สูตรขนม สูตรอาหาร อาชีพรายได้เสริม ประกาศฟรี โฆษณาฟรี Career Articles Extra Income
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

Drop Down MenusCSS Drop Down MenuPure CSS Dropdown Menu

ปารณีย์ โฮลี่สวีท ขนมบูชาพระพิฆเนศ ธุรกิจจากความเชื่อ ขายดีด้วยแรงศรัทธา

“โอกาสในการขาย รวมถึงที่มาของรายได้ คุณมงกุฎ บอกว่า วันธรรมดาผู้ที่ศรัทธาองค์เทพดังกล่าวมักจะสักการะขอพรตามปกติ วันขายดีเป็นพิเศษเป็นวันฤกษ์ดี อาทิ มหาทรัพย์จะบูชาเดือนละ 1-2ั้ครั้งั้เทศกาลคเณศจตุรถีหรือวันคล้ายวันประสูติพระพิฆเนศั้ซึ่งจัดขึ้นทุกปี รวมถึงมีผู้บูชาด้วยเหตุผลทางการค้า หรือ เหตุผลส่วนตัวั้เช่นั้เปิดบริษัทใหม่ เปิดกล้องถ่ายทำภาพยนตร์-ละคร การแก้บน ขอพรต่างๆ ฯลฯ บ่งบอกว่าขนมนี้มีโอกาสขายได้ทุกวัน”

ความเชื่อ และแรงศรัทธาของคนนำพาให้เกิดธุรกิจหลายต่อหลายอย่าง บ้างล้มหายตายจากไป บ้างก็อยู่รอด หรือบางทีเติบโตชนิดสวนกระแสเศรษฐกิจแบบสุดๆ

เส้นทางเศรษฐีฉบับนี้ มีหนึ่งธุรกิจที่เกิดจากความศรัทธา และเชื่อในบารมีขององค์พระพิฆเนศ นั่นคือ การทำขนมสำหรับบูชาเทพองค์ดังกล่าว ซึ่งระยะเวลาเพียง 1 ปี กิจการรุ่งเรือง มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักของคนในแวดวงทำขนมบูชาเทพ นับว่าเป็นหนทางสร้างรายได้ที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว

หยิบตำนานขนม ทำธุรกิจ กระแสตอบรับดีเกินคาด

คุณมงกุฎ สิงหนันท์ แฟนหนุ่มฐานะหุ้นส่วนกิจการ เล่าว่า คุณปารณีย์ ภิญโญทรัพย์ หรือ คุณกี้ แฟนสาว ก่อนหน้านี้ทำมาแล้วหลายอาชีพ ล่าสุด เปิดร้านเสริมสวยก็ไม่ประสบความสำเร็จ เลยหันหน้าเข้าวัดไปถือศีลระยะหนึ่ง ในช่วงเวลาดังกล่าวปรึกษาหารือกัน จนลงตัวว่าจะทำขนมใช้สำหรับบูชาพระพิฆเนศ แต่ต้องเป็นขนมโมทะกะ และขนมลาดูเท่านั้น เลยไปร่ำเรียนกับผู้รู้ ด้วยศรัทธาอันแรงกล้าทำให้ใช้เวลาฝึกฝนไม่นาน สามารถทำขนมในตำนานออกมาได้สำเร็จ

ทำไมต้องเป็นขนมสำหรับบูชาองค์พระพิฆเนศ แถมเฉพาะขนมโมทะกะ และขนมลาดู คุณมงกุฎ แสดงทัศนคติว่า นับถือองค์เทพดังกล่าวเป็นการส่วนตัว ส่วนสาเหตุที่เลือกขนม 2 ชนิดนี้ มาจากความฝันของแฟนสาวที่ได้ไปเห็นกรรมวิธีการทำ อีกทั้งตามตำนานแห่งพราหมณ์ และฮินดูเชื่อกันว่า ขนมโมทะกะ และขนมลาดู คือ สุดยอดขนมที่องค์พระพิฆเนศโปรดปรานมากที่สุด ที่สำคัญ แม้แต่ย่านอินเดียทาวน์ ถนนพาหุรัด วัดแขกที่สีลม ย่านเสาชิงช้า ที่ว่าเป็นแหล่งขายขนมบูชายังไม่มีจำหน่าย เลยนับว่าเป็นการเปิดตัวที่ดี



ภายหลังไปร่ำเรียนกับอาจารย์ท่านหนึ่ง จนได้สูตรขนมมงคล 2 ชนิดนี้มา คุณกี้ทำขายภายใต้แบรนด์ “ปารณีย์ โฮลี่สวีท” เจ้าของกิจการ บอกว่า เน้นลูกค้าเฉพาะกลุ่ม สักพักเริ่มได้รับความนิยม โดยลูกค้าเก่าหวนกลับมาซื้อ รวมถึงบอกต่อ ทำให้มีลูกค้าหน้าใหม่ สุดท้ายกลายเป็นลูกค้าขาประจำ วางขายครั้งแรกเดือนพฤษภาคม 2552 ราวเดือนสิงหาคมยอดขายเพิ่มขึ้น 10 เท่าตัว

ราวกับว่าความต้องการในตลาดนั้นมีอยู่แล้ว เพราะไม่ว่ายุคสมัยใดผู้คนต่างให้ความเคารพและศรัทธาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ยิ่งเป็นขนมมงคลที่หาซื้อยาก ลูกค้าจึงไม่ปฏิเสธ “ขนมโมทะกะ และขนมลาดู ที่ทางร้านทำถูกต้องตามแบบฉบับโบราณทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นส่วนผสม หรือกรรมวิธีการผลิต ใช้วัตถุดิบอย่างดี อาทิ เนย แป้งเบซาน น้ำมันเนย นำเข้าจากประเทศอินเดียซึ่งขนมโมทะกะ ภายนอกมีสีขาว ทรงกลม ยอดแหลม ด้านในมีไส้ รสชาติหวานกำลังดี ส่วนขนมลาดู เป็นขนมทรงกลม บรรจงปั้นด้วยมือ ทำจากแป้งถั่วชนิดพิเศษ สีออกเหลืองๆ ข้างนอกจะแข็งกว่าข้างในเล็กน้อย รสชาติไม่หวานจัด ที่สำคัญ ไม่ใส่วัตถุกันเสีย”

ผลการตอบรับจากการขายลูกค้าเฉพาะกลุ่ม ถูกบอกเล่าปากต่อปากกระทั่งขยายไปยังผู้ที่ศรัทธาทั่วไป ส่งผลให้ขนม 2 ชนิดนี้ ยอดขายเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว แต่ด้วยข้อจำกัดอายุของขนมโมทะกะที่สั้นเพียง 3 วัน ถือเป็นจุดอ่อนเวลาส่งลูกค้าต่างจังหวัด ประกอบกับให้ผู้ที่สนใจร่วมทำธุรกิจ คุณมงกุฎเลยหันมาเปิดรับตัวแทนจำหน่าย รวมถึงเข้าสู่ระบบแฟรนไชส์

ขยายกิจการเป็น 2 ระบบ

ตัวแทนจำหน่าย-แฟรนไชส์
นอกจากตัวแทนจำหน่ายที่สามารถเข้ามารับขนมไปจำหน่ายเฉพาะเทศกาล ยังมีแฟรนไชส์ 3 รูปแบบ คือ Mini shop ใช้เงินลงทุน 50,000 บาท ได้สิทธิ์การขายขนมลาดูและขนมโมทะกะ โดยรับขนมในราคาส่ง กล่องละ 125 บาท ไม่รวมค่าจัดส่ง สามารถนำไปจำหน่ายต่อ โดยขนมลาดูจำหน่ายต่อในราคากล่องละ 349 บาท ได้กำไรกล่องละ 224 บาท ขนมโมทะกะจำหน่ายกล่องละ 549 บาท ได้กำไรกล่องละ 424 บาท

รูปแบบที่ 2 Remote shop ใช้เงินลงทุน 75,000 บาท ได้สิทธิ์การขายขนมลาดู พร้อมอบรมการทำขนมโมทะกะ ได้อุปกรณ์การทำทั้งหมด และวัตถุดิบจำนวนหนึ่ง สุดท้าย Perfect shop หรือเปิดร้านเต็มรูปแบบ ใช้เงินลงทุน 150,000 บาท ใช้พื้นที่ 16 ตารางเมตร ทางบริษัทจะเข้าไปตกแต่งร้านให้ ให้อุปกรณ์และสอนทำขนมโมทะกะ พร้อมทั้งอนุญาตให้ขายสินค้าอื่นที่เกี่ยวเนื่อง อาทิ เทวรูป เครื่องหอม หนังสือซีดีดีวีดีภาพยนตร์เกี่ยวกับตำนานมหาเทพั้เว้นแต่ห้ามขายขนมชนิดอื่น และต้องรับวัตถุดิบบางอย่างกับต้นสังกัด ซึ่งทุกรูปแบบการลงทุน ทางบริษัทจะช่วยทำสื่อประชาสัมพันธ์ให้ ไม่เสียค่าใช้จ่าย



สำหรับโอกาสในการขาย รวมถึงที่มาของรายได้ คุณมงกุฎ บอกว่า วันธรรมดาผู้ที่ศรัทธาองค์เทพดังกล่าวมักจะสักการะขอพรตามปกติ วันขายดีเป็นพิเศษเป็นวันฤกษ์ดี อาทิ มหาทรัพย์จะบูชาเดือนละ 1-2ั้ครั้งั้เทศกาลคเณศจตุรถีหรือวันคล้ายวันประสูติพระพิฆเนศั้ซึ่งจัดขึ้นทุกปี รวมถึงมีผู้บูชาด้วยเหตุผลทางการค้า หรือเหตุผลส่วนตัวั้เช่นั้เปิดบริษัทใหม่ เปิดกล้องถ่ายทำภาพยนตร์-ละคร การแก้บน ขอพรต่างๆ ฯลฯ บ่งบอกว่าขนมนี้มีโอกาสขายได้ทุกวัน

ในด้านการตรวจสอบคุณภาพสินค้า ฐานะเจ้าของแฟรนไชส์ มีวิธีจัดการอย่างไร ได้คำตอบว่า จะใช้วิธีสุ่มซื้อ หากพบว่ามีเครือข่ายผลิตขนมไม่ตรงตามสูตร ไม่ได้มาตรฐาน หรือไม่จำหน่ายในราคาที่ได้กำหนดไว้ นั่นคือ ขนมโมทะกะ จำหน่ายราคากล่องละ 549 บาท ขนมลาดู 349 บาท จะว่ากล่าวตักเตือน หากยังไม่แก้ไข จะยึดสิทธิ์การเป็นตัวแทนจำหน่ายทันที

นอกจากขนมมงคล จะอาศัยความเชื่อ และแรงศรัทธาของผู้ซื้อแล้ว คุณมงกุฎ ระบุ หัวใจสำคัญของกิจการดังกล่าว ต้องอาศัยคุณธรรมและจริยธรรมควบคู่ ฉะนั้น ตัวแทนจำหน่ายหรือผู้ที่สนใจ ต้องประพฤติปฏิบัติตัวดี ไม่เบียดเบียนผู้อื่น เชื่อว่าจะส่งเสริมให้กิจการยั่งยืนและเติบโตได้ขายดี ยอดไม่ตก

ไอเดียนี้ ต่อยอดได้

แม้กิจการเล็กๆ จะเปิดมาได้ปีเศษ แต่มีผู้สนใจ รวมถึงให้การยอมรับไม่น้อย วัดจากจำนวนแฟรนไชส์ที่กระจายไปทั่วประเทศ ทั้งสิ้น 12 สาขา อาทิ นนทบุรี ชลบุรี สุราษฎร์ธานี สระบุรี นครราชสีมา พิษณุโลก สมุทรปราการ ปทุมธานี ฉะเชิงเทรา เชียงใหม่ กรุงเทพฯ นับว่าขนมดังกล่าวจะเป็นตัวอย่างให้ขนมอื่นในตำนานได้แจ้งเกิดเลยทีเดียว

ในส่วนของคู่แข่ง คุณมงกุฎ บอกว่า ปัจจุบันเท่าที่สำรวจยังไม่มีใครทำขนมโมทะกะ เลยถือว่าเป็นเจ้าแรก ส่วนขนมลาดู ตามท้องตลาดมีวางจำหน่ายกันมาก แต่จุดแข็งของแบรนด์ ปารณีย์ โฮลี่สวีท อยู่ที่การเลือกใช้วัตถุดิบอย่างดี นำเข้าจากประเทศอินเดีย กระบวนการผลิตทุกขั้นตอนปฏิบัติถูกต้องตามตำนาน แต่หากวันหนึ่งมีผู้ศึกษาและทำตาม จะครองความเป็นเบอร์หนึ่งด้วยคุณภาพ รักษาฐานลูกค้าให้ยั่งยืนด้วยมิตรภาพ การบริการ รวมถึงแผนการใช้สื่อประชาสัมพันธ์ทุกรูปแบบ

ทุกวันนี้ทางด้านยอดขาย เจ้าของสินค้า ระบุว่า แต่ละเดือนจะส่งขนมให้กับตัวแทนจำหน่าย และแฟรนไชส์ทั้ง 12 สาขา รวมทั้งสิ้น 600 กล่องสินค้า หรือเฉลี่ยเป็นชิ้นขนมประมาณเกือบ 5,000 ชิ้น คิดมูลค่าหลายหมื่นบาทเลยทีเดียว

ในอนาคต ฐานะผู้บริโภคอาจจะได้เห็นขนมมงคลอันหลากหลาย ล้วนแล้วมีประวัติความเป็นมา ภายใต้แบรนด์ “ปารณีย์ โฮลี่สวีท” นับว่าเป็นการตลาดที่น่าสนใจ เพราะใช้เรื่องเล่าและความศรัทธาเป็นจุดขาย ถือว่าเป็นช่องทางทำรายได้ที่ไม่ควรมองข้ามเลยทีเดียว

ใครสนใจจะซื้อขนมพระพิฆเนศไปบูชา หรือคิดที่จะร่วมธุรกิจ ติดต่อ คุณมงกุฎ และคุณปารณีย์ หรือ คุณกี้ โทรศัพท์ (089) 769-4220, (087) 683-3358, (086) 784-1824 หรือ www.paraneeholysweet.com

Read More...


