.
.
.
.
.
.
.
หลังจากวิกฤติน้ำท่วมผ่านไปแล้ว สิ่งที่ผมตั้งใจเอาไว้ก็คือ ผมอยากจะเขียนถึงร้านที่ถูกน้ำท่วม เพราะเขาจะได้ฟื้นตัวกลับมาทำอาหารที่อร่อยให้พวกเราได้กินกันเหมือนเดิม โดยวันนี้ผมจะเขียนถึงร้านอร่อยสองร้านด้วยกัน
ร้านแรกที่ผมจะพาไปกินอยู่ที่เมืองทองธานีครับ เป็นร้านข้าวขาหมูที่อร่อย ชื่อว่า ร้านขาหมูเมือง ทอง คงไม่ต้องบอกนะครับว่าจะมีอะไรให้กินบ้าง อย่างแรกที่เข้าร้านมาแล้วต้องสั่ง ก็คือ คากิ ซึ่งมีให้กินแน่ ๆ แล้วคากิของเขาไม่ได้มันอย่างเดียวนะครับ แต่ทั้งมันและนุ่ม รสชาติดี เมื่อกินเข้าไปแล้วเหมือนจะละลายในปากของเราเลยครับ
จากนั้น มี หมูกรอบ ที่อร่อยมาก หนังของหมูกรอบจะไม่ฟูครับ เกือบเหมือนของฮ่องกงเลย เมื่อกินขาหมู ก็ต้องกินกับข้าว ฉะนั้นเวลาไปกิน ผมจะสั่งข้าวมาเป็นจาน ๆ เลย แล้วก็สั่งกับ มีทั้งคากิ หมูกรอบ ขาหมู แล้วก็จะมีแกงจืดด้วย
สิ่งที่ขาดไม่ได้ ต้องไม่ลืมนะครับว่าที่นี่เขามี หน่อไม้ต้มกระดูกหมู ที่อร่อยมาก ๆ ด้วย โดยมากแล้วจะเป็นผมที่กินอยู่คนเดียว เพราะคนอื่นเขาไม่รู้ว่าอาหารจานนี้อร่อยแค่ไหน รสชาติเข้มข้นดีครับ หน่อไม้ของเขาเป็นหน่อไม้ที่กรอบแล้วก็มัน ความมันของหน่อไม้จะคล้าย ๆ มันแกว แต่จะมีรสชาติที่ดีกว่ามาก
มีอาหารอีกอย่างหนึ่ง บางคนอาจจะไม่ทราบว่าที่นี่เขามี กวย จั๊บน้ำข้น ให้กินด้วย ต้องไปกินนะครับ เพราะเดี๋ยวนี้หากวยจั๊บน้ำข้นอร่อย ๆ ยากมาก แต่ร้านนี้เขาทำได้ดี ขนาดไม่มีสิ่งที่ผมชอบ นั่นคือลิ้นหมู เพราะทางร้านบอกว่าสมัยนี้คนเขาไม่กินลิ้นหมูกันก็ตาม แต่เพื่อน ๆ คงทราบดีนะครับว่าความสม่ำเสมอของอาหารและรสชาติของเขาเหมือนเดิมมาตลอด เพราะเขาทำแบบครอบครัว ไม่ต้องจ้างเชฟมาทำ ช่วยกันทำมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ผมมีความสุขครับ เวลามีการถ่ายทำโทรทัศน์ที่บ้าน ผมจะส่งคนไปซื้อขาหมู กวยจั๊บน้ำข้น และหน่อไม้ต้มกระดูกหมู แต่ไม่ได้ซื้อเป็นข้าวขาหมูมานะครับ จะซื้อแยกกัน
ถ้าเพื่อน ๆ ผ่านไปแถวนั้น อย่าลืมแวะไปชิมกันนะครับ ร้านจะอยู่ด้านหน้าซอยที่เข้าไปมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช เมื่อเลี้ยวเข้าไปแล้วจะอยู่ซ้ายมือ อาจจะหาที่จอดรถยากเล็กน้อย เพราะต้องจอดตามข้างทาง ที่ร้านจะไม่มีที่จอดรถ
