สูตรขนม สูตรอาหาร อาชีพรายได้เสริม ประกาศฟรี โฆษณาฟรี Career Articles Extra Income
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

Drop Down MenusCSS Drop Down MenuPure CSS Dropdown Menu

เมนูพิเศษปูอลาสก้า ที่ ‘หล่งฟ่ง’


สุดสัปดาห์นี้ แม่พลอยชวนไปลิ้มรสอาหารในเมนูที่พิเศษเฉพาะที่นำปูอลาสก้ายักษ์มาปรุงรสในหลากเมนูในแบบอาหารจีนกวางตุ้งแบบฟิวชั่นผสมผสานที่ ห้องอาหารจีน “หล่งฟ่ง” โรงแรมสวิสโฮเต็ล เลอ คองคอร์ด  ย่านรัชดาภิเษก

ปูอลาสก้ายักษ์ที่นำเข้ามาจากอเมริกา ตัวใหญ่เนื้อแน่นนุ่มหวานตามธรรมชาติ ถูกนำมาแปลงปรุงรสเป็นอาหารในเมนูต่าง ๆ เริ่มต้นในเมนูเรียกน้ำย่อย แม่พลอยแนะนำเมนู ปูอลาสก้าทอดครีมสลัดผลไม้รวม ใช้ก้ามปูที่แกะแล้วเนื้อแน่นนุ่มมาชุบแป้งทอดบาง ๆ ทานคู่กับสลัดผลไม้ที่มีแอปเปิ้ล แคนตาลูปและสลัดครีมรสเข้มข้นหอมมัน ต่างรสชาติกับ ปูอลาสก้าทอดราดซอสเสาวรส ทานตอนร้อน ๆ ได้ความกรอบนอกนุ่มในและรสชาติของซอสเสาวรสที่ออกเปรี้ยวตามธรรมชาติ ทานแล้วไม่มีเลี่ยน แต่ยิ่งทานยิ่งเรียกน้ำย่อย

ถ้าอยากทานปูอลาสก้าแบบหอมกรุ่นกลิ่นชีส ต้องสั่ง ปูอลาสก้าอบชีสเป็นการปรุงรสผสมผสานที่เข้ากันเพราะเนื้อปูที่แน่นนุ่มจะเข้ากับชีสได้อย่างดีถ้าเป็นคนชอบการทานชีสและปูอลาสก้าจะชื่นชอบเมนูนี้แน่นอน เมนูที่คล้ายกันเป็น ปูอลาสก้าผัดเนย ใช้ขาปูอลาสก้าผัดกับเนย เคียงด้วยหน่อไม้ฝรั่ง ออกหอมมัน

เมนู ปูอลาสก้านึ่งกระเทียม มีซอสกระเทียมเคียงมาให้ไว้ปรุงรส หลายคนถูกปากพอ ๆ กับเมนู ปูอลาสก้าผัดซอสเอ็กซ์โอ ที่ช่วยชูรสให้เนื้อปูอลาสก้าออกเผ็ดเข้มข้น

ปิดท้ายด้วยของหวานสุดจะชื่นใจ เป็นพุดดิ้งส้ม สีสวยทานแล้วได้รสชาติออกเปรี้ยวหวานชื่นใจ ส่วนวุ้นตะไคร้ได้ความหอมของตะไคร้ทานแล้วชุ่มคอดีจริง

เมนูปูอลาสก้าเป็นเมนูที่ทางห้องอาหารจีน หล่งฟ่ง โรงแรมสวิสโฮเต็ล เลอ คองคอร์ด จัดขึ้นจนถึงวันที่ 30 กันยายน 2557 นี้เท่านั้น    พิเศษสุดสำหรับแฟนคอลัมน์เดลินิวส์ชวนชิม หากตัดคอลัมน์เดลินิวส์ชวนชิมที่มีรายละเอียดของห้องอาหารจีน “หล่งฟ่ง” โรงแรมสวิสโฮเต็ล เลอ คองคอร์ด ไปแสดงจะได้รับสิทธิลดค่าอาหาร 10% และสงวนสิทธิ์ถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2557 สนใจสำรองที่นั่งและสอบถามรายละเอียดได้ที่ โทร. 0-2694-2222 ต่อห้องอาหารจีนหล่งฟ่ง.   

เรื่อง : แม่พลอย / ภาพ : วรพรรณ เลอสิทธิศักดิ์

credit by : http://www.dailynews.co.th/Content/Article/258019/เมนูพิเศษปูอลาสก้า+ที่+‘หล่งฟ่ง’

Read More...


เห็ดสวรรค์’ แปรรูป-ทำเงินงาม


ปัจจุบันเราจะเห็นว่า เห็ดนางฟ้า ตลาดมีความต้องการเพิ่มมากขึ้น ผู้บริโภคนิยมนำมาประกอบอาหารเนื่องจากมีสารอาหารมากมายที่จำเป็นต่อร่างกาย มีการแปรรูปเห็ดในรูปแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น แหนมเห็ด, ข้าวเกรียบเห็ด, น้ำพริกเห็ด, หมูยอเห็ด, ลูกชิ้นเห็ด หรือแม้กระทั่งของหวานอย่าง เยลลี่เห็ด ก็มี รวมไปถึง “เห็ดสวรรค์” และ “น้ำพริกเผาเห็ด-น้ำพริกนรกเห็ด” ที่เจ้าของสามารถสร้างเป็นอาชีพได้สบาย ๆ ซึ่งทีมคอลัมน์ “ช่องทางทำกิน” มีข้อมูลมานำเสนอในวันนี้...

อรรถพันธ์ บุญตา หรือ อรรถ เจ้าของ “เห็ดสวรรค์” และ “น้ำพริกเผาเห็ด-น้ำพริกนรกเห็ด” เล่าว่า ได้ทำเห็ดสวรรค์ และน้ำพริกเห็ด มาเกือบปีแล้ว โดยอาศัยขายตามหน้าเว็บไซต์ และตามงานออกร้านต่าง ๆ ซึ่งได้ออร์เดอร์มาพอประมาณ  ในขณะนี้อยู่ระหว่างการปรับปรุงแนวทางการทำตลาด และมีผลิตภัณฑ์ของเห็ดใหม่ ๆ เพิ่มมากขึ้นเพื่อเป็นทางเลือกให้กับลูกค้า

“เหตุที่เลือกเห็ดนางฟ้ามาเป็นวัตถุดิบ เพราะดีต่อสุขภาพ และวัตถุดิบหาได้ไม่ยาก ส่วนสูตร และวิธีทำนั้น หาอ่านจากหนังสือ และดูวิธีการทำในอินเทอร์เน็ต แล้วค่อย ๆ ปรับสูตรจนได้เป็นสูตรของตัวเองในที่สุด ซึ่งก็ใช้ระยะเวลาพอสมควร” อรรถพันธ์ กล่าว

อุปกรณ์ในการทำเห็ดสวรรค์-น้ำพริกเห็ด  หลัก ๆ ก็มี ครก-สาก, กะละมัง และภาชนะใส่ของต่าง ๆ, กระทะ, เตาแก๊ส, หม้ออะลูมิเนียม ฯลฯ อุปกรณ์ทำครัวต่าง ๆ เหล่านี้ถ้าลงทุนใหม่หมดก็อยู่ที่ประมาณ 5,000 บาทขึ้นไป     

ส่วนผสมในการทำ ในส่วนของ เห็ดสวรรค์ มี เห็ดนางฟ้าสด 1 กก., น้ำตาลปี๊บ 100 กรัม, น้ำเปล่า 1/2 ถ้วย, ซีอิ๊วขาว 2.5 ช้อนโต๊ะ, งาขาว 2.5 ช้อนโต๊ะ และแบะแซพอประมาณ

วิธีทำ เริ่มที่นำ เห็ดนางฟ้า มาล้างน้ำให้สะอาด ตัดก้านออก เสร็จแล้วผึ่งให้แห้ง นำไปตากแดด 1 วัน หากไม่มีเวลาใช้วิธีอบในเตาไมโครเวฟ ใช้ความร้อนไม่สูง ดูว่าเห็ดแห้งก็ใช้ได้ เสร็จแล้วตั้งกระทะ เทน้ำมันท่วม รอจนน้ำมันเดือด แล้วค่อยหรี่ไฟให้เบาลง เพื่อลดความร้อนของน้ำมัน ค่อย ๆ ใส่เห็ดที่ตากแดด หรืออบจนแห้งแล้วลงไปทอด ระหว่างทอดอย่าให้ไฟแรง เพราะเห็ดจะไหม้ ทอดจนเห็ดสุกมีสีเหลืองอ่อน ๆ ค่อย ๆ ตักเห็ดขึ้นมาให้พักสะเด็ดน้ำมัน เตรียมไว้

อรรถพันธ์ บอกว่า เห็ดนางฟ้า 1 กก. เมื่อทอดเสร็จแล้วจะเหลือเห็ดประมาณ 350-370 กรัมเท่านั้น

ตั้งกระทะ ใช้ไฟร้อนพอประมาณ ใส่ส่วนผสมทั้งหมด (ยกเว้นเห็ดนางฟ้าทอด) ลงไป ผัดส่วนผสมทั้งหมดเข้าด้วยกัน จากนั้นใส่เห็ดนางฟ้าทอดลงไป หรี่ไฟให้อ่อนลง ผัดให้ส่วนผสมทุกอย่างเข้ากัน ชิมรสหวาน และเค็มนิดหน่อย เท่านี้ก็เป็นอันใช้ได้ เสร็จแล้วบรรจุใส่ถุงพลาสติก หรือกระปุกพลาสติก ขายราคาขีดละ 50 บาท

ในส่วนของ น้ำพริกเผาเห็ด นั้น มีส่วนผสมต่าง ๆ ดังนี้ หอมหัวแดง 10 หัว, กระเทียมกลีบใหญ่ 7-8 กลีบ, พริกแห้งเม็ดใหญ่ 10 เม็ด, เห็ดนางฟ้าทอด 350-370 กรัม, น้ำตาลปี๊บ 2 ช้อนโต๊ะ, ส้มมะขาม (แช่น้ำ) 1.5 ช้อนโต๊ะ, ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ

หอมหัวแดง และกระเทียมนั้น ให้ล้างน้ำ และแกะเปลือกออกมาให้หมด แล้วนำไปคั่วในกระทะให้สุก จนมีกลิ่นหอม เสร็จแล้วนำไปโขลกให้ละเอียด เช่นเดียวกับพริกแห้งเม็ดใหญ่ ต้องล้างน้ำให้สะอาด แล้วนำไปคั่วให้ร้อน และโขลกให้ละเอียดจนกลายเป็นพริกป่นเช่นกัน

นำส่วนผสมของหัวหอมแดง, กระเทียม, พริกแห้งป่น และเห็ดนางฟ้าทอดมาโขลกให้เข้ากัน จากนั้นตั้งกระทะ ใส่น้ำมันเล็กน้อย รอให้ไฟร้อน นำส่วนผสมที่โขลกเสร็จแล้วลงไปผัดในกระทะให้เข้ากัน หรี่ไฟให้เบาลง ใส่ส่วนผสมปรุงรสอย่างน้ำตาลปี๊บ, ส้มมะขาม และซีอิ๊วขาว ผัดให้ส่วนผสมทุกอย่างเข้ากัน ชิมรสให้ออกหวาน และเผ็ดเล็กน้อย เท่านี้ก็ใช้ได้ เสร็จแล้วบรรจุใส่กระปุกพลาสติกกระปุกละ 25 กรัม ราคา กระปุกละ 25 บาท

ปิดท้ายที่ น้ำพริกนรกเห็ด มีส่วนผสมต่าง ๆ ดังนี้ หอมหัวแดง 10 หัว, กระเทียมกลีบใหญ่ 7-8 กลีบ, พริกแห้งเม็ดใหญ่ 10 เม็ด, เห็ดนางฟ้าทอด 350-370 กรัม, กะปิ พอประมาณ, น้ำตาลปี๊บ 2 ช้อนโต๊ะ, ส้มมะขาม (แช่น้ำ) 1.5 ช้อนโต๊ะ, ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ

หอมหัวแดง และกระเทียมนั้น ให้ล้างน้ำ และแกะเปลือกออกมาให้หมด เตรียมไว้ ส่วนพริกแห้งเม็ดใหญ่ ให้ล้างน้ำให้สะอาด แล้วนำไปคั่วให้ร้อน และโขลกให้ละเอียดจนกลายเป็นพริกป่น

โขลกหัวหอมแดง, กระเทียม, พริกแห้งป่น, เห็ดนางฟ้าทอด และกะปิให้เข้ากัน จากนั้นตั้งกระทะ รอให้ไฟร้อนแล้วนำส่วนผสมที่โขลกเสร็จแล้วลงไปผัดในกระทะให้เข้ากัน หรี่ไฟให้เบาลง  ใส่ส่วนผสมปรุงรสอย่างน้ำตาลปี๊บ, ส้มมะขาม และซีอิ๊วขาว ผัดให้ส่วนผสมทุกอย่างเข้ากัน ชิมรสให้ออกเผ็ดพอประมาณ เท่านี้ก็ใช้ได้ เสร็จแล้วบรรจุใส่กระปุกพลาสติก กระปุกละ 25 กรัม ราคากระปุกละ 25 บาท

ใครสนใจ “เห็ดสวรรค์-น้ำพริกเห็ด” ต้องการติดต่อ อรรถพันธ์ บุญตา เจ้าของกรณีศึกษา “ช่องทางทำกิน” รายนี้ติดต่อได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 09-1469-1446 และ 09-5450-1945 และ https://www.facebook.com/HEDDUNG

สุภารัตน์ ยอดศิริวิชัยกุล : รายงาน

ภาณุพงศ์ พนาวัน : ภาพ

credit by :  http://dailynews.co.th/Content/Article/258282/‘เห็ดสวรรค์’+แปรรูป-ทำเงินงาม&videoId=29097


Read More...


อาชีพเสริม ขายข้าวเหนียวหมูปิ้ง พร้อมวิธีขั้นตอนการทำหมูปิ้ง

ช่วงเช้าๆ อากาศสดใสกลิ่นหอมลอยตามลมมา ทำให้เรานึกถึงวัยเยาว์อดีตที่เคยผ่านมายังจำกันได้อยู่ไหม มือสองข้างเคยถืออะไรไว้ มือข้างหนึ่งถือข้าวเหนียว อีกข้างถือหมูปิ้ง นั่นเป็นช่วงเวลาที่สำคัญของการเดินทางในชีวิตทั้งวัยเรียนและวัยทำงาน เวลาเป็นสิ่งสำคัญแต่อาหารก็มีความสำคัญต่อรางกายของคนเรามากที่สุดเช่นกัน ในเวลาอันเร่งรีบช่วงเช้าๆ มีข้าวเหนียวหมูปิ้งอยู่ในมือคงหายห่วง


ชีวิตนี้ยังมีอะไรให้เราจดจำได้อีกมากมายค่ะ เอาเป็นว่าวันนี้เรามาพูดถึงสาระดีๆ จากเว็บไทยอาชีพกันดีกว่าค่ะ ข้าวเหนียวหมู่ปิ้งคงไม่ต้องอธิบายนะค่ะว่าคืออะไร รูปร่างหน้าตาเป็นแบบไหนเชื่อว่าทุกๆ ท่านต่างเคยรับประทานกันมาบ้างแล้ว → บางท่านบอกมาว่ารับประทานทุกวันจนจะเบื่ออยู่แล้ว

สร้างอาชีพเสริมขายข้าวเหนียวหมูปิ้ง


วัย ทำงานเป็นวัยที่ต้องมีความรับผิดชอบ มีภาระที่ต้องดูแลครอบครัว บางทีรายได้หลักอย่างเดียวคงไม่พอกับรายจ่าย หรือบางท่านอยากมีเงินเก็บเยอะๆ เอาไว้ซื้อรถ ซื้อบ้าน เอาหละทีมงานไทยอาชีพมีอาชีพหนึ่งที่สามารถทำเป็นอาชีพเสริมได้ในช่วงเวลาก่อนไปทำงาน ช่วงเวลา 04.00 น. – 7.00 น. ปกติส่วนมากเข้าทำงานกันที่แปดโมงเช้ากัน เอาเวลา 2-3 ชั่วโมงนี้ ไปทำข้าวเหนียวหมูปิ้งกัน

อุปกรณ์ที่ต้องมี

  1. ไม้ปลายแหลมเอาไว้นำมาเสียบหมูปิ้ง
  2. เตาถ่านหรือเตาไฟฟ้าก็ได้แต่แนะนำให้ใช้เตาถ่านจะดีกว่า
  3. เหล็กปิ้ง

ส่วนผสมเครื่องปรุงในการทำหมูปิ้ง

  1. เนื้อหมูติดมันเล็กน้อย 1 กิโลกรัม
  2. นมสด 1/2 ถ้วยตวง
  3. กระเทียม 1 หัว
  4. ซีอิ้วขาว 3 ช้อนโต๊ะ
  5. พริกไทยเม็ด 1 ช้อนชา
  6. ชึอิ้วดำหวาน 3 ช้อนโต๊ะ
  7. น้ำมันพืช
  8. รากผักชีบดละเอียด 4 ราก
  9. น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
เมื่อ ได้จัดเตรียมส่วนผสมเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อไปเข้าสู่วิธีการทำน้ำทา น้ำทาหมูปิ้ง คือเวลาที่เราไปซื้อปิ้งหมูให้สังเกตดูพ่อค้าแม่ขายบางเจ้าให้ดีๆ เอาแปลงจุ่มน้ำทามาทาหมูปิ้ง มีวิธีขั้นตอนในการทำดังนี้
ส่วนผสม นมสด,ชีอิ้วขาว,น้ำมันพืช นำมาผสมเข้าด้วยกันพอประมาณ
วิธีทำเนื้อหมูปิ้ง
  1. ขั้นตอนแรกให้นำเนื้อหมูมาหั่นตามความยาว หรือหั่นเป็นชิ้นขนาดประมาณ 1 – 2 นิ้ว
  2. ปั่นหรือโขลกส่วนผสม กระเทียม,รากผักชีบดละเอียด,พริกไทยเม็ดให้เข้ากัน
  3. นำส่วนผสมจากขั้นตอนที่ 2 มาคลุกกับหมูจากขั้นตอนที่ 1
  4. แล้วนำเครื่องปรุง ซีอิ้วขาว,ชึอิ้วดำหวาน,นมสด,น้ำตาลทรายมาผสม
  5. นำเนื้อหมูที่คลุกกับส่วนผสมต่างแล้วให้นำไปหมักไว้ในตู้เย็นอย่างน้อยประมาณ 30 นาที ถ้าจะให้ดีควรหมักไว้ประมาณ 8 ชั่วโมง
  6. นำหมูที่หมักไว้แล้วมาเสียบเข้ากับไม้ให้หมด
  7. ขั้นตอนสุดท้ายนำหมูเสียบไม้มาปิ้งได้เลยค่ะ
ระหว่างหมักรอเนื้อหมูให้ตั้งเตาถ่าน เตรียมไฟไว้ปิ้ง หรือท่านใดเลือกใช้เตาไฟฟ้าก็ได้นะค่ะ และระหว่างปิ้งหมูให้นำน้ำทามาทาที่หมูตอนปิ้งด้วย
แต่ ถ้าจะทำขายหมักหมูให้ได้พอประมาณหลังจากนั้นให้นำหมูมาเสียบกับไม้ เสร็จแล้วนำหมูที่ได้ไปใส่ลงในกระปุกสี่เหลียมปิดฝาให้สนิทแล้วแช่ไว้ในตู้ เย็นเก็บเอาไว้ประมาณ 1 คืนก่อนนำมาปิ้ง
สูตรและขั้นตอนการทำข้าวเหนียวหมูปิ้งไม่มีสูตรวิธีการทำที่ตายตัว ท่านสามารถปรับเปลี่ยนส่วนผสมปรุงแต่ง ค้นหาสูตรใหม่ๆ ด้วยตัวท่านตนเองได้เสมอ การทำข้าวเหนียวหมูปิ้งนั้นมันไม่ยากเลย เพียงแค่เราลงมือทำด้วยใจจริงความสำเร็จก็จะมาถึงเอง

credit by :  http://www.thaiarcheep.com/วิธีทำข้าวเหนียวหมูปิ้ง.html

Read More...


