สูตรขนม สูตรอาหาร อาชีพรายได้เสริม ประกาศฟรี โฆษณาฟรี Career Articles Extra Income
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

Drop Down MenusCSS Drop Down MenuPure CSS Dropdown Menu

ขนมปังชีส : Cheese Bread


โหลๆ เพื่อนๆ กลับมาแล้วค่า หลังจากไปตระเวนเที่ยวทางใต้ของเยอรมนี รวมทั้งเลยไปเที่ยวออสเตรียด้วย กลับมาก็เหนื่อย หมดสภาพ ปวดเมื่อยเนื้อตัวไปหมดเพราะไปขึ้นๆ ลงๆ เขามาตั้งหลายลูก แต่ก็สนุกและประทับใจมากๆ ค่ะ ไว้ขยันเมื่อไหร่จะย่อรูปมาแปะบล็อกพาเพื่อนๆ เที่ยวนะคะ 

หลังจากหายไปหลายวัน พอกลับมาลงมือทำขนมปังชีสของโปรดของคนในครอบครัว (จริงๆ ก็มีกันอยู่แค่สองคนล่ะค่ะ พูดเหมือนมีหลายคนเลยเนอะ แหะๆ)  ขนมปังชีสนี้เมื่อก่อนเราเคยซื้อที่ร้านกินแล้วชอบมาก ก็เลยพยายามทำเลียนแบบ มั่วสูตรเหมือนเดิม ปรับเปลี่ยนไปเรื่อยเปื่อย ทำกี่ครั้งผลก็ออกมาต่างกันทุกครั้ง อร่อยทุกครั้งแต่ไม่เหมือนกับที่ร้านสักครั้ง งงมั้ยคะ  จนเมื่อวานนี้ปรับสูตรใหม่อีกรอบ คราวนี้รสชาติออกมาใกล้เคียงกับที่ร้านมาก แต่คนที่บ้านบอกว่าอร่อยกว่า เราก็นะ ... อย่ากระนั้นเลย นำมาแปะบล็อกเผื่อเพื่อนๆ ดีกว่า มาดูสูตรกันเลยค่ะ สูตรนี้สำหรับ 3 คนกำลังดีนะคะ

ส่วนผสม  สำหรับขนมปัง 6 ชิ้น
  • แป้งขนมปัง 250 กรัม
  • ยีสต์สด 15 กรัม (ยีสต์แห้ง 5 กรัม)
  • นมสดอุ่น 170 กรัม
  • น้ำตาลทราย 15 กรัม
  • เกลือป่น 3 กรัม (2/3 ชช.)
  • เนยสด (ก) 10 กรัม
  • ชีสขูด (ก) (Emmenthal) 50 กรัม
  • เนยสด (ข) 10 กรัม
  • ชีสขูด (ข) (Emmenthal) 30 กรัม  สำหรับโรยหน้า
วิธีทำ


ใส่ยีสต์กับน้ำตาลทรายในนมสด คนจนยีสต์ละลายหมดก็เทใส่อ่างผสม ใส่แป้ง เกลือ และเนยสด (ก) ลงไป นวดส่วนผสมรวมกันจนแป้งเนียนมือและหลุดจากขอบอ่างได้อย่างง่ายดาย ใส่ชีสขูด (ก) ลงไปนวดให้เข้ากัน  แล้วรวบแป้งเป็นก้อนกลม พักไว้ในที่อุ่น 60 นาที หรือจนกว่าแป้งจะขึ้นสองเท่า 

จากนั้นนำแป้งมาคลึงไล่ลมประมาณ 2 นาทีแล้วตัดแบ่งเป็น 6 ก้อนเท่าๆ กัน คลึงกลมแล้วใช้ผ้าคลุมพักไว้ให้แป้งยืดหยุ่นดีอีกประมาณ 20 นาทีค่ะ  เมื่อครบ 20 นาทีแล้วนำแป้งมาแผ่เป็นแผ่นกลมๆ แบ่งเนยสด (ข) มานิดหน่อย วางบนริมแป้งด้านบน ตลบริมแป้งทับเนย แล้ววางเนยบนแป้งอีกรอบ รวบแป้งทับเนย แล้วคลึงเป็นรูปรักบี้ (อธิบายไม่เก่ง ดูรูปเอาแล้วกันนะคะ) จากนั้นก็วางบนถาดที่ปูกระดาษไขไว้ กดแป้งให้แบนเล็กน้อย เอาผ้าหรือพลาสติกคลุมกันลมไว้ด้วยค่ะ พักแป้งในที่อุ่นให้ขึ้นอีกประมาณ 30 นาทีหรือจนแป้งขึ้นประมาณเท่าครึ่งค่ะ


อุ่นเตาอบ 200 องศาเซลเซียส หาภาชนะทนความร้อนใส่น้ำร้อนประมาณ 300 มล. วางบนพื้นเตาอบด้วยค่ะ ระหว่างที่รอเตาอบร้อนก็ใช้แปรงขนนุ่มๆ ชุบนมสดทาผิวขนมให้ทั่ว (แต่วันนี้เราทาไข่ค่ะ พอดีมีไข่เหลือจากทำครัวซอง  สรุปว่าจะทาอะไรก็ได้เหมือนกันค่ะ)  แล้วโรยหน้าด้วยชีสขูด (ข)  เมื่อเตาอบร้อนก็นำเข้าอบ โดยวางตรงชั้นกลางของเตา ใช้เวลาอบประมาณ 20 นาทีจนขนมปังสุกสีสวยค่ะ (ถ้าอบลมร้อนก็ลดไฟเหลือ 180 องศาเซลเซียสนะคะ)


เมื่อขนมปังสุกก็นำออกจากเตาอบ นำออกจากถาดอบ วางไว้บนตะแกรงจนขนมปังเริ่มอุ่นก็สำเร็จโทษได้เลยค่ะ ขนมปังนี้เปลือกจะนุ่มแต่กรอบ เอ๊ะ! ยังไง  ข้างในจะนุ่มมมมม กัดทีจะนุ่มหยุ่นยวบยาบ อารมณ์คล้ายกับกินครัวซองตอนอุ่นๆ นิดๆ ยิ่งเจอชีสกรอบๆ บนหน้าขนมปังเข้าไปอีก อร่อยมากๆ ไม่เชื่อต้องลองค่ะ 


กัดให้ดูด้านในค่ะ ขนมปังนี้กินตอนที่ยังอุ่นอยู่อร่อยที่สุด หากใครกินไม่หมด วันรุ่งขึ้นก็นำไปอุ่นบนเครื่องปิ้งขนมปังได้ค่ะ รสชาติอาจจะไม่อร่อยเท่าตอนอบสดๆ ร้อนๆ แต่ก็ใกล้เคียงมาก ลองดูนะคะ


credit : ภาพและสูตรอาหารและขนม © http://varithorn.blogspot.com

Read More...


กะหรี่พัฟ : Curry Puff

กะ หรี่พัฟ ขนมกินเล่น 3 ชาติคือไทย มาเลเซีย และสิงคโปร์ แต่จริงๆ แล้วต้นกำเนิดของกะหรี่พัฟ (Karipap) มาจากมาเลเซียค่ะ ภาษาไทยเราเรียกเหมือน ต้นฉบับเลย ส่วนชื่อที่รู้จักกันเป็นสากลคือ Curry Puff แต่ไม่ว่าจะเรียกยังไงกะหรี่พัฟก็เป็นของกินเล่นที่หลายๆ คนโปรดปราน จริงมั้ยคะ ว่าแล้วเราก็มาดูกัน ดีเลยว่ากว่าจะได้กะหรี่พัฟอร่อยๆ มากินเนี่ยต้องผ่านขั้นตอนไหนบ้าง

ส่วนผสมไส้ไก่ สำหรับกะหรี่พัฟประมาณ 30 ตัว
  • หอมหัวใหญ่ 1 หัว
  • อกไก่ 250 กรัม
  • มันฝรั่ง 250 กรัม
  • เนยสด 1 1/2 ชต.
  • น้ำตาลทราย 30 กรัม
  • ซีอิ้วขาว 1 1/2 ชต.
  • ผงกะหรี่ 1/2 ชต.
  • พริกไทย 1 ชช.
  • เกลือ 1/4 ชช.
วิธีทำ
หัวหอมใหญ่ปอกเปลือกแล้วหั่นเต๋าเล็ก อกไก่ล้างให้สะอาด หั่นเป็นลูกเต๋าเล็กๆ มันฝรั่งปอกเปลือกแล้วหั่่นเต๋าเล็กๆ เช่นกันค่ะ




นำกระทะตั้งไฟ ใส่เนยลงไปในกระทะ พอเนยละลายหมดใส่หอมหัวใหญ่ลงผัดพอส่งกลิ่นหอม ใส่ไก่และมันฝรั่งลงไปผัดรวมกัน พอไก่สุกก็ใส่น้ำตาลทราย ซีอิ้วขาว ผงกะหรี่ พริกไทย และเกลือลงไปผัดให้เข้ากัน ชิมรสตามชอบ (ควรปรุงรสให้จัดไว้ก่อนนะคะ เพราะพอทานรวมกับแป้งรสชาติจะได้พอดีไม่อ่อนเกินไปค่ะ) ผัดต่อไปเรื่อยๆ จนมันฝรั่งสุกและน้ำแห้งดีก็ตักขึ้น พักไว้ให้เย็นค่ะ 

ส่วนผสมไส้แอ๊บเปิ้ลกวน สำหรับกะหรี่พัฟประมาณ 30 ตัว
  • แอ๊บเปิ้ลเปรี้ยว 400 กรัม
  • น้ำมะนาว 1/2 ชต.
  • น้ำตาลทราย 100 กรัม
  • เกลือ 1/4 ชช.
  • อบเชยป่น 1/2 ชช.
วิธีทำ
ปอก เปลือกแอ๊บเปิ้ลออกให้หมดแล้วขูดเป็นเส้นๆ ใส่ในหม้อ (เหมือนรูปข้างบนค่ะ) แล้วใส่น้ำมะนาว น้ำตาลทราย และเกลือตามไป นำหม้อขึ้นตั้งไฟ คนเป็นครั้งคราวจนน้ำเริ่มแห้ง ใส่อบเชยคนให้เข้ากัน กวนต่อไปจนน้ำแห้งหมด ปิดไฟ พักไว้ให้เย็นค่ะ



ส่วนผสมแป้งชั้นนอก สำหรับกะหรี่พัฟประมาณ 30 ตัว
  • แป้งอเนกประสงค์ 240 กรัม
  • น้ำตาลทราย 20 กรัม
  • เกลือ 1/2 ชช.
  • น้ำปูนใส 50 กรัม
  • น้ำเย็นจัด 2 ชต.
  • น้ำมันพืช 50 กรัม
วิธีทำ

ใส่แป้งในอ่างผสมทำบ่อตรง กลาง ส่วนน้ำตาลทราย, เกลือ, น้ำปูนใส และน้ำเย็นผสมรวมกัน คนพอน้ำตาลละลายจึงเทใส่อ่างแป้ง ตามด้วย น้ำมันพืช ใช้มือเคล้าให้ส่วนผสมจับตัวกันแล้วนวดจนแป้งเนียน จากนั้นแบ่งแป้งเป็น 10 ส่วนเท่าๆ กัน (หนักประมาณก้อนละ 40 กรัมค่ะ) แล้ว ปั้นเป็นก้อนกลม พักไว้ก่อนค่ะ
ส่วนผสมแป้งชั้นใน
  • แป้งอเนกประสงค์ 120 กรัม
  • น้ำมันพืช 50 กรัม
วิธีทำ

ใส่แป้งในอ่างผสมทำบ่อตรง กลาง ใส่น้ำมันพืชลงในบ่อแป้ง ใช้มือเคล้าให้ส่วนผสมจับตัวกันแล้วนวดจนแป้งเนียน จากนั้นแบ่งแป้งเป็น 10 ส่วน เท่าๆ กัน (หนักประมาณก้อนละ 20 กรัมค่ะ) แล้วปั้นเป็นก้อนกลม พักไว้ก่อนค่ะ

เมื่อ ได้แป้งทั้งสองชั้นแล้ว จัดการนำแป้งชั้นนอกมาแผ่แบนๆ วางแป้งชั้นในตรงกลาง รวบริมแป้งชั้นนอกหุ้มแป้งชั้นในให้มิด พักแป้งไว้ประมาณ 20 นาที หลังจากพักแป้งครบเวลาแล้วก็นำแป้งมาคลึงขึ้นลงตามแนวตั้ง จากนั้นก็ม้วนแล้วคลึงและม้วนอีกครั้งก่อนตัดแบ่งแป้งแต่ละก้อนเป็น 3 ส่วนเท่าๆ กัน


เริ่ม ห่อโดยจับแป้งที่ตัดไว้มาคว่ำให้ส่วนที่เป็นลายสวยอยู่ข้างล่างแล้วคลึงเป็น แผ่นกลมๆ ใส่ไส้ตรงกลางแป้ง พับริมแป้งบนล่างเข้าหากัน บีบแป้งให้ติดกันดี จากนั้นจับริมแป้งโดยบิดพับไปเรื่อยๆ เหมือนเกลียวเชือกค่ะ


