Home » All posts

ก๋วยเตี๋ยวเนื้อกรอบ หลังการบินไทย

วัน พฤหัสที่ผ่านมา นายกบุกไทยรัฐ... โอ้แม่เจ้า มาคุยหลายเรื่องทั้งปฎิรูปสื่อ สถานการณ์การเมือง สภาวะเศษรฐกิจ เอาเป็นว่าหลายเรื่อง ทางเจ้านายผมก็เลี้ยงอาหารคณะนายกฯ ร่วมกันกับคณะผู้บริหารหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ บรรยากาศชุ่มชื่น ถ้อยทีถ้อยอาศัย ไม่เข้มเหมือนช่วงนั้น ... ส่วนผมแอบดูห่างๆ เพราะงานที่ออนไลน์วันนั้นเพียบ วุ่นมาก คงต้องอยู่จัดการก่อน ส่งนายน้อยไปรับหน้าไว้ก่อน ฮิฮิ

วันนี้ อยากที่จะแนะนำร้านก๋วยเตี๋ยวอีกร้าน เป็นร้านที่เขาเปิดมาตั้งหลายสิบปีแล้วครับ สมัยก่อนอยู่ที่ "กาดสวนแก้ว" เชียงใหม่เจ๊า คุณป้าบอกว่าร้านนั้นของเพื่อนขายอาหารหลายอย่างส่วนคุณป้าชอบก๋วยเตี๋ยว เนื้อ ต้องมีเหตุจำเป็นมาอยู่กรุงเทพ เลยเอาสูตรก๋วยเตี๋ยวมาทำมาหากิน อ๋อจะบอกว่าร้านชื่อ "ก๋วยเตี๋ยวเนื้อกรอบ" คุณป้ามาเปิดแถวหลังการบินไทย จำได้ว่ามากินครั้งแรกกว่าสิบปีแล้ว เพราะอยู่แถวบ้านขี่จักรยานไปกินหลายเที่ยวแล้ว ร้านนี้มีที่เด็ดในเรื่องเนื้อกรอบ หลายคนสงสัยว่าเนื้อกรอบคือเนื้ออะไร เนื้อนี้เป็นส่วนของเนื้อน่องแก้ว แกนกลางของขาวัว นั้นล่ะครับ เนื้อที่นี่เขาใช้เนื้อสันในวัวมาทำก๋วยเตี๋ยว หลายครั้งที่ไป พบคุณพี่แท่ง ศักดิ์สิทธิ์ ไปนั่งกินบ่อยๆ ส่วนไปกินกับใครไปดูเองผมไม่ค่อยรู้จักครับผม

มา ถึงจานที่เราสั่งกิน จะกินเส้นอะไรก็แล้วแต่ชอบ ส่วนความเห็นผมต้องเป็นเส้นหมี่เท่านั้นๆๆๆๆ สั่งเลย "เส้นหมี่เนื้อกรอบ ชามนึงครับ" ไม่เอาดีกว่า "คุณป้ามาสองชามเลย" จะได้ไม่เสียเวลา ส่วนคุณพี่ฉ่างที่ไปด้วยก็ โซโล่ เส้นเล็กตามเคยของคุณพี่ท่าน รอไม่นานครับทุกสิ่งอย่างถูกจัดเรียงมาหาโต๊ะเรา มาชิมกันเลยดีกว่า น้ำซุปถือว่าเป็นไปตามอุดมคติ หอมหวานมาก เหมือนได้สูดดมน้องนาง เส้นที่ลวกมากำลังพอดี ไม่แข็งไม่อ่อนจนเกิ นไป เมื่อได้น้ำซุปที่ถูกเส้นดูดซับเข้าไปแล้ว เข้าท่าอร่อยมากครับ ยังไม่หมดยังโรยหน้ามาด้วยกากหมูและเครื่องหอม (ผักชี ต้นหอม) ส่วนเนื้อกรอบ เนื้อตัวนี้คนทำไม่เป็น ถึงกับจบเลยน่ะครับ ลวกสุกไปก็แข็ง ดิบไปก็เหนียว กว่าจะหาความพอดีได้ต้องฝีมือกันหน่อย เอาเป็นว่าก๋วยเตี๋ยวเนื้อสไตล์นี้คงต้องเป็นที่นี่ ที่เดียว อยากให้ลองกินกันดูครับ ผมรับรอง... เด็ดดวง

ไป มาสะดวก (สำหรับผมใกล้บ้าน) ส่วนท่านๆ มาวิภาวดี ร้านอยู่หลังการบินไทยสำนักงานใหญ่ ให้เข้ามาทางซอยวิภาวดี 22 ตรงมาตามทาง ทางจะบังคับเลี้ยวขวาตรงไปให้สุด ระหว่างทางเป็นตลาดลุงเพิ่ม ให้่เลี้ยงตรงหัวมุม ตรงเข้าไปอีกซัก 500 เมตร ร้านอยู่ในซอยเล็กๆ ให้ดูทางซ้ายมือไว้ เห็นป้ายที่ผมถ่ายมา เข้าไปได้เลยครับ เปิดบริการทุกวัน 09.30-15.30 น. ยกเว้นวันพุธสุดท้ายของเดือน โทรศัพท์ 0-2513-5534,08-9447-5676

Rating : ชาตินี้ต้องกิน (4 ดาว)

เรื่องและภาพโดย
ธนา ทุมมานนท์ (เบย์พาเลส)

ไทยรัฐออนไลน์

ปลาหิมะผักย่าง

สูตรทำอาหาร

ด้วย ความที่มีพรสวรรค์เรื่องทำอาหารและเบเกอรี่ น้องนาย-มนัชญา กุลพงษ์วดี ลูกสาวน้องนุชสุดท้องของ "เจ๊ติ๋ว-นันทิกา จันทร์หาญ" ซึ่งเคยเป็นที่รู้จักกันอย่างดีในฐานะเจ้าของร้านรองเท้านันทิกาในอดีต จึงมุ่งมั่นอยู่ในวิชาชีพที่สวรรค์ให้มาอย่างเต็มที่ โดยตักตวงประสบการณ์ให้ตัวเองไปเรื่อยๆหลังจากจบปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยอัส สัมชัญ สาขานิเทศศาสตร์ เอกโฆษณา แล้ว