อาชีพขายกล้วยปิ้ง อาชีพกล้วยๆ แต่รายได้ไม่กล้วย

อาชีพขายกล้วยปิ้ง เป็น อาชีพที่ต้นทุนต่ำ ขายง่ายกำไรงาม แถมยังเป็นอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภค และต่อโลกใบนี้อีกด้วย กล้วยเป็นผลไม้อีกหนึ่งชนิดที่มีประโยชน์มาก หาทานได้ง่าย เด็กหรือผู้ใหญ่ทุกเพศทุกวัยสามารถรับประทานได้ประโยชน์ของกล้วยนั้นบอกได้ เลยค่ะว่าไม่กล้วยอย่างที่คิด



เพราะจากงานวิจัยพบว่ากินกล้วยแค่ 2 ผล ก็สามารถเพิ่มพลังงานให้กับร่างกายอย่างเพียงพอกับการออกกำลังกายนานถึง 90 นาที จึงไม่น่าแปลกใจที่กล้วยเป็นผลไม้อันดับหนึ่งของนักกีฬาชั้นนำระดับโลก ไม่ใช่เพียงแค่เพิ่มพลังงานเท่านั้นยังช่วยเอาชนะ และป้องกันโรคต่าง ๆ ที่จะเกิดกับร่างกายได้อีกหลายโรค เช่น โรคโลหิตจาง โรคความดัน โรคท้องผูก โรคซึมเศร้า อาการเมาค้าง อาการเสียดท้อง โรคลำไส้เป็นแผล และยังช่วยการควบคุมอุณหภูมิของร่างกายอีกด้วย จึงควรรับประทานทุกวัน

ทำไมถึงเลือกประกอบอาชีพนี้ ?

เพราะประเทศไทยมีเกษตรกรที่ปลูกกล้วยเยอะ และอีกอย่างกล้วยยังเป็นพืชประจำบ้านที่นิยมปลูกกัน  อีกอย่างธุรกิจนี้ใช้เงินลงทุนไม่สูงค่ะ กล้วยน้ำหว้าหนึ่งหวีก็มีราคาไม่แพงมากนัก และมีวิธีการทำที่ไม่ยุ่งยาก กำไรก็ดี และไม่จำเป็นว่าคุณจะต้องมีความรู้สูงก็สามารถทำได้ค่ะ เพียงแค่คุณมีความตั้งใจ ขยันอดทน และไม่ขี้เกียจ ธุรกิจนี้ก็จะทำให้คุณมีรายได้ที่มั่นคงแน่นอนค่ะ
อาชีพ “ขายกล้วยปิ้ง” สามารถเป็นได้ทั้งอาชีพเสริมในยามว่าง หรือแม้แต่อาชีพทำเงินที่ทำให้หลายคนประสบความสำเร็จกันมาแล้วหลายราย อาชีพนี้จึงเป็นอาชีพที่น่าสนใจมากเลยค่ะ เพราะมีความเสี่ยงต่อการขาดทุนน้อยมากเมื่อเทียบกับธุรกิจอื่นๆ แต่กำไรที่ได้นับว่าคุ้มค่ามากค่ะ

เทคนิคการทำกล้วยปิ้ง ให้อร่อย

วิธีการเลือกกล้วย
กล้วยสีกะดังงา  คือ กล้วยที่มีสีเขียวแซมบริเวณปลายและตรงโคนมีสีเหลือง หรือที่เรียกว่ากล้วยกำลังห่ามนั่นเองค่ะ  แบบนี้จะย่างง่ายหน่อย เสียบไม้ง่าย และอร่อยกำลังพอดี
กล้วยสีเหลือง    คือ กล้วยที่สุกงอมคือพร้อมเละแล้ว เวลาเสียบไม้จะไม่ทรงตัวทำให้หล่นและหลุดออกจากไม้ ส่วนมากกล้วยที่นำมาทำกล้วยปิ้งจะนิยมเลือกใช้กล้วยสีกะดังงา เพราะรสชาติกำลังอร่อยพอเหมาะ อีกทั้งยังง่ายต่อการย่างไฟอีกด้วย



วิธีการปลอกกล้วย ให้เป็นเรื่องกล้วยๆ  ไม่ ยากเลยค่ะ สิ่งที่ต้องเตรียมก็คือ มีดปลายแหลมด้ามเล็ก และถุงมือพลาสติก เพื่อไม่ให้มือหรือเล็บเราโดนยางกล้วย เริ่มจากการตัดหัวท้ายของผลกล้วยทั้งสองข้างทิ้งและกรีดลงมาเป็นแนวยาวเส้น เดียว หลังจากนั้นก็ลอกเปลือกกล้วยออกได้เลยอย่างง่ายดาย
ทำไมเรา ถึงต้องตัดบริเวณหัวท้ายของผลกล้วยทิ้ง เป็นเพราะบริเวณโคนของผลกล้วยจะมียางติดอยู่เวลาเรานำไปย่างจะทำให้ผลกล้วย เหี่ยวและจะมียางกล้วยซึมออกมา มีรสชาติฝาด ผลกล้วยดำ
และบริเวณ ปลายของผลกล้วยจะมีลักษณะนูนแหลมขึ้นมาตรงปลายทำให้ผลกล้วยดูไม่สวยงาม ไม่น่ารับประทาน และการตัดหัวท้ายยังทำให้ง่ายเวลาเรานำไปเสียบไม้และย่างไฟอีกด้วยค่ะ

วิธีการคุมไฟให้พอเหมาะกับการย่างกล้วย  ขึ้นอยู่ที่ว่าวันนึงเรากะจะขายกล้วยปิ้งซักประมาณกี่หวี สมมติว่าวันนี้เราจะขายประมาณ 50 หวี ก็จะใช้ถ่านประมาณ 7 ถุง เริ่มจากการนำถ่านทั้งหมดเทลงไปในเตาย่างและจุดไฟให้ลุกโหมเพื่อให้ถ่านกลาย เป็นถ่านไฟ
หลังจากนั้นให้ตักขี้เถ้าเททับลงไปในเตาอีกรอบนึง เพื่อลดระดับความแรงของไฟ และลองนำมือมาผึ่งดูบริเวณหน้าเตาว่ารู้สึกร้อนมากรึเปล่าหากยังรู้สึกร้อน มากให้ตักขี้เถ้าเททับอีกรอบนึง
รอให้ความร้อนอยู่ในระดับพอดีไม่ร้อนมาก หากเราลองนำมือมาผึ่งไว้ได้ประมาณ 10 วินาที โดยไม่รู้สึกร้อนมาก ก็สามารถนำกล้วยที่เสียบไม้ไว้แล้วนำมาย่างได้เลยค่ะ

ส่วนผสมน้ำราดกล้วยปิ้งสูตรเด็ด

(ปริมาณของส่วนผสมกะให้ได้น้ำราด 1 หม้อ หากท่านใดทำรับประทานเอง อาจจะไมต้องใส่ปริมาณมากเท่านี้ก็ได้ค่ะ)
1. น้ำตาลปิ๊บ 1 กิโล
2. แป้งข้าวโพด 1 ถุง
3. หัวกะทิ 1 เหยือก
4. เกลือ 1 ถ้วยเล็ก
5. น้ำมะพร้าวอ่อน 1 เหยือก
6. เนื้อมะพร้าวเผา เพราะจะทำให้เกะเนื้อง่าย และนำมาหั่นเป็นเส้นพอเหมาะ ประมาณ 1 ถ้วยใหญ่ (หากใครจะไม่ใส่เนื้อมะพร้าวก็ได้)
วิธีการทำน้ำราดกล้วยปิ้งสูตรเด็ด
1. เตรียมหม้อขนาดใหญ่ 1 ใบ ตั้งไฟให้พอเหมาะ ไม่ต้องใช้ความร้อนสูง
2. นำหัวกะทิ 1 เหยือก น้ำมะพร้าวอ่อน 1 เหยือก เทลงไปในหม้อที่เตรียมไว้ ตักน้ำตาลปิ๊ปใส่ลงไป 2 ทัพพี และตั้งไฟคนให้เข้ากันประมาณ 5-10 นาที ให้น้ำตาลละลาย
3. คนส่วนผสมให้เข้ากัน ตักเกลือใส่ประมาณ 2 ช้อนชา หลังจากนั้นให้ชิมดูว่ารสชาติหวานเกินไปรึเปล่า หากกวานเกินไปไม่เป็นไร เพราะเราจะต้องใส่แป้งข้าวโพดตามอีกที

4. เทน้ำลงในถ้วยเปล่าประมาณครึ่งถ้วย และนำแป้งข้าวโพดมาละลายน้ำ ไม่ต้องให้ข้นมาก เพราะเวลาที่เรานำไปเทผสมกับส่วนผสมที่เตรียมไว้อาจจะทำให้น้ำราดออกมามี ความเหนียวจนเกินไป หลังจากที่ละลายแป้งข้าวโพดแล้ว ให้ค่อยๆ เทลงในหม้อ และคนส่วนผสมให้เข้ากัน หรือหากใครที่ชอบน้ำราดแบบเหนียวนิดนึงก็ให้เพิ่มแป้งข้าวโพดได้ตามความชอบ และรสชาติความหวานและความเค็มสามารถกะตวงตามความชอบได้

5. จากนั้นให้นำเนื้อมะพร้าวเผาที่เราเตรียมไว้เทลงไปให้หมด หากท่านใดจะไม่ใส่เนื้อมะพร้าวก็ได้ แต่การใส่เนื้อมะพร้าวเผาจะเพิ่มความหอมและรสชาติที่กลมกล่อมยิ่งขึ้น

6. คนส่วนผสมต่างๆ ให้เข้ากัน รอจนเดือด และลองชิมดู (รสชาติสามารถเพิ่มเติมส่วนผสมอื่นๆ ได้ตามความชอบ) การใส่วัตถุดิบที่แปลกใหม่ จะทำให้เพิ่มรสชาติและความหลากหลายของน้ำราดได้ เพราะฉะนั้นท่านสามารถคิดค้นและเพิ่มเติมส่วนผสมต่างๆ ได้ตามต้องการ

credit by :  http://www.thaiarcheep.com/อาชีพขายกล้วยปิ้ง.html

Read More...


ลาบน้ำตก อาหารอีสาน ทำง่าย ขายได้ สร้างรายได้ สร้างอาชีพ

หากจะถามว่าคุณเคยรับประทานอาหารอีสานหรือไม่ คำถามนี้น่าจะเปลี่ยนเป็น คุณชอบรับประทานอาหารบ่อยแค่ไหนมากกว่านะค่ะ เพราะทุกวันนี้ต้องบอกเลยค่ะ ว่าอาหารอีสานหาซื้อรับประทานง่ายมากและสำหรับเจ้าของร้านอาหารอีสาน ก็บอกตรงเลยค่ะว่า “ขายดีมาก” มองไปมุมไหนก็เจอแต่ร้านส้มตำ ลาบ น้ำตก ทั้งแบบรถเข็น แบบเป็นซุ้ม หรือเป็นแบบร้านอาหารใหญ่เวอร์ไปเลยก็มี


เพราะประชากรในภาคตะวันออกเฉียงเหนือหรือภาคอีสานนั้น เดินทางมาทำงานประจำในเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพมหานครกันเป็นจำนวนมาก จึงทำให้พ่อค้าแม่ค้าที่ทำอาหารอีสานอร่อย ได้โอกาสสร้างเป็นอาชีพเปิดร้าน “ขายอาหารอีสาน” กัน ซะเลย ยิ่งถ้าไปเปิดร้านแถวๆ หน้าโรงงานหรือหน้าห้างสรรพสินค้าที่มีพนักงานจำนวนมาก ๆ ยิ่งส่งผลให้ร้านอาหารอีสานขายดิบขายดี เพราะพนักงานส่วนใหญ่ทั้งคนกรุงหรือคนอีสาน ก็ชอบรับประทานกันอยู่แล้วค่ะ เพราะอาหารอีสานมีรสชาติที่เผ็ดจัดจ้าน เข้าถึงรสของสมุนไพรไทย อย่าง ตะไคร้กับใบมะกรูด ที่มักจะมีอยู่ในอาหารอีสานแทบทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็น ลาบ ก้อย น้ำตก แกงอ่อม ต้มแซ่บ เป็นต้น

วันนี้ ไทยอาชีพ.คอม จึงอยากจะมาแนะนำวิธีการทำลาบน้ำตก ให้ทุกท่านลองหัดทำกินที่บ้านกันดูว่า วิธีทำก็ไม่ยุ่งยากเลยซักนิด และอีกอย่างหากเราลองหัดทำจนอร่อยและพัฒนาฝีมือขึ้นไปเรื่อยๆ รับรองว่าสามารถเปิดร้านขายอาหารอีสานได้เลยค่ะ

เครื่องปรุงและวัตถุดิบทำ ลาบหมู น้ำตกหมู มีอะไรบ้าง

  1. เนื้อหมูสับละเอียด ตับ ไส้หมู รึจะเพิ่มอย่างอื่นด้วยก็ได้ แล้วแต่ความชอบ หากต้องการทำน้ำตกหมู ให้นำเนื้อหมูไปย่างไฟ สุกปานกลางแล้วนำมาหั่นเป็นเนื้อหมูย่างแบบ หมูชิ้น
  2. ผักชีฝรั่ง หรือผักชีใบเลื่อยนั่นเองค่ะ
  3. กระเทียมทุบหรือซอย / หอมแดงซอย
  4. ผักชี / ต้นหอมซอย
  5. ใบสะระแหน่
  6. พริกป่น
  7. ข้าวคั่ว
  8. น้ำปลา
  9. ผงชูรส
  10. มะนาว
  11. เลือดหมูสด (สำหรับทำลาบเลือดหรือก้อยเนื้อ)
ที่ แอดมินไม่ได้ระบุอัตราส่วนผสมไว้ เพราะรสชาติของลาบนั้นเราสามารถกำหนดเองนะค่ะ เราต้องเชื่อมั่นในฝีมือตัวเอง หากลองทำรับประทานเอง ไม่ต้องห่วงเรื่องรสชาติค่ะ หากลองชิมแล้วยังไม่พอดีให้เติมน้ำปลานิดหน่อย แนะนำว่าไม่ต้องบีบน้ำปลาเยอะตั้งแต่ครั้งแรกค่ะ และมะนาวไม่ต้องบีบเยอะมากหากรสชาติยังไม่กลมกล่อมค่อยเพิ่มลงไปอีกก็ได้ค่ะ เพื่อไม่ทำให้รสชาติเสีย

วิธีทำลาบหมูสุก / ก้อยหมูดิบ / น้ำตกหมู

    1. เตรียมเนื้อหมูดิบสับละเอียดเพื่อเตรียมทำลาบหมูสุก หากต้องการทำลาบหมูดิบหรือลาบเลือด(ก้อยเนื้อ/ก้อยหมู)ก็สามารถใช้เนื้อหมู สับละเอียดเช่นเดียวกับการทำลาบหมูสุกได้นะค่ะ และเครื่องในหมูตามต้องการ  และหากต้องการทำน้ำตกหมู ให้นำเนื้อหมูสันในไปย่างไฟให้สุกปานกลาง และนำมาหั่นเป็นหมูย่างแบบชิ้นๆ และเตรียมเครื่องปรุงลาบให้เรียบร้อย
    2. ตั้งไฟอ่อน ๆ นำกระทะใส่น้ำนิดหน่อยพอน้ำเดือดแล้ว ให้นำหมูสับละเอียด และเครื่องในหมูลงไปรวนกับน้ำร้อน (สำหรับทำลาบหมูสุก) หากต้องการทำลาบเลือดก็ไม่ต้องนำเนื้อหมูไปรวนกับน้ำร้อน แต่สามารถนำเลือดหมูสดเทใส่ลงไปในเนื้อหมูสับได้เลย หากต้องการทำลาบน้ำตก หลังจากที่ย่างเนื้อหมูและหั่นเป็นชิ้นแล้วก็สามารถนำเครื่องปรุงที่เตรียม ไว้ใส่ลงไปได้เลย
    3. เมื่อได้หมูที่รวนสุกแล้ว ให้นำส่วนผสมหรือเครื่องปรุงต่างๆ ที่เราเตรียมไว้ ใส่ลงไป
    4. ชิมรสชาติ ที่ปรุงจนได้ที่  หลังจากนั้น ตักใส่จาน และนำใบสะระแหน่ โรยหน้านิดหน่อย พร้อมเสริฟ ทานคู่กับข้าวสวยหรือข้าวเหนียวร้อนๆ ได้เลยค่ะ

ผักเคียงทานคู่ ลาบ น้ำตก

1. ผักกาด 2. กะหล่ำปลี 3. แตงกวา 4. ผักชี / ต้นหอม 5. ถั่วฝักยาว 6. พริกขี้หนูสวน 7. ผักกาดหอม / ผักสลัด 8. ใบชะพลู 9. ผักก้านจอง 10. ผักหนอก 11. ใบบัวบก
นอกจากนี้ยังมีอีกสารพัดผัก ที่สามารถนำมาเป็นเครื่องเคียงรับประทานคู่กับลาบ น้ำตก ได้อย่างอร่อย นอกจากจะช่วยเพิ่มรสชาติแล้วยังมีประโยชน์กับร่างกายอีกด้วยนะค่ะ หากทุกคนมีเวลาก็ลองทำลาบหมูสุก หรือน้ำตกหมู แบบง่ายๆ ลองหัดทำรับประทานกันดูนะค่ะ ไม่ยากอย่างที่คิดเลยค่ะ ทำง่าย ขายเป็นอาชีพสร้างรายได้  และยังอร่อยอีกด้วยค่ะ

credit by:  http://www.thaiarcheep.com/ลาบน้ำตก.html

Read More...