เมื่อ ห่อเสร็จแล้วก็นำเนยขาวหรือน้ำมันพืชใส่หม้อหรือกระทะขึ้นตั้งไฟเตรียมทอด ค่ะ การทอดกะหรี่พัฟนี้ควรทอดด้วยไฟกลางค่อนข้างอ่อน แต่น้ำมันต้องร้อน ทอดจนแป้งสีเหลืองสวย ใส่ไขมันสำหรับทอดเยอะหน่อยนะคะ ถ้างกน้ำมันก็จะได้กะหรี่พัฟกระดำกระด่าง ทอดเสร็จแล้วก็ตักขึ้นวางบนกระดาษเพื่อซับน้ำมัน ผิวขนมจะได้แห้งไม่มันเยิ้ม ไม่น่ากินแล้วก็ทำให้เลี่ยนด้วยนะคะ


นี่ไส้ไก่ค่ะ อร่อยถูกใจมากๆ แป้งกรอบกิ๊ก ไส้อร่อยสุดยอด เผลอกินไปตั้งหลายตัวแน่ะ เรา ทำไส้ให้ออกหวานๆ เค็มๆ เผ็ดนิดๆ แล้วก็หอมผงกะหรี่มากๆ และถ้าอยากรู้ว่าแป้งกรอบ แค่ไหนก็สังเกตดูที่เปลือกได้ค่ะ มันกรอบจริงๆ ให้ตายจิ


ไส้ ครีมข้าวโพด อร่อยเหมือนกันค่ะ แต่ว่าคนทำอร่อยอยู่คนเดียว ไม่รู้ทำไมฝรั่งแถวนี้ไม่ค่อยชอบกินข้าวโพดก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ เพราะคนไม่นิยมกินเลยหาข้าวโพดสดๆ กินยาก งานนี้ก็ต้องพึ่งข้าวโพดกระป๋องค่ะ



และ นี่ไส้แอ๊บเปิ้ลกวน เป็นไส้ที่คนแถวๆ นี้โปรดปรานมาก ไส้ไก่เค้าก็ชอบกินกันค่ะ แต่จะปลื้มไส้แอ๊บเปิ้ลกวนมากกว่า ส่วนเราก็ชอบทั้งสองไส้เลยค่ะ ใครชอบกินกะหรี่พัฟต้องลองค่ะ ทำไม่ยากเลยค่ะ ทำกินเองอร่อยกรอบกว่าซื้อเค้าเยอะเลยค่ะ


  
   
   credit : ภาพและสูตรอาหารและขนม © http://varithorn.blogspot.com

Read More...


ไข่ยัดไส้ : stuffed omelette


ไข่ยัดไส้ เป็นอาหารจานโปรดของเราตั้งแต่เด็กจนแก่ เอ๊ย! จนถึง ทุกวันนี้เลยค่ะ กินได้กินดี ไม่มีเบื่อเลยค่ะ

เครื่องปรุงโดยประมาณ สำหรับรับประทาน 2 คน
1. หมูสับ 60 กรัม
2. กุ้งสับ 40 กรัม
3. กระเทียมกลีบเล็ก 2-3 กลีบ
4. แครอท 1 หัว
5. มะเขือเทศ 1 ลูก
6. พริกหวานสีเขียว 1/4 ลูก
7. หอมหัวใหญ่ 1/2 หัว
8. ซอสมะเขือเทศ 2 ชต.
9. น้ำปลา 1 ชต.
10. น้ำมันหอย 1 ชต.
11. พริกไทยป่น
12. น้ำมันพืช
13. ไข่ไก่ 2 ฟอง

วิธีทำ

1. กระเทียมปอกเปลือก ตำหรือสับละเอียด หั่นแครอท พริกหวาน หอมหัวใหญ่ และมะเขือเทศเป็นลูกเต๋าเล็กๆ เอาไว้ค่ะ
2. กระทะตั้งไฟกลาง ใส่น้ำมันพืชลงไป พอน้ำมันร้อนใส่กระเทียมเจียวพอหอม นำหมูลงผัด พอหมูเปลี่ยนสี ใส่กุ้งสับลงไปคนๆ หน่อย ก็ใส่ผักที่หั่นไว้ลงไปคนให้เข้ากัน
3. ใส่ซอสมะเขือเทศ น้ำปลา น้ำมันหอยและพริกไทย ชิมรสตามชอบ คนเป็นระยะประมาณ 4-5 นาที พอมะเขือเทศเปื่อยดีก็ตักออกใส่ถ้วยพักไว้ก่อน

4. นำไข่มาตีพอเข้ากัน แล้วนำกระทะอีกใบตั้งไฟกลางค่อนข้างอ่อน ทาน้ำมันพืชบางๆ ให้ทั่วกระทะ พอร้อนก็ใส่ไข่ลงไป เอียง กระทะวนไปเรื่อย ๆ จนไข่เป็นแผ่นบาง ๆ เต็มกระทะ พอไข่สุกและขอบเริ่มร่อนออกจากกระทะ ก็ใส่ไส้ที่ผัดเตรียมไว้ลงไป พับแผ่นไข่ทั้งสี่ด้านเข้าหากัน ตักใส่จานเสิร์ฟได้เลยค่ะ

แหวกให้ดูโฉมหน้าด้านในหน่อยค่ะ หน้าตาก็ออกมาประมาณนี้แหละ


credit : ภาพและสูตรอาหารและขนม © http://varithorn.blogspot.com
 

Read More...


ไข่กระทะ 2 สูตร

ไข่กระทะ,สูตรอาหาร

ไข่กระทะ เมนู 'ทำเงินรับอรุณ'
การเปิดร้านขายเครื่องดื่ม-ร้านกาแฟในยุคปัจจุบัน จะทำให้ประสบผลสำเร็จนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย
แต่ก็ไม่ยากจนเกินไป ถ้ามีจุดขายที่เด่นและน่าสนใจ ซึ่งแต่ละร้านก็ต้องพยายามหาสิ่งที่ช่วยดึงดูดลูกค้า
เพื่อเป็นเอกลักษณ์ของร้าน เพื่อเรียกลูกค้าเข้าร้านให้มาก ๆ
และสำหรับรายที่ทีมงาน “ช่องทางทำกิน” นำมาเสนอกันในวันนี้...คือ “ไข่กระทะ”

พรทิพย์ อั่นใจเอก เจ้าของร้าน เล่าให้ทีมงานฟังว่า จบปริญญาตรีจากสถาบันราชภัฏสวนดุสิต
แล้วเรียนหาความรู้เพิ่มเติมด้านการตลาดที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ก่อนเข้าสู่การทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือน
ที่บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ และบริษัทเครื่องสำอาง แต่ต่อมา เพราะความจำเจของงานประจำจึงเกิดความเบื่อ
ต้องการเป็นเจ้าของธุรกิจดูบ้าง จึงลาออกมาเพื่อตามฝันของตัวเอง

“เปิดร้านขายน้ำชา-กาแฟโบราณมาหลายปีแล้ว เล็งเห็นว่า
ปัจจุบันคนนิยมบริโภคกาแฟกันมาก รวมถึงตัวเองด้วย เรื่องฝีมือไม่ต้องห่วง
เพราะครอบครัวเคยเปิดร้านขายกาแฟมาหลายรุ่น แต่ร้านขายกาแฟตอนนี้มีอยู่เยอะมาก ก็มานั่งคิด
ว่าจะทำวิธีไหน เพื่อเรียกลูกค้าเข้าร้านให้มาก ก็คิดว่าพฤติกรรมคนไทยเช้า ๆ จะไม่ทานกาแฟอย่างเดียว
เราก็น่าจะเพิ่มอาหารเช้า 2-3 อย่าง ให้แปลกและแตกต่างไปจากร้านอื่นในพื้นที่ใกล้เคียง
จึงใช้เหตุผลนี้เพิ่มรายการอาหารเข้ามา และก็เป็นที่มาของเมนูไข่กระทะ”

พรทิพย์บอกว่า “ไข่กระทะ” สูตรที่ทำขายเป็นสูตรประยุกต์ไม่เหมือนต้นฉบับ
ซึ่งเธอเองก็เป็นคนชอบทานไข่กระทะ และได้ไปทานมาหลายที่ หลายจังหวัด แต่ละที่ก็ทำไม่ต่างกันเท่าไหร่
จะไม่เหมือนกันก็ตรงวัตถุดิบ ที่อาจต่างกันไปบ้างตามแต่ละท้องถิ่น

ในการทำขายของเธอ วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ก็มี
เตาแก๊ส, เตาปิ้งขนมปัง, กระทะธรรมดา และกระทะเล็กขนาดปากกว้าง 6 นิ้ว, คีมคีบ, มีด, เขียง,
ผ้าสำหรับจับกันความร้อน, ฝาสำหรับปิดกระทะ และถาดขนาดเล็ก

ส่วนวัตถุดิบที่ใช้ก็จะมี
ขนมปัง, ไข่ไก่, หมูยอ, หมูสับ, แฮม, ไส้กรอก, กุนเชียง, เนยสด, ต้นหอม, น้ำมันพืช,
พริกไทยป่น, ซอสมะเขือเทศ ซอสศรีราชา และซอสปรุงรส เป็นต้น

วิธีทำ
เริ่มจากนำกระทะตั้งไฟให้พอร้อน ใส่เนยและน้ำมันพืชนิดหน่อยลงไป ใส่หมูสับลงไปรวนให้สุก
ปรุงรสตามชอบ ตักขึ้นตั้งพักไว้

นำหมูยอ, กุนเชียง และไส้กรอก ลงทอดในน้ำมันน้อย ๆ พอให้สุกผิวตึง ตั้งพักไว้สักครู่
นำมาหั่นเฉียงเป็นชิ้นขนาดพอสวยงาม ใส่ภาชนะพักไว้

ต้นหอมก็ล้างสะอาดหั่นเป็นชิ้นเล็ก แฮมหั่นเป็นเส้น ๆ เตรียมไว้

เมื่อต้องการจะทำเป็น “ไข่กระทะ” ก็นำกระทะขนาดเล็กที่ล้างสะอาดแล้วตั้งบนเตา ใช้ความร้อนปานกลาง
พอกระทะร้อนตักเนยประมาณ 1 ช้อนโต๊ะใส่ลงไป พอเนยละลาย ใช้ช้อนช่วยเกลี่ยเนยให้ทั่วกระทะ

จากนั้นนำไข่ไก่ 2 ฟอง ตอกใส่ลงไปในกระทะที่ร้อนพอประมาณ
ใช้คีมคีบจับหูกระทะเทละเลงไข่ไก่ให้ทั่วกระทะ นำหมูสับที่รวนสุกเตรียมไว้แล้วใส่ตามลงไป
ตามด้วยหมูยอ, กุนเชียง และไส้กรอกที่เตรียมไว้

ใช้ช้อนช่วยกดให้วัตถุดิบทั้งหมดจมลงไปในไข่เล็กน้อย ใช้ฝาปิดอบทิ้งไว้ประมาณ 2-3 นาที
หรือให้ไข่สุกตามความต้องการ เสร็จแล้วก็โรยหน้าด้วยแฮม, ต้นหอม และพริกไทย

เท่านี้ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย พร้อมจะเสิร์ฟกับซอสมะเขือเทศ และซอสพริกศรีราชา

แต่ที่เป็นของคู่กันก็คือ “ขนมปัง” โดยนำขนมปังหัวกะโหลกมาเลื่อยหั่นเป็นชิ้น หนาประมาณ 1 นิ้ว
ปิ้งด้วยไฟอ่อน ๆ หมั่นกลับด้าน พอให้ขนมปังพอเหลือง และมีกลิ่นหอมกรุ่น ก็เป็นอันใช้ได้

ที่ร้านของพรทิพย์นั้น นอกจากจะขายชา กาแฟร้อน ๆ และเครื่องดื่มเย็น ๆ ที่หลากหลาย
อาทิ นมเย็น, นมน้ำแดง, กาแฟเย็น, โกโก้เย็น, ชาเย็น, ชามะนาว, น้ำมะนาว, น้ำมะนาวโซดา,
บ๊วยมะนาว, น้ำสิงคโปร์, น้ำเขียวโซดา, บลูเบอรี่ปั่น, สตรอเบอรี่ปั่น, ลูกพรุนปั่น, ชาเขียวปั่น ฯลฯ
แล้ว...ก็ได้เมนูอาหารเช้าอย่าง “ไข่กระทะ” มาช่วยสร้างรายได้อีกทาง
และนอกจากนี้ก็ยังมี ข้าวต้มกระดูกหมู และขนมปัง...นม-เนย, เนย-สังขยาใบเตย, เนย- ช็อกโกแลต,
เนย-นมข้นหวาน, เนย-แยมส้ม/สตรอเบอรี่ และน้ำพริกเผา ซึ่งก็เป็นที่นิยมของลูกค้าเช่นกัน

พรทิพย์เปิดร้านขายอยู่ที่ซอยเฉยพ่วง ถนนพหลโยธิน เขตจตุจักร กรุงเทพฯ
ใครสนใจจะไปชิมรสชาติ “ไข่กระทะ” หรืออื่น ๆ ร้านนี้เขาใช้กลยุทธ์การขายแบบ “ครบเครื่อง”
ซึ่งก็ถือ “เป็นจุดดึงดูดลูกค้า” ที่ได้ผลดี

