Home » All posts

ชาไข่มุก เครื่องดื่มยอดฮิตของใครหลายๆคน

เงินลงทุน :   9,900 บาท (รวมซุ้ม อุปกรณ์ วัตถุดิบ)
รายได้ :    1,500 บาท/เดือน หรือ 500 บาท/วัน หรือแก้วละ 10-15 บาท
วัสดุ/อุปกรณ์ :   กระบอกผสมเครื่องดื่ม (Shake) ขวดหรือโถแก้วสำหรับใส่น้ำรสชาดต่าง ๆ กะละมัง ชาม แก้ว กระติกน้ำแข็ง หลอดใหญ่ หม้อต้มมุก
แหล่งจำหน่ายอุปกรณ์ :    ตลาดทั่วไป

เต้าฮวยนมสด ส่วนผสม :
- นมถั่วเหลือง 200 กรัม (1 ถ้วยตวง)
- เจลาติน 1 ช้อนชา
- วุ้นผง 1 ช้อนชา
- นมสด 2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ :
1. ผสมทุกอย่างลงไปคลุกเคล้าให้เข้ากัน
2. ตั้งไฟต้มจนเดือดประมาณ 3 นาที ยกลงมาเทใส่หม้ออีกใบหนึ่ง
3. พักส่วนผสมไว้ 10 ชั่วโมงจนกลายเป็นเต้าฮวย เก็บไว้ในตู้เย็นได้นาน 3 วัน)

ชานม ส่วนผสม :
- ชาจีนมะลิ 50 กรัม
- น้ำสะอาด 2 ลิตร
- คอฟฟี่เมต 300 กรัม

วิธีทำ :
1. ต้มน้ำให้เดือด ยกลงมาตั้งบนโต๊ะ จากนั้นแช่ใบชาให้ออกสีของชา
2. กรองเอากากของใบชาออกให้เหลือแต่น้ำชา เติมคอฟฟี่เมตและน้ำตาลทรายลงไปคนใหัเข้ากัน
3. กรองอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีเศษของใบชาเหลืออยู่ในชานม

ไข่มุก ส่วนผสม :
- ไข่มุกสมุนไพร 100 กรัม
- น้ำสะอาด 2 ลิตร
- น้ำตาลทรายแดง 2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ :
1. ต้มน้ำให้เดือดพล่าน
2. ใส่ไข่มุกลงไปต้มจนสุก (นานประมาณ 30 นาที) พอน้ำงวดยกลงจากเตา
3. ล้างด้วยน้ำเย็น เติมน้ำตาลทรายแดงคนให้เข้ากัน ปิดฝาพักไว้จนไข่มุกพองตัวก็นำไปใช้ได้

ตลาด/แหล่งจำหน่าย : ย่านชุมชน หน้าโรงเรียน บขส. ห้างสรรพสินค้า
ข้อแนะนำ : การทำเครื่องดื่มชาไข่มุก สามารถนำไปประยุกต์ใช้ผสมกับสมุนไพรต่าง ๆ ได้ เช่น มะตูม ตะไคร้ ขิง กระชายดำ กระเทียม หอม มะเขือเทศ เก๊กฮวย เพื่อเพิ่มสีสัน รสชาด และสรรพคุณ และยังเป็นการสนับสนุนผลิตภัณฑ์ภูมิปัญญาไทยด้วย

เครปญี่ปุ่น อีกหนึ่งอาชีพที่น่าสนใจ

สูตรทำขนม

เงินลงทุน :   ครั้งแรก ประมาณ 10,000 บาท
- เตาเครป (ไฟฟ้า) ประมาณ             10,000         บาท
- เตาเครป (แก๊ส)   ประมาณ                 7,500         บาท
- ไม้ปาดเครป                                          100         บาท
- เกรียง (เหล็ก)                                         35          บาท
- เกรียง (สแตนเลส)                                 65          บาท
รายได้ :   ประมาณ   1,500 บาท/วัน
อุปกรณ์ :   เตาเครป ไม้ปาดเครป เกรียง ที่ตีไข่ กะละมัง ทัพพีกลม ซองใส่เครป
แหล่งจำหน่ายอุปกรณ์ :   ร้านค้าหรือบริษัทขายเตาอบ ห้างสรรพสินค้าทั่วไป

ส่วนผสมแป้ง :
- ไข่ไก่       10   ฟอง
- น้ำตาลทราย    1 ½   ถ้วย (300กรัม)
- วานิลา       15   มิลลิลิตร
- น้ำมันพืช   60   มิลลิลิตร
- เกลือ          1   ช้อนชา
- นมสด       1   กล่องลิตร
- แป้งสาลีเอนกประสงค์   8     ถ้วยตวง
- เนยสด   (ทาแผ่นแป้ง)

ส่วนผสมไส้ :
- แยมรสผลไม้ต่าง ๆ
- ลูกเกด
- หมูหยอง แฮม ไส้กรอก จะราดด้วยซอสมะเขือเทศหรือมายองเนส
- เผือกกวนเหลว
- น้ำพริกเผากับหมูหยอง
- น้ำผึ้งกับเม็ดมะม่วงหิมพานต์
- กล้วยกับช๊อคโกแลต

วิธีทำ :
1. ผสมไข่ไก่ น้ำตาลทราย วนิลา น้ำมันพืช เกลือ ใช้ที่ตีไข่ตีให้ละลายเข้ากัน

2. ใส่นมสดและแป้ง ตีให้เข้ากัน (ถ้าเหลวเกินไป เติมแป้งได้อีกเล็กน้อย)

3. วอร์มเตาโดยใช้ความร้อน ประมาณ 150-180 องศาเซลเซียส

4. ใช้ทัพพีกลมตักแป้งใส่บนเตาเครปตรงกลาง ใช้ไม้ปาดเครปวางตรงกลางแป้งค่อย ๆ ปาดแป้ง โดยหมุนเป็นวงกลม

5. ทาเนยบนแผ่นแป้ง พอสุกใส่ไส้ต่าง ๆ ตามที่ลูกค้าต้องการ ใช้เกรียงแซะขอบแผ่น แป้งให้พับขึ้นเป็นรูปครึ่งวงกลมแล้วพับทบกันให้เป็นรูปทรงสามเหลี่ยมตักใส่ถุงเครป

ตลาด/แหล่งจำหน่าย : แหล่งชุมชน ตลาด ศูนย์การค้า
ข้อแนะนำ : ถ้าทำปริมาณมาก ต้องเพิ่มอัตราส่วนทุกชนิดให้มากขึ้น

Read More...

สร้างอาชีพกับ นมถั่วเหลืองพาสเจอร์ไรส์ Moya

สูตรทำขนม

ในยุคที่คนหันมาใส่ใจสุขภาพ อาหารและเครื่องดื่มที่ ช่วยให้สุขภาพดีจึง มีผู้นิยมบริโภคมากมาย ปัจจุบันโรคภัยต่างๆก็มากมาย การเลือกสรรสิ่งดีๆเพื่อตนเองและคนที่เรารักจึงเป็นเรื่องสำคัญ การบริโภคนมถั่วเหลืองนั้น คนไทยนิยมกันมานานแล้ว บางคนดื่มนมวัวไม่ได้ นมถั่วเหลืองจึงเป็นทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ ดื่มได้ทั้งเด็กเล็กและผู้สูงอายุ เหมาะกันคนทุกวัย

บริษัท ออไรซ่า อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เป็นหนึ่งในผู้ผลิตนมถั่วเหลืองคุณภาพสูง ภายใต้ แบรนด์ Moya ออกวางจำหน่ายตามห้างสรรสินค้าชั้นนำ ได้รับความนิยมในรสชาติ และความใหม่ สด สะอาด Moya ผ่านการผลิตมาอย่างดี พิถีพิถัน คัดสรร วัตถุดิบคุณภาพสูง โดยรับซื้อถั่วเหลืองที่ผ่านการตรวจ GMO และผ่านการรับรอง คุณภาพจาก สทช.(สำนักวิจัยพัฒนา เทคโนโลยี ชีวภาพ)จากกรมวิชาการเกษตร ทำให้มั่นใจในคุณภาพของวัตถุดิบแต่ละขั้นตอนการผลิตจะมีการควบคุมจากผู้เชี่ยวชาญ ตรวจสอบคุณภาพ โรงงานผ่านมาตรฐาน GMP ตามมาตรฐานของอย.

ขั้นตอนการผลิตแบ่งออกเป็น การคัดเมล็ดถั่วเหลือง ล้างสิ่งสกปรกออกจนหมด โดยใช้แรงงานคนเป็นหลัก เพื่อความละเอียดลออ จากนั้นแช่เมล็ดถั่วเหลือง 4-6 ชั่วโมง พอได้ทีจึงนำเข้าเครื่องบด แล้วนำออกมากรองคัดแยกกาก 2 ขั้นตอน ทำให้ได้น้ำนมถั่วเหลืองที่เนียนนุ่ม จากนั้น นำไปผ่านกระบวนการพาสเจอร์ไรส์ก่อนบรรจุลงขวด ที่ผ่านการฆ่าเชื้อ สะอาดปลอดภัย โดยใช้ ขั้นตอนการบรรจุร้อน Hot Fill เก็บรักษาทันทีที่ห้องเย็นเพื่อควยคุมความสดใหม่ จนถึงมือลูกค้า ทำให้ลูกค้าได้ดื่มนมที่มีคุณภาพ สดใหม่ ทุกๆวัน

การเก็บรักษานมถั่วเหลือง MOYA นั้น ควรเก็บไว้ในตู้เย็น แต่ไม่
ควรเก็บไว้ในช่องแช่แข็ง ระยะเวลาของการเก็บรักษานมถั่วเหลืองพาสเจอไรส์ สามารถเก็บได้ประมาณ 20 วัน สาามารถ หาซื้อนมถั่วเหลือง MOYAได้ตามร้านค้า
และห้าง ชั้นนำทั่วไป สยามพารากอน ดิ เอ็มโพเรียม วิลล่า มาร์เก็ต
เดอะมอลล์ ท็อปส์ โลตัส บิ๊กซี ตั้งฮัั่วเส็ง แม็กส์แวลู และเร็วๆ นี้ที่ คาฟูร์ และ
ร้านค้าเพื่อสุขภาพต่าง ๆ อีกทั้งยังมี บริการแบบ Delivery ในบางเส้นทาง
ส่งฟรี.. ถึงบ้านอีกด้วย และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่ สามารถสร้างรายได้ให้กับผู้ที่มองหา ช่องทางรวย

สำหรับผู้ที่สนใจเป็น ตัวแทนจำหน่าย หรืออยากสั่งสินค้า

โดยตรงสอบถามได้ที่ บริษัท ออไรซ่า อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด 80/36-37 หมู่ 4
ถ.เพชรเกษม แขวงบางแค เขตบางแค
กรุงเทพฯ 10160 โทร. 0-2801-1807-8 หรือ www.oryzabrands.COm และ
www.moyasoymilk.COm E-mail: kant@oryzabrands.COm

Read More...

อาชีพขายปลาหมึกย่าง

สูตรทำขนม

ขายปลาหมึกย่าง พร้อมน้ำจิ้มปลาหมึกรสเด็ด

ปลาหมึกย่างที่ใครๆหลายคนชอบกิน รวมทั้งผู้เขียนเองด้วย ความอร่อยอยู่ที่ปลาหมึกที่สด กรอบไม่คาว ราดด้วยน้ำจิ้ม เปรี้ยว หวานเผ็ด เข้มข้นถูกใจ

วันนี้ ideabus จึงอยากแนะนำอาชีพเพิ่มเติมให้กับท่านที่กำลังสนใจอยากหารายได้เสริม เพิ่มจากงานประจำ แต่ถ้าทำดีๆอาจจะทำเป็นอาชีพหลักเลยก็ว่าได้

สำหรับการลงทุนก็ไม่ได้มากมายอะไร

อุปกรณ์ที่จำเป็นได้แก่ เช่น เตาย่าง ถาด ตะแกรง มีด เขียงไม้เสียบปลาหมึก ถุงพลาสติก เป็นต้น ใช้เงินลงทุนประมาณ 1,000 บาท ก็สามารถขายปลาหมึกย่างได้แล้ว

อุปกรณ์ในการหั่นปลาหมึก
1.มีด 2. เขียง 3. กะละมัง 4. ตะกร้า 5. เกลือ 6. สารส้ม

วิธีเลือกปลาหมึกดูอย่างไรว่าปลาหมึกสด
คือเวลาจับแล้วเนื้อปลาหมึกต้องแข็งไม่เปื่อยยุ่ย กดดูไม่ยุบ หรือมีรอยบุ๋ม ไม่มีกลิ่นเหม็น

วิธีการเก็บปลาหมึกให้สดนาน
1. แช่ปลาหมึกในถังน้ำแข็ง โดยใส่ถุงพลาสติกมัดปากให้มิดชิด แล้วเอาน้ำแข็งโป๊ะทับไว้ข้างบนให้ท่วม เก็บได้นาน 3 วัน แต่ต้องคอยระบายน้ำแข็งที่ละลายออกอย่าให้มีน้ำค้าง ในถัง

2.อย่าแช่ปลาหมึกในตู้เย็น ช่องฟรีช จะทำให้ผิวปลาหมึกไม่สวยเวลาย่างจะดูไม่น่ากิน เมื่อน้ำแข็งละลายแล้ว เนื้อปลาหมึกจะเป็นรู ผิวปลาหมึกไม่ตึงและมีฟองอากาศอยู่ในเนื้อปลาหมึก

