สูตรขนม สูตรอาหาร อาชีพรายได้เสริม ประกาศฟรี โฆษณาฟรี Career Articles Extra Income
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

Drop Down MenusCSS Drop Down MenuPure CSS Dropdown Menu

อร่อยเด็ด สเต๊กเนื้อกับซอสไวน์ หวานชื่นใจไอศกรีมชุบช็อกโกแลต

.
.
.
.
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
มีเพื่อนที่สนิทชิดชอบกันมาก เพิ่งกลับมาจากเมืองนอก เขาเลยชวนผมไปหาอะไรกินกัน เราเลือกไปกินอาหารที่ เทเบิลส์ ซึ่งอยู่ในโรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ  และเปิดมานานแล้ว ที่นั่นมีห้องพิเศษด้วยนะครับ ครั้งสุดท้ายที่ผมไปนั่งกินอาหารก็ได้นั่งที่ห้องพิเศษ

คราวนี้ผมไปอีกครั้ง แต่ได้นั่งด้านนอก ห้องอาหารของเขาน่ารักมาก ความจริงคอนเซปต์การทำร้านเทเบิลส์นั้น ก็คือ การเอาอาหารต่าง ๆ ที่เราสั่งนั้นมาทำให้เสร็จ ที่ภาษาฝรั่งเรียกว่า ฟินิช หรือมาทำซอสให้กินตรงข้างโต๊ะที่เราจะกินข้าว แล้วเสิร์ฟกันตรงนั้นเลย ซึ่งผมว่าเป็นไอเดียที่ดีมากครับ แต่ว่าจะต้องมีที่ดูดควันที่มาจากการทำกับข้าวด้วย คนนั่งทานจะได้รู้สึกสบายมากกว่านี้

วันนั้นเราไปกัน 4 คน สั่งทั้งอาหารแปลก ๆ และอาหารเดิม ๆ มากินกัน  เพื่อน ๆ และลูกชายผมสั่ง กุ้งค็อกเทล มากิน ซึ่งก็คือ กุ้งลวกแช่เย็นและมีซอสที่คล้าย ๆ มายองเนสมาให้กินด้วยกัน รสชาติก็ใช้ได้ครับ มี ซุปเห็ด ซุปครีม ด้วย อร่อยดีครับ หลานชายผมสั่งอาหารมาอีกจานหนึ่ง เป็น หอยเชลล์กับรีซอตโต้ ซึ่งเขาไม่ได้มาทำที่โต๊ะให้เรานะครับ เขาทำมาจากในครัวแล้วเอามาเสิร์ฟ จานไม่ใหญ่มากครับ ผมว่าแห้งไป แต่ผมก็ชอบ รสชาติดีครับ

ในส่วนของอาหารจานหลักและอาหารเรียกน้ำย่อยเท่านั้น ที่เขาจะเอามาทำที่โต๊ะให้เราดู เพื่อนผมคนหนึ่งสั่ง สเต๊กเนื้อกับซอสพริกไทยสด มากิน ผมลองชิมดู เนื้อไม่เหนียวครับ ย่างได้กำลังดี ส่วนอีกคนหนึ่งสั่ง สเต๊กเนื้อกับซอสไวน์ สำหรับผมสั่ง ปลาโซลทอด ซึ่งปลาโซลมีลักษณะ คล้าย ๆ ปลาตาเดียว

จากนั้น ผมขอกินเนื้อดิบ เรียกว่า สเต๊กทาทาร์ ผมอยากรู้ว่าเขาทำกันอย่างไรครับ เมื่อเห็นแล้วถึงรู้ว่าเอาเนื้อดิบสด ต้องพูดว่าคล้ายลู่ของฝรั่ง แต่ไม่ใช่ลาบเนื้อสดของภาคอีสานนะครับ  เขาเอาเนื้อมา แล้วใส่เครื่องต่าง ๆ ที่อยู่ในถาด ผสมในภาชนะมีมัส ตาร์ด เคเปอร์ ซอสต่าง ๆ หอมสับ และเครื่องหลายอย่างที่ใส่เข้าไปในนั้น ทำให้แซบและมัน มีไข่แดงสด ๆ ใส่เข้าไปด้วยนะครับ แล้วผสมให้เข้ากัน จากนั้นเอามาวางในจานเป็นก้อน ไม่ค่อยจะน่าดูเท่าไรนะครับ

จานนี้ให้กินกับขนมปังปิ้งแผ่นบาง ๆ กรอบ ๆ รสชาติจะออกเปรี้ยว ๆ มัน ๆ เค็ม ๆ แซบ ๆ คำว่าแซบของผม หมาย ความว่ารสจัด แต่ไม่ใช่เผ็ดแบบไทยนะครับ รสชาติของฝรั่งเขาจะไม่เผ็ดมากเหมือนอาหารไทยครับ

อาหารที่ผมชอบของร้านนี้ คือ สเต๊กเนื้อกับซอสพริกไทยสดของเพื่อนผม ซึ่งเขาทำออกมาสวยงาม แล้วเขาก็เอาซอสพริกไทยสดมาราดให้เหมือนกับสเต๊กเนื้อกับซอสไวน์

หลังจากนั้น เขาก็จะเอามันฝรั่งอบ ที่เรียกว่า สแกลล็อปด์ โปเตโต้ มาให้เรากิน อร่อยดี แล้วเราก็สั่งของหวานมากินกันเล็กน้อย เพราะว่าตอนนี้เบาหวานผมกำลังขึ้นซะด้วย แต่ไม่ถึงขั้นขึ้นตานะครับ ก็เลยไม่อยากกินขนมหวานมากนัก  แล้วก็กินกาแฟ

ยังมีของแถมอีกเป็น ไอศ กรีมชุบช็อกโกแลต เสิร์ฟในชาม ที่มีน้ำแข็งแห้งและน้ำอยู่ข้างล่าง เหมือนมีเมฆหมอกมีควันที่ทำให้ยังเย็นด้วยครับ

ร้านนี้ใช้ได้เลยครับ ใครที่อยากตื่นตาตื่นใจ ที่นี่เป็นอีกร้านหนึ่งที่เขามาทำอาหารให้เราดูข้าง ๆ โต๊ะของเราเลย ควรลองไปกินกันดูนะครับ เพราะจะได้ประสบการณ์ในการกินด้วย  เวลาเชฟเขามาทำอาหารให้เราข้าง ๆ โต๊ะ สามารถพูดคุยกับเขาได้ แล้วก็ถามเขาว่าต้องใส่อะไรบ้าง กำลังทำอะไรอยู่เขาจะเล่าให้เราฟัง เป็นสิ่งที่สนุกสนานเฮฮาดีนะครับ อยากให้ลองไปชิมและรับรู้ถึงบรรยากาศการกินอาหารแบบนี้กันดูนะครับ.
สเต๊กทาทาร์ - ชิมให้เป็น
อาหาร อย่าง สเต๊กทาทาร์ หรือยำเนื้อดิบของฝรั่งนั้น เป็นอาหารของประเทศฝรั่งเศส ซึ่งหลายคนคงจะไม่ทราบว่าเป็นอาหารของคนฝรั่งเศส และไม่ทราบว่าลักษณะรสชาติของเขาเป็นอย่างไร ต้องกินกับอะไร

โดยปกติแล้ว ลักษณะของสเต๊กทาทาร์ จะต้องเข้มข้น แซบ ไม่เปรี้ยวหรือเค็มจนเกินไป  และไม่มีเครื่องเทศมากจนเกินไปนัก แต่ว่ายังได้รสชาติความหวานของเนื้อดิบที่สด ๆ และต้องได้ความมันของไข่แดงดิบที่ใส่ลงไปในนั้นด้วย แต่เพื่อตัดความเลี่ยนและความคาวของไข่แดง เราเลยต้องใส่มัสตาร์ดและวู้ดสเตอร์ซอส  รวมทั้งอะไรอีกหลายอย่าง และพริกไทยสดเข้าไป

ถ้าวัตถุดิบที่ใส่มีรสแรงเกินไปหรือมีรสจัดจ้านเกินไป ซึ่งจะทำให้เราต้องกินขนมปังให้มากขึ้น และอิ่มเร็วเกินไป เพราะฉะนั้นต้องทำให้รสชาติพอดี ๆ และไม่แรงจนเกินไปนัก แต่ที่ผมได้กินนั้น รู้สึกว่ารสชาติจะจัดจ้านเกินไป ควรจะลดลงมาจะได้อร่อยมากกว่านี้

เพราะฉะนั้น ก็เลยอยากจะบอกให้เพื่อน ๆ ชิมให้เป็น ถึงแม้ว่าจะเป็นอาหารของฝรั่งเศสเขาก็ตาม เมื่อเรากินแล้ว ต้องเข้าใจว่ารสชาติที่แท้จริงควรจะเป็นอย่างไร แล้วเราจะกินอย่างไรถึงจะเป็นการกินที่ถูกต้องครับ
เปาะเปี๊ยะเวียดนาม - เข้าครัวกับหมึกแดง
เครื่องปรุงน้ำจิ้มเปาะเปี๊ยะ
-พริกขี้หนูสวน 10 เม็ด
-กระเทียมไทย 15 กลีบ
-รากผักชีซอย 2 ราก
-น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ
-น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ
-น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
-ใบสะระแหน่เด็ดใบ 1/2 ถ้วยตวง
-น้ำต้มสุก 1/2 ถ้วยตวง
-แครอทขูด 1/4 ถ้วยตวง
-ถั่วลิสงคั่วบุบพอแตก 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
1.ในเครื่องเตรียมอาหารใส่พริกขี้หนูสวน กระ เทียมไทย รากผักชีซอย น้ำปลา น้ำมะนาว น้ำตาลทราย ใบสะระแหน่ และน้ำต้มสุกลงไป
2.ปั่นส่วนผสมทั้งหมดให้ละเอียด ชิมรสให้ออกเปรี้ยว เค็ม หวาน  ตักออกใส่ถ้วย โรยหน้าด้วย แครอทขูด และถั่วลิสงบุบ
เครื่องปรุงไส้เปาะเปี๊ยะเวียดนาม
-หมูยอขะแม 10 แท่ง
-แป้งสาลี 1 ถ้วยตวง
-ไข่ไก่ 2 ฟอง
-เกล็ดขนมปังป่น 2 ถ้วยตวง
-น้ำมันปาล์ม 500 มิลลิลิตร

