Home » All posts

‘คั่วกลิ้ง’แนวใหม่ ใช้ ‘กุ้งสับ’สูตรตำรับใต้ - สูตรเด็ด...พร้อมเสิร์ฟ

เสียงโขลกน้ำพริกดังแว่วเป็นจังหวะมาจากก้นครัวร้าน “คั่วกลิ้ง ผักสด” อาหารปักษ์ใต้สไตล์โฮมเมด ลำพังแค่ได้ยินเสียงก็เดาไม่ยากว่าวัตถุดิบหลักของเมนูวันนี้คงหนีไม่พ้น “เครื่องแกง” และก็เป็นจริงตามคาดเมื่อ “บิ๊ค-วเรศรา สมิตะสิริ” ทายาทของร้านรุ่นที่ 2 ออกมาเปิดประตูต้อนรับด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เฉลยเมนูที่เตรียมมาเผยสูตรอย่างหมดเปลือกคือ “คั่วกลิ้ง” อาหารจานเผ็ดร้อนรสจัดจ้าน แต่เพิ่มรสสัมผัสแตกต่างให้ไม่เหมือนใคร ด้วยการเปลี่ยนจากใช้เนื้อวัว, เนื้อหมู และซี่โครงหมู มาเป็น “คั่วกลิ้งกุ้งสับ” แทน

สาวตาโตเชื้อสายแดนใต้ เล่าพลางเตรียมวัตถุดิบและส่วนผสมว่า โชคดีเกิดมาในครอบครัวที่เก่งด้านอาหาร คุณพ่อคลุกคลีอยู่ในแวดวงอาหารและเครื่องดื่มมานาน ส่วนคุณแม่ (สุกัญญา สมิตะสิริ) และคุณป้า (อรทัย เมืองแก้ว) สองสาวจาก อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ได้รับการถ่ายทอดอาหารใต้สูตรพื้นเมืองมาจากคุณยาย ไลฟ์สไตล์ของครอบครัวจึงชอบทำกินกันเองบ่อย พอ ๆ กับจูงมือกันไปกินข้าวนอกบ้าน หลังจากคุณพ่อเสียชีวิตได้ปรึกษาหารือนำพื้นที่ใช้สอยภายในบ้านซอยสุขุมวิท 40 เปิดเป็นร้านแรกก่อนย้ายฐานมาอยู่ที่ซอยทองหล่อ 5 และขยายสาขาเพิ่มที่พหลโยธิน ซอย 8

“วันหยุดช่วงที่เรียนอยู่โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย ถูกคุณพ่อเคี่ยวเข็ญให้มาช่วยเป็นลูกมือคุณป้า เรียนรู้การทำอาหารไทยและขนมไทย ซึ่งรายการหลังทำแล้วยังได้นำมาวางขายหารายได้เสริม แต่ระยะหลังหันหลังให้วิชางานครัวเนื่องจากต้องทำงานประจำ บิ๊คทำอยู่ประมาณ 10 ปี จนเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมาได้ลาออกมาช่วยบริหารร้านแทน ตามคำแนะนำของน้องชายเพื่อให้คุณป้าและคุณแม่พักผ่อนบ้าง โดยคุณป้ายังลงมาควบคุมการผลิตเครื่องแกงบ้างและบิ๊คเป็นคนจ่ายตลาด” ผู้บริหารร้านคนเก่งเล่า

ร้างมือมานานคุณบิ๊คตัดสินใจรื้อฟื้นด้วยการจูงมือน้องชาย เรียนทำอาหารจริงจังกับ อ.ศรีสมร คงพันธุ์ กูรูอาหารไทยชื่อดัง เป็นการต่อยอดพื้นฐานเดิม คุณบิ๊คเผยว่า “ตอนนี้เมนูหลัก ๆ เป็นคนคิดทั้งหมด เหมือนกับว่าเราอยากกินอะไรก็จะทำเพิ่ม เริ่มแรกยังไม่ได้ขายจำพวกซีฟู้ดมาก เป็นเนื้อหมู กุ้ง เป็นส่วนใหญ่ แต่บิ๊คเป็นคนชอบกินปูจึงคิดเมนูปูเข้ามาเสริมความอร่อย โดยยังคงกลิ่นอายแบบบ้าน ๆ คัดสรรวัตถุดิบชั้นดี ใหม่ สด พร้อมทั้งเครื่องปรุงและเครื่องแกงรสดี พิถีพิถันปรุงแต่งเพื่อให้ลูกค้าพึงพอใจ เหมือนกับกำลังนั่งกินข้าวอย่างอิ่มเอมอยู่ที่บ้าน ร้านคั่วกลิ้ง ผักสด ขยายโต๊ะเพิ่มจาก 8 โต๊ะ เป็น 18 โต๊ะ ถือว่าไม่ใหญ่โต ดังนั้นอาหารทุกจานต้องผ่านสายตาเรา”

สำหรับสูตรเมนู “คั่วกลิ้งกุ้งสับ” ไม่เผ็ดมากเหมือนจังหวัดที่ค่อนไปทางใต้กว่าชุมพร จึงเป็นอาหารใต้ที่ไปกับลิ้นคนเมืองกรุง ซึ่งวัตถุดิบประกอบด้วย กุ้งแชบ๊วย 6-7 ตัว, ใบมะกรูดซอยและพริกขี้หนูสวนเม็ดเล็ก ใช้โรยตามชอบ ในส่วนผสมของหัวใจหลักอย่างเครื่องแกง มีดังนี้ พริกขี้หนูสวน 15-20 เม็ด, กระเทียม 4 กลีบ, หอมแดง 2 หัว, ขมิ้นสดปอกเปลือกหั่นหยาบ 2 ช้อนโต๊ะ, ข่าหั่นหยาบ 2 ช้อนโต๊ะ, ตะไคร้ซอย 1/2 ถ้วย, กะปิ 1 ช้อนชา, เกลือป่น 1/2 ช้อนชา, พริกไทย 1 ช้อนชา

วิธีทำ นำส่วนผสมเครื่องแกงทั้งหมดโขลกรวมกันจนละเอียด เสร็จแล้วล้างกุ้งปอกเปลือกผ่าเส้นดำออก จัดการหั่นตามข้อของตัวกุ้ง คุณบิ๊คเผยเทคนิคที่ไม่ยอมสับกุ้งว่าทำให้เนื้อเละไม่อร่อย ตั้งกระทะใส่น้ำมันพอขลุกขลิกกันติดก้นกระทะ ตามปกติถ้าใช้เนื้อหมูสันในบดไม่ต้องใส่น้ำมัน เพราะจะมีมันหมูแทรกอยู่แล้ว ผัดจนกุ้งสุกเครื่องแกงเข้าเนื้อเติมน้ำซุปนิดหนึ่ง โรยด้วยใบมะกรูดซอยและพริกขี้หนูสวน เสิร์ฟพร้อมผักเคียง เช่น โหระพา, แตงกวา, ถั่วฝักยาว และขมิ้น ขาว อย่างไรก็ตามวัตถุดิบแต่ละที่มีรสชาติไม่เหมือนกัน เช่น กะปิ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องชิมก่อนทุกครั้ง แต่ควรให้รสเผ็ดนำเค็ม.

