สูตรขนม สูตรอาหาร อาชีพรายได้เสริม ประกาศฟรี โฆษณาฟรี Career Articles Extra Income
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

Drop Down MenusCSS Drop Down MenuPure CSS Dropdown Menu

ลูกชิ้นปลาและทานาบาตะ ณ เซนได

.

 
 ของคาวกึ่งขนมรูปทรงใบไม้สีนวลเจือน้ำตาลอ่อนที่ค่อย ๆ หล่นออกมาจากเครื่องจักรผลิตแบบดั้งเดิมที่จำลองไว้ให้ผู้มาเยือนได้ชมขั้น ตอนการผลิตนั้น ทำให้โรงงานลูกชิ้นปลาคาเนซากิ กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวห้ามพลาดของคนที่ไปเยือนเมืองเซนได

ลูกชิ้นปลาหรือซาซาคามะโบะโขะ เป็นอาหารพื้นเมืองเซนไดที่ใครไปใครมาต้องลิ้มลอง ด้วยรสชาติกลมกล่อมและความกรอบนอกนุ่มในที่กำลังพอเหมาะ แต่ชื่อนี้เพิ่งถูกตั้งขึ้นหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ก่อนหน้านั้นลูกชิ้นปลาแบบนี้มีชื่อเรียกว่า เทโนะฮิระ คามะโบะโขะ หรือโคะโนะฮะ คามะโบะโขะ

แต่บางคนที่ชอบรสชาติจัดจ้านกว่านั้นอาจจะแต้มความอร่อยด้วยโชยุ สัก 2-3 เหยาะ หรือเลือกที่จะซื้อซาซาคามะโบะโขะรสชาติยอดนิยมที่ผสมเนยแข็ง ไส้กรอกซาลามี่ หรือไข่หอยเม่น ซึ่งไม่ว่าจะเป็นแบบไหนคนญี่ปุ่นก็บอกว่ามันเข้ากันได้ดีกับเหล้าสาเก ญี่ปุ่น

โรงงานลูกชิ้นปลาแห่งนี้นอกจากจะมีร้านอาหารและลูกชิ้นปลาแบบต่าง ๆ ให้ชิมแบบไม่อั้นแล้ว อีกอาคารหนึ่งยังมีการจัดแสดงโคมที่เคยส่งเข้าร่วมในเทศกาลทานาบาตะหรือ เทศกาลดวงดาวไว้ให้ชมด้วย เทศกาลทานาบาตะแห่งเมืองเซนไดเป็นเทศกาลประจำปีที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่ว ญี่ปุ่นด้วย

โคมกระดาษและเครื่องตกแต่งตามธรรมเนียมปฏิบัติของชาวญี่ปุ่นในเทศกาลทานาบา ตะที่จัดแสดงไว้ล้วนแต่เป็นชิ้นงานที่ได้รับรางวัลชนะเลิศจากการประกวดมา แล้ว โดยแต่ละโคมมีจุดเด่นในเรื่องความสวยงามและเทคนิควิธีการนำเสนอที่มีการ พัฒนาเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ

จากที่เคยเป็นเพียงโคมที่ประดับด้วยกระดาษหลากสี ก็มีการเพิ่มลวดลายภาพวาด ก่อนจะทำให้ภาพเหล่านั้นดูราวกับเคลื่อนไหวได้ในสมัยต่อ ๆ มา แต่ทุกโคมยังคงประดิษฐ์ขึ้นจากกระดาษดังเดิม

นอกจากนี้ภายในพิพิธภัณฑ์ยังมีการจัดนิทรรศการวิวัฒนาการของโคมตั้งแต่อดีต จนปัจจุบันไว้ให้ชมเรื่องราวของโคมแต่ละยุคสมัยด้วย แต่สิ่งที่นักท่องเที่ยวซึ่งไม่ได้เดินทางมาในช่วงที่มีเทศกาลทานาบาตะให้ ความสนใจมากเป็นพิเศษก็คือ ทันซากุ หรือกระดาษ 5 สี ที่จัดเตรียมไว้สำหรับให้เขียนคำอธิษฐานเพื่อขอพรให้ประสบความสำเร็จทั้งการ งานและความรัก แล้วนำไปผูกไว้กับกิ่งไม้ไผ่แบบเดียวกับช่วงเทศกาลทานาบาตะ

เทศกาลฤดูร้อนอย่างทานาบาตะนั้น ว่ากันว่าเกิดขึ้นจากตำนานความรักของเจ้าหญิงทอผ้านามว่า โอริฮิเมะ ซึ่งอยู่ทางตะวันตกของแม่น้ำแห่งสวรรค์หรือทางช้างเผือก กับหนุ่มเลี้ยงวัวนามว่า ฮิโกะโบชิ ซึ่งอยู่ทางตะวันออกของแม่น้ำแห่งสวรรค์