วิธีทำ
1.ในชามผสม 3 ใบ ใบที่ 1 ใส่แป้งสาลี  ใบที่ 2 ใส่ไข่ไก่  ใบที่ 3 ใส่เกล็ดขนมปังป่น
2.นำหมูยอขะแมที่หั่นเป็นแท่งแล้ว มาชุบแป้ง ไข่ไก่ และเกล็ดขนมปังให้ทั่ว
3.นำกระทะตั้งเตาใส่น้ำมันปาล์มลงไป พอร้อนนำหมูยอขะแมลงทอดให้เหลืองกรอบ ตักออกพักไว้
เครื่องปรุงเปาะเปี๊ยะเวียดนาม
-แผ่นเปาะเปี๊ยะญวนสด 10 แผ่น
-ผักกาดหอมเด็ดใบ 10 ใบ
-แตงกวาหั่นเป็นแท่ง 5 ลูก
-ใบโหระพาเด็ดใบ 1 ถ้วยตวง
-ต้นหอม  พอประมาณ
-ผักชีใบเลื่อย  พอประมาณ
-เส้นหมี่ลวกสุก 80 กรัม
-หมูยอขะแมชุบทอดแล้ว 200 กรัม
วิธีทำ
1.วางผักกาดหอมลงบนแผ่นเปาะเปี๊ยะญวนสด วางแตงกวาเรียงทับไปบนผักกาดหอมอีกที ให้เป็นเส้นยาว แล้ววางใบโหระพา เส้นหมี่ลวก และหมูยอขะแมทับลงไป
2.ม้วนแผ่นแป้งเปาะเปี๊ยะญวนสด ให้ห่อเครื่องทั้งหมดเป็นแท่งยาว ๆ
3.ตัดเปาะเปี๊ยะญวนสดเป็นท่อน วางลงบนจาน เสิร์ฟพร้อมกับน้ำจิ้มเปาะเปี๊ยะ

ขอขอบคุณเจ้าของบทความ : หมึกแดง
www.mcdangguide.com


Read More...


อร่อยอาหารฝรั่งเศสแบบดั้งเดิม หอมหวานหอยทากอบเนย

.
.
.
.
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
เมื่อสองเดือนที่แล้ว  เพื่อนผมมาจากอเมริกาเลยชวนกันไปกินข้าว ตอนนั้น ผมไม่แน่ใจว่าจะพาเขาไปที่ ไหนดี จนกระทั่งมีลูกน้องผมมาบอกให้ลองไปชิมอาหารที่ร้านซึ่งอยู่ติดกับถนน คอนแวนต์ เข้าไปในซอยเล็ก ๆ ผมก็เลยพาเพื่อนมาลองชิมอาหารดูครับ

ร้านนี้มีชื่อว่าร้าน อินดิโก เรสเตอร์รอง ข้างนอกร้านของเขามีที่นั่งร่มรื่นมากครับ ส่วนข้างในร้านก็มีที่นั่งอยู่หลายที่เหมือนกัน แล้วก็มีบาร์ที่ใหญ่มาก ตอนแรกที่ลูกน้องบอกให้ไปนั้น ผมไม่ทราบเลยว่าเป็นร้านอาหารอะไร แต่คำว่าอินดิโกนั้น ก็คงพอจะบอกผมได้บ้างว่า คงจะเป็นร้านอาหารฝรั่ง ปรากฏว่า เป็นอาหารฝรั่งเศสแบบเดิม ๆ เลยครับ ก็ดีใจเหมือนกันนะครับ เพราะไม่ได้มากินอาหารฝรั่งเศสแบบดั้งเดิมมานานแล้ว

สำหรับหน้าตาอาหารก็ไม่หรูไม่หรามากนักและราคาไม่แพงจนเกินไป แถมรสชาติยังอร่อยด้วยครับ ผมไปกันแค่ 2 คน เลยได้ชิมไม่มากนัก แต่ก็กินไปเยอะเหมือนกันครับ

เมื่อไปถึง เขาเอา ขนมปัง มาให้ มีเนย 2 ชนิด ที่เป็น เนยธรรมดา กับ เนยที่ใส่เฮิร์บ เข้าไป เฮิร์บ ก็คือ สมุนไพรฝรั่งที่ใส่เข้าไปในนั้นนะครับ กินไป ชิมไป แล้วสั่งไวน์มากิน ร้านอาหารที่ฝรั่งเศสหรือปารีสนั้น เขาจะมีจานอาหารทะเลจานใหญ่พิเศษ ซึ่งในนั้นจะมี หอยนางรม กุ้ง กั้ง ปลาหมึก ต่าง ๆ หลายอย่าง

ที่ร้านนี้ อินดิโก ก็มีเหมือนกันครับ โดยเขาจะเอาจาน อาหารทะเลจานใหญ่ มาวางบนโต๊ะของเรา มีขาตั้งมาวางให้ด้วย ข้างล่างเขาจะเอาซอสสำหรับเสิร์ฟกับอาหารทะเลวางไว้ข้างใต้ มีมายองเนสเป็นครีมสลัด และมีซอสอีกอันหนึ่งที่ทำจากไวน์แดงกับหอมแดงสับ รสชาติเปรี้ยว ๆ มาให้จิ้มกินกับอาหารทะเล

พอมาถึงผมตกใจเพราะเยอะมากเลย ไม่รู้ว่าจะกินหมดหรือไม่ นอกจากอาหารจะมีราคาไม่แพงแล้ว ยังไม่ขี้เหนียวอาหารด้วยนะครับ ผมสั่งอาหารเมนเข้าไปแล้วด้วยสิ แต่ไม่เป็นไรครับ ผมอยากชิม สำหรับหอยนางรมที่เขาเอามาให้กินนั้น ไม่ใช่ของไทยนะครับแต่นำเข้ามาจากฝรั่งเศสทั้งหมด  ส่วนอาหารทะเลอย่างอื่นมาจากน่านน้ำของเมืองไทยเราครับ เมื่อเขาเอามาเสิร์ฟเรียบร้อยแล้ว ผมเอาไปลวกแล้วทำให้เย็น จิ้มกับน้ำซอสและกินกับขนมปังอร่อยดีครับ 

จากนั้น ผมสั่งหอยทากอบเนย ของฝรั่งเศส ที่เรียกว่า เอสคาโก มากินด้วยครับ เป็นอาหารที่ผมกินมาตั้งแต่เด็ก ๆ ตอนที่อยู่ประเทศอังกฤษและฝรั่งเศส ผมก็เลยต้องสั่งมาชิมดูครับ วิธีการกินหอยทากทุกคนคงจะรู้กันนะครับว่าจะต้องกินอย่างไร เพราะเขาอาจจะเสิร์ฟมาในถ้วยเล็ก ๆ หรืออาจจะเสิร์ฟในตัวหอยเองเลยก็ได้ แล้วนำไปอบกับเนยและซอสเนย ซึ่งมีเนื้อที่นิ่มพิเศษมาก

การกินของผม คือ ใช้ขนม ปังจิ้มแล้วดูดเอาน้ำออกมาแล้วกินครับ รสชาติหวานมัน อร่อย หอมจริง ๆ ครับ ผมกินกันเข้าไปซะเต็มพุง  หลังจากนั้น เป็นอาหารเมนที่เราสองคนสั่งมา เราสั่งสเต๊กกันทั้งสองคน คนหนึ่งสั่ง สเต๊กซอสพริกไทยสด ซึ่งอร่อยมาก ส่วนผมนั้นเป็นคนชอบกินเนื้อ จึงสั่ง เนื้อย่างริบอาย เขาเอาเนื้อย่างริบอาย ชิ้นใหญ่มากมาให้ผมกินครับ ติดมันมานิดหน่อย ถ้ากินมันมาก ๆ ผมคงแย่แน่ครับ

จากนั้นได้กินขนม มีขนมสองอย่าง ขนมอันแรก เป็นขนมของฝรั่งเศส คือ ทาร์ต แอปเปิ้ล เป็นแป้งอบกับแอปเปิ้ลมีซอสวานิลลาและครีมมาให้ด้วย อร่อยมากครับ ทำให้น้ำตาลผมขึ้นอีกด้วย ส่วนเพื่อนฝรั่งของผมเขาสั่ง ช็อก โกแลตลาวาเค้ก ลาวา ก็เหมือนกับภูเขาไฟ พอตัดเค้กออกน้ำของช็อกโกแลตจะไหลออกมาครับ เขาถึงได้เรียกว่าลาวา แต่ความร้อนไม่เท่ากันนะครับ ขืนเอาลาวา หรือช็อกโกแลตร้อน ๆ ใส่เข้าไปในปากจริง ๆ มีหวังแย่แน่ครับ แต่ขนมจานนี้อร่อยมากเวลาช็อกโกแลตไหลออกมา ใส่เข้าไปในปากแล้วเคี้ยว ทั้งมัน ทั้งหวาน อุ่น ๆ นิด ๆ อร่อยครับ

ผมนั่งกินอาหารอยู่ที่นั่นราวสามชั่วโมงได้ครับ นั่งคุยกับเพื่อน เราทำงานอยู่ในวงการเดียวกัน แต่เพื่อนผมเขาทำรายการโทรทัศน์ที่เมืองนอก  แล้วตัวผมกำลังจะไปที่นิวยอร์ก เลยได้คุยกันแลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกัน หลังจากนั้นก็แยกย้ายกันกลับบ้าน

ลองแวะไปดูนะครับ อาหารที่นี่อร่อย แล้วราคาไม่แพงจนเกินไปนัก ผมเลยอยากจะเรียนเชิญให้เพื่อน ๆ ไปกันนะครับ.
หอยทากอบกับเนย - ชิมให้เป็น
ผมพูดหลายต่อหลายครั้งว่า บางคนจะไม่รู้เลยว่าคืออะไร บอกว่า กินเอสคาโก เท่านั้น ก็ตกใจว่าเราจะกินหอยทากหรือ  แต่จริง ๆ แล้วเป็นวัฒนธรรมการกินของฝรั่งเศสที่มีมาตั้งแต่ดั้งเดิมแล้วครับ วิธีการทำเอสคาโกหรือ หอยทากอบกับเนยนั้น คือ การเอาหอยทากที่เขาขายเป็นกระป๋องก็ได้ หรือจะเป็นที่เขาขายเปลือกด้วยก็ได้ครับ

เวลาเราจะทำ ก็เปิดกระป๋องเอาหอยทากออกมา แล้วเอาหอยใส่เข้าไปในถ้วยตะไล จากนั้น ให้เอาเนย กระเทียม ผักชีฝรั่งหรือที่เรียกว่าพาสลี่ย์  รวมทั้ง เหล้าชนิดหนึ่งที่เรียกว่า เพอโน  เกลือ และพริกไทย เอาทั้งหมดไปปั่นในเครื่องปั่นให้เข้ากัน แล้วชิมให้ออกรสหอมชวนกิน