ซอฟ ฟรุต ขนมไทยสูตรคิดเอง สดจากธรรมชาติแด่คนรักสุขภาพ

 

“ซอฟ ฟรุต” อีกหนึ่งตัวอย่างของผู้ประกอบการระดับเอสเอ็มอี ที่สร้างธุรกิจจากจุดเล็กๆ ด้วยการคิดค้นขนมสูตรเฉพาะตัว เน้นความอร่อยสดใหม่จากธรรมชาติ พร้อมคุณค่าทางโภชนาการ จนเป็นที่ติดอกติดใจของลูกค้า สามารถสร้างรายได้ พลิกชีวิตจากมนุษย์เงินเดือนสู่เถ้าแก่ใหม่ได้สำเร็จ

ดวงใจ จิรวัฒนานันท์ เจ้าของธุรกิจขนมผลไม้นมสด ในชื่อ “ซอฟ ฟรุท”(Soft – Fruit) เล่าว่า สูตรขนมนี้ พี่สาวคิดค้นขึ้นเอง เมื่อ 10 กว่าปีมาแล้ว เพื่อไปเลี้ยงถวายพระสงฆ์ รวมถึงแบ่งปันให้กับผู้ที่มาร่วมทำบุญ และญาติสนิท เพื่อนฝูง จนเป็นที่ติดอกติดใจของทุกคนได้ลิ้มลองเสมอมา

ทว่า ไม่เคยคิดจะนำสูตรขนมนี้ มายึดเป็นอาชีพหลัก เพราะส่วนตัวมีงานประจำมั่นคง จนเมื่อ 5-6 ปีที่แล้ว จากการบอกต่อปากต่อปาก ทำให้มีร้านค้าติดต่อขอให้ทำขนมไปส่ง และหลังจากทำเป็นอาชีพเสริมอยู่นาน จึงลาออกจากงานประจำเพื่อมาสร้างธุรกิจนี้จริงจัง เมื่อเดือนสิงหาคม ปีที่แล้วนี่เอง
“พอมีคนมาชิมขนมเรา ก็ชอบมาก ขอให้เราทำไปฝากขายที่ร้านของเขาบ้าง จึงทำแบบสมัครเล่นเป็นอาชีพเสริมมากว่า 5 ปี จนมีลูกค้าประจำ ทำให้มั่นใจว่า ขนมเราคนชอบจริงๆ ถ้าออกมาทำเต็มตัว น่าจะไปรอดได้ เลยลาออกจากงาน เพื่อมาลุยเต็มตัว”



ดวงใจ อธิบายจุดเด่นของ “ซอฟ ฟรุท” คือ ความสด หอมหวานจากส่วนประกอบต่างๆ ที่มาจากธรรมชาติ ที่ผสมกันแล้ว เกิดเป็นรสชาติแปลกใหม่ที่ลงตัว กินแล้วชื่นใจ และยังให้คุณค่าอาหารครบทุกหมู่ รสชาติไม่หวานเกินไป ตรงใจกลุ่มคนชอบกินขนม แต่กลัวอ้วน

สำหรับส่วนผสม ประกอบด้วย นมสดพาสเจอร์ไลส์ มะพร้าวอ่อน ลูกตาลอ่อน สาคู และแคนตาลูป ควรกินภายใน 3 วัน จะได้รสชาติดีที่สุด โดยเคล็ดลับความอร่อย มาจากการการซื้อวัตถุดิบสดใหม่ และทำวันต่อวัน ทุกขั้นตอนจะลงมือทำเอง ไม่ซื้อของทำสำเร็จรูปในท้องตลาด

“ทุกเช้า ดิฉันต้องไปจ่ายตลาดด้วยตัวเอง ซึ่งขั้นตอนการเตรียมวัตถุดิบ ยุ่งยากมาก เพราะเราต้องทำด้วยมือทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นขูดมะพร้าว ปอกลูกตาล เพราะถ้าเราไปซื้อของทำสำเร็จ จะไม่สะอาด เมื่อนำไปทำ น้ำจะไม่เป็นสีขาว รสชาติก็ไม่นิ่งด้วย”

การทำตลาดช่วงแรก อาศัยเปิดตัวด้วยการออกงานแฟร์ต่างๆ ปัญหาที่พบ ลูกค้าไม่รู้จักมาก่อน ส่วนใหญ่เข้าใจผิดว่าเป็นเต้าฮวย หรือน้ำเต้าหู้ แต่เมื่อให้ชิม ก็จะรู้ถึงความแตกต่าง และได้ผลตอบรับด้วยดี ขณะนี้ มีตัวแทนจำหน่าย อาทิ ซอยละลายทรัพย์ ซอยอารี และช่องนนทรี เป็นต้น รวมถึงออกงานแฟร์ และส่งตามงานจัดเลี้ยง สัมมนา เป็นต้น ขายราคาถ้วยละ 25 บาท (ขนาด 200 กรัม) ในช่วงเทศกาลมียอดขายสูงถึง 500 -700 ถ้วยต่อวัน



แม้ตลาดจะไปได้ดี แต่ปัญหาอยู่ที่ขาดกำลังผลิต และกำลังส่งสินค้า เพราะเป็นธุรกิจในครัวเรือน มีพนักงานแค่ 4 คน จึงเตรียมเพิ่มพนักงาน ซึ่งต้องคัดคนที่มีใจรักด้วย เพราะขนมนี้ ต้องใช้ความประณีต ถ้าไม่สนุกกับการทำขนม ก็จะทำไม่ได้ดี

นอกจากนั้น ปัญหาอีกประการ คือ บางช่วงเวลาของปี วัตถุดิบผลไม้ โดยเฉพาะลูกตาล จะขาดตลาด จึงต้องลงทุนไปซื้อวัตถุดิบถึงแหล่งปลูก ทำให้ต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้นด้วย

ดวงใจ ระบุว่า ได้จดเครื่องหมายการค้า “ซอฟ ฟรุท” ไว้แล้ว รวมถึงกำลังดำเนินการจดสิทธิบัตรสูตรการผลิตไว้ด้วย เพื่ออ้างอิงความเป็นเจ้าของอย่างถูกต้อง เนื่องจากที่ผ่านมา มีคู่แข่งทำเลียนแบบออกมาแล้ว แต่รสชาติยังสู้ไม่ได้

สำหรับแนวทางการตลาดที่จะเดินต่อไป จะหาตัวแทนจำหน่ายเพิ่ม ทั้งแบบรับใส่กล่องโฟนแช่แข็งไปจำหน่าย หรือซื้อทั้งชุดคีออส สำหรับผู้มีพื้นที่ ในเงินลงทุนประมาณ 30,000 บาท อีกทั้ง เปิดสอนการทำ ซึ่งคิดว่าจะเริ่มได้ในช่วงสิ้นปีนี้ แต่ยังไม่คิดจะขายในแบบแฟรนไชส์ แม้จะมีคนติดต่อเข้ามาจำนวนมาก เพราะต้องการจะวางระบบการควบคุ้มคุณภาพให้ได้เสียก่อน อย่างไรก็ตาม การขยายจะเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป เพราะการทำขนมถ้าเน้นแค่ปริมาณ คุณภาพจะเสียไป

“การทำขนม ถ้าทำเยอะเกินไปมันจะเลอะ ฉะนั้น เราไม่อยากจะขยายให้มันมากเกินไป หรือเร็วเกินไป แต่อยากให้ขยายแบบมีคุณภาพ เพราะจุดประสงค์เริ่มแรกที่ทำ เราก็ไม่ได้หวังรวย แต่ต้องการเอาไปทำบุญ การตลาด จึงคิดว่า ไม่อยากจะมากเกินไปด้วย”
* * * * * * *
โทร.0-1558-0028
อ้างอิงจาก ผู้จัดการออนไลน์

Read More...


ข้าวหมกปลาเก๋า จุดขายแปลกใหม่

ขึ้นชื่อว่าอาหารการกิน จะยุคใดก็ขายได้ ข้าวหมกปลาเก๋า แปลกใหม่เป็นจุดขาย สร้างรายได้ที่น่าสนใจ

แต่จะขายดีหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับสูตรเด็ดเคล็ดลับความอร่อย และความแปลกใหม่ วันนี้ทีม “ช่องทางทำกิน” ขอเสนอ “ข้าวหมกปลาเก๋า” ที่แปลกใหม่ เกิดขึ้นจากความคิดของกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรกระทุ่มราย ซึ่งก็กลายเป็นช่องทางสร้างรายได้ที่น่าสนใจ…
ข้าวหมกปลาเก๋า
ไหม สาเหร๊าะ ซากีรี หรือ ครูไหม เป็นหัวหน้ากลุ่มแม่บ้านเกษตรกรชุมชนกระทุ่มราย กลุ่มวิสาหกิจชุมชนที่ทำผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ขายเพื่อสร้างรายได้ให้กับกลุ่มแม่บ้านในชุมชน เช่น แชมพู สบู่ สเปรย์ไล่ยุง ที่สกัดขึ้นจากธรรมชาติ นอกจากนี้ยังมีอาหารการกินที่อร่อย คือ “ข้าวหมกปลาเก๋า” ข้าว หมกไก่ และน้ำพั้นช์ ขายอยู่เป็นประจำอยู่ในชุมชน และรับทำตามสั่งอีกด้วย โดยครูไหมบอกว่า ข้าวหมกนั้นมีวิธีทำที่อาจไม่เหมือนกัน อยู่ที่สูตรของแต่ละคน ส่วนสูตรข้าวหมกปลาเก๋า และไก่ พร้อมทั้งน้ำพั้นช์ นั้น ครูไหมเองก็ไม่หวงสูตร
เริ่มต้นอุปกรณ์ที่ใช้หลัก ๆ ที่ต้องมีคือ เตาแก๊ส, หม้อสำหรับหุงข้าว, กระทะ, กะละมัง, ไม้พาย, ถาด, ทัพพี, เครื่องปั่น, ตะแกรง เป็นต้น
วัตถุดิบหลัก ๆ สิ่งที่ต้องเตรียมคือ เนื้อไก่ปีกบน ช่วงอก 150 ชิ้น หรือเนื้อปลาเก๋าทอด 50 ชิ้น ต่อข้าวหอมมะลิ 1/2 ถัง และก็ต้องมีหอมเจียว, นมสด (ช่วยให้ข้าวนุ่ม), เนยเค็ม, แตงกวา

ส่วนผสมของเครื่องเทศ ได้แก่ มะเขือเทศลูกใหญ่ 5 กิโลกรัม, หอมแดง 3 กิโลกรัม, กระเทียม 2 กิโล กรัม, ขิงแก่ซอย 3 ขีด, น้ำมะนาว 500 กรัม, หอมเจียว

สำหรับส่วนผสมของน้ำจิ้ม ก็ต้องเตรียม พริกสดเขียว 500 กรัม, พริกขี้หนูเขียว 500 กรัม, น้ำกระเทียมดอง 4 กิโลกรัม, หัวกระเทียมดอง 1 กิโลกรัม, หัวกระเทียม 500 กรัม และน้ำส้มสายชู 2 ขวด

วิธีทำ นำส่วนผสมของเครื่องเทศทุกอย่างปั่นรวมกัน แล้วจึงทอดเนื้อปลาเก๋าด้วยไฟปานกลางเพื่อที่เนื้อปลาจะไม่เละ จากนั้นนำเนื้อปลาหรือเนื้อไก่ที่เตรียมไว้ลงต้มพร้อมกับเครื่องเทศ โดยแยกหม้อระหว่างปลากับไก่ เมื่อเห็นว่าสุกดีแล้ว ให้ตักขึ้นมาพักไว้

ขั้นตอนต่อไปคือ ใส่เนยเค็มลงหม้อต้ม ตามด้วยข้าวหอมมะลิ หุงในน้ำของเครื่องเทศจากที่เราต้มเนื้อปลา และเนื้อไก่ เพื่อให้ได้รสชาติ และความหอมหวาน มัน ของเนื้อปลา-ไก่ นอกจากนี้ยังต้องใส่นมสด เพื่อให้ข้าวมีความหอมนุ่มยิ่งขึ้น

ข้าวที่ได้จะเป็นสีเหลืองทองจากน้ำของเครื่องเทศ รวมทั้งเนื้อปลาและเนื้อไก่ก็จะเป็นสีเหลืองทองเช่นกัน จากนั้นโรยหอมเจียวลงในข้าว เป็นอันว่าเสร็จขั้นตอนของการเตรียมข้าวหมกเนื้อปลา – ไก่ ซึ่งขั้นตอนการขายคือ ตักข้าว ใส่เนื้อปลา หรือไก่ ส่วนผักที่ใช้ คือ ผักกาดหอม และแตงกวา

ขั้นตอนการทำน้ำจิ้ม ก็นำน้ำกระเทียมดอง หัวกระเทียมดอง น้ำส้ม หัวกระเทียม พริกสดเขียว พริกขี้หนูเขียว มาปั่นรวมกัน โดยสัดส่วนของวัตถุดิบก็ลดหรือเพิ่มตามสูตรข้างต้น

ถ้าปริมาณวัตถุดิบตามที่ว่ามาข้างต้น จะตักข้าวขายได้ประมาณ 300 กล่อง ขายกล่องละ 25 บาท
จุดเด่นข้าวหมกของครูไหมคือ ไม่ได้ใช้เนื้อไก่เพียงอย่างเดียว ยังมีเนื้อปลาเก๋า และข้าวหมกนั้นจะมีความหอม นุ่ม รสชาติกลมกล่อม และสะอาด

ใครสนใจ “ข้าวหมกปลาเก๋า” หรือข้าวหมกไก่ และ “น้ำพั้นช์-น้ำดอกอัญชัน” ของวิสาหกิจชุมชนกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรกระทุ่มราย กลุ่มนี้อยู่ที่หมู่บ้านเลียบวารี แขวงกระทุ่มราย เขตหนองจอก กรุงเทพฯ โทร.0-2989-5183, 08-9129-5183 ไปช่วยกันอุดหนุนอาหารของคนไทย หรือจะลองฝึกฝนทำขายที่อื่นบ้างก็ดี.
ขนิษฐา ผุดผาด
ภัทราภรณ์ พลายเถื่อน

ที่มา เดลินิวส์

Read More...


เสริมอาชีพกับโคราโตเปา

%E0%B9%82%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B9%82%E0%B8%95 เสริมอาชีพกับโคราโตเปา



มาเสริมอาชีพกับโคราโตเปาซาลาเปาเป็นอาหารที่คุ้นเคยกันดี แต่ถ้าเป็นซาลาเปาทอดหลายคนยังไม่รู้จักและเป็นของแปลกใหม่อยากลิ้มลอง คาราโตเปา(KARATO PAO )เป็นซาลาเปาทอดที่ถูกคิดค้นและพัฒนาสูตรขึ้นโดย คุณณัฐิกา เศรษฐา จุดเด่นคือ กรอบนอก นุ่มใน ไม่อมน้ำมัน มีไส้ทั้งไส้หวานและไส้เค็ม มากกว่า 10 ชนิด เช่น ไส้หมู หมูสับ หมูแดง หมูหยองน้ำพริกเผาทูน่า ครีม เผือก ถั่วเหลือง ถั่วดำ ถั่วแดง ฯลฯ ด้วยความแปลกใหม่ทั้ง รูปแบบและรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ ทำให้ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีมาก ทั้งในและนอกประเทศ


โคราโตมีมาตรฐานการผลิตทั้งรสชาติและความสะอาด ทุกขั้นตอนการผลิตได้รับมาตรฐาน GMP ได้รับ อย. จากกระทรวงสาธารณสุข ทำให้ไว้วางใจได้ในคุณภาพของสินค้า นอกจากนี้โคราโตเปา ยังได้รับความไว้วางใจ ให้เป็นวิทยากรถ่ายทอดความรู้ เพื่อสร้างงาน สร้างอาชีพหรือสร้างอาชีพเสริมให้กับกลุ่มผู้สนใจ และเผยแพร่ให้กับหน่วยงานของรัฐหลายๆครั้ง โคราโตเปา ได้เปิดแฟรนไชส์เพื่อให้ผู้สนใจได้มีอาชีพเสริมรายได้ หรือ ทำเป็นอาชีพหลักได้


สำหรับการลงของแฟรนไชส์มีให้เลือก 2 รูปแบบ


1.แบบคีออส สแตนเลสชุดเล็ก เคลื่อนย้ายสะดวก ถอดเก็บง่าย (เตาไฟฟ้า 1 หัวครบชุด) ลงทุน 38,000 บาท จะได้รับอุปกรณ์ครบชุดสามารถดำเนินธุรกิจได้ และเสื้อเอี๊ยม 2 ชุด
2..แบบคีออส สแตนเลสชุดใหญ่ เหมาะสำหรับตั้งขายประจำเป็นร้าน (เตาไฟฟ้า 1 หัวครบชุด) ลงทุน 48,000 บาท จะได้รับอุปกรณ์ครบชุดสามารถดำเนินธุรกิจได้ และเสื้อเอี๊ยม 2 ชุด
เงื่อนไขการลงทุน
-ค่าธรรมเนียมแฟรนไชส์ 5,000 บาท
-เงินประกัน 4,000 บาท
-รับการอบรมการทำและเทคนิคการขาย ฟรี
 
การตั้งราคาจะอยู่ที่ราคาลูกละ 6 บาท โดยต้นทุนจะอยู่ที่ 3.75 บาท กำไร 2.25 บาท/ลูก
นอกจากการลงทุนแบบแฟรนไชส์แล้ว ยังมีรูปแบบอีกหนึ่งทางเลือกให้ผู้สนใจอยากทำธุรกิจ โดยสามารถสั่งซื้อสินค้าได้โดยตรงโดยกำหนดการสั่งซื้อขั้นต่ำอยู่ที่ 1,000 ลูก เพียงแค่รับสินค้าแช่แข็ง แล้วสมารถนำไปทอดขายได้เลย โดยจะมีการจัดส่งทั่วปะเทศ หรืออาจจะรับแป้งสูตรพิเศษเพื่อนำไปทำเองโดยจะมี VCD สอนการทำโดยละเอียด สามารถทำได้เองง่ายๆ


สนใจธุรกิจติต่อสอบถามได้ที่
081-821-4031,089-722-8085,02-265-9850,044-370-333 หรือติดต่อที่ KORATO SHOP (ชั้นใต้ดิน) หน้าร้าน JJ. MART ศูนย์การค้า เจเจ.มอลล์ ตลาดนัดติดแอร์สวนจตุจักร กรุงเทพฯ

 
โคราโตเปา ถือเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่น่าสนใจ เพราะแปลกใหม่และไร้คู่แข่ง อนาคตน่าจับตามอง ท่านที่อยากมีอาชีพเสริม ลองหาทำเลการขายดีๆ ใกล้ชุมชนหรือแหล่ง สถานศึกษา ตลาด ทดลองขายน่าจะดีไม่น้อย

Read More...