เชาวลี ชุมขำ : รายงาน




ไข่กระทะ,สูตรอาหาร

ไข่กระทะ

วันนี้ผมจะชวนท่านผู้อ่านทำอาหารเช้า แทนที่จะเป็นกับข้าวในสำรับมื้อเย็นอย่างที่เคย
เป็นตำรับที่ผมปรับปรุงเรื่อยมาเป็นลำดับจากการไปชะโงกดูร้านเจ้าอร่อยทำขายเมื่อยี่สิบปีก่อน
จนถือเป็นสูตร "หนานคำ" ก็คงจะได้ ส่วนขนมปังกระเทียมคนยากนั้น จำมาจากฝีมือของคุณ "นิลกังขา"

เครื่องปรุง
ไข่ไก่ตามจำนวนคนกิน เนยจืด 1-2 ก้อน
หมูบด 3 ขีด
กุนเชียง 1 ข้าง
หมูยอปริมาณเท่ากับกุนเชียง
หอมหัวใหญ่ 1 หัว
ซอสหอยนางรม
ซอสถั่วเหลือง
ซีอิ๊วขาว
พริกไทยป่น
ผักชีต้นใหญ่หน่อยสัก 3 ต้น
กระเทียม พริกไทยเม็ด น้ำตาลทราย เกลือป่น ขนมปังฝรั่งเศส

อุปกรณ์พิเศษ คือ กระทะลูกเล็กๆปากกว้างประมาณ 6-8 นิ้วฟุตสักครึ่งโหล
กับถาดหรือฝาหม้ออะลูมิเนียมขนาดใกล้เคียงกันพอใช้ปิดกระทะได้


วิธีทำหน้าไข่กระทะ
1. ปอกหอมหัวใหญ่ล้างให้สะอาดหั่นเป็นชิ้นลูกเต๋าเล็กๆ เช่นเดียวกับกุนเชียงและหมูยอ


2. ตั้งกระทะประจำครัวใช้ไฟกลางค่อนข้างอ่อน ตัดเนยใส่ลงไปสัก 1 ใน 4 ก้อน
พอเนยละลายใส่หอมหัวใหญ่ที่หั่นไว้ลงไปผัดจนนิ่ม

3. เร่งไฟให้แรงขึ้นใส่หมูบดลงไปผัดรวมกับหอมหัวใหญ่ ตวงซอสหอยนางรม ๑ ช้อนคาวลงไปผัดให้เข้ากัน

4. พอหมูบดใกล้สุก ใส่กุนเชียงและหมูยอลงไปผัด เติมน้ำสะอาดลงไปเล็กน้อย
ปรุงรสเพิ่มด้วยซอสถั่วเหลือง ซีอิ๊วขาว และ น้ำตาลทรายนิดหน่อย

5. ชิมรสอีกครั้งเค็มน้อยๆ ไม่หวาน โรยพริกไทยป่นตามชอบ ผัดเคล้าให้เข้ากันตักขึ้นใส่ชามปากกว้างพักไว้

วิธีทำ ไข่กระทะ
1. ตั้งกระทะลูกเล็กใช้ไฟกลาง ตัดเนยก้อนเท่าหัวแม่มือใส่ลงไป
รอจนเนยละลายกลายเป็นน้ำมันร้อนดีแล้ว ต่อยไข่ไก่ลงไปในกระทะ ๑ ฟอง

2. ใช้ตะหลิวเขี่ยไข่แดงให้แตก ตักหน้าที่ผัดไว้แล้ว 1 ช้อนคาวพูนๆหรือมากกว่านั้นใส่ลงไปด้านบน
เหยาะซอสหอยนางรมลงไป 2-3 หยด ใช้ฝาหม้อที่เตรียมไว้ปิดกระทะ

3. รอจนไข่สุก ผมใช้วิธีแง้มฝาหม้อดูเป็นระยะๆ พอเห็นว่าไข่ด้านล่างเริ่มจะเกรียมเป็นอันว่าใช้ได้

4. ยกกระทะขึ้นค่อยๆรินน้ำมันเนยที่เกินต้องการใส่กระทะลูกต่อไป โรยพริกไทยป่นและผักชีหั่นหยาบๆ
เสิร์ฟพร้อมขนมปังกระเทียม ซอสถั่วเหลือง ซอสมะเขือเทศ ซอสพริกและพริกไทยป่น


วิธีทำ ขนมปังกระเทียมคนยาก

1. รากผักชีที่เหลือจากหั่นต้นและใบหยาบๆโรยหน้าไข่กระทะข้างต้น 2-3 ราก ซอยละเอียด
ใส่ลงในครกหินใบเก่ง โขลกรวมกับกระเทียมปอกเปลือกจนเกลี้ยง 20 กลีบ
พริกไทย ๑๐ เม็ด เกลือนิดหน่อยจนแหลกเข้ากันดี

2. ตัดเนยครึ่งก้อนใส่ในครกโขลกต่อรวมกับเครื่องปรุงตาม 1. จนเข้ากัน
ท่านผู้อ่านจะใช้เครื่องบดไฟฟ้าก็ได้ครับง่ายดี ตักส่วนผสมนี้ขึ้นใส่ถ้วยพักไว้

3. ตั้งกระทะให้ร้อน หั่นขนมปังฝรั่งเศสตามขวางแฉลบเป็นชิ้นหนาพอควร
(ตามภาพประกอบนั้นผมใช้ชนิดก้อนเท่ากำมือจึงผ่าครึ่ง) ลงวางเรียงนาบจนขนมปังข้างหนึ่งเริ่มเกรียม

4. ใช้ช้อนตักส่วนผสมตาม 2.ป้ายให้ทั่วชิ้นขนมปังด้านที่เกรียม กลับด้านที่ยังไม่โดนไฟลงด้านล่าง

5. รอจนเนยละลายซึมลงในชิ้นขนมปัง ด้านล่างจะเกรียมพอดี เสิร์ฟร้อนๆคู่กับไข่กระทะ


somsakksn/กศน.อำเภอผาขาว/อ้างอิงจากครัวเดลินิวส์

Read More...


คิง หมี่ฮ่องกง” สูตรเส้นสด อร่อยจุใจในแบบต้นตำรับ

แฟรนไชส์คิงหมี่ฮ่องกง
บะหมี่เกี๊ยวของแฟรนไชส์คิงหมี่ฮ่องกง


สำหรับคนเอเชีย โดยเฉพาะคนจีน การกินบะหมี่ไม่ ได้เป็นเพียงอาหารประทังชีวิต แต่ยังแฝงไปด้วยวัฒนธรรมที่สืบทอดภูมิปัญญามานับพันปี จนเลื่องชื่อถึงความอร่อยชวนลิ้มลอง ทำให้คนยุคนี้อยากลองสัมผัสบ้าง

ร้าน “คิง หมี่ฮ่องกง” เข้ามาเติมเต็มความต้องการดังกล่าว เพราะเป็นบะหมี่เส้นสดสูตรต้นตำรับ มาพร้อมรูปโฉมภายนอกที่ชวนให้ย้อนถึงกลิ่นอายแห่งวันวาน ผ่านการตกแต่งร้าน และภาชนะชามโตที่เสิร์ฟปริมาณอิ่มจุใจ แต่ขายราคาที่ควักกระเป๋าจ่ายได้ง่ายๆ

แฟรนไชส์คิงหมี่ฮ่องกง
ดลยา รักวิชา (ซ้าย) และ อรัญ เรืองรองเจ้าของคิงหมี่ฮ่องกง

คิดค้นบะหมี่ต้นตำรับให้คนไทยได้ลอง

ร้าน“คิง หมี่ฮ่องกง” เปิดมาประมาณ 3 ปีแล้ว เจ้าของ คือ อรัญ เรืองรอง และดลยา รักวิชา จากแรงบันดาลใจที่อยากให้คนไทยได้กินบะหมี่ดีๆ เหมือนต้นตำรับ

อรัญ เล่าว่า เรียนจบด้านศิลปะ แต่พลิกชีวิตไปทำงานเป็นเชฟอยู่ที่ประเทศนิวซีแลนด์ 4 ปี จากนั้น ไปเป็นเชฟอยู่บนเรือท่องเที่ยวสตาร์ครูส อีกราว 4-5 ปี แล่นเส้นทางประจำโซนเอเชีย โดยเฉพาะฮ่องกง ซึ่งไปบ่อยครั้งที่สุด จนรับรู้ได้ถึงความผูกพันของคนเอเชียที่มีต่อการกินบะหมี่ และสังเกตได้ว่า ทุกร้านบะหมี่ที่ฮ่องกงจะพิถีพิถันในการทำบะหมี่มาก ทำเส้นสดใหม่วันต่อวัน และเอาใส่ใจในทุกรายละเอียด ซึ่งสะท้อนถึงความเคารพต่อผู้กินอย่างสูง

“จากที่เห็นความเอาใส่ใจ ในการทำบะหมี่ของร้านที่ฮ่องกง ทำให้ผมคิดอยากทำเหมือนเขาบ้าง แล้วขายให้คนไทยได้กิน ผมจึงเริ่มศึกษาวิธีทำเส้นบะหมี่แบบต้นตำรับจริงจัง จากทั้งตำรา สอบถามผู้รู้ และตระเวนกินบะหมี่อย่างเดียว 2 สัปดาห์ เพื่อให้เข้าใจถึงแก่น แล้วทดลองทำด้วยตัวเอง ตั้งแต่นวดแป้งด้วยมือ จนค้นพบส่วนผสมที่ลงตัว ซึ่งมีเพียงแป้ง ไข่ น้ำ และเกลือเท่านั้นเอง ไม่มีการใส่สารปรุงรสใดๆ ทั้งสิ้น แต่กลับให้รสชาติที่นุ่มเนียน ซึ่งผมเชื่อว่า ใกล้เคียงกับรสชาติดั้งเดิมอย่างแท้จริง” เชฟหนุ่ม เผย
นอกจากเส้นบะหมี่แล้ว เขายังคิดค้นสูตรเกี๊ยว หมูแดง รวมถึง น้ำซุปที่เป็นแบบน้ำตุ๋น ที่ปรับรสชาติจากต้นตำรับเล็กน้อยให้ถูกปากคนไทย

แฟรนไชส์คิงหมี่ฮ่องกง
คิงหมี่ฮ่องกง เส้นรีดสดโชว์หน้าร้าน

คิงหมี่ฮ่องกงแต่งโฉมภายนอก ขายกลิ่นอายต้นตำรับ

ด้านรูปลักษณ์ภายนอกคิงหมี่ฮ่องกงให้ความสำคัญ ไม่แพ้กัน เพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสถึงบรรยากาศแบบต้นตำรับแท้ๆ ผ่านการแต่งร้านในสไตล์ร้านจีนโบราณ ไม่ ว่าจะตู้โชว์ โต๊ะ เก้าอี้ ฯลฯ พร้อมเสิร์ฟในชามขนาดใหญ่ บรรจุบะหมี่และเครื่องมาปริมาณจุใจ ให้ลูกค้าอิ่มและรู้สึกคุ้มค่า คล้ายกับไปกินที่ร้านบะหมี่ในต่างประเทศจริงๆ

อีกทั้ง หน้าร้านคิงหมี่ฮ่องกงยังมีการโชว์ลีลารีดเส้นบะหมี่สดๆ ให้ลูกค้าได้ชม ช่วยเพิ่มความสนใจ และยังตอกย้ำให้เห็นถึงความเอาใจใส่ที่มีต่อลูกค้า เปรียบเป็นบะหมี่ที่ดีที่สุด ซึ่งเป็นที่มาของชื่อร้าน “คิง หมี่ฮ่องกง”

อรัญ เผยว่า ใช้เงินลงทุนเปิดร้านเบื้องต้นกว่า 7 หลัก สาขาแรกอยู่ที่ สายไหม ซ.10 จากนั้นขยายสาขา 2 ที่ ถ.สีลม ซ.10 โดยขายชามละ 30-40 บาท (แล้วแต่เมนู) ซึ่งเป็นระดับราคาที่เชื่อว่า คนทั่วไปตัดสินใจกินได้ง่ายๆ โดยเฉลี่ยยอดขายทั้ง 2 สาขา อยู่ที่ 150-200 ชามต่อวัน

ไม่เท่านั้น เชฟหนุ่มยังสร้างสรรค์เมนูแปลกใหม่ไว้บริการในร้านกว่า 30 รายการ เช่น บะหมี่ส้มตำ ข้าวมันไก่สมุนไพรจีน เส้นบะหมี่ยำ ข้าวหมูย่างนมสดโรยงา ลูกชิ้นเกี๊ยวลวกจิ้ม ฯลฯ อีกทั้ง ยังจัดชุดคอกเทลบะหมี่เกี๊ยว สำหรับบริการงานจัดเลี้ยงนอกสถานที่ด้วย

