Home » All posts

ราชาบะหมี่หรือจะสู้ เทพแห่งบะหมี่ "รุ่งเรือง นางเลิ้ง"

มาแล้วครับ... อาทิตย์นี้ผ่านการเลือกตั้ง สก. สข. คงเป็นไปตามคาดว่าคนกรุงเทพมาใช้สิทธิ์ต่ำตามเคย รู้สึกว่าเวลาในการเรียกร้องสิทธิ์ทางการเมือง ทำไมมีแต่ชาวบ้านที่เข้าใจในเรื่องประชาธิปไตย แต่ทำไมคนเมืองอย่างพวกเราไม่ใส่ใจที่จะไปดูไปแล เรื่องนี้บ้างซึ่งเป็นเรื่องใกล้ตัวเสียจริง เอาเป็นว่าพวกเราคงต้องช่วยกันประคับประคองให้เมืองไทยไปข้างหน้า ดังความหวังของพ่อหลวง อยากเห็นคนไทยรักกัน...

มากินกันเลย ผมได้มีโอกาสกลับไปหาของกินแถวตลาดนางเลิ้งอีกครั้ง ซึ่งความตั้งใจอยากจะกินหมี่ที่ได้ชื่อว่า "เทพของบะหมี่" มีคำกล่าวไว้ว่า "ก๋วยเตี๋ยวกวางตุ้ง ข้าวมันไก่ไหหลำ บะหมี่ฮกเกี้ยน" จะกินหมี่ให้อร่อยจะต้องเป็นของชาวจีนฮกเกี้ยน ร้านนี้เขาตีหมี่เอง อย่าไปนึกถึงพวกที่ยืดเส้นโชว์น่ะครับ อันนั้นเป็นหมี่สดและจะต้องกินเลยเมื่อทำเสร็จ ไม่ใช้สูตรของฮกเกี้ยน ชาวฮกเกี้ยนจะใช้วิธีการนวดโดยนั่งบนไม้ไผ่แล้วหาความรู้สึกของความหนืด ระหว่างแป้งกับไข่ว่าได้ที่แล้วหรือยัง ที่มีดีกว่านี้คือเครื่องเคราครบ ไม่ว่า ปู เป็ดย่าง หมูแดง ที่มากกว่านั้นอีกหมูแผ่น ที่นำหมูสับต้มเป็นแผ่นอร่อยมาก..

มาดูกันเลยดีกว่า ผมบอกแล้วมาถึงที่ ร้านบะหมี่รุ่งเรือง ร้านนี้มีพี่วิเชียรเป็นเจ้าของกิจการรุ่นที่สองแล้วครับในเมืองไทย นับไปนับมาร้านนี้จะต้องมีอายุไม่น้อยกว่า 50 ปี เป็นแน่ๆ เราเริ่มสั่งกันดีกกว่า ผมสั่งเต็มข้อของที่ร้าน บะหมี่แห้งหมูแดง ปี หมูสับแผ่น ตัวบะหมี่มีกรรมวิธีนวด แล้วยังมีกรรมวิธีลวกอีก เพื่อที่จะให้บะหมี่ได้ที่ รับรองรสชาติว่า จะหาหมี่อร่อยแบบนี้ได้ยากมากครับ ที่สำคัญบะหมี่ร้านนี้สามารถไปทำอี่หมี่ได้ไม่เละครับ (จะหาร้านที่ทำเป็นก็เห็นมีแต่ร้าน เลี่ยว เลียง เซ่ง กับ อาเลกราชวงศ์ เท่านั้น) ที่เหลือไม่เข้าเหลี่ยม มาจากที่สอง บะหมี่แห้งเป็ด (บะหมี่ไม่บรรยายแล้ว) มาที่เนื้อเป็ดได้นุ่มนวล ตัวหนังเป็ดกรอบได้ใจเลยครับ ที่สำคัญน้ำราดที่ลงตัวมากๆ เมื่อมาบวกกับบะหมี่แล้ว จัดมาเลย ไม่ต้องถามกันเลยครับ สำหรับใครที่ต้องการกินน้ำซุปขอได้เลยครับ น้ำซุปเข้าเหลี่ยมมากเลยครับ

ไปมาสะดวกมากครับ ไปตลาดนางเลิ้งให้ได้ก่อนแล้วกันครับคุณพี่ คุณน้อง ไปถึงไปกลางตลาด ร้านจะอยู่ในตลาดครับแต่ออกมาทางสนามม้าหน่อย (ไม่ใช่ตลาดสดที่เขาขายของสดอยู่น่ะ) จะเป็นร้านค้าหลายห้องอยู่ครับ ที่ร้านของกินเยอะนอกจากบะหมี่ครับ ทั้งข้าวหน้าเป็ด ข้าวขาหมู ลูกชิ้นปิ้ง ปอเปี้ยสด ที่เหลือจำไม่ได้แล้วครับเยอะจริงๆ ไปไม่ถูกโทรไปเลยครับ โทร 02 281 9755 , 02 281 0862

เรื่องและภาพโดย
ธนา ทุมมานนท์ (เบย์พาเลส)

http://www.thairath.co.th/content/life/107152

ต้มยำหัวปลา ราดหน้าหมูนุ่มนวล เอเชียหูฉลาม สีสันความแซบยามค่ำคืน

เฮียอาจคนจริง..จริงจัง
สัปดาห์ นี้เจ๊แซบยังแอบอู้งานหลบเจ้านายมา นอนเล่นเอนหลังอยู่ที่จังหวัดขอนแก่น ดินแดนที่อุดมไปด้วยของแซบมากมาย หลังจากที่แนะนำของน่าหม่ำในยามเช้าไปแล้ว วันนี้เจ๊ขอแนะนำอาหารยามเย็น เป็นอาหารสไตล์ไทยจีนโซ้ยได้ทั้งครอบครัว มี "เฮียอาจ" เป็นหัวเรือใหญ่ใจดี๊...ดี ทำหน้าที่คุมหน้าเตาด้วยความแข็งขัน ผสมผสานทั้งความโหด มันส์ และฮาครบรส!!

"ผมเป็นคนกรุงเทพฯครับ ผมเกิดกรุงเทพฯ แต่ตอนอายุ 10 ขวบ พ่อย้ายมาทำงานขอนแก่น ก็เลยมากันหมดเลย แล้วก็อยู่มาจนถึงทุกวันนี้ 20 กว่าปีแล้ว พ่อผมเป็นคนชอบทำอาหารมาก แล้วเขามีเพื่อนเป็นกุ๊กอยู่ตามภัตตาคารใหญ่ๆเยอะ เขาก็ขอให้เพื่อนสอนให้ส่วนหนึ่ง แล้วก็ลง ทำเองส่วนหนึ่งจนได้สูตรของตัวเอง และตกมาถึงผมทุกวันนี้ ผมเรียนจบก็มาทำร้าน ไม่ได้หางานที่ไหนเลยครับ ผมต้องมาฝึกทำกับพ่อ แต่ว่าฝึกไม่นาน เพราะเห็นพ่อทำมาตั้งแต่เด็ก แล้วก็ช่วยมาตลอด ตอนนี้ผมก็ดูแลเอง ทำมา 11 ปีแล้วครับ ไม่รวมกับที่พ่อทำมาก่อนอีกประมาณ 6-7 ปีครับ" เฮียอาจเท้าความหลังให้ เจ๊ฟังอย่างชัดถ้อยชัดคำ

ร้าน เอเชียหูฉลามเป็นร้านขนาดไม่ใหญ่มาก เปิดโล่ง โปร่งสบาย จุด เด่นของร้านคือลูกค้าที่เดินเข้าเดินออกอย่างคึกคัก แค่ขับรถผ่านเป็นต้องสะดุดตา สะดุดใจ ท้าทายขาโซ้ยอย่างแรง!!

