th ภาพประกอบจาก restaurants.ziplocal.com

Read More...


น้ำผัก-น้ำผลไม้ คั้นขายสด รายได้ดี

อาชีพเสริม ขายน้ำผัก-น้ำผลไม้ 100% คั้นสด เป็นอีกรูปแบบการขายเครื่องดื่ม เพื่อสุขภาพที่ได้รับความนิยมจากลูกค้า สร้ายรายได้ดี น่าสน

น้ำผัก-น้ำผลไม้ 100% คั้นสด เป็นอีกรูปแบบการขายเครื่องดื่ม เพื่อสุขภาพที่ได้รับความนิยมจากลูกค้า สร้ายรายได้ดี อาชีพเสริมน่าสน คั้นกันสด ๆ ให้ดูกันเห็น ๆ ไม่มีน้ำตาล ได้รับคุณประโยชน์ทางโภชนาการล้วน ๆ เป็นอีกช่องทางทำกิน ที่จะริมทาง หน้าโรงเรียน ตลาดนัด ฯลฯ ที่ไหนก็ทำเงินได้ ซึ่งวันนี้ก็มีข้อมูลมานำเสนอ



น้ำผัก-น้ำผลไม้ รายได้ดี


นิชาภา บ้วนนอก ขายน้ำผัก-ขายน้ำผลไม้ 100% คั้นสด แยกกากจากเครื่องคั้นสด (juicer) อยู่ที่ถนนข้าวสาร เจ้าของร้านนี้บอกว่า ขายน้ำผัก-ขายน้ำผลไม้ 100% คั้นสดมา 5 ปี แล้ว ซึ่งเป็นรูปแบบนำเสนอที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยที่มาของร้านนี้คือการคั้นน้ำผัก-คั้นน้ำผลไม้ ให้คุณพ่อดื่มด้วยเครื่องคั้นสด แบบแยกกาก ซึ่งเป็นการทำตามแนวชีวจิต และก็มาคิดว่าน่าจะทำเป็นรูปแบบของธุรกิจค้าขายได้ จึงค้นคว้าศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมนี้จะโชว์ผลไม้เป็นชิ้น ๆ หน้าร้าน

เกิดขึ้นเพราะเจ้าของร้านก่อนหน้านี้เวลาไปทานน้ำผลไม้ที่ไหนไม่ชอบอ่านเมนู และเมนูส่วนใหญ่ก็เหมือน ๆ กันหมด น่าจะ “ให้เห็นผลไม้สด ๆ แล้วเลือกเอาว่าจะผลไม้ชนิดไหน-อย่างไร” ตามใจคนกิน โดยผู้ขายก็ช่วยแนะนำ และ “เพื่อสุขภาพจริง ๆ จะต้องไม่ใส่น้ำตาล ไม่มีน้ำเชื่อม” ถ้ามีก็จะกลายเป็นน้ำปั่นไป แต่ก็เป็นอีกรูปแบบการขาย ก็สุดแท้แต่

น้ำผัก-น้ำผลไม้ รายได้ดี
ร้านของนิชาภา จะจัดหน้าร้านโดยออกแบบให้ดูทันสมัย คล้ายร้านผลไม้ในเมืองนอก โดยทำเป็นเคาน์เตอร์ เรียงผลไม้ต่าง ๆ เป็นชั้น ๆ และแปะราคาไว้ เช่น เสาวรส 2 ลูก 10 บาท, ส้ม 3 ลูก 10 บาท, ฝรั่ง ลูกละ 10 บาท, แตงโม ชิ้นละ 10 บาท, สับปะรด ชิ้นละ 10 บาท, มะม่วงสุก ผลละ 25 บาท, แอปเปิ้ล ลูกละ 20 บาท, แก้วมังกร ชิ้นละ 20 บาท, ว่านหางจระเข้ ชิ้นละ 10 บาท, บีทรูท หัวละ 20 บาท , มะเขือเทศ 2 ลูก 10 บาท, แครอท หัวละ 20 บาท, มะเฟือง ลูกละ 20 บาท, ต้นเซเลอรี่ ก้านละ 15 บาท ฯลฯ และยังมีขิงแก่ มะนาว และมะระขี้นก ซึ่งเป็นตัวเพิ่มรสชาติด้วย

เมื่อลูกค้ามาสั่งก็เลือกผลไม้ได้เลย ซึ่งนิชาภาบอกว่า เจ้าของร้านต้องมีความรอบรู้เรื่องผักและผลไม้ ทั้งในเรื่องคุณประโยชน์และรสชาติ บางครั้งต้องแนะนำลูกค้าได้ ว่าอะไรกับอะไรเมื่อคั้นรวมกันแล้วจึงจะอร่อย

นอกจากนี้ ที่ร้านนี้ยังได้จัดชุดแบบล้างพิษ หรือดีท๊อก ชุดละ 40 บาท ประกอบไปด้วย แอปเปิ้ลเขียว, แอปเปิ้ลแดง, ขิงแก่, บีทรูท, ว่านหางจระเข้, แครอท และต้นเซเลอรี่ และชุดน้ำพั๊นซ์ ประกอบด้วย มะเฟือง, สับปะรด, ส้ม, เสาวรส, แตงโม, ฝรั่ง, แอปเปิ้ล ราคาชุดละ 40 บาทเช่นกัน

นิชาภาบอกว่าเมนูไม่มีสูตรตายตัว แล้วแต่ลูกค้าสั่ง แต่ที่นิยมก็มี มะม่วง+สัปปะรด, มะม่วง+เสารส, แครอท+แอปเปิ้ล หรือถ้าเป็น 3 อย่างก็มีเสาวรส+สัปปะรด+มะม่วง, ว่านหางจระเข้+สัปปะรด+ส้ม ซึ่ง ว่านหางจระเข้ตอนนี้เป็นที่นิยมมาก ๆ ในหมู่คนญี่ปุ่น ส่วนราคานั้น ก็ขึ้นอยู่กับราคาชิ้นของผักและผลไม้ตามที่ติดไว้หน้าร้าน หรืออยากจะทานน้ำที่มีเอ็นไซม์มาก ๆ ก็แนะนำน้ำจากต้นอ่อนข้าวสาลี ซึ่งขายเป็นชอต ราคาชอตละ 50 บาท

ในการขายอุปกรณ์การทำที่จำเป็น นอกจากมีด เขียง ที่คั้นน้ำส้มแล้ว ก็มีเครื่องคั้นน้ำแบบแยกกากที่สำคัญมาก อย่างน้อยต้องมี 2 เครื่อง ขึ้นไป เพื่อสลับใช้ ป้องกันการอุดตัน และการเสื่อมสภาพที่รวดเร็ว โดยราคาเครื่องก็ตั้งแต่มีหลักพันขึ้นไปจนถึงเป็นหมื่น ตามคุณภาพของเครื่อง

เวลาขาย เมื่อลูกค้าเลือกผลไม้แล้ว เช่น มะม่วง+สัปปะรด ก็ปอกเปลือก เลาะเม็ด ตัดเนื้อผลไม้ออกมาเตรียมไว้ ใส่น้ำแข็งยูนิตในแก้วพลาสติกประมาณ 3 ก้อน แล้วนำเนื้อผลไม้แต่ละอย่างคั้นน้ำสดออกมา เมื่อเสร็จก็คนให้เข้ากันกับน้ำแข็ง ปิดฝาแก้ว ใส่หลอด ถ้าเมนูนี้ก็ขายในราคา 35 บาท ซึ่งแก้วจะมีขนาด 12,16 และ 22 ออนซ์ ราคาก็แตกต่างกันไป ระหว่างที่ขายก็ต้องหมั่นทำความสะอาดเครื่องคั้นสดเรื่อย ๆ เพื่อกันการอุดตัน

นิชาภาบอกว่า การขายน้ำผัก-น้ำผลไม้คั้นสด 100% นั้น ในระยะเริ่มแรกน่าจะลงทุนเพียงผลไม้ 5 อย่าง อาทิ แตงโม, สัปปะรด, ส้ม, แครอท, ฝรั่ง ซึ่งเครื่องคั้นสดแบบแยกกากก็เลือกเอาตามสภาพแวดล้อม การลงทุนผักผลไม้ถ้าประมาณ 500 บาทต่อวัน แล้วขายหมด ก็น่าจะได้เงินประมาณ 1,000 บาท เริ่มแรกก็ขายเล็ก ๆ ก่อน เมื่อไปได้ดีแล้วจึงค่อย ๆ ขยับขยายร้าน “อาชีพแบบนี้กลุ่มลูกค้าและทำเลเป็นเรื่องสำคัญ

ร้านน้ำผัก-ผลไม้ 100% คั้น สดของนิชาภาที่ถนนข้าวสาร อยู่ด้านหน้าร้านเซเว่น-อีเลฟเว่น (ตรงกลาง) ตรงข้ามกับร้านข้าวสารเซ็นเตอร์ ขายอังคาร-อาทิตย์ ยกเว้นวันจันทร์ เวลา 18.00 น. เป็นต้นไป
และเป็นอีกช่องทางทำกินที่น่าพิจารณา…!!

ที่มา : เดลินิวส์ออนไลน์ www.dailynews.co.th

Read More...


อาหารเสริมสุขภาพ คืออะไร?

เรื่องของอาหารเสริมสุขภาพ อาหารเสริมสุขภาพ คืออะไร? ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมสุขภาพมีกี่ประเภท? ใครต้องการ?


อาหารเสริมสุขภาพ

ภาพผัก ผลไม้ เพื่อสุขภาพ จาก zybernia.wordpress.com


ประโยคอมตะที่ว่า “คุณเป็นอย่างที่คุณกิน” (you are what you eat) นั้นดูจะไม่เข้าสมัยซะแล้วกับชีวิตคนยุคไซเบอร์ (Cyber age) ที่ถูกควรจะเป็น คุณ (ควร) กินอย่างที่คุณเป็น (you should eat what you are) …นั่นคือ ถ้าคุณรู้ว่ามีความเสี่ยงที่จะมีปัญหาเกียวกับไขมันในเลือดสูง ความดันสูง เบาหวาน หรือโรคอ้วน ก็ควรจะเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง หรือ อาหารที่มีรสเค็มจัด หวานจัด เป็นต้น

การบริโภคอาหาร มิใช่จะคำนึงถึงแต่ความอร่อยเพียงอย่าง เดียว คุณค่าเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องตระหนัก กินอะไร ? กินอย่างไร ? จึงจะเป็นการ “กินอย่างฉลาด“.. “กินอาหารหลากหลายให้ครบ 5 หมู่ กินข้าวเป็นหลัก กินผักให้มาก ผลไม้ประจำ เน้นปลามากกว่าเนื้อสัตว์ ไขมันพอประมาณ น้ำตาลพอควร หลีกเลี่ยงรสเค็ม..” นี้เป็นส่วนหนึ่งของข้อปฏิบัติในการบริโภคอาหาร เพื่อโภชนาการที่ดีของคนไทย

แต่ด้วยพฤติกรรมการบริโภคที่เปลี่ยนไปได้รับสารอาหารไม่สมดุล ก่อให้เกิดโรคความดันโลหิตสูง หัวใจขาดเลือด ไขมันในเลือดและอื่นๆ อาหารเสริมสุขภาพจึงได้รับความนิยมจากผู้บริโภคมากขี้น

อาหารเสริมสุขภาพ คืออะไร?

อาหารเสริมสุขภาพ จัดเป็น ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร หรือ Dietary supplement products ซึ่งหมายถึง ผลิตภัณฑ์ที่ใช้รับประทานโดยตรง นอกเหนือจากการรับประทานอาหารหลัก ตามปกติมักจะอยู่ในลักษณะเป็นเม็ด แคปซูล ผง เกล็ด ของเหลว หรือลักษณะอื่น มีจุดมุ่งหมายสำหรับบุคคลทั่วไปที่มีสุขภาพปกติ (มิใช่สำหรับผู้ป่วย) เช่น น้ำมันปลาแคปซูล ใยอาหารอัดเม็ด ใยอาหารผงสำหรับชงหรือโรยอาหาร เป็นต้น

ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมสุขภาพ มีกี่ประเภท?

พอจะจัดกลุ่มของอาหารเสริมสุขภาพที่มีจำหน่ายในท้องตลาด หรือ จำหน่ายโดยตรงแก่ผู้ซื้อ โดยแบ่งตามคุณสมบัติ และประสิทธิภาพเด่นๆ ดังนี้ :-
  • อาหารบำรุงสุขภาพ จะเป็นพวกที่อวดอ้างสรรพคุณว่าเป็นอาหารบำรุงร่างกาย รับประทานแล้วมีสุขภาพดี ราคาค่อนข้างแพง อาทิเช่น รังนก โสม หูฉลาม ซุปไก่สกัด เป็นต้น
  • อาหารป้องกันและรักษาโรค ตัวอย่างเช่น น้ำมันดอกอิฟนิ่งพริมโรส (Evening primrose oil) น้ำมันปลา เลซิทิน นมผึ้ง สาหร่ายคลอเรลล่า
  • อาหารลดน้ำหนัก สำหรัยผู้เป็นโรคอ้วน อาหารประเภทนี้ จะเพิ่มประมาณ บริโภคแล้วอิ่ม ไม่ให้คุณค่าทางอาหาร ตัวอย่างเช่น ผลิตภัณฑ์จากบุก เมล็ดแมงลัก guagum
  • อาหารเสริมนักกีฬา มีสารอาหารที่ให้พลังงานอย่างรวดเร็ว อย่างเช่น เครื่องดื่มเกลือแร่ชนิดต่างๆ
  • ผลิตภัณฑ์ที่เสริม หรือเติมสารอาหาร (fortifiaction) บางชนิดให้มากขึ้น เช่น ใยอาหาร(dietary fiber) แคลเซียม เพื่อเป็นทางเลือกแก่ผู้คนบางกลุ่มที่ได้รับสารอาหารบางชนิดไม่เพียงพอต่อ ความต้องการของร่างกาย

สถาบันค้นคว้าและพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหาร ทำอะไร?

นักวิจัยของสถาบันค้นคว้าและพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหาร ได้ทำการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับอาหารเสริมสุขภาพ หลายโครงการด้วยกัน พอที่จะแบ่งแยกออกเป็นประเภทได้ ดังนี้ :-
  • ผลิตภัณฑ์ชนิดใยอาหารสูง
  • ผลิตภัณฑ์ชนิดแคลอรี่ต่ำ
  • ผลิตภัณฑ์ชนิดแคลอรี่สูง
งานวิจัยเกี่ยวกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีคุณค่าทางโภชนาการนั้น อาศัยหลักการพื้นฐานในการเติม สารอาหาร(nutrient) ลงในผลิตภัณฑ์อาหาร(Dr.Allan Forbes of the Bureau of Food,FDA) มีหลายวิธีคือ
1) restoration คือการใส่สารอาหาร ซึ่งเดิมมีอยู่ในวัตถุดิบที่เป็นส่วนประกอบของอาหาร แต่อาจสูบเสียหรือถูกกำจัดออกระหว่างขบวนการผลิต จึงเติมสารอาหารชนิดนั้นลงไปเพื่อปรับปรุงให้ดีขี้น เช่น การเติม dietary fiber ลงไปใน ผลิตภัณฑ์
2) fortification เป็นการเสริมสารอาหารบางตัวอาจจะเป็นวิตามิน เกลือแร่ชนิดต่างๆ เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับสารอาหารครบถ้วน RDI (Recommended Daily Intakes)กำหนดไว้
3) เติมสารอาหารลงไปในอาหารเพื่อบุคคลบางกลุ่มที่มีโรคประจำตัว เช่น อาหารสำหรับคนเป็นโรคอ้วน โรคไขมันในเลือดสูง โรคเบาหวาน
4) เพื่อเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการในผลิตภัณฑ์ใหม่ ที่เลียนแบบจากอาหารดั้งเดิม


High fiber diet …ใครต้องการ?

