สูตรขนม สูตรอาหาร อาชีพรายได้เสริม ประกาศฟรี โฆษณาฟรี Career Articles Extra Income
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

Drop Down MenusCSS Drop Down MenuPure CSS Dropdown Menu

พี่ดามาแนะนำอาชีพแบบไทยๆ มาขายหมูปิ้งกันเถอะเจ้าค่ะ

หมูปิ้งขายส่ง
พี่ดามีบริการหมูปิ้งสียบไม้สำเร็จ แบบดิบเป็นกล่อง เอาไปปิ้งขายได้เลย พี่ดา ขายส่งให้ในราคาเอาไปทำกำไรกันเจ้าค่ะวันพุธที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2556ขายส่งหมูปิ้งพี่ดา มาแนะนำ อาชีพที่ทำเงินได้ ดีมากๆเจ้าค่ะมาขาย หมูปิ้งเสียบไม้  กันดีกว่าเจ้าค่ะ จุดถ่านปุ๊บ เงินทองก็ไหลปั๊บ เจ้าค่ะ หมูปิ้งขายส่งเสียบไม้ หมักเครื่องปรุงแล้ว เสียบสำเร็จพร้อมขายราคาส่งค่ะ 
พี่ดา มีบริการทีมงาน ปิ้งย่างนอกสถานที่ รับจัดงานเลี้ยง  ด้วยน๊ะเจ้าค่ะ 084 - 5248862 
หมูปิ้งเสียบไม้ ขายส่ง
                                                 
หมูปิ้งพี่ดาไม้ใหญ่มากๆ
1กล่องหมูปิ้งมี100ไม้
หมูปิ้งถ้าแช่น้ำแข็งอยู่ได้ 10วันเจ้าค่ะ
ย่างหมูปิ้งไฟอ่อนก็ได้
 
ไฟแรงก็ไหว
ดึงออกมาจากกล่องหมูปิ้งจาเป็นแบบนี้
ต่างจ.ว.พี่ดาจาฟิตให้แข็งก่อนนำส่งเจ้าค่ะ
หมูที่ปิ้งแล้วจาอร่อยมาก
อันนี้เป็นหมูปิ้งแบบไม้พายเจ้าค่ะ
เหมาะสำหรับเด็กๆง่ายๆพกไปกินรร
เปิดร้านหกโมงเช้า สิบโมงก็เสร็จแล้ว ขายสี่ชมเอง

วันหนึ่งขายสี่คันรถเจ้าค่ะพี่ดามีบริการหมูดิบเสียบไม้สำเร็จ แบบเป็นกล่อง เอาไปขายได้เลยพี่ดา ขายให้ในราคาส่งเอาไปทำกำไรกันเจ้าค่ะหมูพี่ดา   หอมนุ่ม  ย่างสวย  ไม้ใหญ่ หนาน่ากิน ขายได้กำไร ทำเป็นงานประจำได้เลยเจ้าค่ะหรือจะ   ย่างหมูเสาร์อาทิตย์   วันหยุดก็ได้

หมูดิบกล่องไซด์เล็ก                                      
พี่ดาส่งให้ 520 บาท
น้ำหนักหมูปิ้ง 4.5-4.7 กิโลกรัม    
มีหมู100ไม้ ขาย 7บาทต่อไม้ หรือ 3 ไม้ 20 บาท
ได้กำไร 200-300 บาทต่อกล่อง

หมูดิบกล่องไซด์กลาง  
เสียบแบบไม้พาย    
พี่ดาส่งให้ 550  บาท
น้ำหนักหมูปิ้ง  4.7-5.1 กิโลกรัม
ขาย 8 บาทหรือ 10 บาทก็ได้แล้วแต่ทำเล
ได้กำไรเฉียดๆ

หมูดิบกล่องไซด์ใหญ่เลยน๊ะเจ้าค่ะ
เหมาะสำหรับต่างจังหวัดมากๆ
หมู ดิบกล่องไซด์ใหญ่                                    
พี่ดาส่งให้  600  บาท
น้ำหนักหมูปิ้ง  5.4-5.7 กิโลกรัม      
มี 100 ไม้  ขาย 10 บาทต่อไม้
ได้กำไร  400 บาท ต่อกล่อง
เหมาะสำหรับทุกสถานที่เพราะมันใหญ่มากๆ

แค่ย่างหมูปิ้งน๊ะเจ้าค่ะ    ไหนจะได้เงินจากการ    
ขายข้าวเหนียวอีก โลล๊ะ  22 บาท    หุงเสร็จได้ 17 ห่อ75 บาทเชียวน๊ะเจ้าค่ะ
75-22 =53 บาท ลงทุนแค่  22   บาทเองเจ้าค่ะสำหรับ
ข้าวเหนียวอะไรจะง่ายไปกว่า พี่ หมูปิ้ง 5 ไม้  ข้าวเหนียว 2 ห่อ

จะไปเสียเวลา  กับการนั่งเสียบหมูปิ้งเอง  อยู่ทำไมอยู่ล๊ะเจ้าค่ะพี่ดามีทีมงานนั่งทำหมูแทนให้      กำไรก็พอๆกับพวกคุณพี่ๆ  นั่งเสียบหมูปิ้งเองเอาเวลาที่พี่ๆไปนั่งเสียบหมูดิบ  ไปนอนกอดคนที่เรารัก ดีกว่า  (ยิ้ม)ถ้าปิ้งหมูเยอะๆ พี่ดา มีทีมงาน  บริการส่งหมูไปให้ปิ้ง ถึงที่นอนเลยเจ้าค่ะ  พี่ดา รอโทรศัพท์ คุณๆ อยู่น๊ะ โทรตอนนี้เลยเจ้าค่ะ

พี่ดาใจดี ไม่กัดหรอกเจ้าค่ะ โทรเดี๋ยวนี้เลยเจ้าค่ะ พี่ดา คอยโทรศัพท์อยู่น๊ะ
 084-5248862 ,084-7794489 ,089-0672593

มาชิม หมูปิ้งขายส่งได้เจ้าค่ะ หน้าร้านอยู่ที่ หน้าธนาคารกสิกรไทย  สาขาอโศกตรงข้าม ร.ร มศว ถนนอโศก ตีห้าครึ่งถึงสิบโมงเช้าเจ้าค่ะ

หมูปิ้งเสียบไม้, เสียบสำเร็จ, ขายให้ในราคาส่งขายส่งหมูปิ้ง,หมูปิ้งขายส่ง,หมูดิบเสียบไม้ขายส่งหมู ปิ้ง,ขายส่งหมูปิ้ง ,หมูย่าง ,ขายส่ง หมู ปิ้ง, ทําหมูปิ้ง, ราคาหมูปิ้ง,  ขายหมูปิ้ง, ขายหมูปิ้งกำไรดี,สูตรหมูปิ้ง,หมูแฟรนไชส์หมูปิ้ง,แฟรนไชส์อาหาร   บริการส่งหมูปิ้ง

http://moooping.blogspot.com/http://thiwathiwa2.exteen.com/

Credit by..http://talk.mthai.com/topic/365924

Read More...