อาชีพขายโรตี อาชีพทำเงิน ขายง่าย กำไรดี

วันนี้ ไทยอาชีพ.คอม จะพาทุกท่านไปรู้จักกับอาชีพ “ขายโรตี” กันค่ะ ซึ่งเป็นอาหารที่อยู่คู่กับคนไทยมานานค่ะ ในประเทศไทยนั้น คำว่า “โรตี” หมายถึง แป้งชนิดที่เรียกว่า “ไมดา ปะระถา” ในภาษามลายูจะเรียกว่า “โรตี จะไน” และในสิงคโปร์เรียกว่า “โรตี ประตา” ปกติเวลารับประทาน จะทอดแป้งให้กรอบหลังจากนั้นจะโรยหน้าด้วยนมข้นหวาน และน้ำตาลทราย บางครั้งก็ใส่ไข่ไก่ลงไปขณะกำลังทอดแป้งบนกระทะร้อนๆ เพื่อเพิ่มรสชาติให้กับ “โรตี” นั่นเองค่ะ


ปัจจุบัน “โรตี” ในประเทศไทยนั้น ได้มีการดัดแปลงสูตรและส่วนผสมบางอย่างเพื่อให้แป้งโรตีมีความเหนียวนุ่มมาก ขึ้น ซึ่งที่จริงแล้วแป้งที่นำมาใช้ทำโรตีนั้นส่วนใหญ่จะนิยมใช้แป้งสาลีธรรมดา ค่ะ ซึ่งมีด้วยกันหลากหลายยี่ห้อให้เลือกซื้อ และต้องบอกเลยนะค่ะว่าแป้งที่นำมาทำโรตีนั่นเป็นสิ่งที่สำคัญมากที่สุด เพราะแป้งเป็นองค์ประกอบหลักของ “โรตี” นั่นเอง

ป้าน้อยประกอบอาชีพขายโรตีเลี้ยงชีพ

วันนี้เราได้มีโอกาสสัมภาษณ์ป้าน้อย อายุ 55 ปี ที่ผันตัวเองมาประกอบอาชีพ “ขายโรตี” ป้าน้อยบอกว่าอาชีพนี้เป็นอาชีพที่ทำง่ายมาก ลงทุนก็ไม่เยอะ ทุกๆ คนสามารถทำได้ เพราะเมื่อก่อนป้าก็ไม่เคยประกอบอาชีพค้าขายมาก่อนเหมือนกัน แต่เราคิดว่า “เราต้องทำได้” จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ป้าเลือกทำอาชีพนี้ ลูกค้าที่มาอุดหนุนมีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ซึ่งต่างก็ชมว่า “โรตี” มีรสชาติอร่อย


ป้าน้อยจะเข็นรถคู่ใจออกมาจากห้องเช่า ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากพื้นที่ขาย และจะเริ่มขายตั้งแต่เวลา 15.00 น. – 21.00 น. ของทุกวัน กำไรอาจจะได้ไม่เยอะมากเท่าไหร่ แต่ก็พออยู่ได้ เพราะวัตถุดิบที่ใช้ทำโรตีนั้นราคาไม่แพง วันนึงก็ลงทุนไม่ถึงห้าร้อยบาทด้วยซ้ำ เพราะวัตถุดิบที่ต้องเปลี่ยนทุกๆ วัน ก็จะมีแค่ กล้วยหอม หวีใหญ่ก็ราคาประมาณ 40-60 บาท (แล้วแต่ขนาด)

และแป้งที่นวดไว้แล้ว วันนึงป้าน้อยจะนวดเอาไว้ประมาณ 50-60 ก้อน หากขายไม่หมด สามารถเก็บไว้ขายพรุ่งนี้ได้อีกวันนึง ราคาแป้งก็ถุงละไม่เกิน 40 บาท หรือมากกว่านั้นแล้วแต่ว่าเราจะเลือกใช้แป้งสาลียี่ห้อไหน และน้ำมันที่ใช้ทอด “โรตี” ก็คือน้ำมันพืชปกติยี่ห้ออะไรก็ได้ และมีไข่ไก่ด้วยที่เราจะต้องซื้อทุกวัน ส่วนวัตถุดิบอย่างอื่นก็ไม่ต้องซื้อ บ่อย เพราะวัตุดิบอื่นๆ สามารถเก็บไว้ได้นานเป็นอาทิตย์
และมีรถเข็นคันนี้ก็ลงทุนไม่มากเลยค่ะ ป้าน้อยบอกว่า รวมเบ็ดเสร็จแล้วราคาไม่เกิน 1,500 บาท เพราะป้าซื้อต่อคนอื่นมาอีกที แต่ถ้าหากเราต้องการรถเข็นใหม่ๆ มีกระทะพร้อมขายโรตีเลย ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 2,000 – 2,500 บาทค่ะ

  • โรตีธรรมดา แผ่นละ 10 บาท
  • โรตีใส่ไข่ แผ่นละ 20 บาท
  • โรตีใส่ไข่ใส่กล้วย แผ่นละ 30 บาท
  • โรตีใส่แยม ใส่ไข่ ราคา 20-25 บาท

ชนิดของแป้งที่นำมาใช้ทำขนม

1. แป้งสาลีสำหรับทำขนมปัง “แป้งขนมปัง”
2. แป้งสาลีอเนกประสงค์
3. แป้งสาลีสำหรับทำเค้ก หรือ เรียกสั้น ๆ ว่า “แป้งเค้ก”

1. แป้งสาลีสำหรับทำขนมปัง หรือ “แป้งขนมปัง” เนื้อ แป้งจะมีสีขาวนวล เมื่อสัมผัสผงแป้งจะหยาบกว่าแป้งสาลีชนิดอื่น ใช้ฝ่ามือบีบหรือนวดแป้งจะไม่รวมตัวกันเป็นก้อนได้ง่าย โครงสร้างของเนื้จะมีความยืดหยุ่น เหนียวนุ่ม อุ้มแก๊สเอาไว้ได้ดี อีกทั้งยังทนต่อการหมักด้วยยีสต์ จึงเหมาะสำหรับการทำขนมปัง แป้งขนมปังผลิตมาจากข้าวสาลีชนิดแข็ง ทำให้มีโปรตีนสูงประมาณ 12-14 % ที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน

ลองสังเกตดูว่าเวลาที่เรารับประทานขนมปังหรืออาหารที่ทำจากแป้ง เช่น พิซซ่า โรตี บะหมี โดนัท หรือเส้นอุด้ง อาหารพวกนี้จะให้พลังแก่ร่างกายสูง ทำให้เราสามารถรับประทานเป็นอาหารมื้อหลักแทนข้าวได้เลย เพราะเนื้อแป้งทำมาจากข้าวอยู่แล้ว แป้งขนมปังนี้จึงเหมาะสำหรับนำมาทำโรตีด้วยค่ะ ยี่ห้อที่นิยมใช้ ได้แก่ ตราห่าน ตรานกอินทรี ตราริ้บบิ้น ตรากระทิง ตราเค เอฟ เอ็ม (แป้งตัวนี้เหมาะสำหรับทำปลาท่องโก๋โดยเฉพาะ) และตรากำแพงเมืองจีน ซึ่งหาซื้อได้ตามท้องตลาดทั่วไปนะค่ะ

2. แป้งสาลีอเนกประสงค์ เนื้อแป้งทำมาจากข้าวสาลีชนิดหนักและเบาผสมกัน จึงทำให้มีโปรตีนปานกลาง ประมาณ 10-11 % สามารถนำมาทำขนมได้หลากหลายชนิด เช่น กระหรี่พัฟ คุกกี้ พาย พัฟท์ หรือขนมไทยๆ อย่าง สังขยาจิ้มขนมปัง ขนมสาลี่ ขนมกลีบลำดวน หรือแม้แต่จะนำมาประกอบอาหารคาวก็ได้ เช่น อาหารชุบแป้งทอด ส่วนยี่ห้อของแป้งสาลีอเนกประสงค์ที่บ้านเรามักใช้กัน ได้แก่ ตรากบ ตราว่าว ตราหัวกวาง และตราฮก(สีแดง)

3. แป้งเค้ก เป็นแป้งที่มีเปอร์เซ็นต์โปรตีนต่ำ ประมาณ 7-8 % เนื้อแป้งผลิตมาจากข้าวสาลีชนิดเปลือกอ่อน จึงเหมาะสำหรับนำไปทำขนมที่มีลักษณะเนื้อละเอียด เบา ฟู เช่น ซาลาเปา คุกกี้เนื้อเบา เอแคลร์ หรือขนมปุยฝ้าย แยมโรล ขนมไข่ แพนเค้ก ทุกครั้งที่นำมาทำขนมแป้งชนิดนี้ต้องใช้เบคกิ้งโซดา หรือผงฟู เพราะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้เนื้อแป้งนุ่ม และฟู น่ารับประทาน แป้งที่นิยมนำมาใช้และหาซื้อได้ง่ายตามท้องตลาด ได้แก่ แป้งตรากิเลนแดง ตรากิเลนเขียว ตราพัดโบก และตราบัวแดงค่ะ
และ แป้งที่เหมาะสำหรับทำ “โรตี” นั่นคือแป้งสาลีธรรมดานะค่ะ และหากเรายังไม่แน่ใจว่ายี่ห้อไหนใช้ดี ก็ลองซื้อแป้งมาซัก 2-3 ยี่ห้อก็ได้ค่ะ และลองผสมแป้งและนวดแป้งดู ว่ายี่ห้อไหนใช้ง่ายและอร่อย เพราะแต่ละยี่ห้อก็มีดีไม่เหมือนกัน

วัตถุดิบที่ใช้ทำ โรตี

  1. แป้งหมี่ หรือแป้งสาลีที่ผสมแล้ว
  2. นมข้นหวาน
  3. น้ำตาล
  4. น้ำมันพืช
  5. เนยแข็ง
  6. กล้วย
  7. ไข่ไก่
  8. แยม รสต่างๆ เช่น สตอเบอรี่ กล้วยหอม องุ่น ใบเตย หรือรสส้ม เป็นต้น
  9. เกล็ดน้ำตาลหลากสี อาจจะใช้หรือไม่ใช้ก็ได้ เพราะเป็นวัตถุดิบเสริมเพื่อดึงดูดใจลูกค้าเท่านั้น

อุปกรณ์ประกอบอาชีพ ขายโรตี

1. กล่องโฟม 2. ช้อนซ่อมพลาสติก 3. ถุงพลาสติก 4. กระดาษห่อโรตี
5. รถเข็น 6. กระทะเหล็ก 7. เตาแก๊ส 8. เขียง 9. มีด 10. ตะหลิว

 credit by :  http://www.thaiarcheep.com/อาชีพขายโรตี.html

Read More...


คีนัว สันในไก่ย่าง แกงกะหรี่ญี่ปุ่น


“โคคา-โคลา” ได้มีการจัดเวิร์กช็อป “แอ็กทีฟ เฮลธ์ตี้ ไลฟ์สไตล์” โดยมี เชฟพล ตัณฑเสถียร เซเลบริตี้เชฟแถวหน้าของเมืองไทย สร้างสรรค์เมนูอาหารและเครื่องดื่มสุดชิคที่เปี่ยมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ กับเมนูเด็ด “ชิชิมิ กริลล์ ชิคเก้น เคอร์รี่ วิธ คีนัว” เมนูสุดเก๋ที่เพิ่มสีสันในการทำด้วยการใช้ “โค้ก” เป็นส่วนประกอบ
เชฟพล ตัณฑเสถียร บอกว่า สิ่งที่ทุกคนควรคำนึงก็คือ การรับประทานอาหารครบมาตรฐาน นั่นคือ มีความหลากหลาย มีสารอาหารที่เพียงพอและสมดุล และพอเหมาะกับรูปแบบการใช้ชีวิตประจำวัน อาหารที่เราบริโภคในแต่ละมื้อให้ พลังงานมากน้อยเพียงใด เราก็ควรจะเผาผลาญออกไปด้วยการออกกำลังให้เหมาะสม ต้องทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ในแต่ละวัน
เชฟพล กับอาหารเพื่อสุขภาพและยังสร้างสรรค์อีกด้วย
เมนูที่เชฟพลนำเสนอในวันนี้ สามารถทำเองที่บ้านได้อย่างง่ายๆ และที่สำคัญยังให้คุณค่าทางโภชนาการครบ 5 หมู่ แถมยังเพิ่มความสนุกสนานในการปรุงมากขึ้นอีกด้วย
เมนู “ชิชิมิ กริลล์ ชิคเก้น เคอร์รี่ วิธ คีนัว” หรือเรียกง่ายๆ ว่า “คีนัวเสิร์ฟพร้อมสันในไก่ย่างและแกงกะหรี่ญี่ปุ่น” เมนูนี้อาจจะฟังดูซับซ้อน แต่วิธีการทำแสนง่ายดายแค่ครึ่งชั่วโมงก็เสร็จสิ้นแล้ว กับอาหารเมนูแสนอร่อยนี้
เมนูนี้แบ่งเป็น 3 ส่วนหลัก คือ สันในไก่ปรุงรสด้วยชิชิมิ (หรือเครื่องเทศ 7 ชนิดของญี่ปุ่น ได้แก่ งาขาว งาดำ พริก พริกเสฉวน ขิง ผิวส้ม สาหร่าย) แกงกะหรี่ญี่ปุ่น และคีนัว ซึ่งเป็นธัญพืชที่องค์การสหประชาชาติหรือ UN จัดให้เป็นสุดยอดอาหารของปี 2556 ที่สามารถทานได้แทนข้าวสวย หรือหุงรวมกับธัญพืชอื่นๆ ได้
ชิชิมิ กริลล์ ชิคเก้น เคอร์รี่ วิธ คีนัว


ส่วนประกอบที่ต้องเตรียม
ส่วนที่ 1 – ไก่ย่าง
1. น้ำมันรำข้าว 1 ช้อนชา
2. สันในไก่ 4 ชิ้น
3. โชยุ 1 ช้อนชา
4. ชิชิมิ พริกญี่ปุ่น 1 ช้อนชา
5. มะเขือเทศแดง 50 กรัม (นำมาทั้งพวง)

ส่วนที่ 2 – แกงกะหรี่
1. น้ำมันรำข้าว 2 ช้อนชา
2. หอมใหญ่ 80 กรัม
3. แครอท 80 กรัม            
4. มันฝรั่ง 80 กรัม
5. ซอสมะเขือเทศ 1 ½  ช้อนโต๊ะ
6. ก้อนปรุงแกง 35 กรัม (แกงกะหรี่ก้อน)
7. โค้ก 1 กระป๋อง
8. โชยุ ½ ช้อนชา
ส่วนที่ 3 – คีนัว
1. คีนัว ½ ถ้วยตวงข้าว
2. บาร์เลย์ ½ ถ้วยตวงข้าว
3. ข้าวกล้อง ½ ถ้วยตวงข้าว

วิธีทำ
1. แช่บาร์เลย์ในน้ำประมาณ 3 ชั่วโมง ล้างคีนัวและข้าวกล้องกับน้ำสะอาด 2-3 รอบ และสะเด็ดน้ำให้ดี นำบาร์เลย์และคีนัวใส่น้ำให้สูงขึ้นมาประมาณ 1 ข้อนิ้ว หุงในหม้อหุงข้าวจนสุกดี
2. หมักสันในไก่กับโชยุประมาณ 15 นาที ตั้งกระทะสำหรับย่างไก่ อุ่นให้ร้อนดี ใส่น้ำมันลงไปเล็กน้อย นำชิ้นไก่และมะเขือเทศวางลงบนกระทะที่ร้อน ย่างไก่ด้านละ 2 นาที นำออกจากความร้อน ห่อด้วยฟอยล์และพักให้เย็นลง สำหรับมะเขือเทศให้ย่างจนผิว
เริ่มแตกและมีสีสวย พักไว้
ขั้นตอนการย่างไก่
จัดจานให้สวยงามพร้อมทานได้เลยยย
3. ทำแกง โดยหั่นหอมใหญ่ แครอท และมันฝรั่งเป็นชิ้นขนาด 1 เซนติเมตร ใส่น้ำมันลงในหม้อ พอน้ำมันร้อนดี ใส่ผักลงไปจนสีสวย ประมาณ 3-4 นาที ใส่ “โค้ก” ลงไป ปรุงรสด้วยซอสมะเขือเทศ ปิดฝาเคี่ยวจนผักสุกดีประมาณ 10 นาที ใส่ก้อนแกงลงไปคนให้ละลาย ปรุงรสด้วยโชยุ

credit by :  http://www.thairath.co.th/content/440222

Read More...


