สูตรขนม สูตรอาหาร อาชีพรายได้เสริม ประกาศฟรี โฆษณาฟรี Career Articles Extra Income
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

Drop Down MenusCSS Drop Down MenuPure CSS Dropdown Menu

ปาร์ตี้ ‘อิซากายะ’


จัดปาร์ตี้ปิ้งย่างที่บ้านแบบไม่ซ้ำใคร ด้วยการนำเสนอเมนู “โทกะ เกนเซน คุชิยากิ”

ได้รับการถ่ายทอดพันธุกรรมมีคอเลสเตอรอลสูงมาตั้งแต่เกิด แม้อิ่มเอมกับการกินปานใด แต่ จี๊ป-ศิริธร ธำรงนาวาสวัสดิ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด โรงแรมบัญดารา รีสอร์ท แอนด์ โฮเต็ล จำเป็นต้องควบคุมอาหารงดแตะต้องของทอดทุกชนิด ดังนั้นแนว “ปิ้งย่าง” ไร้น้ำมันจึงตอบโจทย์กับไลฟ์สไตล์นักการตลาดสาวคนนี้มาก และถูกปากเป็นพิเศษกับปิ้งย่างสไตล์ญี่ปุ่น ที่เรียกว่า “อิซากายะ”  

สาวอารมณ์ดีคนนี้เล่าว่า “หากเว้นวรรคจากงานทำอาหารที่บ้านทุกครั้งจะเป็นปิ้งย่างหมด จี๊ปเคยสงสัยทำไมคนญี่ปุ่นสามารถย่างอาหารได้แตกต่างจากเราคือไม่แห้ง มีความชุ่มฉ่ำนุ่มลิ้น ต่อมาได้เชฟมือดีของร้านโทกะช่วยสอน ทำให้รู้พื้นฐานว่าอันดับแรกต้องใช้วัตถุดิบดีมีคุณภาพ เช่น ไก่ย่าง ควรใช้ไก่ตอนหรือไก่บริสุทธิ์นั่นเอง เวลาปิ้งไม่จำเป็นต้องหมักให้นุ่ม เพิ่มรสชาติแค่โรยพริกไทยกับเกลือเท่านั้น แตกต่างจากปิ้งย่างแบบไทย มักนิยมหมักค้างคืน บางคนนำไปหมักกับน้ำสับปะรดแล้วรู้สึกเนื้อเละเกินไป ส่วนตัวจี๊ปไม่ถูกปากชอบสัมผัสดึ๋ง ๆ ในปากมากกว่า”

สำหรับร้านโทกะ เป็นร้านอาหารสไตล์ญี่ปุ่น ตั้งอยู่ด้านหน้าของโรงแรมบัญดารา สวีท สีลม ถนนศาลาแดง ซอย 1 ซึ่งไม่ได้เป็นเพียงร้านอาหารธรรมดาเท่านั้น แต่ยังเป็นที่แฮงก์เอาต์กึ่งผับในสไตล์ญี่ปุ่นต้นตำรับที่รวบรวมอาหารสไตล์ปิ้งย่าง สาเก และเครื่องดื่มนานาชนิด เป็นที่สำหรับมาพักผ่อนในวันทำงานที่เมื่อยล้า หลังจากมีโอกาสลิ้มลองแล้วติดใจ วันนี้คุณจี๊ปใช้เสน่ห์หว่านล้อมจนเชฟยอมเผยสูตรความอร่อย เพื่อให้ทุกคนนำเคล็ดลับไปจัดปาร์ตี้ปิ้งย่างที่บ้านแบบไม่ซ้ำใคร ด้วยการนำเสนอเมนู “โทกะ เกนเซน คุชิยากิ”

เมนูปิ้งย่างสไตล์ญี่ปุ่นประกอบด้วย 6 ชนิดดังนี้ โทริโมโม หั่นไก่ตอนเบตง 60 กรัมเป็นชิ้นพอดีคำแล้วเสียบไม้ ไก่ตอนเบตงเป็นไก่เลี้ยงตามธรรมชาติ มีมันแทรกอยู่ในเนื้อ ทำให้ไก่มีความนุ่มเป็นพิเศษ ก่อนนำไปย่างโรยเกลือและสาเก เพื่อเพิ่มรสชาติและความหอม เวลาย่างให้นำด้านหนังลงย่างก่อนเพื่อให้หนังกรอบ, มิยาซากิ วากิว ฮอน วาซาบิ เลมอน ใช้เนื้อวากิวอย่างดี 30 กรัม โรยเกลือและสาเก เสียบไม้ย่างด้วยไฟแรงรวดเดียวแค่พอให้ด้านนอกสุก แต่ข้างในยังคงความนุ่มอยู่ เสิร์ฟพร้อมวาซาบิสดและเลมอน

เพติ โทมาโท เบคอน เบคอนรมควันอย่างดีสไลด์ นำมาพันมะเขือเทศเชอร์รี่จากโครงการหลวง ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ปลอดสารพิษ โรยพริกไทยก่อนนำไปย่าง เป็นเทคนิคคงความสดให้มะเขือเทศสดเหมือนกินเป็นสลัด, สึคุเนะ โอโรชิ พอนซุ ส่วนผสมของตะโพกไก่ หมู กระดูกอ่อนไก่ สัดส่วน 3:2:1 นอกจากนี้ยังมีมันมือเสือ หอมหัวใหญ่ นำมาปั่นให้ละเอียด เติมไข่แดง น้ำมันงา เพื่อเพิ่มความหอม นำมาปั้นเป็นก้อนเสียบไม้ย่าง

ซาซามิ ชิโซะ ไบ คุนิ หั่นสันในไก่ 60 กรัมเป็นชิ้นพอคำ โรยด้วยเกลือ พริกไทย และสาเก นำไปย่างจนสุกกำลังดี นำมาแต่งด้วยใบโอบะและบ๊วยสด และ บานโน เนกิ นิคุมากิ เนื้อหมูสามชั้นสไลด์พันต้นหอม โรยด้วยพริกไทย นำไปย่างจนเหลือง ราดด้วยซอสพอนซุ สูตรพิเศษของทางร้าน ประกอบไปด้วย โชยุ มะนาว ปลาแห้ง เห็ดหอม สาหร่าย น้ำส้มสายชูญี่ปุ่น

ก่อนอดใจไม่ไหวคว้ามาลองลิ้ม คุณจี๊ปเผยเคล็ดลับวิธีการย่างให้มีกลิ่นหอมว่าควรย่างบนเตาถ่านไม้โกงกาง ซึ่งสูตรทางร้านนี้ใช้ไม้โกงกางรีดน้ำมัน อบที่อุณหภูมิ 1,000 องศาเซลเซียส นอกจากไม่มีควันแล้วยังหอมฉุยกระทั่งเสิร์ฟบนโต๊ะ สำคัญที่สุดสำหรับอาหารปิ้งย่างคือต้องย่างกินตอนร้อน ๆ ห้าม!!! ย่างเก็บไว้เด็ดขาด จัดปาร์ตี้ครั้งหน้าอย่าลืมลองจัดเมนูนี้สักครั้ง.

‘ช้องมาศ’

credit by : http://www.dailynews.co.th/Content/Article/ปาร์ตี้+‘อิซากายะ’

Read More...


‘ผลไม้ทอด’ หลากหลาย..กำไรดี


ผลไม้ไทย นอกจากจะทานกันแบบสด ๆ แล้ว ยังสามารถนำมาแปรรูป และถนอมอาหารเป็นสินค้าได้หลายประเภท รวมถึงนำไปประกอบอาหารได้หลายอย่าง อาทิ สลัดผลไม้, ยำผลไม้, ส้มตำผลไม้ ฯลฯ รวมไปถึง “ผลไม้ทอด” ซึ่งทีมคอลัมน์ “ช่องทางทำกิน” มีข้อมูลมานำเสนอในวันนี้...

ขวัญฤทัย ลินจงสุบงกช หรือ พี่เอ๋ เจ้าของร้านผลไม้ทอด “อิงภู” ในตลาดน้ำขวัญเรียม เขตมีนบุรี กล่าวว่า หลังจากเรียนจบได้ทำงานเป็นพนักงานบริษัทเพียง 5 ปีก็อิ่มตัว เพราะมีใจรักในเรื่องค้าขาย และการทำธุรกิจมากกว่า จึงเปลี่ยนมาเป็นเซลส์ขายผลิตภัณฑ์เครื่องปรุงรสให้กับบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งนานเกือบ 20 ปี

“ในช่วงเกิดน้ำท่วมใหญ่ พ.ศ.2554 ได้แนะนำแป้งสำหรับทอดผลไม้ให้กับลูกค้าที่ประสบปัญหา และต้องการประกอบอาชีพในช่วงนั้น ปรากฏว่าแป้งสำหรับทอดผลไม้ที่ขายได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี จึงเกิดความสนใจที่จะค้าขายเองบ้าง เมื่อมีหน้าร้านเป็นของตนเอง จึงได้ลองทอดขายดู โดยอาศัยความรู้ของตนเอง ประกอบกับประสบการณ์ที่ผ่านมา ในที่สุดก็ประสบความสำเร็จ” ขวัญฤทัย กล่าว

ขวัญฤทัย กล่าวอีกว่า การค้าขายในแบบฉบับตัวเองนั้น วัตถุดิบต้องดี ใหม่ สด และสะอาด รวมทั้งอุปกรณ์สำหรับใช้ทอดจะต้องแตกต่างจากร้านขายของทอดอื่น ๆ ดังนั้นจึงลงทุนกับวัตถุดิบและอุปกรณ์มาก ที่สำคัญจะเป็นคนหยิบขายด้วยตัวเอง เพราะต้องการจะสื่อสารกับลูกค้าให้เข้าใจ และหากหยิบของทอดชิ้นใดขึ้นมาแล้วไม่ถูกใจจะไม่ขายชิ้นนั้นให้ลูกค้าเลย เพราะให้ความสำคัญกับความรู้สึกลูกค้าเป็นอันดับแรก

ปัจจุบันผลไม้ทอดที่ขายขวัญฤทัยมี 8 อย่าง ได้แก่ กล้วยทอด, กล้วยตากทอด, มันไข่ทอด, มันต่อเผือกทอด, เผือกทอด, สับปะรดทอด, ฟักทองทอด และข้าวเม่าคำทอด ซึ่งได้รับความนิยมแทบทุกชนิด

อุปกรณ์ที่ใช้ทำ “ผลไม้ทอด” หลัก ๆ ก็มีเตาแก๊ส, กระทะทองเหลือง, มีด-เขียง, ถาดอะลูมิเนียม, ถังสเตนเลส, กระชอน, ตะกร้อตีแป้ง และอุปกรณ์เครื่องครัวเบ็ดเตล็ดทั่วไป

วัตถุดิบที่ใช้ในการทำ “ผลไม้ทอด” หลัก ๆ มี กล้วยน้ำว้า, กล้วยตาก, มันไข่, มันต่อเผือก, เผือกทอด, สับปะรด, ฟักทอง, ข้าวเม่า, น้ำมันมะพร้าว, น้ำมันปาล์ม นอกจากนี้ยังมี แป้งข้าวเจ้า, แป้งสาลี, แป้งข้าวเหนียว, แป้งมัน, น้ำตาลทราย, เกลือไอโอดีน, กลอยอบแห้ง, งาดำ, งาขาว, มะพร้าวขูด และน้ำเย็น