อาชีพค้าขาย ร้านขายโจ๊ก

เมื่อไม่นานมานี้ ผู้เขียนได้ดูทีวี รายการหนึ่ง นำเสนอเรื่อง ร้านขายโจ๊ก
ในรายการนั้น ได้รายงานข้อมูล 5 อันดับ ของร้านขายโจ๊ก ที่ขายดีและเป็นที่นิยม  มีชื่อเสียงมายาวนาน หลายสิบปี

ดูแล้ว จึงเกิดความคิดขึ้นว่า น่าจะนำมาบอกกล่าว และนำเสนอ ให้ท่านผู้อ่านได้รับทราบค่ะ เผื่อว่าจะเป็นแนวทาง สำหรับผู้ที่ต้องการมี อาชีพอิสระ หรือ อาชีพค้าขาย แต่ยังไม่รู้ว่า จะขายอะไรดี 

รวมทั้ง ผู้เขียนมีความเห็นว่า การขายโจ๊กนี้ สามารถทำเป็น อาชีพเสริม เพื่อเป็น รายได้พิเศษ สำหรับผู้ที่ต้องการมี รายได้พิเศษ หรือ รายได้เสริม ได้อีกทางหนึ่งค่ะ

เนื่องจาก การขายโจีก สามารถทำขาย เฉพาะช่วงเช้า ๆ หรือ ช่วงค่ำ ๆ ไปจนถึงดึก ๆ ขายนอกเวลาจากงานประจำ แบ่งหน้าที่กัน กับคนในครอบครัว คนหนึ่ง เป็นผู้เตรียมของขาย อีกคน ก็เป็นคนขาย จะไม่เหนื่อยเกินไปค่ะ ^^





การขายโจ๊ก มี วิธีทำ ที่ไม่ยาก ไม่ซับซ้อนอะไรมากนัก ผู้ที่ไม่เคยทำ หรือทำไม่เป็น ก็สามารถฝึกฝนได้ ในเวลาอันสั้น และหากสามารถทำให้ลูกค้าชื่นชอบ ติดใจในรสชาติโจ๊กของเราได้แล้ว สามารถยึดเป็นอาชีพได้ไปตลอด ทีเดียวค่ะ

การขายโจ๊ก จัดเป็นเมนูอาหาร ที่ขายง่าย กำไรดี ดังนั้น การเปิดร้านขายโจ๊ก จึงเป็น อาชีพอิสระทำเงิน ที่น่าสนใจ อีกหนึ่งอาชีพค่ะ ^^

วิธีทำโจ๊กหมู
การต้มข้าว สำหรับการทำโจ๊กนั้น ต้องเลือกใช้ปลายข้าวหอมมะลิอย่างดี
ต้มด้วยน้ำสะอาดธรรมดา หรือใช้น้ำซุปกระดูกหมูต้ม ก็ได้ค่ะ แล้วแต่เห็นสมควรนะคะ เพราะจากที่เห็นข้อมูลมา บางร้านก็บอกว่า ใช้น้ำธรรมดาต้ม บางร้านก็บอกว่า ใช้น้ำซุปต้มค่ะ

ใช้เวลาต้ม ประมาณ 1 - 2 ชั่วโมง แล้วแต่ขนาดของข้าวที่ต้มค่ะ โดยเมื่อข้าวเดือดแล้ว ให้ลดไฟให้อ่อนลง เคี่ยวไปเรื่อย ๆ จนน้ำงวดและข้าวเละ เป็นแบบข้าวโจ๊ก
จากนั้นยกลงพักไว้ให้ข้าวเย็น สักพักหนึ่ง จะเห็นได้ว่า ข้าวจะค่อย ๆ ดูดซับน้ำและขึ้นเต็มหม้อเลยค่ะ

สิ่งสำคัญอย่างหนึ่ง ของการขายโจ๊กหมู ที่จะทำให้ ลูกค้าติดใจ จนเป็นลูกค้าประจำ และมีการบอกต่อกันนั้น คือ รสชาติของหมู นั่นเองค่ะ
ดังนั้น ผู้ขาย ควรจะใส่ใจในการหมักหมู ให้มีความนุ่ม รสชาติดี จนเป็นที่ดึงดูดใจของลูกค้า

การหมักหมู สำหรับทำโจ๊ก ใช้หมูบด หมักด้วยเครื่องปรุงรส เช่น น้ำมันหอย ซีอิ๊วขาว พริกไทยป่น เกลือป่นและน้ำตาลนิดหน่อย คลุกเคล้าให้เข้ากัน แล้วนำไปแช่ในถังที่บรรจุน้ำแข็ง เพื่อให้ได้หมูที่นุ่มค่ะ
สำหรับส่วนผสมและอัตราส่วนในการหมักหมูนั้น ทดลองปรับเสริมเพิ่มเติมดูนะคะ ให้ได้รสชาติที่ลงตัว และเป็นเอกลักษณ์ค่ะ

น้ำซุป ใช้กระดูกหมู ล้างสะอาด ต้มในน้ำเดือด โดยทุบกระเทียมและรากผักชีใส่งไปในหม้อต้มน้ำซุปด้วย ปรุงรสชาติ ด้วยซีอิ๊วขาว เกลือป่น เคี่ยวไฟอ่อน ตั้งเคี่ยวไปเรื่อย ๆ แล้วพักไว้ (ก่อนนำไปใช้ ควรกรองด้วยผ้าข้าวบางก่อนค่ะ)

นอกจากหมูบดแล้ว ยังมีพวกเครื่องในหมู ทีนิยมใส่ลงใน โจ๊กหมู อาทิเช่น ตับหมู ไส้อ่อน เซี่ยงจี้ ฯลฯ
เนื่อสัตว์เหล่านี้ ก็ล้างทำความสะอาด แล้วนำไปลวก แค่พอสุกนิดหน่อย จัดพักเตรียมไว้ รอปรุงตอนขายค่ะ
(หากเห็นว่ายุ่งยาก สำหรับมือใหม่ หรือท่านที่ทำเป็น อาชีพเสริม ไม่ค่อยมีเวลาในการเตรียม ก็ใส่แค่ หมูบดหมัก กับตับหมู สองอย่างนี้ ก็ใช้ได้แล้วนะคะ)

วิธีทำ ไข่ลวก สำหรับใส่ใน โจ๊กหมู คือ
นำไข่ใส่ในภาชนะที่ทนความร้อน (หม้อก็ได้ค่ะ) แล้วใช้หม้ออีกใบ ตัมน้ำให้เดือด เมื่อน้ำเดือดแล้ว ให้เทน้ำเดือด ๆ นั้น ลงในไข่ที่ พักรอไว้ คนราว ๆ 5 - 6 นาที จากนั้น เทน้ำออก ก็จะได้ไข่ลวกสวย ๆ ที่ใส่ในโจ๊กหมูของเราค่ะ

เครื่องเคียงอื่น ๆ เช่น ต้นหมอซอย ขิงฝอย หมี่กรอบ ปาท่องโก๋

วิธีปรุงโจ๊กหมู ตอนขาย
ตักข้าวโจ๊ก ใส่หม้อใบเล็ก ตั้งไฟ เติมน้ำซุปกระดูกเล็กน้อย ใส่หมูบด เครื่องในต่าง ๆ คนให้เข้ากัน
ตักใส่จาน หรือถุงที่เหยาะซีอิ๊วขาว ตอกไข่ลวกใส่ลง จากนั้น โรยหน้าด้วย ต้นหอม ขิงซอย หมี่กรอบ ปาท่องโก๋ เป็นต้น
Credit by..http://click108archeep.blogspot.com/search/label/อาชีพค้าขาย ร้านขายโจ๊ก

Read More...


การเปิดร้านขายเสื้อผ้า สำหรับมือใหม่

การเปิดร้านขายเสื้อผ้า เป็นทางเลือกหนึ่ง ของผู้ที่ต้องการมี อาชีพอิสระ หรืออยากมี ธุรกิจส่วนตัว รวมทั้งผู้ที่ต้องการประกอบ อาชีพค้าขาย ก็มักจะคิดถึง การเปิดร้านขายเสื้อผ้า เป็นตัวเลือกลำดับต้น ๆ

โดยเฉพาะ มือใหม่หัดขาย ทั้งหลาย ซึ่งอาจเป็นเพราะ เหตุผลที่ว่า การเปิดร้านขายเสื้อผ้า ไม่เสี่ยงเหมือนกับ การเปิดร้านขายอาหาร เพราะเสื้อผ้า ไม่มีการเน่าเสียนั่นเอง



การเปิดร้านขายเสื้อผ้า

บทความนี้ จะเป็นการให้แนวทาง สำหรับมือใหม่ ที่มึความต้องการ เปิดร้านขายเสื้อผ้า นะคะ
การเปิดร้านขายเสื้อผ้านั้น จะว่าไป ดูเหมือนไม่ยากเย็นอะไรนัก ก็แค่ไปหาทำเลที่จะ เปิดร้านค้าขาย ตกลงทำสัญญาการเช่าร้าน จ่ายเงิน จากนั้น ก็ไปหาซื้อเสื้อผ้าที่จะขาย มาเข้าร้าน แล้วก็ขายไป จบ