อีกร้านหนึ่งที่ผมจะพูดถึง เขามีหลายสาขาในกรุงเทพฯ (รู้สึกว่าจะมีประมาณ 8 สาขา) ยังไงก็ลองเข้าไปดูรายละเอียดในเว็บไซต์ของเขาอีกทีนะครับว่ามีสาขาอยู่ที่ ไหนบ้าง
ร้านที่ผมพูดถึงนี้เป็นร้านน้ำชา ชื่อว่า ชาโฮ เป็นร้านขายน้ำชาแบบญี่ปุ่นแท้ ๆ มีน้ำชาหลายชนิดที่น่ากิน เขามีเมนูให้เลือกเยอะแยะ แต่ผมจะพูดถึงชาที่ผมชอบมากก่อนแล้วกันนะครับ นั่นก็คือ มัตฉะ ซึ่งทำมาจากชาเขียว เป็นชาที่แพงที่สุดในร้านเลย รู้สึกว่าจะราคาราว ๆ 380 บาท
ผมได้ดื่มมัตฉะถ้วยเดียวนะครับ ดื่มแล้วรู้สึกสดชื่น ใครเมามาแล้วดื่มมัตฉะเข้าไป 380 บาท หายเมาเลยครับ โดยจะต้องกินกับขนมดังโงะชาเขียวครับ อร่อยมาก ที่นี่เขามีผงชาขายด้วยนะครับ ตั้งแต่ราคาแพงที่สุด มีคุณภาพดีไปจนถึงราคาไม่แพง แต่คุณภาพก็ดีเช่นกัน
ส่วนขนม เขาทำเองหลายอย่าง แต่ขนมที่ผมชอบมากมีอยู่ 2 อย่าง คือ ขนมดังโงะ และ เค้กเครป กับซอสช็อกโกแลต ซึ่งเป็นแป้งแผ่นบาง ๆ กลม ๆ แล้วเอาวิปปิ้งครีมมาใส่ระหว่างชั้น แล้วหั่นมาเป็นชิ้นสามเหลี่ยม เสิร์ฟกับช็อกโกแลต กินกับน้ำชา อร่อยมากเลยครับ
ที่นี่มี ชาเขียวลาเต้ และ ชาเขียวกับช็อกโกแลตขาว ซึ่งเมื่อคุณกินเข้าไปแล้วจะเหมือนได้ขึ้นสวรรค์ทั้งเป็น ไปรับประทานอาหารอร่อย ๆ เสียก่อน แล้วค่อยแวะไปจิบน้ำชาและของหวานแก้เลี่ยนที่ร้านชาโฮก็ได้นะครับ รสชาติของเขาได้มาตรฐานทุกสาขาเลยครับ.
ต้มยำขาหมูเยอรมัน - เข้าครัวกับหมึกแดง
เครื่องปรุง
-น้ำเปล่า 1ลิตร
-ขาหมูเยอรมันทอดแล้วหั่นเป็นชิ้น 500กรัม
-ข่าทุบ 3-4แว่น
-ตะไคร้หั่นท่อนทุบ1ต้น
-ใบมะกรูดฉีก 2-3ใบ
-พริกขี้หนูบุบ 10เม็ด
-น้ำปลา 3-5ช้อนโต๊ะ
-น้ำมะนาว 3-5ช้อนโต๊ะ
-เห็ดภูฏาน 100กรัม
-ผักชีใบเลื่อย 1/4ถ้วยตวง
-ผักชีเด็ดเป็นใบ 1/4ถ้วยตวง
-พริกขี้หนูแห้งทอดตามต้องการ
วิธีทำ
1. นำหม้อใส่น้ำเปล่า ตั้งไฟให้เดือด ใส่ขาหมูลงไปเคี่ยวจนนุ่มให้น้ำมีกลิ่นหอมของขาหมู
2. ใส่ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูดฉีก และพริกขี้หนูบุบ (ถ้าชอบเผ็ด) ลงไปต้มให้หอม ใช้เวลาประมาณ 30-60 วินาที
3. ปรุงรสด้วยน้ำปลา และน้ำมะนาว
4. ใส่เห็ดภูฏานลงไป ต้มให้เดือดอีกครั้ง ชิมรสให้ออก เปรี้ยว เค็ม เผ็ด ปิดไฟ ใส่ผักชีใบเลื่อย ผักชีเด็ดใบ และพริกขี้หนูแห้งทอด เสิร์ฟกับข้าวสวยร้อน ๆ
กวยจั๊บ - ชิมให้เป็น