เสร็จแล้วให้เอาเนยที่ปั่นแล้ว ปาดเข้าไปบนหอย แล้วเอาไปอบจนเดือด จากนั้นก็เอามาเสิร์ฟทั้งอย่างนั้นเลยครับ จะกินกับมือหรือจะใช้ส้อมได้ทั้งสองอย่างครับ โดยเนยที่ละลายแล้วนั้นจะหอมมาก ต้องเอาขนมปังลงไปจิ้มให้ดูดน้ำของเนยที่ละลายขึ้นมาแล้วกิน จะอร่อยมากครับ การทำอย่างนี้ถึงจะเรียกว่าชิมให้เป็นอย่างไรครับ
กุ้งฮ่องกง - เข้าครัวกับหมึกแดง
เครื่องปรุงหมักกุ้ง
- หอมแดงสับ 1 ช้อนโต๊ะ
- ไวน์ขาว  ถ้วยตวง
- เกลือป่น  ช้อนชา
- พริกไทยดำบดสด ช้อนชา
- กุ้งแกะเปลือก 300 กรัม
- น้ำมันพืช 1,000 มิลลิลิตร
- แป้งมันฮ่องกง 2 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ

1. ในชามผสม ใส่หอมแดงสับ ไวน์ขาว เกลือ พริกไทยดำบดสด และกุ้งลงไป หมักทิ้งไว้ 5 นาที แล้วเทน้ำหมักออก พักกุ้งไว้

2. นำกระทะตั้งไฟ ใส่น้ำมันพืชลงไปพอร้อน

3. ในชามผสม ใส่แป้งมันฮ่องกงลงไป แล้วนำกุ้งลงไปคลุกกับแป้ง

4. นำกุ้งที่คลุกแป้งแล้วลงทอดให้สุก ตักออกพักไว้ ก่อนนำไปผัด
เครื่องปรุงกุ้งฮ่องกง
- น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ
- กระเทียมสับละเอียด 1 ช้อนชา
- พริกป่นญี่ปุ่น 1 ช้อนโต๊ะ
- ซอสพริก 1 ช้อนโต๊ะ
- ซอสมะเขือเทศ 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมันหอย 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำซุป  ถ้วยตวง
- พริกไทยป่น  ช้อนชา
- กุ้งที่ทอดแล้ว 200 กรัม
- ต้นหอมซอย 1 ต้น
- ข้าวสวย สำหรับเสิร์ฟ
วิธีทำ

1.นำกระทะตั้งไฟ ใส่น้ำมันพืชลงไปพอร้อน

2.ใส่กระเทียมสับ ผัดพอหอมแต่อย่าให้ไหม้หรือเหลือง ใส่พริกป่นญี่ปุ่นลงไป หรี่ไฟ  ผัดให้เข้ากัน

3.เทซอสพริก ซอสมะเขือเทศ น้ำมันหอย และน้ำซุป พริกไทยป่น ผัดให้เข้ากัน เร่งไฟนิดหน่อย

4.ชิมรสให้ออก เปรี้ยว เค็ม และหวาน เท่า ๆ กัน ผัดให้ซอสข้นและเหนียว

5.ใส่กุ้งที่ทอดแล้วลงไปผัดคลุกให้ซอสเคลือบกับตัวกุ้ง
6.ตักกุ้งใส่จาน โรยหน้าด้วย ต้นหอมซอย ยกเสิร์ฟร้อน ๆ กับข้าวสวยความรู้คู่ครัว
- ทำไมต้องทอดกุ้งกับแป้งก่อนเคลือบซอส ?

เพราะแป้งที่ทอดเคลือบกุ้งจะอบซอสได้ดีกว่าเนื้อกุ้งเปล่า ๆ
ขอขอบคุณเจ้าของบทความ : หมึกแดง

Read More...


ชิมอาหารญี่ปุ่นแบบประยุกต์เลิศรส “ผักย่างกับซอสมิโซะ”

.
.
.
.
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 

เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา มีร้านอาหารเปิดใหม่  เป็นร้านอาหารที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก เชฟเป็นคนญี่ปุ่นที่เอาอาหารไปทำให้เก๋ และน่ารับประทาน ส่วนบรรยากาศของร้านก็ดีมาก  มีสาขาทั้งที่นิวยอร์ก ลอนดอน แต่ร้านอาหารที่ผมจะเล่าให้เพื่อน ๆ ฟังนั้น เป็นร้านเปิดใหม่  ชื่อว่า ซูม่า เรสเตอรองท์ ตั้งอยู่ที่โรงแรมเดอะ เซนต์ รีจิส กรุงเทพ

อาหารของเขาแปลกและเอร็ดอร่อยมากครับ ผมไม่รู้จะเลือกจัดเซตเมนูอย่างไรดี เพราะว่ามีมากมายเหลือเกิน พอดีหันไปเห็นเซตเมนูสำหรับสองคนราคา  2,850 บาทต่อคน ผมคิดว่าน่าจะได้กินอะไรหลายอย่างดี ซึ่งปรากฏว่า ก็จริงอย่างที่
ผมคิด โดยผมได้เริ่มกินกันตั้งแต่ 11.00 น. เลยครับ  นอกจากอาหารเป็นเซตแล้ว เรายังสั่งอะไรมากินเพิ่มกันอีกด้วยนะครับ พวกผมจะเป็นอย่างนี้ครับ ต้องสั่งอย่างอื่นมากินด้วยไม่อย่างนั้นเหมือนไม่ได้กินเต็มที่ครับ

สิ่งแรกที่อยู่ในเซตเมนู คือ ปลาทูน่าทาทาร์กับมิโซซุปข้าวบาร์เลย์และรากบัวทอดกรอบ เขาทำดีมากเลย จานที่ใช้สวย รสชาติดีใช้ได้เลยครับ  แต่ไม่ดีเท่าจานที่ 2 ผมชอบมาก คือ ปลากะพงขาวแล่บางกับซอสยูซุน้ำมันเห็ดทรัฟเฟิล ซอสยูซุ เป็นน้ำยำครับ มีน้ำมันเห็ดทรัฟเฟิลอยู่ในนั้น อาหารจานนี้เขาจัดมานิดเดียวเองนะครับ แต่ว่าอร่อยมาก แล้วก็เป็นอาหารที่จัดมาอย่างสวยงามจริง ๆ

กว่าจานต่อไปจะมา ผมเลยสั่ง ผักย่างกับซอสมิโซะ รวมทั้ง ซาซิมิ มาให้กินระหว่างรอด้วยครับ อร่อยมาก และก็มี หมูสามชั้นย่าง มาให้เรากิน เขาเอาหมูสามชั้นหมักก่อนแล้วเอามาเสียบไม้ย่าง ผมว่ารสชาติดีมากเลยครับ เสียอย่างเดียวที่น้ำจิ้มไม่ใช่น้ำจิ้มแจ่ว จะได้รสชาติเผ็ด ๆ ของไทย ซึ่งจะช่วยให้อร่อยมากยิ่งขึ้น

สำหรับจานที่ 3 ในเซตเมนูถัดมา เป็น เนื้อทาทากิแล่บางราดด้วยซอสยูซุโคซุ ทาทากิ ก็คือ เนื้อดิบนำไปราดด้วยซอสครับ มีหัวไชเท้าเล็กน้อย อาหารจานนี้เรากินกันคนละ 2 คำ  เพราะว่าอร่อยมาก เลยต้องแบ่งกันกินครับ จะได้รู้ว่ารสชาติที่อร่อยเป็นอย่างไร ที่ร้านเขาใช้เนื้อดีมากเลยนะครับ อร่อยจริง ๆ

หลังจากนั้นเป็น อาหารจานรวม เขาเสิร์ฟมาในจานยาว ๆ มีทั้งข้าวปั้นและปลาดิบรวม ข้าวห่อสาหร่ายไส้ปลาฮามาชิ ข้าวห่อสาหร่ายไส้สไปซี่ทูน่า  รวมทั้ง ซูชิ อร่อยทุกอย่างเลยครับ ซอสที่ใช้จิ้มกินของเขาก็อร่อยมากครับ ยังมี หอยเชลล์ฮอกไกโดย่างเสิร์ฟพร้อมซีอิ๊วหวานและซอสแอปเปิลวาซาบิ ด้วยครับ จานนี้ได้กินกันคนละ 1 ชิ้นเท่านั้น อร่อยดีครับ

จากนั้นมีอีกสองอย่างที่สั่งครับ จานแรกเป็น ไก่ยากิโตริ คือ เนื้อไก่เสียบไม้สลับด้วยต้นหอมญี่ปุ่นทาด้วยน้ำซอสแล้วเอาไปย่าง อร่อยมากครับ  ส่วนอีกจานหนึ่งเป็น เนื้อย่างที่สั่งพิเศษ แต่ผมคิดว่าจานนี้เขาย่างสุกเกินไป

จานสุดท้ายก่อนที่เราจะกินขนมหวาน ก็คือ เนื้อสันในย่างซอสเผ็ด เขาเอาเนื้อสันในมาย่างแล้วเอาซอสที่มีรสเผ็ดนิด ๆ มาราด ผมคิดว่า เขาทำเนื้อย่างไม่เก่งเท่าที่เมืองนอกทำครับ เพราะเนื้อย่างที่เขาทำมาให้ผมกินนั้น สำหรับผมแล้วรู้สึกว่าจะสุกเกินไปนะครับ

เมนูที่ผมคิดว่ามันอร่อยกว่าที่อื่น ๆ ก็คือ ปลาแบล็คคอดหมักมิโซชิหรุเสิร์ฟพร้อมใบโฮบะ เขาเอาปลาแบล็คคอดมาหมักกับมิโซชิหรุแล้วเอาไปอบ มิโซชิหรุ คือ เต้าเจี้ยวของญี่ปุ่น บางครั้งก็หวาน บางครั้งก็เค็ม แต่สิ่งที่เหมือนกัน คือ ความหอม ที่นี่เขาทำไม่หวานจนเกินไป กำลังพอดีเลยครับ รสชาติกลมกล่อม เนื้อปลาแยกออกมาเป็นชิ้น ๆ ยังมีสีชมพู ๆ อยู่ อร่อยครับสำหรับอาหารจานนี้

ส่วน ของหวาน ที่นี่ไม่รู้จะพูดว่าอย่างไรดี เพราะว่าของหวานที่นี่มาเป็นถาดขนาดใหญ่ครับ มีทั้ง ลาวาเค้ก ไอศกรีม ฮันนี่เค้ก ผมกินไม่ได้เลยสักอย่างหนึ่ง เพราะเดี๋ยวน้ำตาลจะขึ้นไปมากกว่านี้ ผมให้เพื่อนผมกินหมดเลย เยอะมาก แต่เขาจัดมาอย่างสวยมากเลยครับ ผมเองก็อยากกิน แต่ผมกลัวว่าผมกินเข้าไปแล้วต้องเข้าโรงพยาบาลแน่เลยครับ

