สูตรขนม สูตรอาหาร อาชีพรายได้เสริม ประกาศฟรี โฆษณาฟรี Career Articles Extra Income
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

Drop Down MenusCSS Drop Down MenuPure CSS Dropdown Menu

ขายของตลาดนัด ตอนที่ 3

ขายเสื้อผ้าหมา

เสื้อผ้าหมา

ขายเสื้อผ้าหมา

เสื้อ ผ้าหมาเป็นสินค้าฟุ่มเฟือย แต่คนที่รักสุนัขแล้วพวกเขาก้พร้อมที่จะจ่ายให้เจ้าตูบสุดที่รัก เพราะคนที่รักหมาจริง ๆ เขาจะคิดว่านี่คือสมาชิกในครอบครัว
นี่คือลูกที่ ต้องดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดีในปัจจุบันมีสินค้าหลากหลายทีผลิตอออมาเพื่อภอบ ลนองกล่มคนรักสัตว์ เพราะคนนิยมเลี้ยงสัตว์เป็นเพื่อน ดังนั้นจึงให้ความสนใจดูแลสัตว์
เลี้ยงของตนเองมากขึ้น สินค้าสารพัดสำหรับสัตว์เลี้ยงจึงกลายเป็นสินค้าทำเงินรายได้ตี โดยเฉพาะเสื้อผ้าของสุนัขซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่
สำหรับ ท่านที่สนใจทำอาชีพเสริมนี้ ต้องมีฝีมือในภาพตัดเย็บอยู่บ้าง หรือ เคยทำธุรกิจตัดเย็บเสี้อผ้ามาก่อน ถ้าไม่เคยตัดเย็บเสื้อผ้ามาเลยก็ควรจะลองไปเรียนคอร์สตัดเย็บเสื้อผ้าเบื้อง ต้นก่อน

วัสดุและอุปกรณ์
จักรเย็บผ้า กรรไกรตัดผ้า กระดาษสร้างแบบ สายวัด ลูกกลิ้ง กระคาษคาร์บอน. หมอนเข็ม เข็มหมุด เข็มเย็บผ้า. ด้าย เย็บผ้า ที่ลนเข็ม. กระดุม กล่องใส่อุปกรณ์ ผ้าสำหรับเย็บชุด. ดินสอ ชอล์กสำหรับเขียนผ้า ตีนตุ๊กแก ไม้บรรทัด และปากก าหรือดินสอ

ขั้นตอนการตัดเย็บ
1. เลือกผ้าที่จะใช้มาตัดชุดน้องหมา ต้องเลือกที่เหมาะกับแต่ละสายพันธุ์ และใส่แล้วสบาย
2. ถ้าตัดเสื้อจะต้องวัดตัวน้องหมา 4 จุด ได้แก่ บริเวณรอบคอ รอบอก ความยาวกลางหลัง และความยาวให้คอถึงใต้ท้อง
3. ถ้าจะตัดกางเกง หรือ กระโปรงจะต้องวัด 2 จุด ได้แก่่ รอบเอว และความยาวจากเอวถึงขา เว้นช่องเว้าอวัยวะเพศ
3. เมื่อได้ไซส์เสื้อผ้าสุนัข ตามขนาดของสุนัขตามความต้องการแล้ว โดยทั่วไปจะได้ 8 ไซส์คือ 0-8 ก็จะวาด pattern ลงบนกระดาษแข็ง ตามสัดส่วนของน้องหมาที่วัดได้
4. เริ่มตัดตาม pattern ที่เป็นกระดาษแข็งออกเป็นชิ้นๆ แล้วนำไปทาบกับผ้าที่จะตัด
5. ต่อจากนั้นดัดออกมาเป็นชิ้นผ้าที่จะใช้งานได้เลย
6. จากนั้นก็มาถึงขั้นถอนการเย็บเสื้อ กางเกง และกระโปรง ซึ่งต้องเย็บให้เป็นรูปร่าง ทั้งการต่อไหล่ เย็บพับคอ พับชาย สาบติด กระดุม ฯลฯ

การออกแบบสามารถใช้ไอเดียออกแบบจากแฟชั่นเสื้อผ้าของคนที่มี อยู่ในปัจจุบัน หรือจากนิตยสารเสื้อผ้า หรือสามารถดูแบบตัดเสี้อจากหนังสือตัด
เสื้อสำหรับสนัขจากต่างประเทศที่มีความทันสมัย โดยสามารถหาซื้อทางอินเทอร์เน็ต และยังสามารถดูแบบจากในอินเทอร์เน็ตได้อีกด้วย

สำหรับ ผู้ที่สนใจทำอาชีพนี้จริงๆ แต่ไม่มีพื้นการตัดเย็บเสื้อผ้าหมา สามารถไปเรียนเพิ่มเติมได้ ซึ่งมีคอร์สอบรมการออกแบบตัดเย็บเสี้อผ้าหมาได้ที่สถาบันเอชานซ์ จะมีการจัดอบรมหัวข้อการออกแบบตัดเย็บเสื้อผ้าหมา เรียนรู้หลักการออกแบบ
เสื้อ ผ้าหมา การเลือกผ้าและวัสดุอุปกรณ์ตัดเยบ การวัดขนาดและรูปร่างสุนัข การสร้าง pattern การขึ้นหุ่น การขยายแบบ การตกแตjงเสื้อผ้าหมา การตัดเย็บเสื้อผ้าหมาด้วยมือ การพัฒนาแบบ เป็นต้น
เสื้อผ้าหมาที่ จำหน่ายกันส่วนใหญ่เป็นเสื้อผ้าสำหรับหมาพันธุ์เล็กขนาดน้ำหนักตัวไม่เกิน 7-8 กิโลกรัม เช่น ชีวิวาวา ชิสุ พูเดิ้ล และบลูเทอร์เรีย

สำหรับผู้ที่สนใจอบรมหัวข้อการออกแบบตัดเย็บเสื้อผ้าสนัข
บริษัท เอชานซ์ 3/2 ซ.ลาดพร้าว 69 ถ.ลาดพร้าว ต วังทองหลาง ข.วังทองหลาง
กรุงเทพ 10310 โทรศัพท์ : 0-2933-4597-8, 08-6987-0042

การลงทุนเบื้องต้น : ไม่เกิน 10,000 บาท ขึ้นอยู่กับราคาจักรเย็บผ้า
. เงินทุนหมุนเวียน : ใช้ซื้อวัตถุดิบประมาณ 3.000 บาท คิดจากการเย็บเสื้อผ้าได้ 1oo ตัว
. ต้นทุน/ชิ้น ; เสื้อชิ้นละ 15-50 บาท กางเกงและกระโปรงชิ้นละ 25-50 บาท
. รายได้ เสื้อขายส่งชิ้นละ 35-100 บาท กางเกงและกระโปรงขายส่งชิ้นละ 50-100 บาท
. กำไร :รายได้ที่เป็นกำไรหลังหักต้นท6น จะอยู่ที่ประมาณ 50 % จากของยอดขายทั้งหมด

แนวโน้มการตลาด
สินค้า กำลังได้รับความนียม สินค้ากลุ่มนี้ สามารถขายได้เรื่อย ๆ เพราะว่าคนกล่มที่รักหมา จะมองสัตว์เลี้ยงเป็นเหมือนเพื่อน หรือคนในครอบครัว
ทำให้พยายามเลือกสิ่งที่ดีที่สุด แต่อย่างไรกีตาม ยังคงมีค่าใช้จ่ายสูงในการทำตลาดขายอย่างต่อเนื่อง เพื่อทำให้สินค้าติดตลาด และที่สำคัญตอนนี้
ตลาดคนเลี้ยงสัตว์โตขึ้นมากช่องทางและทำเลในการจัดจำหน่าย
สามารถ ฝากขาย หรือขายส่งกับร้าน petshop ทั่วไป แหล่งขายสุนัข ร้านขายของสุนัขตามตลาดนัด หรือจัดทำเว็บไซต์ และนำเสนอสินค้าขายปลีกทางอินเทอร์เน็ต

ลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย
คนเลี้ยงสัตว์ที่มีรายได้ปานกลาง-สูง พร้อมทงั้ตอ้งการเพิม่ความ
สวย งาม และให้ความอบอุ่นแก่หมาของตัวเอง การออกแบบตัดเย็บเสื้อผ้าหมาต้องออกแบบให้ถูกใจเจ้าของหมารวมทั้งต้นทุนผ้า และวัสดุที่ใช้ในการตัดเย็บ ต้องเหมาะสมกับราคาขาย ก่อนทำควรมีแหล่งกระจายสินค้าด้วย

ข้อมูลอ้างอิงจาก หนังสือ 50 ธุรกิจเสริมหลังเลิกงาน



แพนเค้กอร่อยจังลงทุนน้อย คืนทุนเร็ว

ถ้าจะกล่าวถึงธุรกิจอาหารอย่างไง ก็ขายได้เพราะอย่างไรคนก็ต้องกิน หาสนใจในธุรกิจอาหารแต่ทำไม่เป็น ทุกวันนี้มีแฟรนไชส์อาหารมากมายให้เราเลือกลงทุน ยิ่งระบบแฟรนไชส์ดี อาหารน่ากิน ความเป็นไปได้ในการทำกำไรเป็นกอบเป็นกำยิ่งไม่ต้องพูดถึง

ขนมแพนเค้ก

วันนี้ ขอเสนอแฟรนไชส์ “แพนเค้กอร่อยจัง” ชื่อแฟรนช์เก๋ๆ มีที่มาจากคุณโอปอ ทองคำ ผู้ยึดอาชีพขายแพนเค้กมากกว่า 5 ปี แพนเค้กของพี่โอปอออกจะสวยล้ำกว่าเจ้าอื่นๆ เพราะวาดเป็นตัวการ์ตูนหลายๆ ตัวที่เราคุ้นเคย เช่น โดเรมอน คิตตี้ อุลตราแมน เคโระ ฯลฯ ไอเดียแนวๆ นี้