ขนมบุงออ ปัง (Bung-O Ppang)

%E0%B8%9B%E0%B8%B8%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%B1%E0%B8%87 ขนมบุงออ ปัง (Bung O Ppang)
หากคุณกำลังมองหาอาชีพเสริมเพื่อเพิ่มรายได้ บางทีแฟรนไชส์ อาจเป็นอีกทางเลือกนึงนะคะ เนื่องจากคุณสามารถเลือกธุรกิจที่มีชื่อเสียงอยู่แล้ว ลูกค้าสามารถจดจำแบรนด์ได้เป็นอย่างดี ซึ่งเป็นผลดีกับเรามากเลยค่ะ และยังสามารถเลือกธุรกิจตามกำลังทุนทรัพย์ได้ วันนี้มีหนึ่งแฟรนไชส์มานำเสนอค่ะ บางท่านอาจจะเคยเห็นบางแล้วนะคะ ลองดูรายละเอียดกันเลยค่ะ
บุงออ ปัง (Bung-O Ppang)
เป็นขนมปังจากประเทศเกาหลี มีลักษณะเป็นรูปปลาคาร์พสีทอง ทำจากแป้งสูตรพิเศษ ซึ่งประกอบด้วยแป้งสาลี มาการีน และส่วนผสมพิเศษอีก 9 ชนิดจึงอุดมไปด้วยสารอาหารโดยวัตถุดิบสำคัญนำเข้าจากประเทศเกาหลี รสชาติอร่อย ถูกปากคนไทย ทานได้ทุกวัยทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ราคาย่อมเยา เหมาะสำหรับผู้ประกอบการที่มองหาผลิตภัณฑ์แปลกใหม่ไม่ซ้ำใคร ไม่มีคู่แข่งในตลาด ทำง่าย ขายคล่อง กำไรสูง คืนทุนเร็ว


นโยบายในการดำเนินธุรกิจ
ขายแฟรนไชส์ ทั่วประเทศ
- 45,000.- บาท (เตาไฟฟ้า)
- 40,000.- บาท (เตาแก๊ส)
ผู้ลงทุนหรือแฟรนไชส์ซี่จะได้รับอุปกรณ์ครบชุด สามารถขายได้เลย โดยมีส่วนลดพิเศษในช่วงโปรโมชั่น ในกรณีที่แฟรนไชส์ซี่ไม่มีเงินลงทุนเป็นก้อน บริษัทฯ มีระบบเงินผ่อน


จุดเด่น
1. ขนมและการตบแต่งคีออส (รถเข็น) เป็นสไตล์เกาหลี อินเทรนด์สุด ๆ
2. แปลกใหม่ ไม่ซ้ำใคร ไม่มีคู่แข่งในตลาดข้อดี แป้งและไส้ขนมจัดมาเป็นชุดเรียบร้อย ทำง่าย ไม่ยุ่งยากผลตอบแทน ขายง่าย กำไรสูง คืนทุนเร็ว
สนใจรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ 02-5151115, 02-9391557
1213983506772186196 1460225930061972605?l=archeepserm.blogspot ขนมบุงออ ปัง (Bung O Ppang)

Read More...


ทำอาชีพเสริม แฟรนไชส์ ไมโลดิบ

วันนี้มีข่าวดีสำหรับท่านที่ต้องการมองหาอาชีพเสริม เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับตัวเองหรือตกงานกำลังมองหางานลองลงทุนค้าขายเล็กๆน้อยก็ดี แฟรนไชส์ ไมโลดิบ ไม่ต้องง้อรายได้จากเงินเดือนประจำ มีอิสระเป็นเจ้านายตัวเองไม่ต้องรอคำสั่งจากใคร ลองแฟรนไชส์ตัวนี้ดูนะครับเป็นแฟรนไชส์เกี่ยวกับ เครื่องดื่มที่เป็นที่นิยมและกำลังมาแรง


 %E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%9A ทำอาชีพเสริม แฟรนไชส์ ไมโลดิบ%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%9A2 ทำอาชีพเสริม แฟรนไชส์ ไมโลดิบ%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%9A4 ทำอาชีพเสริม แฟรนไชส์ ไมโลดิบ


แฟรนไชส์ ไมโลดิบ ธุรกิจที่ทำง่าย/คืนทุนไว/กำไรดี เริ่มต้นเพียง 9,500.00 บาท ให้สูตรมากกว่า 60 สูตร์ไมโลดิบใช้นมสดเป็นส่วนผสมหลักทำให้รสชาติหอม รับประกันความอร่อยได้เลย ใครได้ลองต้องติดใจ เรามีบริการส่งนมสดให้แฟรนไชส์ถึงบ้านหรือทำนมสดไมโลดิบไว้ขายเองที่นี้คุณ อยู่จังหวัดใหนก็สามารถทำธุรกิจนี้ได้ สนใจอย่ารอช้าทำก่อนได้สิทธิครอบครองทำเลดีก่อนเพราะเรามีการป้องกันการแย่ง ลูกค้าโดยมีระยะห่างของแต่ละเจ้าไม่น้อยกว่า 1 กม.การตอบรับของลูกค้าดีแน่นอน
* ให้อิสระในการประกอบธุรกิจสามารถขยายสาขาเพิ่มได้โดยไม่จำกัดจำนวน
* สามารถกำหนดราคาขายได้เองตามพื้นที่
* ไม่เก็บส่วนแบ่งยอดขายใดๆทั้งสิ้น
* ให้คำปรึกษาด้านการตลาดพร้อมช่วยเหลือด้านการลงทุน / ปัญหาในการทำธุรกิจ
* ช่วยในการจัดหาพนักงานขายในพื้นที่ให้
* ช่วยประชาสัมพันธ์ร้านให้บนอินเตอร์เนตฟรี
* เปลี่ยนแปลงทำเลขายได้ทุกพื้นที่ว่างโดยไม่มีค่าใช้จ่าย
* ค่าลิขสิทธิ์แฟรนไชส์ทั่วประเทศเดือนละ 100 บาท ( หนึ่งร้อยบาทต่อเดือน)ชำระรายปี หากธุรกิจไม่ประสบผลสำเร็จไม่เรียกเก็บค่าลิขสิทธิ์
เชียงราย,พะเยา , ลำพูน,เชียงใหม่ไม่คิดค่าจัดส่งแฟรนไชส์บริการจัดส่งทั่วประเทศ
แพ็คเกจ 1 ( P1 ) ราคา 9,500.00 บาท
- บูชวางของ 1 ตัว
- เครื่องปั่น 1 ตัว
- ป้ายเมนูรวม 20 เมนู 4 ผึน
- ไมโลดิบ 1,000 กรัม
- แก้ว 16 ออนส์ จำนวน 100 ใบ
- แก้ว 22 ออนส์ จำนวน 50 ใบ
- หลอดดูด 1 ห่อ
- สอนวิธีทำไมโลดิบ 20 เมนู
- ให้สูตรทำนมไมโลดิบ
แพ็คเกจ 2 ( P2 ) ราคา 15,000.00 บาท
- บูชวางของ 1 ตัว- เครื่องปั่น 1 ตัว
- ป้ายเมนูรวม 30 เมนู 4 ผืน
- ไมโลดิบ 2,000 กรัม
- นมสดฟรี 20 ลิตร
- กลิ่น 30 กลิ่น
- แก้ว 16 ออนส์ จำนวน 100 ใบ
- แก้ว 22 ออนส์ จำนวน 50 ใบ
- หลอดดูด 1 ห่อ
- สอนวิธีทำไมโลดิบ 30 เมนู
- ให้สูตรทำนมไมโลดิบ
แพ็คเกจ 3 ( P3 )ราคา 25,000.00 บาท
- บูชวางของ 1 ตัว
- เครื่องปั่น 1 ตัว
- ป้ายเมนูรวม 60 เมนู 4 ผืน
- ไมโลดิบ 2,000 กรัม
- นมสดฟรี 50 ลิตร
- กลิ่น 60 กลิ่น
- หน้าขนมจำนวน 15 รายการ
- อุปกรณ์ในการขายครบเซต
- แก้ว 16 ออนส์ จำนวน 100 ใบ + ฝาโดม 100 ใบ
- แก้ว 22 ออนส์จำนวน 50 ใบ + ฝาโดม
- หลอดดูด 1 ห่อ
- ได้รับสิทธิในการขยายแฟรนไชส์ในเขต/อำเภอแบบไม่จำกัดจำนวน
- รับผลตอบแทนขยายงาน 5 % ของราคาแพ็คเกจในเขตตัวเอง
- รับผลตอบแทนขยายงาน 1 % ของราคาแพ็คเกจในจังหวัดตัวเอง
- สอนวิธีทำไมโลดิบ 60 เมนู
- ให้สูตรการทำไมโลดิบ สนใจติดต่อ ราคา : 9,500 บาท
สนใจติดต่อคุณ : อาทร ได้ที่ โทร: 081-6811143 หรือที่ http://www.milodibkiatniyom.com/
สำหรับใครที่กำลังมองหาอาชีพเสริมอยู่ก็น่าสนใจนะครับลองติดต่อสอบถามกันดูได้

Read More...


แฟรนไชส์ เอราวัณทองม้วนสด

6bffa62b แฟรนไชส์ เอราวัณทองม้วนสด
แฟรนไชส์ เอราวัณทองม้วนสดทองม้วนสด
เป็นของฝากยอดนิยมของคนที่มาเที่ยวเมืองกาญจนบุรี เพราะเป็นขนมที่อร่อยขึ้นชื่อมากอีกชนิดหนึ่ง ที่คนนิยมกินกันมาก แต่ในวันนี้ถ้าอยากกินทองม้วนสดไม่ต้องเดินทางไกลมาถึงเมืองกาญจน์ฯอีกแล้วเพราะมีแฟรนไชส์ซึ่งได้รับสูตรดั้งเดิมจากเมืองกาญจน์ฯและได้รับการพัฒนาปรับปรุงจนมีเอกลักษณ์และรสชาติที่หวานมัน เหนียวนุ่มธุรกิจแฟรนไชส์ทองม้วนสด ได้ถือกำเนิดขึ้นมาในช่วงยุค วิกฤตต้มยำกุ้งเมื่อปี 40 โดย คุณปฐมภพ หรรษคุณาชัย อดีตผู้บริหารฝ่ายการตลาด บริษัทอสังหาริมทรัพย์ซึ่งโดนปลดออกจากงานในช่วงนั้นได้ผันตัวเองออกมาทำธุรกิจค้าขายและได้สนใจทดลองคิดค้นปรับปรุงต่อยอดทองม้วนสดสูตรดั้งเดิมจนได้เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว และใช้ชื่อว่า ” เอราวัณทองม้วนสด” โดยช่วงแรกทดลองใส่ท้ายรถออกขายตามสถานราชการและแหล่งชุมชนต่างๆซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีมากๆทำให้คิดต่อยอดทางธุรกิจทำเป็นระบบรูปแบบแฟรนไชส์ ในปี 2545 เอราวัณทองม้วนสดมีจุดเด่นอยู่ที่มีส่วนผสมที่เป็นธัญพืช วัตถุดิบหลักจะอยู่ที่เนื้อมะพร้าวอ่อน โดยลูกค้าแฟรนไชส์สามารถนำส่วนผสม เผือก ฟักทอง ใบเตย มาผสมกับน้ำแป้งตามสัดส่วนที่กำหนดเพื่อให้ได้รสชาติที่อร่อยลงตัว นอกจากนี้ยังมีสินค้าที่เป็นทองม้วนกรอบ เพื่อให้ลูกค้าได้เลือกบริโภคและมีความหลากหลายทั้งรูปแบบ ทองม้วนพับ ทองม้วนจีบ รสชาติ เค็ม หวานมัน ใบเตย ชาเขียว กล้วยหอม เพื่อวางขายควบคู่กับทองม้วนสด ปัจจุบัน มีแฟรนไชส์มากกว่า 55 แห่ง แต่ละแห่งได้รับการตอบรับดีมาก บางแห่งเจ้าของต้องขอเปิดเพิ่มอีกหลายสาขา ด้วยทนเพียง 500 บาทก็สามารถสร้างรายได้ถึง 9,000-10,000 บาทต่อเดือนให้กับผู้ลงทุน เนื่องจากกำไรที่ได้จะได้มากถึง 60-70% เลยทีเดียว บางสาขาทำกำไรได้ถึงแสนบาทต่อเดือน
รายละเอียดการลงทุน
  • ราคาค่าแฟรนไชส์ 35,000 บาท
  • ระยะคืนทุน 3-6 เดือนขึ้นอยู่กับทำเล
  • เงินทุนหมุนเวียน 500 บาท/วัน
  • จุดเด่นของแฟรนไชส์ลงทุนต่ำ ใช้พื้นที่น้อยในการทำงาน 2-3 ตารางเมตร สินค้าขายง่ายคู่แข่งน้อย เป็นสินค้าที่ยังไม่มีขาในหลายจังหวัดเงื่อนไขการลงทุน
  • ระยะสัญญา 3 ปี ค่าสงเสริมการตลาด 2 %จากยอดขายต่อเดือน (เฉพาะเดือนที่มีการส่งเสริมการตลาด)
สนใจติดต่อสอบถามที่
คุณ ปฐมภพ หรรษคุณาชัย 167/116 หมู่ 8 หมู่บ้าน มั่งมีซิตี้ ซอยคลองหนอง ถนนสุขาภิบาล 1 บางแค กรุงเทพฯ 10160 โทร 081-495-0158,02-802-3486 แฟกซ์ 02-802-6132
ท่านใดสนใจอยากทำธุรกิจแฟรนไชส์ทองม้วนสดเอราวัณ ก็ลองติดต่อสอบถามดูได้ เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับท่านอีกช่องทาง เป็นกำลังใจให้ครับ

Read More...