หนวดหมึก ส่วนที่อร่อยที่สุด
หนวดปลาหมึกเป็นส่วนที่นิยมกินกันมาก มาดูวิธีเตรียมหนวดปลาหมึก
ล้างทำความสะอาดหนวดปลาหมึก เอาปลาหมึกใส่กะละมัง เปิดน้ำให้ท่วมปลาหมึก แล้วใส่เกลือ 2ื-3 ช้อนโต๊ะอย่าใส่มากทำให้เนื้อปลาหมึกเค็ม หลังจากใส่เกลือแล้ว ใช้มือคนแรงๆ
จนเกิดฟอง แล้วค่อยล้างยน้ำเปล่า แล้วเติมน้ำใหม่ ทำซ้ำแบบนี้อีก 3-4 ครั้ง ล้างจนน้ำเกลือและกลิ่นคาวปลาออกหมด จากนั้นค่อยหั่นหนวดปลาหมึก ขนาดเท่ากับกล่องไม้ขีดไฟ หรือเล็กใหย่แล้วแต่ราคาที่ขาย

การล้างปากปลาหมึก
แกะเขี้ยวปลาหมึกออกก่อน โดยสังเกตุจะมีสีดำๆ จากนั้นล้างด้วยน้ำเกลือ โดยผสมเกลือ 1 ช้อนโต๊ะกับน้ำเปล่า ล้างจนสะอาดและหมดเกลือ

การล้างไข่ปลาหมึก
ไข่ปลาหมึกจะมีลักษณะเป้นวุ้นใสๆ ต้องใช้ความระมัดระวังสูง และต้องเบามือมากๆ ต้องระมัดระวังไข่
เพราะแตกง่าย แต่กำไรดีมาก รสชาติอร่อย

1. แกะกระดูกแข็งๆออกก่อน
2. ล้างด้วยน้ำเปล่า1 ครั้งก่อน
3.จากนั้นให้ล้างด้วยสารส้ม โดยใส่สารส้มลงในกะละมัง สารส้มจะทำให้ไข่ปลาหมึกแข็งขึ้น ไม่เละ

การล้างตัวปลาหมึก
การซื้อหมึกเลือกใช้ หมึกกระดอง ขนาดประมาณฝ่ามือ เนื้อกำลังกรอบอร่อย
การล้างต้องล้างด้วยน้ำเหล้าอย่างเดียว ไม่ใช้เกลือ เพราะปลาจะเค็มง่าย

การเสียบหนวดปลาหมึก
การเสียบปลาหมึกให้เสียบเนื้อโนหนวดไปก่อน 2-3 ชิ้นป้องกันการลื่นหลุด แล้วค่อนเสียบหนวดปลาหมึก ตั้งราคาขายไม้ละ 30 บาท

การเสียบไข่ปลาหมึก
ต้องขนาดไข่ที่ใกล้เคียงกัน เพื่อความสวยงาม วิธีการเสียบ ถ้าไข่ปลาหมึกใหญ่ ให้เสียบ 3 ลูก ขนาดกลางเสียบ 4 ลูก ขนาดเล็กเสียบให้เต็มไม้

วิธีเสียบปากปลาหมึก
เลือกเสียบด้านข้างของปากให้เต็มไม้

การเสียบตัวปลาหมึก
ต้องเสียบตามยาว จากท้ายไปหาหัวปลาหมึก ไม่ให้ไม้โผลออกมา

สูตรน้ำจิ้มปลาหมึกรสเด็ด
สวนผสม
พริกแดง 165 กรัม
กระเทียมไทย 165 กรัม
น้ำตาลทราย 600 กรัม
ผงชูรส 2 ช้อนชา (ไม่ใส่ก็ได้)
เกลือป่น 65 กรัม
รากผักชี 15 กรัม
น้ำมะนาว 1 ถ้วย (ใช้แบบขวดก็ได้)

วิธีทำ
1.ใส่น้ำตาล เกลือ น้ำมะนาว ผงชูรสในภาชนะ คนให้ละลายเป็นเนื้อเดียวกัน
2.ใส่รากผักชี กระเทียม พริกแดง มะนาว ลงในโถปั่น จากนั้นปั่นให้ละเอียดมากๆ
3.ที่ผสมแล้วในข้อ 1 ลงในโถปั่น ปั่นต่อให้เข้ากัน
4.จากนั้นค่อยใส่รากผักชี และบีบมะนาวสด

การเก็บรักษาน้ำจิ้ม
1. เก็บในตู้เย็นช่องธรรมดา จะอยู่ได้นาน 1 เดือน
2. เก็บในถังน้ำแข็งอยู่ได้นาน 10 วัน
***ควรปิดภาชนะที่ใส่น้ำจิ้มให้มิดชิด

การตั้งราคาขายปลาหมึกย่าง

ไข่หมึก ไม้ใหญ่ 45 บาท
ไข่หมึก ไม้กลาง 40 บาท
ไข่หมึก ไม้เล็ก 35 บาท

ปากปลาหมึกไม้ใหญ่ 35 บาท
ปากปลาหมึกไม้กลาง 30 บาท
ปากปลาหมึกไม้เล็ก 25 บาท

หนวดปลาหมึกไม้ละ 30 บาท
ตัวปลาหมึก ไม้ละ 50-70 บาท

***การตั้งราคา อาจจะขึ้นลงได้ตามความเหมาะสม

Read More...

วิธีทำโรตีมะตะบะ

สูตรทำขนม

วิธีทำโรตีมะตะบะ
โรตีมะตะบะ(Murtabak) เป็นอาหารมุสลิมในไทย ที่ได้รับความนิยมมาก ๆ อีกชนิดหนึ่ง
โรตีมะตะบะ เป็นการนำแป้งโรตี มาห่อไส้ที่ประกอบไปด้วย หอมใหญ เครื่องเทศ เนื้อวัว เนื้อไก่ อาจผสมกับไข่ไก่ ผักชนิดต่าง ๆ ด้วยก็ได้ ก่อนรับประทานต้องนำมาทอตกับน้ำมันและเนยเทียม รับประทานกับอาจาด ที่มีส่วนผสมของ แตงกวาดองกับน้ำล้มสายชู หอมแดง และพริกชี้ฟ้า เป็นอีกอาชีพเสริมที่ ideabus อยากจะแนะนำเพื่อ เป็นช่องทางสร้างเงิน โรตีมะตะบะ ผู้เขียนยังเคยซื้อรับประทานบ่อยๆ บางเจ้าต้องต่อคิวกันยาว น่าจะสร้างรายได้ให้กับผู้ที่ ทำได้ไม่น้อยเลยทีเดียว

วัตถุดิบในการทำแป้งโรตี
1. แป้งสาลีอเนกประสงค์ 1 ถ้วยตวง
2. ไข่ไก่ 1ฟอง
3. มาการีน หรือเนยสด 1/2 ช้อนโต๊ะ
4. น้ำเปล่า 2 ช้อนโต๊ะ
5. เกลือป่น 1/8 ช้อนชา

ส่วนผสมไส้โรตี
1. เนื้อไก่บด 1 ถ้วยตวง
2. หอมใหญ่หั่นสี่เหลี่ยมเล็กๆ 1 ถ้วยตวง
3. น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
4. พริกไทยป่น ]1/2 ช้อนชา
5. ต้นหอมซอย 1/2 ถ้วยตวง
6. ลูกผักชี 1 ช้อนชา คั่วไฟอ่อนๆให้หอม แล้วเอามาตำให้ละเอียด
7. น้ำมันพืชสำหรับผัดไส้โรตี
8. เกลือป่น 1/2 ช้อนชา

ส่วนผสมอาจาด
1. น้ำส้มสายชู 1/2 ช้อนโต๊ะ
2. น้ำตาลทราย 1/2 ช้อนโต๊ะ
3. เกลือป่น 1/4 ช้อนโต๊ะ
4. น้ำเปล่าสะอาด 1/4 ถ้วยตวง
5. แตงกวา หอมแดง พริกชี้ฟ้า

ขั้นตอนการทำแป้งโรตี
1. ตวงแป้งมา 1 ถ้วยตวง แล้วร่อนแป้งประมาณ 1-2 ครั้ง ลงบนโต๊ะที่สะอาดหรือชามอ่างก็ได้
2. ตอกไข่ใส่ลงไป จากนั้นใส่น้ำและเกลือป่นลงไปละลายให้เข้ากัน
3. ใส่มาการีนหรือเนยสดละลายลงไป นวดแป้งให้นุ่มและเนียน ถ้าแป้งติดมือมากก็ใช้แป้งสาลีเป็นนวลช่วยในการนวด
4. เอาแป้งที่แบ่งเป็นก้อนกลมๆ แล้วใส่ภาชนะไว้และเทน้ำมันพืช เนยละลายแล้วหรือมาการีนละลาย ใส่ลงไปคลุกให้ทั่วแป้ง และรอพักไว้ครึ่งชั่วโมง เตรียมรอขายได้

ขั้นตอนการทำไส้
1. เอาน้ำมันใส่กระทะประมาณครึ่งช้อนโต๊ะ
2. พอน้ำมันร้อน ใส่ไก่ลงไปผัดให้สุก ใส่หอมใหญ่ซอยลงไปผัดให้เข้ากัน ปรุงรสด้วยเกลือ น้ำตาลทราย ลูกผักชี พริกไทย สุดท้ายใส่ต้นหอมซอยลงไป
3. คนให้เข้ากันตักใส่ชามพักไว้

การทำอาจาด
นำน้ำส้มสายชู น้ำตาลทราย เกลือป่น และน้ำเปล่า ใส่รวมกันยกขึ้นตั้งไฟคนๆ พอให้เดือดสักครู่ จากนั้นปิดไฟ เทใส่ถ้วยพักให้เย็น เอาแตงกวา หอมแดง
พริกชี้ฟ้า ใส่ลงไปในน้ำส้มที่ปรุงแล้ว ใส่ภาชนะปิดมิดชิด เตรียมตักขาย

วิธีทำโรตี
เมื่อจะขาย ก็ให้เอาแป้งโรตีมาคลี่ออกให้เป็นแผ่นให้บางๆ วางลงบนกระทะที่ใส่น้ำมันไว้เพียงนิดหน่อย ใส่ไส้ที่เตรียมไว้ลงไปแล้วพับเป็นแผ่นสี่เหลี่ยม พอสุกก็กลับอีกด้านหนึ่งลงไป
เวลาเสิร์ฟ อาจจะหั่นออกเป็นชิ้นๆพอดีคำ

ประมาณการเงินลงทุน
การลงทุนเบี้องต้น ประมาณ 20,000 บาท รวมราคารถเข็นและเตาแก๊สแล้ว
ต้นทุน/ชิ้น : ทุนวัตถุดิบ ประมาณ 70 % ของราคาขาย
รายได้ : ขายชุดละ 20-30 บาท

ทำเลในการขาย สามารถขายได้ดีในย่านชุนชน แหล่งที่ผู้คนพลุกพล่าน เช่น แถวสถานศืกษา ตลาดสด แหล่งชุมชน ปากซอยทางเข้าหมู่บ้าน หรือในย่านที่มี
คนนับถือศาสนาอิสลาม ทุกเพศทุกวัยก็สามารถรับประทานโรตีมะตะบะเป็นอาหารว่างได้

Read More...

อาชีพเสริมไก่ทอดหาดใหญ่

สูตรทำขนม

ไก่ทอดหาดใหญ่

ปัจจุบันนี้ไก่ทอดสูตรหาดใหญ่ เป็นตำนานไก่ทอดเมืองไทยไปแล้ว ต้นกำเนิดไม่ทราบแน่ชัดว่าใครเป็นคนเริ่มแรก แต่คงจะมาจาก อ.หาดใหญ่ อย่างแน่นอน เพราะเมื่อก่อนเห็นขายกันอยู่ตามสถานีรถไฟหาดใหญ่ ขายคู่กันกับข้าวเหนียวร้อนๆ ลักษณะเด่นของไก่ทอดหาดใหญ่นั้น หนังจะต้องกรอบ ทอดไม่อมน้ำมัน มีหอมทอดโรยบนชิ้นไก่ รสเค็มนิดๆกินคู่กับน้ำจิ้มสูตรพิเศษ

การเลือกวัตถุดิบ
ไก่ทอดหาดใหย่สูตรดั้งเดิมนั้นใช้ไก่เลี้ยงในฟาร์มที่ชาวบ้านเรียกว่า ไก่ขาว การเลือก ควรเลือกที่เนื้อและหนังของไก่ต้องไม่ซีด เนื้อไม่แห้ง สีสด ชมพูอมขาว ไม่มีรอยช้ำหรือเป็นน้ำเขียว กระดูกหน้าอกไม่แข็งจนเกินไปไม่มีเมือกทั้งบริเวณใต้ปีก คอ และลำตัว ดมดูไม่มีกลิ่นเม็น

ลูกตาไก่ต้องสดโส ผิวหนังเรียบแนบติดกับส่วนที่เป็นเนื้อ ควรเป็นไก่อ่อน เพราะเนื้อจะนุ่ม ไม่เหนียว ซึ่งสังเกตได้จากเดือยจะสั้น หงอนอ่อนนุ่มและปลายกระดูกอ่อนหน้าอกจะอ่อนหรือเป็นกระดูกอ่อน ปีกจะออกแรงต้านเล็กน้อยเมื่องอตั้งขึ้น หนังของไก่บาง ตึงไม่ย่น รูขุม
ขนเล็ก ไม่มีขนอ่อนโผล่มาก

ไก่ทอดหาดใหญ่ จะแบ่งขายเป็นส่วนต่างๆ

-ส่วนน่องติดสะโพก
เนื้อส่วนนี้ มีไขมันแทรกอยู่ไนส่วนของสะโพก แต่ในทางกลับกันก็มีส่วน
ประกอบของกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นต่างๆประกอบอยู่ด้วย ในส่วนที่เป็นข้อต่อเมื่อนำไก่
ส่วนนี้ไปทอด ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือ เนื้อทีมีไขมันแทรกอยู่โนส่วนสะโพกจะมีความนุ่ม ฉ่ำ ไม่
แห้งหรือสากกระด้าง ส่วนในบริเวณที่เป็นขอต่อต่างๆ ก็อาจจะเหนียวขึ้นกว่าส่วนอื่นบ้าง
เล็กน้อย ดังนั้น ไก่ทอดส่วนนี้จึงเหมาะสำหรับคนที่ชอบรับประทานไก่ถอดแบบฉ่ำๆเนื้อ ไม่ แห้ง

