สูตรขนม สูตรอาหาร อาชีพรายได้เสริม ประกาศฟรี โฆษณาฟรี Career Articles Extra Income
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

Drop Down MenusCSS Drop Down MenuPure CSS Dropdown Menu

‘ไก่พิโรธ’ สำแดงเดชเผ็ดลิ้น


“ทำอาหารเหมือนกับเล่นดนตรีคือ ต้องใส่ใจลงไป ทุกคนทำได้หมด อร่อยหรือไม่อร่อยขึ้นอยู่กับรสชาติที่ชื่นชอบ เพลงไพเราะหรือไม่ไพเราะขึ้นอยู่กับรสนิยมการฟังของแต่ละคน” ปรีชา ชนะภัย หรือ “เล็ก คาราบาว” นักกีตาร์ฝีมือดีคนหนึ่งของเมืองไทย เจ้าของฉายา “กีตาร์ลายเซ็น” เล่าขณะกำลังสาละวนคลุกเคล้าไก่ต้มเค็มให้เข้าเนื้อ เมนูเลื่องชื่อโอชาไม่แพ้ลีลาดีดกีตาร์อันพลิ้วไหว ซึ่งรสชาติเตะลิ้นคนรู้จักมักคุ้นอย่าง ทัศพล แบเลเว็ลด์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการบินไทยแอร์เอเชีย จนเอ่ยปาก ขอสูตรมาเสิร์ฟทุกไฟลต์บินของสายการบินแอร์เอเชีย สามารถสั่งได้ในเซต “ไก่ต้มเค็มเล็ก คาราบาว”

คุณเล็ก-ปรีชา บอกถึงที่มาของสูตรเด็ดว่า สูตรนี้ได้มาจากแม่ยายทำง่ายมาก ประเมินด้วยสายตาดูแล้วไม่น่าอร่อย แต่หลายคนได้ลองกินแล้วติดใจ สมัยก่อนนัดสังสรรค์กับเพื่อนที่บ้านบ่อย นัดคุยงาน เล่นดนตรีกันบ้าง มักเข้าครัวทำอาหารอย่างเมนูนี้คนถามเสมอทำอย่างไร ด้วยความที่มันง่ายมาก ขนาดย้ำบอกให้ดูดี ๆ นะ แต่ระหว่างทำไม่ค่อยมีคนสนใจหรอก พอตักเข้าปากกินคำแรก เพื่อนจะร้อง เฮ้ย!!! อร่อยทำยังไง ขี้เกียจสาธยายต่อแล้ว เป็นอย่างนี้อยู่หลายรอบ สรุปไม่ต้องรู้วิธีทำ กินอย่างเดียวเถอะ

“ผมไม่หวงสูตรนะ ตอนคุณทัศพลบอกให้คิดค่าลิขสิทธิ์ ผมบอก “ใครอยากได้เอาไปเถอะให้ฟรี” คือ ผมยึดหลักการดำเนินชีวิตที่ว่า คนเราต่างมีความฝัน ผมโชคดีมาถูกทางขณะที่หลายคนเดินไม่ถึงฝั่งฝัน เมื่อยืนอยู่บนจุดสำเร็จ เวลาที่เหลือก็ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขแล้วแบ่งปันสิ่งดี ๆ ต่อสังคม” มือกีตาร์หนวดงามเผยนิยามชีวิตและเล่าต่อว่า เรื่องอาหารทำด้วยใจรัก แม่เป็นแม่ค้าตอนเด็ก ๆ ช่วยแม่ทำอาหารขาย พอแต่งงานก็สอนภรรยาบ้าง อยากให้ภรรยาทำอาหารให้กิน ช่วงนี้เพลามือลงเลือกกินมากขึ้น งดอาหารรสจัด เพราะต้องถนอมร่างกายหลังจากใช้ชีวิตวัยหนุ่มมาคุ้มค่า”

เนื่องจากเมนู “ไก่ต้มเค็ม” วันนี้มีรสเผ็ดโดดเด่นมากกว่าความเค็ม เมนูนี้คุณเล็กจึงตั้งชื่อให้ใหม่ว่า “ไก่พิโรธ” ร้อนแรงด้วยเครื่องเทศและแซบจี๊ดจ๊าดแบบถึงใจ วัตถุดิบและส่วนผสมสำหรับเสิร์ฟ 1 ที่ ประกอบด้วย ตะโพกไก่ 80 กรัม, ข้าวหอมมะลิ 165 กรัม, หัวหอมแดง 1 กรัม, พริกจินดา 1 กรัม, รากผักชี 1 กรัม, พริกไทย 1 กรัม, ซอสถั่วเหลือง 60 กรัม, ซีอิ๊วขาวและเกลือชนิดเม็ด สำหรับสัด ส่วนนี้คุณเล็กเผยว่า ไม่ตายตัวถ้าชอบรสเผ็ดใส่พริกเพิ่มได้ตามใจชอบ สังเกตให้ดีเมนูนี้ใช้เครื่องปรุงน้อย เพราะอยากให้ได้รสชาติธรรมชาติแท้ ๆ อย่างน้ำตาลจะไม่ใส่เลยเพราะได้ความหวานจากหัวหอม แดงแล้ว ความเผ็ดจากพริก ส่วนรากผักชีและพริกไทย เพิ่มกลิ่นให้เย้ายวนเตะจมูก “คนโบราณใช้เกลือเป็นหลัก การปรุงอาหารใช้แค่น้ำปลากับเกลือ ไม่ใส่ซอสนั่นซอสนี่วุ่นวาย”

ส่วนวิธีการทำ ล้างไก่ให้สะอาดเทใส่ลงหม้อ ตามด้วยส่วนผสมของหัวหอมแดง, พริกจินดา, รากผักชี และพริกไทยที่โขลกรวมกันพอหยาบ เติมรสชาติด้วยเกลือ ซอสถั่วเหลือง และซีอิ๊วขาว ต้มทิ้งไว้สักครู่ เทน้ำเปล่าพอขลุกขลิก พอเดือดค่อย ๆ คนไม่ต้องกลัวเหม็นคาว จากนั้นตั้งไฟต่อจนไก่สุกกำลังดี ถ้ามีมันไก่ลอยขึ้นมาให้ค่อย ๆ ช้อนมันทิ้ง เสร็จแล้วจัดเสิร์ฟใส่จานกินพร้อมกับข้าวสวยร้อน ๆ กำลังดี สำหรับมือใหม่หัดทำ คุณเล็กใจดีแนะนำว่า อย่าเพิ่งหนักมือ จะลดหรือเพิ่มค่อย ๆ ปรุง ถ้าชอบกินหมูสามารถประยุกต์ใช้ซี่โครงหมูได้ ซึ่งสัดส่วนผสมเหมือนกันทุกประการ แตกต่างกันแค่เวลาที่ใช้ต้ม.

credit by :  http://www.dailynews.co.th/Content/Article/244689/'ไก่พิโรธ’+สำแดงเดชเผ็ดลิ้น

Read More...


กลมกล่อมรส ‘กุ้งเทมปุระโซบะ’


ตามธรรมเนียมของชาวญี่ปุ่นนิยมรับประทาน “โซบะ” ในช่วงฤดูหนาว นอกจากทำให้ร่างกายอบอุ่นขึ้นแล้ว ชาวญี่ปุ่นยังนิยมรับประทานในวันสิ้นปีคล้ายกับเป็นการขอพรให้มีชีวิตยืนยาว เหมือนเส้นโซบะและมีสุขภาพดี แต่โซบะกับคนไทยอาจเพิ่งทำความรู้จักกันบนโต๊ะอาหารได้ไม่นาน ถ้าเทียบกับชามเส้นที่มีลักษณะและรสชาติเข้มข้นต่างกันอย่าง “อุด้ง” และ “ราเม็ง” ความโดดเด่นของโซบะนั้นถูกยกให้เป็นอาหารเพื่อสุขภาพ รับประทานแล้วไม่อ้วนเพราะเส้นโซบะทำจากดอกข้าว หรือ “แป้งบัควีท” ซึ่งมีสรรพคุณล้นเหลือคือ ถูกย่อยและดูดซึมได้อย่างรวดเร็ว รวมแร่ธาตุหลายชนิด เช่น เหล็ก, แคลเซียม, โพแทสเซียม และโปรตีน ช่วยให้กล้ามเนื้อกระดูกและเลือดสมบูรณ์แข็งแรง เหมาะสำหรับการเจริญเติบโตของเด็กและป้องกันไม่ให้เกิดริ้วรอย

เกริ่นมาขนาดนี้หลายคนคงอยากชิมแล้วว่ารสชาติเป็นอย่างไร โอกาสดี “เอ๋-ภาดล กิตติเดชาสกุล” เจ้าของร้านอาหารญี่ปุ่นโซบะเต บนชั้น 7 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ผู้คลุกคลีอยู่ในวงการอาหารและเคยใช้ชีวิตช่วงหนึ่งอยู่ในประเทศญี่ปุ่น อาสาสาธิตวิธีการทำ “โซบะกุ้งเทมปุระ” ชนิดร้อน ซึ่งหารับประทานได้ยากกว่าชนิดเย็นได้ลองทำกัน “สมัยก่อนวิธีการทำเส้นโซบะค่อนข้างซับซ้อน ปัจจุบันทำง่ายขึ้นเพราะใช้เครื่องทำเส้นมาเป็นตัวช่วยเหมือนกับทำเส้น สปาเกตตี แค่หมักแป้งทิ้งไว้ค้างคืนไม่ต้องนวดจับใส่เครื่องก็สามารถใช้ได้ทันที แตกต่างจากอดีตที่วิธีการทำซับซ้อนต้องใช้มือและเท้านวด” คุณเอ๋กล่าวถึงตัวช่วยที่กลายเป็นที่มาของร้านลำดับถัดมาจากร้านอาหาร อิตาเลียน

คุณเอ๋เล่าต่อว่า วันหนึ่งเพื่อนชาวญี่ปุ่นมาเยี่ยม พาไปรับประทานอาหารอิตาเลียนที่ร้าน ด้วยความที่เป็นร้านอาหารอิตาเลียนทำเส้นสปาเกตตีเอง นอกจากนำเข้าเครื่องทำเส้นไว้ที่ร้านแล้วยังเป็นตัวแทนจำหน่ายส่งตามโรงแรม ต่าง ๆ ด้วย เมื่อเพื่อนทราบก็สงสัยว่าทำไมไม่ทำโซบะขายเอง เพราะใช้เครื่องตัวเดียวกัน ระหว่างนั้นนำเข้าอาหารทะเลแช่แข็งส่งห้างอิเซตัน บัง เอิญเดินผ่านที่ตรงนี้เห็นว่าพื้นที่ว่างพอดี จึงดำเนินการติดต่อธุรกิจ หลังจากนั้นบินไปเทรนด์การใช้เครื่องทำเส้น ควบคู่กับลงลึกถึงการทำโซบะและซูชิ ที่ร้านของเพื่อนในชื่อเดียวกันประมาณ 3 เดือน พอคล่องแคล่วแล้วจึงกลับมาสานต่อความฝันให้เป็นจริง