ด้วยความรักที่มีมากเหลือล้นทำให้ทั้งคู่ละเลยจากหน้าที่การงานของตัวเอง จนทำให้เทพเจ้าแห่งสวรรค์พิโรธจึงจับทั้งคู่แยกจากกัน แต่ยังใจดีอนุญาตให้กลับมาพบกันได้ปีละหนึ่งครั้ง ในวันที่ 7 เดือน 7 บนทางช้างเผือก

ยามค่ำคืนของทุกปีในวันดังกล่าวจะมีดาวฤกษ์สุกสว่าง 2 ดวง คือ ดาวเวกา (Vega) ดาวที่สดใสที่สุดในกลุ่มดาวพิณ (Lyra) ซึ่งชาวญี่ปุ่นเชื่อว่าเป็นเจ้าหญิงโอริฮิเมะ และดวงตานกอินทรี (Altair) ดาวที่สดใสที่สุดในกลุ่มดาวนกอินทรี (Aquilia) ซึ่งเชื่อว่าเป็นหนุ่มฮิโกะโบชิ จะโคจรมาพบกันบนทางช้างเผือกอย่างในตำนาน

โดยหน้าร้อนของทุกปีในช่วงเทศกาลทานาบาตะ ณ ถนนย่านชอปปิงใจกลางเมืองจะถูกประดับประดาด้วยโคมกระดาษญี่ปุ่นหลากสีที่ แขวนกับลำต้นไผ่กว่า 1,500 ต้นสองข้างทางเดิน ราวกับเป็นซุ้มที่สวยงามสร้างความตื่นตาตื่นใจให้ผู้มาเดินลอดผ่านชม และไม่ว่าจะไปที่ไหนก็จะได้เห็นการตกแต่งประดับสถานที่หรือถนนทางเดินด้วย ต้นไผ่หรือกิ่งไผ่ที่แขวนแผ่นกระดาษสีสวยเขียนคำอธิษฐานของชาวเมือง

และในระหว่างเทศกาลซึ่งจัดขึ้นช่วงต้นเดือนสิงหาคมจะมีการแสดงบนเวที โดยเย็นวันก่อนที่เทศกาลจะเริ่มขึ้นจะมีการจุดดอกไม้ไฟอย่างอลังการ ซึ่งจุดที่ชมดอกไม้ไฟได้ชัดเจนที่สุดจุดหนึ่งคือที่สวนสาธารณะนิชิโคเอ็น

ส่วนด้านบนของร้านอาหารและโรงงานยังมีการจัดนิทรรศการจัดแสดงผลงานที่สร้าง สรรค์ด้วยเทคนิคการปะกระดาษหลากสีและใช้ไฟส่องให้เห็นแสง สี และเงา ผลงานของฟูจิชิโระ เซอิจิ ศิลปินชาวเซนไดผู้มีชื่อเสียง ซึ่งว่ากันว่าเขาเป็นเพื่อนสนิทกับเจ้าของโรงงานลูกชิ้นปลาคาเนซากิแห่งนี้ ด้วย

งานศิลปะที่จัดแสดงอยู่นั้นบอกเล่าเรื่องราวของท้องทะเลที่อยู่ในจินตนาการ โดยมีสิ่งของเครื่องใช้ที่อยู่บนพื้นโลกปะปนอยู่อย่างลงตัว ขณะที่บางส่วนเป็นภาพเกี่ยวกับเรื่องราวการใช้ชีวิตของผู้คนในแถบนั้น ซึ่งเทคนิคการปะกระดาษชั้นสูงที่ถูกถ่ายทอดออกมานั้น ดูราวกับมีชีวิตทุกครั้งที่แสงไฟสาดส่องให้เห็นมิติแห่งแสงและเงา

แม้เซนไดจะเคยประสบกับภัยพิบัติครั้งรุนแรงเมื่อปีก่อน แต่วันนี้ที่นี่ทุกอย่างกลับมาเหมือนเดิมทั้งแหล่งท่องเที่ยวอันงดงามและผู้ คนที่เต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มไม่ต่างจากคนไทย อยากรู้เรื่องราวเกี่ยวกับการท่องเที่ยวเซนไดเข้าไปดูข้อมูลได้ที่ www.sentabi.jp/5000/50000000.html
 
 
 
 

อ่านแล้วชอบมาก เลยลอกเขามาและบันทึกบทความสะสมไว้ในBlogนี้ เพื่อเก็บไว้อ่านอีก ขอขอบคุณเจ้าของบทความนี้ และใครอ่านต่อ ลองนำไปใช้ดูก็ได้


Photobucket

Read More...