วิธีทำผลไม้ทอด

เตรียมไม้ผลต่าง ๆ อาทิ กล้วยน้ำว้าปอกเปลือกแล้วผ่าครึ่งเตรียมไว้ เช่นเดียวกับมันไข่, มันต่อเผือก, เผือก, สับปะรด, ฟักทอง ให้ปอกเปลือก แล้วล้างน้ำให้สะอาด (ยกเว้นสับปะรด) แล้วหั่นเป็นชิ้น ๆ ขนาดพอคำ เตรียมไว้

ขวัญฤทัย กล่าวเพิ่มเติมว่า พันธุ์ของผลไม้มีส่วนสำคัญมาก จะต้องคัดสรรเป็นอย่างดี ยกตัวอย่างเช่น กล้วยน้ำว้าจะใช้พันธ์ุจาก จ.กำแพงเพชร และที่ จ.นครสวรรค์, สับปะรดจะใช้พันธุ์ปัตตาเวีย หรือตราดสีทองเท่านั้น เพราะเนื้อจะกรอบและแห้ง ส่วน ฟักทอง จะใช้พันธุ์บางศรีเมือง โดยเน้นเลือกลูกฟักทองที่เนื้อเหนียวแน่น

ในส่วนของ แป้งทอดผลไม้ มีส่วนผสมของแป้งข้าวเจ้า 79%, แป้งสาลี 8%, แป้งข้าวเหนียว 5%, แป้งมัน 3%, น้ำตาล 2.5%, เกลือไอโอดีน 1.5%, กลอยอบแห้ง 1% ในขณะที่ แป้งชุบทอด ประกอบด้วย แป้งทอดผลไม้ 1 กิโลกรัม, งาดำ 1 ช้อนโต๊ะ, งาขาว 1 ช้อนโต๊ะ, มะพร้าวขูด 100 กรัม และน้ำเย็นจัด 1.3 กิโลกรัม

วิธีผสมแป้งชุบทอด เทส่วนผสมของแป้งชุบทอดลงในภาชนะที่เตรียมไว้ ใช้ตะกร้อตีแป้งตีส่วนผสมทุกอย่างให้เข้ากันดี แป้งชุบทอดที่ใช้ได้จะมีลักษณะเบาและฟู ในขั้นตอนนี้ ขวัญฤทัยแนะนำว่า แป้งชุบทอดที่ผสมไว้นาน อาจจะแห้ง สามารถเติมน้ำได้ตามความเหมาะสม

วิธีทอด ตั้งกระทะทองเหลือง เทน้ำมันมะพร้าว และน้ำมันปาล์ม ในอัตราส่วน 50:50 ใช้ไฟร้อน รอจนกระทั่งน้ำมันเดือด นำผลไม้ตามที่ต้องการลงไปชุบกับแป้งชุบทอด แล้วนำลงทอดในกระทะ ระหว่างทอดใส่ใบเตยหั่นลงไปทอดด้วย เพื่อเพิ่มความหอมให้กับผลไม้ทอด เมื่อทอดผลไม้จนออกสีเหลืองทองแล้วให้ตักขึ้นพักสะเด็ดน้ำมัน

ขวัญฤทัย กล่าวว่า เหตุที่เลือกใช้น้ำมันมะพร้าวเป็นส่วนผสมของน้ำมันที่ใช้ทอด เพราะน้ำมันมะพร้าวดีต่อสุขภาพ สามารถรักษาคุณภาพรสชาติอาหารไว้ได้นาน และกำลังเป็นที่นิยมมากในหมู่คนรักสุขภาพ

ส่วน ราคาขาย นั้น มี 2 ราคา คือ หากเป็นผลไม้ทอดชนิดเดียวกัน จำนวน 13-15 ชิ้น ขายราคา 25 บาท หากผลไม้ทุกอย่างรวมกัน จำนวน15-17 ชิ้น ขายราคา 30 บาท ส่วนข้าวเม่าคำ ขายชิ้นละ 5 บาท

ใครสนใจ “ผลไม้ทอด” ของขวัญฤทัย เจ้าของกรณีศึกษา “ช่องทางทำกิน” รายนี้ติดต่อได้ที่ร้านอิงภูกล้วยทอด ตลาดน้ำขวัญเรียม ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ตั้งแต่เวลา 06.00-19.00 น. หรือโทร. 08-1346-6571.

สุภารัตน์ ยอดศิริวิชัยกุล/สุรางค์รัตน์ เจนการ : รายงาน

........................................................................................

คู่มือลงทุน…ผลไม้ทอด

ทุนอุปกรณ์ ประมาณ 10,000 บาทขึ้นไป

ทุนวัตถุดิบ ประมาณ 40 % ของราคาขาย

รายได้ 25-30 บาท/15-17 ชิ้น

แรงงาน 1-2 คนขึ้นไป

ตลาด ชุมชน, ตลาดน้ำ, งานออกร้าน

จุดน่าสนใจ สินค้าหลากหลายเพิ่มมูลค่า

credit by : http://www.dailynews.co.th/Content/Article/312285/‘ผลไม้ทอด’+หลากหลาย..กำไรดี

Read More...


อร่อย ‘เค้กอัพไซด์ดาวน์มะยงชิด’

 



    Previous
    Next

อร่อย
‘เค้กอัพไซด์ดาวน์มะยงชิด’

อร่อย ‘เค้กอัพไซด์ดาวน์มะยงชิด’
วันเสาร์ 28 มีนาคม 2558 เวลา 02:45 น.

ผมมีโอกาสได้ไป จ.สุโขทัย และได้ไปเยี่ยมชมสวนมะยงชิด ซึ่งมีอยู่ราว ๆ 300-400 ต้น ลักษณะเป็นสวนออร์แกนิกทั้งหมด ซึ่งปลูกที่สนามบินสุโขทัย และที่ไร่สุโข ผมจึงเอามะยงชิดมาทำเป็นเมนู เค้กอัพไซด์ดาวน์มะยงชิด ให้เพื่อน ๆ ได้ลองทำกินกันดู แต่การทำจะต้องปอกเปลือกแล้วคว้านเม็ดมะยงชิดออกก่อนนะครับ

มาเริ่มการทำกันเลย โดยเตรียมเปิดเตาอบไว้ที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส ก่อน ในระหว่างรอเตาอบร้อน ให้ใส่เนยสด น้ำตาลทราย ลงในหม้อตีส่วนผสมให้เข้ากันจนกระทั่งเป็นสีเหลืองอ่อน พักทิ้งไว้

นำชามผสมใบที่ 1 มาอีกใบ ร่อนแป้ง ผงฟู เกลือ ผสมเข้าด้วยกันแล้วพักไว้ จากนั้น นำชามผสมใบที่ 2 ใส่ไข่ไก่ ใส่ไข่แดงของไข่ไก่ กลิ่นวานิลลา น้ำมันพืช นมสด ผสมให้เข้ากัน

ต่อจากนั้นให้เอาส่วนผสมใบที่ 1 ที่เป็นแป้ง และส่วนผสมใบที่ 2 ที่เป็นไข่ ใส่ลงไปในหม้อเนยที่ตีไว้ โดยใส่สลับกันทีละน้อยแล้วคนให้เข้ากันจนกระทั่งทุกอย่างผสมเข้ากันเป็นอย่างดี รวมกันเป็นเนื้อเดียวกัน

ขั้นตอนต่อมา ให้ละลายเนยในถาดอบที่มีขนาดประมาณ 9 นิ้ว โรยก้นถาดด้วยน้ำตาลทรายแดง จากนั้น เรียงชิ้นมะยงชิดที่หั่นแล้วลงไปในถาดที่มีเนยและน้ำตาลอยู่ ต่อมาให้เทส่วนผสมเค้กลงไปในถาดอบประมาณ ของขนาดพิมพ์

เมื่อทำเสร็จเรียบร้อยแล้วให้นำเข้าเตาอบ โดยจะใช้เวลาอบประมาณ 1 ชั่วโมง หรือจนกระทั่งสุกซึ่งจะทดสอบได้โดยการลองเอาไม้จิ้มฟันลงไปจิ้มดูถ้าไม่มีแป้งติดไม้จิ้มฟันมาด้วยแสดงว่าสุกได้ที่แล้ว

เมื่อสุกแล้วให้นำเค้กออกมาจากเตาอบพักไว้สัก 5 นาที ก่อนที่จะคว่ำเค้กลงบนจานเสิร์ฟ แล้วเคาะออกให้เห็นหน้าเค้กเป็นมะยงชิด เสิร์ฟร้อน ๆ พร้อมกับวิปปิ้งครีม

เป็นเค้กที่ทำจากมะยงชิดผลไม้ของไทยที่มีรสชาติอมเปรี้ยวเล็กน้อย ใครมีเวลาว่าง หรือในโอกาสพิเศษ สามารถนำเมนูนี้มาทำกินกันได้นะครับ.

.............................

ส่วนผสมเค้ก

เนยสดจืด 6 ช้อนโต๊ะ

มะยงชิดหั่นเป็นชิ้น ๆ 100 กรัม

น้ำตาลทรายแดง 1 ถ้วยตวง

แป้งอเนกประสงค์ 1 1/2 ถ้วยตวง

ผงฟู 1 ช้อนชา

เนยสด 6 ช้อนโต๊ะ

น้ำตาลทรายขาว 1 1/2 ถ้วยตวง

เกลือ 1/2 ช้อนชา

ไข่ไก่ทั้งฟอง 4 ฟอง

ไข่แดงของไข่ไก่ 2 ฟอง

กลิ่นวานิลลา 1/2 ช้อนชา

น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ

นมสดจืด 1/2 ถ้วยตวง

หมึกแดง


Read More...


‘บัวลอยสมุนไพร’ เม็ดเล็ก ๆ กำไรงาม ๆ



เหตุที่เลือกขายบัวลอยนั้น เพราะเห็นว่าไม่ค่อยมีบัวลอยขายตามงานออกร้าน หรือตลาดนัดต่าง ๆ จึงคิดว่าน่าจะขายได้ โดยมีคนรู้จักช่วยสอนทำบัวลอยให้ และมาปรับเป็นสูตรของตัวเอง กว่าจะลงตัวก็ใช้เวลาอยู่นาน

“ขนมบัวลอย” เป็นขนมไทยพื้นบ้าน เป็นที่รู้จักกันทั่วทุกภูมิภาค แต่ละพื้นที่จะมีสูตร และเคล็ดลับที่แตกต่างกันไป ในปัจจุบันมีการทำขนมบัวลอยมากมายหลายสูตร อาทิ บัวลอยทรงเครื่อง, บัวลอยถั่วเขียว, บัวลอยเผือก, บัวลอยไข่หวาน รวมไปถึง “บัวลอยสมุนไพร” ซึ่งทีมคอลัมน์ “ช่องทางทำกิน” มีข้อมูลมานำเสนอในวันนี้...