ดังนั้นรสชาติจึงได้กลิ่นอายแบบญี่ปุ่นขนานแท้ สำหรับวัตถุดิบและส่วนผสมของ “โซบะกุ้งเทมปุระ” แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ประกอบด้วย เส้นโซบะ ใช้แป้งบัควีท 1 กิโลกรัม, น้ำ 350 ซีซี น้ำโซบะ ใช้น้ำเปล่า 4,000 ซีซี (ต้มเป็นหม้อ), มิริน 1,000 ซีซี, ปลาแห้ง 1 กำมือ, เห็ดหอมแห้ง 4-5 ดอก, สาหร่ายคอมบุ 2-3 เส้น, ฮอนดาชิ 1 ช้อนโต๊ะ และโชยุ 1,000 ซีซี กุ้งเทมปุระ ใช้กุ้งกุลาดำ ขนาด 4-5 นิ้ว ประมาณ 2 ตัว สามารถใช้กุ้งของไทยตามสบาย เพราะคุณเอ๋การันตีว่ากุ้งของเมืองไทยคุณภาพดีกว่ายิ่งนัก กรณีที่ชอบเผือก มัน แครอท และลูกชิ้นปลา สามารถใส่เพิ่มได้ คลุกกับแป้งสาลีและแป้งเทมปุระ ก่อนทอดลงในน้ำมันร้อนโดยใช้ไฟธรรมดาเพื่อให้เทมปุระกรอบเหลือง

วิธีการทำเส้นโซบะ นำแป้งบัควีทผสมน้ำนวดทิ้งไว้หนึ่งคืนเพื่อให้แป้งนุ่ม คุณเอ๋เผยเทคนิคว่า ความจริงแล้วเส้นโซบะไม่ค่อยมีส่วนผสมของแป้ง ทำให้เส้นไม่ยึดติดกัน ขาดง่าย จึงต้องระมัดระวังสำหรับมือใหม่ เมื่อแป้งเข้าที่แล้วให้นำใส่เครื่องทำเส้น จากนั้นนำไปต้มในน้ำเดือด ปกติถ้าเป็นลิ้นคนญี่ปุ่นต้มเส้นแค่ 7 นาที แต่ลิ้นคนไทยอาจแข็งเกินไปอนุโลมให้ต้มเผื่อไปอีก 3 นาทีได้ เสร็จแล้วตักเส้นขึ้นจัดใส่ชาม ถ้าชอบกินแบบเย็นแนะนำให้น็อกเส้นในน้ำเย็นก่อน ส่วนน้ำโซบะ ต้มน้ำในกาที่มีตัวกรอง ใส่สาหร่ายคอมบุ พอน้ำเดือดนำสาหร่ายออกใส่ปลาแห้ง เห็ดหอมลงไป ปิดฝาทิ้งประมาณ 5 นาที ปรุงรสด้วยมิริน, ฮอนดาชิ และโชยุ เสร็จแล้วตักใส่ชามประดับด้วยกุ้งเทมปุระ ผักกวางตุ้งและลูกชิ้นปลา โดยทั่วไปจะเสิร์ฟพร้อมวาซาบิและสาหร่ายโนริ โซบะชนิดนี้หากเสิร์ฟแบบเย็นบนถาดไม้ไผ่จะเรียกว่า “ซารุโซบะ”.
‘ช้องมาศ’

credit by :  http://www.dailynews.co.th/Content/Article/251572/กลมกล่อมรส+‘กุ้งเทมปุระโซบะ’

Read More...


ลุ่มหลงรส ‘โกโก้เย็น’ ฉ่ำชื่นใจ


ชอบไปนั่งเล่นและสั่งกาแฟรสหวานเข้มมาจิบระหว่างพูดคุยกับก๊วนเพื่อน จิตรลดาเป็นส่วนใหญ่ จุดประกายให้มัณฑนากรหนุ่มคมเข้ม “ปั๊ม-ดิศพงษ์ ดิศกุล ณ อยุธยา” ฝันอยากมีร้านเป็นของตัวเอง ภาย
หลังได้รับไฟเขียวจากคุณแม่ กรองกาญจน์ ดิศกุล ณ อยุธยา ร้านกาแฟเล็ก ๆ อย่าง “โอล์ดสกุลคอฟฟี่” ย่านสามเสน จึงเป็นรูปเป็นร่างและเปิดบริการเสิร์ฟความสดชื่นจนทุกวันนี้ “ร้านกาแฟอยากทำมาตั้งแต่แรก ตามประสาผู้ชายอยากทำร้านคาร์แคร์ อยากเปิดร้านกาแฟ ซึ่งร้านกาแฟเป็นร้านที่ผมและเพื่อน ๆ ชอบไปนั่งกัน รู้สึกอยากมีร้านของเราเองบ้าง เพื่อน ๆ จากที่เคยไปนั่งร้านอื่นก็มานั่งร้านเรา ช่วงที่เพื่อน ๆ มาก็สนุกสนานเหมือนอยู่บ้าน ส่วนลูกค้าบางคนมาตั้งแต่แรก จนสนิทสนมชวนกันไปเที่ยว ล่าสุดเพิ่งไปเกาะช้างด้วยกันมา รู้สึกดีตรงจุดนี้ที่มีร้านของตัวเอง ทำให้รู้จักคนมากขึ้น” ที่มาร้านกาแฟกระชับมิตร

ด้วยความที่ต้องการให้ร้านเป็นที่พบปะระหว่างเพื่อนฝูง แนวคิดของชื่อร้านจึงผุดขึ้นพร้อมกับกลิ่นอายของร้านอบอุ่นเหมือนคืนสู่ เหย้า ทำให้ส่งผลถึงการออก แบบร้านที่เจ้าตัวชำนาญด้วย “จับเอาคำมาตีความ คำว่า “โอล์ดสคูล” คล้ายคำสแลงของฝรั่ง มีความหมายทำนอง คลาสสิก, วินเทจ แต่คำจำกัดความสไตล์ของผมคือ แบ็กทูเบสิก กลับคืนสู่สามัญ ส่งผลให้การเลือกใช้วัสดุ การออกแบบสไตล์ของร้าน วัสดุทุกชิ้นคืนสู่ความเรียบง่ายหมด ทั้งเหล็ก ปูน อิฐ ไม้ รวมถึงโต๊ะเก้าอี้ที่เติมอารมณ์ให้หวนคิดถึงโรงเรียนเก่าตามความหมายตรง ตัว”  มัณฑนากรหนุ่มเผยไอเดีย
สำหรับเมนูเครื่องดื่ม เจ้าของร้านเล่าว่าเน้นทำเองคิดค้นส่วนผสมสูตรเฉพาะตัวจนกลายเป็นแก้วโปรด


รส ชาติดั่งใจคิด “เลือกใช้เมล็ดกาแฟชนิดอะราบิก้า ที่กลิ่นหอมเย้ายวนรุนแรงแต่ความเข้มอาจเจือจางกว่าเมล็ดกาแฟชนิดโรบัสต้า เพราะต้องการให้ดื่มด่ำกับความหอมไม่ขมจนเกินไป ส่วนเรื่องยี่ห้อกาแฟไม่สนใจเลย ขึ้นอยู่กับว่าไปชิมที่ไหนแล้วถูกใจก็เลือกใช้ ก่อนเสริมทัพความรู้ให้แน่นปึ้กด้วยการลงคอร์สเรียนทำกาแฟเบื้องต้น หลังจากนั้นซื้อเครื่องทำกาแฟมาลองทำอยู่เป็นปี ปรับสูตรจนลงเอยที่สุด” เมื่อทุกอย่างเข้าที่เข้าทาง คุณปั๊มจึงหาเบเกอรี่มากินคู่กัน โดยรับขนมเค้กโฮมเมดจากร้านโอรส ซึ่งเป็นร้านของน้ามาจำหน่ายเช่นเดียวกับขนมฝากขายจากเพื่อน ๆ ที่ไม่ทิ้งคอนเซปต์ของร้าน
ด้านไลฟ์สไตล์ส่วนตัว มัณฑนากรหนุ่มเล่าว่า ติดกาแฟมานานตั้งแต่สมัยเรียนหนังสือ เพราะเรียนหนักอดตาหลับขับตานอน ก่อนเข้าห้องเรียนต้องถือกาแฟเย็นติดมือเป็นตัวช่วยให้ตาสว่าง เมื่อกินและลองมามากวันนี้เจ้าตัวยอมรับว่าเป็นคอกาแฟคนหนึ่ง แม้โปรดปรานแบบเย็นมากกว่าร้อนก็ตาม “ชอบกาแฟเย็น แต่คอกาแฟส่วนใหญ่บอกกาแฟเย็นไม่ค่อยได้เรื่อง ต้องกินกาแฟร้อน แต่พออนุโลมได้นะ เพราะประเทศไทยเป็นเมืองร้อน กินกาแฟเย็นให้มันชื่นใจหายร้อนดีกว่า”

นอกจากกาแฟแล้วเครื่องดื่มที่หนุ่มมาดเข้มโปรดปรานอีกชนิดคือ “โกโก้เย็น” โดยในวันนี้จะมาสาธิตวิธีการชงแบบโอล์ดสคูล เข้มข้นถึงรสชาติโกโก้แท้ ๆ แบบหาตัวจับได้ยาก ส่วนผสมโกโก้เย็น 1 แก้ว ประกอบด้วย  ผงโกโก้ 3 ช้อนโต๊ะ,  นมข้น  1/2 ออนซ์, น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา, นมสด และผงสูตร ซึ่งทางร้านผสมเอง 1 ช้อนโต๊ะ วิธีการชง ผสมนมข้น, น้ำตาลทราย, นม, ผงโกโก้ และผงสูตรทางร้าน ใส่น้ำร้อนนิดหน่อยพอให้คนสะดวก เสร็จแล้วนำเข้าเตาอบสักครู่ ขั้นตอนนี้ช่วยให้โกโก้เนื้อเนียนละเอียดนุ่มลิ้น จากนั้นเติมนมสดตามจนน้ำเต็มแก้ว ชงอีกครั้งจนเข้ากัน เทใส่แก้วที่มีน้ำแข็ง ทิ้งไว้สักครู่น้ำโกโก้แยกเป็นชั้นสวยงามพร้อมดื่มด่ำ

หัวใจหลักของการชงเครื่องดื่มให้อร่อย ชายหนุ่มผู้หลงใหลเครื่องดื่มเผยกลเม็ดทิ้งท้ายว่า อันดับแรกต้องมีใจก่อน หลังจากฝึกพนักงานมาหลายคน สังเกตได้ว่าคนที่ไม่ตั้งใจมักชงไม่อร่อย  การชงตักส่วนผสมใส่ต่างกันนิดเดียวก็มีผลเรื่องรสชาติแล้ว ซึ่งถ้ามีใจจดจ่อที่จะทำให้แก้วนี้อร่อย สุดท้ายมันต้องอร่อย เหมือนกับที่เราทำกินเอง.
‘ช้องมาศ’

Read More...