ยำส้มโอ

Pic_259133

ส้มโอจัดเป็นผลไม้ช่วยล้างลำไส้อย่างดี และใช่ว่าจะทานเพื่อล้างปาก หลังเสร็จจากทานอาหารคาวเท่านั้น แต่ยังสามารถนำมายำตามสูตรไทยโบราณ เพื่อเป็นเมนู Appetizer เรียกน้ำย่อยได้ด้วย และที่สำคัญไม่ต้องกลัวอ้วนอีกด้วย เพราะส่วนผสมของเครื่องยำล้วนแต่เป็นสมุนไพรที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพทั้ง นั้น

คุณวิ–รวิพรรณ (แดงทองดี) จึงรุ่งเรืองกิจ ลูกสะใภ้คนโตของนักธุรกิจเศรษฐินี “สมพร จึงรุ่งเรืองกิจ” ผู้ผลิตชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์ ที่มาหลงเสน่ห์ตัวอักษร จึงยอมทุ่มทุนหลายสิบล้าน เพื่อเป็นเจ้าของนิตยสาร Who? ต่อไป และได้วางตัวลูกสะใภ้ใสซื่อ(คุณวิ)ให้มาคุมธุรกิจใหม่ด้านสื่อ โดยควบ 3 ตำแหน่งใหญ่คือ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด กรรมการผู้จัดการ และบรรณาธิการบริหารและผู้พิมพ์ผู้โฆษณา นิตยสาร Who?



ถึง จะหน้าใหม่ในวงการสื่อ แต่คุณวิเธอคร่ำหวอดทางด้านการเงินการธนาคารมาก่อน ทั้งเรียนป.โทด้านเศรษฐศาสตร์-การเงินและทำงานด้านวาณิชธนกิจ ที่บริษัทลีแมนบราเธอร์ส และสำนักงานใหญ่โนบุระ ที่ญี่ปุ่น รวมกันแล้วนานถึง 6 ปี พอกลับมาเมืองไทยก็มาทำงานอยู่ในสายการธนาคารต่อที่ธนาคารทหารไทย ในตำแหน่งรองผู้อำนวยการฝ่ายคอร์ปอเรท แบงกิ้ง จนกระทั่งลูกโตแล้ว เธอจึงออกมาช่วยงานธุรกิจของครอบครัวสามี ตามประสาเวิร์กกิ้งวูแมน จึงอยู่เฉยไม่ได้


แม้ งานในครัวจะไม่ต้องลงมือเองก็ตาม แต่คุณวิบอกว่า ใช่ว่าจะทำอะไรไม่เป็นนะคะ ตอนไป เรียนที่ญี่ปุ่นก็ต้องลงมือทำอาหารทานเอง โดยมีความชอบทำอาหารอยู่บ้าง เมนูที่เธอชอบมากคือ ยำส้มโอ สูตรที่นำเสนอในวันนี้ เพราะไปทานจาก รร.ปิงนครา ของคุณอาที่เชียงใหม่ แล้วติดใจมาก เพราะหอมทั้งสมุนไพร  ทานแล้วให้ความรู้สึกถึงความเป็นธรรมชาติ และที่สำคัญทำง่ายด้วย เลยขอสูตรมาทำทานเองอยู่ตลอด


เครื่อง ปรุง : ส้มโอที่มีรสอมเปรี้ยว / กุ้งสด / พริกขี้หนูสวน / หอมแดงสดซอย / หอมแดงซอยทอด / มะพร้าวหั่นฝอยคั่วแบบเมี่ยงคำ / ใบชะพลู / น้ำยำ

ส่วน ผสมของน้ำยำ : ตะไคร้สับละเอียด 3 ชต. /หอมแดงสับ 2 ชต./กะปิเผา 1 ชช./ขิงสับ 1 ชต./น้ำปลา 2 ชต./ น้ำเปล่า 2 ชต. /น้ำตาลปี๊บ 6 ชต. /กุ้งแห้งปั่นหยาบๆ 1 ชต. ...วิธีทำ ผสมน้ำเปล่า+ น้ำปลา +น้ำตาลปี๊บ+กะปิเผา เข้าด้วยกันและตั้งไฟเคี่ยวจนเป็นเนื้อเดียวกัน ชิมให้ออกรสเค็มนำ จากนั้นจึงใส่ส่วน ผสมที่เหลือและคนให้เข้ากัน