จรรยา ทองไพวัลย์ หรือพี่โอ เจ้าของ “บัวลอยสมุนไพร(เรือนขนมไทย)” กล่าวว่า เพิ่งจะมาทำบัวลอยสมุนไพรได้ประมาณ 2 ปี เพราะต้องการจะมีการค้าที่ทำด้วยตนเอง ไม่ต้องพึ่งพาสินค้าจากคนอื่น เพราะจะเสียลูกค้าเวลาที่ไม่มีของขาย

“เดิมรับขนมที่ทำสำเร็จรูปมาขายตามตลาดนัดออฟฟิศต่าง ๆ เวลาที่ขายดีมาก ๆ เจ้าของขนมมักจะส่งขนมไม่พอกับจำนวนที่สั่งไป เกรงใจลูกค้ามาก จึงอยากทำขนมขายด้วยตัวเอง” จรรยา กล่าว

จรรยา กล่าวต่อไปว่า เหตุที่เลือกขายบัวลอยนั้น เพราะเห็นว่าไม่ค่อยมีบัวลอยขายตามงานออกร้าน หรือตลาดนัดต่าง ๆ จึงคิดว่าน่าจะขายได้ โดยมีคนรู้จักช่วยสอนทำบัวลอยให้ และมาปรับเป็นสูตรของตัวเอง กว่าจะลงตัวก็ใช้เวลาอยู่นาน

อุปกรณ์หลัก ๆ ที่ใช้ในการทำ บัวลอยสมุนไพร มีเตาแก๊ส, ลังถึง, หม้อ, ทัพพีกลม, กะละมังสเตนเลสหลายขนาด, กระทะทองเหลือง, ไม้พาย, ถาด, ถุงพลาสติก และอุปกรณ์เบ็ดเตล็ดอื่น ๆ

ส่วน วัตถุดิบ ที่ใช้ในการทำ บัวลอยสมุนไพร มีแป้งข้าวเหนียว, น้ำตาลทราย, หัวกะทิ, ฟักทอง, แครอท, ดอกอัญชัน, ใบเตย, บีทรูท หรือดอกกุหลาบ, ไข่ไก่, เนื้อมะพร้าวอ่อน, เผือก, ข้าวโพด ฯลฯ

วิธีทำ เริ่มที่ นำ เนื้อฟักทอง ไปต้มให้สุก จากนั้นนำไปบด หรือปั่นให้เนื้อละเอียด เตรียมไว้, ในขณะที่ แครอท และ หัวบีทรูท ให้ทำเหมือนกับฟักทอง

ดอกอัญชัน ให้นำไปต้มกับน้ำให้สุก เสร็จแล้วกรองเอาแต่น้ำอัญชันมาใช้, ใบเตย ให้นำไปปั่นละเอียดกับน้ำเปล่าเล็กน้อย เสร็จแล้วบีบด้วยผ้าขาวบาง คั้นเอาแต่น้ำออกมา

ส่วน น้ำดอกกุหลาบ นั้น ซื้อสำเร็จรูปจากต่างประเทศมาใช้ หากหาไม่ได้ ใช้หัวบีทรูททดแทนได้

นำเนื้อผัก และผลไม้สมุนไพรแต่ละชนิดไปผสมกับแป้งข้าวเหนียวอัตราส่วน 50 : 50 แล้วนวดจนได้ที่ ใช้เวลาประมาณ 5-10 นาที พอที่จะให้แป้งจับกันเป็นก้อน

เสร็จแล้วปั้นแป้งเป็นลูกเล็ก ๆ ขนาดเท่าหัวนิ้วชี้ หรือหัวแม่โป้ง แล้วคลุกด้วยแป้งมันอีกทีเพื่อไม่ไห้แป้งติดกัน เท่านี้ก็เป็นอันใช้ได้

หากยังไม่ได้ขายบัวลอยในตอนนั้นทันที ให้บรรจุแป้งใส่ภาชนะ หรือถุงพลาสติก แล้วแช่ใส่ตู้เย็นเก็บไว้

วิธีทำบัวลอยสมุนไพร

ต้มหัวกะทิด้วยไฟอ่อน ๆ ให้ร้อน เสร็จแล้วเติมน้ำตาลทราย และเกลือลงไปอย่างละเล็กน้อย ชิมรสให้ได้หวาน, เค็ม และมัน (ระหว่างต้มหัวกะทิ ระวังอย่าให้หัวกะทิแตกมัน) เตรียมไว้

เตรียมเครื่องเคียงบัวลอย ได้แก่ เนื้อมะพร้าวอ่อนหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ, เผือกต้มสุกหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ หรือเม็ดข้าวโพดต้ม

ตั้งกระทะทองเหลือง ต้มน้ำเปล่า และน้ำตาลทราย ในอัตราส่วนประมาณ 70 : 30 รอจนกระทั่งน้ำเชื่อมเดือด จากนั้นค่อย ๆ ใส่แป้งบัวลอยลงไปต้มให้สุก (สังเกตจากแป้งที่ลอยขึ้นมาคือแป้งที่สุกแล้ว หากน้ำเดือดจัด ๆ จะใช้เวลาไม่เกิน 5 นาที) เสร็จแล้วค่อย ๆ ใช้กระชอนช้อนแป้งบัวลอยขึ้นมาพักในถาดที่เตรียมไว้ แล้วตักน้ำเชื่อมราดลงไปบนแป้งบัวลอยเล็กน้อยเพื่อป้องกันไม่ให้แป้งบัวลอยจับกันเป็นก้อน

ส่วนการทำ ไข่หวาน นั้น จรรยา บอกว่า ใช้วิธีดาวไข่ในน้ำเชื่อมที่ใช้ต้มแป้งบัวลอยได้เลย ใช้เวลาดาวไข่ 3-4 นาที (หากต้องการให้ไข่แดงสุกมาก อาจจะใช้เวลานานออกไปอีกหน่อย)

วิธีขาย หากเป็น บัวลอยธรรมดา ตักแป้งบัวลอยพอประมาณลงไปในถ้วย ตามด้วยเนื้อมะพร้าวอ่อน, เผือกต้ม หรือข้าวโพดต้มอย่างละเล็กน้อย แล้วราดด้วยกะทิปิดท้าย ขายในราคาถ้วยละ 25 บาท

หากเป็น บัวลอยไข่หวาน ตักแป้งบัวลอยพอประมาณลงไปในถ้วย ตามด้วยเนื้อมะพร้าวอ่อน, เผือกต้ม หรือข้าวโพดต้มอย่างละเล็กน้อย ตามด้วยไข่หวาน 1 ฟอง แล้วราดด้วยกะทิปิดท้าย ขายในราคาถ้วยละ 30 บาท

ใครสนใจ “บัวลอยสมุนไพร” ของจรรยา เจ้าของกรณีศึกษา “ช่องทางทำกิน” รายนี้ติดต่อได้ที่ โทร. 09-2931-5554.

สุภารัตน์ ยอดศิริวิชัยกุล : เรื่อง/ภาณุพงศ์ พนาวัน : ภาพ

..........................................................................................

คู่มือลงทุน…บัวลอยสมุนไพร

ทุนอุปกรณ์ ประมาณ 10,000 บาทขึ้นไป

ทุนวัตถุดิบ ประมาณ 50% ของราคาขาย

รายได้ ราคา 25-30 บาท/ถ้วย

แรงงาน 1-2 คนขึ้นไป

ตลาด ชุมชน/ออกร้าน/ย่านท่องเที่ยว

จุดน่าสนใจ ใช้พืชผักสมุนไพรเพิ่มมูลค่าให้ขนม

credit by : http://www.dailynews.co.th/Content/Article/309144/‘‘บัวลอยสมุนไพร’+เม็ดเล็ก+ๆ+กำไรงาม+ๆ

Read More...


เมียงมองและลองชิม ‘พิซซ่าลูกอิน’ อัดแน่นเครื่อง


ความที่กิจการหลักของครอบครัวทำธุรกิจระหว่างประเทศ ซึ่งนำเข้าแบรนด์สินค้าหลากหลายชนิด จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีชาวต่างชาติมาพบปะติดต่อการค้า และตามธรรมเนียมไทยแท้แต่โบราณ “ใครถึงเรือนชานต้องต้อนรับ”


“ลืมวันลืมคืน” มักเป็นคำวลีที่ใช้บ่อยกับคนทำงาน แต่สำหรับ หญิง-ปรัชญมน บุรณศิริ ทายาทเจ้าของธุรกิจนำเข้าผลิตภัณฑ์ดูแลมือและเท้าแบรนด์ OPI คงใช้คำนี้ได้ในกรณีที่เธอเดินเข้าครัว แม้ภายนอกดูมาดเป็นสาวโฉบเฉี่ยวเปรี้ยวพอตัว แต่ความสามารถเฉพาะตัวน่าทึ่งที่ซ่อนซุกอีกอย่างหนึ่งก็คือ “การทำอาหาร” ซึ่งได้รับการถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นมาตั้งแต่สมัยคุณยาย มาแบบอาศัยเทคนิคครูพักลักจำ

ความที่กิจการหลักของครอบครัวทำธุรกิจระหว่างประเทศ ซึ่งนำเข้าแบรนด์สินค้าหลากหลายชนิด จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีชาวต่างชาติมาพบปะติดต่อการค้า และตามธรรมเนียมไทยแท้แต่โบราณ “ใครถึงเรือนชานต้องต้อนรับ” นี้ หลังเสร็จสิ้นภารกิจ ครอบครัวของคุณหญิงจึงนิยมรับรองคู่ค้าคนสำคัญด้วยการพาไปรับประทานอาหารอร่อยๆ ตามใจกลางกรุง แต่ระยะหลังติดอุปสรรครถติดแน่นขนัด จึงเปลี่ยนแผนทำอาหารต้อนรับขับสู้เสียเอง

“คุณพ่อทำอาหารเก่งมากและเคยมีร้านอาหารอยู่ที่สหรัฐอเมริกา ระยะหลังทำอาหารเลี้ยงแขกเอง ซึ่งหลาย ๆ คนก็ติดใจไม่ว่าจะเป็นเมนูหลักอย่างอาหารนานา ชาติเพื่อให้กินง่าย แล้วเสริมด้วยอาหารไทยบางเมนูเพื่อให้สัมผัสประสบการณ์ความอร่อยแบบไทยแท้ ทำไปทำมาปรากฏว่าตึกแถวปากซอยสุขุมวิท 58 สร้างขึ้น จุดประกายความคิดให้เปิดเป็นร้านอาหารผสมผสานสไตล์ไทย-อิตาเลียน โดยนำชื่อของคุณยายมาตั้งชื่อร้านเพื่อความเป็นสิริมงคลว่าร้านลูกอิน” คุณหญิงเล่าที่มา

จุดเด่นของร้านคุณหญิงเผยว่า “รสจัดจ้านถึงเครื่อง” ทั้งไทยและเทศเรียกว่าครบถ้วนทั้งรสเปรี้ยวเค็มหวาน รับรองถูกปากคนไทย ซึ่งในส่วนของเมนูอิตาเลียนนั้นได้ประยุกต์รสชาติให้ถูกลิ้นคนไทยโดยที่ชาวต่างชาติก็ไม่ยี้ การันตีได้จากการที่มีลูกค้าประจำเป็นชาวต่างชาติครึ่งต่อครึ่ง และหนึ่งในเมนูโด่งดังนั่นก็คือ “พิซซ่าลูกอิน” พิซซ่าเนื้อบางที่แต่ละคำสัมผัสได้ถึงความกรุบกรอบและรสชาติยังกลมกล่อม โดยในวันนี้คุณหญิงยังใจดีเผยสูตรและวิธีทำชนิดหมดเปลือก

