สูตรขนม สูตรอาหาร อาชีพรายได้เสริม ประกาศฟรี โฆษณาฟรี Career Articles Extra Income
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

Drop Down MenusCSS Drop Down MenuPure CSS Dropdown Menu

พิซซ่าหน้าแฮมมายองเนสฉบับโฮมเมดโดยใช้ขนมปัง! ได้ออกมาเป็นแป้งพิซซ่าบางกรอบ เมนูง่ายๆแต่อร่อยคับอกค่า


เช้าวันหยุดแบบนี้แม่ครัว Ching Can Cook ภูมิหัวใจเสนอเมนูสุดพิเศษ “พิซซ่าขนมปังบางกรอบฉบับโฮมเมด” ซึ่งเป็นเมนูพิซซ่าที่แสนง่ายดาย ไม่ต้องผสมป้งผสมแป้งให้ยุ่งยากแม้แต่น้อย เพราะวันนี้แม่ครัวชุ้งชิ้งจะใช้ขนมปังแทนค่ะ รับรองว่าถ้าลองแล้วจะติดใจจ้า ^___<


DSC04101_resize

 วัตถุดิบ
1 ขนมปัง
2 Eden Cheese
3 แฮม หรือเพื่อนๆจะใช้ไส้กรอก เบค่อนได้หมดค่ะ
4 มะเขือเทศ
5 มายองเนส
6 ซอสพิซซ่า
วิธีทำ
1 เตรียมซอสพิซซ่า หาถ้วยมาซักใบ ปรุงรสด้วย ซอสมะเขือเทศ น้ำมันหอย ซอสปรุงรส น้ำตาลทราย ผงปรุงรส เนย ซอสเปรี้ยว พริกไทยป่น ชิมแล้วปรับจนได้รสชาติที่ชอบ พักไว้

DSC04099_resize
DSC04100_resize
DSC04097_resize
DSC04098_resize
3 ใช้ขนมปัง 2 แผ่นซ้อนกัน หาขวดมาซักใบ จากนั้นก็รีดขนมปังให้บางที่สุด
DSC04102_resize
DSC04103_resize
DSC04104_resize
4 ใช้มีดตัดขอบเพื่อความสวยงาม
DSC04105_resize
DSC04106_resize
DSC04107_resize
5 ทาขนมปังด้วยซอสพิซซ่า จากนั้นก็วางมะเขือเทศ ตามด้วยแฮม มายองเนส โรยหน้าด้วย Eden Cheese
DSC04108_resize
DSC04109_resize
DSC04110_resize
DSC04111_resize
DSC04112_resize
6 สุดท้ายนำเข้าเตาอบไฟบน ประมาณ 200 องศานานประมาณ 10 นาที หรือจนชีสละลายเกรียมสวยกำลังดี
DSC04113_resize

วันนี้บอกวิธีการทำอย่างละเอียดเลย รับรองว่านำสูตรไปทำกันได้ทุกคนค่ะ เอาหล่ะ มาชมผลงานกันอีกครั้งนะคะ ^ ^

DSC04114_resize
DSC04116_resize
DSC04119_resize
DSC04117_resize
DSC04118_resize

เชื่อว่าตอนนี้ต้องมีคนน้ำลายหก อิอิ รีบออกไปหาซื้อ Eden Cheese เลยค่ะ แล้วเข้าครัวทำเมนูนี้กัน วัตถุดิบน้อยมาก อาหย่อยจุงเบย งั่มๆ ^ ^

#Eden Cheese สินค้าใหม่ ที่การันตีความอร่อยจากผู้ผลิต Kraft ^___<

ใครชอบกด Share ให้กำลังใจชิ้งน้อยด้วยนะคะ ขอบคุณค่า ^ ^ แล้วอย่าลืมเข้าไปกด Like เพจ Eden Cheese ด้วยนะคะจะได้ไม่พลาดข่าวสารดีๆ คลิ๊กเลยที่
https://www.facebook.com/EdenCheeseThailand

Read More...


ข้ า ว ต้ ม จิ้ ม


วัตถุดิบ...
1.ข้าวเหนียว 1 1/2 กิโลกรัม ซาวล้างให้สะอาด ไม่ต้องแช่
2.กล้วยนำ้ว้าสุกงอม 1 หวี ปอกเปลือกผ่าครึ่ง
3.มะพร้าวอ่อนค่อนแก่ หรือ มะพร้าวห้าว(อย่าอ่อนมาก)ขูดรอไว้
4.เกลือป่น
5.ใบตอง สำหรับห่อ ฉีกตามปริมาณที่จะมัด (ตัดตากแดดให้ใบตองนิ่ม)
6.ตอกไม้ไผ่สำหรับมัด แช่นำ้ 30 นาที

วิธีทำ...
1.ประกบ ใบตองสองใบเอาด้านมันออก ตักข้าวเหนียว 2 ช้อนโต๊ะ วางด้วยกล้วย ตักข้าวเหนียว 2 ช้อนโต๊ะ ห่อด้วยใบตองเหมือนข้าวต้มมัดทั่วไป ทำเหมือนกัน สองกลีบจับมัดด้วยตอก ห่อไปจนหมด
2.นำข้าวต้มที่มัดเสร็จแล้วใส่ลงหม้อโดยเรียงใส่ในหม้อให้แน่ (จะตั้งขึ้นหรือนอนอยู่ที่จำนวนมากน้อย)ถ้าไม่แน่นจะลอย
3.เรียง ข้าวต้มเสร็จ ใส่นำ้ในหม้อให้ท่วมข้าวต้มมัด นำใบตองที่เหลือมาวางปิดด้านบน (เผื่อข้าวต้มลอยก็จะอยู่ใต้ใบตองจะไม่ลอยขึ้นมาเหนือนำ้) ใช้เวลาในการต้ม 2 ชั่วโมง นับตั้งแต่นำ้เดือด ครบเวลาปิดไฟ
4.ตักข้าวต้มมัดที่สุกขึ้นใส่ ชาม/ถาด พักไว้ให้เย็น
5.นำมะพร้าวขูดผสมกับเกลือให้ออกเค็มนิดหน่อย
6.แกะข้าวต้มออกแบ่งเป็นสามส่วน โรยมะพร้าวขูด จิ้มน้ำตาลทราย

Read More...


เค้กโรลกล้วยลายยีราฟ Giraffe Mini Banana Cake -

 โตเกียวบานาน่าลายยีราฟ Tokyo Banana เป็นเค้กที่หลายๆ คนชื่นชอบ เพราะเนื้อเค้กนุ่มและมีกลิ่นหอมของกล้วย คลิปนี้เลยนำเค้กโรลธรรมดามาวาดลวดลายลงบนผิวให้เหมือนผิวของยีราฟ เพื่อเพิ่มความแปลกใหม่ให้กับตัวเค้ก ใครที่ชอบเค้กโรลไม่ควรพลาดเลย


วัตถุดิบ
สำหรับ 6-10 ชิ้น เวลา 45 นาที

1.ไข่แดง 3 ฟอง
2.น้ำตาลทราย(1) 35 กรัม
3.น้ำมันสลัด 40 มิลลิลิตร
4.น้ำเปล่า 60 มิลลิลิตร
5.แป้งเค้ก 80 กรัม
6.ผงฟู 1/2 ช้อนชา
7.เกลือ 1/8 ช้อนชา
8.ไข่ขาว 3 ฟอง
9.น้ำตาลทราย(2) 35 กรัม
10.ผงโกโก้ 1 ช้อนชา
11.สีผสมอาหารสีเหลือง
12.กลิ่นกล้วย
13.ไส้ Banana Cream

วิธีทำ
1. อุ่นเตาอบ 175 องศาเซลเซียส

2. ร่อนแป้ง ผงฟู เกลือ พักไว้

3. ตีไข่แดงกับน้ำตาลทราย(1) ให้สีอ่อนลงเล็กน้อย

4. ใส่น้ำ น้ำมันลงไปผสมให้เข้ากัน

5. ใส่แป้งที่ร่อนไว้ลงไป ผสมให้เข้ากัน

6. ตีไข่ขาวให้เป็นฟองหยาบๆ ทยอยใส่น้ำตาล(2) ลงไป ตีจนไข่ขาวตั้งยอดอ่อน

7. นำไปผสมลงในส่วนผสมแรกที่พักไว้ แบ่งใส่ 3 รอบ

8. ตะล่อมให้ส่วนผสมเข้ากัน

9. ตักส่วนผสมแยกออกมา 2 ช้อนโต๊ะ ผสมผงโกโก้ลงไป ค่อยๆ คนให้เข้ากัน ใส่ถุงบีบ

10. บีบลงบนกระดาษไขให้เป็นลายยีราฟ ตามต้องการ นำไปอบประมาณ 30 วินาที - 1 นาที

11. เทส่วนผสมที่เหลือลงพิมพ์ที่วาดลายไว้อบไฟบนล่างอุณหภูมิ 175 องศาเซลเซียส ประมาณ 10-12 นาที

12. นำเค้กออกจากเตาแล้วคว่ำเค้กลง ลอกกระดาษไขออก

13. วางพักจนเค้กเย็นสนิท

14. นำไส้ Banana Cream ใส่ถุงบีบเตรียมไว้

15. เมื่อเค้กเย็นแล้ว นำเค้กมาตัดแบ่งเป็น 4-6 ส่วนเท่าๆ กัน ถ้าชิ้นไหนบางสไลด์เป็น 2 แผ่น

16. นำเค้กวางบนพลาสติกคลุมอาหารบีบไส้ลงไปตรงกลาง ม้วนเค้กไปจนสุดแล้วห่อด้วยพลาสติกคลุมอาหารให้แน่น

17. บิดหัวท้ายให้เค้กแน่น นำไปแช่ตู้เย็นจนแข็งตัวแล้วจึงนำออกมาตัด

ที่มา Foodtravel.tv

Read More...


ช็อกโกแลตซาลาเปาไส้ไหล Lava Chocolate Steamed Buns

ซาลาเปา สูตรนี้ รับประทานเป็นของหวานร้อนๆ อิงตามกระแสเล็กน้อย เนื่องจากมีไส้ที่ไหลอกมาได้ แต่ตัวแป้งเป็นรสช็อกโกแลตที่มาจากผงโกโก้ ส่วนไส้นั้นเป็นช็อกโกแลตนุ่มๆ ที่ใครๆ ก็หลงรัก


 

ส่วนประกอบ

แป้งซาลาเปา

น้ำอุ่น 125 กรัม
ยีสต์ 1 ช้อนชา
แป้งเค้ก 250 กรัม
ผงโกโก้ 8 กรัม
ผงฟู ¼ ช้อนชา
น้ำตาลทราย 55 กรัม
เกลือ 1⁄8 ช้อนชา
เนยขาว 25 กรัม

ไส้ช็อกโกแลต

ไข่แดง 2 ฟอง
น้ำตาลทราย 50 กรัม
แป้งข้าวโพด 15 กรัม
นมสด 200 กรัม
ช็อกโกแลต 200 กรัม

วิธีทำ


1. ทำไส้ช็อกโกแลต โดยตีไข่แดง น้ำตาลทราย และแป้งข้าวโพดให้เข้ากัน พักไว้


2. นำนมไปตั้งไฟ พอร้อนดี ก็นำมาผสมกับส่วนผสมไข่ ใช้ตะกร้อตีให้เข้ากัน ถ่ายกลับใส่หม้อนำไปตั้งไฟ ใช้ตะกร้อตีให้ข้นดี นำออกจากความร้อน สับช็อกโกแลตคอมพาวด์ลงไป ผสมให้เข้ากัน พักให้เย็นลง แบ่งออกเป็น 15 ส่วน เพื่อเป็นไส้


3. ผสมยีสต์ในน้ำอุ่น พักไว้ประมาณ 5 นาที


4. ร่อนแป้งเค้ก ผงโกโก้ ผงฟู และเกลือ ใส่ลงในโถผสม ใส่น้ำตาลทรายลงไป ตามด้วยน้ำที่ผสมกับยีสต์ ใช้หัวตีตะขอหรือมือนวดแป้งให้เนียนดี แล้วใส่เนยขาวลงไป นวดต่อจนแป้งเข้ากันดี ตัดแป้งแบ่งเป็นก้อนละ 30 กรัม คลึงเป็นทรงกลม ห่อไส้ แล้วนำไปพักให้ขึ้น 2 เท่า ประมาณ 1 ชั่วโมง นำซาลาเปาไปนึ่งด้วยไฟแรงเป็นเวลา 12 นาที รับประทานทันที


ที่มา : พลพรรคนักปรุง 30 ตุลาคม 2556
สูตรโดย : พล ตัณฑเสถียร 

credit by :  https://plus.google.com/+KanokonPanyabun/posts/ePQBuBCg41L

Read More...


กลมกล่อม “สลัดอกเป็ดรมควัน” “เชอเบทส้ม”อร่อยชื่นใจ

 

 หลายเดือนมาแล้วที่ผมได้ไป จ.เชียงใหม่ และได้แวะไปร้านสุริยันจันทรา ซึ่งเป็นร้านขายของตกแต่งบ้าน เฟอร์นิเจอร์ และแผ่นซีดีต่าง ๆ เมื่อไปถึงก็ได้เห็นความเปลี่ยนแปลงเพราะเขาเปิดเป็นร้านอาหารด้วย ชื่อว่า เลเลฟอง บาย สุริยันจันทรา เป็นอาหารฝรั่งเศส และทำได้ดีมาก

ร้านนี้ จัดร้านได้อย่างสวยงาม น่านั่ง บรรยากาศดี วันนั้นผมไปกัน 5 คน เลยสั่งอาหารมาลองชิมเยอะพอสมควร เมื่อหาที่นั่งได้แล้ว สิ่งแรกที่สั่งมากิน คือ สลัดอกเป็ดรมควัน เสิร์ฟกับผักร็อกเก็ตและน้ำสลัด อกเป็ดทางร้านไม่ได้รมควันเอง เพราะเดี๋ยวนี้มีขายสำเร็จรูปแล้ว ซึ่งก็ใช้ได้มีคุณภาพพอสมควร นุ่ม รสชาติไม่เค็มเกินไปนัก ส่วนน้ำสลัดก็รสชาติดีกลมกล่อม

หลังจากนั้น ผมสั่ง เนื้อรมควันต่าง ๆ มากิน โดยจะต้องกินกับขนมปังฝรั่งเศสที่พนักงานปิ้งและห่อด้วยผ้าขาวบางใส่ตะกร้า มาให้ สวยงาม หรูหราดีเหลือเกินเหมือนกำลังนั่งกินอยู่ที่ประเทศฝรั่งเศสเลย ต้องเอาเนื้อรมควันมาใส่ในขนมปังกินกับผักดองและหอมหัวเล็ก ๆ ดอง หรือจะทาเนยนิดหน่อยแล้วกินเคียงกับขนมปังก็อร่อยเช่นกัน

ยังมี ตับบด ทำจากตับไก่บดแล้วนำไปแช่เย็นเอาไว้ เมื่อมีคนสั่งก็นำมาเสิร์ฟ ทาคู่กินกับขนมปัง มัน ๆ ดีครับ เนื้อตับบดอร่อยดี ไม่ขม ผมรู้สึกว่าเขาน่าจะใส่เหล้าลงไปด้วยเล็กน้อย