“ผม เริ่มขายแพนเค้กเมื่อประมาณ 5 ปีที่แล้วครับ มันเริ่มจากการที่ผมไปยืนดูคนทำแพนเค้กประมาณ 5 ปี ที่แล้วครับมันเริมจากการที่ผมไปยืนดูคนทำแพนเค้กรูปการ์ตูนเสียบไม้ขายใน ตลาดที่จังหวัดมหาสารคาม ผมก็มานั่งคิดดูว่าถ้าเราทำให้สวยกว่านี้ มันจะขายได้ราคากว่านี้ไหมนะ จากนั้นผมก็ไปยืมเตาขนมเครปจากคนรู้จักกัน ส่วนสูตรทำขนมแพนเค้กผมก็ถามเข้าบ้าง แล้วก็ดูสูตรจากอินเตอร์เน็ต จากนั้นก็มาฝึกวาดแพนเค้กเป็นตัวการ์ตูนเองที่บ้าน ลองผิดลองถูกอยู่ 3 วัน ก็เริ่มออกขายโดยใช้เตาขนมเครป ขายชิ้นละ 5 บาทเท่ากัน ปรากฏว่าขายดีมาก ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นเด็ก เพราะผมไปขายตามโรงเรียนและตลาดนัด เรียกว่าวันแรกลูกค้าก็ต่อคิวยาวเลยล่ะ เพราะเตาเครปทำ แพนเค้กได้แค่ทีละชิ้น พอเห็นลูกค้าเยอะผมก็มั่นใจแล้วว่าต้องขายดีแน่นอน จึงลงทุนซื้อขนมแพนเค้ก คราวนี้ทำได้ทีละ 8 ชิ้น ลูกค้าก็มีตั้งแต่เด็กอนุบาล ไปจนถึงมัธยมต้นเลยครับ ถ้าเด็กมากๆ ก็จะสั่งแพนเค้กรูปปู รูปปลา แต่ถ้าเด็กโตขึ้นมาหน่อยรู้จักดูการ์ตูนแล้วก็จะสั่งแพนเค้กรูปการ์ตูน เช่น คิตตี้ อุลตราแมน โดเรมอนนี่ยอดฮิตมากๆ”

เมื่อกิจการทำ ท่าจะไปได้ดี พี่โอปอก็ปรับราคาแพนเค้กการ์ตูนขึ้นมาเป็นตัวละ 10 บาท พร้อมกับคิดแผนการตลาดต่างๆ เช่น การทำป้ายหน้าร้านที่สะดุดตาถูกใจเด็กๆ ขนาดของแพนเค้กการ์ตูนชิ้นใหญ่กว่าร้านอื่น และมีการเพิ่มลวดลายการ์ตูนให้มีความหลากหลายมากขึ้น รวมถึงพัฒนาสูตรแพนเค้กให้อร่อยลงตัว โดยคำนึงถึงผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งก็คือเด็กๆ พี่โอปอ จึงเลือกใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพ และไม่ใส่สี
“พอ ทุกอย่างเริ่มลงตัว ผมก็เริ่มคิดถึงการขายแฟรนไชส์ เพราะเมื่อผมไปตั้งร้านขายตามตลาดนัดมีคนเข้ามายืนดูเขามาถาม ก็เลยเริ่มวางแผนการทำแฟรนไชส์แพนเค้กอร่อยจังขึ้นเมื่อประมาณ 3 เดือนที่แล้ว... โดยตั้งเป้าหมายสำหรับผู้ที่จะซื้อแฟรนไชส์ว่า...ถ้าคุณกำลังมองหาธุรกิจที่ ลงทุนน้อย กำไรสูง ขายง่าย ไม่มีเสี่ยงขาดทุน คืนทุนเร็วภายใน 1 เดือน แฟรนไชส์แพนเค้กอร่อยจังตอบโจทย์คุณได้”
พี่โอปอเล่าถึงการทำตลาด หาลูกค้าแฟรนไชส์ในแบบฉบับของตัวเองที่ไม่ซับซ้อน เพราะเขาจะลงมือไปขายตามตลาดที่มีคนเยอะ พอเริ่มมีคนเข้ามาถามเขาก็แนะนำแฟรนไชส์ พร้อมแนบเอกสารรายละเอียด ให้ไปศึกษา

“บางคนวาดรูปไม่เป็นคงสงสัยว่าจะทำได้ไหม เมื่อซื้อแฟรนไชส์ไปแล้ว ผมจะสอนให้ 3 วันเต็มๆ เลยครับ สอนวาดการ์ตูน สอนผสมแป้งแพนเค้ก รวมถึงรายละเอียดในการตกแต่งหน้าร้านต่าง ๆ จนกว่าจะเป็นและออกขายได้ นอกจากนี้ผมยังมีการทำเป็นวิดีโอสาธิตให้ลูกค้านำกลับไปเปิดดูได้ หากติดขัดตรงไหนที่ไม่เข้าใจ ก็สามารถโทรศัพท์ปรึกษาได้ตลอดเวลาเช่นกัน และผมยังได้ทำการอัพเดทแบบตัวการ์ตูนใหม่ๆ ส่งให้ลูกค้านำไปขายได้ รวมถึงการให้คำปรึกษาเรื่องทำเลที่ขาย การทำโปรโมชั่น เช่น ซื้อแพนเค้ก 10 ชิ้น นำมาแลกพวงกุญแจได้ หรือทำบัตรสะสมแต้ม และมีการทำแพนเค้กอร่อยจังสูตรใหม่ มอลต์ผสมนมโค อร่อยมีประโยชน์ กินได้ทุกวัน เวลาไปออกขายตามตลาดก็จะมีสปอร์ตโฆษณาเพื่อเน้นให้ลูกค้าจดจำแบรนด์ แพนเค้กอร่อยจัง ของเราได้”

พี่โอปอบอกว่าเงื่อนไขเล็กๆ สำหรับแฟรนไชส์แพนเค้กอร่อยจัง คือ ลูกค้าจะต้องสั่งแป้งจากเจ้าของแฟรนไชส์อย่างที่โอปอขายเท่านั้น เพื่อรักษาคุณภพ และมาตรฐานของแพนเค้กอร่อยจังให้อร่อยเหมือนกันทุกร้าน ว่าแล้วก็บอกอีกว่า ตอนนี้มีลูกค้า 7 ราย ขายแพนเค้กอร่อยจังที่ จ.มหาสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา และ จ.เพชรบูรณ์ ขายไม่กี่วันก็คืนทุนแล้ว...
แฟรนไชส์ แพนเค้กอร่อยจัง อีกหนึ่งอาชีพที่ไปได้สวย เพราะใช้เงินลงทุนไม่มากนัก สำหรับใครที่คิดอยากมีธุรกิจเล็กๆ เป็นของตัวเอง

**ข้อมูลกการลงทุน-ค่าแฟรนไชส์ 16,900 บาท อบรมการทำขนม จะได้ร้านและอุปกรณ์การขายครอบชุดกว่า 30 รายการพร้อมขายทัน

***เงื่อนไขต้อง ใช้แป้งของแพนเค้กอร่อยจังเท่านั้น เพื่อรักษามาตรฐานผลตอบแทน แป้งแพนเค้กเมื่อผสมตามสูตร ต้นทุนพร้อมขายถุงละ 125 บาท ขายชิ้นละ 10 บาท ทำได้ 40-45 ตัว จะได้เงินประมาณ 450 บาท
หักค่าแก๊ส หรือค่าไฟ + ถึง +กระดาษรอง+แยม ประมาณ 20 บาท กำไรต่อถุง 450-125-20 = 305 บาท
อยากมีรายได้ 600 บาท / วัน ใช้แป้ง 2 ถึง อยากมีรายได้ 1000 บาท/วัน ใช้แป้ง 4 ถุง

**หมายเหตุต้องขายให้หมดถึงจะได้ยอดตามเป้า แป้งที่ผสมแล้วขายไม่หมดก็นำมาแช่ตู้เย็นเอาไว้ไม่เสีย พรุ่งนี้นำกลับมาขายใหม่ได้
สนใจธุรกิจติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ คุณโอปอ ทองคำ โทร. 087-864-6046 และทางอีเมล์ op-tk@hotmail.com 
credit : http://taradnud.blogspot.com/

Read More...


(สูตรน้ำจิ้ม..สารพัดประโยชน์...)รสเด็ด..ทำกินได้..ทำขายรวย...