แมลงทอด อาหารว่างยอดนิยมในหมู่นักทาน

แมลงทอด อาหารว่างยอดนิยมในหมู่นักทาน จากรถเข็นก็กลับกลายเป็นแฟรนไชส์ที่มีขายในห้างกันเยอะแยะ


098065450b คอลัมน์ ช่องทางทำกิน ตอน แฟรนไชส์แมลงทอด อาชีพเลี้ยงตัวได้สบาย



วันนี้ คอลัมน์ ช่องทางทำกิน มีตัวอย่างของอาชีพนี้มาฝากกัน

ประสิทธิ์ จึงศักดิ์สิทธิ์ เจ้าของร้านรวมแมลงทอด ย่านตลาด กม. 2 รามอินทรา กล่าวว่า ยึดอาชีพเป็นพ่อค้าขายแมลงทอดมาเพียง 3-4 เดือนเท่านั้น โดยที่ก่อนหน้านี้เคยขายผลไม้ และทำกับข้าวถุงมาก่อน สุดท้ายเลิกขาย เพราะว่าไม่มีคนช่วย จึงเปลี่ยนมาขายแมลงทอด เพราะว่าทำคนเดียวได้

ผมทำกับข้าวเป็นทุกอย่าง ดังนั้น การเปลี่ยนอาชีพมาขายแมลงทอดจึงไม่เป็นปัญหาอะไร อีกสาเหตุที่เลือกขายแมลงทอด เพราะว่ากำลังเป็นที่นิยมมาก มีขายกันทั่วไป และขายได้ตลอดเวลา กำไรก็ค่อนข้างดี

ร้านรวมแมลงทอดของประสิทธิ์ ขายแมลงทอดแทบทุกอย่าง นับแล้วได้ 13 ชนิด โดยเจ้าตัวบอกว่า เป็นคนต่างจังหวัดจึงรู้ว่าแมลงพวกนี้ทานได้หมด และไม่เป็นอันตราย แถมยังเป็นการสร้างรายได้เพิ่มให้กับชาวนาชาวไร่อีกด้วย

ชาวบ้านที่ทำไร่ข้าวโพด เมื่อก่อนหากตั๊กแตนปาทังก้าลงไร่ แทบจะร้องไห้กัน ตอนนี้หากปาทังก้าลงพวกเขายิ้มกันเป็นแถว ชาวบ้านบางคนเขาก็ปลูกข้าวโพด เพื่อที่จะให้ปาทังก้ามาลง จะได้จับกันไปขาย ราคาดี

แหม…น่าสนใจจริงนะ

มาดูกันสิว่า ประสิทธิ์เขามีวิธีจัดการกับร้านขายแมลงทอดอย่างไร? แมลงแต่ละชนิดมีอะไรบ้าง และราคาต้นทุนเท่าไหร่ ?

ขาเหล็ก หรือ ตั๊กแตนขาแข็ง ราคา กก.ละ 200 บาท, ตั๊กแตนปาทังก้า ราคา กก.ละ 240-250 บาท, ดักแด้ ราคา กก.ละ 120 บาท, ตับเต่า ราคา กก.ละ 140 บาท, กีนูน ราคา กก.ละ 160 บาท, กระชอน ราคา กก.ละ 150 บาท, จิ้งหรีด ราคา กก.ละ 120 บาท, จิ้งโกร่ง ราคา กก.ละ 150 บาท, รถด่วน หรือ หนอน ราคา กก.ละ 300 บาท ขณะนี้ขาดตลาด เพราะคนนิยมกินกันมาก ลูกค้าบางรายซื้อมากกว่า 100 บาท เมื่อทอดแล้วรสชาติเหมือนมันทอด, แมลงป่อง ราคาตัวละ 3 บาท, แมงดา ตัวผู้ราคาตัวละ 7 บาท ตัวเมีย ตัวละ 3 บาท, กบ ราคา กก.ละ 40-50 บาท และ เขียด ราคา กก.ละ 35-80 บาท

เจ้าแมลงทั้งหมดนี้ ต้องไปหาซื้อที่ตลาดคลองเตยเท่านั้น เพราะเป็นแหล่งขายที่ใหญ่ที่สุด เวลาจะไปซื้อต้องไปตอนเช้า อย่าเลยเที่ยง เพราะร้านปิดหมดแล้ว แมลงทั้งหมดนี้จะมาในสภาพที่ถูกน็อกด้วยน้ำแข็งมาแล้ว ยกเว้นแมลงบางอย่าง เช่น แมลงป่องที่จะต้องมาน็อกน้ำแข็งเอง

ปริมาณแมลง ที่ซื้อมาก็แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับยอดขายในแต่ละวัน เช่น ขาเหล็ก หรือ ตั๊กแตนขาแข็ง, ตั๊กแตนปาทังก้า ซื้อมาคราวละ 10 กก., ดักแด้ 12 กก., ตับเต่า 3 กก., กีนูน, กระ ชอน, จิ้งหรีด, จิ้งโกร่ง 2 กก., รถด่วน 10 กก., แมลงป่อง 50-100 ตัว, แมงดา 100 ตัว ส่วน กบ, เขียด ซื้อมาอย่างละ 2 กก.

ทั้งหมดจะขายได้ 3 วัน โดยเจ้าตัวบอกว่าไม่ต้องตื่นเช้าทุกวัน และแมลงที่ขายไม่หมดก็แช่น้ำแข็งไว้ได้ นอกจากนี้ ตั๊กแตน 2 ชนิด ก็เลือกซื้อชนิดเดียวก็พอ เพราะทอดออกมาแล้วก็เหมือนกัน

ก่อนที่จะทอดนั้น จะต้องนำแมลงทุกอย่างมาล้างน้ำให้สะอาด ประมาณ 3 ครั้ง เพื่อให้หมดกลิ่นคาว จากนั้นผึ่งทิ้งไว้ให้สะเด็ดน้ำ ถ้ายังไม่ขายก็ให้แช่ใส่น้ำแข็งไว้ก่อน

การทอดแมลงก็เหมือนการทอดอาหารอย่างอื่น โดยตั้งกระทะใช้ไฟปานกลาง ใส่น้ำมันพืชครึ่งกระทะ เมื่อน้ำมันเดือดก็นำแมลงลงไปทอด สำหรับเคล็ดลับ น้ำมันกระทะแรกจะต้องทอดรถด่วนหรือดักแด้ก่อน เพราะว่าแมลงพวกนี้ตัวสีขาว หากทอดหลังจากแมลงอื่น จะทำให้ดำ ไม่น่ากิน

ขายไปทอดไป น้ำมันพร่องก็ค่อย ๆ เติม โดยวันหนึ่ง ๆ จะต้องใช้น้ำมันพืช 2 ขวด

ส่วนวิธีขายนั้น ก็ไม่ยุ่งยากอะไร เมื่อก่อนใช้วิธีนับตัวขายกัน แต่ปัจจุบันใช้ถ้วยตวงเอา ขายในราคาถ้วยละ 10 บาท ทุกชนิด ยกเว้นแมลงป่อง-กบที่ขาย 3 ตัว 20 บาท ส่วนเขียดขาย 7 ตัว 10 บาทเมื่อตวงแมลงใส่ถุงแล้ว ก็ฉีดซอสลงไปเล็กน้อยเพื่อเพิ่มรสชาติและมีกลิ่นหอม

แน่นอน ซอสของร้านประสิทธิ์เขาก็มีวิธีการหมักไม่เหมือนใครด้วย โดยเจ้าตัวใช้ซอสแม็กกี้ 2 ขวด น้ำตาลทราย 2 ทัพพี และรสดีรสไก่ 2 ช้อนชา หมักใส่โถไว้ 2 วัน แล้วก็นำมาใช้

เจ้าแมลงทอดนี้ เป็นอาชีพที่เลี้ยงตัวได้ ไม่เดือดร้อนลูก ๆ หลาน ๆ เพราะขายหมดหักต้นทุนแล้วยังมีกำไรถึง 30% ซึ่งถือว่าใช้ได้

ใครที่สนใจอยากเป็นพ่อค้า-แม่ค้าขายแมลงทอด ก็ลองไปคุยกับเจ้าตัวได้ที่ ตลาด กม. 2 รามอินทรา ได้ทุกวันตั้งแต่ 16.00-21.30 น.

กินแมลงทอดปากซอยให้ปลอดภัย

คนไทยนิยมกินแมลงทอดมานานแล้ว  และนักวิทยาศาสตร์ชี้ให้เห็นว่าแมลงเป็นแปล่งรวมโปรตีนจึงมีการกินแมลงมาก ขึ้นในทุกแห่ง  เป็นอาหารขึ้นชื่อย่านปากซอยที่เราพบกันได้บ่อยๆในรูปแบบของรถเข็นและซา เล็ง  แต่กระทรวงสาธารณสุขได้ออกมาเตือนว่าอาจเป็นอันตรายหากปรุงไม่ถูกวิธี  ผู้นิยมกินแมลงทอดจึงควรปฏิบัติตามหลักเหล่านี้

1.ควรเป็นแมลงที่รู้จักและนิยมนำมารับประทานได้  ควรเลือกแมลงที่อาศัยในธรรมชาติและไม่ใช้สารเคมีป้องกันศัตรูพืช
2.ควรจับมาระหว่างมีชีวิตและปรุงทันที  หากตายแล้วอาจเสี่ยงต่อสารปนเปื้อนในตัวแมลง
3.หลีกเลี่ยงแมลงพาหะโรคร้าย เช่นแมลงวัน แมลงสาบ
4.หลีกเลี่ยงแมลงสีสันสดใส ส่วนใหญ่มีพิษมากกว่าไม่มีสี
5.ปรุงให้สุกก่อนรับประทานทุกครั้ง คั่ว ผัด ทอด ย่าง ปิ้ง ต้ม หรืออื่นๆ
6.ควรเด็ดปีก ขา ขน หรือหนามออกก่อนรับประทาน มิฉะนั้นจะตำคอเอาได้

คำแนะนำ : ผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ไม่ควรกินแมลงทอด อาจได้รับสารฮิสตามีนมาก ส่งผลให้แพ้และหากรับประทานมากอาจเสียชีวิต

Read More...


แปลกใหม่กับเยลลี่เห็ด

เยลลี่เห็ด


ส่วนมาก เยลลี่ที่วางขายตามท้องตลาด มักเป็นเยลลี่ปรุงแต่ง กลิ่น รส และมีส่วนผสมของน้ำผลไม้ต่าง ๆ ปัจจุบัน เยลลี่ได้รับการพัฒนาสินค้าให้มีความหลากหลาย แปลกลิ้น แปลกตาออกไป เช่น การทำเยลลี่จากเห็ด โดยเฉพาะจาก "เห็ดหูหนู" ซึ่งมีประโยชน์ต่อร่างกายคือ สามารถรักษาโรคกระเพาะและริดสีดวง
การทำเยลลี่จากเห็ด จึงเป็นการสร้างรายได้อีกช่องทางหนึ่ง เพราะเยลลีเห็ดมีขั้นตอนการทำที่ไม่ยุ่งยาก วัตถุดิบหาง่าย และการลงทุนไม่สูง

แปลกลิ้นด้วยเยลลี่เห็ด

ส่วนประกอบ
1. เห็ดหูหนู 250 กรัม
2. น้ำตาลทราย 250 กรัม
3. เกลือป่น 1 ช้อนชา
4. มะขามเปียก 1 ถ้วยตวง

วีธีทำ
    1. นำเห็ดหูหนูมาต้มให้เดือด นานประมาณ 5 - 10 นาที ตักขึ้น สะเด็ดน้ำให้แห้ง แล้วนำไปปั่น หรือบดอย่างละเอียด 2. นำเห็ดบดละเอียดใส่หม้อตั้งไฟ ใส่น้ำตาลทรายและเกลือตามกำหนด แล้วจึงเคี่ยวให้ละลายจนเข้ากันดี 3. เติมน้ำมะขามเปียกที่คั้นแล้ว ผสมกับเห็ดหูหนูที่เคี่ยวกับเครื่องปรุง เพื่อช่วยเพิ่มรสชาติให้เข้มข้น เคี่ยวด้วยไฟปานกลาง ใช้เวลาประมาณ 15 นาที 4. หลังจากเคี่ยวจนได้ที่ นำไปราดบนแผ่นพลาสติก ปาดให้ผิวเรียบ นำไปตาก 2 - 3 แดด หรือเข้าเตาอบ เพื่อให้เห็ดหูหนูแห้งสนิท 5. เมื่อเห็ดหูหนูเป็นแผ่นแห้งดีแล้ว ก็ม้วนตัดเป็นชิ้นๆ คลุกด้วยน้ำตาล

ลักษณะที่ดีของเยลลี่เห็ด
เยลลี่เห็ดที่ดีต้องมีลักษณะกึ่งแข็ง กึ่งเหลวพอเหมาะ

เรียบเรียงจาก
อู่ทิพย์. "ทำเห็ดให้เป็นของกินอร่อย ส่งเสริมอาชีพเพิ่มรายได้".
นิตยสารเส้นทางเศรษฐี. ปีที่ 5 ฉบับที่ 49 (มีนาคม 2542) : หน้า 88 - 89.

คำไข เคล็ดลับ - วิธีการ อาหาร เยลลี่เห็ด

แปลกใหม่กับเยลลี่เห็ด เป็นการแนะนำวิธีการทำเยลลี่จากเห็ด เหมาะสำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการสร้างความแปลกใหม่ในการทำเยลลี่ เยลลี่เห็ดมีขั้นตอนการทำที่ไม่ยุ่งยาก วัตถุดิบหาง่าย และการลงทุนไม่มาก

Read More...


น้ำฝรั่งพร้อมดื่ม

ฝรั่งเป็นผลไม้ที่ปลูกง่าย และได้ผลตลอดปี ในช่วงที่ผลไม้ชนิดอื่นออกมาพร้อมกัน ผู้บริโภคจะบริโภคฝรั่งสดน้อยลง ทำให้ฝรั่งมีราคาถูก ดังนั้น การพัฒนาผลฝรั่งให้เป็นน้ำฝรั่งพร้อมดื่มจะช่วยแก้ปัญหานี้ได้มาก

วิธีทำน้ำฝรั่งพร้อมดื่ม
สำหรับน้ำฝรั่งพร้อมดื่มนี้เป็นสูตรที่มีน้ำฝรั่งปนเนื้อ 25u0E41บ่งเป็น 2 สูตร คือ สูตรที่เตรียมจากน้ำฝรั่ง และสูตรที่เตรียมจากเนื้อฝรั่ง ดังนี้

สูตรที่ 1 เตรียมจากน้ำฝรั่ง

ส่วนผสม
น้ำฝรั่ง 250 กรัม
น้ำตาลทราย 127 กรัม
กรดมะนาว 1 กรัม
น้ำ 622 กรัม
วิธีทำ
1. ฆ่าเชื้อขวดและฝาที่จะใช้บรรจุ โดยการลวกด้วยน้ำเดือด
2. เตรียมน้ำเชื่อม โดยผสมน้ำตาลทราย กรดมะนาว และน้ำเข้าด้วยกัน แล้วต้ม
ให้เดือด กรองด้วยผ้าขาวบาง
3. ผสมน้ำฝรั่งกับน้ำเชื่อม คนให้เข้ากัน แล้วนำขึ้นตั้งไฟให้ได้อุณหภูมิ 85 องศา
เซลเซียส ใช้เทอร์โมมิเตอร์วัด เป็นเวลา 3 นาที ยกลง บรรจุขวดที่ลวกฆ่าเชื้อ
แล้ว ทำให้เย็นโดยแช่ในน้ำ
4. เก็บไว้ในตู้เย็น

สูตรที่ 2 เตรียมจากเนื้อฝรั่ง (ในกรณีที่ไม่มีเครื่องแยกน้ำผลไม้)

ส่วนผสม
เนื้อฝรั่ง 436 กรัม
น้ำตาลทราย 127 กรัม
กรดมะนาว 1 กรัม
น้ำ 622 กรัม
วิธีทำ
1. ฆ่าเชื้อขวดและฝาที่จะใช้บรรจุ เช่นเดียวกับวิธีการที่ 1
2. ปั่นฝรั่งด้วยเครื่องตี ปั่นกับน้ำประมาณ 1 ใน 3 ส่วน แล้วกรองผ่านกระชอนที่มี
ผ้าขาวบางชนิดหยาบซ้อนอยู่
3. เตรียมน้ำเชื่อม โดยผสมน้ำตาล กรดมะนาว และน้ำส่วนที่เหลือเข้าด้วยกัน แล้ว
ต้มให้เดือด กรองด้วยผ้าขาวบางชนิดละเอียด
4. ผสมน้ำฝรั่งและน้ำเชื่อมเข้าด้วยกัน นำขึ้นตั้งไฟให้ได้อุณหภูมิ 85 องศา
เซลเซียส โดยใช้เทอร์โมมิเตอร์วัดเป็นเวลา 3 นาที ยกลง บรรจุในขวดที่เตรียม
ไว้ แล้วทำให้เย็นโดยการแช่ในน้ำ
5. เก็บไว้ในตู้เย็น

เคล็ดลับง่าย ๆ การทำน้ำฝรั่ง
วิธีการข้างต้นนี้ เป็นเคล็ดลับวิธีการทำน้ำฝรั่งที่ถูกต้องและมีรสอร่อย

เรียบเรียงจาก
สมศรี ประพฤติธรรม และ เพชร กตัญญูกุล. " น้ำฝรั่งพร้อมดื่ม ".
นิตยสารเส้นทาง
เศรษฐี. ปีที่ 7 ฉบับที่ 79 (กันยายน, 2544) : หน้า 76.