ร้านนี้เป็นร้านที่สวยแล้วก็ใหญ่มาก ที่นั่งสามารถเลือกนั่งได้หลายที่ ผมไปกินมาสองสามครั้งแล้ว ครั้งสุดท้ายไปนั่งด้านนอกเขามีแอร์ด้วยนะครับ นั่งติดกับหินแล้วเขาก็มีร่มให้  แต่ผมว่าที่สวยงามและน่าไปนั่งที่สุดก็คือ ที่บริเวณบาร์ ซึ่งเขาตกแต่งไว้อย่างสวยงาม

เพราะฉะนั้น ถ้าใครชอบอาหารญี่ปุ่นแบบประยุกต์ ควรจะไปลองลิ้มรสที่ร้านนี้ดูนะครับ ราคาผมคิดว่าไม่แพงจนเกินไปนัก  จะได้รู้ว่าอาหารญี่ปุ่นประยุกต์หน้าตาแปลก ๆ เป็นอย่างไรไงครับ.
.........................................
เข้าครัวกับหมึกแดง - สาคูแคนตาลูป
เครื่องปรุงน้ำสาคูแคนตาลูป
- น้ำเชื่อมสำเร็จ 150 กรัม
- เนื้อแคนตาลูปหั่นเต๋า 50 กรัม
- สาคูต้มสุก 80 กรัม
- เนื้อแคนตาลูปลูกกลม ๆ 50 กรัม
- เนื้อเมล่อนเป็นลูกกลม ๆ 50 กรัม
- น้ำแข็งป่น              ตามต้องการ
- นมสด 60  กรัม
- ใบสะระแหน่                สำหรับแต่งหน้า
วิธีทำ

1. ในเครื่องปั่นน้ำผลไม้ ใส่น้ำเชื่อมสำเร็จ เนื้อแคนตาลูปหั่นเต๋าลงไปปั่นให้ละเอียดเข้ากันดี ตักออกพักไว้ในตู้เย็น

2. ในแก้วเสิร์ฟ ตักสาคูที่ต้มสุกแล้วลงไปในแก้วประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ แล้ววางเนื้อแคนตาลูปตักเป็นลูกกลม ๆ 4-5 ลูก เนื้อเมล่อนตักเป็นลูกกลม ๆ 4–5 ลูก แล้วราดน้ำแคนตาลูปที่ปั่นไว้

3. ตักน้ำแข็งป่นใส่บนส่วนผสมที่อยู่ในแก้ว แล้วราดหน้าด้วยนมสด แต่งหน้าด้วยใบสะระแหน่ ยกเสิร์ฟทันที
.........................................
ชิมให้เป็น - ปลาแบค็คคอดหมักมิโซชิหรุเสิร์ฟพร้อมใบโฮบะ
อาทิตย์นี้จะขอพูดถึงปลาแบล็คคอดหมักมิโซชิหรุเสิร์ฟพร้อมใบโฮบะ  การที่เขาเอาปลาแบล็คคอดหมักกับเต้าเจี้ยวของญี่ปุ่นหรือมิโซชิหรุแล้วเอาไป อบ  เราต้องรู้ลักษณะของเขาว่าเขาอยากให้เป็นอย่างไร จะไปบอกว่า อาหารอย่างนี้ไม่ใช่ลิ้นคนญี่ปุ่นไม่ได้ รสชาติที่แท้จริงของคนญี่ปุ่นจะต้องกลมกล่อมเท่ากัน

ซึ่งจริง ๆ แล้ว อาหารชนิดนี้จะต้องมีรสชาติเค็ม หอม และหวานนิด ๆ จะได้ไม่ทำให้ความหวานของเนื้อปลาที่อบเจือจางไม่ได้รสชาติที่แท้จริงของปลา ร้านนี้เขาทำเก่งมาก เพราะไม่ทำให้หวานจนเกินไป จึงทำให้ได้รสชาติที่อร่อยจริง ๆ ครับ  ยังมีรสหวานของเนื้อปลาอยู่ ผมอยากใส่กระเป๋าเอากลับบ้านสักสามสี่ชิ้น เพราะว่าเขาทำเป็น และเขาทำได้สมดุลกันดีอาหารถึงออกมาอร่อย นี่แหละครับชิมให้เป็น.

ขอขอบคุณเจ้าของบทความ :หมึกแดง
www.mcdangguide.com

Read More...


ชวนชิม "ขาหมู" สูตรเด็ด ลิ้มรสน้ำชาแท้ตำรับญี่ปุ่น

.
.
.
.
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 

หลังจากวิกฤติน้ำท่วมผ่านไปแล้ว สิ่งที่ผมตั้งใจเอาไว้ก็คือ ผมอยากจะเขียนถึงร้านที่ถูกน้ำท่วม เพราะเขาจะได้ฟื้นตัวกลับมาทำอาหารที่อร่อยให้พวกเราได้กินกันเหมือนเดิม โดยวันนี้ผมจะเขียนถึงร้านอร่อยสองร้านด้วยกัน

ร้านแรกที่ผมจะพาไปกินอยู่ที่เมืองทองธานีครับ เป็นร้านข้าวขาหมูที่อร่อย ชื่อว่า ร้านขาหมูเมือง ทอง คงไม่ต้องบอกนะครับว่าจะมีอะไรให้กินบ้าง อย่างแรกที่เข้าร้านมาแล้วต้องสั่ง ก็คือ คากิ ซึ่งมีให้กินแน่ ๆ แล้วคากิของเขาไม่ได้มันอย่างเดียวนะครับ แต่ทั้งมันและนุ่ม รสชาติดี เมื่อกินเข้าไปแล้วเหมือนจะละลายในปากของเราเลยครับ

จากนั้น มี หมูกรอบ ที่อร่อยมาก หนังของหมูกรอบจะไม่ฟูครับ เกือบเหมือนของฮ่องกงเลย เมื่อกินขาหมู ก็ต้องกินกับข้าว ฉะนั้นเวลาไปกิน ผมจะสั่งข้าวมาเป็นจาน ๆ เลย แล้วก็สั่งกับ มีทั้งคากิ หมูกรอบ ขาหมู แล้วก็จะมีแกงจืดด้วย

สิ่งที่ขาดไม่ได้ ต้องไม่ลืมนะครับว่าที่นี่เขามี หน่อไม้ต้มกระดูกหมู ที่อร่อยมาก ๆ ด้วย โดยมากแล้วจะเป็นผมที่กินอยู่คนเดียว เพราะคนอื่นเขาไม่รู้ว่าอาหารจานนี้อร่อยแค่ไหน รสชาติเข้มข้นดีครับ หน่อไม้ของเขาเป็นหน่อไม้ที่กรอบแล้วก็มัน ความมันของหน่อไม้จะคล้าย ๆ มันแกว แต่จะมีรสชาติที่ดีกว่ามาก

มีอาหารอีกอย่างหนึ่ง บางคนอาจจะไม่ทราบว่าที่นี่เขามี กวย จั๊บน้ำข้น ให้กินด้วย ต้องไปกินนะครับ เพราะเดี๋ยวนี้หากวยจั๊บน้ำข้นอร่อย ๆ ยากมาก แต่ร้านนี้เขาทำได้ดี ขนาดไม่มีสิ่งที่ผมชอบ นั่นคือลิ้นหมู เพราะทางร้านบอกว่าสมัยนี้คนเขาไม่กินลิ้นหมูกันก็ตาม แต่เพื่อน ๆ คงทราบดีนะครับว่าความสม่ำเสมอของอาหารและรสชาติของเขาเหมือนเดิมมาตลอด เพราะเขาทำแบบครอบครัว ไม่ต้องจ้างเชฟมาทำ ช่วยกันทำมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ผมมีความสุขครับ เวลามีการถ่ายทำโทรทัศน์ที่บ้าน ผมจะส่งคนไปซื้อขาหมู กวยจั๊บน้ำข้น และหน่อไม้ต้มกระดูกหมู แต่ไม่ได้ซื้อเป็นข้าวขาหมูมานะครับ จะซื้อแยกกัน

ถ้าเพื่อน ๆ ผ่านไปแถวนั้น อย่าลืมแวะไปชิมกันนะครับ ร้านจะอยู่ด้านหน้าซอยที่เข้าไปมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช เมื่อเลี้ยวเข้าไปแล้วจะอยู่ซ้ายมือ อาจจะหาที่จอดรถยากเล็กน้อย เพราะต้องจอดตามข้างทาง ที่ร้านจะไม่มีที่จอดรถ

อีกร้านหนึ่งที่ผมจะพูดถึง เขามีหลายสาขาในกรุงเทพฯ (รู้สึกว่าจะมีประมาณ 8 สาขา) ยังไงก็ลองเข้าไปดูรายละเอียดในเว็บไซต์ของเขาอีกทีนะครับว่ามีสาขาอยู่ที่ ไหนบ้าง

ร้านที่ผมพูดถึงนี้เป็นร้านน้ำชา ชื่อว่า ชาโฮ เป็นร้านขายน้ำชาแบบญี่ปุ่นแท้ ๆ มีน้ำชาหลายชนิดที่น่ากิน เขามีเมนูให้เลือกเยอะแยะ แต่ผมจะพูดถึงชาที่ผมชอบมากก่อนแล้วกันนะครับ นั่นก็คือ มัตฉะ ซึ่งทำมาจากชาเขียว เป็นชาที่แพงที่สุดในร้านเลย รู้สึกว่าจะราคาราว ๆ 380 บาท

ผมได้ดื่มมัตฉะถ้วยเดียวนะครับ ดื่มแล้วรู้สึกสดชื่น ใครเมามาแล้วดื่มมัตฉะเข้าไป 380 บาท หายเมาเลยครับ โดยจะต้องกินกับขนมดังโงะชาเขียวครับ อร่อยมาก ที่นี่เขามีผงชาขายด้วยนะครับ ตั้งแต่ราคาแพงที่สุด มีคุณภาพดีไปจนถึงราคาไม่แพง แต่คุณภาพก็ดีเช่นกัน

ส่วนขนม เขาทำเองหลายอย่าง แต่ขนมที่ผมชอบมากมีอยู่ 2 อย่าง คือ ขนมดังโงะ และ เค้กเครป กับซอสช็อกโกแลต ซึ่งเป็นแป้งแผ่นบาง ๆ กลม ๆ แล้วเอาวิปปิ้งครีมมาใส่ระหว่างชั้น แล้วหั่นมาเป็นชิ้นสามเหลี่ยม เสิร์ฟกับช็อกโกแลต กินกับน้ำชา อร่อยมากเลยครับ

