สูตรขนม สูตรอาหาร อาชีพรายได้เสริม ประกาศฟรี โฆษณาฟรี Career Articles Extra Income
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

Drop Down MenusCSS Drop Down MenuPure CSS Dropdown Menu

ชวนปรุง ‘ขาหมูเยอรมันผัดกะเพรา’ หอม อร่อย ‘หอยอบเนย...พอร์คช็อปย่าง’

ผมเป็นคนที่ชอบกินผัดกะเพราเป็นชีวิตจิตใจ ถ้ามีเนื้อสัตว์หรือเห็ดอะไรที่เหลืออยู่ ผมมักจะเอามาผัดกะเพราก่อนเสมอ เพราะเป็นเมนูที่ทำง่าย ไม่มีเครื่องปรุงอะไรที่ยุ่งยาก


ผมเป็นคนที่ชอบกินผัดกะเพราเป็นชีวิตจิตใจ ถ้ามีเนื้อสัตว์หรือเห็ดอะไรที่เหลืออยู่ ผมมักจะเอามาผัดกะเพราก่อนเสมอ เพราะเป็นเมนูที่ทำง่าย ไม่มีเครื่องปรุงอะไรที่ยุ่งยาก สะดวกในการทำ ผมจึงชอบกินผัดกะเพรามาตั้งแต่เด็ก เมื่อตอนอยู่เมืองนอกหากินผัดกะเพรายากมาก พอกลับมาอยู่เมืองไทยจึงกินทุกวัน เป็นอาหารที่รสชาติอร่อยและทำให้นึกถึงความเป็นไทยของเราด้วย

วันนี้จึงอยากชวนเพื่อน ๆ มาลองทำผัดกะเพรากันดู โดยเมนูมีชื่อว่า ขาหมูเยอรมันผัดกะเพรา ซึ่งขาหมูเยอรมันนั้นมีหลายบริษัทที่ทำสำเร็จรูปมาแล้ว สามารถเลือกซื้อได้ตามซูเปอร์มาร์เก็ต

เริ่มจากการนำขาหมูที่ซื้อมาแกะออกจากถุง แล้วนำมาทอดให้กรอบ จากนั้นหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ โดยต้องหั่นแบบติดหนังกรอบ ๆ มาด้วยนะครับ ถ้าไม่มีหนังจะไม่อร่อย เสร็จแล้วพักไว้

ขั้นตอนต่อมา เตรียมเครื่องตำโดยการโขลกกระเทียมที่ปอกเปลือกแล้ว พริกขี้หนู และเกลือพอหยาบ ๆ พักไว้ จากนั้นเอากระทะมาตั้งไฟใส่น้ำมันลงไปให้พอร้อน ใส่เครื่องตำที่เราโขลกไว้ลงไปผัด เมื่อผัดจนเข้ากันแล้วให้เอาขาหมูที่หั่นไว้ใส่ลงไป  ปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊บและน้ำปลา จะใส่เห็ด พริกชี้ฟ้าแดง เหลือง หรือเขียวเพิ่มลงไปก็ได้นะครับ แล้วชิมให้ได้รสชาติจัดจ้าน เพราะถ้าผัดกะเพราไม่เผ็ด ไม่หอม และไม่จาม ก็คงไม่อร่อย

หลังจากนั้น เด็ดใบกะเพราสด ใส่ลงไปผัดให้เข้ากันและยกขึ้นจากเตาใส่จานเสิร์ฟ โดยเสิร์ฟพร้อมข้าวสวยแล้วราดหน้าด้วยขาหมูเยอรมันผัดกะเพรา โรยหน้าด้วยใบกะเพราทอดกรอบ มีไข่ดาวและน้ำปลาพริก แค่นี้ก็อร่อยแล้วครับ ถ้าขาหมูเยอรมันยังเหลือสามารถนำไปทำต้มยำได้อีกมื้อหนึ่งนะครับ

ถ้ามีเวลาลองทำกินกันดูนะครับ เมนูนี้รับรองอร่อยครับ.

เครื่องตำ
กระเทียมปอกเปลือกแล้ว 8 กลีบ
พริกขี้หนู 5 เม็ด
เกลือ 1/2 ช้อนชา
เครื่องปรุงขาหมูเยอรมันผัดกะเพรา
น้ำมันถั่วเหลือง 2 ช้อนโต๊ะ
ขาหมูต้มสุกแล้วหั่นเป็นชิ้น 400 กรัม
น้ำปลา 1 ช้อนชา
น้ำตาลปี๊บ 1/2 ช้อนชา
ใบกะเพราเด็ดเป็นใบ ๆ 1/2 ถ้วยตวง
ข้าวสวย สำหรับเสิร์ฟ
ใบกะเพราเด็ดเป็นใบ ๆ ทอดกรอบแล้ว สำหรับโรยหน้า
ไข่ดาว สำหรับเสิร์ฟ
น้ำปลาพริก สำหรับเสิร์ฟ

ร้านอาหารชวนชิม
วันนี้ผมจะพาไปถนนนิมมานเหมินทร์ ซอย 9 ในจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งผมได้ไปชิมอาหารอร่อยมาครับ โดยร้านนี้มีชื่อว่า เมนคอร์ส ที่แปลว่าอาหารจานหลัก มีทั้งอาหารฝรั่งและอาหารไทย ร้านนี้เพิ่งเปิด เจ้าของร้านยังอายุน้อยอยู่เลยครับ บรรยากาศที่ร้านดีมาก เป็นร้านเล็ก ๆ กะทัดรัด น่านั่ง
เมนูแรกที่ได้ชิมคือ พอร์คช็อปย่าง รสชาติอร่อยดี เขาย่างด้วยเตาถ่านให้ดูที่หน้าร้านเลยครับ ย่างได้กำลังดี ไม่สุกมาก มีน้ำจิ้มแจ่วมาให้ด้วย รสชาติพอใช้ได้ ผมจึงแนะนำไปว่าแจ่วที่ดีไม่ควรออกรสหวาน เพราะอาหารอีสานจะไม่มีความหวาน จะมีแต่ความเค็มและความเผ็ด และอย่าลืมใส่ข้าวคั่วด้วย

เพื่อนผมคนหนึ่งที่ไปด้วยกันไม่ชอบอาหารฝรั่ง เลยสั่ง หมูผัดกะเพราไข่ดาว ซึ่งเขาทำได้รสชาติดี ผมและเพื่อน ๆ คนอื่นแย่งเขากินจนหมดจานเลย จึงต้องสั่งมาเพิ่มอีกจานแต่ก็ยังหมดอีกอยู่ดี แสดงว่าทางร้านผัดได้รสชาติอร่อยถูกปากผมและเพื่อน ๆ ทุกคน

ยังมี ซีซาร์สลัด ที่ร้านนี้ทำแตกต่างจากร้านอื่น เพราะมีเบคอนใส่เข้ามาด้วยเล็กน้อย ส่วนรสชาติในความรู้สึกของผมยังเปรี้ยวไม่พอ และใส่พาเมซานชีสน้อยไป แต่รวม ๆ แล้วรสชาติดี  แต่สิ่งที่ผมอยากจะบอกคือต้องรีบคลุกและรีบเสิร์ฟ เพราะสลัดต้องเสิร์ฟตอนที่ทำเสร็จใหม่ ๆ จะได้กรอบ มิเช่นนั้นผักจะเหนียวและนิ่มเกินไป

จานต่อมาเป็น สปาเกตตีคาโบนาร่า มีเบคอน แฮม ครีมและชีส ผมชอบเพราะเขาทำไม่เหมือนคาโบนาร่าที่ฝรั่งนิยมทำกันซึ่งจะเข้มข้นมาก ที่ร้านนี้ปรุงรสออกมาเบา ๆ ไม่ข้นจนเลี่ยนเกินไป ทำให้กินได้มากขึ้นเพราะไม่เลี่ยน

นอกจากนี้ยังมี หมูย่าง เป็นหมูหมักและอบด้วยน้ำผึ้งสไลซ์มาให้ ผมติเขาว่ารสชาติหวานไป ต้องมีความเค็มมากกว่านี้ ยังไม่ค่อยกลมกล่อมนัก แต่เนื้อหมูนิ่ม ไม่เหนียว

เมนูต่อมา คือ ลาซานญ่าหมู และ ลาซานญ่าเนื้อ ซึ่งเป็นเมนูที่ผมชอบมากทั้ง 2 เมนู  เพราะแป้งลาซานญ่าของเขาเป็นแป้งชั้นเดียวทำให้กินแป้งไม่มากเกินไป ส่วนหมูและเนื้อที่ใส่ก็กำลังพอดี ใช้ซอสที่เข้มข้น ปรุงออกมาได้อร่อย

จานต่อมาที่อร่อยไม่แพ้กันเห็นจะเป็น หอยอบเนย ใส่ในจานเสิร์ฟมาสวยงาม รสชาติเข้มข้น เหมือนอาหารไทย มีรสเผ็ดเล็ก ๆ กินกับขนมปังฝรั่งเศสอร่อยดี ผมว่ากินกับข้าวร้อน ๆ ก็คงจะอร่อยเหมือนกัน

ตามมาด้วย หอยแมลงภู่อบชีส ใส่ผักขมมาด้วย รสชาติอร่อย แต่ผมไม่ชอบหอยแมลงภู่ที่มาจากนิวซีแลนด์ เพราะเป็นหอยแมลงภู่ที่ทำสุกมาเรียบร้อยแล้ว เมื่อนำไปอบอีกครั้งเนื้อหอยจะเหนียว
อีกจานเป็น ทีโบนสเต๊ก รสชาติดีใช้ได้ แต่เนื้อเหนียว เพราะเนื้อของเขาบางจึงทำให้สุกเกินไป ถ้าทำให้เนื้อหนากว่านี้ก็จะดี แต่ก็เข้าใจในเรื่องของต้นทุน ผมจึงแนะนำให้เขาใช้กระทะร้อน ๆ และเอาทีโบนสเต๊กไปหมักเสียก่อน แล้วค่อยเอาลงทอดข้างละไม่ถึงนาที แล้วถึงจะเสิร์ฟกับซอส เพื่อที่จะได้เนื้อที่สุกกำลังพอดี

ร้านนี้เขามีความตั้งใจทำอาหาร ซึ่งรสชาติอาหารก็อร่อยใช้ได้ บรรยากาศร้านน่ารัก ผมจึงอยากแนะนำหากใครมีโอกาสไปเชียงใหม่ อย่าลืมแวะไปชิมกันดูนะครับ.