ครีเอทรักให้แม่ แต่งแต้มสีสันใส่ 'เค้กโคน'


เป็นประจำทุกสุดสัปดาห์แบบนี้ พบกับคอลัมน์ Trend can do อีกเช่นเคย สัปดาห์นี้ ต้อนรับ'วันแม่' ที่จะมาถึง ลูกๆ อาจจะยังไม่รู้ว่าจะมอบของขวัญอะไรแทนใจแด่คุณแม่ เราขอแนะนำให้ลองมาทำ 'เค้กโคน'...
"ไทยรัฐออนไลน์" ได้เข้าร่วมเวิร์กช็อปสานรักเติมเต็มความผูกพันให้คู่แม่-ลูก กับ “A CAKE OF LOVE - แต่งแต้มจินตนาการ เติมสีสันใส่เค้กโคน” จัดโดยสมาคมผู้ประกอบวิสาหกิจในย่านราชประสงค์ (RSTA) ร่วมกับโรงแรม อินเตอร์คอนติเนนตัล กรุงเทพฯ งานนี้มีพ่อครัวขนมหวานใจดี “เพสตรี้เชฟ” ร่วมสอนเด็กๆ แต่งหน้า "เค้กโคน" เทรนด์ขนมเค้กล่าสุด มอบเป็นของขวัญแทนใจแด่คุณแม่ในโอกาสวันแม่แห่งชาติ เดือนสิงหาคมนี้


คู่แม่ลูกสุดฮอต แม่ธัญญ่า น้องลียาก็ไม่พลาดมาร่วมทำเค้กโคนกันอย่างสนุกสนาน
เราไม่พลาดเก็บขั้นตอนการทำ "เค้กโคน" สุดน่ารัก เก๋ไก๋ไม่เหมือนใคร มาฝากให้กับลูกๆ ทุกคนได้นำไปเป็นของขวัญให้คุณแม่ของคุณ หรือจะนำไปทำเป็นกิจกรรมวันแม่ในครอบครัวเราก็ไม่ว่ากัน !
สิ่งที่ต้องเตรียม
1. เนย
2. น้ำตาลไอซิ่ง


เนย น้ำตาลไอซิ่ง บัตเตอร์เค้ก โคนไอศกรีม
3. กลิ่นผสมอาหาร เช่น วานิลลา, ราสเบอร์รี่, สตรอเบอร์รี่
4. บัตเตอร์เค้กหั่นเป็นวงกลมชิ้นเล็ก
5. โคนไอศกรีม
6. แผ่นช็อกโกแลต แผ่นน้ำตาลรูปทรงและสีสันต่างๆ สำหรับการตกแต่งหน้าเค้กโคน



แผ่นไวท์ช็อกโกแลตใช้แตกแต่ง

แผ่นน้ำตาลรูปหัวใจเอาไว้ตกแต่ง
ขั้นตอนการทำ
ครีมสำหรับแต่งหน้าเค้กโคน
1. นำเนย และน้ำตาลไอซิ่ง ในอัตราส่วน 1:1 ผสมกัน จากนั้นตีส่วนผสมจนขึ้นฟูและเนียนเป็นเนื้อเดียวกัน


นำเนยและน้ำตาลไอซิ่งมาผสมกัน
2. เติมกลิ่นผสมอาหารที่ต้องการลงไป และตีจนเป็นเนื้อเดียวกัน


ตีให้เป็นเนื้อเดียวกัน
3. นำครีมที่ได้ ใส่ลงในกรวยสำหรับบีบแต่งหน้าเค้ก


ครีมสำหรับแต่งหน้าเค้กโคนทีี่ผสมเสร็จแล้ว
ตัวโคน
1. เตรียมโคนไอศกรีมที่จะใช้เป็นฐาน อาจจะเพิ่มความน่ารับประทานด้วยการเคลือบช็อกโกแลต หรือไวท์ช็อกโกแลตที่ขอบโคน
2. นำบัตเตอร์เค้กชิ้นเล็กๆ ที่เตรียมไว้ใส่ลงในโคนไอศกรีม
3. นำครีมที่ใส่ในกรวยบีบลงบนบัตเตอร์เค้กตามรูปทรงที่ต้องการ


บีบครีมใส่โคน
4. นำช็อกโกแลตและเครื่องตกแต่งอื่นๆ ประดับลงบนครีมตามชอบ


เสร็จแล้ววว เค้กโคนวันแม่

ขอตั้งชื่อ 'เค้กโคนรักแม่'

เค้กโคนนี้เพื่อแม่จ้าาาา
ถ้าใครไม่ถนัดที่จะทำเอง เราขอเชิญชวนคุณลูกพาคุณแม่มาร่วมสร้างช่วงเวลาดีๆ ด้วย “ซิกเนเจอร์ เค้ก” แสนอร่อย พร้อมส่งภาษารักให้คุณแม่ด้วยคำว่า “ไอ เค้ก มัม” (I Cake Mom) ผ่านเทศกาล “อินเตอร์เนชั่นแนล เค้ก เดย์ 2014 แอท ราชประสงค์” ได้ตั้งแต่วันนี้-31 สิงหาคม 2557

credit by :  http://www.thairath.co.th/content/441820

Read More...


‘นมสดรสผลไม้’ น่าสนใจ ‘ตลาดกว้าง’


“นมสดรสผลไม้” เป็นผลิตภัณฑ์อาหารประเภทนมแนวใหม่ เป็นเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของนมและส่วนผสมของผัก ผลไม้ มีคุณค่าทางสารอาหาร อุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ  เครื่องดื่มชนิดนี้ไม่เพียงช่วยดับกระหายคลายร้อนเท่านั้น แต่การปรุงแต่งขึ้นมายังมีการเน้นเพื่อการดื่มกินง่าย  ผ่อนคลายอารมณ์ได้ดี จึงส่งผลให้ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ไม่จำกัดเพศวัย และการทำขายก็สามารถพัฒนาเป็นแฟรนไชส์ได้ ซึ่งวันนี้ทีม “ช่องทางทำกิน” มีข้อมูลนมสดรสผลไม้มานำเสนอ...
 
สุทินา กะทิพรมราช หรือ “น้องจ่อม” สาวน้อยวัย 16 ปี เป็นทายาทเจ้าของผลิตภัณฑ์เต้าหู้นมสดตราคุณเจี๊ยบ ที่เข้ามามีส่วนร่วมการทำธุรกิจครอบครัวด้วยการเปิดแฟรนไชส์ เล่าว่า ผลิตภัณฑ์เต้าหู้นมสดของครอบครัวเป็นที่ยอมรับของตลาด จากความสำเร็จดังกล่าวจึงมีคนเรียกร้องให้ขายแฟรนไชส์ เพื่อเปิดโอกาสให้คนมีอาชีพในอีกรูปแบบ ประกอบกับเธอได้เข้าช่วยทำงานของครอบครัวได้ระยะหนึ่ง ก็มองว่าระบบแฟรนไชส์เป็นการกระจายสินค้าเพื่อสุขภาพที่ครอบครัวทำอยู่ได้ทั่วถึงยิ่งขึ้น และก็อยากแบ่งปันความรู้ให้กับผู้ที่สนใจอยากจะมีอาชีพ อยากนำสินค้าตัวนี้ไปประกอบอาชีพสร้างรายได้

“พอโตพอที่จะช่วยเหลือครอบครัวได้แล้ว ก็เข้ามาช่วยงานด้านคอมพิวเตอร์และเอกสาร พร้อมศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม และเรียนด้านที่สามารถนำความรู้ที่ได้มาช่วยพัฒนาผลิตภัณฑ์ ทั้งสูตร ภาพลักษณ์ แพ็กเกจจิ้ง ฯลฯ เพื่อขยายธุรกิจ ทั้งนี้ ก่อนจะตัดสินใจขายแฟรนไชส์ เราต้องมั่นใจในสินค้าและวัตถุดิบที่เลือกใช้ก่อน ซึ่งต้องคัดสรรเอาแต่ของคุณภาพดีจากแหล่งผู้ผลิตโดยตรง ผลิตภัณฑ์เต้าหู้นมสดนั้นมีหลายตัว แต่ตัวใหม่ที่ขายดิบขายดีในตอนนี้คือเต้าหู้นมสดมะพร้าวอ่อนและนมสดรสผลไม้”

อุปกรณ์ ที่ใช้ในการทำสินค้าชนิดนี้ หลัก ๆ ก็มี... เตาแก๊ส, หม้อเคลือบ, หม้อสเตนเลส (ขนาด-จำนวนขึ้นอยู่กับปริมาณการทำ), กระบวย, ทัพพี, กะละมัง, เครื่องตีปากตะกร้อ, กระชอน, ผ้าขาวบางสำหรับกรองกาก, ถ้วยตวง, ภาชนะใส่เครื่องผสม, ขวดพลาสติกอย่างหนาที่มีฝาปิด (ขนาด 150 ซีซี) สำหรับบรรจุจำหน่าย และอุปกรณ์เบ็ดเตล็ดอื่น ๆ

วัตถุดิบ ที่ใช้สำหรับทำ นมสดรสผลไม้ นั้น ก็มี...นมสด 6 ถ้วยตวง, นมข้นจืด 4 กระป๋อง น้ำสะอาด 16 เหยือก, น้ำตาลทรายขาว 2 ถ้วยตวง, เม็ดแมงลัก 3 ถ้วยตวง สารแต่งกลิ่นและเจือสีสังเคราะห์  รสเผือก ข้าวโพด แคนตาลูป วานิลลา สตรอเบอรี่ รวมถึงรสชานม รสกาแฟ และร้านนี้จะมีการใส่ผงชง ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญเฉพาะของทางร้านนี้

ขั้นตอนการทำ “นมสดรสผลไม้”

เริ่มจากการเตรียมวัตถุดิบในการทำก่อน ตวงน้ำตาลทราย นมสด ผงชง และสารแต่งกลิ่นและเจือสีสังเคราะห์รสชาติต่าง ๆ เตรียมเอาไว้ให้พร้อม ไม่ว่าจะเป็นสตรอเบอรี่ แคนตาลูป เผือก ข้าวโพด วานิลลา ชานม และกาแฟสด

นำเม็ดแมงลักที่เตรียมไว้มาแช่ในน้ำสะอาด รอให้เม็ดแมงลักพองตัว ประมาณ 5 นาที ใช้กระชอนตักขึ้นล้างในน้ำสะอาดอีกครั้ง ตักขึ้นทำให้สะเด็ดน้ำ ใส่ในภาชนะสะอาดเตรียมไว้  ขวดพลาสติกมีฝาปิด ขนาด 150 ซีซี นำมาล้างให้สะอาด คว่ำผึ่งให้แห้งสนิทเตรียมไว้ใส่ส่วนผสมของนมสด

ขั้นตอนการทำนมสดรสผลไม้เริ่มจากนำน้ำสะอาดตวงใส่หม้อเคลือบ ยกตั้งบนเตาไฟ  ใช้ความร้อนกลาง ๆ รอจนน้ำเดือดพล่านดีแล้วจึงใส่น้ำตาลทรายที่ตวงเตรียมไว้  ใช้ทัพพีคนให้น้ำตาลละลาย จึงนำผงชงที่ตวงเตรียมไว้ค่อย ๆ ใส่ตามลงไปทีละน้อย ใช้ที่ตีปากตะกร้อตีเร็ว ๆ แล้วคนวนเป็นเลขแปดเพื่อให้ผงชงไม่จับตัวเป็นก้อนและเข้ากันดี

เมื่อผงชงละลายดีแล้ว นำนมสดที่เตรียมไว้ใส่เป็นลำดับต่อไป คนให้ส่วนผสมเข้ากันดี ก็ใส่นมข้นจืด คนให้ส่วนผสมเข้ากันดี แล้วค่อยใส่สารแต่งกลิ่นและสีสังเคราะห์ตามที่ต้องการลง ไม่ว่าจะเป็นรสสตรอเบอรี่ รสเผือก รสแคนตาลูป รสข้าวโพด รสชา และรสกาแฟ ซึ่งในขั้นตอนนี้หากต้องการปรุงแต่งเป็นหลายรส ก็ให้ทำนมสดแยกเป็นส่วน ๆ ไป

จากนั้นให้ใช้ที่ตีปากตะกร้อคนวนส่วนผสมให้เข้ากันดี ขณะที่ต้มให้หมั่นคนไปเรื่อย ๆ ให้เดือดประมาณ 1 ชั่วโมง จึงปิดไฟ  ยกลงพักไว้สักครู่ ก่อนจะนำมากรอกใส่ขวดและปิดฝา

น้องจ่อมบอกว่าเพียงเท่านี้ก็จะได้สัมผัสรสชาติของ นมสดรสผลไม้ ที่หอม หวานมัน กลมกล่อม อร่อยด้วยสูตรพิเศษไม่ซ้ำใคร ด้วยรสชาติของแคนตาลูป สตรอเบอรี่ เผือก ข้าวโพด รวมถึงวานิลลา ชานม และกาแฟสด

*************

ใครสนใจ “นมสดรสผลไม้” อยากลองทำเป็นอาชีพ ก็ลองไปฝึกฝนหาสูตรเฉพาะของตนเองดู ส่วนใครสนใจเรื่องแฟรนไชส์ ต้องการติดต่อสอบถามข้อมูลจากเจ้าของกรณีศึกษารายนี้ ติดต่อน้องจ่อมและคุณแม่ได้ที่เบอร์ โทร.09-1780-4363, 08-1927-1237 ID Line: jommjomm กรณีศึกษารายนี้มีแหล่งผลิตอยู่ที่ 3/25 หมู่ 10 ต.ลาดสวาย อ.ลาดสวาย จ.ปทุมธานี โดยทั้งขายทั่วไป ทำแฟรนไชส์ รับสั่งทำไปจำหน่ายต่อ รับสั่งทำไปใช้ในงานประชุมสัมมนา เทศกาลงานบุญต่าง ๆ รวมถึงเป็นของฝาก ซึ่งก็นับว่าเป็นอีกหนึ่ง “ช่องทางทำกิน”  ที่มีตลาดกว้างน่าสนใจ!!.

คู่มือลงทุน...นมสดรสผลไม้

ทุนอุปกรณ์ ประมาณ 5,000 บาทขึ้นไป

ทุนวัตถุดิบ ประมาณ 60% ของราคา

รายได้ ราคาขาย 50 บาท/โหล

แรงงาน ตั้งแต่ 1-2 คนขึ้นไป

ตลาด ชุมชน, ตลาดนัด, ร้านอาหาร

จุดน่าสนใจ ใช้ผลไม้เพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า

เชาวลี ชุมขำ : เรื่อง/สุนิสา ธนพันธสกุล : ภาพ

credit by : http://www.dailynews.co.th/Content/Article/256681/‘นมสดรสผลไม้’+น่าสนใจ+‘ตลาดกว้าง’

Read More...


ขนมไหว้พระจันทร์ เสริมมงคล


ใกล้ถึงเทศกาลไหว้พระจันทร์ประจำปี 2557 หลากหลายแบรนด์ความอร่อยต่างส่งขนมไหว้พระจันทร์หลากรสชาติมาให้ลิ้มรส ล่าสุด แอมเวย์ ชวนชิมขนมไหว้พระจันทร์เนื้อนุ่ม รสชาติกลมกล่อม 4 ไส้ ได้แก่ ไส้ทุเรียนหมอนทอง, ไส้เมล็ดบัวไข่เดี่ยว, ไส้โหงวยิ้ง และไส้ใหม่ “คัสตาร์ด” ที่มีความพิเศษเฉพาะด้วยส่วนผสมหลักของไข่ไก่และนมที่นำมากวนให้เข้ากันจนได้รสชาติหวานมัน บรรจุในแพ็จเกจสวยหรูเสริมสิริมงคลด้วยลายนกน้อยบนกิ่งดอกเหมย ที่สื่อถึงความงามของธรรมชาติ อีกทั้งสัญลักษณ์ดอกเหมยยังแสดงถึงโชคลาภและอายุที่ยืนยาว รายละเอียดเพิ่มเติม www.amwayshopping.com

ด้านโรงแรมโซฟิเทล โซ แบงคอก ชูขนมไหว้พระจันทร์ช็อคโกแลตชั้นเยี่ยม 4 รสชาติ ได้แก่ รสราสเบอร์รี่สอดไส้เปปเปอร์มิ้นท์ และเม็ดบัว, รสดาร์คช็อคโกแลตสอดไส้เกาลัด และถั่ว 5 ชนิด, รสช็อคโกแลตนมสอดไส้แมคคาเดเมีย และครีมเสาวรส, รสช็อคโกแลตไอวอรี่สอดไส้คาราเมล เชอร์รี่ และอัลมอนต์ สนใจแวะไปห้องช็อกโกแล็บ


อีกหนึ่งวันสำคัญที่มีความหมายของเดือนสิงหาคมนี้ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์และบางกอกคอนเวนชันเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์ ฉลองวันแม่แห่งชาติกับแชมเปญบรันช์ ณ ห้องอาหารฟิฟตี้ไฟว์ พร้อมพวงมาลัยดอกมะลิให้ลูกๆมอบให้คุณแม่แทนรักจากใจ เริ่มต้นมื้ออาหารด้วยการเสิร์ฟกับน้ำส้มคั้นสดและกาแฟถ้วยโปรด ตามด้วยบุฟเฟ่ต์อาหารทะเลนำเข้าสดๆ จัดเต็มสำหรับครอบครัว ทั้งกุ้งล็อบสเตอร์จากรัฐเมน สหรัฐอเมริกา หอยนางรมจากนานาประเทศ ก้ามปูอลาสก้าเนื้อหวาน หอยเม่น กุ้งลายเสือ ฯลฯ และอาหารเรียกน้ำย่อยอื่นๆ อาทิ ซาชิมิกุ้งล็อบสเตอร์ โรลเนื้อปลาสด ซูชิเนื้อคาโกชิมา ซุปอาร์ติโช้คกับเห็ดทรัพเฟิลเสิร์ฟกับขนมปังไส้เห็ด ไข่คนกับเห็ดทรัฟเฟิลเสิร์ฟในเปลือกไข่ หอยนางรมคุมาโมโตะเสิร์ฟกับซอสเนยใส่เครื่องเทศ ต่อด้วยอาหารจานหลักให้เลือกสรร อาทิ ล็อบสเตอร์จากโนวาสโกเชียเสิร์ฟในพัฟวอลลูวองท์ กุ้งมังกรย่างเสิร์ฟกับซอสเนยรสมะนาว เนื้อสันในวากิวย่างเสิร์ฟกับซอสเบียเนส ซี่โครงแกะออสเตรเลียย่างเสิร์ฟกับซอสเครื่องเทศ ตับห่านย่างเสิร์ฟกับแอปเปิล ปิดท้ายมื้ออาหารสุดพิเศษด้วยของหวานสุดคลาสสิค เค้กโฮมเมดแสนอร่อย ซูเฟล่อบหอมกรุ่น ช็อกโกแลตรวมถึงชีสคุณภาพดีนานาชนิด เสิร์ฟพร้อมเบอร์รี่ เพิ่มอรรถรสให้กับมื้ออาหารด้วยแชมเปญเกรดพรีเมี่ยม จีเอช มุมม์ กอร์ดอง รูจ ในบรรยากาศวิวระฟ้าชั้น 54 ณ ช่วงเวลาอันแสนพิเศษ ตั้งแต่เวลา 11.30 – 15.00 น. รายละเอียดเพิ่มเติม diningcgcw@chr.co.th


โรงแรม อีสติน แกรนด์ สาทร กรุงเทพฯ ร่วมมอบของขวัญแด่คุณแม่ ด้วยสิทธิพิเศษให้ “คุณแม่ทานบุฟเฟ่ต์ ฟรี” เมื่อมาทานบุฟเฟ่ต์กับครอบครัวท่านอื่นอีกอย่างน้อย 4 ท่าน (ผู้ใหญ่) ที่ ห้องอาหาร เดอะ กลาส เฮ้าส์ เมนูอาทิ ปูยักษ์ กุ้งแม่น้ำ หอยแมงภู่นิวซีแลนด์ กั้ง ปลาหมึก ตับห่าน ปลาหิมะนึ่ง ขาแกะอบ เนื้อชั้นดีจากสหรัฐฯ อาหารญี่ปุ่น ซูชิ ชาซิมิ เทมปุระ โคลด์คัตจากยุโรป สลัดบาร์ พาสต้า อาหารไทยรสเด็ด อีกทั้ง ของหวาน เค้ก ไอศครีม และผลไม้ รวมกว่า 100 รายการ พร้อม อภินันทนาการพวงมาลัยสำหรับคุณแม่ รายละเอียดเพิ่มเติม www.facebook.com/EastinGrandSathorn

credit by :  http://www.dailynews.co.th/Content/Article/256464/ขนมไหว้พระจันทร์+เสริมมงคล

Read More...