ที่นี่มี ชาเขียวลาเต้ และ ชาเขียวกับช็อกโกแลตขาว ซึ่งเมื่อคุณกินเข้าไปแล้วจะเหมือนได้ขึ้นสวรรค์ทั้งเป็น ไปรับประทานอาหารอร่อย ๆ เสียก่อน แล้วค่อยแวะไปจิบน้ำชาและของหวานแก้เลี่ยนที่ร้านชาโฮก็ได้นะครับ รสชาติของเขาได้มาตรฐานทุกสาขาเลยครับ.
ต้มยำขาหมูเยอรมัน - เข้าครัวกับหมึกแดง
เครื่องปรุง
-น้ำเปล่า 1ลิตร
-ขาหมูเยอรมันทอดแล้วหั่นเป็นชิ้น 500กรัม
-ข่าทุบ 3-4แว่น
-ตะไคร้หั่นท่อนทุบ1ต้น
-ใบมะกรูดฉีก 2-3ใบ
-พริกขี้หนูบุบ 10เม็ด
-น้ำปลา 3-5ช้อนโต๊ะ
-น้ำมะนาว 3-5ช้อนโต๊ะ
-เห็ดภูฏาน 100กรัม
-ผักชีใบเลื่อย 1/4ถ้วยตวง
-ผักชีเด็ดเป็นใบ 1/4ถ้วยตวง
-พริกขี้หนูแห้งทอดตามต้องการ
วิธีทำ

1. นำหม้อใส่น้ำเปล่า ตั้งไฟให้เดือด ใส่ขาหมูลงไปเคี่ยวจนนุ่มให้น้ำมีกลิ่นหอมของขาหมู

2. ใส่ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูดฉีก  และพริกขี้หนูบุบ (ถ้าชอบเผ็ด) ลงไปต้มให้หอม ใช้เวลาประมาณ 30-60 วินาที

3. ปรุงรสด้วยน้ำปลา และน้ำมะนาว

4. ใส่เห็ดภูฏานลงไป ต้มให้เดือดอีกครั้ง ชิมรสให้ออก เปรี้ยว เค็ม เผ็ด ปิดไฟ ใส่ผักชีใบเลื่อย ผักชีเด็ดใบ และพริกขี้หนูแห้งทอด เสิร์ฟกับข้าวสวยร้อน ๆ
กวยจั๊บ - ชิมให้เป็น
เมื่อตอนเด็ก ๆ ผมไม่เคยเห็นกวยจั๊บน้ำใส อาจจะเป็นเพราะว่าคนเรานั้นเริ่มจะขี้เกียจ ทำให้สมัยนี้ก็เลยเอาเส้นกวยจั๊บไปแช่น้ำแล้วก็ต้มจนกระทั่งเส้นนุ่ม แล้วเอามาสะเด็ดน้ำทำเหมือนก๋วยเตี๋ยว จากนั้นก็เอาน้ำใส ๆ ใส่เข้าไป ใส่เครื่องแค่นี้ก็เสร็จแล้ว

ซึ่งความจริงแล้วกวยจั๊บน้ำใสจะไม่มีทางอร่อยเท่ากวยจั๊บน้ำข้นได้เลย เพราะกวยจั๊บน้ำข้นจะต้องต้มจนกระทั่งแป้งเละ และตัวน้ำซุปของน้ำกวยจั๊บเองก็ต้องต้มจนกระทั่งข้น สีจะออกคล้ำ ๆ น้ำตาลดำ ๆ นิด ๆ และเครื่องที่จะใส่นั้นสำคัญมาก โดยเครื่องในหมูที่เราใส่เข้าไปนั้นจะต้องทำให้สะอาด ซึ่งจะต้องทำเป็น เพราะถ้าล้างไม่เป็น เครื่องในจะมีกลิ่นเหม็นคาว ไข่ต้มสี   คล้ำ ๆ ก็เช่นกัน ต้องหั่นเป็นเสี้ยวมา และที่สำคัญต้องมีเต้าหู้ด้วย เครื่องต้องครบ

ผมยังบ่นกับที่ร้านเลยว่า ทำไมไม่มีลิ้นให้ผมกิน เขามีหมูกรอบ ตับ ไต ไส้พุง ทุกสิ่งทุกอย่างแต่ไม่มีลิ้น เพราะว่าโลกของเราเปลี่ยนไปแล้ว อย่าลืมนะครับว่าจะชิมให้เป็นต้องรู้ว่าแท้จริงแล้วอาหารนั้นจะต้องมีอะไร ใส่เข้าไปบ้าง ทำให้กวยจั๊บเมื่อก่อนอร่อยกว่านี้ครับเพราะว่าครบเครื่องจริง ๆ และจะต้องเป็นน้ำข้นถึงจะเป็นกวยจั๊บของจริงที่มีมาแต่โบราณครับ

ขอขอบคุณเจ้าของบทความ : หมึกแดง
www.mcdangguide.com

Read More...


ชวนชิมหลากเมนู ''อาหารอีสาน'' อร่อยครบรส...แซบถึงใจ

.
.
.
.
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 

คุณเอี๊ยดกับผมเป็นเพื่อนกันมานานมากตั้งแต่ผมกลับจากเมืองนอกใหม่ ๆ คุณเอี๊ยดมีร้านหอยทอด ผัดไทย และอีกหลาย ๆ อย่าง ซึ่งมีหลายสาขาพอสมควร โดยแม่ครัวของคุณเอี๊ยดเป็นคนที่ทำอาหารได้อร่อยมาก ผมลองชิมมาหลายต่อหลายครั้งแล้ว

และผมมีเพื่อนที่อยู่จังหวัดขอนแก่น ซึ่งเขาทำอาหารอีสานได้อร่อยมาก มีร้านอยู่ที่ขอนแก่นด้วย พอเขามากรุงเทพฯ ผมเลยแนะนำให้ทั้งคู่รู้จักกัน คุณเอี๊ยดจึงขอซื้อสูตรอาหารจากเพื่อนผมมาทำร้านอาหารที่ ถนนรัตนาธิเบศร์ ผมเลยตั้งชื่อร้านให้ว่า เอี๊ยดตำแหลก

ที่ร้านนี้มีอะไรกินบ้าง ผมขอเล่าให้เพื่อน ๆ ฟังนะครับ อย่างแรกมี ปลาทับทิมเผา ที่ยัดไส้ด้วยสมุนไพรต่าง ๆ แล้วเอาเกลือทา จากนั้นจึงนำไปย่างไม่ให้ปลาแห้งจนเกินไป อร่อยมากครับ เนื้อปลานุ่ม เพราะได้ปลาที่สด ซึ่งจะทำให้ได้รสชาติที่หวานครับ

คอหมูย่าง ที่นี่อร่อยมาก เพราะเนื้อนุ่มเหลือเกินครับ แต่ผมขอพูดเรื่องน้ำจิ้มสักเล็กน้อยที่นี่มีน้ำจิ้มหลายอย่างเหลือเกินครับ มีทั้งแจ่ว น้ำจิ้มซีฟู้ด แจ่วมะเขือเทศ

อย่างเมื่อเขาเอาปลาเผามาเสิร์ฟ ก็จะมีน้ำจิ้มแจ่วมาให้ และมีมะเขือเผามาให้ด้วยครับ ของแปลกที่เขานำมาให้ผมกิน มีทั้ง ผักเคียงที่เยอะมากมาย รวมทั้ง ข้าวเหนียวที่ห่อมาอย่างสวยงามน่ากินมาก นอกจากจะมีปลาทับทิมเผาแล้ว ยังมี ปลาช่อนนึ่ง เสิร์ฟกับแจ่วมะเขือเทศและแจ่วธรรมดาด้วย ผมกินอย่างสนุก สนานเลยครับ

จากนั้น มี ไก่บ้านทอดน้ำปลา อร่อยมากเช่นกันครับ ผมนั่งแทะอยู่คนเดียวเลย เนื้อไก่รสชาติไม่เค็มเกินไป รวมทั้ง เนื้อกับหนังยังกรอบอยู่เลยครับ แต่เนื้อไก่ของเขาจะเหนียวนิด ๆ สู้ฟันเล็กน้อย  แล้วต้องกินกับขนมจีนนิดหนึ่งนะครับถึงจะอร่อย

ตามมาด้วยส้มตำซึ่งเป็นเมนูที่ขาดไม่ได้ มีทั้ง ส้มตำไทย ส้มตำลาว และ ส้มตำปูม้า เรื่องส้มตำไม่ต้องพูดอะไรมากครับ อร่อย แซบที่ครกครับ ถ้าใครไม่ชอบกินรสเผ็ดมาก ตอนสั่งต้องบอกเขาด้วยนะครับ เพราะเดี๋ยวจะกินกันไม่ได้ เพราะแม่ครัวที่นี่จะตำรสชาติจัดจ้านครับ

เมนูโปรดของผมจริง ๆ ก็คือ ตำแหลกผลไม้  ทำไมถึงเรียกว่าตำแหลกผลไม้ ทราบหรือไม่ครับ ก็เพราะเขาเอาผลไม้ต่าง ๆ มาตำแหลกแบบทางภาคอีสาน ถ้าเป็นผมจะใส่ปูกับปลาร้าเข้าไปด้วย แต่ที่ร้านใส่แต่ปลาร้าเท่านั้นครับ  ตำได้อร่อยมาก เป็นเมนูเพื่อสุขภาพด้วยนะครับ เพราะปลาร้าเขาต้มมาเป็นอย่างดี ไม่ต้องกลัวเรื่องพยาธิครับ

อาหารอีสานเป็นสิ่งที่ผมชอบมากเลย แต่คนไทยมักจะบอกว่าอย่ากินอะไรหวาน ซึ่งความจริงแล้วในอาหารอีสานไม่มีอะไรหวาน เลยนะครับ ฉะนั้นถ้าไปที่ร้านเอี๊ยดตำแหลกจะมีของหวาน ๆ อยู่เหมือนกัน เช่น ส้มตำไทย ก็ต้องหวานหน่อยหนึ่ง ซึ่งจริง ๆ จะต้อง เปรี้ยว เค็ม หวาน เท่า ๆ กัน แต่ถ้าไปสั่งส้มตำลาว ก็คงต้องไปบอกให้เขาใส่น้ำตาลด้วย เพราะส้มตำลาว จะไม่มีน้ำตาลใส่เลยเด็ดขาดครับ ใครไม่ถนัดรสชาติแบบนั้นก็ต้องบอกพนักงานตอนที่เขามารับรายการอาหาร แต่ถ้าใครที่ชอบรสชาติแท้ ๆ ก็ไม่ต้องบอกอะไร สั่งแต่ชื่ออาหารที่อยากกินครับ