เมื่อตอนเด็ก ๆ ผมไม่เคยเห็นกวยจั๊บน้ำใส อาจจะเป็นเพราะว่าคนเรานั้นเริ่มจะขี้เกียจ ทำให้สมัยนี้ก็เลยเอาเส้นกวยจั๊บไปแช่น้ำแล้วก็ต้มจนกระทั่งเส้นนุ่ม แล้วเอามาสะเด็ดน้ำทำเหมือนก๋วยเตี๋ยว จากนั้นก็เอาน้ำใส ๆ ใส่เข้าไป ใส่เครื่องแค่นี้ก็เสร็จแล้ว
ซึ่งความจริงแล้วกวยจั๊บน้ำใสจะไม่มีทางอร่อยเท่ากวยจั๊บน้ำข้นได้เลย เพราะกวยจั๊บน้ำข้นจะต้องต้มจนกระทั่งแป้งเละ และตัวน้ำซุปของน้ำกวยจั๊บเองก็ต้องต้มจนกระทั่งข้น สีจะออกคล้ำ ๆ น้ำตาลดำ ๆ นิด ๆ และเครื่องที่จะใส่นั้นสำคัญมาก โดยเครื่องในหมูที่เราใส่เข้าไปนั้นจะต้องทำให้สะอาด ซึ่งจะต้องทำเป็น เพราะถ้าล้างไม่เป็น เครื่องในจะมีกลิ่นเหม็นคาว ไข่ต้มสี คล้ำ ๆ ก็เช่นกัน ต้องหั่นเป็นเสี้ยวมา และที่สำคัญต้องมีเต้าหู้ด้วย เครื่องต้องครบ
ผมยังบ่นกับที่ร้านเลยว่า ทำไมไม่มีลิ้นให้ผมกิน เขามีหมูกรอบ ตับ ไต ไส้พุง ทุกสิ่งทุกอย่างแต่ไม่มีลิ้น เพราะว่าโลกของเราเปลี่ยนไปแล้ว อย่าลืมนะครับว่าจะชิมให้เป็นต้องรู้ว่าแท้จริงแล้วอาหารนั้นจะต้องมีอะไร ใส่เข้าไปบ้าง ทำให้กวยจั๊บเมื่อก่อนอร่อยกว่านี้ครับเพราะว่าครบเครื่องจริง ๆ และจะต้องเป็นน้ำข้นถึงจะเป็นกวยจั๊บของจริงที่มีมาแต่โบราณครับ
ขอขอบคุณเจ้าของบทความ : หมึกแดง
www.mcdangguide.com
ร้านแรกที่ผมจะพาไปกินอยู่ที่เมืองทองธานีครับ เป็นร้านข้าวขาหมูที่อร่อย ชื่อว่า ร้านขาหมูเมือง ทอง คงไม่ต้องบอกนะครับว่าจะมีอะไรให้กินบ้าง อย่างแรกที่เข้าร้านมาแล้วต้องสั่ง ก็คือ คากิ ซึ่งมีให้กินแน่ ๆ แล้วคากิของเขาไม่ได้มันอย่างเดียวนะครับ แต่ทั้งมันและนุ่ม รสชาติดี เมื่อกินเข้าไปแล้วเหมือนจะละลายในปากของเราเลยครับ
จากนั้น มี หมูกรอบ ที่อร่อยมาก หนังของหมูกรอบจะไม่ฟูครับ เกือบเหมือนของฮ่องกงเลย เมื่อกินขาหมู ก็ต้องกินกับข้าว ฉะนั้นเวลาไปกิน ผมจะสั่งข้าวมาเป็นจาน ๆ เลย แล้วก็สั่งกับ มีทั้งคากิ หมูกรอบ ขาหมู แล้วก็จะมีแกงจืดด้วย
สิ่งที่ขาดไม่ได้ ต้องไม่ลืมนะครับว่าที่นี่เขามี หน่อไม้ต้มกระดูกหมู ที่อร่อยมาก ๆ ด้วย โดยมากแล้วจะเป็นผมที่กินอยู่คนเดียว เพราะคนอื่นเขาไม่รู้ว่าอาหารจานนี้อร่อยแค่ไหน รสชาติเข้มข้นดีครับ หน่อไม้ของเขาเป็นหน่อไม้ที่กรอบแล้วก็มัน ความมันของหน่อไม้จะคล้าย ๆ มันแกว แต่จะมีรสชาติที่ดีกว่ามาก