สูตรปาท่องโก๋ อิ๊วจาก๊วย

ปาท่องโก๋

เครื่องปรุง
แป้งสาลี
ผงฟู
ยีสต์แห้ง
น้ำ
เกลือป่น
น้ำตาลทราย
โซดาไบคาร์บอเนต (ยีสต์)
เช้าก่า (เชื้อแอมโมเนีย,แอมโมเนียไบคาร์บอเนต)
2
1/2
1/3
7 1/2
1/2
4
1/8
2 1/2
กก.
ช้อนชา
ช้อนชา
ถ้วยตวง
ขีด
ช้อนโต๊ะ
ช้อนชา
ช้อนโต๊ะ

อุปกรณ์
- รถเข็น
- กระทะก้นลึกเป็นเหล็ก เบอร์ 22 หรือ 24 นิ้ว เส้นผ่าศูนย์กลาง 18 - 20 นิ้ว ซื้อตามร้าน ขายกระทะเหล็ก
- เตาแก๊ส ที่มีหัวเร่งไฟ เพราะใช้ความร้อนสูง
- กระบะแป้ง ซื้อไม้อัดตามร้านมาตัดให้ได้ส่วนตามต้องการหรือใช้โต๊ะแม็กกาไล้
- ตะเกียบยาว กระชอนตัก กาละมังรองน้ำมัน พายปาดแป้ง(พลาสติก) ที่ร่อนแป้ง ถ้วยตวงของเหลว ถ้วยตวงของแห้ง ช้อนตวง ซื้อตามร้านขายอุปกรณ์ทำขนมเค้กหรือร้านขายแป้งทำขนม
- แป้งสาลีต้องใหม่ โซดาไบคาร์บอเนต(ผงสีขาวเหมือนผงฟู) เช้าก่า(เหมือนเกลือป่นละเอียด สีขาวสะอาดมีกลิ่นเหม็นฉุน ช่วยทำให้ปาท่องโก๋ขึ้นพอง) น้ำตาลทราย ยีสต์ ผงฟู ทั้งหมดต้องเป็นของใหม่ไม่หมดอายุ
- น้ำมันควรเป็นน้ำมันพืช(ควรใช้น้ำมันปาล์ม) ต้องใหม่

วิธีทำ
1. น้ำ ผงฟู ยีสต์แห้งและแป้ง(ร่อนก่อน) ผสมเป็นเนื้อเดียวกัน เป็นส่วนผสมที่เป็น ส่วนแป้ง
2. นำน้ำผสมเกลือป่น น้ำตาล โซดาไบคาร์บอเนต เช้าก่า ตามส่วน เป็นส่วนผสมที่เป็น ส่วนน้ำ
3. นำส่วนผสมของส่วนน้ำเทใส่ลงในส่วนแป้งที่เตรียมไว้ในกาละมังสำหรับนวดแป้ง นวดทั้งหมดผสมรวมกันด้วยมือ เคล้าให้เป็นเนื้อเดียวกัน ใช้เวลานวด 5 - 7 นาที ให้แป้งเข้ากันดี ทิ้งแป้งไว้ 4 - 7 ชั่วโมง เป็นการหมักแป้งให้ขึ้น ก่อนนำมาทอด ใช้ฝาปิดให้มิดชิดอย่าให้ลมเข้าเพราะจะทำให้แป้งแห้ง

ถ้า ต้องการจะทำปาท่องโก๋คู่ ให้ใช้สูตรเดียวกันนี้ เพียงแต่ลดน้ำลง 1 ถ้วยตวง ต่อแป้ง 2 กก. นวดแป้งให้นุ่มมือ หมักแป้ง 4 - 7 ชั่วโมง

เตรียมการทอด
เมื่อ หมักแป้งได้ที่แล้วนำแป้งเทลงในกระบะไม้หรือบนโต๊ะแม๊กกาไลท์ที่เตรียมไว้ เตรียมน้ำมันที่จะทอด ใช้แป้งสาลีเป็นแป้งฝุ่นโรยเพื่อไม่ให้แป้งติดมือ เมื่อตัดแป้งแล้ว ใช้กลางฝ่ามือหรือปลายนิ้วคลึงให้เป็นเส้นกลมขนาดยาวประมาณ 1 คืบ แล้วใช้มือขวาจับตรงกลางแป้ง มือซ้ายจับปลายเส้นแป้งด้านซ้ายยกขึ้นแล้วตวัดปลายแป้งที่เหลืออีกด้านหนึ่ง เข้าหาตัวให้ได้เป็นเกลียว แล้วนำลงในกระทะที่มีน้ำมันร้อนได้ที่ ทอดจนเหลืองอ่อน ใช้ไม้ตะเกียบคีบกลับไปมา พอเหลืองกรอบคีบขึ้นใส่ตะแกรง พักทิ้งไว้ให้สะเด็ดน้ำมันก่อนขาย


ปาท่องโก๋คู่

นำ แป้งมาคลึงบนโต๊ะให้เป็นแผ่น ใช้แป้งโรยให้เนียนมือ ใช้มีดตัดแป้งกว้าง 1/2 ซม. ยาว 2 1/2ซม. เอาไม้เล็กๆจุ่มน้ำแตะที่ตรงกลางชิ้นจับให้ยืด ใส่ลงในน้ำมันร้อนจัด ใช้ตะเกียบไม้คีบพลิกกลับไปมาจนเหลืองกรอบ ใช้กระจ่าที่มีรูช้อนขึ้นให้สะเด็ดน้ำมัน วางบนกระดาษซับน้ำมัน


สังขยาจิ้มปาท่องโก๋

เครื่องปรุง
ไข่ไก่
กะทิข้น
น้ำตาลทราย
น้ำใบเตย
เกลือป่น
แป้งสาลี
2
4
2
2
1/2
2
ฟอง
ถ้วยตวง
ถ้วยตวง
ช้อนโต๊ะ
ช้อนชา
ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
ต่อย ไข่ 2 ฟองใส่ชามแก้วตีให้ขึ้น ผสมน้ำตาลทราย กะทิข้น น้ำใบเตย เกลือป่น แป้งสาลี ให้เข้ากัน นำส่วนผสมใส่หม้อเหล็กเคลือบ กวนอย่าให้เป็นลูก กวนพอสุกเป็นยางเหนียว ตักใส่ถ้วยหรือใส่ถุงพลาสติก เอาหนังยางรัดสำหรับไว้ขายคู่กับปาท่องโก๋และน้ำเต้าหู้


ปาท่องโก๋สูตรต่างๆ

สูตร ๑. กรอบนอกนุ่มใน
แป้ง สาลี ๑ กก. เกลือ ๔ ช้อนชา ยีสต์ ๑ ช้อนชา น้ำตาลทราย ๒ ช้อนโต๊ะ ผงฟู ๒ ช้อนโต๊ะ ไข่ไก่ ๒ ฟอง น้ำ ๓ ๑/๒ - ๔ ถ้วยตวง น้ำมันพืช ๒ ช้อนชา เช้าก่า ๑ ช้อนโต๊ะ ผงชูรส ๑ ช้อนโต๊ะ (หมักแป้ง ๓ - ๔ ชั่วโมง) กรอบนอกนุ่มใน


สูตร ๒. แป้งนุ่มไม่เหนียว
แป้ง สาลี ๑ กก. น้ำตาลทราย ๓ ช้อนโต๊ะ เกลือ ๑ ช้อนโต๊ะ เช้าก่า ๑/๒ ช้อนชา เบ๊กกิ้งโซดา ๑ ช้อนโต๊ะ ไข่ไก่ ๑ ฟอง ผงฟู ๒ ช้อนโต๊ะ น้ำมันพืช ๑ ช้อนโต๊ะ ผงชูรส ๒ ช้อนชา (หมักแป้ง ๔ - ๖ ชั่วโมง) แป้งนุ่มไม่เหนียว


สูตร ๓. แป้งกรอบกลวง กรอบนาน
แป้ง สาลี ๑ กก. ผงฟู ๑ ช้อนชา ยีสต์ ๑/๔ ช้อนชา น้ำตาลทราย ๑ ช้อนโต๊ะ เกลือ ๓ ช้อนชา เช้าก่า ๑ ช้อนโต๊ะ น้ำ ๓ ถ้วยตวง เบ๊กกิ้งโซดา ๑/๔ ช้อนชา ไข่ไก่ ๑ ฟอง น้ำมันพืช ๒ ช้อนโต๊ะ (หมักแป้ง ๔ - ๖ ชั่วโมง) แป้งกรอบกลวง กรอบนาน


สูตร ๔. แป้งกรอบกลวง
แป้ง สาลี ๑ กก. ยีสต์ ๑/๒ ช้อนชา แอมโมเนีย ๓/๔ ช้อนชา โซดา ๑ ช้อนชา ผงฟู ๑ ช้อนชา เกลือ ๑ ช้อนโต๊ะ น้ำมันพืช ๑/๔ ถ้วยตวง น้ำตาล ๑ ช้อนโต๊ะ น้ำ ๔ ๑/๒ ถ้วยตวง (หมักแป้ง ๓ - ๔ ชั่วโมง) แป้งกรอบกลวง


สูตร ๕. แป้งเหลว ทำเป็นปาท่องโก๋เกลียว
แป้ง สาลี ๑ กก. ผงฟู ๑/๔ ช้อนชา ยีสต์ ๑/๒ ช้อนชา น้ำ ๔ - ๕ ถ้วยตวง เกลือ ๒ ช้อนโต๊ะ น้ำตาลทราย ๑ ช้อนโต๊ะ เบ๊กกิ้งโซดา ๑/๔ ถ้วยตวง เช้าก่า ๑ ๑/๒ ช้อนโต๊ะ (หมักแป้ง ๓ - ๖ ชั่วโมง) แป้งเหลวทำเป็นปาท่องโก๋ เกลียว


สูตร ๖. แป้งกรอบแข็ง กรอบนาน
แป้ง สาลี ๑ กก. ผงฟู ๒ ช้อนชา ยีสต์ ๒ ช้อนชา น้ำ ๓ - ๓ ๑/๒ ถ้วยตวง เช้าก่า ๑ ช้อนโต๊ะ เกลือ ๔ ช้อนชา น้ำตาลทราย ๒ ช้อนโต๊ะ น้ำมันพืช ๔ ช้อนชา (หมักแป้ง ๔ ชั่วโมง) แป้งกรอบแข็ง กรอบนาน


แก้วตาโบ๋

แป้ง สาลี ๑ กก. ยีสต์ ๒ ช้อนชา ผงฟู ๒ ช้อนชา น้ำ ๑ ๑/๒ ถ้วยตวง น้ำตาลทราย ๓ ขีด เช้าก่า ๑ ช้อนชา เกลือ ๒ ช้อนชา น้ำมันพืช ๒ ช้อนโต๊ะ (หมักแป้ง ๓ - ๔ ชั่วโมง)

ผสมแป้ง ยีสต์ รวมกันพักไว้ ละลายน้ำตาล เกลือ เช้าก่า คนให้ส่วนผสมละลาย เติมน้ำมันพืช ผสมแป้ง พักไว้ ๓ - ๔ ชั่วโมง โรยแป้งพอให้ทั่วโต๊ะ ตัดแป้งเป็นแท่งยาว ตัดขวางหนา ๑ ๑/๒ นิ้ว คลึงกดให้แบนใช้นิ้วกดตรงกลางให้บุ๋ม ทอดในน้ำมันที่ร้อนจัด


ซาลาเปาทอด

แป้ง สาลี ๑ กก. ยีสต์ ๒ ช้อนชา น้ำ ๓ ถ้วยตวง น้ำตาลปีบ ๓ ๑/๒ ขีด เกลือ ๑ ช้อนชา เช้าก่า ๑ ช้อนโต๊ะ น้ำมันพืช ๒ ช้อนโต๊ะ เบ๊กกิ้งโซดา ๑/๒ ช้อนชา ผงชูรส ๒ ช้อนชา (หมักแป้ง ๔ ชั่วโมง) ตัดแป้งเป็นเส้นยาวหนา ๑ ซม. ตัดตามขวางยาวประมาณ ๒ นิ้ว คลึงให้กลมแบน ทอดในน้ำมันที่ร้อนจัด


ปาท่องโก๋ตัวเล็กใส่เต้าฮวย

แป้ง สาลี ๑/๒ กก. เช้าก่า ๔ ช้อนชา เกลือ ๒ ช้อนชา น้ำ ๑/๒ ถ้วยตวง น้ำตาลทราย ๑ ช้อนชา ละลายน้ำตาล เกลือ เช้าก่า ในน้ำคนจนส่วนผสมละลายดี เทส่วนผสมลงในแป้ง นวดพอเข้ากัน (หมักแป้ง ๔ - ๖ ชั่วโมง) ตัดแป้งเป็นก้อนหนา ๑/๒ ซม. ตัดยาว ๒ นิ้ว โรยแป้งนวล ทอดจนกรอบ


เรื่องควรรู้ในการทำปาท่องโก๋

1. แป้งที่นำมาทำปาท่องโก๋
ต้องเป็นแป้งที่มีโปรตีนสูงแป้งจะมีสีครีมไม่ขาว เมื่อกดนิ้วลงบนแป้งแป้งจะไม่เกาะตัวติดกัน