ส่วนตำแหลกผลไม้จะมีความหวานอยู่ในตัวอยู่แล้ว ไม่ต้องใส่น้ำตาลเข้าไป เขาต้องใช้พริกแห้งในการตำจะได้เผ็ด แซบ อร่อย ส่วนส้มตำปูควรจะเป็นแบบ
ไทย ๆ เพราะผมว่าส้มตำปูแบบอีสานไม่ค่อยอร่อย ตรงนี้ก็แล้วแต่คนชอบนะครับ

ลองแวะไปดู ร้านนี้มีอาหารมากมายหลายอย่างให้ได้เลือกชิมกัน แต่ผมเพียงเรียนให้ทราบนิดเดียวว่าไก่บ้านทอดน้ำปลาของเขาอร่อยมากครับ  ส่วนอาหารประเภทตำต่าง ๆ สุดยอด เรื่องน้ำจิ้มของเขายิ่งดีใหญ่เลยนะครับ มีให้เลือกหลายอย่าง อร่อยมากครับ และผมก็ชอบมากด้วย เพราะฉะนั้นอยากจะเชิญชวนเพื่อน ๆ ให้ลองไปชิมกันครับ.
ชิมให้เป็น
คนส่วนมากชอบเข้าใจผิดว่า อาหารอีสาน อย่างแจ่ว จะต้องทำให้ถูกปากคนกรุงเทพฯ หรือคนที่ไม่ใช่คนที่มาจากภาคอีสาน ความจริงแล้วต้องไปถามคนอีสานดูนะครับว่าต้องทำอย่างไรถึงจะเรียกว่าชิมให้ เป็น ผมขอบอกเลยว่าแจ่วนั้นทำจากอะไรบ้าง

ความจริงแล้ว จะมีน้ำปลาหรือปลาร้า พริกแห้งหรือพริกป่นก็ได้นะครับ รวมทั้ง น้ำส้มมะขาม (น้ำมะขามเปียก) หรือจะเป็นมะนาวก็ได้ครับ ต้องมีต้นหอมด้วย บางครั้งจะใส่ใบสะระแหน่ หรือผักชีใบเลื่อยเข้าไปด้วยสักเล็กน้อย จากนั้นผสมให้เข้ากันแล้วก่อนยกเสิร์ฟก็ค่อยโรยข้าวคั่ว ไม่ใช่โรยแล้วแช่ไว้นาน ๆ นะครับ เพราะจะทำให้ข้าวคั่วอืดได้

หลายคนสงสัยที่ผมไม่ได้เอ่ยขึ้นมาเลยก็คือ น้ำตาล ใช่หรือไม่ครับ ความจริงแล้ว แจ่วจะไม่มีน้ำตาลนะครับ และรสชาติก็ไม่ควรจะหวานด้วย เดี๋ยวคนอีสานเขาจะหาว่าคนกรุงเทพฯ กินไม่เป็นเด้อ ผมเองก็คิดเหมือนคนอีสาน เพราะคนกรุงเทพฯ กินไม่เป็น ชอบใส่น้ำตาล

แต่ถ้าอยากจะใส่น้ำตาล ก็ใส่ได้ตามใจชอบ เพราะคนเราชอบกินรสชาติไม่เหมือนกัน  แต่ผมเองก็ยังอยากให้ลองกินแบบอีสานดูนะครับ ผมว่ารสชาติแซบกว่ากันตั้งเยอะ รวมทั้งจะได้ชิมให้เป็นด้วยนะครับ
ซุปปูแบบจีน - เข้าครัวกับหมึกแดง
เครื่องปรุง
-น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ
-ต้นหอมสับ 1 ช้อนโต๊ะ
-ขิงสับ 1 ช้อนชา
-เห็ดหูหนูสับหยาบ 30 กรัม
-หน่อไม้จีน 30 กรัมซอยเป็นเส้น
-เนื้อปู 50 กรัม
-น้ำซุป 1 ลิตร
-จิ๊กโฉ่  พอประมาณ
-ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ
-เกลือป่น 1 ช้อนชา
-พริกไทยขาวป่น 1/2 ช้อนชา
-พริกไทยดำป่น 1/2 ช้อนชา
-แป้งมัน 1 ช้อนโต๊ะ
-ไข่ไก่ 2 ฟอง
- น้ำมันงา 2 ช้อนชา
- เนื้อปูเป็นก้อน สำหรับโรยหน้า
- ใบผักชี สำหรับโรยหน้า
วิธีทำ

1. นำหม้อตั้งไฟ ใส่น้ำมันพืชลงไป พอร้อนใส่ต้นหอมสับ ขิงสับลงไป ผัดพอหอม

2. ใส่เห็ดหูหนูสับหยาบ หน่อไม้จีนซอยเป็นเส้น และเนื้อปูลงไปผัดให้เข้ากัน

3. เติมน้ำซุปลงไป ต้มให้เดือด

4. ปรุงรสด้วย จิ๊กโฉ่ ซีอิ๊วขาว เกลือป่น พริกไทยขาวป่น พริกไทยดำป่น คนให้เข้ากัน

5. ชิมรสให้ออก เปรี้ยว เค็ม ๆ และหวานจากผักและน้ำซุป

6. ในชามผสม ใส่แป้งมันผสมกับน้ำซุป คนให้แป้งละลาย แล้วเทลงไปในหม้อซุป คนให้เข้ากัน ต้มพอเดือดและซุปข้นขึ้น

7. ตอกไข่ใส่ชามผสม ตีพอเข้ากัน แล้วเทไข่ลงไปในหม้อ พักไว้ประมาณครึ่งนาที แล้วคนให้ไข่แตกกระจายให้ทั่ว และเป็นเส้น ๆ ใส่น้ำมันงาลงไป คนพอเข้ากัน ปิดไฟ

8. ตักซุปใส่ถ้วย แต่งหน้าด้วยเนื้อปูเป็นก้อน ใบผักชี เสิร์ฟกับจิ๊กโฉ่
ความอร่อย     ความสะอาด     คุณภาพของวัตถุดิบ   การบริการ    ราคา ความเผ็ด
ที่อยู่ : 35/37-38 ถ.รัตนาธิเบศร์ ต.บางกระสอ
อ.เมือง นนทบุรี  11000
โทรศัพท์ : 0-2969-9959
เวลาเปิด :  เปิด  10.00–22.00 น. หยุดทุกวันจันทร์ที่ 4 ของเดือน
*มีห้องสำหรับจัดเลี้ยง*
ขอขอบคุณเจ้าของบทความ : หมึกแดง
www.mcdangguide.com

Read More...


หอมน่าชิม ซี่โครงหมูทอดใบมะกรูด อร่อยเคียงคู่ปลาทูฟูผัดพริกขิง

.
.
.
.
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
หลังจากที่ก่อนหน้านี้เคยบอกเอาไว้ว่า จะเขียนถึงร้านอาหารที่ถูกน้ำท่วมเพื่อให้เพื่อน ๆ ได้ไปอุดหนุนเขา เพื่อเขาจะได้มีกำลังใจทำอาหาร
อร่อย ๆ ให้เราทาน วันนี้จึงอดไม่ได้ที่จะพูดถึงร้าน เจ้น้อยกระโทก ซึ่งเขามีสาขาแรกอยู่ที่โคราช ผมไปกินบ่อยครั้งเหลือเกิน และผมก็เพิ่งจะทราบว่าที่จังหวัดปทุมธานี ย่านเมืองเอกก็มีร้านเจ้น้อยกระโทกเหมือนกัน เป็นอีกสาขาหนึ่งครับ  ผมไปกินก่อนที่น้ำจะท่วม ซึ่งก็หลายเดือนมาแล้ว แต่ผมเพิ่งจะเขียนให้ในช่วงนี้ ต้องขออภัยด้วยจริง ๆ ครับ

ร้านนี้อร่อยเหมือนที่โคราชเลยครับ แต่ว่าเขาไม่ได้มีอาหารหลากหลายเหมือนที่โคราชนะครับ แต่ในละแวกนั้นคนก็รู้จักร้านของเขากันพอสมควร วันที่ไปผมได้กิน ซี่โครงหมูทอดใบมะกรูด ซึ่งเขาเอาไปหมักกับซอสอะไรไม่รู้เหมือนกันและเอาไปทอด แต่ทอดไฟไม่แรงนักนะครับ แต่เขาคงหมักนานเหมือนกัน เพราะเมื่อผมชิมดูแล้ว เนื้อนุ่มและอร่อยมาก ใช้ได้เลยครับ ผมเป็นคนที่ชอบแทะกระดูกด้วย เคี้ยวมันดีครับ

นอกจากนั้นยังมีอาหารพิเศษให้ผมทานอีก เป็น ปลาทูฟูผัดพริกขิง ต้องเรียนตามตรงนะครับว่า สำหรับใครที่อยากจะทำแบบนี้ คือ ปลาทูสมัยนี้ราคาไม่ได้ถูกเลยที่จะเอามาทำเป็นปลาทูฟู อาหารจานนี้จึงมีราคาค่อนข้างแพงสักเล็กน้อย แต่ต้องบอกว่ารสชาติอร่อยและหอมมากเลยครับ

จานต่อมาเป็น ปลากะพงทอดน้ำปลา ซึ่งปลากะพงนั้นเขาทอดได้ดีจริง ๆ ครับ เพราะว่าเขาไม่ทอดจนกระทั่งแห้งเกินไป เวลากินต้องเอาน้ำปลาผสมกับน้ำมันร้อน ๆ ครับ เอาไปราดบนปลา ที่นี่เขาเสิร์ฟกับยำมะม่วงด้วยนะครับ แต่ผมไม่กินกับยำมะม่วง ผมกินกับพริกน้ำ ปลาของโปรดของผม เมื่อกินเข้าไปแล้วผมมีความสุขมากเลยครับ

ส่วน แกงขี้เหล็ก มีอยู่ 2 ที่เท่านั้นครับที่ผมชอบกิน ถ้าในกรุงเทพฯ คือ ร้านนี้ครับ กับอีกร้านหนึ่ง คือ ร้านนัดพบ ตรงถนนพิบูลสงครามใกล้ ๆ กับสะพานพระราม 5 ซึ่งที่ร้านเจ้น้อยกระโทกนี่ แกงขี้เหล็กอร่อยมาก แต่ไม่แน่ใจวันนั้นที่ผมกินเป็นแกงขี้เหล็กหมูย่างหรือเปล่า อร่อยมากเลยครับ