ต่อมาเป็น สลัดร็อกเก็ตกับแอปเปิ้ลและบูลชีส ซึ่งคนที่ไม่ชอบกินบูลชีสคงจะไม่ชอบเมนูนี้สักเท่าไรนักเพราะเป็นชีสที่มี กลิ่นค่อนข้างแรง ออกเหม็น ๆ สักหน่อย เสิร์ฟมากับแอปเปิ้ลและถั่ววอลนัท มีน้ำสลัดใส ๆ ราดมาให้เลย เมื่อผมได้ชิมแล้วอร่อย เข้ากันเป็นอย่างดี แม้บูลชีสอาจจะมีกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์นัก แต่ผมอยากให้ลองชิมดูก่อน เพราะเมื่อนำมาใส่รวมกับวัตถุดิบอื่น ๆ แล้ว รสชาติออกมาอร่อยครับ

จาก นั้นเป็นสลัดปลาแซลมอนดิบ หรือที่มีชื่อเรียกว่า สลัดปลาแซลมอนทาร์ทาร์ จานนี้ไม่ประทับใจผมสักเท่าไรเพราะน่าจะใช้ปลาแซลมอนที่สด ไม่ใช่เอาปลาแซลมอนแบบแช่แข็งมาทำ เพราะจะทำให้เนื้อปลาเหนียวด้าน ๆ ไม่อร่อย

ยังมี ลาบเนื้อของฝรั่งเศสด้วยนะครับเป็น ยำเนื้อดิบทาร์ทาร์ มีไข่แดงวางอยู่ข้างบนเนื้อด้วย และมีเครื่องเคียงต่าง ๆ จัดวางไว้ข้าง ๆ จาน ตัวเนื้อสับด้วยมือทำเป็นก้อนเล็ก ๆ แล้วเอาไปยำมีคัสตาร์ดใส่เข้าไปด้วยคลุกเคล้ากันให้มีความมัน แต่ยำแบบฝรั่งเศสนี้จะไม่มีรสชาติของความเผ็ดและจะไม่ใส่ข้าวคั่วนะครับ โดยจะต้องกินกับขนมปังที่ปิ้งมาบาง ๆ จะอร่อยมาก เป็นอาหารจานโปรดของผมเลยครับสำหรับเมนูนี้

อาหารหลักผมสั่ง ขาเป็ดคองฟี่ ซึ่งเป็ดจะต้องนำไปตุ๋นเสียก่อนในน้ำซุปที่จะให้กลิ่นที่หอมและให้ความชุ่ม ชื่น หลังจากนั้นก็ทำให้เย็น แล้วถึงจะนำไปแช่ในน้ำมันของห่าน และแช่ตู้เย็นทิ้งไว้ พอถึงเวลาก็ค่อยเอามาปาดน้ำมันออกและเอาไปอบ โดยจะต้องอบกระทั่งกรอบและหอม เสิร์ฟกับผักและราดด้วยซอส โดยที่ร้านทำได้ดี นุ่มและไม่แห้ง รสชาติดีใช้ได้

ต่อมาเป็นเมนูพาสต้า ผมสั่งมา 2 อย่าง อย่างแรกเป็น เส้นพาสต้าผัดหอยเชลล์ โดยเขาจะทำมาเป็นจานเล็ก ๆ แล้วนำมาเสิร์ฟให้เรากิน รสชาติไม่เลี่ยนเพราะไม่ได้ผัดด้วยซอสมะเขือเทศ ซึ่งทำได้ดีอร่อย ส่วนอีกจานเป็น เส้นพาสต้าผัดกุ้งแม่น้ำ จานนี้ก็อร่อยเหมือนกัน และก็ไม่เลี่ยนจนเกินไปนัก
ยังมีปลาแซลมอนทอดเสิร์ฟกับซอส หน้าตาดูน่ากิน จัดตกแต่งจานมาอย่างสวยงาม และ สันในหมูห่อด้วยเบคอนทอด โดยจะเสิร์ฟคู่กับซอสเห็ดแบบฝรั่งเศส จานนี้ก็หน้าตาดีเช่นกัน เมื่อชิมแล้วทั้ง 2 จาน รสชาติดีทั้งคู่

ส่วน ของหวานมี เชอเบทส้ม ที่ทางร้านทำเอง อร่อยและช่วยตัดความเลี่ยนได้เป็นอย่างดี เพราะมีรสเปรี้ยว และยังมี เครม บรูเล่ ซึ่งทำมาเป็นถ้วยโดยจะแช่เย็นเอาไว้ ด้านหน้าเป็นน้ำตาลเผาให้ไหม้ อร่อยดี ทั้ง 2 อย่างผมแค่ขอชิมแต่สำหรับผมทางร้านทำ ชีสนานาชนิดเสิร์ฟกับผลไม้ มาเป็นของหวานให้ผมกินก็อร่อยไม่แพ้กัน

ร้าน นี้ทำให้ผมตกใจเพราะเชฟยังเด็ก ๆ กันอยู่เลยครับ ครัวก็เล็กนิดเดียวแต่อาหารของเขาเสิร์ฟไม่ช้า ไม่ต้องรอนาน ถ้าเพื่อน ๆ ได้ไป จ.เชียงใหม่ ผมอยากให้ลองไปชิมที่ร้านนี้กันดู อาหารอร่อยครับ.
หมึกแดง
www.mcdangguide.com


Read More...


เปิดตำนานผู้คิดค้น ‘ขนมปังฝรั่งเศส’



เปิดตำนานผู้คิดค้น ‘ขนมปังฝรั่งเศส’ ‘อีริค ไคย์เซอร์’ ทายาทรุ่นที่ 4
“บาแก็ต” (Baguette) หรือขนมปังฝรั่งเศส มีลักษณะเป็นแท่งยาวขนาดใหญ่ เปลือกนอกแข็งกรอบ เนื้อข้างในหอมนุ่มเหนียว มีโพรงอากาศมากมาย ชาวฝรั่งเศสนิยมทานกับซุปร้อน ๆ หรือเนย ซึ่งชาวโลกรู้จักกันดีจนบาแก็ตแทบจะกลายเป็นขนมปังประจำชาติฝรั่งเศสไปแล้ว โดยตระกูล “ไคย์เซอร์” ผู้คิดค้นบาแก็ตได้มีการสืบทอดทายาทกันมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันเป็นรุ่น ที่ 4 แล้ว และมีการพัฒนากระบวนการผลิตจนสามารถขยายสาขาได้เป็นร้อยกระจายอยู่ทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยของเราด้วย


เมื่อ ไม่นานมานี้ได้มีการจัดงานเลี้ยงต้อนรับ “อีริค ไคย์เซอร์” เชฟขนมปังระดับโลก ที่เดินทางมาเปิดสาขาร้าน “เมซง อีริค ไคย์เซอร์” ในประเทศไทย จัดโดย “ตีแยรี วีโต” เอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทย ณ ทำเนียบเอกอัครราชทูตฝรั่งเศส ท่านทูตกล่าวต้อนรับว่า รู้สึกดีใจและยินดีที่อีริคจะเข้ามาเปิดร้านที่เป็นแบรนด์ระดับโลกของ สัญชาติฝรั่งเศสในประเทศไทย เพื่อให้คนไทยได้ลิ้มลองขนมปังต้นตำรับของฝรั่งเศส

ด้าน อีริค เล่าย้อนถึงอดีตว่า เท่าที่จำความได้ตอนนั้นอายุได้ 5 ขวบ ด้วยความที่ครอบครัวเปิดร้านขนมปัง ดังนั้นชีวิตตั้งแต่วัยเด็กจนกระทั่งเติบโตได้เรียนรู้อะไรมากมาย ตั้งแต่การนับเลข คือการหัดนับจำนวนไข่ที่นำมาใช้ทำขนมปัง การหัดทำขนมปัง ซึ่งขนมปังชิ้นแรกที่เริ่มหัดทำ คือ “พายแอปเปิ้ล” ร้านในยุคนั้นขนมปังจะมีทุกประเภท อาทิ ขนมปังกลม ทาร์ตขนมปังชาวเวอร์ โดว์ บาแก็ต และเพรสตี้ ต่อมาช่วงที่อายุ 10 ขวบ ครอบครัวได้เลิกกิจการร้านขนมปัง ซึ่งตอนนั้นไม่ทราบเหตุผลเพราะยังเด็ก


ถึง แม้ว่ากิจการของครอบครัวจะล้มเลิกไปในยุคของคุณพ่อ ซึ่งมีการทำขนมปังมาตั้งแต่รุ่นคุณทวด เมื่อมาถึงเขาซึ่งเป็นทายาทรุ่นที่ 4 มีสายเลือดเชฟทำขนมปังอยู่เต็มตัว จึงไม่ปล่อยโอกาสให้หลุดลอยไป เพราะการที่ได้อยู่ ในครอบครัวที่มีพื้นเพด้านนี้อยู่แล้ว สิ่งที่ได้คือ การซึมซับจิตวิญญาณของการเป็นช่างทำขนมอบ รวมถึงความรักและหลงใหลในวิชาชีพนี้ ทั้งหมดคงเรียกได้ว่าเป็นแรงบันดาลใจในการสานต่อทำกิจการร้านขนมปัง ซึ่งจากประสบการณ์และการฝึกฝนทำให้เกิดการเรียนรู้ และพัฒนาสู่การเป็น “เมซง อีริค ไคย์เซอร์” ในปัจจุบัน

จากการที่สนใจเรียนรู้อยู่ ตลอดเวลา โดยการเดินทางไปเรียนทำขนมปังทั่วประเทศฝรั่งเศส จนกระทั่งในวัย 15 ปี จึงได้เริ่มเป็นครูสอนทำครัวซองและบาแก็ต และเมื่ออายุ 16 ปี ได้เข้าศึกษาเทคนิคการทำขนมให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้นที่ Compagnons du Devoir et du Tour de France ถือเป็นองค์กรที่ดีที่สุด เป็นระยะเวลา 6 ปี และตลอดเวลาที่ศึกษาอยู่ที่นั่นต้องย้ายเมืองเพื่อเรียนรู้ประสบการณ์ทุก 6 เดือน ดังนั้นประสบการณ์ที่ได้รับจากที่นี่คือการเป็นทั้งผู้ทำขนมและผู้สอนควบคู่ กันไป

กระทั่งในปี ค.ศ.1994 เริ่มคิดค้นเครื่องจักรที่เรียกว่า “แฟมองโตเลอแวงค์” (Fermentolevain) เพื่อช่วยให้ช่างทำขนมปังไม่ต้องอดหลับอดนอนตื่นตั้งแต่ตี 4 มาทำขนมปัง และยังสามารถรักษาอุณหภูมิของแป้งโดว์ให้คงความสดและให้อุณหภูมิของการหมัก มีการคงที่ จึงถือว่าเครื่องแฟมองโตเลอแวงค์เป็นเทคโนโลยีที่เข้ามาช่วยให้เชฟมีความ สะดวกสบายมากขึ้นโดยที่คุณภาพความเป็นต้นตำรับของขนมปังฝรั่งเศสยังคงเหมือน เดิม

ต่อมาในปี ค.ศ.1996 เปิดร้านเบเกอรี่ ชื่อ “เมซง อีริค ไคย์เซอร์” แห่งแรกบนถนน Monge ในกรุงปารีส จึงเป็นที่มาของการเรียกชื่อขนมปัง “บาแก็ต โมงช์”(Baguette Monge) กลายเป็นขนมปังฝรั่งเศส เพราะเป็นเอกลักษณ์ของร้าน ซึ่งเคล็ดลับของการทำขนมปังให้อร่อยและได้รับการยอมรับมี 4 อย่าง คือ 1.ใช้วัตถุดิบที่มาจากธรรมชาติ เช่น ยีสต์ธรรมชาติ รวมถึงไม่ใช้วัตถุดิบประเภทแช่แข็ง 2.เลือกวัตถุดิบที่ดีที่สุด 3.ขบวนการหมักที่ยาวนานเหมาะสมมากพอ 4.คงความดั้งเดิมที่ผสานกับเทคโนโลยี เพื่อให้คนอบขนมได้มีชีวิตที่ดีขึ้น แต่คุณภาพไม่เปลี่ยนแปลง


ส่วน เอกลักษณ์ของขนมปังหรือขนมอบของอีริคคือ 1.ลักษณะภายนอกที่มีความกรอบนอก นุ่มใน โดยเมื่อบีบเนื้อขนมปังบาแก็ตหรือครัวซองจะพบว่าผิวนอกมีความกรอบ 2.เมื่อทดลองบีบเนื้อขนมลงไปจะได้กลิ่นของความหอมสดใหม่ ที่เกิดจากการหมักยีสต์ธรรมชาติ 3. เมื่อผ่าเนื้อขนมปังทางแกนกลางจะเห็นว่ารูอากาศในเนื้อขนมปังจะมีขนาดที่แตก ต่างคละกัน นั่นหมายถึงการที่แป้งได้ผ่านการหมักที่เข้าที่ ถูกวิธี และยาวนาน สุดท้ายเมื่อลิ้มลองจะพบว่ามีความนุ่ม เพราะเกิดจากการใช้มือนวดอย่างถูกวิธี

นักทำขนมอบจะมีลักษณะ เหมือนนักเคมีที่ควรจะรู้วิธีปรุงแต่ง นำส่วนผสมมารวมกัน และเป็นผู้ที่พร้อมรอคอย เพราะการรอคอยจะทำให้ได้ขนมอบที่ดี ซึ่งเป้าหมายและความฝันที่ตัวเองตั้งไว้คือเป็นนักอบขนมที่ดี และสอนผู้คนให้รู้ถึงการทำขนมอบที่ดี สิ่งเหล่านี้จึงเป็นที่มาของการเปิดสาขาและการเขียนหนังสือแนะนำวิธีการอบ ขนมสูตรต่าง ๆ ซึ่งประเทศที่ตนรู้สึกประทับใจตอนที่ไปสอนให้รู้จักการทำขนมอบและการนวดแป้ง คือ แอฟริกา

สาเหตุที่เริ่มเขียนหนังสือ เพราะอยากให้ผู้คนที่ชื่นชอบงานด้านนี้ได้เรียนรู้วิธีทำขนมและอาหารที่ ง่ายๆ สิ่งที่สังเกตเห็นคือบางคนที่รู้สูตร แต่ไม่รู้เคล็ดลับในแง่ของวิธีการที่จะทำขนมที่ง่ายๆ ให้มีข้อบกพร่องเกิดขึ้นน้อยที่สุดได้อย่างไร ซึ่งจุดเด่นของการทำขนมปังคือ การใช้มือนวดแป้งให้เข้ากัน ปัจจุบันได้เขียนหนังสือทั้งหมด 12 เล่ม โดยเล่มล่าสุดมีจำหน่ายที่ประเทศไทยด้วย ส่วนสูตรทำขนมปังเป็นสูตรดั้งเดิมของร้านที่สืบทอดกันมาถึง 4 รุ่น ผสมผสานกับกระบวนการผลิตสมัยใหม่ จึงมีขนมปังที่เป็นซิกเนเจอร์ คือ “บาแก็ต” ด้วยความที่ใช้ยีสต์สดหมักค้างคืนและค่อย ๆ นวดช้า ๆ

อย่าง ไรก็ตามอาจกล่าวได้ว่า การรับประทานขนมปังของชาวฝรั่งเศสเป็นเหมือนประเพณีและวัฒนธรรมที่คล้ายคลึง กับคนไทยที่จะรับประทานข้าวเป็นหลักและมีทุกมื้อ ชาวฝรั่งเศสก็เช่นกันทานขนมปังทุกมื้อไม่ว่าจะเป็นทานกับซุป เนย น้ำผึ้ง ไข่ และแฮม ซึ่งในความเป็นจริงนอกจากบาแก็ตแล้ว ขนมปังฝรั่งเศสยังมีอีกหลายชนิด เช่น ครัวซอง เพรสตี้ ซึ่งเป็นพายที่มีความเป็นชั้นแป้งให้รสหวานหรือคาว โดยมีผลไม้หรือเนื้อสัตว์ผสม ขนมปังซาวเวอร์ โดว์ที่มีเนื้อแป้งรสเปรี้ยว ตามความนิยม

ปัจจุบันร้าน “เมซง อีริค ไคย์เซอร์” มีสาขาอยู่ทั่วโลกมากกว่า 110 สาขา ใน 23 ประเทศทั่วโลก ในส่วนของเอเชีย มี 9 ประเทศคือ ญี่ปุ่น เกาหลี ไต้หวัน ฮ่องกง สิงคโปร์ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ กัมพูชา และประเทศไทยเป็นประเทศล่าสุด หากใครสนใจอยากลิ้มลองขนมปังฝรั่งเศสสูตรต้นตำรับสามารถไปชิมได้ที่ ร้านเมซง อีริคไคย์เซอร์ (Maison Eric Kayser) ถนนทองหล่อ ระหว่างซอย 3 กับซอย 5 ตั้งแต่เวลา 11.00-21.00 น. ซึ่งเป็นสาขาแรกในประเทศไทย จึงไม่ต้องเดินทางไปชิมไกลถึงฝรั่งเศสกันแล้ว.