เมนู ภาคบังคับที่ห้ามพลาด ถ้าไม่อยากโดนเพื่อนล้อ (หุหุ) คือ "ต้มยำหัวปลา" น้ำไซ้...ใส แต่จี๊ดจ๊าดกระแทกใจ แค่วางยังไม่ได้ซดยังอดน้ำลายไหลไม่ได้ เหมาะสำหรับคนที่ชอบของแรงๆ เฮียอาจสั่งปลาเก๋ากับปลากะพงมาจากร้านประจำในจังหวัดตราด กำชับให้คัดแบบแจ่มๆ ต้องสดและใหม่ เท่านั้น ถ้าไม่ได้มาตรฐานเฮียอาจไม่ปล่อยลงหม้อให้ได้อาย หลังจากได้ปลามาแล้วต้องนำมาตัดเหลือแต่หัว แล้วค่อยต้มกับน้ำเดือดใส่ข่าสับดับคาว ต้มแค่พอสะดุ้งน้ำ นำลงมาจากเตา ล้างน้ำ ขอดเกล็ดออกให้หมด แล้วใส่หม้อแยกไว้

หัวปลาหม้อไฟรสจัดจ้าน

นอก จากปลาต้องสด น้ำซุปยังต้องมีรสชาติเด็ดขาด กระชากใจ เฮียอาจใช้กระดูกหน้าแข้งหมูหรือคาตั๊ง ต้มกับโครงไก่ ต้มตั้งแต่เที่ยงยันเย็น ใช้ไฟกลาง ไล่ความหวานออกจากกระดูกอย่างช้าๆ พอมีออเดอร์ มาปุ๊บ เฮียอาจจะตักน้ำซุปใส่หม้อเล็ก ใส่ข่า ตะไคร้ พริก น้ำปลา มะนาว และใส่หัวปลาลงไปต้มอีกครั้งจนเดือดแล้วยกเสิร์ฟ ต้มยำแต่ละชามจะทำสดๆใหม่ๆ ไม่ทำทิ้งรอลูกค้าให้ปลาเซ็ง!

สำหรับขา โซ้ยแอนด์ ซดที่นิยมซุปรสละมุน เจ๊ แซบขอแนะนำ "ข้าวต้มเครื่อง" รสชาติกลมกล่อม เหมาะกับทุกเพศ ทุกวัย หม่ำได้ทั้งครอบครัว เฮียอาจใช้น้ำซุปตัวเดียวกับต้มยำ ทำทีละชามตามออเดอร์ มีทั้ง ข้าวต้มปลา ข้าวต้มกุ้ง ข้าวต้มปลาหมึก และข้าวต้มหอยนางรม ของทะเลทุกอย่างสั่งมาสดๆจากตราด ส่งแบบวันต่อวัน รับประกันความสด!

อีก หนึ่งเมนูเส้นที่เป็นขวัญใจขาหม่ำเจ้าประจำ คือ "ราดหน้าหมู" เฮียอาจ หมักหมูกับผงหมัก ซีอิ๊ว และน้ำตาลเล็กน้อย หมักทิ้งไว้กว่า 2 ชั่วโมง แล้วค่อยนำมาขาย เนื้อหมูนุ่มได้ใจ เคี้ยวง่าย สบายเหงือก ตัวเส้นเฮียใช้เส้นใหญ่ทอดพอกรอบนอกนุ่มใน น้ำราดก็ทำได้กำลังดี ไม่เหนียวเกินไป ไม่ใสจนเกินพอดี ทั้งหมู เส้น และน้ำราด สอดผสานกันได้อย่างกลมกล่อม เฮียอาจ มี ราดหน้าปลา ราดหน้าทะเล และราดหน้ากุ้ง ให้เลือกหม่ำได้ ตามอัธยาศัย

พลพรรคคนรักปู เจ๊แซบมี 2 เมนูมาฝาก "ปูผัดผงกะหรี่" และ "ข้าวผัดปู" 2 เมนูคู่โต๊ะ ถ้ามาแล้วไม่ได้หม่ำ คลำทางกลับบ้านไม่ถูก (คริคริ)

เนื้อปูผัดผงกะหรี่

เฮีย อาจมีปูเป็นๆเนื้อแน่นๆ ไว้ให้เลือกกันสดๆ เนื้อหวานสะท้านกระเพาะ เมนูปูผัดผงกะหรี่ มีทั้งแบบเป็นตัวสำหรับขาโซ้ยที่ชอบความเร้าใจ และแบบเนื้อล้วนๆ สำหรับขาหม่ำที่นิยมความเรียบง่าย

"ข้าว ผัดปู" เป็นเมนูที่อยู่ คู่ร้านมาแสนนาน ทางร้านใช้ข้าวหอมมะลิหุงไม่ให้แฉะ แช่ตู้เย็นให้เม็ดข้าวรัดแน่น แล้วค่อยนำมาผัดกับเนื้อปูที่แกะไว้เป็นก้อนๆ ปรุงรสกลางๆ ไม่เน้นหวาน ทานได้ทั้งครอบครัว

เจ๊แซบขอปิดท้ายด้วย "หูฉลาม" เมนูเด่นที่ถูกนำมาตั้งเป็นชื่อร้าน หูฉลามร้านนี้มีราคาพอเหมาะพอดี ไม่มีภัยต่อสุขภาพกระเป๋าสตางค์ แถมรสชาติยังอร่อยไม่น้อย หน้าภัตตาคารหรู เฮียอาจสั่งหูฉลามคัดมาจาก เยาวราช นำมาต้มกับข่าและต้นหอมประมาณ 1 ชั่วโมงเพื่อดับคาว แล้วค่อยทำ "น้ำซุป" เฮียใช้ ไก่บ้านที่แก่กำลังดีต้มทั้งตัว ใส่เหล้าจีน ซีอิ๊ว พริกไทย รากผักชี นำหูฉลามที่ผ่านการต้มแล้วมา ใส่และต้มต่ออีกประมาณ 3 ชั่วโมง ก่อนจะหรี่ไฟ แล้วเคี่ยวต่อไปเรื่อยๆ จนเนื้อไก่ยุ่ย พอมีลูกค้าสั่ง ค่อยตักแยกมาผสมกับ "น้ำแดง" ที่ทำจากน้ำมันหอย แม็กกี้ รากผักชี และแป้งมัน หูฉลามร้านนี้จะทำทีละ หม้อ หม่ำร้อนๆ สบายใจแอนด์สบายท้อง

หูฉลามย่อมเยา

"เอเชีย หูฉลาม" ตั้งอยู่ริมถนนในตัวเมืองจังหวัดขอนแก่น ถ้ามาจาก ทางประตูเมือง ผ่านเซ็นทรัลตรงมาอย่างเดียว จนผ่านสามแยกจะเห็นร้านอยู่ทางขวามือ มีป้ายชัดเจน ร้านเปิดตั้งแต่ 4 โมงเย็นถึงเที่ยงคืนทุกวัน ไม่มีวันหยุด นอกจากช่วงเทศกาลสำคัญ เช่น ตรุษจีน และออกพรรษา แต่สำหรับปีใหม่และสงกรานต์ไม่หยุด อีกไม่นานทางร้านจะเปิดสาขาใหม่ ที่บริเวณริมบึงแก่นนคร อยากรู้รายละเอียดเพิ่มเติมสอบถามได้ ที่ 0-4324-5886 และ 08-1544-0095

ก่อน จบก่อนจาก เจ๊แซบแอบกระซิบถามเฮียอาจ ถึงที่มาที่ไปของชื่อร้าน...ทำมั้ย...ทำไมต้อง ใช้ชื่อว่า "เอเชียหูฉลาม" เฮียอาจตอบสั้นๆง่ายๆ ได้ใจความว่า "ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันครับ... คุณพ่อผมเป็นคนตั้ง ตอนนี้ท่านก็เสียไปแล้ว ผมก็ไม่ได้ถามเลยว่าทำไมท่านถึงได้ ตั้งชื่อนี้" โอเคค่ะเฮีย...เจ๊เคลียร์แหละ.