ชื่อร้าน : เมนคอร์ส
ที่อยู่ : 20 ถนนนิมมานเหมินทร์ ซอย 9
ต.สุเทพ อ.เมือง เชียงใหม่ 50000
โทรศัพท์ : 08-8809-2468
เวลาเปิด : 11.00-23.00 น.
หมึกแดงไกด์
ความอร่อย  
ความสะอาด  
คุณภาพของวัตถุดิบ  
การบริการ  
ราคา
หมึกแดง
www.mcdangguide.com

Read More...


ชวนอร่อย ‘บะหมี่อบหอยตลับใบโหระพา’ หอม อิ่มท้อง ‘ดับเบิลชีสเบอร์เกอร์’

ผมได้แวะไปเที่ยวที่ อ.เสม็ด มา แล้วก็ได้ความคิดมาจากอาหารที่เขาเสิร์ฟให้ทาน ซึ่งก็คือเมนู บะหมี่อบหอยตลับใบโหระพา นั่นเอง วันนี้ผมจึงอยากแนะนำให้เพื่อน ๆ ได้ลองทำทานกันดู ซึ่งมีกรรมวิธีที่ง่าย ๆ และคิดว่าทุกคนสามารถทำได้

 ผมได้แวะไปเที่ยวที่ อ.เสม็ด มา แล้วก็ได้ความคิดมาจากอาหารที่เขาเสิร์ฟให้ทาน ซึ่งก็คือเมนู บะหมี่อบหอยตลับใบโหระพา นั่นเอง วันนี้ผมจึงอยากแนะนำให้เพื่อน ๆ ได้ลองทำทานกันดู ซึ่งมีกรรมวิธีที่ง่าย ๆ และคิดว่าทุกคนสามารถทำได้ หอยตลับสำหรับที่อื่นอาจจะหาสด ๆ ยากสักเล็กน้อย แต่ที่ อ.เสม็ด นั้นหาง่ายมากและสดมากครับ

สิ่งแรกที่จะต้องเตรียมไว้ก่อน คือ การเอาเส้นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปไปลวกไว้ จากนั้นเอากระเทียมมาบุบ พริกมาบุบ และตะไคร้หั่นเป็นท่อนมาบุบ เมื่อทำเสร็จแล้วให้เอากระทะมาตั้งไฟ ใส่น้ำมันลงไป แล้วเอาทุกอย่างที่เราบุบไว้ทั้ง กระเทียม พริกและตะไคร้ ใส่ลงไปในกระทะ คั่วให้ได้กลิ่นหอม แต่อย่าให้ไหม้นะครับ
 
จากนั้น ใส่หอยตลับทั้งหมดลงไปในกระทะคนให้เข้ากัน เติมน้ำมันหอย ซีอิ๊วขาว และน้ำซุปอย่างละเล็กน้อย ให้มีน้ำจะได้นึ่งให้ฝาหอยตลับเปิด เพื่อให้หอยตลับสุกจะต้องปิดฝารอจนกระทั่งฝาหอยตลับเริ่มเปิด เมื่อฝาหอยเปิดแล้วให้ชิมรสชาติปรุงให้ได้รสที่กลมกล่อม โดยน้ำที่คายออกมาจากหอยตลับจะมีกลิ่นที่หอมชวนรับประทาน
 
หลังจากนั้น แบ่งใบโหระพาครึ่งหนึ่งเอาไปใส่ในกระทะคลุกให้เรียบร้อย แล้วชิมอีกครั้ง เมื่อได้รสชาติที่ต้องการแล้วใส่เส้นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่ลวกไว้ลงไปใน กระทะ เพิ่มน้ำมันหอยกับซีอิ๊วขาวอีกเล็กน้อยคนให้เข้ากันพอร้อน
 
จากนั้นเอาหม้อดินมาตักเส้นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในกระทะใส่ลงไป โดยตักทั้งน้ำและตัวหอยตลับราดลงไปบนเส้นบะหมี่ แล้วเอาใบโหระพาที่เหลือโรยไว้ข้างบนแล้วปิดฝาตั้งไฟ ไม่ต้องให้ร้อนมากแค่พอให้เส้นและทุกอย่างระอุเท่านั้น
 
เพียงเท่านี้ก็จัดเสิร์ฟได้เลยครับ อร่อย ใช้เวลาทำน้อยมาก 5 นาทีก็เสร็จแล้วครับ แต่ถ้าใครแพ้อาหารทะเลก็ต้องระวังอย่าไปกินนะครับ อาจจะเปลี่ยนจากหอยตลับเป็นอย่างอื่นแทนได้.
ร้านอาหารชวนชิม

ร้านที่จะพาเพื่อนไปชิมวันนี้อยู่ที่ อ.เสม็ด จ.ระยอง ชื่อว่าร้าน แฮมเบอร์เกอร์ ซิลเวอร์ แซนด์ เป็นร้านแฮมเบอร์เกอร์เล็กๆ ติดกับร้านบาร์ที่ ซิลเวอร์ แซนด์ ที่เกาะเสม็ด วันนั้นผมได้ไปนั่งดื่มกับเพื่อนแล้วเกิดหิวขึ้นมาเหลือบไปเห็นร้านนี้เข้า จึงลองเข้าไปชิมดู พนักงานเอาเมนูใบใหญ่มาให้ดู มีอาหารหลายอย่างเหมือนกัน ทั้งแซนด์วิช และแฮมเบอร์เกอร์ แต่ผมชอบกินแฮมเบอร์เกอร์มาก ผมจึงสั่ง ดับเบิลชีสเบอร์เกอร์ ที่เป็นเนื้อ 2 ชิ้น เอาไปทอด เมื่อมาเสิร์ฟได้กลิ่นหอมมาก
โดยขนมปังทั้ง 2 ด้านเอาไปปิ้งก่อน โดยด้านหนึ่งใส่ชีส ส่วนอีกด้านหนึ่งทามายองเนส ใส่มะเขือเทศ ผักกาดแก้ว และหอมหัวใหญ่ ซึ่งถ้าไม่มีหอมหัวใหญ่จะไม่อร่อยนะครับ โดยเสิร์ฟพร้อมกับเฟรนช์ฟรายส์ แต่อย่าลืมก่อนกินต้องเพิ่มมายองเนสกับแคทชอพเล็กน้อยนะครับ เมนูนี้ต้องกินด้วยมือถึงอร่อยและสนุก กัดเข้าไปได้รสชาติทั้งความเปรี้ยว เค็ม กรอบ และได้ความหวานจากหอมหัวใหญ่ที่หั่นเป็นแว่น มีมะเขือเทศที่นุ่ม หวาน ออกเปรี้ยวนิด ๆ มีผักกาดแก้วที่กรอบ และได้ความมันจากชีส กินกับ เฟรนช์ฟรายส์
 
ผมอยากให้ความรู้เกี่ยวกับคำว่า เฟรนช์ฟรายส์ สักนิดว่าความจริงแล้ว เฟรนช์ แปลว่า ชาติฝรั่งเศส หรือชาวฝรั่งเศส แต่ไม่ได้มาจากประเทศฝรั่งเศสนะครับ แต่มาจากประเทศสหรัฐอเมริกา คนอเมริกันเรียกลักษณะมันทอดแบบนี้ว่า เฟรนช์ฟรายส์ เพราะเป็นมันทอดเส้นเล็ก ๆ แต่ที่ฝรั่งเศส ถ้าไปขอเฟรนช์ฟรายส์ เขาคงมองหน้าแล้วว่าเราว่าไม่รู้เรื่อง เพราะที่ประเทศฝรั่งเศสเขาจะเรียกว่า ปอมฟิช แปลว่า มันทอด โดยจะทำเป็นชิ้นใหญ่กว่า ผมว่ารสชาติของฝรั่งเศสอร่อยกว่า แต่คนอเมริกันเอาไปทำเป็นอุตสาหกรรมไปเลย คนจึงนิยมเรียกกันว่า เฟรนช์ฟรายส์ ให้เข้าใจว่าไม่ใช่ของฝรั่งเศสนะครับ

ร้านนี้เป็นร้านเล็ก หากรู้สึกหิวก็แวะไปชิมได้ อิ่มท้องดีนะครับ ขนาดฝรั่งยังมากินและชอบด้วย ผมจึงอยากแนะนำให้เพื่อน ๆ ลองแวะไปชิมกันดู
เครื่องปรุงอบหอยตลับ
น้ำมันหอย 2 ช้อนโต๊ะ
ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำซุป 1/2 ถ้วยตวง
เครื่องปรุงบะหมี่อบหอยตลับ
ตะไคร้หั่นท่อนบุบ 1 ต้น
พริกขี้หนูบุบ 5 เม็ด
กระเทียมบุบ 3 เม็ด
เส้นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปลวกแล้ว 60 กรัม
หอยตลับ 500 กรัม
ใบโหระพาเด็ดใบ 1/2 ถ้วยตวง
น้ำอบหอยตลับ 1/2 ถ้วยตวง
ที่อยู่ : อ่าวไผ่ เกาะเสม็ด 92  หมู่  4
ต.เพ อ.เมือง ระยอง 21160
โทรศัพท์ : 08-1996-5720
เวลาเปิด : 21.00-03.00 น.
ความอร่อย    
ความสะอาด  
คุณภาพของวัตถุดิบ  
ราคา  
การบริการ  
หมึกแดง
www.mcdangguide.com

Read More...