ยังมี ยำหมูย่างกระเทียมโทน เขาใช้หอมแดงและหอมแขกมาทำครับ จึงมีชิ้นใหญ่ดูสวยงาม น่ากินมาก  กลิ่นก็หอมน่ารับประทาน เมื่อกินเข้าไปแล้วก็ไม่ผิดหวังครับ อร่อยใช้ได้เลยทีเดียว

ถ้าไปร้านนี้ เมนูที่ขาดไม่ได้ ต้องสั่งมากิน ก็คือ น้ำพริกปลาร้าผัดแห้ง ครับ โดยน้ำพริกปลาร้าที่เขาเอามาให้ผมกินนั้น ผมต้องกินคลุกกับข้าวร้อน ๆ ไม่กินกับข้าวเหนียวเพราะกลัวอ้วนครับ แต่ว่าขอลองเล็กน้อย เพราะมีน้ำพริกปลาร้าที่อร่อย ต้องปั้นข้าวเหนียวกินกับมือนะครับถึงจะอร่อย

มี วุ้นเส้นผัดดอกขจร อาหารจานนี้ผมไม่เคยกินเลย แต่เขาผัดได้อร่อยมาก วุ้นเส้นไม่เละ ยังเป็นเส้น ๆ อยู่เลยครับ สิ่งที่ประหลาดใจที่สุดที่ผมได้กินในวันนั้น เขาบอกเป็น ต้มจืดเกี้ยมไฉ่กระดูกหมูรสแซบ ผมจึงถามกลับไปว่าแล้วอย่างนี้จะเป็นต้มจืดได้อย่างไร

วิธีทำก็คือ เขาจะเอาเกี้ยมไฉ่มาทำให้เค็มก่อน เพราะเกี้ยมไฉ่โดยปกติจะมีรสเปรี้ยว จากนั้น เขาจะเอามาใส่แล้วทำเป็นต้มยำ โดยใส่ซี่โครงหมูเข้าไปในนั้น ต้มไปจนกว่าจะเข้ากันแล้วใส่ทั้งพริกสดและพริกแห้งทุบครับ เมื่อผมลองชิม อยากบอกว่าอร่อยเหลือเกินครับ

ร้านนี้ทำอาหารได้อร่อยจริง ๆ ครับ ไม่รู้ว่าจะติเขาตรงไหนดี ทำให้ผมเขียนชิมให้เป็นยากขึ้นครับ เพราะไม่รู้จะพูดถึงอาหารอะไรดี อย่างไรก็ตาม น้ำที่ท่วมก็แห้งแล้ว เพื่อน ๆ ที่อยู่แถวเมืองเอกหรือแถวอื่นถ้ามีโอกาสไปแถว ๆ นั้น ลองแวะไปชิมได้นะครับ เขามีบริการส่งถึงบ้านด้วย ใครที่อยู่ในหมู่บ้านนั้นเขาทำอาหารตามสั่งส่งไปให้ได้เลยครับ ซึ่งที่นั้นทุกคนก็รู้จักร้านนี้กันดี

ร้านนี้มี 2 ชั้น และเป็นครัวเปิด  ถ้าไปตอนอากาศเย็น ๆ แล้วนั่งชั้นบน สั่งเบียร์เย็น ๆ มาดื่ม หรือจะจิบไวน์ไปด้วย ผมว่าบรรยากาศดีมาก ๆ ครับ  อย่าลืมแวะไปนะครับ  และหวังว่าเมื่อน้ำแห้งทุกสิ่งทุกอย่างคงเรียบร้อย กลับมาใช้ชีวิตตามปกติกันนะครับ.
ปลาดุกฟู - ปลาทูฟู - ชิมให้เป็น
การที่เราจะรู้ถึงลักษณะของปลาดุกฟูว่า ปลาดุกฟูนี้ทำมาจากอะไร ความจริงแล้ว เขาจะเอาเนื้อปลาดุกที่เอาไปย่างหรือเผาแล้วใช้ส้อมขูดเนื้อปลาให้ออกมาเป็น ชิ้นเล็ก ๆ แล้วเอาไปทอดกับน้ำมันให้ฟูขึ้นมาและมีความกรอบ 

แต่ถ้าเป็นปลาทูฟูก็ต้องเอาปลาทู ซึ่งอาจจะเป็นปลาทูนึ่งหรือปลาทูสดก็ได้นะครับ ถ้าเป็นปลาทูนึ่งจะเค็มเล็กน้อย แต่ถ้าเป็นปลาทูสดต้องเอาไปย่าง แล้วเอาไปทำให้ฟูโดยการทอดเสียก่อน  ที่ร้านนี้เขาใช้ปลาทูเพราะว่าเขาอยากให้คนกินได้กลิ่นหอม ๆ ครับ

หลังจากนั้น เขาจะทำน้ำแกง เรียกว่า น้ำพริกขิง  ซึ่งใช้เครื่องแกงแดง น้ำตาลปี๊บ น้ำปลา ถั่วฝักยาว เอาไปผัดจนกระทั่งเหนียว จากนั้น เอาปลาทูฟูที่ทอดเสร็จเรียบร้อยแล้วลงไปรวน เป็นการทำที่จะยังคงไว้ซึ่งความกรอบ เพราะว่าน้ำตาลจะเคลือบทำให้ปลาทูยังกรอบอยู่

นี่คือความเข้าใจในวิธีการทำว่ารสชาติของอาหารที่ทำควรจะเป็นอย่างไร แล้วทำไมถึงได้อร่อยนัก นั่นเป็นเพราะความหอม และความเค็มของปลาทู รวมทั้งรสชาติของเครื่องแกงที่ใส่เข้าไป ฉะนั้น ต้องรู้วิธีการทำที่ถูกต้อง ถึงจะชิมให้เป็นอย่างไรครับ.
เข้าครัวกับหมึกแดง - ขนมจีนน้ำยาเห็ด
เครื่องปรุง เครื่องแกง
- พริกแห้งแช่น้ำให้นุ่มแล้ว 9 เม็ด

- กระเทียม 1  หัว

- หอมแดง 5  หัว

- กระชายซอย 1/4 ถ้วยตวง

- ข่าซอย 3  แว่น

- ตะไคร้หั่นฝอย 2 ช้อนโต๊ะ

- ผิวมะกรูดหั่นฝอย 1 ช้อนโต๊ะ

- เนื้อปลาช่อนต้มสุกแล้ว 1/2 ถ้วยตวง

- เกลือ 1 ช้อนชา
วิธีทำ

1. โขลกพริกแห้ง กระเทียม หอมแดง กระชาย ข่า ตะไคร้ ผิวมะกรูด เนื้อปลาช่อนต้มสุกแล้วและเกลือ เข้าด้วยกันให้ละเอียด ตักออกพักไว้
เครื่องปรุงน้ำยาเห็ด

- เครื่องแกงที่โขลกไว้ 4 ช้อนโต๊ะ

- หัวกะทิ 1/2 ถ้วย

- หางกะทิ 2 ถ้วย

- ใบมะกรูดฉีก 2 ใบ

- เห็ดหอมญี่ปุ่น 80 กรัม

- น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ

- น้ำตาลปี๊บ 1  ช้อนโต๊ะ

- เกลือ 1     ช้อนชา

- ขนมจีน 200 กรัม

- ผักกาดดองซอย 80  กรัม

- ถั่วงอก 80 กรัม

- ถั่วฝักยาวซอย 80 กรัม

- ใบแมงลัก 50   กรัม
วิธีทำ

1. นำเครื่องแกงที่โขลกไว้ ลงผัดกับหัวกะทิในหม้อ (ใช้ไฟอ่อน) ผัดจนกะทิแตกมัน แล้วใส่หางกะทิที่เหลือลงไปต้มจนเดือด ใส่ใบมะกรูดฉีกลงไป

2. พอน้ำแกงเดือด ใส่เห็ดหอมญี่ปุ่นลงไป ปรุงรส ด้วยน้ำปลา น้ำตาล เกลือ ออกรสเค็มนำหวานตาม   นิด ๆ และรอจนน้ำแกงเดือดอีกรอบปิดไฟ พักไว้

3. จัดขนมจีนลงจานเสิร์ฟและผักที่เตรียมไว้ ผักกาดดองซอย ถั่วงอก ถั่วฝักยาวซอย ใบแมงลัก แล้วนำขนมจีนน้ำยาที่ทำไว้ราด เสิร์ฟร้อน ๆ

ขอขอบคุณเจ้าของบทความ : หมึกแดง
www.mcdangguide.com

Read More...


‘เมนูปลานิล’ สูตรใหม่ ๆ น่าทำขาย

.
.
.
.
 
 
 