"น้อง นาย" ได้สมัครเข้าเรียนหลักสูตรการทำอาหารนานาชาติระยะสั้นที่วิทยาลัยดุสิตธานี และได้เข้าฝึกงานระยะสั้นที่โรงแรมดุสิตพัทยารีสอร์ต เป็นเวลา 1 เดือน แต่ยังไม่สะใจพอ จึงไปเรียนเพิ่มเติม ที่สถาบันสอนทำอาหารโอแฮป ของโรงแรมโอเรียนเต็ล ในหลัก สูตรอาหารนานาชาติอีก 1 ปี และยังได้เข้าทำงานในห้องอาหาร Le Normandie ของโรงแรมโอเรียนเต็ล ซึ่งหลายๆคนใฝ่ฝันอีกด้วย แต่ "น้องนาย" ยังไม่ยอมหยุดแสวงหาความรู้ในสิ่งที่ชอบ จึงบินตามพี่สาวไปเข้าคอร์สเรียนด้าน Bakery and Pastry หลักสูตรจาก Le Gordon Bleu ที่ Pasadena สหรัฐอเมริกา และด้วยหน่วยก้านดี ทั้งขยันและอึด ขณะกำลังเรียนที่อเมริกา "น้องนาย" ก็ได้รับเลือกเข้าร่วมงานกับทีมงานทำอาหารของ Chef Wolfgang puck ในการทำอาหารเสิร์ฟแขกที่ Kodak Theatre Hollywood และยังได้ฝึกงานเป็นผู้ช่วยเชฟในการสอนก่อนเรียนจบอีกด้วย ทุกวันนี้แม้จะถูกเรียกตัวกลับไปช่วยงานที่อเมริกาอีก แต่ "น้องนาย" มีความสุขกับธุรกิจเล็กๆของเธอแล้ว โดยทำธุรกิจเบเกอรี่ ในชื่อที่ค่อนข้างโดนใจว่า Heart-Core Baker อยู่ที่แผนกเทคโฮมของห้างสยามพารากอน และเพิ่งจะฮึดสู้ เปิดร้านอย่างเต็มตัวเสียที ที่แจ้งวัฒนะซอย 14 (โทร.08-1341-6341) โดยเพิ่มเมนูกาแฟและอาหารเบาๆเข้าไปด้วย วันนี้ "น้องนาย" ขอโชว์ฝีมืออาหารเบาๆที่เสิร์ฟที่ร้านสักเมนู คือ ปลาหิมะผักย่างเสิร์ฟพร้อมเนยสมุนไพร

เครื่อง ปรุง : เนื้อปลาหิมะ 1 ชิ้น หั่นขวาง/ซุกินี่ ครึ่งลูก หั่นตามยาวชิ้นบางๆ/เห็ดออริจินครึ่งลูก หั่นตามยาว/แครอท หั่นตามยาว 30 กรัม/หอมหัวใหญ่ครึ่งหัว หั่นเป็นชิ้นใหญ่/ มะเขือเทศ หั่นตามขวาง 3–4 แว่น/เนยสมุนไพร 10 กรัม/น้ำสลัดตามชอบ/เลมอนหั่นเสี้ยว

วิธีทำ 1) ทำความสะอาดเนื้อปลาและซับน้ำให้แห้ง โรยเกลือและพริกไทยให้ทั่ว 2) ตั้งกระทะย่างปลาให้ร้อน แล้วนำชิ้นปลาไปย่างจนได้สีเกรียมสวยทั้ง 2 ด้าน จากนั้นนำเข้าเตาอบความร้อน 180ํ C ประมาณ 8-10 นาที หรือแล้วแต่ความหนาของชิ้นปลา 3) โรยเกลือและพริกไทยลงบนผักที่หั่นไว้ทั้ง 2 ด้าน 4) นำผักทั้งหมดไปย่างบนกระทะย่างให้สุกและมีสีเกรียมสวย 5) จัดผักที่ย่างบนจานให้สวยงาม วางเนยสมุนไพรบนชิ้นปลาที่สุกดีแล้ว พร้อมเลมอนหั่นเสี้ยวช่วยเพิ่มความหอมและตัดเลี่ยนได้ด้วย

เมนูนี้เหมาะสำหรับมื้อเย็น หรือผู้ที่ต้องการคุมน้ำหนักได้ดีทีเดียว

ไทยรัฐออนไลน์

Read More...

เฉาก๊วยพร้อมโซ้ย!เฉาก๊วย "พี่วิ" ดำ ดี มีประโยชน์

สูตรทำขนม

ใคร ที่กำลังมีอาการร้อนรุ่มในหัวใจ ร้อนในกับชีวิต (หุหุ) เจ๊แซบแนะนำให้ไปหม่ำ "เฉาก๊วย" อาหารที่ช่วยสมานอารมณ์ มีคุณสมบัติชุ่มคอแก้ร้อนใน เหมาะมั่กๆกับสังคมไทยทุกวันนี้ที่ปั่นป่วนชวนงงไม่เว้นวัน!

"เฉาก๊วย" เป็นพืชตระกูลมิ้นต์ มีเทือกเถาเหล่ากอเดียวกับสะระแหน่ กะเพรา โหระพา แมงลัก และยี่หร่า มีมากมายในประเทศจีน ชาวจีนนิยมนำมาต้มเอายางไม้มาดื่มกินแก้อาการ ร้อนใน เฉาก๊วยมีชื่อภาษามาเลย์ว่า "จิน-เจา" ชื่อภาษาจีนกลางว่า "เหลียงเฝิ่น หรือเซียนเฉ่า" แปลว่า หญ้าเทวดา แต่ คนละชนิดกับหญ้าเทวดาหรือหญ้าปักกิ่งที่นิยมนำมาต้มกินยับยั้งป้องกันโรค มะเร็ง แค่ความหมายไปคล้ายกับชื่อโดยไม่ได้ตั้งใจ

พี่วิต้นตำรับเฉาก๊วยเย็นชื่นใจขนาดพกพาน่าหมํ่า

ตั้งแต่ อดีตเฉาก๊วยถูกนำมาทำเป็นของ หวานรับประทานกันอย่างแพร่หลาย คนไทยมักคุ้นกันเป็นอย่างดี มีมาตั้งแต่สมัยอากง อาม่า ยังเป็นเบบี๊ก็มีหาบขายให้เห็นจนชินตา จนถึงทุกวันนี้ลูกๆ หลานๆ ยังไม่หยุดดัดแปลงรูปแบบการโซ้ยเฉาก๊วยให้มีความ หลากหลายเพื่อเป็นทางเลือกให้กับขาหม่ำ รุ่นใหม่ ไม่ว่าจะใส่ในน้ำแข็งไส ซาหริ่ม ไอศกรีม โยเกิร์ต หรือแม้แต่ในชาไข่มุก เครื่องดื่มสุดฮิต พิสูจน์ให้เห็นว่า...ถึงจะดำ แต่ดำอย่างมีสไตล์ ไม่ว่ารุ่นไหนๆก็โดน!