วิธี การยำ ให้แกะส้มโอเป็นชิ้นเล็กๆ จากนั้นราดน้ำยำ พร้อมด้วยหอมแดงซอย พริกขี้หนูซอย มะพร้าวคั่ว และกุ้งต้มสุก อาจจะหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ลงผสม และคลุกเคล้าอย่างเบามือ เสร็จแล้วโรยหน้าด้วยหอมแดงทอดปิดท้าย เสิร์ฟพร้อมกับใบชะพลู สำหรับใช้ห่อยำส้มโอเวลารับประทาน สำหรับเครื่องปรุงอาจจะใช้วิธีกะเอา ให้ได้รสชาติตามความชอบของแต่ละคน.

credit :  http://www.thairath.co.th


อ่านแล้วชอบมาก เลยลอกเขามาและบันทึกบทความสะสมไว้ในBlogนี้ เพื่อเก็บไว้อ่านอีก ขอขอบคุณเจ้าของบทความนี้ และใครอ่านต่อ ลองนำไปใช้ดูก็ได้


Photobucket

Read More...


เนื้อย่างจิ้มน้ำพริกตาเพชร


 Pic_260855 
 เมนูขึ้นสำรับวันนี้คงถูกใจบรรดาคออาหารรสแซบ หรือบรรดาคอน้ำพริกทั้งหลาย โดยเฉพาะใครที่ชอบทานเนื้อย่างจิ้มแจ่ว ขอบอกว่า ลองหันมาทานเนื้อย่างจิ้มน้ำพริกตาเพชร สูตรเฉพาะของบ้าน “พลเอก พระยาเทพหัสดิน สยามพิชิตินทร์สวามิภักดิ์ อุดมศักดิ์เสนีย์พิริยะพาหะ” ดูบ้าง แล้วคุณจะติดใจ

“พล เอกพระยาเทพหัสดินฯ” ท่านเป็นแม่ทัพที่ในหลวง รัชกาลที่ 6 ทรงส่งไปร่วมรบในสงครามโลกครั้งที่ 1 ยังมีภาพของท่านถือธงชาติไทยเดินนำขบวนทหารไทย ที่ถนนฌองเอลิเซ่ ประเทศฝรั่งเศส และสมัยก่อนที่นิยมการล่าสัตว์ ทุกครั้งที่พระยาเทพหัสดินออกล่าสัตว์ จะต้องพกน้ำพริกตาเพชร ซึ่งปรุงโดยนายพรานของท่านที่ชื่อ “เพชร” ติดไปด้วย เพื่อไว้ทานกับเนื้อย่างที่ล่ามาได้ โดยน้ำพริกตาเพชรนี้ จะมีเคล็ดลับอยู่ว่า เครื่องปรุงจะต้องไม่ให้มีสัตว์อื่นๆเจือปนอยู่ด้วยเลย คือไม่ใส่น้ำปลา แต่จะใช้เกลือแทน เพื่อไม่ให้เสียรสชาติของเนื้อที่จะนำมาจิ้ม และพริกขี้หนูที่ใช้จะต้องใช้พริกขี้หนูสีเขียวล้วนๆ เพื่อให้สีสันออกมาเขียวสดใส ไม่ใช่สีช้ำเลือดช้ำหนอง

น้ำพริก ตาเพชร สูตรโปรดของพระยาเทพหัสดินฯ ก็ได้ตกทอดต่อกันเรื่อยมา ถึงรุ่นลูก หลาน และเหลน คือ คุณปู–ภญ.ดร.นฤพร สุตัณฑวิบูลย์ ผู้ช่วยคณบดีฝ่ายวิจัย คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งเคยได้ลิ้มรสชาติมาตั้งแต่เด็ก โดยคุณยาย (ผัสพร “เทพหัสดิน” ภักดีกุล) จะทำให้ลูกหลานได้รับประทานอยู่เสมอ คุณปู เล่าว่า คุณยายจะมีฝีมือทางด้านการบ้านการเรือน สมัยก่อนคุณยายจะเป็นเลขาฯประจำตัวของคุณตาทวด (พระยาเทพหัสดินฯ) รวมถึงเป็นผู้ปรุงข้าวปลาอาหารให้รับประทานด้วย  และเธอก็จะได้รับการถ่ายทอดวิชา ทั้งทำอาหาร และเย็บปักถักร้อยมาจากคุณยายนี่แหละ

 
เครื่อง ปรุงน้ำพริกตาเพชร : ผักชีพร้อมราก 1 ถ้วย / พริกขี้หนูสีเขียวล้วน 1/4 ถ้วย / กระเทียม 1/2 ถ้วย / น้ำมะนาว 1/4 ถ้วย / เกลือ 1/2 ชช./....วิธีทำ ตำกระเทียม ผักชีพร้อมราก และพริกขี้หนูเข้าด้วยกันพอแหลก จึงปรุงรสด้วยน้ำมะนาว และเกลือ