กิน ผักให้ได้ 7% ของพลังงานทั้งหมดต่อวันหรือมากกว่า หรือกินผักและผลไม้ วันละ 400 ถึง 800 กรัม หรือ 5 ส่วน (serving) หรือมากกว่าต่อวัน กินให้มากและหลากหลายตลอดปี (1 serving=ผักสด 1 ถ้วยตวง หรือผักสุก ? ถ้วยตวง หรือ ผลไม้ 1 ผล หรือผลไม้หั่นบรรจุกระป๋อง 1/2 ถ้วย)

หากทำได้เช่นข้อความดังกล่าวข้างต้น อาหารเสริมชนิดใยอาหารสูงก็ไม่ใช่สิ่งจำเป็นสำหรับคุณ แต่หากทำไม่ได้ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมใยอาหาร อาจเป็นทางเลือกหนึ่งเพื่อให้ร่างกายได้รับใยอาหารอย่างเพียงพอ
ใยอาหาร (dietary fiber) เป็นส่วนประกอบของพืช ที่เอนไซม์ในระบบทางเดินอาหารของคนไม่สามารถย่อยได้ แต่จุลินทรีย์บางชนิด ลำไส้ใหญ่สามารถย่อยสลายส่วนประกอบบางส่วนของใยอาหารได้ โดยเฉพาะส่วนที่เป็น pectic substance โดยทั่วไปแบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ
  • soluble dietary fiber(ใยอาหารชนิดละลายน้ำได้) ได้แก่ pectin hemicellulose บางชนิด polysaccharides อื่นๆ
  • Insoluble dietary fiber (ใยอาหารชนิดที่ไม่ละลายน้ำ) ได้แก่ lignin celllulose hemicellulose
ใยอาหารทั้ง 2 ชนิด นี้มีผลต่อระบบสรีระ (physiological)และเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างไรนั้น สรุปให้เห็นในตารางต่อไปนี้ :-
อาหารเสริมสุขภาพ

นักวิจัยของสถาบันค้นคว้าและพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหาร ได้ทำงานวิจัยเกี่ยวกับ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีใยอาหารสูงแคลอรีต่ำ หลายโครงการ ด้วยกัน โดยใช้แหล่งของใจอาหารสูงจากผลผลิตทางการเกษตรที่มีในประเทศ ประเภทถั่วต่างๆ ธัญพืช งา เมล็ดพืช ใช้เป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์หลากหลายชนิด อาทิ เช่น อาหารเสริมใยอาหาร ชนิดผง ผลิตภัณฑ์เบเกอรี่ (ขนมปังและคุกกี้) เครื่องดื่มสำเร็จรูปชนิดดื่ม นอกจากนี้ ยังนำส่วนของน้ำมะพร้าวที่เหลือทิ้งมาทำเป็นวุ้นน้ำมะพร้าว ใช้เป็นแหล่ง ของใยอาหาร(cellolose ) สูง นำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ็ต่างๆ มากมาย งานวิจัยถูกเผยแพร่ออกสู่ประชาชนให้สามารถทำเป็นอาชีพเสริม ก่อให้เกิดรายได้ที่ดี อีกหนึ่งทาง

อาหารไทย ทั้งคาว-หวานที่นิยมทานกันส่วนใหญ่ ใส่กะทิ จีงมีไขมันสูงและเป็นไขมันชนิดอิ่มตัวอีกต่างหาก ทำให้ผู้ที่มีปัญหาโคเลสเตอรอลสูง ต่างหวาดกลัวไม่กล้าทานมาก จึงได้นำ Soy oat มาใช้เป็นสารทดแทนใขมัน เนี่องจาก soy oat ตัวนี้ให้แคลอรี่ต่ำเพียง 1 กิโลแคลอรรี่ / กรัม เป็น soluble fiber และให้ความรู้สึกมันๆ เหมือนใขมัน อาหารไทยที่ทำ ไม่ว่าจะเป็นแกงเขียวหวานไก่ น้ำพริกขนมจีน ถั่วกวน สัมปันนี จีงรับประทานได้อย่างเต็มปาก และเต็มใจ

น้ำนมถั่วเหลือง เต้าหู้อ่อน ก็ถูก นำมาพัฒนา ปรับปรุงใหม่ ให้มี soluble fiber มากขึ้น โดยเติม soy oat ลงในส่วนผสม ผู้บริโภคที่นิยมผลิตภัณฑ์เหล่านี้อยู่แล้ว ก็ยิ่ง จะชอบใจมากยิ่งขึ้น เพราะเป็นดับเบิ้ล nutritive value เลยทีเดียว

แล้ว “ขนมอบ” สไตล์ตะวันตกล่ะ…?

ไม่ว่าจะเป็น เค้กกล้วยหอม บราวนี่ ล้วนแต่อุดมด้วยไขมัน จากนมเนย ทานมากย่อมไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพแน่นอน Oatrim -5 ซึ่งเป็นสารทดแทนไขมัน (fat substitute)ถูกนำมาทดแทนเนยสดมีข้อดีคือ ให้พลังงาน 1 กิโลแคลอรี่ต่อกรัม อีกทั้งยังให้ใยอาหารประเภท soluble fiber ช่วยลดโคเลสเตอรอลในเลือด เค้ากล้วยหอม และบราวนี่ ที่พัฒนาขึ้นมีปริมาณไขมันอิ่มตัวและโคเลสเตอรอลต่ำกว่าขนมที่จำหน่ายทั่วไป

ผลิตภัณฑ์แคลอรี่ต่ำ..

นี่ก็เป็นผลิตภัณฑ์อาหารเสริมสุขภาพ อีกชนิดหนึ่ง ที่นักวิจัยได้ทำการศึกษา โดยทำเป็นอาหารว่าง พลังงานต่ำ จากข้าวกล้อง โดยใช้เครื่อง เอ็กซ์ทรูเดอร์ ผลิตภัณฑ์ชนิดนี้ก็จะเป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับ ผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักแต่ก็ยังชอบที่จะเคี้ยวขนมในปากตลอดเวลา นอกจากนี้ ยังได้พัฒนาน้ำปลาหวานสูตรลดแคลอรี่(ต่ำกว่า มาตรฐาน ร้อยละ 30 ) เพื่อสนองความต้องการของผู้ที่ชอบกินมะม่วงน้ำปลาหวานแต่กลัวอ้วน โดยใช้น้ำตาลที่ให้พลังงานต่ำ เช่น sorbitol (ให้พลังงาน 1 ใน 3 ของร่างกาย) high fructose corn syrup (HFC) ที่มีความหวานมากกว่า sucrose 1.2 เท่า และ Xantan gum เป็นส่วนผสมที่เพิ่มความเหนียวให้แก่ผลิตภัณฑ์

อาหาร High Calcium

ผลิตภัณฑ์ ชนิดใดที่เสริม เติม เพิ่ม แคลเซียมบลงไป ดูจะได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก นั่นเป็นเพราะว่า โรคกระดูกผุ กระดูกกร่อน กระดูกพรุน มาาเยือนประชากรของประเทศก่อนที่จะถึงวัยอันควร สาเหตุสำคัญคงเป็นเพราะขาดการออกกำลังกาย และบริโภคแคลเซียมน้อยกว่าปริมาณขั้นต่ำที่กำหนดไว้ สิ่งนี้เป็นเหตุช่วยส่งเสริมให้เสี่ยงต่อการเป็นโรคกระดูกพรุนมากยิ่งขึ้น ดังนั้นผู้คนส่วนใหญ่ จึงพยายามซื้อหาแคลเซียมหรืออาหารเสริมแคลเซียมในรูปแบบต่างๆมารับประทาน

ด้วยเหตุนี้ ผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูป(Food bar) ชนิดแคลเซียมสูง จึงได้ถูกผลิตขึ้น เพื่อให้เหมาะกับผู้บริโภคยุคเร่งรีบ โดยพัฒนาให้เป็นลักษณะ Food bar ที่มีรสชาติคุ้นลิ้นคนไทย อย่างเช่น ข้าวผัด ผัดกะเพรา เป็นต้น โดยข้อเท็จจริงแล้ว หากเราบริโภคอาหารที่มีแคลเซียมสูง เช่น นม ปลาตัวเล็ก ผักใบเขียว งา ฯลฯ เป็นประจำแล้ว อาหารเสริมแคลเซียมก็ไม่ใช่สิ่งจำเป็น

แต่หากจะซื้อหามาบริโภค ก็ควรจะมีความรู้ ความเข้าใจก่อนว่า บางครั้งผลิตภัณฑ์เสริมแคลเซียมที่โฆษณาอวดอ้าง แคลเซียมสูงนั้น เป็นแคลเซียมชนิดไหน เพราะแคลเซียมในแต่ละรูปแบบ จะถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายไม่เท่ากัน พบว่า calcium bioavailability ของ calcium lactate เท่ากับ 86% ,calcium gluconate 77%,calcium citrate 80%,calcium phosphate 56% และ calcium carbonate 76 % ดังนั้น จะซื้อหาแคลเซียมชนิดใดมารับประทานก็ควรจะดูให้ถ่องแท้ มิใช่เพียงแต่สรรพคุณที่โฆษณา

..และในวันนี้จะพบคำว่า Oligofructose ปรากฎอยู่บนฉลากที่บรรจุผลิตภัณฑ์ ต่างๆมันคืออะไร?
Oligofructose เป็น non-digest Oligosaccharides ไม่สามารถถูกย่อยในลำไส้เล็ก เป็นองค์ประกอบทางธรรมชาติ ของ inulin พบในผักผลไม้ทั่วไป เช่น แอสปารากัส หัวหอม กระเทียม กล้วย ข้าวสาลี เป็นต้น จัดว่าเป็น soluble dietary fiber Oligofructose ยังเป็น prebiotic ที่กระตุ้นการเจริญเติบโตของแบคทีเรียในลำไส้ ชนิดให้ประโยชน์แก่ร่างกาย( biofidibacteria ) และที่สำคัญ Oligofructose ช่วยเพิ่มการดูดซึมแคลเซียมเข้าสู่ร่างกาย

..กล่าวได้ว่าอาหารเสริมสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นชนิดใดก็ตาม ทั้งที่มีราคาถูก และราคาแพง ก็หาใช่สิ่งจำเป็นที่จะต้องขวนขวายหามารับประทาน เพราะอันที่จริงหากกินอาหารปกติให้ครบทุกหมู่ ตามหลักโภชนาการแล้ว สุขภาพย่อยดีได้ โดยมิต้องพึ่งพาอาหารเสริมสุขภาพ เพราะคำว่า “เสริม ก็บอกอยู่แล้วว่า มิใช่อาหารหลัก”

รวบรวมโดย เพลินใจ ตังคณะกุล จาก http://www.ku.ac.th ภาพจาก zybernia.wordpress.com

Read More...


หัดทำ แจ่วบอง อาชีพเสริม

แจ่วบอง เป็นน้ำพริกอีสานที่ชาวบ้านชาวช่องรู้จักกันดีเป็นอย่างยิ่ง อันว่า แจ่ว แปลว่า น้ำพริก แต่คำว่า บอง แปลว่าอะไรไม่รู้เหมือนกัน แจ่วบอง เรียกอีกอย่างว่า ปลาร้าบอง ที่ตอนนี้สามารถสร้างรายได้ให้กับผู้ผลิตและผู้จำหน่ายเป็นอย่างดี


แจ่วบอง

แจ่วบอง เป็นน้ำพริกอีสานที่ชาวบ้านชาวช่องรู้จักกันดีเป็นอย่างยิ่ง อันว่า แจ่ว แปลว่า น้ำพริก แต่คำว่า บอง แปลว่าอะไรไม่รู้เหมือนกัน แจ่วบอง เรียกอีกอย่างว่า ปลาร้าบอง ที่ตอนนี้สามารถสร้างรายได้ให้กับผู้ผลิตและผู้จำหน่ายเป็นอย่างดี เพราะมันมีรสชาติที่แซบหลาย ด้วยเหตุฉะนี้ จึงต้องรับประทานกับผัก เพื่อคลายความเผ็ดร้อนลง

แจ่วบอง

นางอัจฉรา เดชพรรณา ประธานกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรวิสาหกิจชุมชนนาจารย์ อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ เล่าให้ฟังว่า กลุ่มฯ มีสมาชิก 20 คน แปรรูปปลาร้า เป็นปลาร้าบอง ด้วยการนำเครื่องปรุงต่าง ๆ เข้าไปผสมหลายรูปแบบ ทำให้ได้หลายรสหลายสูตร เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถเลือกรสได้ตามอารมณ์ อยาก ตามความชอบ เรียกได้ว่า ชอบแบบไหนมีให้เลือกได้หลายแบบ

การทำปลาร้าถือเป็นภูมิปัญญาของคนอีสาน ในการถนอมอาหารไว้กินนาน ๆ ซึ่งได้จากการนำปลามาทำความสะอาด คลุกด้วยเกลือและรำอ่อนและข้าวคั่ว ก่อนนำไปหมักในไหหรือภาชนะที่ปิดฝาให้แน่นสนิท เป็นเวลาประมาณ 1 ปี ก็จะได้ปลาร้าที่มีรสชาติดี พร้อมที่จะนำมารับประทานหรือนำมาปรุงอาหารได้

การนำปลาร้ามาเข้าเครื่องหรือทำปลาร้าบอง ก็หมายถึงการเพิ่มรสชาติของการกินปลาร้าให้แปลกออกไปจากที่เคยรับประทานทุก เมื่อเชื่อวันนั่นเองจะได้ไม่จำเจซ้ำซาก เหมือนคนรับประทานน้ำพริกถ้วยเก่า รสชาติเก่า ๆ มันก็น่าเบื่อเป็นธรรมดาตามประสาวิญญูชน หากเปลี่ยนรสชาติไปบ้างก็เหมือนรับประทานน้ำพริกถ้วยใหม่จะได้ไม่น่าเบื่อไง ด้วยปลาร้าธรรมดาเมื่อตักออกมารับประทานจะให้รสเค็มอย่างเดียว แต่พอใส่เครื่องปรุงเข้าไป ก็จะได้รสชาติที่แปลกใหม่ ชวนรับประทาน นำมารับประทานกับข้าวเหนียวหรือข้าวสวยก็ได้ สามารถเก็บไว้ได้นานนับเดือน ทีเดียว

จากความอร่อยของปลาร้าบอง ชาวอีสานจึงนำเผยแพร่ ออกสู่คนต่างถิ่น กระทั่งทุกวันนี้ ปลาร้าบองได้โกอินเตอร์อย่างภาคภูมิใจ ทำรายได้ให้ผู้ผลิตอย่างดี ข้อนี้มิใช่อะไร เพราะมีชาวอีสานไปทำงานยังต่างประเทศ เป็นจำนวนมากนั่นเอง!

สำหรับกรรมวิธีการทำปลาร้าบอง

กลุ่มแม่บ้านเกษตรกร อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ ประธานกลุ่ม กล่าวว่าสูตรที่ทำอยู่ทุกวันนี้มีส่วนผสมคือ ปลาร้าที่นำมาทำปลาร้าบอง ต้องเป็นปลาที่ผ่านการหมักมาไม่น้อยกว่า 1 ปี ซึ่งนิยมใช้ปลาช่อนเพราะมีเนื้อนุ่มกว่าปลาชนิดอื่น การทำปลาร้าบอง มีส่วนผสมคือ พริก 500 กรัม ข่า 300 กรัม กระเทียม 5 กก. หอม 5 กก. งา 300 กรัม ใบมะกรูด 200 กรัมและปลาร้า 6 กก.