ชญานิษฐ คงเดชศักดา
................................................................................................
สโลแกนเด็ด
“Good Bread doesn’t lie” เป็นสโลแกนประจำตัวของ “อีริค ไคย์เซอร์” ที่มักพูดติดปากเสมอ แปลว่า “ขนมปังที่ดีโกหกกันไม่ได้” เพราะรสชาติที่ได้ลิ้มลองนั้นย่อมสื่อถึงคุณภาพของทุกส่วนผสมที่รังสรรค์ อย่างเข้าใจและรู้จริง

ปัจจุบันในแวดวงเชฟขนมหวานทั่วโลกต่างยอมรับ ว่า “อีริค ไคย์เซอร์” คือ ผู้เชี่ยวชาญด้านการทำขนมปังที่มีทั้งพรสวรรค์และความคิดสร้างสรรค์เป็นเลิศ ทั้งยังเป็นเจ้าของนวัตกรรม “แฟมองโตเลอแวงค์” (Fermentolevain) เครื่องที่ช่วยรักษาอุณหภูมิที่เหมาะสมของแป้งโดว์ เพื่อให้ได้คุณภาพที่ดี ไม่เหมือนใคร โดยมีผู้ผลิตเครื่องไฟฟ้าอย่างอีเลคโทรลักซ์เป็นผู้ผลิตและทำการตลาดให้ นอกจากนี้เขายังเขียนตำราขนมอบสูตรต่าง ๆ ไว้หลายเล่ม รวมถึงการเป็นครูของสถาบันขนมอบชั้นสูงแห่งชาติฝรั่งเศสด้าน Baking และ Patisserie

“อีริค ไคย์เซอร์” ถือเป็นเชฟขนมปังในสายเลือด เพราะตระกูลไคย์เซอร์ ทำขนมปังมาตั้งแต่รุ่นทวด อยู่ที่แคว้นอัซซัส ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศฝรั่งเศส เขาได้รับการฝึกอบรมความรู้เรื่องขนมปังตั้งแต่วัย 14 ปี และได้รับการฝึกเทคนิคต่าง ๆ ให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้นเป็นเวลา 6 ปี ที่ Compagnons du Devoir et du Tour de France ถือเป็นองค์กรที่ดีที่สุดในด้านงานฝีมือและศิลปะจากนั้นไปฝึกฝนการอบขนมที่ สถาบัน INBP (Frence National School of Bakers) อีก 10 ปี

ด้วย ประสบการณ์ที่สั่งสมอย่างยาวนานจากการเป็นเชฟขนมปังตั้งแต่ปี 2529 และเป็นหนึ่งในบรรดาเชฟด้านขนมอบที่เดินทางไปทั่วประเทศฝรั่งเศส อีริค ไคย์เซอร์ จึงได้แต่งหนังสือและตำราขนมอบซึ่งเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายจำนวนหลายเล่ม ได้แก่
1.Pains, Evolution et Traditions, INBP (1993)
2.100% Pain ; solar (2006)
3.Beyond the Bread Basket, Flammarion (2007)
4.Larousse du Pain ; Larousse (2013)
5.New Frence recipes, Flammarion

 


Read More...


กะหรี่ปั๊บ ไส้สมุนไพร...กำไรดี

“กะหรี่ปั๊บ” อาหารสไตล์ตะวันตกผสมกับอินเดีย เดิมเป็นที่นิยมโดยชาวมุสลิมในประเทศไทย มีชื่อเสียงมากใน อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี ปัจจุบันมีขายทั่วไป ไส้กะหรี่ปั๊บที่เห็นมีหลากหลาย อาทิ ไส้ไก่,ไส้ถั่วเหลือง, ไส้ถั่วดำ, ไส้เผือก, ไส้สับปะรด, ไส้มะพร้าวอ่อน, ไส้องุ่น ,ไส้ช็อกโกแลต, ไส้ทุเรียน ฯลฯ รวมไปถึง “ไส้ไก่สมุนไพร” และ“ไส้เห็ดหอมสมุนไพร” ซึ่งทีมคอลัมน์ “ช่องทางทำกิน” มีข้อมูลมานำเสนอในวันนี้...

นิภา อาบทอง และกรีฑา แซ่ตั้น เจ้าของร้าน “นิภา กะหรี่ปั๊บ และปั้นสิบ” ย่านถนนเลียบคลองทวีวัฒนา เขตทวีวัฒนา เล่าว่า ตนและครอบครัวทำกะหรี่ปั๊บ, ปั้นสิบ, ครองแครงทอด และกรอบเค็ม มานานกว่า 20 ปี โดยอาศัยหมุนเวียนขายไปตามตลาดนัด และตลาดน้ำต่าง ๆ ตามกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด

“ช่วงปีที่ผ่านมา เห็นว่าน่าจะเปลี่ยนแปลงไส้กะหรี่ปั๊บ เพื่อจะได้มีลูกค้าใหม่ ๆ เข้ามา จึงได้ไปอบรมเกี่ยวกับเครื่องเทศในอาหาร และได้สูตรไส้กะหรี่ปั๊บใหม่ ๆ ขึ้นมา ได้แก่ ไส้ไก่สมุนไพร, ไส้เห็ดหอมสมุนไพร และไส้ปลาทูน่า จึงได้ทำขายเพิ่มตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา” นิภา กล่าว

อุปกรณ์ในการทำ กะหรี่ปั๊บ หลัก ๆ มี เครื่องนวดแป้ง, ไม้รีดแป้ง, ที่ตัดแป้ง, เตาแก๊ส, กระทะ และภาชนะต่าง ๆ ที่ใช้ในครัว

ส่วนผสมของ กะหรี่ปั๊บ หลัก ๆ มีแป้งชั้นนอก, แป้งชั้นใน และไส้กะหรี่ปั๊บ

ส่วนผสมของ แป้งชั้นนอก มี แป้งสาลี 5 กก., น้ำตาลทราย 500 กรัม, น้ำมันพืช 1 ลิตร, เกลือป่นเล็กน้อย, และไข่ไก่ 4 ฟอง

ในขณะที่ แป้งชั้นใน มีส่วนผสมของ แป้งสาลี 1 กก. และน้ำมันพืช 1/2 ลิตร

วิธีทำ แยกนวดแป้งชั้นนอก และแป้งชั้นในออกจากกัน ส่วนวิธีนวดเหมือนกัน คือ เทส่วนผสมทั้งหมดในกะละมัง แล้วใช้มือนวด หรือใช้เครื่องนวดแป้งนวด นวดให้แป้งและส่วนผสมทุกอย่างเข้ากัน

เมื่อนวดแป้งเข้ากันดีแล้ว ให้ตัดแป้งแต่ละชนิดออกเป็นชิ้น ๆ โดย แป้งชั้นนอก แบ่งออกเป็นชิ้น ๆ ละ 20 กรัม ในขณะที่ แป้งชั้นใน แบ่งออกเป็นชิ้น ชิ้นละ 1.4 กรัม

รีดแป้งแต่ละชิ้นให้บาง แล้ววางส่วนแป้งชั้นในลงบนแป้งชั้นนอก พับครึ่ง แล้วใช้ที่รีดแป้งรีดให้เข้ากัน เสร็จแล้วม้วนแป้งเป็นวงกลมเพื่อให้แป้งเป็นชั้น ๆ

ในส่วนของ ไส้กะหรี่ปั๊บ ข้อมูลมีดังนี้ คือ....

ไส้ไก่สมุนไพร มีส่วนประกอบคือ เนื้อสันในไก่บด 1 กก., มันฝรั่งหั่นชิ้นเล็ก 5 กก., หอมหัวใหญ่หั่น 5 กก. และหัวหอมแดงเจียวพอประมาณ ในขณะที่ส่วนผสมเครื่องปรุงรส หลัก ๆ มีน้ำตาลทราย 1.5 กก., ผงกะหรี่ 70 กรัม, ซอสปรุงรส, พริกไทยดำบด, งาดำ-งาขาวคั่ว และเกลือป่นอีกพอประมาณ

วิธีทำ ผัดหัวหอมใหญ่กับน้ำมันให้สุก แล้วใส่เนื้อไก่ลงไปผัดให้เข้ากัน ปรุงรสด้วยเครื่องปรุงรสต่าง ๆ อาทิ ผงกะหรี่, ซอสปรุงรส น้ำตาลทราย, หัวหอมเจียว, งาขาว-งาดำ, พริกไทยดำ และเกลือป่น ผัดจนส่วนผสมทุกอย่างเข้ากัน เสร็จแล้วใส่มันฝรั่งหั่นลงไปผัดให้เข้ากันจนสุก ชิมรสให้ออกหวาน ๆ เค็ม ๆ ให้มีกลิ่นของผงกะหรี่ และกลิ่นพริกไทยด้วย เตรียมไว้

ส่วน ไส้เห็ดหอมสมุนไพร มีส่วนประกอบคือมันฝรั่งหั่นชิ้นเล็ก 2 กก., เห็ดหอมแช่น้ำ (หั่น) 500 กรัม, หัวหอมใหญ่หั่น 500 กรัม และแครอท(หั่นชิ้นเล็ก) 1 กก. ในขณะที่ส่วนผสมเครื่องปรุงรส หลัก ๆ มีน้ำตาลทราย 800 กก., พริกไทยดำบด 800 กรัม, ซอสปรุงรส, งาดำ-งาขาวคั่ว และเกลือป่นอีกพอประมาณ

วิธีทำ ผัดหัวหอมใหญ่กับน้ำมันให้สุก ตามด้วยเห็ดหอม ผัดให้เข้ากัน ปรุงรสด้วยเครื่องปรุงรสต่าง ๆ อาทิ ซอสปรุงรส, น้ำตาลทราย, หัวหอมเจียว, งาขาว-งาดำ, พริกไทยดำ และเกลือป่น ผัดจนส่วนผสมทุกอย่างเข้ากัน เสร็จแล้วใส่มันฝรั่งหั่นลงไปผัดจนสุก ชิมรสให้ออกหวาน ๆ เค็ม ๆ ให้มีกลิ่นของผงกะหรี่ และกลิ่นพริกไทยด้วย เตรียมไว้

วิธีการห่อ และทอดกะหรี่ปั๊บ นำแป้งกะหรี่ปั๊บมารีดเป็นแผ่นบาง ๆ กว้าง 8 ซม. และยาว 12 ซม. ตักไส้กะหรี่ปั๊บพอประมาณใส่ลงไปตรงกลางแผ่น แล้วพับครึ่ง ใช้นิ้วหัวแม่โป้ง และนิ้วชี้จับจีบให้เป็นเกลียวที่ขอบแป้งเพื่อปิดขอบแป้งให้สนิท และดูสวยงาม ทำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะได้จำนวนกะหรี่ปั๊บตามที่ต้องการ บรรจุใส่ภาชนะ คลุมด้วยผ้าขาวบางกันไม่ให้ลมและฝุ่นเข้า

ตั้งกระทะ ใช้ไฟแรงปานกลาง ใส่น้ำมันพืชให้ท่วมตอนทอด รอจนกระทั่งน้ำมันเดือด ค่อย ๆ ใส่กะหรี่ปั๊บทีละชิ้นลงไปทอด รอจนกระทั่งกะหรี่ปั๊บลอยขึ้นมา แล้วค่อย ๆ หรี่ไฟลงเล็กน้อย และคอยหมั่นใช้ตะหลิวคอยพลิกไป-มา ระวังอย่าให้กะหรี่ปั๊บไหม้ เมื่อกะหรี่ปั๊บเริ่มสุก สังเกตว่ามีสีเหลืองทอง เท่านี้ก็ตักขึ้นมาพักให้สะเด็ดน้ำมัน บรรจุใส่ถุงถุงละ 6 ชิ้น ขายในราคา 60 บาท

ใครสนใจ “กะหรี่ปั๊บไส้สมุนไพร” ของ นิภา และกรีฑา เจ้าของกรณีศึกษา “ช่องทางทำกิน” รายนี้ ติดต่อได้ที่ โทร. 08-1406-1445, 08-1874-8976 และ 08-5555-8018.

สุภารัตน์ ยอดศิริวิชัยกุล : รายงาน

สุนิสา ธนพันธสกุล : ภาพ

.....................................................................................................

คู่มือลงทุน…กะหรี่ปั๊บไส้สมุนไพร

ทุนอุปกรณ์ ประมาณ 10,000 บาทขึ้นไป

ทุนวัตถุดิบ ประมาณ 60% ของราคาขาย

รายได้ ราคา 60 บาท/6 ชิ้น

แรงงาน 1-2 คนขึ้นไป

ตลาด ชุมชน/ออกร้าน/ย่านท่องเที่ยว

จุดน่าสนใจ ใช้ไส้สมุนไพรเพิ่มมูลค่าให้ขนม

credit by : http://www.dailynews.co.th/article/318455

Read More...