‘ช้องมาศ’

credit by : http://www.dailynews.co.th/Content/Article/271437/‘คั่วกลิ้ง’แนวใหม่+ใช้+‘กุ้งสับ’สูตรตำรับใต้+-+สูตรเด็ด...พร้อมเสิร์ฟ

'น้ำสมุนไพร' สรรพคุณ...สร้างรายได้

สูตรทำขนม

ไม่น่าเชื่อว่าความพยายามที่จะรักษาสุขภาพของคนในบ้านให้สมบูรณ์ แข็งแรง ไร้โรคภัยไข้เจ็บ นอกจากเป็นเรื่องดี ๆ ที่เกิดขึ้นมาจากการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์แล้ว ยังจะทำให้เกิดอาชีพโดยไม่รู้ตัวอีกด้วย อย่าง “น้ำสมุนไพร” ซึ่งทีมคอลัมน์ “ช่องทางทำกิน” มีข้อมูลมานำเสนอในวันนี้...

*************

น.อ.หญิง ขวัญแพรว เอี่ยมวิจารณ์ เจ้าของน้ำสมุนไพร “มนต์ตรา” กล่าวว่า เธอได้ใช้เวลาว่างจากการทำงานประจำที่สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมกว่า 6 เดือน เพื่อทำน้ำสมุนไพรให้คนในบ้านรับประทานเพื่อรักษาโรคบางอย่างที่สรรพคุณของสมุนไพรนั้นได้ระบุไว้ นอกจากนี้ยังได้แจกจ่ายให้กับเพื่อนบ้าน, เพื่อนที่ทำงาน และคนรู้จักได้รับประทานอีกด้วย จึงได้มีแรงเชียร์ให้ทำขายเพื่อหารายได้สำหรับค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นทุกวัน จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการวางขายน้ำสมุนไพรในบ้าน โดยใช้เวลาว่างจากการทำงานประจำมาผลิต

“น้ำสมุนไพรที่ทำ ทำจากสมุนไพรจริง ๆ ไม่ใช้แบบที่เป็นผงสำเร็จรูปมาชงผสมกับน้ำ และเคี่ยวกับน้ำตาล เพราะเราต้องการรักษาสุขภาพของคนในบ้าน ดังนั้น จึงต้องใส่ใจสุขภาพของคนอื่นด้วย ฉะนั้น น้ำสมุนไพรที่ทำจะไม่มีรสหวานมาก จะมีรสหวานเล็กน้อยเพื่อตัดรสเฝื่อนของสมุนไพรเท่านั้น นอกจากนี้ ออร์เดอร์น้ำสมุนไพรเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ยังช่วยให้ลูกน้องมีรายได้เพิ่มจากการมารับไปขายที่ทำงานอีกด้วย” น.อ.หญิง ขวัญแพรว กล่าว

น.อ.หญิง ขวัญแพรว กล่าวต่อไปว่า น้ำสมุนไพรที่ทำอยู่มีหลายชนิด แต่ละชนิดใส่ใบเตยทั้งหมด อาทิ น้ำตะไคร้ใบเตย, น้ำอัญชันใบเตย, น้ำมะตูมใบเตย, ฯลฯ ซึ่ง ใบเตย นี้ นอกจากจะมีกลิ่นหอมชื่นใจแล้ว ยังมีสรรพคุณต่าง ๆ มากมาย อาทิ บำรุงหัวใจให้ชุ่มชื่น, ดับกระหายคลายร้อน, ช่วยชูกำลัง ฯลฯ

อุปกรณ์ในการทำน้ำสมุนไพร หลัก ๆ มี เตาแก๊ส, กระทะเทฟล่อน, ทัพพีไม้, หม้อสเตนเลสปลอดสารตะกั่วขนาดต่าง ๆ, ผ้าขาวบาง, ทัพพีขนาดกลาง, กรวยกรอกน้ำ และอุปกรณ์ครัวอื่น ๆ

วิธีทำน้ำสมุนไพร เริ่มที่ น้ำตะไคร้ใบเตย ใช้ตะไคร้สด 6-7 ต้น ตัดใบออก ล้างให้สะอาด แล้วทุบด้านหัวให้พอแตก เตรียมไว้ และเตรียมใบเตย 3-4 ต้น ล้างให้สะอาด แล้วหั่นครึ่ง เตรียมไว้

ต้มน้ำสะอาดในหม้อสเตนเลสขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 8.5 นิ้ว และสูง 9 นิ้ว ต้มจนน้ำเดือดจัด เมื่อน้ำเดือดจัดแล้วใส่ตะไคร้ และใบเตยลงไป ปิดฝา แต่ยังคงไฟร้อนไว้ประมาณ 5 นาที จากนั้นหรี่ไฟลงให้ร้อนปานกลาง ต้มทิ้งไว้อีก 15 นาที โดยปิดฝาตลอดเวลา เสร็จแล้ว ค่อย ๆ เทน้ำตาลทรายใส่ลงไปในปริมาณที่ชิมแล้วออกหวานเล็กน้อย และไม่มีรสเฝื่อน

ขั้นตอนสุดท้าย คือ กรองน้ำสมุนไพรด้วยผ้าขาวบางลงในหม้อสเตนเลส

อีกใบ แล้วพักให้น้ำสมุนไพรเย็นตัวพอที่จะกรอกในขวดพลาสติกขนาด 200

ซีซี เท่านี้ก็เสร็จแล้ว

นอกจากนี้ ยังมีเทคนิคของการที่ทำให้น้ำสมุนไพรอยู่ได้นานถึง 7 วัน โดยไม่ต้องใส่สารกันบูด คือระหว่างที่รอให้น้ำสมุนไพรเย็นตัวนั้น ให้นำหม้อน้ำสมุนไพรนี้ ใส่ลงในกะละมังที่มีน้ำเย็นอยู่ วิธีนี้จะทำให้น้ำสมุนไพรอยู่ได้นานขึ้น