วิธีการทำ

นำส่วนผสมดังกล่าวทุกอย่างอบให้สุกและนำไปบดให้ละเอียด นำปลาร้าไปต้มให้สุกกรองเอาแต่น้ำแล้วนำเครื่องปรุงที่เตรียมไว้ทั้งหมดมา รวมกันนำไปเข้าเครื่องนวดผสมให้เข้ากันจนละเอียด แล้วนำน้ำปลาร้าที่สุกแล้วเทลงในเครื่องนวดผสมเข้ากันดีจนเหนียวได้ที่ก็ เป็นอันเสร็จ พิธี จากนั้นนำไปบรรจุกล่อง โดยการชั่งน้ำหนักให้ได้ 80 กรัมต่อ 1 กระปุก จำหน่ายด้วยราคา 10 บาท ส่วนอีกราคาหนึ่งคือ 50 บาท บรรจุในกระปุกด้วยน้ำหนัก 500 กรัม

แต่กว่าที่จะจำหน่ายได้ราคาดีจนทุกวันนี้ มีหลายหน่วยงานที่คอยให้กำลังใจและสนับสนุนงบประมาณเพื่อจัดสร้างอาคาร ซื้อวัสดุอุปกรณ์และให้เงินหมุนเวียน เมื่อปี 2545 เช่น กศน.จ.กาฬสินธุ์ สนับสนุนเงิน 13,000 บาท อบจ.กาฬสินธุ์ สนับสนุนเงิน 100,000 บาท เทศบาลตำบลนาจารย์หนุนเงิน 360,000 บาท จังหวัดกาฬสินธุ์สนับสนุนงบซีอีโอ 100,000 บาท สหกรณ์สนับสนุน 40,000 บาท มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสานสนับสนุนอุปกรณ์ตู้อบไฟฟ้า ตู้ตากพลังงานแสงอาทิตย์ พร้อมให้ความรู้ด้านการแปรรูปอาหารอีกด้วย ส่วนกรมส่งเสริมการเกษตรสนับสนุนเงิน 150,000 บาท จัดซื้ออุปกรณ์และบรรจุภัณฑ์

การทำปลาร้าบองนั้น ส่วนประกอบล้วนมาจากผลผลิตที่สามารถผลิตได้เองด้วยคนในชุมชน เครื่องประกอบต่าง ๆ ล้วนเป็นสมุนไพรที่สามารถปลูกเองได้ ปลูกได้ทุกบ้าน และผักที่นำรับประทานด้วยนี้ก็เป็นผักพื้นบ้านที่มีคุณประโยชน์ นับเป็นกิจกรรมอย่างหนึ่งที่เป็นการเพิ่มมูลค่าของทรัพยากรในท้องถิ่น
ที่มา : เดลินิวส์

Read More...


เปิดร้านอาโก ขายกาแฟสด รายได้ดี

สุพจน์-เพ็ญแข แววหงษ์ สองสามีภรรยา ขวนขวายหาอาชีพเสริม และผลพวงจากการเข้าฝึกอบรมในโครงการ คม ชัด ลึก ฝึกอาชีพ เมนูกาแฟสด-เต้าหู้นมสด ทั้งคู่จึงเปิดร้านอาโก ย่านสี่แยกกบินทร์บุรี ขาย 2 เมนูนี้ พร้อมเสริมอาหารจานเดียวในเวลาต่อมา


กาแฟสด อาโก

เพ็ญแข ภรรยาวัย 48 ปี เล่าว่า ร้านอาโก นี้ใช้ทำเลที่พักอาศัยของตนเองซึ่งอยู่หน้าหมู่บ้านก้องตะวันวิลล่า ถ.สุวรรณศร ห่างจากสี่แยกกบินทร์บุรี ก่อนเข้าสู่ตัวเมืองปราจีนบุรีราว 1 กิโลเมตร เปิดเมื่อปลายปี 2549 หลังตนไปอบรมเมนูกาแฟสด-เต้าหู้นมสด ในโครงการ คม ชัด ลึก ฝึกอาชีพ ก่อนถ่ายเทความรู้ให้ สุพจน์ สามี ซึ่งลาออกจากงานดูแลกิจการร้านอย่างเต็มตัว ขณะที่ตนยังคงทำงานอยู่บริษัทแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลจากร้านราว 800 เมตร จะคอยมาดูแลภาพรวมและช่วยเหลือบ้างในช่วงเที่ยง หลังเลิกงาน วันหยุดต่างๆ
ทั้ง 2 เมนูลูกค้าให้การตอบรับดีมาก ที่เป็นอย่างนี้เพราะเราใช้วัตถุดิบที่ดี แม้จะแพงไปหน่อย แต่เราก็สามารถกำหนดราคาขายได้เอง เพราะมั่นใจในคุณภาพ อย่างกาแฟเราใช้อาราบิกาแท้ปรุง เมื่อบวกเคล็ดลับการทำอื่นๆ ซึ่งวิทยากรแนะนำทุกขั้นตอน ผสมเทคนิคของเราเองด้วย จึงทำให้กาแฟสดแก้วนั้นรสชาติกลมกล่อม หอม อร่อย เช่นเดียวกับเต้าหู้นมสด ที่เมื่อลูกค้าเข้าร้านก็จะสั่งรับประทานคู่กันตลอด

ด้วยเชื่อมั่นในคุณภาพ ฝีมือความอร่อยของทั้ง 2 เมนู เพ็ญแขยอมรับว่า สนนราคาขายกาแฟสดทุกรายการจะอยู่ที่แก้วละ 40-50 บาท ขณะที่เต้าหู้นมสดกำหนดราคาไว้ที่ถ้วยละ 20 บาท ที่ผ่านมาลูกค้าซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนทำงาน พนักงานออฟฟิศ นักเรียน นักศึกษา จึงไม่ปฏิเสธ พร้อมอุดหนุนอย่างต่อเนื่อง กระทั่งร้านเพิ่มเมนูอาหารจานเดียวในเวลาต่อมา เพื่อตอบโจทย์และเป็นทางเลือกให้ลูกค้าขาประจำที่ต่างประสานเสียงอยากให้ เพิ่มเมนูเหล่านี้ เพื่อความสะดวกในการรับประทานอย่างครบวงจร

ร้านกาแฟสด อาโก

รายการอาหารจานเดียวของร้านอาโก เพ็ญแขบอกว่า มีทุกเมนู แต่ที่ลูกค้าชอบและสั่งมากเป็นพิเศษก็คือ ผัดไทย และ สปาเกตตีขี้เมา ราคาอยู่ที่จานละ 45 บาท ซึ่งราคาขนาดนี้เธอการันตีว่าคุ้มค่ากับความอร่อยชนิดเต็มจานแน่นอน ส่วนใครที่ผ่านไปทางแยกกบินทร์บุรี สนใจอยากลองชิมเมนูอร่อยเหล่านี้ของร้าน เธอบอกแวะชิมได้ตลอดเวลา เพราะร้านเปิดทุกวัน นอกจากมีสามีคอยดูแลทุกเมนูอย่างใกล้ชิดแล้ว ยังมีน้องๆ ไว้คอยต้อนรับเพื่อบริการความอร่อยอีก 5 คน หากไปไม่ถูก โทรสอบถามได้ที่โทร.08-1295-2266

มีนาคมปีหน้า เราจะเปิดร้านอีกสาขา อยู่ที่ปั๊ม ปตท.บริเวณสี่แยกกบินทร์บุรี แต่จะอยู่แนวถนนที่มุ่งหน้าเข้าตัวจังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งที่ใหม่นี้เราไปเช่าพื้นที่เขา และกำหนดขายทุกเมนู โดยจะเน้นที่เต้าหู้นมสด-กาแฟสด อาหารจานเดียว และอาจมีเมนูอื่นๆ เพิ่มด้วย

เพ็ญแข ทิ้งท้ายว่า ในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้คนส่วนใหญ่ก็อยากมีรายได้เพิ่มเพื่อให้พอกับค่าใช้จ่าย แต่บางคนพอเริ่มต้นก็เกิดความกลัว ลังเล และท้อแท้ในที่สุด แต่สำหรับตัวเธอเองไม่ได้รู้สึกอย่างนั้น ขณะเดียวกันก็มองว่าอุปสรรคเหล่านี้เป็นแรงกระตุ้นให้คิดที่จะสู้ต่อไป ซึ่งนั่นเป็นที่มาให้ร้านอาโก มีรายได้เฉลี่ยทุกเมนูไม่ต่ำกว่า 5-6 หมื่นบาทต่อเดือน

ส่วนใครที่ว่างงานหรือกำลังมองหาอาชีพเสริม โครงการฝึกอาชีพของ คม ชัด ลึก มีเปิดอบรมเหมือนเช่นเคย เริ่มจากเมนูเต้าหู้นมสด-เต้าฮวยน้ำขิง วันอาทิตย์ที่ 17 มกราคม 2533 ส่วนเมนูกาแฟสด ซึ่งอบรมในเชิงบริหารธุรกิจร้านกาแฟสด 2 วัน คือวันเสาร์-อาทิตย์ที่ 6-7 กุมภาพันธ์ 2553 สนใจสอบถามรายละเอียดที่โทร.0-2338-3356 และ 0-2338-3357

ที่มา : คมชัดลึก

Read More...


ทำสับปะรดกวน เป็นอาชีพเสริม

ใครสัญจรผ่านถนนสาย โพนแพง-หนองคาย ต้องสะดุดตากับสับปะรด ที่เรียงไว้อย่างเป็นระเบียบ แถมมีผลิตภัณฑ์ที่แปรรูปอีกหลายรายการ เป็นจุดดึงดูดให้ผู้ที่สัญจรไปมาต้องแวะ ซื้อผลสับปะรดสด บ้างซื้อสับปะรดกวนที่แปรสภาพแล้ว เพราะสามารถใช้เป็นของฝากได้ ทำให้หน้าร้าน ไร่ปิยะดา หนาตาไปด้วยผู้คนที่มาอุดหนุน


สับปะรดกวน

ประจบ โลหะปาน วัย 45 ปี เจ้าของร้าน เล่าให้ฟังว่า ที่บ้านปลูกสับปะรดพันธุ์ ปัตตาเวียไว้กว่า 15 ไร่ แต่ละปีให้ผลผลิตค่อนข้างดี ด้วยเป็นพันธุ์ที่มีคุณภาพดี เนื้อแน่น มีรสหวานฉ่ำ จึงส่งขายตามตลาดได้อย่างคล่องตัว อีกทั้งยังมีลูกค้าประจำมารับไปขาย แต่ด้วยความที่อยากใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์และเพิ่มค่าให้แก่สับปะรดที่ปลูกให้มากขึ้น จึงเกิดแนวคิดที่จะแปรรูปสับปะรดในไร่ให้สามารถขายได้ตลอดทั้งปี

เริ่มจากการทำสับปะรดกวน ตามสูตรที่คิดค้นขึ้นเอง จากที่มีเพียงรสเดียวก็ปรับปรุงสูตรเรื่อยๆ จนขณะนี้มี 3 รส ได้แก่ รสเผ็ด รสเปรี้ยว และรสมัน โดยทั้งสามรสนอกจากรสชาติกลมกล่อมแล้ว ยังมีความพิเศษตรงคลุกงา และปั้นเป็นก้อนกลมๆ พอดีคำ จึงถูกใจกลุ่มผู้บริโภคเป็นอย่างมาก

ลูกค้าแต่ละคนต่างชอบรสชาติที่ไม่เหมือนกัน จึงคิดค้นสูตรใหม่ๆ เพื่อเอาใจลูกค้าทุกกลุ่ม ทำให้สับปะรดกวนในร้านมีรสชาติหลากหลาย อาทิ รสเผ็ดเราก็ใส่พริกลงไปด้วย ทำให้มีรสเผ็ดปนหวานคล้ายมะขามแก้ว ส่วนรสเปรี้ยวก็จะกวนเฉพาะเนื้อสับปะรดเท่านั้น ไม่ผสมน้ำตาล ส่วนรสมันก็จะเน้นใส่มะพร้าวลงไปเยอะหน่อยเพื่อให้หอมมันยิ่งขึ้น”

ด้วยความขยันขันแข็ง ประกอบกับมีความคิดสร้างสรรค์ มุ่งมั่นคิดค้นสูตรใหม่ๆ เอาใจลูกค้า ทำให้สินค้าในร้านของเธอมียอดขายกว่า 2 หมื่นบาทต่อเดือน โดยราคาสับปะรดสดขายกิโลกรัมละ 10 บาท ส่วนสับปะรดกวน ขายกล่องละ 10 บาท ซึ่งราคานี้ประจบบอกว่าขายมากว่า 10 ปี พร้อมกันนี้ในร้านก็ยังมีผลิตภัณฑ์จากผลไม้ชนิดอื่น เช่น มะขามกวน กระท้อนกวน มะเขือเทศกวน ข้าวเกรียบสับปะรด และข้าวเกรียบใบเตย เพื่อเป็นตัวเลือกให้แก่ลูกค้า

ผลไม้ที่นำมาเป็นวัตถุดิบก็เป็นผลไม้ในท้องถิ่น ปลูกตามริมฝั่งแม่น้ำโขง ซื้อมาในราคากันเอง แล้วนำมาแปรรูปเป็นของฝาก สามารถเพิ่มคุณค่าให้แก่ผลไม้พื้นบ้านได้อย่างมาก แต่ที่ขายดีที่สุดในร้านก็ยังคงเป็นสับปะรดกวน

สับปะรดกวน 3 รส รวมถึงผลิตภัณฑ์ต่างๆ ในร้าน “ไร่ปิยะดา” มีผู้คนแวะเวียนมาเลือกซื้อไปเป็นของขวัญและของฝากอย่างไม่ขาดสาย สะท้อนให้เห็นถึงคุณภาพของผลไม้พื้นบ้านที่มีความพิเศษอยู่ในตัวเอง บวกความพิถีพิถันความตั้งใจของผู้ประกอบการที่คิดค้นหาวิธีเพิ่มมูลค่าให้ แก่พืชผลจนกลายเป็นผลิตภัณฑ์ขึ้นชื่อ มีลูกค้าอุดหนุนต่อเนื่อง สร้างเม็ดเงินได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ

ท่านที่สนใจอยากสอบถามข้อมูลรายละเอียดการทำ ติดต่อได้ที่คุณประจบ โลหะปาน บ้านเลขที่ 60 หมู่ 9 ต.โพนแพง อ.รัตนวาปี จ.หนองคาย หรือโทร.08-9278-0837, 0-4248-0093

ที่มา : คมชัดลึก

Read More...


ขนมถ้วยมะพร้าวน้ำหอม

จันทร์ฉาย เผ่าเผด็จการ เจ้าของร้านข้าวมันไก่สูตรผู้ว่า (ใกล้วัดหลวงพ่อโสธร) ผู้คิดค้นการทำ สูตรขนมถ้วยมะพร้าวน้ำหอม จนได้รับการกล่าวขานในเรื่องรสชาติความอร่อยติดอกติดใจลูกค้ามากว่า 20 ปี


ขนมถ้วยมะพร้าวน้ำหอม

ตลอดระยะเวลากว่า 20 ปีที่ได้ปรับปรุงสูตรขนมถ้วยให้ความคงที่ ทั้งในเรื่องรสชาติความอร่อยและจุดเด่นต่างๆ จนเป็นที่ยอมรับของผู้บริโภค โดยบอกว่าเคล็ดลับอยู่ที่สูตรของส่วนผสมจะต้องมีความพิเศษที่ไม่เหมือนขนมถ้วยโดยทั่วไป แต่ที่ขาดไม่ได้คือมะพร้าวอ่อน ซึ่งเป็นมะพร้าวน้ำหอม ผลิตผลทางการเกษตรที่ขึ้นชื่อของเมืองแปดริ้วมาอย่างยาวนานนำมาใช้เป็นส่วน ผสมที่สำคัญนี้ด้วย

ทำขนมถ้วยขายมา 28 ปีแล้ว วิธีการทำแม่เป็นคนสอน แม่ของป้าทำขนมไทยเก่งมาก ทำได้หลายอย่างที่เป็นขนมไทย เมื่อก่อนจะทำรับประทานกันเองในครอบครัว ไม่ได้ทำเพื่อขาย ต่อมาเห็นว่าน่าจะขายได้ จึงลองทำส่งตามร้านอาหารต่างๆ ในตัวเมืองแปดริ้ว ปรากฏว่าลูกค้าชอบมาก จากนั้นก็ทำแล้วให้ลูกๆ นำไปส่งตามร้านอาหารในตอนเช้าทุกวัน ตอนนี้ลูกทั้งสองคนเรียนจบปริญญา มีงานทำเรียบร้อยแล้ว เงินที่ส่งเสียให้เรียนก็มาจากการขายขนมถ้วยนี่แหละ จันทร์ฉายย้อนอดีตกว่าจะมาเป็นขนมถ้วยแม่จันทร์ฉายรสเลิศในปัจจุบัน

ขนมถ้วยมะพร้าวน้ำหอม

 