ฉ่ำชื่นรื่นรสกับ ‘ยำทูน่าสลัด’



จังหวะ กลับมาเมืองไทยพานักข่าวแห่งเทเลกราฟไปสัมภาษณ์ล้วงลึกชีวิตตั้งแต่วัยเกิด ที่เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ ดังนั้นคอลัมน์ “สูตรเด็ด...พร้อมเสิร์ฟ” สบช่องมีโอกาสจองตัว แดง-สายพิณ มอร์ เจ้าของร้าน โรซ่า ไทย คาเฟ่ (Rosa’s Thai Cafe) ร้านอาหารไทยประจำกรุงลอนดอน ซึ่งฮอตฮิตติดอันดับ 1 ใน 50 ร้านที่ได้รับการโหวตจากคนอังกฤษ มาจับเข่าคุยเล่าประวัติบนเส้นทางสายอาหาร นับว่าแซ่บและจัดจ้านไม่แพ้รสชาติอาหารของร้านที่ปัจจุบันเติบโตงดงาม มี 6 สาขาทั่วกรุงลอนดอน ประกอบด้วย สปิตาฟิลด์, โซโห, เวสต์ฟิลด์ สแทรกฟอร์ด, คาร์นาบี้ สตรีท, แองเจิ้ล และเชลซี

สาวอารมณ์ดีเล่าว่าพื้นเพเป็นคน เขาค้อ ด้วยความที่เป็นลูกชาวไร่ ต้องช่วยพ่อแม่ทำอาหารหน้าที่หลักคือหุงข้าว โอกาสกินข้าวนอกบ้านแทบไม่มี ทำให้ปลูกฝังวิชางานครัวมาโดยอัตโนมัติ จนกระทั่งเรียนจบมัธยมศึกษาตอนปลาย ได้ยินประกาศรับสมัครพี่เลี้ยงเด็กที่ฮ่องกงจึงยื่นใบสมัครไป การก้าวสู่โลกกว้างครั้งนี้จึงเป็นจุดเริ่มต้นแวดวงนี้จริงจัง “ดิฉันทำงาน 2 แห่ง นอกจากช่วยเชฟอยู่ในร้านอาหารแล้ว ยังเป็นพนักงานขายสินค้าไทยนำเข้า พอคลุกคลีตรงนี้ ทำให้ดิฉันรู้จักวัตถุดิบแต่ละชนิดลึกซึ้งขึ้น ต่อมามีลู่ทางจึงเปิดร้านขายของชำเอง เมื่อเห็นว่าของสดบางชนิดอยู่ได้ไม่นาน จึงแปรรูปเป็นอาหาร เช่น แกงเขียวหวาน น้ำยาขนมจีน แกงไตปลา ส้มตำ ขายกลุ่มแม่บ้านคนไทย ปรากฏว่าทำกำไรงาม แต่สามีชาวอังกฤษต้องย้ายกลับประเทศจึงตัดสินใจขายกิจการและนำเงินก้อนนั้น เป็นทุนเปิดร้านที่อังกฤษ”

ด้วยความที่อัธยาศัยดีมีเพื่อนเยอะ จึงได้รับเชื้อเชิญไปทำข้าวกล่องขายในโรงอาหารของบริษัทเพื่อนแถบลอนดอน บริดจ์ ทุกวันพฤหัสบดี และเหมือนโชคชะตานำพาวันหนึ่งคุณแดงและสามีเดินเล่นในตลาดย่านสปิตาฟิลด์ เห็นฟู้ดสโตร์หลายร้านเกิดความคิดอยากขายอาหารที่นี่บ้าง จึงติดต่อกับเจ้าของสถานที่และได้มาหนึ่งคูหา ทุกวันคุณแดงตื่นตี 4 มาปรุงอาหาร และซื้อเตาแก๊สปิกนิก 5 หัว เป็นเชื้อเพลิงทำเมนูแกงเขียวหวาน, แกงแดงหน่อไม้, พะแนงไก่, มัสมั่น, ผัดไทย, เปาะเปี๊ยะสด และส้มตำ

ปรากฏ ว่าขายดีถล่มทลาย วันหนึ่งตึกฝั่งตรงข้ามว่างลง คุณแดงกับสามีได้ประมูลร้านมาโดยคงชื่อร้านเดิมไว้ “โรซ่าเป็นชื่อที่ตั้งมานานแล้ว เป็นชื่อของเจ้าของร้านซึ่งเป็นป้าแก่ ๆ ขายประเภทอาหารเช้า เราไม่ต้องการเปลี่ยนชื่อเพราะดูขลังดีและตัดอักษรชื่อร้านก็สวย จึงเปลี่ยนเพียงเมนูที่นำเสนออาหารไทยรสชาติต้นตำรับและมีความสดใหม่” คุณแดงเล่า ทั้งหมดนี้คือจุดเริ่มต้นก่อนขยายธุรกิจร้านอาหาร 6 สาขา ในปีนี้คุณแดงตั้งเป้าเปิดเพิ่มอีก 2 สาขา และจะให้ครบ 10 สาขาในอนาคต จึงเบนเข็มไปเปิดบูติกโฮเต็ลเล็ก ๆ สักแห่ง นับว่าคุณแดงมีหัวด้านบริหารแบบมืออาชีพ จนได้รับการคัดเลือกจากองค์กร Growth Accelerator มอบรางวัลธุรกิจอาหารและจัดเป็นระเบียบมากที่สุดมาครอง


การ ทำให้คนกินนับเป็นความสุขของคนอยู่ไม่สุขเช่นเธอ คุณแดงเล่าว่า “ช่วงหนึ่งกลับมาอยู่เมืองไทย อยู่เฉย ๆ ก็เบื่อพอส่งลูก ๆ ไปเรียนที่โรงเรียนนานาชาติเสร็จ ฝ่ายแม่ก็จัดของใส่รถไปเปิดท้ายขายข้าวยำแหนม ที่ตลาดนัดบึงกุ่มอีก เช่นเดียวกับที่อังกฤษเคยไปสอนทำอาหารอย่างสนุกสนานในสโมสรฟุตบอลเอฟเวอร์ ตัน ของบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) อีกด้วย”

ฟังมานานชัก เคลิ้มอยากลองชิมฝีมือ วันนี้เจ้าของผลงานหนังสือคุกบุ๊กโด่งดัง โดยมีออคโตปุส พับลิชชิ่ง เป็นผู้พิมพ์ จึงรังสรรค์เมนูอร่อยประจำร้าน ได้แก่ “ยำทูน่าสลัด” ส่วนผสมประกอบด้วย ปลาทูน่า 300 กรัม, ขิงซอย 50 กรัม, พริกขี้หนู 5 เม็ด, กระเทียมทุบ 3 หัว, พริกไทยดำ 1/2 ช้อนชา, แคปเปอร์ 2 ช้อนชา, น้ำมันมะกอก 1 ช้อนโต๊ะ, เกลือ 1 หยิบมือ, เนย 10 กรัม, ผักสลัดตามชอบ และน้ำบัลซามิก

วิธีทำ ขั้นตอนแรกจัดการจี่ปลาทูน่า ด้วยการตั้งกระทะให้ร้อนนำเนยผัดในน้ำมันมะกอก พอสุกค่อยพลิกด้าน จากนั้นใช้มีดหั่นเป็นชิ้นพอดีคำแล้วจัดวางบนจาน หันมาทำซอสด้วยการตั้งไฟใส่น้ำมันมะกอก เนย พริกไทย ขิง แคปเปอร์ ตามลำดับผัดให้เข้ากันแล้วใส่กระเทียม จากนั้นลดไฟใส่ผักชีและใบมะกรูดที่ซอยทิ้งไว้เพิ่มความหอม โรยเกลือให้รสพอปะแล่ม สูตรนี้คุณแดงแนะนำว่าไม่ควรสาดเกลือลงไปเยอะเพราะโดยธรรมชาติแคปเปอร์มีรส เค็มอยู่แล้ว จากนั้นตักราดบนเนื้อปลา ผสมน้ำบัลซามิกกับผักสลัดจัดเสิร์ฟได้ทันที

ก่อนโบกมือลาจากกันคุณ แดงกล่าวทิ้งท้ายกับคนไทยว่าหากมีโอกาสเดินทางไปอังกฤษอยากเชิญให้ไปชิมด้วย ตัวเองที่ร้าน หรือติดตามผ่านเว็บไซต์ www.rosasthaicafe.com, เฟซบุ๊ก www.facebook.com/rosasroadtrip และอินสตาแกรม rosasthaicafe

‘ช้องมาศ’

credit by :  http://www.dailynews.co.th/article/316712

Read More...


ร้อนตับแตก! ครีเอทไอติมแตงโมมะนาว สดชื่น ดับอุณหภูมิโลก


หน้าร้อนแบบนี้ ต้องกินอะไรถึงจะหายร้อน...? คำถามที่ใครๆ ก็ได้ยินในช่วงอากาศร้อนตับแตกแบบนี้ ถึงแม้เราจะผ่านวันที่ร้อนที่สุดในปีนี้มาแล้ว แต่ความร้อนก็ไม่ได้ทุเลาลงไปเลย และถึงจะร้อนแค่ไหนก็ตาม ก็ยังกลับมาพบกับ Trend can do ไทยรัฐออนไลน์ สัปดาห์นี้เราขอพาทุกคนไปดับอุณหภูมิความร้อนกับการทำไอติม จะง่ายสักแค่ไหน ไปลงมือพร้อมๆ กัน...
สิ่งที่ต้องเตรียม 
1.แตงโมไร้เมล็ด
2.น้ำมะนาว 3/4 ถ้วย
3.น้ำเชื่อม 1/2 ถ้วย
4.เตกีล่า 1/2 ถ้วย
5.มะนาว
6.เกลื่อป่นหยาบ
7.ไม้ไอศกรีมแบบสั้น
8.แก้วกระดาษขนาดเล็ก
9.กระชอนกรอง
10.น้ำแข็ง

ไอติมแตงโมมะนาว
ขั้นตอนการทำ
1.นำแตงโมไร้เมล็ดใส่ลงไปในเครื่องปั่น เพิ่มรสชาติด้วยการใส่น้ำเชื่อมและเตกีล่าลงไปนิดหน่อยด้วยแล้วปั่นให้เข้ากัน

ปั่นแตงโม
2.ใช้กระชอนกรองแยกน้ำกับเนื้อแตงโมออกจากกัน

แยกน้ำกับกาก
3.นำมะนาวมาฝานเป็นสามส่วน โดยเราใช้แค่ส่วนตรงกลาง นำไม้ไอศกรีมเสียบตรงกึ่งกลางของมะนาว

ฝานมะนาวเสียบไม้ไอศกรีม
4.นำน้ำแตงโมใส่ลงไปในแก้วกระดาษ จากนั้นนำมะนาวที่เสียบไม้ไว้แล้วมาประกบบนแก้วดังภาพ พร้อมทั้งโรยเกลือไว้เล็กน้อย

นำน้ำแตงโมใส่แก้ว และนำมะนาวมาประกบบนแก้ว
5.นำไปแช่แข็งประมาณสองชั่วโมง หรือจนกว่าไอศกรีมจะแข็งตัว เสร็จแล้วก็นำไปเสิร์ฟกินเล่นกันในวันร้อนๆ ได้เลย

เสร็จแล้ว สดชื่น
ที่มา http://www.thairath.co.th/content/494772

Read More...


เปิดใจเจ้าของบานาน่าเมืองไทย ปมดราม่าขนมที่แรก!


จากกรณีมีการแชร์บทความในโลกโซเชียลออนไลน์อย่างแพร่หลาย เกี่ยวกับขนมปังเนื้อนุ่ม สอดไส้คัสตาร์ดรสกล้วย ซึ่งในเรื่องราวนั้น มีกล่าวพาดพิงไปถึงบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่ง ว่าได้สูตรจากซัพพลายเออร์รายหนึ่ง ที่เป็นเพียงพนักงานออฟฟิศ ทั้งยังอ้างว่าได้มีการเจรจาธุรกิจและเปิดเผยสูตรขนมอย่างละเอียด และมีการตกลงว่าจะสั่งออเดอร์หลายพันชิ้นด้วย ต่อมา พนักงานออฟฟิศรายนี้จึงตัดสินใจลงทุนสร้างโรงงานเพิ่ม เพื่อให้เพียงพอต่อกำลังการผลิต แต่สุดท้ายบริษัทยักษ์ใหญ่กลับยกเลิกออเดอร์ และทำขนมรสกล้วยวางจำหน่ายเสียเอง

ทางทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ จึงได้ติดต่อไปยัง พนักงานผู้กล่าวอ้างในโลกออนไลน์ เจ้าของแบรนด์ขนมปังรสกล้วยเมืองไทย ซึ่งขอสงวนชื่อและนามสกุลจริง ได้รับคำตอบว่า เรื่องราวเกี่ยวกับธุรกิจของเธอและบริษัทยักษ์ใหญ่ ที่ถูกเขียนลงบล็อกดังกล่าวนั้น เป็นความจริงแท้แน่นอน เดิมทีเจ้าของขนมปังรสกล้วยเมืองไทยนั้น เป็นพนักงานออฟฟิศที่ไม่ได้มีเงินเดือนมากมายแต่อย่างใด จึงตัดสินใจลงทุนทำธุรกิจขนมเล็กๆ แต่อยู่ๆ กลับมีบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่งมาวาดฝันธุรกิจอันรุ่งเรืองให้

 
เรื่องราว แบ่งปัน โตเกียวบานาน่าไทย แบบมีกล้วยอยู่จริงๆ ที่แลกมาด้วยน้ำตา
รสช็อกโกแลต ต้องชิมสักครั้งนะ
“บริษัทน่าเชื่อถือแห่งหนึ่งติดต่อมาบอกว่า ขนมคุณอร่อย น่าสนใจมาก เพราะฉะนั้นทางบริษัทเสนอที่จะสั่งออเดอร์จากทางร้านทุกวัน วันละ 6,000 ชิ้น ซึ่งเราก็มองว่าเป็นโอกาสทองในการทำธุรกิจ เงินมากองอยู่ตรงหน้าแล้ว เพราะฉะนั้น สิ่งแรกที่เราคิดคือเราจะทำอย่างไร ให้โอกาสที่อยู่ตรงหน้า เปลี่ยนเป็นเงินมหาศาล วินาทีนั้น เรียกได้ว่า มีบ้านต้องขายบ้าน มีรถต้องขายรถ ซึ่งนี่อาจเป็นความคิดโง่ๆ ของเรา โดยเรื่องนี้เกิดขึ้นสดๆ ร้อนๆ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ สินค้าตัวดังกล่าวที่บริษัทใหญ่ผลิต ออกมาขายก่อนเพียงเดือนเดียวเท่านั้น” 

เจ้าของโตเกียวบานาน่า เมืองไทยเผย

ส่วนกรณีที่มีการเขียนเรื่องราวดังกล่าวผ่านบล็อกๆ หนึ่งนั้น เจ้าของแบรนด์ขนมปังรสกล้วยเมืองไทยที่ตกเป็นข่าว แจงว่า ตนไม่ได้เป็นผู้เขียนบทความขึ้นมา และไม่มีความคิดที่จะเขียนด้วย เนื่องจากกลัวว่าธุรกิจจะเกิดปัญหาขึ้นในอนาคต ซึ่งเวลาที่ตนไปสัมมนาไม่ว่าจะที่ใดๆก็ตาม ก็จะพบเห็นเจ้าของธุรกิจรายเล็กต่างๆ อยากให้สินค้าของตัวเองเข้าไปในร้านค้าปลีกชื่อดัง ตนจึงเล่าประสบการณ์ที่พบเจอมากับตัวเกี่ยวกับบริษัทที่ว่านี้ให้แก่เพื่อนๆ ได้ฟัง


เรื่องราวระหว่างธุรกิจเล็กกับบริษัทยักษ์ใหญ่
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงรสชาติระหว่างขนมที่ซัพพลายเออร์คิดค้นขึ้น กับขนมปังเนื้อนุ่ม สอดไส้คัสตาร์ดรสกล้วยที่วางจำหน่ายอยู่ในปัจจุบัน มีรสชาติเหมือนกันหรือไม่ เธอระบุว่า “ไม่ แต่ใกล้เคียง เขาทำออกมาไม่ได้เหมือนกันเสียทีเดียว แต่ตัวแป้ง ความนุ่มมีความคล้ายคลึงกันอยู่ ส่วนเรื่องที่มีคนถามเข้ามาว่า จะออกมาเรียกร้องความยุติธรรมอะไรบ้างหรือไม่ คงตอบได้ว่า คงไม่แน่นอน เพราะเราเป็นเพียงมดตัวเล็กๆ แต่จะไปริอ่านสู้กับยักษ์ใหญ่ระดับโลกได้อย่างไร เราไม่มีทางสู้เขาได้แน่ๆ วินาทีที่เขายกเลิกออเดอร์ทั้งหมด ตอนนั้นเรากำลังวางแผนเรื่องโรงงานกับเจ้าหน้าที่ของเขาอยู่ ซึ่งพอได้รู้อย่างนั้น เราทำอะไรไม่ถูกเลยจริงๆ เหมือนล้มทั้งยืน”