เจ๊แซบ หัวเขียว

Read More...

ไก่ซีอิ๊วน้ำมันงา

วันนี้ มาลองทำอาหารจีนแบบบ้านๆสไตล์กวางตุ้งกันบ้าง รับรองอร่อยและไม่ทำลายสุขภาพด้วย!! คนที่อยู่หน้าเตาเพื่อทำหน้าที่ปรุงอาหารขึ้นสำรับวันนี้ เป็นพ่อครัวนักธุรกิจร้อยล้านก็ว่าได้ เพราะธุรกิจที่เขาทำอยู่ในนามบริษัท สยามอเมริกัน กรุ๊ป ซึ่งรับซ่อมเฮลิคอปเตอร์ของทางราชการ และตรวจซ่อมเครื่องบินพาณิชย์ (ยกเว้นเครื่องการบินไทย) ก็ล้วนแล้วแต่ราคาเป็น 10 ล้านอัพทั้งนั้น แต่เมื่ออยู่ในบ้าน คุณวุศรวิษฐ์ พรรณสมบูรณ์ กลับกลายเป็นพ่อบ้านที่ชอบอยู่ในครัว ทั้งหั่น ซอย ผัดอย่างทะมัด ทะแมง ไม่แพ้พ่อครัวมืออาชีพเลย จึงทำให้ทั้งลูกและเมียได้รับประทานอาหารกันอย่างเอ็นจอย

คุณ วุเล่าว่า เขาชอบทำอาหารมาแต่เด็กๆ เพราะอยู่กับคุณยาย เห็นคุณยายทำกับข้าว ก็จะต้องเข้าไปช่วยตลอด เริ่มจากจุดเตา และเขยิบมาช่วยผัด เรียกว่าการทำอาหารก็เหมือนของเล่นอย่างหนึ่งของเขา และตอนเป็นแฟนกับลินดา (ภรรยา) คุณวุบอกว่า ก็มักจะไปทานอาหารที่บ้านภรรยาเป็นประจำ โดยคุณแม่ยายเป็นคนฮ่องกง ก็จะได้สูตรอาหารสไตล์กวางตุ้งมาเยอะ รวมทั้งเมนู ไก่ซีอิ๊วน้ำมันงา ที่นำเสนอนี้ด้วย เมนูอาหารส่วนใหญ่ของคุณวุ จะคำนึงถึงสุขภาพเป็นหลัก เพราะคุณแม่ของเขา (สิทธา พรรณสมบูรณ์) เคยป่วยเป็นมะเร็งเต้านมเมื่อ 10 ปีที่แล้ว จึงหันมาศึกษาถึงการดำเนินชีวิตแนวแมคโครไบโอติกอย่างจริงจัง จนกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญและนักเขียนให้กับนิตยสารชีวจิตอยู่ ขณะนี้ ทำให้เขาหันมาดำเนินชีวิตอย่างคุณแม่ เพื่อสุขภาพที่ดีตามไปด้วย และเครื่อง ปรุงสำหรับ ไก่ซีอิ๊วน้ำมันงา คุณวุก็ยังเลือกใช้ซีอิ๊วที่ปลอดสารก่อมะเร็ง

เครื่อง ปรุง : ไก่บ้าน 1 ตัว/ขิงแก่ 2 แง่ง/ซีอิ๊วขาว/น้ำตาล/เกลือ/พริกไทย/แป้งข้าวโพด....วิธีทำ 1) สับไก่เป็นชิ้นๆขนาดพอดีคำ และหมักกับซีอิ๊วขาว น้ำตาลทราย เกลือ พริกไทย และแป้งข้าวโพด นานประ-มาณครึ่งชั่วโมง 2) เจียวขิง (หั่นเป็นแว่นๆ) ในน้ำมันงา กระทั่งขอบๆขิงเริ่มออกเหลือง จึงใส่ไก่ที่หมักลงไปผัดด้วย 3) พอไก่เริ่มสุกค่อยเติมน้ำให้ท่วมไก่ แล้วปิดฝากระทะพร้อมรี่ไฟ เคี่ยวต่อประมาณครึ่งชั่วโมง พอไก่เริ่มเปื่อย จึงเปิดฝากระทะและเร่งไฟให้แรงขึ้น เคี่ยวต่อจนน้ำงวดเหลือเพียงขลุกขลิก ค่อยยกลง 4) โรยหน้าด้วยต้นหอมที่หั่นเป็นเส้นๆ รับประทานกับข้าวสวยร้อนๆ แค่นี้ก็อร่อยจนวางช้อนไม่ลงแล้วล่ะค่ะ

สำหรับ ซีอิ๊วขาวที่คุณวุนิยมใช้ เป็นสูตรดั้งเดิมของเมืองจีน ไม่ใส่สี ไม่ใส่ผงชูรส และวัตถุกันเสีย จึงปลอดภัยจากสารก่อมะเร็ง (สาร 3-MCPD) โดยทางบ้านภรรยาคุณวุได้สูตรมาทำขายในยี่ห้อ "เซิง โชว หวัง" เป็นซีอิ๊วจากถั่วเหลือง (No GMO คือไม่ตัดแต่งพันธุกรรม) ที่หมักตามธรรมชาตินานถึง 6 เดือน จึงมีรสชาติเข้มข้นกว่าซีอิ๊วขาวทั่วไป เพราะไม่มีน้ำตาล แต่จะมีกรดอะมิโน ที่ช่วยให้โปรตีนในเนื้อสัตว์แตกตัว ทำให้อาหารมีรสชาติอร่อย ซึ่งเป็นวิธีการเดียวกับผงชูรสนั่นเอง.

Read More...

ขนมจีบ เฮ้ย!! ขนมจับ เฮ้!! ขนมจีน เฮ้ย ถูกแล้ว "ขนมจีนหล่มสัก"

ได้ยินข่าวอันน่ายินดีเมื่อพรรคเพื่อไทยเสนอแนวทางกา รปรองดอง ไร้ข้อแม้ ถึงจะยื่นข้อเสนอนี้เป็นครั้งที่สอง ก็ไม่ทำให้เกียรติของพรรคเสียหายไป แต่ที่จะต้องตบมือให้ดังๆคือ ท่านนายกฯ ถึงตัวจะอยู่ไกลแต่น้ำจิตน้ำใจสมเป็นนักเรียนอังกฤษ คนรุ่นใหม่ที่พร้อมจะรับฟังพร้อมจะคุย พร้อมจะแก้ ไม่เหมือนหลายๆคน ไร้ซึ่งจิตสำนึกความเป็นไทย หวังเพียงอำนาจที่จะคงอยู่ ตอนนี้เราต้องการความสามัคคี ไม่ใช่เอาแต่ใจตนเป็นใหญ่...

