เมื่อ 2–3 อาทิตย์ที่ผ่านมาผมได้รับเชิญไปกินข้าวแถวบางนา
และได้มีโอกาสไปชิมอาหารฝรั่งที่ร้านซึ่งมีชื่อว่า ฟลิ้นท์
เป็นร้านอาหารที่เสิร์ฟอาหารออสเตรเลียสมัยใหม่ ร้านนี้สวยงามดูดี
มีครัวเปิด
และมีสิ่งที่น่าสนใจคืออาหารแต่ละจานของเขามีไอเดียการทำที่แปลกใหม่
อาหารจานแรกที่ผมไปชิมมาเป็นพิซซ่า ชื่อว่า ฟลิ้นท์พิซซ่า
ซึ่งมีทั้งลูกแพร์ พริกตุ้ม ซาลามี และชีส 2 ชนิด
ชนิดแรกเป็นมอสซาเรลลาร์ชีส (บางร้านจะใส่บลูชีสซึ่งมีเชื้อราอยู่ในนั้น
ลักษณะเป็นสีเทาๆ) ซึ่งมีลูกแพร์ที่ต้องกินกับชีส
และชีสอีกชนิดหนึ่งคือชีสมาสคาร์โพน ซึ่งเป็นทริปเปิลครีมชีส
คือเป็นชีสที่มีไขมันราว ๆ 75% มีลักษณะเหลว ๆ มีแต่ความมัน
เนื้อแป้งพิซซ่าของเขาจะบางและอร่อย
จานต่อมาเป็น ยำทูน่าและอโวคาโดกับเกี๊ยวทอดกรอบ
โดยเขาจะเอาเกี๊ยวมาทอดแล้วทำเป็นกระทงพักไว้ จากนั้น
ทำยำปลาทูน่าโดยใช้ปลาทูน่าดิบทำเป็นยำแบบฝรั่ง รสชาติอร่อย
เกี๊ยวทอดได้กรอบกำลังดี ไม่ขม
ยังมี ครีมมี่ บลู แคร็บ เค้ก ซึ่งจะเอาเนื้อปูผสมกับมายองเนสและแป้ง
จากนั้นเอาไปปั้นเป็นแผ่นและทอดเหมือนแพนเค้ก แต่ว่าหนากว่า
เสิร์ฟกับซอสทาร์ทาร์
เนื่องจากผมชอบกินแคร็บ เค้กที่มีเนื้อมีหนัง ไม่เละเหมือนแพนเค้ก
และไม่ต้องใช้เบสชาเมลล์
ซึ่งเป็นซอสจากนมที่ทำให้ข้นแล้วเอาเนื้อปูลงไปผสมและชุบแป้งแล้วทอดอีก
ครั้ง ความจริงแล้วควรจะใส่มันลูกเต๋าที่เอาไปต้ม
จากนั้นเอาไปใส่เครื่องปรุงต่าง ๆ ทำให้มีรสชาติหอม
ต่อด้วยการเอาไปทอดในกระทะ แต่ใครที่ไม่เคยกินแคร็บ
เค้กมาก่อนก็อาจจะชอบอาหารจานนี้นะครับ
ตามมาด้วยอาหารที่ทำจากหมูสามชั้น
ซึ่งตอนนี้อาหารฝรั่งที่มาจากยุโรปและอเมริกา
และเป็นหมูสามชั้นดังมากเลยครับ ไม่ว่าใช้เนื้อหมูดำหรือเนื้อหมูธรรมดา
จานแรกคือ หมูสามชั้นอบช็อกโกแลตชิลลี่ คือเอาหมูสามชั้นไปตุ๋น
จากนั้นเอาไปทอด เสร็จแล้วราดด้วยช็อกโกแลต จานนี้อร่อยมากครับ
หมูตุ๋นได้เปื่อยกำลังดี
อีกจากหนึ่งคือ หมูสามชั้นตุ๋นทอดกรอบ โดยเอาหมูสามชั้นที่ตุ๋นแล้วไปทอด
ทำซอสแล้วกินกับมันบด จานนี้อร่อยคล้าย ๆ สตู มีเนื้อเป็นชิ้น ๆ และนุ่มมาก
เมื่อกินเข้าไปแล้วแทบจะละลายในปาก เพราะหมูสามชั้นเต็มไปด้วยไขมัน
เมื่อเอาไปตุ๋นออกมาแล้วจะกลายเป็นวุ้นครับ