น้ำอัญชันใบเตย เตรียมดอกอัญชัน ประมาณ 1 กำมือ เด็ดขั้วออก และล้างให้สะอาด เตรียมไว้ และเตรียมใบเตย 3-4 ต้น ล้างให้สะอาด แล้วหั่นครึ่ง เตรียมไว้

ต้มน้ำสะอาดในหม้อสเตนเลสขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 8.5 นิ้ว และสูง 9 นิ้ว ต้มจนน้ำเดือดจัด เมื่อน้ำเดือดจัดแล้วใส่อัญชัน และใบเตยลงไป ปิดฝา แต่ยังคงไฟร้อนไว้ประมาณ 5 นาที จากนั้นหรี่ไฟลงให้ร้อนปานกลาง ปิดฝาไว้ตลอดเวลา ต้มทิ้งไว้อีก 15 นาที เสร็จแล้วบีบมะนาว และเกลือลงไปเล็กน้อย เพื่อให้สีจากดอกอัญชันออกมามาก ๆ แล้วค่อย ๆ เทน้ำตาลทรายใส่ลงไป ปริมาณที่ชิมแล้วออกหวานเล็กน้อย และไม่มีรสเฝื่อน

กรองน้ำด้วยผ้าขาวบางใส่น้ำอัญชันลงในหม้อสเตนเลส อีกใบ เท่านี้ก็ใช้ได้ พักให้น้ำสมุนไพรเย็นตัวพอที่จะกรอกในขวดพลาสติกขนาด 200 ซีซี ได้

น้ำกระเจี๊ยบพุทราจีน นำกระเจี๊ยบแห้ง, พุทราจีนแห้ง อย่างละประมาณ 15-20 ชิ้น ล้างให้สะอาด และเตรียมใบเตย 3-4 ต้น ล้างให้สะอาด แล้วหั่นครึ่ง เตรียมไว้

ต้มน้ำสะอาดในหม้อสเตนเลสขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 8.5 นิ้ว และสูง 9 นิ้ว ต้มจนน้ำเดือดจัด เมื่อน้ำเดือดจัดแล้วใส่กระเจี๊ยบแห้ง และพุทราจีนแห้ง และใบเตยลงไป ปิดฝา แต่ยังคงไฟร้อนไว้ประมาณ 5 นาที จากนั้นหรี่ไฟลงให้ร้อนปานกลาง ต้มทิ้งไว้อีก 15 นาที โดยปิดฝาไว้ตลอดเวลา เสร็จแล้ว ค่อย ๆ เทน้ำตาลทรายใส่ลงไป ในปริมาณที่ชิมแล้วออกหวานเล็กน้อย และไม่มีรสขื่น เท่านี้ก็ใช้ได้

กรองน้ำกระเจี๊ยบพุทราจีนด้วยผ้าขาวบางใส่ลงในหม้อสเตนเลสอีกใบ เท่านี้ก็เสร็จเรียบร้อย พักให้น้ำสมุนไพรเย็นตัวพอที่จะกรอกในขวดพลาสติกขนาด 200 ซีซี ได้

โดยน้ำสมุนไพรทั้งหมดนี้จะขายราคาขวดละ 10 บาท

*************

ใครสนใจ “น้ำสมุนไพร” ต้องการติดต่อ น.อ.หญิง ขวัญแพรว เอี่ยมวิจารณ์ เจ้าของกรณีศึกษา “ช่องทางทำกิน” รายนี้ติดต่อได้ที่ร้านในซอยจรัญสนิทวงศ์ 37 และที่ตลาดน้ำคลองสวน100 ปี (ฝั่ง จ.สมุทร ปราการ) หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 08-1929-6162 นอกจากน้ำสมุนไพร 3 ชนิดดังกล่าวแล้ว ยังมี น้ำมะตูมใบเตย, น้ำลำใย และ น้ำเก๊กฮวย ขายอีกด้วย.

คู่มือลงทุน...น้ำสมุนไพร

ทุนอุปกรณ์ ประมาณ 5,000 บาทขึ้นไป

ทุนวัตถุดิบ ประมาณ 60% ของราคาขาย

รายได้ ราคา 10 บาท/ 1 ขวด

แรงงาน 1-2 คนขึ้นไป

ตลาด ชุมชน, ฝากขายตามสถานที่ต่าง ๆ

จุดน่าสนใจ ใช้สรรพคุณทางยาสร้างรายได้

สุภารัตน์ ยอดศิริวิชัยกุล/สุรางค์รัตน์ เจนการ : รายงาน

ภมร มานะพรชัย : ภาพ

credit by :http://www.dailynews.co.th/Content/Article/271497/‘น้ำสมุนไพร’+สรรพคุณ...สร้างรายได้

Read More...

ผัดเห็ดหอมฮ่องเต้

สูตรทำอาหาร

เทศกาลถือศีลกินเจจะเริ่มในสัปดาห์หน้านี้แล้ว ถือเป็นช่วงเวลาที่ได้ชำระล้างร่างกายให้สะอาดปีละครั้ง สำหรับปีนี้ตามปฏิทินจีนมีเดือนที่ตรงกับจันทรคติคือเดือน 9 ถึง 2 ครั้ง ในรอบ 182 ปี จะมีเช่นนี้หนหนึ่ง จึงส่งผลให้ปีนี้ มีการถือศีลกินเจถึง 2 รอบด้วยกัน โดยครั้งแรกในช่วงวันที่ 23 ก.ย.-2 ต.ค. และอีกช่วงคือ 23 ต.ค.-1 พ.ย. ส่วนใครจะขอเกาะเกี่ยวใบบุญปฏิบัติตัวไปกับเทศกาลได้แค่ไหน ก็อยู่ที่ความตั้งใจแล้วละค่ะ แต่อย่างไรวันนี้ก็ขอนำเสนอเมนูอาหารเจอีก 1 เมนู ซึ่งทำได้เองง่ายๆ แต่ได้รสชาติของความอร่อย และเชื่อแน่ว่าต้องถูกปากหลายๆคน โดยเฉพาะผู้ที่ชอบทานเห็ด

คุณจู–กาญจนา รัศมิรามา กลับมาเยือนคอลัมน์ “ตั้งสำรับคาวหวาน” อีกครั้ง ด้วยความที่มีฝีมือในการทำอาหาร แม้แต่เห็ดหอมเพียงอย่างเดียว คุณจูก็สามารถปรุงออกมาให้หลายๆคนที่ได้ชิมแล้วติดใจไปตามๆกัน เหมาะเป็นอาหารในช่วงเทศกาลเจเป็นอย่างดี และสามารถปรุงเก็บไว้รับประทานได้ครั้งละหลายๆวันอีกด้วย

เครื่องปรุง : เห็ดหอม / พริกชีฟ้าทั้งสีเขียว เหลือง และแดง / ซีอิ๊วขาวเห็ดหอม / น้ำตาลทราย.....