มีอาหารอีกอย่างหนึ่ง บางคนอาจจะไม่ทราบว่าที่นี่เขามี กวย จั๊บน้ำข้น ให้กินด้วย ต้องไปกินนะครับ เพราะเดี๋ยวนี้หากวยจั๊บน้ำข้นอร่อย ๆ ยากมาก แต่ร้านนี้เขาทำได้ดี ขนาดไม่มีสิ่งที่ผมชอบ นั่นคือลิ้นหมู เพราะทางร้านบอกว่าสมัยนี้คนเขาไม่กินลิ้นหมูกันก็ตาม แต่เพื่อน ๆ คงทราบดีนะครับว่าความสม่ำเสมอของอาหารและรสชาติของเขาเหมือนเดิมมาตลอด เพราะเขาทำแบบครอบครัว ไม่ต้องจ้างเชฟมาทำ ช่วยกันทำมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ผมมีความสุขครับ เวลามีการถ่ายทำโทรทัศน์ที่บ้าน ผมจะส่งคนไปซื้อขาหมู กวยจั๊บน้ำข้น และหน่อไม้ต้มกระดูกหมู แต่ไม่ได้ซื้อเป็นข้าวขาหมูมานะครับ จะซื้อแยกกัน
ถ้าเพื่อน ๆ ผ่านไปแถวนั้น อย่าลืมแวะไปชิมกันนะครับ ร้านจะอยู่ด้านหน้าซอยที่เข้าไปมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช เมื่อเลี้ยวเข้าไปแล้วจะอยู่ซ้ายมือ อาจจะหาที่จอดรถยากเล็กน้อย เพราะต้องจอดตามข้างทาง ที่ร้านจะไม่มีที่จอดรถ
อีกร้านหนึ่งที่ผมจะพูดถึง เขามีหลายสาขาในกรุงเทพฯ (รู้สึกว่าจะมีประมาณ 8 สาขา) ยังไงก็ลองเข้าไปดูรายละเอียดในเว็บไซต์ของเขาอีกทีนะครับว่ามีสาขาอยู่ที่ ไหนบ้าง
ร้านที่ผมพูดถึงนี้เป็นร้านน้ำชา ชื่อว่า ชาโฮ เป็นร้านขายน้ำชาแบบญี่ปุ่นแท้ ๆ มีน้ำชาหลายชนิดที่น่ากิน เขามีเมนูให้เลือกเยอะแยะ แต่ผมจะพูดถึงชาที่ผมชอบมากก่อนแล้วกันนะครับ นั่นก็คือ มัตฉะ ซึ่งทำมาจากชาเขียว เป็นชาที่แพงที่สุดในร้านเลย รู้สึกว่าจะราคาราว ๆ 380 บาท
ผมได้ดื่มมัตฉะถ้วยเดียวนะครับ ดื่มแล้วรู้สึกสดชื่น ใครเมามาแล้วดื่มมัตฉะเข้าไป 380 บาท หายเมาเลยครับ โดยจะต้องกินกับขนมดังโงะชาเขียวครับ อร่อยมาก ที่นี่เขามีผงชาขายด้วยนะครับ ตั้งแต่ราคาแพงที่สุด มีคุณภาพดีไปจนถึงราคาไม่แพง แต่คุณภาพก็ดีเช่นกัน
ส่วนขนม เขาทำเองหลายอย่าง แต่ขนมที่ผมชอบมากมีอยู่ 2 อย่าง คือ ขนมดังโงะ และ เค้กเครป กับซอสช็อกโกแลต ซึ่งเป็นแป้งแผ่นบาง ๆ กลม ๆ แล้วเอาวิปปิ้งครีมมาใส่ระหว่างชั้น แล้วหั่นมาเป็นชิ้นสามเหลี่ยม เสิร์ฟกับช็อกโกแลต กินกับน้ำชา อร่อยมากเลยครับ
ที่นี่มี ชาเขียวลาเต้ และ ชาเขียวกับช็อกโกแลตขาว ซึ่งเมื่อคุณกินเข้าไปแล้วจะเหมือนได้ขึ้นสวรรค์ทั้งเป็น ไปรับประทานอาหารอร่อย ๆ เสียก่อน แล้วค่อยแวะไปจิบน้ำชาและของหวานแก้เลี่ยนที่ร้านชาโฮก็ได้นะครับ รสชาติของเขาได้มาตรฐานทุกสาขาเลยครับ.