น้ำจิ้มสารพัดประโยชน์






นี่ "น้ำจิ้มสารพัดประโยชน์" ของจุ๋มค่ะ จิ้มลูกชิ้น จิ้มไก่ จิ้มเกี๊ยวทอด จิ้มทอดมัน จิ้มกุ้งทอด จิ้มเปาะเปี๊ยะ ฯลฯ






ส่วนผสมน้ำจิ้มสารพัดประโยชน์

น้ำส้มสายชูของ อสร. 1 ขวด (850 ซีซี)
น้ำตาล ทรายแบบไม่ฟอกสี 1,200 กรัม (1 กิโล + 2 ขีด) บางทีจุ๋มก็ใช้แบบไม่ฟอกสี บางทีก็ใช้แบบฟอกสีคะ แล้วแต่จะหาได้คะ ถ้าใช้น้ำตาลทรายฟอกสีจะใช้ในปริมาณที่มากกว่าน้ำตาลทรายไม่ฟอกสีนิดหน่อยคะ
เกลือป่น จุ๋มใช้ของปรุงทิพย์ค่ะ 3 ช้อนโต๊ะ + 1 ช้อนชา
น้ำเปล่า 250 ซีซี
พริกชี้ฟ้าสีแดง 100 กรัม
กระเทียม 100 กรัม


ในรูปบางอันจะดูเยอะเพราะจุ๋มทำทีละน้ำส้ม 3 ขวดนะคะ วันนึงจุ๋มใช้เยอะเหมือนกันน่ะ


สัด ส่วนปรับเพิ่มตามใจชอบนะคะ ที่บอกจะจะรส เปรี้ยว หวาน เค็ม ไม่เหมือนน้ำจิ้มไก่ที่ขายเป็นขวด ๆ มันจะออกหวานมาก ๆ น้ำจิ้มนี้น้องพิม Enya เคยชิมแล้วจ๊ะ น้องพิมเขาบอกน้ำจิ้มอร่อยนะพี่จุ๋ม อิอิ จุ๋มก็ยิ้มหน้าบานสิคะ ยังจะมีน้ำจิ้มลูกชิ้นอีกแบบ แบบเผ็ด ๆ ไว้จะมาโพสต์ให้คะ


น้ำส้มสายชูก่อนคะ






น้ำตาลทรายคะ วันนี้ใช้แบบไม่ฟอกสี เพราะแบบฟอกสีโลตัสใกล้บ้านมีคนซื้อไปหมดเลยคะ






เกลือป่นคะ






และก็น้ำเปล่า






น้ำส้มสายชูเทใส่หม้อลงไปเลยคะ






ตามด้วยน้ำตาลทราย






เกลือป่นตามลงไปคะ






ตามด้วยน้ำเปล่าคะ หรือใครจะรอเติมน้ำเปล่าตอนเคี่ยวแล้วก็ได้ แต่จุ๋มทำบ่อยแล้วนะ ถ้าไม่เติมเลยมันข้นไปคะ ลองดูตามสะดวกค่ะ






แล้วก็คน ๆ ให้ของแห้งละลายนะคะ เป็นการประหยัดแก๊สด้วย ฮ่า ฮ่า ฮ่า






กระเทียม ใช้กลีบใหญ่ก็แกะง่ายหน่อยแต่ไม่หอมเท่ากลีบเล็ก ใช้กลีบเล็กก็แกะลำบากหน่อยแต่หอมดีค่ะ จุ๋มก็ใช้อย่างละครึ่งคะ กลีบเล็กซ่อนอยู่ด้านล่าง กระเทียมปอกเปลือกออกให้หมด เน้นว่าให้หมด เพราะถ้ามีเปลือกติดตอนกินมันจะสะดุดค่ะ เสียอารมณ์ ทำให้น้ำจิ้มไม่ค่อยสวยด้วย ล้างให้สะอาด สรงให้สะเด็ดน้ำ ถ้าชอบเยอะกว่านี้จะใส่เยอะกว่านี้ก็ได้คะ สูตรนี้กระเทียมและพริกจะไม่เยอะเท่าน้ำจิ้มขวด ๆ นะคะ จุ๋มว่าแบบนั้นมันเยอะเกินไปค่ะ






พริก ชี้ฟ้าแดง เน้นว่าสีแดง อย่าเอาสีเขียวปน เพราะจะทำให้น้ำจิ้มสีไม่สวยค่ะ ออกดำ ๆ เลย ล้างให้สะอาด ปลิดขั้วทิ้ง หั่นเป็นท่อนขนาด 1 เซนติเมตร






ถ้า มีเครื่องบดแห้ง นำพริกและกระเทียมใส่เครื่องบดแห้งแล้วเอาไปบด ๆ ให้ละเอียดแต่ไม่ต้องยิบมากเลยนะคะ พอให้มันเห็น ๆ ค่ะ แบบว่าเห็นว่าพริกกับกระเทียมแล่นใบในน้ำจิ้มอ่ะ


แต่พอดีเครื่อง บดแห้งจุ๋มไว้บดน้ำตาลทรายเพื่อทำขนมนะ ไม่อยากเอามาใช้บดพริกกับกระเทียม จุ๋มก็เลยใส่เครื่องปั่นน้ำค่ะ รอไว้แบบนี้ก่อน






เอา หม้อน้ำส้มสายชู น้ำตาลทราย เกลือ และน้ำที่เราผสมกันไว้ตั้งไฟค่ะ แรง ๆ ในช่วงแรกเพื่อให้มันเดือดก่อนคะ พอมันเดือดแล้วลดไฟลงอ่อน เคี่ยวไปสักพัก ให้มันงวดลงนิดหน่อย ถ้าไม่ลดไฟระวังจะล้นนะคะ


แล้วก็ลองชิมดู เพิ่มเอาตามใจชอบคะ






ช่วง ที่เคี่ยวไฟอ่อน ๆ นี้ จุ๋มตักน้ำจิ้มในหม้อมาใส่เครื่องปั่นน้ำที่ใส่พริกกับกระเทียมไว้ ใส่น้ำจิ้มไปนิดหน่อยคะค่อน ๆ ส่วนของพริกกับกระเทียม






แล้วก็เอาไปปั่นให้พริกกับกระเทียมละเอียดประมาณนี้นะ






ได้ พริกกับกระเทียมที่ปั่นแล้วก็มาเทใส่หม้อน้ำจิ้ม แล้วเคี่ยวให้เดือดอีกสักพักก็ปิดเตาค่ะ ความข้นใสนี่จุ๋มใช้ประสาทสัมผัสเอาค่ะ ตอนเคี่ยวระวังจะล้นนะคะ พริกกับกระเทียมจะหกหมด เสียดายคะ


น้ำจิ้มบางจ้าวแถวนี้เขาไม่ใส่กระเทียมเลย มีแต่พริก ใส ๆ แล้วบางจ้าวเขาก็ใส่แป้งมันผสมด้วย ไม่หอมเลยคะ






ทิ้งไว้ให้เย็น กรอกใส่ขวดแล้วเก็บใส่ตู้เย็น เก็บไว้ใช้ได้นานคะ


ถ้าจะกินกับทอดมันก็เอาถั่วลิสงป่นใส่ หั่นแตงกวาใส่ ก็อร่อยจ๊าบไปแล้วคะเนี่ย


กระเทียมก็แพงค่ะตอนนี้ โลละ 60 บาทแน่ะ อาทิตย์ที่แล้ว 55 บาทเองง่ะ

credit : http://www.pathongko.com/

Read More...


สูตรหมูปิ้ง...หมูย่าง..เป็นอีกอาชีพหนึ่งที่ทำเงินได้ดีมากๆ..เพื่อเป็นรายได้เสริม


สูตรหมูปิ้งมีหลายสูตร ลองเลือกหาเอาตามใจชอบ แต่ขอบอกว่า ทุกสูตรใช้ขายได้จริง ๆ นะครับ แต่เคล็ดไม่ลับ ก็คือ ไฟในเตาที่จะต้องลุกแดงสม่ำเสมอ ที่สำคัญจะต้องให้มีควันขึ้นขโมง .. ถ้าอยากให้มีเสน่ห์มากขึ้น ก็ต้องมี น้ำจิ้มหลากรสครับ เช่น น้ำจิ้มแจ่วรสแซบ , น้ำจิ้มหวานไก่ มีผักสด พริกขี้หนูเป็นกับแกล้ม มีแหนมปิ้งด้วยยิ่งช่วยเพิ่มความหลากหลายนะครับ
นายแทม ขอแบ่งครึ่งชีวิตไปขายหมูปิ้งเป็นรายได้พิเศษกันตายก่อนนะครับ ภูมิใจ เด็กจุฬาฯ สถาบันดีสอนให้ชีวิตทำได้ทุกอย่าง ... ไม่ยึดติดกับแผ่นกระดาษและศักดิ์ศรีที่มากเกินไป
(ยามเย็นไปเป็นเด็กปั๊ม .. อาชีพเก่า 555+)
สูตรที่หนึ่ง หมูปิ้งปะทะนมสด รสกลมกล่อม หม่อมถนัดศรีพลีชีพ ลองลิ้มชิมรส หมดยกเตา
เครื่องปรุงเนื้อหมู เอาติดมันก็ได้ หรือ เนื้อสันก็ดี 1 กิโลกรัม
ซีอิ้วดำ 1/2-1 ชต.
นมข้นจืด 3-4 ชต. หรือนมสด 1 ถ้วย
น้ำตาลปิ้บ 1/2 ถ้วย
น้ำตาลทรายนิดหน่อย
น้ำมันหอย นิดหน่อย
ซีอิ้วขาวเห็ดหอม 2-3 ชต
กระเทียม รากผักชี พริกไทย 2ชต.
น้ำมันมะกอก 2-3ชต.