ต่อยอดขายแฟรนไชส์คิงหมี่ฮ่องกงกระจายวัตถุดิบ

สำหรับแผนธุรกิจในปีนี้ (2554) ดลยา อธิบายว่า เนื่องจากพร้อมด้านการผลิตวัตถุดิบ โดยมีโรงงานทำเส้นบะหมี่ขนาดย่อมของตัวเอง จึงอยากเพิ่มช่องทางกระจายสินค้าในรูปแบบขายอาชีพกึ่งแฟรนไชส์ แบ่งรูปแบบลงทุน 2 ลักษณะ คือ ชุด 1. ลงทุน 150,000 บาท เน้นทำเลในฟู้ด คอร์ต ตามห้างสรรพสินค้า และโมเดิร์นเทรดต่างๆ โดยได้รับอุปกรณ์และวัตถุดิบพร้อมเปิดร้าน และ ชุด 2. ลงทุน 300,000 บาท เป็นรูปแบบร้านห้องแถว เน้นทำเลย่านสถานศึกษา ชอปปิ้งพลาซ่า และชุมชน โดยได้รับอุปกรณ์และวัตถุดิบพร้อมเปิดร้าน รวมถึง อุปกรณ์เครื่องเก็บเงิน และกล้องวงจรปิด 4 ตัวเพื่อดูแลร้าน
สำหรับเงื่อนไขแฟรนไชส์คิงหมี่ฮ่องกง ผู้ลงทุนต้องรับวัตถุดิบหลักจากส่วนกลางเท่านั้น เพื่อควบคุมรสชาติให้ได้มาตรฐานเดียวกัน ประกอบด้วย เส้นบะหมี่ หมูแดง เกี๊ยวชนิดต่างๆ และหัวเชื้อน้ำซุป โดยได้รับสิทธิฝึกอบรมที่ร้านต้นแบบ 7 วัน และมีทีมงานพร้อมบริการส่งวัตถุดิบ และแนะนำการตลาดให้อย่างสม่ำเสมอ

ดลยา เผยว่า ต้นทุน ก๋วยเตี๋ยวต่อชาม รวมค่าใช้จ่ายทุกด้านแล้ว เช่น ค่าวัตถุดิบ ค่าเช่า ค่าพนักงาน ฯลฯ เฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 40-50% จากราคาขายปลีก ดังนั้น หากขายได้ประมาณ 50 ชามต่อวัน จะมีกำไรสุทธิอย่างต่ำประมาณ 20,000 บาทต่อเดือน ทำให้อัตราคืนทุนอยู่ 6-15 เดือน (แล้วแต่รูปแบบลงทุน) อย่างไรก็ตาม หากยอดขายแฟรนไชส์คิงหมี่ฮ่องกงสูงขึ้น ระยะเวลาคืนทุนจะสั้นลงตามไปด้วย

แฟรนไชส์คิงหมี่ฮ่องกง
รูปแบบเคาวน์เตอร์ของ “คิง หมี่ฮ่องกง”

 

ตารางลงทุนแฟรนไชส์ “คิง หมี่ฮ่องกง”

- รูปแบบลงทุน
    ชุด 1. ลงทุน 150,000 บาท เป็นร้านเปิดในฟู้ด คอร์ต
    ชุด 2. ลงทุน 300,000 บาท เป็นรูปแบบร้านห้องแถว
- กำไรสุทธิต่อหน่วยประมาณ 50%
- ต้องรับวัตถุดิบหลักจากส่วนกลางเท่านั้น
- คาดการณ์คืนทุน 6-15 เดือน (แล้วแต่ทำเล และรูปแบบลงทุน)
  โทร.08-1827-0709 หรือ www.kinghongkongnoodle.com
  ที่มา: ASTVผู้จัดการออนไลน์

http://www.thaifc.net/


Read More...


โบ๊กเกี้ย” หวานเย็นไหหลำ ยึดหัวหาดบางลำพูกว่า 20 ปี

ขนมโบ๊กเกี้ย
กันทิมา อัครธรรมากุลเถ้าแก่เนี๊ยขนมโบ๊กเกี้ย

เริ่มเข้าหน้าร้อน ขนมที่ช่วยดับร้อนได้อย่างหนึ่งคือขนมหวานเย็นที่หลายคนเลือกคลายร้อน จากการหารับประทานได้ง่ายและราคาไม่แพง แต่ขนมหวานอย่าง “โบ๊กเกี้ย” แค่ชื่อยังไม่คุ้นหู ส่วนรสชาติไม่ต้องพูดถึง แต่สำหรับคนจีนไหหลำน่าจะรู้จักดี เพราะเป็นขนมหวานที่มีเชื้อสายมาจากประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ ลักษณะเป็นแป้งเหนียวสีขาวคล้ายลอดช่องรับประทานคู่เครื่องเคียงธัญพืชนานา ชนิด เพิ่มความหวานด้วยน้ำเชื่อมจากน้ำตาลทรายแดง และเย็นฉ่ำจากน้ำแข็งบดละเอียด

กว่า 20 ปีที่ร้าน “ขนมโบ๊กเกี้ยเจ้าเก่าบางลำพู เปิด ขายบริเวณศาลเจ้าพ่อหนู (เชิงสะพานบางลำพู) หรือที่รู้จักกันในนามของตลาดนานา ที่เดิมเป็นตลาดโต้รุ่งอุดมไปด้วยอาหารอร่อยหลากหลายชนิด ปัจจุบันบรรยากาศนั้นไม่มีให้เห็นแล้ว แต่สำหรับร้าน “โบ๊กเกี้ย” ของ กันทิมา อัครธรรมมากุล ยึดอาชีพนี้มานานและไม่ย้ายทำเลไปที่อื่น

ซึ่งเดิมพื้นที่นี้เป็นร้านขายก๋วยเตี๋ยวเนื้อวัวของพ่อแม่ ส่วนตนเองก็ช่วยงานในร้านทำทุกอย่างที่เด็กคนหนึ่งจะทำได้ รวมถึงพี่น้องก็ช่วยธุรกิจนี้ของครอบครัวด้วยเช่นกัน จนกระทั่งแต่งงานแยกครอบครัว ประกอบกับพ่อแม่เสียชีวิต ก็เลิกขายก๋วยเตี๋ยวเนื้อไป ส่วนกันทิมาก็หาอาชีพอื่นทำ เช่น ขายส้มตำ และอาหารอื่นๆ ที่พอจะทำขายได้เพราะต้องหาเงินมาเลี้ยงครอบครัว และส่งลูกชายทั้ง 3 คนเรียนหนังสือ แต่ลึกๆ แล้วกันทิมาต้องการหาชีพที่มั่นคง และให้น้องๆ ยึดเป็นอาชีพหลักได้ด้วยเช่นกัน

ขนมโบ๊กเกี้ย
ขนมโบ๊กเกี้ยพร้อมเครื่องครบครัน

จนกระทั่งลองฟื้นความ ทรงจำสมัยเยาวัยตอนอายุ 7 ขวบ ที่ไปช่วยปั้นโบ๊กเกี้ย ให้กับคนแก่ที่ทำขนมโบ๊กเกี้ยขาย ซึ่งสมัยนั้นไม่ได้คิดอะไร ทำสนุกๆ ได้กินขนมโบ๊กเกี้ยฟรี 1 ถ้วย ก็ดีใจแล้ว แต่นั่นกลับกลายเป็นความรู้ในเรื่องสูตรขนมโบ๊กเกี้ยโดยไม่ได้ตั้งใจ จากการเห็นการผสมแป้ง การนวดแป้งให้เหนียวทุกวัน จึงลองนำมาทำอีกครั้ง ซึ่งในช่วงแรกแป้งโบ๊กเกี้ยยังไม่เหนียวนุ่มเหมือนทุกวันนี้

สูตรจำเพาะขอมโบ๊กเกี๊ย

“สูตรขนมโบ๊กเกี้ยเป็นสูตรของคนแก่ที่เราอาศัยครูพักลักจำมา พร้อมกับปรับปรุงแป้งให้เหนียว รวมถึงรับฟังความคิดเห็นของลูกค้า ส่วนน้ำเชื่อมที่ทำจากน้ำตาลทรายแดง เป็นสูตรของเราเองซึ่งจะมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว จากการต้มพร้อมใบเตย พร้อมกับการเคี่ยวที่ไม่เหนียวจนเกินไป ส่วนธัญพืชเครื่องเคียงในขนมโบ๊กเกี้ย เราจะเชื่อมเองเกือบทั้งหมด เช่น ถั่วแดง เม็ดบัวแปะก๊วย และถั่วแดงเม็ดเล็ก ส่วนมันเชื่อม วุ้นมะพร้าว เฉาก๊วย จะซื้อจากร้านประจำที่มีคุณภาพดี”

สำหรับแป้งขนมโบ๊กเกี้ยที่เป็นสูตรเฉพาะทางร้านจะใช้แป้งข้าวเจ้านำ มานวดจนเหนียว และใช้มือปั้นทีละชิ้นคล้ายเส้นลอดช่องแต่มีสีขาว ซึ่งในแต่ละวันใช้เวลาปั้นประมาณ 3 ชั่วโมง แล้วนำมาต้มในน้ำเดือดเพียงไม่นาน แล้วมานำลวกในน้ำเย็น ก็จะได้เส้นโบ๊กเกี้ยใส เหนียวนุ่มน่ารับประทาน โดยทางร้านจะลวกไปขายไปเพื่อแป้งยังคงความนิ่ม เพราะหากทิ้งไว้นานจะลดความเหนียวลง

การที่ขนมโบ๊กเกี้ยเป็นขนมหวานเย็นที่หารับประทานค่อนยากในขณะนี้ ทำให้ลูกค้าที่มาอุดหนุนอยู่เป็นประจำ สนใจอยากเรียนรู้สูตรการทำแป้งโบ๊กเกี้ยให้เหนียวนุ่ม ซึ่งแรกๆ กันทิมา ก็ไม่คิดที่จะเปิดสอน แต่เมื่อกลับมาคิดอีกที ก็ถือเป็นการช่วยคนให้มีอาชีพ และรายได้เลี้ยงครอบครัว โดยปัจจุบันค่าเรียนอยู่ 5,000 บาท ใช้เวลาเรียนประมาณ 3-4 วัน โดยผู้เรียนต้องมาคลุกคลีกับขั้นตอนการทำตั้งแต่เริ่มแรก คล้ายลูกมือของกันทิมาเลยทีเดียว และเมื่อเรียนจบไปแล้วก็ต้องหมั่นฝึกฝนฝีมือ หากมีปัญหาติดขัดในกระบวนการทำก็สามารถโทรมาสอบถาม หรือมาเรียนเพิ่มเติมได้ตลอดเวลา

นอกจากกันทิมา จะขายขนมโบ๊กเกี้ยหน้าร้านบริเวณศาลเจ้าพ่อหนูแล้ว ยังรับออกงานนอกสถานที่ด้วย ต้องสั่งอย่างน้อย 200 ถ้วยขึ้นไป ราคา 4,000 บาท (ยังไม่รวมค่ารถ) ซึ่งการออกงานนอกสถานที่จะมีเป็นประจำแทบทุกเดือน โดยเฉพาะช่วงเทศกาลแห่งการงานรื่นเริงสังสรรค์

ขนมโบ๊กเกี้ย
โบ๊กเกี้ยลวกสุก

หากใครสนใจที่ยึดอาชีพทำขนมโบ๊กเกี้ยขายก็ถือ ว่ามีความน่า สนใจไม่น้อย เพราะจากสภาพอากาศของประเทศไทยที่เป็นเมืองร้อน แค่กันทิมา บอกว่าคนที่คิดจะทำอาชีพนี้ต้องมีความอดทนสูง เพราะไม่เพียงแต่การนวดแป้งให้เหนียว และปั้นทีละเส้นแล้วเครื่องเคียงต่างๆ ก็ถือว่ามีความสำคัญไม่น้อยเพื่อให้รสชาติโดยรวมของขนมโบ๊กเกี้ยถ้วยหนึ่งมี ความลงตัว ดังนั้นธัญพืชต่างๆ ต้องเชื่อมเอง ซึ่งกว่าจะออกมาเป็นขนมโบ๊กเกี้ยสักหนึ่งถ้วยเรียกได้ว่าใช้เวลาไม่น้อย และต้องมีใจรักที่จะทำงานนี้เองในทุกๆ ขั้นตอนด้วย

สนใจติดต่อ 0-2281-9911 และ 08-9696-4422
ที่มา: ASTVผู้จัดการออนไลน์

http://www.thaifc.net/


Read More...