ทั้งนี้ เพื่อรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ และเป็นการส่งเสริมการบริโภคปลานิลที่เป็นอาหารโปรตีนชั้นดี ตลอดจนเพิ่มความหลากหลายในการนำปลานิลมาปรุงอาหารรับประทาน ผศ.พงษ์ศักดิ์ ทรงพระนาม อาจารย์ประจำสาขาวิชาอาหารและโภชนาการ คณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี ได้ทำการคิดค้นเมนูปลานิลเมนูใหม่ ๆ ที่สามารถเปลี่ยนเนื้อปลาธรรมดา ๆ ให้เป็นเมนูที่สุดพิเศษเทียบเท่ากับเมนูปลาราคาแพง
ผศ.พงษ์ศักดิ์ กล่าวว่า เมนูที่คิดขึ้นตอนนี้มีอยู่ 2  เมนูคือ “ปลานิลนึ่งน้ำมะกรูด” และ “ข้าวม้วนปลานิลปรุงรสสมุนไพร” โดยทั้ง 2 เมนูนี้มีวิธีการทำที่ไม่ยุ่งยากอะไรมากนัก คนทั่วไปสามารถทำกันเองได้ในครอบครัว ซึ่งนอกจากจะอร่อยแล้วยังได้คุณค่าทางโภชนาการอย่างครบถ้วน  และก็ยังสามารถนำสูตรไปปรับทำขายเป็นอาชีพได้
หลายคนอาจคิดว่าเนื้อปลานิลมีกลิ่นคาว แต่จริง ๆ แล้วปลาทุกชนิดล้วนมีกลิ่นคาวทั้งนั้น เพียงแต่ในการนำมาประกอบอาหารก็จะต้องมีวิธีการและเคล็ดลับเพื่อดับกลิ่นคาว ซึ่ง 2 เมนูปลานิลที่ว่ามาข้างต้นนั้น ใช้ “มะกรูด” ซึ่งเป็นเครื่องปรุงที่เป็นสมุนไพรของไทย มาดับกลิ่นคาว และสามารถเพิ่มรสชาติอาหารให้แปลกใหม่ไม่จำเจอีกด้วย ส่วนอุปกรณ์ที่ใช้ในการทำหลัก ๆ ก็เป็นอุปกรณ์เครื่องครัวที่สามารถหาได้จากในครัวเรือนทั่วไป
“ปลานิลนึ่งน้ำมะกรูด” ส่วนผสมประกอบด้วย... ปลานิล แล่เอาแต่เนื้อ 300 กรัม, หน่อข่าอ่อน 10  หน่อ, น้ำมะกรูด 2 ช้อนโต๊ะ, เกลือป่น ฝ ช้อนชา ขั้นตอนการทำเริ่มจากปลอกหน่อข่าอ่อน  ใช้มีดซอยที่หัวข่าบาง ๆ  จากนั้นแล่ปลานิลเอาแต่เนื้อให้เป็นชิ้นยาวบาง ๆ แล้วนำมาพันที่ข่าอ่อน เสร็จแล้วผสมน้ำมะกรูดกับเกลือให้เข้ากัน ราดลงที่เนื้อปลาที่พันข่าอ่อนแล้ว นำไปนึ่งราว 10 นาที ก็พร้อมเสิร์ฟกับน้ำจิ้ม รับประทานกับผักนึ่ง เช่น ถั่วฝักยาว กะหล่ำปลี ฟักทอง บวบ
สำหรับ “สูตรน้ำจิ้ม” ส่วนผสมก็มี... พริกชี้ฟ้าแดงสับ  1  ช้อนชา, ต้นผักชีหั่น  1  ช้อนโต๊ะ, น้ำต้มสุก  2  ช้อนโต๊ะ, น้ำมะกรูด 3 ช้อนโต๊ะ, น้ำตาลทราย  1 ช้อนโต๊ะ, เกลือ 1  ช้อนชา เมื่อเตรียมส่วนผสมเรียบร้อย ก็ให้นำน้ำตาลทราย เกลือ และน้ำมะกรูด ผสมคนให้เข้ากันก่อน จากนั้นใส่พริกชี้ฟ้าแดงสับ ต้นผักชีหั่น และน้ำต้มสุกเล็กน้อย คนให้ส่วนผสมข้ากันอีกครั้ง  ชิมให้ได้ 3 รส เปรี้ยว-เค็มหวาน น้ำจิ้มนี้ก็ใช้ราดที่เนื้อปลานิลพันข่าอ่อนที่นึ่งสุกแล้ว จากนั้นก็รับประทานได้เลย
ถัดมาเป็นเมนู “ข้าวม้วนปลานิลปรุงรสสมุนไพร”  ส่วนผสมที่ใช้ก็มี...   ข้าวกล้องหุงสุก  2 ถ้วย, เนื้อปลานิลนึ่งเอาแต่เนื้อ ฝ ถ้วย, หอมแดงซอย  2  ช้อนโต๊ะ, ตะไคร้ซอย  2  ช้อนโต๊ะ, ขิงอ่อนซอย 1  ช้อนโต๊ะ, พริกชี้ฟ้าซอย  1  เม็ด, ใบมะกรูดซอย  2  ใบ, ผักชีเด็ดใบ  1  ต้น, น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ, น้ำมะขามเปียก  3 ช้อนโต๊ะ, น้ำปลา  2  ช้อนโต๊ะ น้ำมะนาว
1 ช้อนโต๊ะ และแผ่นสาหร่าย โดยวิธีทำเริ่มจากทำน้ำปรุงรสก่อน... นำน้ำตาลปี๊บ, น้ำมะขาม, น้ำปลา ใส่หม้อยกขึ้นตั้งไฟ พอเดือดก็ยกลงใส่น้ำมะนาวชิมรสให้เข้มข้นจัดจ้านเพื่อดับคาว แล้วตั้งพักไว้ จากนั้นนำเนื้อปลานิลนึ่งสุก หอมแดง ตะไคร้ ขิง พริกชี้ฟ้า ใบมะกรูด ที่ซอยไว้แล้ว ใส่ลงภาชนะ นำน้ำปรุงรสที่ทำเตรียมไว้ใส่ คลุกเคล้าให้เข้ากัน โรยใบผักชี พักไว้
ต่อไปเป็นขั้นตอนการม้วนข้าว ขั้นตอนนี้เหมือนกับการห่อซูชิ ต้องมีอุปกรณ์ช่วย 1 อย่างคือเสื่อม้วนข้าวญี่ปุ่น การม้วนเริ่มจากนำแผ่นสาหร่ายวางลงบนเสื่อม้วนข้าว แล้วตักข้าวกล้องที่หุงเตรียมไว้ประมาณ 1 ทัพพีใส่ลงบนแผ่นสาหร่ายด้านล่างหรือด้านคนม้วน เกลี่ยข้าวให้ทั่วเกือบ ฝ ของพื้นที่แผ่นสาหร่าย  ตักส่วนผสมปลาที่คลุกเตรียมไว้มาใส่เป็นแนวตามขวาง ม้วนข้าวให้เป็นก้อนกลมจากนั้นใช้มีดคม ๆ ตัดข้าวม้วนสาหร่ายออกเป็นชิ้น ๆ ตามขนาดที่ต้องการ
“เคล็ดลับการเตรียมปลาไม่ให้มีกลิ่นคาว” ผศ.พงศ์ศักดิ์บอกว่า ควรนำปลาไปทาเกลือก่อน จากนั้นเช็ดให้แห้ง มีดที่ใช้ทำต้องคม ตอนแล่เนื้อปลาต้องคอยเช็ดมีดตลอดเพื่อจะทำให้ได้เนื้อปลาที่ออกมาสวยงามและ ไม่มีกลิ่นคาว

“เมนูปลานิลสูตรใหม่” ทั้ง 2 สูตรที่ว่ามานี้ ถือเป็นอีกทางเลือกของผู้บริโภคสมัยใหม่ที่ใส่ใจสุขภาพด้วย รวมถึงอาจถูกใจผู้ที่ชื่นชอบข้าวม้วนสาหร่ายแบบญี่ปุ่น ซึ่งอาจจะเป็น “ช่องทางทำกิน” ที่ดี สำหรับผู้ที่รู้จักนำไปฝึกทำ ต่อยอดดัดแปลงตามความเหมาะสม และหากใครต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ต้องการติดต่อ ผศ.พงศ์ศักดิ์ ก็ติดต่อได้ที่ โทร.08-9600-0993  หรือที่คณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี โทร.0-2549-4990-2
...............................................................................................................................
คู่มือลงทุน...เมนูปลานิลสูตรใหม่
ทุนเบื้องต้น ขึ้นอยู่กับรูปแบบการลงทุน
ทุนวัตถุดิบ ประมาณ 60% ของราคาขาย
รายได้  ตั้งราคาขายให้มีกำไรราว 40%
แรงงาน  1-2 คนขึ้นไป
ตลาด  ย่านขายอาหาร, ย่านชุมชน
จุดน่าสนใจ จุดขายคือเมนูสุขภาพสูตรใหม่

ขอขอบคุณเจ้าของบทความ : เชาวลี ชุมขำ  : เรื่อง / วรัญญู  เหมือนเดช : ภาพ

Read More...




----------------

ปรับปรุง
รายการบทความทั้งหมด



การบำรุงรักษารถยนต์เบื้องต้น



ร้านค้าเคลื่อนที่ ใช้ รถบรรทุกขนาดเล็กมาดัดแปลง



รวมบทความอาชีพ เสริม หลากไอเดียวิธีหารายได้เสริม



รวมบทความงานฝีมือ-สิ่งประดิษฐ์ รายได้เสริม



ทองม้วน thong muan ; rolled wafer





MASK รุ่นสายคล้องคอ







MASK รุ่นสายคล้องคอ. ��รุ่นนี้เป็นที่นิยมใช้กันมาก #ขายดีมาก
ทำจากผ้าคอตตอนแท้ 100%  ไม่ผสม เนื้อผ้านุ่ม 
3 ชั้น. สวมใส่พอดีกับใบหน้า ไม่เจ็บหู มีสายคล้องคอปรับได้
เวลาถอดออก ไม่ต้องกลัวลืม เพราะถอดแล้วคล้องคอไว้ได้
บรรจุในถุงซิปฟรอย์อย่างดี
ราคาชิ้นละ. 59. บาท. ไม่รวมส่ง 
มีหลายสีให้เลือกนะคะ   สนใจทักแชทขอดูสีผ้าได้นะคะ
หน่วยงาน บริษัท ห้างร้าน หรือ สนใจสั่งไปจำหน่าย 
มีเรทราคาส่งค่ะ

-> id line : noeyhorm_06
#มีวางจำหน่ายหน้าร้านชานมไต้หวันมาราชาสาขาจรัญ44


ร้านมาราชาชานมไข่มุก สาขาจรัญสนิทวงศ์ 44
● รับบัตรสะสมครบ 10 แก้ว แลกรับฟรี 1 แก้ว
● สั่งเดลิเวอรีผ่าน LINE MAN, Foodpanda ,GET ...ถึงมือปั๊บพร้อมดื่มปุ๊บ!
● อัพเดทโปรโมชั่นใหม่ๆ รสชาติใหม่ ตลอดเวลา
● มีเมนูให้เลือก 40 กว่าเมนู : https://bit.ly/2Z9iqV0






























































เลือกช่องทางติดต่อและรับข่าวสารบริการหลังการขาย
ฟอร์ด พลปิยะอยุธยาและฟอร์ด พลปิยะวังน้อย

--------------------------------------------------------------------------------------------
แคมเปญ-โปรโมทชั่น อะไหล่ฟอร์ด อัพเดททางออนไลน์และปรับปรุงข้อมูลออนไลน์
อะไหล่ฟอร์ด อะไหล่รถฟอร์ด อะไหล่รถยนต์ฟอร์ด อะไหล่ฟอร์ดแท้ ร้านขายอะไหล่รถฟอร์ด ขายอะไหล่รถฟอร์ด อะไหล่ฟอร์ด
 
Option

รวมบทความอาชีพเสริม หลากไอเดียวิธีหารายได้เสริม หาอาชีพเสริมอิสระทำเงิน สร้างอาชีพอิสระงานฝีมือ แนะนำการสร้างรายได้เสริมทำเงินด้วยการขายสินค้าหรือขายของเป็นอาชีพเสริม อิสระงานฝีมือ แนะแนวธุรกิจ อาชีพเสริม อาชีพแก้จน อยากจะมีรายได้เสริมนอกเหนือจากงานประจำ บล๊อกจัดทำขึ้นเป็นวิทยาทานเพื่อเผยแผ่ความรู้อันจะเป็นไปเพื่อบุญกุศล ขอให้ทุกท่านที่มีส่วนร่วมในบทความของบล๊อกนี้ จงได้รับอานิสงฆ์ด้วยเทอญ.