วิธีทำ
1) นำเห็ดหอมไปแช่น้ำให้นุ่ม โดยแช่ค้างไว้ 1 คืน แล้วนำขึ้นจากน้ำ พร้อมกับบีบน้ำออกให้หมด และซอยแฉลบเป็นเส้นบางๆ
2) ซอยพริกชี้ฟ้าทั้ง 3 สีเป็นเส้นเล็กๆ โดยเอาเม็ดออกให้หมด
3) ตั้งน้ำมันในกระทะจนร้อน จึงใส่เห็ดหอมลงผัด คลุกเคล้าให้ทั่ว
4) ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว และน้ำตาลทราย ให้ออกรสตามชอบ
5) ปิดท้ายด้วยพริกชี้ฟ้าใส่ลงไปผัดให้เข้ากัน สามารถเก็บไว้รับประทานกับข้าวสวยร้อนๆ ก็อร่อยจนข้าวหมดจานโดยไม่รู้ตัว.

credit by : http://www.thairath.co.th/content/450861

Read More...

กล้วยทอด เอมเมอรัลด์

สูตรทำขนม

กล้วยทอด หรือที่เรามักเรียกกันติดปากว่า กล้วยแขก เป็นอีกหนึ่งเมนูจากกล้วยน้ำว้า ที่คนไทยโบร่ำโบราณที่มีฝีมือในการทำอาหารคิดทำขึ้นให้ลูกหลานได้มีอาชีพ สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำในทุกวันนี้ และก็ได้ไปเห็นที่ห้องอาหารบุฟเฟ่ต์นานาชาติ โรงแรมดิ เอมเมอรัลด์ ทอดโชว์กันสดๆ จึงได้ไปเลียบเคียงขอสูตรและวิธีทำมาฝากกันในวันนี้

คุณสุดารัตน์ บูชาเธียร ยืนทอดกล้วยแขก รวมทั้งมันและเผือก เพื่อเสิร์ฟลูกค้าที่ห้องอาหารบุฟเฟ่ต์นานาชาติ โรงแรมดิ เอมเมอรัลด์ได้ทานแบบร้อนๆเป็นประจำ ทั้งมื้อกลางวัน (เปิดบริการเวลา 11.30-14.30 น.) และมื้อค่ำ (เปิดบริการ 18.00-24.00 น.) เฉพาะวันพฤหัสบดีและวันอาทิตย์เท่านั้น เธอเป็นแม่ครัวประจำโรงแรมดิ เอมเมอรัลด์ มากว่า 10 ปีแล้ว โดยเติบโตมาจากเด็กก้นครัว มีหน้าที่จัดเตรียมของสดต่างๆ ไว้ให้แม่ครัวปรุง ขณะเดียวกันก็พยายามเก็บเกี่ยววิชาความรู้ด้านอาหารต่างๆ โดยใช้วิธีครูพักลักจำ แล้วไปลองทำเองที่บ้าน โดยอยู่มาตั้งแต่ครัวข้าวต้ม ครัวไทย แต่ด้วยความที่ชอบขนมหวานเป็นพิเศษ จึงได้ประจำการที่ครัวขนมของโรงแรมฯ รวมแล้วกว่า 17 ปี และเพิ่งคว้ารางวัล “พนักงานดีเด่นประจำปี 2557 ของโรงแรมดิ เอมเมอรัลด์” ก็ด้วยความขยันขันแข็ง มานะ อดทน ยิ้มง่าย ร่าเริงของเธอนั่นเอง

“กล้วยทอด” ฝีมือแม่ (ครัว) สุดารัตน์ เป็นที่ถูกปากของทุกคนที่ได้ชิม เพราะมีความกรอบนอกนุ่มใน แม้เย็นแล้วก็ยังกรอบอยู่นาน ใครที่อยากรู้รสชาติคงต้องตามไปชิม หรือสอบถามข้อมูลได้ที่โทร.0-2276-4567 ต่อ 8413
ส่วนผสม : กล้วยน้ำว้า 1 หวี / แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วย / น้ำมันพืช 1 ขวดลิตร / เกลือ 1 ช้อนโต๊ะ/น้ำตาลทราย 1 ถ้วย / มะพร้าวขูดขาว 2 ถ้วย / งาขาว 1 ถ้วย / น้ำปูนใส 2 ถ้วย .......วิธีทำ 1) นำแป้งข้าวเจ้าผสมกับน้ำตาลทราย มะพร้าวขูดขาว งาขาว เกลือ แล้วคนให้ส่วนผสมเข้ากัน 2) ค่อยๆ เทน้ำปูนใสใส่อย่างเบาๆ ทิ้งไว้สักครู่จึงค่อยคนให้เข้ากัน 3) นำกล้วยน้ำว้าที่ปอกเปลือกแล้ว ฝานเป็นชิ้นตามยาว นำลงชุบในส่วนผสมข้อ 2 ให้ทั่ว แล้วทอดในน้ำมันร้อนๆ จนเป็นสีเหลืองทอง จึงตักขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำมัน พร้อมเสิร์ฟ (ถ้าชอบเผือกและมันก็สามารถนำมาแทนกล้วยน้ำว้าได้ โดยหั่นเป็นชิ้นยาว)

เคล็ดลับ - ตอนเทน้ำปูนใสใส่ตอนแรกอย่าคนทันที เพราะจะทำให้น้ำจากมะพร้าวขูดขาวออกมา ซึ่งจะทำให้แป้งเหลวไม่ได้สัดส่วน
- ขณะทอดควรใช้ไฟอ่อนๆ ตอนลงครั้งแรก จากนั้นจึงค่อยเร่งไฟให้แรงปานกลาง จะทำให้กรอบนอกนุ่มใน
- ควรเลือกกล้วยน้ำว้าที่ไม่สุกงอมจนเกินไป.

crdit by : http://www.thairath.co.th/content/452446

Read More...