ชวนชิม ‘ต้มยำซีฟู้ดโอกาตั้ง’ รสเข้มข้นนุ่ม อร่อย ‘ช็อกโกแลตมูส...ทาร์ตแอปเปิล’

สำหรับเมนูอาหารเริ่มกันด้วย ไทยทาปัส และที่ผมเลือกมาสำหรับเป็นกับแกล้มคือ ยำพาร์ม่าแฮม ซึ่งมีเมลอนด้วย ในส่วนของนํ้ายำ มีเพียงนํ้ามันมะกอกผสมกับนํ้าจิ้มซีฟู้ด ซึ่งเขาทำออกรสแซ่บ ๆ ดี กินกับขนมปังอร่อยมาก

 
อาทิตย์นี้ผมจะพาไปชิมอาหารฝรั่ง ที่ร้านชื่อว่า “661 สีลม” โดยข้างล่างลักษณะเป็นบาร์ที่นั่งและผมได้มีโอกาสทำ “ไทยทาปัส” ซึ่งเป็นอาหารจานเล็ก ๆ ประมาณ 7-8 เมนู ให้ที่ร้านนี้ด้วยครับ ส่วนข้างบนของร้านจะเป็นสเต๊กเฮาส์ ร้านนี้ตกแต่งด้วยหนังทั้งหมด เก้าอี้ก็ทำด้วยหนัง ส่วนบริเวณด้านนอกมีสวนหย่อมด้วย เป็นร้านที่สวยงามร้านหนึ่ง

สำหรับเมนูอาหารเริ่มกันด้วย ไทยทาปัส และที่ผมเลือกมาสำหรับเป็นกับแกล้มคือ ยำพาร์ม่าแฮม ซึ่งมีเมลอนด้วย ในส่วนของนํ้ายำ มีเพียงนํ้ามันมะกอกผสมกับนํ้าจิ้มซีฟู้ด ซึ่งเขาทำออกรสแซ่บ ๆ ดี กินกับขนมปังอร่อยมาก

มี เปาะเปี๊ยะเป็ด เมื่อเอามาเสิร์ฟลักษณะจะคล้ายกับเป็ดปักกิ่งแต่ทำให้เป็นเปาะเปี๊ยะ เพื่อที่จะได้ไม่เลี่ยนจนเกินไป เมื่อผมลองชิมดูแล้วใช้ได้เลยครับ เนื้อแป้งไม่บาง ไม่หนา กำลังดี ส่วนเนื้อเป็ดก็นุ่ม ไม่เหนียว ยังมี สะเต๊ะเนื้อ สีสันดูน่ากินพอสมควร จัดตกแต่งมาอย่างสวยงาม โดยเขาจะราดนํ้าอาจาดใส่มากับสะเต๊ะเนื้อด้วยเลยรสชาติอร่อยดี เนื้อไม่เหนียว ได้กลิ่นหอมของเครื่องเทศ จานต่อมาเป็น หอยนางรมสด เมื่อเอาเข้าปากก็รู้ได้เลยว่าเขาใช้หอยสด ส่วนรสชาติของนํ้าจิ้มก็จัดจ้าน

เมนูที่ผมชอบมากที่สุด คือ ต้มยำซีฟู้ดโอกาตั้ง คือเขาจะเอานํ้าต้มยำมาทำให้มีความข้นมาก ๆ แล้วเอาอาหารทะเลลงไปลวกในนํ้าต้มยำนั้น จากนั้นก็เอาไปใส่ในหอยเชลล์ แล้วโรยด้วยเกล็ดขนมปังแล้วไปอบ ซึ่งเมื่อเอาออกมาจากเตาอบเหมือนอาหารฝรั่งเลยครับ แต่รสชาติเป็นต้มยำบ้านเราแน่ ๆ เป็นเมนูที่อร่อยและมีความคิดสร้างสรรค์ดีครับ

หลังจากที่นั่งกินที่บาร์ด้านล่างแล้วเราสามารถย้ายที่ได้นะครับ พอขึ้นไปชั้นบนบรรยากาศหรูหราเหลือเกิน โดยก่อนที่จะเดินไปถึงข้างบนจะมีห้องแชมเปญที่ตกแต่งด้วยโคมไฟระย้าที่ทำจาก แก้วไวน์ สวยงามมาก ภายในห้องนี้ ผมเห็นแชมเปญดอม เพริยอง ซึ่งเป็นแชมเปญที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในโลก และไวน์ที่คงจะมีราคาแพงครับ

เมื่อขึ้นไปข้างบนพบว่ามีอาหารอย่างอื่นอีกด้วย แต่อาหารหลักจะเป็นเนื้อเสียส่วนใหญ่ โดยเนื้อนั้นก็มาจากหลายแหล่งด้วยกัน ผมได้ลอง เนื้อโกเบ ที่เขาทำคล้ายยำ โดยทำเป็นชิ้นยาว ๆ มีผักอยู่ข้างใต้ มีนํ้าจิ้มแจ่วเล็กน้อย แต่เขาเอาไปย่างข้างเดียว ข้างล่างยังไม่สุกเนื้อยังแดง ๆ อยู่ อร่อยมาก

ต่อมาผมสั่งอาหารเรียกนํ้าย่อยเป็น ทาร์ทาร์ปลาทูน่า รสชาติเข้มข้นดีครับ กินกับขนมปัง นํ้ายำรสชาติไม่จัดจ้านนัก แต่ก็อร่อย มี ซุปกุ้งมังกร สีเหลืองน่ากิน นํ้าซุปไม่ข้นมากนัก เมื่อชิมแล้วอร่อยใช้ได้ แต่ที่อร่อยมากกว่านั้น เป็น สลัดกุ้งมังกร รสชาติดี นํ้าสลัดเข้มข้น ผักสด กรอบ อร่อย
เมนูต่อมาเป็น เนื้อซี่ โครงอบ โดยเขาจะเอาเนื้อไปอบและตุ๋นจนเนื้อนุ่มและเปื่อย ซึ่งใช้เวลานานพอสมควร ปรุงรสได้กำลังดี กลมกล่อม

จากนั้นเป็น เนื้อสเต๊กทีโบน โดยจะต้องกินกับมะนาวที่เขาบีบมาให้ เนื้อนุ่ม ไม่เหนียว สู้ฟันเล็กน้อย อร่อย และก็สั่ง เนื้อสเต๊กจากสเปน ซึ่งเหนียวเล็กน้อย แต่มีรสชาติและกลิ่นที่หอมหวนชวนกินมาก โดยส่วนใหญ่แล้วจะต้องกินสเต๊กกับเฟรนช์ฟรายส์ ผัก และนํ้าซอสต่าง ๆ ที่เขาเสิร์ฟมาด้วย ถึงจะเข้ากัน

ส่วนสเต๊กที่ผมชอบมากที่สุด คือ สเต๊ก เนื้อญี่ปุ่น ซึ่งเขาย่างมาได้กำลังดี เมื่อเคี้ยวแทบจะละลายในปาก อร่อยมากครับ

จากนั้นผมกลับลงไปกินของหวานที่ข้างล่าง เป็น ช็อกโกแลตมูส ที่มีอัลมอนด์ด้วย อร่อยใช้ได้ ไม่หวานมากนัก เนื้อนิ่มกำลังดี แล้วก็ได้กิน ทาร์ตแอปเปิล ที่ทำเป็นคำ ๆ อร่อยเหมือนกัน ยังมี เลมอนเคิร์ดทาร์ต ที่เราสามารถใช้นิ้วจิ้มกินได้เลยครับ รสชาติดีเช่นกัน

มีสิ่งหนึ่งในร้านนี้ที่ผมชอบ คือครัวเขาเป็นครัวเปิด ซึ่งทำให้ผมได้ดูวิธีทำอาหารของเชฟ แต่ครัวจะเป็นกระจกปิดหมดเพื่อไม่ให้ควันออกมา บรรยากาศในห้องครัวดีเพราะมีการนำต้นไม้มาตกแต่งด้วย สวยมาก สบายตาร้านนี้อาหารอร่อย เป็นร้านที่เท่และทันสมัย มีคนไปกินกันเยอะพอสมควร ถ้ามีโอกาสต้องไปลองกินดูนะครับ เนื้อสเต๊กของร้านนี้อร่อย ส่วนไทยทาปัสของผมก็อร่อยไม่แพ้กัน.

........................................................................
โครเก็ตแฮมเชดด้าชีส - เข้าครัวกับหมึกแดง
เครื่องปรุง
หอมใหญ่สับละเอียดผัดแล้ว    1/4    ถ้วยตวง
มันฝรั่งหั่นเต๋าต้มสุก    1    ถ้วยตวง    
ไข่แดงของไข่ไก่    1    ฟอง    
แฮมสับละเอียด    1/4    ถ้วยตวง
เชดด้าชีสขูด    1/2    ถ้วยตวง
มอสซาเรลล่าชีสขูด    1/2    ถ้วยตวง
เกลือป่น        พอประมาณ
พริกไทยดำบดสด        พอประมาณ
ลูกจันทร์ป่น        พอประมาณ
โทบัสโก้        พอประมาณ
แป้งสาลี    1    ถ้วยตวง
ไข่ไก่    2    ฟอง
เกล็ดขนมปัง    1    ถ้วยตวง
นํ้ามันปาล์ม        สำหรับทอด
ซาวร์ครีม    1    กระป๋อง
พาร์สลีย์        สำหรับเสิร์ฟ

วิธีทำ
1. ในชามผสม ผสมหอมใหญ่ มันฝรั่ง และไข่แดง ให้เข้ากัน แล้วใส่แฮม เชดด้าชีส และมอสซาเรลล่าชีส
2. ปรุงรสด้วยเกลือ พริกไทย ลูกจันทร์ป่น และโทบัสโก้ ผสมให้เข้ากันแล้วปั้นเป็นลูกกลม ๆ พักไว้
3. เตรียมภาชนะแบน 3 ใบ ใบที่ 1 ใส่แป้งสาลี ใบที่ 2 ใส่ไข่ไก่ที่ตีแล้ว ใบที่ 3 ใส่เกล็ดขนมปัง
4. นำโครเก็ตที่ขึ้นรูปไว้ลงคลุกกับแป้งสาลีให้ทั่ว หลังจากนั้นนำโครเก็ตที่เคลือบแป้งแล้วมาชุบกับไข่ไก่ที่ตีไว้ เพื่อให้แป้งกับไข่ผสมกันกลายเป็นกาวเหนียว ๆ หลังจากนั้นไปคลุกในเกล็ดขนมปังป่น ให้เคลือบจนทั่ว พักไว้
5. นำกระทะใส่นํ้ามันปาล์ม ตั้งไฟพอร้อน นำโคร
เก็ตลงทอดให้เหลืองสุก ตักขึ้นพักไว้
6. ในจานเสิร์ฟ นำโครเก็ตที่ทอดแล้ววางลงในจานเสิร์ฟ ตักซาวร์ครีมวางทับบนโครเก็ต โรยหน้าด้วยพาร์สลีย์ จัดเสิร์ฟ
........................................................................
สเต๊กเนื้อ - ชิมให้เป็น
คนที่ชอบกินเนื้อจริง ๆ จะต้องกินเนื้อที่ไม่สุกจนเกินไปนัก ต้องสุกปานกลางคือเนื้อยังมีสีแดง ๆ ชมพู ๆ และยังคงมีเลือดอยู่ ซึ่งถ้าเป็นอย่างนี้จะได้ความหวานของเลือดจากเนื้อสเต๊ก ที่มีความนุ่มและมีไขมันที่แตกต่างกัน ผมชอบเนื้อที่มีไขมันสูงเพราะจะยิ่งนุ่ม แต่บางครั้งไปเจอสเต๊กที่มาจากสเปนซึ่งจะมีไขมันน้อย ทำให้เหนียวเล็กน้อย แต่จะมีกลิ่นที่หอมชวนกินมาก ซึ่งตรงนี้ก็แล้วแต่คนว่าชอบกินสเต๊กที่กลิ่นหรือชอบ
ที่รสชาติ
หมึกแดง
www.mcdangguide.com

Read More...