2. สารที่ทำให้ปาท่องโก๋ฟู
มีส่วนผสม :
ยีสต์ แห้ง บรรจุในขวดหรือถุงที่ทำด้วยกระดาษตะกั่ว ภายในจะอัดแก๊สไนโตรเจนต้องเก็บไว้ในตู้เย็น วิธีทดสอบว่ายีสต์ใช้ได้หรือไม่ ใส่ยีสต์ 1 ช้อนโต๊ะในน้ำอุ่น 1 แก้ว น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ คนให้เข้ากันทิ้งไว้ 5 - 10 นาที ยีสต์จะฟูขึ้นมาบนผิวหน้าของน้ำ ถ้าไม่มีปฏิกิริยาใดๆแสดงว่ายีสต์เสื่อม

เบ๊กกิ้งโซดา มีลักษณะผงสีขาวเหมือนผงฟู เมื่อสลายตัวให้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ที่ให้ปาท่องโก๋ฟูและผิวขนมกรอบ

ผง ฟู มีส่วนผสมของโซดากับสารเคมีทำหน้าที่เป็นกรด เติมแป้งข้าวโพดเพื่อไม่ให้โซดากับสารเคมีผสมกันโดยตรง ทดลองใส่ผงฟู 1 ช้อนชาในน้ำร้อน ถ้ามีฟองอากาศเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว แสดงว่าผงฟูมีคุณภาพ

เช้า ก่า ใส่ปาท่องโก๋เพื่อให้ขนมฟู มีลักษณะเหมือนเกลือป่นละเอียดสีขาว มีส่วนผสมก๊าซ 3 ชนิดคือ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ แอมโมเนียและไอน้ำ ควรชั่งตวงอย่างระมัดระวัง ถ้าใช้มากจะทำให้ขึ้นฟูมาก จะหดตัวหลังการทอด ถ้าใช้ปริมาณน้อยจะทำให้ขึ้นฟูไม่เต็มที่ ปาท่องโก๋ก็จะมีลักษณะเป็นแป้งแน่น

สารที่ให้รสชาติ ได้แก่ น้ำตาลทราย เกลือ น้ำมันพืชใหม่ น้ำเปล่าสะอาด

3. เคล็ดการทำปาท่องโก๋ ที่ควรทราบ
ต้อง อ่านสูตรที่นำมาทำให้ละเอียดต้องชั่งตวงส่วนผสมให้ถูกต้อง การผสมตรงตามสูตรน้ำตาลเกลือเช้าก่าควรละลายในน้ำให้หมด ถ้าแป้งเก่าเพิ่มน้ำตาลเล็กน้อย เมื่อนวดแล้วพักแป้งอย่างน้อย 3 - 4 ชั่วโมงก่อนทอด ควรใช้น้ำมันทอดเป็นน้ำมันปาล์ม น้ำมันที่เหลือจากการทอดทุกครั้ง ให้กรองด้วยผ้าขาวบางก่อนนำมาทอดใหม่ ควรเปลี่ยนน้ำมันบ่อยๆ ความร้อนที่ใช้ทอดควรใช้ความร้อนปานกลาง การตัดแป้งควรแผ่แป้งให้หนาประมาณ 1/2 เซนติเมตร เวลาทอดเมื่อหย่อนแป้งลงในน้ำมัน พอแป้งลอยขึ้นมาใช้ตะเกียบคีบพลิกกลับไปมา เติมผงชูรสในส่วนน้ำ 2 - 3 ช้อนชาจะทำให้ปาท่องโก๋อร่อยขึ้น โซดาจะทำให้ผิวนอกกรอบ ถ้าใส่มากจะทำให้ขนมเหนียวมีรสเฝื่อน ถ้าลดยีสต์ควรหมักให้นานขึ้น

credit by :  http://www.thenpoor.ws/food/bestsell/patonggo.html#1

Read More...


“หมูแดงสูตรอาม่า” ทอดกึ่งอบทุ่นเวลาปรุง



ดึงดูดผู้คนให้อยากมาอยู่เคียงใกล้เพราะมีรอยยิ้มแจ่มใสและ อารมณ์ดีเป็นทุนเดิม แต่ “เสน่ห์” ของ อุ๋ย-สุพินดา หวังทรัพย์คณา ผู้บริหารอีเดน การ์เด้น รีสอร์ท อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี ยิ่งทวีคูณขึ้นไปอีก เมื่อทราบว่าเจ้าตัวมีฝีมือด้านการทำอาหารไม่เบา สำหรับความอร่อยที่พร้อมเสิร์ฟวันนี้ คุณอุ๋ยเลือกเมนูที่มีประวัติยาวนานของครอบครัว “หมูแดงสูตรอาม่า” มานำเสนอ ซึ่งเคยเป็นเมนูขึ้นชื่อสมัยเปิดร้านอาหารขายข้าวหมูแดง ข้าวมันไก่ กระเพาะปลา หนึ่งในธุรกิจก่อร่างสร้างตัวสมัยคุณยายยังสาว

“สมัยนั้นอุ๋ยอายุ 2 ขวบ จำเหตุการณ์ได้เลือนลาง แต่คุณแม่เล่าให้ฟังว่าดัดแปลงพื้นที่ชั้นล่างของบ้านเป็นร้านขายอาหาร ซึ่งมีหลายประเภท มีลูกค้ามาอุดหนุนแน่นร้านประจำ จุดเด่นอย่างหนึ่งคือความสะอาด นอกจากอาหารน่ากินและพื้นร้านยังสะอาดสอ้าน ลูกค้าหลายรายมากินด้วยความเกรงใจ กลายเป็นว่าถอดรองเท้าเข้าร้านโดยอัตโนมัติ แม้ทางร้านไม่ห้ามใส่รองเท้าเข้ามาก็ตาม เมื่อลูกค้าเยอะคุณยายพยายามหาวิธีลัดขั้นตอนด้วยการคิดค้นสูตรใหม่ๆ แต่สมัยก่อนนิยมใช้วิธีย่าง กว่าจะทำเสร็จสักชิ้นใช้เวลานาน แต่หมูแดงฉบับคุณยายนี้ใช้กรรมวิธีการทอดกึ่งอบ ทำให้เนื้อหมูมีความนุ่มนวล แตกต่างจากเจ้าอื่นๆ และไม่กระด้างลิ้นเท่ากับการย่าง” คุณอุ๋ยบอกเล่าความเป็นมา

แต่ด้วยความที่คุณยาย “หวงวิชา” กว่าสูตรเด็ดมาถึงมือสาวคนนี้ต้องฝ่าฝันด่านอรหันต์มาพอสมควร คุณอุ๋ยเผยว่า คนสมัยก่อนไม่มานั่งบอกสูตรกันตรงๆ นอกเสียจากยอมเข้าครัวไปเป็นลูกมือ ซึ่งคนที่ได้เต็มๆ คือคุณลุงเพราะช่วยคุณยายทำมาตลอด กระทั่งคุณยายเริ่มชราภาพคุณแม่เสียดายสูตรหากไม่ถ่ายทอดเกรงจะสูญหาย จึงพยายามเกลี่ยกล่อมให้คุณยายยอมสอนคนอื่นบ้าง ตอนนี้นอกจากลูกหลานก็มีแม่ครัวประจำบ้านที่ทำเป็น สำหรับสูตรนี้ไม่อยากขึ้นอยู่ที่วิธีการทำ แต่ให้อร่อยเหมือนต้นตำรัต้องอาศัยประสบการณ์เอาช่วยด้วย

วัตถุดิบที่ต้องเตรียม มีสันคอหมูติดมัน 1กิโลกรัม, รากผักชี 1 กำมือ, กระเทียม 1 กำมือ, พริกไทยขาวชนิดเม็ด ครึ่งกำมือหรือตามชอบ คุณอุ๋ยแนะนำว่า “ควรเลือกส่วนสันคอหมู ได้เนื้อติดมันเพิ่มความนุ่ม ยิ่งผสมเข้าเนื้อกับเครื่องหมักทำให้หมูยิ่งนุ่ม” ในส่วนของเครื่องปรุงหมักหมู ได้แก่ ผงเครื่องเทศ 1 ช้อนชา, น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ, ซอสปรุงรสภูเขาทอง 2 ช้อนโต๊ะ, ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ, ซีอิ๊วดำ ½ ช้อนชา, น้ำมันหอย 3 ช้อนโต๊ะ และสีผสมอาหารสีแดงเล็กน้อย

วิธีการทำ ตำพริกไทยขาวให้ละเอียดก่อน จึงใส่รากผักชีและกระเทียมลงไป แล้วตำให้ละเอียดจนเข้ากันเป็นเนื้อเดียวกัน นำซอสต่างๆ หมักกับหมูที่เตรียมไว้แล้ว ใส่น้ำลงไปให้มีลักษณะขลุกขลิก นำเข้าตู้เย็นอย่างน้อย 3 ชั่วโมง หรือทิ้งไว้ค้างคืนจะอร่อยเป็นพิเศษ เมื่อหมัดได้ตามเวลาที่กำหนด นำหมูออกมาเพื่อทำการทอดกึ่งอบ โดยตั้งกระทะใส่น้ำมัน3 ช้อนโต๊ะ รอจนกระทั่งน้ำมันร้อนใส่หมูพร้อมเครื่องที่หมักเอาไว้ลงไป

ช่วงแรกใช้ไฟปานกลาง ตลอดเวลาที่อยู่ในกระทะให้ใช้ฝาปิดเพื่ออบให้หมูด้านในสุก อย่าลืมหมั่นพลิกกลับด้านไปเรื่อยๆ เมื่อเห็นว่าน้ำเริ่มงวดลงค่อยลดเป็นไฟอ่อน ใช้วิธีการเดียวกันคือปิดฝาและหมั่นพลิกจนหมูสุก การปรุงรสและการอบหมูเช่นนี้ทำให้เนื้อหมูที่ได้ไม่มีความแข็งกระด้าง ทั้งเครื่องหมักก็เหมาะรับประทานกับข้าวสวยร้อนๆ โปะด้วยหมูแดงหั่นบาง เคียงด้วยไข่ต้มยางมะตูม แตงกวา และหัวหอม สำหรับหมูแดงสูตรอาม่านี้ไม่มีน้ำจิ้มเคียง เพียงใช้น้ำหมักหมูในกระทะราดให้ชุ่มฉ่ำก็ชุ่มชื่นลื่นลิ้น.
"ช้องมาศ"

credit by : http://www.dailynews.co.th/Content/Article/254855/“หมูแดงสูตรอาม่า”+ทอดกึ่งอบทุ่นเวลาปรุง                 

Read More...


‘เค้กหม้อดิน’ ไอเดียดี..รับเงินงาม



การทำให้บรรจุภัณฑ์ของตนมีความแตกต่างจากคนอื่น ๆ ก็เป็นอีกวิธีการสร้างจุดขายให้กับสินค้าให้มีความโดดเด่นจนกลายเป็นสิ่งที่ ทำให้ลูกค้าจดจำผลิตภัณฑ์ได้อย่างแม่นยำ หลักการตลาดนี้เป็นหลักการที่ใช้ได้กับทุกผลิตภัณฑ์ไม่ว่าจะเป็นสินค้าชิ้น เล็ก หรือใหญ่ หรือแม้กระทั่ง “ขนมเค้ก” ที่แสนจะธรรมดาก็ทำให้กลายเป็น “เค้กหม้อดิน” ได้ จนมีลูกค้าน้อยใหญ่จากทั่วประเทศสั่งซื้อไปทาน-ไปขายต่อสร้างรายได้ให้เจ้า ของไอเดียได้เป็นกอบเป็นกำ ซึ่งทีมคอลัมน์ “ช่องทางทำกิน” มีข้อมูลมานำเสนอในวันนี้...  