คำไข : เคล็ดลับ - วิธีการทำน้ำฝรั่งให้อร่อย

น้ำฝรั่งพร้อมดื่ม เหมาะสำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการทำน้ำผลไม้ไว้จำหน่าย น้ำฝรั่งมีขั้นตอนการทำไม่ยุ่งยาก และมีต้นทุนต่ำ จึงน่าจะเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่ช่วยสร้างอาชีพให้กับผู้สนใจ

Read More...


ช่างทำกุญแจ

เงินลงทุน

ประมาณ 35,000 บาท (เครื่องตัดแต่งลูกกุญแจ ราคาประมาณ 20,000 - 40,000 บาทหุ่นกุญแจ ราคาประมาณ 8,000 บาท )
รายได้
500 - 1,000 บาท/วัน
วัสดุ/อุปกรณ์
เครื่องตัดแต่งลูกกุญแจ หุ่นกุญแจ (ลูกกุญแจที่จะนำมาก็อปปี้) โต๊ะ ตะไบ คีม ไขควง สว่านมือ
แหล่งจำหน่ายอุปกรณ์
คลองถม เวิ้งนาครเขษม
วิธีดำเนินการ
ขั้นตอนการทำกุญแจ คือดูหุ่น (กุญแจดอกที่จะทำการตัดแต่งให้เหมือนกับดอกที่ลูกค้านำมาให้ทำ) และดูร่องกุญแจ ซึ่งต้องอาศัยความแม่นยำในการจำ หาร่องเป็นแล้ว การทำกุญแจก็ง่าย เพราะสามารถเลือกหุ่นได้ตรงตามที่ต้องการจากนั้นนำหุ่นกุญแจและต้นฉบับที่ลูกค้านำมาให้ทำเข้าเครื่องตัดทั้ง 2 ดอก เมื่อได้ร่องกุญแจที่เหมือนกันแล้ว จึงนำดอกที่เพิ่งตัดออกมาใช้ตะไบไถคมเหล็กให้เรียบลื่นขั้นตอนนี้ใช้เวลาทำประมาณ 1-2นาทีเท่านั้น
ตลาด/แหล่งจำหน่าย
หน้าหมู่บ้านจัดสรร ปากซอยที่มีคนอยู่หนาแน่น
ข้อแนะนำ
1. ผู้ที่จะเป็นช่างทำกุญแจต้องใช้เวลาศึกษาให้ชำนาญ โดยการฝึกฝนเรียนทำกุญแจจากสถานที่ที่เปิดสอน หรือถ้าต้องการศึกษาด้วยตนเองก็ซื้อหนังสือ"คู่มือประกอบอาชีพช่างทำกุญแจ" มาศึกษาเอง (แต่อาจไม่สามารถชำนาญงานได้เท่ากับการฝึกเรียนเอง)
2. ต้องฝึกฝนการดูร่องของลูกกุญแจให้แม่นยำ
3. หากเงินลงทุนน้อย สามารถซื้ออุปกรณ์มาต่อเป็นโต๊ะเองได้
-----------------------------------
ที่มา
ส่งเสริมการมีงานทำ , กอง กรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม,"ช่างทำกุญแจ,"
150 อาชีพเส้นทางประกอบอาชีพอิสระ. กรุงเทพฯ ,2544 ,หน้า 193.

Read More...


บริการถ่ายเอกสาร

เงินลงทุน  
ประมาณ 70,000 - 150,000 บาท
- เครื่องถ่ายเอกสารมือสอง ราคาประมาณ 60,000 บาท ประสิทธิภาพในการถ่ายเอกสารประมาณ 30 แผ่น/นาที เครื่องใหม่ราคาประมาณ 150,000 บาท
- วัสดุ กระดาษถ่ายเอกสารขนาดต่างๆ หมึกสำหรับเครื่องถ่ายเอกสาร
อุปกรณ์
เครื่องถ่ายเอกสาร กระดาษถ่ายเอกสารขนาดต่างๆ หมึกสำหรับเครื่องถ่ายเอกสาร
รายได้ 
เฉลี่ยวันละประมาณ 1,000 - 1,500 บาท (ขึ้นอยู่กับทำเลที่ตั้งร้าน)
วิธีดำเนินการ
1. ทำเลที่ตั้งร้าน ซึ่งควรอยู่ในที่ชุมชน / ใกล้สถานที่ราชการ / ใกล้สถานศึกษา
2. ศึกษาประสิทธิภาพของเครื่องถ่ายเอกสารรุ่นต่างๆ เพื่อให้เหมาะสมกับงานที่ใช้ เพราะประสิทธิภาพของเครื่องที่แตกต่างกัน ราคาก็จะแตกต่างกันด้วย
3. ศึกษาวิธีการใช้เครื่องและการแก้ไขเบื้องต้น เมื่อเกิดปัญหาระหว่างการใช้งานจากพนักงานของบริษัท ที่ทางร้านได้สั่งซื้อเครื่องถ่ายเอกสาร
4. สั่งซื้อกระดาษถ่ายเอกสารขนาดต่างๆ เช่น A4, B4 เป็นต้น
5. จัดร้านให้ลูกค้าสามารถเห็นเครื่องถ่ายเอกสารได้ชัดเจน หรือติดป้ายประชาสัมพันธ์ให้เห็นเด่นชัด
6. อัตราค่าถ่ายเอกสาร ให้คิดตามขนาดกระดาษต้นแบบและลักษณะของการถ่ายเอกสาร เช่น


- กระดาษ A4 ราคาแผ่นละ 0.75 -1.00 บาท
- กระดาษ B4 ราคาแผ่นละ 1.50 - 2.00 บาท
- ย่อ ราคาแผ่นละ 2.00 บาท
- ขยาย ราคาแผ่นละ 2.00 บาท
(โดยต้นทุนอยู่ระหว่าง 40 - 50 สตางค์ / แผ่น)

7. คอยดูแลตรวจสอบเครื่องก่อนการใช้งานทุกครั้ง และหากมีไฟสัญลักษณ์ปรากฏเตือนบนแผงหน้าปัด ควรหยุดใช้งานทันที และตรวจสอบสิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้นจนไฟสัญลักษณ์นั้นหายไป จึงใช้งานต่อไป

ข้อแนะนำ
1. ควรให้บริการที่รวดเร็วและประทับใจ โดยอาจมีบริการเสริม เช่น รับเข้าเล่ม ทำปกรายงาน หรือรับพิมพ์งานร่วมด้วย
2. เมื่อเริ่มดำเนินกิจการใหม่ ควรใช้เครื่องถ่ายเอกสารมือสอง เพราะจะลดต้นทุนลงได้มาก
3. หากมีทุนไม่พอในการซื้อเครื่องถ่ายเอกสาร อาจใช้วิธีเช่าเครื่องถ่ายเอกสารแทนการซื้อก็ได้ โดยทางบริษัทจะคิดค่าเช่าเป็นรายแผ่น แผ่นละ 80 สตางค์ แต่ควรปรับเพิ่มอัตราค่าถ่ายเอกสารด้วย


ที่มา ส่งเสริมการมีงานทำ , กอง กรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม,"บริการถ่ายเอกสาร," 150 อาชีพเส้นทางประกอบอาชีพอิสระ. กรุงเทพฯ ,2544 , หน้า 184.

Read More...


ซาลาเปาทอดน้ำ แฟรนไชส์เพื่อสุขภาพ คืนทุนเร็วด้วยสูตรจีนกวางตุ้ง

รักอาชีพ : วันนี้จะขอพูดถึงธุรกิจแฟรนไชส์ทอด ๆ ที่ไม่ต้องใช้น้ำมัน!..เอ๊ะ หลาย ๆ ท่านคงจะส่งสัยว่าทอดได้อย่างไร เดี๋ยววันนี้รักอาชีพจะพาไปดู ซาลาเปาทอดน้ำ ที่เป็นเทคนิคการทอดซาลาเปา ซึ่งใช้น้ำเปล่าแทนน้ำมันในการทอด มีรูปแบบ และรสชาติของซาลาเปาที่ไม่เหมือนใคร และเจ้าของซาลาเปาทอดน้ำ ปัจจุบัน มีเจ้าดังรายหนึ่ง ที่ใช้ชื่อว่า “ซาลาเปาทอดน้ำ สูตรต้นตำรับเมืองกวางตุ้ง”
'ซาลาเปาทอดน้ำ' แฟรนไชส์เพื่อสุขภาพ คืนทุนเร็วด้วยสูตรจีนกวางตุ้ง
ซาลาเปาทอด น่าตาชวนชิม
นายดุสิต จันทร์โสม เจ้าของสูตรซาลาเปาทอดน้ำ บอกว่า ที่มาของซาลาเปาทอดน้ำ มาจากญาติไปทำงานที่เมืองจีน พอกลับมาได้สูตรซาลาเปาทอดน้ำกลับมา และมาปรับทำขายที่อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี และตนเองก็ไปช่วยขาย ซึ่งขายดีมาก และการที่ได้ไปช่วยญาติขาย ก็เท่ากับเราได้ไปฝึกการทำไปด้วย ฝึกจนเกิดควาามชำนาญ จึงได้ขอมาทำขายของตัวเองที่ตลาดถนนคนเดินด้านหลังมหาวิทยาลัยขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น

'ซาลาเปาทอดน้ำ' แฟรนไชส์เพื่อสุขภาพ คืนทุนเร็วด้วยสูตรจีนกวางตุ้ง
พี่ดุสิต จันทร์โสม เจ้าของซาลาเปาทอดน้ำ
"ช่วงแรกขายได้ไม่มาก พอมีกำไร แต่เปิดได้ระยะหนึ่งหลาย ๆ คนเริ่มรู้จัก ได้ทดลองชิม ก็เกิดการบอกกันแบบปากต่อปาก ทำให้ในระยะหลังขายดีมาก มีคนมาต่อคิวเพื่อรอซื้อกันเป็นจำนวนมาก คนที่ผ่านไปผ่านมาได้เห็นคนซื้อกันเยอะมากแบบไทยมุง ก็อยากได้สูตรกลับไปทำขายบ้าง ก็มีคนมาขอซื้อสูตรกันเป็นจำนวนมากเลยทีเดียว"

พี่ดุสิต ก็เกรงว่า สุดท้ายเขาก็จะเอาสูตรไปขายต่อ ก็เลยตัดสินใจเปิดขายอาชีพในระบบ "กึ่งแฟรนไชส์" แน่นนอนว่า คนต่างจังหวัดส่วนใหญ่ไม่ค่อยรู้เรื่องแฟรนไชส์มากนัก จนสุดท้ายก็ไปขอความรู้จากทางสมาคมแฟรนไชส์ และนำความรู้ที่ได้ตรงนั้น มาประยุกต์ใช้กับซาลาเปาทอดน้ำ จนมาเป็นแฟรนไชส์ซาลาเปาทอดน้ำ สูตรต้นตำรับเมืองกวางตุ้งจนถึงปัจจุบันนี้ ระยะเวลาในการเปิดขายแฟรนไชส์เป็นเวลาเกือบ 2 ปี มีสาขาแฟรนไชส์ประมาณ 52 ราย ทั่วประเทศ!

“ส่วนร้านซาลาเปาทอดน้ำของผมที่เปิดขายที่ มหาวิทยาลัยขอนแก่นเราเปิดมาได้ประมาณ 5 ปี ยอดขายต่อวันประมาณ 4,000 บาท ถึง 5,000 บาท โดยเปิดขายในช่วงเย็น ประมาณ 4 โมงเย็น ถึง 3 ทุ่ม เป็นตลาดถนนคนเดิน ทำให้มีลูกค้าเดินค่อนข้างมากในแต่ละวัน ส่วนสาขาแฟรนไชส์ขึ้นอยู่กับทำเล โดยลูกค้าแฟรนไชส์ที่เปิดขายแล้ว มีรายได้ต่อวันตั้งแต่ 1,000 บาท สูงสุดวันละ 10,000 บาท ก็มี เฉลี่ยวันละ 5,000 บาท ซึ่งโอกาสคืนทุนค่อนข้างแน่นอนไม่เกิน 2-3 เดือน โอกาสจะขาดทุนนั้นน้อยมาก" พี่ดุสิต กล่าว
'ซาลาเปาทอดน้ำ' แฟรนไชส์เพื่อสุขภาพ คืนทุนเร็วด้วยสูตรจีนกวางตุ้ง
บรรยากาศหน้าร้านที่หลัง ม.ขอนแก่น
ราคาแฟรนไชส์ เริ่มต้นที่ 19,000 บาท และ 29,000 บาท โดยราคาแตกต่างกันตรงอุปกรณ์ในการขาย ถ้า 19,000 บาท จะได้ป้ายพร้อมสูตร และวิธีการทำ ส่วน 29,000 บาท จะได้ ป้าย และอุปกรณ์การขาย สอนสูตร

แฟรนไชส์ของพี่ดุสิตนี้ ก็มีกติกาอยู่ว่า.... จะเก็บค่าแฟรนไชส์ครั้งเดียว ส่วนสูตรลับที่ไม่สามารถเปิดเผยได้ จะทำออกมาในลักษณะของผงปรุงรส โดยจะจัดส่งสัปดาห์ละครั้ง ลูกค้าจะต้องซื้อผงปรุงรสตัวนี้จากส่วนกลางเท่านั้น ไม่อนุญาตให้ไปปรุงเอง เพราะเกรงว่ารสชาติจะออกมาไม่เหมือนกัน ส่วนวัตถุดิบอื่นแนะนำแหล่งซื้อที่ราคาถูกให้