เมนูเจ ต่อบุญ (ทอด) 'ตึกเต้าหู้'

สูตรทำอาหาร

กลับมาพบกับ Trend can do ทุกวันศุกร์แบบนี้เช่นเคย สัปดาห์นี้เข้าสู่ช่วงเทศกาลกินเจ "ไทยรัฐออนไลน์" พาคุณไปทำ "ตึกเต้าหู้" เมนูง่ายๆ ที่ใครๆ ก็ทำได้ ทั้งยังมีความสนุกในการครีเอทจานให้สวยงามอีกด้วย ที่สำคัญราคาประหยัดและยังได้คุณค่าทางอาหารจากถั่วเหลือง รับรองว่าอร่อย ถูกใจแน่นอน...

สิ่งที่ต้องเตรียม

1.เต้าหู้
2.มีด
3.ที่คีบ
4.จาน
5.กระดาษซับน้ำมัน
6.เกลือ
7.พริกไทย
8.น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์
ขั้นตอนการทำ
1.เตรียมวัตถุดิบให้พร้อม
2.โรยเกลือและพริกไทยลงในเต้าหู้ทั้งแผ่น ทุกครั้งที่กลับด้านเต้าหู้ให้โรยเกลือพริกไทยเพิ่มเข้าไปอีกเพื่อรสชาติ ขั้นตอนนี้ยังไม่ทอด แค่เตรียมก่อนนำลงกระทะ
3.ตัดแผ่นเต้าหู้ที่เตรียมไว้หั่นออกเป็นชิ้นยาวๆ เป็นเส้นๆ ท่อนๆ กว้าง 1 ซม. ยาว 5 ซม. หรือจะหั่นแบบไหนก็แล้วแต่ความชอบของคุณ จากนั้นนำกระทะขนาดเล็กมาใส่น้ำมันมะกอกตั้งไว้ให้ร้อนได้ที่และใส่เต้าหู้ ลงไป

4. สังเกตเต้าหู้ ถ้าเริ่มมีสีเหลืองอ่อนๆ ก็ลองตักออกมาและดูว่าได้ที่หรือยัง ที่สำคัญพยายามคนแยกชิ้นกัน ไม่ให้มันติดเป็นแผ่นเดียวกัน ถ้าจะให้ดีควรทอดครั้งละไม่เกิน 10 อัน เดี๋ยวมันติดกันจะแยกลำบาก ไม่สวยและไม่น่ากิน
5.หลังจากที่เอาเต้าหู้ลงไปทอดแล้ว อย่าลืมดูเป็นระยะๆ เพราะต้องมั่นใจว่ามันจะไม่ไหม้เกินไป แล้วก็ไม่มีความจำเป็นที่ต้องใช้เวลาทอดนานหรอก เพราะว่าคุณจะเห็นได้ว่าแต่ละชิ้นที่จะลอยรอบๆ กระทะ คุณใช้ที่คีบหยิบขึ้นมา อย่าลืมว่าเต้าหู้ที่ทอดอยู่นั้นต้องดูกร๊อบกรอบ และมีน้ำตาลอ่อนๆ จากนั้นก็เอาทั้งหมดมาวางในกระดาษซับมัน

6.หลังจากทอดเสร็จแล้วนำมาครีเอทจัดจานเป็นตึกให้ดูสวยงามน่ากิน แค่นี้เราก็จะได้ทั้งบุญ ได้ความสนุก อร่อยและได้คุณค่าทางอาหารอีกด้วยกับเทศกาลกินเจในปีนี้

Read More...

‘ซูเปอร์สลัด’ สูตรลับคนไดเอท - สูตรเด็ด...พร้อมเสิร์ฟ

สูตรทำอาหาร

หลังได้ฟังเรื่องราวของ กี้-รณิษฐา จริตกูล เชฟเจ้าของร้านการ์เด้น ออฟ ดรีม จบแล้ว ต้องขอบอกว่า แซ่บซ่า!!! ไม่แพ้ฝีมือการทำอาหาร ถ้าประมวลผลประสบการณ์ชีวิตก่อนมาเปิดร้านอาหารและเป็นอาจารย์สอนวิชาภาพยนตร์ที่ ม.กรุงเทพ ภาคอินเตอร์ มาสร้างเป็นหนังสักเรื่อง อรรถรสของตัวละครที่โลดแล่นก็กลมกล่อมแทบไม่ต้องเขียนบทเพิ่ม

หนังชีวิตเปิดฉากที่ประเทศนิวซีแลนด์ คุณกี้ เล่าว่า ทางบ้านส่งไปเรียนโดยออกค่าเทอมเพียงเท่านั้น ส่วนที่เหลือต้องสมัครงานร้านอาหารไทย เล่นดนตรี ทำมาหาเลี้ยงตัวเอง ด้วยความที่หน้าตาไม่สละสลวยเหมือนคนอื่น งาน “ก้นครัว” จึงเหมาะสมกว่างานบริการ แต่อุปนิสัย “ติสต์แตก” หลังเรียนจบคิดว่าชีวิตนี้จะไม่ทำอะไรแล้ว นอกจากเที่ยวอย่างเดียว จัดแจงแพ็กข้าวของทุกอย่างลงกระเป๋า ขับรถคันเก่งไต่จากเกาะใต้ล่องขึ้นมาเกาะเหนือ ท้าทายชีวิตทั้งที่ไม่มีเงินติดตัวสักเหรียญ เดินอยู่ตรงท่าเรือ เมืองพิคตัน เห็นร้านฟิชแอนด์ชิพ ติดป้ายต้องการลูกมือก็เดินเข้าไปสมัครและได้งานวันนั้นเลย

พอวางมือว่างจากงานด้วยความไม่ชอบอยู่ติดกับที่คุณกี้ขับรถตระเวนเที่ยว บังเอิญเจอเจ้าของร้านคาเฟ่สุดฮิปโอภาปราศรัยถูกคอและขอชิมฝีมือทำอาหาร ปรากฏว่าโดนใจเอ่ยปากชักชวนมาทำงานร่วมกัน โดยซื้อตัวจ่ายอัตราเงินเดือนมากกว่าที่เดิมสองเท่า “กี้ตัดสินใจทำเลยนะ เพราะร้านเก๋ตั้งอยู่ริมหน้าผา กี้ช่วยเพิ่มอาหารไทยฟิวชั่นลงในเมนูร้าน ต่อมามีกลุ่มคนทำไวน์มาชิมแล้วติดใจฝีมือ ช่วยให้คิดเมนูอาหารเข้าคู่กับไวน์ จนชื่อเสียงเตะหูหนังสือท้องถิ่นมาสัมภาษณ์ พลอยทำให้ร้านเป็นที่รู้จักกว้างขวาง แต่หลังจากนั้นต้องทิ้งร้านย้ายเมืองเพราะได้ทุนทำหนังอีกครั้ง พอเงินหมดกลับมาใช้ชีวิตแบบเดิมคือ สมัครร้านอาหารอีก คราวนี้ได้ที่ร้าน “คาเฟ่ โนวา” ซึ่งที่แห่งนี้ยอมรับว่าได้ความชำนาญจริง