ทอฝัน หอมชื่น หรือพี่อ้อย เจ้าของ “เค้กหม้อดิน” เล่าว่า ตนมีประสบการณ์ในการขายมาอย่างโชกโชน นับตั้งแต่เศรษฐกิจฟองสบู่แตกเมื่อ พ.ศ. 2540 ที่ผ่านมา เริ่มจากการขายข้าวแกงตามตลาดนัดจนสามารถฟื้นตัวขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว สำหรับจุดเริ่มต้นของการทำ เค้กหม้อดิน นั้น ทอฝัน บอกว่า ตนเป็นเจ้าแรก ๆ ที่ทำ คัพเค้ก ออกมาขายตามตลาดนัด โดยคิดว่าขนมเค้กที่เป็นก้อน ๆ แบบรูปสามเหลี่ยมบ้าง, รูปสี่เหลี่ยมบ้างจะเอามาใส่ในถ้วยเล็ก ๆ ได้หรือไม่? จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการทำคัพเค้ก หรือเค้กถ้วยออกมา และก็ประสบความสำเร็จมาก แต่หลังจากเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ พ.ศ. 2554 ที่ผ่านมา ทำให้ต้องพับกิจการคัพเค้กไปโดยปริยาย เพราะกิจการได้รับความเสียหายมาก จนไม่สามารถแบกรับต้น ทุนไว้ได้อีกต่อไป          

“เมื่อปีที่แล้ว ได้ไปเที่ยวตลาด 100 ปีสามชุก เห็นว่ามีคนทำ “ห่อหมกหม้อดิน” ขายในตลาด จึงคิดว่าเค้กก็น่าจะเอามาใส่หม้อดินขายได้ จึงลองทำขายดู และก็ประสบความสำเร็จได้รับการตอบรับมาก ต่อมาได้เปลี่ยนรูปแบบของหม้อดินเป็นรูปผลไม้, รูปเรือ, รูปสัตว์, รูปถ้วยไอศกรีม, รูปรถบรรทุก, รูปรถตุ๊กตุ๊ก ฯลฯ ยิ่งทำให้ขายดีมากขึ้นไปอีก เพราะลูกค้าอยากได้ภาชนะที่แปลก ๆ” ทอฝัน กล่าว          
วัสดุ และอุปกรณ์ในการทำเค้กหม้อดิน หลัก ๆ ก็มี เครื่องตีแป้ง, เตาอบ, ที่ร่อนแป้ง, ที่ตีไข่, ถาด, กะละมัง, ตาชั่ง, ชุดช้อนชา, ชุดถ้วยตวง และอุปกรณ์เบ็ดเตล็ดอื่น ๆ ในการทำเบเกอรี่ นอกจากนี้ ต้องเตรียม ภาชนะหม้อดินรูปแบบต่าง ๆ ไว้อีกด้วย    

วัตถุดิบในการทำ ในส่วนของ ตัวเค้ก มี แป้งสาลี 1กก., ไข่ไก่ 30 ฟอง, น้ำตาลทราย 750 กรัม, นมสด 150 ซีซี., น้ำเปล่า 350 กรัม, โอวาเลต 80 กรัม, และผงฟู 1 ช้อนชา และในส่วนของ ครีมขนมเค้ก มี เนยขาว 2 กก., เนยเหลือง 1 กก. และน้ำตาลไอซ์ซิ่ง 800 กรัม

วิธีทำ นำส่วนผสมของไข่ไก่, โอวาเลต, น้ำเปล่า, นมสด, และน้ำตาลทรายใส่ลงในหม้อตีแป้ง ตีด้วยความเร็วที่ปรับระดับความแรงขึ้นเรื่อย ๆ ประมาณ 5 นาที จนส่วนผสมทุกอย่างเข้ากัน จากนั้น ใส่ส่วนผสมของแป้งสาลี และผงฟูลงไปตีให้เข้ากันด้วยความเร็วสูงสุด ใช้เวลาตีอีก 5 นาทีก็ใช้ได้ (ในกรณีที่เนื้อเค้กเป็นรสช็อกโกแลต ให้ใส่ผงโกโก้ประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ ลงไปตีด้วยกัน)

ตักเนื้อเค้กลงไปในภาชนะหม้อดินรูปทรงต่าง ๆ ที่เตรียมไว้ประมาณครึ่งหนึ่งของภาชนะ(ภาชนะหม้อดินที่ใช้นี้ต้องล้างน้ำทำ ความสะอาด และลวกน้ำร้อนเพื่อเป็นการฆ่าเชื้อโรคให้เรียบร้อยก่อนนำไปใช้) จากนั้นเรียงหม้อดินใส่ถาดให้เรียบร้อย และนำเข้าเตาอบ อบด้วยความร้อน 250 องศาเซลเซียส เป็นเวลานาน 5 นาที เมื่อแป้งสุกแล้ว พักเตรียมไว้

วิธีทำในส่วนของครีมขนมเค้ก  ให้ตีเนยขาว, เนยเหลือง และน้ำตาลไอซ์ซิ่งให้เข้ากัน นาน 30 นาที จนครีมขึ้นฟูมีสีขาว อย่างไรก็ตาม เนื้อครีมนี้สามารถแต่งกลิ่น-แต่งสีได้ตามใจชอบในระหว่างที่ตีครีม อาทิ สีชมพู-กลิ่นสตรอเบอรี่, สีส้ม-กลิ่นส้ม และสีโกโก้-กลิ่นช็อกโกแลต จากนั้น ตักส่วนของเนื้อครีมใส่ลงในกรวยใส่ครีมเตรียมไว้   
     
วิธีแต่งหน้าเค้ก ทอฝัน บอกว่า การแต่งหน้าเค้กนี้ต้องใช้ทักษะอันเกิดจากประสบการณ์พอสมควร เพราะต้องใช้ความชำนาญมาก หากแต่งไม่ดี หน้าเค้กจะเละ โดยบีบครีมลงบนหน้าเค้กเป็นจุด ๆ จนเต็มหน้าเค้ก ไม่ต้องให้เนื้อครีมสูงมาก เสร็จแล้วแต่งหน้าเค้กด้วยฝอยทอง, คุกกี้, เยลลี่ชนิดต่าง ๆ, ผงช็อกโกแลต หรือโกโก้ และครีมช็อกโกแลต และครีมสตรอเบอรี่ ขายในราคาชิ้นละ 25-35 บาท (ขึ้นอยู่กับสถานที่)

ใครสนใจ “เค้กหม้อดิน” ต้องการติดต่อ ทอฝัน หอมชื่น เจ้าของกรณีศึกษา “ช่องทางทำกิน” รายนี้ติดต่อได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 08-1616-1580 และ 08-3037-4517 และ https://www.facebook.com/เค้กหม้อดิน.
.......................................................................................................
คู่มือลงทุน...เค้กหม้อดิน
ทุนอุปกรณ์ ประมาณ 10,000 บาทขึ้นไป
ทุนวัตถุดิบ ประมาณ 60% ของราคาขาย
รายได้ ราคา 25-35 บาท
แรงงาน 1-2 คนขึ้นไป
ตลาด ชุมชน, งานออกร้าน, ตลาดนัด
จุดน่าสนใจ เป็นการเพิ่มมูลค่าให้สินค้า
สุภารัตน์ ยอดศิริวิชัยกุล : รายงาน สันติ มฤธนนท์ : ภาพ

credit by :  http://www.dailynews.co.th/Content/Article/255088/‘เค้กหม้อดิน’+ไอเดียดี..รับเงินงาม

Read More...


“ดอกไม้กินได้” สวยด้วยอร่อยดี

ดอกขจรและดอกแค ดอกไม้พื้นบ้านกินอร่อย
       “ดอกไม้” ไม่เพียงจะมอบสีสันอันสดใสและความงดงามอ่อนหวานให้แก่โลกแล้ว ยังมอบความอร่อยและมีคุณค่าในทางสมุนไพรให้คนกินอีกด้วย
   
       ดอกไม้พื้นบ้านของเราก็สามารถนำมาทำเป็นเมนูอร่อยได้หลายอย่าง เช่น “ดอกขจร” นำมาผัดน้ำมันกินกับข้าวสวยร้อนๆ หรือจะใส่ในไข่เจียวทอดให้ฟูๆ ก็ได้สารอาหารเพิ่ม “ดอกแค” นิยมนำมาทำแกงส้ม โดยต้องดึงเส้นเกสรที่มีรสขมออกก่อนจะเอาไปปรุงอาหาร “อัญชัน” ดอก นี้เรียกว่าเป็นดอกไม้สารพัดประโยชน์ก็ว่าได้ เพราะนำเอาดอกไปคั้นน้ำได้สีน้ำเงินเข้มใช้เป็นสีผสมอาหารที่คนไทยใช้กันมา ช้านาน ดอกอัญชันยังสามารถกินสดๆ จิ้มน้ำพริกได้รสอร่อยไม่ขม ออกหวานนิดๆ เสียด้วย

          ยำดอกขจรกุ้งสด เมนูน่าอร่อยจากดอกไม้

ขนมดอกโสน ขนมไทยโบราณ (ภาพจาก www.pantip.com โดยล็อกอิน wasittee)
       “โสน” อีกหนึ่งดอกไม้พื้นบ้าน ทำอาหารได้ทั้งลวกจิ้มน้ำพริก ใส่ในแกงส้ม หรือไข่เจียว อีกทั้งยังใช้ทำ “ขนมดอกโสน” ขนมไทยๆ ที่ใช้ดอกโสนสดๆ ผสมแป้งข้าวเหนียวนำไปนึ่ง แล้วโรยด้วยมะพร้าวขูดและน้ำตาล และ “ดอกเสี้ยว” ดอกไม้พื้นเมืองทางภาคเหนือ นำมาชุบแป้งทอด หรือทำยำดอกเสี้ยวก็อร่อยเด็ด

          ดอกเสี้ยว ดอกไม้พื้นบ้านทางภาคเหนือ

ดอกเสี้ยวนำมาชุบแป้งทอด
       นอกจากดอกไม้พื้นบ้านแล้วก็ยังมีดอกไม้สวยๆ อีกหลายชนิดที่คุ้นหน้าคุ้นตา แต่อาจยังไม่คุ้นลิ้น อย่าง “ดอกเข็ม” ที่สมัยเด็กๆ ชอบดึงเกสรมาดูดน้ำหวานกินเล่น แต่ดอกเข็มยังสามารถนำไปชุบแป้งทอด หรือกินสดๆ คู่กับน้ำพริก เช่นเดียวกับ ”กุหลาบ” “เฟื่องฟ้า” “พวงชมพู” ก็นำดอกมาชุบแป้งทอดก็ได้เช่นกัน ส่วน “ดาหลา” และดอก “กระเจียว” ก็เป็นดอกไม้ในตระกูลขิง ข่า นำมาลวกจิ้มน้ำพริก หรือนำไปคั้นทำเป็นน้ำสมุนไพรก็ได้ ส่วนดอก “มะลิ” ในประเทศไทยไม่นิยมนำมากิน แต่ในเมืองจีนมีการนำเอาดอกมะลิมาใส่ในไข่เจียว ได้กลิ่นหอมๆ ของมะลิเวลากิน แต่พูดถึงรสชาติคนส่วนใหญ่อาจจะไม่ถูกปากนัก
          เมนูยำดอกเข็ม (แฟ้มภาพ)

เมนูม้าห้อดอกไม้ (แฟ้มภาพ)
       ดอกไม้หลายๆ อย่างกินได้ แต่ก็ต้องเลือกต้นที่ไม่ใช้ยาฆ่าแมลง ถ้าเป็นดอกไม้ที่ปลูกเองดูแลเองก็ยิ่งปลอดภัย แต่ก็มีดอกไม้อีกหลายชนิดที่มีพิษ ถ้านำมากินอาจจะปวดท้อง วิงเวียน อาเจียน หัวใจเต้นผิดปกติ มีอันตรายถึงชีวิตได้ อาทิ ดอกลั่นทม ถ้าเด็ดมาจากต้นจะมียางที่มีพิษ จึงต้องนำดอกที่ร่วงหล่นลงมาเองมาประกอบอาหาร ดอกยี่โถ ดอกชวนชม ดอกบานบุรี ดอกราตรี ดอกเข็มขาว ดอกเข็มอินเดีย ดอกรัก ดอกราตรี ฯลฯ ล้วนแล้วแต่มีพิษ ไม่ควรนำมากิน ควรให้ประดับต้นสวยๆ หอมๆ ไว้อย่างเดียวจะดีกว่า
เมนูยำดอกไม้ทอดกรอบ (แฟ้มภาพ)

credit by : http://www.manager.co.th/travel/viewnews.aspx?NewsID=9570000071003

Read More...