มีลายรูปหัวใจเพิ่มความน่ารับประทานมากขึ้นไปอีก
อย่างไรก็ดี ในเวลาต่อมา หลังจากมีการแชร์เรื่องดังกล่าวอย่างแพร่หลายในโลกโซเชียลเน็ตเวิร์ก บมจ.ซีพีออลล์ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า
เรียน ลูกค้าที่เคารพทุกท่านค่ะ
จากกรณีบล็อกของคุณ @assuming ชื่อว่า “แบ่งปัน โตเกียวบานาน่าไทย แบบมีกล้วยอยู่จริงๆ ที่แลกมาด้วยน้ำตา” ในเว็บไซต์ www.oknation.net ซึ่งกำลังเป็นประเด็นอยู่ในขณะนี้นั้น บริษัทขอชี้แจงข้อเท็จจริงให้ทราบดังนี้
1. บริษัทได้สอบถามไปยังผู้ผลิตดังกล่าว ซึ่งผู้ผลิตได้แจ้งกับบริษัทว่าไม่ได้เป็นผู้เขียนบทความนี้ ข้อความดังกล่าวไม่เป็นความจริง ซึ่งต่อมาคุณ @assuming ได้ยอมรับในบล็อกว่าตนเป็นผู้เขียน ไม่ใช่เจ้าของผู้ผลิตและได้ลบบทความดังกล่าวออกจากบล็อกแล้ว
2. บริษัทขอเรียนชี้แจงเพิ่มเติมว่า ขนมปังรสกล้วยของบริษัทที่ได้ถูกพาดพิงนั้นไม่ได้ลอกเลียนแบบมาจาก suppliers รายใด และมีกรรมวิธีการผลิตเฉพาะที่แตกต่าง พัฒนาโดยทีมวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ของบริษัทเอง ซึ่งมีอยู่กว่า 200 คน

แถลงการณ์จากบ.ยักษ์ใหญ่
3. บริษัทยืนยันว่าได้มีการเจรจาธุรกิจกับซัพพลายเออร์ขนมรสกล้วยเจ้านี้อยู่ จริง และขณะนี้ก็ยังอยู่ระหว่างขั้นตอนเจรจาและพัฒนาสินค้าร่วมกัน โดยมีข้อตกลงจะนำขนมนี้ไปวางที่ร้านคัดสรรเบเกอรี่ ซึ่งเป็นร้านขนมปังกาแฟระดับพรีเมี่ยมที่มีอยู่ 200 กว่าสาขาทั่วประเทศ ภายในร้าน 7-11 ส่วนขนม "เลอแปง บานาน่า" เค้กสอดไส้คัสตาร์ด รสกล้วยของบริษัทนั้น เป็นสินค้าสำหรับลูกค้าทั่วไปวางจำหน่ายใน 7-11 เช่นกัน
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบข้อเท็จจริง และขอความกรุณาท่าน หยุดเผยแพร่บทความของคุณ @assuming เพราะเข้าข่ายการเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จ ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น เป็นความผิดทางกฎหมายทั้งทางแพ่งและทางอาญา สำนักสื่อสารองค์กร บมจ.ซีพี ออลล์

อย่างไรก็ตาม ข้อเท็จจริงจะเป็นเช่นไร ก็เป็นเรื่องที่ต้องมีการพิสูจน์กันต่อไป...


Read More...


ติดกับดักการตลาด? ชำแหละทุกข้อสงสัย มหากาพย์เค้กกล้วย ลอก รอด รวย!


ในตลอดช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีกระแสข่าวลือแพร่สะพัดเกี่ยวกับบริษัทยักษ์ใหญ่ลอกเลียนสูตรขนมของ SMEs รายย่อย จนเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากสังคมอย่างหนัก แต่กระนั้นก็เป็นเรื่องที่ทั้งสองฝ่ายจะต้องพิสูจน์ข้อเท็จจริงกันต่อไป
ทว่า สิ่งสำคัญที่คุณและคุณ ควรตระหนักและรับรู้ไว้ หากวันใดวันหนึ่งคุณโดนยักษ์ใหญ่เอาเปรียบ คุณจะต้องรับมือด้วยวิธีการใด พร้อมวิเคราะห์ปมดราม่าร้อนไปกับป๋าโหด อย่าง อ.ธันยวัชร์ ไชยตระกูลชัย หรือที่ทุกคนรู้จักกันในนาม ขาโหดแห่ง SMEs นักการตลาดฝีปากกล้า ว่าเรื่องราวร้อนแรงเกี่ยวกับขนมปังกล้วยนี้ คุณตกหลุมพรางดราม่าการตลาดอยู่หรือไม่? แท้จริงแล้วงานนี้ ลอก ไม่ลอก? ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ มีคำตอบมาเสิร์ฟให้คุณแล้ว...


ธันยวัชร์ ไชยตระกูลชัย
แผนสูงมาถูกทาง! การตลาดดราม่า เรียกลูกค้าแห่ซื้อกิน (หรือ) ?
“เรื่อง ยักษ์ใหญ่ชื่อดังรังแก SMEs นั้น ถือว่าเป็นเรื่องดราม่าอยู่แล้ว ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรไม่ทราบ เพราะทั้งสองฝ่ายต่างเล่าเรื่องกันคนละแบบ แต่พล็อตเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ถือว่า ดราม่าจริงๆ แต่ในทางการตลาดนั้น SIAM BANANA ถือว่าเปิดตัวสินค้าได้ยอดเยี่ยมมาก” อ.ธันยวัชร์ กล่าวในเชิงการตลาด
ก่อนอื่น คุณต้องทำความเข้าใจก่อนว่า สินค้าที่กำลังเป็นประเด็นอยู่นี้ อยู่กันคนละตลาด ซึ่งในส่วนของ เค้กสอดไส้คัสตาร์ด รสกล้วยของยักษ์ใหญ่ มีลักษณะคล้ายคลึงกันกับโตเกียวบานาน่า และมีราคาถูกเพียง 12 บาท แต่ในส่วนของ SIAM BANANA จะสอดไส้กล้วยใส่ลงไปจริงๆ มีราคาสูงถึงชิ้นละ 27.50 บาท ซึ่งสินค้าของยักษ์ใหญ่ 2 ชิ้นยังไม่ได้ราคาของ SIAM BANANA ชิ้นเดียวเลย จึงส่งผลให้ความดราม่าบังเกิดขึ้น เพราะคนส่วนใหญ่มองว่า สินค้ามีลักษณะคล้ายคลึงกัน และอยู่ในตลาดเดียวกัน ส่งผลให้เกิดความรู้สึกเห็นอกเห็นใจ และซื้อมาลิ้มลอง


น่าลิ้มลอง
ไม่จำเป็นต้องนำสินค้าเข้าร้านสะดวกซื้อ ก็รวยได้
ขณะเดียวกัน ก็มีหลายคนที่มองว่า เหตุการณ์ในครั้งนี้ อาจเป็นแผนการตลาดจากทางยักษ์ใหญ่ เพื่อสร้างยอดขาย และเปิดตัวสินค้าของตัวเองเสียด้วยซ้ำ เพราะนอกเหนือจาก SIAM BANANA ที่ขายดิบขายดีเป็นเทน้ำเทท่าแล้ว ในส่วนเค้กของยักษ์ใหญ่ ก็ขายดีไปด้วย นักการตลาดฝีปากกล้า มองเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า “ชื่อเสียงของยักษ์ใหญ่ นับว่าเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนี้นับว่า เขาไม่ได้ประโยชน์อะไรมากมาย และชื่อเสียงค่อนไปในทางลบเสียมากกว่า แต่ถ้าถามว่าขายดีขึ้นไหม อย่างคนที่ไม่เคยกิน ไม่เคยรู้จักเลย ก็จะต้องไปซื้อมาลอง ไปดูว่า ที่ลือเรื่องขโมยสูตรนั้น มันเหมือนกันเป๊ะหรือไม่ เชื่อว่าขายดีทั้งของยักษ์ใหญ่ ของ SMEs และของโตเกียวบานาน่า”



หลังจากมีกระแสข่าวเกิดขึ้น ยอดขายสินค้ามากมายถล่มทลาย
คนละไส้ คนละแป้ง! งงจัง...สรุปลอก ไม่ลอก?
“สินค้า ของทั้งสองฝ่าย มีวัตถุดิบและรสชาติที่แตกต่างกัน ซึ่งในส่วนของยักษ์ใหญ่มีความคล้ายคลึงกับของโตเกียว บานาน่า คือเป็นคัสตาร์ดรสกล้วย ส่วนของ SMEs นั้น จะใส่กล้วยเข้าไปจริงๆ ดังนั้น ถ้าลอกเลียนก็จะต้องเหมือนกันหมดทุกอย่าง แม้กระทั่งไส้และราคา ซึ่งจุดนี้ก็แสดงให้เห็นแล้วว่า สินค้าของทั้งสองฝ่ายมีตลาดที่แตกต่างกันอยู่แล้ว เพราะฉะนั้น SIAM BANANA ไม่ต้องกลัวอะไรแล้ว ช่องทางการจำหน่ายมีมากมาย” นักการตลาดอย่าง อ.ธันยวัชร์ วิเคราะห์รอบด้าน
ในขณะเดียวกัน ก็ยังมีคนตั้งข้อสังเกตว่า บริษัทในเครือของยักษ์ใหญ่ไม่ได้พูดคุยหารือกัน ขนาดบริษัทในเครือยังทำสินค้าออกมาขายแข่งกันเองเลย อย่างเช่น เกี๊ยว ก็ยังมีเกี๊ยวหลากหลายรูปแบบ ซึ่งในกรณีนี้อาจเกิดจากบริษัทในเครือส่วนหนึ่งได้ไปตกลงทำความเข้าใจกับ SMEs เอาไว้ โดยที่ยังไม่ได้คุยกับบริษัทในเครืออีกฝ่ายหนึ่ง ซึ่งเขาสามารถทำได้แล้ว แต่ไม่ได้รายงานกันก่อน จึงเกิดเหตุการณ์อย่างที่เป็นกระแสอยู่ในปัจจุบัน


ยอดขายพุ่งกระฉูด

รวยเละ! ไม่ง้อร้านสะดวกซื้อเจ้าใหญ่ วิธีง่ายง่ายๆ คุณทำได้แน่นอน
เหล่า SMEs (วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม) ทั้งหลายต่างอยากนำสินค้าของตัวเองเข้าร้านสะดวกซื้อเจ้าใหญ่ของประเทศ แต่ขาโหดแห่ง SMEs พูดโผงผางตามสไตล์ว่า อันที่จริงแล้ว คุณไม่จำเป็นที่จะต้องพยายามเอาสินค้าไปวางขายในร้านสะดวกซื้อรายใหญ่ โดยอันดับแรกที่ควรคำนึงถึง ก็คือ สินค้าของคุณเป็นสินค้าอะไร และจะต้องวางขายสินค้าในสถานที่ใดจึงจะเหมาะสม และคุณต้องตระหนักด้วยว่า หากคุณต้องการนำสินค้าไปวางไว้ในร้านสะดวกซื้อทั้งหมด 8,000 สาขา แต่กลับขายไม่หมด คุณไม่เจ๊งหรือ ?


ภายใน 1 กล่อง มีทั้งหมด 8 ชิ้น
“ยกตัวอย่างเช่น SIAM BANANA ที่ในตอนแรกเจ้าของแบรนด์วิเคราะห์ว่า สินค้าตัวเองจะต้องนำไปวางไว้ตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ให้สินค้าตัวเองเป็นสินค้าของฝาก ซึ่งเป็นความคิดที่ถูกต้อง เพราะด้วยความที่ SIAM BANANA มีราคาค่อนข้างแพง จึงเหมาะแก่ร้านที่ลูกค้ามีความสามารถในการซื้อ เช่น King Power, สนามบินสุวรรณภูมิ หรือจังหวัดแห่งการท่องเที่ยว เช่น ขอนแก่น เชียงใหม่ อีกทั้งยังมีธุรกิจขนาดเล็กหลายต่อหลายแห่ง ที่ไม่ได้นำสินค้าเข้าร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ แต่ก็ขายดิบขายดีเป็นเทนำ้เทท่า เพราะสินค้าที่มีราคาสูง ไม่จำเป็นต้องเป็นสินค้ามหาชน แต่ขอให้คุณวางสินค้าไว้ในสถานที่ที่เหมาะสม” นักการตลาดเลื่องชื่อ แนะนำ
พร้อมกันนั้น ธุรกิจหลายประเภทยังมีการทำ Viral Marketing โดยอาศัยเทคนิคการทำการตลาดที่ใช้สื่อ Social Networks ที่มีอยู่แล้ว กล่าวคือ เป็นกลยุทธ์ทางการตลาดที่ทำให้คนรู้จักแบรนด์ ผลิตภัณฑ์ โดยสร้างเรื่องราวให้โดนใจ น่าคอมเมนต์ น่าแชร์ มีความเป็นดราม่า เป็นพลังบอกต่อให้มาซื้อสินค้าได้เป็นอย่างดี และในกรณีนี้ก็อาจมีความเป็นไปได้ที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งกำลังทำ Viral Marketing อยู่



ราคากล่องละ 220 บาท หากซื้อที่ตลาดบองมาเช่ จะมีราคาอยู่ที่กล่องละ 250 บาท

สมมติว่า คุณถูกยักษ์ใหญ่ก๊อบงาน ทางรอดของคุณ คือ...?
ธัน ยวัชร์ ไชยตระกูลชัย นักการตลาดชื่อดัง แนะนำทางออกให้แก่เหล่า SMEs ในกรณีที่คุณกำลังจะโดนยักษ์ทับรอย โดยมีข้อพึงตระหนัก ดังนี้
1. เวลาที่เหมาะสมที่คุณจะนำสินค้าเข้าสู่ตลาดมหาชน อยู่ ณ เวลาใด
2. ความพร้อม ของคุณเพียงพอแล้วหรือยัง
3. สิ่งที่คุณต้องระมัดระวัง คืออะไร
4. อย่านำไข่ไว้ในตะกร้าเดียว โดยหมายความว่า หากจะนำสินค้าออกขาย อย่าคิดเพียงแต่จะนำไปขายที่ยักษ์ใหญ่เพียงอย่างเดียว จงคิดถึงช่องทางอื่นๆให้เหมาะสมพอดิบพอดีกันด้วย เช่น ขายในร้านค้าปลีกอื่นๆ ขายในร้านค้าออนไลน์ ฯลฯ