ชีวิตกลับพลิกผันช่วงกลับมาเยี่ยมบ้าน แล้วประสบอุบัติเหตุหลังหักระหว่างกระโดดน้ำตกเล่นกับเพื่อน ๆ ที่วังเวียง ประเทศลาว ต้องนั่งเครื่องบินในส่วนคาร์โก้ส่งมารักษาตัวที่เมืองไทย “ช่วงนั้นกลับมาทำหนังของสตีเว่น ซีกัล ในตำแหน่งผู้ช่วยโปรดิว เซอร์ มีพี่ในวงการโทรฯ มาชวนทำหนังโฆษณา จึงตัดสินใจรับงานนี้จนอิ่มตัว เพราะไม่อยากคุยเรื่องเงินทองตลอดเวลา และได้ตัดสินใจลาออก มาเปิดร้านอาหารของตัวเองตามไลฟ์สไตล์ที่ชื่นชอบ” เจ้าของร้านอาหารสุดฮิปกล่าว

ด้วยการทำงานยุ่งจนล้นมือ ปัจจุบันจึงหาเวลาดูแลตัวเองไปพร้อม ๆ กัน คุณกี้เล่าว่า “พยายามหาหลายสูตร ส่วนใหญ่มักโหยและมีอาการดีดคือ ถ้าอดอาหารกินแต่ผักผลไม้น้ำหนักลดแค่ช่วงแรก พอเราออกจากการไดเอท เราก็กินไม่ยั้งเข้าไปอีกแล้วน้ำหนักดีดขึ้นมา พอดีมีเพื่อนเป็นหมอด้านความงามแนะนำให้รู้จัก คีโตเจนิคไดเอท ตัดแป้งและน้ำตาลออกจากมื้ออาหาร เพิ่มพลังงานให้ร่างกายด้วยการบริโภคไขมันดีที่ได้จากผัก ผลไม้ และปลา เหมือนกับการปรับสมดุลให้ร่างกาย ประโยชน์ของการกินสูตรนี้ ถ้าหิวแต่จะไม่โหย ยิ่งเราบริโภคไขมันดีเข้าไป ช่วยไปปรับสมดุลให้ตับผลิตสาร “คีโต” ไปเลี้ยงสมอง แล้วจะดึงพลังงานส่วนเกินไปเผาผลาญ เพราะฉะนั้นน้ำหนักไม่ลดฮวบฮาบ แต่ส่วนเกินต่าง ๆ ตามร่างกายเฟิร์มขึ้น ส่งผลดีต่อคนลดน้ำหนัก แม้กระทั่งเด็กออทิสติกและผู้ป่วยมะเร็ง”

วันนี้เชฟคนเก่งจึงแนะนำเมนู “ซูเปอร์สลัด” สลัดที่มีส่วนผสมของสุดยอดวัตถุดิบที่ให้ไขมันดีกับร่างกาย พร้อมไฟเบอร์และโปรตีน ดีต่อคนที่ต้องการพลังงานและต้องการลดความอ้วน แถมยังอร่อยอีกด้วย ส่วนผสมและวัตถุดิบ มีดังนี้ อะโวคาโด 1/2 ผล ถ้าลูกเล็กใช้ 1 ผล, ปลาแซลมอน 1 ชิ้น, ควินัว, เลมอน 1 เสี้ยว, หัวหอมสับ 1 ช้อนชา, มายองเนส สูตรไม่มีน้ำตาล 1/2 ช้อนโต๊ะ, เกลือพริกไทยสำหรับโรย, สลัดผักตามชอบ

วิธีทำ หุง “ควินัว” ธัญพืชให้คุณค่าอาหารทางโปรตีนสูงและไฟเบอร์สูงในน้ำเดือด จนสุกหน้าตาคล้ายถั่วงอก ซึ่งสามารถหาซื้อได้ตามซูเปอร์มาร์เกต แต่ราคาค่อนข้างสูง จากนั้นหั่นอะโวคาโดเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าใส่ถ้วย ตามด้วยหัวหอมสับ ควินัว ขูดเปลือกเลมอนใส่เพิ่มความหอม ใส่มายองเนส ปรุงรสด้วยน้ำเลมอน เกลือ พริกไทย และทาบาสโก้ คลุกให้เข้ากัน จัดเสิร์ฟบนจานสลัดทับด้วยปลาแซลมอน โรยผักแรดิชและแครอท

แซ่บกับชีวิตมามากแล้ว ลองคืนสมดุลให้ร่างกายบ้าง.

‘ช้องมาศ’

credit by : http://www.dailynews.co.th/Content/Article/269783/‘ซูเปอร์สลัด’+สูตรลับคนไดเอท+-+สูตรเด็ด...พร้อมเสิร์ฟ

Read More...

“ผิงผิงนมสด” หลากเมนูเครื่องดื่ม เสิร์ฟ ‘เลิฟสตรอว์เบอร์รี’ รับวาเลนไทน์

สูตรทำขนม

ใกล้เทศกาลแห่งความรัก ช่วงเวลาแห่งความสุขของใครหลายคน หนึ่งในกิจกรรมที่หลายคู่ไม่พลาดคือ การกิน ดื่ม เที่ยว ในบรรยากาศที่อวลไปความอบอุ่น ร้านรวงต่างๆ ปรับเมนูเอาใจคู่รักกันเป็นเรื่องปกติ ไม่เว้นแม้แต่ร้าน “ผิงผิงนมสด” สารพัดเครื่องดื่ม จ.มหาสารคาม เปิดเมนูพิเศษ “เลิฟสตรอว์เบอร์รี” ของขวัญแทนใจรับวาเลนไทน์