วิธีการทำ

จันทร์ฉายอธิบายว่าเริ่มจากการนำส่วนผสมซึ่งประกอบด้วย แป้งข้าวเจ้า แป้งมัน น้ำตาลทราย และเกลือ นวดจนเข้ากันดี นำไปกรองด้วยผ้าข้าวบางและพักไว้ ก่อนนำใส่กาไปหยอดลงในถ้วยที่รองด้วยเนื้อมะพร้าวอ่อน จากนั้นตั้งหม้อรอจนน้ำเดือด นึ่งไว้ประมาณ 10 นาที แล้วนำหัวกะทิผสมกับแป้งข้าวเจ้าและเกลือ คนจนละลายดี จึงนำไปกรองด้วยผ้าขาวบางและทิ้งไว้ แล้วหยอดลงไปในถ้วยจนเต็มและนึ่งต่อไปอีกประมาณ 10-15 นาที รอจนเย็นแล้วจึงนำไปเสิร์ฟหรือใช้ไม้พายแคะออกจากถ้วยแล้วจัดเรียงใส่จาน

จุดเด่นอยู่ที่ใส่มะพร้าวอ่อน เป็นมะพร้าวน้ำหอมและเป็นขนมถ้วยเจ้าแรกและเจ้าเดียวของแปดริ้วที่ทำแบบนี้ ส่วนราคาถ้าขายส่งจะอยู่ที่คู่ละ 3 บาท ถ้าขายปลีกคู่ 5 บาท หารับประทานได้ตามร้านก๋วยเตี๋ยวหรือร้านอาหารต่างๆ ในตัวเมืองแปดริ้วได้ ส่วนวันหยุดเสาร์-อาทิตย์จะขายอยู่ที่ตลาด 100 ปีเนื่องเขต หรือสั่งตรงที่ร้านข้าวมันไก่ของป้าได้ทุกวัน โทร.08-5084-5911 ได้ตลอดเวลา เจ้าของผลิตภัณฑ์ขนมถ้วยแม่จันทร์ฉายกล่าว

ขณะที่ บุญมี ศรีสุข ประธานชมรมผู้ประกอบการค้าอาหารจังหวัดฉะเชิงเทรา ยอมรับว่าขนมถ้วยมะพร้าวอ่อนแม่จันทร์ฉาย เป็นผลิตภัณฑ์เด่นของจังหวัดที่ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคมาอย่างยาวนาน และในงานมหกรรมขนมหวาน อาหารอร่อยและของดีเมืองแปดริ้ว ครั้งที่ 6 ประจำปี 2553 โดยชมรมผู้ประกอบการค้าอาหารจังหวัดฉะเชิงเทรา องค์การบริหารส่วนจังหวัดฉะเชิงเทรา และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานกรุงเทพมหานคร จัดขึ้นระหว่างวันที่ 3-7 มีนาคมที่จะถึงนี้ ขนมถ้วยมะพร้าวอ่อนแม่จันทร์ฉาย หนึ่งในของดีเมืองแปดริ้ว ชมรมได้คัดสรรให้เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์เด่นนำมาวางจำหน่ายภายในงาน พร้อมสาธิตวิธีการทำอย่างละเอียดทุกขั้นตอนอีกด้วย

ขนมถ้วยมะพร้าวอ่อนแม่จันทร์ฉาย ต้นตำรับขนมไทยโบราณ นับเป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นภูมิปัญญาชาวบ้านขนานแท้ที่ถูกถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น แต่ยังคงไว้ซึ่งต้นตำรับแห่งความอร่อยไม่มีเปลี่ยนแปลง

ที่มา : คมชัดลึก

Read More...


น้ำกล้วยเข้มข้น-ไซรัปกล้วย สร้างรายได้

น้ำกล้วยเข้มข้น นี้น่าจับตา อาจจะเป็นสินค้าที่มีอนาคต เนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์ที่น่าจะสามารถสร้างรายได้ ที่ดีกว่า การแปรรูปกล้วย ชนิดอื่น ๆ

“กล้วย” ผลไม้ที่ปลูกง่ายและในไทยมีจำนวนมาก สามารถใช้สร้าง “ช่องทางทำกิน” ได้หลากหลาย รวมถึงในรูปแบบของเครื่องดื่มที่ดีต่อสุขภาพ อย่าง “น้ำกล้วยเข้มข้น” ที่จะมาดูกันในวันนี้…


น้ำกล้วยเข้มข้น

 

“น้ำกล้วยเข้มข้น” ทำเงินวิธีใหม่

ศิริ วนสุวานิช กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศิริวานิช (แอล แอนด์ ดับเบิ้ลยู) จำกัด ซึ่งทำธุรกิจแปรรูปกล้วยเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ จำหน่าย ภายใต้แบรนด์ “ไท-ไท (TAI-TAI)” ไท-ไท เป็นผู้บุกเบิกคิดค้นการทำ “น้ำกล้วยเข้มข้น” หรือเรียกอีกชื่อว่า “ไซรัปกล้วย” ขึ้นมาในเมืองไทย ด้วยไอเดียการประกอบธุรกิจยุคใหม่

เจ้าของช่องทางทำกินรายนี้มองว่า การทำธุรกิจนั้นนอกจากต้องมีความรู้เรื่องการทำผลิตภัณฑ์แล้ว ก็ยังต้องมีความรู้ในเรื่องการบริหารธุรกิจด้วย จึงได้ศึกษาหาความรู้และได้เข้าอบรม “โครงการกิจกรรมการพัฒนาผู้ประกอบการธุรกิจอุตสาหกรรม (คพอ.)” ของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เพื่อเสริมประสบการณ์การประกอบธุรกิจอย่างมีทิศทางและหลักการ จากความเข้าใจที่ถูกต้อง เห็นแนวทางการปรับปรุงแก้ไขปัญหาธุรกิจ

สำหรับผลิตภัณฑ์แปรรูปเจ้านี้ ในส่วนของกล้วยก็มีหลากหลาย อาทิ กล้วยตาก กล้วยอบ กล้วยม้วน กล้วยสอดไส้มะขาม และปัจจุบันก็มีผลิตภัณฑ์ “น้ำกล้วยเข้มข้น” ด้วย โดยศิริเล่าว่า จากการที่สังเกตเห็นว่าขั้นตอนการแปรรูปกล้วยตากจะมีน้ำในกล้วยที่ไหลออกมา และทิ้งไปแบบไม่มีประโยชน์ จึงมีความคิดว่าน่าจะนำมาใช้ประโยชน์ได้ จนได้เจอกับ ดร.น้ำทิพย์ วงษ์ประทีป อาจารย์คณะเทคโนโลยีการเกษตรและอาหาร มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม ได้ช่วยนำไปวิเคราะห์จนสามารถแปรรูปเป็นน้ำกล้วยเข้มข้นหรือ ไซรัปกล้วย

น้ำกล้วยเข้มข้นนี้น่าจับตา อาจจะเป็นสินค้าที่มีอนาคต เนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์ที่น่าจะสามารถสร้างรายได้ ที่ดีกว่าการแปรรูปกล้วย ชนิดอื่น ๆ เพราะเจ้าน้ำกล้วยเข้มข้นนี้มีคุณค่าทางโภชนาการสูง มีสารประกอบของน้ำตาล ฟรักโทส เป็นโมเลกุลเดี่ยว ร่างกายนำไปเป็นพลังงานได้ทันที และมีคุณประโยชน์ช่วยย่อยอาหารและดูดซึมอาหาร เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการพลังงานเพื่อเพิ่มความสดชื่นหลังการออกกำลังกาย หรือทำงานหนัก ดังนั้น น่าจะสามารถต่อยอดในเชิงอุตสาหกรรมอาหารได้

กล้วยที่นำมาทำกล้วยตาก แล้วได้น้ำกล้วยนั้น ศิริจะใช้ กล้วยน้ำว้าพันธุ์มะลิอ่องไส้ขาว ซึ่งพันธุ์นี้เวลาสุกจะมีความหอม หวาน และนุ่ม ส่วนขั้นตอนการทำเริ่มจากการนำกล้วยที่บ่มจนสุกได้ที่แล้วมาทำการปอกเปลือก แล้วล้างทำความสะอาด จากนั้นก็แค่นำออกไปตากแดด หลังจากตากไว้ 1 แดด โดยกล้วยที่ตากแดดแรกจะให้น้ำกล้วยที่มีความใส มีสีที่สวย ไม่เป็นสีคล้ำ

หลังจากนั้นก็เก็บกล้วยเข้าไว้ในเครื่องหรือภาชนะที่มีถาดรอง เพื่อให้น้ำกล้วยหยดลงบนถาดรองที่เตรียมไว้ ปล่อยทิ้งให้น้ำกล้วยหยด 1 คืน ก็จะได้น้ำกล้วย 100% ซึ่งน้ำกล้วยที่ได้นี้จะมีความหวานเล็กน้อย ประมาณ 40-42 บริกซ์ (บริกซ์ เป็นหน่วยวัดความหวาน) ก็จะต้องมีการนำไปเพิ่มความหวานให้อยู่ที่ประมาณ 70 บริกซ์ โดยใช้ความร้อนทำให้ไอน้ำระเหยออกไป ทำให้ความหวานในน้ำกล้วยเพิ่มขึ้น

ลำดับต่อไป นำน้ำกล้วยที่ได้ความหวานตามที่ต้องการไปกรองแยกกากออก ก็จะได้น้ำกล้วยเข้มข้น 100% ที่ปราศจากกาก โดยกล้วย 1,000 กิโลกรัม สามารถทำน้ำกล้วยเข้มข้นได้ประมาณ 30 กิโลกรัม

ขั้นตอนถัดมา นำน้ำกล้วย 100% ผสมกับน้ำดอกอัญชัน โดยใช้อัตราส่วน น้ำกล้วย 75% ต่อน้ำดอกอัญชัน 25% ก็จะได้เป็นน้ำกล้วยผสมดอกอัญชันพร้อมดื่ม ซึ่งเมื่อบรรจุขวดขนาด 250 ซีซี ราคาขายอยู่ที่ 200 บาทต่อขวด โดยก่อนดื่มจะต้องผสมกับน้ำสะอาดในอัตราส่วน 6 : 1

ทั้งนี้ ต้นทุน “น้ำกล้วยเข้มข้น” ที่พร้อมดื่มนี้ จะตกประมาณ 120 บาท ต่อขวดขนาด 250 ซีซี

สำหรับผู้ที่สนใจผลิตภัณฑ์ ต้องการติดต่อ บริษัท ศิริวานิช บริษัทนี้ตั้งอยู่ที่ 109/2 หมู่ที่ 3 บ้านดงประโดก ต.สมอแข อ.เมือง จ.พิษณุโลก เบอร์โทรศัพท์ 0-5526-8038, 08-1962-9594 นี่ก็เป็นอีกตัวอย่าง “ช่องทางทำกินใหม่ ๆ จากวัตถุดิบเก่า ๆ” อย่างกล้วย ที่น่าสนใจ !!.

บดินทร์ ศักดาเยี่ยงยงค์
ที่มา http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&contentId=3549&categoryID=498

Read More...


ขนมงาดอกไม้ ขนมคนรักสุขภาพ

ขนมงาดอกไม้ ปรุงรสขนมสูตรใหม่ที่อุดมด้วยคุณค่าสารอาหาร เอาใจคนรักสุขภาพ โดยนำเอาดอกไม้มาเป็นส่วนผสมในขนมงาอย่างลงตัว กลายเป็นขนมงาดอกไม้รสอร่อย


ขนมงาดอกไม้

ขนมงา หรือที่คนใต้เรียกว่า ขนมจี้โจ้ เป็นขนมแป้งที่ตัวแป้งมีลักษณะเหนียว เป็นสูตรขนมชาวจีนฮกเกี้ยนที่มาแพร่หลายในไทย ซึ่งนักศึกษาคณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) ธัญบุรี ปิ๊งไอเดียพลิกแพลงทำเป็น ขนมงาดอกไม้ ซึ่งทีม ช่องทางทำกิน มีสูตรมาเล่า

พลอย-น.ส.ดวงกมล ฉิมปรุ และ บี-น.ส.อิสรีย์ สุขอ่ำ นักศึกษาชั้นปี 4 สาขาวิชาอาหารและโภชนาการ-ธุรกิจอาหาร คณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ มทร.ธัญบุรี เป็นเจ้าของไอเดีย ขนมงาดอกไม้ ปรุงรสขนมสูตรใหม่ที่อุดมด้วยคุณค่าสารอาหาร เอาใจคนรักสุขภาพ โดยนำเอาดอกไม้มาเป็นส่วนผสมในขนมงาอย่างลงตัว กลายเป็นขนมงาดอกไม้รสอร่อย แถมด้วยคุณค่าทางโภชนาการ โดยมี ผศ.อภิญญา พุกสุขสกุล และ ผศ. อุจิตชญา จิตรวิมล เป็นอาจารย์ที่ปรึกษา

พวกเราได้เอาขนมงาแบบดั้งเดิมที่ตัวแป้งเหนียว ๆ มาปรับปรุงสูตรใหม่ โดยการเพิ่มแป้งเข้าไปเป็นส่วนผสม และเปลี่ยนจากใช้เผือกมาเป็น ใช้มันไข่ เพราะในมันไข่ ประกอบด้วยคาร์โบไฮเดรตที่เป็นแหล่งพลังงานของร่างกาย มีวิตามินเอ (เบต้าแคโรทีน) ช่วยเสริมสร้างกระดูก ส่วนตัวไส้เปลี่ยนจากถั่วเหลืองหรือถั่วดำมาเป็น ใช้ถั่วเขียว เพราะถั่วเขียวมีโปรตีนสูง ไขมันต่ำ ลักษณะ สีน่าทาน นอกจากนี้ยังได้ เสริม ดอกไม้ 3 ชนิด คือ ดอกคำฝอย ดอกอัญชัน และดอกพวงชมพู เข้าไปด้วย

สองสาวเล่า พร้อมบอกอีกว่า ที่นำดอกไม้มาเป็นส่วนผสม ซึ่งดูน่ารับประทานมากขึ้นนั้น ด้านประโยชน์ในดอกอัญชันมีสารแอนโทไซยานิน ที่ช่วยล้างสารที่ก่อมะเร็งและยังออกฤทธิ์ในการขยายเส้นเลือด เพิ่มการไหลเวียนในหลอดเลือดเล็ก ดอกคำฝอย ช่วยลดความดันในโลหิตสูง ช่วยขับเหงื่อ เป็นยาระบายอ่อน ๆ บำรุงประสาท ส่วนดอกพวงชมพู ช่วยเรื่องการหลับ ทำให้หลับง่าย และมีวิตามินเอสูง บำรุงสายตา

สำหรับอุปกรณ์ที่ใช้ในการทำ ขนมงาดอกไม้ หลัก ๆ ก็มี…เตาแก๊ส, กระทะ, กระชอน, ถาด, กะละมัง, ทัพพี, หม้อสเตนเลส, ครก, ผ้าขาวบาง และอุปกรณ์เครื่องครัวเบ็ดเตล็ดอื่น ๆ

ขนมงาดอกไม้ นั้น ส่วนผสมของตัวแป้ง ตามสูตรประกอบด้วย มันไข่นึ่งสุกบด 4 1/2 ถ้วยตวง, แป้งข้าวเหนียว 2 1/2 ถ้วยตวง, แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วยตวง, กะทิข้น 1 1/2 ถ้วยตวง, งาขาวสำหรับคลุก (ปริมาณตามความต้องการ) และน้ำมันสำหรับทอด จากสูตรนี้จะทำขนมงาดอกไม้ได้ประมาณ 10 ลูก

นอกจากนี้ก็ต้องมีส่วนผสมของไส้ ถ้าเป็น ไส้ดอกคำฝอย ใช้ถั่วซีกนึ่งบด 2 ถ้วยตวง, ดอกคำฝอยสับ 2 ช้อนโต๊ะ, น้ำตาล 1/4 ถ้วยตวง, เกลือ 1/4 ถ้วยตวง, น้ำมันผัด 2 ช้อนโต๊ะ ถ้าเป็น “ไส้ดอกอัญชัน” ใช้ถั่วซีกนึ่งบด 2 ถ้วยตวง, ดอกอัญชัน 2 ช้อนโต๊ะ, น้ำตาล 1/4 ถ้วยตวง, เกลือ 1/4 ถ้วยตวง และน้ำมันผัด ถ้าเป็น “ไส้ดอกพวงชมพู” ใช้ถั่วซีกนึ่งบด 2 ถ้วยตวง, ดอกพวงชมพู 3 ช้อนโต๊ะ, น้ำตาล 1/4 ถ้วยตวง, เกลือ 1/4 ถ้วยตวง, น้ำมันผัด 2 ช้อนโต๊ะ และสีชมพูผสมน้ำ 1 ช้อนชา