ค้างคาวเผือก อาหารโบราณ มีคนทำเป็นน้อย ช่องทางสร้างอาชีพที่ดี...


“ค้างคาวเผือก” ที่ทีม “ช่องทางทำกิน” จะนำเสนอในวันนี้ เป็นชื่ออาหารว่างไทยโบราณ มีลักษณะเป็นรูปทรงสามเหลี่ยมเสมือนกับปีกค้างคาว ด้านในยัดไส้ซึ่งมีส่วนผสมของหมู เห็ดหอม และหน่อไม้ต้ม ผัดรวมกัน โดยปัจจุบันหาทานได้ยากมาก เพราะมีขั้นตอนการทำที่ซับซ้อน แต่การที่มีคนทำเป็นน้อย นี่ก็อาจจะเป็นช่องทางสร้างอาชีพที่ดี...

ผศ.จุฑามาศ พีรพัชระ รักษาราชการแทนอธิการบดี และ ผศ.พจนีย์ บุญนา อาจารย์ประจำสาขาอาหาร และโภชนาการ คณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) พระนคร ให้ข้อมูลว่า “ค้างคาวเผือก” ที่เป็นอาหารว่างไทยโบราณนี้ เป็นผลผลิตในโครงการหมู่บ้านเผือกหอม ของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ภายใต้โครงการหมู่บ้านแม่ข่ายวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี หรือคลินิกเทคโนโลยี

“คลินิกเทคโนโลยีได้ลงพื้นที่ให้ความรู้แก่ชาวบ้านใน 3 ตำบล ในอำเภอบ้านหมอ จ.สระบุรี ซึ่งทำนาเผือกกว่า 2,000 ไร่ โดยไปช่วยแปรรูปเผือกปาด หรือเผือกที่ไม่สวยที่เกิดจากความบกพร่องในกระบวนการเพาะปลูก ให้มีมูลค่าเพิ่ม โดยทำเป็นแป้งเผือก เผือกทอดกรอบเคลือบน้ำตาล และค้างคาวเผือก ซึ่งเป็นอาหารว่างไทยโบราณที่หาทานได้ยาก ซึ่งประสบความสำเร็จมาก ๆ ทางชุมชน ชาวบ้าน มีรายได้เพิ่มมากขึ้น”

อุปกรณ์ในการทำค้างคาวเผือก หลัก ๆ มี เตาแก๊ส, กระทะ, ทัพพี, หม้อ, ตะแกรง, กระชอน, กะละมัง, ถาดสเตนเลส, เขียง, ครก นอกจากนี้ก็เป็นเครื่องมือเบ็ดเตล็ดอื่น ๆ ที่หยิบยืมได้จากในครัวทั่วไป
สำหรับการทำค้างคาวเผือก มีส่วนผสมตามสูตรดังนี้คือ ส่วนผสมตัวแป้ง เผือกปาดปอกเปลือกนึ่งสุกบดละเอียด 500 กรัม, แป้งข้าวโพด 50 กรัม, น้ำร้อนเล็กน้อย และเนยสด 50 กรัม

วิธีทำ นำส่วนผสมเผือกนึ่ง แป้งข้าวโพด และน้ำร้อน มานวดให้เข้ากัน เสร็จแล้วนำเนยสดมานวดผสมเข้าด้วยกัน นวดให้เข้ากันจนเนื้อเนียน จากนั้นแบ่งแป้งเป็นก้อนกลม ก้อนละ 15 กรัม เตรียมไว้
ส่วนผสมของไส้ ตามสูตรประกอบด้วย เนื้อหมูหั่นสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ 1 ถ้วย, เห็ดหอมแช่น้ำหั่นสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ 8 ดอก, หน่อไม้ไผ่ตงหั่นสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ต้มสุก 1/2 ถ้วย, รากผักชีหั่นฝอย 2 ช้อนโต๊ะ, พริกไทยดำ 1 ช้อนชา, กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ, ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ, น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ, เกลือป่น 1 ช้อนชา และน้ำมันสำหรับผัด 2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ โขลกรากผักชี กระเทียม พริกไทย ให้ละเอียด เสร็จแล้วตั้งกระทะ ใส่น้ำมัน ตั้งไฟให้ร้อน ใส่เครื่องที่โขลกไว้ ลงผัดให้หอม ใส่หมู ผัดให้สุก ตามด้วยหน่อไม้ต้ม เห็ดหอม ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว เกลือป่น น้ำตาลทราย แล้วผัดให้แห้ง

วิธีปั้นค้างคาวเผือก นำแป้งเผือกที่แบ่งออกเป็นก้อนกลมไว้ก่อนหน้ามาแผ่ออกเป็นแผ่นบาง ๆ แล้วตักไส้ใส่ เสร็จแล้วห่อให้เป็นรูปสามเหลี่ยมพีระมิด ปิดตะเข็บให้สนิท

จากนั้นนำไปชุบแป้ง แล้วทอดให้เหลือง ตักขึ้น เสิร์ฟร้อน ๆ พร้อมน้ำจิ้ม
สำหรับ ส่วนผสมแป้งที่ใช้ชุบตัวค้างคาวเผือก ตามสูตรมี แป้งข้าวเจ้า 1/4 ถ้วย, แป้งสาลี 1 1/2 ถ้วย, เกลือป่น 1/4 ช้อนชา, กะทิ 1/4 ถ้วย, น้ำเย็น 3/4 ถ้วย, ไข่ไก่ 1/2 ฟอง และน้ำปูนใส 1/4 ถ้วย
วิธีทำ ผสมแป้งข้าวเจ้าและแป้งสาลีเข้าด้วยกัน และใส่เกลือลงเคล้าให้เข้ากัน เตรียมไว้ (เป็นส่วนผสมที่ 1) จากนั้นผสมกะทิ น้ำเย็น ไข่ น้ำปูนใส รวมกัน (เป็นส่วนผสมที่ 2) เสร็จแล้วเทส่วนผสมที่ 2 ลงในส่วนผสมที่ 1 แล้วใช้ตะกร้อมือคนให้เข้ากัน แล้วกรอง เตรียมไว้ใช้เป็นแป้งชุบตัวค้างคาวเผือก
ส่วนผสมน้ำจิ้ม ตามสูตรประกอบด้วย พริกชี้ฟ้าแดง 3 เม็ด, กระเทียม 10 กลีบใหญ่, บ๊วย 2 ลูก, เกลือป่น 1/2 ช้อนชา, น้ำตาลทราย 3/4 ถ้วย, น้ำส้มสายชู 1/2 ถ้วย และน้ำเปล่า 1/2 ถ้วย
วิธีทำ หั่นพริกชี้ฟ้าแดงให้ละเอียด แล้วนำไปโขลกกับกระเทียมให้เข้ากัน เตรียมไว้ เสร็จแล้วนำน้ำส้มสายชู น้ำ น้ำตาล เกลือ ตั้งไฟพอเดือด ใส่บ๊วย เคี่ยวต่อจนเหนียว จึงใส่พริกกับกระเทียมที่โขลกไว้ ยกลง

“ค้างคาวเผือก” นี้ ขายได้ในราคาชิ้นละ 5 บาทขึ้นไป โดยมีต้นทุนวัตถุดิบต่อชิ้นประมาณ 50% ของราคา
           
ใครสนใจกรณีศึกษา “ช่องทางทำกิน” จากเมนูอาหารว่างโบราณ “ค้างคาวเผือก” ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมจากทางมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร ติดต่อสอบถามได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 0-2282-9009-15 ต่อ 6093-6094 ในวันและเวลาราชการ.
สุภารัตน์ ยอดศิริวิชัยกุล-ปิยาภรณ์ บุญประเสริฐ : รายงาน
สุทธิภัทร พฤกษ์เจริญสุข : ภาพ
คู่มือลงทุน...ค้างคาวเผือก
ทุนอุปกรณ์ ประมาณ 10,000 บาทขึ้นไป
ทุนวัตถุดิบ ประมาณ 50% ของราคาขาย
รายได้ ราคาขายชิ้นละ 5 บาทขึ้นไป
แรงงาน 1 คนขึ้นไป
ตลาด ชุมชน, ร้านอาหาร, ออกร้าน
จุดน่าสนใจ คนทำขายน้อยคู่แข่งจึงน้อย

credit by :  http://www.dailynews.co.th/Content/Article/217976/‘ค้างคาวเผือก’+อาหารโบราณน่าสน

Read More...


คู่มือกิน 'ไข่' ให้สุขภาพดี

 

ทุกคนเคยกินไข่ และรู้จักไข่ เพราะเป็นแหล่งโปรตีนราคาถูกสุด ที่ผ่านมาแม้จะมีนักโภชนาการ ตลอดจนแพทย์หลายท่านออกมาให้ความรู้ และข้อแนะนำเกี่ยวกับการกินไข่ แต่หลายคนก็ยังมีข้อกังขาเรื่องการกินไข่อยู่

เกี่ยวกับเรื่องนี้ นพ.กฤษดา ศิรามพุช ผอ.ศูนย์เวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ บอกว่า การศึกษาใหม่ ๆ ชี้ว่าไข่มีประโยชน์เหนือกว่าโทษมาก อย่างการศึกษาจากคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยฮาวาร์ดทำในพยาบาลกว่า 100,000 รายที่รับประทานไข่พบว่าคนที่บริโภคไข่ทุกวันกับคนที่บริโภคสัปดาห์ละเพียง 1 ฟอง ผลคือ ไม่พบความเสี่ยงโรคหัวใจที่เพิ่มขึ้นต่างกัน

สมาคมแพทย์โรคหัวใจแห่งสหรัฐอเมริกา (American Heart Association) ชี้ว่าสามารถรับประทานไข่
ไก่ได้วันละ 1 ฟอง

แต่สำหรับบางท่านต้องระวังไว้สักนิดเหมือนกัน ดังต่อไปนี้
1. แพ้ไข่และสารประกอบในไข่  ในคนกลุ่มนี้ต้องระวังในการฉีดวัคซีนด้วย
2. ผู้ป่วยโรคไตและตับที่ไม่ควรได้โปรตีนมาก
3. โรคเบาหวานที่ยังคุมไม่ได้
4. โรคหัวใจที่ต้องคุมไขมันในเลือด
5. มีไขมันคอเลสเตอรอลสูงในระดับอันตราย