-ส่วนอกติดกระดูก
เมื่อนำไปทอดทอดผลลัพธ์ที่ได้คือ ลักษณะของเนื้อจะค่อนข้างแห้ง ถ้าทอดนานเกินไปจะแห้งรับประทานไม่อร่อย แนะนำให้ซื้อที่ติดกระดูก เพราะถ้าใช้ไก่ที่ไม่ติดกระดูก เมื่อทอดเสร็จแล้วจะหด ไม่เป็นรูปร่าง ไม่น่ารับประทานเวลาขายจะไม่ได้ราคา

-ส่วนปีก
วิธีการเลือกซื้อ ก็ให้จับดูปีกไม่เหนียว เป็นส่วนที่มีเนื้อน้อย และมีขนาดเล็ก ดังนั้น
เวลาที่ใช้โนการทอดจะต้องน้อยกว่า แนะนำให้ทอดแยกต่างหากจะสะดวกกว่า เพราะจะทำให้ทอดได้ง่ายแต่ถ้าจำเป็นต้องทอดรวมก็มีเทคนิคการทอด ในเทคนิคการทอด

-โครงไก่ คอ และขาไก่
เป็นส่วนที่คนส่วนใหญ่นิยมซื้อ และจะขายได้ในปริมาณมาก เพราะราคาไม่แพง

-กระเทียม
แนะนำให้ใช้กระเทียมหัวกลับเล็กๆ จะมีความหอมกว่า แต่ถ้าไม่มีใช้แบบใดก็ได้
นำมาปอกเปลือกแล้วสืบให้ละเอียด

-พริกไทยเม็ด
พริกไทยเม็ดทีใช้จะให้เป็นพริกไทยดำ หรือทีขัดฉแล้วก็ได้ นำมาทุบ หรือโขลก
ไม่ต้องให้ละเอียดมาก

-ลูกผักชีป่น
สามารถซื้อที่สำเร็จรูปแบบบรรจุถุงใช้ได้เลย เพราะใช้เป็นส่วนผสมเพียงเล็กน้อย เท่านั้น

-ยี่หร่าป่น
สามารถซื้อแบบสำเร็จรูปบรรจุถุงพร้อมใช้ได้เลยเช่นเดียวกัน เพราะใช้เป็นส่วนผสม
เพียงเล็กน้อยเพียงใช้กลิ่น

-ซอสปรุงรส
สามารถเลือกซื้อตามท้องตลาดได้เลย ที่บ้านมียีห้อไหนก็ใช้ได้เลย

-เกลือป่น
ใช้เป็นเกลือแกงธรรมดา หรืออาจจะใช้ที่มีไอโอดีนก็ได้
-น้ำตาลทรายแดง
ถ้าไม่มีน้ำตาลทรายแดงก็สามารถใช้น้ำตาลทรายขาวแทนก็ได้

ขั้นตอนการทำไก่ทอดหาดไหญ่
1. ล้างไก่ให้สะอาด พักไว้ในตะแกรง ขั้นตอนนี้คือการซื้อไก่มาใช้วันต่อวัน แต่ถ้าเราซื้อไก่มาแช่
แข็ง ก่อนจะใช้ให้นำออกจากช่องแช่แข็ง แล้วนำแช่ในช่องธรรมดา 1 วัน น้ำแข็งจะละลาย เหมาะกับการใช้งานพอดี ถ้าไมมีเวลา ให้นำไปคลายน้ำแข็งด้วยไมโครเวฟ โดยใชระบบดีฟรอสต์ (Defrost) แล้วตั้งเวลาตามความเหมาะสม จนกระทังน้ำแข็งละลายหรือคลายตัวจนสามารถนำไปใช้ได้

2. นำส่วนผสม กระเทียม พริกไทย ลูกผักชี ยีหร่า คลุกเคล้าในกะละม้ง นำส่วนผสมที่เหลือ คือ
ซอสปรุงรส เกลือป่น และน้ำตาลทรายแดง คลุกส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากันแล้วนำไปหมักกับไก่
การหมักไก่ ควรใช้เวลาอย่างน้อย 1 ชั่วโมง หรือมากกว่านั้นก็ได้ ถ้าต้องการให้ส่วนผสมเข้าเนื้อ
ไก่เร็วๆ ให้นำไปใส่ถุงพลาสติก เพื่อให้สามารถเขย่าเบาๆ ให้น้ำที่เป็นส่วนผสมเข้าได้ทั่วถึง

3. เทน้ำมันลงในกระทะ น้ำมันที่ใช้แนะนำให้ใช้น้ำมันปาล์ม เพราะมีจุดเดือดสูงกว่า ทำให้ไก่ที่
ทอดไม่ใหม้เมื่อใช้ไฟแรง เปิดไฟกลางและรอให้น้ำมันร้อน สังเกตที่ท้องกระทะ น้ำมันจะเป็นคลื่น ถ้าคลื่นหมดไปก็สามารถทอดไก่ได้

4. ก่อนทอดต้องนำเอากากของส่วนผสมต่างๆ เช่น กระเทียม พริกไทย ออกจากชิ้นไก่จาก
ก่อนนำไก่ลงทอดได้

การทอดไก่ มีเทคนิคการทอดอยู่ 2 วิธี

1.การทอดแบบสองจังหวะ
การทอดแบบนี้ต้องนำไก่ลงไปทอดในกระทะ 2 ครั้ง การทอดใน
กระทะแรกให้ใช้ใฟอ่อน เพื่อให้ไก่สุกถึงข้างใน จะไม่คำนึงถึงสีสัน ต้องใช้เวลานานพอสมควร เมื่อไก่สุก ก็นำขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำมัน แล้วจึงนำลงทอดในกระทะที่สอง การทอดครั้งที่สองจะใช้เวลาไมนานเหมือน กระทะแรก เพราะไก่สุกแล้ว การทอดนี้เพื่อต้องการสีของไก่ และความกรอบของหนังไก่เท่านั้น

2.เทคนิคการทอดไก่แบบขั้นตอนเดียว
ในช่วงแรกจะเหมือนกันการทอดแบบสองจังหวะ ต่างกันที่ใช้กระทะเพียงใบเดียว เมื่อทอดโดยใช้ไฟอ่อนเสร็จจนไก่สุกได้ที่ จึงเร่งไฟแรงเพื่อให้หนังไก่กรอบ และเป็นสีเหลืองทอง ก็สามารถตักไก่ขึ้นมาได้
การทอดเริ่มจากการนำไก่ส่วนที่ชิ้นใหญ่ ลงทอดก่อน แล้วจึงตามด้วยชิ้นที่เล็กกว่าเวลาลงทอด ห่างกันแต่ละส่วนประมาณ 3-4 นาที แล้วค่อยนำส่วนทีสุกเร็วกว่าตามลงไปเรือยๆ เมื่อครบทุกส่วนแล้ว ก็ทอต่ออีก 15-20 นาที จึงเร่งไฟแรง ทอดต่ออีก 4-7 นาทีก็พอในการทอดแบบขั้นตอนเดียวนี้ ในช่วงแรงต้องใช้ไฟอ่อน เพื่อให้ไก่สุกถึงข้างในก่อน

ส่วนที่สุกช้าที่สุดคือ ส่วนน่องติดสะโพถ นำลงไปทอด 3-4 นาที
ส่วนต่อมาคือ ส่วนอกติดกระดูก นำลงไปทอด 3-4 นาที
ส่วนสะโพก นำลงไปทอด 3-4 นาที
ส่วน น่อง นำลงไปทอด 3-4 นาที
ส่วน ปีก เมื่อส่วนต่างๆ ลงกระทะหมดแล้ว ทอดต่ออีก 15-20 นาที
เมื่อครบเวลาที่จับแล้ว ให้เร่งไฟแรง แล้วทอดด้วยไฟแรงอีก 4-7 นาที ก็สามารถนำขึ้นจาก
กระทะได้

การทำหอมเจียว และกระเทียมเจียว
เริ่มจากการปอกหอมแดง และล้างน้ำให้สะอาดชับน้ำหรือผึ่งให้แห้งจากนั้นผ่าครึ่งจากโคนถึง
แล้วเริ่มซอยหอมแดง ควรที่จะซอยให้มีความหนาบางเท่าๆ กัน เพราะถ้าชอยไม่เท่ากันปัญหาในกา
ให้สุกจะยากขึ้น เทคนิคการทอด ต้องใช้ไฟกลาง สังเกตพอน้ำมันเป็นคลื่นที่ก้นกระทะ ก็นำหอมที่ซอยแล้วลงไส่ค่อยๆ คนโห้หอมแดงกระจายตัว ไม่จับกันเป็นก้อน พอหอมเริ่มเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลอ่อนๆ ก็ช้อนจากน้ำมันได้ พักในตะแกรง หรือกระดาษชับมัน เมื่อคนขึ้นมาสีของหอมเจียวจะเข้มกว่าเดิม จะแลดูน่ารับประทาน

**การเก็บหอมเจียว
ถ้าต้องการเจียวหอมไว้โช้หลายๆ วัน การเก็บหอมเจียวถือว่ามีความสำคัญอย่างมาก Eมือเจียวเสร็จ
หอมเจียวไม่ร้อนแล้ว ให้นำเก็บไว้ในภาชนะ หรือถุงแล้วมัดหนังยางไห้พนิท ควรแยกเก็บไว้หลายถุง เพื่อใช้ในแต่ละวัน เพราะถ้านำไว้ในถุงเดียวกัน ต้องมีการเปิด-ปิดบ่อยครั้ง ทำให้หอมเจียวจะเหม็นหืนได้

สูตรน้ำจิ้ม ไก่ทอดหาดใหญ่
พริกชี้ฟ้าแดง 10 กรัม
กระเทียมสับละเอียด 30-40 กรัม
รากผักชี 4 กรัม
เกลือป่น 1 ช้อนชา
น้ำตาลทราย 120 กรัม
น้ำส้มสายชู 50 มิลลิลิตร

วิธีทำ
1. โขลกพริกชี้ฟ้ากับรากผักชีให้ละเอียด พริกชี้ฟ้าแนะนำ
ให้โขลก ไม่ควรใช้วิธีปั่น เพราะพริกจะช้ำเป็นสีดำ แลดูไม่น่ากิน
2. ผสมน้ำตาลทราย เกลือ และน้ำส้มสายชูเข้าด้วยกันนำไปตั้งไฟจนส่วนผสมทั้งหมดละลายเข้ากันดี
3. ผสมกระเทียมสับ พริกชี้ฟ้า และรากผักชีที่โขลกเตรียมไว้ลงไป
4. ตั้งไฟต่อให้น้ำจิ้มเดือด
5. เมื่อน้ำจิ้มเดือดแล้ว ให้ปิดไฟ เทน้ำจิ้มลงภาชนะใหม่ เพราะภาชนะเดิมยังร้อนอยู่จะทำให้น้ำจิ้มสีเปลี่ยนไป

****เคล็ดลับความสำเร็จ***
การขายไก่ทอดหาดใหญ่ ต้องทอดใหม่ๆ ร้อนๆ ยิ่งเวลาทอดมีกลินไก่ทอดโชยแตะจมูกจะเป็นภาร
เชิญชวนลูกค้าได้เป็นอย่างดี นอกจากไก่ทอดที่เน้นเนื้อไก่ส่วนต่างๆ อาจจะมีเครื่องในไก่ทอดขายคู่กัน บางร้านอาจแซมด้วยหมูทอด ลูกขชิ้นทอด ไส้กรอกทอด แต่ก็ต้องพิจารณาตามความเหมาะสม
นอกจากไก่ทอด จะต้องมีข้าวเหนียวที่ต้องอุ่นให้ร้อนอยู่เสมอ ซึ่งควรจะแบ่งใส่ถุงบรรจุไว้ใน
กระติกเก็บความร้อน พวกหอมเจียวก็จะขาดไม่ได้ ต้องทำใหม่ๆ อย่าให้มีกลิ่นหืนน้ำมันจะช่วยสร้างสร้างความประทับใจแก่ลูกค้าได้เป็นอย่างดี

ขอเป็นกำลังใจให้คนที่อยากมีอาชีพอิสระเป็นของตัวเอง ไก่ทอดสูตรหาดใหญ่อาจจะเป็นอีก

อาชีพเสริมที่น่าสนใจ

ที่มา หนังสือ อาหารง่าย+เงินดี = 1 วันทำได้ โดย ลุงพร ชอนอาชีพ

Read More...