ข้าวมันกะทิ หุงง่ายๆ ด้วยหม้อหุงข้าวไฟฟ้า


เดิมการหุงข้าวมันกะทิเป็นเรื่องที่ยุ่งยาก เพราะกะอัตราส่วนระหว่างหัวกะทิกับน้ำที่หุงข้าวได้ยาก เพราะหัวกะทิของแต่ละบ้านมีความข้นแตกต่างกัน สูตรบ้านนี้อาจจะใช้อีกบ้านไม่ได้

การใส่หัวกะทิเยอะ เพื่อให้ข้าวมัน ก้นหม้อข้าวจะไหม้ก่อนที่ข้าวจะสุก

ถ้าเอาแบบง่ายๆ ใส่กะทิบางๆ หุงข้าวสุกแต่ข้าวไม่ค่อยมีความมันจากกะทิ

บางคนเลยนำข้าวไปนึ่งแทน ข้าวสุกดี แต่ขาดความหอม

ดังนั้นการหุงข้าวมันกะทิให้หอมกะทิ เป็นเรื่องท้าทายมาก

เลยดัดแปลงวิธีการจากการทำข้าวเหนียวมูลมาใช้ในการหุงข้าวมันกะทิ

ทำให้การหุงข้าวมันกะทิเป็นเรื่องง่ายๆ แล้ว

เริ่มจากการหุงข้าวกับหางกะทิก่อน ใส่หางกะทิ 70% ของปริมาณน้ำที่ใช้หุงข้าวตามปกติ และใส่หัวกะทิไปอีก 30% ตอนข้าวใกล้จะสุก

แนะนำให้ใช้กะทิสด เพราะจะมีความหอม มัน มากกว่ากะทิกล่องเยอะ

เครื่องปรุง
- ข้าวสาร 2 ถ้วย
- หางกะทิ 1.5 ถ้วย
- หัวกะทิ 1 ถ้วย
- เกลือ 1 ช้นชา
- ใบเตย

สำหรับหางกะทินั้น ถ้าใช้กะทิกล่อง ให้ผสมกะทิกล่อง 0.75 ถ้วยกับน้ำ 0.75 ถ้วย

ใส่ข้าวสารในหม้อหุงข้าว พร้อมกับ หางกะทิ และเกลือ


ใส่ใบเตยลงไปด้วย เพื่อให้ข้าวมันกะทิหอมใบเตย


กดปุ่มหุงข้าว ผ่านไป 10 นาที ให้ตรวจดูข้าว รอจนน้ำเริ่มแห้ง ให้ใส่หัวกะทิลงไป
พร้อมกับเอาช้อนกวนข้าว


พอหม้อหุงข้าวตัดไฟ ตอนนี้ข้าวสุกแล้ว แต่ยังแฉะ


กดปุ่มหุงข้าวต่อไป ดงหรืออุ่นไปอีก 10 นาที ข้าวจะเริ่มแห้ง ปิดไฟฟ้า

ข้าวมันกะทิ


การหุงด้วยการใส่หัวกะทิตอนหลัง จะได้ข้าวมันกะทิที่เข้มข้น
ถ้าใส่หัวกะทิไปก่อน ข้าวจะข้นเกินไป หัวกะทิจะไหม้ที่ก้นหม้อ ทำให้หุงข้าวไม่สุก

ข้าวมันกะทิทานกับน้ำพริกพริกไทยอ่อนปลาทูผัดและหมูทอด

credit by : http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=chim&date=30-06-2011&group=2&gblog=517

Read More...


ข้าวผัดปลากระป๋อง เมนูอาหารง่ายๆ อร่อยได้อีก

เมนูอาหารง่ายๆ ข้าวผัดปลากระป๋องเป็นข้าวผัดยามยากอีกจานที่ทำได้ ง่ายและอร่อย หรือแม้แต่จะนำไปแปลงเป็นเมนูเด็ดผัดขี้เมา หรือเป็นผัดกระเพราะก็ยังได้ ถ้าคุณเป็นอีกคนที่ยังไม่เคยทานข้าวผัดปลากระป๋องมาก่อน รีบลองเข้าครัวไปทำทานซะนะ เพราะข้าวผัดปลากระป๋องนี้เป็นอีกเมนูอาหารง่ายๆ และวัตถุดิบก็หาง่าย ประมาณว่าถ้าคุณรื้อในครัวดูแล้วมีแค่ปลากระป๋องกับข้าวสุกอยู่บ้าง เพียงแค่นี้ก็สามารถทำข้าวผัดปลากระป๋องได้แล้วล่ะ และถ้ามีผักอะไรที่พอเหลืออยู่ก็สามารถเอามาใส่ได้หมดแหล่ะ จะได้อร่อยและน่าทานยิ่งขึ้น…แล้วคุณจะค้นพบของกินอร่อยใกล้ตัวที่ทำง่ายถูก ปากถูกใจอีกจาน


เครื่องปรุง
ข้าววสุก 2 ถ้วยตวง
ปลาซาร์ดีนในซอสมะเขือเทศ 1 กระป๋อง
มะเขือเทศหั่นชิ้น ¼ ถ้วยตวง
หอมหัวใหญ่หั่น ¼ ถ้วยตวง
แครอทหั่นเล็ก ¼ ถ้วยตวง
ถั่วลันเตาเม็ด ¼ ถ้วยตวง
ผักมอคเคอรี่หั่น ¼ ถ้วยตวง
ข้าวโพดอ่อนหั่น ¼ ถ้ยตวง
กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ (ดับกลิ่นคาวปลา)
พริกชี้ฟ้าสับ 1 – 2 ช้อนชา (ดับกลิ่นคาวปลา)
น้ำตาล ¼ ถ้วยตวง
เกลือ ½ ช้อนชา
น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ
เครื่องเคียง : ผักชีโรยหน้า ต้นหอม แตงกวาหั่น มะนาวฝาน พริกขี้หนูหั่นฝอย

วิธีทำ
1. นำข้าวสุกคลุกกับปลากระป๋อง
2. ยกกระทะขึ้นตั้งบนเตาไฟ จากนั้นใส่น้ำมันพืชลงไปก่อน เมื่อน้ำมันร้อนให้ใส่กระเทียมสับและลงพริกไป แล้วเจียวจนเหลืองหอมด้วยไฟปานกลาง
3. พอเริ่มมีกลิ่นหอม ใส่หอมหัวใหญ่ เม็ดถั่วลันเตา แครอท หรือผักต่างๆตามแต่ชอบลงไปเลย แล้วผัดไม่ต้องนานพอแค่ผักสลด
4. จากนั้น เอาข้าวที่ร่วนแล้วไม่ติดกัน (จากข้อ1) ใส่ลงไปอีก แล้วผัดพอร้อนให้ส่วนผสมทุกอย่างเข้ากัน
5. ปรุงรสด้วยน้ำตาล เกลือเล็กน้อย ผัดคลุกเคล้าไปมาเบาๆ จากนั้นตักใส่จานโรยหน้าด้วยพริกไทยป่น เสิร์ฟพร้อมแตงกวา ผักชี ต้นหอม และมะนาวฝาน ถ้าชอบเผ็ดอาจมีพริกขี้หนูหั่นฝอยประกอบไปด้วยก็ได้
(สำหรับส์ฟรับประทาน 2 ที่)

แนะนำเพิ่มเติม
  • การเลือกซื้อปลากระป๋อง ควรเลือกปลากระป๋องชนิดบรรจุในน้ำ เนื่องจากน้ำกับไขมันผสมเข้ากันไม่ได้ กรอดไขมันโอเมก้า 3 จึงจะยังถูกเก็บรักษาอยู่ในเนื้อปลาอย่างครบถ้วน แต่ถ้าเป็นปลากระป๋องแบบ บรรจุในน้ำมัน กรดไขมันจะไหลออกมาปะปนกับน้ำมันที่ใช้บรรจุทำให้สูญเสียกรดไขมันบางส่วนไป ซึ่งเป็นกรดไขมันที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย
  • สำหรับการปรุงรสเค็มนั้น เราจะใช้เป็นเกลือป่นแทนน้ำปลา เพราะน้ำปลาจะทำให้เหม็นคาว
credit by :  http://www.zabwer.com/2013/08/fried-rice-with-canned-fish.html


Read More...


สูตรข้าวผัดหมู และวิธีผัดข้าวให้อร่อย

สูตรอาหารไทย ข้าวผัดหมู เมนูอาหารนี้อาจฟังดูเป็นอาหารพื้นๆ แต่คงปฏิเสธไม่ได้เลยว่า การจะหาข้าวผัดหมูอร่อยๆถูกใจนั้นก็ไม่ง่ายเช่นกัน ปกติแล้วมักจะเจอแบบพอกินได้เท่านั้น ทั้งที่วิธีทำข้าวผัดหมูนั้นสามารถทำได้ง่ายไม่ยุ่งยากเลย แต่ทำไมความอร่อยและน่าทานจึงแตกต่างกัน คุณอยากรู้ไหม? …เคล็ดลับของข้าวผัดหมูนั้น อยู่ที่ความคิดสร้างสรรค์ของผู้ปรุง ว่าจะเพิ่มเสริมรสอย่างไรให้ถูกใจถูกปากผู้บริโภค และที่สำคัญข้าวผัดจะต้องแห้งหมาด รสชาติเข้มข้น สีสันสวยงาม และสิ่งหนึ่งที่ชวนให้รับประทานนั้น ได้มาจากผักและเครื่องปรุงที่เสริมลงไป นอกจากแปลกใหม่ไม่เหมือนใครแล้วยังให้รสชาติเลิศถูกอดถูกใจได้ไม่ยากอีกด้วย



เครื่องปรุง

  1. ข้าวสวย (ไม่แฉะ) ¾ ถ้วยตวง
  2. หมูสับ 50 กรัม
  3. หมูแฮมหั่นเป็นเส้นฝอย 1 แผ่น
  4. หมูยอหั่นเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า 1 ช้อนโต๊ะ
  5. กระเทียมสับ 8 กลีบ
  6. แครอทหั่นเป็นเส้นฝอย 3 ช้อนโต๊ะ
  7. มะเขือเทศผ่าตามยาว 1 ลูก
  8. น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ
  9. ไข่ไก่ 1 ฟอง
  10. น้ำมันหอย 1 ช้อนโต๊ะ
  11. ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนชา
  12. ซอสปรุงรสถั่วเหลือง 1 ช้อนชา
  13. มะนาว 1 ซีก
  14. แตงกวา ต้นหอม ผักชี พริกไทยป่น
(ถ้าบางอย่างไม่มีไม่เป็นไรครับ ใส่อย่างอื่นแทนได้ หรือถ้ามีแค่ข้าวกะไข่ ก็พอกล้อมแกล้มได้เหมือนกัน)