สูตรเด็ดคุณยายของดีในมือ ‘อ้อ’ สืบทอด...ความเป็นต้นตำรับ


“เริ่มต้นดี มีชัยไปกว่าครึ่ง” เป็นคำพูดที่เปรียบได้กับช่วงชีวิต “อ้อ” นริศรา ดอกมณฑา สาวเชียงใหม่ที่ค้นพบว่าตัวเองชื่นชอบการค้าขายเป็นที่สุด เพราะมีพื้นฐานดีมาจากที่ได้ช่วยเหลือครอบครัวทำธุรกิจรับซื้อของเก่า ประกอบกับคุณยายเคยเปิดร้านขายก๋วยเตี๋ยวสุโขทัยมาก่อน กลายเป็นความซึมซับและรักในอาชีพค้าขายตั้งแต่นั้นมา

หลังสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโท สาขารัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย “อ้อ” ก็กลับมาต่อยอดทำร้านก๋วยเตี๋ยวสุโขทัยโดยใช้ตึกแถวของครอบครัวที่ อ.ฝาง เป็นร้านขายรองรับลูกค้า ปรากฏว่าได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี เนื่องจาก “อ้อ” ให้ความสำคัญทุกขั้นตอน ตั้งแต่เรื่องรสชาติไปจนถึงคุณภาพสินค้า เช่น ถั่วลิสงก็คั่วเองบดเอง

พริกป่น กากหมู น้ำปรุงเป็นสูตรดั้งเดิมของคุณยายที่คงความจี๊ดจ๊าดของมะนาวแท้ ๆ สดจากสวน รวมไปถึงถั่วฝักยาวที่ปลูกเองไร้สารพิษ จึงกล้ารับประกันความสด ใหม่ สะอาด จนทำให้ได้รสชาติอร่อยถูกปากค่ะ

“สมัยคุณยายสาว ๆ เคยขายก๋วยเตี๋ยวสุโขทัยรสชาติเป็นที่เลื่องลือ จึงคิดว่าเมื่อเรามีของดีอยู่ในมือแล้วจะปล่อยให้สูญเปล่าทำไม เลยปรึกษาพ่อ แม่ และยายเจ้าของสูตรว่าจะเปิดร้านก๋วยเตี๋ยวสุโขทัยนะให้คงความเป็นเอกลักษณ์ดั้งเดิมของสุโขทัยเอาไว้ทั้งเรื่องของวัตถุดิบต่าง ๆและรสชาติด้วยค่ะ”

มาถึงวันนี้ “อ้อ” มีความสุขค่ะที่ได้เห็นลูกค้าทานก๋วยเตี๋ยวสูตรต้นตำรับ อย่างเส้นก๋วยเตี๋ยวเราจะเน้นเส้นเล็กอย่างเดียว เหตุผลที่ใช้แต่เส้นเล็กเพราะก๋วยเตี๋ยวสุโขทัยดั้งเดิมจริง ๆ ส่วนใหญ่ใช้เส้นเล็ก เพราะเส้นเล็กมีความเหนียวนุ่มและยิ่งถ้าเป็นเส้นเล็กที่นำมาจากทาง จ.สุโขทัย แล้วล่ะก็ เส้นจะเหนียวนุ่มไม่เหมือนใครเลยค่ะ

นอกจากนี้เรายังมีข้าวขาหมูเป็นเมนูเด็ดอีกหนึ่งทางเลือกให้กับลูกค้า ทั้งนี้ลูกค้าของร้าน 70 เปอร์เซ็นต์เป็นนักท่องเที่ยว ส่วนที่เหลือเป็นลูกค้าประจำและลูกค้าขาจร โดยเปิดให้บริการ 06.00-16.00 น. ทุกวันไม่มีวันหยุด

“พอทำงานมาถึงจุดหนึ่ง เราจะเห็นว่าทุกสายอาชีพ ทุกธุรกิจมีปัญหาและอุปสรรคเข้ามาเสมอ ก็ขึ้นกับเราจะมีสติรับมือกับปัญหาเหล่านั้นได้หรือไม่ ส่วนตัวอ้อเป็นคนชอบเข้าวัดทำบุญ ไม่ว่าจะมีปัญหาเข้ามากระทบมากน้อยแค่ไหน เราใช้ธรรมะนำทางแก้ไขได้ทุกครั้ง อ้อเป็นลูกศิษย์พระอาจารย์ท่านหนึ่งที่วัดห้วยโจ้ อ.ฝางจ.เชียงใหม่ ท่านให้ข้อคิดในการดำเนินงานในแต่ละวันว่าสติมาปัญญาเกิด ไม่ว่าจะเจอปัญหาอะไรเข้ามาก็ตาม สิ่งสำคัญที่สุดที่เราควรจะนึกถึงนั่นก็คือ พระในบ้านหรือพ่อแม่ และคนในครอบครัวของเรานั่นเอง ท่านจะทำให้เราก้าวผ่านจุด ๆ นั้นไปได้”

ท้ายนี้ “อ้อ” ขอให้กำลังใจคนที่คิดจะทำธุรกิจหรือกำลังทำธุรกิจอยู่แล้วแต่ประสบปัญหา ลองพิจารณาธุรกิจ “ก๋วยเตี๋ยวสุโขทัยเจ๊อ้อ” ไว้เป็นทางเลือก เพราะเป็นต้นตำรับแท้ ๆ ในอนาคตมีแผนขยายธุรกิจไปยังจังหวัดต่าง ๆ เพื่อสืบทอดรสชาติและอนุรักษ์ความเป็นต้นตำรับก๋วยเตี๋ยวสุโขทัยสูตรคุณยาย ที่ปัจจุบันแทบจะหาทานในแบบรสชาติดั้งเดิมไม่ได้แล้ว

ลองดูนะครับ...ถ้าสนใจติดต่อได้ที่ www.jaornoodle.com โทร. 08-2188-4817 หรือท่านใดมีโอกาสผ่านไป อ.ฝาง อย่าลืมแวะไปร้านก๋วยเตี๋ยวสุโขทัยเจ๊อ้อ ทางขวามือก่อนถึงปากทางขึ้นดอยอ่างขาง 3 กิโลเมตร.

“จ๊อบแมน”

job_man28@yahoo.co.th

credit by : http://www.dailynews.co.th/Content/Article/256484/สูตรเด็ดคุณยายของดีในมือ+‘อ้อ’+สืบทอด...ความเป็นต้นตำรับ

Read More...


‘โฟชอง’ อาหารฝรั่งเศส คาว – หวานสูตรเฉพาะตัว


สุดสัปดาห์นี้ แม่พลอยขออนุญาตปักหลักแนะนำร้านอาหารในโครงการกรู๊ฟ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ต่อเนื่องอีกสักหนึ่งสัปดาห์ และร้านนี้ออกแนวเก๋ ๆ ดูมีสไตล์เป็นของตัวเองชัดเจน ชื่อ ร้านโฟชอง (FAUCHON)

ชั้น 2 กรู๊ฟ แอท เซ็นทรัลเวิลด์

โฟชองมีการตกแต่งแนวร่วมสมัย สะท้อนความเป็นตัวของตัวเองตั้งแต่การเล่นสีสันในโทนดำ สีชมพูมาเจนต้า สีทองและสีเงิน รวมถึงการใช้โต๊ะเก้าอี้สไตล์ปารีเซียงมาตกแต่ง และมีการแบ่งโซนของร้านในแบบ โซนร้านขนมหวานและเบเกอรี่ โซนร้านของว่างสไตล์ฝรั่งเศส คาเฟ่โฟชอง และโซนร้านค้าขายปลีกและของที่ระลึก

เมื่อพลิกเปิดดูเมนูที่โฟชองสร้างสรรค์ขึ้น ต้องชมว่าช่างเป็นเมนูที่ชวนชม ชวนพลิกหาเมนูอาหารแบบเพลิดเพลิน หยิบจับงานออกแบบและงานแฟชั่นเข้ามาผสมผสานได้อย่างลงตัว มองเผิน ๆ นึกว่าแคตตาล็อกผลิตภัณฑ์ความงาม ทั้งที่เป็นเมนูอาหาร

ในแง่มุมอารมณ์การนั่งทานอาหารที่โฟชองให้ความหลากหลาย เพราะนักชิมสามารถเข้ามานั่งจิบชายามบ่าย พร้อมขนมหวานอย่างมาการอง เอแคลร์ หรือจะสั่งอาหารที่หยิบแรงบันดาลใจมาจากวัฒนธรรมร้านอาหารแบบเบรสเซอรี่ พร้อมนำเสนอเมนูอาหารเรียบง่าย รสชาติเด่นและตกแต่งแบบรูปแบบทันสมัยมาทานย่อมได้

เมนูเด่นที่แม่พลอยแนะนำ เริ่มต้นที่ วิคตอเรียสลัด  เป็นสลัดตั้งชื่อตามวิคตอเรีย โฟชองภรรยาโอกุสต์ โฟชอง ผู้ก่อตั้งโฟชองและนำวัตถุดิบที่เธอชอบมาปรุงรส   มีทั้งเนื้อปู แซลมอนรมควัน  หน่อไม้ฝรั่ง ไข่ดาวน้ำ เสิร์ฟพร้อมน้ำสลัดดิลแอนด์เลมอนที่นำผักชีฝรั่งกับมะนาวมาผสมผสานกัน สลัดจานนี้ยิ่งทานยิ่งเรียกน้ำย่อยได้อย่างดี

ดูโอ้ ออฟ เฟรนซ์ เป็นฟัวกราส์นำเข้าจากฝรั่งเศสปรุงในแบบเทอร์รีนและแพนฟรายด์ ราดด้วยโฟชอง แอปเปิ้ลทีซอส เคียงด้วยแอปเปิ้ลเขียวและลูกเกดชุบกับชาโฟชอง เป็นการเปลี่ยนรสชาติการทานฟัวกราส์อย่างที่เคยทานได้ไกลลิบ  รสชาติออกเปรี้ยวของแอปเปิ้ลทำให้การทานฟัวกราส์ไม่เลี่ยน

เมนู แพนฟรายด์สแกลลอปกับกุ้ง เป็นเมนูจานที่อยากแนะนำด้วยรสชาติของสแกลลอป ฮอกไกโด และกุ้ง ผักโขม และมันฝรั่ง ปรุงด้วยซอสที่มีสมุนไพร 12 มาปรุงรส ทั้ง เลมอนบาล์ม และมะพร้าวมาผสมนิดหน่อยให้กลิ่นหอมมัน เมนูนี้ต้องบอกว่า ความสดของสแกลลอปและกุ้งเข้ากับซอสได้อย่างลงตัว

ปิดท้ายที่เมนูขนม มีให้เลือกแบบชุด คาเฟ่ โอเต กามองต์ เป็นชา หรือกาแฟ เสิร์ฟคู่กับมาการอง เมเดอเลนและฟินันซิเออร์ ที่แม่พลอยได้ลองลิ้มรสเป็นชาโฟชองเบลนด์ มาการองรสมะนาว เมเดอลีนไส้บลูเบอรี่ เนื้อขนมปังแน่นนุ่มหนึบ และราสเบอรี่ ฟินันซิเออร์ ทุกรสชาติถูกปากถูกใจหมด ส่วนขนมหวานที่ไม่อยากให้พลาดเลยเป็น ขนมมิลเฟลย  ในความมิลเฟลย หมายถึง “พันชั้น”  เป็นเค้กที่มีแป้งพัพเพรสทรีบางกรอบ มีคาราเมลและครีมวานิลลา ให้ความกรอบและความนุ่มไปพร้อมกัน รสไม่หวานมากออกรสหอมนุ่ม

โฟชอง ที่กรู๊ฟ แอทเซ็นทรัลเวิลด์ เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่ เวลา 10.00- 23.00 น. สนใจสอบถามรายละเอียดและสำรองที่นั่งได้ที่ 0-2264-5808-9 พิเศษสำหรับแฟนคอลัมน์เดลินิวส์ หากตัดคอลัมน์เดลินิวส์ชวนชิมที่มีรายละเอียด

ร้านโฟชองไปแสดง และทานอาหารครบ 1,000 บาทขึ้นไป สามารถรับบัตรแลกเครื่องดื่มมอลเทคได้  1 แก้ว  สิทธิแลกรับบัตรนี้ มีช่วงเวลา 2-10 ส.ค.นี้ ส่วนรายละเอียดเงื่อนไขการใช้บัตรสอบถามเพิ่มเติมได้จากทางร้าน

ฝากท้ายข่าว ในช่วงเทศกาลวันแม่ 7- 17 สิงหาคมนี้ โฟชองตั้งใจทำเอแคลร์ชิ้นพิเศษ เป็นเอแคลร์สอดไส้ด้วยเพรสทรีครีมรสชาดาจินลิ่งและชาดอกมะลิ เคลือบด้วยแผ่น อัลมอนด์เพสท์ มีลวดลายแบบผ้าไทยและแต่งหน้าด้วย

ดอกมะลิทำมาจากน้ำตาลสไตล์โฟชอง นำเสนอให้เป็นของขวัญพิเศษแด่คุณแม่.

เรื่อง : แม่พลอย / ภาพ : วรพรรณ เลอสิทธิศักดิ์

credit by : http://www.dailynews.co.th/Content/Article/256433/‘‘โฟชอง’+อาหารฝรั่งเศส+คาว+–+หวานสูตรเฉพาะตัว

Read More...