ตามหลักกว้าง ๆ การเปิดร้านขายเสื้อผ้า ก็จะมีเท่านี้ค่ะ แต่หากคิดจะทำเป็นธุรกิจส่วนตัวจริง ๆ และต้องการ ประสบความสำเร็จแล้วนั้น จะต้องคิดวิเคราะห์ให้ละเอียด และมองให้ไกล คือต้องมีการทำการบ้านกันซะหน่อยค่ะ

หลักการ ข้อคิดหลัก ๆ ที่ผู้เขียนจะขอแบ่งปัน ให้ท่านพิจารณาและคิดต่อยอด ในบทความนี้ก็คือ

1. เลือกผลิตภัณฑ์หรือสินค้าที่จะขาย แล้วหาทำเลเปิดร้านค้าขาย ให้เหมาะสมกับผลิตภัณฑ์หรือสินค้าของเรา

ส่วนใหญ่ เท่าที่เห็น หลาย ๆ ท่าน ก็จะมีความชอบในตัวสินค้านู้น สินค้านี้ อยู่ในใจ แล้วก็มีความคิดต่อยอดว่า อยากจะขายสินค้าตัวนี้บ้าง

หากมือใหม่หัดขายท่านใด มีสินค้าในใจที่ชอบอยู่แล้ว หลักการคิดข้อนี้ เหมาะกับท่านค่ะ ลองรับไว้พิจารณาดูนะคะ

ยกตัวอย่าง สมมุติว่า ท่านชอบเสื้อผ้าเด็ก มีความคิดว่า อยากเปิดร้านขายเสื้อผ้าเด็ก 
เมื่อมีโจทย์ของตัวเองอย่างนี้แล้ว ลำดับต่อไป ก็ออกสำรวจหาทำเลเปิดร้านค้าขาย ที่เหมาะสมกับเสื้อผ้าเด็กดูค่ะ โดยพิจารณาว่า ทำเลการเปิดร้านค้า จากกลุ่มลูกค้าละแวกนั้น ๆ ว่าเป็นกลุ่มเป้าหมายของเราหรือไม่ และมีคู่แข่งมากน้อยเพียงใด คือมีคนอื่น ๆ เปิดขายอยู่ก่อนแล้วหรือไม่

2. สำหรับท่านที่ต้องการเปิดร้านขายเสื้อผ้า แต่ยังไม่รู้จะขายเสื้อผ้าแนวไหนดี ?

ให้ลองเลือกทำเลร้านค้าให้ได้ก่อน บางคนอยากขายของเป็น อาชีพเสริม หลังเลิกงาน หรือหลังเลิกเรียน เพราะติดขัดเรื่องเวลา หรือมีเหตุผลอื่น ๆ

หากเป็นในลักษณะนี้ ก็ต้องคำนึงถึงทำเลร้านค้าก่อนค่ะ คือหาทำเลเปิดร้านให้ได้ก่อน แล้วค่อยมาดูว่า จะขายอะไรดี ?

หากได้ทำเลเปิดร้านขายแล้ว ก็สำรวจดูว่า บริเวณนั้น ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นใคร วัยไหน มีกำลังซื้อขนาดใด ยกตัวอย่างเช่น ร้านค้าที่อยู่ใกล้บริษัทห้างร้านต่าง ๆ ก็จะมีคนทำงานเป็นผู้ซื้อ หรือเป็นกลุ่มลูกค้ากลุ่มหลัก ดังนั้น เราก็ต้องเลือกสินค้าที่จะขาย ให้ตรงกับคนกลุ่มนี้ค่ะ

หรือร้านค้าอยู่ใกล้สถานศึกษา มีกลุ่มนักเรียนนักศึกษา เดินซะส่วนใหญ่ ก็ให้เลือกสินค้าที่จะขาย
ให้อยู่ในความชอบ ความสนใจของกลุ่มลูกค้า คือนักเรียน นักศึกษา และให้ดูด้วยว่า มีเจ้าเดิม ที่ขายอยู่ก่อนนั้น มากน้อยเพียงใด

หลักการใหญ่ ๆ สำหรับการวางแผนเริ่มต้น การเปิดร้านขายเสื้อผ้า ก็มีอย่างนี้ค่ะ ลองนำไปคิดต่อยอดกันดูนะคะ  ^^
Credit by..http://click108archeep.blogspot.com/search/label/การเปิดร้านขายเสื้อผ้า

Read More...


อาชีพค้าขาย ยำแหนมสด

ยำแหนมสด เป็นเมนูทำขาย เมนูหนึ่งที่น่าสนใจ เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง สำหรับผู้ที่ต้องการมี อาชีพค้าขาย และมีความคิดจะขายอาหารค่ะ

การขาย ยำแหนมสด ลงทุนไม่มาก ใช้พื้นที่ในการขาย ก็ไม่มาก เปิดขายเป็นร้านค้าเล็ก ๆ หรือรถเข็น จอดขายที่ไหนก็ได้ และเหมาะกับทุกทำเลค้าขาย โดยทั่วไปด้วยนะคะ

อีกทั้ง จะทำเป็น อาชีพเสริม คือทำขายในวันหยุด เวลาว่างจากงานประจำ ก็สามารถทำได้ค่ะ
จัดเป็น อาชีพเสริมทำเงิน ที่น่าสนใจไม่น้อยทีเดียวนะคะ  ^^


อาชีพค้าขาย ยำแหนมสด

เมนูทำขาย ยำแหนมสด
ส่วนผสม แหนมสด
  • หมูบด 1 กก (แนะนำส่วนสะโพกไม่ติดมันค่ะ) 
  • หนังหมูหั่นบางซอยเป็นเส้น 1 กก. (สัดส่วนนี้ ปรับเพิ่มลดได้นะคะ แล้วแต่ราคาที่เรากำหนดขาย เพราะคือต้นทุนของเราค่ะ) 
  • ข้าวสุก 1 ถ้วย 
  • กระเทียมบด 1 ถ้วย 
  • เกลือป่น 1 ชต. 
  • น้ำตาลทรายเล็กน้อย 
วิธีทำ แหนมสด
  • นำข้าวสุกกับกระเทียม เคล้าให้เข้ากัน
  • ใส่หมูบด หนังหมู และเครื่องปรุงที่เหลือลงไป นวดให้เข้ากันค่ะ
  • เมื่อนวดส่วนผสมทั้งหมด เข้ากันและเหนียวได้ทีแล้ว 
  • นำใส่ถุงพลาสติก หมักทิ้งไว้ โดยแช่ในตู้เย็น 24 ชั่วโมง
  • แล้วแบ่งก้อน ๆ ขนาดเท่า ๆ กัน พักไว้รอขายค่ะ 
ใช้หนังหมูอีกส่วนหนึ่ง เป็นส่วนผสม เวลาปรุงขายด้วย (ส่วนนี้ สามารถทำให้ลดต้นทุนลงไปได้มากพอสมควรค่ะ)
คือ นำหนังหมูซอยเป็นเส้นแล้ว 7 - 8 กก. ล้างให้สะอาดและสะเด็ดน้ำ แล้วแช่น้ำมะนาวไว้ (น้ำมะนาว มีส่วนทำให้หนังหมูขาวสวยค่ะ) จัดเตรียมไว้

