“บ้านลูกชิ้น”แฟรนไชส์ขายฮื่อก้วย ชูธงเนื้อปลาเน้นๆ สดจากทะเล

ด้วย พื้นฐานเชี่ยวชาญด้านประมง และอาหารทะเลแปรรูป อีกทั้ง มีวัตถุดิบพร้อม จุดประกายให้ผู้ประกอบการรายหนึ่ง แตกไลน์ธุรกิจในรูปแบบขายอาชีพกึ่งแฟรนไชส์ ในชื่อ “บ้านลูกชิ้น” ชูเมนู “ปลาเส้น”หรือ “ฮื่อก้วย” เป็นพระเอก มาพร้อมคุณภาพเกรดเอทำจากเนื้อปลาทะเลล้วนๆ 100%

ณาฐานน์ ลือสุขประเสริฐ์ (ขวา) และภรรยา ญาดา แสนเจริญ        ณาฐานน์ ลือสุขประเสริฐ์ เจ้าของธุรกิจ “บ้านลูกชิ้น” เล่าว่า ธุรกิจหลักทำประมงอยู่ที่ จ.สมุทรสาคร มากว่า 30 ปี อีกทั้ง มีญาติเปิดโรงงานอาหารทะเลแช่แข็ง และแปรรูปอาหารทะเล ทำให้ส่วนตัวมีความชำนาญด้านอาหารทะเลอย่างสูง               และเนื่องจากมีวัตถุดิบปลาทะเลสดจำนวนมาก ทำให้พยายามหาช่องทางกระจายวัตถุดิบเสมอมา เช่น ทำ เป็นลูกชิ้นปลาบรรจุถุง แบรนด์ “เซี้ยงไฮ้ ลูกชิ้นปลาติดลม” ขายในห้างสรรพสินค้า และเปิดร้านขายก๋วยเตี๋ยวปลา “FiT FiSH” อยู่ที่ลาดพร้าว ซ.112 เป็นต้น

ลูกชิ้นรักบี้        นอกจากนั้น ได้ต่อยอดธุรกิจในรูปแบบขายแฟรนไชส์ โดยเข้าไปอบรมหลักสูตรแฟรนไชส์กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ จนเป็นที่มาของธุรกิจกึ่งแฟรนไชส์ ลูกชิ้นปลาเส้นทอด หรือฮื่อก้วย ชื่อแบรนด์ “บ้านลูกชิ้น”

ณาฐานน์ อธิบายเสริมว่า ระบบกึ่งแฟรนไชส์ คือ ปรับรายละเอียดของแฟรนไชส์แบบมาตรฐานสากล ให้เหมาะสมกับลักษณะการลงทุนของคนไทย โดยให้ผู้ร่วมธุรกิจเป็น “สมาชิก”หรือ “เครือข่าย” ทำหน้าที่คล้ายตัวแทนขาย โดยมีเจ้าของแบรนด์เป็นผู้วางรูปแบบ กับ Know how ต่างๆ และคอยส่งวัตถุดิบให้

ทั้งนี้ ในความเป็นจริงในร้าน “บ้านลูกชิ้น” จะมีลูกชิ้นปลาทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นลูกชิ้นกลม ลูกรักบี้ แต่เหตุที่เลือกฮื่อก้วยเป็นพระเอกประจำแบรนด์ เพราะอยากจะสร้างจุดเด่นให้ลูกค้าจดจำ เมื่อพูดถึงบ้านลูกชิ้น ต้องคิดถึงฮื่อก้วย เพื่อหลีกหนีความซ้ำซากจากลูกชิ้นปลาเจ้าอื่นๆ ที่มักเน้นขายเป็นลูกชิ้นกลมหรือรักบี้               จุดเด่นของ ลูกชิ้นเจ้านี้ ทำมาจากปลาทะเลล้วนๆ 100% ไม่มีผสมแป้ง หรือสารเคมีทุกชนิด เจาะจงใช้ปลาอินทรีกับปลาดาบลาว ซึ่งเป็นสูตรที่ผสมกันแล้ว รสชาติอร่อยลงตัว ได้ทั้งความสด เหนียว และกรอบอย่างธรรมชาติ

อีกทั้ง สร้างภาพลักษณ์ให้ดูดี ทั้งจากหน้าตาร้านค้า ความสะอาดน่าซื้อ พนักงานสุภาพ เป็นต้น และผลิตจากโรงงานได้มาตรฐานสากล               ที่สำคัญ ได้นำลูกชิ้นไปตรวจทดสอบในห้องปฏิบัติการกลางตรวจสอบผลิตภัณฑ์เกษตร และอาหาร (LCFA) เพื่อยืนยันว่าเป็นลูกชิ้นปลาแท้ไม่มีส่วนผสมอื่นๆ เลย ซึ่งถือเป็นผู้ประกอบการไทยไม่กี่รายในประเทศที่ได้ผ่านรับรองคุณภาพดังกล่าว