‘ไก่พิโรธ’ สำแดงเดชเผ็ดลิ้น


“ทำอาหารเหมือนกับเล่นดนตรีคือ ต้องใส่ใจลงไป ทุกคนทำได้หมด อร่อยหรือไม่อร่อยขึ้นอยู่กับรสชาติที่ชื่นชอบ เพลงไพเราะหรือไม่ไพเราะขึ้นอยู่กับรสนิยมการฟังของแต่ละคน” ปรีชา ชนะภัย หรือ “เล็ก คาราบาว” นักกีตาร์ฝีมือดีคนหนึ่งของเมืองไทย เจ้าของฉายา “กีตาร์ลายเซ็น” เล่าขณะกำลังสาละวนคลุกเคล้าไก่ต้มเค็มให้เข้าเนื้อ เมนูเลื่องชื่อโอชาไม่แพ้ลีลาดีดกีตาร์อันพลิ้วไหว ซึ่งรสชาติเตะลิ้นคนรู้จักมักคุ้นอย่าง ทัศพล แบเลเว็ลด์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการบินไทยแอร์เอเชีย จนเอ่ยปาก ขอสูตรมาเสิร์ฟทุกไฟลต์บินของสายการบินแอร์เอเชีย สามารถสั่งได้ในเซต “ไก่ต้มเค็มเล็ก คาราบาว”

คุณเล็ก-ปรีชา บอกถึงที่มาของสูตรเด็ดว่า สูตรนี้ได้มาจากแม่ยายทำง่ายมาก ประเมินด้วยสายตาดูแล้วไม่น่าอร่อย แต่หลายคนได้ลองกินแล้วติดใจ สมัยก่อนนัดสังสรรค์กับเพื่อนที่บ้านบ่อย นัดคุยงาน เล่นดนตรีกันบ้าง มักเข้าครัวทำอาหารอย่างเมนูนี้คนถามเสมอทำอย่างไร ด้วยความที่มันง่ายมาก ขนาดย้ำบอกให้ดูดี ๆ นะ แต่ระหว่างทำไม่ค่อยมีคนสนใจหรอก พอตักเข้าปากกินคำแรก เพื่อนจะร้อง เฮ้ย!!! อร่อยทำยังไง ขี้เกียจสาธยายต่อแล้ว เป็นอย่างนี้อยู่หลายรอบ สรุปไม่ต้องรู้วิธีทำ กินอย่างเดียวเถอะ

“ผมไม่หวงสูตรนะ ตอนคุณทัศพลบอกให้คิดค่าลิขสิทธิ์ ผมบอก “ใครอยากได้เอาไปเถอะให้ฟรี” คือ ผมยึดหลักการดำเนินชีวิตที่ว่า คนเราต่างมีความฝัน ผมโชคดีมาถูกทางขณะที่หลายคนเดินไม่ถึงฝั่งฝัน เมื่อยืนอยู่บนจุดสำเร็จ เวลาที่เหลือก็ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขแล้วแบ่งปันสิ่งดี ๆ ต่อสังคม” มือกีตาร์หนวดงามเผยนิยามชีวิตและเล่าต่อว่า เรื่องอาหารทำด้วยใจรัก แม่เป็นแม่ค้าตอนเด็ก ๆ ช่วยแม่ทำอาหารขาย พอแต่งงานก็สอนภรรยาบ้าง อยากให้ภรรยาทำอาหารให้กิน ช่วงนี้เพลามือลงเลือกกินมากขึ้น งดอาหารรสจัด เพราะต้องถนอมร่างกายหลังจากใช้ชีวิตวัยหนุ่มมาคุ้มค่า”

เนื่องจากเมนู “ไก่ต้มเค็ม” วันนี้มีรสเผ็ดโดดเด่นมากกว่าความเค็ม เมนูนี้คุณเล็กจึงตั้งชื่อให้ใหม่ว่า “ไก่พิโรธ” ร้อนแรงด้วยเครื่องเทศและแซบจี๊ดจ๊าดแบบถึงใจ วัตถุดิบและส่วนผสมสำหรับเสิร์ฟ 1 ที่ ประกอบด้วย ตะโพกไก่ 80 กรัม, ข้าวหอมมะลิ 165 กรัม, หัวหอมแดง 1 กรัม, พริกจินดา 1 กรัม, รากผักชี 1 กรัม, พริกไทย 1 กรัม, ซอสถั่วเหลือง 60 กรัม, ซีอิ๊วขาวและเกลือชนิดเม็ด สำหรับสัด ส่วนนี้คุณเล็กเผยว่า ไม่ตายตัวถ้าชอบรสเผ็ดใส่พริกเพิ่มได้ตามใจชอบ สังเกตให้ดีเมนูนี้ใช้เครื่องปรุงน้อย เพราะอยากให้ได้รสชาติธรรมชาติแท้ ๆ อย่างน้ำตาลจะไม่ใส่เลยเพราะได้ความหวานจากหัวหอม แดงแล้ว ความเผ็ดจากพริก ส่วนรากผักชีและพริกไทย เพิ่มกลิ่นให้เย้ายวนเตะจมูก “คนโบราณใช้เกลือเป็นหลัก การปรุงอาหารใช้แค่น้ำปลากับเกลือ ไม่ใส่ซอสนั่นซอสนี่วุ่นวาย”

ส่วนวิธีการทำ ล้างไก่ให้สะอาดเทใส่ลงหม้อ ตามด้วยส่วนผสมของหัวหอมแดง, พริกจินดา, รากผักชี และพริกไทยที่โขลกรวมกันพอหยาบ เติมรสชาติด้วยเกลือ ซอสถั่วเหลือง และซีอิ๊วขาว ต้มทิ้งไว้สักครู่ เทน้ำเปล่าพอขลุกขลิก พอเดือดค่อย ๆ คนไม่ต้องกลัวเหม็นคาว จากนั้นตั้งไฟต่อจนไก่สุกกำลังดี ถ้ามีมันไก่ลอยขึ้นมาให้ค่อย ๆ ช้อนมันทิ้ง เสร็จแล้วจัดเสิร์ฟใส่จานกินพร้อมกับข้าวสวยร้อน ๆ กำลังดี สำหรับมือใหม่หัดทำ คุณเล็กใจดีแนะนำว่า อย่าเพิ่งหนักมือ จะลดหรือเพิ่มค่อย ๆ ปรุง ถ้าชอบกินหมูสามารถประยุกต์ใช้ซี่โครงหมูได้ ซึ่งสัดส่วนผสมเหมือนกันทุกประการ แตกต่างกันแค่เวลาที่ใช้ต้ม.

credit by :  http://www.dailynews.co.th/Content/Article/244689/'ไก่พิโรธ’+สำแดงเดชเผ็ดลิ้น

Read More...


กลมกล่อมรส ‘กุ้งเทมปุระโซบะ’


ตามธรรมเนียมของชาวญี่ปุ่นนิยมรับประทาน “โซบะ” ในช่วงฤดูหนาว นอกจากทำให้ร่างกายอบอุ่นขึ้นแล้ว ชาวญี่ปุ่นยังนิยมรับประทานในวันสิ้นปีคล้ายกับเป็นการขอพรให้มีชีวิตยืนยาว เหมือนเส้นโซบะและมีสุขภาพดี แต่โซบะกับคนไทยอาจเพิ่งทำความรู้จักกันบนโต๊ะอาหารได้ไม่นาน ถ้าเทียบกับชามเส้นที่มีลักษณะและรสชาติเข้มข้นต่างกันอย่าง “อุด้ง” และ “ราเม็ง” ความโดดเด่นของโซบะนั้นถูกยกให้เป็นอาหารเพื่อสุขภาพ รับประทานแล้วไม่อ้วนเพราะเส้นโซบะทำจากดอกข้าว หรือ “แป้งบัควีท” ซึ่งมีสรรพคุณล้นเหลือคือ ถูกย่อยและดูดซึมได้อย่างรวดเร็ว รวมแร่ธาตุหลายชนิด เช่น เหล็ก, แคลเซียม, โพแทสเซียม และโปรตีน ช่วยให้กล้ามเนื้อกระดูกและเลือดสมบูรณ์แข็งแรง เหมาะสำหรับการเจริญเติบโตของเด็กและป้องกันไม่ให้เกิดริ้วรอย

เกริ่นมาขนาดนี้หลายคนคงอยากชิมแล้วว่ารสชาติเป็นอย่างไร โอกาสดี “เอ๋-ภาดล กิตติเดชาสกุล” เจ้าของร้านอาหารญี่ปุ่นโซบะเต บนชั้น 7 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ผู้คลุกคลีอยู่ในวงการอาหารและเคยใช้ชีวิตช่วงหนึ่งอยู่ในประเทศญี่ปุ่น อาสาสาธิตวิธีการทำ “โซบะกุ้งเทมปุระ” ชนิดร้อน ซึ่งหารับประทานได้ยากกว่าชนิดเย็นได้ลองทำกัน “สมัยก่อนวิธีการทำเส้นโซบะค่อนข้างซับซ้อน ปัจจุบันทำง่ายขึ้นเพราะใช้เครื่องทำเส้นมาเป็นตัวช่วยเหมือนกับทำเส้น สปาเกตตี แค่หมักแป้งทิ้งไว้ค้างคืนไม่ต้องนวดจับใส่เครื่องก็สามารถใช้ได้ทันที แตกต่างจากอดีตที่วิธีการทำซับซ้อนต้องใช้มือและเท้านวด” คุณเอ๋กล่าวถึงตัวช่วยที่กลายเป็นที่มาของร้านลำดับถัดมาจากร้านอาหาร อิตาเลียน

คุณเอ๋เล่าต่อว่า วันหนึ่งเพื่อนชาวญี่ปุ่นมาเยี่ยม พาไปรับประทานอาหารอิตาเลียนที่ร้าน ด้วยความที่เป็นร้านอาหารอิตาเลียนทำเส้นสปาเกตตีเอง นอกจากนำเข้าเครื่องทำเส้นไว้ที่ร้านแล้วยังเป็นตัวแทนจำหน่ายส่งตามโรงแรม ต่าง ๆ ด้วย เมื่อเพื่อนทราบก็สงสัยว่าทำไมไม่ทำโซบะขายเอง เพราะใช้เครื่องตัวเดียวกัน ระหว่างนั้นนำเข้าอาหารทะเลแช่แข็งส่งห้างอิเซตัน บัง เอิญเดินผ่านที่ตรงนี้เห็นว่าพื้นที่ว่างพอดี จึงดำเนินการติดต่อธุรกิจ หลังจากนั้นบินไปเทรนด์การใช้เครื่องทำเส้น ควบคู่กับลงลึกถึงการทำโซบะและซูชิ ที่ร้านของเพื่อนในชื่อเดียวกันประมาณ 3 เดือน พอคล่องแคล่วแล้วจึงกลับมาสานต่อความฝันให้เป็นจริง

ดังนั้นรสชาติจึงได้กลิ่นอายแบบญี่ปุ่นขนานแท้ สำหรับวัตถุดิบและส่วนผสมของ “โซบะกุ้งเทมปุระ” แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ประกอบด้วย เส้นโซบะ ใช้แป้งบัควีท 1 กิโลกรัม, น้ำ 350 ซีซี น้ำโซบะ ใช้น้ำเปล่า 4,000 ซีซี (ต้มเป็นหม้อ), มิริน 1,000 ซีซี, ปลาแห้ง 1 กำมือ, เห็ดหอมแห้ง 4-5 ดอก, สาหร่ายคอมบุ 2-3 เส้น, ฮอนดาชิ 1 ช้อนโต๊ะ และโชยุ 1,000 ซีซี กุ้งเทมปุระ ใช้กุ้งกุลาดำ ขนาด 4-5 นิ้ว ประมาณ 2 ตัว สามารถใช้กุ้งของไทยตามสบาย เพราะคุณเอ๋การันตีว่ากุ้งของเมืองไทยคุณภาพดีกว่ายิ่งนัก กรณีที่ชอบเผือก มัน แครอท และลูกชิ้นปลา สามารถใส่เพิ่มได้ คลุกกับแป้งสาลีและแป้งเทมปุระ ก่อนทอดลงในน้ำมันร้อนโดยใช้ไฟธรรมดาเพื่อให้เทมปุระกรอบเหลือง

วิธีการทำเส้นโซบะ นำแป้งบัควีทผสมน้ำนวดทิ้งไว้หนึ่งคืนเพื่อให้แป้งนุ่ม คุณเอ๋เผยเทคนิคว่า ความจริงแล้วเส้นโซบะไม่ค่อยมีส่วนผสมของแป้ง ทำให้เส้นไม่ยึดติดกัน ขาดง่าย จึงต้องระมัดระวังสำหรับมือใหม่ เมื่อแป้งเข้าที่แล้วให้นำใส่เครื่องทำเส้น จากนั้นนำไปต้มในน้ำเดือด ปกติถ้าเป็นลิ้นคนญี่ปุ่นต้มเส้นแค่ 7 นาที แต่ลิ้นคนไทยอาจแข็งเกินไปอนุโลมให้ต้มเผื่อไปอีก 3 นาทีได้ เสร็จแล้วตักเส้นขึ้นจัดใส่ชาม ถ้าชอบกินแบบเย็นแนะนำให้น็อกเส้นในน้ำเย็นก่อน ส่วนน้ำโซบะ ต้มน้ำในกาที่มีตัวกรอง ใส่สาหร่ายคอมบุ พอน้ำเดือดนำสาหร่ายออกใส่ปลาแห้ง เห็ดหอมลงไป ปิดฝาทิ้งประมาณ 5 นาที ปรุงรสด้วยมิริน, ฮอนดาชิ และโชยุ เสร็จแล้วตักใส่ชามประดับด้วยกุ้งเทมปุระ ผักกวางตุ้งและลูกชิ้นปลา โดยทั่วไปจะเสิร์ฟพร้อมวาซาบิและสาหร่ายโนริ โซบะชนิดนี้หากเสิร์ฟแบบเย็นบนถาดไม้ไผ่จะเรียกว่า “ซารุโซบะ”.
‘ช้องมาศ’

credit by :  http://www.dailynews.co.th/Content/Article/251572/กลมกล่อมรส+‘กุ้งเทมปุระโซบะ’

Read More...


ลุ่มหลงรส ‘โกโก้เย็น’ ฉ่ำชื่นใจ


ชอบไปนั่งเล่นและสั่งกาแฟรสหวานเข้มมาจิบระหว่างพูดคุยกับก๊วนเพื่อน จิตรลดาเป็นส่วนใหญ่ จุดประกายให้มัณฑนากรหนุ่มคมเข้ม “ปั๊ม-ดิศพงษ์ ดิศกุล ณ อยุธยา” ฝันอยากมีร้านเป็นของตัวเอง ภาย
หลังได้รับไฟเขียวจากคุณแม่ กรองกาญจน์ ดิศกุล ณ อยุธยา ร้านกาแฟเล็ก ๆ อย่าง “โอล์ดสกุลคอฟฟี่” ย่านสามเสน จึงเป็นรูปเป็นร่างและเปิดบริการเสิร์ฟความสดชื่นจนทุกวันนี้ “ร้านกาแฟอยากทำมาตั้งแต่แรก ตามประสาผู้ชายอยากทำร้านคาร์แคร์ อยากเปิดร้านกาแฟ ซึ่งร้านกาแฟเป็นร้านที่ผมและเพื่อน ๆ ชอบไปนั่งกัน รู้สึกอยากมีร้านของเราเองบ้าง เพื่อน ๆ จากที่เคยไปนั่งร้านอื่นก็มานั่งร้านเรา ช่วงที่เพื่อน ๆ มาก็สนุกสนานเหมือนอยู่บ้าน ส่วนลูกค้าบางคนมาตั้งแต่แรก จนสนิทสนมชวนกันไปเที่ยว ล่าสุดเพิ่งไปเกาะช้างด้วยกันมา รู้สึกดีตรงจุดนี้ที่มีร้านของตัวเอง ทำให้รู้จักคนมากขึ้น” ที่มาร้านกาแฟกระชับมิตร

ด้วยความที่ต้องการให้ร้านเป็นที่พบปะระหว่างเพื่อนฝูง แนวคิดของชื่อร้านจึงผุดขึ้นพร้อมกับกลิ่นอายของร้านอบอุ่นเหมือนคืนสู่ เหย้า ทำให้ส่งผลถึงการออก แบบร้านที่เจ้าตัวชำนาญด้วย “จับเอาคำมาตีความ คำว่า “โอล์ดสคูล” คล้ายคำสแลงของฝรั่ง มีความหมายทำนอง คลาสสิก, วินเทจ แต่คำจำกัดความสไตล์ของผมคือ แบ็กทูเบสิก กลับคืนสู่สามัญ ส่งผลให้การเลือกใช้วัสดุ การออกแบบสไตล์ของร้าน วัสดุทุกชิ้นคืนสู่ความเรียบง่ายหมด ทั้งเหล็ก ปูน อิฐ ไม้ รวมถึงโต๊ะเก้าอี้ที่เติมอารมณ์ให้หวนคิดถึงโรงเรียนเก่าตามความหมายตรง ตัว”  มัณฑนากรหนุ่มเผยไอเดีย
สำหรับเมนูเครื่องดื่ม เจ้าของร้านเล่าว่าเน้นทำเองคิดค้นส่วนผสมสูตรเฉพาะตัวจนกลายเป็นแก้วโปรด


รส ชาติดั่งใจคิด “เลือกใช้เมล็ดกาแฟชนิดอะราบิก้า ที่กลิ่นหอมเย้ายวนรุนแรงแต่ความเข้มอาจเจือจางกว่าเมล็ดกาแฟชนิดโรบัสต้า เพราะต้องการให้ดื่มด่ำกับความหอมไม่ขมจนเกินไป ส่วนเรื่องยี่ห้อกาแฟไม่สนใจเลย ขึ้นอยู่กับว่าไปชิมที่ไหนแล้วถูกใจก็เลือกใช้ ก่อนเสริมทัพความรู้ให้แน่นปึ้กด้วยการลงคอร์สเรียนทำกาแฟเบื้องต้น หลังจากนั้นซื้อเครื่องทำกาแฟมาลองทำอยู่เป็นปี ปรับสูตรจนลงเอยที่สุด” เมื่อทุกอย่างเข้าที่เข้าทาง คุณปั๊มจึงหาเบเกอรี่มากินคู่กัน โดยรับขนมเค้กโฮมเมดจากร้านโอรส ซึ่งเป็นร้านของน้ามาจำหน่ายเช่นเดียวกับขนมฝากขายจากเพื่อน ๆ ที่ไม่ทิ้งคอนเซปต์ของร้าน
ด้านไลฟ์สไตล์ส่วนตัว มัณฑนากรหนุ่มเล่าว่า ติดกาแฟมานานตั้งแต่สมัยเรียนหนังสือ เพราะเรียนหนักอดตาหลับขับตานอน ก่อนเข้าห้องเรียนต้องถือกาแฟเย็นติดมือเป็นตัวช่วยให้ตาสว่าง เมื่อกินและลองมามากวันนี้เจ้าตัวยอมรับว่าเป็นคอกาแฟคนหนึ่ง แม้โปรดปรานแบบเย็นมากกว่าร้อนก็ตาม “ชอบกาแฟเย็น แต่คอกาแฟส่วนใหญ่บอกกาแฟเย็นไม่ค่อยได้เรื่อง ต้องกินกาแฟร้อน แต่พออนุโลมได้นะ เพราะประเทศไทยเป็นเมืองร้อน กินกาแฟเย็นให้มันชื่นใจหายร้อนดีกว่า”

นอกจากกาแฟแล้วเครื่องดื่มที่หนุ่มมาดเข้มโปรดปรานอีกชนิดคือ “โกโก้เย็น” โดยในวันนี้จะมาสาธิตวิธีการชงแบบโอล์ดสคูล เข้มข้นถึงรสชาติโกโก้แท้ ๆ แบบหาตัวจับได้ยาก ส่วนผสมโกโก้เย็น 1 แก้ว ประกอบด้วย  ผงโกโก้ 3 ช้อนโต๊ะ,  นมข้น  1/2 ออนซ์, น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา, นมสด และผงสูตร ซึ่งทางร้านผสมเอง 1 ช้อนโต๊ะ วิธีการชง ผสมนมข้น, น้ำตาลทราย, นม, ผงโกโก้ และผงสูตรทางร้าน ใส่น้ำร้อนนิดหน่อยพอให้คนสะดวก เสร็จแล้วนำเข้าเตาอบสักครู่ ขั้นตอนนี้ช่วยให้โกโก้เนื้อเนียนละเอียดนุ่มลิ้น จากนั้นเติมนมสดตามจนน้ำเต็มแก้ว ชงอีกครั้งจนเข้ากัน เทใส่แก้วที่มีน้ำแข็ง ทิ้งไว้สักครู่น้ำโกโก้แยกเป็นชั้นสวยงามพร้อมดื่มด่ำ

หัวใจหลักของการชงเครื่องดื่มให้อร่อย ชายหนุ่มผู้หลงใหลเครื่องดื่มเผยกลเม็ดทิ้งท้ายว่า อันดับแรกต้องมีใจก่อน หลังจากฝึกพนักงานมาหลายคน สังเกตได้ว่าคนที่ไม่ตั้งใจมักชงไม่อร่อย  การชงตักส่วนผสมใส่ต่างกันนิดเดียวก็มีผลเรื่องรสชาติแล้ว ซึ่งถ้ามีใจจดจ่อที่จะทำให้แก้วนี้อร่อย สุดท้ายมันต้องอร่อย เหมือนกับที่เราทำกินเอง.
‘ช้องมาศ’

Read More...