ปัจจุบันมีให้เลือกถึง 10 ไส้ด้วยกัน หลัก ๆ ก็จะมี ไส้ครีม, เผือก, ถั่วดำ, ถั่วแดง, ถัวเหลือง, ทูน่า และไส้ผัก เป็นต้น
จุดแตกต่างของซาลาเปาทอด กับซาลาเปานึ่งจะแตกต่างกันที่รสชาติและเนื้อแป้ง ซาลาเปาทอดเนื้อแป้งจะแน่นกว่า คล้าย ๆ กับแฮมเบอร์เกอร์ ซึ่งการทอดจะทอดในกระทะ และใส่น้ำเปล่า แทนการใส่น้ำมัน เมื่อทอดจนชำนาญเนื้อแป้งด้านบนจะเป็นสีเหลืองเหมือนไหม้ ซึ่งซาลาเปาทอดน้ำ จะเหมาะกับคนรักษ์สุขภาพ ที่ชื่นชอบการกินซาลาเปาทอด เพราะไม่มีน้ำมัน หรือไขมันที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ
'ซาลาเปาทอดน้ำ' แฟรนไชส์เพื่อสุขภาพ คืนทุนเร็วด้วยสูตรจีนกวางตุ้ง
ตัวอย่างสาขาแฟรนไชส์ สามารถไปดูได้ที่ พัทยา อยุธยา นครราชสีมา ชลบุรี และปทุมธานี ซึ่งได้รับการตอบรับจากคนทั่วไปเกินว่าที่คาดคิด ทำให้ตั้งใจว่าจะเปิดสาขาแฟรนไชส์ให้ได้ปีละ 50 สาขา ส่วนผลตอบแทนที่ได้ค่อนข้างสูง กำไรต่อลูกประมาณ 50% สำหรับไส้หมู ส่วนไส้ครีม และอื่นๆ กำไรมากกว่านี้ ประมาณ 60% โดยราคาขายซาลาเปาทอดน้ำอยู่ที่ลูกละ 10 บาท ลูกค้ามีทุกเพศทุกวัย ตั้งแต่เด็กเล็ก วัยรุ่น ไปจนถึงคนเฒ่า คนแก่

ของทอด ๆ ที่มีแต่น้ำมัน เหล่าคนรักสุขภาพจำนวนไม่น้อยที่ยังเสาะหาอาหารที่ดีต่อสุขภาพ และรักอาชีพเชื่อว่า ธุรกิจนี้ ตรงกับความต้องการของผู้คนเหล่านี้อย่างแน่นอน อีกทั้งเป็นการประหยัดค่าน้ำมันด้วยการใช้น้ำเปล่าแทนอีกด้วย
หากท่านใดสนใจก็สามารถติดต่อได้ที่ :

โทร. 08 -1286 -1163 | 08 -5838 -1276

เรียบเรียงใหม่
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : ผู้จัดการออนไลน์

Read More...


ข้าวเหนียวมูน-น้ำกะทิทุเรียน

ทำง่ายๆ แต่ก็ 'ไม่ธรรมดา'
 
 
ทุเรียน มะม่วง เป็นเสมือนสัญลักษณ์ของผลไม้ฤดูร้อน และข้าวเหนียวมะม่วง ข้าวเหนียวทุเรียน ก็เป็นขนมหวานอีกสองชนิดที่ถือเป็นเมนูเด็ดดาวเด่นประจำช่วงหน้าร้อน เพราะต้องรอกันมาทั้งปีกว่าจะได้กินกันเต็มที่ ซึ่งวันนี้ทีม “ช่องทางทำกิน” ก็มีข้อมูลอาชีพการขาย “ข้าวเหนียวมูน-น้ำกะทิทุเรียน” มาเสนอ...
“พิกุล ศรแก้ว” หรือ “ก้อย” ทายาทผู้สืบทอดกิจการร้านข้าวเหนียวมูน ช. ศรแก้ว รุ่นสาม ต่อจากคุณแม่ พิสมัย ศรแก้ว เล่าให้ฟังว่า ร้านข้าวเหนียวมูนร้านนี้เปิดขายมากว่า 30 ปี สืบทอดฝีมือการมูนข้าวเหนียวโบราณมาจากรุ่นคุณยายซึ่งทำขายอยู่ในตลาดศรีราชา จ.ชลบุรี เป็นสูตรพิเศษที่สืบทอดกันมาในครอบครัว ซึ่งก่อนจะมารับช่วงกิจการก็ไปเรียนปริญญาโทด้านนิเทศศาสตร์ ที่สหรัฐอเมริกา เรียนจบก็ทำงานเป็นเชฟร้านอาหารไทยในรัฐเทกซัส จนเมื่อคุณพ่อเสียจึงกลับมาช่วยดูแลกิจการของที่บ้าน    

“ร้านเราเลือกใช้วัตถุดิบที่ดีที่สุด เช่นข้าวเหนียวเลือกใช้พันธุ์เขี้ยวงูคัดพิเศษ ซึ่งเป็นข้าวเหนียวกลางปี เม็ดจะสวย อวบ ยาว และขาวสะอาด ซึ่งต้องสั่งตรงมาจาก จ.เชียงราย ส่วนกะทิที่ใช้คั้นใหม่สดทุกวัน ข้าวเหนียวมูนของที่ร้านสามารถเก็บไว้ได้นาน 2 วันโดยไม่ต้องเข้าตู้เย็น ไม่ใช่เพราะใส่สารกันบูด แต่เพราะคุณภาพของข้าวเหนียวมูนที่ผ่านกรรมวิธีที่สะอาด  มีความใหม่สดทุกวัน  เราใส่ถึงเครื่องถึงรส เพื่อรักษาคุณภาพต้นฉบับดั้งเดิม และคำนึงถึงความรู้สึกของลูกค้าเป็นสำคัญ”
    
จุดเด่นของข้าวเหนียวมูนร้านนี้ ก้อยบอกว่า อยู่ที่การผสมกะทิ ให้เข้ากับเนื้อข้าวเหนียวได้อย่างลงตัว มีความหอม หวาน มัน กลมกล่อมพอดี ตัวข้าวเหนียวนุ่มหนุบ เวลาเคี้ยวจะได้ความอร่อยครบครัน 
    
สำหรับ “ข้าวเหนียวมูน-น้ำกะทิทุเรียน” วัตถุดิบ/ส่วนผสมใช้ทำ ตามสูตรก็มี... ข้าวเหนียวเขี้ยวงูคัดพิเศษ 1 กก., หัวกะทิ 10 ถ้วย, หางกะทิ 1 ถ้วย, น้ำตาลปี๊บ หรือน้ำตาลปึก 6 ช้อนโต๊ะ, เกลือป่น 2 ช้อนชา และเนื้อทุเรียนสุกหั่นเป็นชิ้น  4 ถ้วย
    
ส่วนอุปกรณ์ที่ใช้ หลักๆ ก็มี... เตาแก๊ส, ลังถึง, ไม้พาย, กะละมังขนาดใหญ่, หม้อสเตนเลส, ทัพพี, กระชอน, ผ้าขาวบาง, ฝาครอบ  และเครื่องไม้เครื่องมือเบ็ดเตล็ดอื่น ๆ ที่สามารถหยิบฉวยได้จากในครัว 
    
ขั้นตอนการทำ “ข้าวเหนียวมูน-น้ำกะทิทุเรียน” เริ่มจากลงมือทำข้าวเหนียวมูนก่อน อันดับแรกนำข้าวเหนียวที่เตรียมไว้มาแช่น้ำสะอาด ทิ้งไว้ประมาณ 4 ชั่วโมง จากนั้นเอามาซาวน้ำ ล้างให้สะอาด ก่อนจะนำขึ้นนึ่งในลังถึง ให้รองผ้าขาวบางในลังถึง เกลี่ยข้าวเหนียวให้ทั่ว นึ่งในน้ำเดือดไฟแรงประมาณ 35 นาทีเพื่อให้เม็ดข้าวเหนียวอ่อนนุ่ม ระหว่างรอข้าวเหนียวสุกก็เตรียมทำน้ำกะทิที่ใช้ในการมูนข้าวเหนียว 
    
การทำน้ำกะทิ นำหัวกะทิสดที่คั้นเตรียมไว้ 2 ส่วน โดยส่วนแรกนำมาใช้มูนข้าวเหนียว อีกส่วนใช้ทำน้ำกะทิทุเรียน ผสมน้ำกะทิสดส่วนแรก  น้ำตาลปี๊บ เกลือ ให้รสชาติออกหวานเค็มพอดี ๆ ใช้ทัพพีคนส่วนผสมให้ละลาย กรองด้วยผ้าขาวบาง ยกขึ้นตั้งไฟอ่อน ๆ คนอย่าให้เป็นลูก พอส่วนผสมพอเดือด รีบยกลงตั้งพักไว้
    
เมื่อข้าวเหนียวสุก ยกลงจากเตาเทใส่กะละมัง เอาน้ำกะทิส่วนแรกที่ผสมเสร็จแล้วเทราดใส่ตามลงไปขณะร้อน ๆ ใช้ไม้พายมูนข้าวเหนียวกับน้ำกะทิให้เข้ากันจนทั่ว ปิดฝาพักไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง เพื่อให้ความร้อนจากข้าวเหนียวดูดซึมน้ำกะทิให้แห้ง
    
ต่อไปเป็นขั้นตอนการทำน้ำกะทิทุเรียน นำน้ำกะทิส่วนที่สองที่เตรียมไว้ น้ำตาลปี๊บ และเกลือ ใส่ลงในหม้อ คนให้เข้ากัน ยกขึ้นตั้งไฟ อ่อน ๆ พอเริ่มเดือดรีบยกลง นำเนื้อทุเรียนสุกที่หั่นเป็นชิ้น ๆ เตรียมไว้ ใส่ตามลงไป คนให้ส่วนผสมพอเข้ากัน เพียงเท่านี้ก็เสร็จเรียบร้อย 
    
การจัดเสิร์ฟ การขาย ก็ตักข้าวเหนียวมูนใส่ถ้วย ตักน้ำกะทิพร้อมเนื้อทุเรียนราดข้างบน
    
ราคาขายข้าวเหนียวมูน-น้ำกะทิทุเรียน ชุดละ 50 บาท ข้าวเหนียวมูน กก.ละ 120 บาท และร้านนี้ยังมีสังขยา ถ้วยละ 25 บาท, หน้าปลาแห้ง-หน้ากุ้ง กระปุกละ 30 บาท, ข้าวเหนียวมูนหน้าต่าง ๆ 10 บาท สำหรับมะม่วงสุก ราคาขายตามฤดูกาล ถ้าเป็นหน้ามะม่วงก็จะมีมะม่วงพันธุ์อกร่อง น้ำดอกไม้สวน น้ำดอกไม้ห่อ รวมถึงยังมีข้าวเหนียวมูนสมุนไพร ข้าวเหนียวมูนธัญพืช  ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง เม็ดขนุน ขายด้วย

ร้านข้าวเหนียวมูน ช. ศรแก้ว อยู่ในซอยโชคชัยร่วมมิตร ทางเข้าหมู่บ้าน ต.รวมโชค หรือโชคชัย 4 ซอย 54 ร้านอยู่ทางขวามือ หลังที่ 6  สังเกตจะมีช่อมะม่วง 2  ช่อโชว์เด่นอยู่หน้าร้าน เปิดขายตั้งแต่เวลา 6 โมงเช้า ถึง 3 ทุ่ม มีบริการส่ง และรับจัดงานนอกสถานที่ โดยติดต่อได้ที่ โทร.0-2931-0000, 0-2931-0005 หรือ 08-1868-5384 ทั้งนี้ ขายข้าวเหนียวมูนก็เป็น “ช่องทางทำกิน” ที่น่าสนใจ พลิกแพลง-สร้างเมนูได้หลากหลาย 
    
รวมถึง “ข้าวเหนียวมูน-น้ำกะทิทุเรียน”.

Read More...


คล้ายร้อนกับธุรกิจไอศครีมโฮมเมด

ทุกวันนี้ ประเทศไทยร้อนขึ้นเสมอ ๆ ส่งผลให้การทำกิจการ-การทำอาชีพขายไอศกรีม ได้รับการตอบรับดี และมีความก้าวหน้าอย่างมาก รวมถึงมีความแปลกใหม่ให้ได้ลิ้มลองอยู่เสมอ ซึ่งทีม ช่องทางทำกิน ก็เคยนำเสนอไปบ้างแล้ว และวันนี้ก็มีข้อมูล ไอศกรีมโฮมเมด มานำเสนออีกครั้ง
ธุรกิจไอศกรีมในไทย มีทั้งแบบเดิม ๆ รวมไปจนถึงการขยายช่องทางมาจากโรงงาน ไอศกรีมของบริษัทต่างชาติยักษ์ใหญ่ด้วยการขายแฟรนไชส์ไอศกรีม รวมทั้งยังมี ไอศกรีมโฮมเมด ในรูปแบบ และยี่ห้อต่าง ๆ และก็มีไอศกรีมที่สร้างสรรค์ขึ้นเองโดยคนไทย ด้วยรสชาติที่ถูกปากคนไทย อย่างเรา ๆ ประกอบกับยุคนี้ยังมีเครื่องผลิตไอศกรีมจำหน่ายอย่างแพร่หลาย ทำให้การทำไอศกรีมนั้นง่ายขึ้นกว่าในอดีต

แม้มองโดยทั่วไปจะดูเหมือนว่า กิจการไอศกรีมน่าจะถึงจุดอิ่มตัวแล้ว แต่ธุรกิจนี้ยังมีช่องว่าง ยังพอมีทางให้เดินได้อีก และวันนี้คอลัมน์ ช่องทางทำกิน ขอนำเสนอธุรกิจไอศกรีมโฮมเมดเล็ก ๆ แต่น่าสนใจรายหนึ่ง ซึ่งน่าจะเป็นแนวทางสำหรับผู้สนใจจะทำธุรกิจไอศกรีมโฮมเมดได้


ปัทมา เอี่ยมวิจารณ์ เป็นเจ้าของธุรกิจไอศกรีมโฮมเมด แบรนด์ เจลาโต้ คาริโน่ เจ้าตัวบอกว่า เพิ่งจะมาจับธุรกิจนี้ได้ไม่นาน โดยมีที่มาที่ไปคือ ส่วนตัวมีความชอบ สนใจในเรื่องสุขภาพ และมองว่าเมืองไทยเป็นเมืองร้อน ไอศกรีมน่าจะขายได้ และไอศกรีมไขมันต่ำก็กำลังเป็นที่นิยม จึงไปเรียนทำและขอคำปรึกษาจากคนรู้จักกัน จากนั้นได้พยายามปรับปรุงสูตรจนเป็นที่น่าพอใจ

ที่มาของชื่อแบรนด์คือ จีลาโต้ มีต้นกำเนิดมาจากประเทศจีน จี คือ จีน และจีลาโต้ คือคนอิตาลีนำมาปรับปรุง ซึ่งเขาให้เกียรติจีน ก็เลยเรียกว่า จีลาโต้ หรือเจลาโต้ เป็นชื่อสามัญทั่วไปที่ทุกคนมีสิทธิใช้ ส่วนคำว่าคาริโน่ เป็นภาษาอิตาลี แปลเป็นไทยหมายถึง ความน่ารัก อ่อนหวาน”ปัทมาอธิบาย

ไอศกรีมที่ผลิต มีมากกว่า 50 รสชาติ ถ้ารวมผลไม้ตามฤดูกาลก็จะมีมากถึง 60-70 รสชาติ ตัวอย่างรสชาติที่ได้รับความนิยมมาก จะเป็นจำพวก โยเกิร์ตบลูเบอร์รี่ โยเกิร์ตส้ม ทีรามิสุ และ รัมเรซิ่น หรือ ช็อกโกแลตชิพ หากจะเพิ่มรสชาติความอร่อย และเรียกลูกค้าให้ได้มากขึ้น จะต้องขายคู่กับ วาฟเฟิลโคน ซึ่งทางร้านนี้ได้ผลิตขึ้นสด ๆ สำหรับลูกค้าที่ชอบการทานไอศกรีมแบบโคน

ปัทมาเล่าต่อไปว่า การลงทุนในธุรกิจไอศกรีมโฮมเมดนี้ เบื้องต้นจะต้องใช้เงินลงทุน 100,000-150,000 บาท ซึ่งเป็นค่าอุปกรณ์ อาทิ เครื่องทำไอศกรีม ตู้แช่ไอศกรีม และตู้เย็น (สำหรับขาย) ยังไม่ได้รวมค่าการตลาด (ถ้ามี) ส่วนการลงทุนในเนื้อไอศกรีมนั้น ก็จะเป็นอีกส่วนหนึ่ง

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : เดลินิวส์

Read More...