หลาย คนคงคุ้นชินกับการกินเฉาก๊วยที่ลอยอยู่ในน้ำเชื่อม หรือตัดเป็นก้อนโรยหน้าด้วยน้ำตาลทรายแดง แต่วันนี้เจ๊แซบมีอีกหนึ่งรูปแบบการหม่ำที่ทำให้การโซ้ยเฉาก๊วยไม่ใช่เรื่อง ยุ่งยากอีกต่อไป เป็น "เฉาก๊วยพร้อมโซ้ย" ของร้าน "วิลาวัลย์เฉาก๊วย" หรือ "เฉาก๊วยพี่วิ" ร้านเก่าแก่ที่อยู่มานานกว่า 20 ปี!!!

แบบแก้ว

"สูตร เฉาก๊วยนี่แรกเริ่มพี่ได้มาจาก ป้า คือป้าสอนแม่พี่ แล้วแม่พี่ก็สอนพี่ อีกที แต่พอจะเปิดร้านขาย พี่ก็ต้องมาปรับสูตรของพี่ ปรับอยู่ 2-3 เดือนกว่าจะลงตัว จริงๆร้านพี่มีขายหลายอย่าง ทั้ง ลอดช่อง ซาหริ่ม ทับทิมกรอบ แล้วก็ของเชื่อม ขายมา 20 กว่าปี ส่วนเฉาก๊วยมาทีหลังเพิ่งจะมีมาได้ 20 ปี แล้วล่าสุดเมื่อ 5 ปีก่อนพี่ก็คิดทำเฉาก๊วยแบบใส่แก้วพร้อมกินเพื่อความสะดวกของลูกค้าค่ะ" เฉาก๊วย พร้อมโซ้ยของพี่วิจะผสมทุกสิ่งอย่างไว้ให้อย่างเสร็จสรรพ ซื้อเป็นแก้วแล้วเปิดโซ้ยได้เลย ไม่ต้องเติมน้ำเชื่อม ใส่ น้ำตาลให้ยุ่งยาก รสชาติไม่หวานเกินไป หนึบเหนียว เคี้ยวกำลังสนุก เหมาะสำหรับ การมีติดบ้านไว้เป็นของหวาน ของว่าง โซ้ยได้ทุกเพศทุกวัย หม่ำได้สามเวลา หรือจะซื้อมาสำหรับใส่บาตรทำบุญก็สะดวกสบาย ซื้อไปแจกญาติสนิทมิตรสหายก็เก๋ไก๋ ได้หน้าได้ตา (หุหุ)

ขั้น ตอนการ ทำเฉาก๊วยเริ่มจากนำต้นเฉาก๊วยมาล้างให้สะอาด พี่วิเลือกต้นเฉาก๊วยคุณภาพดี คัดมาสดๆ ใหม่ๆ ทุกวัน ทำแค่ พอขาย หมดแล้วหมดกันไม่ทำเพิ่ม

หลัง จากล้างต้นเฉาก๊วยจนสะอาดดั่งใจ จึงนำไปต้มในน้ำสะอาด พี่วิเผยเคล็ดลับความเหนียว ของเฉาก๊วยอยู่ที่ความใจเย็นในการต้ม ต้องค่อยๆต้มไฟอ่อนๆไปเรื่อย จนยางเฉาก๊วยออกมาอย่างช้าๆ จะทำให้เฉาก๊วย เหนียวเป็นธรรมชาติ ถ้าใจร้อนต้ม ไวคุณภาพยางที่ได้จะไม่ ดีไม่มีความหนึบ

ใน แต่ละวันพี่วิจะต้มต้น เฉาก๊วยทิ้งไว้ประมาณ 7 ชั่วโมง หลังจากต้มแล้วจะขยี้ต้นในน้ำอีกที ก่อนนำน้ำที่ได้ไปกรองเอาเศษออก เหลือแต่น้ำเฉาก๊วยล้วนๆ จึงนำมาต้มอีก ครั้ง ใส่แป้งมันสำปะหลังลงไปเล็กน้อย กวนให้เข้ากันจนกลายเป็นเนื้อเดียว และกวนต่อไปจนเดือดค่อยยกลงจากเตา เทใส่ปี๊บสำหรับขายส่ง และนำไปต้มต่อใส่น้ำตาลทรายขาวและกวนจนน้ำตาลเข้ากันเป็นอย่างดี ยกลงเตา เทใส่แก้ว ทิ้งไว้ 15 นาทีให้แข็งตัว พร้อมหม่ำได้ทันที!

แบบก้อน

ร้าน พี่วิจะมีเฉาก๊วยให้เลือก 2 ชนิด คือ "แบบปี๊บ" ตัดเป็นก้อนขายเป็นกิโล หรือจะยกเหมาทั้งปี๊บก็ได้ไม่ว่ากัน และ "แบบพร้อมโซ้ย" ใส่ แก้วขนาดกำลังเหมาะมือ ซื้อแล้วเปิดหม่ำได้เลยไม่ต้องใส่น้ำตาลหรือน้ำเชื่อม สะดวกสบาย คลายหิว

ทันที ที่พี่วิเริ่มทำเฉาก๊วยแบบแก้วออกจำหน่าย ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว แฟนคลับขาประจำบางคนสั่งทีเป็นร้อยแก้ว แล้วส่งไปให้ ญาติสนิท แอนด์ มิตรสหาย เป็นการกระจายความอร่อยแบบปากต่อปาก ใครอยากลองต้องมาแต่เช้าเพราะพี่วิทำขายไม่หวังรวย ทำแค่พอขาย พอกินในแต่ละวัน "พี่ทำไม่เยอะเท่าไหร่ ค่ะ ทำแค่ขายวันต่อวัน ไม่มีเหลือ บางวันเริ่มขายตอนเช้า ตอนเที่ยงๆก็หมดแล้ว" เจ๊แซบแนะนำให้โทร.มาจอง จะได้ไม่ต้องเซ็งเพราะอดโซ้ย