วิธีทำ
1. เริ่มต้นด้วยการตั้งกระทะ ใส่น้ำมันลงไปพอเริ่มร้อนใส่กระเทียมสับลงไปเจียวให้เหลือง
2. จากนั้นจึงใส่หมูสับลงไปผัดพอสุกตามด้วยหมูแฮมและหมูยอลงไปผัด
3. เสร็จแล้วใส่ข้าวสวยลงผัดให้ส่วนผสมเข้ากันจึงใส่แครอทและมะเขือเทศลงไปผัด ปรุงด้วยซอสปรุงรส และซีอิ๊วขาวผัดให้เครื่องปรุงเข้ากัน จากนั้นใช้ตะหลิวดันข้าวผัดขึ้นไปอยู่ข้างๆกระทะ เว้นที่ก้นกระทะไว้ตอกไข่ใส่ลงไป ใช้ตะหลิวตีไข่ให้แตก จากนั้นตักข้าวที่อยู่ข้างกระทะกลบทับไข่ไว้ รอจนไข่สุกแล้วจึงช้อนกลับให้ไข่อยู่ด้านบน ใส่น้ำมันหอยลงไปผัดให้ส่วนผสมเข้ากันอีกครั้ง ปิดไฟ
4. ตักใส่จาน จัดเรียงแตงกวาและมะนาวไว้ข้างๆจานเสิร์ฟได้ทันที

เคล็ดลับวิธีทำข้าวผัดให้อร่อย
  • สิ่งสำคัญ ข้าวสวยที่ใช้ผัดต้องไม่แฉะ นอกจากนี้ เมื่อข้าวสุกใหม่ร้อนๆ ควรเกลี่ยใส่ถาด ให้ข้าวเย็นก่อนจึงนำมาผัด ข้าวจะไม่เกาะตัวเป็นก้อน 
  • น้ำมันไม่ควรใส่มากเกินไป เพราะจะทำให้แฉะและเลี่ยน ไม่น่ากิน 
  • ต้องใช้ไฟกลางในการเจียวกระเทียมจนเหลือง ใส่เครื่องปรุงที่เป็นเนื้อสัตว์ผัดจนสุกก่อน จึงใส่ข้าวผัดให้ทั่ว ถ้าข้าวผัดชนิดใดมีส่วนผสมของไข่ต้องใส่ไข่ทีหลังข้าวพอผัดข้าวจนทั่วเกลี่ย ข้าวไว้อีกด้าน หนึ่งต่อยไข่ใส่กลบข้าวบนไข่พอสุกจึงค่อยผัดไข่ ในขั้นตอนนี้ต้องผัดเร็วๆ ไข่จะเกาะเม็ดข้าวดี และไม่แฉะ เช่น ข้าวผัดปู ข้าวผัดทะเล ข้าวผัดกุ้ง ข้าวผัดหมู ในกรณีที่เป็นข้าวผัดที่นำน้ำพริกมาประยุกต์ คลุกน้ำพริกกับข้าวให้ทั่วก่อน จึงค่อยผัดทีหลังจะทำให้ส่วนผสมเข้ากันได้ดี 
  • “กระทะ” เป็นอุปกรณ์ที่สำคัญในการทำข้าวผัดเลยทีเดียว กระทะเหล็กรับความร้อนได้เร็วและดี แต่ข้าวจะติดกระทะ ต้องผัดเร็วๆเหมาะสำหรับแม่ครัวที่ชำนาญในการผัดขัาว เพราะข้าวผัดที่ได้จะมีกลิ่นหอม ถ้าเป็นแม่ครัวมือใหม่ต้องใช้กระทะเทฟล่อน แต่กลิ่นหอมจะสู้ข้าวที่ผัดจากกระทะอะลูมิเนียม กระทะเหล็ก หรือกระทะเหล็กเคลือบไม่ได้ “ตะหลิว” ก็เช่นกันต้องเลือกด้ามที่ติดแน่น ทนความร้อน
  • พวกผักต่างๆนั้น ควรหั่นเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าหรือชิ้นเล็กๆ จะช่วยทำให้ข้าวผัดอร่อยกว่าใส่ชิ้นใหญ่ เช่น หอมใหญ่ คะน้า แครอท มะเขือเทศ ต้มหอม หั่นชิ้นเล็ก
credit by :  http://www.zabwer.com/2013/08/fried-rice-with-pork.html

Read More...


หร่อยจังฮู้ เมนูปักษ์ใต้

บทสนทนาที่บ่งบอกว่า คนใต้เป็นคนใจคอหนักแน่น พูดเร็ว เดินเร็ว และทำเร็ว ซึ่งรสชาติอาหารจัดจ้านทั้งเผ็ด เค็ม เปรี้ยวได้สะท้อนตัวตนชนชาวใต้ได้อย่างชัดเจน

ภาคใต้บ้านเรา สมัยก่อนเคยเป็นศูนย์กลางการเดินเรือค้าขายของพ่อค้าจากอินเดีย จีน และชวา เลยทำให้ได้รับวัฒนธรรมอาหารเข้ามาเต็มๆ โดยเฉพาะการใช้เครื่องเทศปรุงอาหารของอินเดียใต้ ดังนั้นอาหารใต้จึงผสมผสานระหว่างอาหารไทยพื้นบ้านกับอาหารอินเดียใต้ เช่น

น้ำบูดู มาจากการหมักปลาทะเลสดผสมกับเม็ดเกลือ แล้วนำมาเคี่ยวปรุงรสให้ออกเค็มๆหวานๆ ทานกับเมนูข้าวยำ จัดว่าเป็นเมนูคู่บ้านชาวไทยมุสลิมเลยทีเดียว
 


photo by bloggang.com/babyying&month

ข้าวยำ เรียกว่าเป็นเมนูสมุนไพรจัดเต็ม ข้าว ผักสมุนไพร ราดด้วยน้ำบูดูคู่เมืองใต้
หร่อยจังฮู้  เมนูปักษ์ใต้
photo by chuanchim/thai-food-southern

นอกจากนี้อาหารใต้ยังขึ้นชื่อเรื่องรสชาติเผ็ดร้อน ที่เมื่อเพียงสัมผัสปลายลิ้นแล้วต้องร้องซี้ดซ้าด ไม่ว่าจะเป็น
แกงไตปลา ซึ่งมีด้วยกัน 2 แบบ คือ แกงใส่กะทิกับไม่ใส่กะทิ และอาจจะใส่ผักหรือไม่ใส่ผักก็ได้ ซึ่งหากเป็นแบบไม่ใส่ผัก น้ำแกงจะข้น ทานกับขนมจีน แกล้มด้วยผักสด โอ้...หร่อยจังฮู้
หร่อยจังฮู้  เมนูปักษ์ใต้
photo by thaisiamcooking.blogspot

แกงเหลือง ถ้าในท้องถิ่นใต้เรียกว่า แกงส้ม ซึ่งรสชาติ เครื่องปรุง กรรมวิธีการปรุงแต่ง แตกต่างจากแกงส้มภาคกลางตรงที่ แกงเหลืองใต้จะมีขมิ้นชันเป็นส่วนประกอบด้วย ยิ่งโดยเฉพาะแกงเหลืองหน่อไม้ดองกับปลา กลมกล่อมเข้ากันเป็นที่สุด
หร่อยจังฮู้  เมนูปักษ์ใต้
photo by ImageShack.us / zafiracafe

น้ำชุปโจร หรือ น้ำพริกโจร หรืออีกชื่อว่า น้ำชุปหยำ คล้ายกับน้ำพริกทั่วไป เพียงแต่น้ำพริกโจรจะหยาบกว่า เนื่องจากไม่นิยมตำ หากแต่นำเครื่องปรุง กุ้งสับ, กะปิเผา, หอมแดง, กระเทียม, พริกขี้หนู, น้ำตาลปีบ เทใส่อ่างแล้วใช้มือเราขยำคลุกเคล้าเข้าด้วยกัน บีบมะนาวเพิ่มรสชาติอีกนิดหน่อย ทานกับผักสดๆสุดอร่อยเลยล่ะ
หร่อยจังฮู้  เมนูปักษ์ใต้
photo by menu-namprig.blogspot

ที่มาที่ไปทำไมเรียกน้ำชุปโจร?? เป็นเรื่องเล่าขานกันมาว่า นี่เป็นวิธีการทำน้ำพริกของพวกโจรที่ต้องหลบซ่อนอยู่ตามป่าตามเขา บางทีต้องร่อนเร่ลี้ภัยไปเรื่อย เลยไม่มีอุปกรณ์เครื่องมือในการทำอาหารครบสมบูรณ์ ทั้งครก สาก หม้อ ไห เหมือนชาวบ้านปกติทั่วไป ดังนั้นยามอยากกินน้ำพริกแต่ละที จึงต้องทำง่ายๆสไตล์โจรนั่นแล


หร่อยจังฮู้  เมนูปักษ์ใต้
ผักเหนาะ / photo by sator4u

ลักษณะการกินที่เป็นเอกลักษณ์ของชาวใต้อีกอย่างหนึ่งคือ ต้องมีผักสารพัดสารพันชนิดเป็นเครื่องเคียงที่ภาษาถิ่นเรียกกันว่า "ผักเหนาะ"  ซึ่งมีหลากหลายชนิดดังนี้

ใบเหลียง หรือ ผักเหลียง ผักพื้นบ้านที่นิยมกินสุกมากกว่าดิบ จะลวกจิ้มน้ำพริก, ทำใบเหลียงผัดไข่ หรือแกงเลียงผักเหลียงกุ้ง ก็กินกันอิ่มพุงกาง ได้ประโยชน์คุ้มค่า เพราะใบเหลียงมีเบต้าแคโรทีน ยอดมนุษย์ที่จะช่วยต้านออกซิเดชั่นได้ดี อีกทั้งอุดมไปด้วยวิตามินเอ
หร่อยจังฮู้  เมนูปักษ์ใต้
photo by kanchanapisek

ใบเหลียงผัดไข่
หร่อยจังฮู้  เมนูปักษ์ใต้
photo by wongnai.com

แกงเลียงใบเหลียง
หร่อยจังฮู้  เมนูปักษ์ใต้
photo by bloggang.com/hippie&month

สะตอ ฝักคล้ายฝักของต้นหางนกยูง กลิ่นฉุน แต่นำไปทำอาหารอร่อยได้หลายชนิด เมนูเด็ดคือ สะตอผัดกุ้งกะปิ
หร่อยจังฮู้  เมนูปักษ์ใต้
photo by sumalee-lueken.com

ลูกเนียง ผลจะมีเปลือกแข็ง รับประทานเมล็ดข้างใน ถ้ายังไม่แก่ เปลือกในที่ติดกับเม็ดจะมีสีนวล เนื้อสีเหลืองนวลเช่นกัน มีรสมันและกรอบ ผลที่แก่จัดเอาไปต้มจนเนื้อเหนียว รับประทานกับมะพร้าวทึนทึก ขูดผสมกับน้ำตาลทรายและเกลือใช้เป็นของขบเคี้ยวได้
หร่อยจังฮู้  เมนูปักษ์ใต้
photo by culture.nstru.ac.th

หน่อเหรียง ลักษณะคล้ายถั่วงอก แต่หัวจะโตกว่า มีสีเขียว รสมัน กลิ่นฉุน นอกจากเป็นผักเหนาะแล้ว ยังนำไปประกอบอาหารได้หลายชนิด
หร่อยจังฮู้  เมนูปักษ์ใต้
photo by thaimisc.pukpik

นอกจากเหล่าผักเหนาะแล้ว ยังมีผักที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะทางใต้ที่นิยมนำไปทำอาหารอีกมากมาย เช่น

เห็ดแครง เห็ดที่ขึ้นตามต้นยางพาราที่ถูกโค่นแล้ว มีมากในฤดูฝนลักษณะคล้ายดอกไม้ มีทรายมาก เวลานำมาทำอาหารแต่ละทีต้องล้างน้ำหลายๆครั้ง สามารถตากแห้งเก็บไว้ทานในยามหน้าได้
หร่อยจังฮู้  เมนูปักษ์ใต้
photo by board.postjung

อ้อดิบ ก็คือ ต้นคูนของภาคกลาง เวลานำมาปรุงอาหารจะลอกเยื่อบางๆออกก่อน แล้วหั่นเป็นท่อนๆคล้ายสายบัว
หร่อยจังฮู้  เมนูปักษ์ใต้
photo by bloggang.com/plaipanpim&month

ยอดมวง คือ ยอดต้นชะมวง มีรสเปรี้ยว ใช้ทำแกงส้ม ต้มเครื่องใน แต่ก่อนใช้ทำอาหารจะต้องนำยอดมวงไปย่างไฟให้เหี่ยวก่อน เพื่อช่วยลดความเหม็นเขียวลง
หร่อยจังฮู้  เมนูปักษ์ใต้
photo by biogang.net

credit by : http://travel.truelife.com/detail/1983631/hilight/หร่อยจังฮู้--เมนูปักษ์ใต้

Read More...