สมัยก่อนน้ำพริกตาเพชรจะต้องทานกับ เนื้อย่างเท่านั้น แต่พอมาถึงสมัยนี้ลูกหลานดัดแปลงมาเป็นน้ำจิ้มสารพัดประโยชน์ ทานกับเนื้อสัตว์ทุกชนิดรวมถึงซีฟู้ด หรือถ้าเป็นพวกมังสวิรัติ ก็อาจจะใช้จิ้มกับเห็ดหอมสดชุบแป้งทอด ก็ได้รสชาติความอร่อยไม่แพ้กัน.

credit : http://www.thairath.co.th/



อ่านแล้วชอบมาก เลยลอกเขามาและบันทึกบทความสะสมไว้ในBlogนี้ เพื่อเก็บไว้อ่านอีก ขอขอบคุณเจ้าของบทความนี้ และใครอ่านต่อ ลองนำไปใช้ดูก็ได้



Photobucket

Read More...


สปาเกตตีต้มยำกุ้ง

Pic_268057

เมนูอาหารขึ้นสำรับวันนี้ คล้ายฝรั่งรำไทย เป็นเมนูของชาติตะวันตกมาพบกับชาติตะวันออกได้อย่างลงตัว ทั้งสปาเกตตีกับต้มยำกุ้ง ก็ล้วนแต่เป็นอาหารขึ้นชื่อของคนทุกชนชาติ ทั้งตะวันตกและตะวันออกต่างก็รู้จักมักคุ้นกันอย่างดี เมื่อนำทั้ง 2 เมนูมามิกซ์เข้าด้วยกัน จึงกลายเป็นเมนูใหม่ที่สมพงศ์กันทีเดียว โดยไม่ต้องการคำอธิบาย

คุณหนึ่ง–อัครพงศ์ ดาโลดม ลูกชายอดีตรองปลัดกระทรวงเกษตรฯ “ดร.อนันต์ ดาโลดม” ผู้ได้รับแรงผลักดันจากภริยา จึงหันมาจับงานร้านอาหารอีกงานหนึ่ง ทั้งๆที่เรียนจบมาด้านวิศวะคอมฯ แต่ด้วยประสบการณ์ระหว่างเรียนอยู่อเมริกา โดยภริยาเคยทำงานร้านอาหาร และตัวเองก็เคยเป็นบาร์เทนเดอร์มาก่อน เมื่อกลับเมืองไทยทั้งคู่จึงอาสาเข้ามาช่วยคุณแม่คุมร้านอาหารสเต๊กลาว ทั้งที่สุขุมวิท ซอย 101, เซ็นทรัล แจ้งวัฒนะฯ, เดอะมอลล์ งามวงศ์วาน และเพิ่งจะขอคุณแม่เปลี่ยนคอนเซปต์ร้านใหม่ เพื่อให้เข้ากับตัวเองเป็นร้าน Midtown ที่ชั้น 4 สยามพารากอน  แต่เมนูอาหารยังคงเดิมคือ อาหารไทย สเต๊กลาว แต่เพิ่มอาหารนานาชาติ และไวน์เข้ามาด้วย


คุณ หนึ่งเล่าว่า หลังกลับจากอเมริกาเขาได้มาเรียนรู้การทำอาหารจากคุณแม่อยู่ 1 ปีเต็มๆ จนเกิดใจรัก เพราะคุณแม่มีรสมือในการทำอาหารมาก และใฝ่หาความรู้ตลอดไม่หยุดนิ่ง ทุกวันนี้ท่านก็ยังพยายามหาวัตถุดิบใหม่ๆ คุณภาพดีๆมาใช้ปรุงอาหาร เป็นแรงบันดาลใจให้ผมอยากจะสืบทอดงานของท่าน  สำหรับเมนูอาหารวันนี้คุณหนึ่งและภริยาก็ได้ช่วยกันครีเอตขึ้น เพื่อบรรจุในเมนูที่ร้านเขาด้วย