ให้ดูทั้งตะกร้าว่ามีเส้นสรรเอามากๆ

เส้นสด ต่างจากเส้นเข่ง แน่นอนครับ

ครั้งจะเป็นอาทิตย์ที่อยู่เมืองไทย คราวหน้าใครที่ชื่นชอบอาหารญี่ปุ่น คงจะได้่ติดตามเพราะผมกำลังจะเดินทางไปตามกินถึงแดนป ลาดิบ หลายอย่างที่ไม่เคยกินจะกินเสีย (กลัวว่าก่อนตายจะไม่ได้กิน)

อาหารประจำอาทิตย์นี้อยากจะแนะนำร้านขนมจีน ขึ้นชื่อว่าขนมจีนจะต้องเป็นแบบชาวบ้านหน่อยถึงจะ ซี๊ด ได้ดังใจ ออกตะเวนหามาเจอร้านหนึ่งอยู่แถวจังหวัดนนท์ เขียนป้ายไว้ว่า "ขนมจีนหล่มสัก" มันแตกต่างอะไรจากขนมจีนทั่วไปหว่า ได้ที่เลยแวะเข้าไปลองลุยหน่อย เจ้าของร้าน คือคุณจู๊ป เห็นหน้าครั้งแรกเจ้านี่จะต้องเป็นคนที่เคยรู้จักแน่ ๆ ถามไปถามมาเอาเรียนที่ สจพ. เหมือนกันถึงว่าคุ้นจัง น้องเขาเคยทำงานเป็นเซลล์แมนด้านไอที ตอนทำอยู่รุ่งไม่น้อย

แต่ด้วยเป็นคนที่มีความเป็นตัวเองสูงไปหน่อย อยากทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ เลยหันหัวไปเอาดีโดยการเปิดร้านขายขนมจีน เลยถามไปทำเป็นหรือเปล่าว่ะ คำตอบ"ผมไม่เป็นครับ แฟนผมทำอร่อย" ได้ชิมแล้วติดอกติดใจเลยครับ รสมือไม่เป็นสองรองใคร แต่ร้านไม่ค่อยมีคนรู้จัก สงสารพวกเขา มีฝีมือไร้คนสนับสนุน เอาพวกเราไปลองชิมได้ครับผมรับรองฝีมือ

เห็นแล้วอยากกิน อยากกิน

จานนี้สำหรับท่านชายที่...ไร้นำ้ยา...ต้องกินจะได้มี เสียที

มาเป็นชุดแบบนี้ครับ ทุกอย่าง ค่อยๆกินครับอร่อยทุกอย่างเลย

มาสั่งกันเลย ตั้งท่าจะสั่งแต่น้องเขาบอกว่า พี่นั่งเฉยๆ เดี๋ยวของมาแล้ว อ้าวจะรู้ได้่ไงว่าตูจะกินอะไร...งง ได้รับคำเฉลยว่า ที่ร้านจะตักน้ำแกงให้กับทุกอย่างแล้วแต่จะชอบอะไร ทั้งเขียวหวานไก่ น้ำยา น้ำพริก และน้ำยาป่า มาพร้อมผัก หนึ่งกล่อง ที่ร้านคิดเฉพาะค่าขนมจีน 30 บาทเท่านั้น

ที่เด็ดไปกว่านั้นที่นี่เป็นเส้นสด มีการปรุงเส้นผสมกับดอกอันชัน แครรอต ด้วยทำให้รสชาติดียิ่งๆขึ้น ส่วนใครที่ชอบผักอื่นๆ เช่นผักบุ้งต้ม ผักกาดดองสั่งเอาครับเพิ่มอีก 5 บาทต่อที่เท่านั้น ไม่แพงคุ้ม ที่สำคัญอร่อยมากด้วยครับ สิ่งที่อยากจะให้ลองคือน้ำพริกสูตรเขาใส่มะพร้าวคั่ว กับกุ้งแห้ง รสเด็ดขาดเอาเชียว

น้ำยา ที่เป็นตัวเด็ดของที่ร้าน

น้ำยาจากหม้อ

สำหรับท่านๆที่ชอบความชาดิสซ์หน่อยต้อง น้ำยาป่า

ไปสะดวกมากครับมุ่งหน้าไปทางนนทบุรี ทางสะพานพระรามเจ็ด ผ่านหน้า สจพ. ตรงอย่างเดียวจะพบแยกแรก ถ้าเลี้ยวซ้ายจะไปสะพานพระราม 5 ไม่เอาไม่เลี้ยวทั้งนั้น ตรงต่อไป พบแยกที่สอง เลี้ยวซ้าย เส้นนี้จะเป็นเส้นทางเลี่ยงเมืองเมื่อข้ามสะพานชะลอร ถได้เลยครับอยู่ด้านซ้ายมือ จะเห็นป้าย "ขนมจีนหล่มสัก" จอดข้างทางไม่ต้องรอเลยครับ โทร 081456 9953

จู๊ป ชื่อเขา ผู้ละทิ้งหน้าที่การงานอันมั่นคงลงสู้ รากหญ้า

Rating : ที่สุดในแผ่นดิน (5 ดาว)
เรื่องและภาพโดย
ธนา ทุมมานนท์ (เบย์พาเลส)

Read More...

หวาน มัน ..บาคลาวา ขนมหวานสัญชาติเติร์ก

สูตรทำขนม

ฟัง ชื่อก็แปลกหู แต่พอเห็นหน้าตาแล้ว ก็ยากที่จะห้ามใจ เพราะด้วยความหอมของแป้งกับความมันของถั่วหลากหลายชนิดที่ผสมผสานเข้าด้วย กันนี้ ทำให้ บาคลาวาขนมจากประเทศตุรกี ก็มีดีให้คนที่รักการทานขนมนั้นต้องชิม

บาคลาวา (Baklava) ขนมหวานโบราณของประเทศตุรกี ซึ่งนิยมทานกันมากในแถบเมดิเตอร์เรเนียน สำหรับคนไทยนั้นอาจจะไม่คุ้นกันนักกับขนมชนิดนี้ เพราะถ้าขนมหวานที่ได้รับอิทธิพลมาจากตะวันตกนั้น ส่วนใหญ่จะคุ้นเคยกับขนมที่ทำมาจากไข่ที่เข้ามาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา มากกว่า แต่ที่จริงแล้ว บาคลาวาถือเป็นขนมเก่าแก่ ที่มีประวัติยาวนานมาตั้งแต่สมัยอาณาจักรไบแซนไทน์แล้วด้วยซ้ำ ซึ่งถ้ามองดีๆหน้าตาก็คล้ายๆกับถั่วตัดของบ้านเรา หรือตุ้บตั้บของจีน แต่คนไทยจะเรียกว่าขนมพายถั่วฝรั่ง

รส ชาติของขนมบาคลาวาจะมีความหวานและหอม ที่ทำให้รสชาตินั้นอร่อย ทานง่าย เพราะเนื้อแป้งฟิลโล ที่ซ้อนทับเป็นชั้นๆ แทรกด้วยถั่วพีแคน พีนัท และพิสตาชิโอ ราดด้วยน้ำผึ้งที่แต่งกลิ่นหอมจากอบเชย และน้ำเลมอนเล็กน้อย หรือน้ำเชื่อมแต่งกลิ่น เข้าไปอบที่ความร้อนพอเหมาะ โดยขนมชนิดนี้ชาวอาหรับจะนิยมนำมาใช้ในพิธีสำคัญทางศาสนา และทานกันในช่วงเทศกาลรอมฎอน

เห็นหน้าตาของขนมน่าทานแบบนี้ใครอยาก ลองทำทานเอง วันนี้ทางโรงแรมริชมอนด์ก็เผยสูตรมาให้ด้วย แต่ถ้าใครไม่อยากทำเอง ก็ไปได้ที่งาน World Sweets 2010 ณ ห้างสรรพสินค้า เซ็นทรัล (แจ้งวัฒนะ) ที่บูธของทางโรงแรมฯ ตั้งแต่วันที่ 20 - 26 กันยายน 2553 ได้เลย จะได้ไปลองลิ้มรสกับขนมหวานต้นตำรับของประเทศตุรกีแน่นอน

ส่วนผสม

แป้งฟิโล (phyllo/fillodough)     1 กล่อง
ถั่วอบต่างๆ             21/2 ถ้วย
น้ำตาลทราย            25 กรัม ( อาจใช้น้ำตายทรายแดงแทนได้)
ผงอบเชย (Cinnamon)        1/2 ช้อนชา
เนยจืดละลาย            120 กรัม

ส่วนผสมของน้ำราด

1. น้ำเปล่า            3/4 ถ้วย
2. น้ำผึ้ง                 1/2 ถ้วย
3. น้ำตาลทรายแดง         90 กรัม
4. น้ำเลมอน             1 ช้อนโต๊ะ
5. ผิวเลมอนขูดเป็นเส้นใหญ่     5-6 ชิ้น 
6. ก้านอบเชย             1 ก้าน 