ห่อบรรจุภัณฑ์เป็นอย่างดี
ไม่เพียงเท่านั้น ทีมข่าวได้ต่อสายตรงถึง ศ.ดร.ตีรณ พงศ์มฆพัฒน์ อดีตคณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พูดคุยถึงข้อแนะนำเกี่ยวกับวิธีแก้ เมื่อคุณ ผู้เป็นชาวบ้านตัวเล็กๆ โดนเจ้าพ่อลอกเลียนสินค้า จะทำเช่นไร นักเศรษฐศาสตร์ผู้มากประสบการณ์ อธิบายว่า ไม่ว่าจะอยู่ในแวดวงใดก็ตาม เช่น ลูกจ้างกับนายจ้าง พนักงานกับบริษัทเอกชน หรือแม้กระทั่ง SMEs กับร้านสะดวกซื้อขนาดใหญ่ก็ตาม ทุกแวดวงมักเจอปัญหาที่คล้ายคลึงกัน 2 ประการ คือ
1. ขาดความรู้ความเข้าใจ เกี่ยวกับการทำสัญญากับคู่ค้ารายใหญ่ โดยมีความเข้าใจที่ว่ารายละเอียดในการทำสัญญาของธุรกิจรายใหญ่ ย่อมเหมือนๆ กันกับ SMEs รายอื่น ถ้าจะอธิบายให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ ธุรกิจขนาดเล็ก เข้าใจไปเสียเองว่า สัญญาที่บริษัทยักษ์ใหญ่ทำขึ้น ธุรกิจเล็กรายอื่นๆ เขาก็ทำกัน และเชื่อว่าสัญญาที่ว่านี้เหมาะสมแล้ว แต่อันที่จริง ด้วยสัญญานั้นอาจทำให้ธุรกิจรายเล็กโดนเอาเปรียบอยู่ก็เป็นได้ และเมื่อรู้ตัวว่า เสียรู้ไปแล้ว ก็ไม่สามารถเรียกร้องอะไรได้มาก เพราะหวั่นว่ารายใหญ่จะยกเลิกออเดอร์
2. ขาดอำนาจต่อรอง เป็นเรื่องใหญ่ที่สุด ผู้ที่มีอำนาจมากกว่าย่อมมีความสามารถทางกำลังเงินและมีบุคคลที่เชี่ยวชาญ ทางกฎหมายและคดีความ ซึ่งในบางครั้ง ผู้ที่มีความรู้มากๆ ก็ยังขาดอำนาจต่อรอง เพราะถ้าต่อรองมากๆ แล้ว อาจโดนลดออเดอร์หรือยกเลิกออเดอร์จากรายใหญ่ได้


สยาม บานาน่า บูธที่เซ็นทรัลรัตนาธิเบศ ของหมดภายในเวลาอันรวดเร็ว
ส่วนทางรอดของ SMEs ทั้งหลายก็คือ 1. ต้องระมัดระวังในเรื่องของการเซ็นสัญญา 2. อย่าเชื่อใจมากเกินไป หรืออย่าเชื่อว่าบริษัทใหญ่จะไม่โกงบริษัทเล็ก เพราะเขารวยแล้ว 3. ไม่ควรบอกสูตร หรือความลับของสินค้ากับคู่ค้า
หากเกิดเหตุการณ์ธุรกิจรายใหญ่ลอกเลียนสินค้าธุรกิจรายเล็กจริง ย่อมแสดงให้เห็นว่า ภาครัฐไม่มีกลไกที่จะปกป้องประชาชนที่ขาดกำลัง เช่น หาก SMEs รายเล็กจะไปต่อสู้ขอความยุติธรรม ก็ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากการต่อสู้ทางคดีความต้องเสียค่าใช้จ่ายจำนวนมากๆ และมีโอกาสแพ้สูง ซึ่งเป็นปัญหาทางสังคมอย่างหนึ่ง
“รัฐบาลควรเข้ามาดูแล พร้อมหาทางออกให้กับภาคประชาชน ที่กำลังถูกเอารัดเอาเปรียบจากบริษัทยักษ์ใหญ่ เพราะที่ผ่านมากระบวนการยุติธรรมไม่เคยเหลียวแลคนในวงการนี้เลย” นักเศรษฐศาสตร์ชื่อดังทิ้งทายถึงผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมือง.

สุดท้าย ใครกันแน่ที่โดนหลอก...ยักษ์ใหญ่ รายเล็ก หรือ คุณ? ลองตรองดูเถิด! 


Read More...


‘ผลไม้ทอด’ หลากหลาย..กำไรดี



การค้าขายในแบบฉบับตัวเองนั้น วัตถุดิบต้องดี ใหม่ สด และสะอาด รวมทั้งอุปกรณ์สำหรับใช้ทอดจะต้องแตกต่างจากร้านขายของทอดอื่น ๆ ดังนั้นจึงลงทุนกับวัตถุดิบและอุปกรณ์มาก

ผล ไม้ไทย นอกจากจะทานกันแบบสด ๆ แล้ว ยังสามารถนำมาแปรรูป และถนอมอาหารเป็นสินค้าได้หลายประเภท รวมถึงนำไปประกอบอาหารได้หลายอย่าง อาทิ สลัดผลไม้, ยำผลไม้, ส้มตำผลไม้ ฯลฯ รวมไปถึง “ผลไม้ทอด” ซึ่งทีมคอลัมน์ “ช่องทางทำกิน” มีข้อมูลมานำเสนอในวันนี้...

ขวัญฤทัย ลินจงสุบงกช หรือ พี่เอ๋ เจ้าของร้านผลไม้ทอด “อิงภู” ในตลาดน้ำขวัญเรียม เขตมีนบุรี กล่าวว่า หลังจากเรียนจบได้ทำงานเป็นพนักงานบริษัทเพียง 5 ปีก็อิ่มตัว เพราะมีใจรักในเรื่องค้าขาย และการทำธุรกิจมากกว่า จึงเปลี่ยนมาเป็นเซลส์ขายผลิตภัณฑ์เครื่องปรุงรสให้กับบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง นานเกือบ 20 ปี

“ในช่วงเกิดน้ำท่วมใหญ่ พ.ศ.2554 ได้แนะนำแป้งสำหรับทอดผลไม้ให้กับลูกค้าที่ประสบปัญหา และต้องการประกอบอาชีพในช่วงนั้น ปรากฏว่าแป้งสำหรับทอดผลไม้ที่ขายได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี จึงเกิดความสนใจที่จะค้าขายเองบ้าง เมื่อมีหน้าร้านเป็นของตนเอง จึงได้ลองทอดขายดู โดยอาศัยความรู้ของตนเอง ประกอบกับประสบการณ์ที่ผ่านมา ในที่สุดก็ประสบความสำเร็จ” ขวัญฤทัย กล่าว

ขวัญฤทัย กล่าวอีกว่า การค้าขายในแบบฉบับตัวเองนั้น วัตถุดิบต้องดี ใหม่ สด และสะอาด รวมทั้งอุปกรณ์สำหรับใช้ทอดจะต้องแตกต่างจากร้านขายของทอดอื่น ๆ ดังนั้นจึงลงทุนกับวัตถุดิบและอุปกรณ์มาก ที่สำคัญจะเป็นคนหยิบขายด้วยตัวเอง เพราะต้องการจะสื่อสารกับลูกค้าให้เข้าใจ และหากหยิบของทอดชิ้นใดขึ้นมาแล้วไม่ถูกใจจะไม่ขายชิ้นนั้นให้ลูกค้าเลย เพราะให้ความสำคัญกับความรู้สึกลูกค้าเป็นอันดับแรก

ปัจจุบันผลไม้ ทอดที่ขายขวัญฤทัยมี 8 อย่าง ได้แก่ กล้วยทอด, กล้วยตากทอด, มันไข่ทอด, มันต่อเผือกทอด, เผือกทอด, สับปะรดทอด, ฟักทองทอด และข้าวเม่าคำทอด ซึ่งได้รับความนิยมแทบทุกชนิด

อุปกรณ์ที่ใช้ทำ “ผลไม้ทอด” หลัก ๆ ก็มีเตาแก๊ส, กระทะทองเหลือง, มีด-เขียง, ถาดอะลูมิเนียม, ถังสเตนเลส, กระชอน, ตะกร้อตีแป้ง และอุปกรณ์เครื่องครัวเบ็ดเตล็ดทั่วไป

วัตถุดิบที่ใช้ในการทำ “ผลไม้ทอด” หลัก ๆ มี กล้วยน้ำว้า, กล้วยตาก, มันไข่, มันต่อเผือก, เผือกทอด, สับปะรด, ฟักทอง, ข้าวเม่า, น้ำมันมะพร้าว, น้ำมันปาล์ม นอกจากนี้ยังมี แป้งข้าวเจ้า, แป้งสาลี, แป้งข้าวเหนียว, แป้งมัน, น้ำตาลทราย, เกลือไอโอดีน, กลอยอบแห้ง, งาดำ, งาขาว, มะพร้าวขูด และน้ำเย็น
วิธีทำผลไม้ทอด
เตรียมไม้ผลต่าง ๆ อาทิ กล้วยน้ำว้าปอกเปลือกแล้วผ่าครึ่งเตรียมไว้ เช่นเดียวกับมันไข่, มันต่อเผือก, เผือก, สับปะรด, ฟักทอง ให้ปอกเปลือก แล้วล้างน้ำให้สะอาด (ยกเว้นสับปะรด) แล้วหั่นเป็นชิ้น ๆ ขนาดพอคำ เตรียมไว้

ขวัญฤทัย กล่าวเพิ่มเติมว่า พันธุ์ ของผลไม้มีส่วนสำคัญมาก จะต้องคัดสรรเป็นอย่างดี ยกตัวอย่างเช่น กล้วยน้ำว้าจะใช้พันธ์ุจาก จ.กำแพงเพชร และที่ จ.นครสวรรค์, สับปะรดจะใช้พันธุ์ปัตตาเวีย หรือตราดสีทองเท่านั้น เพราะเนื้อจะกรอบและแห้ง ส่วน ฟักทอง จะใช้พันธุ์บางศรีเมือง โดยเน้นเลือกลูกฟักทองที่เนื้อเหนียวแน่น

ในส่วนของ แป้งทอดผลไม้ มีส่วนผสมของแป้งข้าวเจ้า 79%, แป้งสาลี 8%, แป้งข้าวเหนียว 5%, แป้งมัน 3%, น้ำตาล 2.5%, เกลือไอโอดีน 1.5%, กลอยอบแห้ง 1% ในขณะที่ แป้งชุบทอด ประกอบด้วย แป้งทอดผลไม้ 1 กิโลกรัม, งาดำ 1 ช้อนโต๊ะ, งาขาว 1 ช้อนโต๊ะ, มะพร้าวขูด 100 กรัม และน้ำเย็นจัด 1.3 กิโลกรัม

วิธีผสมแป้งชุบทอด เทส่วนผสมของแป้งชุบทอดลงในภาชนะที่เตรียมไว้ ใช้ตะกร้อตีแป้งตีส่วนผสมทุกอย่างให้เข้ากันดี แป้งชุบทอดที่ใช้ได้จะมีลักษณะเบาและฟู ในขั้นตอนนี้ ขวัญฤทัยแนะนำว่า แป้งชุบทอดที่ผสมไว้นาน อาจจะแห้ง สามารถเติมน้ำได้ตามความเหมาะสม

วิธีทอด ตั้งกระทะทองเหลือง เทน้ำมันมะพร้าว และน้ำมันปาล์ม ในอัตราส่วน 50:50 ใช้ไฟร้อน รอจนกระทั่งน้ำมันเดือด นำผลไม้ตามที่ต้องการลงไปชุบกับแป้งชุบทอด แล้วนำลงทอดในกระทะ ระหว่างทอดใส่ใบเตยหั่นลงไปทอดด้วย เพื่อเพิ่มความหอมให้กับผลไม้ทอด เมื่อทอดผลไม้จนออกสีเหลืองทองแล้วให้ตักขึ้นพักสะเด็ดน้ำมัน

ขวัญฤทัย กล่าวว่า เหตุที่เลือกใช้น้ำมันมะพร้าวเป็นส่วนผสมของน้ำมันที่ใช้ทอด เพราะน้ำมันมะพร้าวดีต่อสุขภาพ สามารถรักษาคุณภาพรสชาติอาหารไว้ได้นาน และกำลังเป็นที่นิยมมากในหมู่คนรักสุขภาพ
ส่วน ราคาขาย นั้น มี 2 ราคา คือ หากเป็นผลไม้ทอดชนิดเดียวกัน จำนวน 13-15 ชิ้น ขายราคา 25 บาท หากผลไม้ทุกอย่างรวมกัน จำนวน15-17 ชิ้น ขายราคา 30 บาท ส่วนข้าวเม่าคำ ขายชิ้นละ 5 บาท
ใครสนใจ “ผลไม้ทอด” ของขวัญฤทัย เจ้าของกรณีศึกษา “ช่องทางทำกิน” รายนี้ติดต่อได้ที่ร้านอิงภูกล้วยทอด ตลาดน้ำขวัญเรียม ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ตั้งแต่เวลา 06.00-19.00 น. หรือโทร. 08-1346-6571.
สุภารัตน์ ยอดศิริวิชัยกุล/สุรางค์รัตน์ เจนการ : รายงาน
........................................................................................
คู่มือลงทุน…ผลไม้ทอด
ทุนอุปกรณ์ ประมาณ 10,000 บาทขึ้นไป
ทุนวัตถุดิบ ประมาณ 40 % ของราคาขาย
รายได้ 25-30 บาท/15-17 ชิ้น
แรงงาน 1-2 คนขึ้นไป
ตลาด ชุมชน, ตลาดน้ำ, งานออกร้าน
จุดน่าสนใจ สินค้าหลากหลายเพิ่มมูลค่า

credit by :  http://www.dailynews.co.th/article/312285

Read More...


‘เค้กตุ๊กตา’ พัฒนาต่อยอดกำไรดี


เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ร่วมหุ้นกับเพื่อนอีก 3 คนเปิดเพจ The Kaffe Parlour เพื่อเป็นหน้าร้านขายขนมเค้ก และขนมอื่น ๆ อย่างคัพเค้ก, บราวนี่ ฯลฯ รวมทั้งเค้กตุ๊กตาด้วย

การทำ เบเกอรี่ประเภทขนมเค้ก ปัจจุบันมีการพัฒนาทั้งรูปแบบ รสชาติ และการตกแต่งขึ้นมากมาย เราจะเห็นขนมเค้กรูปแบบใหม่ ๆ วางเรียงรายในตู้โชว์ตามร้านขายขนมทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นเค้กขอนไม้, เค้กรูปกระเป๋า, เค้กรูปหัวใจ ฯลฯ รวมไปถึง “เค้กตุ๊กตา” ซึ่งทีมคอลัมน์ “ช่องทางทำกิน” มีข้อมูลมานำเสนอในวันนี้...