เริ่มต้นกันที่ วัตถุดิบและส่วนผสม มีดังนี้ แป้งโด 1 แผ่น, ผักโขม 1/2 ถ้วย, เห็ดหอม 1/2 ถ้วย, แฮม 1/2 ถ้วย, ซาลามี หรือไส้กรอกแห้งมีรสเค็ม 1/2 ถ้วย, พาเมซานชีส 1/2 ถ้วย, มอสซาเรลล่าชีส 2 ถ้วย และซอสมารินาร่า คุณหญิงแนะนำปลีกย่อยว่า แป้งโดหรือแป้งพิซซ่าสามารถหาซื้อแบบสำเร็จรูปตามร้านค้าทั่วไป แต่สูตรของทางร้านจะทำแป้งเอง

วิธีทำ เตรียมเครื่องด้วยการนำผัดเห็ดหอมกับน้ำมันมะกอกเสร็จแล้วซอยเป็นชิ้นพอดีคำ พักไว้ก่อนต้มผักโขมในน้ำเกลือพอสุกแช่ในน้ำเย็นทันทีเพื่อให้คงสีเขียวสด จากนั้นบีบน้ำออกให้หมดหั่นเป็นชิ้น ๆ หยิบแป้งโดมาวางตักซอสมารินาร่าราด ซอสชนิดนี้รสออกเปรี้ยวและเผ็ดนิดหนึ่ง ซึ่งหาซื้อแบบสำเร็จรูปได้ หากอยากทำเองให้นำซอสพาสต้าสำเร็จรูป ผัดลงกะทะใส่พริกป่นคาเยน ปรุงรสด้วยเกลือ พริกไทย เคี่ยวให้กลิ่นเพิ่มทำให้รสหนักขึ้นใส่ใบโหระพา

จากนั้นโรยหน้าด้วยพาเมซานชีสและมอสซาเรลล่าชีสเพิ่มความยืดหนึบหนับ แล้วยกขบวนเครื่องมาให้อุดมสมบูรณ์ทั่วหน้าทั้งแฮม, ไส้กรอก, ผักโขม และเห็ด ต่อมานำเข้าเตาอบอุณหภูมิ 300 องศาเซลเซียส ใช้เวลาประมาณ 5 นาที สำหรับเทคนิคของทางร้านจะใช้ไม้

ค่อย ๆ หมุนให้ความร้อนระอุสุกทั่วแผ่น แค่นี้ก็ยกลงจากเตาโรยออริกาโน่ให้หอมฉุย ใช้มีดตัดแบ่งเป็นชิ้น ๆ แต่จะกินให้เอร็ดอร่อยคุณหญิงแนะนำให้ใส่ซอสพริกหรือซอสมะเขือเทศ...เปิบด้วย “มือ” สไตล์แบบไทยไทยได้เลย!!!.

‘ช้องมาศ’

credit by : http://www.dailynews.co.th/Content/Article/308966/เมียงมองและลองชิม+‘พิซซ่าลูกอิน’+อัดแน่นเครื่อง

Read More...


เครื่องครัวไฮเทค ดูแค่หน้ารับประกันคุณเดาไม่ถูก


คิดจะเข้าครัวปรุงอาหารกันทั้งที เดี๋ยวนี้เครื่องครัวสวย เก๋ มีสไตล์ แถมใช้งานได้ดีเลิศ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ ทั้งช่วยทุ่นแรงและเวลา…

มนุษย์ เราสมัยนี้เอะอะก็ว่ากันแต่เรื่อง "แฟชั่น" จะมีซักกี่คนที่ให้ความสำคัญกับเรื่องของ "ฟังก์ชั่น" เป็นอันดับแรก... แต่จะว่าไป ถ้าเรามีอุปกรณ์ที่สามารถตอบสนองการใช้งานได้ดีแถมมาพร้อมกับความสวยงาม อันนี้ก็น่าสนใจอยู่ไม่น้อย

โดยเฉพาะอุปกรณ์ภายในห้องครัว ซึ่งหลายคนอาจจะคิดว่ารูปลักษณ์เดิมๆ นั้นน่าเบื่อ ไม่ดึงดูดใจไม่น่าใช้ เลยไม่ค่อยมีอารมณ์รื่นเริงกับงานครัวซักเท่าไหร่ แถมนึกแล้วก็มีแต่อุปกรณ์ที่ทำให้คุณต้องออกแรงใช้งานแบบหนักหน่วง... แต่อย่าลืมว่ายุคนี้เราเข้าสู่ศตวรรษที่ 21 กันแล้ว อะไรที่หน้าตาแบบเดิมๆ แลดูโบราณเทอะทะน่ะไม่มีปรากฏให้เห็นหรอกนะจ๊ะ แม้แต่เครื่องใช้ในครัวก็ด้วย!

เราเลยขอคัดสรรบรรดาเครื่องครัวสุด ไฮเทค เรียกว่าลงตัวทั้งแฟชั่นและฟังก์ชั่นแบบพอเหมาะพอเจาะ มาให้คุณได้ยลโฉมเป็นเบื้องต้นซัก 20 ประเภท เผื่อจะเป็นแรงบันดาลใจให้คุณอยากคว้าตะหลิว ทัพพีเข้าครัว ทำอาหารได้สนุกมากขึ้น...


มองครั้งแรกเหมือนบัวรดน้ำ แต่นี่คือหม้อพิเศษ ช่วยให้เทน้ำออกได้โดยไม่ต้องกลัวผักหรือเนื้อหลุดออกไป
นี่คืออุปกรณ์ที่จะช่วยให้การวางแท็บเล็ตในครัวสะดวกขึ้น... เปิดดูเมนูออนไลน์เพื่อปรุงอาหารไปด้วยก็ยังได้
แค่มีเครื่องนี้ก็ทำเฟรนฟรายได้เหมือนมืออาชีพ ไซส์เดียวกันเป๊ะ
ถ้วยซิลิโคน... สะดวกในการเท เพราะสามารถบีบปากถ้วยให้แคบหรือกว้างสำหรับเทวัตถุดิบ
แค่มีเจ้าอุปกรณ์นี้ คุณก็ไม่ต้องเสียเวลาปอกสับปะรดอีกต่อไป
แยกไข่ดาว ไข่แดง ออกจากกันได้อย่างรวดเร็ว
ไม่ต้องเทหรือบีบน้ำสลัดอีกต่อไป ถ้ามีอุปกรณ์นี้... แถมใช้งานง่ายไม่เลอะเทอะอีกด้วย
อุปกรณ์นี้จะช่วยให้คุณสามารถกะจำนวนการทำพาสต้าได้พอดิบพอดีกับจำนวนผู้กิน... ยังไงล่ะเนี่ย?
แม้ว่าหน้าตาจะดูเหมือนหน้ากาก มากกว่าเครื่องครัว แต่นี่คือตัวกรองอาหาร ไม่ให้ไหลออกไปเมื่อคุณเทหรือล้างน้ำ
ชามรักษาความกรอบ! ไม่จำเป็นต้องเทของกรอบๆ ลงไปในน้ำซุป หรือนมทั้งหมด หากคุณใช้ชามนี้ เหมือนเป็นสไลเดอร์ไหลลงน้ำอย่างไง อย่างงั้น
ไม่ต้องกลัวว่าทัพพีจะจม หรือหล่นลงไปในหม้ออีกแล้ว แค่ใช้ตัวล็อกนี้ติดเข้าไป
ดูเหมือนส้อมไซส์ยักษ์... แต่นี่ช่วยให้คุณสามารถจับและหั่นผักต่างๆ ได้สะดวกและสวยงามขึ้นนะ
ชามเก็บเปลือก! เหมาะกับการใช้ใส่อาหารที่ต้องแกะเปลือก เพราะมีพื้นที่ด้านข้างไว้ให้ทิ้งเปลือกได้ในตัว
ไม่ต้องเสียเวลาสับกระเทียมแล้ว แค่ใช้อุปกรณ์นี้กดลงไปและออกแรงโยกนิดหน่อย ก็ได้กระเทียมสับทันที
เลิกอารมณ์เสียตอนย่างผัก แล้วหลุดร่วงลงด้านล่างเตา! เพราะอุปกรณ์นี้ช่วยล็อกไว้ให้คุณอย่างแน่นหนา
เลาะแกน หรือไส้ของผลไม้ได้สะดวกเลยล่ะ แบบนี้ก็กินได้เร็วขึ้นอีกนิดนึง
ทำครัวคนเดียวมันลำบาก... ลองใช้เครื่องมือช่วยถือถุงมั้ย จะตักหรือเทอาหารก็สบายขึ้นอีกหลายเท่าตัว
เวลาทำเครื่องแกงที่ต้องใช้กระเทียมเยอะๆ คงเสียเวลาปอกน่าดู... แต่เจ้าเครื่องนี้จะช่วยให้คุณสบายขึ้นเยอะ เพราะมันคืออุปกรณ์ช่วยปอกเปลือกกระเทียม
อยากหั่นผักหนาหรือบาง แค่ปรับตามใจคุณ... รับรองว่าขนาดเท่ากันทุกชิ้น
ต่อไปนี้ของกรุบกรอบจะไม่แตก ไม่หักอีกแล้ว... ถ้าคุณเปลี่ยนมาใส่กล่องแบบนี้

เห็นแล้วอยากเข้าครัว ปรุงอาหารซะจริง...!

ขอบคุณข้อมูล : เว็บ architecturendesign

credit by :  http://www.thairath.co.th/content/486770

Read More...


รู้ไว้ใช่ว่า ! เช็กลิสต์ 6 อาหารต้องห้าม ยิ่งกินเยอะ ยิ่งทำร้ายสมอง !