"วิลา วัลย์เฉาก๊วย" เป็นแผงขนมหวาน เล็กๆ ซ่อนตัวอยู่ในตลาดหนองไผ่ล้อม หลังตึกคอม อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น ถ้ามาไม่ถูกโทร.ถามทางได้ที่เบอร์ 0-4322-4758 และ 08-1592-7765 สำหรับขาโซ้ยที่ต้องการเฉาก๊วยจำนวนมากกรุณาโทร.สั่งล่วงหน้าเพื่อความ สบายใจไม่ต้องลุ้น นอกจากเฉาก๊วยพี่วิยังมีของหวาน และผลไม้เชื่อมอีกมากมายให้ เลือกหม่ำ แต่ต้องขออภัยเพราะที่ร้านไม่มีที่นั่งไว้บริการ ร้านพี่วิเปิดทุกวันไม่มีวันหยุด เริ่มขายตั้งแต่ 6 โมงเช้าถึง 2 ทุ่ม

ขา โซ้ยท่านใดที่กำลังกลุ้มอกกลุ้มใจ เกิดอาการร้อนใน ทำยังไงก็ไม่หาย ลองเฉาก๊วยเจ๊วิสัก 3-4 แก้ว เจ๊แซบรับประกันถ้าไม่หายร้อนในก็ได้ อิ่มแน่นอน (ฮา)

เจ๊แซบ หัวเขียว

ไทยรัฐออนไลน์

Read More...

สุดยอดก๋วยเตี๋ยว กระดูกหมูอ่อน เฮ้ย! อร่อย

สูตรทำอาหาร

สัปดาห์ นี้มีข่าวใหญ่ กรณี เซปรอน จะมีโครงการขุดเจาะหาแหล่งพลังงานบริเวณรอบเกาะสมุย พงันและเกาะเต่า หลายคนยังเป็นห่วง โครงการนี้ส่งผลทั้งสองด้านทั้งด้านการหาแหล่งพลังงานสำรอง ส่วนอีกด้านคือการส่งผลกระทบต่อธุรกิจท่องเที่ยว จะเห็นว่าทั้งสองด้านมีผลเสียมากกว่าผลได้ ประการแรก บริษัทที่ขุดเจาะ "เป็นต่างชาติ" ประการที่สอง แหล่งท่องเที่ยวที่ทำเงินให้ประเทศจะต้องเสียไป... แล้วมันจะคุ้มหรือไม่

เศรษฐกิจ ช่วงนี้แปลกๆ คนเหมือนจะมีเงิน แต่ไม่จับจ่ายใช้สอย ปล่อยให้หลายธุรกิจ ลมแทบจับแล้ว โดยเฉพาะร้านเล็กร้านน้อยส่งผลต่อรายรับเป็นอย่างมาก ส่วนคราวนี้อยากจะแนะนำร้านก๋วยเตี๋ยวอีกสักร้านเอาใจคนชอบกินหมู และเรื่องหมูๆ ร้านนี้ชื่อ เฮ้ย! อร่อย ... (เฮ้ยอร่อยจริงป่าวเนี้ย!!!) ร้านนี้ผมกินมาซัก 10 ปีเห็นจะได้ ร้านอยู่ริมบึง อากาศไม่ร้อนนั่งสบาย ครั้งแรกที่ไปกิน ก๋วยเตี๋ยวหมูชามละ 50 บาท (แพงมาก...ในความรู้สึก) แต่เมื่อได้กินเข้าไปแล้ว มีทั้งหมูแผ่นสับ กระดูดหมูอ่อน เครื่องใน ฝีไม้ลายมือไม่เป็นสองรองใครเป็นแน่ นับว่าเป็นเจ้ายุทธจักรได้เลย วันที่ไปกินพี่ที่เป็นเจ้าของร้านไม่อยู่ เลยจัดมาตามที่ผมชอบกินแล้วกัน

คราว นี้ของสั่งกินให้รู้ดีรู้เรื่องกันเลย ร้านนี้มีดีที่ซุปต้องเป็นเส้นเล็กต้มยำ ตามมาด้วยเกาเหลา(สิ่งที่นักการเมืองไทยไม่อยากกิน) กระดูดหมู ส่วนอีกชามคงต้องเป็นแห้งเครื่องเคราให้ครบ... มากับซีอิ้วดำ ทำให้รสชาติเข้าที่เข้าทาง มาดูเป็นจานๆ เส้นเล็กต้มย้ำเขาจะปรุงมาในระดับหนึ่ง แต่ยังไม่ใส่พริก สิ่งนี้แล้วแต่ชอบครับผม ถั่วของร้านนี้เขาคั่วเองไม่ต้องกลัวจะมีเชื้อรา ทำเป็นแบบวันต่อวันรักษาคุณภาพ ไม่เป็นมะเร็งให้ปวดร้าวใจ ที่สำคัญกระดูดหมูอ่อนนี้ต้มจนเปื้อยได้ที่ ไม่เละกัดเข้าไปได้น้ำได้เนื้อชุ่มกำลังดีครับ ส่วนตัวเส้นเล็กจะเป็นแบบเส้นที่มีขนาดใหญ่กว่าปรกติ หนึบๆ ดีครับ มาอีกจานเป็นเกาเหลา อันนี้ขอไม่บรรยาย กินจนลืมตายครับ ส่วนแห้งได้รสอีกแบบแต่เข็มข้น ถึงๆ ครับที่สำคัญมีหมูสับแผ่นเหมือยหมูปรุงรสมาด้วย เด็ดดีครับ เคยกินรสนี้ที่พนัสนิคม มาเจอครั้งนี้เดี๋ยวจะพาไปกินที่พนัส ร้านนั้นไม่ยิ่งหย่อนกว่าร้านนี้เช่นกัน ที่ร้านนี้ขึ้นชื่อเรื่องบลูเบอร์รี่ชีส อร่อยมากไม่เปรี้ยว เข้มข้น ถ้าไม่กล้วแม่จะว่าคงลุยหมดทั้งถาดแล้ว...ฮิฮิ

ไป มาสะดวกมาก มาทางพระรามเก้ามุ่งหน้าออกไปมอเตอร์เวย์ พอเข้าทางเข้าให้ชิดซ้ายออกไปทางคู่ขนาน แล้วขึ้นสะพานกลับรถ ข้ามมาอีกฝั่ง พอลงให้เลี้ยวซ้ายเข้าซอย เข้าไปประมาณ 200 เมตรจะเห็นป้ายทางขวามือให้เลี้ยวเข้าไปในร้านได้เลยครับ ง่ายๆ

Rating : ชาตินี้ต้องกิน (4 ดาว)

เรื่องและภาพโดย
ธนา ทุมมานนท์(เบย์พาเลส)

ไทยรัฐออนไลน์

Read More...