สูตรปาท่องโก๋ อิ๊วจาก๊วย

ปาท่องโก๋

เครื่องปรุง
แป้งสาลี
ผงฟู
ยีสต์แห้ง
น้ำ
เกลือป่น
น้ำตาลทราย
โซดาไบคาร์บอเนต (ยีสต์)
เช้าก่า (เชื้อแอมโมเนีย,แอมโมเนียไบคาร์บอเนต)
2
1/2
1/3
7 1/2
1/2
4
1/8
2 1/2
กก.
ช้อนชา
ช้อนชา
ถ้วยตวง
ขีด
ช้อนโต๊ะ
ช้อนชา
ช้อนโต๊ะ

อุปกรณ์
- รถเข็น
- กระทะก้นลึกเป็นเหล็ก เบอร์ 22 หรือ 24 นิ้ว เส้นผ่าศูนย์กลาง 18 - 20 นิ้ว ซื้อตามร้าน ขายกระทะเหล็ก
- เตาแก๊ส ที่มีหัวเร่งไฟ เพราะใช้ความร้อนสูง
- กระบะแป้ง ซื้อไม้อัดตามร้านมาตัดให้ได้ส่วนตามต้องการหรือใช้โต๊ะแม็กกาไล้
- ตะเกียบยาว กระชอนตัก กาละมังรองน้ำมัน พายปาดแป้ง(พลาสติก) ที่ร่อนแป้ง ถ้วยตวงของเหลว ถ้วยตวงของแห้ง ช้อนตวง ซื้อตามร้านขายอุปกรณ์ทำขนมเค้กหรือร้านขายแป้งทำขนม
- แป้งสาลีต้องใหม่ โซดาไบคาร์บอเนต(ผงสีขาวเหมือนผงฟู) เช้าก่า(เหมือนเกลือป่นละเอียด สีขาวสะอาดมีกลิ่นเหม็นฉุน ช่วยทำให้ปาท่องโก๋ขึ้นพอง) น้ำตาลทราย ยีสต์ ผงฟู ทั้งหมดต้องเป็นของใหม่ไม่หมดอายุ
- น้ำมันควรเป็นน้ำมันพืช(ควรใช้น้ำมันปาล์ม) ต้องใหม่

วิธีทำ
1. น้ำ ผงฟู ยีสต์แห้งและแป้ง(ร่อนก่อน) ผสมเป็นเนื้อเดียวกัน เป็นส่วนผสมที่เป็น ส่วนแป้ง
2. นำน้ำผสมเกลือป่น น้ำตาล โซดาไบคาร์บอเนต เช้าก่า ตามส่วน เป็นส่วนผสมที่เป็น ส่วนน้ำ
3. นำส่วนผสมของส่วนน้ำเทใส่ลงในส่วนแป้งที่เตรียมไว้ในกาละมังสำหรับนวดแป้ง นวดทั้งหมดผสมรวมกันด้วยมือ เคล้าให้เป็นเนื้อเดียวกัน ใช้เวลานวด 5 - 7 นาที ให้แป้งเข้ากันดี ทิ้งแป้งไว้ 4 - 7 ชั่วโมง เป็นการหมักแป้งให้ขึ้น ก่อนนำมาทอด ใช้ฝาปิดให้มิดชิดอย่าให้ลมเข้าเพราะจะทำให้แป้งแห้ง

ถ้า ต้องการจะทำปาท่องโก๋คู่ ให้ใช้สูตรเดียวกันนี้ เพียงแต่ลดน้ำลง 1 ถ้วยตวง ต่อแป้ง 2 กก. นวดแป้งให้นุ่มมือ หมักแป้ง 4 - 7 ชั่วโมง

เตรียมการทอด
เมื่อ หมักแป้งได้ที่แล้วนำแป้งเทลงในกระบะไม้หรือบนโต๊ะแม๊กกาไลท์ที่เตรียมไว้ เตรียมน้ำมันที่จะทอด ใช้แป้งสาลีเป็นแป้งฝุ่นโรยเพื่อไม่ให้แป้งติดมือ เมื่อตัดแป้งแล้ว ใช้กลางฝ่ามือหรือปลายนิ้วคลึงให้เป็นเส้นกลมขนาดยาวประมาณ 1 คืบ แล้วใช้มือขวาจับตรงกลางแป้ง มือซ้ายจับปลายเส้นแป้งด้านซ้ายยกขึ้นแล้วตวัดปลายแป้งที่เหลืออีกด้านหนึ่ง เข้าหาตัวให้ได้เป็นเกลียว แล้วนำลงในกระทะที่มีน้ำมันร้อนได้ที่ ทอดจนเหลืองอ่อน ใช้ไม้ตะเกียบคีบกลับไปมา พอเหลืองกรอบคีบขึ้นใส่ตะแกรง พักทิ้งไว้ให้สะเด็ดน้ำมันก่อนขาย


ปาท่องโก๋คู่

นำ แป้งมาคลึงบนโต๊ะให้เป็นแผ่น ใช้แป้งโรยให้เนียนมือ ใช้มีดตัดแป้งกว้าง 1/2 ซม. ยาว 2 1/2ซม. เอาไม้เล็กๆจุ่มน้ำแตะที่ตรงกลางชิ้นจับให้ยืด ใส่ลงในน้ำมันร้อนจัด ใช้ตะเกียบไม้คีบพลิกกลับไปมาจนเหลืองกรอบ ใช้กระจ่าที่มีรูช้อนขึ้นให้สะเด็ดน้ำมัน วางบนกระดาษซับน้ำมัน


สังขยาจิ้มปาท่องโก๋

เครื่องปรุง
ไข่ไก่
กะทิข้น
น้ำตาลทราย
น้ำใบเตย
เกลือป่น
แป้งสาลี
2
4
2
2
1/2
2
ฟอง
ถ้วยตวง
ถ้วยตวง
ช้อนโต๊ะ
ช้อนชา
ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
ต่อย ไข่ 2 ฟองใส่ชามแก้วตีให้ขึ้น ผสมน้ำตาลทราย กะทิข้น น้ำใบเตย เกลือป่น แป้งสาลี ให้เข้ากัน นำส่วนผสมใส่หม้อเหล็กเคลือบ กวนอย่าให้เป็นลูก กวนพอสุกเป็นยางเหนียว ตักใส่ถ้วยหรือใส่ถุงพลาสติก เอาหนังยางรัดสำหรับไว้ขายคู่กับปาท่องโก๋และน้ำเต้าหู้


ปาท่องโก๋สูตรต่างๆ

สูตร ๑. กรอบนอกนุ่มใน
แป้ง สาลี ๑ กก. เกลือ ๔ ช้อนชา ยีสต์ ๑ ช้อนชา น้ำตาลทราย ๒ ช้อนโต๊ะ ผงฟู ๒ ช้อนโต๊ะ ไข่ไก่ ๒ ฟอง น้ำ ๓ ๑/๒ - ๔ ถ้วยตวง น้ำมันพืช ๒ ช้อนชา เช้าก่า ๑ ช้อนโต๊ะ ผงชูรส ๑ ช้อนโต๊ะ (หมักแป้ง ๓ - ๔ ชั่วโมง) กรอบนอกนุ่มใน


สูตร ๒. แป้งนุ่มไม่เหนียว
แป้ง สาลี ๑ กก. น้ำตาลทราย ๓ ช้อนโต๊ะ เกลือ ๑ ช้อนโต๊ะ เช้าก่า ๑/๒ ช้อนชา เบ๊กกิ้งโซดา ๑ ช้อนโต๊ะ ไข่ไก่ ๑ ฟอง ผงฟู ๒ ช้อนโต๊ะ น้ำมันพืช ๑ ช้อนโต๊ะ ผงชูรส ๒ ช้อนชา (หมักแป้ง ๔ - ๖ ชั่วโมง) แป้งนุ่มไม่เหนียว


สูตร ๓. แป้งกรอบกลวง กรอบนาน
แป้ง สาลี ๑ กก. ผงฟู ๑ ช้อนชา ยีสต์ ๑/๔ ช้อนชา น้ำตาลทราย ๑ ช้อนโต๊ะ เกลือ ๓ ช้อนชา เช้าก่า ๑ ช้อนโต๊ะ น้ำ ๓ ถ้วยตวง เบ๊กกิ้งโซดา ๑/๔ ช้อนชา ไข่ไก่ ๑ ฟอง น้ำมันพืช ๒ ช้อนโต๊ะ (หมักแป้ง ๔ - ๖ ชั่วโมง) แป้งกรอบกลวง กรอบนาน


สูตร ๔. แป้งกรอบกลวง
แป้ง สาลี ๑ กก. ยีสต์ ๑/๒ ช้อนชา แอมโมเนีย ๓/๔ ช้อนชา โซดา ๑ ช้อนชา ผงฟู ๑ ช้อนชา เกลือ ๑ ช้อนโต๊ะ น้ำมันพืช ๑/๔ ถ้วยตวง น้ำตาล ๑ ช้อนโต๊ะ น้ำ ๔ ๑/๒ ถ้วยตวง (หมักแป้ง ๓ - ๔ ชั่วโมง) แป้งกรอบกลวง


สูตร ๕. แป้งเหลว ทำเป็นปาท่องโก๋เกลียว
แป้ง สาลี ๑ กก. ผงฟู ๑/๔ ช้อนชา ยีสต์ ๑/๒ ช้อนชา น้ำ ๔ - ๕ ถ้วยตวง เกลือ ๒ ช้อนโต๊ะ น้ำตาลทราย ๑ ช้อนโต๊ะ เบ๊กกิ้งโซดา ๑/๔ ถ้วยตวง เช้าก่า ๑ ๑/๒ ช้อนโต๊ะ (หมักแป้ง ๓ - ๖ ชั่วโมง) แป้งเหลวทำเป็นปาท่องโก๋ เกลียว


สูตร ๖. แป้งกรอบแข็ง กรอบนาน
แป้ง สาลี ๑ กก. ผงฟู ๒ ช้อนชา ยีสต์ ๒ ช้อนชา น้ำ ๓ - ๓ ๑/๒ ถ้วยตวง เช้าก่า ๑ ช้อนโต๊ะ เกลือ ๔ ช้อนชา น้ำตาลทราย ๒ ช้อนโต๊ะ น้ำมันพืช ๔ ช้อนชา (หมักแป้ง ๔ ชั่วโมง) แป้งกรอบแข็ง กรอบนาน


แก้วตาโบ๋

แป้ง สาลี ๑ กก. ยีสต์ ๒ ช้อนชา ผงฟู ๒ ช้อนชา น้ำ ๑ ๑/๒ ถ้วยตวง น้ำตาลทราย ๓ ขีด เช้าก่า ๑ ช้อนชา เกลือ ๒ ช้อนชา น้ำมันพืช ๒ ช้อนโต๊ะ (หมักแป้ง ๓ - ๔ ชั่วโมง)

ผสมแป้ง ยีสต์ รวมกันพักไว้ ละลายน้ำตาล เกลือ เช้าก่า คนให้ส่วนผสมละลาย เติมน้ำมันพืช ผสมแป้ง พักไว้ ๓ - ๔ ชั่วโมง โรยแป้งพอให้ทั่วโต๊ะ ตัดแป้งเป็นแท่งยาว ตัดขวางหนา ๑ ๑/๒ นิ้ว คลึงกดให้แบนใช้นิ้วกดตรงกลางให้บุ๋ม ทอดในน้ำมันที่ร้อนจัด


ซาลาเปาทอด

แป้ง สาลี ๑ กก. ยีสต์ ๒ ช้อนชา น้ำ ๓ ถ้วยตวง น้ำตาลปีบ ๓ ๑/๒ ขีด เกลือ ๑ ช้อนชา เช้าก่า ๑ ช้อนโต๊ะ น้ำมันพืช ๒ ช้อนโต๊ะ เบ๊กกิ้งโซดา ๑/๒ ช้อนชา ผงชูรส ๒ ช้อนชา (หมักแป้ง ๔ ชั่วโมง) ตัดแป้งเป็นเส้นยาวหนา ๑ ซม. ตัดตามขวางยาวประมาณ ๒ นิ้ว คลึงให้กลมแบน ทอดในน้ำมันที่ร้อนจัด


ปาท่องโก๋ตัวเล็กใส่เต้าฮวย

แป้ง สาลี ๑/๒ กก. เช้าก่า ๔ ช้อนชา เกลือ ๒ ช้อนชา น้ำ ๑/๒ ถ้วยตวง น้ำตาลทราย ๑ ช้อนชา ละลายน้ำตาล เกลือ เช้าก่า ในน้ำคนจนส่วนผสมละลายดี เทส่วนผสมลงในแป้ง นวดพอเข้ากัน (หมักแป้ง ๔ - ๖ ชั่วโมง) ตัดแป้งเป็นก้อนหนา ๑/๒ ซม. ตัดยาว ๒ นิ้ว โรยแป้งนวล ทอดจนกรอบ


เรื่องควรรู้ในการทำปาท่องโก๋

1. แป้งที่นำมาทำปาท่องโก๋
ต้องเป็นแป้งที่มีโปรตีนสูงแป้งจะมีสีครีมไม่ขาว เมื่อกดนิ้วลงบนแป้งแป้งจะไม่เกาะตัวติดกัน

2. สารที่ทำให้ปาท่องโก๋ฟู
มีส่วนผสม :
ยีสต์ แห้ง บรรจุในขวดหรือถุงที่ทำด้วยกระดาษตะกั่ว ภายในจะอัดแก๊สไนโตรเจนต้องเก็บไว้ในตู้เย็น วิธีทดสอบว่ายีสต์ใช้ได้หรือไม่ ใส่ยีสต์ 1 ช้อนโต๊ะในน้ำอุ่น 1 แก้ว น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ คนให้เข้ากันทิ้งไว้ 5 - 10 นาที ยีสต์จะฟูขึ้นมาบนผิวหน้าของน้ำ ถ้าไม่มีปฏิกิริยาใดๆแสดงว่ายีสต์เสื่อม

เบ๊กกิ้งโซดา มีลักษณะผงสีขาวเหมือนผงฟู เมื่อสลายตัวให้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ที่ให้ปาท่องโก๋ฟูและผิวขนมกรอบ

ผง ฟู มีส่วนผสมของโซดากับสารเคมีทำหน้าที่เป็นกรด เติมแป้งข้าวโพดเพื่อไม่ให้โซดากับสารเคมีผสมกันโดยตรง ทดลองใส่ผงฟู 1 ช้อนชาในน้ำร้อน ถ้ามีฟองอากาศเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว แสดงว่าผงฟูมีคุณภาพ

เช้า ก่า ใส่ปาท่องโก๋เพื่อให้ขนมฟู มีลักษณะเหมือนเกลือป่นละเอียดสีขาว มีส่วนผสมก๊าซ 3 ชนิดคือ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ แอมโมเนียและไอน้ำ ควรชั่งตวงอย่างระมัดระวัง ถ้าใช้มากจะทำให้ขึ้นฟูมาก จะหดตัวหลังการทอด ถ้าใช้ปริมาณน้อยจะทำให้ขึ้นฟูไม่เต็มที่ ปาท่องโก๋ก็จะมีลักษณะเป็นแป้งแน่น

สารที่ให้รสชาติ ได้แก่ น้ำตาลทราย เกลือ น้ำมันพืชใหม่ น้ำเปล่าสะอาด

3. เคล็ดการทำปาท่องโก๋ ที่ควรทราบ
ต้อง อ่านสูตรที่นำมาทำให้ละเอียดต้องชั่งตวงส่วนผสมให้ถูกต้อง การผสมตรงตามสูตรน้ำตาลเกลือเช้าก่าควรละลายในน้ำให้หมด ถ้าแป้งเก่าเพิ่มน้ำตาลเล็กน้อย เมื่อนวดแล้วพักแป้งอย่างน้อย 3 - 4 ชั่วโมงก่อนทอด ควรใช้น้ำมันทอดเป็นน้ำมันปาล์ม น้ำมันที่เหลือจากการทอดทุกครั้ง ให้กรองด้วยผ้าขาวบางก่อนนำมาทอดใหม่ ควรเปลี่ยนน้ำมันบ่อยๆ ความร้อนที่ใช้ทอดควรใช้ความร้อนปานกลาง การตัดแป้งควรแผ่แป้งให้หนาประมาณ 1/2 เซนติเมตร เวลาทอดเมื่อหย่อนแป้งลงในน้ำมัน พอแป้งลอยขึ้นมาใช้ตะเกียบคีบพลิกกลับไปมา เติมผงชูรสในส่วนน้ำ 2 - 3 ช้อนชาจะทำให้ปาท่องโก๋อร่อยขึ้น โซดาจะทำให้ผิวนอกกรอบ ถ้าใส่มากจะทำให้ขนมเหนียวมีรสเฝื่อน ถ้าลดยีสต์ควรหมักให้นานขึ้น

credit by :  http://www.thenpoor.ws/food/bestsell/patonggo.html#1

Read More...