อาหารบางอย่างหากคุณทานเยอะไปก็ใช่ว่าจะให้ประโยชน์กับร่างกาย สัปดาห์นี้ ไทยรัฐออนไลน์ จะพาคุณไปเช็กลิสต์ 6 อาหารให้โทษ ซึ่งถ้าคุณทานในปริมาณที่มากเกินไป อาหารเหล่านี้จะเข้าไปทำร้ายสมองคุณ ให้คุณรู้สึกเฉื่อยชา ขี้หลงขี้ลืม หดหู่เศร้าหมองแบบไม่มีเหตุผล ไม่มีเรี่ยวแรง และรู้สึกขี้เกียจที่จะทำอะไรเลยตลอดวัน … ลองเลื่อนอ่านดูโดยเร็ว ไม่แน่หนึ่งในนั้นอาจเป็นอาหารที่คุณทานเป็นประจำอยู่ก็ได้ !
1. ทูน่า
ถ้าคุณชอบทานอาหารทะเลเป็นชีวิตจิตใจ และคิดว่ามันให้โปรตีน มีไอโอดีนสูง มีประโยชน์ต่อร่างกายแบบสุดๆ โดยเฉพาะปลาทะเล แน่ล่ะว่าเราโอเคที่จะให้คุณทาน แต่นั่นไม่ใช่ทั้งหมด ! 'ทูน่า' จัดเป็นปลาทะเลที่เราอยากแนะอยากให้คุณทานแต่น้อย เพราะจากผลการวิจัยมหาวิทยาลัยทางใต้ของฟลอริดา เผยว่า ปลาทูน่ามีสารปรอทเจือปนค่อนข้างมาก ซึ่งหากคุณทานบ่อยๆ เข้า มันจะส่งผลเสียต่อสมองของคุณ เช่น ทำลายระบบประสาทส่วนกลาง (สมอง และไขสันหลัง) ทำให้เสียการควบคุมการเคลื่อนไหวของแขน ขา และการพูด อีกทั้งยังทำให้ระบบประสาทรับความรู้สึกเสียไปด้วย …
ฉะนั้นถึงคุณจะชอบทานปลาทะเลมากแค่ไหนก็ตาม ก็ควรทานปลาทูน่าในปริมาณที่เหมาะสม โดยคุณสามารถทานปลาทะเลอย่างอื่นเพิ่มขึ้นได้ อย่างเช่น ปลาแซลมอน ปลาซาดีน และปลาแมคเคอเรล ที่มีสารปรอทเจือปนในปริมาณน้อยกว่า แถมยังมีโอเมก้า 3 ที่ช่วยลดคลอเรสเตอรอลได้อย่างยอดเยี่ยม เช่นกัน!

หลีกเลี่ยง 'ทูน่า' ไว้ๆ ...
2. อาหาร/เครื่องดื่มผสมน้ำตาล
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง 'เครื่องดื่มอัดลม' ทั้งหลายที่คุณชอบดื่มเป็นประจำ ถึงมันจะช่วยทำให้คุณรู้สึกสดชื่น และคลายความกระหายน้ำได้ก็จริง แต่รู้ไหมถ้าคุณดื่มมากไป นั่นจะทำให้ระดับ 'อินซูลิน' ในร่างกาย(น้ำตาลในเลือด)เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และส่งผลเสียต่อความจำระยะยาวในสมองตามมา ซึ่งคุณจะมีปัญหาด้านความจำ ขี้หลงขี้ลืมเป็นบางครั้ง คล้ายกับโรค 'อัลไซเมอร์' ที่สมองด้านความจำทำงานได้ไม่เต็มที่ 100 % อีกทั้งน้ำตาลที่คุณบริโภคเป็นจำนวนมากยังส่งผลต่อความรู้สึก อย่างเช่น คุณจะรู้สึกเศร้าหมองไปเอง ซึมเศร้าในบางครั้งแบบไม่มีเหตุผล

เซย์โน ! อาหาร/เครื่องดื่มผสมน้ำตาล
3. อาหารที่มีไขมันอิ่มตัวสูง
คุณจะพบไขมันอิ่มตัวสูงนี้ได้จาก น้ำมันปาล์ม, กะทิ, เนย, นม, เนื้อแดง และช็อกโกแลต ที่คุณทานเป็นประจำทุกวัน หากคุณบริโภคเป็นจำนวนมากในทุกๆ วัน มันก็จะสะสม และเข้าไปทำร้ายสมองในระยะสั้น-ลดความสามารถของสมอง เสี่ยงที่จะเป็นโรค 'อัลไซเมอร์' มากยิ่งขึ้น ไขมันอิ่มตัวนี้จะส่งผลต่อความจำในสมองคุณ ทั้งในเรื่องความจำ การเรียนรู้ การปะติดปะต่อเรื่องราว และเมมโมรี่ใหม่ๆ ที่เพิ่งผ่านเข้ามา ทำให้คุณสามารถลืมมันได้ในเวลาอันรวดเร็ว อย่างเช่น 10 นาทีหลังจากที่เรื่องราวเพิ่งเกิดขึ้น รวมทั้งมันยังให้โทษกับร่างกาย ทำให้ไขมันในเลือดพุ่งสูงขึ้น และเสี่ยงเป็นโรค 'หลอดเลือดตีบ' อย่างช่วยไม่ได้
ฉะนั้นทางที่ดีเราแนะนำว่า คุณควรบริโภคในปริมาณที่พอดี อย่างมากที่สุดสัปดาห์ละ 3-4 ครั้ง ก็น่าจะโอเคแล้วล่ะ !

อาหารที่มีไขมันอิ่มตัวสูง ...

4. อาหารแปรรูป
อาหารแปรรูปบางอย่างไม่ได้มีไขมัน และให้น้ำตาลในปริมาณที่สูงก็จริง หากแต่มันประกอบด้วยโซเดียมเป็นจำนวนมาก ซึ่งถ้าคุณสะสมโซเดียมในร่างกายมากขึ้นเรื่อยๆ มันก็จะเข้าไปทำร้ายสมองคุณโดยที่คุณไม่รู้ตัว ทำให้สมองของคุณรู้สึกงงงวย-สับสน ทำให้การรับรู้-กระบวนการคิดไม่ได้สมรรถภาพเต็มร้อยอย่างที่ควร ความดันเลือดสูงขึ้น(เกิดจากการบีบตัวของห้องหัวใจ) และสุขภาพหัวใจแย่ลง … รู้แบบนี้แล้ว สำหรับใครที่ชอบทานอาหารแปรรูป เพราะคิดว่ามันทานง่าย สะดวก และรวดเร็ว คงต้องเปลี่ยนความคิดไปได้เลย ก่อนที่สุขภาพสมอง และร่างกายจะแย่ไปกว่านี้ !!

อาหารแปรรูป ... ประกอบด้วยโซเดียมอันตรายย
5. ฟาสต์ฟู้ด
อย่างที่คุณรู้ … อาหารฟาสต์ฟู้ดเป็นตัวฉกาจร้ายที่ทำให้คุณอ้วน และยังให้สารอาหารไม่เพียงพอกับที่ร่างกายต้องการ (คุณก็ยังทานมันอยู่ดี) แต่ทว่าจริงๆ แล้วมันยังให้โทษมากกว่านั้น … มาก โดยเฉพาะเป็นตัวทำร้ายสมองของคุณชั้นดี เพราะในฟาสต์ฟู้ดมีทั้ง กรดไขมันอิ่มตัว, ไขมันไม่อิ่มตัว, โซเดียม และน้ำตาล ที่ล้วนแต่เป็นตัวเร่ง/ตัวแปร ทำให้ความสามารถในการทำงานของสมองลดลงทั้งสิ้น ซึ่งจากผลการวิจัย เผยว่า คนที่นิยมทานฟาสต์ฟู้ดเป็นประจำแทบทุกวัน เฉลี่ยประมาณ 40% จะมีความเสี่ยงสูงที่จะตกอยู่ในภาวะซึมเศร้า-หดหู่ รู้สึกไม่มีความสุขโดยไม่มีเหตุผล และมีความจำสิ่งต่างๆ แย่ลง มากกว่าคนที่ทานนานๆ ครั้งซะอีก

ฟาสต์ฟู้ด ... ตัวฉกาจร้ายทำลายสมอง !!
6. อาหารเสริมธาตุเหล็ก และทองแดง
ข้อสุดท้ายนี้เราขอมาร์คไว้เลยว่า คุณควรทานเมื่อแพทย์แนะนำเท่านั้น ! ถึงแร่ธาตุสำคัญต่อสุขภาพคุณอย่างมาก แต่หากคุณซื้อมาทานเอง และทานในปริมาณเกินไป(คิดว่าตัวเองมีเม็ดเลือดต่ำ แล้วต้องการทานเสริมสร้างเม็ดเลือด) มันอาจส่งผลลัพธ์ในทางลบมากกว่าบวก ให้โทษอันตรายกลับมาแทน อย่างถ้าคุณบริโภคทองแดง หรือธาตุเหล็ก เกินขีดจำกัด/เกินกว่าที่ร่างกายยอมรับได้ มันจะให้ผลย้อนกลับ โดยเข้าไปขัดขวางการทำงาน บล็อกการสื่อสารของเซลล์บางตัวในสมอง นำไปสู่เซลล์เส้นประสาทตาย หรือสลายโปรตีน 'แอมีลอยด์ บีตา(Beta-amyloid)' ในสมอง ที่เป็นสาเหตุของการเกิดโรคอัลไซเมอร์ และโรคสมองเสื่อมตามมา ซึ่งนั่นจะมีผลสำคัญในเรื่องการเรียนรู้ และความจำ
อย่างไรก็ดี ทองแดงจะช่วยลดความเสี่ยงต่อภาวะโรคหิตจาง(โดยเฉพาะผู้หญิงวัยที่มีประจำ เดือน) ช่วยลดอาการเหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย ส่วนธาตุเหล็กนั้น จะช่วยลดคอเลสเตอรอล ลดความเสี่ยงจากภาวะกระดูกพรุน และบรรเทาปวดจากข้ออักเสบต่างๆ ได้เป็นอย่างดี

อาหารเสริมธาตุเหล็ก และทองแดง ... ทานเมื่อแพทย์แนะนำเท่านั้น !
ที่มา : womenshealthmag

credit by :  http://www.thairath.co.th/content/485658

Read More...


‘ข้าวต้มปลาแซลมอน’ แห้ง-น้ำ ตามใจสั่ง


ต้มน้ำซุปจากกระดูกหมู ด้วยการล้างกระดูกหมูให้สะอาด เวลาน้ำเดือดปุด ๆ นำลงไปต้ม ระหว่างนั้นคอยช้อนฟองทิ้ง พอได้ที่แล้วกรองอีกครั้งหนึ่งเพื่อให้น้ำใส

บ่นเสียดายโอกาสไม่ได้สูตรอาหารทั้งไทย จีน และขนมไทย มาจากคุณแม่ “สุวิมล” เต็มร้อย เนื่องจากวัยเด็ก มักโดนไล่ไปอ่านหนังสือมากกว่าตำน้ำพริกทำกับข้าว ทว่าฝีมือการทำอาหารและการจัดการของ แพร-พัชรพิมล ยังประภากร ประธานบริษัท ซีเวอร์ ซีเอ็กโซติก เลเธอร์ จำกัด เจ้าของกระเป๋าแบรนด์หรูอย่าง “สุวิมล” ก็ยังเจ๋งไม่แพ้การพาแบรนด์กระเป๋าหนังของเมืองไทยโกอินเตอร์

คุณแพรเล่าว่า “หลังจากเรียนจบก็ทำงาน ไม่เคยเข้าครัวจริงจัง พอมีครอบครัว มีลูก ๆ ก็ทำบ้าง แม้มีแม่บ้าน มีแม่ครัว เราก็ต้องคอยกำชับดูแลว่าจะทำอะไร ใช้สูตรไหน ก็จะสอนไว้เพื่อให้รสชาติถูกปากลูก ๆ แม้ไม่ได้เข้าครัวจริงจังเป็นแม่บ้านเลย แต่ก็เรียนรู้ดูมาจากคุณแม่ แพรคิดว่าผู้หญิงเราต้องรู้เรื่องพวกนี้ไว้ ถึงเราไม่มีเวลาทำแต่เราก็สอนให้คนทำได้ จำเป็นต้องรู้จริงเพื่อที่จะสอนแม่ครัวได้ เป็นเสน่ห์ปลายจวักอีกแบบหนึ่ง”