ส่วนผสม ข้าวทอด
  • ข้าวสุก 8 ถ้วย (แนะนำเลือกใช้ข้าวเก่าอย่างดี ในการหุง และไม่ควรใช้ข้าวหอมมะลิ เพราะจะทำให้ข้าวแฉะเละเกินไป ไม่เหมาะที่จะนำมา ปั้นเป็นก้อนค่ะ 
  • ควรเลือกใช้ข้าวสุก ตอนที่ข้าวยังอุ่น ๆ อยู่ จะทำให้ เวลาที่ปั้น จะปั้นเป็นก้อนได้ง่ายกว่า และไม่แตกค่ะ 
  • รวมทั้ง เวลาทอด ก็จะทอดได้ง่าย และมีรสชาติอร่อยกว่า การใช้ข้าวสุกที่เย็นแล้วตอนผสมค่ะ
  • มะพร้าวขูด (คั้นหัวกะทิออกแล้วนะคะ) 1.5 กก 
  • พริกแกงเผ็ด 2 ชต. 
  • เกลือป่น 1 ชต. 
  • น้ำมันพืชสำหรับทอด
วิธีทำ ข้าวทอด
  • ผสมข้าวสุกกับมะพร้าวขูด เครื่องแกงเผ็ดและเกลือป่น รวมกัน นวดให้เข้ากัน แล้วปั้นเป็นก้อน ๆ ค่ะ จะก้อนกลม หรือก้อนแบน ก็ได้ค่ะ ตามใจชอบ
  • นำไปทอดในน้ำมัน โดยใช้ไฟแรง ทอดราว ๆ 30 - 45 นาที (แล้วแต่ขนาดของก้อนข้าวนะคะ) 
เวลาปรุงขาย 
  • ใช้ชามผสมใบใหญ่ ใส่แหนมสด หนังหมู ข้าวทอดบี้ให้แตกเป็นชิ้น ๆ ขิงฝอย ผักชีฝรั่งซอย ต้นหอมซอย คลุกเคล้าให้เข้ากัน 
  • ปรุงรสด้วย น้ำมะนาว น้ำปลา พริกป่น ปรุงให้ได้สามรสนะคะ (แซ่บค่ะ)
เครื่องเคียง เช่น ผักสดต่าง ๆ เช่น ผักกาดหอม กะหล่ำปลี ใบโหระพา ใบชะพลู แตงกวา และพริกขี้หนูแห้งทอด ถั่วลิสงทอด

Credit by.. http://click108archeep.blogspot.com/2012/12/blog-post.html


Read More...


“ขนมเก้าไส้” ปรับสูตรซาลาเปา เสิร์ฟร้อนบนเตาปิ้งคู่เนยสด

สีสันสดใส ดึงดูดคนให้เข้ามาแวะดู
       เรื่องของขนมเก้าไส้ ไม่ใช่ขนมที่ได้ไอเดียมาจากประเทศไหน แต่ไอเดียขนมเก้าไส้นี้เกิดขึ้นมาจากการต่อสู้ชีวิตของน้องวัยรุ่นผู้หญิงคน หนึ่งชื่อว่า “แก้ว แสงอภัย” เธอได้พยายามเดินตามฝันที่อยากจะมีอาชีพเพื่อช่วยแบ่งเบาภาระทางบ้าน และที่สำคัญได้มีโอกาสช่วยเหลือครอบครัว
       ด้วยการเปิดร้านขนมเก้าไส้ “แก้ว” บอกกับทีมงาน “SMEs ผู้จัดการออนไลน์” ว่า เธอได้พยายามคิดสูตรแป้งของขนมนี้ขึ้นมา โดย เชื่อว่าที่อื่นๆ ก็คงจะไม่สามารถทำสูตรแป้งขนมเก้าไส้ได้เหมือนกับตนเอง และความเฉพาะตัวของแป้งขนมเก้าไส้นี้เอง ทำให้ตัดสินใจเปิดขายแฟรนไชส์ เพราะเชื่อว่าเมื่อมีคนได้ชิมจะต้องชื่นชอบความลงตัวของแป้งและไส้ที่มีหลากหลายมากมายถึง “เก้าไส้”
หนึ่งในรสชาติยอดนิยม
       สำหรับสูตรขนมเก้าไส้ เป็นขนมที่ทำขึ้นมาจากแป้งซาลาเปา หรือหม่านโถว และ ส่วนผสมอื่นๆ ที่เจ้าของสูตรบอกว่า “เป็นความลับ” รสชาติที่ออกมาคล้ายคลึงกับซาลาเปา หรือหม่านโถว แต่จุดเด่นคงอยู่ที่ตัวไส้ที่มีความหลากหลายถึงเก้าไส้ และเก้าสี ประกอบด้วย ช็อกโกแลต, หมูหยอง, คัสตาร์ด, ข้าวโพด, ใบเตย, เผือก, สตรอว์เบอร์รี, หมูสับ, เห็ดหอม และพิซซา ส่วนสีจะแตกต่างกันไปตามไส้ มีให้เลือกถึง 9 สีเช่นกัน โดยสีที่ใช้คือสีผสมอาหารที่ใช้ทำขนมทั่วไป
       แก้วเล่าว่า ส่วนสีที่ค่อนข้างฉูดฉาด เพราะต้องการทำให้เป็นจุดเด่น เมื่อ ลูกค้าเดินผ่านไปผ่านมาก็ต้องแวะเข้ามา และเมื่อได้ซื้อชิมเราเชื่อว่าเขาก็จะต้องกลับมาซื้ออีก ซึ่งในส่วนของขั้นตอนการทำไม่ได้แตกต่างจากซาลาเปา หรือหม่านโถว รสชาติคล้ายคลึงกัน แต่จะต่างกันที่ซาลาเปาไม่ได้มีไส้ให้เลือกมากขนาดนี้ และก่อนจะเสิร์ฟขายให้ลูกค้าจะนำมาปิ้งย่างบนเตาไฟฟ้าก่อน และทาเนยในระหว่างปิ้งย่างเพื่อเพิ่มความหอม และรสชาติที่อร่อยขึ้น ซึ่งแนะนำลูกค้าให้กินร้อนจะอร่อยและได้รสชาติมากกว่า ถ้าซื้อกลับบ้านไม่ควรที่จะปิ้ง ให้ซื้อกลับไปปิ้ง หรือใส่ไมโครเวฟก็ได้เช่นกัน ราคาขายหน้าร้านชิ้นละ 25 บาท
ใครจะคิดว่าพิซซาก็ไปด้วยกันได้กับหม่านโถว ซาลาเปา
       “ในส่วนของการขายแฟรนไชส์ เกิดขึ้นมาจากความต้องการของตัวเองที่ต้องการขายให้ได้มากๆ และส่วนหนึ่งมาจากลูกค้าได้มาเห็นและต้องการจะทำขายบ้าง เราก็เลยตัดสินใจเปิดขายแฟรนไชส์ โดยราคาเริ่มต้นที่ 15,000 บาทได้ขนม 100 ชิ้น พร้อมอุปกรณ์ และป้าย ราคาส่งขายให้แฟรนไชส์ส่งชิ้นละ 10 บาท (นึ่งให้แล้วและฟรีซแข็งไปให้) ลูกค้าจะเก็บได้ประมาณ 7 วัน แต่ถ้าแช่ช่องทำธรรมดาอยู่ได้ประมาณ 3 วัน
ทาเนยพร้อมปิ้งแบบไม่ติดเตาปิ้งและให้ความหอมเนย
       แก้วเล่าว่า เปิดร้านทำขนมเก้าไส้มาได้ประมาณ 1 ปี เปิดขายอยู่ด้านหน้าห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลพระราม 3 ยอดขายต่อวันประมาณ 200- 300 ชิ้น หักต้นทุน และค่าใช้จ่ายทั้งหมดเหลือประมาณวันละ 1,000 กว่าบาท สามารถทำคนเดียวได้ ไม่ยุ่งยากอะไร ปัจจุบันมีการขายแฟรนไชส์ไปแล้วในแขตปริมณฑล และต่างจังหวัดประมาณ 4-5 สาขา
       ที่มาจุดเริ่มต้นการทำขนมเก้าไส้ของ “แก้ว” เกิดขึ้น มา จากตัวเองชอบกินซาลาเปา และทำกินเองภายในครอบครัวบ่อยครั้ง เกิดความคิดว่าน่าจะลองทำแป้งซาลาเปา และไส้ซาลาเปาที่แปลก แตกต่างจากที่มีอยู่มันก็น่าจะขายได้ ซึ่งค่อยๆ ปรับและคิดสูตรขึ้นมาเอง โดยเฉพาะตัวแป้งที่ใช้เวลาทุ่มเทกับการคิดสูตรแป้งที่ลงตัว และไม่เหมือนใครอยู่นาน ส่วนไส้อาศัยดูขนมในท้องตลาดมีไส้ขนมอะไรบ้างที่คนชอบกิน ก็นำมาปรับให้มันเข้ากันได้กับตัวแป้ง จึงออกมาเป็นขนมเก้าไส้จนถึงปัจจุบัน
แก้ว แสงอภัย เจ้าของแฟรนไชส์

Credit by..http://www.manager.co.th/ibizchannel/viewnews.aspx?NewsID=9560000081570


แนะนำรวมบทความงานฝีมือเพิ่มรายได้

สร้างรายได้เสริม สร้างอาชีพเสริม ด้วยการทำสินค้า Handmade

Read More...