มีผลการศึกษาและประโยชน์ของไข่ที่น่าสนใจ คือ

1. ไข่ช่วยสมานแผล ไข่ไม่แสลงแผลเสมอไป ความเชื่อที่ว่าเป็นแผลหรือหลังผ่าตัดห้ามกินไข่เพราะจะทำให้แผลเป็นหนอง ไม่แห้งสนิท ไม่เสมอไปในทุกคน หากแต่ตรงกันข้าม จากการศึกษาโดยนักโภชนาการและศัลยแพทย์พบว่า ไข่ช่วยสร้างเนื้อเยื่อและสมานแผลจาก “อัลบูมิน” โปรตีนในไข่ขาวและ “ซิงค์” หรือ สังกะสี

2. ไข่ฟาร์มกับไข่เลี้ยงธรรมชาติ  จากการศึกษาเทียบกับข้อมูลไข่ไก่ทั่วไปจากองค์การเกษตรแห่งสหรัฐชี้ว่าไข่ ไก่ธรรมชาติเหนือกว่าในหลายด้าน ทั้งในแง่ของวิตามินและไขมันดีโอเมก้า 3 โดยไข่ไก่เลี้ยงธรรมชาติจะมีมากกว่าและปลอดภัยกว่าในแง่ “ยาปฏิชีวนะ” และ “สารเคมี”

3. ไข่ไก่มีสารช่วยลดไขมัน ต่างกับงานวิจัยเดิม ๆ ที่เคยเชื่อกัน  เพราะพระเอกลดไขมันอยู่ใน “ไข่แดง” ได้แก่ไขมันโอเมก้าและวิตามินดีนั่นเอง

4. ไข่แดงช่วยบำรุงเส้นผม  ในไข่แดงมี “ไบโอติน” เป็นสารต้านอนุมูลอิสระบำรุงเส้นผม ถือเป็นวิตามินชนิดหนึ่งที่วิจัยพบตั้งแต่ปี ค.ศ. 1940  ถ้าขาดไปทำให้มีปัญหากับเส้นผมและหนังศีรษะ ส่วนของไข่ขาวดิบจะมีผลลบต่อเส้นผม เคล็ดลับง่าย ๆ คือปรุงไข่ให้สุกทั่วกันก่อนกินจะดีที่สุด

5. ไข่ฟองใหญ่ยิ่งสัดส่วนไขมันน้อย  ลองสังเกตง่าย ๆ จาก “ไข่นกกระทา” ที่เทียบสัดส่วนแล้วมีไขมันคอเลสเตอรอลสูงกว่าไข่ไก่มาก เพราะการเลือกไข่ไก่ยิ่งเบอร์ใหญ่ก็คือยิ่งได้ “ไข่ขาว” มาก

6. กินไข่ช่วยบำรุงกระดูก  เหมาะที่สุดกับผู้ใหญ่ที่มีปัญหาไขข้อและกระดูกเสื่อม ควรรับประทานไข่ด้วย  เพราะไข่มีทั้ง “วิตามินดี” และ “โปรตีนสำคัญ” ที่ช่วยสร้างคอลลาเจนกระดูกได้

7. มังสวิรัติที่ทานไข่ได้จะช่วยให้ไม่ขาดสารอาหาร  รายงานจากวารสารสุขภาพฮาวาร์ดระบุว่านักมังสวิรัติแบบรับประทานนมและไข่ หรือไข่เพียงอย่างเดียวได้จะช่วยให้ไม่ขาดสารอาหารจำเป็นที่ไม่มีในพืชผัก ที่รับประทาน

8. กินไข่ช่วยลดการอักเสบในร่างกาย  ด้วยสารต้านการอักเสบอย่าง “กรดแอลฟ่าไลโนเลนิก” มีฤทธิ์ช่วยลดการอักเสบข้อ ปวดไขข้อ ข้อยึดและยังช่วยดูแลเรื่องการแข็งตัวของเลือด
ข้อควรระวังคือ เปลือกไข่อาจมีเชื้อลำไส้อักเสบ  คือ “ซาลโมเนลล่า” พบบ่อยมากที่เปลือกไข่  ควรทำความสะอาดให้ดีก่อนตอกไข่และควรลวกไข่ให้สุกเพราะ “ไข่ดิบ” และ “ไข่ลวกสุก ๆ ดิบ ๆ” ย่อยยากและเป็นแหล่งของเชื้อชนิดนี้ได้

โดยทั่วไปจำนวนของไข่ที่ควรรับประทานขึ้นอยู่กับแต่ละท่านและโรคประจำตัว แต่โดยทั่วไปถ้ารับประทานเพื่อสุขภาพสามารถบริโภคได้วันละ 1 ฟองรวมไข่แดงด้วย  เคล็ดลับคือให้ลองเอามาพลิกแพลงดูไม่ให้ซ้ำ เพราะไข่เอามาทำอะไรก็อร่อย.
นวพรรษ บุญชาญ : รายงาน


Read More...


ขนมจีนซาวน้ำ สร้างรายได้-คลายร้อน


หน้าร้อนใกล้เข้ามา หนึ่งในเมนูอาหารที่ทำให้นึกถึงห้วงเวลาของการพักผ่อนคลายร้อน ที่มักนิยมรับประทานมากเป็นพิเศษในช่วงอากาศร้อน ๆ ก็รวมถึงอาหารคาวของไทยที่มีชื่อละม้ายคล้ายอาหารจีน คือ “ขนมจีนซาวนํ้า” อีกหนึ่งเมนูที่มีความโดดเด่น อุดมด้วยสมุนไพรนานาชนิด ซึ่งวันนี้ทางทีม “ช่องทางทำกิน” ก็มีข้อมูลการทำเมนูดับร้อนผ่อนกระหาย ทานแล้วชื่นอกชื่นใจไปกับรสชาติความอร่อยจากตำรับโบราณแท้ ๆ เมนูนี้ มานำเสนอให้ได้พิจารณากัน...
ผศ.พงษ์ศักดิ์ ทรงพระนาม อาจารย์ประจำสาขาอาหารและโภชนาการ คณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) ธัญบุรี จะถ่ายทอดสูตร “ขนมจีนซาวนํ้า” ให้แบบไม่มีการหมกเม็ด โดย ผศ.พงษ์ศักดิ์ บอกว่า ขนมจีนซาวนํ้า เป็นเมนูอาหารที่อุดมไปด้วยคุณค่าโภชนาการ ซึ่งถือเป็นภูมิปัญญาไทย ขนมจีนแป้งหมัก กับนํ้ากะทิที่มีความมัน แต่สามารถหักล้างกันด้วยสมุนไพรต่าง ๆ อาทิ ขิง ช่วยในเรื่องขับไล่ลม รักษาโรคท้องอืดท้องเฟ้อ กระเทียม มีสารต่อต้านมะเร็ง ลดไขมันในเลือด ส่วน พริกขี้หนู ก็ช่วยแก้ลมจุกเสียด ช่วยเจริญอาหาร สับปะรด ช่วยเรื่องการย่อย ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรง นอกจากนี้ก็จะได้โปรตีน แคลเซียม จากเนื้อปลา กุ้งแห้ง และได้กรดไขมันดีจากกะทิ ได้คาร์โบไฮเดรตจากเส้นขนมจีน และถ้าเพิ่มสมุนไพรในเส้นขนมจีนก็จะได้สารอาหารเพิ่มอีก
อร่อยได้ประโยชน์ ก็เป็นจุดขายที่ดี
ขนมจีนซาวนํ้า เป็นอาหารคาวอีกหนึ่งชนิดที่ไม่ธรรมดาจริง ๆ โดยเสน่ห์ของอาหารสูตรโบราณคือการใส่ส่วนผสมที่ครบถ้วน สามารถนำมาประยุกต์ให้เข้ากับยุคสมัยได้ โดยจุดสำคัญคือทำอย่างไรให้กรรมวิธีการปรุงไม่ทิ้งกลิ่นอายแบบโบราณไป
อุปกรณ์ที่ใช้ในการทำ หลัก ๆ ก็เป็นเครื่องครัวทั่วไปที่ใช้กันในครัวเรือน
วัตถุดิบ-ส่วนผสมในการทำ “ขนมจีนซาวนํ้า” แบ่งเป็น 2 ส่วนที่ต้อง เตรียมคือ ในส่วนของ เครื่องซาวนํ้า เช่น สับปะรดสด กุ้งแห้ง ขิง กระเทียม พริกขี้หนู และอีกส่วนก็คือส่วนของ เครื่องแจงลอน มี เนื้อปลากราย นํ้ากะทิ เกลือ นอกนั้นก็เป็นเครื่องปรุงรส เช่น นํ้าปลา นํ้าตาล เกลือ
เริ่มการเตรียมในส่วนเครื่องซาวนํ้าก่อน สับปะรด เลือกใช้ของศรีราชา เพราะมีรสอมเปรี้ยวอมหวานและความกรอบในตัว นำมาปอกเปลือกควั่นตาออกให้หมด ผ่าตามยาวของลูก ตัดเอาแกนออก แล้วสับเป็นชิ้นหยาบปนละเอียด ขิง เลือกที่กลางอ่อนกลางแก่ ปอกเปลือกแล้วล้างนํ้า ฝานเป็นแผ่นแล้วซอยบาง ๆ กระเทียม ปอกเปลือกแล้วล้างนํ้า ซอยบาง ๆ พริกขี้หนูสวน นำมาล้างแล้วซอยหยาบ ๆ มะนาว ล้างแล้วนำมาฝานเป็นชิ้น ๆ กุ้งแห้ง นำมาโขลกหรือปั่นด้วยเครื่องปั่นแห้งให้เนื้อฟู ๆ
ต่อไปเป็นการทำแจงลอน เริ่มจากนำเนื้อปลากรายขูดที่เตรียมไว้ไปแช่ในตู้เย็นให้เย็นจัด จากนั้นโขลกให้ละเอียดแล้วนำมานวดกับเครื่องปรุงอย่างรากผักชี กระเทียม พริกไทยโขลก หรือจะเป็นเครื่องแกงนิดหนึ่ง เพื่อเพิ่มสีสันและความเผ็ดร้อนตามแต่ความชอบ เสร็จแล้วให้ปั้นเป็นลูก ๆ ตั้งหม้อใส่นํ้า พอนํ้าเดือด นำเนื้อปลาที่ปั้นลงต้มให้สุก พักไว้
ขั้นตอนต่อมา นำกะทิตั้งไฟ เพื่อให้ได้ความหอมและดับกลิ่นคาว ปรุงรสด้วยนํ้าตาลทรายและนํ้าปลา ชิมให้ได้รสหวาน เค็ม และมัน พอกะทิเริ่มร้อน ให้ใส่ลูกชิ้นปลากรายที่เตรียมไว้ลงไป ต้มจนสุกในนํ้ากะทิ สิ่งที่สำคัญเมื่อผสมเสร็จแล้วเนื้อปลาจะต้องคงความเย็นอยู่และจับตัวเป็น ก้อนเพื่อให้เนื้อปลาเด้ง แล้วตักแจงลอนขึ้นใส่ภาชนะที่ได้จัดเตรียมไว้
เมื่อทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว ถึงขั้นตอนการเสิร์ฟ ส่วนแรกจัดเส้นขนมจีนขมวดเป็นคำ ๆ ใส่จาน ตามด้วยเครื่องปรุงซาวนํ้าที่เตรียมไว้ ไม่ว่าจะเป็นสับปะรดสับ ตามด้วยแจงลอน โรยด้วยขิงซอย พริกขี้หนู กระเทียมซอย กุ้งแห้งป่น ตกแต่งด้วยมะนาวผ่าซีก ราดหัวกะทิให้โชก
เทคนิคการกินให้อร่อยก็ต้องคลุกเคล้าส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน พอลองชิมแล้วแจงลอนนุ่มเด้ง ส่วนตัวขนมจีนนั้นได้รสหอมมัน ได้ความเปรี้ยวหวานจากสับปะรด ความเค็มเล็กน้อยจากกุ้งแห้ง และความเผ็ดจากขิงและพริกขี้หนู
ง่าย ๆ แบบนี้ ยิ่งถ้าได้รับประทานพร้อมหน้ากับครอบครัวในช่วงวันหยุด อาจจะรู้สึกได้ถึงอุ่นไอบาง ๆ ของความสุขเล็ก ๆ ที่เกิดขึ้น จนคลายความร้อนของช่วงหน้าร้อนไปได้บ้าง ซึ่งในจุดนี้ก็น่าจะเป็นจุดขายที่ดีได้
ใครสนใจใช้ “ขนมจีนซาวนํ้า”เป็น “ช่องทางทำกิน”ก็ลองไปฝึกฝนฝีมือ หรือต้องการสอบถามเพิ่มเติมจาก ผศ.พงษ์ศักดิ์ ทรงพระนาม อาจารย์ประจำสาขาอาหารและโภชนาการ คณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ มทร.ธัญบุรี ก็ติดต่อได้ที่ โทร. 08-9600-0993.
เชาวลี ชุมขำ :เรื่อง / สุนิสา ธนพันธสกุล ภาพ
*********************
คู่มือลงทุน...ขนมจีนซาวน้ำ
ทุนเบื้องต้น ประมาณ 2,000 บาท
ทุนวัตถุดิบ  ประมาณ 50% ของราคา
รายได้ ราคาขาย 30 บาท/ชุด
แรงงาน 1 คนขึ้นไป
ตลาด ย่านอาหาร, ชุมชนทั่วไป
จุดน่าสนใจ ปัจจุบันมีคนทำขายน้อย