ต้มยำขาหมูเยอรมัน - เข้าครัวกับหมึกแดง
เครื่องปรุง
-น้ำเปล่า 1ลิตร
-ขาหมูเยอรมันทอดแล้วหั่นเป็นชิ้น 500กรัม
-ข่าทุบ 3-4แว่น
-ตะไคร้หั่นท่อนทุบ1ต้น
-ใบมะกรูดฉีก 2-3ใบ
-พริกขี้หนูบุบ 10เม็ด
-น้ำปลา 3-5ช้อนโต๊ะ
-น้ำมะนาว 3-5ช้อนโต๊ะ
-เห็ดภูฏาน 100กรัม
-ผักชีใบเลื่อย 1/4ถ้วยตวง
-ผักชีเด็ดเป็นใบ 1/4ถ้วยตวง
-พริกขี้หนูแห้งทอดตามต้องการ
วิธีทำ
1. นำหม้อใส่น้ำเปล่า ตั้งไฟให้เดือด ใส่ขาหมูลงไปเคี่ยวจนนุ่มให้น้ำมีกลิ่นหอมของขาหมู
2. ใส่ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูดฉีก และพริกขี้หนูบุบ (ถ้าชอบเผ็ด) ลงไปต้มให้หอม ใช้เวลาประมาณ 30-60 วินาที
3. ปรุงรสด้วยน้ำปลา และน้ำมะนาว
4. ใส่เห็ดภูฏานลงไป ต้มให้เดือดอีกครั้ง ชิมรสให้ออก เปรี้ยว เค็ม เผ็ด ปิดไฟ ใส่ผักชีใบเลื่อย ผักชีเด็ดใบ และพริกขี้หนูแห้งทอด เสิร์ฟกับข้าวสวยร้อน ๆ
กวยจั๊บ - ชิมให้เป็น
เมื่อตอนเด็ก ๆ ผมไม่เคยเห็นกวยจั๊บน้ำใส อาจจะเป็นเพราะว่าคนเรานั้นเริ่มจะขี้เกียจ ทำให้สมัยนี้ก็เลยเอาเส้นกวยจั๊บไปแช่น้ำแล้วก็ต้มจนกระทั่งเส้นนุ่ม แล้วเอามาสะเด็ดน้ำทำเหมือนก๋วยเตี๋ยว จากนั้นก็เอาน้ำใส ๆ ใส่เข้าไป ใส่เครื่องแค่นี้ก็เสร็จแล้ว
ซึ่งความจริงแล้วกวยจั๊บน้ำใสจะไม่มีทางอร่อยเท่ากวยจั๊บน้ำข้นได้เลย เพราะกวยจั๊บน้ำข้นจะต้องต้มจนกระทั่งแป้งเละ และตัวน้ำซุปของน้ำกวยจั๊บเองก็ต้องต้มจนกระทั่งข้น สีจะออกคล้ำ ๆ น้ำตาลดำ ๆ นิด ๆ และเครื่องที่จะใส่นั้นสำคัญมาก โดยเครื่องในหมูที่เราใส่เข้าไปนั้นจะต้องทำให้สะอาด ซึ่งจะต้องทำเป็น เพราะถ้าล้างไม่เป็น เครื่องในจะมีกลิ่นเหม็นคาว ไข่ต้มสี คล้ำ ๆ ก็เช่นกัน ต้องหั่นเป็นเสี้ยวมา และที่สำคัญต้องมีเต้าหู้ด้วย เครื่องต้องครบ
ผมยังบ่นกับที่ร้านเลยว่า ทำไมไม่มีลิ้นให้ผมกิน เขามีหมูกรอบ ตับ ไต ไส้พุง ทุกสิ่งทุกอย่างแต่ไม่มีลิ้น เพราะว่าโลกของเราเปลี่ยนไปแล้ว อย่าลืมนะครับว่าจะชิมให้เป็นต้องรู้ว่าแท้จริงแล้วอาหารนั้นจะต้องมีอะไร ใส่เข้าไปบ้าง ทำให้กวยจั๊บเมื่อก่อนอร่อยกว่านี้ครับเพราะว่าครบเครื่องจริง ๆ และจะต้องเป็นน้ำข้นถึงจะเป็นกวยจั๊บของจริงที่มีมาแต่โบราณครับ
ขอขอบคุณเจ้าของบทความ : หมึกแดง
www.mcdangguide.com
Read More...