ขนมงาดอกไม้

 

ขั้นตอนการทำขนมงาดอกไม้

เริ่มต้นจากการทำตัวไส้ก่อน โดยการเอาน้ำมันใส่ลงในกระทะ นำถั่วซีกนึ่งบดลงไปผัด ใส่ส่วนผสมของดอกไม้ลงไป (ส่วนผสมทั้ง 3 ไส้ แยกผัดต่างกระทะกัน) ปรุงรสด้วยเกลือ น้ำตาล ผัดให้ส่วนผสมเข้ากัน กวนไปเรื่อย ๆ สังเกตว่าไส้ขนมจับตัวเป็นก้อน มีความแวววาว ไม่ติดกระทะ ก็เป็นอันใช้ได้ ตักขึ้นใส่ภาชนะ ทิ้งไว้ให้เย็น ก่อนจะนำมาปั้นเป็นก้อนกลม ๆ น้ำหนักราว 10 กรัมต่อลูก พักไว้

ต่อไปเป็นการทำตัวแป้ง ใช้มันไข่ที่นึ่งสุกและบดแล้ว แป้งข้าวเหนียว แป้งข้าวเจ้า กะทิ ตามสูตร นำส่วนผสมทั้งหมดใส่ในกะละมัง แล้วทำการนวดคลุกเคล้าส่วนผสมให้เข้ากัน ระหว่างนวดต้องคอยเติมน้ำสะอาดลงไป เพื่อช่วยให้แป้งเนียน จับเป็นเนื้อเดียวกัน สังเกตว่าแป้งนิ่ม ไม่ติดมือ ก็เป็นอันใช้ได้ นำเอาผ้าขาวบางชุบน้ำบิดหมาด ๆ มาคลุมปิดไว้สักครู่

จากนั้นก็นำแป้งมาปั้นห่อไส้ที่เตรียมไว้ โดยชั่งแป้งก้อนละ 15 กรัม ใช้มือแผ่แป้งออกนิดหน่อย วางไส้ที่เตรียมไว้ลงกลางแป้ง ทำการจับแป้งหุ้มไส้ คลึงให้กลม นำไปคลุกงาขาว ก่อนจะนำไปทอดในน้ำมันให้มีสีเหลืองทอง ตักขึ้นสะเด็ดน้ำมัน เพียงเท่านี้ก็จะได้ “ขนมงาดอกไม้” ขายได้ในราคาลูกละ 3 บาท, 7 ลูก 20 บาท

ขนมงาดอกไม้ สูตรนี้ ยังไม่มีการทำขายแพร่หลายตามท้องตลาด ใครสนใจใช้เป็น

ช่องทางทำกิน ก็ลองไปฝึกฝนและพลิกแพลงสร้างเป็นสูตรเฉพาะของตนเอง หรือหากมีข้อสงสัยก็ลองสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมจาก ผศ.อุจิตชญา ได้ที่ โทร. 08-9519-2332.

ที่มา : เดลินิวส์

Read More...


น้ำลูกเดือย น้ำข้าวกล้อง

จากผลิตจำหน่ายเสื้อโหลหันมาแปรรูปธัญพืชจำพวกลูกเดือย น้ำข้าวโพด ข้าวกล้องงอก ถั่วเหลืองผสมงาดำ ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพส่งขายตามออเดอร์ งานแสดงสินค้า และตลาดเช้าทางเข้าสวนหลวง ร.9 ได้วันละกว่า 3,500 บาท


น้ำลูกเดือย น้ำข้าวกล้อง

พัชรีพรบอกว่าเดิมทีไม่ เคยคิดว่าจะแปรรูปธัญพืชขาย เพราะมีอาชีพด้านการผลิตเสื้อและจำหน่ายเสื้อโหลย่านประตูน้ำนั้นที่มีราย ได้ดีกว่า และเป็นงานที่ถนัดด้วย เพราะทำมากว่า 20 ปี แต่จากการที่ผลิตเสื้อโหล แม้บางส่วนจ่ายงานนอกให้คนอื่นเย็บ แต่ต้องไปขนและส่งให้ลูกค้าเอง ต้องขับรถทุกวัน พอนานวันสุขภาพเริ่มแย่ลง ระบบเส้นยึดและตึง ระบบข้อเสื่อม ต้องใช้เวลารักษาเป็นปีทั้งในโรงพยาบาล รักษาหมอจีน ฝังเข็ม รับประทานโสมมื้อละนับพันบาท แต่อาการก็ไม่ดีขึ้น ซ้ำยังแย่ลง จนรู้สึกท้อตรงที่ว่ามีเงินเก็บ แต่ไม่สามารถรักษาตัวได้ ในที่สุดเลิกอาชีพผลิตและจำหน่ายเสื้อโหลที่ประตูน้ำเมื่อ 4 ก่อน

ตอนนั้นรู้สึกท้อมาก ให้แฟนไปส่งที่วัดอัมพวัน อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี เพื่อฝึกสมาธิ ปฏิบัติธรรม แต่ก็ไม่ได้ผล จนรู้สึกว่าหมดปัญญาที่รักษาแล้วจึงกลับไปนอนซมอยู่ที่บ้านแต่อาการยิ่งหนัก บางครั้งขยับตัวไม่ได้ พูดไม่ได้ รู้สึกตัวว่ากำลังจะหมดลมหายใจแล้ว จึงฝึกกำหนดลมหายใจ ขณะที่แฟนต้องหาเงินคนเดียว ด้วยการไปขายของที่ตลาดเช้าปากทางเข้าสวนหลวง ร.9 ด้านถนนศรีนครินทร์ ตอนหลังแฟนต้มน้ำลูกเดือยขายด้วย บวกกับนึกได้ว่าย่ามีอายุยืนเพราะท่านชอบดื่มน้ำธัญพืชนี้จึงดื่มบ้าง ดื่มครั้งแรกตอนหกโมงเย็น ตอนดึกรู้สึกหายใจแผ่วๆ เหงื่อแตก วันรุ่งขึ้นดื่มอีก ไม่น่าเชื่อจะเป็นไปได้ เพราะรู้สึกว่าหายใจคล่องขึ้น นึกในใจว่าเรายังไม่ตาย เลยดื่มทุกวัน เพียงอาทิตย์เดียวลุกขึ้นนั่งเองได้ พัชรีพรย้อนถึงครั้งหนึ่งของชีวิตเมื่อ 4 ปีก่อน
ไม่กี่เดือนหลังจากดื่ม เธอย้อนกลับไปหาเพื่อนที่ประตูน้ำ ทุกคนตกใจต่างถามว่าไปรักษาที่ไหน เธอเล่าให้เพื่อนฟัง ทุกคนสนใจ พร้อมกับนำน้ำลูกเดือยไปให้คนที่รู้จักซึ่งเป็นโรคปวดข้อ หลังจากดื่มแล้วได้รับการตอบว่าอาการดีขึ้น จนเวลาผ่านไปเป็นปี พัชรีพรกลับมีชิวิตที่สมบูรณ์เหมือนเดิม ทำงานได้จึงนึกว่าเมื่องานที่ประตูน้ำไม่ได้ทำแล้ว น่าจะเอาดีกับการแปรรูปทำผลิตภัณฑ์จากธัญพืช จึงศึกษาสูตรการแปรรูปอย่างถูกวิธี ทั้งจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน และที่อื่นด้วย ตลอดจนศึกษาเกี่ยวกับการขอใบรับรองจากองค์การอาหารและยา (อย.) หลังจากได้ อย.แล้ว จึงรวบรวมกลุ่มแม่บ้านแปรรูปธัญพืชเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพบรรจุขวดขนาด 180 มิลลิกรัม ภายใต้เครื่องหมายการค้า ตราบ้านพัชรี ขายขวดละ 20 บาท มีทั้งน้ำลูกเดือย น้ำข้าวโพด น้ำถั่วเหลืองงาดำ และล่าสุดน้ำข้าวกล้องงอก โดยใช้ที่บ้านของตัวเองในหมู่บ้านฐิติพร 2 ถนนรามคำแหง 120 แขวงสะพานสูง เขตสะพานสูง กรุงเทพฯ

หลังจากทำได้ปีแรก ได้ส่งผลิตภัณฑ์น้ำลูกเดื่อยเข้าประกวดจนได้รับคัดเลือกสินค้าหนึ่ง ผลิตภัณฑ์หนึ่งตำบล หรือสินค้าโอท็อป 3 ดาวระดับประเทศ จึงทำให้มีสิทธิ์ออกจำหน่ายตามงานแสดงสินค้าโอท็อปหลายแห่ง จนผลิตภัณฑ์จากธัญพืชตราบ้านพัชรี เป็นที่รู้จักของลูกค้ามากขึ้น ปัจจุบันสินค้าที่ขายดีที่สุดคือน้ำลูกเดือย เพราะน้ำลูกเดือยมีประโยชน์ต่อร่างกายหลายอย่าง มีโปรตีนสูง เสริมสร้างสุขภาพ ทางแพทย์ญี่ปุ่นพบว่าลูกเดือยนั้นทำให้เลือดบริสุทธิ์ และขับปัสสาวะด้วย ที่ขายดีอีกตัวหนึ่งคือน้ำข้าวโพด และล่าสุดน้ำข้าวกล้องงอกก็กำลังมาแรงเนื่องจากมีประโยชน์ต่อสุขภาพนั่นเอง

ตลาดหลักส่วนหนึ่งจะขายที่ตลาดเช้าปากทางเข้าสวนหลวง ร.9 เฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ มีรายได้ตกวันละ 3,500 บาท โดยทุกอย่างมีขาย 2 รูปแบบคือตักใส่ถุง ถุงละ 10 บาท กับบรรจุขวดขายขวดละ 20 บาท ตลาดอีกส่วนหนึ่งคือมีลูกค้าประจำกว่า 10 ราย สั่งไปดื่มทุกอาทิตย์ อาทิตย์ละ 400-500 ขวด มีรายได้อาทิตย์ละ 6,800-8,000 บาท และอีกส่วนหนึ่งออกบูธตามงานต่างๆ เฉลี่ยแล้วมีรายได้ที่น่าพอใจ พัชรีพรกล่าว

อย่างไรก็ตาม พัชรีพรบอกว่า หากผู้ที่สนใจสั่งซื้อ 50 ขวดขึ้นไป คิดราคาส่งที่ขวดละ 16 บาท บริการส่งให้ฟรี สอบถามได้ที่ 0-2373-6521

น้ำลูกเดือย น้ำข้าวกล้อง

 

สูตรง่ายๆทำกล้องงอกกินเอง

ส่วนขั้นตอนการทำข้าวกล้องงอก เริ่มจากนำข้าวกล้องที่เป็นข้าวหอมมะลิ 105 ที่มีจมูกข้าวมาซาวน้ำ 1 ครั้ง ต้องเป็นข้าวกล้องที่ใหม่ หรือต้องไม่นานกว่า 3 เดือน แล้วแช่น้ำ 6-8 ชั่วโมง จากนั้นนำมาซาวน้ำอีกครั้ง แล้วห่อกับผ้าดิบขาว หรือกระสอบถุงละ 15 กิโลกรัม ใช้เวลา 15-20 ชั่วโมง หากต้องการเป็นข้าวกล้องงอกสด นำมาซาวน้ำเข้าเครื่องปั่นทำน้ำข้าวกล้องงอกได้เลย แต่ถ้าต้องการเป็นข้าวกล้องงอกแห้ง ต้องตากแดด 2 วัน หรือเข้าตู้อบก็ได้

การทำน้ำข้าวกล้องงอก นำข้าวกล้องงอกมาซาวน้ำให้สะอาด แล้วผสมน้ำในอัตราข้าวกล้องงอก 1 กิโลกรัมต่อน้ำ 1 กิโลกรัมครึ่ง นำใส่ในเครื่องปั่น โดยปั่นให้ละเอียด จากนั้นนำมาต้มโดยผสมน้ำสะอาดลงไป 10 ลิตร ใส่เกลือพอประมาณ หรือเติมน้ำตาลตามใจชอบ แต่ไม่ควรจะเติมใบเตย เพราะอาจทำให้กลิ่นของข้าวหอมมะลิจะเสียไป
การต้มนั้นต้องตั้งบนเตาไฟให้เดือดนาน 10-15 นาที ปล่อยให้อุ่นหรือเย็น นำมาดื่มได้ หรืออาจใส่เครื่องบ้างก็ได้ อาทิ เม็ดแมงลัก ลูกเดือย งาดำ เป็นต้น แต่หากจะนำไปขายควรบรรจุกระปุกแล้วแช่ในตู้เย็นสามารถเก็บได้ 1 อาทิตย์

ที่มา : คมชัดลึก

Read More...


น้ำเต้าหู้ใบเตย อาชีพเสริม รายได้ดี

น้ำเต้าหู้ใบเตย เขียวๆ หอมๆ ใช้ของสดใหม่ สะอาด ทำขายวันต่อวัน รายได้ดี อีกหนึ่งอาชีพเสริมที่น่าสนใจ

“น้ำเต้าหู้” เครื่องดื่ม-อาหารทานเล่นพื้น ๆ ที่กลายเป็นอาหารสุขภาพ ยุคนี้ก็ยังขายได้ และบางคนสามารถพัฒนาจนเป็นอาชีพที่สร้างรายได้อย่างดี อย่างรายที่ทีม “ช่องทางทำกิน” มีข้อมูลมาบอกต่อวันนี้…

น้ำเต้าหู้ใบเตย

ณัฐปภัทร์ อาขุบุตร หรือ เจี๊ยบ เจ้าของสูตร “น้ำเต้าหู้ใบเตย” เล่าว่า ก่อนหน้านี้ทำงานเป็นพนักงานบริษัท แต่รายได้ไม่เพียงพอกับรายจ่าย จึงต้องการหารายได้เสริม

ก็คิดที่จะขายน้ำเต้าหู้ในละแวกที่ทำงาน เพราะเห็นว่ามีหน่วยงานและบริษัทต่าง ๆ ที่มีคนทำงานมากพอสมควร รวมทั้งชาวบ้านแถวนั้นส่วนใหญ่เป็นคนจีน ซึ่งนิยมบริโภคน้ำเต้าหู้เป็นประจำอยู่แล้ว แต่เพื่อไม่ให้ซ้ำกับน้ำเต้าหู้แบบที่มีการทำขายกันทั่วไป จึงหาวิธีดัดแปลงเพื่อให้เกิดความแตกต่างขึ้น ก็มาสะดุดกับใบเตย คิดว่าถ้าใส่ใบเตยในน้ำเต้าหู้จะช่วยให้น้ำเต้าหู้กลิ่นหอม และมีสีเขียวแบบธรรมชาติ แล้วก็กลายเป็นจุดขายที่ดี กลายเป็น “น้ำเต้าหู้ใบเตย”

การทำน้ำเต้าหู้ใบเตย เจี๊ยบบอกว่า จะมีขั้นตอนการผลิตที่มากกว่าน้ำเต้าหู้ธรรมดา เพราะต้องเตรียมน้ำใบเตย ก่อนจะนำมาคั้นน้ำต้องล้างให้สะอาด นำมาปั่นและกรอง วิธีทำยุ่งยากกว่า แต่ก็คุ้มกับกลิ่นหอม น่ารับประทาน เมื่อทำน้ำเต้าหู้ใบเตยมาขายแรก ๆ ลูกค้าก็แปลกใจว่าทำไมน้ำเต้าหู้มีสีเขียวอ่อน ๆ และหอมมาก

นอกจากความหอม น่ารับประทาน ยังเหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบดื่มน้ำเต้าหู้ เพราะไม่ชอบกลิ่นถั่วเหลือง แม้จะรู้ว่าถั่วเหลืองมีประโยชน์ต่อสุขภาพ แต่ไม่สามารถดื่มได้ ซึ่งเมื่อใส่ใบเตยก็สามารถดื่มได้ เนื่องจากกลิ่นหอมของใบเตย จะช่วยดับกลิ่นถั่วเหลืองที่ผู้บริโภคไม่ชอบ นี่ก็ถือว่าเป็นจุดขายของทางร้านด้วย