ขายขนมปิ๊บ ตามตลาดนัด

สูตรทำขนม

หากำลังคิดว่า จะทำอะไรสักอย่างเพื่อเพิ่มรายได้ โดยเริ่มจากงานง่ายๆเริ่มจากทุนเล็กๆน้อยๆก่อน อาชีพขายขนมปิ๊บตามตลาดนัดเปิดท้ายเป็นอาชีพเสริมที่อย่ามองข้ามไปเป็นอันขาด เพราะ ลงทุน ไม่มาก และขั้นตอน ที่ไม่ได้ซับซ้อนอะไร ขนมแห้งที่บรรจุปี๊บขายส่ง หรือเรียกกันติดปากว่า "ขนมปิ๊บ" ซึ่งมีอยู่มากมายหลายชนิด ก็สามารถนำมาใช้ทำเป็นธุรกิจค้าขายง่าย ๆทำรายได้อย่างสบาย ๆ
โดยรูปแบบของธุรกิจ ที่ไม่มีความซับซ้อนอะไรมากซึ่งเป็นธุรอิจที่สร้างรายได้เสริมจากงานประจำได้เป็นอย่างดี

อุปกรณ์ที่ต้องใช้
-ชั้นวางขนมปังปีบ
-ตาชั่ง
-กระดาษห่อของขวัญ
-ที่ตักขนม
-ถุงแบบจีบ
-พลาสติกใส ใช้ 3 ขนาดคือ 5x8, 6x9, 7x1
-ป้ายราคา
-เครื่องซีลถุง

ขั้นตอนแพ็คขาย
เมื่อก่อนจะขายแบบให้ลูกค้าหยิบขนมจากปีบมาชั่งขายโดยตรง
เป็นขีด ๆ แต่ปัจจุบันนี้จะแบ่งขายอยู่ในถุงเรียบร้อยแล้ว โดยบรรจุเป็นแพ็คที่สวยงาม ใช้กระดาษห่อของขวัญที่หลากสีเพื่อช่วยดึงดูดลูกค้า
ขนมที่นิยมนำมาแพ็คขาย

1. ขนมขาไก่สามรส ปี๊บเล็ก ราคา 115 บาท ปี๊บใหญ่ ราคา 245 บาท
2. ขนมผิง 5 กก ราคา 245 บาท
3 ทองม้วน (ปี๊บใหญ่) ราคา 255 บาท
4. ถั่วเคลือบ 5 กก. ราคา 255 บา10 กก. ราคา 500 บาท
5. มะขามแก้ว ชนิดหวาน 5 กก. ราคา 195 บาท ชนิดเปรี้ยว 5 กก. ราคา 165 บาท
6. เวเฟอร์ (ปี๊ใหญ) ราคา 255 บาท
7. (ปีับใหญ่) ราคา 255 บาท
8.บัตเตอร์งา (ปี๊บใหญ่) ราคา 245 บาท

เมื่อแพ็คเสร็จนำมาตั้งราคาขาย ขายปลีกในราคาถุงละ 10-20 บาท แล้วแต่ชนิดของขนมและน้ำหนัก

การลงทุนเบื้องต้น : ประมาณ 5,000 บาท
ทุนวัตถุดิบ : ไม่เกิน 300 บาท/ปี๊บ
รายไต้ : 400 บาท/ปี๊บขึ้นไป

** กำไร : 25-30 % ของยอดขาย

หาทำเลดีๆเช่น ตลาดนัดเปิดท้าย หรือ ใกล้แหล่งตลาด ชุมชน โรงเรียนที่มีเด็กจะยิ่งขายดี ขอเป้นกำลังใจให้คนขยันทุกๆคนครับ

Read More...

อาชีพขายแจ่วฮ้อน

สูตรทำขนม

แจ่วฮ้อนเป็นอาหารอิสานที่รสชาติจัดจ้าน อร่อยเข้มข้นหลายๆคนชอบกินกันเป็นประจำยิ่งอากาศหนาว นั่งๆกินแจ่วฮ้อนจะช่วยทำให้ร่างกายอบอุ่นขึ้นมาก

หากใครที่คิดอยากจะหาอาชีพเสริมด้วยการเปิดร้านขายแจ่วฮ้อนก็ดีไม่ใช่น้อยเพราะวิธีทำไม่ได้ยุ่งยากมากมายอะไร

อาชีพขายแจ่วฮ้อนมานาน และเจ้าของร้านวังชวาในตัวเมืองอุบลราชธานี เป็นร้านแจ่วฮ้อนที่อร่อยมากๆ

สูตรการทำแจ่วฮ้อนสูตรนี้มาจาก คุณสุรีย์ลักษณ์ การะจักร์ ที่ทำ

ที่นักการเมืองและรัฐมนตรีเลือดอีสานต้องแวะกินเป็นประจำ แจ่วฮ้อนทำไม่ยาก ทำกินเองที่บ้านก็ได้อร่อยมากครับ

** บางท่านอาจจะเคยสังเกตเห็นว่า มีร้านแจ่วฮ้อนที่เปิดขายแบบปูเสื่อให้ลูกค้านั่งกินข้างทางตามฟุตบาต ซึ่งก็ขายดีมากๆทุกร้าน อาจจะตกแต่งร้านเพิ่มเติมด้วยการประดับไฟสวยงามเพื่อเรียกลูกค้า

หากเปิดเป็นร้านแบบนี้ สามารถตั้งราคาขายที่ชุดละ 29 บาท ลูกค้าเลือกสั่งได้ตามใจชอบ เสิร์ฟพร้อมกับผักสดๆ

กระดูกขาวัว 1 ขา
ใส่ข่าทุบให้แตก 1 แง่ง
ตะไคร้ 2 ต้น
ใบมะกรูด 5 ใบ
เกลือป่น 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 1/2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำน้ำซุปแจ่วฮ้อน
ทุบกระดูกให้แตกแล้วใส่หม้อตั้งไฟต้มกับน้ำสะอาด ใส่ ข่า ตะไคร้ ใบ มะกรูด เกลือป่น และน้ำตาลทรายตามสูตร ต้มเคี่ยวด้วยไฟอ่อน ๆนานประมาณ 1 ชั่วโมง จนได้น้ำซุปกระดูกหมูที่เข้มข้น
เครื่องประกอบแจ่วฮ้อน
เนื้อน่องวัว (เนื้อลาย) หั่นตามขวางให้เป็นแผ่นบาง ๆ
ตับ
ผ้าขี้ริ้ว
ไส้
ผักกะหล่ำปลี
ผักบุ้ง
ใบโหระพา
วุ้นเส้น

1.สูตรเปรี้ยวผสมน้ำมะนาว 2 ลูก
พริกป่น 1 ช้อนชา
น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
ข้าวคั่ว 1 ช้อนโต๊ะ
เกลือป่น 1 ช้อนชา
น้ำตาลทราย 1/2 ช้อนชา
คนให้ส่วนผสมเครื่องปรุงทุกอย่างเข้ากันดี เก็บใส่ภาชนะไว้ปิดฝา รอจำหน่ายให้ลูกค้า

2.สูตรขม
น้ำดีวัว 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
พริกป่น 1 ช้อนชา
เกลือป่น 1 ช้อนชา
ข้าวคั่ว 1 ช้อนโต๊ะ
หอมแดงซอย 3 หัว

ตะไคร้-ใบมะกรูด หั่นซอย ตามใจชอบ

เวลาเสิร์ฟใช้หม้อดินเผาใบเล็กๆตักน้ำซุปใส่ ปรุงรสเพิ่มด้วย ข้าวคั่ว พริกป่น ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด ตั้งไปบนเตาถ่านในเล็ก เมื่อน้ำซุปเดือด ลูกค้าจะใช้ตะเกียบคีบเนื้อ เครื่องใน ผักและวุ้นเส้น ลงไปจุ่มในน้ำซุป ลวกจนสุกแล้วจิ้มกับน้ำจิ้ม เหมือนกินสุกี้ยากี้ ตักน้ำจิ้มเสิร์ฟไปพร้อมกันทั้ง 2 สูตร น้ำจิ้มแจ่วฮ้อนมี 2 สูตรให้เลือก ตามใจลูกค้าเครื่องปรุง น้ำซุปแจ่วฮ้อน

Read More...

เคล็ดลับเถ้าแก่

ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ประสบความสำเร็จในการประกอบอาชีพเสริมนั้นมีมากมายหลายปัจจัย แต่ถ้าหวังจะเป็นเถ้าแก่แล้วล่ะก็ มาดูเคล็ดลับเถ้าแก่กันว่าต้องประกอบไปด้วย 4 อย่างอะไรบ้าง

Location หรือทำเลที่ดี
หมายถึง ตั้งอยุ่ในทำเลที่กลุ่มลูกค้าอาศัยอยู่จานวนมาก และสะดวกในการเดินทาง เช่น ขายอาหารก็ควรอยู่ใกล้ตลาดสด

Merchandisng มีวิธีส่งเสริมอาจขาย และดึงดูดความสนใจของผู้ซื้อ
ด้วยการจัดวางให้เด่น และสวยงาม หรือพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ เช่น
ทางขายอาหารก็ควรมีอาจจัดวางให้ษ่าทาสมีสขอนามัย

Operation Cost สามารถควบคุมต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ
ไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสินค้า เช่น ขายอาหารก็ควรรู้จักคำนวณการ
สั่งซื้อวัตถุดิบ ผักหรือเนื้อควรซื้อปริมาณที่เหมาะสม และไม่เหลือทิ้ง

Vendor Relation ให้ความสัมพันฐ์กับผู้ผลิต
ซึ่งเป็นคุณค่าอย่างใกล้ชิด และต่อเนื่อง เช่น ขายอาหารก็็ควรรู้แหล่งที่ซื้อวัตถุดิบในการประกอบ
อาหาร เช่น ผักควรซื้อจากแหล่งไหนดี ที่สะอาด ปลอดภัย และมีคณภาพ
สำหรับผู้ที่เริ่มต้นจะทำอาชีพเสริม ก่อนที่จะเริ่มด้นลงมือลงทุน หรือทำ
กิจการใด ๆ ผู้ลงทุนควรมีความพร้อม และมีความรู้ในอาชีพนั้นๆ ไม่มาก
ก็น้อย โดยก่อนที่จะตัดสินใจลงทุน ผู้ลงทุนต้องศึกษาองค์ประกอบของธุรกิจนั้นๆ อย่างละเอียดถี่ถ้วน และสิ่งที่ขาดไม่ได้คือ ต้องถามตัวเองว่า ทำไมถึงสนใจลงทุนทำอาชีพนี้ โดยด้ต้องพิจารณาจากประสบการณ์การศึกษา เงินทุนของผ้ลงทุน และสภาพแวดล้อมของธุรกิจนั้นๆ

สิ่งที่เถ้าแก่ใหม่ต้องระวัง
*มีทำเลการค้าที่ไม่ดี
สินค้าที่คุณขายก็อาจจะแจ้งไม่เป็นท่า เมื่อคุณมองหาทำเลในการทำธุรกิจต้องคำนึงถึงปัจจัยหลาย ๆ อย่างด้วย เช่น กลุ่มเป้าหมายของคุณผ่านร้านคุณบ่อยแค่ไหน ในเวลาใด ความสะดวกสบาย
ลูกค้ามาเข้าร้านคุณบ่อย หรือง่ายแค่ไหน เป็นต้น
*อย่าละเลยหรือสนใจความต้องการของลูกค้า
เมื่อสินค้าหรีอบริการของคุณดึงดูดใจลูกค้าได้แล้ว คุณต้องพยายามทุกวิถีทางที่จะรักษาลูกค้า
ของคุณไปเรื่อย ๆ การให้บริการที่แสนประทับใจกับลูกค้าเป็นหัวใจสำคัญ
ต้องระวังคู่แข่ง ผู้บริโภคในปัจจุบันไม่ยึดติดกับร้านใดร้านหนึ่ง อีกทั้ง
คนไทยเป็นพวกชอบลองของใหม่ เพราะนั้นคุณต้องคอยสังเกตคู่แข่งอยู่เสมอ
ลองใช้เวลาว่างคิดวิธีการบริการหรือสินค้าใหม่ๆ ให้กับตัวเอง

*ขาดสภาพคล่องทางการเงิน
คุณต้องรู้วิธีตรวจสอบ หรือดูยอดเงินเข้า-ออก หรือ Cash Flosw ของคุณคือ ต้องสามารถคาดการณ์เงินสดหมุนเวียนที่มีในมือ และที่ต้องใช้ในอนาคตได้ เพราะมันจะช่วยคุณวางแผนการ
ใช้เงิน และสามารถช่วยเตือนถึงปัญหาเกี่ยวกับเงินสดที่อาจเกิคขึ้น

*ไม่สนใจหาความรู้เพิ่มเติม
ผู้ประกอบการรายใหม่ควรลองมองหาพี่เลี้ยงที่
สามารถให้คำปรึกษา หรือให้คำแนะนำก่อนที่คุณจะใช้เงินลงทุนทำอะไร
นอกจากนั้นควรจะอ่านหนังสือ หรือวารสาร เปิดดูเว็บไซด์อินเทอร์เน็ต
เกี่ยวกับความรู้ต่างๆ ที่อาจนำมาปรับใช้กับธุรกิจของคุณได้
ขาดการวางแผนที่ชัดเจน การทำธุรกิจควรมีการเขียนแผนให้ชัดเจน
ถึงเป้าหมาย หรือยอดขายในแต่ละช่วง กำหนดเวลาให้แน่นอน โดยควรจะ
ทำวันต่อวันว่า ทำยอดได้ตามที่ตั้งไว้หรือไม่ ถ้ายังทำไม่ได้ควรปรับกลยุทธ์
เพิ่มยอดขายให้เร็วที่สุด เช่น จะขายให้ได้ห้าพันบาท ภายในหนึ่งเดือนควรทำ
อย่างไร
*ขาดการสำรวจตลาดอย่างแท้จริง
เพื่อตรวจสอบแนวคีดของอาชีพเสริมของเราว่าสามารถพัฒนาได้หรือไม่ อันนี้ถือเป็นหัวใจสำคัญของการทำธุรกิจที่ขาดไม่ได้โดยเด็ดขาด เถ้าแก่ส่วนใหญ่ที่ประสบความล้มเหลวเกิดจาก
ไอเดียธุรกิจไม่เวิร์ค ต่อให้มีความสามารถแค่ไหนก็ ล้มเหลวได้ ถ้าแนวคีดในการทำธุรกิจนั้นมีจุดอ่อน

*ประเมินนสถานกา์รณ์พลาด
ไม่ว่าจะเป็นขนาดของตลาด ช่วงจังหวะเวลา และอาจทำส่วนแบ่งตลาด โดยส่วนใหญ่เถ้าแก่หน้าใหม่มักตื่นเต้นที่จะนำเสนอสินค้าหรือบริการ จึงทุ่มลงทุนไปมหาศาล โดยลืมนึกไปว่ามีลูกค้า
สักกี่คนที่จะซื้อสินค้าของเรา สมมุติว่า ตลาดแห่งหนึ่งมีประชากรประมาณ
1o,ooo คน และลูกค้าของสินค้าและบริการดังกล่าวประมาณ 1,500 คน
เถ้าแก่บางคนคิดว่าขอแค่ 10 เปอร์เซ็นต์ของ 1,500 คนก้พอ แต่รู้หรือไม่ว่า
10 เปอร์เซ็นต์ดังกล่าว ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ

*ท้อแท้ง่ายเกินไป
แนวคิดที่ว่าเป็นไปไม่ได้มักจะบั่นทอนจิตใจ อย่ามัวเสียเวลามานั่งท้อ ควรหาวิธีหรือแก้ไขจุดบกพร่องและปรับปรุงให้ดีขึ้นเรื่อยๆจะดีกว่า เถ้าแก่ใหม่ต้องมีความเชื่อมั่นในตัวเอง ว่าเราต้องทำได้แน่นอน การเป็นเจ้าของกิจการ ต้องแก้ไขปัญหาให้ได้อยู่เสมอ ให้ท่องไว้ว่า “ความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั่น.