“ไก่ทอดพริกแห้ง”ฉีกรูปแบบสร้างธุรกิจแฟรนไชส์

ถ้าเอ่ยถึง ร้านไก่ทอดแล้ว ถือเป็นอีกหนึ่งอาชีพ ที่ได้รับความนิยม เพราะเป็นเมนูโปรดของคนไทย ที่ง่ายต่อการรับประทาน และที่สำคัญไม่ยุ่งยากในขั้นตอนการปรุง ปัจจุบัน เมนูไก่ทอด ไม่ได้เป็นอาหารบ้านๆ ที่ทำขายกันข้างถนน แต่ไก่ทอดยังได้ถูกยกระดับเป็นเมนูอาหารฟาสฟู๊ดระดับนานาชาติ ไปแล้ว

    
       แต่สำหรับคนไทยแล้ว เมนูไก่ทอดที่ถูกปากคนไทย ก็ยังคงต้องเป็นเมนูไก่ทอดรถเข็น หรือไก่ทอดหาดใหญ่ เพราะรสชาติความกลมกล่อม เมื่อขึ้นจากกระทะใหม่ ๆ บวกกับกลิ่นหอมชวนให้ต้องลองเข้าไปลิ้มลอง เรียกน้ำย่อยได้ดีเลยที่เดียว โดยเฉพาะเมื่อกินคู่กับข้าวเหนียวร้อนๆ ช่างไปด้วยกันได้อย่างลงตัว
       อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่เบื่อรสชาติที่ซ้ำซากจำเจ ของไก่ทอดทั่วๆไป วันนี้ มีเมนู และช่องทางสร้างอาชีพ รูปแบบหนึ่ง ที่น่าจะเป็นทางเลือกที่ดี สำหรับผู้ที่กำลังมองหาช่องทางสำหรับการขายอาหารที่ไม่ซ้ำแบบใคร เพราะขณะนี้ มีแฟรนไชส์ เมนูไก่ทอดพริกแห้ง ภายใต้แบรนด์ “ไก่ฮ็อต” มาแนะนำ
    
       “สุรัมภา พงเขตกรณ์” เจ้าของแฟรนไชส์ เล่าให้ฟังถึงที่มาของ ไก่ทอดพริกแห้ง “ไก่ ฮ็อต” ว่า มีจุดเริ่มต้นจากปี 2548 ตนเองได้เรียนจบทางด้านคหกรรมศาสตร์ด้านอาหารและโภชนาการ จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ แต่ไม่ชอบที่จะไปเป็นพนักงานกินเงินเดือน อยาก มีธุรกิจของตัวเองมากกว่า จึงคิดที่จะขายอาหาร เพราะตัวเองมีความถนัดทางด้านอาหารอยู่แล้ว จึงตัดสินใจมาลงที่อาชีพแม่ค้าขายไก่ทอดเมนูยอดนิยมของคนไทยอีกหนึ่งเมนู
       "ในตอนนั้นคิดว่าไก่ทอดเป็นอาหารที่กินได้ง่ายกับข้าวเหนียว ข้าวสวย เป็นกับแกล้ม หรือกินคู่กับเมนูโปรด แซบเว่อร์ อย่าง ส้มตำก็อร่อย แต่ประเด็นสำคัญอยู่ที่ว่า จะทำอย่างไรให้ไก่ทอดที่เป็นเมนูแสนธรรมดา ที่มีขายอยู่ทั่วไป ให้แปลกไปจากไก่ทอดทั่วๆไป จึงเริ่มคิดสูตร ปรับเปลี่ยนทดลอง จนได้สูตร ไก่ทอดพริกแห้ง ลงตัวอย่างที่ทำอยู่ ไม่อมน้ำมัน ไม่เลี่ยน เผ็ดแซ่บ หอมเครื่องเทศสมุนไพรที่คัดสรรมาอย่างดี"
    
       โดยสูตรไก่ทอดของไก่ฮ็อต อยู่ที่ การหมักด้วยเครื่องปรุงที่เป็นสมุนไพรไทยทั้งหมด และที่สำคัญ คือ จะไม่อมน้ำมัน ทำให้สามารถรับประทานได้โดยไม่ต้องกลัวเลี่ยน และจุดเด่นอีกอย่างหนึ่ง เชื่อว่าน่าจะถูกปากคนไทย คือ รสชาติความเผ็ดแซบ และ หอมเครื่องเทศสมุนไพร
“สุรัมภา พงเขตกรณ์” เจ้าของแฟรนไชส์
       ส่วนช่องทางการขาย เนื่องจากเพิ่งเริ่มทำตรงนี้ได้ไม่นาน ดังนั้น นอกจากการมีหน้าร้านรถเข็นของตัวเอง อยู่ที่ ที่ประตูน้ำพระอินทร์ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา หลักของเราคือ การขายส่งเพื่อให้ผู้สนใจ นำ ไปขายต่อ ซึ่งมีผู้สนใจค่อนข้างมาก เพราะไม่ต้องยุ่งยากในการทำหรือคิดหาสูตร ซื้อไปก็นำไปทอดขายได้เลย และได้รสชาติเหมือนกับร้านต้นแบบของเรา ส่วนใหญ่ลูกค้ามาชิมก่อนและถึงจะซื้อกลับไป
    
       อย่างไรก็ตาม เนื่องจากทางเราคงจะไม่ได้มีแผนขยายสาขาเอง จึงได้คิดรูปแบบของการขายแฟรนไชส์ขึ้น 2 รูปแบบ คือ รูปแบบที่ 1 สั่งเฉพาะไก่หมักจากเรา ขั้นต่ำ 50 ก.ก. ลูกค้าจัดหาอุปกรณ์เอง เรามีป้ายชื่อร้านไก่ทอดพริกแห้ง ไก่ฮ็อต ให้ฟรี
รูปแบบเคาน์เตอร์แฟรนไชส์
       ส่วน รูปแบบที่ 2 ตอนนี้อยู่ระหว่างสั่งทำรถเข็นและเคาน์เตอร์สำหรับลูกค้าที่สนใจต้องการได้ครบชุด ราคา 35,000 บาท โดย อุปกรณ์ที่ได้ประกอบไปด้วย 1.เคาน์เตอร์ไม้มีหลังคา มีป้ายชื่อร้าน 2.กระทะใบใหญ่พร้อมฝาปิด 3.เตาแก๊สหัวเร่ง (ไม่รวมถังแก๊ส) 4.ถาดวางพร้อมตะแกรง 3 ชุด 5.หม้อผสม 6.กะละมัง 7.ที่คีบ 3 อัน 8.ตะหลิว 1อัน 9.น้ำมันพืช1ปี๊บ 10.กระติกใบใหญ่ใส่ข้าวเหนียว 11.ผ้ากันเปื้อน 2ผืน 12.มีดและเขียง 13.แป้ง 10 ก.ก. 14.ถุงโลโก้ 2ก.ก. 15.ไก่หมักคละชิ้นส่วน 40 ก.ก. ทั้งหมดนี้ในราคา 35,000 บาท
    
       ทั้งนี้ ในส่วนของโอกาสคืนทุน ตั้งไว้ไม่เกิน 2 เดือน สิ่งสำคัญ เรื่องทำเลเป็นสิ่งสำคัญหลักๆที่มีผลต่อยอดขายมาก ถ้าคุณขายได้วันละ 50 ก.ก. จะใช้ระยะเวลาคืนทุนไม่เกิน 20 วัน ในรูปแบบที่ 1 ส่วนการลงทุนในรูปแบบที่ 2 ซึ่งราคาสูงกว่าก็อาจจะประมาณ 2 เดือน คืนทุนได้
       สำหรับ ร้านต้นแบบของ เราจะขาย 2 ช่วงคือ ช่วงเช้า 06.30 น. - 09.00 น. ช่วงบ่ายเวลาประมาณ 15.00 น. - 20.30 น. ขายวันละ 2 รอบก็ได้ประมาณ 100 กิโลกรัม ซึ่ง ทำเลที่ดี น่าจะอยู่ตามตลาดนัด ออฟฟิศ สำนักงาน มหาวิทยาลัย หรือตามแหล่งที่พักใกล้ๆโรงงาน ส่วนราคาขายต่อชิ้น ทางเราไม่ได้ตั้งไว้ให้ลูกค้าตั้งราคาเอง สำหรับการขายไก่หมัก 50 กิโลกรัม ลูกค้าจะได้กำไร ประมาณ 2,000 บาท (ไม่รวมข้าวเหนียวนึ่ง)

Credit by..http://www.manager.co.th/ibizchannel/viewnews.aspx?NewsID=9560000046965

แนะนำรวมบทความงานฝีมือเพิ่มรายได้

สร้างรายได้เสริม สร้างอาชีพเสริม ด้วยการทำสินค้า Handmade

Read More...