รสนิยมการกินอาหาร ต้องยกให้บ้าน “ยังประภากร” เป็นนักชิมอินเตอร์ เพราะชื่นชอบอาหารหลากหลาย ทั้งไทย อินเดีย ยุโรป จีน เวียดนาม และเกาหลี ประกอบกับกรุงเทพฯ เป็นเมืองแห่งศูนย์รวมอาหารนานาชาติ หาชิมได้ไม่ยากโดยเฉพาะย่านสุขุมวิท คุณแพรและลูก ๆ ทั้ง 4 คน จึงมักใช้เวลาว่างเสาะแสวงหาร้านอร่อย “พวกเรากินข้าวนอกบ้านกันบ่อย ตลอดทั้งวันต่างคนต่างกระจัด กระจายไปทำธุระ ตกเย็นจะนัดรวมตัวชวนกันไปชิมอาหารประจำ” ซิงเกิ้ลมัมคนเก่งเผยไลฟ์สไตล์ส่วนตัว

ส่วนมื้อเช้า “ครอบครัวเราชอบกินข้าวต้มกัน” คุณแพรเล่าที่มาของเมนู “ข้าวต้มปลาแซลมอน” ของวันนี้แล้วอธิบายว่า “ปกติตอนเช้าเป็นชั่วโมงเร่งรีบ อาหารจานเดียวจึงค่อนข้างสะดวก โดยเฉพาะข้าวต้มที่สามารถเปลี่ยนได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นข้าวต้มหมู ข้าวต้มไก่ ข้าวต้มปลากะพง ข้าวต้มปลาจะละเม็ด จนกระทั่งปลาแซลมอนเข้ามาในเมืองไทย ส่วนใหญ่เรากินปลาแซลมอนที่ร้านอาหารญี่ปุ่นในรูปแบบซาซิมิ ซูชิ ระยะหลังมีวางจำหน่ายในซูเปอร์มาร์เกต แพรก็คิด เอ๊ะ...ถ้าเอาปลาแซลมอนมาทำข้าวต้มน่าจะอร่อยนะ อีกทั้งทำง่าย เนื้อปลาก็นุ่ม ลองทำดูทุกคนติดใจความอร่อย ค่อนข้างเป็นอาหารประจำบ้านเช่นกัน”

วัตถุดิบและส่วนผสม ข้าวสวยหุงปกติ 1 ถ้วย, ปลาแซลมอน 5 ขีด, ใบตั้งโอ๋ 4 ต้น, เกลือ 1 ช้อนชา, น้ำตาลกรวด 2 ช้อนชา, ซีอิ๊ว 1 ช้อนโต๊ะ, ต้นหอม ผักชี ขิง และกระเทียมเจียวน้ำมัน ตามชอบ

วิธีทำ ต้มน้ำซุปจากกระดูกหมู ด้วยการล้างกระดูกหมูให้สะอาด เวลาน้ำเดือดปุด ๆ นำลงไปต้ม ระหว่างนั้นคอยช้อนฟองทิ้ง พอได้ที่แล้วกรองอีกครั้งหนึ่งเพื่อให้น้ำใส จากนั้นนำมาตั้งไฟพอน้ำเดือดใส่ข้าวสวยลงไป เคี่ยวสักครู่รอให้น้ำซุปซึมเข้าเนื้อข้าว ปรุงรสด้วยเกลือและน้ำตาล ใส่น้ำมันกระเทียมเจียว 3 ช้อนชา แล้วเหยาะพริกไทยช่วยดึงกลิ่น ใส่ใบตั้งโอ๋และปลาแซลมอนแล้วปิดฝาและปิดไฟทันที ตักเสิร์ฟพร้อมกับขิงซอย ต้นหอมซอย และผักชี

เคล็ดลับความอร่อย คุณแพรแนะนำไม่ควรต้มปลาแซลมอนให้สุกเกินไป เพราะเนื้อจะแข็งกระด้างลิ้น เสิร์ฟพร้อมขิงซอย ต้นหอมซอย นอกจากนี้ควรใช้ซีอิ๊วเพราะเข้ากับปลาแซลมอนมากกว่าน้ำปลา สำหรับคนชอบกินแบบแห้ง เพียงลวกปลาแซลมอนโปะราดข้าว เติมเครื่องเคียงอย่างขิงซอย ต้นหอมซอย และผักซี เติมซีอิ๊วเพิ่มรสชาติ เลือกความอร่อยทุกมื้อเช้าได้ตามความชอบไม่ว่าแห้งหรือน้ำ.

‘ช้องมาศ’

credit by : http://www.dailynews.co.th/Content/Article/307283/‘‘ข้าวต้มปลาแซลมอน’+แห้ง-น้ำ+ตามใจสั่ง

Read More...


‘กระทะร้อนญี่ปุ่น’ เมนูริมทางทำเงินงาม!!




ปัจจุบันการหาอาหารญี่ปุ่นรับประทาน ถือเป็นเรื่องง่าย ไม่ว่าจะเป็นร้านระดับพรีเมียม หรืออาหารญี่ปุ่นที่จัดสรรเป็นคำ เพื่อง่ายต่อการรับประทาน ซึ่งรสชาติก็ต้องมีการปรับให้คุ้นลิ้นกับคนไทย ดังนั้นการที่จะหาอาหารญี่ปุ่นรับประทานแบบฉบับของคนญี่ปุ่นโดยแท้ คงจะเป็นเรื่องที่ยาก แต่ใครจะเชื่อว่าในร้านเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ที่ตลาดนัดริมทางด่วนรามอินทรา จะยกเมนูอาหารจากประเทศญี่ปุ่นมาให้คนไทยได้ลิ้มลอง วันนี้คอลัมน์ “ช่องทางทำกิน” จึงนำข้อมูล “กระทะร้อนญี่ปุ่น” มานำเสนอ......

บี๋-ศุภศิริ ถาวรรัตน์ และ กิ๊ก-อรฐษา ถาวรรัตน์ สองสามีภรรยาเป็นเจ้าของร้านอาหารญี่ปุ่น “โอโตซัง” บี๋เล่าให้ฟังถึงที่มาของการเปิดร้านอาหารญี่ปุ่นริมทางว่า เกิดจากความชื่นชอบในการทำอาหาร และเคยเป็นเชฟอาหารญี่ปุ่นที่ประเทศอเมริกามาตั้งแต่ตอนอายุ 14 ปี เพราะเขาเกิดและโตที่นั่นจึงได้อเมริกันซิตีเซ่น และมักจะเดินทางมาเยี่ยมคุณแม่ปีละครั้ง

เมื่อ 4 ปีที่แล้ว ตัดสินใจกลับมาอยู่ถาวร และได้แต่งงานมีครอบครัว ทั้งเขาและแฟนต่างก็มีงานประจำเป็นอาจารย์ ด้วยความที่มีใจรักในการทำอาหาร และแฟนชอบกิน จึงตัดสินใจเปิดร้านอาหารญี่ปุ่นเล็ก ๆ ในสไตล์ของตัวเอง

“ผมฝันจะทำแฟรนไชส์ อยากให้ร้านอาหารของผมเข้าไปอยู่ในที่ต่าง ๆ อยากให้คนที่มีความฝันเช่นผม ได้เริ่มต้นทำธุรกิจโดยไม่ต้องมีเงินเยอะ เสร็จจากงานสอน เราจะผลัดกันซื้อของก่อนเข้าร้านทุกวัน เมนูที่ร้านไม่เยอะ เพราะต้องการควบคุณคุณภาพอาหารให้ได้มาตรฐาน วัตถุดิบที่ใช้ก็นำเข้าจากญี่ปุ่น 80% ผมจะปรุงทำสด ๆ ใหม่ ๆ จานต่อจาน เวลาเสิร์ฟกระทะร้อนเสียงจะดังฉ่า ๆ ควันฉุย ๆ”

เมนูหลักของที่ร้านโอโตซัง มี ซู่ซ่ากระทะร้อนไก่เทริยากิ, ซู่ซ่ากระทะร้อนหมูเทริยากิ, ซู่ซ่ากระทะร้อนแซลมอนเทริยากิ (เสิร์ฟพร้อมกับข้าวญี่ปุ่นร้อน ๆ และน้ำซุป) และเมนูแนะนำ คือ สลัดเห็ดญี่ปุ่น ซึ่งใช้ผักสด ๆ กรอบ ๆ กับเห็ดญี่ปุ่นผัดราดน้ำสลัดงาญี่ปุ่น, สลัดหมูย่าง, สลัดไก่ย่าง, ยากิโทริไก่ย่าง, ยากิโทริแซลมอน, เบคอนพันเห็ดเข็มทอง (ทานกับซอลพอนซึ), ยำสาหร่าย,มิโซซุป, ข้าวญี่ปุ่น นอกจากนี้ก็จะมีบริการชาเขียวเย็น และน้ำแข็งไสถั่วแดง

อุปกรณ์ หลัก ๆ ที่ใช้ก็มี...เตาแก๊ส, กระทะเทฟล่อน, ชุดกระทะร้อน (มีจานกระทะร้อนกับไม้รอง), ขวดพลาสติกสำหรับใส่น้ำมันพืช, ขวดพลาสติกสำหรับใส่น้ำสลัดและน้ำซอสเทอริยากิ, ที่คีบอาหาร, ตะแกรง, หม้อสเตนเลส, ทัพพี, ขวดใส่งาคั่วและเครื่องปรุง, เตาย่างไฟฟ้า, เตาอบ, มีดสไลด์ผักและเนื้อต่าง ๆ, เขียง, เครื่องไม้เครื่องมืออื่นก็หยิบยืมเอาจากในครัวได้

วัตถุดิบ ที่ใช้ในการทำกระทะร้อนญี่ปุ่นมี เนื้อไก่, เนื้อหมู, ปลาแซลมอน, ซอสเทริยากิ, แครอท, กะหล่ำปลี, หอมหัวใหญ่, น้ำมันงา, เนย และงาขาวคั่ว

การทำ ซอสเทริยากิ ส่วนผสมมี โชยุ (ซีอิ๊วญี่ปุ่น), สาเก (เหล้าญี่ปุ่น), มิริน (ไวน์ที่ทำจากข้าวเหนียวของญี่ปุ่น), ขิงแก่สับ, กระเทียมสับ, น้ำมันงา, น้ำสต๊อก, น้ำตาลทรายแดง และแป้งข้าวโพด

วิธีทำคือ ผสมโชยุ, สาเก, มิริน ลงในหม้อน้ำสต๊อก ยกขึ้นตั้งไฟ ใส่ขิงสับ,กระเทียมสับ และน้ำมันงาลงไป เคี่ยวทิ้งไว้สักครู่พอน้ำซอสเริ่มมีกลิ่นหอม ใส่น้ำตาลทรายแดง คนให้ละลาย เคี่ยวไว้สักพักจึงยกลง ทำการกรองเอาขิงกับกระเทียมออก เสร็จแล้วนำขึ้นตั้งไฟอีกครั้ง ละลายแป้งข้าวโพดกับน้ำเตรียมไว้ พอน้ำซอสร้อน ค่อย ๆ เติมน้ำแป้งข้าวโพดลงไประหว่างที่คนซอส เพียงเท่านี้ก็จะได้น้ำซอสเทอริยากิ ซอสเทริยากิ จะทำวันเว้นวัน สูตรนี้ได้ทั้งหมัก ทั้งจิ้ม และราดข้าวได้ด้วย