Read More...

อาชีพขายติ่มซำ อาหารว่างแสนอร่อย

สูตรทำขนม

ติ่มซำเป็นอาหารว่างที่มีต้นกำเนิดมาจากคนจีนที่มาตั้งรกรากในเมืองไทยในอดีต ได้เกิดการพัฒนามาจนมีหลากหลายรสชาติ ไส้ และรูปแบบ จนปัจจุบันนี้ ขึ้นเหลาขึ้นภัตคารมากมาย

อาชีพขายติ่มซำในรูปแบบรถเข็นเป็นทางเลือกให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงอาหารได้ง่าย ราคาไม่แพง อาชีพขายติ่มซำจึงน่าสนใจไม่ใช่น้อยสำหรับคนที่กำลังมองหาอาชีพเสริม
ยกตัวอย่างติ่มซำที่ทำง่ายๆคนทั่วไปนิยมบริโภคมากได้แก่ ฮะเก๋า และ ขนมจีบไส้ต่างๆ
ฮะเก่า

ส่วนผสม
เนื้อกุ้ง 1/2 กก.
ไข่ขาว 1 ฟอง
มันหมูเจียว 50 กรัม
มันหมูหั่น 200 กรัม
แป้งข้าวโพด 10 กรัม เกลือป่น 5 กรัม
น้ำตาล 10 กรัม
น้ำมันงานิดหน่อย
พริกไทยป่น 5 กรัม

ส่วนผสมแป่งสำหรับห่อ
1.แป้งฮ่องกง 60 กรัม
2.แป้งตั่งหมิ่น 120 กรัม

วิธีทำ
1.ล้างเนื้อกุ้งแล้วพึ่งให้สะเด็ดน้ำ แล้วนำเนื้อกุ้งมาคลุกเคล้ากับเกลือ แป้งข้าวโพด
2.จากนั้นนำเนื้อกุ้งไปตีรวมกับส่วนผสมอื่น และไข่ขาวจนเนื้อกุ้งแตกผสมเข้ากับส่วนผสมดีๆ
3.เติมน้ำมันงาตีต่อให้ส่วผสมเข้ากันดี
4.นำส่วนผสมไปแช่ตู้เย็น ประมา 30-40 นาที
วิธีผสมแป้งฮะเก๋า1. นำแป้งใส่ภาชนะ แบ่งเเป้งมันฮ่องกงออกเป็น 2 ส่วนเท่าๆ ใส่รวมกับแป้งต่งหมิ่นครึ่งหนึ่งคลุกผสมกัน
2. ใส่น้ำเดือดลงในแป้ง (แป้งตั่งหมิ่นรวมกับแป้งฮ่อฉอง) ใส่น้ำร้อนผสมแป้งให้สุกได้ที ระวังอย่าให้แฉะ
3. แล้วนำแป้งมันฮ่องกงที่เหลือ มานวดผสมลงไป ให้เข้ากัน ใส่น้ำมันพืชผสมลงไปเล็กน้อย
4. เมื่อแป้งได้ที่ดีแล้ว ให้แบ่งแป้งมาปั้นเป็นแผ่นบางๆ ใส่ไส้ลงตรงกลางแล้วห่อให้เรียบร้อย นำไปนึ่ง 5-7 นาที เสร็จขั้นตอน
6.นำฮะเก๋าที่ได้ไป แช่เย็น เวลาจะขายนำมานึ่งใหม่อีกครั้ง

วิธีทำขนมจีบไส้หมูขนมจีบเป้นเมนูที่ต้องมีติดร้านไว้ เพราะคนนิยมกินกันมาก
วิธีทำ
1. น้ำเนื้อหมูสันใน 600 กรัม เลือกใช้ที่ไม่ติดมัน นำมาสับพอหยาบๆไม่ถึงกับละเอียดมาก
2. เนื้อกุ้ง 200 กรัม มาสับหยาบๆ สับพอให้เป็นชิ้นเล็กๆ
3. นำเนื้อกุ้งและหมูที่สับแล้วมาคลุกเคล้าให้เข้ากันจากนั้นปรุงด้วย เกลือ พริกไทย น้ำตาล พริกไทย
4. คลุกเคล้าส่วนผสมทั้งหมดไให้เข้าที่
5. นำแป้งฮ่องกง หรือจะใช้แป้งมันก้ได้ ใส่ผสมลงไปเล็กน้อย คลุกเคล้าจนไส้เหนียวดี
6. นำไว้ทีได้ใปห่อด้วยแผ่นเกี๊ยว
7.การนึ่งขนมจีบนั้นก็มีเคล็ดลับนล็กน้อยคือ เวลานึ่งจะต้องตั้งน้ำให้เดือดก่อน เพราะถ้าน้ำยังไม่เดือด จะทำให้ขนมจีบเละไม่น่ากิน เมื่อน้ำเดือดแล้ว จะใช้เวลาในการนึ่งประมาณ 5 นาที

นอกจากนี้ยังมีติ่มซำแบบต่างๆอีกหลากหลายชนิด อย่างเช่น ขนมจีบไส้หมู-กุ้ง
ผักโขม หูฉลาม ฮะเก๋ากุ้ง เผีอกทอด ซาลาเปาไส้ครีมทอด เสี่ยวหลงเป่า
ต้องหมั่นศึกษาและทดลองทำ เพื่อ เพิ่มเมนูให้ลูกค้าได้เลือกกิน หมั่นสังเกตุว่าลูกค้าชอบอะไร ต้องการอะไร

ประมาณการ เงินลงทุน
เงินลงทุนเบื้องต้น 8,000 บาท
เงินทุนหมุนเวียน 1,000 บาท

ต้นทุน : ทุนประมาณ 15 บาท/เข่ง
ราคาขาย 20 บาท/เข่ง

แหล่งขาย เลือกใกล้ๆสถานศืกษา ที่มีคนสัญจรผ่านมาก ๆ หรือขายที่ตลาดนัดตอนเย็น รวมทั้งจะขายได้ดีในย่านที่มีคนเชื้อสายจีนอาศัยอยู่มากๆ

Read More...

ขนมกุยช่าย

สูตรทำขนม

"ขนมกุยช่าย" หรือกูฉ่าย เป็นอาหารว่างที่อร่อยดีต่อสุขภาพ หากินได้ทั่วๆไปเหมาะทั้งเด็กและผู้ใหญ่ แต่จะทำกุยช่ายให้อร่อยนั้นต้องมีเทคนิคนิดหน่อยที่เราต้องเรียนรู้

มาลองดูวิธีทำกุยช่ายกันดีกว่า

ส่วนผสมกุยช่าย

แป้งข้าวเหนียว 1/2 ถ้วย๕วง
แป้งข้าวเจ้า 2 ถ้วยตวง

แป้งมัน 1 ถ้วยตวง

น้ำมันพืช 1 ถ้วยตวง

น้ำ 2 ถ้วยตวง

ต้นกุยช่ายหั่นเป็นท่อน

น้ำมันพืชอีก 2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำไส้กุยช่ายมาเริ่มจากทำไส้กุยช่ายกันก่อน ต้นกุยช่ายตัดเป็นท่อนสั้นๆ 2 ถ้วยตวง ขยำกับเกลือป่นให้กุยช่ายนุ่ม

ผัดกระเทียมทุบ ใส่ซีอิ๊วขาว ผัดจนกุยช่ายสุก กุยช่ายหั่น 2 ถ้วยตวง น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ พอผัดสุก เอาไว้ทำเป็นไสักุยช่าย

วิธีทำแป้งขนมกุยช่าย

ให้ผสมแป้งทั้ง 3 ชนิดเข้าด้วยกัน (แป้งข้าวเจ้า ข้าวเหนียว แป้งมัน) จากนั้นก็ให้นำ น้ำร้อนเดือดๆ มาเทลงบนแป้ง แล้วใช้ไม้พายค่อยๆ คลุกนวดแป้งให้เข้ากันพอแป้งเริ่มอุ่นก็ใช้มือนวดไปเรื่อยๆ กวนให้แป้งเหนียวนุ่ม ไม่ติดมือ แบ่งแป้งเป็นก้อน เสันผ่าศูนย์กลาง 1 นิ้วแผ่แป้งให้มนเป็นรูปถ้วย ตักใส่ไสักุยช่าย พับครึ่ง หรือจึงให้สวยงาม หรือพับให้เป็นรูปวงกลม วางในลังถึง นั่งให้สุกยกลง พรมด้วยน้ำมันกระเทียมเจียว ขายพร้อมกับ น้ำจิ้ม

วิธีทำน้ำจิ้มกุยช่าย

ผสมซีอิ๊วหวาน 2 ถ้วยตวง ,ซีอิ๊วขาว 1/4 ถ้วยตวง ,น้ำส้มสายชู 2 ช้อนโต๊ะ ,น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ ,จากนั้นคนให้เข้ากัน ใส่พริกชี้ฟ้าแดงโขลกละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ คลุกเคล้าส่วนผสมให้เข้ากัน

*** อาจจะลองเปลี่ยนจากไสักุยช่าย เป็นไสัหน่อไม้ มันแกว เผือกหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ไสักุ้งแห้ง 1/4 ถ้วยตวง ส่วนผสมทำเช่นเดียวกับไสักุยช่าย หรือจะนำขนมไส้กุยช่ายที่นึ่งสุกแล้วมาทอดจนเป็นสีเหลือง เป็นกุยช่ายทอด เพื่อให้ลูกค้ารับประทานกับน้ำจิ้มจะอร่อย เป้นอีกหนึ่งตัวเลือกให้ลูกค้าได้รับประทานไปอีกแบบหนึ่ง

Posted by kasor at ๑๔:๒๗

Read More...

อาชีพขายผลไม้สด ผลไม้เฉาะ

สูตรทำขนม

เมืองไทยเป็นเมืองร้อนอากาศอบอ้าว แต่โชคดีที่บ้านเรามีผลไม้หลากหลายให้เลือกรับประทาน อาชีพขายผลไม้สด หรือสับเฉาะ เป็นอาชีพที่น่าสนใจ เพราะคนซื้อนิยมความสะดวก ซื้อง่ายขายคล่อง ทำกำไรได้ดี

ข้อดีของอาชีขายผลไม้สด
1. อาชีพนี้ขายได้ทุกวัน ขายง่ายใครๆก้นิยมกิน ผลไม้จะขายได้ดีกว่าขนมหรือของกินอื่นๆ เพราะมีคนจำนวนมากที่นิยมกินกัน ไม่ว่าใครๆก็นิยมกินผลไม้ ยิ่งใกล้แหล่งนักเรียนนักศึกษาหรือแถวสถานีขน ขายได้แม้ว่าจะเวลาดึกดื่นแค่ไหน และกินได้ทุกฤดูกาล

2.เป็นอาชีพที่ขายสะดวก ไม่ต้องปรุงก่อนขาย ไม่ยุ่งยาก ปอกเปลือกเสร็จ ก็เฉาะขายได้ทันที อาชีพนี้ก็มีข้อดี ผลไม้จะอร่อยด้วยตัวของมันเอง ไม่จำเป็นจะต้องใช้ฝีมือในการปรุงเข้ามาช่วยเลย ผลไม้รสชาติที่สดกรอบอร่อยในตัว

3. อาชีพนี้ขายโดยเงินลงทุนน้อย ไม่ต้องจัดหาถ้วยชาม ไม่ต้องมีเงินหลักหมื่นหลักแสนก็สามารถทำธุรกิจได้ อาจซื้อมาน้อยเดินเร่ขายน้อย แต่ถ้ามีเงินเยอะก็สามารถใช้เงิน คัดเกรทผลไม้ดีๆมาจัดวางขายบนรถเข็น บนแผงผลไม้ มีตู้กระจก มีน้ำแข็งรักษาความสด และสามารถเลือกขาย ณ ทำเลหรูมีแอร์ อย่างแถวศูนย์การค้า แถวหน้าโรงหนัง หรือแถวFood Centerของสำนักงานตึกสูงๆ และจ้างเด็กขาย