ผสมกันเสร็จชิมดูก่อนว่ารสออกมาแบบไหน ถ้าชอบหวานชอบเค็มก็เต็มเพิ่มลงไป

วิธีทำ
ล้างหมูให้สะอาดแล้วแล่ อย่าบางมากคลุกเคล้ากับส่วนผสมแล้ว แช่ในตู้เย็นสัก 1-2 วันค่อยนำออกมาเสียบไม้ปิ้ง

หรือ

เจ้าของสูตรเดิมเขาเสียบไม้ไว้เลยแล้วแช่ฟิต 3 วัน ค่อยเอาออกมาปิ้ง แช่ฟิตจะทำให้หมูนุ่มมาก ๆ

เวลา ปิ้งน้ำปรุงที่เหลืออย่าทิ้งนำน้ำกะทิมาผสม ตอนปิ้งก็ใช้น้ำปรุงนี้ทาลงไปที่หมูกำลังปิ้งเพื่อให้หยดลงไปถ่านกำลังร้อน ๆ จะได้มีควันหอม ๆ รมหมูด้วย

*******************************************************************
สูตรที่สอง หมูปิ้งรสชาววัง
เครื่องปรุง1.หมูสันนอก 1 กิโลกรัม
2.น้ำมันหอย 1/2 ถ้วย
3.ซอสปรุงรส 1/2 ถ้วย
4.น้ำปลา 1/2 ถ้วย
5.น้ำตาลปี๊ป 300 g.
6.แป้งมัน 1/4 ถ้วย
7.น้ำมันพืช 1/2 ถ้วย
8.กระเทียม พริกไทย รากผักชี (ตามแต่ชอบครับ อันนี้แล้วแต่เลย ชอบมากก็ใส่มากหน่อย)

วิธีทำ
1. หั่นเนื้อหมูให้เป็นชิ้นบางๆพอคำนะครับ อันนี้ยิ่งบางเท่าไหร่เครื่องปรุงก็เข้าเนื้อมาก เวลาเสียบไม้ย่างได้ใช้เวลาไม่นาน แล้วเครื่องปรุงก็เข้าเนื้อได้ดีกว่าชิ้นใหญ่ๆอะครับ

2. นำกระเทียม พริกไทย รากผักชี โขลกรวมกัน และ ใส่เครื่องปรุงทั้งหมดลงไปในภาชนะที่เตรียมไว้ แล้วคนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากันดี

3. นำเนื้อหมูที่หั่นไว้แล้วคลุกเคล้ากับเครื่องปรุง ใช้มือนวดเบาๆ แบบใจเย็นๆ ให้น้ำแห้งหมาดๆ (ใช้เวลาประมาณ 25 นาที)

4. นำหมูที่นวดเสร็จแล้ว แช่ตู้เย็นช่องฟรีซอย่างน้อย 3 ชั่วโมง เพื่อให้เครื่องปรุงเข้าในเนื้อและจะทำให้หมูนุ่มได้ที่

5. ครบกำหนดเวลา นำหมูมาเสียบไม้ ตามความยาว แล้วเรียงใส่กล่อง ให้สวยงาม แล้วนำเข้าช่องเย็นอีกที ก่อนนำมาปิ้งนะครับ

*******************************************************************
สูตรที่สาม หมูปิ้งรสดั้งเดิม
เครื่องปรุงเนื้อหมู 600 กรัม
กระเทียมกลีบใหญ่ 5-6 กลีบ
พริกไทยเม็ด 1 ช้อนโต๊ะ
ซีอิ้วขาว 3 ช้อนโต๊ะ
ซอสปรุงรส 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลปี๊บ 3 ช้อนโต๊ะ
หัวกะทิ 1/3 ถ้วย

วิธีทำ
1. ล้างเนื้อหมูให้สะอาด ซับน้ำให้แห้งแล้วหั่นเป็นชิ้นขนาดประมาณ 2 นิ้ว หนาประมาณ 3 มิลลิเมตร

2. ปลอกเปลือกกระเทียม ล้างน้ำให้สะอาดแล้วหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ นำไปโขลกให้ละเอียดพร้อมพริกไทยเม็ด

3. นำกระเทียมพริกไทยที่โขลกได้ใส่ลงไปในเนื้อหมูที่หั่นไว้ เติมเครื่องปรุงต่างๆ และกะทิ 3 ช้อนโต๊ะลงไป คลุกเคล้าเครื่องปรุงต่างๆ ให้เข้ากันแล้วหมักไว้ประมาณ 3 ชั่วโมงหรือทิ้งไว้ข้ามคืน

4. เมื่อหมักได้ที่แล้ว นำเนื้อหมูที่ได้มาเสียบไม้ (ก่อนเสียบไม้ให้นำไม้ไปแช่น้ำไว้ก่อนประมาณ 30 นาที เพื่อช่วยไม่ให้ไม้ไหม้)

5. เริ่มต้นทำการปิ้งโดยวางหมูที่เสียบไม้เรียบร้อยแล้วลงบนตะแกรง นำหัวกะทิที่เหลือมาทาให้ทั่วทุกไม้

*******************************************************************
สูตรที่สี่ หมูปิ้งรสนมสดดั้งเดิม

เครื่องปรุง
1. เนื้อหมู 1 kg.
2. พริกไทยเม็ด 1 ช้อนชา
3. กระเทียมกลีบเล็กปลอกเปลือก ประมาณ 2 หัว
4. รากผักชี 5-6 ราก
5. เกลือป่น 1 ช้อนชา
6. นมข้นจืด 3 - 4 ช้อนโต๊ะ สำหรับหมัก 3 ช้อนโต๊ะ สำหรับย่าง
7. น้ำตาลปีบ 1/2 ถ้วย
8. น้ำตาลทราย 1/2 ช้อนโต๊ะ
9. ซีอิ้วดำ 1/2 - 1 ช้อนโต๊ะ
10. แป้งมัน หรือแป้งข้าวโพด 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ1. หันหมูเป็นชิ้นและบางตามความค้องการ
2. นำกระเทียม รากผักชี พริกไทย มาตำละเอียด
3
. นำเครื่องปรุงทั้งหมดมาคลุกเคล้ากับหมูเพื่อหมัก ประมาณ 1 - 2 ชม. ใส่ตู้เย็น แล้วนำหมูมาเสียบไม้
4. ย่างหมูครับ ไฟพอประมาณ เวลาย่างก็เอานมข้นจืดทาหมูด้วยนะครับ ใช้กะทิสดแทนก็ได้ถ้าไม่ใช้นม

*******************************************************************
สูตรที่ห้า หมูปิ้งรสนมสดรสกลมกล่อมเน้นเนื้อนุ่มเหนียว
เครื่องปรุง
สำหรับหมักหมู 1 กิโลกรัม
พริกไทยป่น 1 ช้อนชาตำรวมกับกระเทียมกลีบเล็ก ไม่ต้องปอกเปลือก 1 หัวโต ๆ
ซีอิ้วดำ 1/2 - 1 ช้อนโต๊ะ
เกลือป่น 1 ช้อนชา
นมข้นจืด 3 - 4 ช้อนโต๊ะ (อย่าใส่มากเกินไป เพราะหมูจะลื่นทำให้เสียบไม้ลำบาก)
น้ำตาลปีบ 1/2 ถ้วย และ น้ำตาลทรายนิดหน่อย พอให้ออกรสหวานปะแล่ม ๆ

วิธีทำ
แล่ เนื้อหมูตามขนาดที่ต้องการ แล้วนำเครื่องหมักทั้งหมดลงผสม ขยำให้เข้ากันสักครู่แล้วนำไปเสียบไม้ เสร็จแล้วนำใส่ในกล่องมีปิดฝา เก็บในตู้เย็นในช่องแข็ง 2 - 3 วัน ก่อนนำมาปิ้งกับเตาถ่านให้สุก รับประทานกับข้าวเหนียวนึ่งร้อน ๆ




*******************************************************************  เก็บตกมาให้ครับ- ถ้าจะให้สุดยอดยิ่งขึ้นควรจะใส่ซอสหอยนางรมไปบ้างเล็กน้อย ควรใช้ซอสหอยอย่างราคาไม่แพงเพราะว่ามีแป้งผสมอยู่บ้างแล้ว เหยาะผงกระหรี่พอเห็นด้วยหางตา เวลาปิ้งควรพรมน้ำหมักไปด้วยเล็กน้อยจะทำให้เกิดควันและกลิ่นซึ่งเป็นหัวใจ ของการขาย แต่อย่าให้ถึงขนาดมองหน้ากันไม่รู้เรื่อง ปิ้งกะว่าเกือบสุก เมื่อมีลูกค้าจีงค่อยปิ้งตอนจบ จะทำให้หมูปิ้งของคุณไม่แห้ง อวบอูมอิ่มเอิบน่ารับประทาน ใส่ถุงพลาสติกมัดให้แน่น ย้ำลูกค้าว่าอย่าเปิดจนกว่าจะทาน
- โขลกรากผักชี กระเทียม พริกไทย ( 3 อย่างนี้อย่าขี้เหนียวนะเพราะจะทำให้หอมมากครับ) หมักทิ้งไว้ไม่น้อยกว่า 2 ชม.เพื่อให้เครื่องปรุงซึมเข้าถึงเนื้อ แต่ถ้าคุณต้องการทำขายควรหมักทิ้งไว้ข้ามคืน
- ปกติจะหมักหมูที่หั่นแล้ว การหั่นมีหั่นสองแบบ แบบแรกคือใช้หมูสันนอกเนื้อจะแข็งไม่มีมัน แล่เป็นแผ่นเลยกับอีกแบบคือ ใช้หมูสันใน เนื้อจะแดงๆ ไม่เป็นแผ่นๆ มันแทรกนิดหน่อย หั่นชิ้นเล็กๆ ยาวๆ ไม่ต้องหนา

- เวลาหั่นเลือกหั่นตามขวาง ลายเส้นของหมู จะกัดง่ายขึ้น เวลาซื้อนี่เลือกติดมันหน่อยหนึ่ง
- การทำให้หมูนุ่มหลัก ๆ  มีสี่สูตรครับ คือ
สูตรหมูนุ่มสูตรแรก ใส้แป้งมันหมัก กะ หมู ผลที่ได้ จะได้ นุ่มแบบ ดึ๊ง ๆ เหมือน หมู ใน ราดหน้า ร้านดัง ๆ