เมนูต่อมาเป็น พาสต้าลินกุยนี่เส้นหมึกเนื้อปู เส้นพาสต้าที่เรียกว่า
ลินกุยนี่ เป็นเส้นแบน ๆ ยาว ๆ จานนี้ใช้เส้นที่ทำจากหมึกของปลาหมึก รส
ชาติเผ็ดนิดหน่อยแบบสไตล์ฝรั่งปนเอเชีย
ถ้าไม่ใส่พริกขี้หนูเข้าไปคงไม่อร่อยครับ
แล้วเอาไปผัดกับปูออกมารสชาติใช้ได้เลยนะครับ
มี ปลาสแน็ปเปอร์ทอด หรือปลากะพงทอด
ที่เรียกว่าปลาสแน็ปเปอร์จะได้ราคาขึ้นทันทีครับ เสิร์ฟกับซอสง่าย ๆ
เขาทอดได้ดีมาก ปลาไม่สุกจนเกินไป หนังยังกรอบและน่ากินมาก
รสชาติก็ไม่ผิดหวังครับ
จานต่อมาเป็นการผสมผสานอาหารฝรั่งและอาหารจีน
ออกมาเป็นอาหารออสเตรเลียสมัยใหม่ มีชื่อว่า
แซลมอนย่างสไปซี่เสิร์ฟกับเส้นหมี่ฮกเกี้ยน
โดยเอาปลาแซลมอนไปหมักและทอดให้ข้างในยังเป็นสีชมพู ไม่สุกจนเกินไป
เสิร์ฟกับหมี่ผัดฮกเกี้ยน หน้าตาดูแปลก ๆ แต่เมื่อได้ชิมแล้วใช้ได้ครับ
เข้ากันได้ดี
ส่วนของหวานมี ชีสเค้ก โรลลี่ป๊อป ทรี เอาชีสเค้กปั้นเป็นก้อนกลม ๆ
แล้วเอาไปชุบช็อกโกแลตทิ้งไว้ในช่องแช่แข็ง
แล้วเอามาเสียบกับต้นไม้ที่เป็นเหล็ก ใช้ช็อกโกแลตหลาย ๆ สี คล้าย ๆ
กับอมยิ้มเล็ก ๆ เสิร์ฟกับเสาวรส ผลไม้สด และเสาวรสครีม
ของหวานจานนี้คล้ายไอศกรีมกินกับผลไม้สด ชื่นใจดีครับ
ของหวานอีกอย่างหนึ่งคือ วานิลลาพานาคอตต้า จานนี้เป็นอาหารอิตาเลียนแท้ ๆ
ครับ คล้ายวุ้น แต่ไม่ใช่วุ้นจากกะทินะครับ
เป็นวุ้นจากครีมหรือวุ้นจากผลไม้ โดยเป็นวุ้นที่ไม่แข็งจนเกินไป
เพราะฉะนั้นจะเด้ง ๆ เวลากินเข้าไปจะละลายในปากทันที ไม่ต้องกัดเลยครับ
เสิร์ฟมาในถ้วยสีสวยงาม
สุดท้ายคือ ราสเบอร์รี่ ครีมบรูเล่ หรือก็คือคัสตาร์ดนั่นเองครับ
แต่เข้มข้นกว่า ใช้ไข่แดง ใส่น้ำซอสลูกราสเบอรี่ นม และน้ำตาล
แค่นั้นเองครับ
จากนั้นเอาไปอบข้างบนโรยด้วยน้ำตาลแล้วเผาด้วยไฟที่พ่นเข้าไปทำให้น้ำตาล
ละลายและแข็งตัว หอมหวานอร่อยครับ
ร้านนี้ต้องบอกว่าอาหารใช้ได้ และไอเดียดี แม้บางสิ่งบางอย่างจะทำได้ดี
แต่บางสิ่งบางอย่างอาจจะยังต้องปรับปรุง และต้องเรียนตามตรงว่า
เพราะกรุงเทพฯ เป็นเมืองนานาชาติไปแล้ว อาหารจึงต้องมีหลากหลาย
อาหารออสเตรเลียสมัยใหม่ถือเป็นการผสมผสานอาหารของหลาย ๆ ประเทศ
ผมว่าเป็นอาหารที่น่าสนใจพอสมควร ลองแวะไปชิมดูนะครับ.
..................................