นำ ส่วนผสมใส่หม้อตั้งไฟอ่อนเคี่ยวให้ส่วนผสมละลาย เป็นสีน้ำตาลสวยงาม หมั่นชิมเสมอ อย่าให้มีรสขมที่เกิดจากน้ำตาลไหม้ (caramelizing) เด็ดขาด พอเสร็จแล้วก็พักไว้ให้เย็นสักครู่

วิธีทำ

1. เริ่มต้นด้วยการนำถั่วทั้งหมดปั่นแบบหยาบ จากนั้นนำน้ำตาลทรายแดง (ควรเป็นแบบหยาบเช่นกัน) และผงอบเชย คลุกเคล้าให้เข้ากัน อาจจะเอาไม้พายตำให้น้ำตาลแหลกหน่อยก็ได้ คลุกเคล้าส่วนผสมให้เข้ากัน หมักไว้ 7-10 วัน

2. นำแป้งฟิลโล วางแผ่ไว้ แล้วนำผ้าสะอาดชุบน้ำหมาด ๆ วางคลุมไว้กันไม่ให้แป้งแห้ง และจากนั้นก็หาภาชนะสำหรับอบ และนำแป้งฟิลโล ตัดให้เท่ากับขนาดของภาชนะอบ ต่อจากนั้นก็นำถาดอบมาทาเนยเหลว ทำแบบนี้ไปซ้ำๆ กัน จนครบ 8 ชั้น และแต่ละชั้น ควรทาเนยบนแป้งฟิลโลทุกครั้ง อย่าลืมเด็ดขาด

3. นำถั่วบดหยาบที่ผสมไว้เรียบร้อยแล้วในขั้นตอนแรก เทโรยลงไปพอเหมาะ เกลี่ยให้เรียบร้อยเสมอกัน และกดเบา ๆ เพื่อไล่ฟองอากาศออก ทำแบบนี้ซ้ำ ๆ กันจนถั่วครบ 3 ชั้น และแป้งครบ 4 ชั้น กดมีดลงไปอย่างเบามือตัดเป็นรูปแบบ Diamond หรือจะตัดแบบปกติ (แบบสี่เหลี่ยม) นำเข้าอบในเตาอบ ที่อุณหภูมิ 180องศาเซลเซียส เป็นเวลา 40-43นาที

4.พอขนมอบเสร็จเรียบร้อย ให้ใช้มีดตัดตามรอยอีกครั้ง จากนั้นก็เทน้ำราดลงไปให้ทั่วทั้งถาดแล้วทิ้งไว้สักพัก แล้วแต่ความชอบว่าจะให้มันซึมเข้าเนื้อ หรือแค่มีรสชาติหวานพอเป็นพิธี ถ้าจะให้อร่อยเข้มข้นควร ทิ้งไว้สัก 2-5 ชั่วโมง

เคล็ดลับความอร่อยBaklava เป็นขนมที่หวาน ควรกินคู่กับ ชาฝรั่ง (Earl Grey, Darjeeling ฯลฯ) หรือกาแฟนมเพื่อดื่มด่ำให้ถึงรสชาติของความสุขหรือจะกินไป จิบชาไป และสูบบารากุไปด้วยก็ยิ่งได้อรรถรสมากขึ้น

credit : ไทยรัฐออนไลน์

Read More...

เครื่องแกงเข้ม ไม่คาว คุณตุ๊ก ห่อหมกโบราณ ปลากรายเนื้อเนียน ปลาช่อนไร้ก้างเนื้อนุ่ม

สูตรทำอาหาร

“ห่อหมก” อาหารไทยที่ไม่เหมือนใครในโลก มีรสชาติเป็นตัวของตัวเอง มีหน้าตาเป็นเอกลักษณ์ มีวิธีการทำที่พิถีพิถัน ‘นักทำห่อหมก’ ต้องมีความมุ่งมั่น กว่าจะได้ห่อหมกแสนอร่อยแต่ละห่อไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องปาดเหงื่อหลายถัง ต้องทนหลังขดหลังแข็งอีกหลายชั่วโมง พลพรรคผู้ที่รักห่อหมกหลายคนพอนึกอยากหม่ำ แต่คิดถึงวิธีการทำแล้วท้อใจ ‘เจ๊แซบ’ ขอแนะนำห่อหมกรสชาติบ้านๆที่ใส่ใจในทุกขั้นตอนการทำและยังคงใช้วิธีการห่อ แบบโบราณ โซ้ยแล้วให้ความรู้สึกเดิมๆ อร่อยได้ไม่ต้องออก แรงกวน (หุหุ)

“เมื่อ ก่อนครอบครัวพี่ขายกะทิและเครื่องแกงอยู่ในตลาดค่ะ พี่ก็เป็นคนชอบทานห่อหมกอยู่แล้ว พอดีได้มารู้จักกับอาจารย์คนนึง ท่านเคยสอนให้ทำ เป็นสูตรของทางใต้ค่ะ เราเรียนมาแล้วก็เอามาปรับให้เข้ากับคนกรุงเทพฯมากขึ้น คือไม่เผ็ด และไม่มีก้าง ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นผู้ใหญ่ ซึ่งสูตรของเราท่านก็ทานได้หมด พี่ต้องใช้เวลานานเหมือนกันกว่าจะลงตัว ฝึกทำอยู่ 2–3 ปีกว่าจะลงตัว แล้วทำได้นิ่ง ได้รสชาติ ความสด ความหอม แบบที่เราต้องการ เราก็ค่อยเปิดขาย พอดีมีที่ในตลาดเสรี มาร์เก็ตว่างอยู่พี่ก็เลยมาขาย ร้านเราเปิดมาได้ 4–5 ปีก็มีลูกค้าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆค่ะ” คุณพี่ตุ๊กเจ้าของร้านผู้ลงมือทำห่อหมกด้วยตัวเอง เล่าถึงที่มาที่ไปให้เจ๊แซบฟัง

พี่ตุ๊กเจ้าของร้าน

ร้าน "คุณตุ๊ก ห่อหมกโบราณ" ชื่อก็บอกแล้วว่าร้านนี้มีดีที่ห่อหมก คุณพี่ตุ๊กมีสองแบบสองปลาให้เลือกสรร คือ "ห่อหมกปลากราย" เนื้อเหนียว นุ่ม หนึบ หนับ และ "ห่อหมกปลาช่อนไร้ก้าง" หั่นเนื้อปลาใส่เป็นชิ้นเล็กๆ เวลาเคี้ยวแสนจะนุ่มละมุน ละไม สองแบบสองรสชาติ เลือกได้ตามแต่รสนิยม

ทาง ร้านสั่งปลากรายและปลาช่อนมาจากปากน้ำ คัดสดๆ ส่งวันต่อวัน ไม่มีสั่งมาเก็บค้างให้อ้างว้างอารมณ์ คุณพี่ ตุ๊กต้องตื่นตั้งแต่ตีสาม เพื่อรับปลาและนำมาทำความสะอาดและเตรียมสำหรับทำห่อหมก
ขั้นตอนการทำ ปลากรายหลังจากได้มาแล้วต้องทำความสะอาด ขอดเกล็ด แล้วโขลกด้วยมือ โขลกอยู่นานกว่า 2 ชั่วโมงจนเนื้อเนียนเหนียวหนึบ แล้วจึงนำมากวนกับน้ำเครื่องแกง น้ำเครื่องแกงสำหรับปลากรายและปลาช่อนใช้เป็นตัวเดียวกัน คุณพี่ตุ๊กใช้ ประสบการณ์ที่คลุกคลีอยู่ในวงการเครื่องแกงมาตั้งแต่สมัยพ่อ ทำพริกแกงเอง กระหน่ำใส่ทั้งข่า ตะไคร้ ลูกมะกรูด หอม กระเทียม กระชาย ใส่แบบไม่เกรงใจเกษตรกร (หุหุ) หลังจากได้เครื่องแกงแล้วนำมาผสมกับน้ำกะทิสด จนได้น้ำเครื่องแกงในอัตราส่วนที่เหมาะสม