สูตร ที่สอง หมักหมู กะ มะละกอดิบครับ ขยำ ๆ ทิ้งไว้ สองชม นิด ๆ เนื้อหมูที่ได้ จะ นุ่ม แบบ ยวบ ๆ ประมาณว่าแค่เอามีดลูบ ๆ ก้อขาด (อย่าหมักนานมากนะ เดี่ยว จะเละซะก่อน)

สูตร หมูนุ่มสูตรสาม คือ ใส่ Baking Soda แต่แหวะ ไม่อร่อยเท่าไหร่ มันจะนุ่มแบบไม่นุ่ม (งงปะ) แต่ตลาดทั่วไปชอบใช้สูตรนี้ เพราะมันประหยัดต้นทุนครับ
สูตร หมูนุ่มสูตรสี่ คือ ขยำมะม่วงหวานลงไป ในขั้นตอนสุดท้ายอย่ามาก แค่เอาสีกับกลิ่น สูตรนี้จะทำให้หมูของคุณแดงแบบส้ม ๆ ไม่เหมือนใช้มะละกอ และจะออกหวาน ๆ มัน ๆ แทนกลิ่นซี้อิ๊ว แต่ผมว่าแรก ๆ จะอร่อยนะ แต่นาน ๆ ไปมันจะไม่อร่อย เพราะมันจะติดลิ้นว่าหวาน แต่สูตรนี้กินกับน้ำจิ้มแจ่วอร่อยเหาะไปเลยครับ เพราะมันจะไปตัดกับเค็มของน้ำจิ้มแจ่ว ออกหวานแบบอร่อย ๆ

สุดท้าย ท้ายสุดเนื้อ หมูที่ใช้ ควรเป็นเนื้อสันส่วนขาหลัง ติดมันนิดหน่อย ถ้าเนื้อหมูที่ซื้อมาติดมันมากเกินไปก็ให้แล่เอามันออกทิ้งไปบ้าง เวลาแล่เนื้อหมูก็ต้องพยายามแล่ให้ได้ขนาดเสมอกันเพื่อความสวยงาม เวลาเสียบก็ต้องเสียบเนื้อหมูตามขวาง เนื้อหมูจะได้ดูหนา เวลากินจะไม่เหนียว และที่สำคัญจะต้องหมักหมูทิ้งไว้ในช่องฟรีซสัก 2 -3 วันถึงจะดี เวลาจะนำมาปิ้งก็เอาออกมาจากช่องฟรีซ แล้วทิ้งให้น้ำแข็งละลายก่อน เครื่องจะเข้าเนื้อและนุ่ม ถ้าหมักแล้วย่างเลยจะไม่อร่อย เวลาปิ้งจะไม่สวย เนื้อหมูก็จะติดตะแกรงด้วย
สูตรไหน ๆ ก็ทำเงินได้ครับ เอาที่คุณถนัดและคิดว่าทำรสออกมาได้กลมกล่อม แต่ถ้าถามผม ต้องสูตรที่หนึ่ง หมูปิ้งปะทะนมสด รสกลมกล่อม หม่อมถนัดศรีพลีชีพ ลองลิ้มชิมรส หมดยกเตา
กวาด เงินมาทั่วสารทิศ ด้วยพิษของความนุ่ม หอม อร่อย เค็มกำลังดี หวานนิด ๆ หอมกะทินมสด หน่อย ๆ กลั้วข้าวเหนียวนุ่ม ๆ ร้อน ๆ ในปาก .. โอ๊ย เงินไหลมา น้ำลายไหลไปค๊าบบบบ

credit :  http://www.pathongko.com/

Read More...


VCD ทำปาท่องโก๋ สูตรทำเงินล้าน



credit : อ.อุดมชัย (udomchai777-at-gmail-dot-com)

Read More...


VCDการทำหมูกรอบ หมูแดง น้ำราดข้าวหมูแดง สอนอาชีพ คมชัดลึก

สูตรทำขาย การทำหมูกรอบ 







สูตรทำขาย การทำหมูแดง










credit : (อ,อุดมชัย)

Read More...


วิธีทำข้าวมันไก่ (ยั่วสวาท)

ข้าว มันไก่ที่อร่อยนั้น ตัวข้าวมันต้องนุ่มนวล ข้าวเป็นเมล็ดไม่บานเหมือนข้าวสวยปกติ แต่ไม่แข็งกระด้าง ความมันของข้าวพอดี ไม่ถึงขนาดเลี่ยน ที่สำคัญต้องมีกลิ่นหอมของ มันไก่ กระเทียม ขิง ผสมกัน ไก่ต้องต้มในเวลาที่พอเหมาะ หนังไก่ตึง เนื้อไก่มีสีขาวและไม่ยุ่ย ที่สำคัญที่สุดก็คือน้ำจิ้ม รสต้องเด็ดขาด เค็ม เปรี้ยว หวาน พอเหมาะ ขิงต้องใช้ขิงแก่จึงจะหอมและเผ็ด สรุปได้ว่าต้องอร่อยสัมพันธ์กันทั้ง ข้าวมัน เนื้อไก่ น้ำจิ้ม แต่ถ้าหาซื้อขิงแก่ไม่ได้ ก็ใช้ขิงอ่อนแทนได้ค่ะ

เครื่องปรุง (สำหรับ 5-6 คน)

ไก่สด 1 ตัว (( ถ้าได้ไก่ตอนยิ่งอร่อย ))
ตับไก่ 2-3 พวง
เลือดไก่ 1 ก้อน
ข้าวหอมมะลิเก่า 3 ½ ถ้วย
น้ำมันไก่ หรือ น้ำมันพืช ½ ถ้วย
แตงกวา 1-2 ลูก
ผักชี นิดหน่อย

วิธีทำ

1). ล้างไก่ทั้งข้างนอกและข้างในตัวไก่ ให้สะอาด นำตัวไก่มาวางในกะละมัง โดยให้ส่วนหัวของไก่ตั้งขึ้น น้ำในช่องท้องจะได้ไหลออกมา ทิ้งไว้สักพัก พอน้ำที่หนังไก่เริ่มแห้ง หรือจะใช้ผ้าช่วยซับให้แห้งก็ได้ ใช้เกลือป่นทาบาง ๆ ให้ทั่วตัวไก่ ล้วงเข้าไปในตัวไก่เอาเกลือทาด้วย ส่วนตับไก่ ล้างสะอาด แล้วเคล้าเกลือพักไว้

2). ตั้งน้ำ (กะปริมาณของน้ำที่คาดว่าจะท่วมตัวไก่) ในหม้อขนาดที่ใส่ตัวไก่ลงได้ทั้งตัว พอน้ำเดือด ก็ใส่ตัวไก่ลงไป พอน้ำเริ่มเดือดปุด ๆ ใหม่อีกครั้ง ให้ใส่น้ำแข็งก้อนลงไปในหม้อต้มไก่ 4-5 ก้อน ((ให้ใส่ทุกครั้งที่น้ำเริ่มเดือด จนกว่าไก่จะสุกได้ที่ )) ใช้ไฟกลาง และต้มประมาณ 45 นาที คอยช้อนฟองทิ้งด้วย เพื่อให้น้ำซุปใส พอไก่สุกก็กลับอีกด้านหนึ่งลงไปต้มด้วย ถ้าชอบตับไก่ ก็ใส่ลงไปต้มพร้อมกับไก่ได้เลย ส่วนเลือดไก่ที่ทำเป็นก้อนและสุกมาแล้วนั้น ใส่ตอนหลังสุด

3). พอไก่สุก ตักออกมาจากหม้อใส่ภาชนะ ทาหนังไก่ด้วยน้ำมันไก่ หรือน้ำมันพืช เพื่อไม่ให้หนังไก่แห้งไว้

4). น้ำซุปในหม้อแบ่งออกมาพอหุงข้าว ตามส่วนของข้าว + เพิ่มน้ำซุปอีก ¼ ถ้วย ( เช่น ข้าว 1 ถ้วย ก็ใส่น้ำซุป 1 ¼ ถ้วย ) แล้วตั้งทิ้งไว้ให้เย็น ซาวข้าวหอมมะลิเก่า 2-3 ครั้ง เทใส่กระชอนทิ้งไว้ให้สะเด็ดน้ำ (จะช่วยเขย่ากระชอนให้น้ำสะเด็ดเร็ว ๆ ด้วยก็ได้) ตั้งกะทะใส่มันไก่ ลงไปเจียวจนน้ำมันออกมา หรือจะใช้น้ำมันพืชก็ได้ พอน้ำมันเริ่มร้อน ใส่กระเทียมที่ทุบพอแตกลงไปผัดพอหอม แต่ไม่ต้องให้เหลือง เทข้าวสารที่สะเด็ดน้ำแล้วลงไปผัดกับน้ำมันและกระเทียม ใส่รากผักชี โรยพริกไทยนิดหน่อย ผัดเคล้าให้ข้าวสารเข้ากันจนทั่วสักพัก เทข้าวสารที่ผัดเสร็จแล้วลงในหม้อหุงข้าวไฟฟ้า ใส่น้ำซุปที่แบ่งไว้และเย็นแล้วลงไป คนแล้วชิมรส ให้ออกเค็มนิดหน่อย (ถ้าไม่เค็มเติมเกลือลงไปนิดหน่อยได้) ปอกขิงแก่ 1 แว่น ล้างสะอาด ทุบให้แตกหย่อนลงไปในหม้อหุงข้าวด้วย เปิดสวิทช์หุงข้าวตามปกติ