ตลาดนัด กิ๊ฟช็อป แหล่งทำเงินที่ไม่ควรมองข้าม

หลาย ๆ คนคงคุ้นเคยกับสถานที่อยู่ที่หนึ่ง ที่มีผู้คนเยอะแยะมากมายนั้นก็คือ "ตลาดนัด" ที่มีให้เห็นตามย่านที่ต่าง ๆ มากมาย เมื่อมองดูเผิน ๆ อาจจะเป็นแหล่งขายของ หรือร้าน "กิ๊ฟช็อป" ธรรมดา ๆ แต่มันได้กลายเป็นแหล่ง"อาชีพเสริม"  ของใครอีกหลายคน เพราะสามารถสร้างรายได้ให้กับ พ่อค้า แม่ค้า ได้มากมาย และวันนี้ "รักอาชีพ" ก็มีตัวอย่างดี ๆ สำหรับผู้ที่ต้องการที่จะเข้ามาทำร้าน กิ๊ฟท์ช็อปตามตลาดนัด กันครับ

ตลาดนัด กิ๊ฟช็อป แหล่งทำเงินที่ไม่ควรมองข้าม
ภาพจาก : thaigoodview

ปีติภัทร ปัญญาสุขศิริ ได้เปิดร้าน กิ๊ฟท์ช็อปในตลาดนัดมาเป็นเวลานานแล้ว ซึ่งคุณ ปีติภัทร ก็ได้บอกว่า
"เป็นอาชีพอิสระ ทำแล้วสนุก มีรายได้ที่ดี ลงทุนไม่มากนัก" ส่วนเงินทุนต่าง ๆ ก็ต้องขึ้นอยู่กับทำเลที่จะขาย แหล่งขายของราคาส่ง ที่ถูกที่สุดในเขตกรุงเทพฯ ก็ที่ "ตลาดสำเพ็ง" ครับ แหล่งสินค้าที่หลากหลายมากมากทีเดียว

ตลาดนัด กิ๊ฟช็อป แหล่งทำเงินที่ไม่ควรมองข้าม
ภาพจาก : pak-soi

แหล่งขายของตลาดนัดนั้น หากเป็นเขตสำนักงานก็จะแบบ่งออกเป็น 3 แบบคือ ตลาดนัดช่วงเช้า, ตลาดนัดช่วงกลางวัน และตลาดนัดช่วงเย็น เพราะตรงกับการพัก หรือเลิกงานของพนักงาน
หาคิดที่จะยึดอาชีพนี้ ก่อนอื่นต้องสำรวจก่อนเลย ว่ามีตลาดที่ไหนบ้าง เวลาขายเป็นอย่างไร ค่าเช่าที่เท่าไหร่ ฯลฯ หากได้ข้อมูลส่วนต่าง ๆ แล้วก็อย่ารอช้า ลงมือทำกันเลย!

- ใน 1 วัน ควรที่จะต้องขายให้ได้ประมาณ 2 ที่เป็นอย่างน้อย เพราะหากขายที่เดียวกันตลอด ลูกค้าจะไม่ซื้อสินค้านั่นเอง สิ่งที่สำคัญมาก ๆ นั่นก็คือ ทำเลที่ตั้ง เพราะมันจะเป็นตัวกำหนดว่าเราควรจะจัดร้านอย่างไร ลงทุนแบบไหนดี เป็นต้น

- เมื่อได้ข้อมูลที่ขายของแล้ว มาดูเรื่องการเลือกซื้อสินค้าที่จะลงร้าน ซึ่งควรเป็นสินค้าที่ตัวเองชอบ เพราะจะได้รู้ข้อมูลมากกว่าสินค้าที่ตัวเองนั้น ไม่ค่อยนำมาขาย จะช่วยประหยัดเวลาในการหาข้อมูลไปในตัว แต่ละอย่าง ไม่ต้องวางขายเยอะแยะ ให้ดูน้อยชินเพื่อไม่ให้สินค้าดูเก่อ หรือดูมากจนเกินไป ควรจัดหน้าร้านให้หน้ามอง สะดุดสายตาผู้คนที่เดินผ่านไป มา เรียงของให้เป็นระเบียบเรียบร้อย ให้ดูสะอาดตา

- การตั้งราคา ให้ตั้งราคาสินค้าบวกเข้าไปให้มากกว่า 50% ของราคาทุนเลย เพราะเราต้องคิดถึงเรื่องค่าใช้จ่ายต่าง ๆ กำไรตรงนี้ก็จะได้ไปช่วยเรื่องพวกนี้ได้ เช่น ค่ารถ ค่าที่เช่า ต่าง ๆ ให้มันคุ้มกับค่าเหนื่อยด้วย แต่การตั้งราคานั้น จะต้องดูการตั้งราคาในระแวกนั้น ๆ ด้วย หากระแวกนั้น มีร้านขายของหรู ๆ ก็ตั้งราคาดีหน่อย ทั้งนี้ก็เพื่อที่จะให้ลูกค้าเปรียบเทียบคุณภาพ และราคาได้
 

ตลาดนัด กิ๊ฟช็อป แหล่งทำเงินที่ไม่ควรมองข้าม
ภาพจาก : travel.thaiza

การทำอาชีพนี้ ควรอัพเดทข้อมูลสินค้าอยู่ตลอดเวลา ควรที่จะแวะสำรวจร้านขายอื่น ๆ หรือแหล่งสิงค้าอื่นอยู่บ่อย ๆ ด้วย และต้องมีไหวพริบต่าง ๆ ในการค้าขาย มีความเป็นมิตรระหว่างผู้ค้า กับ ผู้ค้าในตลาดนั้น ๆ ด้วย เพราะจะมีสิ่งดี ๆ ตามมานั้นเอง

อย่ามองข้าม "ตลาดนัด" เด็ดขาย! เพราะนี้ คือแหล่งสร้าง "รายได้เสริม" ให้กับคุณ ๆ ได้อยากมากมาย ไม่เชื่อก็ต้องลอง!

Read More...


อาชีพเสริม 'เฉาก๊วยเฮฮา' แฟรนไชส์ไอเดียสุดเจ๋ง!

อากาศร้อน ๆ อย่างนี้คงหนีไม่พ้นธุรกิจคล้ายร้อน ในวันนี้ผมมีอาชีพเสริมดี ๆ เจ๋ง ๆ มาแนะนำในช่วงที่บ้านเราอากาศร้อน ๆ นั่นก็คือ 'เฉาก๊วยเฮฮา' แฟรนไชส์ไอเดียสุดเจ๋ง


ภาพจาก : อีจ๊อบอีซี่



ธุรกิจ แฟรนไชส์ เฉาก๋วยเฮฮา ได้เติบโตขึ้นกับ วงศ์สถิตย์ อนันตกฤตยาธร ดีกรีหนุ่มนักเรียนนอกที่จบมากทางด้านบริหารธุรกิจ ได้ทำงานในองค์กรขนาดใหญ่ ๆ จากที่ได้เป็นมนุษย์เงินเดือนได้เพียง 6 เดือนก็ลาออก เพราะรู้สึกว่ามันไม่ใช่ตัวเอง เค้าได้นำวิชาความรู้ที่ได้จากการศึกษาเล่าเรียน และการทำงานมาใช้กับอาชีพเสริมของตัวเอง

ภาพจาก : สมาคมส่งเสริมเทคโนโลยี (ไทย-ญี่ปุ่น)


โดยเริ่มจากเคาน์เตอร์เล็ก ๆ หน้าร้านอาหารของคุณแม่ เพราะอาชีพของคุณแม่คือทำร้านอาหาร แต่ยังขาดของหวานไว้ให้บริการลูกค้า คุณวงศ์สถิตย์ จึงคิดหาขนมที่ทำได้ไม่ยุ่งยาก มาเสริฟให้ลูกค้า จนมาลงตัวที่เฉาก๊วย เพราะว่าสามารถเก็บไว้ได้นาน ทานง่าย 

พอขายดีขึ้นก็หันมาทำธุรกิจ แฟรนไชส์ เฉาก๊วยเฮฮา นี้อย่างเต็มตัว โดยได้การตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี จนลูกค้าหลายรายเริ่มร้องขอให้เปิดแฟรนไชส์ 'เฉาก๊วยเฮฮา' จนถึงทุกวันนี้มีสาขาทั้งหมด 21 สาขา ใช้เวลาเพียง 9 เดือน เพราะด้วยรูปลักษณ์ที่ดูดี ทันสมัย บวกกับรูปแบบของรถเข็น ที่สะดุดตาผู้ที่ผ่านไปมาได้อย่างง่ายดาย จนส่งผลให้มีผู้สนใจซื้อแฟรนไชส์เป็นจำนวนมาก

คุณวงศ์สถิตย์ อนันตกฤตยาธร กล่าวว่า:
การสร้างแบรนด์ คือสิ่งแรกที่ต้องคิด โดยต้องเป็นชื่อที่จำได้ง่าย ซึ่งก็ได้คำว่า 'เฮฮา' เฉาก๊วยเฮฮาไม่ใช่เฉาก๊วยที่อร่อยที่สุดในขณะนี้ เพียงแต่เรามีรสชาติ และความอร่อยที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ ด้วยเนื้อเฉาก๊วยที่เหนียวนุ่ม ราดด้วยน้ำเชื่อมที่ไม่เหมือนน้ำเชื่อมทั่ว ๆ ไป เป็นสูตรที่นำมาจากขนมของคนจีน ซึ่งเราเอามาดัดแปลงใส่ลงไปในเฉาก๊วย โรยหน้าด้วยพุทราเชื่อม วุ้นมะพร้าว แปะก๊วย และน้ำตาลทรายแดงเพิ่มความหอมอร่อย และความโดดเด่นของเฉาก๊วยเฮฮาอีกประการก็น่าจะอยู่ที่รูปแบบของรถเข็นที่เป็นรถไม้ที่สะดุดตาลูกค้าตั้งแต่แรกเห็น และด้วยภาชนะที่ใส่เป็นกระดาษ ซึ่งบ่งบอกถึงการรักษาสิ่งแวดล้อมนั่นเอง

ในเรื่องของการลงทุนนั้น
- ใช้เงินลงทุนไป 22,000 บาท
- คีออส ลงทุน 12,000 บาท

โดนมีสัญญา 3 ปี ใช้ทุนในการต่อสัญญาปีละ 10,00 บาท โดยได้กำหนดให้แฟรนไชส์ซื้อวัตถุดิบจากร้านเจ้าของแฟรนไชส์ นั้นก็คือ กระดาษ เฉาก๊วย น้ำเชื่อม และน้ำตาลทรายแดง และได้กำหนดราคาอยู่ที่แก้วละ 20 บาท ซึ่งเป็นราคาที่เหมาะสม


ภาพจาก : ksmecare

อากาศร้อน ๆ กับแฟรนไชส์ไอเดียดี ๆ แบบนี้ ไม่ควรพลาดกับผู้ที่สนใจกับธุรกิจแบบนี้ แต่ก็ใช่ว่า เฉาก๊วยนั้นจะทานได้เฉพาะหน้าร้อนเท่านั้น แต่มันสามารถทานได้ตลอด เพราะทานง่าย ผมก็ขอแนะนำอาชีพเสริมดี ๆ อีกหนึ่งอาชีพที่น่าสนใจไม่น้อย สำหรับผู้ที่มีงานทำอยู่แล้ว ก็สามารถจ้างลูกจ้างมาขายแทน ก็เป็นรายได้เสริมที่ดีเลยทีเดียว ^.^

สนใจกับธุรกิจแฟรนไชส์๋นี้ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่:

โืทร.087-501-7755
R-mail heyhaa.dessert@gmail.com
Url
www.heyhaa.com

Read More...


ไอศครีมผลไม้รูปไข่ 'I-maru' สุดยอดแฟรนไชส์กับไอเดียสุดเจ๋ง หนึ่งเดียวในโลก

รักอาชีพ : วันนี้มีแฟรนไชส์เย็น ๆ เหมาะกับอากาศบ้านเราอีกหนึ่งแฟรนไชส์ นั่นคือ I-maru ไอศกรีมผลไม้รูปไข่ รูปทรงภายนอกคล้ายไข่ แต่เนื้อในกลับเป็นไอศกรีมผลไม้แท้ ๆ เป็นครั้งแรกในโลกจากฝีมือเอสเอ็มอีไทย ที่มุ่งขยายตลาดทั้งส่งออก ควบคู่กับในประเทศ ที่มีทั้งคุณภาพ และรสชาติเยี่ยม ไม่แปลกที่หากได้ชิมแล้วจะติดใจ เรามาดูรายละเอียดกันเลยดีกว่า

ไอศกรีมผลไม้รูปไข่ 'I-maru' สุดยอดแฟรนไชส์กับไอเดียสุดเจ๋ง หนึ่งเดียวในโลก, แฟรนไชส์

พี่มรุต ชโลธร เจ้าของกิจการ และผู้บุกเบิกไอศกรีมแบรนด์ I-maru จากบริษัท อินโนเวชั่น ฟู้ด แพคเกจจิ้ง จำกัด


ไอศกรีมผลไม้รูปไข่ 'I-maru' สุดยอดแฟรนไชส์กับไอเดียสุดเจ๋ง หนึ่งเดียวในโลก, แฟรนไชส์
มรุต ชโลธร เจ้าของกิจการ

"ทุเรียนแปรรูปในท้องตลาดทั่วไปจะมีแต่แบบเดิม ไม่กวนก็ทอดกรอบ ซึ่งทุเรียนเป็นผลไม้ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวสูง คนที่ชอบก็จะชอบมาก ส่วนคนที่ไม่ชอบก็จะไม่แตะเลย แนวคิดในการแปรรูปทุเรียนของผม จึงพยายามทำเป็นผลิตภัณฑ์ที่เข้าถึงลูกค้าตลาดใหญ่มากกว่าที่เป็นมา ง่ายต่อการกิน แม้แต่คนที่ไม่ชอบทุเรียนก็ยังกินได้ จนลงตัวที่จะแปรรูปเป็นไอศกรีม เพราะเป็นของกินเล่นที่ทุกคน ทุกชาติคุ้นเคย และนิยมกันดีอยู่แล้ว" พี่มรุต กล่าว

และที่เลือกเป็นรูปทรงไข่เพราะต้องการสื่อถึงความเป็นธรรมชาติแท้ ๆ และมีรูปทรง ขนาดเหมาะสมในการกิน ส่วนพลาสติกที่ใช้ห่อหุ้มเป็นวัสดุชนิดเดียวกับที่ทำหัวจุกขวดนมทารก จึงมั่นใจด้านความสะอาดปลอดภัย วัตถุดิบผลไม้ ใช้วิธีทำคอนแทร็กฟาร์มมิ่งกับเกษตรกร ขณะที่โรงงานผลิตได้มาตรฐานระดับส่งออก ทั้ง GMP และ HACCP