“ผิงผิงนมสด” หลากเมนูเครื่องดื่ม เสิร์ฟ ‘เลิฟสตรอว์เบอร์รี’ รับวาเลนไทน์

ศิริรัตน์ ใหม่คามิ หรือ คุณอ้อม เจ้าของร้านผิงผิงนมสด

ร้านเล็กๆ พื้นที่เพียง 3x3 เมตร ข้างสถานีขนส่งมหาสารคาม ตลาดเอ็กซ์โปพลาซ่า ริมคลองสมถวิล เป็นที่ตั้งของร้านผิงผิงนมสด โดดเด่นเรื่องเมนูเครื่องดื่มที่มีความหลากหลาย โดยเจ้าของร้านอารมณ์ดี “ศิริรัตน์ ใหม่คามิ” หรือ คุณอ้อม ย้อนที่มาของร้านนี้ให้ฟังว่า เมื่อประมาณ 6 ปีที่แล้วเธอตัดสินใจเปิดร้านขายเครื่องดื่ม จากความชอบในเมนูชานมไข่มุก ซื้อดื่มเป็นประจำ และมักเลือกสรรทอปปิ้ง (Topping) อื่นๆ ใส่ลงไปเพื่อเลี่ยงความจำเจ ทำให้เกิดเป็นเมนูใหม่ที่มีความหลากหลายขึ้น

เมนูเลิฟสตรอเบอรี่ รับวาเลนไทน์

กระทั่งเมื่อถึงเวลาเธอเริ่มมองหาธุรกิจ จึงปรึกษาสามี (ถิรสวัสส์ วริทธิวรพันธ์) ว่าจะเริ่มทำธุรกิจอะไร แต่สุดท้ายก็คิดว่าหากเริ่มจากสิ่งที่รัก และถนัดน่าจะเป็นเรื่องที่ดี ซึ่งก็หนีไม่พ้นเมนูเครื่องดื่มอย่าง ชานมไข่มุก เธอตัดสินใจไปปรึกษาเพื่อนที่ดำเนินธุรกิจนี้อยู่ หาทำเลเพื่อเปิดร้าน จนได้ทำเลในปัจจุบันที่ตลาดเอ็กซ์โป พลาซ่า ใช้เงินลงทุนเบื้องต้นประมาณ 30,000 บาท

ช็อคโกแลตปั่น

แม้จะเป็นร้านน้องใหม่ในละแวกนั้น แต่ยอดขายเข้าขั้นมืออาชีพเลยทีเดียว เพราะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้าด้วยรสชาตินมสดที่เข้มข้น รสชาติไม่หวานจนเกินไป ต่อมาเธอจึงเพิ่มเมนูกาแฟสด นมสด และน้ำผลไม้ปั่น กลายเป็นร้านสารพัดเครื่องดื่มที่ลูกค้าที่เคยลิ้มลองต้องติดใจ แต่จุดขายที่ต้องบอกต่อคือ “นมสด” ที่มีความสดใหม่ หอมละมุน จากสูตรเฉพาะที่เธออาศัยครูพักลักจำ และนำมาปรับปรุงสูตรจนได้รสชาติที่ลงตัวสร้างความแตกต่าง

นมสดปั่นบลูเบอรี่

“ผิงผิงนมสดมีเมนูเครื่องดื่มให้ลูกค้าเลือกมากมาย ซึ่งเมนูที่ขายดีสร้างกำไรในปัจจุบัน ได้แก่ โอวัลตินลาวา ชาบลูเบอร์รี สตรอว์เบอร์รีโยเกิร์ต โอวัลตินภูเขาไฟ ชาแอปเปิล มะพร้าวนมสด ชาเขียวสด กาแฟนมสด และยังมีเมนูอื่นๆ อีกเช่น นมสดปั่น นมชมพู นมเย็น ชาเย็นนมสด เนสกาแฟสด โอวัลตินนมสด ช็อกโกบานานา คาปูชิโนนมสด มอคคานมสด โกโก้นมสด โกโก้มิลก์ช็อก โอวัลตินมิลก์โกโก้ นมซีเรียล นมสดโอริโอ้ ปีโป้นมสด ปีโป้นมสด โกโก้โอริโอ้ เป็นต้น ราคาเริ่มต้นที่ 25-35 บาท (แล้วแต่เครื่องที่สั่งเพิ่ม), เมนูผลไม้เริ่มที่แก้วละ 25-40 บาท, เมนูกาแฟสดเริ่มที่แก้วละ 35-40 บาท, เมนูนมสดเย็น-ปั่น 25-35 บาท”

ชาเขียวไข่มุก

ผิงผิงนมสดเปิดให้บริการมาแต่ปี 2551 ตอนนี้ก็ก้าวเข้าสู่ปีที่ 6 แล้วที่เปิดให้บริการแก่ลูกค้า ถึงแม้จะเป็นร้านที่เปิดในต่างจังหวัด แต่ความใส่ใจการให้บริการ การปรุงแต่งเมนูแต่ละครั้ง ให้ความสำคัญในทุกๆ แก้วที่ทำ ใส่ใจในรายละเอียดทุกอย่าง ทุกกระบวนการผลิต ความสะอาด ความปลอดภัยต่อสุขภาพผู้บริโภค โดยการคัดสรรผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและมาตรฐาน เช่น นมสด 100% และผลไม้จะใช้ผลไม้สด 100% ไม่ผสมหัวเชื้อ ใส่ใจในเรื่องของวัตถุดิบที่สดใหม่ ทำให้มีลูกค้าทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็น เด็กนักเรียน นักศึกษา กลุ่มคนวัยทำงาน ผู้สูงอายุ รวมถึงยังเปิดโอกาสให้คนที่สนใจร่วมธุรกิจ โดยเปิดสอนสูตรการทำชาไข่มุก นมสด ผลไม้ปั่น รวมทั้งวาฟเฟิล ให้แก่ผู้สนใจด้วย

ทำจากใจทุกแก้วก่อนเสิร์ฟ

อนาคตเธอคิดจะขยายสาขาไปตามสถานศึกษา และแหล่งชุมชนใน จ.มหาสารคามให้มากขึ้น หวังกระจายความอร่อยเครื่องดื่มคุณภาพไปสู่ผู้บริโภคอย่างทั่วถึง

รสชาติถูกใจวัยรุ่น

หน้าร้านนั่งสบาย กว้างขวาง

***สนใจติดต่อ 08-4428-9625, 08-3668-7319 ***

credit by : http://www.manager.co.th/iBizChannel/ViewNews.aspx?NewsID=9570000016483

Read More...