4. อาชีพนี้ขายได้กำไรสูง กำไรเป็นเท่าตัวอาชีพขายผล เมื่อเฉาะแบ่งขายแล้วจะได้กำไรเป็นเท่าตัวยกตัวอย่างเช่น -แตงโมลูกละ 40 บาท จะแบ่งขายได้ 8 ชิ้น ชิ้นละ 10 บาท= 80 บาท ถ้าลูกขนาดปกติลูกละ 30 บาท จะแบ่งขายได้ 6 ชิ้น ชิ้นละ 10 บาท = 60 บาท-แคนตาลูปเนื้อเหลืองหวานหอม ลูกละ 33 บาท จะแบ่งขาย 2 ซีก ซีกละ 33 บาท-มะละกอแขกดำสุก ลูกละ 30 บาท จะแบ่งขายได้ 6 ชิ้น ชิ้นละ 10 บาท = 60-สับปะรด1 ลูก ลูกละ 30 บาท จะแบ่งขายได้ 6 ชิ้น ชิ้นละ 10 บาท = 60 บาท-ฝรั่งสด กิโลกรัมละ 30 บาทประมาณ 3 ลูก จะเฉาะใส่ถุงได้ 6 ถุง ถุงละ 10บาท = 60-ชมพู่ องุ่น มันแกวก็เช่นกัน ซื้อมาเป็นกิโล แบ่งขายถุงละ 10 บาท ได้กำไรเท่าตัวทุกประเภทส้มเช้ง ละมุด พวกนี้จะยากตอนปอกเลือกและตัดแบ่งขาย แต่ราคาที่ขายถุงละ 20 บาท ก็ได้กำไรเท่าตัวทุกประเภทเช่นเดียวกัน

1. ต้องรู้และเข้าใจธรรมชาติของผลไม้ และต้องเลือกผลไม้เป็น ต้องรู้ว่าผลไม้บางอย่างซื้อเก็บไม่ได้ เช่น ฝรั่ง ชมพู่ องุ่น มันแกว ถ้าซื้อเก็บมันจะไม่สด ต้องซื้อผลไม้พวกนี้วันต่อวัน แต่ผลไม้บางอย่างท่านซื้อเก็บได้ เช่น สับปะรด ส้มเช้ง มะละกอ แตงโม และยังมีผลไม้บางอย่างต้องจับต้องและห่อหุ้มต้องทำอย่างระมัดระวัง ไม่งั้นผลไม้จะช้ำเสียหมด เช่น ฝรั่ง ชมพู่ ละมุด มะละกอ การเลือกผลไม้เป็น เมื่อปอกออกแล้วจะต้องเป็นผลไม้ที่กินอร่อย อาจจะต้องศึกษาข้อมูลการเลือกผลไม้ในระยะแริ่มแรก เมื่อเก่งและชำนาญแล้วก้สามารถเลือกได้ง่ายๆ การเลือกซื้อผลไม้ไม่ควรเลือกซื้จากจากผู้ขายเจ้าเดียว ควรเลือกผลไม้ที่ดีที่สุดจากผู้ขายหลายเจ้า หมายความว่าเราต้องรู้แหล่งผู้ขายหลายเจ้าด้วยว่าอยู่ที่ไหน เช่น ตลาดสี่มุมเมือง ,ตลาดมหานาคและต้องรู้ว่าเวลาที่ผลไม้แต่ละชนิดลงขาย และควรจะขยันไปเลือกซื้อก่อนผู้อื่นทุกวัน หากราคาที่ซื้อจะแพงหน่อย ก็อาจจะจะยอมซื้อเพื่อหวังขายคุณภาพเพื่อให้ลูกค้าติดใจ

2. ต้องปอกผลไม้ได้สวยและเฉาะแบ่งผลไม้เป็น ต้องหัดปอกผลไม้ให้สวย และเแาะผลไม้ได้เร็ว ผลไม้จะสวย ดูน่ากิน ขนาดเท่ากันไม่ช้ำ มีดคม ไม่เฉือนเนื้อออกเยอะเกินไป ไม่ตัดแบ่งผลไม้แล้วเหลือเศษชิ้นเล็กๆมากเกินไป

3. ร้านขายผลไม้ต้องสะอาดล้างผิวผลไม้ล้างให้สะอาดแต่เบามือเพื่อป้องกันผลไม้ช้ำ อาจต้องล้างด้วยผ้านุ่มหรือฟองน้ำผิวละเอียด อาจต้องล้าง 2 น้ำ ผลไม้บางชนิดอาจต้องล้างด้วยด่างทับทิมหรือ (baking soda) เพื่อให้สะอาดปราศจากสารปนเปื้อนและสารเคมี ยาฆ่าแมลง มือที่จะจับหรือปอกผลไม้ต้องสะอาด ใช้มีดที่สะอาด ถุงหรือบรรจุภัณฑ์ที่จะใส่ผลไม้ ต้องสะอาดถัง กะละมังที่ใช้ จัดวางบรรจุภัณฑ์ในตู้แช่ความเย็นที่สะอาดปราศจากแมลงและฝุ่น มือผู้ขายที่หยิบจับเงินจากลูกค้าจะหยิบได้แค่บรรจุภัณฑ์ผลไม้ ต้องไม่หยิบจับตัวผลไม้โดยตรง

4. ท่านจะต้องหาตลาดหรือทำเลเป็นบางครั้งอาจจะจ้างคนช่วยขาย ขายบนรถมอเตอร์ไซค์พ่วงข้าง ขายบนรถเข็น ขายบนรถกระบะที่ขับตระเวนไปจอดขายตามที่ต่างๆ ต้องดูว่าแถวๆนั้นไม่ควรมีร้านค้าคู่แข่ง หรือเราสามารถแข่งขันได้เช่น อาจขายใกล้ป้ายรถเมล์ หน้าโรงพยาบาล ตลาดนัด หน้าโรงเรียนสถานศึกษา ขายหน้าโรงงาน ใกล้ร้านอาหาร ใกล้สถานที่ราชการ ขายหน้าโรงงาน ขายใกล้สวนสาธารณะหรือสนามกีฬา ตอนกลางคืนอาจจะขายหน้าสถานบันเทิง ฯลฯ

5.ต้องหากลยุทธ์ในการขายผลไม้
• ท่านอาจจะทำบรรจุภัณฑ์ให้ดูดีน่ากิน น่าซื้อ หากบรรจุในถุงพลาสติก แม็กปากถุงขาย ใส่จำนวนน้อยหน่อย ขายถุงละ 10 บาท หรืออาจจะใส่ถาดโฟมแล้วปิดทับด้วยฟิล์มถนอมอาหาร ขายถาดละ 15 -20 บาท
• นอกจากขายปลีกแล้ว อาจจะทำแบบขายส่ง แจกเบอร์โทรศัพท์ แล้วให้เด็กนำไปส่งตามสถานที่ต่างๆ เห็นฝรั่งแช่บ๊วยทำแบบนี้ ก็มีลูกค้ามากมายทำเป้นอาชีพหลักได้เลย
• มีหลายหน่วยงานหรือสถานที่ราชการ ที่จัดเบรค เป้นของว่าง ที่ต้องการรับซื้อผลไม้พร้อมกิน ขอให้ส่งถึงที่ ขณะประชุม และขณะฝึกอบรมตอนบ่าย หากท่านขายเป็นเบรกของว่างขณะประชุมหรือขณะฝึกอบรมได้สัก 2 หน่วยงาน โดยขายได้สักวันละจำนวน 100 หากสามารถติดต่อสถานที่ราชการหรือหน่วยงานได้แบบนี้ทุกวันก้แทบจะไม่จำเป็นต้องมีหน้าร้านเลยทีเดียวผลไม้ที่มีให้เลือก 2 ชนิด ที่สด รสชาติดี ตัดแต่งสวย บรรจุสวยและสะอาด ราคาขายไม่แพงเกินไป
• การขายปลีกหรือขี่มอเตอร์ไซค์พ่วงข้างขายปลีกเอง อาจต้องจ้างเด็กมาช่วยขายแทน เพื่อขยายและเพิ่มช่องทางการขายได้อีกหลายๆแบบ อาจต้องตกแต่งรถมอเตอร์ไซค์ให้สีสวยสะดุดตา สะอาดนี้ซื้อ น่ากิน เสื้อผ้าสะอาดสีสวยสะดุดตา บรรจุภัณฑ์ที่สวยแปลกตาน่าซื้อ
• ผลไม้ที่จะขายต้องเน้นมีรสชาติดี สดใหม่ด้วย แช่เย็น กินแล้วฉ่ำ น่ากิน สีสันสวยงาม
• ถ้าขายผลไม้ไม่หมด ควรคิดค้นวิธีแปรรูปเป็นน้ำผลไม้ อาจจะตากแห้งอบ หรือปรุงรสเพิ่มเติม สามารถนำไปวางขายเป็นถุงร่วมกับผลไม้สด เพื่อเป็นทางเลือกใหม่ของลูกค้า และเพิ่มมูลค่าให้สินค้าไปในตัว**ประโยชน์ของผลไม้ที่มีต่อร่างกายคนเรา
1. พบว่า สตรอเบอรี่มีวิตามินซี อี คาโรทีนอยด์ (คล้ายเบต้าแคโรทีน) และฟลาโวนอยด์ สูงที่สุด

2.ส้มหรือผลไม้สีเหลือง จะป้องกันหรือลดความเสี่ยงของโรคมะเร็ง และโรคหัวใจ

3. นมมีประโยชน์มากกว่าน้ำผลไม้สำหรับเด็ก เพราะนมจะมีโปรตีนที่ช่วยในการเจริญเติบโตของเด็ก หากต้องการให้เด็กได้วิตามินเสริม อาจให้เด็กทานโยเกิร์ตกับผลไม้ หรือนมกับธัญพืช

4. ถ้าเป็นเบาหวาน ควรทานวิตามินซีให้มากๆ วิตามินซีจะหาได้จาก ส้ม ฝรั่ง สตรอเบอรี่ นักวิจัยชาวอิตาลีพบว่าผู้ใหญ่ที่เป็นโรคเบาหวานหากทานวิตามินซีวันละ1000 มิลลิกรัม เป็นเวลา 4 เดือน พวกเขาจะมีคอเลสเตอรอล ไตรกลีเซอไรด์ ลดลง และระดับอินซูลินเพิ่มขึ้น

5.ทานมะเขือเทศทุกวัน จะช่วยป้องกันหรือลดความเสี่ยง การเกิดมะเร็งลำไส้ มะเร็งต่อมลูกหมาก

6. ชา หัวหอม และแอปเปิล จะช่วยลดคอเลสตอรอลตัวไม่ดี ทำให้เลือดไม่เกาะตัวเป็นก้อนและอุดตันเส้นเลือด

7. ลูกเกด จะอุดมไปด้วยไฟเบอร์ และวิตามินบี จัดอยู่ในกลุ่มธัญพืชที่ควรรับประทานเป็นอาหารเช้า ร่วมกับนมและธัญพืชอื่น หรือจะใช้เป็นอาหารว่างร่วมกับถั่วต่างๆ

8. ทานผลไม้สดๆเป็นประจำ จะช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิดหัวใจวายแบบเฉียบพลันจะน้อยลง 24% ความเสี่ยงที่จะเป็นโรคเส้นเลือดสมองอุดตันแบบเฉียบพลัน 32%

Read More...

ขายน้ำผลไม้ปั่น

สูตรทำขนม

อาชีพอิสระ ขายน้ำผลไม้ปั่น
เงินลงทุน ประมาณ 4,000 บาท
(เครื่องปั่นน้ำผลไม้ 1,500 บาทขึ้นไป กระติกน้ำแข็ง 200 กว่าบาท ที่คั้นน้ำส้มอลูมิเนียม 250 บาท)

รายได้ ประมาณ 10,000 บาท/เดือน

วัสดุ/อุปกรณ์ เครื่องปั่น ที่คั้นน้ำส้ม ภาชนะใส่ผลไม้ โหลใส่น้ำเชื่อม ช้อน มีด เขียง ทัพพีกลมขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 2.5 นิ้ว แก้ว ถุงพลาสติก หลอดดูด ยางรัดถุง กระติกน้ำแข็งและภาชนะตักน้ำแข็ง

แหล่งจำหน่ายอุปกรณ์ ร้านค้า ร้านจำหน่ายอุปกรณ์ไฟฟ้า ห้างสรรพสินค้าทั่วไป คลองถม เวิ้งนครเขษม

ขอบคุณที่มา www.doe.go.th

วัตถุดิบ น้ำตาลทราย น้ำ นมสด เกลือป่น น้ำแข็ง และผลไม้ เช่น ส้ม มะนาว สับปะรด มะพร้าวน้ำหอม กล้วยหอม แตงไทย ฝรั่ง แอปเปิ้ล แตงโม แครอท เป็นต้น

แหล่งจำหน่ายผลไม้ ตลาดมหานาค ตลาดเทเวศร์ ตลาดไท ตลาดสี่มุมเมือง ตลาดคลองเตย

วิธีทำ

1. นำน้ำตาลทรายและน้ำในอัตราส่วน 2:1 ตั้งไฟ คนให้ละลายเข้ากันเป็นน้ำเชื่อม แล้วใส่โหลไว้

2. นำมะพร้าวน้ำหอมที่เตรียมไว้ เอาแต่น้ำมะพร้าวและตักเนื้อเป็นชิ้น ๆ เทใส่ภาชนะไว้

3. ผลไม้อื่น ๆ ใส่ภาชนะไว้ให้ดูสวยงาม

วิธีปั่นน้ำผลไม้ 1 แก้ว
1. น้ำส้ม - ส้ม 1-2 ผล (ขึ้นอยู่กับขนาดของผลส้ม) คั้นเอาน้ำ
น้ำมะนาว - มะนาว 1 ผล คั้นเอาน้ำ
สับปะรด - หั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ 1/3 ถ้วยตวง
มะพร้าวอ่อน - น้ำมะพร้าวพร้อมเนื้อเล็กน้อยประมาณ 1 ทัพพีกลม

2. นำน้ำหรือเนื้อผลไม้ตามที่ลูกค้าต้องการ ในอัตราส่วนข้อ 1 ใส่เครื่องปั่น

3. ตักน้ำเชื่อมใส่ประมาณ 1 ทัพพีกลม

4. ใส่เกลือประมาณ ? ช้อนชา (อาจมากหรือน้อยกว่านี้ขึ้นอยู่กับชนิดของน้ำผลไม้)

5. ตักน้ำแข็งใส่

6. ใส่นมสดเล็กน้อยตามชนิดของน้ำผลไม้ที่ลูกค้าต้องการ

7. กดปุ่มเครื่องปั่นปั่นน้ำแข็งให้ละเอียดตามความต้องการของลูกค้า

8. จากนั้นเทใส่ถุงหรือแก้วให้ลูกค้า

ตลาด/แหล่งจำหน่าย ย่านชุมชน ตลาดทั่วไป หน้าสถานศึกษา หรือเช่าสถานที่ในศูนย์การค้า

ข้อแนะนำ

1. อาจเพิ่มชา-กาแฟปั่น โอวัลตินหรือไมโลปั่น โดยใช้ชา-กาแฟสำเร็จรูป ไมโลหรือโอวัลตินชงใส่น้ำตาล และครีมเทียมหรือนมข้นหวาน นำไปปั่น หรือชง-กาแฟโบราณ ร้อน-เย็น ขายควบคู่กัน

2. การทำน้ำมะนาวปั่น ไม่ควรบีบเปลือกมากเกินไป เพราะจะทำให้มีรสขม

3. ควรสอบถามความต้องการของลูกค้าว่าต้องการรสชาติอย่างไร เช่น หวานน้อยหรือมาก และน้ำผลไม้บางชนิดต้องการใส่นมสดหรือไม่

Read More...