เนื้อ ปลาพร้อม น้ำเครื่องแกงพร้อม นำทั้งสองส่วนมาผสมกันและกวนด้วยเครื่องอีกประมาณ 3 ชั่วโมง ต้องกวนไปในทิศทางเดียวกัน กวนจนเนื้อปลา กรายและน้ำเครื่องแกงผสมผสานเข้ากันเป็นอันหนึ่งอันเดียว แล้วตั้งทิ้งไว้ ประมาณ 2 ชั่วโมงในถังน้ำแข็ง ก่อนจะนำมากวนอีกครั้งเพื่อความมั่นใจว่าเนื้อปลาและน้ำเครื่องแกงยังไม่ พรากจากกัน จากนั้นเริ่มตักเนื้อปลากรายใส่ใบตอง แล้วนำไปนึ่งประมาณ 20 นาที เป็นอันเสร็จสิ้นพร้อมกินได้

สำหรับ "ห่อหมกปลาช่อนไร้ก้าง" พี่ตุ๊กสั่งปลาช่อนมาจากปากน้ำวันต่อวัน รับประกันความสด ใหม่ ห่อหมกปลาช่อนจะไม่ได้โขลกเหมือนปลากราย แต่จะหั่นเป็นชิ้นๆ เวลากินจะสัมผัสกับเนื้อปลาช่อนแบบเต็มปากเต็มคำ ไม่ต้องกลัวว่าก้างจะตำเหงือก พี่ตุ๊กเลือกเฉพาะเนื้อปลา นำมาใส่ในน้ำเครื่อง แกงและกวนเข้าด้วยกัน ก่อนจะนำไปนึ่ง

คุณพี่ ตุ๊กใส่ใจในทุกขั้นตอนการทำ เพื่อให้ได้ห่อหมกแสนอร่อย ไม่ว่าจะเป็นเนื้อปลา เครื่องแกง กะทิ หรือแม้ แต่ใบตอง พี่ตุ๊กเลือกใบตองป่าเนื้อหนา เหนียว และมีกลิ่นหอม เวลานึ่งจะเพิ่มอรรถรสในการโซ้ย

ทั้ง ห่อหมกปลากรายและห่อหมกปลาช่อนมีผักรอง 3 อย่างให้เลือกโซ้ย คือ กะหล่ำปลี โหระพา และใบยอ คุณพี่ตุ๊กใช้ผักกะหลํ่าปลอดสาร เลือกหัวแน่นๆรสจะหวาน นำมาต้มน้ำร้อนแล้วแช่น้ำเย็นก่อนจะนำมารองที่ใบตอง เหมาะสำหรับขาหม่ำที่ชอบอาหารรสอ่อนๆ เน้นความละมุนละไม

"ใบยอ" เป็นอีกหนึ่งเมนูที่ลูกค้าขา ประจำต่างติดอกติดใจ พี่ตุ๊กสั่งใบยอมาจากสวนที่รู้จัก ส่งให้เป็นประจำ นำมาต้มกับน้ำเกลือเพื่อไม่ให้ขม ห่อหมกใบยอเป็นที่ถูกอกถูกใจของนักโซ้ยรุ่นใหญ่ นำมาเท่าไหร่ก็หมด

สถาน ที่ตั้ง "คุณตุ๊ก ห่อหมกโบราณ" หาง้าย...ง่าย ตั้งอยู่ในพาราไดซ์ พาร์ค ถนนศรีนครินทร์ ส่วนที่เรียกว่าเสรีมาร์เก็ต ถ้าเข้ามาทางประตูตลาดเสรี เดินตรงเข้ามา จะเห็นร้านอยู่ทางซ้ายมือ ตลาดเปิดตั้งแต่ 8 โมงครึ่ง จนถึง 2 ทุ่มครึ่ง ไม่มีวันหยุด ถ้าสนใจสั่งจำนวนมากกรุณาบอกล่วงหน้าที่เบอร์ 08-9483-2163 และ 08-9114-1741

หลังจากซื้อห่อหมกคุณพี่ตุ๊ก เรียบร้อยแล้ว อย่าลืมแวะไปสอยขนมต้มแสนอร่อย ข้าวยำรสเริดที่ร้าน "ปอม-ปัน" และซาหริ่มน้ำกะทิขั้นเทพที่ร้าน "ซาหริ่มแม่ละเอียด" ที่แยกสาขามาเปิดร้านอยู่ในโซนฟู๊ดบาซาร์ ช็อปของอร่อยเสร็จแล้วกลับไปนั่งล้อมวงหม่ำที่บ้านแสนสุขกายสบายกระเพาะ (ฮา)

เจ๊แซบ หัวเขียว

Read More...

chicken curry couscous...

ส่วนผสม
- คู๊สคู๊ส 2 ถ้วย
- น้ำร้อน 2 1/2 ถ้วย
- อกไก่ไร้หนัง 2 ชิ้น
- แกงแดง 1 ชต.
- น้ำกะทิ 1 ถ้วย
- น้ำตาลปี๊ป 1/2 ชต.
- น้ำปลา 1/2 ชต.
- สัปะรด 1 กระป๋องเล็ก
- แอ็ปเปิลเขียว 1 ลูก
- มะม่วง 1 ลูก
- ต้นหอม 1 ต้น

ทำคู๊สคู๊สก่อน โดยผสมกับน้ำร้อนแล้วปิดฝาพักไว้ 5 นาที จากนั้นใช้ส้อมเกลี่ยให้ร่วน...

ตั้งกะทะใส่กะทิ รอให้เดือดค่อยใส่แกงแดงลงไปผัดให้หอม..

ใส่สัปะรดลงไป...

ตามด้วยไก่...ปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊ปและน้ำปลา

มะม่วง และ แอ็ปเปิล...

ตักคู๊สคู๊สใส่ถ้วย ราดด้วยแกงร้อน ๆ

credit : http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=bonbini

Read More...

ขวัญใจเด็กเส้นแห่งราชบุรี ก๋ำเช้ง เกี๊ยวสำลี บะหมี่กรอบเด้ง

เกี๊ยวบางได้ใจ เส้นใหญ่เหนียวหนึบ

"ทุก วันนี้พี่ทำเองหมด ทุกอย่าง ทั้งบะหมี่ ทั้งเกี๊ยว เหนื่อยมาก แต่ไม่เคยท้อ และไม่คิดจะเลิกขาย พี่ทำมาตลอด และพี่ก็รักที่จะทำตรงนี้ต่อไป ลูกค้ามากินแล้วอร่อย เราก็มีความสุข พี่คิดว่าจะทำจนกว่าจะทำไม่ไหว...หรือหมดลมไปเลย"

นี่คือคำประกาศ ก้องของ "พี่แมว" หญิงแกร่งแห่งร้าน "กํ๋าเช้ง" ร้านบะหมี่เก่าแก่ประจำตลาดราชบุรี "ก๋ำเช้ง" เป็นที่รู้จักมักคุ้นในหมู่นักโซ้ยในพื้นที่ มีแฟนคลับมากมายไม่ว่าจะเป็นรุ่นใหญ่ลายคราม ยันรุ่นใหม่หน้าใสเด้ง พี่แมวเป็นทายาทรุ่นที่ 4 นับตั้งแต่อากงที่บุกเบิกเปิดเส้นทางสำหรับบะหมี่เกี๊ยวสูตรกวางตุ้ง สมัยก่อนอากงใส่หาบแบกขายไปตามทาง จนเป็นรุ่นอาม่า ส่งผ่านมารุ่นเตี่ยเริ่มเป็นรถเข็น และเปิดร้านเป็นเรื่องเป็นราวก่อนจะส่งให้ "พี่แมว" ลูกสาวดูแลรับช่วงต่อไป ด้วยความรักและใส่ใจในการทำจากรุ่นสู่รุ่น ทำให้ร้านก๋ำเช้งสามารถยืนหยัดมาได้อย่างมั่นคงและยาวนานกว่า 80 ปี!!