เช่นเดียวกับเครื่องสำหรับใส่ในน้ำเต้าหู้ คือ สาคู วุ้น ลูกเดือย ฟักทอง เม็ดแมงลัก ซึ่งสาคูกับวุ้นเป็นที่ชื่นชอบของลูกค้าเด็ก ๆ ส่วนลูกเดือย ฟักทอง เม็ดแมงลัก ต่างก็มีประโยชน์ ซึ่งผู้รักสุขภาพก็นิยมกันมาก โดยเฉพาะฟักทองของที่ร้านนั้นเป็นจุดเด่นเลยก็ว่าได้ ผู้บริโภคชอบมาก ซึ่งน้ำเต้าหู้ที่ทำขายทั่วไปส่วนใหญ่ไม่ค่อยใส่ฟักทองแบบนี้ เนื่องจากกรรมวิธีการทำค่อนข้างยุ่งยาก และเสียเวลากว่าเครื่องประเภทอื่นๆ

น้ำเต้าหู้ใบเตย
ในการทำน้ำเต้าหู้ใบเตยขาย อุปกรณ์หลัก ๆ ก็มี… ถังต้ม, หม้ออะลูมิเนียม (ขนาด-จำนวนขึ้นอยู่กับปริมาณการทำ ), ผ้าขาวบาง (สำหรับกรองกาก), กระบวยตัก, ตะหลิว หรือไม้พายสำหรับคน, ตะแกรงสำหรับกรอง, ที่ตวงน้ำสแตนเลส ขนาด 1 ลิตร, ภาชนะใส่เครื่องผสม และเตาแก๊ส ที่เหลือก็เป็นอุปกรณ์เบ็ดเตล็ดอื่น ๆ

ส่วนวัตถุดิบที่ใช้ทำ… ถ้าใช้ถั่วเหลือง 1 กิโลกรัม จะใช้น้ำสะอาด 9 ลิตร, น้ำใบเตย ? ลิตร, น้ำตาลทรายแดง 1/2 กิโลกรัม, เกลือนิดหน่อย, น้ำตาลทรายขาว (ไว้เติมตอนขาย กะให้พอกับการขายแต่ละวัน)

ขั้นตอนการทำ และเคล็ดลับความอร่อยของ “น้ำเต้าหู้ใบเตย” ทางเจ้าของร้านบอกว่า อยู่ที่ขั้นตอนการทำ โดยเริ่มจากนำเมล็ดถั่วเหลืองไปแช่น้ำสะอาด 3 ชั่วโมง แล้วคัดถั่วเมล็ดเสียออก ให้สังเกตดูจากสีถั่ว ที่เสียจะมีเมล็ดสีน้ำตาลและนิ่ม เสร็จแล้วนำถั่วเหลืองเมล็ดดีไปล้างน้ำให้สะอาด 3-4 ครั้ง

เจี๊ยบเผยเคล็ดไม่ลับว่า ไม่ควรแช่ถั่วเหลืองเกิน 3 ชั่วโมง เพราะถ้าแช่เกินจากนี้จะทำให้เมล็ดถั่วคืนตัว เวลานำไปบดจะทำให้น้ำเต้าหู้เสียรูป และมีกากปน รสชาติจะไม่อร่อย



เอาถั่วที่ล้างสะอาดแล้วไปบดในเครื่องบด หรือเครื่องโม่ ซึ่งในการบดนั้นต้องเปิดน้ำหล่อเลี้ยงตลอดเวลา แล้วนำน้ำถั่วเหลืองที่ได้ไปกรองด้วยผ้าขาวบาง 3 ครั้ง จากนั้นก็นำไปต้มโดยใช้ไฟแรง พอเริ่มเดือดใส่น้ำใบเตยลงไป เมื่อน้ำถั่วเหลืองเดือด เคี่ยวต่อไป โดยลดมาใช้ไฟปานกลาง ระหว่างนั้นให้คนไปเรื่อย ๆ อีก 5 นาที จึงค่อยยกลงจากเตา เติมเกลือป่นครึ่งช้อนชา และน้ำตาล ชิมรสตามชอบ

และที่ขาดไม่ได้ก็คือ วุ้นสี, แมงลัก, ลูกเดือย, ฟักทอง และสาคู โดยวุ้นสีนั้น เจี๊ยบเลือกทำเองมากกว่าไปซื้อสำเร็จรูปตามท้องตลาด วิธีทำก็ไม่ยุ่งยาก นำน้ำตั้งบนเตาไฟ นำผงวุ้น 25 กรัมละลายในน้ำ 4 ลิตร ใส่น้ำหวานนิดหน่อยเพื่อเพิ่มสีสันให้สวยงามน่ารับประทาน เทน้ำที่ต้มเดือดแล้วลงในถาดสแตนเลส ใส่วุ้นที่เตรียมไว้ตามลงไป ใช้ช้อนคนให้ทั่วถาด รอให้เย็น วุ้นจะแข็งเป็นก้อน ใช้มีดตัดตามขนาดที่ต้องการ

เคล็ดลับความอร่อยของ “น้ำเต้าหู้ใบเตย” เจ้านี้ อยู่ที่ใช้ของสดใหม่ สะอาด ทำขายวันต่อวัน ไม่ค้าง แต่น้ำเต้าหู้ที่ขายนั้น ลูกค้าซื้อไปแล้วก็สามารถเก็บไว้ในตู้เย็นได้นาน ประมาณ 1 สัปดาห์

เจี๊ยบบอกว่า อาชีพนี้สำหรับต้นทุนครั้งแรกลงทุนอุปกรณ์ประมาณ 30,000 บาท เป็นค่าอุปกรณ์ต่าง ๆ ส่วนในการขาย ราคาขายอยู่ที่ถุงละ 7 บาท ใส่เครื่องถุงละ 10 บาท โดยมีต้นทุนวัตถุประมาณ 60% ของราคา

ร้าน “น้ำเต้าหู้ใบเตย” ของเจี๊ยบอยู่ในกรุงเทพฯ ขายอยู่ที่หน้าธนาคารนครหลวง สวนมะลิ โดยเริ่มขายตั้ง 06.00 – 09.00 น. จันทร์ – ศุกร์ (หยุดเสาร์-อาทิตย์) อยากลองชิมแต่หาร้านไม่เจอก็สอบถามได้ที่ โทร.08-5979-0527 ส่วนใครจะลองนำสูตรไปฝึกทำขายบ้างก็อย่ารอช้า อาชีพนี้หากมีทำเลเหมาะสมยังไปได้สวย
คู่มือลงทุน…น้ำเต้าหู้ใบเตย
  • ทุนเบื้องต้น ประมาณ 30,000 บาท
  • ทุนวัตถุดิบ ประมาณ 60% ของราคา
  • รายได้ ราคาถุงละ 7 และ 10 บาท
  • แรงงาน 1 คนขึ้นไป
  • ตลาด ย่านอาหาร ออฟฟิศ ชุมชน
  • จุดน่าสนใจ ปัจจุบันมีคนนิยมทานทั่วไป
เชาวลี ชุมขำ :รายงาน จาก เดลินิวส์ออนไลน์
http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&contentId=6473&categoryID=525

Read More...


สูตรการทำขนมไข่ ขายรายได้ดี

“สูตรการทำขนมไข่” ตามที่มีผู้สนใจถามไถ่มา ซึ่งกับ “ขนมไข่” นี้จากสูตรที่ทางหน้า “ช่องทางทำกิน” มีอยู่ โดยสรุปก็มีดังนี้…..




“ถอดรหัสอาชีพ” อาทิตย์ที่ 20 ก.ย. 2552 นี้ เรามาว่ากันด้วย “สูตรการทำขนมไข่” ตามที่มีผู้สนใจถามไถ่มา ซึ่งกับ “ขนมไข่” นี้จากสูตรที่ทางหน้า “ช่องทางทำกิน” มีอยู่ โดยสรุปก็มีดังนี้…..

ส่วนผสมหลัก ๆ

ก็มี… ไข่ไก่, น้ำตาลทราย, แป้งสาลี, นมสด, น้ำสะอาด, น้ำมันพืชหรือเนยขาว, ลูกเกด ซึ่งหากยึดที่การใช้แป้งสาลี 1 กิโลกรัม จะต้องใช้น้ำตาลทราย 1.2 กิโล กรัม, ไข่ไก่ 20 ฟอง, นมสด 1 กระป๋อง, น้ำสะอาด, น้ำมันพืชหรือเนยขาว และลูกเกด ซึ่ง 3 อย่างหลังก็ใช้พอเหมาะพอสม

ขั้นตอนการทำ “ขนมไข่”

…เริ่มจากนำแป้งสาลีมาร่อน 3 ครั้ง แล้วพักไว้ เพื่อให้แป้งเบาตัว จากนั้นหันไปนำไข่ไก่มาตอกใส่อ่างผสม ตีไข่ ให้ขึ้นฟู แล้วเติมน้ำตาลทรายทีละน้อยจนหมด ตีต่อไปจนส่วนผสมมี ลักษณะที่เรียกว่าตั้งยอดอ่อน ๆ ซึ่งขั้นตอนนี้ใช้เวลาทำนานประมาณ 1 ชั่วโมง

แต่ตรงนี้มี “เคล็ดลับ” คือ…การตีไข่กับส่วนผสมนั้น ถ้าเป็นไปได้ควรใช้ “เครื่องตีเค้ก” เพราะจะเร็วขึ้น ตีแล้วส่วนผสมจะขึ้นดี และทำให้ “ขนมไข่” นุ่มกว่าการตีด้วยมืออีกด้วย

ลำดับต่อไป นำแป้งสาลีที่เตรียมไว้มาค่อย ๆ ตะล่อมใส่ผสมลงไปในอ่างผสมที่มีส่วนผสมของไข่กับน้ำตาลอยู่ ใส่แป้งสลับกับนมสดจนหมด แล้วเคล้าเบา ๆ ให้ส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันดี ตั้งพักไว้

ล้างพิมพ์ขนมไข่ (มีหลายแบบ) ให้สะอาด เช็ดด้วยน้ำมันพืชให้ทั่ว นำไปผิงไฟ โดยใช้เตาถ่านซึ่งคุแดง เกลี่ยพอประมาณ และวางถ่านด้านบนของฝาพิมพ์ด้วย โดยเมื่อเตาร้อนดีแล้ว ใช้ลูกประคบเล็ก ๆ ชุบน้ำมันหรือเนยขาวเช็ดให้ทั่วบริเวณหลุมหรือเบ้าสำหรับหยอดแป้งขนมใน พิมพ์ ก่อนจะหยอดแป้ง หยิบลูกเกด 2-3 เม็ดใส่ลงไปก่อน แล้วจึงใช้ช้อนตักแป้งหยอดเต็มเบ้าพิมพ์

ขั้นตอนนี้ต้องระวังการใช้ไฟ เพราะขนมอาจไหม้ได้ !!

ถ้าใช้ไฟกำลังดี ใช้เวลากำลังดี ก็จะได้ขนมไข่ที่สุกกำลังดี โดยให้คอยสังเกตว่าขนมสุกเหลืองดีแล้วก็ใช้ไม้แหลมจิ้มขนมไข่ หรือใช้ส้อมแซะขนมไข่ออกจากเบ้าพิมพ์ ซึ่งขนมไข่ที่ดีมีคุณภาพนั้น ต้องมีสีเหลืองน่ารับประทาน มีกลิ่นหอม มีความกรอบนอกนุ่มใน และอร่อยกำลังดี

ทั้งนี้ ที่ว่ามาก็เป็นสูตร-วิธีทำ “ขนมไข่” โดยสังเขป ใครที่พอมีพื้นฐานทางการทำขนมอยู่บ้างก็คงจะเข้าใจ ส่วนใครที่ต้องการทราบรายละเอียดมากกว่านี้ ใน “รวมเล่มช่องทางทำกิน เล่ม 6” ซึ่งรวบรวมอาชีพไว้ 50 อาชีพ ทั้งอาหาร ขนม แปรรูป งานประดิษฐ์ ก็จะมีข้อมูลอาชีพการทำการขายขนมไข่ด้วยครับ !!.

http://www.dailynews.co.th

Read More...


อะโย่ชิพ แฟรนไชส์ มันฝรั่งเกลียวทอด

ธุรกิจมันฝรั่งเกลียวทอด แบรนด์น้องใหม่ “อะโย่ชิพ” แปลกใหม่ เก๋ไก๋ไม่ซ้ำใคร ขยายธุรกิจเข้าสู่ระบบแฟรนไชส์ กลายเป็นธุรกิจดาวรุ่งขึ้นมาทันที
 
 
อะโย่ชิพ แฟรนไชส์ มันฝรั่งเกลียวทอด

เรียกว่าโดนใจวัยรุ่นอย่างแรง สำหรับมันฝรั่งเกลียวทอด “อะโย่ ชิพ” แม้เพิ่งเปิดตัว ให้เป็นที่รู้จักได้ไม่นานนัก แต่ก็สามารถโกยเรทติ้งสร้างกระแสนิยมได้อย่างไม่น่าเชื่อ เพราะด้วยความแปลกใหม่ เก๋ไก๋ไม่ซ้ำใคร จึงทำให้ “อะโย่ ชิพ” กลายเป็นธุรกิจดาวรุ่งขึ้นมาทันที

“จากเดิมคิดแค่ว่าจะทำเป็นธุรกิจเล็กๆ ของตัวเอง แต่กลับกลายเป็นว่า ต้องขยายธุรกิจเข้าสู่ระบบแฟรนไชส์ เพื่อรองรับโอกาสที่มีเข้ามาอย่างไม่น่าเชื่อ”

นันทิยา วรประทีป สาวน้อยวัย 28 ปี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอ๊ด ยัง วันส์ จำกัด เจ้าของธุรกิจ มันฝรั่งเกลียวทอด แบรนด์น้องใหม่ “อะโย่ชิพ” เล่าให้ฟังถึงความเป็นมาและความน่าสนใจของธุรกิจนี้ว่า ก่อนหน้านี้ทำงานเป็นที่ปรึกษาด้านกฎหมาย

ครั้งหนึ่งได้มีโอกาสไปเที่ยวที่ประเทศเกาหลี และได้เห็นธุรกิจมันฝรั่งเกลียวทอดของที่นั่น แต่ของเกาหลีจะมีขายเพียงแค่รสชาติเดียว คือ รสชีส จึงเกิดความสนใจ และมองว่าน่าจะนำมาพัฒนาและประยุกต์เป็นธุรกิจของตัวเองได้ จากนั้นจึงได้ติดต่อไปที่เจ้าของสิทธิบัตร ที่ผลิตตัวเครื่องหั่นมันฝรั่ง เป็นเกลียวเพื่อขอนุญาตนำไปใช้

สำหรับอะโย่ชิพทำจากมันฝรั่งสดๆ หั่นยืดเป็นเกลียวยาวกว่า 1 ฟุต เสียบไม้ทอดกรอบจนเป็นสีเหลือง ปรุงรสด้วยสูตรเฉพาะ ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ด้วยกัน 7 รสชาติ ได้แก่ รสชีส โนริวาซาบิ ซาวครีมและหัวหอม บาร์บีคิว รสธรรมชาติ รสต้มยำกุ้ง และรสช็อกโกแลต

“ธุรกิจ นี้เพิ่งเริ่มเมื่อช่วงต้นปี 2551 ตอนแรกไม่ได้คิดจะทำเป็นแฟรนไชส์ แค่อยากทำธุรกิจของเราเอง จึงเอามาลองตลาดดูก่อน พอเปิดตัวมาคนก็สนใจกันเยอะ หลายๆ ห้างติดต่อให้เราไปขาย เราเริ่มรู้แล้วว่าทำเองไม่ไหว จึงมองไปที่ระบบแฟรนไชส์” นันทิยา เล่าถึงการตัดสินใจขยายธุรกิจเข้าสู่ระบบแฟรนไชส์

ปัจจุบันร้านอะโย่ชิพที่เป็นสาขาของตัวเองนั้น มีอยู่ที่เดอะมอลล์งามวงศ์วาน ชั้น G กับชั้น 6 เมเจอร์รัชโยธิน, สยามพารากอน และล่าสุดห้างเซ็นทรัลแจ้งวัฒนะ ขณะที่สาขาของแฟรนไชส์ซีมีอยู่ด้วยกัน 2 สาขา คือ ห้างเซ็นทรัลพระราม 3 และห้างเซ็นทรัลเวิล์ด ชั้น 7