ตือฮวน จุกบี่ ความอร่อย จากอดีต

สูตรทำอาหาร

ถ้า ถามเด็กรุ่นนี้ว่ารู้จัก "ตือฮวน" หรือเปล่า คงได้คำตอบว่า "ไม่รู้จัก" มากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ นั่นซิครับ ตือฮวน เป็นอาหารจากอดีตที่คงอยู่มาถึงปัจจุบัน อรุณวรรณ เป็นร้านที่ยังคงอาหารประเภทนี้ไว้อย่างเหนียวแน่น เป็นอีกจานที่อยากให้ได้ชิมกัน...

ปลาหมึก "พอล" ทำลายขวัญสาวกเยอรมันเป็นอย่างมาก วันนี้ดันเข้าไปกินทางสเปน ผมเป็นศิษย์เก่า เทคนิค ไทย-เยอรมัน ทำให้ขวัญผวา เอาเป็นว่าคืนนี้เราจะต้องเชียร์กันให้ถึงที่สุด หลังจากฮอลแลนด์ทีมที่ผมเชียร์อีกทีมเข้าไปแล้ว ยืนรอที่จะโจ้กับใครสักคนระหว่าง เยอรมัน หรือ สเปน กว่าจะรู้ผลคงเป็นเช้าวันจันทร์แน่ๆ

เกี๊ยวทอด เด็ดขาด จริงจริง

หมูกรอบ ที่ไม่น่าจะพลาด ด้วยประการทั้งปวง

เป็น อีกวันที่อยากจะหาของกินที่ หายาก หรือ กำลังจะหายไป จนคนในปัจจุบันไม่คิดว่าจะหากินได้จากที่ไหน ผมได้กินตือฮวนครั้งแรก ตอนไปกินนำ้อ้อยร้านฉัตรประไพ (อยู่ที่แยกวังขุนพรหม) ร้านจะเป็นรถเข็นสามล้ออยู่หน้าร้าน ร้านนี้กินกับข้าวเหนียวจิ้ม ตือฮวน เป็นแกงผักกาดดองกับเครื่องในหมู ได้พริกไทยโรยกับน้ำส้มพริกตำ จะเด็ดมากครับ มาร้านนี้ "อรุณวรรณ" เป็นอีกร้านที่ยาวนานมาก เปิดตั้งแต่ปี 2508 จนถึงปัจจุบัน เมื่อก่อนขายอยู่สวนมะลิ คนรู้จักอาหารประเภทนี้น้อยลงจนผมใจหาย กว่าจะหาได้สักร้านเกือบพลิกแผ่นดิน คราวนี้พาน้องๆจากบริษัทมากินทั้งแป้ม และ พลอย เจ้าของหน้าไลฟ์สไตล์ มากินดู แต่แป้มเคยกินแล้วตั้งแต่เล็ก (แต่ไม่ใช่ร้านนี้) ส่วนพลอยครั้งแรกในชีวิต เอ้าลองดู ไม่ลองไม่รู้

ถ้าตือฮวนคือพระเอก จุกบี่ คงต้องเป็นนางเอกของอาหารจานนี้

หัวใจของร้านนี้ ตือฮวน ยากที่จะหาที่ติ

ข้าวหมูกรอบ

มา ถึง ผมเปิดฉากสั่ง ตือฮวน ของชอบของผมไม่เปิดโอกาสให้ใครสั่งก่อน ตามด้วยหมูกรอบ เกี๊ยวกรอบ ข้าวเหนียว(จุกบี่) เกาเหลา ครบ ส่วนแป้มตามมาติดๆ ส่วนพลอยขอไว้ก่อน สั่งแต่ข้าวหมูกรอบ แต่ขอซดน้ำแกงเสียหน่อย พอมาเสิร์ฟจะต้องบรรเลง หมูกรอบจิ้มน้ำซีอิ๊วดำหวาน หมูกรอบไม่มันจนเกินไป ส่วนหนังหมูต้องกรอบ คือ กรอบได้ใจ ไม่แข็งจนเคี้ยวไม่ออก พอเอาตือฮวนมาเสิร์ฟให้ เครื่องในถือว่าร้านนี้ทำเป็น ไม่ขม ไม่คาว ทำให้เสียรสเสียชาติ หันกลับมามองแป้ม ไม่พูดไม่คุย ตะลุยอย่างเดียว (น้องๆ เบาๆ) ส่วนข้าวหมูกรอบ จะวางหมูมาบนข้าว กินกับน้ำจิ้มซีอิ๊วดำหวาน (ต้องทำใจก่อนนะ เพราะร้านนี้ไม่ใช่ร้านข้าวหมูแดงหมูกรอบ จะได้มีน้ำราดมาด้วย) กินกันแบบได้น้ำได้เนื้อของหมูกันเลย กินไปกินมาติดคอต้องหาน้ำแกงซดให้ชื่นใจ พลอยพอลองกินน้ำแกงของ ตือฮวน ถึงร้อง (รู้แบบนี้สั่งแล้ว อร่อยมากๆๆๆ) เอาเป็นว่าพวกเราอิ่มอร่อยร้านนี้มากครับ ไม่อยากให้หลายๆท่านพลาดร้านนี้ เขามีหลายเมนูทั้งก๋วยเตี๋ยวหมู ใส่เครื่องใน และ บะหมี่ (ผมก็ชอบบะหมี่แห้งร้านนี้น่ะ) ไปกินกันครับ

เครื่องเคราครบ

เจ้าของร้านจ๊ะ

ร้านอรุณ วรรณ อยู่บนถนนเอกมัย ถ้ามาจากเพชรบุรี ตรงไปอย่างเดียว ร้านอยู่ที่ปากซอยเอกมัย 15 ตรงข้าง Season ร้านอยู่ทางซ้ายมือ ไปง่ายมาก แต่ไม่ถึงแยกที่เลี้ยวไปทองหล่อซอย 10 ครับ ถึงก่อนเยอะ โทรไปก่อนถ้าหาไม่เจอ ที่ 023925301

เรื่องและภาพโดย
ธนา ทุมมานนท์ (เบย์พาเลส)

Read More...