5). พอข้าวสุก ให้ใช้ทัพพีคุ้ยข้าวให้ร่วนซุย กลับข้าวจากด้านล่างขึ้นด้านบน แล้วปล่อยอุ่นทิ้งไว้ในหม้อ เวลาเสริฟ์ จะเสริฟ์แบบร้านขายข้าวมันไก่ ก็ตักข้าวใส่จานให้พูน หรือจะตักใส่ถ้วยขนาดพอเหมาะ กดพอแน่น คว่ำถ้วยลงบนจาน เคาะก้นถ้วยให้ข้าวหลุดออกมา เลาะเนื้อไก่วางบนเขียง แล้วใช้มีดตบให้แบน หั่นชิ้นพอทานวางบนข้าวมัน หั่นตับ และเลือดไก่ เป็นชิ้นบาง ๆ วางเรียงที่ข้างจาน ซอยแตงกวาแฉลบขวางลูก โรยผักชี ด้านบนเนื้อไก่ เสริฟ์พร้อมน้ำจิ้ม + น้ำซุป หรือจะเสริฟ์แบบแยกข้าวมัน 1 จาน เนื้อไก่ 1 จานก็ได้

เครื่องปรุงน้ำจิ้ม

เต้าเจี้ยว ½ ถ้วย
ซีอิ้วขาว ¾ ถ้วย
น้ำส้มสายชู ½ ถ้วย
พริกขี้หนู ¼ ถ้วย
น้ำตาลทราย ¾ ถ้วย
กระเทียมปอกเปลือก ½ ถ้วย
ขิงแก่หั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ½ ถ้วย
รากผักชี 2-3 ราก

วิธีทำน้ำจิ้ม

นำ ส่วนผสมทั้งหมด ยกเว้นเต้าเจี้ยว ใส่ลงในโถปั่น เปิดสวิตช์ปั่นส่วนผสมทั้งหมดให้ละเอียดเข้ากัน ปิดเครื่อง ใส่เต้าเจี้ยวลงไป เปิดสวิตช์เครื่องอีกครั้ง ปั่นสักประมาณ 5 วินาที ชิมรสตามชอบ ให้ออกเค็ม เปรี้ยว หวาน ทำเสร็จแล้วเก็บเข้าตู้เย็นทานได้เป็นเดือน สำหรับคนที่ชอบรสจัด เวลาเสริฟ์ก็เติม กระเทียม + ขิง สับละเอียด พริกขี้หนูซอยละเอียด

วิธีทำน้ำซุป

น้ำซุปส่วนที่เหลือ
จาก หุงข้าวแล้ว ให้เติมรากผักชี ทุบพอแตก 2-3 ราก , กระเทียมที่แกะเปลือกนอกออก ล้างสะอาด 3-4 กลีบใหญ่, พริกไทยเม็ด 10 เม็ด , พอน้ำเดือด ก็ใส่ฟักหรือแฟงที่ปอกเปลือก ควักไส้ออก + ล้างน้ำ หั่นเป็นชิ้นใหญ่ ๆ ขนาดประมาณ 5 ซม. ลงไปในหม้อ ต้มจนฟักสุก ใส่ตังฉ่ายสักหยิบมือ ปรุงรสด้วยซีอิ้วขาว ตอนเสริฟ์ก็โรยหน้าด้วยผักชีหั่นหยาบ ๆ
ที่ญี่ปุ่นหาซื้อไก่ทั้งตัวได้ยาก เต่าก็เลยใช้ส่วนที่เป็นน่องติดสะโพกแทน

รูปด้านซ้าย...เป็นไก่ที่ล้างแล้วซับน้ำแห้งแล้ว ทาเกลือให้ทั่วชิ้นไก่

รูป ด้านขวา....เอาลงหม้อที่ต้มน้ำเดือดรอเอาไว้...ไก่ที่นี่ ส่วนใหญ่จะผ่านการแช่แข็งมาแล้ว น้ำมันจะเหลือน้อย เต่าก็จะเอาหนังไก่เติมลงไปต้มในน้ำซุปด้วยค่ะ ((หนังไก่นั้น...มาจากตอนทำลูกชิ้นไก่ ซึ่งใช้เนื้อล้วน ๆ ก็จะเลาะเอาหนังเก็บเอาไว้ใช้ในตอนนี้นะค่ะ))


ระหว่างที่ต้มไก่ ก็คอยเอาน้ำแข็งเติมลงไป ทุกครั้งที่น้ำเริ่มเดือด การใส่น้ำแข็งลงไปนั้น ทำให้ต้มได้เปื่อยเร็วขึ้น และหนังไก่มีสีขาว ไม่แตกเวลาที่ต้มนะค่ะ


น่องไก่ที่ติดสะโพกนั้น...ใช้เวลาต้มประมาณ 25-30 นาที ก็สุกแล้วค่ะ

รูปด้านซ้าย....ตักชิ้นไก่ขึ้นมา เอาน้ำมันพืชทาให้ทั่วหนังไก่

รูปด้านขวา....ทาน้ำมันเรียบร้อยแล้ว กับตับไก่ที่ต้มสุกแล้วเช่นกัน


พอน้ำซุปเริ่มเย็น ก็มาซาวข้าวหอมมะลิเก่าเตรียมเอาไว้

สำหรับ เพื่อน ๆ ที่อยู่ญี่ปุ่นนั้น .... ใช้ข้าวญี่ปุ่นได้ค่ะ โดยนำข้าวมานวดและซาวให้สะอาด แช่น้ำทิ้งไว้สัก 30 นาที หลังจากนั้นก็นำมาใส่กระชอนให้สะเด็ดน้ำ เวลาหุงก็ใช้ส่วนน้ำซุปตามปกติ (เพราะข้าวญี่ปุ่นจะแฉะง่าย) ตั้งโปรแกรมหม้อหุงข้าวที่ 焼込み หรือ おこわ แล้วก็กดสวิทช์หุงได้เลย

วันนี้...พอดีมีข้าวหอมมะลิเก่าเหลืออยู่ ก็เลยใช้ข้าวไทย

รูปนี้...เป็นข้าวที่ซาวสะอาดใส่กระชอนให้น้ำสะเด็ดเตรียมเอาไว้ค่ะ


คราว นี้...ก็นำกะทะตั้งไฟ ใส่น้ำมันพืชลงไป ((ที่นี่ไม่มีมันไก่เหมือนกันค่ะ)) พอน้ำมันร้อนก็ใส่กระเทียมที่ทุบพอแตกลงไปผัดพอหอม รูปด้านซ้ายค่ะ

หลังจากนั้น...ก็ใส่ข้าวสารที่เตรียมไว้ลงไปผัดให้น้ำมันเข้ากับข้าวดี รูปด้านขวา


พอผัดข้าวได้ที่แล้ว ก็เทลงใส่หม้อหุงข้าว เติมน้ำซุปที่เย็นแล้ว ตามอัตราส่วน กดสวิทช์หุงข้าวได้ตามปกติเลยค่ะ


ระหว่างที่รอข้าวสุกนั้น....ก็มาทำน้ำจิ้มเตรียมเอาไว้เลยค่ะ

รูปด้านซ้าย...เป็นเครื่องปรุงที่เตรียมเอาไว้

รูป ด้านขวา.....เอาใส่โถ เติมน้ำส้มสายชู , ซีอิ้วขาว , น้ำตาลทราย แล้วปั่นจนเข้ากันดีแล้วค่ะ เต่าใช้เครื่องปั่นแบบนี้สะดวกที่สุด ไม่ต้องเก็บล้างเยอะ....ความขี้เกียจ...อิอิ


พอปั่นละเอียดแล้ว ก็ใส่เต้าเจี้ยวลงไปปั่นต่อ....รูปด้านซ้าย

หลังจากนั้น..ก็ชิมรสตามชอบเลยค่ะ ให้ออกเปรี้ยว เค็ม หวาน นำ น้ำจิ้มที่ปั่นได้ที่แล้ว ตามรูปด้านขวา


ก่อนทำน้ำจิ้ม ก็ต้มซุปเตรียมไว้ พอน้ำจิ้มเสร็จ ข้าวก็สุก เตรียมหม่ำได้เลยค่ะ

เสริฟ์แบบแยกข้าว กับเนื้อไก่

ต้องขอขอบคุณ

คุณ เต่าญี่ปุ่น

http://chompoo-kitchen.pantown.com/ครัวชมพู่

Read More...


วิธีทำเบียร์วุ้นกัน


เบียร์วุ้น
การทำเบียร์วุ้น วิธีที่ 1
วิธีนี้ ต้องอาศัยว่าเบียร์ต้องอยู่ในอุณหภฺมิที่เย็นมาก แต่ยังไม่แข็ง ซึ่งอาจจะต้องแช่ช่อง Freezer นานถึง 3-4 ชั่วโมง

วิธีที่ 1.1 การเคาะ
การเคาะก็มีหลายแบบ
บางคนเอาเหรียญเค้าที่ก้นขวดเบาๆรัวๆ
บางเอามีดเคาะที่ขวดโดยตรง ป๊อกๆๆ
การเคาะจะทำให้ เกล็ดน้ำแข็งข้างในตกผลึก จนกลายเป็นเบียร์วุ้น
ที่ว่าเบียร์วุ้นๆนั้นที่จริงแล้ว มันก็คือเกล็ดน้ำแข็งที่ตกผลึกอยู่ในขวดนั่นเอง...