"ตอน อากงสอนอาม่าทำบะหมี่ เกี๊ยว จะเข้มงวดมาก ต้องทำให้ได้ตามสูตรที่แกสอนเป๊ะๆ ถ้าทำไม่ได้แกตีอาม่าเลยนะ ที่ตีนี่คือตีเพื่อจะให้ทำให้ได้เหมือนเขา จนในที่สุดอาม่าก็ทำได้เหมือนก๋งเลย แล้วก็มาสอนเตี่ยต่อ แล้วเตี่ยก็สอนพี่ พี่ฝึกทำมาตั้งแต่เด็กๆ ขายไปเรียนหนังสือไป" พี่แมวเล่าความเป็นมาของเส้นบะหมี่ไข่สไตล์ ก๋ำเช้งที่มีความเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร

เส้นบะหมี่ของร้านนี้มี สองแบบให้เลือก คือแบบเส้นเล็ก และเส้นใหญ่ หรือที่เรียกว่าบะหมี่เป๊าะ เส้นใหญ่จะมีขายเฉพาะวันเสาร์และวันอาทิตย์ ส่วนเส้นเล็กมีขายทุกวัน มาเมื่อไหร่ก็ได้กิน (ถ้าไม่หมดซะก่อน..หุหุ)

เอกลักษณ์ของบะหมี่ ร้านนี้คือ ไม่นิ่มจนเกินไป แต่จะกรอบๆ เด้งๆ เคี้ยวกรึบๆ พอสนุกปาก เป็นบะหมี่สูตรลับที่คิดค้นโดยอากงผู้ล่วงลับ อากงใช้แป้งเกรดเอจากต่างประเทศหลายยี่ห้อรวมกัน ผสมโน่นนิด นี่หน่อย จนได้สูตรอร่อยสมใจ สมัยก่อนอากงจะผสมแป้งเอง นวดเอง ตีเอง แต่ตอนนี้พี่แมวมีผู้ช่วยเป็นเครื่องมือสำหรับผสมแป้งทุกอย่างให้เข้ากัน ระหว่างนั้นจึงเตาะไข่ใส่ลงไปให้เครื่อง พี่แมวคัดไข่ใบโตใส่จนแป้งค่อยๆกลายเป็นสีเหลือง ระยะเวลาในการนวดแป้งขึ้นอยู่กับอุณหภูมิ และความชื้นในอากาศ ถ้าความชื้นมีมากไม่ต้องนวดนาน แต่ถ้าอากาศแห้งต้องนวดนานกว่าปกติ ทุกวันนี้ถึงแม้พี่แมวจะใช้เครื่องทุ่นแรง แต่ยังต้องใช้ประสบการณ์และความชำนาญเฉพาะ ตัวเพื่อควบคุมเครื่องอีกที บะหมี่ถึงจะกรอบเด้งโดนใจ

หลัง จากนั้นพี่แมวจะนำแป้งมาเข้าเครื่องขย่มเพื่อให้ส่วนผสมของแป้ง เข้าที่เข้าทาง ก่อนจะใส่เข้าไปในเครื่องรีด เพื่ออัดและรีดให้แป้งออกมาเป็นแผ่นๆแล้วนำไปตัดเป็นเส้น ก่อนจะส่งเข้าเครื่องจับก้อนเป็นขั้นตอนสุดท้าย สำหรับบะหมี่เป๊าะหรือบะหมี่เส้นใหญ่ พี่แมวจะจับเส้นด้วยมือ ไม่ใช้เครื่องช่วย เส้นใหญ่มีเฉพาะเสาร์และอาทิตย์ วันละ 50-60 ก้อนเท่านั้น หมดแล้วหมดกันไม่ทำเพิ่ม บะหมี่เส้นใหญ่จะแตกต่างจากเส้นเล็กตรงที่มีความเหนียวและนุ่มมากกว่า

สอง เส้นสองสไตล์มีให้เลือกตามใจชอบ ใครชอบบะหมี่กรอบๆเด้งๆให้สั่งเส้นเล็ก ใครชอบบะหมี่เหนียวนุ่มละมุนลิ้นแนะนำให้กินเส้นเป๊าะ แต่ถ้าอยากลองทั้งสองแบบแนะนำให้สั่ง "เล็กน้ำ ใหญ่แห้ง" อิ่มอร่อยไม่มีเส้นไหนต้องน้อยใจ (หุหุ)

นอก จากเส้นบะหมี่ของที่นี่จะมีเอกลักษณ์แล้ว แผ่น "เกี๊ยว" ของพี่แมวยังมีความโดดเด่นไม่เป็นรองใคร ด้วยความบาง เบา ราวกับสำลียามโดนน้ำ เวลาหม่ำแทบไม่ต้องเคี้ยวแผ่นเกี๊ยวพร้อมจะละลายในปาก พี่แมวทำแผ่นเกี๊ยวด้วยมือทุกขั้นตอน เริ่มตั้งแต่ผสมแป้ง ใช้ไม้ตะบองนวดแป้งให้ได้ที่แล้วรีด รีด และรีดจนได้ความบางตามมาตรฐานก๋ำเช้ง แล้วค่อยตัดเป็นแผ่นๆ พี่แมวลงทุนลงแรงและลงเวลากับการประดิษฐ์แผ่นเกี๊ยวที่บางไม่เหมือนใคร โซ้ยง่ายไม่ระคายเหงือก

อีกหนึ่งเสน่ห์ที่ดึงดูดกระเพาะนักหม่ำให้ ต้องขับรถมาลอง ถ้าเคยลองแล้วต้องกลับมาซ้ำคือ หมูแดง หมูหวาน และหมูสับเนื้อละเอี๊ยด...ละเอียด พี่แมวเลือกหมูอย่างดี นำมาล้าง และหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ก่อนจะใส่เครื่องบดรูเล็กสุด บดจนได้หมูสับเนื้อเนียนน่าหม่ำ ใครที่ชอบโซ้ยหมูสับเจ๊แนะนำให้ลองของเค้าเนียนจริงๆ!!

พี่แมวทายาทปัจจุบัน

สำหรับ เจ๊แซบแอบปลื้ม "หมูหวาน" มากเป็นพิเศษ พี่แมวใช้หมูสะโพกหมักกับเครื่องปรุงรสเข้มข้นสูตรอากง หมักจนได้ที่ค่อยนำไปย่างกับเตาถ่าน เนื้อหมูนุ่มชุ่มลิ้น ทั้งหอมทั้งหวาน หม่ำกับเกี๊ยวก็ดี หม่ำกับบะหมี่ก็เริ่ด!!