เครื่อง ปรุง : กุ้งกุลาดำ / เส้นสปาเกตตี / นมสด / น้ำซุป / น้ำปลา / เห็ดฟาง / ผักชีฝรั่ง / ผักชีไทย / พริกขี้หนูแห้งทอด / เครื่องต้มยำ (ข่า– ตะไคร้–หอมแดง–ใบมะกรูด) / พริกขี้หนูสวน / น้ำมะนาว / น้ำพริกเผา / พริกชี้ฟ้าแดงหั่นแฉลบตามยาว .......วิธีทำ 1) นำเครื่องต้มยำ โดยเฉพาะข่า-ตะไคร้-หอมแดง ซอยชิ้นบางๆ เพื่อสามารถเคี้ยวรับประทานได้สะดวก พร้อมเห็ดฟาง ใบมะกรูดฉีก มาผัดกับน้ำมันมะกอก 2) เติมน้ำซุปพอให้ขลุกขลิก 3) ใส่กุ้งกุลาดำลงไปผสม พอใกล้สุก ปรุงรสด้วยน้ำพริกเผา น้ำปลา น้ำมะนาว และพริกขี้หนูสับหยาบๆ 4) เติมนมสด และผักชีฝรั่งซอย คลุกเคล้าให้เข้ากัน 5) เมื่อชิมได้รสชาติตามชอบแล้ว จึงใส่เส้นสปาเกตตีลงไปคลุกให้เข้ากัน พร้อมด้วยพริกชี้ฟ้าแดงตบท้าย 6) ตักใส่จานพร้อมเสิร์ฟ โรยหน้าด้วยผักชีไทย.
 
credit :  http://www.thairath.co.th/


อ่านแล้วชอบมาก เลยลอกเขามาและบันทึกบทความสะสมไว้ในBlogนี้ เพื่อเก็บไว้อ่านอีก ขอขอบคุณเจ้าของบทความนี้ และใครอ่านต่อ ลองนำไปใช้ดูก็ได้


Photobucket

Read More...


Pic_266279

หมี่กรอบ จัดเป็นอาหารไทยโบราณร่วมสมัย ที่คนยุคใหม่นี้ยังรู้จักและชอบรับประทานกัน ซึ่งโชคดีไปได้สูตรมาจาก คุณยายสมพงษ์ (พนมวัน ณ อยุธยา) จิตตเสวี ภริยาวัย 70 เศษของพล.ท.วิจิตร จิตตเสวี อดีตผู้ช่วยเสนาธิการทหารบก ฝ่ายส่งกำลังบำรุง ที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้มีฝีมือด้านการครัว ทุกวันนี้ยังจับกระทะควงตะหลิวได้อย่างทะมัดทะแมง ฝีมือไม่ตก แม้จะผ่านพ้นวัยทำงานมาหลายร้อนหลายฝนแล้วก็ตาม

คุณยายสมพงษ์เล่า ว่า  เวลาที่คุณแม่เข้าครัวก็จะตามไปเป็นลูกมือตลอด จึงได้รับถ่ายทอดวิทยายุทธ์มารอบด้าน และในครอบครัวของคุณยายก็มีแม่แบบด้านการครัวอยู่หลายคน นอกจากคุณแม่ฉวีแล้ว ก็ยังมีคุณอาอาบ พนมวัน ณ อยุธยา ซึ่งเคยถวายการรับใช้อยู่ในวังศุโขทัย  จึงได้รับการถ่ายทอดสูตรหมี่กรอบชาววัง ในวันนี้มาด้วย ซึ่งหลายๆคนที่ชอบคงไม่ผิดหวังเป็นแน่


เครื่อง ปรุงสำหรับ 10 ที่ : หมูสะโพก 1 กิโลกรัม / กุ้งแชบ๊วย 1 กิโลกรัม / เต้าหู้ขาวสี่เหลี่ยมชนิดแข็ง 5 ก้อน / กระเทียมดอง 1 กิโลกรัม / ถั่วงอก 1 กิโลกรัม / ใบกุยช่าย ½ กิโลกรัม / มะนาว 15 ลูก / ส้มซ่า 15 ลูก / เส้นหมี่ไวไว 6 ห่อ / น้ำตาลทราย 1 ถ้วยตวง / กระเทียม 2 ขีด / หัวหอมแดง 2 ขีด / เต้าเจี้ยว 1 ถ้วยตวง / น้ำมันพืชอย่างดี 1 ขวด


วิธี ทำน้ำปรุงหมี่กรอบ  1)  เจียวกระเทียมสับกับหัวหอมแดงสับให้เหลือง แล้วพักไว้ 2) ผสมเต้าเจี้ยวและน้ำตาลทรายเข้าด้วยกัน แล้วเติมน้ำส้มซ่ากับน้ำมะนาว ก่อนนำไปตั้งไฟกลาง เคี่ยวจนน้ำเริ่มเหนียว แล้วพักไว้  3) รวนเนื้อหมูหั่นฝอย และกุ้งแชบ๊วยสับละเอียด (แยกกันรวนทีละครั้ง) จนแห้ง โดยไม่ต้องใส่น้ำมัน เสร็จแล้วพักไว้ 4) นำส่วนผสมตั้งแต่ข้อ 1-3 มาเคี่ยวรวมกันจนเหนียวได้ที่ โดยใช้ไฟอ่อน แล้วพักไว้