credit by : http://www.dailynews.co.th/Content/Article/216260/_ขนมจีนซาวน้ำ_+สร้างรายได้-คลายร้อน

Read More...


แนะนำอาชีพเสริม : ดรีมโคน


ดรีมโคน คืออะไร

เป็น การเปิดร้านขายไอศครีมที่สามารถสร้างชื่อเสียงมาหลายต่อหลายประเทศโดยที่ สามารถลงทุนได้โดยท่านผู้ลงทุนทุกท่านต้องมีทำเลที่ดีและถ้าหากท่านผู้ลงทุน ได้ลงทุนแฟรนไชส์นี้ถือว่าเป็นการลงทุนที่คุมและสามารถได้ทุนคืนและได้ผล กำไรอย่างไวมากเลยทีเดียว

ทำไมต้องดรีมโคน

ดรีมโคน  

ดรีม โคนส์ เริ่มเปิดกิจการใน เดือนธันวาคม ปี 2547 ด้วยซุ้มขายไอศครีม (รูปด้านบน) ที่ วิลล่า ซุปเปอร์มาร์เก็ต ซอยพหลโยธิน 8 ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้า อารีย์ ต่อมาทางร้านได้ขยายกิจการ โดยเปิดโรงงานของเราเองที่หัวหิน ในเดือนเมษายน ปี 2548 เป้าหมายของเราคือ การผลิตเจลาโต (ไอศครีม) และเชอร์เบท ที่ดีที่สุดในเมืองไทย โดยผ่านการศึกษา ทดลอง สูตรผสมต่างๆ มากมาย โดยองค์ประกอบหนึ่งที่สำคัญที่สุดในการผลิตไอศครีมที่ยอดเยี่ยมนั้น มาจากการเลือกใช้แต่วัตถุดิบชั้นยอด ไม่ว่าจะหายาก หรือมีราคาแพงขนาดไหนก็ตาม กลิ่นและหัวเชื้อไอศครีมของเรา ส่วนใหญ่นำเข้าจากอิตาลี ในขณะที่ วานิลลา มาดากัสการ์ ส่วนผสมหลักของเรานั้น มาจาก สหรัฐอเมริกา เราพยายามใช้ผลไม้สดเป็นส่วนผสมมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยเราคัดสรรผลไม้สดตามฤดูกาล จากแหล่งผลิตที่มีชื่อโดยตรง แอบปริคอทและสตรอว์เบอร์รี่จากเชียงใหม่ แอปเปิ้ลจากจีนและนิวซีแลนด์ บลูเบอร์รี่จากอเมริกา ไวลด์เบอร์รี่จากเบลเยี่ยม และ ถั่วเฮเซลนัทจากตุรกี เรามีรสของไอศครีมให้คุณเลือก มากถึง 50 รส คุณจะสั่งทำรสพิเศษก็ได้ เพราะเรามีวัตถุดิบในร้านกว่า 300 ชนิด โดยปกติแล้วไอศครีมของเราขายที่ราคาลูกละ 35 บาท ขณะที่ไอศครีม ธรรมดา ทั่วไป ส่วนใหญ่ขายราคาลูกละ 25-30 บาท เทียบกันแล้ว ไอศครีมของเรานั้นจัดได้ว่า คุณภาพสูงเป็นพิเศษ เพราะเราใช้ส่วนผสมและวัตถุดิบชั้นดี ซึ่งยังคงความเป็นธรรมชาติแท้ๆ ปราศจากสารกันบูด นอกจากนี้ เรายังมี วาฟเฟิลโคนแบบพิเศษ ทำจากไข่และเนยกันสดๆ ที่ซุ้มขายเลยทีเดียว

ลักษณะของสินค้าและการบริการ ดรีมโคน

ใน ส่วนของลักษณะสินค้าที่ทางร้านนั้นต้องขายและการบริการที่ทางร้านนั้นจะต้อง มีก็เป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างหนึ่งสำหรับผู้ที่ต้องการที่จะร่วมลงทุนกับ ดรีมโคน นี้ เพื่อให้ธุรกิจนี้เป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จของครอบครัวละก็ คุณนั้นจะต้องทราบถึงข้อมูลเหล่านี้ เพื่อเป็นพื้นฐานในการดำเนินกิจการต่อไปข้างหน้าค่ะ ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 3 ประเภทเพื่อความเข้าใจที่ง่ายขึ้นดังต่อไปนี้

ดรีมโคน

1. จุดเด่นแฟรนไชส์ดรีมโคน ใช้พื้นที่ไม่มากเพียง 10-12 ตารางเมตร พนักงานขาย 1-2 คนเท่านั้น รวมถึงระบบการบริการจัดการที่ไม่ยุ่งยาก และที่สำคัญมีกำไร 40% ยังไม่หักค่าใช้จ่าย ซึ่งนับเป็นผลกำไรที่ไม่ต่ำจนเกินไป และในปีนี้ บริษัทเตรียมพัฒนาศักยภาพแฟรนไชซีเข้มข้นขึ้น ตั้งแต่การทำโคน การบริหารจัดการร้านอย่างมีคุณภาพ รวมถึงการเข้าไปสนับสนุนในการหาทำเลและการทำสัญญาเช่าพื้นที่ เนื่องจากปัจจุบันมีเจ้าของพื้นที่ติดต่อมายังบริษัทเป็นจำนวน โดยบริษัทจะดำเนินการในเรื่องสัญญาเพื้อเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับแฟรนไช ซี

2. การขายแฟรนไชส์ รูปแบบการลงทุนมี 2 รูปแบบ คือ

1.คีออส ตู้แช่ไอศกรีมขนาด 20 ถาด 350,000 บาท
2. คีออสตู้แช่ไอศกรีมขนาด 14 ถาด 290,000 บาท
ทั้ง 2 รูปแบบรวมอุปกรณ์ต่างๆ และเครื่องทำโคน ซึ่งยังไม่รวมเงินประกันสินค้า 30,000 บาทจะคืนหลังเลิกกิจการ และค่าโฆษณา ประชาสัมพันธ์ 2,000 บาทต่อสาขาโดยบริษัทสมทบให้อีก 30% ตู้ขายไอศครีมแช่แข็ง คือ อุปกรณ์ที่แพงที่สุดที่คุณจะต้องมี ตู้แช่คุณภาพดี แบบมีระบบละลายน้ำแข็งอัตโนมัติ ราคาประมาณ 100,000 บาท (14 หลุม) หรือ 200,000 baht (20 หลุม). การเลือกตู้ที่เหมาะสม ขึ้นอยู่กับขนาดพื้นที่ และงบประมาณของคุณ คุณอาจต้องการเคาน์เตอร์ทำโคน สไตล์ art-deco และตู้ลิ้นชัก พร้อมเคาน์เตอร์เตรียมอาหาร ข้อดีในการเป็นแฟรนไชส์ ของดรีมโคนส์ คือ ลักษณะการออกแบบที่โดนเด่นนั้น สร้างความเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่ซ้ำใคร

3. คุณสมบัติของผู้ลงทุน

ในการทำธุรกิจที่ดีนั้น ล้วนเริ่มต้นมาจากการพบปะ-พูดคุยกันก่อน ว่าเรานั้น “ไปด้วยกัน” ได้ไหม การคุยกันครั้งนี้ (ไม่มีค่าใช้จ่าย) เราจะร่วมรับฟังแนวคิดของคุณ และจะบอกว่า สิ่งใดที่เราสามารถช่วยคุณได้ ในการจะเปิดซุ้ม (ร้าน) ขายไอศครีม


ดรีมโคน

1. หาทำเล
2.ทำสัญญาเช่า
3.ลงนามในข้อตกลงแฟรนส์ไชส์ และวางค่าประกัน
4.จัดตำแหน่งการวางอุปกรณ์
5.สั่งซื้ออุปกรณ์และวัตถุดิบ
6.ติดตั้งอุปกรณ์และสั่งซื้อไอศครีม

สามารถติดต่อดรีมโคน

ชื่อผู้ติดต่อทินสิรี เกษจันทร์ ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ ที่อยู่ บริษัท ดรีมโคน จำกัด 25/26 Petkhasame Rd. Hua-Hin, Pratchuap K.K. Thailand 77110โทร. 086-9791928, 02-6169951 โทรสาร 02-6169953 อีเมล์ info@dreamcones.com nong@dreamcones.com เว็บไซต์www.dreamcones.com
credit by :  http://ohomakemoney.com/ดรีมโคน.html

Read More...