นันทิยา บอกว่า ถือเป็นการเติบโตอย่างรวดเร็วกับธุรกิจที่เพิ่งเริ่มต้นได้ไม่นาน พร้อมอธิบายถึงการลงทุนในรูปแบบแฟรนไชส์ของอะโย่ชิพว่า งบประมาณที่แฟรนไชส์ซีต้องใช้สำหรับการลงทุนจะอยู่ที่ประมาณ 300,000-400,000 บาท ขึ้นอยู่กับทำเลที่ตั้งและขนาดพื้นที่ โดยเครื่องมือ อุปกรณ์ และวัตถุดิบต่างๆ บริษัทจะจัดเตรียมให้ทั้งหมด เรียกว่าเตียมให้พร้อมทุกอย่างสามารถเริ่มดำเนินธุรกิจได้ทันที ซึ่งรวมถึง การอบรมพนักงาน ให้ด้วยเพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกันทั้งหมด

สำหรับทำเลที่เหมาะสำหรับธุรกิจอะโย่ชิพนั้น นันทิยา แนะนำว่า ด้วยตัวสินค้าที่เน้นจับกลุ่มวัยรุ่นเป็นหลัก ดังนั้น ทำเลของร้านควรอยู่ในแหล่งที่เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคเป้าหมายได้โดย ตรง เช่น ศูนย์การค้าชั้นนำทั่วไป โรงภาพยนตร์ หรือห้างโมเดิร์นเทรด เป็นต้น นอกจากนั้นจุดจำหน่ายอะโย่ชิพควรต้องเป็นทำเลที่มี Traffic ค่อนข้างสูง เพื่อให้จุดเด่นด้านผลิตภัณฑ์ เป็นปัจจัยในการสร้างความสนใจให้กับลูกค้า

“คุณสมบัติแฟรนไชส์ซีที่เรามองหลักๆ คือ ต้องมีเวลาและมีใจอยากทำจริงๆ เพราะเป็นธุรกิจอาหารจึงต้องใส่ใจอย่างมาก คนที่สนใจธุรกิจที่เข้ามาหาเรา มีทั้งแบบที่เข้ามาถามว่ามีพื้นที่ให้เขาลงไหม ซึ่งตรงนี้ เราเองก็มีพื้นที่ที่ได้รับการติดต่อจากห้างส่วนหนึ่งให้ด้วย หรืออีกแบบหนึ่ง คือ เขามีทำเลอยู่แล้ว มาถามว่าสามารถลงได้ไหม เราก็ขอไปดูก่อน ถ้าเวิร์คก็สามารถทำได้เลย แต่หลักๆ แล้วคงต้องนั่งคุยกันก่อน ดูทัศนคติ ดูความตั้งใจจริงในการทำธุรกิจ เพราะเราเองก็พยายามทำธุรกิจตรงนี้ให้เหมือนกับธุรกิจครอบครัว แม้จะเป็นแฟรนไชส์ซีก็ตามแต่ก็ให้ความดูแลกันแบบครอบครัว”

ในส่วนของเรื่อง การสนับสนุนจากบริษัท ในฐานะแฟรนไชส์ซอนั้น นอกเหนือจากการจัดส่งวัตถุดิบให้กับแฟรนไชส์ซีแล้ว นันทิยา บอกกว่า ในเดือนแรกของการทำธุรกิจ บริษัทจะให้ฟรี อะโย่ชิพจำนวน 2,000 ไม้ แก่แฟรนไชส์ซี เพื่อทำให้มีรายได้เข้ามาในเดือนแรกโดยที่ไม่ต้องลงทุน และใช้เป็นทุนหมุนเวียนในเดือนถัดไป เพราะบริษัททราบดีว่าการทำธุรกิจเรื่องเงินทุนหมุนเวียน เป็นสิ่งสำคัญมากใน การเริ่มต้นธุรกิจ
อย่างไรก็ดี หลายคนอาจมองว่า อะโย่ ชิพ เป็นสินค้าแฟชั่น จำพวกมาเร็วไปเร็วตามกระแสนิยม ทำให้ความเชื่อมั่นในการลงทุนทำธุรกิจน้อยลง ในเรื่องนี้ นันทิยา มีคำอธิบายมาว่า ถึงหลายคนมองว่าเป็นสินค้าแฟชั่น แต่บริษัทไม่ได้มองเช่นนั้น มันฝรั่งเกลียว เป็นเพียงสินค้าเปิดตลาดสำหรับแบรนด์อะโย่ชิพเท่านั้น เมื่อเริ่มเป็นที่รู้จักของตลาดแล้ว อะโย่ชิพก็จะทยอยออกสินค้าใหม่ๆ ออกมา แต่ยังคงคอนเซ็ปต์สินค้าที่ต้องทำมาจากมันฝรั่งเท่านั้น

“ไม่ต้องกลัวว่าจะเป็นสินค้าแฟชั่น เราจะไม่ยอมปล่อยให้แบรนด์ตายไปกับแค่มันฝรั่งเกลียวตัวเดียว มันฝรั่งเกลียวเป็นเพียงสินค้าตัวหนึ่งของอะโย่ชิพเท่านั้น ในอนาคตจะมีสินค้าตัวใหม่ๆ เกิดขึ้นมาอีกมาก ตราบที่ไอเดียเราไปได้ ตอนนี้ก็มีสินค้าจ่อคิวที่จะออกอีกหลายตัว ซึ่งเราเองก็กำหนดเวลาการออกสินค้าใหม่ทุกๆ 2 เดือน เพราะฉะนั้นลูกค้าจะได้เห็นของใหม่อยู่เรื่อยๆ”

ท้ายสุดนี้ นันทิยาย้ำถึงการลงทุนในระบบแฟรนไชส์ ภายใต้ภาวะเศรษฐกิจขณะนี้ ว่าการลงทุนยังมีอยู่ เพียงแต่คนระมัดระวังที่จะใช้เงินมากขึ้น สำหรับธุรกิจอาหาร เชื่อว่ายังได้รับความสนใจอยู่สมอ ยิ่งเป็นของกินแฟชั่นใหม่ๆ คนส่วนใหญ่มักอยากจะลอง ดังนั้นโอกาสของการลงทุนและการเติบโตจึงยังมีอยู่แน่นอน

เรื่อง : เรไร จันทร์เอี่ยม
ภาพ : ณับพล ปาลกะวงศ์
ข้อมูลโดย http://www.smethailandclub.com/web/category/inside/parent_id/2/id/707

Read More...


ทำขนม สังขยาใบเตย รายได้ดี

ศิริจิตร์ เชาวน์ไกลวงศ์ ยึดมั่นคำสอนเรื่อง เศรษฐกิจพอเพียง ของ ในหลวง ทำสังขยาขายมานานกว่า 20 ปี วันนี้ศิริจิตร์ยินดีมอบ สูตรสังขยา เป็นวิทยาทาน เผื่อใครจะไปฝึกทำขายกัน

ศิริจิตร์ เชาวน์ไกลวงศ์ ยึดมั่นคำสอนเรื่อง เศรษฐกิจพอเพียง ของ ในหลวง ทำสังขยาขายมานานกว่า 20 ปี หาเงินส่งลูกคนแรกเรียนทันตแพทย์ศาสตร์ จุฬาฯ และกำลังส่งเรียนต่ออีกสองคน

ศิริจิตร์ยึดมั่นในหลวงเป็นขวัญและกำลังใจในการสู้ชีวิต และเมื่อวันที่ 4 ธันวาคมปีที่แล้ว ศิริจิตร์ก็มีโอกาสได้เข้าเฝ้าฯถวายพระพรในหลวงในวังสวนจิตรฯ ซึ่งถือเป็นโชคดี และเป็นสิริมงคลยิ่งในชีวิต
วันนี้ศิริจิตร์ยินดีมอบ สูตรสังขยา เป็นวิทยาทาน เผื่อใครจะไปฝึกทำขายกัน

สังขยาใบเตย

เครื่องปรุง สังขยาใบเตย

1.ไข่ไก่เบอร์ 2 27 ฟอง
2.น้ำตาลทราย 1 กิโลกรัม
3.น้ำตาลปี๊บ ? ช้อนโต๊ะ
4.กะทิคั้นสด 3.5 กิโลกรัม
5.ใบเตยสด 12 ต้น
6.แป้งมันสำปะหลัง 3 ช้อนโต๊ะ
7.สีเขียว (สีผสมอาหาร) 1 ซอง
8.น้ำสะอาด (กรองด้วยผ้าขาวบาง) 1 หม้อ

วิธีทำ สังขยาใบเตย

1.เทน้ำตาลทราย น้ำตาลปี๊บ หัวกะทิ ใส่หม้อที่ตั้งซ้อนบนกระทะมีน้ำต้มหล่อไว้

2.ตอกไข่ไก่ใส่กะละมังตีให้เข้ากัน แล้วเทใส่หม้อกวนจนน้ำตาลละลายหมด ให้กวนวนขวาไปทางเดียวกัน ห้ามกวนกลับไปกลับมา สังขยาจะบูดง่าย

3.ใส่ใบเตยลงไปกวนด้วยจนได้สังขยาน้ำข้นขึ้น จึงละลายสีเขียวกับน้ำ ใส่ให้เป็นสีเขียวอ่อน

4.ละลายแป้งมันใส่ในสังขยาให้เหนียวเป็นยางมะตูม จึงปล่อยให้เย็น ตักสังขยาใส่ถ้วยเตรียมไว้ขายหรือทาขนมปังกินได้ทันที สังขยาจะมีกลิ่นหอมของใบเตย รสชาติไม่หวานจัดจนเกินไป

ศิริจิตร์ขายสังขยาถ้วยละ 30 บาท ชุดขนมปัง-สังขยา 50 บาท ขายที่ปากซอยจอมสมบูรณ์ หน้าร้านก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลาเจ้าอร่อย ถนนพระราม 4 โทร.0-2235-6290, 08-6305-0133

ผมจะพา ล่องแม่น้ำเจ้าพระยาไหว้พระ ๙ วัด วันที่ 4 ตุลาคมนี้ ชิม บ๊ะกุ๊ดเต๋ปีนัง มื้อเที่ยง สอนและแจกชุดยาจีนบ๊ะกุ๊ดเต๋ให้ไปทำที่บ้าน มีซีดีเพลงสวดมนต์จีนให้ 1 แผ่น จองด่วน โทร.0-2280-1319, 0-2282-7362

Read More...


วุ้นสายรุ้ง ทุนต่ำทำง่าย รายได้ดี

มาโนชญ์ อินทวงษ์ เป็นเจ้าของร้านขนมไทย-วุ้นสายรุ้งหลากสี เริ่มทำวุ้นขายโดยจากประสบการณ์ที่ผ่านมาทำให้ได้เรียนรู้ว่าแม้ผลิตภัณฑ์สินค้าชนิดเดียวกัน แต่ถ้าเราทำรูปแบบให้น่าสนใจ ยอดขายก็จะเพิ่มขึ้น

วุ้นสายรุ้ง

พูดถึงขนมนิ่ม ๆ ใส ๆ อย่างวุ้น หลายคนอาจนึกถึงแต่วุ้นกะทิ หรือหากเป็นสมัยก่อนที่ผู้เฒ่าผู้แก่รู้จักกันดีก็จะเป็นวุ้นไข่หรือวุ้นสังขยา แต่ไม่ว่าจะเป็นวุ้นอะไร ก็เป็นขนมที่ทำได้ไม่ยาก หาวัสดุอุปกรณ์ในการทำก็ง่าย ราคาไม่แพง อีกทั้งเป็นขนมที่นิยมบริโภคกันทั่วไป ซึ่งเป็นข้อยืนยันว่าขนมชนิดนี้ทำเมื่อไรก็ขายได้ และวันนี้ทีม ช่องทางทำกิน ก็มีข้อมูลเรื่องวุ้นมานำเสนอ เป็น วุ้นสายรุ้ง หลากสี

ในปัจจุบันเราจะพบการทำวุ้นที่ดัดแปลงรูปแบบหลากหลาย อย่างเช่นวุ้นเค้ก ซึ่งก็เป็นวุ้นกะทิ นิยมทำสลับชั้นแล้วใช้พิมพ์รูปต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นรูปสัตว์ ระฆัง โบว์ ใบไม้ หัวใจ ตัวอักษร และผลไม้ ดูแล้วสวยงาม

มาโนชญ์ อินทวงษ์ อายุ 46 ปี เป็นเจ้าของร้านขนมไทย-วุ้นสายรุ้งหลากสี ก็ทำวุ้นแบบดัดแปลงรูปแบบเช่นกัน โดยเจ้าตัวเล่าให้ฟังถึงที่มาของอาชีพนี้ว่า ทำอาชีพค้าขายของกินทั้งคาว-หวานมาหลายอย่างแล้ว อาทิ เค้กกระป๋อง แต่จำต้องเลิกเพราะช่วงวิกฤติเศรษฐกิจ คนตกงาน วัตถุดิบที่ใช้ในการทำขนมขึ้นราคา
ขนมที่ทำจะขายราคาเดิมก็ไม่มีกำไร ขายราคาสูงขึ้นคนก็ซื้อยาก ก็หันไปทำขนมกุยช่ายขายตลาดนัดอยู่พักหนึ่งภายหลังก็เริ่มทำวุ้นขาย โดยจากประสบการณ์ที่ผ่านมาทำให้ได้เรียนรู้ว่าแม้ผลิตภัณฑ์สินค้าชนิดเดียวกัน แต่ถ้าเราทำรูปแบบให้น่าสนใจ ยอดขายก็จะเพิ่มขึ้น ที่สำคัญอีกอย่างคือการบรรจุหีบห่อ เพื่อให้ได้วุ้นที่น่ารับประทาน เป็นที่สะดุดตา ก็จะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะช่วงเทศกาลปีใหม่ ซึ่งวุ้นสามารถแบ่งตลาดจากเค้กได้ อาจเพราะพฤติกรรมการบริโภคของคนไทยส่วนใหญ่ไม่เหมาะกับนม-เนย
วุ้นสายรุ้งหลากสี

การทำวุ้นสายรุ้งหลากสี

มี 2 ชั้นสลับกัน คือ ตัววุ้น กับหน้ากะทิ
ส่วนผสม หลักของการทำวุ้นเจ้านี้ ตามสูตรประกอบด้วย ผงวุ้นอย่างดี ตรานางเงือก (1 ซอง บรรจุ 50กรัม), น้ำลอยดอกมะลิ น้ำตาลทราย สีผสมอาหาร กาแฟ ใบเตยหอม และกลิ่นมะลิ

วัสดุ-อุปกรณ์

ใช้หม้อต้มสแตนเลส (เบอร์ 28), ทัพพีทรงกลมลึก, ช้อนตวง, ถ้วยตวงน้ำ, ถ้วยตวงแห้ง, ช้อนกาแฟ, ไม้พาย, เตาแก๊ส, ถ้วยแบ่ง, แม่พิมพ์วุ้นรูปแบบต่าง ๆ, ผ้าขาวบาง, ที่ปาดส่วนผสม, กระติกเก็บความร้อน, ขวดที่มีฝาบีบได้, ถ้วยหรือกระบอกสำหรับแบ่งวุ้นเพื่อหยอดพิมพ์

ขั้นตอนการทำวุ้นสายรุ้ง

- เริ่มจากทำวุ้นสี นำผงวุ้นที่เตรียมไว้ โรยลงไปในน้ำสะอาด ตามสัดส่วน คือวุ้น 1 ช้อนโต๊ะต่อน้ำ 2 ถ้วยตวง (ถ้าไม่ใช้น้ำ แต่เป็นกะทิ ก็สัดส่วนเหมือนกัน) ถ้าใช้น้ำ (หรือกะทิ) มากกว่านี้ตัววุ้นจะนุ่ม ไม่ค่อยอร่อย

- ใส่ผงวุ้นลงไปในน้ำสะอาดประมาณ 1 นาที เพื่อให้วุ้นได้ดูดน้ำให้เต็มที่ ก่อนจะนำขึ้นตั้งไฟ ควรใช้ความร้อนปานกลางค่อนข้างอ่อนในการเคี่ยว เมื่อวุ้นละลายดีแล้ว จังหวะนี้หากต้องการเติมรส-สีสัน กลิ่น ตามที่ต้องการ เช่น รสกาแฟ ก็ให้ใช้กาแฟชงกับน้ำร้อนในปริมาณเข้มข้น เพื่อหยอดใส่ลงในหม้อวุ้น