นกกระทาทอดพริกแกงป่า - เข้าครัวกับหมึกแดง
เครื่องปรุง
- พริกขี้หนูแห้ง 4 เม็ด
- หอมแดง 4 หัว
- กระเทียม 10 กลีบ
- ตะไคร้ซอย 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
- บรั่นดี 1 ช้อนโต๊ะ
- นกกระทาล้าง 4 ตัว ทำความสะอาดแล้ว
- น้ำมันปาล์ม สำหรับทอด
วิธีทำ
1. โขลกพริกขี้หนูแห้ง หอมแดง กระเทียม และตะไคร้ให้ละเอียด พักไว้
2. ในชามผสม ใส่เครื่องที่ตำไว้ลงไป ปรุงรสด้วยน้ำปลาและบรั่นดี
ผสมให้เข้ากัน นำนกลงไปหมักคลุกเคล้าให้เข้ากับเครื่องหมักให้ทั่ว
หมักทิ้งไว้ 30 นาที หรือค้างคืนก็ได้
3. นำกระทะใส่น้ำมัน ตั้งไฟให้ร้อน นำนกที่หมักไว้ลงทอดให้สุกกรอบ นำขึ้นจากเตาพักไว้
4. นำนกที่ทอดแล้ววางลงในจานเสิร์ฟ ราดด้วยผัดผักเครื่องแกงป่าแห้ง จัดเสิร์ฟ
เครื่องปรุงผัดผักเครื่องแกงป่าแห้ง
- น้ำมันถั่วเหลือง 2 ช้อนโต๊ะ
- เครื่องแกงป่า 1 ช้อนโต๊ะ
- ถั่วฝักยาวหั่นท่อน 50 กรัม
- ฟักทองหั่นเต๋า 100 กรัม
- หน่อไม้ลวกหั่นเต๋า 100 กรัม
- ถั่วแดงและถั่วขาวต้มสุก 100 กรัม
- น้ำเปล่า 1 ถ้วยตวง
- น้ำปลา 4 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนชา
- กระชายซอย 50 กรัม
- พริกไทยอ่อน 20 กรัม
- ใบกะเพรา (เด็ดใบแล้ว) 1 ถ้วยตวง
- ข้าวสวย สำหรับเสิร์ฟ
วิธีทำ
1. นำกระทะตั้งไฟใส่น้ำมันลงไปพอร้อน ใส่เครื่องแกงป่าลงไปผัดให้เครื่องแกงสุกหอม
2. ใส่ถั่วฝักยาว ฟักทอง หน่อไม้ลวก ถั่วแดง และถั่วขาวลงไปผัดให้เข้ากัน เติมน้ำเปล่าลงไป คนให้เข้ากัน ต้มให้เดือด
3. ปรุงรสด้วยน้ำปลาและน้ำตาลปี๊บ คนให้เข้ากัน ชิมรสให้ออกเค็มและหวานจากผัก
4. ใส่กระชาย พริกไทยอ่อน และใบกะเพราลงไปผัดให้เข้ากัน ยกลงจากเตา พักไว้สำหรับราดนกทอด
ความรู้คู่ครัว
- ทำไมต้องเอานกไปหมักก่อนทอด ?
เพราะนกมีกลิ่นสาปจึงต้องนำไปหมักเพื่อเพิ่มความหอมและดับกลิ่น
..................................
พานาคอตต้า - ชิมให้เป็น
พานาคอตต้าจะมีส่วนผสมของครีม มีความมัน ความหอม ความเปรี้ยว และความหวาน
ทำจากวานิลลาครีมหรือกะทิก็ได้
อย่างน้ำกะทิที่เราเอาไปใส่ข้าวเหนียวมะม่วง
ถ้าเราปั่นเนื้อมะม่วงเข้าไปแล้วก็เอาน้ำกะทิใส่เกลือ ใส่น้ำตาล
และผงวุ้นเข้าไปก็สามารถทำให้เป็นพานาคอตต้าได้
ลักษณะของพานาคอตต้าที่ดีต้องไม่แข็งจนเกินไป มีลักษณะเหมือนกับคัสตาร์ด มีความนุ่ม ละลายในปาก แข็งเหมือนวุ้นกะทิไม่ได้นะครับ
อีกอย่างหนึ่งคือความกลมกล่อม โดยจะต้องมีรสชาติที่ไม่หวาน ไม่เปรี้ยว
ไม่เค็ม และไม่จืดจนเกินไป ยังมีความมันในเนื้ออยู่
ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญนะครับ.
หมึกแดง
www.mcdangguide.com
credit by : http://www.dailynews.co.th/article/224/186033