กะทิขั้นเทพ!! ซาหริ่มโบราณ แม่ละเอียด เส้นเหนียวนุ่ม น้ำกะทิหอมสุดใจ

สูตรทำขนม

หวาน ละมุนหอมละไม

ซา หริ่มของหวานทานง่ายสบายเหงือกอยู่คู่กับคนไทย มานานแสนนาน เส้นซาหริ่มมีสีสันสดใสลอยเบาๆอยู่ในน้ำกะทิดูน่ารักน่าเอ็นดู น่าเสียดายที่ปัจจุบันหาซาหริ่มอร่อยได้ยากเต็มที ด้วยความเร่งรีบของผู้คนทำให้ บางร้านลดขั้นตอนการทำที่ยุ่งยากวุ่นวายลง ความอร่อยและเสน่ห์แบบซาหริ่มโบราณก็ลดลงตามไปด้วย

สำหรับขาโซ้ยที่ คิดถึงเส้นนุ่มๆ น้ำกะทิหอมๆ ของซาหริ่มแบบดั้งเดิม วันนี้เจ๊แซบมีร้านซาหริ่มแสนอร่อยหอมกลิ่นกะทิอบเทียนลอยมาแต่ไกล ชื่อร้าน "ซาหริ่มโบราณ แม่ละเอียด" ของ "คุณน้องนุช" ผู้สืบทอดรุ่นที่สองต่อจาก "คุณยายละเอียด" ผู้บุกเบิกเปิดทางมาตั้งแต่สมัยเป็นสาวๆ คุณยายแอบกระซิบที่มาที่ไปของสูตรซาหริ่มที่ได้มาแบบบังเอิ๊ญ...บังเอิญ

"สมัย ยายเป็นสาวๆ ยายเปิดร้านทำผมอยู่ที่ปราจีนบุรี อยู่ตรงสถานีรถไฟ ตอนนั้นมีภรรยาผู้บังคับบัญชาการทหารคนนึงมาทำผมที่ร้านยาย อู๊ยยย... ตอนนั้นร้านทำผมยาย ดังมาก นางสาวไทยยังมาทำเลย เมื่อก่อนยายทำผมได้วันละตั้ง 2,000 บาท" (...ยังไม่เข้าเรื่องซาหริ่ม...รออีกนิด...หุหุ) "(ต่อ)...ทีนี้...ยายก็ได้ สูตรทำซาหริ่มมาจากภรรยาผู้บังคับบัญชาการทหารคนนั้นแหละ" อ๋อออออ... "คุณนายเขามาทำผมกับยายทุกวัน เราก็เลยคุยกันว่าเขาทำซาหริ่มเป็น ยายก็ขอเรียนกับเขา เขาก็บอกหมดเลย ยายก็มาลองทำเอง ไม่ได้ทำขายนะ ทำกินเองในบ้าน ฝึกทำไม่นานนะ ทำครั้งแรกก็อร่อยเลย" คุณยายละเอียดเล่าอย่างละเอียดและเป็นกันเองมั่กๆ!!

คุณแม่ละเอียดและคุณน้องนุช

ร้าน ซาหริ่มโบราณคุณยายละเอียดเป็นร้านเล็กๆ ที่เพิ่งเปิดมาได้ไม่นาน บริหารงานโดยคุณน้องนุชหลานสาวคนสนิทที่ทำหน้าที่สืบทอดมรดกแสนหอมหวาน หลายคนอาจจะสงสัยร้านนี้เปิดมาไม่นานทำไมถึงมีแฟนคลับเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เปิดขายตอนเช้า บ่ายๆก็หมดเกลี้ยง คุณน้องนุชไขข้อข้องใจ "ที่หมดเร็ว ...เพราะเราทำไม่เยอะค่ะ" (ฮา)

คุณน้องนุชอธิบายเพิ่มเติมถึง เหตุผลที่ทำไม่เยอะเพราะทุกอย่างต้องทำสดๆ ขายแค่วันต่อวัน โดยเฉพาะ "น้ำกะทิ" ต้องทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจ คุณน้องนุชบอกว่ากว่าจะได้น้ำกะทิหอมหวานแบบดั้งเดิมแท้ๆต้องใช้เวลาถึง 4 วัน 3 คืน!!!

ขั้นตอนการทำน้ำกะทิที่แสนละเอียดอ่อน เริ่มต้นตั้งแต่นำน้ำกรองสะอาดมาลอยดอกมะลิและดอกกระดังงาทิ้งไว้ 1 วัน กับอีก 1 คืน ย้ำว่าต้องเป็นน้ำกรองสะอาดเท่านั้น น้ำประปาธรรมดาจะมีกลิ่นคลอรีนปะปนทำให้เสียรส ดอกไม้ที่ใช้ในการอบมั่นใจได้ว่าสะอาดปราศจากสารพิษ เพราะปลูกเอง เก็บเอง อบเอง ไม่ต้องห่วงเรื่องยาฆ่าแมลง

ทำจริง อร่อยจัง

หลัง จากได้น้ำดอกไม้หอมชื่นใจ คุณน้องนุชจะนำน้ำที่ได้มาทำน้ำเชื่อมโดยใช้น้ำตาลทรายเคี่ยวจนละลาย กลิ่นน้ำดอกไม้จะเพิ่มความหอมให้น้ำเชื่อมอย่างแรง ซดแล้วแสนสดชื่น

น้ำ ดอกไม้อีกส่วนจะนำมาคั้นกับมะพร้าวแก่ ทำหัวกะทิสด คุณน้องนุชบอกว่าน้ำที่ใช้คั้นกะทิต้องเป็นน้ำดอกไม้เท่านั้น ถ้าเป็นน้ำเปล่าคุณยายไม่ให้ขาย!

หัว กะทิที่ได้จะนำไปอบควันเทียนทิ้งไว้ 1 คืน ก่อนจะนำมาเคี่ยวกับน้ำเชื่อมที่ผสมไว้เรียบร้อย เคี่ยวจนกะทิและน้ำเชื่อมละลายเข้ากันจนได้ที่ จึงนำไปอบเทียนทิ้งไว้อีก 1 คืน ตื่นมาจึงจะเปิดหม้อรอขาย สรุปรวมเวลาในการปั้นแต่งน้ำกะทิทั้งสิ้น 4 วัน 3 คืนเต็ม ใครที่อยากลองว่าของเค้าหอมแค่ไหน แนะนำให้รีบไปแต่เช้า ถ้าไปช้าอาจจะหมดอดหม่ำ (หุหุ)