“หมูแดงสูตรอาม่า” ทอดกึ่งอบทุ่นเวลาปรุง



ดึงดูดผู้คนให้อยากมาอยู่เคียงใกล้เพราะมีรอยยิ้มแจ่มใสและ อารมณ์ดีเป็นทุนเดิม แต่ “เสน่ห์” ของ อุ๋ย-สุพินดา หวังทรัพย์คณา ผู้บริหารอีเดน การ์เด้น รีสอร์ท อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี ยิ่งทวีคูณขึ้นไปอีก เมื่อทราบว่าเจ้าตัวมีฝีมือด้านการทำอาหารไม่เบา สำหรับความอร่อยที่พร้อมเสิร์ฟวันนี้ คุณอุ๋ยเลือกเมนูที่มีประวัติยาวนานของครอบครัว “หมูแดงสูตรอาม่า” มานำเสนอ ซึ่งเคยเป็นเมนูขึ้นชื่อสมัยเปิดร้านอาหารขายข้าวหมูแดง ข้าวมันไก่ กระเพาะปลา หนึ่งในธุรกิจก่อร่างสร้างตัวสมัยคุณยายยังสาว

“สมัยนั้นอุ๋ยอายุ 2 ขวบ จำเหตุการณ์ได้เลือนลาง แต่คุณแม่เล่าให้ฟังว่าดัดแปลงพื้นที่ชั้นล่างของบ้านเป็นร้านขายอาหาร ซึ่งมีหลายประเภท มีลูกค้ามาอุดหนุนแน่นร้านประจำ จุดเด่นอย่างหนึ่งคือความสะอาด นอกจากอาหารน่ากินและพื้นร้านยังสะอาดสอ้าน ลูกค้าหลายรายมากินด้วยความเกรงใจ กลายเป็นว่าถอดรองเท้าเข้าร้านโดยอัตโนมัติ แม้ทางร้านไม่ห้ามใส่รองเท้าเข้ามาก็ตาม เมื่อลูกค้าเยอะคุณยายพยายามหาวิธีลัดขั้นตอนด้วยการคิดค้นสูตรใหม่ๆ แต่สมัยก่อนนิยมใช้วิธีย่าง กว่าจะทำเสร็จสักชิ้นใช้เวลานาน แต่หมูแดงฉบับคุณยายนี้ใช้กรรมวิธีการทอดกึ่งอบ ทำให้เนื้อหมูมีความนุ่มนวล แตกต่างจากเจ้าอื่นๆ และไม่กระด้างลิ้นเท่ากับการย่าง” คุณอุ๋ยบอกเล่าความเป็นมา

แต่ด้วยความที่คุณยาย “หวงวิชา” กว่าสูตรเด็ดมาถึงมือสาวคนนี้ต้องฝ่าฝันด่านอรหันต์มาพอสมควร คุณอุ๋ยเผยว่า คนสมัยก่อนไม่มานั่งบอกสูตรกันตรงๆ นอกเสียจากยอมเข้าครัวไปเป็นลูกมือ ซึ่งคนที่ได้เต็มๆ คือคุณลุงเพราะช่วยคุณยายทำมาตลอด กระทั่งคุณยายเริ่มชราภาพคุณแม่เสียดายสูตรหากไม่ถ่ายทอดเกรงจะสูญหาย จึงพยายามเกลี่ยกล่อมให้คุณยายยอมสอนคนอื่นบ้าง ตอนนี้นอกจากลูกหลานก็มีแม่ครัวประจำบ้านที่ทำเป็น สำหรับสูตรนี้ไม่อยากขึ้นอยู่ที่วิธีการทำ แต่ให้อร่อยเหมือนต้นตำรัต้องอาศัยประสบการณ์เอาช่วยด้วย

วัตถุดิบที่ต้องเตรียม มีสันคอหมูติดมัน 1กิโลกรัม, รากผักชี 1 กำมือ, กระเทียม 1 กำมือ, พริกไทยขาวชนิดเม็ด ครึ่งกำมือหรือตามชอบ คุณอุ๋ยแนะนำว่า “ควรเลือกส่วนสันคอหมู ได้เนื้อติดมันเพิ่มความนุ่ม ยิ่งผสมเข้าเนื้อกับเครื่องหมักทำให้หมูยิ่งนุ่ม” ในส่วนของเครื่องปรุงหมักหมู ได้แก่ ผงเครื่องเทศ 1 ช้อนชา, น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ, ซอสปรุงรสภูเขาทอง 2 ช้อนโต๊ะ, ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ, ซีอิ๊วดำ ½ ช้อนชา, น้ำมันหอย 3 ช้อนโต๊ะ และสีผสมอาหารสีแดงเล็กน้อย

วิธีการทำ ตำพริกไทยขาวให้ละเอียดก่อน จึงใส่รากผักชีและกระเทียมลงไป แล้วตำให้ละเอียดจนเข้ากันเป็นเนื้อเดียวกัน นำซอสต่างๆ หมักกับหมูที่เตรียมไว้แล้ว ใส่น้ำลงไปให้มีลักษณะขลุกขลิก นำเข้าตู้เย็นอย่างน้อย 3 ชั่วโมง หรือทิ้งไว้ค้างคืนจะอร่อยเป็นพิเศษ เมื่อหมัดได้ตามเวลาที่กำหนด นำหมูออกมาเพื่อทำการทอดกึ่งอบ โดยตั้งกระทะใส่น้ำมัน3 ช้อนโต๊ะ รอจนกระทั่งน้ำมันร้อนใส่หมูพร้อมเครื่องที่หมักเอาไว้ลงไป

ช่วงแรกใช้ไฟปานกลาง ตลอดเวลาที่อยู่ในกระทะให้ใช้ฝาปิดเพื่ออบให้หมูด้านในสุก อย่าลืมหมั่นพลิกกลับด้านไปเรื่อยๆ เมื่อเห็นว่าน้ำเริ่มงวดลงค่อยลดเป็นไฟอ่อน ใช้วิธีการเดียวกันคือปิดฝาและหมั่นพลิกจนหมูสุก การปรุงรสและการอบหมูเช่นนี้ทำให้เนื้อหมูที่ได้ไม่มีความแข็งกระด้าง ทั้งเครื่องหมักก็เหมาะรับประทานกับข้าวสวยร้อนๆ โปะด้วยหมูแดงหั่นบาง เคียงด้วยไข่ต้มยางมะตูม แตงกวา และหัวหอม สำหรับหมูแดงสูตรอาม่านี้ไม่มีน้ำจิ้มเคียง เพียงใช้น้ำหมักหมูในกระทะราดให้ชุ่มฉ่ำก็ชุ่มชื่นลื่นลิ้น.
"ช้องมาศ"

credit by : http://www.dailynews.co.th/Content/Article/254855/“หมูแดงสูตรอาม่า”+ทอดกึ่งอบทุ่นเวลาปรุง                 

Read More...


‘เค้กหม้อดิน’ ไอเดียดี..รับเงินงาม



การทำให้บรรจุภัณฑ์ของตนมีความแตกต่างจากคนอื่น ๆ ก็เป็นอีกวิธีการสร้างจุดขายให้กับสินค้าให้มีความโดดเด่นจนกลายเป็นสิ่งที่ ทำให้ลูกค้าจดจำผลิตภัณฑ์ได้อย่างแม่นยำ หลักการตลาดนี้เป็นหลักการที่ใช้ได้กับทุกผลิตภัณฑ์ไม่ว่าจะเป็นสินค้าชิ้น เล็ก หรือใหญ่ หรือแม้กระทั่ง “ขนมเค้ก” ที่แสนจะธรรมดาก็ทำให้กลายเป็น “เค้กหม้อดิน” ได้ จนมีลูกค้าน้อยใหญ่จากทั่วประเทศสั่งซื้อไปทาน-ไปขายต่อสร้างรายได้ให้เจ้า ของไอเดียได้เป็นกอบเป็นกำ ซึ่งทีมคอลัมน์ “ช่องทางทำกิน” มีข้อมูลมานำเสนอในวันนี้...  

ทอฝัน หอมชื่น หรือพี่อ้อย เจ้าของ “เค้กหม้อดิน” เล่าว่า ตนมีประสบการณ์ในการขายมาอย่างโชกโชน นับตั้งแต่เศรษฐกิจฟองสบู่แตกเมื่อ พ.ศ. 2540 ที่ผ่านมา เริ่มจากการขายข้าวแกงตามตลาดนัดจนสามารถฟื้นตัวขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว สำหรับจุดเริ่มต้นของการทำ เค้กหม้อดิน นั้น ทอฝัน บอกว่า ตนเป็นเจ้าแรก ๆ ที่ทำ คัพเค้ก ออกมาขายตามตลาดนัด โดยคิดว่าขนมเค้กที่เป็นก้อน ๆ แบบรูปสามเหลี่ยมบ้าง, รูปสี่เหลี่ยมบ้างจะเอามาใส่ในถ้วยเล็ก ๆ ได้หรือไม่? จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการทำคัพเค้ก หรือเค้กถ้วยออกมา และก็ประสบความสำเร็จมาก แต่หลังจากเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ พ.ศ. 2554 ที่ผ่านมา ทำให้ต้องพับกิจการคัพเค้กไปโดยปริยาย เพราะกิจการได้รับความเสียหายมาก จนไม่สามารถแบกรับต้น ทุนไว้ได้อีกต่อไป          

“เมื่อปีที่แล้ว ได้ไปเที่ยวตลาด 100 ปีสามชุก เห็นว่ามีคนทำ “ห่อหมกหม้อดิน” ขายในตลาด จึงคิดว่าเค้กก็น่าจะเอามาใส่หม้อดินขายได้ จึงลองทำขายดู และก็ประสบความสำเร็จได้รับการตอบรับมาก ต่อมาได้เปลี่ยนรูปแบบของหม้อดินเป็นรูปผลไม้, รูปเรือ, รูปสัตว์, รูปถ้วยไอศกรีม, รูปรถบรรทุก, รูปรถตุ๊กตุ๊ก ฯลฯ ยิ่งทำให้ขายดีมากขึ้นไปอีก เพราะลูกค้าอยากได้ภาชนะที่แปลก ๆ” ทอฝัน กล่าว          
วัสดุ และอุปกรณ์ในการทำเค้กหม้อดิน หลัก ๆ ก็มี เครื่องตีแป้ง, เตาอบ, ที่ร่อนแป้ง, ที่ตีไข่, ถาด, กะละมัง, ตาชั่ง, ชุดช้อนชา, ชุดถ้วยตวง และอุปกรณ์เบ็ดเตล็ดอื่น ๆ ในการทำเบเกอรี่ นอกจากนี้ ต้องเตรียม ภาชนะหม้อดินรูปแบบต่าง ๆ ไว้อีกด้วย    

วัตถุดิบในการทำ ในส่วนของ ตัวเค้ก มี แป้งสาลี 1กก., ไข่ไก่ 30 ฟอง, น้ำตาลทราย 750 กรัม, นมสด 150 ซีซี., น้ำเปล่า 350 กรัม, โอวาเลต 80 กรัม, และผงฟู 1 ช้อนชา และในส่วนของ ครีมขนมเค้ก มี เนยขาว 2 กก., เนยเหลือง 1 กก. และน้ำตาลไอซ์ซิ่ง 800 กรัม

วิธีทำ นำส่วนผสมของไข่ไก่, โอวาเลต, น้ำเปล่า, นมสด, และน้ำตาลทรายใส่ลงในหม้อตีแป้ง ตีด้วยความเร็วที่ปรับระดับความแรงขึ้นเรื่อย ๆ ประมาณ 5 นาที จนส่วนผสมทุกอย่างเข้ากัน จากนั้น ใส่ส่วนผสมของแป้งสาลี และผงฟูลงไปตีให้เข้ากันด้วยความเร็วสูงสุด ใช้เวลาตีอีก 5 นาทีก็ใช้ได้ (ในกรณีที่เนื้อเค้กเป็นรสช็อกโกแลต ให้ใส่ผงโกโก้ประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ ลงไปตีด้วยกัน)

ตักเนื้อเค้กลงไปในภาชนะหม้อดินรูปทรงต่าง ๆ ที่เตรียมไว้ประมาณครึ่งหนึ่งของภาชนะ(ภาชนะหม้อดินที่ใช้นี้ต้องล้างน้ำทำ ความสะอาด และลวกน้ำร้อนเพื่อเป็นการฆ่าเชื้อโรคให้เรียบร้อยก่อนนำไปใช้) จากนั้นเรียงหม้อดินใส่ถาดให้เรียบร้อย และนำเข้าเตาอบ อบด้วยความร้อน 250 องศาเซลเซียส เป็นเวลานาน 5 นาที เมื่อแป้งสุกแล้ว พักเตรียมไว้

วิธีทำในส่วนของครีมขนมเค้ก  ให้ตีเนยขาว, เนยเหลือง และน้ำตาลไอซ์ซิ่งให้เข้ากัน นาน 30 นาที จนครีมขึ้นฟูมีสีขาว อย่างไรก็ตาม เนื้อครีมนี้สามารถแต่งกลิ่น-แต่งสีได้ตามใจชอบในระหว่างที่ตีครีม อาทิ สีชมพู-กลิ่นสตรอเบอรี่, สีส้ม-กลิ่นส้ม และสีโกโก้-กลิ่นช็อกโกแลต จากนั้น ตักส่วนของเนื้อครีมใส่ลงในกรวยใส่ครีมเตรียมไว้   
     
วิธีแต่งหน้าเค้ก ทอฝัน บอกว่า การแต่งหน้าเค้กนี้ต้องใช้ทักษะอันเกิดจากประสบการณ์พอสมควร เพราะต้องใช้ความชำนาญมาก หากแต่งไม่ดี หน้าเค้กจะเละ โดยบีบครีมลงบนหน้าเค้กเป็นจุด ๆ จนเต็มหน้าเค้ก ไม่ต้องให้เนื้อครีมสูงมาก เสร็จแล้วแต่งหน้าเค้กด้วยฝอยทอง, คุกกี้, เยลลี่ชนิดต่าง ๆ, ผงช็อกโกแลต หรือโกโก้ และครีมช็อกโกแลต และครีมสตรอเบอรี่ ขายในราคาชิ้นละ 25-35 บาท (ขึ้นอยู่กับสถานที่)

ใครสนใจ “เค้กหม้อดิน” ต้องการติดต่อ ทอฝัน หอมชื่น เจ้าของกรณีศึกษา “ช่องทางทำกิน” รายนี้ติดต่อได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 08-1616-1580 และ 08-3037-4517 และ https://www.facebook.com/เค้กหม้อดิน.
.......................................................................................................
คู่มือลงทุน...เค้กหม้อดิน
ทุนอุปกรณ์ ประมาณ 10,000 บาทขึ้นไป
ทุนวัตถุดิบ ประมาณ 60% ของราคาขาย
รายได้ ราคา 25-35 บาท
แรงงาน 1-2 คนขึ้นไป
ตลาด ชุมชน, งานออกร้าน, ตลาดนัด
จุดน่าสนใจ เป็นการเพิ่มมูลค่าให้สินค้า
สุภารัตน์ ยอดศิริวิชัยกุล : รายงาน สันติ มฤธนนท์ : ภาพ

credit by :  http://www.dailynews.co.th/Content/Article/255088/‘เค้กหม้อดิน’+ไอเดียดี..รับเงินงาม

Read More...




----------------

ปรับปรุง
รายการบทความทั้งหมด



การบำรุงรักษารถยนต์เบื้องต้น



ร้านค้าเคลื่อนที่ ใช้ รถบรรทุกขนาดเล็กมาดัดแปลง



รวมบทความอาชีพ เสริม หลากไอเดียวิธีหารายได้เสริม



รวมบทความงานฝีมือ-สิ่งประดิษฐ์ รายได้เสริม



ทองม้วน thong muan ; rolled wafer





MASK รุ่นสายคล้องคอ







MASK รุ่นสายคล้องคอ. ��รุ่นนี้เป็นที่นิยมใช้กันมาก #ขายดีมาก
ทำจากผ้าคอตตอนแท้ 100%  ไม่ผสม เนื้อผ้านุ่ม 
3 ชั้น. สวมใส่พอดีกับใบหน้า ไม่เจ็บหู มีสายคล้องคอปรับได้
เวลาถอดออก ไม่ต้องกลัวลืม เพราะถอดแล้วคล้องคอไว้ได้
บรรจุในถุงซิปฟรอย์อย่างดี
ราคาชิ้นละ. 59. บาท. ไม่รวมส่ง 
มีหลายสีให้เลือกนะคะ   สนใจทักแชทขอดูสีผ้าได้นะคะ
หน่วยงาน บริษัท ห้างร้าน หรือ สนใจสั่งไปจำหน่าย 
มีเรทราคาส่งค่ะ

-> id line : noeyhorm_06
#มีวางจำหน่ายหน้าร้านชานมไต้หวันมาราชาสาขาจรัญ44


ร้านมาราชาชานมไข่มุก สาขาจรัญสนิทวงศ์ 44
● รับบัตรสะสมครบ 10 แก้ว แลกรับฟรี 1 แก้ว
● สั่งเดลิเวอรีผ่าน LINE MAN, Foodpanda ,GET ...ถึงมือปั๊บพร้อมดื่มปุ๊บ!
● อัพเดทโปรโมชั่นใหม่ๆ รสชาติใหม่ ตลอดเวลา
● มีเมนูให้เลือก 40 กว่าเมนู : https://bit.ly/2Z9iqV0






























































เลือกช่องทางติดต่อและรับข่าวสารบริการหลังการขาย
ฟอร์ด พลปิยะอยุธยาและฟอร์ด พลปิยะวังน้อย

--------------------------------------------------------------------------------------------
แคมเปญ-โปรโมทชั่น อะไหล่ฟอร์ด อัพเดททางออนไลน์และปรับปรุงข้อมูลออนไลน์
อะไหล่ฟอร์ด อะไหล่รถฟอร์ด อะไหล่รถยนต์ฟอร์ด อะไหล่ฟอร์ดแท้ ร้านขายอะไหล่รถฟอร์ด ขายอะไหล่รถฟอร์ด อะไหล่ฟอร์ด
 
Option

รวมบทความอาชีพเสริม หลากไอเดียวิธีหารายได้เสริม หาอาชีพเสริมอิสระทำเงิน สร้างอาชีพอิสระงานฝีมือ แนะนำการสร้างรายได้เสริมทำเงินด้วยการขายสินค้าหรือขายของเป็นอาชีพเสริม อิสระงานฝีมือ แนะแนวธุรกิจ อาชีพเสริม อาชีพแก้จน อยากจะมีรายได้เสริมนอกเหนือจากงานประจำ บล๊อกจัดทำขึ้นเป็นวิทยาทานเพื่อเผยแผ่ความรู้อันจะเป็นไปเพื่อบุญกุศล ขอให้ทุกท่านที่มีส่วนร่วมในบทความของบล๊อกนี้ จงได้รับอานิสงฆ์ด้วยเทอญ.