10 อาหารรถเข็น ที่คนไทยชอบมากที่สุด

Top Ten Thailand เผยโพลสำรวจ 10 อาหารรถเข็น ที่คนไทยโปรดปรานมากที่สุด  
อันดับ1.ข้าวเหนียว ไก่ย่าง ส้มตำ ข้าวเหนียว ไก่ย่าง ส้มตำ จานนี้นี่เอง ถึงแม้ว่าแต่ก่อน ส้มตำ จะเป็นอาหารประจำภาคอีสาน แต่ตอนนี้ได้กลายเป็นอาหารหลักประจำชาติไปแล้วครับ ที่ตอนนี้หากินกันได้ง่ายเหลือเกิน มีกันอยู่ทุกตรอก ซอก ซอย เลยทีเดียว บางครั้งยังมีเป็นรถมาขายถึงที่ด้วยซ้ำ แหมจะว่าไปแล้วก็เปรี้ยวปาก นึกอยากจะกินขึ้นมาเหมือนกันนะเนี่ย พูดถึงส้มตำแล้วก็มีหลายสูตรหลายรสด้วยกันไม่ว่าจะเป็น ตำไทย ตำปู ตำปลาร้า อันนี้ก็เป็นเมนูโปรดของหลายๆคน เห็นว่ากันว่าเป็นเมนูรสเลิศ แซบอิหลี ใครได้ลองแล้วจะติดใจ แล้วยังมีตำซั่ว อันนี้บางท่านอาจจะยังไม่รู้จัก ก็คือมันจะใส่ขนมจีนลงไปตำด้วย ก็อร่อยไปอีกแบบ มีเส้นขนมจีนลื่นๆคอ แถมอิ่มท้องด้วย ใครยังไม่ลองก็ลองดูจ้า สำหรับเมนูแซบๆๆ แบบนี้ ก็ได้คะแนนไปถึง 19.8% เป็นอันดับที่ 1 จากโพลของ toptenthailand ค่ะ

 10 อาหารรถเข็น ที่คนไทยช 
อันดับ2 ก๋วยเตี๋ยวต่างๆ

มาถึงอันดับที่ 2 เป็นของก๋วยเตี๋ยวต่างๆ ที่มีเมนูเยอะจริงๆ ไม่ว่าจะเป็น ก๋วยเตี๋ยวน้ำข้น น้ำใส เกี๋ยวเตี๋ยวต้มยำ เย็นตาโฟ ก๋วยเตี๋ยวไก่มะระ ก๋วยเตี๋ยวเรือ ก๋วยเตี๋ยวน้ำตก หรือบะหมี่เกี๊ยว นี่แค่ยกตัวอย่าง แต่แค่นี้ก็เลือกกินกันได้ไม่ซ้ำวันแล้วล่ะ แถมยังเป็นเมนูที่หากินได้ง่าย เพราะหลายๆเจ้า ก็ขยายเฟรนไชส์กันไปทั่วสารทิศ ทำให้มีอยู่ทุกซอกทุกมุมเหมือนกัน สำหรับเมนูที่กินง่าย สะดวก ประหยัด ได้คุณค่าอาหารครบ5หมู่แบบนี้ ก็ได้รับคะแนนไป 17.3%

อันดับ3 ข้าวมันไก่

เป็นอาหารจานเดียวที่ทุกคนต้องเคยกินมาอย่างแน่นอน ความอร่อยของมันนอกจากจะอยู่ที่เนื้อไก่นุ่มๆ ข้าวมันๆ แล้วยังอยูที่รสชาติน้ำจิ้ม กับน้ำซุบด้วย ก็เป็นอีกหนึ่งอาหารรถเข็นที่คนไทยโปรด ได้คะแนนไป 14.5 %

อันดับ4 ลูกชิ้นปิ้ง

จัดเป็นอาหารที่กินง่าย และสะดวก กินได้ทุกที่ทุกเวลา กินเป็นอาหารว่างก็ได้ (ก็เป็นอีกเมนูนึง ที่หากินกันได้ง่าย ส่วนใหญ่ก็ขายกันริมถนน หรือในซอยต่างๆ ส่วนความอร่อยนั้นนอกจาจะอยู่ที่ลูกชิ้นแล้ว ยังอยู่ที่น้ำจิ้มด้วย บางร้านก็มีทั้งน้ำจิ้มหวาน น้ำจิ้มเผ็ด ให้ลูกค้าเลือกแล้วแต่ชอบ ลูกชิ้นปิ้งมีคนโปรดจำนวน 13.4% อยู่ในอันดับที่ 4 จากโพลของ toptenthailand

อันดับ 5 หมูสะเต๊ะ

เนื้อหมูนุ่มๆ สีสรรสดใสน่ากิน ราดด้วยน้ำจิ้มรสกลมกล่อม กินกับขนมปังนุ่มๆหอมๆ และแกล้มด้วยน้ำอาจาด(ที่มีแตงกวา พริก หัวหอม) ทำให้หมูสะเต๊ะ เป็นอาหารรถเข็นที่คนไทยโปรดที่สุด ลำดับที่ 5 ด้วยคะแนน 8.9%

อันดับ6 ยำ ตามสั่ง

ถือเป็นอาหารสำหรับคนที่ชอบรสจัดจ้าน และยังเป็นหนึ่งในเมนูอาหารของสาวๆที่กำลังไดเอต แถมเป็นเมนูที่นิยมกินเป็นกับแกล้มอีกด้วย ส่วนประเภทของยำนั้นก็มีด้วยกันหลายชนิด แล้วแต่ที่แล้วแต่ร้าน แต่หลักๆตามรถเข็นทั่วไปก็จะมี ยำวุ้นเส้น ยำมาม่า ยำทะเล ยำรวมมิตร ได้รับความโปรดปราน 7.3%

อันดับ7 ข้าวเหนียว หมูปิ้ง

เป็นเมนูที่กินง่าย และอิ่มแปล้ด้วยพลังข้าวเหนียว ถ้าเจอร้านไหนที่หมักเนื้อหมูได้รสชาติกลมกล่อม เนื้อนุ่มๆ ก็จะทำให้คุณๆติดอกติดใจต้องกลับมาซื้อกินอีกเป็นแน่ ข้าวเหนียว หมูปิ้งมีคนโหวตให้ 7.1%

อันดับ8 ผัดไทย หอยทอด

ผัดไทย หอยทอด สองเมนูนี้มักจะอยู่คู่กัน ส่วนใหญ่ร้านไหนขายผัดไทยก็มักจะขายหอยทอดคู่กันไป พูดถึงผัดไทยนับว่าเป็นอีกหนึ่งเมนูอาหารไทยที่ขึ้นชื่อลือชา ด้วยรสชาติของผัดไทยแล้วนั้น เรียกว่าถ้าใครได้ลองกินแล้วเป็นต้องติดใจ เส้นนุ่มๆ เหนียวๆ เคล้ากับเครื่องปรุงครบสูตรของผัดไทย มีทั้งกุ้งแห้ง เต้าหู้ ไชโป้ และถ้าเด็ดสุดๆ ใส่กุ้งตัวโตๆ มาด้วย ส่วนหอยถอดนั้น ก็น่ากินไม่แพ้ผัดไทย ด้วยความที่มันกรอบนอกนุ่มใน เสริฟร้อนๆ ราดด้วยซอสอร่อยๆแล้วละก็ จะต้องมีเบิ้ลด้วยแน่ๆ เมนูคู่นี้ ได้รับคะแนนความโปรดปรานไป 6.7%