เส้นซาหริ่มร้านนี้มีให้เลือก 3 สี ขาว ชมพู และเขียว เส้นเหนียว นุ่ม ละมุนลิ้น

กินแล้วไม่กระด้าง โดยเฉพาะสีเขียวจะมีกลิ่นหอมอ่อนๆของใบเตย คุณน้องนุชใช้ใบเตยสดๆ

มาคั้นเอา แต่น้ำมาผสมกับแป้ง เพิ่มทั้งสีสันและความหอมแบบธรรมชาติ

ทุก วันนี้คุณน้องนุชทำหน้าที่ดูแลทุกขั้นตอนการทำด้วยตัวเอง ด้วยความรักในการทำอาหาร บวกกับความภูมิใจในความหอมอร่อยของซาหริ่มคุณยาย ทำให้ตัดสินใจหันหลังให้งานประจำ ออกมาทำร้านอาหารเล็กๆของตัวเอง เพียงเวลาไม่นานที่เปิดบริการความหอมหวาน ชื่อเสียงเริ่มขจรขจายออกไปในวงกว้าง ขยายฐานลูกค้าแบบปาก ต่อปาก จนทุกวันนี้ต้องขยายขนาดตู้ และทำเพิ่มจากเดิม แต่ก็ยังไม่เพียงพอต่อความ ต้องการของลูกค้า เจ๊แซบแอบกระซิบถ้าไม่อยากมาแล้วเสียอารมณ์เพราะของหมดอดหม่ำ กรุณามาแต่เช้า หรือโทร.สั่งล่วงหน้าที่เบอร์ 08–5825 –3777 เบอร์เดียวเท่านั้น!!

หน้าร้านเล็กๆแต่อร่อย จริง

ขา หม่ำที่อยากสั่งจำนวนมากเพื่อเลี้ยงพระ หรือเลี้ยงเพื่อน กรุณาโทร.สั่งล่วงหน้าอย่างน้อย 2 วัน เพราะต้องเผื่อเวลาทำน้ำกะทิ ทางร้านขายปลีกแยกเป็นกล่องๆ และขายส่งเป็นกิโล สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้สำหรับผู้ที่สนใจติดต่อไปขาย

สถานที่ ตั้งของความหอมขั้นเทพอยู่ที่ถนนบางนา–ตราด ตรงข้ามกับราม 2 ข้างๆห้างนัมเบอร์วัน พลาซ่า เปิดตั้งแต่ 9 โมงเช้า ถึง 1 ทุ่ม แต่บ่ายๆอาจจะหมด กรุณาโทร.ถามก่อนมาถ้าไม่อยากอารมณ์เสีย

ดับความร้อนระอุของสถานการณ์ บ้านเมืองด้วยซาหริ่มคุณยายละเอียด แล้วจะรู้ว่าความหอมหวานแบบไทยๆ แสนละเมียดละไมไม่มีชาติใดเหมือน!!!

เจ๊แซบ หัวเขียว

ไทยรัฐออนไลน์

Read More...

"เทียนซ้ง" เป็ดย่างหนังกรอบ เนื้อนุ่ม

สูตรทำอาหาร

บรรยากาศภายในร้านเทียนซ้ง

ใน ละแวกกรุงเทพฯ ของเรา ก็มีร้านอาหารอร่อยๆ หลากหลายร้านให้เลือกกินกันไม่หวาดไม่ไหว ทั้งที่เปิดขายกันตอนกลางวัน เปิดขายกลางคืน เปิดโต้รุ่งยันเช้า อย่างวันนี้ "ผ่านมาแวะกิน" ก็จะขอพามาลองชิมเป็ดย่างอบน้ำผึ้งแสนอร่อย ที่ร้าน "เทียนซ้ง" ซึ่ง เปิดขายกันตั้งแต่สว่างยันค่ำ เรียกว่ากินกันได้ตั้งแต่มื้อเช้า มื้อกลางวัน ยันมื้อเย็นเลยทีเดียว

สมภพ คณารักษ์ เจ้าของร้านเทียนซ้ง

ร้านเทียนซ้งเปิดให้นักกินได้มาลิ้มลองของอร่อยกันแล้วกว่า 64 ปี โดยคุณ สมภพ คณารักษ์ เจ้าของร้านคนปัจจุบัน ได้สืบทอดกิจการมาจากคุณพ่อ ซึ่งต้นตำรับความอร่อยนั้นเป็นสูตรจากฮ่องกง ที่ทำให้ลูกค้าติดอกติดใจกับรสชาติอาหารมาอย่างยาวนาน

เป็ดย่าง

มา ถึงร้านแล้ว ก็พลาดไม่ได้ที่จะสั่งเมนูทีเด็ดของร้านอย่าง เป็ดย่าง (ตัวละ 320 บาท, ครึ่งตัว 160 บาท) ทางร้านใช้เป็ดเชอรี่ ขนาดตัวละประมาณ 3 กก. ผ่าท้องเอาเครื่องในออกล้างให้สะอาด จากนั้นใส่น้ำตาลทราย น้ำผึ้ง ผงพะโล้ เกลือ และเหล้าจีน ลงในท้องเป็ด แล้วนำเป็ดมาแขวนใช้พัดลมเป่าหนังเป็ดให้แห้ง ประมาณ 4 – 5 ชม.จากนั้นก็นำไปย่างจนเป็ดสุกได้ที่ อีกสิ่งที่ช่วยชูรสความอร่อยของเป็ดย่างก็คือ น้ำราดเป็ด ซึ่งทางร้านทำขึ้นมาเป็นพิเศษ กินแล้วเข้ากันดี เป็ดเนื้อนุ่ม หนังกรอบ ไม่มีกลิ่นสาบ น้ำราดออกเค็มๆ หวานๆ กินกับน้ำจิ้มซีอิ๊วดำ ยิ่งทำให้อร่อยมากขึ้น

หมูแดง-หมูกรอบ

มา ต่อด้วยของอร่อยอีกอย่างหนึ่งของร้าน หมูแดง (กก.300 บาท) ที่ใช้สะโพกหมูมาหั่นเป็นเส้นยาว หมักด้วยน้ำตาลปี๊บ น้ำผึ้ง ซีอิ๊วดำ และสีผสมอาหาร ทิ้งไว้ประมาณ 4 ชั่วโมง จากนั้นนำมาย่าง ทำให้ได้กลิ่นหอมของหมูแดง เนื้อหมูก็มีความนุ่ม ไม่เหนียว รสชาติออกหวานนิดๆ กินคู่กับน้ำราด และน้ำจิ้มซีอิ๊ว