วิธีที่ 1.2 การกระตุ้น
ณ ขณะที่เบียร์เย็นจัด
เปิดฝาขวดออก
เอาหลอดขูดเอาเกร็ดหิมะที่อยู่ในช่อง Freezer แล้วใส่ลงไปในขวด
เอาหลอแทงๆเข้าๆออกๆ 2-3 ที
ก็จะได้เบียร์วุ้นที่ต้องการ

สำหรับกระบวนการเกิดเบียร์วุ้นตามหลักการทางเคมีนั้น
อธิบาย ได้ง่ายๆคือ อุณหภูมิที่อยู่ภายนอกขวด กับอุณหภูมิข้างในขวดไม่เท่ากัน
(อุณหภูมิ ภายนอกขวดสูงกว่า อุณหภูมิภายในขวด)
ดังนั้นเมื่อขวดมีการกระทบกระเทือน หรือมีการทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
อุณหภูมิภายในขวดอย่างฉับพลัน ก็จะทำให้ความดันภายในขวดสูงขึ้น
และเมื่อเบียร์ได้รับแรงดัน ก็จะทำให้มันกลายเป็นเบียร์วุ้นได้นั่นเอง

การทำเบียร์วุ้น วิธีที่ 2
วิธีนี้ ใช้เวลาไม่นาน เพราะมีตัวช่วยให้เบียร์เย็นเร็ว

อุปกรณ์การทดสอบ
1. เบียร์ 6 ขวด
2. กระติกใส่น้ำแข็งขนาดใหญ่ที่พอจะวางเบียร์ 6 ขวดได้ในแนวตั้ง (ถ้าแนวนอนจะทำให้เบียร์เป็นวุ้นช้า)
3. น้ำแข็งบด
4. เกลือเม็ด 2-3 กำมือ (เกลือเม็ดจะราคาถูกกว่าเกลือป่นที่ใช้รับประทานกันทั่วไป)
5. น้ำ

วิธีทำเบียร์วุ้น
1. เรียงขวดเบียร์ไว้ในกระติกน้ำแข็งในแนวตั้ง
2. ใส่น้ำแข็งลงไปให้ได้ครึ่งกระติก
3. ใส่เกลือตามลงไปสัก 1 กำมือ
4. ใส่น้ำแข็งเพิ่มลงไปอีกจนเต็มกระติก
5. ใส่เกลือที่เหลือลงไป
6. ใส่น้ำจนเต็มกระติก
7. ปิดฝา
8. หมุนไปหมุนมา
9. ประมาณ 10-20 นาที ให้เริ่มตรวจสอบเบียร์ว่ามีเกล็ดหิมะขึ้นมาเกาะหรือยัง ถ้ามีแสดงว่าพร้อมใช้งาน (เวลาขึ้นอยู่กับปริมาณของเกลือด้วย)

ปล. เบียร์แต่ละขวด ใช้เวลาในการเป็นวุ้น ไม่เท่ากัน
ปล. ใส่เกลือมากเกินไป อาจทำให้เบียร์แข็งตัวเร็วมากจนขวดแตก แล้วจะอดกิน
ปล. สำหรับผู้ที่ยกกระดก ก่อนกินเบียร์วุ้นที่ทำจากวิธีที่ 2 โปรดตรวจสอบความเค็มของขวดด้วย
ปล. เบียร์ >> เป็นน้ำ >> เป็นวุ้น >> เป็นน้ำแข๋ง >> แตก >> อดกิน

หลักการของเกลือและน้ำแข็ง
เวลาเอาเกลือละลายน้ำ ถ้าจะให้เกลือละลายเร็วจะต้องใช้น้ำร้อน เพราะเกลือต้องการความร้อน สำหรับช่วยในการละลายตัวให้หมดโดยเร็ว
ดังนั้น เมื่อเอาเกลือใส่ลงไปในน้ำแข็ง เกลือที่ต้องการละลายตัว ไม่สามารถจะหาความร้อนที่ไหนมาช่วยละลายได้
จึง ดึงความร้อนจากน้ำแข็งออกมา น้ำแข็งซึ่งเย็นอยู่แล้วจึงยิ่งเย็นลงไปอีก เข้าขั้นเย็นยิ่งยวด อุณหภฺมิ อาจติดลบได้ อยู่ที่ปริมาณของเกลือ
และน้ำในถังที่มีสภาพเป็นของเหลว จึงถูกดึงความร้อนออกไป ของเหลวในถังจึงเย็นลง
สรุปว่า เกลือไม่ได้ทำให้น้ำแข็งละลายช้า แต่จะทำให้น้ำแข็งเย็นจัดกว่าเดิมถึงขั้นอุณหภูมิติดลบ เลยมีผลถึงน้ำในกระติกจะเย็นจัดด้วย

แนะนำ
ในช่วงชีวิตของเบียร์ 1 ขวดนั้น............
มันจะสามารถเป็นเบียร์วุ้นได้ เพียงครั้งเดียว (ไม่ว่าจะเป็นวุ้นจากวิธีที่ 1 หรือ 2)
เมื่อกลายเป็น เบียร์วุ้นแล้ว จึงต้องรีบกินทันที เพราะถ้าปล่อยทิ้งไว้ มันจะไม่สามารถกลับไปเป็นเบียร์วุ้นได้อีกต่อไป

ส่วนตัว
โดยส่วนตัวแล้ว ผมไม่ชอบเบียร์วุ้นสักเท่าไหร่ครับ
แต่ชอบเบียร์ที่เย็นจัดๆ ก่อนที่มันจะเป็นวุ้น ... อูยยย ซู่ซ่า ได้จัย

ที่มา
มาจากหลายๆ บล๊อค หลายๆ เว็บไซท์ เอาข้อมูลมาผสม แล้วสรุปรวมๆกันครับ

Read More...


คลิป วิธีทำขนมและอาหาร 2

credit : http://clip.giggog.com/
คลิป สอนทำ เครื่องทำสายไหม แบบบ้านๆ กินเองอร่อยเอง





คลิป สอนทำอาหาร ไก่ย่างสูตรเด็ด Buffalo Chicken Wing




คลิป อาหารอร่อย สอนทำอาหาร เมนูหมูสวรรค์ชั้น 7




สอนการทำอาหาร ก๋วยเตี๋ยวราดหน้า




ข้าวห่อไข่ (ข้าวผัดไก่)




คลิปวีดีโอ สอนทำขนมเค้กด้วยไมโครเวฟ ภายในเวลา 5 นาที credit : http://sakid.com/




วิธีทำขนมวุ้นกะทิ credit : http://www.cliparhan.com/




คลิป สอนทำไอติม-ไอศกรีมทอด FRIED ICE-cream credit : http://www.cliparhan.com/




คลิป ตัวอย่างการทำสังขยาใบเตย:




คลิป การทำปาท่องโก๋:เรียนรู้การทำปาท่องโก๋ จากผู้ขายที่ชำนาญการ และมีฝีมือ




คลิป ตัวอย่างสูตรปาท่องโก๋เกลียว:




คลิป น้ำเต้าหู้ ปาท่องโก๋จิ่ว




คลิป น้ำเต้าหู้ญี่ปุ่น ปาท่องโก๋ยักษ์ Japanese Tofu




คลิป สอนการทำอาหาร ก๋วยเตี๋ยวราดหน้า (Page pour noodles) หมู่หมักไข่ขาว สูตรต้นตำรับ




คลิป สอนการทำกับข้าว ทอดมันกุ้ง Tadman shrimp สูตรต้นตำหรับ



Read More...


คลิป วิธีทำขนมและอาหาร 1


credit : http://clip.giggog.com/
คลิป วิธีทำ สตรอเบอรี่ ไดฟูกุ



คลิป วิธีทำ ทาโกยากิ



คลิป วิธีทำ เกี๊ยวซ่า



คลิป วิธีทำ มันหวาน



คลิป วิธีทำ ไอศกรีม คุ้กกี้แอนด์ครีม ครันช์



คลิป วิธีทำ สปันจ์เค้ก



คลิป เอแคลร์ ราดช็อคโกแลต



คลิป ต่างชาติถูกใจ ขนมเบื้องไทย



คลิป เดอะสตาร์6 ช่วยกันทำอาหาร



ต้มยำกุ้ง โดย Lobo



ต้มยำกุ้งนมสด



ขนมจีบ แป้งเกี๊ยว



เมนู เกี๊ยวห่อชีส



ข้าวต้มหมู



Read More...


ครัวแล้วแต่คริต ชุดที่ 4

คลิปทำอาหาร ครัวแล้วแต่คริต
credit : TV ช่อง 3






Read More...


ครัวแล้วแต่คริต ชุดที่ 3

คลิปทำอาหาร ครัวแล้วแต่คริต
credit : TV ช่อง 3





















Read More...


ครัวแล้วแต่คริต ชุดที่ 2

คลิปทำอาหาร ครัวแล้วแต่คริต
credit : TV ช่อง 3





















Read More...


ครัวแล้วแต่คริต ชุดที่ 1

คลิปทำอาหาร ครัวแล้วแต่คริต
credit : TV ช่อง 3





















Read More...