น้ำปรุงหมี่กรอบ ถือเป็นส่วนสำคัญอีกอย่าง ถ้าขาดส้มซ่าจะทำให้เสียรสชาติ เพราะทั้งน้ำส้มซ่าที่เป็นส่วนผสมของน้ำปรุง และเปลือกที่นำมาหั่นฝอยๆ แล้วโรยหน้า จะให้กลิ่นหอมเวลาทาน ซึ่งเป็นเสน่ห์ของเมนูนี้ทีเดียว


วิธี ทำส่วนประกอบอื่นๆ 1) ถั่วงอก เด็ดทั้งหางและหัว 2) พริกชี้ฟ้า (สีแดง) หั่นเป็นเส้นฝอย โดยเอาเม็ดพริกออก  3) กระเทียมดอง ปอกเปลือกให้เหลือแต่เนื้อกระเทียม แล้วหั่นฝอย  4) ใบกุยช่าย หั่นเป็นท่อนๆความยาวประมาณ 1 ½ นิ้ว 5) เปลือกส้มซ่า หั่นฝอย กรณีที่ไม่มีให้ใช้เปลือกมะนาวทดแทนได้ (ใช้เฉพาะส่วนเปลือกเขียวเท่านั้น) 6) เต้าหู้ขาว หั่นให้ได้ขนาดเท่ากับก้านไม้ขีดแล้วผึ่งให้แห้ง ก่อนนำไปทอดให้เหลืองกรอบ 7) เส้นหมี่ ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของเมนูนี้ เทคนิคจึงอยู่ตั้งแต่การนำเส้นหมี่จุ่มลงในน้ำร้อนจัด และคอยเขี่ยเส้นให้โดนนำร้อนทั่วถึงกันหมด แล้วรีบนำขึ้นทันที ไม่ควรแช่นาน นำมาผึ่งในตะแกรงประมาณ 5 นาที จึงนำลงทอดในน้ำมันที่ร้อนจัด โดยหยิบเส้นหมี่ประมาณแค่ฝ่ามือ และให้แผ่ออกไม่กระจุกตัว เส้นจะได้เหลืองกรอบทั่วกัน


ก่อน เสิร์ฟ นำเส้นหมี่ที่ทอดเหลืองกรอบแล้วมาคลุกด้วยน้ำที่ปรุงไว้ให้เข้ากัน แล้วชิมให้ได้รสชาติตามชอบ  เมื่อตักใส่จานโรยหน้าตกแต่งให้สวยงามด้วยกระเทียมดอง ส้มซ่าหั่นฝอย พริกชี้ฟ้าแดงหั่นฝอย และสุดท้ายเต้าหู้ขาวที่ทอดเหลืองกรอบ ส่วนถั่วงอกและใบกุยช่าย ถ้าไม่โรยหน้าก็ใส่จานต่างหากเสิร์ฟเป็นเครื่องเคียง.

credit :  http://www.thairath.co.th/



อ่านแล้วชอบมาก เลยลอกเขามาและบันทึกบทความสะสมไว้ในBlogนี้ เพื่อเก็บไว้อ่านอีก ขอขอบคุณเจ้าของบทความนี้ และใครอ่านต่อ ลองนำไปใช้ดูก็ได้


Photobucket

Read More...


ใครๆ ก็ทำได้ ปิ้งปังให้เป็นลายการ์ตูน

Pic_266437

เวลาปิ้งขนมปังแต่ละที ก็เห็นเป็นสีน้ำตาลออกไหม้ทั้งแผ่น ซึ่งจริงๆ แล้วมันก็หอมน่าทานเป็นปกติ แต่วันนี้ Trend can do ไปเจอไอเดียสุดสร้างสรรค์ ให้การปิ้งขนมปังเต็มไปด้วยไอเดียและสนุกมากขึ้น กับการสร้างลวดลายบนแผ่นขนมปังที่ทำได้ง่ายสุดๆ
อุปกรณ์และวัตถุดิบที่ต้องเตรียม
1. ขนมปังแผ่น
2. เครื่องปิ้งขนมปัง
3. กระดาษฟอยล์ กรรไกร

ขั้นตอนการทำ
1. ออกแบบลวดลายที่อยากได้ลงบนกระดาษฟอยล์ จากนั้นตัดชิ้นส่วนต่างๆ ไปวางบนแผ่นขนมปัง ควรกดเล็กน้อยให้แผ่นฟอยล์ติดกับขนมปัง (กระดาษฟอยล์วางบนส่วนไหนของขนมปัง ส่วนนั้นจะไม่มีสีน้ำตาลเกรียม)

2. นำไปปิ้งในเครื่อง พอสุกแล้วก็เอากระดาษฟอยล์ออก ก็จะได้แผ่นขนมปังที่มีลวดลายตามต้องการ


ที่มา : www.trendhunter.com


อ่านแล้วชอบมาก เลยลอกเขามาและบันทึกบทความสะสมไว้ในBlogนี้ เพื่อเก็บไว้อ่านอีก ขอขอบคุณเจ้าของบทความนี้ และใครอ่านต่อ ลองนำไปใช้ดูก็ได้


Photobucket

Read More...