ไอศกรีมมะม่วงน้ำดอกไม้แบบฉบับชาวสวนแปดริ้ว

mango_ice_cream ไอศกรีมมะม่วง
ไอศกรีมมะม่วงน้ำดอกไม้ใส่ในแพคเกจจิ้งราดหน้าด้วยมะม่วง

เมื่อย่างเข้าสู่ ฤดูที่ผลผลิตมะม่วงออกสู่ตลาด ทุกคนจะได้บริโภคมะม่วงกันในราคาถูก และได้เห็นการแปรรูปมะม่วงออกมาในรูปแบบต่างๆ อาทิ มะม่วงกวน มะม่วงดอง เป็นการถนอมอาหารแบบภูมิปัญญาชาวบ้าน แต่ในยุคปัจจุบัน ถ้าเป็นคนเมืองพอถึงเวลานี้ ก็ต้องตั้งหน้ารอดูการโปรโมทของร้านไอศกรีมชื่อดัง เพราะจะได้กินไอศกรีมมะม่วง

สำหรับชาวสวน เจ้าของผลผลิตมะม่วง ที่เดิมทำแต่มะม่วงกวน หรือ มะม่วงดอง วันนี้ ชาวสวนมะม่วงของอำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา เจ้าของสวนที่มีชื่อว่า “สวนมะม่วงน้องปลื้ม” ไม่ได้แค่แปรรูปมะม่วงตามภูมิปัญญาชาวบ้าน แต่สามารถนำมะม่วงจากสวนมาเพิ่มมูลค่า ออกมาเป็นไอศกรีมมะม่วง สำหรับรสชาติ เชื่อว่า คนที่ชอบไอศกรีมกะทิสดแบบโบราณ ต้องชื่นชอบไอศกรีมมะม่วง ของสวนมะม่วงน้องปลื้มแห่งนี้

mango_ice_cream ไอศกรีมมะม่วง
นางสาวสุพัตรา พัชรารัตน์ หนึ่งในทายาท เจ้าของสวนมะม่วง

นางสาวสุพัตรา พัชรารัตน์ หนึ่งในทายาท เจ้าของสวนมะม่วงแห่งนี้ เล่าว่า ปัจจุบันครอบครัวของเราปลูกมะม่วงบนพื้นที่กว่า 100 ไร่ มะม่วงที่สวนจะมีหลากหลายชนิด แต่ที่ปลูกมากที่สุด คือ น้ำดอกไม้สีทอง ซึ่งในช่วงที่ผลผลิตออกมากๆ ในระหว่างเดือน กุมภาพันธ์ ถึง พฤษภาคม จะนำมะม่วงมาแปรรูปเป็นไอศกรีม ส่วนหนึ่งมาจากครอบครัวของเรา นอกจากปลูกมะม่วงขายแล้ว ตั้งแต่สมัยคุณย่า ทำไอศกรีมกะทิขายในพื้นที่ เพราะที่สวนของเรามีผลผลิตมะพร้าวจำนวนมาก

โดยไอศกรีมกะทิของย่าทำขายมานานกว่า 30 ปี ซึ่งวิ่งรถมอเตอร์ไซด์พ่วงขายตามหมู่บ้าน ชุมชนตลาดสด ใกล้เคียง ไอศกรีมกะทิของย่า จะเป็นสูตรโบราณในช่วงหลังได้ปรับมาใส่ในลูกมะพร้าว เนื่องจากที่สวนมีผลผลิตมะพร้าวจำนวนมาก เนื้อและน้ำก็แบ่งมาทำไอศกรีม ส่วนตัวกะลามะพร้าวที่ติดเนื้อ ก็นำมาเป็นภาชนะใส่ไอศกรีม ลูกค้าชื่นชอบ เพราะได้กินเนื้อมะพร้าวที่ติดมากับกะลาด้วย คนส่วนใหญ่ในย่านนั้นจะรู้จักไอศกรีมกะทิในลูกมะพร้าวของย่า ปัจจุบันย่าไม่ได้ขายเอง แต่ให้ลูกๆ หลานออกไปขาย ส่วนสูตรต่างๆ ยังคงเป็นสูตรดั้งเดิมอยู่

สูตรไอศกรีมมะม่วงน้ำดอกไม้

สำหรับในส่วนของไอศกรีมมะม่วง เป็นสูตรเดียวกับไอศกรีมกะทิ แต่จะเพิ่มเนื้อมะม่วงลงไปปั่นด้วย โดยมะม่วงที่ลือกใช้มะม่วงน้ำดอกไม้สีทอง เบอร์ 4 เพราะมีรสชาติหวาน และเนื้อแน่น ทำให้ได้เนื้อเยอะเวลานำมาปั่นรวมกับไอศกรีม ไอศกรีมหนึ่งถังประมาณ 8 กิโลกรัม จะใช้มะม่วงน้ำดอกไม้ประมาณ 5 กิโลกรัม เราใส่มะม่วงได้เต็มที่ เพราะมีต้นทุนมะม่วงที่สวนของตัวเอง มะม่วงที่นำมาใช้ได้ จะเป็นมะม่วงที่สุกแบบพอดี ไม่สุกมากหรือน้อยเกินไป

นอกจากการใส่เนื้อมะม่วงลงไปปั่นรวมกับไอศกรีมกะทิ จนออกมาเป็นไอศกรีมมะม่วงแล้ว เติมกลิ่นวนิลาลงไปเพื่อเพิ่มความหวานหอม และเพื่อให้สีสันที่ออกเหลืองนวลขึ้นมามากกว่า ความเหลืองของมะม่วงเพียงอย่างเดียว ซึ่งจะออกสีซีดดูไม่น่ารับประทาน และในส่วนของท็อปปิ้ง ใช้เนื้อมะม่วงสุกมาหั่นพอดีคำ แต่งเป็นท็อปปิ้ง พร้อมกับข้าวเหนียวมูลนึ่งสุก ข้าวเหนียวจะไม่หวานมาก เพราะตัวไอศกรีมและมะม่วงหวานอยู่แล้ว ตักใส่ถ้วยกระดาษ ขายในราคาถ้วยละ 25 บาท ซึ่งเป็นราคาเดียวกับไอศกรีมกะทิสดในลูกมะพร้าว

“แม้เติมมะม่วงลงไปแต่เราก็ยังขายในราคาไอศกรีมกะทิของเดิมได้ เพราะต้นทุนมะม่วงมาจากสวนของตัวเอง และเราก็จะทำออกขายเฉพาะฤดูที่ผลผลิตมะม่วงออกเท่านั้น ต้นทุนมะม่วงจึงไม่สูง แต่ถ้าคิดราคามะม่วงอยู่ที่กิโลกรัมละ 50 บาท (ราคาจากหน้าสวน) โดยขายอยู่ประมาณ 3-4 เดือนเท่านั้น ดังนั้น ลูกค้าก็จะตั้งตารอคอยไอศกรีมมะม่วงจากที่สวนของเรา ซึ่งไม่ใช่เฉพาะชื่อเสียงไอศกรีมของเราเท่านั้น แต่ส่วนหนึ่งมาจากชื่อเสียงความหวาน หอม อร่อยของมะม่วงจากที่สวนของเราด้วย ที่ทำให้ทุกคนตั้งตารอ”

mango_ice_cream ไอศกรีมมะม่วง
ไอศกรีมมะม่วงน้ำดอกไม้ที่ปั่นในถังเหมือนไอศกรีมกะทิสด

นางสาวสุพัตรา เล่าว่า ได้ทำไอศกรีมมะม่วงออก ขายมานานกว่า 4 ปี เคยนำมาขายในงานเทศกาลมะม่วงเมื่อปีที่ผ่านมาเป็นปีแรก และปีนี้ (2554) เป็นครั้งที่ 2 ผลตอบรับในปีแรกดีมาก สามารถขายไอศกรีมมะม่วงได้มากกว่า 300 ถ้วยต่อวัน ซึ่ง ในปีนี้ ผลตอบรับก็ดีเช่นกัน มีลูกค้าเก่า แวะเวียนมาอุดหนุน ส่วนลูกค้าก็มีมาทดลองชิม ส่วนใหญ่ค่อนข้างพึ่งพอใจกับรสชาติ คงจะไม่ต้องมีการปรับรสชาติแต่อย่างใด
โทร. 08-1752-9684
ที่มา: ASTVผู้จัดการออนไลน์

Read More...


แฟรนไชส์ไก่ทอด“ชิกกี้ชิก” ขอแจ้งเกิดใหม่ ชูเสี่ยงต่ำ กำไรน่าลุ้น

แฟรนไชส์ชิกกี้ชิก
แฟรนไชส์ชิกกี้ชิก

ไก่ทอดแบรนด์ “ชิกกี้ชิก” (CHICKY CHIC) เริ่มออกสู่ตลาดตั้งแต่ พ.ศ.2549 ในรูปแบบขายอาชีพกึ่งแฟรนไชส์ เคยมีสาขาคีออสกว่า 400 จุดทั่วประเทศ แต่เพราะขาดความจัดเจนในการบริหารสาขา จนล้มหายตายจากไปจำนวนมาก เหลือแค่ประมาณ 150 จุดในปัจจุบัน
ทว่า ล่าสุดแบรนด์นี้ขอกลับมาแจ้งเกิดอีกครั้ง โดยยกเครื่องระบบบริหารใหม่ พร้อมชูจุดขายเป็นช่องทางอาชีพที่ออกแบบให้ง่ายต่อการลงทุน ใช้พื้นที่และงบประมาณน้อย รายได้น่าสนใจ เหมาะสำหรับคนกำลังมองหาอาชีพที่ไม่ต้องรับความเสี่ยงมากเกินไป

ธนินวัฒน์ พรพัฒน์เดชอุดม ผู้จัดการทั่วไปอาวุโส บริษัท เอ็มดี 79 จำกัด เจ้าของแบรนด์ไก่ทอด “ชิกกี้ชิก” ที่พกประสบการณ์พัฒนาระบบแฟรนไชส์ ในบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่งของเมืองไทยกว่า 20 ปี เข้ามารับหน้าที่ปรับระบบใหม่นับแต่ต้นปี พ.ศ.2554 ที่ผ่านมา เล่าว่า เดิม ปัญหาสำคัญของชิกกี้ชิก คือ เน้นปริมาณมากกว่าคุณภาพ ทำให้ดูแลคุณภาพสาขาไม่ทั่วถึง อีกทั้ง ทำเลและผู้ลงทุนบางรายไม่เหมาะสมกับธุรกิจ ทำให้หลายรายต้องยุติกิจการ ดังนั้น ได้ปรับกลยุทธ์ใหม่ให้มีระบบดูแลชัดเจน

กล่าวคือ เน้นการปล่อยอาชีพรูปแบบกึ่งแฟรนไชส์ที่ ใช้งบลงทุนน้อย ความเสี่ยงต่ำ รายได้น่าสนใจ แต่ผู้ลงทุนต้องมียอดขายน่าพอใจ ไม่เช่นนั้นจะถูกยกเลิกสัญญา ซึ่งเป็นระบบที่กระตุ้นให้ผู้ลงทุนต้องเอาใจใส่ในอาชีพอย่างจริงจัง

แฟรนไชส์ชิกกี้ชิก
คีออส แฟรนไชส์ชิกกี้ชิก

สำหรับรูปแบบลงทุนแฟรนไชส์ชิกกี้ชิก มี 3 รูปแบบ คือ คีออสรถเข็น แบบฟู้ดคอร์ส และแบบร้าน Stand alone โดยเบื้องต้นจะเน้นปล่อยสาขาแบบคีออส กำหนดงบลงทุน ได้แก่ 1.ค่าการตลาดต่อจุดขาย 5,000 บาท 2.ค่าอุปกรณ์ย่อยประมาณ 4,000 บาท(สามารถเลือกซื้อเองได้หลายรายการ) 3.ค่าเช่าตู้แช่แข็ง 500 บาทต่อเดือน(ไม่เอาตู้แช่ไม่ต้องจ่าย) 4.เงินประกันอุปกรณ์ 25,000 บาท (คืนเมื่อเลิกและคืนอุปกรณ์โดยหักค่าซ่อมแซมให้ใช้งานได้ปกติ) 5.ค่าวัตถุดิบแรกเริ่ม(ตามยอดสั่งประมาณ8,000บาท) เบ็ดเสร็จงบลงทุนเบื้องต้น ประมาณ 45,000 บาท แต่จ่ายจริงประมาณ 20,000 บาท เนื่องจากจะได้เงินคืน 25,000 บาท หากยกเลิกสัญญาระหว่างกัน

ทั้งนี้แฟรนไชส์ชิกกี้ชิกมีเงื่อนไขว่า 1.ระยะ เวลาของสัญญาปีต่อปี 2.ไม่สามารถโอนหรือขายกรรมสิทธิ์ได้ 3.ต้องซื้อวัตถุดิบหลักจากบริษัทฯเท่านั้น คือ ไก่ทอดแช่แข็ง และบรรจุภัณฑ์ 4.ชำระค่าสินค้าเป็นเงินสดหรือโอนล่วงหน้าเท่านั้น ส่วนค่าใช้จ่ายต่างๆ เช่น ค่าแรงงาน ค่าเช่า ค่าสาธารณูปโภคและอื่นๆ ผู้ลงทุนต้องรับผิดชอบเอง

ด้านทำเลที่เหมาะสมจะนำแฟรนไชส์ชิกกี้ชิกไปลงนั้น ควรจะเป็นย่านชุมชน สถานศึกษา และห้างโมเดิร์นเทรด ซึ่งผู้ลงทุนต้องเป็นฝ่ายนำเสนอเพื่อให้บริษัทพิจารณา