วิธีทำขนมหัวผักกาด



เป็นขนมอีกอย่างนึงที่ทำบ๊อย...บ่อย เป็นได้ทั้งอาหารจานหลักและอาหารว่าง แล้วแต่ว่าจะผัดหรือทอด

ส่วนผสม
1. หัวไชเท้าหนักประมาณ 500 กรัม
2. เห็ดหอม 2-3 ดอก
3. กุ้งแห้ง 20 กรัม
4. แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วย
5. แป้งมัน 1/3 ถ้วย
6. น้ำเปล่า/น้ำสต๊อก 1 1/3 ถ้วย
7. ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
8. ซอสปรุงรส 1 ช้อนโต๊ะ
9. น้ำตาลทราย 2 ช้อนชา
10. น้ำมันกระเทียมเจียว 1-2 ช้อนโต๊ะ
11.ถั่วลิสงต้ม ถ้าชอบ ประมาณ 1/2 ถ้วย (เราไม่ชอบเลยไม่ใส่ อิ..อิ)



วิธีทำ
1. หัวไชเท้า ขูดฝอย ๆ
2. เห็ดหอมล้างสะอาด แช่น้ำจนนิ่ม หั่นเป็นเส้น ๆ
3. กุ้งแห้งล้างสะอาด แช่น้ำจนนิ่ม สะเด็ดน้ำ
4. เจียวกระเทียมเตรียมไว้


5. หัวไชเท้าขูด ใส่เกลือลงไป 1 ช้อนชา ขยำ ๆๆๆ คั้นน้ำออก ใส่น้ำลงไปเพื่อล้างความเค็ม ซัก 2 รอบ ครั้งสุดท้ายเทใส่ผ้าขาวบางคั้นน้ำออกให้มากที่สุด (ไม่อย่างงั้นส่วนผสมจะเหลว)


6. ใส่เครื่องปรุงลงไป คลุก ๆ ๆ ให้เข้ากัน


7. ใส่แป้งลงไป คลุก ๆๆๆ ให้เข้ากัน


8. ค่อย ๆ รินน้ำลงไป ระหว่างรินก็คน ๆๆๆๆ ไปด้วย จนส่วนผสมเข้ากันดี


9. ใส่กุ้งแห้ง เห็ดหอม (ถั่วลิสงต้ม) ลงไป คลุกๆๆให้เข้ากัน




10. ขั้นตอนสุดท้ายในการผสม ใส่น้ำมันกระเทียมเจียวลงไป คนให้เข้ากัน




11. ตักใส่ถาดที่ทาน้ำมันบาง ๆ เตรียมไว้แล้ว


12. นึ่งไฟแรง ประมาณ 20-30 นาที แล้วแต่ความหนาของถาด


13. ผึ่งให้เย็นสนิท ถ้ายังไม่ทานเก็บใส่กล่อง แช่ตู้เย็น


ถ้าจะทานแบบทอด ก็หั่นเป็นชิ้น ๆ กว้าง 1 นิ้ว ยาว 2 นิ้ว ทอดไฟปานกลาง จนเหลืองทุกด้าน รับประทานกับน้ำจิ้ม


สูตรน้ำจิ้มแบบทำง่าย ๆ
1.พริกแดง/ส้ม ตำ 1 ช้อนโต๊ะ
2. น้ำส้มสายชู 3 ช้อนโต๊ะ
3. ซีอิ๊วดำหวาน 3 ช้อนโต๊ะ
ใส่ทุกอย่าง คน ๆๆๆ รวมกัน ชิมรสตามชอบ


จัดใส่จานพร้อมเสิร์ฟ


หรือจะรับเป็นแบบผัดดีคะ

credit : http://gang-meao.bloggang.com

Read More...


วิธีทำขนมกู๋ช่ายแบบถาด



ปรกติก็ชอบซื้อกินอยู่เหมือนกัน แต่ทำเองไม่เคยได้เรื่องซะที พอดีไปเห็นในบล็อคของเชพอุ๋มอิ๋ม เกิดแรงบันดาลใจ ของลองทำใหม่อีกที ผลออก็มาก็ถือว่าค่อนข้างพอใจ แต่รสขาดยังไม่เหมือนที่เค๊าขายซะทีเดียว

ส่วนผสม
1. ต้นกู๋ช่าย 500 กรัม
2. แป้งข้าวจ้าว 1 ถ้วย
3. แป้งมัน 1/4 ถ้วย
4. น้ำ 1 ถ้วย
5. เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
6. น้ำตาลทราย 2 ช้อนชา
7. กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ

ล้างต้นกู๋ช่ายให้สะอาด หั่นเป็นท่อน 1/2 ซม. ใส่ตะแกรงสะเด็ดน้ำ พักไว้




นำกระเทียมมาสับให้ละเอียด




ใส่น้ำมันในกระทะเล็กน้อย ไฟปานกลาง


ใส่กระเทียมสับลงไป


เจียวกระเทียมให้เหลืองหอม


เทต้นกู๋ช่ายลงไปผัด เร่งไฟแรง


ผัดเร็ว ๆ พอผักเริ่มสลด ปรุงรสด้วยเกลือ น้ำตาล ผัดให้เข้ากัน ปิดไฟ ยกลงจากเตา


เทใส่ชามหรือกะละมัง พักไว้


ตวงแป้งทั้ง 3 อย่างรวมกันใส่ชามอีกใบ


ตวงน้ำ 1 ถ้วย


ค่อย ๆ รินน้ำลงไปแป้ง ใช้ช้อนหรือพายยางคนให้เข้ากัน(อย่าเทน้ำลงไปทีเดียวหมด แป้งจะเป็นเม็ด)


รินน้ำลงไปเรื่อย ๆ จนหมด คนจนเข้ากันดี


นำไปเทใส่ในชามกู๋ช่าย


คนให้เข้ากัน


ถาดที่จะใช้นึ่ง ทาน้ำมันบาง ๆ จัดการเทส่วนผสมลงไปให้เกือบเต็มถาด


นำไปนึ่งไฟแรงประมาณ 20-25 นาที


พอขนมสุก ยกลงจากเตา ผึ่งให้เย็น


พอขนมเย็นสนิท ก็แซะออกจากถาด


ก่อนจะทอด ก็จัดการหั่นเป็นชิ้น ๆ ขนาดตามใจชอบ


ทอดในน้ำมันร้อน ๆ ไฟปานกลาง ขนมจะกรอบนอกนุ่มใน(อย่ากลับบ่อย ขนมจะเละ)


จัดใส่จาน รับประทานกับน้ำจิ้ม


สูตรน้ำจิ้มแบบทำง่าย ๆ1.พริกแดง/ส้ม ตำ 1 ช้อนโต๊ะ
2. น้ำส้มสายชู 3 ช้อนโต๊ะ
3. ซีอิ๊วดำหวาน 3 ช้อนโต๊ะ
ใส่ทุกอย่าง คน ๆๆๆ รวมกัน ชิมรสตามชอบ


จัดใส่จานพร้อมเสิร์ฟ


หรือจะรับเป็นแบบผัดดีคะ

credit : http://gang-meao.bloggang.com

Read More...




----------------

ปรับปรุง
รายการบทความทั้งหมด



การบำรุงรักษารถยนต์เบื้องต้น



ร้านค้าเคลื่อนที่ ใช้ รถบรรทุกขนาดเล็กมาดัดแปลง



รวมบทความอาชีพ เสริม หลากไอเดียวิธีหารายได้เสริม



รวมบทความงานฝีมือ-สิ่งประดิษฐ์ รายได้เสริม



ทองม้วน thong muan ; rolled wafer





MASK รุ่นสายคล้องคอ







MASK รุ่นสายคล้องคอ. ��รุ่นนี้เป็นที่นิยมใช้กันมาก #ขายดีมาก
ทำจากผ้าคอตตอนแท้ 100%  ไม่ผสม เนื้อผ้านุ่ม 
3 ชั้น. สวมใส่พอดีกับใบหน้า ไม่เจ็บหู มีสายคล้องคอปรับได้
เวลาถอดออก ไม่ต้องกลัวลืม เพราะถอดแล้วคล้องคอไว้ได้
บรรจุในถุงซิปฟรอย์อย่างดี
ราคาชิ้นละ. 59. บาท. ไม่รวมส่ง 
มีหลายสีให้เลือกนะคะ   สนใจทักแชทขอดูสีผ้าได้นะคะ
หน่วยงาน บริษัท ห้างร้าน หรือ สนใจสั่งไปจำหน่าย 
มีเรทราคาส่งค่ะ

-> id line : noeyhorm_06
#มีวางจำหน่ายหน้าร้านชานมไต้หวันมาราชาสาขาจรัญ44


ร้านมาราชาชานมไข่มุก สาขาจรัญสนิทวงศ์ 44
● รับบัตรสะสมครบ 10 แก้ว แลกรับฟรี 1 แก้ว
● สั่งเดลิเวอรีผ่าน LINE MAN, Foodpanda ,GET ...ถึงมือปั๊บพร้อมดื่มปุ๊บ!
● อัพเดทโปรโมชั่นใหม่ๆ รสชาติใหม่ ตลอดเวลา
● มีเมนูให้เลือก 40 กว่าเมนู : https://bit.ly/2Z9iqV0






























































เลือกช่องทางติดต่อและรับข่าวสารบริการหลังการขาย
ฟอร์ด พลปิยะอยุธยาและฟอร์ด พลปิยะวังน้อย

--------------------------------------------------------------------------------------------
แคมเปญ-โปรโมทชั่น อะไหล่ฟอร์ด อัพเดททางออนไลน์และปรับปรุงข้อมูลออนไลน์
อะไหล่ฟอร์ด อะไหล่รถฟอร์ด อะไหล่รถยนต์ฟอร์ด อะไหล่ฟอร์ดแท้ ร้านขายอะไหล่รถฟอร์ด ขายอะไหล่รถฟอร์ด อะไหล่ฟอร์ด
 
Option

รวมบทความอาชีพเสริม หลากไอเดียวิธีหารายได้เสริม หาอาชีพเสริมอิสระทำเงิน สร้างอาชีพอิสระงานฝีมือ แนะนำการสร้างรายได้เสริมทำเงินด้วยการขายสินค้าหรือขายของเป็นอาชีพเสริม อิสระงานฝีมือ แนะแนวธุรกิจ อาชีพเสริม อาชีพแก้จน อยากจะมีรายได้เสริมนอกเหนือจากงานประจำ บล๊อกจัดทำขึ้นเป็นวิทยาทานเพื่อเผยแผ่ความรู้อันจะเป็นไปเพื่อบุญกุศล ขอให้ทุกท่านที่มีส่วนร่วมในบทความของบล๊อกนี้ จงได้รับอานิสงฆ์ด้วยเทอญ.