ทับทิมกรอบรวมมิตร ขายคล่อง-ทุนต่ำ-ทำไม่ยาก

สูตรทำขนม

“ทับทิมกรอบ” ขนมหวานไทย ๆ ที่มีรสชาติหอมหวานเป็นที่ถูกใจใคร ๆ หลายคน เป็นขนมที่ทำไม่ยาก ทำขายหารายได้เข้ากระเป๋าได้ดีไม่แพ้อาชีพอื่น อย่างรายที่ทีม “ช่องทางทำกิน” มีข้อมูลมาบอกต่อ...

ยุก-เกศิณี ทรัพย์สุรกุล เจ้าของสูตร “ทับทิมกรอบรวมมิตร” เล่าว่า จริง ๆ แล้วก็ไม่ได้เริ่มจากการเป็นแม่ค้าขายขนมหวานมาตั้งแต่ต้น หลังจากสำเร็จการศึกษาด้านบริหารจัดการก็เข้าทำงานเป็นพนักงานออฟฟิศอยู่ประมาณ 4-5 ปี ตอนหลังเริ่มเกิดความรู้สึกเบื่อในระบบงาน มีความคิดอยากจะทำธุรกิจส่วนตัวมากกว่า จึงออกจากงานและเริ่มมองหาหนทางทำธุรกิจ ซึ่งด้วยความที่เป็นคนชอบทานขนมทับทิมกรอบ และพอจะมีความรู้พื้นฐานในการทำอยู่บ้าง จึงมีความคิดที่จะลองทำทับทิมกรอบขาย

เริ่มจากทดลองทำเพื่อหาสูตรที่เป็นแบบฉบับของตัวเอง และเพื่อให้ได้รสชาติที่ถูกใจ ทดลองทำแล้วก็ให้คนในครอบครัวและเพื่อนบ้านใกล้เคียงทดลองชิม หลายคนให้การตอบรับ จึงได้ตัดสินใจเปิดกิจการขึ้น โดยใช้ชื่อในการดำเนินกิจการว่า “WARASINEE” ทับทิมกรอบรวมมิตร และสาคูนมสดแคนตาลูป

“ทับทิมกรอบรวมมิตรจะต้องมีรสชาติที่หอมหวานชื่นใจของน้ำกะทิ และต้องใส่ใจคุณภาพของวัตถุดิบอย่างมาก วัตถุดิบที่ใช้ทำจะต้องเน้นความสดใหม่ ที่สำคัญขนมที่ทำจะต้องไม่ใส่สารกันเสีย” เจ้าของสูตรกล่าว

สำหรับวัตถุดิบที่ใช้ในการทำทับทิมกรอบรวมมิตร หลัก ๆ ประกอบด้วย เนื้อแห้วหั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า, แป้งมัน, น้ำหวานสีแดง, กะทิสด, น้ำตาล, เกลือ, ดอกมะลิ และน้ำเชื่อม เป็นต้น

การเลือกสรรวัตถุดิบนั้น เกศิณีบอกว่า “แห้วที่ใช้ทำทับทิมกรอมนั้นจะต้องสั่งที่เป็นผลใหญ่ ๆ เพราะเวลาทำจะทำให้ตัวขนมนั้นกรอบอร่อย”

ในส่วนของอุปกรณ์การทำนั้น ส่วนใหญ่ก็เป็นอุปกรณ์ที่มีอยู่ในครัวเรือนทั่วไปอยู่แล้ว

ขั้นตอนการทำ เริ่มจากนำแห้วมาปลอกเปลือกแล้วทำการหั่นให้เป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า จากนั้นนำไปแช่ในน้ำหวานสีแดง โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง เพื่อให้สีแดงของน้ำหวานติดเข้าไปในเนื้อแห้ว เมื่อได้แห้วเป็นสีแล้วก็นำไปคลุกเคล้ากับแป้งมัน กะดูว่าแป้งเกาะติดเนื้อแห้วจนทั่ว ก็ทำการร่อนแป้งออก แล้วทำซ้ำอีก 1 ครั้ง

ขั้นตอนต่อไปก็นำน้ำใส่หม้อยกขึ้นตั้งไฟให้น้ำเดือด จากนั้นก็นำแห้วที่คลุกแป้งเตรียมไว้ใส่ลงไปต้มในน้ำเดือด ใช้เวลาต้มประมาณ 3 นาที ดูจนแป้งที่เคลือบแห้วนั้นใสและแห้วลอยขึ้นมา ก็ใช้ได้

ไม่ควรต้มแห้วนานเกินไป เพราะจะทำให้แป้งที่เคลือบแห้วไว้หลุดออกมา ทำให้ไม่สวยงาม

เมื่อต้มจนตัวทับทิมกรอบสุกได้ที่ลอยขึ้นมา ก็ใช้กระชอนตักขึ้นมาใส่ลงไปในน้ำเย็นสักพักเพื่อให้แป้งอยู่ตัว จากนั้นให้ตักขึ้นมาแช่ลงในน้ำเชื่อมที่เตรียมไว้อีกที เป็นอันเสร็จการทำ “ตัวทับทิมกรอบ”

ส่วนการทำ “น้ำกะทิ” เริ่มจากนำเอาหัวกะทิสดไปตั้งไฟ จากนั้นใส่น้ำตาลและเกลือ ถ้าใช้หัวกะทิ 1 กิโลกรัม ก็ใช้น้ำตาล 1 กิโลกรัม เกลือ 1 ช้อนชา ทำการเคี่ยวให้เดือด ส่วนผสมเข้ากันเป็นเนื้อเดียว ใช้เวลาประมาณ 10 นาที ยกลง แล้วนำดอกมะลิสดใส่ในชามที่มีหู นำลงเกี่ยวกับขอบหม้อน้ำกะทิ จากนั้นปิดฝาหม้ออบน้ำกะทิกับดอกมะลิทิ้งไว้ 1 คืน ก็จะได้น้ำกะทิที่มีกลิ่นหอมชื่นใจ และเข้ากับทับทิมกรอบอย่างลงตัว

เครื่องต่าง ๆ ที่ต้องเตรียมไว้ใส่กับทับทิมกรอบ ทำเป็น “ทับทิมกรอบรวมมิตร” นั้น ก็มีอาทิ สลิ่ม แห้วเชื่อม เนื้อมะพร้าวกะทิสด
เกศิณีบอกว่า อาชีพนี้ถ้าทำเล็ก ๆ ลงทุนครั้งแรกใช้ทุนประมาณ 5,000 บาทก็น่าจะพอ ส่วนทุนวัตถุดิบและรายได้นั้น ถ้าใช้ทุนค่าของประมาณ 1,000 บาท จะทำได้ประมาณ 120 ถ้วย ขายหมดจะได้ประมาณ 2,400 บาท โดยขายราคาถ้วยละ 20 บาท ถ้าเป็นแบบพิเศษเพิ่มเครื่องก็ 30 บาท

ร้าน “ทับทิมกรอบรวมมิตร” และสาคูนมสดแคนตาลูปของเกศิณี อยู่ที่ตลาดลุงเพิ่ม หลังการบินไทยสำนักงานใหญ่ แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ ขายตั้งแต่เวลา 08.30-15.30 น. ทุกวันจันทร์-วันเสาร์ ใครต้องการรับไปจำหน่ายต่อก็ได้ ติดต่อสอบถาม โทร.08-1869-9541

บดินทร์ ศักดาเยี่ยงยงค์ :รายงาน

คู่มือลงทุน...ทับทิมกรอบรวมมิตร
ทุนเบื้องต้น ประมาณ 5,000 บาทขึ้นไป
ทุนวัตถุดิบ ประมาณ 1,000 บาท / 120 ถ้วย
รายได้ ประมาณ 2,400 บาท / 120 ถ้วย
แรงงาน 1 คนขึ้นไป
ตลาด ย่านอาหาร, ตลาดนัด, ชุมชน
จุดน่าสนใจ ลงทุนต่ำ ทำไม่ยาก รายได้ดี

ที่มา เดลินิวส์

Read More...

มาทำบาร์บีคิว ขายกันเหอะ

สูตรทำขนม

เงินลงทุน : ทุนเบื้องต้น 850 (ค่าเตาย่าง) ทุนหมุนเวียน ประมาณ 1,500 บาท/วัน/400 ไม้
รายได้ : กำไรวันละ 300/วัน ขึ้นไป
วัสดุ/อุปกรณ์ : เตาย่าง โต๊ะ ถาด ถ่าน ถุงพลาสติก ไม้เสียบ

วัตถุดิบ :
- เนื้อสันในไก่
- เครื่องในไก่ 4 กิโลกรัม
- เนื้อวัว 4 กิโลกรัม
- เนื้อหมู 3 กิโลกรัม
- ผักต่าง ๆ เช่น หอมหัวใหญ่ พริกหวาน มะเขือเทศ (ลูกเล็ก ) และสับปะรด

เครื่องหมัก
- พริกไทย
- เนย
- ซอสแมกกี้
- ผงรสดี
- น้ำตาลทราย
- เกลือ
- เหล้า

วิธีทำ :
1. นำเนื้อไก่ – เครื่องในไก่ เนื้อวัว , เนื้อหมู หั่นเป็นชิ้นพองาม จากนั้นนำมาหมักด้วยพริกไทย ซ้อสแมกกี้ น้ำตาลทราย ,เนย , ผงรสดี ,เกลือ ,และเติมเหล้าลงไปนิดหน่อยเพื่อให้มีกลิ่นหอม คลุกเคล้าให้เข้ากันและหมักทิ้งไว้ประมาณ 4 – 5 ชั่วโมง

2. หั่นสับปะรดเป็นชิ้นพอคำ นำพริกหวานและหอมหัวใหญ่มาผ่าแบ่งเป็น 4 ส่วน สำหรับมะเขือเทศไม่ต้องหั่นเพราะใช้ทั้งลูก

3. นำเนื้อต่าง ๆ ที่หมักครบ 4 – 5 ชั่วโมง และผักมาเสียบไม้ ซึ่งจะประกอบด้วย สับปะรด 1 ชิ้น, พริกหวาน 1 ชิ้น , เนื้อไก่ หรือ เนื้อหมู หรือเนื้อวัว 1 ชิ้น , หอมหัวใหญ่ 1 ชิ้น พริกหวาน 1 ชิ้น และมะเขือเทศ 1 ลูก

4. นำมาย่าง ย่างไฟอ่อน ๆ จนถึงปานกลาง หมั่นกลับด้านให้สุกทั่วกัน ต้องระวังให้มาก ๆ คือ ต้องไม่ให้มีส่วนใดไหม้เกินไปจนดูไม่สวยงาม และไม่น่ารับประทาน

สถานที่จำหน่าย : ย่านชุมชน เช่น ใกล้ตลาด โรงเรียน และแหล่งที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก
ข้อเสนอแนะ :

1. การเสียบบาร์บิคิวอาจจะเสียบให้มีขนาดเล็กลงก็ได้ ราคาก็ตั้งให้ถูกลง สำหรับไม้เล็กจะประกอบด้วยพริกหวาน 1 ชิ้น สับปะรด 1 ชิ้น เนื้อไก่หรือเนื้อหมู หรือเนื้อวัว 1 ชิ้นและปิดท้ายด้วยพริกหวานอีก 1 ชิ้นก็ได้

2. การย่างมะเขือเทศ สับปะรด หอมหัวใหญ่ ควรย่างให้เกรียมพอดีรสชาติจะไม่ขม ไม่ขื่นหรือเหม็นเขียว

Read More...