สำหรับสินค้าหลักที่ขายในปัจจุบัน มี 8 ชนิด คือ ป๊อป ป๊อป, สไปซี่ ป๊อป, ชิก อบูริ, ชิกนักเก็ต, ชิก คาราเกะ, ชิก โกกอน, ชิก คัสซุ และเฟรนช์ฟราย โดยเฉลี่ยขายปลีกชุดละ 25 บาท ในน้ำหนักประมาณ 80 กรัม โดยเงื่อนไขการสั่งสินค้าจากบริษัท ขั้นต่ำ 30 กิโลกรัม ในราคากิโลกรัมละ 130 บาท ส่ง ณ จุดขาย (กรุงเทพฯ และปริมณฑล ไม่คิดค่าขนส่ง ส่วนต่างจังหวัดคิดตามระยะทาง) มีรอบการสั่งสินค้าสัปดาห์ละ 2 วัน โดยเฉลี่ยหลังหักต้นทุนค่าวัตถุดิบไก่แล้ว ผู้ขายจะมีกำไรประมาณ 40-50% จากยอดขาย แต่เมื่อรวมค่าใช้จ่ายอื่นๆ ทั้งหมดแล้ว จะเหลือกำไรสุทธิประมาณ 20-30% จากยอดขาย โดยข้อมูลที่ผ่านมา เฉลี่ยจะคืนทุนได้ในเวลา 1 เดือน
“ทางบริษัทฯ กำหนดเป้าให้ว่า ผู้ลงทุนแฟรนไชส์ชิกกี้ชิกควร จะขายได้อย่างต่ำวันละ 10 กิโลกรัม ซึ่งจะทำให้มีกำไรสุทธิประมาณ 1,000 บาทต่อวัน โดยบริษัทฯ จะตรวจสอบคุณภาพสาขาจากยอดการสั่งวัตถุดิบ และมีทีมงานซุ่มตรวจ รวมถึงเปิดสายรับร้องเรียนจากผู้บริโภค หาก สาขาใดยอดไม่เข้าเป้า ซึ่งอาจเกิดจากปัญหาทำเลไม่เหมาะสม หรือผู้ขายไม่ทำตามมาตรฐานที่กำหนด เช่น ไม่เปลี่ยนน้ำมันทอดทุกวัน นำวัตถุดิบอื่นมาขายแทน ขาดความสะอาด ฯลฯ เบื้องต้นจะส่งทีมงานเข้าไปช่วยเหลือแนะนำปรับปรุง แต่ถ้ายอดยังไม่ดีขึ้น เราจะขอยกเลิกสัญญา ยึดธุรกิจคืน ซึ่งวิธีนี้ จะทำให้คนลงทุนต้องเอาใจใส่ธุรกิจ ทำยอดขายให้ได้ตามเป้า ซึ่งจะเกิดประโยชน์แก่ทั้งสองฝ่าย” ธนินวัฒน์ อธิบาย
เขาเผยด้วยว่า จุดแข็งของแฟรนไชส์ชิกกี้ชิก อยู่ที่ตัวผลิตภัณฑ์ ที่ออกแบบมาให้ง่ายต่อผู้ขาย โดยเป็นไก่ทอดแช่แข็งสำเร็จรูป ผู้ขายเพียงแค่ทอดอุ่นร้อนเท่านั้น ด้านรสชาติวิจัยและพัฒนามาแล้วว่าถูกปากคนไทย กินได้ทันทีโดยไม่ต้องมีน้ำจิ้ม โดยมีแหล่งผลิตจากบริษัท พนัสโพลทรี่ จำกัด ซึ่ง เป็นบริษัทแม่ ดำเนินกิจการเกี่ยวกับไก่ครบวงจร มาตั้งแต่ปีพ.ศ. 2540 มีฟาร์มไก่ระบบปิด เลี้ยงด้วยธัญพืช ปลอดสารเคมี อีกทั้ง ไม่ใช้สารเร่งเจริญ (Growth Promoter) การผลิตได้รับมาตรฐานสากลครบถ้วน ทั้ง ISO 9002, HACCP, GMP และเครื่องหมายฮาลาล ทำให้ผู้บริโภคเกิดความเชื่อมั่นด้านความสะอาดและปลอดภัย
สำหรับแผนทำตลาดใหม่นี้ เบื้องต้นได้ไปปรับปรุงร้านเดิมที่มีกว่า 150 จุด ให้มาอยู่ในมาตรฐานใหม่ทั้งหมด นอกจากนั้น ตั้งเป้าว่า ภายในปีนี้ จะเปิดสาขาใหม่เพิ่มอีก 100 จุด รวมกับสาขาเดิมเป็น 250 จุด ซึ่งจะทำให้บริษัทฯ มียอดขายวัตถุดิบไก่ทอดแช่แข็ง ประมาณ 100 ล้านบาทต่อปี และเป้าระยะยาวอีก 3-5 ปีข้างหน้า จะเพิ่มสาขารวมกันถึง 1,000 จุด
แฟรนไชส์ชิกกี้ชิก
ไก่ทอด แฟรนไชส์ชิกกี้ชิก

ตารางลงทุนคีออสแฟรนไชส์ชิกกี้ชิก

การลงทุน
1.ค่าการตลาดต่อจุดขาย 5,000 บาท
2.ค่าอุปกรณ์ย่อยประมาณ 4,000 บาท(สามารถเลือกซื้อเองได้หลายรายการ)
3.ค่าเช่าตู้แช่แข็ง 500 บาทต่อเดือน(ไม่เอาตู้แช่ไม่ต้องจ่าย)
4.เงินประกันอุปกรณ์ 25,000 บาท (คืนเมื่อเลิกและคืนอุปกรณ์โดยหักค่าซ่อมแซมให้ใช้งานได้ปกติ)
5.ค่าวัตถุดิบแรกเริ่ม(ตามยอดสั่งประมาณ8,000บาท)
เงื่อนไข
1.ระยะเวลาของสัญญาปีต่อปี
2.ไม่สามารถโอนหรือขายกรรมสิทธิ์ได้
3.ต้องซื้อวัตถุดิบหลักจากบริษัทฯเท่านั้น คือ ไก่ทอดแช่แข็ง
4.ตั้งสั่งขั้นต่ำ 30 กิโลกรัม ในราคากิโลกรัมละ 130 บาท
5.ชำระค่าสินค้าเป็นเงินสดหรือโอนล่วงหน้าเท่านั้น
6 .ค่าใช้จ่ายต่างๆ เช่น ค่าแรงงาน ค่าเช่า ค่าสาธารณูปโภคและอื่นๆ ผู้ลงทุนต้องรับผิดชอบเอง
ผลตอบแทน
1. หลังหักค่าวัตถุดิบไก่แช่เข็ง ผู้ขายจะมีกำไรประมาณ 40-50% จากยอดขาย
2. แต่เมื่อรวมค่าใช้จ่ายอื่นๆ ทั้งหมดแล้ว จะเหลือกำไรสุทธิประมาณ 20-30% จากยอดขาย
3. ข้อมูลที่ผ่านมา เฉลี่ยจะคืนทุนได้ในเวลา 1 เดือน
โทร.08-1339-6295
ที่มา: ASTVผู้จัดการออนไลน์

Read More...


“ชะอำบาร์บีคิว” เผยสูตรเด็ด แฟรนไชส์ของคนทุนน้อย

ชะอำบาร์บีคิว
นายอภินันท์ โภคสวัสดิ์ เจ้าของสูตร ชะอำบาร์บีคิว
บาร์บีคิว อาหารว่างของนักชอปยามค่ำคืน โดยเฉพาะในยามที่อากาศเย็นในช่วงนี้ บาร์บีคิวเป็นอาหารจานโปรดของใครหลายคน ร้านรถเข็นขายบาร์บีคิว เกิดขึ้นมามากมาย แต่ละคนมีสูตรที่แตกต่างกัน สำหรับ “ชะอำบาร์บีคิว” มีสูตรเด็ด ให้คนที่อยากจะเป็นพ่อค้า แม่ค้า รถเข็นบาร์บีคิวไม่ต้องกังวล เพราะการทำบาร์บีคิวที่ย่างและไม่มีควันมากไปรบกวนร้านข้างๆ

นายอภินันท์ โภคสวัสดิ์ เจ้าของสูตร ชะอำบาร์บีคิว เล่า ว่า ที่มาของชะอำ บาร์บีคิว เริ่มต้นมาจาก การที่ได้มีโอกาสเข้าไปทำงานในร้านของอาหารแห่งหนึ่ง ในช่วงวัยรุ่น มาสักประมาณ 10 ปีที่ผ่านมา ซึ่งในขณะนั้น ต้องทำงานทุกอย่างภายในร้าน รวมถึงการเข้าไปช่วยพ่อครัวในห้องครัวด้วย ทำให้ไปได้สูตรการทำสเต็กจากพ่อครัวในร้านมา เป็นสูตรการทำสเต็กอิตาเลียนจานร้อน

ชะอำบาร์บีคิว
ชะอำบาร์บีคิวขณะย่างไม่มีควัน

ทั้งนี้ การทำสเต็กอิตาเลียน จะมีลักษณะคล้ายคลึงกับบาร์บีคิว ส่วนใหญ่ลูกค้าจะเรียกกันว่าสเต็กบาร์บีคิว หลังจากนั้น ได้นำมาดัดแปลงสูตรสเต็กบาร์บีคิวออกมาเป็นบาร์บีคิวเสียบไม้ขาย แต่ก็ยังคงใช้วิธีบางอย่าง เช่นเดียวกับการทำสเต็ก เช่น การหมักหมูเหมือนกับสเต็ก และที่หันมาทำเป็นบาร์บีคิวขายแทนที่จะขายสเต็กเป็นจานๆ เพราะ บาร์บีคิวทำง่าย ขายง่าย และขายได้เร็วกว่า ลูกค้าสามารถซื้อไปกินที่ไหนก็ได้ ที่สำคัญราคาไม่แพง ทุกคนสามารถซื้อกิน โดยจะเสียบเนื้อชิ้นใหญ่กว่าบาร์บีคิวที่ขายกันทั่วไปเล็กน้อย เพี่อให้อรรถรสของการกิน เช่นเดียวกับสเต็ก เนื่องจากสูตรได้มาเป็นสูตรสเต็กบาร์บีคิว
โดยได้ทดลองทำขาย เริ่มต้นขายที่หน้าร้าน ซึ่งเป็นสถานบันเทิงที่ตนเองเป็นผู้ช่วยในร้าน โดยร้านเปิดอยู่ ในย่านตลาดอตก.ก่อน ซึ่งในช่วงนั้นประมาณ 5-6 ปีที่ผ่านมาสถานบันเทิงหรือผับที่เปิดในย่านนั้นได้รับความนิยมอย่างมาก มีผับเปิดติดๆ กันหลายร้าน ทำให้ขายดีมาก วันหนึ่งขายได้ 200-250 ไม้เกือบทุกวัน ลูกค้าจะเป็นพนักงานที่ทำงานในสถานบันเทิงเหล่านั้น และลูกค้าที่มาเที่ยวในย่านนั้น ซึ่งจะเริ่มขายตั้งแต่เวลา 1 ทุ่ม ไปจนถึง 5 ทุ่ม ขายไม้ละ 15 บาท ตอนหลังปรับราคาเป็นไม้ละ 20 บาท กำไรที่ได้ต่อวันประมาณ 1,700 – 1,800 บาท

” สุดท้ายผมก็ต้องทิ้งรายได้ชะอำบาร์บีคิวที่ดี ตรงนั้นไปด้วย เหตุผลเพียงแค่ว่า แฟนเห็นว่า เข็นรถขายบาร์บีคิวดูเป็นพ่อค้าไม่มีเกียรติ ก็ให้ได้เลิกขายและให้ไปสมัครทำงานประจำดู แต่การทำงานประจำรายได้กลับไม่ได้ดังที่คิด เพราะกิจการบริษัทที่ทำอยู่มีปัญหา สุดท้ายผมก็ตกงานจึงหันกลับมาขายบาร์บีคิวอีกครั้งที่ อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี ขายนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติในย่านนั้น ซึ่งขายดีมากอีกเช่นกัน แต่การเข้ามาเปิดขายในกรุงเทพฯครั้งนี้ มาจากพี่ที่เคยทำงานร่วมกัน ได้ให้มาช่วยงานที่ร้านอาหาร ชื่อร้านแก้มลิง ถนนนวมินทร์ ตรงข้ามแฟลตคลองจั่น บางกะปิ ผมจึงนำบาร์บีคิวมาขายในร้านด้วย แต่ขายในร้านอย่างเดียวก็คงจะขายไม่ได้มาก จึงได้ทำบาร์บีคิวเสียบไม้ส่งให้กับพ่อค้า และคนที่สนใจรับไปขายต่อ พร้อมกับจ้างเด็กขายแบบรถเข็นใต้แฟลตคลองจั่นไปด้วย”

สำหรับแผนการตลาดชะอำบาร์บีคิวที่วางไว้ คือ ต้องการจะขายในลักษณะของแฟรนไชส์ เพื่อให้คนที่ต้องการจะมีอาชีพ และต้องการสูตรบาร์บีคิวในแบบของเรา ได้มาทำธุรกิจร่วมกัน โดยส่งวัตถุดิบที่เป็นเนื้อหมักเสียบไม้ เพื่อให้ได้รสชาติที่เหมือนกันทุกร้าน ส่วนผักลูกค้าสามารถนำไปเสียบเองได้ ขายส่งในราคาไม้ละ 8 บาท ที่เหลือลูกค้าก็ไปตั้งราคาขายเอง ส่วนน้ำซอสที่ราด ก็มีขายด้วยเช่นกัน หรือ ลูกค้าสามารถไปซื้อเองได้ ปัจจุบันมีคนมารับไปจำหน่ายหลายราย และขายในราคาที่แตกต่างกันตามสถานที่ ราคาเริ่มตั้งแต่ 10 บาท 15 บาท และ 20 บาท