บุณยพัชรี เพ็ญคุณาพร หรือไก่ เจ้าของ เค้กตุ๊กตา จากร้าน The Kaffe Parlour เล่าว่า ทำคุ้กกี้, ขนมเค้ก ฯลฯ ขายเป็นงานอดิเรกมาเกือบ 10 ปี โดยมีจุดเริ่มต้นจากการไปเรียนการทำขนมกับพี่ที่รู้จักคนหนึ่ง และค่อย ๆ หัดทำเอง ฝากให้คนอื่น ๆ ชิม จนมีออร์เดอร์เข้ามาเรื่อย ๆ จนกลายเป็นงานอดิเรกที่มีรายได้เข้ามาตลอด

เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ร่วมหุ้นกับเพื่อนอีก 3 คนเปิดเพจ The Kaffe Parlour เพื่อเป็นหน้าร้านขายขนมเค้ก และขนมอื่น ๆ อย่างคัพเค้ก, บราวนี่ ฯลฯ รวมทั้งเค้กตุ๊กตาด้วย
สำหรับ เค้กตุ๊กตา นี้ บุณยพัชรี กล่าวว่า เริ่มต้นจากทดลองทำเป็นขนมวันเกิดให้หลานสาวตัวเอง โดยใช้ความรู้ และประสบการณ์ทั้งหมดที่มี จนประสบความสำเร็จ เมื่อนำรูปไปโพสในเพจ และก็มีลูกค้าสั่งทำเข้ามาเรื่อย ๆ

อุปกรณ์ในการทำ “เค้กตุ๊กตา” หลัก ๆ ก็มีเครื่องตีแป้ง, หัวตีตะกร้อ, พิมพ์วงกลม, เตาอบ, ชามผสม, พายยาง ฯลฯ อุปกรณ์เบเกอรี่ต่าง ๆ เหล่านี้ถ้าลงทุนใหม่หมดก็อยู่ที่ประมาณ 10,000 บาทขึ้นไป
ส่วนผสมของ เค้กตุ๊กตา ส่วนของ ตัวเค้ก มีแป้งเค้ก 125 กรัม, ผงฟู 1/2 ช้อนชา, กลิ่นวานิลลา 1/2 ช้อนชา, เกลือป่น 1/4 ช้อนชา, น้ำตาลทราย 125 กรัม, ไข่ไก่ 2-4 ฟอง, โอวาเล็ต 10 กรัม, น้ำเย็น 25 กรัม และเนยสดละลาย 100 กรัม

วิธีทำตัว “เค้กตุ๊กตา” เริ่มที่ร่อนแป้ง, ผงฟู, วานิลลา และเกลือ เข้าด้วยกัน เสร็จแล้วใส่น้ำตาลทรายลงในส่วนผสมแป้งที่ร่อนไว้ ตามด้วยไข่ไก่ ใช้พายยางคนผสมให้เข้ากัน เสร็จแล้วเติมโอวาเล็ต
นำเข้าเครื่องตี ตีด้วยความเร็วต่ำ (ใช้หัวตะกร้อตี) นาน 1 นาที แล้วค่อย ๆ เพิ่มความเร็วสูงสุด ตีไปอีก 2 นาที เสร็จแล้วใส่น้ำเย็นลงไปตีต่ออีก 3 นาที หลังจากนั้นให้ลดความเร็วแล้วตีต่ออีก 3 นาที ขั้นตอนสุดท้ายใส่เนยละลาย ตีให้พอเข้ากันนาน 30 วินาที เสร็จแล้วปิดเครื่อง

ใช้พายยางคนผสมให้เข้ากันอีกครั้ง แบ่งเนื้อเค้กลงพิมพ์ที่เตรียมไว้ คือ พิมพ์ 1 ปอนด์ จำนวน 1 ชิ้น และพิมพ์ 1/2 ปอนด์ อีก 2 ชิ้น ใช้วิธีเคาะพิมพ์เบา ๆ เพื่อให้เค้กเรียบเสมอกัน เสร็จแล้วนำเข้าเตาอบ อบด้วยอุณหภูมิ 170 องศาเซลเซียส นานประมาณ 30 นาที เมื่อขนมสุกนำออกจากพิมพ์ทันที พักบนตะแกรงจนเย็น เตรียมนำมาแต่งเป็นเค้กตุ๊กตาส่วนผสมของ หน้าเค้ก คือ บัตเตอร์ครีม มีส่วนผสม ดังนี้ เนยขาว 375 กรัม, เนยสด 250 กรัม, น้ำตาลไอซิ่ง 275 กรัม, เกลือป่น 1/2 ช้อนชา, กลิ่นวานิลลา 1/2 ช้อนชา, น้ำร้อน 50 กรัม วิธีทำ ตีเนยขาวและเนยสดเข้าด้วยกันจนขึ้นฟู ระหว่างนั้น ผสมน้ำตาลไอซิ่ง, เกลือ, วานิลลา และน้ำร้อน จนเป็นเนื้อเดียวกัน พักไว้

เมื่อเนยขึ้นฟูขาวดีแล้ว ให้เทส่วนผสมของน้ำตาลลงไป ตีต่ออีกประมาณ 15 นาทีก็เป็นอันใช้ได้ เตรียมไว้แต่งหน้าเค้กได้เลย

วิธีการแต่งเค้กตุ๊กตา
วางตัวเค้กขนาด 1/2 ปอนด์ จำนวน 2 ชิ้นลงบนตัวเค้กขนาด 1 ปอนด์ เตรียมไว้
ส่วนตัวตุ๊กตาพลาสติก ให้นำไปทำความสะอาดทั้งตัว เสร็จแล้วพันด้วยเทปพลาสติกใสตั้งแต่บริเวณหน้าอกลงไปถึงบริเวณเท้า

ปักตุ๊กตาลงในตัวเค้ก โดยปักบริเวณตรงกลางของเค้กด้านบน โดยให้เหลือส่วนของเอวตุ๊กตาขึ้นมา
ใช้พายยางปาดครีมลงบนด้านข้าง และด้านบนตัวเค้ก โดยพยายามทำให้เป็นรูปกระโปรง แล้วค่อย ๆ เกลี่ยให้ผิวกระโปรงเรียบเสมอกัน

ตกแต่ง บริเวณอกของตุ๊กตาให้เป็นเสื้อด้วยบัตเตอร์ครีม โดยใช้หัวบีบที่เป็นรูปดอกไม้ เช่นเดียวกับตัวกระโปรงที่ตกแต่งด้วยบัตเตอร์ครีมสีต่าง ๆ โดยทำเป็นรูปดอกกุหลาบดอกใหญ่ ๆ หรือรูปอื่น ๆ ตามจินตนาการ เสร็จแล้วตกแต่งตัวเสื้อและกระโปรงด้วยเม็ดน้ำตาลอีกครั้งหนึ่งให้สวยงาม และน่ารับประทาน

เค้กตุ๊กตานี้ ขายในราคาชิ้นละ 1,200 บาท โดยมีต้นทุนอยู่ที่ 60-70%
ใคร สนใจ “เค้กตุ๊กตา” ต้องการติดต่อ บุณยพัชรี เพ็ญคุณาพร เจ้าของกรณีศึกษา “ช่องทางทำกิน” รายนี้ ติดต่อได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 08-9550-2992 และที่ www.facebook.com/TheKaffeParlour.

สุภารัตน์ ยอดศิริวิชัยกุล : รายงาน
ภานุพงศ์ พนาวัน : ภาพ
..................................................................................................
คู่มือลงทุน...เค้กตุ๊กตา
ทุนอุปกรณ์ ประมาณ 10,000 บาทขึ้นไป
ทุนวัตถุดิบ ประมาณ 60-70% ของราคาขาย
รายได้ ราคา 1,200 บาท/ 1 ชิ้น
แรงงาน 1-2 คนขึ้นไป
ตลาด ชุมชน, ร้านเบเกอรี่, ฝากขาย
จุดน่าสนใจ เป็นเค้กโฮมเมดที่ได้รับความนิยม

credit by : http://www.dailynews.co.th/article/315276

Read More...


คอร์นเฟลกธัญพืช ธุรกิจทำเงินฟินเวอร์!!


หัวใจหลักของขนมชนิดนี้ คือ นํ้าคาราเมล ที่ต้องเคี่ยวให้พอดี อย่าให้เหลวไปหรือเหนียวไป เพราะถ้าเหลวไปจะทำให้คอร์นเฟลกนิ่ม แต่ถ้าเหนียวไป คอร์นเฟลกก็จะเกาะกันเป็นก้อน ไม่อร่อย

“คอร์นเฟลก” อาหาร เช้าที่รับประทานควบคู่กับนมสด เป็นที่ยอมรับกันทั่วโลกว่าเป็นอาหารเช้าที่ทรงคุณค่า เพราะแปรรูปจากธัญพืชเต็มเมล็ดหลายชนิด เช่น ข้าวสาลี ข้าวโพด ข้าวโอ๊ต ข้าวบาร์เลย์ ฯลฯ มาบดทำเป็นแผ่นเล็ก ๆ นำไปอบแห้งกรุบกรอบ ไม่ปรุงแต่งกลิ่น สี และความหวานใด ๆ แต่ปัจจุบันมีการนำคอร์นเฟลกมาแปลงให้เป็นขนมอบกรอบเคลือบคาราเมล ที่มีรสชาติหวานอร่อย เป็นของว่างกำลังเป็นที่นิยมกันมาก เพราะทานแล้วไม่อ้วนและดีต่อสุขภาพ ทีมงาน “ช่องทางทำกิน” จึงนำข้อมูลเรื่องนี้มาเสนอ...

ผู้ที่จะมาให้ข้อมูล คือ กุสุมา ตันสกุล หรือ “ปุ๊กกี้” อดีตดารานักแสดงโทรทัศน์ ซึ่งผันมาทำธุรกิจส่วนตัว และเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์ขนมขบเคี้ยว pp snack คอร์นเฟลกสวรรค์ เล่าถึงจุดเริ่มที่มาของผลิตภัณพ์คอร์นเฟลกธัญพืชเคลือบคาราเมลว่าเกิดขึ้น ในช่วงปิดเทอม เธอพยายามจะหากิจกรรมทำร่วมกับลูก ๆ เคยเห็นทางทีวีที่ครอบครัวทำอาหารร่วมกัน จึงไปถามเพื่อนที่ทำขนมเก่ง ๆ ว่าจะทำอะไรดี ที่มีประโยชน์และดีต่อสุขภาพ เขาก็แนะนำให้ทำคอร์นเฟลกเคลือบคาราเมล ทุกคนสามารถทำทานได้ง่าย ๆ ไม่ยาก กินได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่

“พอ ได้สูตรมา ปุ๊กกี้ซื้อของมาทำร่วมกับลูก ๆ สนุกสนานมาก จากนั้นพอมีเวลาว่างก็ลองมาปรับลดตามความชอบ โดยใส่พวกธัญพืช ผลไม้แห้ง และพวกเมล็ดพืชตระกูลถั่วบางชนิดเข้าไปให้น่ารับประทานยิ่งขึ้น วัตถุดิบที่ใช้จะคัดสรรแต่ของดี ๆ อย่าง ผงมัชชะชาเขียวก็สั่งซื้อมาจากญี่ปุ่น เม็ดมะม่วงหิมพานต์ก็เอาอย่างเต็มเม็ด นํ้าผึ้งแท้ก็สั่งซื้ออย่างดี ตัวคอร์นเฟลกก็เลือกซื้อที่ไม่หนาและไม่บางเกินไป ฯลฯ เสร็จแล้วก็โพสต์ลงในไอจี เพื่อน ๆ เห็นพากันเข้ามาเมนต์บอกอยากกิน ตอนแรกไม่ได้คิดจะทำขาย แต่พอปุ๊กกี้เอาไปให้หลายคนชิม ปรากฏว่าทุกคนขอซื้อกันมากมายบอกจะเอาไปเป็นของฝากของขวัญช่วงปีใหม่”

สำหรับ เคล็ดลับความอร่อย ปุ๊กกี้ บอกว่า หัวใจหลักของขนมชนิดนี้ คือ นํ้าคาราเมล ที่ต้องเคี่ยวให้พอดี อย่าให้เหลวไปหรือเหนียวไป เพราะถ้าเหลวไปจะทำให้คอร์นเฟลกนิ่ม แต่ถ้าเหนียวไป คอร์นเฟลกก็จะเกาะกันเป็นก้อน ไม่อร่อย

อุปกรณ์...เตาอบขนม, เตาแก๊ส, กระทะเทฟล่อน, อ่างผสม, ไม้พาย, ถาด, ทัพพี, กระดาษซับ และเครื่องไม้เครื่องมืออื่น ๆ ให้หยิบฉวยเอาจากในครัว

ส่วนผสมของธัญพืช มี...เม็ดมะม่วงหิมพานต์อบ 1/4 ถ้วยตวง, อัลมอนด์สไลด์อบ 1/4 ถ้วยตวง, เมล็ดฟักทองกะเทาะเปลือกอบ 1/4 ถ้วยตวง, ลูกเกดดำ 1/2 ถ้วยตวง, งาขาวอบ 70 กรัม และคอร์นเฟลกรสธรรมชาติ 4 ถ้วยตวง

ส่วนผสมคาราเมล มี...นํ้าผึ้ง 1/4 ถ้วย, เนยสดรสเค็ม 50 กรัม, นมข้นหวาน 1 1/2 ชต., แป้งสาสีอเนกประสงค์ 1 ชต. และเกลือหนึ่งหยิบมือ

ขั้นตอนการทำ “คอร์นเฟลกเคลือบคาราเมล รสออริจินอล”

เริ่ม จากทำนํ้าคาราเมลก่อน นำแป้งสาลีอเนกประสงค์ ใส่ลงไปในกระทะทอง หรือกระทะเทฟล่อน ใส่ตามด้วยนมข้นหวาน และเกลือ ใช้ไม้พาย ค่อย ๆ คนส่วนผสมให้เข้ากันดี จากนั้นยกขึ้นตั้งไฟอ่อน ๆ ระหว่างตั้งไฟต้องคอยคนส่วนผสมตลอดเวลา

เมื่อส่วนผสมทั้งหมดเข้ากัน ดีแล้ว จึงใส่นํ้าผึ้งตามลงไป คนต่อไป เรื่อย ๆ จนมีรอยเดือดอ่อน ๆ (วิธีสังเกตว่าได้ที่หรือยัง ให้ใช้ไม้พายตักนํ้าคาราเมลขึ้นมา ดูการไหล ถ้าไหลต่อเนื่องกันเป็นเส้นก็ใช้ได้) เสร็จแล้วปิดไฟ ใส่เนยตามลงไปทันที คนให้เนยละลายเข้ากันจนหมด สังเกตสีคาราเมลจะออกสีเหลือง ๆ นวล ๆ

ต่อ ไปเป็นการเคล้าส่วนผสม จะทำเป็นชั้น ๆ เริ่มจากตักงาขาวอบ ใส่อ่างผสม ตักคาราเมลที่ยังอุ่น ๆ โรยลงไปนิดหน่อย ตักคอร์นเฟลกใส่ตามลงไป ชั้นที่ 2 ใส่อัลมอนด์สไลด์อบ โรยนํ้าคาราเมล ตามด้วยคอร์นเฟลก ชั้นที่ 3 ใส่เม็ดมะม่วงหิม พานต์อบ โรยด้วยนํ้าคาราเมล ตามด้วยคอร์นเฟลก

ชั้น ที่ 4 ใส่เมล็ดฟักทองอบ โรยนํ้าคาราเมล ตามด้วยคอร์นเฟลก ชั้นที่ 5 ใส่ลูกเกดดำ โรยนํ้าคาราเมล ตามด้วยคอร์นเฟลก ทำทีละชั้นสลับกันไปเรื่อย ๆ จนคาราเมล ธัญพืช และคอร์นเฟลกหมด (ที่ทำเช่นนี้เพราะต้องการให้นํ้าคาราเมลซึมเข้าทุก ๆ แผ่นของคอร์นเฟลก ) ค่อย ๆ ตะล่อมเคล้าเบา ๆ ให้ส่วนผสมเข้ากัน แล้วนำไปอบ โดยใช้ไฟ 150 องศา ลมบน-ล่าง 15 นาที เสร็จแล้ว นำออกมา ใช้ไม้พายยางเกลี่ยไม่ให้คอร์นเฟล็กติดกัน ตั้งพักไว้ให้เย็นก่อนจะแพ็กใส่กล่องที่มีฝาปิด

คอร์นเฟลกธัญพืชเคลือบคาราเมล เจ้านี้มี 3 รสชาติคือ ออริจินอล (ดั้งเดิม) ชาเขียว และสตรอเบอรี่ !!