สำหรับการทำตลาดของไอศกรีม I-maru นั้น พี่มรุต บอกว่า เนื่องจากเป็นนวัตกรรมใหม่ไม่เคยมีมาก่อนในโลก จึงคว้ารางวัลด้านนวัตกรรมอาหารจากหลายสถาบัน และยังได้รับความสนใจจากภาครัฐ โดยเฉพาะกระทรวงพาณิชย์ พาไปโรดโชว์งานแฟร์ต่างประเทศ ทำให้ได้รับออเดอร์สั่งซื้อสินค้าจากทั้งประเทศจีน และฮ่องกง เป็นต้น ยอดสั่งประมาณ 2 ตู้คอนเทนเนอร์ต่อเดือน โดยจะเริ่มส่งสินค้าในต้นปีหน้า (2554)

ส่วนที่ในประเทศ ขยายช่องทางตลาด เปิดโอกาสให้ผู้สนใจร่วมธุรกิจในรูปแบบกึ่งแฟรนไชส์ โดยเงินลงทุน 45,000 บาท ได้รับอุปกรณ์พร้อมขาย เช่น ตู้แช่ไอศกรีม ชุดอุปกรณ์ตกแต่ง บริการจัดส่งฟรี ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล (ต่างจังหวัดคิดค่าขนส่งตามระยะทาง) ที่ปรึกษาการตลาด ฝึกอบรม และบริการติดตั้งอุปกรณ์ฟรี

สำหรับราคาส่งไอศกรีมอยู่ที่ 29 บาทต่อลูก กำหนดราคาขายปลีกขั้นต่ำ 39 บาทต่อลูก ซึ่งผู้ขายจะมีกำไรขั้นต่ำ 10 บาทต่อลูก (ยังไม่หักค่าใช้จ่ายอื่นๆ เช่น ค่าเช่า ค่าพนักงาน เป็นต้น)

ไอศกรีมผลไม้รูปไข่ 'I-maru' สุดยอดแฟรนไชส์กับไอเดียสุดเจ๋ง หนึ่งเดียวในโลก, แฟรนไชส์

พี่มรุต ยังเผยอีกว่า ได้ทดสอบตลาดเปิดขายด้วยตัวเอง โดยวางตู้ที่ตลาดนัดสวนจตุจักร บริเวณโครงการ 26 ซ.1 ซึ่งได้ผลตอบรับอย่างสูง ยอดขายประมาณ 400-500 ลูกต่อวัน นอกจากนั้น ยังมีผู้สนใจซื้อตู้ไปลงแล้ว 4 จุด ได้แก่ ร้าน KATIES’ ใน MAXVALU พัฒนาการ ย่านพาหุรัด ใกล้ไชน่าเวิลด์ ภูเก็ต และหาดใหญ่ วางเป้าภายในสิ้นปีนี้ (2553) คาดจะมีสาขาประมาณ 20 จุดทั่วประเทศ

วิธีกินไอศกรีมผลไม้ และไอศกรีมนมฯ
ไอศกรีมผลไม้รูปไข่ 'I-maru' สุดยอดแฟรนไชส์กับไอเดียสุดเจ๋ง หนึ่งเดียวในโลก, แฟรนไชส์

เป็นยังไงกันบ้างครับ สำหรับแฟรนไชส์ไอเดียดี ๆ ทั้งขายในประเทศ และต่างประเทศ และยังไม่มีใครทำมาก่อน ยิ่งน่าลงทุน หากท่านใดสนใจในแฟรนไชส์นี้ สามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ :

โทร. 086 -881 -8785
เว็บไซต์. www.i-maru.com
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : ผู้จัดการออนไลน์

Read More...


ไข่กระโหลก สไตล์โมเดิร์น กับแฟรนไชส์ไอเดียคิดต่าง

รักอาชีพ : วันนี้มีอาชีพดี ๆ เกี่ยวกับธุรกิจแฟรนไชส์ กับเรื่องไข่ ที่เป็นแนวคิดใหม่ เป็นการประยุกต์จากขนมครกญี่ปุ่น และข้าวไข่เจียวแบบไทย เข้าด้วยกัน ได้อย่างลงตัว เพื่อให้เกิดทางเลือกใหม่ ๆ สำหรับผู้บริโภค สไตล์วัยรุ่น แหละนี้ก็คือ "ไข่กระโหลก"

'ไข่กระโหลก' สไตล์โมเดิร์น กับแฟรนไชส์ไอเดียคิดต่าง

ร้านไข่กะโหลกปัจจุบันยึดทำเลแหล่งท่องเที่ยวย้อนยุค เป็นทำเลทองในการเปิดร้าน ไม่ว่าจะเป็นที่อัมพวา ร้านแรกของไข่กระโหลกของ นายสุชาย บุญกล่อมจิตร หรือ ร้านที่สอง ที่ตลาดน้ำขึ้นชื่อดังอย่างตลาดน้ำอโยธยา ของ นาย ธนาพันธ์ นาคดี สองหุ้นส่วนสำคัญที่พลิกผันตัวเองจากนักออกแบบตกแต่งภายใน และ มัคคุเทศน์ หันมาเอาดีเป็นพ่อค้าขายไข่กระโหลก จนกลายเป็นเศรษฐีย่อยๆ มีรายได้เฉลี่ยหลายพันบาทต่อวัน
'ไข่กระโหลก' สไตล์โมเดิร์น กับแฟรนไชส์ไอเดียคิดต่าง
นาย ธนาพันธ์ นาคดี (ซ้าย) และนายสุชาย บุญกล่อมจิตร(ขวา)
นายสุชายได้เล่าถึงที่มาของไข่กระโหลกว่า..
เกิดขึ้นมาจากเราสองคน ประสบปัญหาทางเศรษฐกิจ เมื่อหลายปีที่ผ่านมา ทำให้ต้องหันมาหาอาชีพอื่นๆ ที่สามารถสร้างรายได้ และมีเงินสดใช้จ่ายทุกวัน และเห็นว่าการขายอาหารการกินเป็นช่องทางที่ดี เพราะไม่ว่าเศรษฐกิจ จะเป็นเช่นไร คนเราก็ต้องกิน ตอนแรกคิดทำข้าวไข่เจียวขาย แต่เห็นว่ามันไม่แปลก เพราะปัจจุบันมีคนทำข้าวไข่เจียวขายกันทั่วไป
         จนกระทั่งได้มีโอกาสเดินทางไปประเทศญี่ปุ่น และเห็นขนมครกญี่ปุ่นน่าสนใจดี แต่ก็มีคนทำขายกันอยู่เป็นจำนวนมากในบ้านเราเช่นกันและไม่ใช่อาหารไทย ซึ่งไม่รู้ว่าคนไทยจะชื่นชอบแค่ไหน จึงเกิดความคิดว่า ทำไมเราไม่ประยุกต์นำข้าวไข่เจียว อาหารแบบไทยๆ มาประยุกต์ใช้วิธีการทำแบบขนมครกญี่ปุ่น ซึ่งถ้าเป็นข้าวไข่เจียวธรรมดาและนำมาห่อแบบขนมครกญีปุ่น มันก็ธรรมดาไปอีก จึงคิดทำไส้ขึ้นมา และใส่ลงในห่อไข่พร้อมกับข้าว ซึ่งใช้ข้าวผัดปรุงรส

หลังจากนั้น ปรุงรสด้วยซอสที่เราคิดค้นขึ้นมา เพิ่มรสชาติด้วย ซอสพริก ซอสมะเขือเทศ และมายองเนส รองก้นด้วยกะหล่ำปรี ออกมาเป็นไข่กระโหลก เพิ่มความน่าสนใจ สำหรับกลุ่มคนรุ่นใหม่ ด้วยกล่องที่ออกแบบขึ้นมาเป็นพิเศษ ทำให้ไข่กระโหลก ดูทันสมัย และสะดวกแก่การซื้อกลับออกไปกินในสถานที่ต่างๆ

'ไข่กระโหลก' สไตล์โมเดิร์น กับแฟรนไชส์ไอเดียคิดต่าง

ไข่กระโหลกปัจจุบันมีให้เลือก 3 ไส้ คือ ปลาแซลมอน ซีฟู้ด ไส้กรอกชีส และที่ขายดีสุดเป็นไส้ซีฟู้ด ในอนาคตอาจจะมีการเพิ่มตัวท้อปปิ้ง ที่ปัจจุบันมีเพียงซอส มายองเนส พริกขี้หนูและหัวไช้โป้วหวาน ส่วนราคาขายลูกละ 40 บาท ต้นทุนอยู่ที่ประมาณ 60% เพราะใส่เครื่องเยอะ ให้คุ้มกับราคา ที่ตั้งไว้ ซึ่งลูกค้าแฟรนไชส์ต้องการให้ขายในราคาเดียวกัน


นายสุชาย ยังเล่าต่ออีกว่า สำหรับช่องทางการขาย เนื่องจากมองว่าอาหารในลักษณะนี้ ไม่ใช่อาหารที่ใครจะกินได้ทุกวัน เช่นเดียวกับอาหารหลายชนิด เช่น พิซซ่า ก็คงจะไม่มีใครกินได้ทุกวัน ดังนั้น ผมจึงมองตลาดซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยว เพราะคนมาเที่ยวจะหมุนเวียนเปลียนหน้ากันไปเรื่อย ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวจะมีกำลังซื้อ และตั้งใจจะมาหาซื้อของฝากและของกินอยู่แล้ว

และที่เลือกแหล่งท่องเที่ยวแนวย้อนยุค เพราะต้องการจะนำเสนอไข่กระโหลกออกมาในแนวอาหารย้อนยุค ซึ่งคำว่ากระโหลกเป็นคำไทยโบราณที่สามารถเป็นตัวสื่อได้ โดยเปิดแหล่งแรกที่ตลาดน้ำอัมพวา ตลาดน้ำอโยธยา ตลาดน้ำ 4 ภาคที่พัทยา และตลาดเพลินวา ที่หัวหิน และมีแผนที่จะขยายสาขาเพิ่มในรูปแบบของแฟรนไชส์ เพราะต้องการจะกระจายสินค้าให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น และเห็นว่าน่าจะเป็นช่องทางให้กับคนที่ต้องการจะมีอาชีพได้มีรายได้ และจากประสบการณ์ทีเราทำมาประมาณ 1 ปี พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า สามารถขายได้ ในระดับที่น่าพอใจ โดยส่วนของสาขาตลาดน้ำอโยธยา สามารถขายช่วงวันหยุดประมาณ วันละ 15,000 บาท ถึง 20,000 บาท ส่วนวันธรรมดา 3,000 บาท ถึง 5,000 บาท โดยเชื่อว่า จะสามารถคืนทุนได้ภายใน 2 - 3 เดือน ถ้าได้ทำเลที่ดี

สำหรับราคาแฟรนไชส์มีราคาเดียว 85,000 บาท ได้อุปกรณ์ในการขายครบชุดพร้อมคีออส และวัตถุดิบในการขายงวดแรก พร้อมถ่ายทอดสูตรการทำทั้งหมดให้ และหลังจากนั้น ลูกค้าแฟรนไชส์จะต้องซื้อวัตถุดิบจากเราในสัดส่วน 20 % คือ ตัวซอสปรุงรส เพื่อให้รสชาติเดียวกัน และกล่องเพื่อให้คงคอนเซ็ปต์เดียวกัน ส่วนวัตถุดิบอื่นๆ สามารถหาซื้อเองได้ แต่จะกำชับขอให้คัดเลือกวัตถุดิบที่มีคุณภาพดี เช่นเดียวกับร้านต้นแบบเพื่อจะได้คุณภาพเดียวกันทุกสาขา

นี้ก็เป็นอีกหนึ่งอาชีพ ที่อาศัยแนวคิดต่าง จนเกิดรายได้ขึ้นมา ซึ่งจะให้ได้ว่า กว่าจะมาเป็นไข่กระโหลกแบบนี้ได้ ต้องอาศัยทั้งประสบการณ์ และความคิดต่างเป็นอย่างมาก สำหรับผู้ที่สนใจในแฟรนไชส์ดี ๆ แบบนี้ สมารถติดต่อได้ที่ :


โทร. 08 -9799 -3225
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : ผู้จัดการออนไลน์

Read More...




----------------

ปรับปรุง
รายการบทความทั้งหมด



การบำรุงรักษารถยนต์เบื้องต้น



ร้านค้าเคลื่อนที่ ใช้ รถบรรทุกขนาดเล็กมาดัดแปลง



รวมบทความอาชีพ เสริม หลากไอเดียวิธีหารายได้เสริม



รวมบทความงานฝีมือ-สิ่งประดิษฐ์ รายได้เสริม



ทองม้วน thong muan ; rolled wafer





MASK รุ่นสายคล้องคอ







MASK รุ่นสายคล้องคอ. ��รุ่นนี้เป็นที่นิยมใช้กันมาก #ขายดีมาก
ทำจากผ้าคอตตอนแท้ 100%  ไม่ผสม เนื้อผ้านุ่ม 
3 ชั้น. สวมใส่พอดีกับใบหน้า ไม่เจ็บหู มีสายคล้องคอปรับได้
เวลาถอดออก ไม่ต้องกลัวลืม เพราะถอดแล้วคล้องคอไว้ได้
บรรจุในถุงซิปฟรอย์อย่างดี
ราคาชิ้นละ. 59. บาท. ไม่รวมส่ง 
มีหลายสีให้เลือกนะคะ   สนใจทักแชทขอดูสีผ้าได้นะคะ
หน่วยงาน บริษัท ห้างร้าน หรือ สนใจสั่งไปจำหน่าย 
มีเรทราคาส่งค่ะ

-> id line : noeyhorm_06
#มีวางจำหน่ายหน้าร้านชานมไต้หวันมาราชาสาขาจรัญ44


ร้านมาราชาชานมไข่มุก สาขาจรัญสนิทวงศ์ 44
● รับบัตรสะสมครบ 10 แก้ว แลกรับฟรี 1 แก้ว
● สั่งเดลิเวอรีผ่าน LINE MAN, Foodpanda ,GET ...ถึงมือปั๊บพร้อมดื่มปุ๊บ!
● อัพเดทโปรโมชั่นใหม่ๆ รสชาติใหม่ ตลอดเวลา
● มีเมนูให้เลือก 40 กว่าเมนู : https://bit.ly/2Z9iqV0






























































เลือกช่องทางติดต่อและรับข่าวสารบริการหลังการขาย
ฟอร์ด พลปิยะอยุธยาและฟอร์ด พลปิยะวังน้อย

--------------------------------------------------------------------------------------------
แคมเปญ-โปรโมทชั่น อะไหล่ฟอร์ด อัพเดททางออนไลน์และปรับปรุงข้อมูลออนไลน์
อะไหล่ฟอร์ด อะไหล่รถฟอร์ด อะไหล่รถยนต์ฟอร์ด อะไหล่ฟอร์ดแท้ ร้านขายอะไหล่รถฟอร์ด ขายอะไหล่รถฟอร์ด อะไหล่ฟอร์ด
 
Option

รวมบทความอาชีพเสริม หลากไอเดียวิธีหารายได้เสริม หาอาชีพเสริมอิสระทำเงิน สร้างอาชีพอิสระงานฝีมือ แนะนำการสร้างรายได้เสริมทำเงินด้วยการขายสินค้าหรือขายของเป็นอาชีพเสริม อิสระงานฝีมือ แนะแนวธุรกิจ อาชีพเสริม อาชีพแก้จน อยากจะมีรายได้เสริมนอกเหนือจากงานประจำ บล๊อกจัดทำขึ้นเป็นวิทยาทานเพื่อเผยแผ่ความรู้อันจะเป็นไปเพื่อบุญกุศล ขอให้ทุกท่านที่มีส่วนร่วมในบทความของบล๊อกนี้ จงได้รับอานิสงฆ์ด้วยเทอญ.