แฟรนไชส์ชะอำบาร์บีคิว

ส่วนแฟรนไชส์ขณะนี้อยู่ในระหว่างการจัดวางระบบ ซึ่งตั้งราคาแฟรนไชส์ไว้ประมาณ 4,000 บาท ถึง 5,000 บาท โดยลูกค้าจะได้อุปกรณ์การขาย หลักที่เรามีให้คือ เตา โต๊ะ พร้อมป้ายชื่อ “ชะอำบาร์บีคิว” ส่วน ที่มาของชื่อชะอำบาร์บีคิว เป็นชื่อเดิม ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดี ในกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เคยไปเที่ยวพื้นที่ดังกล่าว ยังการันตีความอร่อย สำหรับคนที่เคยกินได้ โดยร้านแรกของผมเอง ซึ่งเปิดขายที่ใต้แฟลตคลองจั่น ช่วงเย็นนั้น มีรายได้ต่อวันประมาณ 400 บาทถึง 500 บาท เปิดขายเฉพาะช่วงเย็นถึง 2 ทุ่ม ตั้งราคาขายไม้ละ 10 บาท เพราะเป็นแหล่งชุมชน

สำหรับจุดขายของชะอำบาร์บีคิวของเรา คือ เมื่อย่างเนื้อบาร์บิคิวไปแล้วเนื้อจะไม่ย้อยลงมา ทำให้น้ำมันไม่หยดลงไปในเตา ซึ่งเป็นที่มาของการเกิดควันเวลาย่าง เป็นเหตุให้ไม่สามารถขายในสถานที่หลายแห่ง โดยเฉพาะในตึก อาคาร หรือหน้าร้านในชุมชน แต่ถ้ากรณีไม่มีควันเวลาย่าง ทำให้สามารถขายที่ไหนก็ได้ และที่เนื้อไม่ย้อยลงไปเวลาย่าง เพราะ เราไม่เสียบสับปะรดทิ้งไว้ หรือ เสียบไว้ใกล้กับเนื้อ เนื่องจากสับปะรดมีฤทธิ์เป็นกรด เมื่อหมักอยู่ใกล้กับเนื้อสัตว์ จะทำให้เนื้อสัตว์ยุ่ยได้

ชะอำบาร์บีคิว
ชะอำบาร์บีคิวขายดีทุกวัน

ส่วนผักจะนำมา เสียบชะอำบาร์บีคิวที่หลังในระหว่างย่างขาย เพื่อให้ได้ผักที่สดและใหม่ แต่ส่วนของเนื้อสัตว์ จะหมักและเสียบทิ้งไว้ได้ เพราะถ้าเสียบหรือหมักทิ้งไว้ จะทำให้ซอสที่หมักเข้าเนื้อ และเนื้อนุ่มน่ากิน และได้กินผักที่สด โดยบาร์บีคิวของ จะเลือกใช้เนื้อสัตว์ 3 ชนิด คือ หมู เนื้อวัว และไก่ ที่ผ่านมา บาร์บีคิว เนื้อวัวจะขายดีมาก เพราะจะมีวิธีหมักเนื้อให้นุ่ม ไม่เหนียว โดยเฉพาะสำหรับคนที่ชอบกินเนื้อวัว โดยเนื้อหมู และเนื้อวัวจะขายดีในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกัน

โทร. 08-7533-9934

ที่มา: ASTVผู้จัดการออนไลน์

Read More...


ปาท่องโก๋ย่างโบราณ ถึงเก่าแต่ยังเก๋า

ปาท่องโก๋ย่าง
ปาท่องโก๋ย่าง รีดน้ำมันเอาใจคนรักสุขภาพ

ร้านปาท่องโก๋ ที่ไม่ใช่แค่ปาท่องโก๋ เด็กวัยรุ่นหลายคนอาจจะไม่เคยสนใจที่จะกินปาท่องโก๋ ด้วยความที่กลัวอ้วนและขยาดน้ำมัน แต่สำหรับ “ร้านปาท่องโก๋” ย่านบางลำพูแห่งนี้ กลับมีจุดดึงดูดใจวัยรุ่นแบบอินเทรนด์ด้วยการนำปาท่องโก๋โบราณมาย่างรีด น้ำมัน กินคู่กับไอศกรีม Home made และราดด้วยซอสรสชาติต่างจนลงตัวและได้รับความนิยมเป็นอย่างดี

นายฐิติกร โชคะสุต ทายาทรุ่นที่ 2 ร้านปาท่องโก๋ เล่า ว่า ทำธุรกิจปาท่องโก๋ย่างนี้มา 60-70 ปี ตั้งแต่รุ่น พ่อ-แม่ซึ่ง เดิมขายอยู่ที่สนามหลวง จะรู้จักกันในชื่อ “ปาท่องโก๋โต้รุ่ง” เพราะเปิดขายตั้งแต่ 5 โมงเย็น จนถึง 9 โมงเช้า ส่วนสาขาบางลำพูนี้เปิดได้ประมาณ 5 ปี โดยคนโบราณจะรู้จักปาท่องโก๋ย่างเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เนื่องจากการย่างเป็นภูมิปัญญาชาวบ้านในการถนอมอาหารให้สามารถเก็บได้นานถึง 1 สัปดาห์ โดยไม่ต้องแช่ตู้เย็น ปัจจุบันมีการขยายสาขาในลักษณะของธุรกิจครอบครัว ทำให้ไม่สามารถขยายได้มาก แต่ก็มีผู้ที่สนใจต้องการให้เราขยายในลักษณะของแฟรนไชส์ แต่เราให้ความสำคัญในเรื่องคุณภาพมากกว่ากำไร

ปาท่องโก๋ย่าง
บรรยากาศหน้าร้าน ขายพร้อมข้าวหมูแดงและอื่นๆ

ปาท่องโก๋ย่างปรับเปลี่ยนรูปแบบเดิมๆ

การทำธุรกิจปาท่องโก๋ย่างนั้น ได้มีการปรับรูปแบบของการขายให้มีความทันสมัยมากขึ้น โดยเปลี่ยนจากการขายเป็นตัว ราคาตัวละไม่กี่สตางค์ในอดีต มาเป็นการขายเป็นชุด โดยมีทั้งปาท่องโก๋ย่างราดซอส และปาท่องโก๋ย่างกับไอศกรีม ซึ่งราคาในการจำหน่ายอยู่ที่ชุดละ 30 บาท โดยซอสที่ใช้ได้แก่ สังขยา ช็อกโกแลต สตรอเบอร์รี ส้ม และนมข้น ส่วนไอศกรีมก็จะมีหลายรสชาติ โดยรสชาติดั้งเดิมก็คือ รสกะทิ ส่วนที่มีเพิ่มขึ้นมาก็จะเป็น คุ้กกี้แอนด์ครีม รัมเรซิน บลูเบอร์รี เป็นต้น ซึ่งเป็นไอศกรีมโฮมเมดทั้งหมด และมีการตกแต่งรูปลักษณ์ของไอศกรีมในแบบญี่ปุ่นเพื่อให้น่ารับประทานมากยิ่ง ขึ้น อีกทั้งยังสามารถเข้ากับวัยรุ่นได้ดีอีกด้วย

“การนำปาท่องโก๋มาย่างทำให้เนื้อของปาท่องโก๋ย่างกรอบ นุ่ม ปาท่องโก๋ของเราจะมีผิวบางกว่าปาท่องโก๋ทั่วไป เมื่อรับประทานเข้าไปแล้วจะมีความรู้สึก กรอบนอก นุ่มใน ถือเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวของร้านเราไปเลย การเลือกใช้นำมัน ถือเป็นหัวใจสำคัญของการทำปาท่องโก๋ โดยร้านเราจะไม่ใช้น้ำมันเก่า มีการเปลี่ยนถ่ายทุกวัน เราเน้นเรื่องคุณภาพมากกว่าเรื่องผลกำไร ถือได้ว่าร้านเราเป็นรายแรกที่ทำปลาท่องโก๋ย่างและเก่าแก่ที่สุดในกรุงเทพฯ จริงๆ”

เดิมทีร้านนี้ชื่อร้าน “ปาท่องโก๋เสวย” แต่ลูกสาวเปลี่ยนมาเป็น “ปาท่องโก๋” เฉยๆ เนื่องจากต้องการให้ลูกค้าสงสัยว่า ปาท่องโก๋ทำไม?? และทำให้เกิดความอยากลองเข้ามารับประทาน กลุ่มลูกค้าไม่จำกัดช่วงอายุ เพราะตอนนี้ถือว่าตีตลาดวัยรุ่นได้แล้ว ทำให้ทำลายเส้นกั้นระหว่างเวลาและอายุในการขายไปเลย เมื่อก่อนคนรับประทานปาท่องโก๋ต้องกินช่วงเช้า เลยเวลานั้นก็จะไม่กิน แต่ตอนนี้ทำให้ปาท่องโก๋สามารถหารับประทานได้ตลอดทุกเวลาที่ต้องการ

ผลจากการพัฒนารูปแบบการขายปาท่องโก๋ย่างให้อิน เทรนด์น่ารับประทาน ทำให้มีกลู่มลูกค้าวัยรุ่นเพิ่มมากขึ้นตาม ยอดการขายจึงเพิ่มขึ้นตามไปด้วย นอกจากปาท่องโก๋ย่างแล้ว ยังมีข้าวหมูแดง ก๋วยเตี๋ยว ข้าวหน้าไก่ ก๋วยเตี๋ยวทะเล เพิ่มอีก เนื่องจากลูกค้าส่วนใหญ่มักจะรับประทานขนมหวานต่อจากของคาว ทำให้ปาท่องโก๋กับไอศกรีมกลายเป็นสินค้าขายดี รวมถึงชาวต่างชาติก็ชื่นชอบด้วย เหมือนเปลี่ยนจากการกินวาฟเฟิลกับไอศกรีม เป็นการกินปาท่องโก๋กับไอศกรีมแทน

“ร้านปาท่องโก๋สาขาบางลำพูของเรา ถือเป็นประชาสัมพันธ์ของประเทศก็ว่าได้ เพราะเมื่อลูกค้าต่างชาติเข้ามารับประทานก็จะนำไปบอกต่อๆ กัน เป็นการเผยแพร่แบบปากต่อปาก เช่น ชาวจีน ฮ่องกง ซึ่งจะรู้จักปาท่องโก๋เป็นอย่างดีอยู่แล้ว แต่สำหรับเกาหลียังไม่เป็นที่รู้จัก ทำให้นำไปพูดต่อ ส่งเมลต่อ เป็นที่รู้จักและสนใจอย่างกว้างขวางยิ่งขึ้น อีกทั้งราคาขายตามเมนู ไม่มีการชาร์จเพิ่มราคาสำหรับชาวต่างชาติเหมือนที่อื่น”

ปาท่องโก๋ย่าง
ปาท่องโก๋ย่างราดซอส

ในอนาคตมีแผนพัฒนาเป็นเฟรนไชส์ปาท่องโก๋ย่าง แต่ คงขยายแค่ในครอบครัวก่อน เพื่อให้คุณภาพยังคงเดิม การทำปาท่องโก๋ให้คุณภาพเหมือนเดิมเป็นเรื่องยาก เนื่องจากคนที่รับเฟรนไชส์ไปขายก็มุ่งหวังที่จะได้กำไร โดยอาจมองข้ามเรื่องคุณภาพที่สั่งสมมานาน ทำให้ต้องศึกษาเรื่องนี้อีกมาก และต้องมีเวลาในการใส่ใจและเรียนรู้ที่จะทำธุรกิจอย่างจริงจัง เพราะยอมรับว่าห่วงเรื่องคุณภาพจะลดลง โดย

ร้านอยู่ตรงข้ามธนาคารกสิกรไทย สาขาบางลำพู ตรงข้ามวัดบวรนิเวศวิหาร กรุงเทพฯ
โทร. 0-2281-9754
ที่มา: ASTVผู้จัดการออนไลน์


Read More...


ไขความเชื่อ เมื่อแผ่นดินไหว วิ่ง หรือ มุดโต๊ะปลอดภัย...!