ขั้นตอนการทำ “กระทะร้อนญี่ปุ่น”

เริ่มจากนำเนื้อหมูและเนื้อไก่มาล้างน้ำสะอาด แล้วซับให้แห้ง หั่นเป็นชิ้นยาว ประมาณ 5-6 นิ้ว กว้างประมาณ 2 นิ้ว ใส่ในภาชนะ นำซอส

เทริยากิ, มิริน, น้ำมันงา และเกลือ ใส่ลงไป คลุกเคล้าให้ส่วนผสมเข้ากัน หมักทิ้งไว้ประมาณ 4 ชั่วโมง หรือข้ามคืนเก็บไว้ในตู้เย็นก็ได้ ส่วนเนื้อปลาแซลมอนใช้สด ๆ ไม่ต้องหมัก แต่ก่อนจะนำไปปรุงให้หั่นชิ้นหนาขนาด 1 นิ้ว เตรียมไว้

นำเนื้อหมู เนื้อไก่ ที่หมักมาเข้าเตาอบ ก่อนจะนำไปย่างบนตะแกรง ด้วยไฟปานกลางจนส่งกลิ่นหอมฉุย ก็เป็นอันใช้ได้ ระหว่างรอนำกะหล่ำปลี แครอท และหอมหัวใหญ่ที่ปอกเปลือกแล้วมาล้าง และหั่นซอยชิ้นเล็ก ๆ รวมกันเตรียมไว้

เมื่อต้องการจะใช้นำเนื้อหมูหรือเนื้อไก่ที่ย่างมาหั่นแฉลบเป็นชิ้นพอคำพักไว้ จากนั้นนำจานกระทะร้อนตั้งบนไฟแรง ใส่น้ำมันพืชลงในกระทะเล็กน้อย นำผักสามชนิดที่หั่นเตรียมไว้ใส่ลงไป ใช้ที่คีบเคล้าเบา ๆ ใส่ซอสเทริยากิลงไปเล็กน้อย เคล้าอีกครั้งพอผักเริ่มสลบ ก็ยกจานกระทะร้อนวางลงในไม้รอง นำเนื้อหมู เนื้อไก่ ที่หั่นเตรียมไว้มาวางลงบนผัก ราดด้วยซอสเทริยากิ ตามด้วยงาขาวคั่ว ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย

ส่วนกระทะร้อนแซลมอน นำกระทะตั้งไฟ ใส่น้ำมันลงไปเล็กน้อย นำปลาแซลมอนที่หั่นเตรียมไว้ใส่ลงไป ใส่เนยลงไปเคล้ากับปลาแซลมอน สังเกตพอเนื้อปลาเริ่มเปลี่ยนสี ใช้ที่คีบพลิกกลับด้านปลา ใส่ซอสเทริยากิลงไป กลิ้งปลาให้เข้ากับซอส เทปลาแซลมอนวางพักไว้ในถ้วย ขั้นตอนการเอาผักและปลาลงในจานกระทะร้อน ก็เหมือนกับกระทะร้อนหมูและไก่

สำหรับเมนูกระทะร้อน จะขายเป็นชุด กระทะร้อนจะเสิร์ฟพร้อมข้าวญี่ปุ่นและน้ำซุป ซู่ซ่ากระทะร้อนไก่ ราคาชุดละ 69 บาท, ซู่ซ่ากระทะร้อนหมู ราคาชุดละ 79 บาท และซู่ซ่ากระทะร้อนแซลมอน ราคาชุดละ 99 บาท

สนใจอยากจะลองชิมอาหารญี่ปุ่นสไตล์กระทะร้อน “โอโตซัง” เจ้านี้ ขายประจำทุกวันที่ตลาดนัดเลียบทางด่วนรามอินทรา ตั้งแต่เวลา 17.00-24.00 น. ทุกวัน ร้านจะอยู่ตรงโซนอาหารติดกับลานจอดรถ ติดต่อสอบถาม อ.กิ๊ก ได้ ที่โทร. 08-5066-2576 และติดตามดูข้อมูลร้านได้ทางได้ Facebook Fan Page เสิร์ชหาคำว่า Otosan Teriyaki Bar

นี่ก็เป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่น่าลงทุน เพราะทำง่าย ขั้นตอนการทำไม่ยุ่งยาก เพียงแค่คุณมีความพร้อมและใจรัก!!.

เชาวลี ชุมขำ : เรื่อง / ภานุพงศ์ พนาวัน : ภาพ

.................................................................................................

คู่มือลงทุน...กระทะร้อนญี่ปุ่น

ทุนอุปกรณ์ ประมาณ 20,000 บาทขึ้นไป

ทุนวัตถุดิบ ประมาณ 60% ของราคา

รายได้ ราคาขาย 69-99 บาท/ชุด

แรงงาน ตั้งแต่ 1-2 คนขึ้นไป

ตลาด ตลาดน้ำ, ชุมชน, ตลาดนัด

จุดน่าสนใจ กระทะร้อนสไตล์ญี่ปุ่นเป็นจุดขาย
credit by : http://www.dailynews.co.th/Content/Article/307478/‘กระทะร้อนญี่ปุ่น’+เมนูริมทางทำเงินงาม!!


Read More...


‘สตรอเบอรี่-เสาวรส’ ปั่นทำเงิน...ช่วงหน้าร้อน



น้ำผลไม้ปั่นที่ทำนั้น จะไม่มีการผสมหัวเชื้อเพื่อแต่งกลิ่นแต่งรส แต่จะเป็นผลไม้สดตามธรรมชาติ 100% และไม่ใส่สี ไม่ใช้สารกันบูดด้วย ซึ่งลูกค้าที่ได้ชิมจะติดใจที่ความสดของผลไม้

อากาศร้อน ๆ ช่วงนี้ ถ้าได้ “น้ำผลไม้ปั่น” เย็น ๆ สักแก้วคงชื่นใจไม่ใช่น้อย นอกจากจะดับกระหาย ช่วยผ่อนคลายจากความร้อนแล้ว ยังอร่อยและมีประโยชน์ด้วย ทั้งนี้ กับ “น้ำผลไม้ปั่น” ก็เป็นอีกรูปแบบ “ช่องทางทำกิน” น่าสนใจใช้ทำเป็นอาชีพได้ อย่างเช่น “น้ำสตรอเบอรี่-น้ำเสาวรสปั่น” ของ “ดุสิต ตงสาลี-อัญมณี มทายศนันท์” ที่สร้างรายได้ให้ทั้งคู่ ในช่วงที่อากาศร้อนอย่างตอนนี้ ที่วันนี้ทีม “ช่องทางทำกิน” มีข้อมูลนำมาให้พิจารณากัน...

ดุสิต และ อัญมณี เจ้าของ “ร้านคุณนายสตอเบอรี่” ผู้ผลิตน้ำสตรอเบอรี่-น้ำเสาวรสปั่น และสตรอเบอรี่- เสาวรสลอยแก้วเล่าว่า ยึดการทำน้ำผลไม้ปั่นและผลไม้ลอยแก้วเป็นอาชีพมานานกว่า 10 ปีแล้ว โดยเริ่มเปิดร้านจำหน่ายน้ำปั่นเป็นแก้ว ๆ ย่านมหาวิทยาลัยมหิดล และตระเวนขายตามตลาดชื่อดังหลายแห่ง อาทิ ตลาดคลองลัดมะยม ตลาดพระปิ่น 3 ตลาดชิลชิล และที่ตลาดนัดวัดพุทธฯ จังหวัดนนทบุรี สำหรับจุดเด่นน้ำสตรอเบอรี่และน้ำเสาวรสปั่นนั้น ที่ร้านจะเน้นใช้ผลไม้สด โดยนำไปแช่เย็นในอุณหภูมิเย็นจัดจนผลไม้แข็งตัว ก่อนนำมาปั่นเพื่อทำเป็นน้ำผลไม้

“น้ำผลไม้ปั่นที่ทำนั้น จะไม่มีการผสมหัวเชื้อเพื่อแต่งกลิ่นแต่งรส แต่จะเป็นผลไม้สดตามธรรมชาติ 100% และไม่ใส่สี ไม่ใช้สารกันบูดด้วย ซึ่งลูกค้าที่ได้ชิมจะติดใจที่ความสดของผลไม้ ปัจจุบันนอกจากทำขายที่ร้านแล้ว ยังรับทำตามออร์เดอร์ด้วย และจากเดิมที่ทำขายเป็นแก้ว ๆ ก็พัฒนามาเป็นน้ำผลไม้ปั่นบรรจุขวด และยังแตกไลน์ออกมาทำเป็นสตรอเบอรี่กับเสาวรสลอยแก้ว เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้า” ...เจ้าของสูตรกล่าว

การผลิต “น้ำผลไม้ปั่น” เจ้าของสูตรร้านนี้ ระบุว่า เน้นผลิตวันต่อวัน โดยทำพอดีเท่าที่จะทำขาย เพื่อให้วัตถุดิบสดใหม่อยู่เสมอ ด้วยเหตุนี้จึงต้อง “คำนวณวัตถุดิบ” ที่จะใช้ให้พอดีกับ “ปริมาณการผลิต” โดยที่ร้านจะใช้สตรอเบอรี่และเสาวรส เฉลี่ยแล้ว ชนิดละประมาณ 100 กิโลกรัมต่อวัน ซึ่งน้ำผลไม้ปั่นที่บรรจุขวดแล้ว สามารถแช่เย็นหรือฟรีซเก็บไว้ได้ประมาณ 7 วัน... ทั้งนี้ การคำนวณวัตถุดิบให้สอดคล้องกับปริมาณการผลิต นับเป็น “กรณีศึกษา” สำหรับผู้ที่สนใจในอาชีพ “ทำน้ำผลไม้ปั่น” นี้

ทุนเบื้องต้น ใช้เงินลงทุนประมาณ 100,000 บาท ส่วนใหญ่เป็นค่าวัสดุและอุปกรณ์ อาทิ ตู้เย็น (แบบมีระบบทำความเย็นจัดหรือระบบฟรีซ) กับเครื่องปั่นผลไม้ (แบบอุตสาหกรรม ซึ่งสามารถปั่นผลไม้ได้ครั้งละ 10 กิโลกรัม) ทุนวัตถุดิบ เฉลี่ยแล้วตกอยู่ที่ประมาณ 12 บาทต่อขวด รายได้ ถ้าหากเป็นราคาขายปลีกอยู่ที่ขวดละ 20 บาท ส่วนราคาขายส่งอยู่ที่ขวดละ 15 บาท