อันดับ 9 ข้าวไข่เจียว

อาหารยอดฮิต อีกอย่างนึงเลย ซึ่งเดี๋ยวนี้พ่อค้าแม่ขาย ก็นำมาเป็นเมนูอาหารรถเข็นกันทั่วสารทิศแล้ว โดยเติมรสชาติ และความแปลก ที่นอกเหนือจากไข่เจียวหมูสับลงไป เท่าที่เคยพอจะได้ลิ้มลอง ก็มีไข่เจียวกุ้งสับ ไข่เจียวปูอัด ไข่เจียวกะเพรา และยังมีรสชาติอื่นๆอีกตามแต่ท่านพ่อค้าแม่ขายจะคิดค้นขึ้นมา ข้าวไข่เจียว มีจำนวนคนโปรดคิดเป็น 3.4%

อันดับ 10 ปลาหมึกย่าง


อันดับ 10 จากการสำรวจอันดับอาหารรถเข็นที่คนไทยโปรดที่สุด นั่นคือ ปลาหมึกย่าง นั่นเองครับ ด้วยความเหนียวของเนื้อปลาหมึก ทำให้ยิ่งเคี้ยวก็ยิ่งมัน ยิ่งถ้าได้น้ำจิ้มรสเด็ดๆด้วยแล้วล่ะก็ แซบอย่าบอกใครเชียวล่ะ แถมปลาหมึกย่าง ยังถือเป็นกับแก้มชั้นยอดอีกด้วย แต่ขอเตือนว่าอย่าเผลอกินเยอะนะ เพราะอาจทำให้คอเรสเตอรอลขึ้นโดยไม่รู้ตัวได้เลย ปลาหมึกย่าง มีคนโปรดเป็นอันดับ10 อยู่ที่ 1.6%

Source : Top Ten Thailand / variety.teenee.com
ข้อมูล voicetv.co.th


Credit by..http://blog.eduzones.com/studyabroad/94865


แนะนำรวมบทความงานฝีมือเพิ่มรายได้

สร้างรายได้เสริม สร้างอาชีพเสริม ด้วยการทำสินค้า Handmade

Read More...


โครงการ TIDA Top Talent : รถเข็นพวงมาลัย “แม่โจ้”

ในบรรดาแผงลอยบนทางเท้า “แผงขายพวงมาลัย” น่าจะเป็นร้านที่แสดงถึง “ความเป็นไทย” ได้มากที่สุดอย่างหนึ่ง เพราะนอกจากจะพบเห็นได้ทั่วไปตามตลาดสดทุกแห่งแล้ว พวงมาลัยยังเป็นสัญลักษณ์แทนความเชื่อถือศรัทธา ความอ่อนน้อมถ่อมตน ความกตัญญู ฯลฯ อันเป็นค่านิยมทางสังคมและวัฒนธรรมของคนไทย 

แม้ว่าแผงขายพวงมาลัยจะแสดงเอกลักษณ์ไทย ได้ชัดเจน แต่ตัวแผงเองกลับดูเหมือนว่าจะยังขาด “บุคลิกเฉพาะตัว” บางอย่างเมื่อเทียบกับแผงลอยหรือรถเข็นประเภทอื่นๆ ดังนั้น การปรับแต่งบุคลิกของแผงขายพวงมาลัยจึงกลายมาเป็นแนวคิดหลักในการออกแบบ “รถเข็นพวงมาลัย แม่โจ้” (Malai Maejo Cart) ของ คุณปิตุพงษ์ เชาวกุล Design Director จาก Supermachine Studio



จุดเริ่มต้นของแนวคิด
“รถเข็นพวงมาลัย แม่โจ้” (Malai Maejo Cart) ถือกำเนิดจากแนวคิดที่ว่าความเป็น “ไทยแท้” ไม่ใช่ภาพในอุดมคติที่ถูกสร้างขึ้น หากแต่เป็นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในสังคมปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นหาบเร่แผงลอยไร้ระเบียบหน้าปากซอย เรือนแพดิสโก้เธค หรือรถทัวร์พ่นรูปการ์ตูนดราก้อนบอล ฯลฯ คุณลักษณะดังกล่าวได้ถูกนำมาตีความและกลายเป็นโจทย์ในการออกแบบครั้งนี้
ปิตุพงษ์เล่าว่า เขาสนใจความงามแบบบ้านๆ หรือลูกทุ่งๆ ไม่สนภาพความเป็นไทยประเภทหลังคาหน้าจั่ว สำหรับเขาจุดแข็งของวัฒนธรรมไทยคือความเป็นไปบนท้องถนน มีวัฒนธรรมรถเข็น ซื้อผลไม้บนทางเท้า รักการแหกกฎ ฯลฯ ดังนั้น “ความเยอะ” ของชีวิตประจำวันคือสิ่งที่น่าสนใจ



“แนวทางการออกแบบของผมจะไม่กลัวเยอะ ไม่ห่วงหล่อ ผมสนใจอะไรที่ “จริง” และสำหรับรถเข็นคันนี้ผมตั้งใจให้ผู้ประกอบการรายย่อยนำไปใช้ได้จริงด้วย ถ้าต้องลงทุนเยอะไป เจ้าของรถเข็นก็คงนำไปใช้ประโยชน์ไม่ได้ อีกทั้งทางโครงการยังจำกัดงบไว้ที่ 40,000 บาท ผมต้องสร้างรถขายพวงมาลัยขนาด 4 x 3 เมตรขึ้นมาให้ได้”


แรงบันดาลใจในการออกแบบ

ปิตุพงษ์เล่าต่อว่า โจทย์หลักของเขาคือ การออกแบบร้านขายพวงมาลัยที่คนซื้อไปเพื่อถวายพระ หรือไหว้ศาลพระภูมิ ไม่ใช่ร้านดอกไม้หรู ซึ่งในชีวิตจริงแผงขายพวงมาลัยส่วนใหญ่มีขนาดเล็กมาก และไม่มีเอกลักษณ์โดดเด่น คือมีแค่โต๊ะสูง 75 ซม. หุ้มพลาสติกเพื่อให้ฉีดน้ำได้ มีถังดอกไม้วางข้างบน ในขณะที่รถเข็นอื่นๆ จะมีบุคลิกเฉพาะชัดเจนกว่า เช่น รถขายปลาหมึกที่มีเครื่องบดปลาหมึกและกระบวนการในการบดปลาหมึก รถขายผลไม้ที่มีช่องใส่ผลไม้สามช่อง ฯลฯ 



ปิตุพงษ์รู้สึกว่ารถเข็นขายพวงมาลัยน่าจะ มีบุคลิกเฉพาะของตัวเองบ้าง โดยเห็นว่าความสวยงามของแผงขายพวงมาลัยอยู่ที่ “การนั่งร้อยมาลัย” จึงตั้งโจทย์ขึ้นมาอีกข้อว่า “ทำอย่างไรให้คนขายที่นั่งร้อยพวงมาลัยรู้สึกภาคภูมิใจในอาชีพของตัวเอง?” คำถามนี้ทำให้เขาเกิดไอเดียที่จะผสมอาชีพขายพวงมาลัยเข้ากับอีกอาชีพหนึ่ง นั่นก็คือ “แอร์โฮสเตส” นี่คือที่มาของรถเข็นขายพวงมาลัยที่มีลักษณะเหมือนกระเป๋าลากของแอร์ฯ ในยุค 50s สามารถพับเก็บและลากกลับบ้านได้สวยๆ ด้วยความมั่นใจ


รายละเอียดการสร้างสรรค์ + พัฒนา
เมื่อไอเดียตกผลึก การออกแบบรถเข็นที่เหมือนมีดพับสวิสผสมกับกระเป๋าเดินทางขนาดหนาราว 30 ซม.ก็เริ่มขึ้น 


- โครงสร้างรถเข็น : ตัวโครงจะมีลักษณะโค้งมน ออกแบบให้คล้ายรถยนต์ย้อนยุค และมี 4 ล้อแทนที่จะเป็น 3 ล้อแบบทั่วไป (รถเข็น 3 ล้อทั่วไปเวลาเลี้ยวจะต้องยกล้อหน้าขึ้น แต่ “มาลัย แม่โจ้” เป็นกระเป๋าลากล้อหน้าใส่ลูกปืนไว้หมุนตามผู้ลากได้) 