Pic_162132
















เป็นความเชื่อที่ “งุนงง” โดยเฉพาะคนที่อาศัยอยู่ในตึกสูงพอสมควร กับการเผชิญหน้าเมื่อเกิดแผ่นดินไหว ผู้รู้บางคนบอกว่า เมื่อเกิดแผ่นดินไหวในกรณีที่อยู่ในตึกให้วิ่งหนีออกจากตึก แต่ผู้เชี่ยวชาญบางคนบอกว่าให้มุดอยู่ใต้โต๊ะ คำถามก็คืออย่างไหนจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ไทยรัฐออนไลน์หาคำตอบมาให้หลังข่าวลือเขื่อนร้าว และ แผ่นดินไหวซ้ำที่ภาคเหนือครั้งล่าสุด

ลองมาดูคู่มือของกรม ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกระทรวงมหาดไทย ที่ออกแบบมาอ่านง่ายเล่มนี้ ระบุว่าอันดับแรกต้องควบคุมสติพร้อมกับเปิดวิทยุรับฟังคำเตือน คำแนะนำจากราชการ พร้อมกับย้ำว่าอย่าวิ่งเข้าออกนอกบ้านเพราะอาจจะทำให้ได้รับบาดเจ็บ ตรวจสอบและปิดวาล์วน้ำ ปิดแก๊ส และยกสะพานไฟสำหรับตัดกระแสไฟฟ้าและตัดตอนการส่งน้ำเมื่อเกิดแผ่นดินไหว ห้ามใช้เทียน ไม้ขีดไฟ ไฟแช็ก หรือสิ่งที่ทำให้เกิดประกายไฟเพราะถ้ามีแก๊สรั่ว อาจจะทำให้ติดไฟได้
หลังจากนั้นให้ท่องเอาไว้ 3 คำ คือ 1.หมอบลงกับพื้นราบ 2.ป้องใช้แขนปกป้องศีรษะและคอ เพื่อป้องกันสิ่งของหล่นใส่ และ3.เกาะ ยึดเกาะโต๊ะให้แน่นและเคลื่อนตัวไปพร้อมโต๊ะ รอจนความสั่นไหวยุติลงแล้วจึงออกไปสู่จุดที่ปลอดภัย

สำหรับผู้ที่ อยู่ในบ้านเรือนแนะนำให้ยืนหรือหมอบอยู่ในส่วนโครงสร้างที่แข็งแรงสามารถรับ น้ำหนักได้มาก หรือหลบอยู่ใต้โต๊ะหรือเตียง ให้อยู่ห่างจากบริเวณที่อาจจะมีวัสดุหล่นใส่ หลบอยู่ใต้โต๊ะหรือมุมห้องและให้อยู่ห่างจากประตู ระเบียงและหน้าต่าง

ผู้ ที่อยู่ในตึกสูง แนะนำว่าหากอาคารมั่นคงแข็งแรงให้หลบอยู่ในอาคารนั้น ถ้าอาคารเก่าไม่มั่นคงให้หาทางออกจากอาคารโดยเร็วที่สุด แล้วหลังจากการสั่นสะเทือนสิ้นสุด ให้รีบออกมาจากอาคาร เมื่อมีการสั่งการอพยพจากผู้ที่ควบคุมการแจ้งเตือนภัย ถ้าอยู่ใกล้ทางออก ให้รีบหาทางออกจากอาคารโดยเร็วอย่าแย่งกันออกจากเกิดความชุลมุน กรณีที่คุณไม่ได้อยู่ใกล้ทางออก ให้ใช้สูตร หมอบ-ป้อง-เกาะ จนกว่าจะมีผู้เข้าไปช่วยเหลือ

ที่สำคัญเมื่อเกิดแผ่นดินไหว ห้ามใช้ลิฟต์โดยเด็ดขาดเพราะหากไฟฟ้าดับ อาจจะติดอยู่ในลิฟท์ ให้ระวังชิ้นส่วนของอาคารหล่นใส่ อย่าอยู่ใต้คานที่ชำรุด ใกล้หน้าต่างกระจกระเบียง
ผู้ที่อยู่ในที่โล่งแจ้ง ให้อยู่ห่างจากอาคาร กำแพง ป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ ต้นไม้ขนาดใหญ่ และเสาไฟฟ้า ส่วนคนที่ขับรถยนต์ หากกำลังขับหรืออยู่ในรถ ให้หยุดจอดในที่ปลอดภัย จนกระทั่งการสะเทือนจบลง ส่วนผู้ที่อยู่ชายหาด ให้อยู่ห่างจากชายฝัง หรือหลบขึ้นที่สูงเพราะอาจจะเกิดสึนามิซัดเข้าหาฝั่ง

การปฏิบัติตน ภายหลังเกิดแผ่นดินไหว

ตรวจ สอบตัวเองและคนรอบข้างว่าได้รับบาดเจ็บหรือไม่ ปฐมพยาบาลขึ้นต้นผู้ที่ได้รับบาดเจ็บก่อน แล้วรีบออกจากอาคารที่เสียหายทันทีเพราะหากเกิดแผ่นดินไหวตามมา (After-Shock) อาคารอาจจะพังลงมาได้ ใส่รองเท้าหุ้มส้นเสมอ เพื่อป้องกันเศษแก้ว วัสดุแหลมคมและสิ่งหักพังทิ่มแทง ตรวจสอบสายไฟ ท่อน้ำ ท่อแก๊ส ถ้าแก๊สรั่วให้ปิดวาล์ว ถึงแก๊ส และยกสะพานไฟ เพื่อป้องกันอัคคีภัย ตรวจสอบแก๊สรั่วด้วยการดมกลิ่นเท่านั้น ถ้าได้กลิ่นให้เปิดประตู หน้าต่างทุกบ้านเพื่อระบายอากาศ อย่าจุดไม้ขีดหรือ ก่อไฟจนกว่าจะแน่ใจว่าไม่มีแก๊สรั่ว ให้ออกจากบริเวณที่สายไฟขาดหรือวัสดุที่สายไฟพาดถึง สำรวจความเสียหายของท่อน้ำ ท่อน้ำทิ้ง ท่อส้วมก่อนใช้ พร้อมกันนี้ก็เปิดวิทยุติดตามฟังสถานการณ์และคำแนะนำฉุกเฉิน ห้ามใช้โทรศัพท์นอกจากจำเป็นจริงๆ สุดท้ายห้ามไปในเขตพื้นที่ที่มีความเสี่ยงหรือมีอาคารพัง และทำใจให้นิ่งๆ อย่าสร้าง หรือฟังข่าวลือเพื่อกันการตื่นตระหนก

จากปากคำผู้รู้ มุด หรือวิ่งหนีเมื่อเราอยู่ในตึก

ขณะ เดียวกัน รศ.ดร.เป็นหนึ่ง วานิชชัยสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเซีย(เอไอที)ในฐานะหัวหน้า โครงการลดภัยพิบัติจากแผ่นดินไหวในประเทศไทย สกว. ย้ำข้อสงสัยเรื่องการหนีหลังจากแผ่นดินไหวขณะอยู่ในตึกสูงว่า หากคุณอยู่ภายในอาคารสูงให้หลบอยู่ใต้โต๊ะที่แข็งแรง ส่วนความเชื่อว่าถ้าเกิดแผ่นดินไหวให้วิ่งออกนอกอาคารนั้นเป็นความเชื่อที่ ผิด แต่ทำได้หากตึกนั้นแข็งแรงและไม่สูงมากแต่หากวิ่งออกไปให้ระวังสิ่งของตกใจ ซึ่งจะเป็นอันตรายมากกว่าการหลบอยู่ภายในอาคารที่แข็งแรง

รู้ไว้ให้พร้อมก่อนแผ่นดินไหว

นอกจากนี้ ควรตรวจสภาพเครื่องใช้ภายในบ้าน และยึดอุปกรณ์ที่อาจก่ออันตราย เช่น ยึดตู้ติดกับฝาบ้าน พร้อมทั้งซ้อมความพร้อมของคนในบ้านเกี่ยวกับวิธีปฎิบัติเมื่อเกิดแผ่นดินไหว และถ้าเป็นไปได้ให้กำหนดจุดนัดพบนอกบ้านไว้ล่วงหน้า

ทั้งนี้ คนในบ้านต้องรู้วิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้น ควรเตรียมไฟฉายและกระเป๋ายา พร้อมทั้งเครื่องมือดับเพลิงในบ้าน (ถ้ามี) และควรทราบตำแหน่งของวาล์วปิดน้ำ สะพานไฟฟ้าเพื่อตัดน้ำตัดไฟ อย่าวางของหนักบนชั้นสูง ๆ เพราะอาจตกลงมาก่อให้เกิดอันตรายได้

“ที่ สำคัญทางด้านจิตใจควรอย่าตกใจ และควรตั้งสติให้ดีๆ ถ้าอยู่ในอาคารให้ระวังสิ่งที่อยู่สูงตกใส่ รวมถึงเฟอร์นิเจอร์อื่นๆ เลื่อนชนหรือล้มทับ ให้ออกห่างจากประตู หน้าต่าง และ กระจก ถ้าการสั่นไหวรุนแรงให้หลบอยู่ใต้โต๊ะ หรือมุมห้อง อย่าใช้ลิฟท์เป็นอันขาด อย่าวิ่งออกจากบ้านเพราะอาจมีสิ่งของตกลงมาทับ พร้อมทั้งดับไฟทุกชนิด และเปิดประตูหน้าต่างค้างไว้ เพื่อสร้างความแน่ใจว่ามีทางหนีทีไล่หากอยู่นอกอาคารให้ออกห่างจากอาคารสูง กําแพง เสาไฟฟ้า และสิ่งก่อสร้างอื่นๆ ถ้าอยู่ในรถให้หยุดรถทันทีในที่ปลอดภัย และถ้าอยู่ชายหาดให้อยู่ห่างจากชายฝั่ง เพราะอาจเกิดคลื่นขนาดใหญ่ซัดเข้าฝั่ง”

เรื่องเสบียงก็เป็นสิ่งสำคัญ

ควร เตรียมไฟฉายและหมวกกันน็อคอรวมถึงอุปกรณ์ปฐมพยาบาล ไว้ในที่ที่หยิบง่าย พร้อมทั้งจัดเก็บเอกสารที่จำเป็นไว้ในที่เดียวกัน เช่น บัญชีรายชื่อลูกจ้าง, เครื่องเขียนแผนที่เตรียมวิทยุ ครื่องปั่นไฟและน้ำมันไว้ให้พร้อมสำหรับช่วงเวลาที่ไม่มีไฟฟ้าใช้ เตรียมน้ำดื่ม, อาหาร, ถุงและถังพลาสติก, ผ้าห่มและผ้าเช็ดตัว, เตาแก๊สแบบเคลื่อนที่ได้ และยารักษาโรค สำหรับการดำรงชีวิต

ทั้ง หมดเป็นสิ่งที่การันตรีว่า นอกจากสติแล้ว ยังต้องเตรียมอุปกรณ์เพื่อรับมือไม่แน่เหยื่อรายต่อไปของแผ่นดินอาจจะไหวใน ประเทศก็ได้ใครจะรู้...?

Read More...




----------------

ปรับปรุง
รายการบทความทั้งหมด



การบำรุงรักษารถยนต์เบื้องต้น



ร้านค้าเคลื่อนที่ ใช้ รถบรรทุกขนาดเล็กมาดัดแปลง



รวมบทความอาชีพ เสริม หลากไอเดียวิธีหารายได้เสริม



รวมบทความงานฝีมือ-สิ่งประดิษฐ์ รายได้เสริม



ทองม้วน thong muan ; rolled wafer





MASK รุ่นสายคล้องคอ







MASK รุ่นสายคล้องคอ. ��รุ่นนี้เป็นที่นิยมใช้กันมาก #ขายดีมาก
ทำจากผ้าคอตตอนแท้ 100%  ไม่ผสม เนื้อผ้านุ่ม 
3 ชั้น. สวมใส่พอดีกับใบหน้า ไม่เจ็บหู มีสายคล้องคอปรับได้
เวลาถอดออก ไม่ต้องกลัวลืม เพราะถอดแล้วคล้องคอไว้ได้
บรรจุในถุงซิปฟรอย์อย่างดี
ราคาชิ้นละ. 59. บาท. ไม่รวมส่ง 
มีหลายสีให้เลือกนะคะ   สนใจทักแชทขอดูสีผ้าได้นะคะ
หน่วยงาน บริษัท ห้างร้าน หรือ สนใจสั่งไปจำหน่าย 
มีเรทราคาส่งค่ะ

-> id line : noeyhorm_06
#มีวางจำหน่ายหน้าร้านชานมไต้หวันมาราชาสาขาจรัญ44


ร้านมาราชาชานมไข่มุก สาขาจรัญสนิทวงศ์ 44
● รับบัตรสะสมครบ 10 แก้ว แลกรับฟรี 1 แก้ว
● สั่งเดลิเวอรีผ่าน LINE MAN, Foodpanda ,GET ...ถึงมือปั๊บพร้อมดื่มปุ๊บ!
● อัพเดทโปรโมชั่นใหม่ๆ รสชาติใหม่ ตลอดเวลา
● มีเมนูให้เลือก 40 กว่าเมนู : https://bit.ly/2Z9iqV0






























































เลือกช่องทางติดต่อและรับข่าวสารบริการหลังการขาย
ฟอร์ด พลปิยะอยุธยาและฟอร์ด พลปิยะวังน้อย

--------------------------------------------------------------------------------------------
แคมเปญ-โปรโมทชั่น อะไหล่ฟอร์ด อัพเดททางออนไลน์และปรับปรุงข้อมูลออนไลน์
อะไหล่ฟอร์ด อะไหล่รถฟอร์ด อะไหล่รถยนต์ฟอร์ด อะไหล่ฟอร์ดแท้ ร้านขายอะไหล่รถฟอร์ด ขายอะไหล่รถฟอร์ด อะไหล่ฟอร์ด
 
Option

รวมบทความอาชีพเสริม หลากไอเดียวิธีหารายได้เสริม หาอาชีพเสริมอิสระทำเงิน สร้างอาชีพอิสระงานฝีมือ แนะนำการสร้างรายได้เสริมทำเงินด้วยการขายสินค้าหรือขายของเป็นอาชีพเสริม อิสระงานฝีมือ แนะแนวธุรกิจ อาชีพเสริม อาชีพแก้จน อยากจะมีรายได้เสริมนอกเหนือจากงานประจำ บล๊อกจัดทำขึ้นเป็นวิทยาทานเพื่อเผยแผ่ความรู้อันจะเป็นไปเพื่อบุญกุศล ขอให้ทุกท่านที่มีส่วนร่วมในบทความของบล๊อกนี้ จงได้รับอานิสงฆ์ด้วยเทอญ.