สูตร(ไม่)ลับ ในการทำปอเปี๊ยะสด(ขาย)

สูตรทำขนม

เงินลงทุน : ครั้งแรกประมาณ 5,000 บาท (รถเข็นประมาณ 3,000 บาท ตู้กระจก 1,000 บาท
รายได้ : ประมาณ 9,000 บาทขึ้นไป/เดือน
วัสดุ/อุปกรณ์ : รถเข็น ตู้กระจก มีด ไม้พายเล็ก เขียง กล่องโฟม ถุงพลาสติก ยางรัดถุง

ส่วนผสม :
- แป้งปอเปี๊ยะ ½ กิโลกรัม
- เนื้อปูแกะแล้วนึ่งให้ร้อน 2 ขีด
- กุนเชียง 3 คู่ (หั่นเป็นแท่งยาว นึ่งให้ร้อน)
- ถั่วงอกลวก 5 ขีด
- แตงร้านฝานเอาไส้ออกหั่นเป็นชิ้น 1 ลูก
- หมูตั้ง (หั่นเป็นแท่งยาว) 3 ขีด
- ไข่กรอกหั่นฝอย 3 ลูก

ส่วนผสมหมูเต้าหู้ต้มเค็ม :
- เนื้อหมู 3 ขีด
- ซีอิ้วดำ 1 ช้อนโต๊ะ
- เต้าหู้เหลือง 2 แผ่น
- ซีอิ้วขาว 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลมะพร้าว 1 ถ้วย
- น้ำ 3 ถ้วย
- อบเชย 1 นิ้ว
-โป๊ยกั๊ก 2 ดอก
- น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
- รากผักชี 2 ช้อนโต๊ะ
- กระเทียม 2 ช้อนโต๊ะ
- พริกไทย 2 ช้อนชา

ส่วนผสมน้ำราดหน้าปอเปี๊ยะ :
- น้ำจากการต้มหมู-เต้าหู้ 2 ถ้วย
- น้ำมะขามเปียก ½ ถ้วย
- แป้วข้าวโพด ½ ถ้วย
- เกลือ 1 ช้อนโต๊ะ
- ผัก (ต้นหอม พริกชี้ฟ้าหั่นขวาง มัสตาด)

วิธีทำหมูเต้าหู้ต้มเค็ม :
1. นำน้ำมะพร้าวกระทะพอร้อน ใส่เครื่องที่โขลกผัดให้หอม ใส่น้ำตาลมะพร้าวเคี่ยวจนเป็น น้ำตาลไหม้ ใส่เนื้อหมู ซีอิ้วดำ ซีอิ้วขาว น้ำ อบเชย โป๊ยกั๊ก ตั้งไฟพอเดือด จึงใส่เต้าหู้หั่นเป็นแท่ง เคี่ยวพอไฟอ่อน พอหมูนุ่มยกลง

2. น้ำเหลือจากเต้าหู้ หมูต้มเค็ม ตั้งไฟพอเดือด น้ำมะขามเปียก ชิมรส เมื่อรสดีแล้ว ละลายแป้งข้าวโพดใส่พอข้นยกลง

ข้อแนะนำ : เวลาจัดเสริฟ วางปอเปี๊ยะใส่เครื่องต่างๆ ถั่วงอก แตงร้าน หมู เต้าหู้ หมูตั้ง ม้วนตัดเป็นท่อน ๆ ราดด้วยน้ำ โรยหน้าด้วยปูแกะแล้ว ไข่หั่น พริกชี้ฟ้าหวานกับ มัสตาด

Read More...

ตะโก้(วิธีทำ) อร่อยแบบขนมไทย

สูตรทำขนม

เงินลงทุน :   1,500 บาท
รายได้ :   200 บาท/100 กระทง
วัสดุอุปกรณ์ : เตาแก๊ส หม้ออะลูมิเนียม ทัพพี มีด เขียง กระบวย ช้อน
แหล่งจำหน่ายวัสดุ/อุปกรณ์ :   ร้านค้าขายเครื่องครัวทั่วไป ห้างสรรพสินค้า

ส่วนผสม :
- แป้งถั่วเขียว 3 ช้อนโต๊ะ
- แป้งข้าวเจ้า 300 กรัม
- น้ำตาลทราย 300 กรัม
- หัวกะทิ 200 กรัม
- น้ำสะอาด 1.5 กิโลกรัม
- หางกะทิ 300 กรัม
- เกลือ ใบเตยหอม

วิธีทำ :
1. นำแห้วมาปอกเปลือกล้างน้ำให้สะอาด หั่นแห้วเป็นชิ้นเล็ก ฝอยๆ ใส่หม้ออะลูมิเนียม

2. นำแป้งถั่วเขียวละลายน้ำสะอาด 1 กิโลกรัม เสร็จแล้วนำมากรองด้วยผ้าขาวบาง ยกขึ้นตั้งไฟปานกลาง โดยใช้ไม้พายผลักไปข้างหน้ากลับไปกลับมาพอแป้งเริ่มใส ประมาณ 30 นาที จึงใส่น้ำตาล กวนต่อไปจนใสและแห้งลงมีลักษณะข้น จึงใส่แห้วที่หั่นเรียบร้อยแล้ว พอแป้งสุกก็ยกลงตักใส่กระทงใบเตย ประมาณครึ่งกระทงจนแป้งหมด

3. ละลายแป้งข้าวเจ้ากับน้ำสะอาด 500 กรัม เติมหัวกะทิและหางกะทิลงไปใส่เกลือเล็กน้อย คนให้ละลาย นำไปตั้งไฟอ่อนจนข้นและเดือดยกลง จากนั้น ใช้ช้อนตักใส่บนแป้งถั่วที่อยู่ในกระทงจนหมด ตั้งพักไว้รอจนกว่ากะทิเย็น เรียงตะโก้ลง ในถาดเพื่อรอจำหน่ายต่อไป

การทำกระทงใบเตย : นำใบเตยหอมล้างน้ำให้สะอาดเช็ดให้แห้ง ใช้ใบเตยยาว 5 นิ้ว แต่ละนิ้วใช้มีดตัดครึ่งใบเท่านั้น แล้วซ้อนก้นเป็นรูปกระทง แล้วใช้ด้ายเย็บ หรือใช้ไม้กลัดเล็กกลัดใบเตยที่ซ้อนกันสี่ด้าน จะปิดตรงก้นกระทงพอดี อาจมีรูตรงกลางนิดเดียวใช้ใส่ขนมได้

ตลาด/แหล่งจำหน่าย : แหล่งชุมชน ตลาดนัด ส่งขายตามห้างสรรพสินค้า

สถานที่ฝึกอบรม :
1. สำนักส่งเสริมและฝึกอบรม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โทร. 942-8200-45 ต่อ 1336-1339
2. สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตพระนครใต้ โทร. 211-2052, 211-2056, 212-5700-1

ข้อแนะนำ :
1. เวลากวนแป้ง ห้ามคนเป็นวงกลมอย่างเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นแป้งจะคืนตัวเป็นน้ำ ให้ใช้ทัพพีคนในลักษณะขึ้นลง ๆ หรือใช้ทัพพีผลักแป้งไปข้างหน้าแล้วผลักกลับมาหาตัวเอง

2. นอกจากทำตะโก้จากแห้วแล้ว ควรทำตะโก้เผือก ข้าวโพด ฯลฯ ด้วยเพื่อให้ลูกค้าได้เลือกตามความต้องการ

Read More...

จะเริ่มต้นทำธุรกิจขายขนมปัง-สังขยา นมสด อย่างไรดีมาดูกัน

สูตรทำขนม

เงินลงทุน : ครั้งแรกประมาณ 6,000 บาทขึ้นไป (ไม่รวมค่าเช่าสถานที่) (เตาแก๊สพร้อมถัง ประมาณ 2,500 บาท ตู้กระจก 2,000 บาท นมสดประมาณ 16 บาท/กิโลกรัม)
รายได้ :   ประมาณ 800 – 1,000 บาท/วัน
วัสดุ/อุปกรณ์ : เตาแก๊สพร้อมถัง ตู้กระจก หม้อ ทัพพี ลังถึง ผ้าขาวบาง จาน ถ้วย แก้ว ถุงพลาสติก และหลอดดูด
แหล่งจำหน่ายวัสดุอุปกรณ์ :   ร้านค้าทั่วไป ห้างสรรพสินค้า
แหล่งจำหน่ายนมสด :   ฟาร์มโคนมต่าง ๆ
วิธีทำ :   นำขนมปังที่ใหม่ เนื้อนุ่ม และมีกลิ่นหอมมาหั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมพอคำ แล้วนำไปนึ่งให้อุ่น เสิร์ฟใส่จานหรือใส่ถุงให้ลูกค้าพร้อมสังขยา

ส่วนผสมสังขยาทาขนมปัง (กลิ่นใบเตย)
- มะพร้าวขูดขาว ½ กิโลกรัม
- นมสดจืด 1 ½ ถ้วยตวง
- น้ำตาลทราย 1 ½ ถ้วยตวง
- ไข่ไก่ 3 ฟอง
- เกลือ 1/3 ช้อนชา
- ใบเตยสด 3 ใบ
- แป้งสาลี 3 ช้อนโต๊ะ
- แป้งมัน 2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ :
1. นำมะพร้าวมาคั้นกับน้ำอุ่น ๆ ให้ได้น้ำกะทิ 3 ถ้วยตวง และนำใบเตยสดที่ตำละเอียดมาคั้นกับน้ำ กรองกากใบเตยออก ให้ได้น้ำใบเตย 5 ช้อนโต๊ะ

2. นำนมสดจืดใส่หม้อ ใส่ไข่ (เฉพาะไข่แดง) คนให้เข้ากัน ใส่น้ำตาล เกลือ น้ำกะทิคนให้เข้ากันแล้วจึงใส่น้ำใบเตย คนให้ทั่วอีกครั้ง

3. นำแป้งสาลีและแป้งมันมาละลายน้ำเล็กน้อยค่อยๆ เทใส่ผสมลงในหม้อ คนให้เข้ากันทั้งหมด นำหม้อขึ้นตั้งไฟอ่อน ๆ คนไปเรื่อย ๆ จนแป้งขึ้นเงาและสุกทั่ว จึงยกลง

วิธีทำนมสด :
1. นำนมสดที่ซื้อมานึ่งเสียก่อน แล้วจึงผสมกับน้ำตาลทรายขาวในอัตราส่วน นมสด 2-3 ลิตร/น้ำตาลทราย 1½ ถ้วยตวง คนให้ละลายเข้ากัน

2. เมื่อลูกค้าสั่งนมสดร้อน ให้นำนมสดที่ผสมแล้วในข้อ 1. ไปอุ่นให้ร้อนเล็กน้อย หากสั่งนมสดเย็น ก็ใส่กับน้ำแข็งเสิร์ฟใส่แก้วหรือถุงให้ลูกค้า

ตลาด/แหล่งจำหน่าย : ตลาดโต้รุ่ง ย่านชุมชน บริเวณใกล้โรงเรียนหรือมหาวิทยาลัย หรือเช่าพื้นที่ของศูนย์การค้า/ห้างสรรพสินค้า

สถานที่ฝึกอบรม :
1. สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตพระนครใต้ โทร. 211-2052,211-2056
2. ชมรมลุงขาวไขอาชีพ โทร. 538-3981

ข้อแนะนำ :
1. ควรสั่งซื้อนมสดมาจำหน่ายเฉพาะที่ต้องการใช้ในแต่ละวันเพื่อความใหม่สดของน้ำนม เพราะอายุของนมสดจะอยู่ได้เพียงวันเดียว แต่ถ้ามีเหตุต้องเหลือจริงๆ ให้เก็บรักษาไว้ในตู้เย็น

2. หากมีเงินลงทุนมาก อาจเปิดเป็นร้านจำหน่าย โดยตกแต่งให้ทันสมัยน่ารักมีโต๊ะ–เก้าอี้และภาชนะต่างๆ ที่เสิร์ฟดูสวยงาม มีเครื่องต้มนมสดและเครื่องทำความเย็นแบบมีก๊อกเปิด-ปิด เพื่อรินนมใส่แก้ว เป็นต้น นอกจากนี้ควรดัดแปลงให้มีการจำหน่ายหลากหลายขึ้น โดยปรุงแต่งนมสดรสชาติต่างๆ เช่น นมสดรสโกโก้ นมสดรสกาแฟ นมแดง นมถั่วแดง ฯลฯ รวมทั้งขนมปังต่าง ๆ เช่น ขนมปังปิ้งทาแยม ทาเนย ทาน้ำพริกเผา เป็นต้น

Read More...

ข้าวเหนียว-หมูปิ้ง(วิธีทำ)มาแล้วจร้าาาาา

สูตรทำขนม

เงินลงทุน : เงินลงทุนเริ่มแรกประมาณ 3,600 บาท (รถเข็น 3,000 บาท เตาถ่านและตะแกรงย่าง 100 บาท)
รายได้ : ประมาณ 6,000 บาท/เดือน
อุปกรณ์ : รถเข็น เตาถ่านและตะแกรงย่าง ไม้เสียบหมูย่าง ถุงพลาสติก

วิธีทำ :
ส่วนผสม
- หมู 1 กิโลกรัม
- กะทิ ½ ถ้วยตวง

- น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
- ซีอิ๊วดำ 1 ช้อนชา
- รากผักชี กระเทียม พริกไทยโขลกละเอียด 1 ช้อนชา

วิธีทำ : หั่นเนื้อหมูเป็นชิ้นบางๆ กว้าง 1 นิ้ว ยาว 3 นิ้ว นำมาคลุกกับน้ำตาลทราย น้ำปลา ซีอิ๊วดำ กระเทียม พริกไทย รากผักชี หมักไว้ 1 ชั่วโมง จากนั้นนำหมูมาเสียบไม้ ย่างไฟปานกลาง ขณะที่ย่างพรมหัวกะทิ ย่างจนสุกได้ที่

ข้าวเหนียว : นำข้าวเหนียวประมาณ 2 กิโลกรัม แช่น้ำทิ้งไว้ค้างคืน จึงซาวน้ำทิ้ง แล้วนำมานึ่งโดยใส่น้ำอย่าให้ท่วมข้าวเหนียว นึ่งประมาณครึ่งชั่วโมง

ตลาด/แหล่งจำหน่าย : ตลาด แหล่งชุมชน
ข้อแนะนำ :
1. หากบริเวณที่อยู่อาศัยเป็นทำเลที่เหมาะกับการค้าขาย ก็ไม่ต้องซื้อรถเข็น ทำให้ประหยัดเงินลงทุนได้
2. ทำให้สะอาดน่ารับประทาน และใช้เนื้อหมูสด ๆ ไม่ผสมสีหรือสารกันบูด

Read More...