- ออพชั่นภายใน : โครงรถ/กระเป๋าลากใบนี้ถูกออกแบบให้มีราวเหล็กที่ยึดด้วยน็อต เพื่อใช้แขวนพวงมาลัยได้เมื่อเปิดกระเป๋าออก ราวแขวนนี้ได้แนวคิดมาจากรถเข็นขายปลาหมึก คือมาลัยพวงใหญ่อยู่แถวบนราคาแพงสุด นอกจากนั้นยังมีปีกที่เปิดออกไว้ใส่ของอื่นๆ และมีที่สำหรับวางถังดอกไม้ ใบเตย ฯลฯ ส่วนไฟเป็นท่อเหล็กหรือพลาสติก ทำความสะอาดด้วยการฉีดน้ำ ทุกอย่างมีฟังก์ชั่นชัดเจนทั้งในเรื่องการระบายน้ำ การพับเก็บ ฯลฯ


- วัสดุหุ้มโครง : ส่วนวัสดุพื้นผิวนี้จะเป็นอะไรก็ได้ที่แสดงความเป็นตัวของตัวเอง อาทิเช่น ป้ายหาเสียง ฟิวเจอร์บอร์ดแปะสติกเกอร์ดารา หรือจะเป็นโครงเหล็กฉากอย่างเดียวก็ได้ เปิดโอกาสให้ผู้ขายได้สร้างสรรค์เครื่องมือทำมาหากินของตนได้ตามต้องการ (ในโครงการนี้ปิตุพงษ์ใช้แผ่นลามิเนตมาทำพื้นผิวเนื่องจากได้สปอนเซอร์) 


- ชื่อ “มาลัย แม่โจ้” : มีที่มาน่าสนใจไม่แพ้แนวคิดในการออกแบบ กล่าวคือตั้งชื่อตาม “พี่โจ้” รุ่นพี่ในออฟฟิศที่ถูกหวยทุกงวด ซึ่งตรงนี้ปิตุพงษ์มองว่า คนไทยเห็นดอกไม้และพวงมาลัยเป็นเรื่องเกี่ยวกับความเชื่อ ความศรัทธา หวยออก ฯลฯ เมืองไทยใช้ดอกไม้เพื่อไหว้พระและศาลพระภูมิ ทำให้มิติของดอกไม้ไทยไม่เหมือนกับต่างประเทศที่ใช้เพื่อการตกแต่ง ดังนั้นสำหรับ “รถเข็นพวงมาลัย แม่โจ้” นอกจากจะมีพวงมาลัยแล้ว ยังต้องมีนางกวัก ธูป หมากพลู หรืออาจมีปุ่มกดตัวเลขใบ้หวยด้วย 


ข้อคิดฝากร้านค้าขนาดเล็ก
ในมุมของดีไซน์แล้ว การสร้างฝันในสไตล์ “Absolute beauty” ที่เห็นกันตามหน้านิตยสารนั้นไม่ใช่เรื่องผิด (เช่น ใช้เก้าอี้แพง ถือกระเป๋าแบรนด์เนม ชื่นชมวัสดุสวยๆ คุณภาพแสงเนี้ยบๆ ฯลฯ) แต่สังคมไทยที่เป็นจริงบนท้องถนน คือสังคมแบบ “ระเบิดเถิดเทิง” และเรื่องราวในสังคมที่เป็นจริงเหล่านี้ก็น่าจะได้รับการหยิบยกมาพูดถึงบ้าง ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าเราจะต้อง “พยายามลูกทุ่ง” หรือใส่ความคิดลงไปบนอัตลักษณ์ของใคร แต่น่าจะมองไปถึงชีวิตจริงของคนส่วนใหญ่แล้วแปลงร่างวัฒนธรรมของเราให้ เหมือนกับที่สังคมญี่ปุ่นทำได้สำเร็จ
** TiDA Top Talent เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ TiDA TEN PLUS โดยสมาคมมัณฑนากรแห่งประเทศไทย
Credit ภาพ : SUPERMACHINE

Credit by..http://www.tcdcconnect.com/content/detail.php?ID=1132&sphrase_id=119300

ติดตาม ร้านค้าติดล้อขายของ ได้ที่ : http://commercial-on-wheels.blogspot.com/

แนะนำรวมบทความงานฝีมือเพิ่มรายได้

สร้างรายได้เสริม สร้างอาชีพเสริม ด้วยการทำสินค้า Handmade

Read More...




----------------

ปรับปรุง
รายการบทความทั้งหมด



การบำรุงรักษารถยนต์เบื้องต้น



ร้านค้าเคลื่อนที่ ใช้ รถบรรทุกขนาดเล็กมาดัดแปลง



รวมบทความอาชีพ เสริม หลากไอเดียวิธีหารายได้เสริม



รวมบทความงานฝีมือ-สิ่งประดิษฐ์ รายได้เสริม



ทองม้วน thong muan ; rolled wafer





MASK รุ่นสายคล้องคอ







MASK รุ่นสายคล้องคอ. ��รุ่นนี้เป็นที่นิยมใช้กันมาก #ขายดีมาก
ทำจากผ้าคอตตอนแท้ 100%  ไม่ผสม เนื้อผ้านุ่ม 
3 ชั้น. สวมใส่พอดีกับใบหน้า ไม่เจ็บหู มีสายคล้องคอปรับได้
เวลาถอดออก ไม่ต้องกลัวลืม เพราะถอดแล้วคล้องคอไว้ได้
บรรจุในถุงซิปฟรอย์อย่างดี
ราคาชิ้นละ. 59. บาท. ไม่รวมส่ง 
มีหลายสีให้เลือกนะคะ   สนใจทักแชทขอดูสีผ้าได้นะคะ
หน่วยงาน บริษัท ห้างร้าน หรือ สนใจสั่งไปจำหน่าย 
มีเรทราคาส่งค่ะ

-> id line : noeyhorm_06
#มีวางจำหน่ายหน้าร้านชานมไต้หวันมาราชาสาขาจรัญ44


ร้านมาราชาชานมไข่มุก สาขาจรัญสนิทวงศ์ 44
● รับบัตรสะสมครบ 10 แก้ว แลกรับฟรี 1 แก้ว
● สั่งเดลิเวอรีผ่าน LINE MAN, Foodpanda ,GET ...ถึงมือปั๊บพร้อมดื่มปุ๊บ!
● อัพเดทโปรโมชั่นใหม่ๆ รสชาติใหม่ ตลอดเวลา
● มีเมนูให้เลือก 40 กว่าเมนู : https://bit.ly/2Z9iqV0






























































เลือกช่องทางติดต่อและรับข่าวสารบริการหลังการขาย
ฟอร์ด พลปิยะอยุธยาและฟอร์ด พลปิยะวังน้อย

--------------------------------------------------------------------------------------------
แคมเปญ-โปรโมทชั่น อะไหล่ฟอร์ด อัพเดททางออนไลน์และปรับปรุงข้อมูลออนไลน์
อะไหล่ฟอร์ด อะไหล่รถฟอร์ด อะไหล่รถยนต์ฟอร์ด อะไหล่ฟอร์ดแท้ ร้านขายอะไหล่รถฟอร์ด ขายอะไหล่รถฟอร์ด อะไหล่ฟอร์ด
 
Option

รวมบทความอาชีพเสริม หลากไอเดียวิธีหารายได้เสริม หาอาชีพเสริมอิสระทำเงิน สร้างอาชีพอิสระงานฝีมือ แนะนำการสร้างรายได้เสริมทำเงินด้วยการขายสินค้าหรือขายของเป็นอาชีพเสริม อิสระงานฝีมือ แนะแนวธุรกิจ อาชีพเสริม อาชีพแก้จน อยากจะมีรายได้เสริมนอกเหนือจากงานประจำ บล๊อกจัดทำขึ้นเป็นวิทยาทานเพื่อเผยแผ่ความรู้อันจะเป็นไปเพื่อบุญกุศล ขอให้ทุกท่านที่มีส่วนร่วมในบทความของบล๊อกนี้ จงได้รับอานิสงฆ์ด้วยเทอญ.