Kiosk "บ้านลูกชิ้น"        ก่อนจะเปิดขายธุรกิจดังกล่าว ณาฐานน์ เผยว่า ได้ทดสอบตลาดด้วยตัวเอง โดยเปิดขายที่ห้างเดอะมอลล์ รามคำแหง มากว่า 4 ปีแล้ว ซึ่งได้เก็บข้อมูลทั้งพฤติกรรมลูกค้า ต้นทุนประกอบธุรกิจ จนได้โมเดลที่มั่นใจว่า ผู้ลงทุน สามารถไปประกอบอาชีพที่ประสบความสำเร็จได้จริง               ด้านเงื่อนไขการลงทุนนั้น แบ่งเป็น 3 รูปแบบ คือ 1.แบบประหยัด เงินลงทุน ประมาณ 8,000-8,500 บาท มีเฉพาะอุปกรณ์ที่จำเป็น เหมาะสำหรับผู้อยากทดลองตลาด 2.แบบ Counter เงินลงทุน 35,000-38,000 บาท และ 3.แบบKiosk เงินลงทุน 59,000-62,000 บาท

จัดเป็นชุดใส่กล่อง        ทั้งนี้ ผู้ขายจะมีกำไรต่อหน่วยประมาณ 50% จากราคาขายปลีก (ยังไม่หักค่าใช้จ่ายอื่นๆ เช่นค่าเช่า ค่าพนักงาน เป็นต้น) กล่าวคือ สำหรับฮื่อก้วย เกรด A ราคาส่ง 20-22 บาทต่อเส้น นำไปขายปลีก 40-45 บาทต่อเส้น / ฮื่อก้วย เกรด B ราคาส่ง 11 บาทต่อเส้น นำไปขายปลีก 25 บาทต่อเส้น / ลูกชิ้นปลา เกรด A ราคาส่ง 120 บาทต่อกิโลกรัม นำไปขายปลีก 250 บาทต่อกิโลกรัม และลูกชิ้นปลา เกรด B ราคาส่ง 45 บาทต่อกิโลกรัม นำไปขายปลีก 80 บาทต่อกิโลกรัม โดยผู้ลงทุนควรขายฮื่อก้วยได้วันละ 40 เส้น ซึ่งจะทำให้มีอัตราคืนทุนในเวลา 16 วันถึง 4 เดือน (แล้วแต่รูปแบบลงทุน)               ณาฐานน์ ระบุต่อว่า หลักพิจารณาผู้ร่วมธุรกิจจะดูจากความตั้งใจ และต้องยอมรับในเงื่อนไขที่ระบุตามสัญญา เช่น มีเรียกเก็บค่าสมาชิกรายเดือน และค่าประกันความเสียหาย เป็นต้น สำหรับเป้า ภายในสิ้นปีนี้ (2553) คาดว่าจะมีสาขาประมาณ 10 จุด ทั้งแบบขยายด้วยตัวเอง และร่วมลงทุนกับผู้สนใจ เพื่อแสดงความจริงใจว่า เป็นธุรกิจที่ยั่งยืนไม่ได้มุ่งหวังแค่หารายได้จากการขายสาขา

“ที่ผ่านมา มีผู้สนใจอยากมาซื้อธุรกิจจำนวนมาก แต่ผมเลือกที่จะเตรียมตัวเองให้พร้อมทุกด้านเสียก่อน และคัดเฉพาะผู้ที่ตั้งใจจริงๆ ไม่เหมือนบางรายที่อ้างคำว่าแฟรนไชส์ ปล่อยสาขาทีเดียวเป็นร้อยๆ จุด พอได้เงินแล้ว ก็ตีหัวเข้าบ้าน ทิ้งคนลงทุนเลย แต่ผมคัดเฉพาะผู้ที่อยากมาร่วมธุรกิจกันจริงๆ ซึ่งจะช่วยให้ทั้งสองฝ่ายประสบความสำเร็จ และธุรกิจยั่งยืน” ณาฐานน์ระบุ               สำหรับแผนสนับสนุนสมาชิกนั้น เขา บอกว่า ก่อนเปิดร้านจะให้คำปรึกษาอย่างละเอียด ทั้งการตลาด และการบริหารร้าน ด้านบัญชี เป็นต้น อีกทั้ง เมื่อขยายถึง 20 สาขาแล้ว จะลงโฆษณาประชาสัมพันธ์ตามนิตยสารต่างๆ เพื่อส่งเสริมการตลาดให้แก่สมาชิก โดยสำรองงบส่วนนี้ไว้ประมาณ 5 หมื่นบาทต่อปี

@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@               โทร.08-6313-8855 www.fitfishfranchise.com               @@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@               ตารางรายละเอียดการลงทุน                   แบบประหยัด แบบ Counter แบบ Kiosk อายุสัญญา 1 ปี 1 ปี 1 ปี ค่าสมาชิก 2,000 บาท 5,000 บาท 5,000 บาท ค่าสมาชิกปีต่อไป ไม่เก็บ 1,000 บาท 1,000 บาท อุปกรณ์และวัตถุดิบ (โดยประมาณ) 6,000-6,500 บาท 11,000-13,000 บาท 14,000-17,000 บาท Counter/ Kiosk - บาท 13,000 บาท 33,000 บาท เงินประกันความเสียหาย - บาท 5,000 บาท 5,000 บาท รวมทั้งหมด (โดยประมาณ) 8,000-8,500 บาท 35,000-38,000 บาท 59,000-62,000 บาท               *** เงินประกันความเสียหาย คืนเมื่อหมดสัญญา ***

ขายของได้ทุกที่ บนรถขายขายของเคลื่อนที่ ได้ทั้งของกินและเครื่องดื่ม
ตัวอย่างอาชีพค้าขายที่ไม่ง้อทำเล(รูป)ตอน 1-12
download ...http://commercial-on-wheels.blogspot.com/

adv001