ร้านข้าวแกงบุฟเฟต์ “ยายแฮม” ถูกสุดๆ จัดไป! อิ่มไม่อั้น 35 บาท

สูตรทำอาหาร

"กัลยา วงศ์ราช" ยายแฮม เจ้าของร้าน

“ร้านขายข้าวแกงบุพเฟต์ อิ่มละ 35 บาท” ของ “ยายแฮม” คุณป้าใจดีที่ขอมอบความสุขให้ลูกหลานได้กินอิ่มอร่อยไม่อั้น ด้วยเมนูอาหารที่ชอบหลากหลาย ด้วยการเปิดร้านข้าวแกงแบบบุฟเฟต์ราคาถูกเพียงแค่ 35 บาท

ร้านข้าวแกงบุฟเฟต์ “ยายแฮม” ถูกสุดๆ จัดไป! อิ่มไม่อั้น 35 บาท

บริการตักกันเองตามใจชอบ

กัลยา วงศ์ราช หรือยายแฮม เจ้าของร้านข้าวแกงบุพเฟต์ อิ่มละ 35 บาท เล่า ว่า เดิมเคยขายข้าวแกงอยู่แถวศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร แต่ตอนหลังพื้นที่เช่าร้านถูกเรียกคืน เลยหยุดขายระยะหนึ่ง หันมารับหน้าที่เป็นแม่ครัวประจำบ้าน และเนื่องจากเป็นครอบครัวใหญ่ เวลาประกอบอาหารให้สมาชิกในบ้านกินต้องทำครั้งละมากๆ ก็เลยมาคิดว่า ถ้างั้นทำข้าวแกงขายเสียเลย เพราะถึงแม้จะขายเหลือก็ยังสามารถนำมากินกันเองในครอบครัวได้

ตักแบบนี้ กี่จานก็ได้ตามชอบ

“ป้าเกิดความคิดขึ้นมา เวลาเราไปกินอาหารที่ไหน อย่างลูกเขย หลานชาย เขาตัวใหญ่กินเยอะ แต่ก็รู้สึกว่าทำไมทางร้านเขาตักกับข้าวให้เราน้อยจัง และที่สำคัญราคาแพง 40-45 บาท พอมาทำข้าวแกงขายเองก็เลยอยากให้ลูกค้าออกจากร้านเราไปแล้วอิ่ม มีความสุข ไม่มาด่าเราตามหลัง ก็เลยตัดสินใจทำร้านข้าวแกงบุฟเฟต์ ป้าบอกตรงๆ นะส่วนหนึ่งป้ารู้สึกสงสารคนที่เขามีรายได้น้อย ทุกวันนี้ข้าวแกงจานหนึ่งราคาแพง 40 บาทขึ้นไป คนที่เขาพอจะจ่ายเขาก็ไม่เป็นไร แต่บางคนไม่มี ป้าเลยสงสาร ให้เขาตักกินเองให้อิ่ม กี่จานก็ได้ ในราคา 35 บาท”

       หลายคนคงตั้งคำถามว่า ขายราคานี้จะอยู่ได้อย่างไร เพราะเท่าที่เห็นนั่งกินอยู่รายละเกือบ 2 ชั่วโมง ส่วนใหญ่ล้วนแต่เป็นผู้ชาย และตักกันพูนจาน ทั้งข้าวและกับ กินกันคนละ 2 จานอย่างต่ำ พ่วงไข่ต้มอีกคนละ 2-3 ฟอง

       คำตอบที่ได้รับจากยายแฮมคือ ป้าไปเฉลี่ยกับรายที่กินน้อย เน้นขายปริมาณมาก รู้ว่าวันนี้จ่ายค่ากับข้าวไปเท่าไร หักค่าใช้จ่ายเหลือเป็นกำไรเท่าใด ต้องบอกว่าอยู่ได้เลยทีเดียว เดือนหนึ่งรายได้ไม่ต่ำกว่าประมาณ 20,000 บาท แต่ที่สำคัญคือ ป้าไม่ต้องควักเงินในกระเป๋าหาซื้ออาหารให้สมาชิกในบ้านกินเพิ่ม ขอเพียงลูกหลานทุกคนในบ้านได้กินอิ่มแค่นี้ก็พอใจแล้ว

บรรยากาศภายในร้าน

ร้านข้าวแกงยายแฮมจะเปิดขายตั้งแต่เช้า 7 โมงเช้า เลิกประมาณบ่าย 3 โมง กับข้าวจะทำเป็นรอบๆ มีกับข้าวออกมารอบแรกตอน 7 โมงเช้า กับข้าวประมาณ 10-15 อย่าง บริการแบบบุฟเฟต์ เมนูใดหมดก็จะทำเติมใหม่ พยายามจะปรุงสดใหม่ตลอด ไม่มีการทำทิ้งเอาไว้เพราะเกรงจะไม่อร่อย และบูดเสีย โดยปกติช่วงเช้ากับข้าวจะเริ่มหมดประมาณ 10 โมง จากนั้นจะเริ่มทำกับข้าวรอบใหม่ ขึ้นเสิร์ฟประมาณ 11 โมงถึงเที่ยง รอขายรอบกลางวัน หลังจากนั้นก็จะดูว่าในรอบบ่ายมีลูกค้าเข้ามาเพิ่มมากน้อยเพียงใด แล้วค่อยทยอยทำเสริมทีละเมนู

ป้ายหน้าร้าน

ส่วนใหญ่เป็นเมนูยอดฮิตของไทย เช่น กะเพรา ไข่พะโล้ แกงเขียวหวาน ทอดมัน ผัดผักรวม ฯลฯ บางวันก็จะมีเมนูพิเศษ เช่น น้ำพริกลงเรือ ปลาทอด เป็นต้น

       ทั้งนี้ ลูกค้าจะตักกับข้าวกี่อย่างก็ได้ หรือตักข้าวเท่าไรก็ได้ แต่จะต้องกินให้หมด ถ้ากินไม่หมดจะปรับเท่าปริมาณส่วนที่เกิน อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาลูกค้าส่วนใหญ่กินกันหมดทุกราย โดยผู้ที่เข้ามาใช้บริการมักจะเป็นขาประจำ โดยเปิดร้านนี้มาได้ 3-4 เดือน จำนวนลูกค้าเพิ่มขึ้นตลอด ส่วนใหญ่เกิดจากการบอกปากต่อปาก

       สนใจอยากจะไปอุดหนุน หรือชิมข้าวแกงอร่อย ราคาไม่แพง หรือแวะไปทักทายยายแฮม ร้านอยู่บนถนนกัลปพฤกษ์ กรุงเทพมหานคร โทร. 09-2254-2977