แนะนำอาชีพเสริม : หมวยเกี๊ยน้ำเต้าหู้

เป็นการขายอาหารเน้นเป็นอาหารเพื่อสุขภาพ ด้วยการคิดเมนูต่างๆ ให้สอดคล้องกัน โดยมี 3 เมนู ได้แก่ น้ำเต้าหู้แบบต้นตำรับ ซึ่งเป็นถั่วเหลือง 100% ไม่ผสมแป้ง , น้ำเต้าหู้แครอทที่มีเบต้าแคโรทีนสูง ช่วยป้องกันมะเร็ง กับทำให้ผิวสวย และน้ำเต้าหู้ข้าวกล้องงาดำ ช่วยบำรุงกระดูก นอกจากนี้ ยังเสริมด้วย หมวยเกี๊ยปาท่องโก๋ เป็นสูตรพิเศษผสมธัญพืชเข้ากับแป้งปาท่องโก๋ เหตุนี้สินค้าจึงเป็นที่รู้จักและผู้คนมักนิยมรับประทานกันเป็นจำนวนมาก จึงทำให้ผู้ลงทุนนั้นไม่ผิดหวังแน่ๆที่นำเอาแฟรนไชส์นี้มาลงทุน

ทำไมถึงต้องหมวยเกี๊ยน้ำเต้าหู้


หมวยเกี๊ยน้ำเต้าหู้ เริ่มออกวางขายครั้งแรกเดือนพฤษภาคม 2547 ที่ตลาดบางแค ตั้งราคาขายเท่าท้องตลาด คือ น้ำเต้าหู้ธรรมดา ถุงละ 5 บาท ใส่เครื่อง 6 บาท ส่วนสูตรแครอท , ข้าวกล้องงาดำ ถุงละ 7 บาท ซึ่งเมื่อหักต้นทุนแล้ว กำไรก็ยังงาม เพราะต้นทุนเฉลี่ยแล้ว ต่อแก้วไม่ถึง 2 บาทด้วยซ้ำต่อมา ได้ขยายเพิ่มอีก 3 สาขา ได้แก่ จรัญสนิทวงศ์ สาธุประดิษฐ์ และถนนเซ็นต์หลุยส์ ซึ่งความตั้งใจแรก จะขยายด้วยตัวเอง 20 จุด ทว่า เมื่อมีหลายสาขา เธอไม่สามารถดูแลทั่วถึง ประกอบกับต้องดูแลธุรกิจเสื้อผ้าอยู่ด้วย ต้องจ้างพนักงานขาย ยอดขายแต่ละแห่งจึงต่ำลงเหลือวันละ 2,000 กว่าบาท ทำให้เกิดแนวคิดขยายในรูปแบบของเพราะถ้าผู้ดูแลเป็นเจ้าของเอง ย่อมใส่ใจมากกว่าพนักงาน

ลักษณะของสินค้าและการบริการหมวยเกี๊ยน้ำเต้าหู้

โดย การรวมเอาแครอทและถั่วเหลืองเข้าด้วยกัน ได้เป็นน้ำเต้าหู้อีกสูตรหนึ่ง น้ำเต้าหู้แครอท และอีกสูตรหนึ่ง เป็นการนำข้าวกล้อง และงาดำ มารวมกับถั่วเหลือง ได้เป็นน้ำเต้าหู้ข้าวกล้อง งาดำ รวมแล้วหมวยเกี๊ยน้ำเต้าหู้ มีสูตรน้ำเต้าหู้ 3 สูตร คือ สูตรน้ำเต้าหู้ถั่วเหลือง น้ำเต้าหู้แครอท และน้ำเต้าหู้ข้าวกล้อง งาดำนอกจากน้ำเต้าหู้ ก็ยังมีปาท่องโก๋ ที่มีส่วนผสมของธัญพืช ประกอบด้วย ข้าวโอ๊ต งาขาว ข้าวกล้อง ที่ผ่านมายังไม่เคยมีใครคิดสูตรดังกล่าวมาก่อน และเป็นสูตรที่คิดขึ้นมาเองและได้ผ่านการทดสอบรสชาติด้วยตัวเองก่อนนำออก จำหน่าย ในส่วนของลักษณะสินค้าที่ทางร้านนั้นต้องขายและการบริการที่ทางร้านนั้นจะ ต้องมีก็เป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างหนึ่งสำหรับผู้ที่ต้องการที่จะร่วมลงทุน กับ หมวยเกี๊ยน้ำเต้าหู้ นี้ เพื่อให้ธุรกิจนี้เป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จของครอบครัวละก็ คุณนั้นจะต้องทราบถึงข้อมูลเหล่านี้ เพื่อเป็นพื้นฐานในการดำเนินกิจการต่อไปข้างหน้าค่ะ ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 3 ประเภทเพื่อความเข้าใจที่ง่ายขึ้นดังต่อไปนี้

1. จุดเด่นของแฟรนไชส์นี้ คือ การลงทุนต่ำ กำไรสูง คืนทุนเร็วภายใน 1 เดือน และไม่ต้องขายทั้งวัน เพราะน้ำเต้าหู้จะขายได้เฉพาะช่วงเช้า และค่ำ ดังนั้น จะเป็นช่องทางให้คนที่ทำงานประจำซื้อไปทำเป็นอาชีพเสริมได้ ทั้งนี้ เป้าที่วางไว้ จะขยาย 200 สาขาทั่วประเทศ ซึ่งหลังจากเปิดตัวแฟรนไชส์เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา มียอดจองแล้วกว่า 50 ราย แต่ทั้งนี้ จะให้ความสำคัญกับการคัดเลือกผู้ร่วมทุนให้มากที่สุด เพราะไม่อยากให้แบรนด์ที่สร้างขึ้นมาต้องเสียไป ส่วนการคุมจะมีทีมงานคอยสุ่มตรวจ เฉลี่ยเดือนละ 1-2 ครั้ง ถ้าทำผิดข้อตกลง และได้ออกหนังสือเตือน 3 ครั้งแล้ว จะถูกยกเลิกสัญญาทันที
2. การลงทุน

หมวยเกี๊ยน้ำเต้าหู้

2.1. ค่าแฟรนไชฟี 35,000 บาทจ่ายครั้งเดียวสัญญา 2 ปี
2.2.ครบสัญญาต่อสัญญาฟรี
2.3.ทำเลต้องห่างจากเจ้าเดิมไม่ต่ำกว่า 500 เมตร
2.4.วัตถุ ดิบ 5 อย่าง คือถั่วเหลือง แป้งปาท่องโก๋ งาดำ ลูกเดือย และเม็ดแมลงลัก ต้องซื้อจากแฟรนไชซอร์ในราคาเท่ากับท้องตลาด โดยค่าขนส่งแฟรนไชซีจะต้องออกเอง
2.5.ต้องรักษามาตรฐานในการรักษาความสะอาด การใช้วัตถุดิบเพื่อการผลิตที่มีคุณภาพและปริมาณตามที่กำหนดเท่านั้น
2.6.แฟรนไชซอร์จะอบรมการทำน้ำเต้าหู้และปาท่องโก๋ทุกสูตรให้เป็นเวลา 2 วัน
2.7.กรณีผิดข้อตกลงตามเงื่อนไขมีการตัดเตือนเป็นหนังสือ 3 ครั้ง หากยังเพิกเฉยจะถูกถอดป้ายทันที
2.8.กรณีแฟรนไชซีเลิกสัญญาต้องคืนป้ายและโลโก้ให้กับแฟรนไชซี

หมวยเกี๊ยน้ำเต้าหู้

2.9.แฟรนไชซีต้องเป็นผู้ที่มีความจริงใจในการทำธุรกิจ
2.10.ประมาณการณ์คืนทุน 1-2 เดือน
3. คุณสมบัติผู้ลงทุน
ผู้ซื้อแฟรนไชส์ต้องรับวัตถุดิบ เช่น ถั่วเหลือง แป้งปาท่องโก๋ และอื่นๆ จากเราเท่านั้น เพื่อเป็นการควบคุมคุณภาพ

งบประมาณที่ต้องใช้ในการลงทุนและสามารถติดต่อ หมวยเกี๊ยน้ำเต้าหู้

หากท่านใดมีความสนใจที่จะลงทุนเกี่ยวกับธุรกิจ หมวยเกี๊ยน้ำเต้าหู้ ก็สามารถที่จะติดต่อสอบถามเรื่องของรายละเอียดและข้อมูลในการทำธุรกิจเบื้อง ต้นได้ที่ ชื่อผู้ติดต่อ สุจิตร์ คงสิริพรชัย เจ้าของแฟรนไชส์ที่อยู่ 556/47-48 ถนนสาธุประดิษฐ์ บางโพงพาง ยานนาวา กรุงเทพฯ 10120 โทร.02-2944390 ,081-6135949
credit by :  http://ohomakemoney.com/หมวยเกี๊ยน้ำเต้าหู้.html

Read More...