ราคาขาย มี 2 ขนาด กระปุกเล็ก 50 กรัม ราคา 50 บาท และกระปุกใหญ่ 300 กรัม ราคา 280 บาท

ใครสนใจ “คอร์นเฟลกธัญพืชเคลือบคาราเมล พีพี สเน็ก คอร์นเฟลกสวรรค์” ปัจจุบันผลิตภัณฑ์มีวางขายอยู่ที่วิลล่า ร้านขนมของฝาก และร้านกาแฟหลายแห่ง ท่านใดหากต้องการรับไปจำหน่าย หรือ สั่งเพื่อใช้เป็นของฝากของขวัญในเทศกาลต่าง ๆ โดยเฉพาะปีใหม่ ติดต่อปุ๊กกี้-กุสุมา ตันสกุล เจ้าของกรณีศึกษา “ช่องทางทำกิน” รายนี้ติดต่อได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 08-1699-9702 ได้ทุกวัน.
เชาวลี ชุมขำ : เรื่อง / ภานุพงศ์ พนาวัน : ภาพ
..............................................................................................
คู่มือลงทุน...คอร์นเฟลกธัญพืช
ทุนอุปกรณ์ ประมาณ 10,000 บาทขึ้นไป
ทุนวัตถุดิบ ประมาณ 70% ของราคาขาย
รายได้ ราคา 50 และ 280 บาท/ 1 กระปุก
แรงงาน 1-2 คนขึ้นไป
ตลาด ชุมชน, ร้านเบเกอรี่, ฝากขาย
จุดน่าสนใจ แปลงอาหารเช้าเป็นของทาน

credit by :  http://www.dailynews.co.th/article/279408

Read More...


‘ขนมเบื้องไทย’ สูตรโบราณกรอบนานขายดี



ทำขายมานานหลายสิบปีแล้ว ตอนนี้ลูกเรียนจบก็เริ่มเข้ารับช่วงธุรกิจนี้ต่อ เพื่อให้ทันกับกระแสโลกเปลี่ยนไปในปัจจุบัน เพราะขนมเบื้องของเราอยู่ได้นาน 2 อาทิตย์

“ขนม เบื้องไทย” เป็นอีกหนึ่งขนมไทย ที่มีมายาวนาน เป็นมรดกตกทอดมาตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตายาย พบได้ทั่วไปโดยเฉพาะตามงานวัด และตลาดนัด อีกทั้งปัจจุบันมีวางขายตามศูนย์การค้าชั้นนำหลายแห่ง และภัตตาคารหรู ด้วยแป้งที่บางกรอบ รสชาติหวานหอม ประกอบกับโรยฝอยทอง และมะพร้าวขูดผัดได้อย่างลงตัว ทำให้เป็นที่ถูกอกถูกใจบรรดานักชิม จนมีผู้ประกอบการหลายคนยึดเป็นอาชีพหลักหรือเสริมไว้เลี้ยงตัวเองและครอบ ครัว วันนี้ “ช่องทางทำกิน” นำข้อมูล “ขนมเบื้องไทย” สูตรโบราณดั้งเดิม มาฝากคนที่มองหาอาชีพ...

ผู้ที่จะมาถ่ายทอดข้อมูลขนมเบื้องสูตรแบบไทย โบราณ คือ พี่ดาว-ดาววดี เชิดชูวิทยศิลป์ เจ้าของร้าน “คุณดาว ขนมเบื้องไทย” ซึ่งเล่าที่มาที่ไปของอาชีพนี้ให้ฟังว่า จริง ๆ ได้รับการสืบทอดมาจากรุ่นยายสู่รุ่นแม่ จนมาถึงรุ่นเธอ และกำลังถึงรุ่นลูก ๆ เป็นผู้สืบทอดสูตรโบราณนี้ ความโดดเด่นจะอยู่ที่ตัวแป้งและไส้ แป้งของที่ร้านเวลาโดนกระทะร้อน ๆ จะส่งกลิ่นหอมฟุ้งเตะจมูก เพราะแป้งที่ใช้จะเป็นแป้งถั่วทองคั่วผสมแป้งข้าวเจ้า ทำให้แผ่นแป้งหอมและกรอบนาน ไส้หวานและเค็มต้องไม่หวานและเค็มจนเกินไป เพราะจะไปกลบความอร่อยของแป้ง

“ทำขายมานานหลายสิบปีแล้ว ตอนนี้ลูกเรียนจบก็เริ่มเข้ารับช่วงธุรกิจนี้ต่อ เพื่อให้ทันกับกระแสโลกเปลี่ยนไปในปัจจุบัน เพราะขนมเบื้องของเราอยู่ได้นาน 2 อาทิตย์ ลูก ๆ ซึ่งเป็นเด็กยุคใหม่จึงปรับรูปลักษณ์ให้สวย งามและทันสมัยขึ้น นำขนมเบื้องมาแพ็กใส่ถุงพลาสติก เพื่อสะดวกในการรับประทานและพกพา แต่สูตรขนมเบื้องไทยยังคงเป็นสูตรดั้งเดิม”

พี่ดาวยังอธิบายถึง กรรมวิธีในการทำขนมเบื้องไทย ว่ามี 4 ขั้นตอน การผสมแป้ง, การทำหน้าน้ำตาล การทำไส้หวานไส้เค็ม และการเตรียมเครื่องเคียง การทำไส้จะทำครั้งละมาก ๆ เก็บไว้ในตู้เย็น เน้นว่าไส้หวานและเค็มต้องไม่หวานและเค็มจนเกินไป เพราะจะไปกลบความอร่อยของแป้ง
อุปกรณ์ มี เตาแก๊ส, กระทะเหล็กสี่เหลี่ยมผืนผ้า, เกรียง (ใช้แซะขนม), กระจ่า (ใช้ตัก-ละเลงแป้ง), กะละมัง, หม้อสเตนเลสมีฝาปิด, กระทะ, ที่ขูดมะพร้าวด้วยมือ, ทัพพี, ครก, ผ้าขาวบาง เครื่องไม้เครื่องมืออื่น ๆ หยิบยืมได้จากในครัว

ส่วนผสม ตัวแป้งขนมเบื้อง มี แป้งข้าวเจ้า 1 กก., แป้งถั่วทองคั่วสำเร็จ 1/2 ถ้วยตวง, น้ำตาลทราย 6 ขีด, ไข่ไก่ (เบอร์ 3) 6 ฟอง, เกลือ 1/2 ช้อนชา นำแป้งข้าวเจ้า แป้งถั่วทองคั่ว น้ำตาลทราย และไข่ไก่ มาผสมรวมกัน เติมน้ำปูนใสลงในแป้ง ค่อย ๆ นวดแป้ง พร้อมกับทยอยเติมน้ำปูนใสทีละน้อยจนแป้งเข้ากับส่วนผสมอื่นเป็นเนื้อเดียว กัน ใช้เวลานวดประมาณ 10 นาที แล้วจึงเติมน้ำปูนใสที่เหลือจนหมดคนให้เข้ากัน

ขนมเบื้องไทย มี 2 ไส้ คือ ไส้หวาน (ไส้ฝอยทอง) และไส้เค็ม (ไส้หน้ากระฉีก) ทั้งสองไส้จะรองพื้นด้วยหน้าน้ำตาล

การ ทำหน้าน้ำตาล โดยการนำน้ำตาลปี๊บมาต้มกับน้ำให้เดือดสักครู่ ยกลงกรองตะกอนด้วยผ้าขาวบางใส่ถ้วยไว้ พออุ่นใส่ไข่และมะพร้าวขาวขูดเส้น คนให้เข้ากัน พักไว้

การทำไส้หวาน ส่วนผสม มี ไข่ไก่ (ไข่แดง) 50 ฟอง น้ำตาลทราย 3 กก. และน้ำสะอาด วิธีทำ นำไข่แดงมาตีให้เป็นเนื้อเดียวกัน พักไว้ นำน้ำตาลทรายมาเคี่ยว พอน้ำตาลเป็นฟอง นำไข่แดงที่เตรียมไว้ใส่กรวย ค่อย ๆ โรยลงไปบนฟองน้ำตาล แล้วตักขึ้น

การทำไส้เค็ม ส่วนผสม มี กุ้งสดสับละเอียด 3 ขีด, รากผักชี 2 ต้น, พริกไทยเม็ด 1 ช้อนโต๊ะ, หัวหอมสับ 1 ขีด, เกลือ 1-2 ช้อนชา, มะพร้าวทึนทึกขูด 1 กก., น้ำตาลทราย, น้ำมันพืช น้ำสะอาด และสีผสมอาหาร (สีส้ม) วิธีทำ นำรากผักชีที่ล้างสะอาดใส่ครก ตามด้วยพริกไทย หัวหอมสับ โขลกรวมกันจนละเอียด นำส่วนผสมที่ได้ลงผัดกับน้ำมันพืช ไฟปานกลาง จนหอม ใส่กุ้งสดสับตามลงไป ผัดจนสุก ใส่มะพร้าวขูด ผัดให้เข้ากัน ปรุงรสด้วยน้ำตาลทรายและเกลือ ใส่สีผสมอาหารสีส้ม ผัดให้เนื้อมะพร้าวกระจายให้ทั่ว จนสุกจะมีลักษณะแห้งและกลิ่นหอม ตักขึ้นพักไว้

สำหรับเครื่องเคียงที่ใช้ ก็มีมะพร้าวขูดเส้น และผักชี โดยนำมะพร้าวทึนทึกผ่าครึ่งล้างให้สะอาด ใช้ที่ขูดมะพร้าวด้วยมือให้เป็นเส้นมาคั่วด้วยไฟอ่อน ๆ ให้พอเหลือง จากนั้นนำผักชีล้างสะอาดมาหั่นเป็นชิ้นเล็ก เพื่อเตรียมไว้แต่งหน้าให้มีสีสัน

ขั้นตอนต่อไปคือการละเลงแผ่นขนม เบื้อง ก่อนละเลงแป้งต้องให้เตาหรือกระทะร้อน ใช้ไฟปานกลาง ใช้กระจ่าตักแป้งเคาะลงบนเตา ละเลงเป็นแผ่น รูปวงรีขนาดความยาวประมาณ 9 นิ้ว ให้มีความหนา-บางเสมอกัน เมื่อได้แผ่นขนมเบื้องแล้ว ก็เอาหน้าน้ำตาลละเลงทับให้ทั่วแผ่น

ถ้าต้องการขนมเบื้องไส้หวาน ให้ใส่ฝอยทองลงไปให้ทั่วแผ่น ใส่ลูกพลับแห้งหั่น 2-3 ชิ้น แล้วทำการปรับไฟอ่อน ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที รอจนแป้งกรอบพอดี ก็ค่อย ๆ เอาเกรียงแซะ ให้ไปพับทบกัน เอาขึ้นจากกระทะ ส่วนขนมเบื้องไส้เค็ม ก็ทำเหมือนไส้หวาน เพียงแต่หลังทาหน้าน้ำตาล ใส่หน้ากระฉีกให้ทั่ว แต่งหน้าด้วยมะพร้าวขาวขูดเส้น และผักชี

สำหรับราคาขาย ขนมเบื้องไทยร้านนี้ ขายชิ้นละ 10 บาท (จัดเป็นชุดของฝาก กล่องใหญ่ 10 ชิ้น 100 บาท กล่องเล็ก 5 ชิ้น 50 บาท)

ใคร สนใจ “ขนมเบื้องไทย” ร้านคุณดาว ก็แวะเวียนไปลองชิมกันดูได้ ร้านอยู่ติดกับแบงก์ชาติ เทเวศร์ เปิดขายทุกวัน ตั้งแต่เวลา 06.00- 18.00 น. นอกจากนี้ยังขยายสาขาขายตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำหลายแห่ง หากต้องการสั่งไปใช้ในงานเทศกาลต่าง ๆ ติดต่อสอบถามที่โทร. 08-5776-0706, 0-2628-6746 และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งอาชีพหนึ่งที่ควรค่าอนุรักษ์สืบทอดขนมโบราณของไทย.

เชาวลี ชุมขำ : เรื่อง / ภมร มานะพรชัย : ภาพ
.....................................................................................................
คู่มือลงทุน...ขนมเบื้องไทย
ทุนอุปกรณ์ ประมาณ 10,000 บาทขึ้นไป
ทุนวัตถุดิบ ประมาณ 60% ของราคา
รายได้ ราคาขาย 10 บาท/ชิ้น
แรงงาน ตั้งแต่ 1-2 คนขึ้นไป
ตลาด ตลาดน้ำ, ชุมชน, ตลาดนัดทั่วไป
จุดน่าสนใจ อนุรักษ์ขนมไทยโบราณขายดี

credit by :  http://www.dailynews.co.th/article/313849

Read More...




----------------

ปรับปรุง
รายการบทความทั้งหมด



การบำรุงรักษารถยนต์เบื้องต้น



ร้านค้าเคลื่อนที่ ใช้ รถบรรทุกขนาดเล็กมาดัดแปลง



รวมบทความอาชีพ เสริม หลากไอเดียวิธีหารายได้เสริม



รวมบทความงานฝีมือ-สิ่งประดิษฐ์ รายได้เสริม



ทองม้วน thong muan ; rolled wafer





MASK รุ่นสายคล้องคอ







MASK รุ่นสายคล้องคอ. ��รุ่นนี้เป็นที่นิยมใช้กันมาก #ขายดีมาก
ทำจากผ้าคอตตอนแท้ 100%  ไม่ผสม เนื้อผ้านุ่ม 
3 ชั้น. สวมใส่พอดีกับใบหน้า ไม่เจ็บหู มีสายคล้องคอปรับได้
เวลาถอดออก ไม่ต้องกลัวลืม เพราะถอดแล้วคล้องคอไว้ได้
บรรจุในถุงซิปฟรอย์อย่างดี
ราคาชิ้นละ. 59. บาท. ไม่รวมส่ง 
มีหลายสีให้เลือกนะคะ   สนใจทักแชทขอดูสีผ้าได้นะคะ
หน่วยงาน บริษัท ห้างร้าน หรือ สนใจสั่งไปจำหน่าย 
มีเรทราคาส่งค่ะ

-> id line : noeyhorm_06
#มีวางจำหน่ายหน้าร้านชานมไต้หวันมาราชาสาขาจรัญ44


ร้านมาราชาชานมไข่มุก สาขาจรัญสนิทวงศ์ 44
● รับบัตรสะสมครบ 10 แก้ว แลกรับฟรี 1 แก้ว
● สั่งเดลิเวอรีผ่าน LINE MAN, Foodpanda ,GET ...ถึงมือปั๊บพร้อมดื่มปุ๊บ!
● อัพเดทโปรโมชั่นใหม่ๆ รสชาติใหม่ ตลอดเวลา
● มีเมนูให้เลือก 40 กว่าเมนู : https://bit.ly/2Z9iqV0






























































เลือกช่องทางติดต่อและรับข่าวสารบริการหลังการขาย
ฟอร์ด พลปิยะอยุธยาและฟอร์ด พลปิยะวังน้อย

--------------------------------------------------------------------------------------------
แคมเปญ-โปรโมทชั่น อะไหล่ฟอร์ด อัพเดททางออนไลน์และปรับปรุงข้อมูลออนไลน์
อะไหล่ฟอร์ด อะไหล่รถฟอร์ด อะไหล่รถยนต์ฟอร์ด อะไหล่ฟอร์ดแท้ ร้านขายอะไหล่รถฟอร์ด ขายอะไหล่รถฟอร์ด อะไหล่ฟอร์ด
 
Option

รวมบทความอาชีพเสริม หลากไอเดียวิธีหารายได้เสริม หาอาชีพเสริมอิสระทำเงิน สร้างอาชีพอิสระงานฝีมือ แนะนำการสร้างรายได้เสริมทำเงินด้วยการขายสินค้าหรือขายของเป็นอาชีพเสริม อิสระงานฝีมือ แนะแนวธุรกิจ อาชีพเสริม อาชีพแก้จน อยากจะมีรายได้เสริมนอกเหนือจากงานประจำ บล๊อกจัดทำขึ้นเป็นวิทยาทานเพื่อเผยแผ่ความรู้อันจะเป็นไปเพื่อบุญกุศล ขอให้ทุกท่านที่มีส่วนร่วมในบทความของบล๊อกนี้ จงได้รับอานิสงฆ์ด้วยเทอญ.