- เช่นเดียวกับใบเตย นำใบเตยมาปั่นแล้วคั้นน้ำเข้มข้นเติมใส่ลงไปในหม้อเคี่ยววุ้น หากเป็นสีสันอื่น ๆ ก็ให้ใช้สีผสมอาหารละลายกับน้ำสะอาด และใส่กลิ่นต่าง ๆ ตามต้องการ ใส่น้ำตาลทราย เมื่อวุ้นเดือดเคี่ยวต่อประมาณ 5 นาที ก็จะได้วุ้นสีใส เตรียมไว้หยอดลงพิมพ์รูปต่าง ๆ ที่เตรียมไว้
ควบคู่กับการทำวุ้นสี คือการทำส่วนผสมวุ้นกะทิ ใช้ผงวุ้น น้ำลอยดอกมะลิ หัวกะทิ น้ำตาลทราย และ เกลือ
เริ่มจากผสมผงวุ้นกับน้ำลอยดอกมะลิ ตั้งไฟเคี่ยวจนวุ้นละลายจนหมด จึงใส่น้ำตาลทราย เคี่ยวต่อไปอีกสักครู่จึงใส่หัวกะทิ เกลือ คนให้ส่วนผสมเข้ากัน ตั้งไฟ พอเดือดทั่วใส่กลิ่นมะลิลงไปแล้วยกลง

ตักหยอดวุ้นกะทิสลับกับวุ้นสีที่ทำเตรียมไว้ลงในพิมพ์ เสร็จแล้วปิดท้ายด้วยวุ้นกะทิชั้นบนสุด ก็จะได้วุ้นสายรุ้ง โดยใส่ถ้วยพลาสติกใส ขนาด 180 กรัม จะได้จำนวนประมาณ 20 ถ้วย ขายราคาถ้วยละ 20 บาท

เทคนิคการทำ

วุ้นสายรุ้ง ให้ออกมาเป็นชั้น ๆ สวยงาม คืออย่าทิ้งผิววุ้นให้แห้ง มิฉะนั้นจะหยอดชั้นต่อไปไม่ติดกัน และทำให้แต่ละชั้นหลุดออกจากกัน

มาโนชญ์บอกว่า ลักษณะวุ้นสายรุ้งของที่ร้านจะมีกลิ่นหอม สีสันสวยงาม เนื้อนิ่ม รับประทานง่าย รสชาติกำลังดี สามารถเก็บไว้ในตู้เย็นได้ประมาณ 4 - 5 วัน

ผู้ที่สนใจอยากมีอาชีพเสริมหรือจะยึดเป็นอาชีพหลักด้วย วุ้น ก็ลองฝึกทำกันดู แต่หากคิดอยากจะทำขาย เริ่มต้นควรหาตลาดก่อน ว่าจะขายยังไง ตรงไหน ดูกลุ่มลูกค้าว่าชอบวุ้นแนวไหน ทั้งนี้ วุ้น-วุ้นสายรุ้งนี้ยังเหมาะที่จะใช้ในงานประชุมสัมมนา ทำบุญเลี้ยงพระ เป็นของฝากของขวัญในเทศกาลงานปีใหม่ โดยใครต้องการจะติดต่อกับเจ้าของ วุ้นสายรุ้ง ที่ว่ามา ติดต่อได้ที่ โทร.08-5481-1152, 08-1939-9019

ที่มา : เดลินิวส์

Read More...


ไข่เค็มสมุนไพร เสริมรายได้

อ.สุภกาญจน์ พรหมขันธ์ ได้คิดค้นงานวิจัย ผลิตไข่เค็มสมุนไพรชนิดโซเดียมต่ำพอกด้วยเยื่อฟางข้าว ที่นอกจากเพิ่มคุณค่าทางอาหารสำหรับคนรักสุขภาพแล้ว ยังเป็นการช่วยเกษตรกรอีกทางหนึ่งด้วย

 

ไข่เค็มสมุนไพร

ขึ้นชื่อว่า ไข่ แล้วไม่ว่าจะเป็นไข่อะไร ก็อร่อยและได้คุณค่าอาหารไม่แตกต่างกัน แต่สำหรับยุคสมัยนี้ ไข่อย่างเดียวคงไม่เพียงพอ เพราะนอกจาก ราคาถูก คุณค่าอาหารต้องทวีคูณด้วย

อาจารย์สุภกาญจน์ พรหมขันธ์ จากสาขาวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการผลิตอาหาร คณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) อีสาน วิทยาเขตสกลนคร จึงคิดค้นงานวิจัย ผลิตไข่เค็มสมุนไพรชนิดโซเดียมต่ำพอกด้วยเยื่อฟางข้าว ที่นอกจากเพิ่มคุณค่าทางอาหารสำหรับคนรักสุขภาพแล้ว ยังเป็นการช่วยเกษตรกรอีกทางหนึ่งด้วย เพราะปัจจุบันดินจอมปลวกที่ใช้ทำไข่เค็มนั้นเริ่มขาดแคลน เรื่อย ๆ แล้ว

อ.สุภกาญจน์ เล่าว่า ปัจจุบันดินจอมปลวกที่ใช้ทำไข่เค็มนั้นเริ่มขาดแคลนรวมถึงมีขั้นตอนการเตรียมดินที่ยุ่งยาก อีกทั้งกำไรต่ำมากเมื่อเทียบกับต้นทุนแรงงาน ดังนั้นหากสามารถนำวัสดุอื่นที่มีในท้องถิ่นและหาได้ง่ายมาพอกไข่แทนดินได้ จะช่วยเพิ่มความสะดวกให้กับผู้ผลิตและผู้บริโภคในการนำไปบริโภคและจำหน่าย โดยไม่ต้องเสียเวลาในการทำความสะอาด

ไข่เค็ม เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการถนอมอาหารโดยใช้เกลือ เพื่อให้ไข่เก็บไว้ได้นานขึ้น อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับไข่ด้วย มีทั้งไข่เป็ดเค็ม ไข่ไก่เค็ม และไข่นกกระทาเค็ม ซึ่งไข่เค็ม เป็นอาหารที่คนไทยนิยมรับประทานกันมาก เนื่องจากมีวิธีการทำง่าย สะดวกในการรับประทาน และใช้ประกอบอาหารอื่นได้มาก เช่น ทำอาหารคาว ทำไส้ขนมเปี๊ยะ ไส้ขนมไหว้พระจันทร์ ใช้ตกแต่งอาหารบางอย่าง เป็นต้น”

สำหรับยุคนี้ ไข่เค็ม อย่างเดียวคงไม่พอ เพราะใคร ๆ ก็นิยมรักสุขภาพกันมากขึ้น อ.สุภกาญจน์ เล่าต่อถึงจุดเด่นของไข่เค็มสมุนไพรชนิดโซเดียมต่ำพอกด้วยเยื่อฟางข้าว ว่านอกจากขั้นตอนการทำและวัสดุในการพอกสามารถหาได้ง่ายแล้วสิ่งที่โดดเด่น อีกอย่างก็คือการใช้สมุนไพรอย่างตะไคร้ ใบมะกรูด และสมุนไพรอื่น ๆ มาผสมกับเยื่อฟางข้าว สำหรับพอกไข่ซึ่งนอกจากจะลดความคาวของไข่แล้วยังได้ กลิ่นสมุนไพรเวลารับประทานด้วย และที่สำคัญยังลดการใช้เกลือโซเดียมคลอไรด์โดยใช้เกลือโปแตสเซียมคลอไรด์แทน จึงถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของคนรักสุขภาพ

ไข่เค็มสมุนไพร

การทำไข่เค็ม

มี 2 วิธี คือไข่เค็มที่ได้จากการนำไข่เป็ดสดมาแช่ในสารละลายเกลือ ที่มีความเข้มข้นร้อยละ 20-25 เป็นเวลานาน 15-20 วัน และไข่เค็มพอก ที่เป็นวิธีการดั้งเดิมของชาวจีน และปฏิบัติต่อกันมาจนถึงทุกวันนี้ โดยใช้ดินเหนียวซึ่งปัจจุบันนิยมใช้ดินจอมปลวกผสมกับเกลือเข้มข้นร้อยละ 25-30 จนดินนิ่มสามารถปั้นเป็นก้อนได้ จึงนำดินมาพอกไข่ไว้เป็นเวลานาน 10-15 วัน ไข่เค็มพอกดินที่ขึ้นชื่อในบ้านเราได้แก่ไข่เค็มไชยา ไข่เค็มปักธงชัย เป็นต้น

ขั้นตอนการทำไข่เค็มสมุนไพร

เริ่มจาก การเตรียมไข่เป็ดสดโดยนำไข่เป็ดขนาดกลางที่มีอายุการเก็บไม่เกิน 1 สัปดาห์ มาล้างทำความสะอาดและเช็ดให้แห้ง คัดไข่ที่แตกและมีรอยร้าว ออก เพื่อป้องกันไข่เน่าระหว่างการพอก จากนั้นเตรียมเยื่อฟางข้าวโดยคัดคุณภาพของฟางข้าวที่ได้จากการเก็บใหม่ ๆ ที่มีอายุการเก็บรักษาไม่เกิน 3-4 เดือน ฟางข้าวจะต้องไม่ผุ ไม่ขึ้นรา และไม่มีกลิ่นเหม็นอับ นำฟางข้าวที่คัดมาตากแดดให้แห้ง เก็บใส่ถุงพลาสติกที่ปิดสนิท

ขั้นตอนการต้มเยื่อฟางข้าว

ดัดแปลงจากกรรมวิธีการผลิตกระดาษสาด้วยวิธีชาวบ้านคือ ชั่งน้ำหนักฟางข้าวแห้งเติมน้ำต่อฟางข้าวในอัตราส่วน 1 ต่อ 8 และหาวัสดุหนัก ๆ มากดทับฟางข้าว แช่ทิ้งไว้ 1 คืน นำฟางข้าวที่แช่น้ำมาต้มที่อุณหภูมิ 100 องศาเซลเซียส นาน 40 นาที ในสารละลายโซเดียมไฮดรอกไซด์ (NaOH) ความเข้มข้น ร้อยละ 2 จากนั้นล้างด้วยน้ำสะอาดจนเยื่อฟางข้าวมีความเป็นกรดด่าง (pH) ประมาณ 7-7.5 จากนั้นนำเยื่อฟางข้าวที่ได้มาอบแห้งที่อุณหภูมิ 60 องศาเซลเซียส นาน 6-8 ชั่วโมง หรือตากแดดนาน 1 วันก็จะได้เยื่อฟางข้าวที่พร้อมใช้งานได้ตลอด โดยสามารถเก็บในถุงพลาสติกที่ปิดสนิทเพื่อใช้ในขั้นตอนต่อไป

ขั้นตอนการเตรียมเกลือโซเดียมคลอไรด์

เริ่มจากนำไปอบในตู้อบอุณหภูมิ 50 องศาเซลเซียส นาน 3 ชั่วโมง จนเกลือแห้ง นำไปบดแล้วร่อนผ่านตะแกรงขนาด 1 มิลลิ เมตร เก็บใส่ถุงพลาสติกที่ปิดสนิท เพียงเท่านี้ก็พร้อมสำหรับการผลิตไข่เค็มที่มีขั้นตอนคือ นำเยื่อฟางข้าวที่เตรียมไว้มาผสมกับน้ำ เกลือ และน้ำสมุนไพรตามต้องการจะได้เยื่อฟางข้าวที่เปียกหลังจากนั้นก็สามารถนำไป พอกหุ้มไข่เป็ดที่เตรียมเอาไว้ จากนั้นนำไข่ที่พอกเสร็จบรรจุใส่ถุงพลาสติกชนิดมีซิปเก็บไว้นาน 25 วัน เพียงเท่านี้ก็จะได้ไข่เค็มสมุนไพรชนิดโซเดียมต่ำพอกด้วยเยื่อฟางข้าว สำหรับจำหน่ายและรับประทานในครอบครัว

อ.สุภกาญจน์ บอกว่า ต้นทุนในการทำไข่เค็มสมุนไพรชนิดโซเดียมต่ำพอกด้วยเยื่อฟางข้าวนั้น อยู่ที่ฟองละประมาณ 5 บาทและสามารถขายได้ในราคาฟองละ 8 บาท ขึ้นไป

ผู้สนใจสามารถเข้าไปขอสูตรรวมถึงขอคำแนะนำในการผลิตไข่เค็มสมุนไพรชนิดโซเดียมต่ำพอกด้วยเยื่อฟางข้าว ได้ตลอดที่ อ.สุภกาญจน์ สาขาวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการผลิตอาหาร คณะทรัพยากรธรรมชาติ มทร.อีสาน วิทยาเขตสกลนคร โทร. 08-7806-6587.

ที่มา : เดลินิวส์

Read More...




----------------

ปรับปรุง
รายการบทความทั้งหมด



การบำรุงรักษารถยนต์เบื้องต้น



ร้านค้าเคลื่อนที่ ใช้ รถบรรทุกขนาดเล็กมาดัดแปลง



รวมบทความอาชีพ เสริม หลากไอเดียวิธีหารายได้เสริม



รวมบทความงานฝีมือ-สิ่งประดิษฐ์ รายได้เสริม



ทองม้วน thong muan ; rolled wafer





MASK รุ่นสายคล้องคอ







MASK รุ่นสายคล้องคอ. ��รุ่นนี้เป็นที่นิยมใช้กันมาก #ขายดีมาก
ทำจากผ้าคอตตอนแท้ 100%  ไม่ผสม เนื้อผ้านุ่ม 
3 ชั้น. สวมใส่พอดีกับใบหน้า ไม่เจ็บหู มีสายคล้องคอปรับได้
เวลาถอดออก ไม่ต้องกลัวลืม เพราะถอดแล้วคล้องคอไว้ได้
บรรจุในถุงซิปฟรอย์อย่างดี
ราคาชิ้นละ. 59. บาท. ไม่รวมส่ง 
มีหลายสีให้เลือกนะคะ   สนใจทักแชทขอดูสีผ้าได้นะคะ
หน่วยงาน บริษัท ห้างร้าน หรือ สนใจสั่งไปจำหน่าย 
มีเรทราคาส่งค่ะ

-> id line : noeyhorm_06
#มีวางจำหน่ายหน้าร้านชานมไต้หวันมาราชาสาขาจรัญ44


ร้านมาราชาชานมไข่มุก สาขาจรัญสนิทวงศ์ 44
● รับบัตรสะสมครบ 10 แก้ว แลกรับฟรี 1 แก้ว
● สั่งเดลิเวอรีผ่าน LINE MAN, Foodpanda ,GET ...ถึงมือปั๊บพร้อมดื่มปุ๊บ!
● อัพเดทโปรโมชั่นใหม่ๆ รสชาติใหม่ ตลอดเวลา
● มีเมนูให้เลือก 40 กว่าเมนู : https://bit.ly/2Z9iqV0






























































เลือกช่องทางติดต่อและรับข่าวสารบริการหลังการขาย
ฟอร์ด พลปิยะอยุธยาและฟอร์ด พลปิยะวังน้อย

--------------------------------------------------------------------------------------------
แคมเปญ-โปรโมทชั่น อะไหล่ฟอร์ด อัพเดททางออนไลน์และปรับปรุงข้อมูลออนไลน์
อะไหล่ฟอร์ด อะไหล่รถฟอร์ด อะไหล่รถยนต์ฟอร์ด อะไหล่ฟอร์ดแท้ ร้านขายอะไหล่รถฟอร์ด ขายอะไหล่รถฟอร์ด อะไหล่ฟอร์ด
 
Option

รวมบทความอาชีพเสริม หลากไอเดียวิธีหารายได้เสริม หาอาชีพเสริมอิสระทำเงิน สร้างอาชีพอิสระงานฝีมือ แนะนำการสร้างรายได้เสริมทำเงินด้วยการขายสินค้าหรือขายของเป็นอาชีพเสริม อิสระงานฝีมือ แนะแนวธุรกิจ อาชีพเสริม อาชีพแก้จน อยากจะมีรายได้เสริมนอกเหนือจากงานประจำ บล๊อกจัดทำขึ้นเป็นวิทยาทานเพื่อเผยแผ่ความรู้อันจะเป็นไปเพื่อบุญกุศล ขอให้ทุกท่านที่มีส่วนร่วมในบทความของบล๊อกนี้ จงได้รับอานิสงฆ์ด้วยเทอญ.