แนะนำอาชีพเสริม : สลัด อาหารสุขภาพขายง่ายกำไรงาม

สำหรับคนรักสุขภาพไม่มีอาหารชนิดใดดีไปกว่าสลัด เพราะหารับประทานง่าย ได้ประโยชน์แถมยังมีรสชาติอร่อย สาว ๆ ชอบรับประทานมากเพราะดีกับรูปร่าง กินแล้วไม่อ้วน แถมยังทำให้ผิวดีอีกด้วย ช่อง
ทางการขายสลัดยังสดใจอยู่ ถึงจะเป็นอาหารเดิม ๆ

 

ที่ทำง่าย กินง่าย และขายกันมานานแล้ว แต่ก็ยังขายได้เรื่อย ๆ ทำง่าย ทุนต่ำ เหมาะสำหรับคนที่กำลังคิดจะเริ่มต้นขายอาหารสักอย่าง ลองขายสลัดดูก็ไม่เลวนะคะ กำไรงามเกือบเท่าตัวเลยค่ะ ถ้ามีแหล่งวัตถุดิบดี ๆ รวยทันตาเห็นแน่ ๆ

วิธีทำสลัด

ผักสลัด

ก่อน อื่นต้องเลือกผักก่อนค่ะ ผักเป็นตัวชูโรง ต้องเลือกให้มีสีตัดกันหน่อย จะเตะตาลูกค้าและน่ารับประทาน เช่น เลือกผักกาดแก้วสีเขียว มะเขือเทศสีแดง กะหล่ำปลีสีม่วง ข้าวโพดสีเหลือง เป็นต้น ผักที่เลือกมาทำสลัดนี้ต้องสด และควรเลือกผักที่ปลอดสารด้วย เพราะผักปลอดสารจะรับประทานอร่อย ไม่มีรสขม และกรอบมากกว่าผักที่แก่ยาฆ่าแมลง เลือกซื้อผักให้ตรงกับฤดูกาล จะได้ผักที่ถูกและคุณภาพดี เมื่อเลือกผักแล้วก็ไปดูวิธีการทำน้ำสลัดกันดีกว่าค่ะ
ผัก ที่นิยมนำมาทำสลัดขายส่วนมากจะเลือกผักที่สามารถรับประทานดิบได้ และมีรสชาติอร่อย ที่สำคัญราคาต่อกิโลกรัมถูก อาทิเช่น กะหล่ำปลี ผักกาดแก้ว ข้าวโพด มะเขือเทศ
เมื่อเลือก ผักได้แล้วให้หั่นผักให้พอดีคำและดูสวยงาม กะหล่ำปลีซอยเป็นฝอย ผักกาดแก้วฉีกเป็นใบเล็ก ๆ ข้าวโพดแกะแยกเป็นเมล็ด มะเขือเทศหั่นแว่น
ผักสดทานคู่กับน้ำสลัด น้ำสลัดมีหลายชนิด แบบที่รู้จักและนิยมรับประทานกันมี 2 ชนิดด้วยกันคือ น้ำสลัดแบบข้น และ น้ำสลัดแบบใส

น้ำสลัดแบบข้น

ส่วนผสม
  1. ไข่ไก่ (เฉพาะไข่แดง) 2 ฟอง
  2. เกลือ 1 1/2 ช้อนชา
  3. นมข้น 5 ช้อนโต๊ะ
  4. น้ำมันพืช 1 1/2 ถ้วยตวง
  5. น้ำส้มสายชูผสมน้ำมะนาวเล็กน้อย 1/2 ถ้วย
  6. น้ำตาลทราย 5 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
  1. ตีไข่กับน้ำตาลทรายจนขึ้นฟู
  2. ใส่เกลือ น้ำส้มสายชูผสมน้ำมะนาวเล็กน้อยลงไป ตีให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียว
  3. แล้วค่อย ๆ เทน้ำมันพืชลงไป ในระหว่างที่เทให้ตีแรง ๆ ไปพร้อมกันด้วยจนน้ำมันพืชหมดและส่วนผสมเข้ากันดี
  4. น้ำสลัดทีดีต้องตีออกมาจนเนียนคล้าย ๆ ครีมมีสีเหลืองอ่อน ชิมรสดูให้กลมกล่อม

น้ำสลัดแบบใส

ส่วนผสม
  1. น้ำตาลทราย 6 ช้อนโต๊ะ
  2. ซอสมะเขือเทศ 2 ช้อนโต๊ะ
  3. น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ
  4. กระเทียมสับละเอียดครึ่งหัว
  5. มัสตาร์ดผงครึ่งช้อนชา
  6. น้ำส้มสายชู 1/2 ถ้วยตวง
  7. เกลือป่น 3 ช้อนชา
  8. น้ำมันพืช 1/2 ถ้วยตวง
  9. พริกไทย 1 ช้อนชา
วิธีทำ
  1. เทส่วนผสมทั้งหมดลงภาชนะ
  2. ตีให้เข้ากัน
  3. ชิมรสให้ออกเปรี้ยวนำ เค็ม-หวานตาม

ขายยังไง

นิยม ขายกันเป็นชุด ผักพร้อมน้ำสลัด จะแบบข้นหรือแบบใสก็เหมือนกัน หรือจะให้เก๋ก็ให้ลูกค้าเลือกตักผักเป็นกรัมแล้วแต่ว่าต้องการผักอะไรตาม ความต้องการของลูกค้า 

สลัด 

แล้วนำมาชั่งน้ำหนักคิดเงินก็ดูดี ลูกค้าจะได้เลือกได้ว่าอยากรับประทานผักอะไรมาก อะไรน้อย แล้วทำน้ำสลัดแยกไว้ ขายเป็นขวดหรือกระปุก

ขายที่ไหน

ถ้า บ้านอยู่เขตเมือง ทำเลดี จะตั้งขายหน้าบ้าน ข้างถนนก็ได้ แต่ต้องควบคุมด้านความสะอาดให้ดี เพราะจะมีฝุ่นละออง ควันพิษจากถนน หรือจะตั้งแผงขายตามตลาดนัดก็ได้ ลูกค้าหลากหลายและเยอะมาก ถ้าจัดสลัดได้น่ารับประทานรับรองขายหมดไวแน่นอน เลือกเวลาที่ขายนิดนึง เป็นตลาดนัดตอนเย็นจะขายดีมาก เพราะลูกค้านิยมบริโภค ตามหน้ามหาวิทยาลัยก็น่าสนใจ กลุ่มนักศึกษาหญิงจะซื้อกันเยอะ

รายได้

ต้น ทุนขึ้นอยู่กับวัตถุดิบ ว่าคุณจะสามารถซื้อผักได้ราคาถูกแค่ไหน ส่วนมากการขายสลัดจะมีกำไร 2 เท่าตัวของต้นทุน ผักสลัดจัดเป็นชุด ผักจำนวน 300 กรัม และน้ำสลัด ขายประมาณชุดละ 30-40 บาท

เทคนิคทิ้งท้าย

  1. ใส่ เนื้อสัตว์เป็นทางเลือกลงในสลัดที่ขายด้วย จะช่วยขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้นได้ เช่น เนื้อไก่ หมูย่าง ไข่ต้ม เป็นต้น คนที่ไม่ค่อยชอบรับประทานผักจะได้รับประทานได้
  2. หาน้ำสลัดสูตรแปลก ๆ มาลองขายคู่กับน้ำสลัดสูตรเดิม ๆ เพิ่มทางเลือกให้ลูกค้า
  3. จัด ชุดสลัดให้สวยงามโดยใช้ผักที่มีสีสันตัดกัน จะดูน่าซื้อน่ารับประทาน เช่น สีแดงจากมะเขือเทศ สีเขียวจากผักกาดแก้ว สีส้มจากแครอท สีขาวจากกะหล่ำปลี สีเหลืองจากข้าวโพด สีม่วงจากองุ่นเป็นต้น
 credit by : http://ohomakemoney.com/สลัด-อาหารสุขภาพขายง่าย.html

Read More...




----------------

ปรับปรุง
รายการบทความทั้งหมด



การบำรุงรักษารถยนต์เบื้องต้น



ร้านค้าเคลื่อนที่ ใช้ รถบรรทุกขนาดเล็กมาดัดแปลง



รวมบทความอาชีพ เสริม หลากไอเดียวิธีหารายได้เสริม



รวมบทความงานฝีมือ-สิ่งประดิษฐ์ รายได้เสริม



ทองม้วน thong muan ; rolled wafer





MASK รุ่นสายคล้องคอ







MASK รุ่นสายคล้องคอ. ��รุ่นนี้เป็นที่นิยมใช้กันมาก #ขายดีมาก
ทำจากผ้าคอตตอนแท้ 100%  ไม่ผสม เนื้อผ้านุ่ม 
3 ชั้น. สวมใส่พอดีกับใบหน้า ไม่เจ็บหู มีสายคล้องคอปรับได้
เวลาถอดออก ไม่ต้องกลัวลืม เพราะถอดแล้วคล้องคอไว้ได้
บรรจุในถุงซิปฟรอย์อย่างดี
ราคาชิ้นละ. 59. บาท. ไม่รวมส่ง 
มีหลายสีให้เลือกนะคะ   สนใจทักแชทขอดูสีผ้าได้นะคะ
หน่วยงาน บริษัท ห้างร้าน หรือ สนใจสั่งไปจำหน่าย 
มีเรทราคาส่งค่ะ

-> id line : noeyhorm_06
#มีวางจำหน่ายหน้าร้านชานมไต้หวันมาราชาสาขาจรัญ44


ร้านมาราชาชานมไข่มุก สาขาจรัญสนิทวงศ์ 44
● รับบัตรสะสมครบ 10 แก้ว แลกรับฟรี 1 แก้ว
● สั่งเดลิเวอรีผ่าน LINE MAN, Foodpanda ,GET ...ถึงมือปั๊บพร้อมดื่มปุ๊บ!
● อัพเดทโปรโมชั่นใหม่ๆ รสชาติใหม่ ตลอดเวลา
● มีเมนูให้เลือก 40 กว่าเมนู : https://bit.ly/2Z9iqV0






























































เลือกช่องทางติดต่อและรับข่าวสารบริการหลังการขาย
ฟอร์ด พลปิยะอยุธยาและฟอร์ด พลปิยะวังน้อย

--------------------------------------------------------------------------------------------
แคมเปญ-โปรโมทชั่น อะไหล่ฟอร์ด อัพเดททางออนไลน์และปรับปรุงข้อมูลออนไลน์
อะไหล่ฟอร์ด อะไหล่รถฟอร์ด อะไหล่รถยนต์ฟอร์ด อะไหล่ฟอร์ดแท้ ร้านขายอะไหล่รถฟอร์ด ขายอะไหล่รถฟอร์ด อะไหล่ฟอร์ด
 
Option

รวมบทความอาชีพเสริม หลากไอเดียวิธีหารายได้เสริม หาอาชีพเสริมอิสระทำเงิน สร้างอาชีพอิสระงานฝีมือ แนะนำการสร้างรายได้เสริมทำเงินด้วยการขายสินค้าหรือขายของเป็นอาชีพเสริม อิสระงานฝีมือ แนะแนวธุรกิจ อาชีพเสริม อาชีพแก้จน อยากจะมีรายได้เสริมนอกเหนือจากงานประจำ บล๊อกจัดทำขึ้นเป็นวิทยาทานเพื่อเผยแผ่ความรู้อันจะเป็นไปเพื่อบุญกุศล ขอให้ทุกท่านที่มีส่วนร่วมในบทความของบล๊อกนี้ จงได้รับอานิสงฆ์ด้วยเทอญ.