อุปกรณ์ ประกอบด้วย ตู้เย็น, เครื่องปั่น, ขวดพลาสติก, ถ้วยพลาสติก, กะละมัง วัตถุดิบ สำหรับทำ “น้ำสตรอเบอรี่-น้ำเสาวรสปั่น” ประกอบด้วย สตรอเบอรี่กับเสาวรสสดแช่แข็ง, เกลือ, น้ำเปล่า, น้ำเชื่อม

ขั้นตอนการทำ... น้ำสตรอเบอรี่-น้ำเสาวรสปั่น เริ่มจากการนำสตรอเบอรี่และเสาวรสที่แช่แข็งไว้มาทำการปั่นด้วยเครื่องปั่นแบบอุตสาหกรรม ที่สามารถปั่นผลไม้ได้คราวละ 10 กิโลกรัม เมื่อนำผลไม้ใส่ลงไปแล้ว ให้เติมน้ำสะอาดลงไปประมาณ 10 ลิตร เติมเกลือลงไปประมาณ 1 ช้อนชา จากนั้นทำการปั่น โดยควรปั่นให้ได้ความละเอียดพอดี คือไม่ละเอียดหรือหยาบจนเกินไป ซึ่งขั้นตอนปั่นผลไม้นี้ ใช้เวลาประมาณ 20 วินาที โดยหลังจากที่ปั่นเสร็จแล้ว ให้นำน้ำปั้นผลไม้ที่ได้มาบรรจุขวดพลาสติก ขนาด 220 มิลลิลิตร เสร็จแล้วนำเข้าตู้เย็นเพื่อแช่แข็ง ซึ่งขั้นตอนนี้จะใช้เวลาในการแช่แข็งน้ำผลไม้ประมาณ 8 ชั่วโมง ซึ่งจะได้น้ำสตรอเบอรี่และน้ำเสาวรสปั่นเป็นเกล็ดน้ำแข็งพร้อมขาย พร้อมดื่ม

“น้ำที่ใช้ทำน้ำผลไม้ปั่นควรใช้น้ำสะอาดที่ผ่านเครื่องกรองอย่างดี เพราะส่วนผสมนี้มีส่วนช่วยทำให้รสชาติน้ำผลไม้ปั่นที่ทำดีขึ้นด้วย” ...เป็นเคล็ดลับที่ทางเจ้าของสูตรการทำ “น้ำผลไม้ปั่น” เจ้านี้ได้ให้คำแนะนำกับผู้ที่สนใจทำอาชีพนี้

สำหรับการทำ “สตรอเบอรี่-เสาวรสลอยแก้ว” นั้น เริ่มจากนำสตรอเบอรี่และเสาวรสที่แช่แข็งไว้ประมาณ 10 กิโลกรัมมาใส่กะละมัง ใส่เกลือ และเทน้ำเชื่อมผสมลงไป จากนั้นคลุกเคล้าให้เข้ากัน เสร็จแล้วนำตักบรรจุใส่กระปุกไปแช่แข็งหรือฟรีซในตู้เย็น โดยทิ้งไว้ประมาณ 8 ชั่วโมง ผลไม้ลอยแก้วที่บรรจุกระปุกนั้นก็จะเป็นเกล็ดน้ำแข็ง พร้อมสำหรับขายหรือทาน

“การทำน้ำสตรอเบอรี่กับน้ำเสาวรสปั่น และการทำสตรอเบอรี่กับเสาวรสลอยแก้วนั้น ก่อนจะนำมาแปรรูปควรทดลองชิมผลไม้นั้นเสียก่อน เพราะผลไม้ตามธรรมชาติอาจจะมีรสเปรี้ยวรสหวานแตกต่างกัน เพื่อที่จะได้ปรับสูตรส่วนผสมให้พอดี” ...เป็นอีกเคล็ดลับการทำ “น้ำผลไม้ปั่น” ที่สามารถใช้ทำเป็นอาชีพ ทั้งอาชีพหลัก อาชีพเสริม

สนใจ “น้ำสตรอเบอรี่-น้ำเสาวรสปั่นและลอยแก้ว” แวะชิมได้ที่ “ร้านคุณนายสตอเบอรี่” ทั้งที่ตลาดนัดคลองลัดมะยม, ตลาดพระปิ่น 3, ตลาดชิลชิล และตลาดนัดวัดพุทธฯ จังหวัดนนทบุรี หรือโทร. 08-7098-6619, 09-2813-6155 ทั้งนี้ กับอาชีพ “ทำน้ำผลไม้ปั่น” นี้ นอกจากอร่อย มีประโยชน์ ยังเป็นอีกรูปแบบ “ช่องทางทำกิน” ใช้ทำเงินดี ในช่วงฤดูร้อนนี้ด้วย.

บดินทร์ ศักดาเยี่ยงยงค์ : เรื่อง/ภมร มานะพรชัย : ภาพ

.............................................................................................

คู่มือลงทุน...น้ำผลไม้ปั่น+ลอยแก้ว

ทุนเบื้องต้น ประมาณ 100,000 บาท

ทุนวัตถุดิบ ประมาณ 12 บาทต่อขวด

รายได้ 15-20 บาทต่อขวด

แรงงาน 1 คนขึ้นไป

ตลาด ขายตามตลาดนัด

จุดน่าสนใจ ทำขายได้ตลอดทั้งปี

credit by :  http://www.dailynews.co.th/Content/Article/307285/‘สตรอเบอรี่-เสาวรส’+ปั่นทำเงิน...ช่วงหน้าร้อน

Read More...


เป๊ะเว่อร์ ! สวยหยดถามสักคำ กล้าหม่ำมันไหม?


หลายๆ คนรักการทานของหวานเป็นชีวิตจิตใจ โดยเฉพาะเค้ก ยิ่งหน้าตาน่ารัก สวยงาม ไอเดียเก๋ๆ จะยิ่งดูน่าสนใจ มีความรู้สึกอยากทานมากขึ้น ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า "เค้ก" ไม่ได้เป็นแค่อาหารปากแต่ยังเป็นอาหารตาให้กับเราอีกด้วย แค่ได้มองก็รู้สึกดีแล้ว ขอบอกเลยว่าหน้าตาของเค้กก็สำคัญไม่แพ้รสชาติ ไทยรัฐออนไลน์จึงนำ 15 เค้กที่สร้างสรรค์ซะคุณไม่กล้ากินมาให้ได้ชมกัน...

เค้กส่วนใหญ่ที่มีไอเดียสร้างสรรค์แบบนี้ก็จะมีวิธีการทำที่เรียกกันว่า "ฟองดอง" (fondant) เป็นศัพท์ภาษาฝรั่งเศส หมายถึง หล่อหลอมหรือละลาย ในทางเบเกอรี่ ฟองดอง หมายถึง การปั้นแป้งหรือแผ่นน้ำตาลให้มีรูปร่างหน้­าตาต่างๆ เพื่อตกแต่งให้สวยงามตามใจชอบ ซึ่งเค้กบางก้อนก็ดูเหมือนจริงซะจนคุณไม่กล้าทาน จะมีแบบไหนกันบ้างไปชมกัน


นี่เค้กจริงป่ะเนี่ย
เค้กเสื้อโปโล
ไม่กล้ากินอ่ะ
เค้กกล้องนิคอน
ทำได้ไง
เค้กไก่ต้ม
เค้กหมาปั๊ก น่ารักอ่ะ
เค้กต่อเลโก้
หวานสุดๆ ไม่กล้ากิน
เหมือนอยู่ในท้องทะเล
เค้กจอห์นนี เดปป์
เค้กลูกหมูลอยน้ำ
เค้กห้องสมุด
 
ที่มา : architecturendesign 

Read More...




----------------

ปรับปรุง
รายการบทความทั้งหมด



การบำรุงรักษารถยนต์เบื้องต้น



ร้านค้าเคลื่อนที่ ใช้ รถบรรทุกขนาดเล็กมาดัดแปลง



รวมบทความอาชีพ เสริม หลากไอเดียวิธีหารายได้เสริม



รวมบทความงานฝีมือ-สิ่งประดิษฐ์ รายได้เสริม



ทองม้วน thong muan ; rolled wafer





MASK รุ่นสายคล้องคอ







MASK รุ่นสายคล้องคอ. ��รุ่นนี้เป็นที่นิยมใช้กันมาก #ขายดีมาก
ทำจากผ้าคอตตอนแท้ 100%  ไม่ผสม เนื้อผ้านุ่ม 
3 ชั้น. สวมใส่พอดีกับใบหน้า ไม่เจ็บหู มีสายคล้องคอปรับได้
เวลาถอดออก ไม่ต้องกลัวลืม เพราะถอดแล้วคล้องคอไว้ได้
บรรจุในถุงซิปฟรอย์อย่างดี
ราคาชิ้นละ. 59. บาท. ไม่รวมส่ง 
มีหลายสีให้เลือกนะคะ   สนใจทักแชทขอดูสีผ้าได้นะคะ
หน่วยงาน บริษัท ห้างร้าน หรือ สนใจสั่งไปจำหน่าย 
มีเรทราคาส่งค่ะ

-> id line : noeyhorm_06
#มีวางจำหน่ายหน้าร้านชานมไต้หวันมาราชาสาขาจรัญ44


ร้านมาราชาชานมไข่มุก สาขาจรัญสนิทวงศ์ 44
● รับบัตรสะสมครบ 10 แก้ว แลกรับฟรี 1 แก้ว
● สั่งเดลิเวอรีผ่าน LINE MAN, Foodpanda ,GET ...ถึงมือปั๊บพร้อมดื่มปุ๊บ!
● อัพเดทโปรโมชั่นใหม่ๆ รสชาติใหม่ ตลอดเวลา
● มีเมนูให้เลือก 40 กว่าเมนู : https://bit.ly/2Z9iqV0






























































เลือกช่องทางติดต่อและรับข่าวสารบริการหลังการขาย
ฟอร์ด พลปิยะอยุธยาและฟอร์ด พลปิยะวังน้อย

--------------------------------------------------------------------------------------------
แคมเปญ-โปรโมทชั่น อะไหล่ฟอร์ด อัพเดททางออนไลน์และปรับปรุงข้อมูลออนไลน์
อะไหล่ฟอร์ด อะไหล่รถฟอร์ด อะไหล่รถยนต์ฟอร์ด อะไหล่ฟอร์ดแท้ ร้านขายอะไหล่รถฟอร์ด ขายอะไหล่รถฟอร์ด อะไหล่ฟอร์ด
 
Option

รวมบทความอาชีพเสริม หลากไอเดียวิธีหารายได้เสริม หาอาชีพเสริมอิสระทำเงิน สร้างอาชีพอิสระงานฝีมือ แนะนำการสร้างรายได้เสริมทำเงินด้วยการขายสินค้าหรือขายของเป็นอาชีพเสริม อิสระงานฝีมือ แนะแนวธุรกิจ อาชีพเสริม อาชีพแก้จน อยากจะมีรายได้เสริมนอกเหนือจากงานประจำ บล๊อกจัดทำขึ้นเป็นวิทยาทานเพื่อเผยแผ่ความรู้อันจะเป็นไปเพื่อบุญกุศล ขอให้ทุกท่านที่มีส่วนร่วมในบทความของบล๊อกนี้ จงได้รับอานิสงฆ์ด้วยเทอญ.