อร่อยครบสูตรทั้งบะหมี่ เกี๊ยว หมู รวมทั้งน้ำซุปยังหวานสะอาดคอ หวานจากกระดูกล้วนๆ ไม่ใส่ผงชูรสใดๆทั้งสิ้น

พี่ แมวใช้เวลาเกือบทั้งชีวิตอุทิศให้กับการสร้างสรรค์ ปั้นผงแป้งให้กลายเป็นเส้นบะหมี่และแผ่นเกี๊ยวที่แสนอร่อย นอกจากขายหน้าร้านพี่แมวยังรับทำเส้นบะหมี่ส่ง แต่ต้องสั่งล่วงหน้าอย่างน้อย 1 วัน ถ้าต้องการแค่ไม่กี่ก้อนซื้อหน้าร้านได้ไม่ว่ากัน แต่แผ่นเกี๊ยวพี่แมวฝากบอกว่าไม่มีขายแยก เพราะทำไม่ไหวจริงๆ

"กํ๋า เช้ง" เปิดทุกวันไม่มีวันหยุดเริ่มจุดเตาพร้อมขายตั้งแต่ 7 โมงเช้า ถึงบ่าย 3 โมงครึ่ง ร้านตั้งอยู่ในตัวเมือง จังหวัดราชบุรี ถนนนิยมทัศนา หรือชาวบ้านเรียกว่าถนนข้างสถานีตำรวจภูธรเมืองราชบุรี นึกไม่ออก ไปไม่ถูก โทร.ถามพี่แมวได้ที่เบอร์ 0-3232-3278 เบอร์เดียวจะได้พบกับบะหมี่เกี๊ยวสูตรอร่อยมรดกตกทอดจากอากง ของดีที่ไม่เหมือนใคร!!

เจ๊แซบ หัวเขียว

Read More...

อาการจุกเสียดแน่นเฟ้อ

ซา ร่า โดนเนอร์ พนักงานในตลาดหลักทรัพย์ที่มีประสบการณ์และความสามารถมาหลายปีในองค์กรนี้ ด้วยหน้าที่การทำงานที่ยุ่งเหยิงของเขา ซาร่าจะเริ่มทำงานตั้งแต่ 7 โมงเช้าเป็นประจำทุกวัน และด้วยสาเหตุนี้จึงส่งผลให้พฤติกรรมการรับประทานอาหารของซาร่าต้องเป็นไป อย่างเร่งรีบ

เวลา 08.20 น. ระหว่างรออยู่หน้าลิฟท์เพื่อขึ้นไปที่ห้องประชุม ซาร่ารับประทานเพียงแค่ขนมปังครัวซองต์กับแฮม และน้ำส้ม 1 กล่อง

เวลา 13.15 น. งานของซาร่ายุ่งอย่างต่อเนื่องและก็มีประชุมต่อตอนช่วงบ่าย เขาไม่มีแม้เวลาที่จะรับประทานอาหารกลางวัน ซาร่าเดินไปซื้อขนมปัง 2 ชิ้น พร้อมไดเอ็ทโค้ก 1 กระป๋อง เพื่อทดแทนมื้อกลางวัน

เวลา 18.00 น. ระหว่างที่ซาร่ารอให้ตลาดหลักทรัพย์ที่ประเทศญี่ปุ่นเปิดนั้นซาร่าได้โทรสั่งอาหารจีนสำหรับอาหารมื้อเย็น

เวลา 18.30 น. ซาร่าออกจากบริษัทถึงบ้าน ประมาณ 19.15 น. ซาร่าดื่มเบียร์ 1 กระป๋อง พร้อมรับประทานอาหารจีนที่เขาซื้อมาอย่างรวดเร็ว

หลัง จากรับประทานอาหารค่ำเสร็จ ซาร่าเอนนอนลงบนโซฟา แต่เพียงไม่กี่นาทีเขาก็ต้องลุกขึ้นมานั่งลงบนพื้นเนื่องจากมีอาการเจ็บที่ หน้าอก ในขณะนั้นซาร่าไม่รู้เลยว่าอาการที่เกิดขึ้นนั้นมาจากสาเหตุอะไร อาการที่ซาร่ากำลังเป็นอยู่ คือ อาการจุกเสียดแน่นเฟ้อ

อาการจุกเสียดแน่นเฟ้อนั้นจะมีอาการดังนี้ แสบร้อนในหน้าอกเกิดขึ้นได้เมื่อมีกรดในท้องและไหลกลับขึ้นไปยังหลอดอาหาร

อาการที่สังเกตได้จะมีอาการหลังรับประทานอาหารมื้อค่ำ    อาการจะกำเริบเมื่อนอนราบหรือก้มตัวไปด้านหน้า

อาการ จุกเสียดทั่วๆไปนั้น สามารถบรรเทาได้ด้วยยาแก้จุกเสียดและยาลดกรดตามร้านขายยาทั่วไป แต่คุณควรสังเกตหากมีอาการจุกเสียดที่เกิดขึ้นถี่และบ่อยครั้ง นั่นอาจเป็นสัญญาณเตือนและควรเข้าพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยโดยด่วน

ควรนัดพบแพทย์หากมีอาการดังนี้

อาการจุกเสียดเกิดขึ้นบ่อยครั้งหรืออาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง

หากรับประทานยาแก้จุกเสียดหรือยาลดกรดแล้วแต่อาการยังไม่ดีขึ้น

มี อาการกลืนอาหารด้วยความยากลำบากและหากมีอาการเจ็บที่หน้าอกหรือหายใจไม่ สะดวก หรือ เจ็บบริเวณกรามและแขน ควรเข้าพบแพทย์โดยด่วนเช่นกัน เพราะอาการเหล่านี้อาจเป็นอาการของโรคหัวใจได้

ประเภทของอาหารที่เป็นสาเหตุ

เครื่อง ดื่มแอลกอฮอล์ ชา กาแฟ น้ำส้มคั้น นํ้าอัดลม ช็อกโกแลต เป๊ปเปอร์มินท์ ของทอดต่างๆ   พริกไทยดำ น้ำมะเขือเทศ ซอสมะเขือเทศ มัสตาร์ด น้ำส้มสายชู

ยาลดกรด ที่สามารถซื้อได้ตามร้านชายยา เช่น

ยา ลดกรด - เป็นยาบรรเทาอาการจุกเสียดและลดกรดในกระเพาะ เอช 2 รีเซพเตอร์ บล็อกเกอร์ เป็นยาที่ช่วยลดกรด และบรรเทาอาการอาหารไม่ย่อย

โปรตอน ปั๊มพ์ อินฮิบิเตอร์ - เป็นยาลดกรด และช่วยให้การอุดตันของหลอดอาหารลดลง

การปรับเปลี่ยนวิธีการใช้ชีวิตประจำวันสามารถช่วยไม่ให้เกิดอาการได้
การ ดูแลน้ำหนัก เพราะการมีน้ำหนักที่มากจนเกินไป จะทำให้เกิดการกดที่ช่องท้อง ซึ่งเป็นสาเหตุของการมีกรดในหลอดอาหาร การเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์เพื่อวิธีการลดน้ำหนัก และควบคุมอาหาร

ควรหลีกเลี่ยงอาหารและเครื่องดื่มที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดอาการจุกเสียด แน่นเฟ้อ

ควร เก็บบันทึกประเภทอาหารที่ทำให้เกิดอาการจุกเสียดแน่นเฟ้อ หากท่านสูบบุหรี่เป็นประจำ การลดการสูบบุหรี่นั้นจะช่วยให้กล้ามเนื้อหูรูดของหลอดอาหารทำงานได้ดีขึ้น

ไม่ควรใส่เสื้อผ้าที่รัดแน่นจนเกินไป เสื้อผ้าที่รัดแน่นจะไปกดที่ช่องท้องบนและล่างได้

หลังรับประทานอาหารเสร็จ ควรนั่งพักอย่างน้อย 2-3 ชม. ก่อนเข้านอน ระหว่างนั่งควรปรับศีรษะให้อยู่ที่ 45 องศา หรือมากกว่านั้น ก็จะช่วยบรรเทาไม่ให้กรดไหลย้อนขึ้นมาที่หลอดอาหารได้

หากคุณมีอาการ จุกเสียดแน่นเฟ้อเกิดขึ้นบ่อยครั้ง อาการเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณของโรคกรดไหลย้อน และหากมีอาการที่รุนแรงขึ้นอาจจำเป็นต้องรักษาด้วยการผ่าตัด

ที่มา : ศูนย์ระบบทางเดินอาหาร โรงพยาบาลกรุงเทพ
http://www.bangkokhospital.com
http://www.bangkokhealth.com

Read More...