เปลี่ยนมาชิมเมนู หมูกรอบ (กก. 300 บาท) กันบ้าง หมูกรอบของที่นี่ใช้เนื้อหมูสามชั้นอย่างดี แล้วใช้เกลือผสมกับผงพะโล้ มาทาในส่วนที่เป็นเนื้อหมู จากนั้นก็ลงเตาย่างประมาณครึ่งชั่วโมง เอาขึ้นมาพัก แล้วใช้เกลือ ผงพะโล้ และมะนาว ทาในส่วนที่เป็นหนัง แล้วนำลงไปย่างจนสุกทั่ว ทำให้ได้หมูกรอบที่มีน้ำมันเหลือน้อย หนังกรอบ เนื้อนุ่ม รสชาติเค็มเล็กน้อย กินคู่กับน้ำราด และน้ำจิ้มซีอิ๊วเช่นกัน

หมูสะเต๊ะ

มา ลองชิมเมนูกินเล่นอย่าง หมูสะเต๊ะ (ไม้ละ 4 บาท) ทางร้านใช้เนื้อหมูส่วนสะโพกหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วเสียบไม้หมักด้วยส่วนผสมสูตรพิเศษ จากนั้นนำมาย่างด้วยเตาถ่านจนสุก ได้หมูสะเต๊ะเนื้อนิ่ม กลิ่นหอม จิ้มกับน้ำจิ้มหมูสะเต๊ะสูตรเฉพาะ ที่มีรสหวาน เค็ม เผ็ด กลมกล่อม และแก้เลี่ยนด้วยอาจาดเปรี้ยวๆ หวานๆ

ถ้าหากอยากจะสั่งข้าวมากินบ้าง ก็มีเมนูแนะนำอย่าง ข้าวหน้า เป็ด (30 บาท พิเศษ 40 บาท) ข้าวหมูกรอบ (30 บาท พิเศษ 40 บาท) หรือจะสั่งรวมกันก็ได้ (1 อย่าง 30 บาท, 2 อย่าง 40 บาท) และมีเมนูอื่นๆ ที่น่ากินอีก อาทิ บะหมี่เป็ด (35 บาท) มะระ ตุ๋น (30 บาท) เป็ดตุ๋นมะนาวดอง (30 บาท) ขา หมูยัดไส้ (กก.ละ 300 บาท) ติ่มซำ (เข่งละ 20 บาท) กาแฟเย็น (15 บาท) ถ้านักกินท่านใดคิดถึงเป็นย่างอร่อยๆ ก็ลองแวะเวียนมาชิมกันได้ที่ร้าน "เทียนซ้ง" แห่งนี้

ร้าน "เทียนซ้ง" ตั้งอยู่ที่ เลขที่ 168-172 ถ.ดินสอ แขวงเสาชิงช้า เขตพระนคร กทม. การเดินทางจาก ถ.ดินสอ ตรงมาทางศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร จะเห็นร้านเทียนซ้งตั้งอยู่ทางขวามือ ตรงข้ามกับศาลาว่าการฯ เปิดทุกวัน เวลา 8.00 – 20.30 น. ทางร้านรับออกงานนอกสถานที่ด้วย (เฉพาะข้าวหน้าเป็ด-ข้าวหมูแดง-หมูกรอบ) โทร.0-2224-4554

ขอขอบคุณ

www.manager.co.th

Read More...

กินขนม ‘หน้าแตก’

สูตรทำขนม

ใคร เป็นนักชิมลิ้นเบเกอรี่ที่ชื่นชอบคุกกี้ ขนมอบผสมนมเนยจากครัวฝรั่ง วันนี้ ‘เดลินิวส์ออนไลน์’ มีขนมอบที่มีหน้าตาละม้ายคล้ายคุกกี้ ที่เรียกว่า ‘ขนมหน้าแตก’ หรือ ห่าบโถว่โซ้ว ขนมอบพื้นเมืองของภูเก็ต มาแนะนำตัวให้รู้จักกัน

ขนม หน้าแตก ดูเผิน ๆ นึกว่าคุกกี้เนย มีสีเหลืองนวล ด้านใต้ของชิ้นขนมมักมีสีเข้มเกือบน้ำตาล แต่รสสัมผัสของขนมหน้าแตกจะค่อนข้างกรุบกรอบ เนื้อขนมไม่ละเอียดมากนัก มีรสหวานปนเค็มเล็กน้อย โดยกลิ่นหอมส่งออกมาจากแป้งและไข่ที่อยู่ในส่วนผสม มีทั้งที่ทำแบบโรยงาขาวและไม่โรย

ขนมหน้าแตกเคี้ยวเพลิน ๆ นี้ คนเก่าคนแก่เล่ากันว่าเป็นขนมโบราณของชาวจีนกวางตุ้ง และเหตุที่นิยมในภูเก็ตก็เพราะเป็นเมืองที่มีชาวจีนมาปักหลักตั้งถิ่นฐาน จึงนำเอาวัฒนธรรมอาหารเข้ามาด้วย

สำหรับส่วนผสมในการทำขนมหน้าแตก ประกอบด้วย แป้งสาลีอเนกประสงค์ 1 ถ้วยตวง ไข่ไก่ 2 ฟอง (ฟองหนึ่งทำเนื้อขนม อีกฟองทาหน้าขนม) น้ำตาลทราย 6 ช้อนโต๊ะ น้ำมันพืช1/4 ถ้วยตวง ผงฟู 1/2 ช้อนชา เบกกิ้งโซดา(โซดาไบคาร์บอเนต) 1/8 ช้อนชา เกลือป่น 1/8 ช้อนชา และงาขาว(มีหรือไม่มีก็ได้)

ขั้นตอนในการทำ เริ่มจากร่อนแป้งผสมผงฟูและเบกกิ้งโซดา จากนั้นทำเป็นหลุมตรงกลางแป้งแล้วตอกไข่ใส่ลงไป ตามด้วยน้ำตาลทราย น้ำมันพืช เกลือ แล้วจึงใช้มือเคล้าส่วนผสมทั้งหมดเบา ๆ อย่านวดแป้ง

หลัง จากเคล้าแป้งจนเป็นเนื้อเดียวกันจึงคลึงแป้งแบ่งให้เป็นลูกกลม ๆ ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 2 นิ้ว กดให้แบนลบถาดอบ ทาหน้าด้วยไข่แดง แล้วนำไปอบด้วยอุณหภูมิ 400 องศาฟาเรนไฮต์ นาน 20 นาที ก็จะได้ขนมหน้าแตกหอม ๆ กรุบ ๆ ไว้รับประทาน.