ขนมหวานชื่อแปลก 'บาคลาวา' หวาน มัน อร่อย !


เป็นประจำทุกสุดสัปดาห์แบบนี้ พบกับคอลัมน์ Trend can do อีกเช่นเคย สัปดาห์นี้ กลับมาอีกครั้ง! กับเทศกาลขนมหวานระดับโลก "World Culture Sweet 2014" ที่คนรักของหวานทั้งหลายตั้งตารอ...
ในเทศกาลครั้งนี้ "เชฟเดชา ม่วงสีทอง" จากโรงแรมริชมอนด์ ไม่พลาดที่จะนำเสนอ บาคลาวา Baklava ขนมหวานจากดินแดนเมโสโปเตเมีย โดยคิดค้นสูตรเฉพาะขึ้นมา เพื่อเอาใจทุกท่านเป็นพิเศษ
หลายๆ คนอาจจะกำลังตั้งคำถามอยู่ในใจว่า "บาคลาวา" นี่มันคือขนมอะไรทำไมชื่อของมันถึงแปลกหูดีแท้ บาคลาวา (Baklava) ขนมหวานโบราณของประเทศตุรกี บาคลาวาถือเป็นขนมเก่าแก่ ที่มีประวัติยาวนานมาตั้งแต่สมัยอาณาจักรไบแซนไทน์ ซึ่งถ้ามองดีๆ หน้าตาก็คล้ายๆ กับถั่วตัดของบ้านเรา หรือตุ้บตั้บของจีน แต่คนไทยจะเรียกว่าขนมพายถั่วฝรั่ง



ขนมหวานชื่อแปลก
ขนมหวานโบราณของประเทศตุรกี
รสชาติของขนมบาคลาวาจะมีความหวานและหอม ที่ทำให้รสชาตินั้นอร่อย ทานง่าย เพราะเนื้อแป้งฟิลโล ที่ซ้อนทับเป็นชั้นๆ แทรกด้วยถั่วพีแคน พีนัท และพิสตาชิโอ ราดด้วยน้ำผึ้งที่แต่งกลิ่นหอมจากอบเชย และน้ำเลมอนเล็กน้อย หรือน้ำเชื่อมแต่งกลิ่น
ไทยรัฐออนไลน์ไม่รอช้านำวิธีการทำ 'บาคลาวา' จากเชฟมากฝีมือ มาบอกให้ทุกคนได้ฟินไปพร้อมๆกัน !
อุปกรณ์ที่ต้องเตรียม
1. แป้งฟิโล  1 กล่อง
2. ถั่วอบต่างๆ เช่น อัลมอนด์ , วอลนัท , พิชาชิโอ , แมคคาเดเมียล , เม็ดมะม่วงหิมพานต์ อย่างละ 2 ถ้วย        
3. น้ำตาลทราย  2 กิโลกรัม
4. ผงอบเชย (Cinnamon)  2 ช้อนโต๊ะ
5. เนยจืดละลาย 120 กรัม
6. ไข่ขาว 1 ถ้วย
7. ผลไม้สดตระกูลเบอร์รี่

หวาน มัน อร่อย กินแล้วฟินนนน
 ส่วนผสมของน้ำราด
1. น้ำเปล่า   3/4 ถ้วย     

2. น้ำผึ้ง 1/2 ถ้วย
3. น้ำตาลทรายแดง  90 กรัม
4. น้ำเลมอน 1 ช้อนโต๊ะ          

5. ผิวเลมอนขูดเป็นเส้นใหญ่  5-6 ชิ้น
   

6. ก้านอบเชย 5-6 ชิ้น

7. กลิ่นส้ม 2 ช้อนชา , กลิ่นมะลิ 2 ช้อนชา , กลิ่นวานิลลา 2 ช้อนชา
วิธีการทำน้ำราด        


นำส่วนผสมของน้ำราดใส่หม้อตั้งไฟอ่อนเคี่ยวให้ส่วนผสมละลาย เป็นสีน้ำตาลสวยงาม ชิมบ่อยๆ อย่าให้มีรสขมที่เกิดจากน้ำตาลไหม้ (caramelizing) เด็ดขาด พอเสร็จแล้วก็พักไว้ให้เย็นสักครู่

คนไทยจะเรียกว่าขนมพายถั่วฝรั่ง
หน้าตาก็คล้ายๆกับถั่วตัดของบ้านเรา
วิธีทำ


1. เริ่มต้นด้วยการนำถั่วทั้งหมดมาผสมคลุกเคล้าให้เข้ากัน โดยใส่ทุกอย่างรวมกันหมักกับไข่ขาวคลุกแล้วหมักไว้ จากนั้นนำน้ำตาลทรายแดงแบบหยาบ และผงอบเชย คลุกเคล้าให้เข้ากัน อาจจะเอาไม้พายตำให้น้ำตาลแหลกหน่อยก็ได้ คลุกเคล้าส่วนผสมให้เข้ากัน หมักไว้อย่างน้อย 12 ชม.



2. นำแป้งฟิลโลที่เตรียมไว้มาวางแผ่ไว้ แล้วนำผ้าสะอาดชุบน้ำหมาดๆ วางคลุมไว้กันไม่ให้แป้งแห้ง และจากนั้นก็หาภาชนะสำหรับอบ และนำแป้งฟิลโล ตัดให้เท่ากับขนาดของภาชนะอบ ต่อจากนั้นก็นำถาดอบมาทาเนยเหลว ทำแบบนี้ไปซ้ำๆ กัน จนครบ 8 ชั้น และแต่ละชั้น ควรทาเนยบนแป้งฟิลโลทุกครั้ง ห้ามลืมเด็ดขาด



3. นำถั่วบดหยาบที่ผสมไว้เรียบร้อยแล้วในขั้นตอนแรก เทโรยลงไปพอเหมาะ เกลี่ยให้เรียบร้อยเสมอกัน และกดเบาๆ เพื่อไล่ฟองอากาศออก ทำแบบนี้ซ้ำๆ กันจนถั่วครบ 3 ชั้น และแป้งครบ 4 ชั้น กดมีดลงไปอย่างเบามือตัดเป็นรูปแบบ Diamond หรือจะตัดแบบปกติ (แบบสี่เหลี่ยม) นำเข้าอบในเตาอบ ที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 35 นาที 



4. พอขนมอบเสร็จเรียบร้อย ให้ใช้มีดตัดตามรอยอีกครั้ง จากนั้นก็เทน้ำที่ผสมกลิ่นดอกมะลิกับกลิ่นส้มแขก ราดลงไปให้ทั่วทั้งถาดแล้วทิ้งไว้สักพัก

5. แต่งหน้าด้วยผลไม้สดตระกูลเบอร์รี่ชุ่มฉ่ำทำให้ บาคลาวา สูตรพิเศษนี้ เมื่อท่านรับประทานแล้ว จะได้รับรสชาติ หอมมันจากถั่ว หวานนุ่มชุ่มคอจากน้ำผึ้ง และ รสเปรี้ยวจากผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ ที่ตัดกันได้อย่างสมบูรณ์แบบ.

credit by :  http://www.thairath.co.th/content/438689

Read More...




----------------

ปรับปรุง
รายการบทความทั้งหมด



การบำรุงรักษารถยนต์เบื้องต้น



ร้านค้าเคลื่อนที่ ใช้ รถบรรทุกขนาดเล็กมาดัดแปลง



รวมบทความอาชีพ เสริม หลากไอเดียวิธีหารายได้เสริม



รวมบทความงานฝีมือ-สิ่งประดิษฐ์ รายได้เสริม



ทองม้วน thong muan ; rolled wafer





MASK รุ่นสายคล้องคอ







MASK รุ่นสายคล้องคอ. ��รุ่นนี้เป็นที่นิยมใช้กันมาก #ขายดีมาก
ทำจากผ้าคอตตอนแท้ 100%  ไม่ผสม เนื้อผ้านุ่ม 
3 ชั้น. สวมใส่พอดีกับใบหน้า ไม่เจ็บหู มีสายคล้องคอปรับได้
เวลาถอดออก ไม่ต้องกลัวลืม เพราะถอดแล้วคล้องคอไว้ได้
บรรจุในถุงซิปฟรอย์อย่างดี
ราคาชิ้นละ. 59. บาท. ไม่รวมส่ง 
มีหลายสีให้เลือกนะคะ   สนใจทักแชทขอดูสีผ้าได้นะคะ
หน่วยงาน บริษัท ห้างร้าน หรือ สนใจสั่งไปจำหน่าย 
มีเรทราคาส่งค่ะ

-> id line : noeyhorm_06
#มีวางจำหน่ายหน้าร้านชานมไต้หวันมาราชาสาขาจรัญ44


ร้านมาราชาชานมไข่มุก สาขาจรัญสนิทวงศ์ 44
● รับบัตรสะสมครบ 10 แก้ว แลกรับฟรี 1 แก้ว
● สั่งเดลิเวอรีผ่าน LINE MAN, Foodpanda ,GET ...ถึงมือปั๊บพร้อมดื่มปุ๊บ!
● อัพเดทโปรโมชั่นใหม่ๆ รสชาติใหม่ ตลอดเวลา
● มีเมนูให้เลือก 40 กว่าเมนู : https://bit.ly/2Z9iqV0






























































เลือกช่องทางติดต่อและรับข่าวสารบริการหลังการขาย
ฟอร์ด พลปิยะอยุธยาและฟอร์ด พลปิยะวังน้อย

--------------------------------------------------------------------------------------------
แคมเปญ-โปรโมทชั่น อะไหล่ฟอร์ด อัพเดททางออนไลน์และปรับปรุงข้อมูลออนไลน์
อะไหล่ฟอร์ด อะไหล่รถฟอร์ด อะไหล่รถยนต์ฟอร์ด อะไหล่ฟอร์ดแท้ ร้านขายอะไหล่รถฟอร์ด ขายอะไหล่รถฟอร์ด อะไหล่ฟอร์ด
 
Option

รวมบทความอาชีพเสริม หลากไอเดียวิธีหารายได้เสริม หาอาชีพเสริมอิสระทำเงิน สร้างอาชีพอิสระงานฝีมือ แนะนำการสร้างรายได้เสริมทำเงินด้วยการขายสินค้าหรือขายของเป็นอาชีพเสริม อิสระงานฝีมือ แนะแนวธุรกิจ อาชีพเสริม อาชีพแก้จน อยากจะมีรายได้เสริมนอกเหนือจากงานประจำ บล๊อกจัดทำขึ้นเป็นวิทยาทานเพื่อเผยแผ่ความรู้อันจะเป็นไปเพื่อบุญกุศล ขอให้ทุกท่านที่มีส่วนร่วมในบทความของบล๊อกนี้ จงได้รับอานิสงฆ์ด้วยเทอญ.