ติ่มซำประจำบ้าน ตอน กุยช่ายไส้เผือก

ผู้เขียนชอบกุยช่ายค่ะ ชอบทานมากที่สุด คือ ไส้เผือก แต่ไม่ชอบลักษณะเผือกกวน ชอบแบบบ้านๆ ที่จะเป็นไส้เผือกผัดกับบรรดาสิ่งละอัน พันละน้อย จะเรียกได้ว่าคล้ายๆ กับตามบ้านคนจีน ที่ผู้เขียนว่าเช่นนั้น เป็นเพราะผู้เขียนเคยได้รับขนมกุยช่ายจากเพื่อนของคุณตาของผู้เขียน เขาว่าที่บ้านเขาทำทานกันเอง ใส่มาในกล่องพลาสติกสีชมพูที่เรียกกันติดปากว่า “ทัปเปอร์แวร์” มาให้ที่บ้าน

ถือเป็นขนมกุยช่ายที่อร่อยที่สุดในชีวิต อาจจะเป็นเพราะตอนนั้นยังเด็ก และขนมกุยช่ายที่ได้รับมามีน้อยเหลือเกิน แบ่งๆ กันทานคนละคำ จึงทำให้คิดถึงทีไร จดจำได้แม่นว่าอร่อย เนื้อแป้งกุยช่ายหนานุ่ม ไม่กระด้าง ดูเป็นสีขาวขุ่น ไม่ขาวใส บอบบาง แบบหลายๆ เจ้าที่วางขายในปัจจุบัน

สำคัญที่ไส้ ไส้ผักเขียวใบกุยช่าย รสชาติไม่แตกต่างจากที่คุ้นเคย สำหรับไส้ที่แตกต่าง คือ ไส้หน่อไม้ และไส้เผือก สำหรับไส้หน่อไม้ รสชาติดีเยี่ยม เพราะทำจากหน่อไม้ไผ่ตง ฝานบางๆ หั่นเป็นท่อนเล็กๆ ผัดจนหอมนุ่มกับกุ้งแห้ง โรยด้วยผักชี ส่วนอีกไส้ที่ผู้เขียนตราตรึง เป็นไส้เผือก เนื้อหอม ที่หั่นเป็นเส้นหยาบๆ มีกุ้งแห้ง ถั่วลิสงต้ม และเห็ดหอม รสชาติหอมพริกไทยขาว

แล้วยิ่งมารู้ว่าเพื่อนของคุณตาที่ทำกุยช่ายอร่อยๆ เสียชีวิตไป ผู้เขียนเสียใจอย่างมาก กลัวว่าสูตรเด็ดแบบนั้นจะถูกลืม เพราะตั้งแต่กุยช่ายกล่องนั้นที่ส่งมา ผู้เขียนก็ไม่เคยได้ลิ้มรสกุยช่ายเผือกที่อร่อยขนาดนั้นอีกเลย

พอได้สูตรแป้งกุยช่ายมาจากคนสนิทอีกท่าน ที่แนะนำให้ว่าแป้งของเขาอร่อยนุ่ม คล้ายกุยช่ายโบราณ เลยนำมาลองทำทานเอง จะได้ผัดไส้เผือกให้ได้อร่อย ตามความทรงจำในวัยเยาว์



สูตรแป้งนี้ ผู้ให้สูตรมาเขาไม่ได้จดจำเป็นการตวง หากแต่ใช้กรรมวิธีที่เรียกว่า Eyeball กะเอาทุกสิ่งทุกอย่าง ผู้เขียนเลยต้องพยายามปรับเปลี่ยนเป็นถ้วยตวง แถมการเติมน้ำเติมท่าลงไป ก็ใช้การกะเอาตามความชอบ เมื่อผู้เขียนนำมาลองทำเอง ต้องยอมรับว่าครั้งแรกๆ ยังไม่ประสบความสำเร็จ ต้องทำไปหลายครั้งหน่อย จึงพอเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา

เคล็ดลับคือการกวนแป้งของผู้เขียน ปกติเขากวนกันในกระทะทองเหลือง แต่ผู้เขียนขอใช้เป็นกระทะเคลือบสารกันติด ที่เราเรียกติดปากว่ากระทะเทฟลอน แบบที่มีขอบสูงหน่อย แป้งจะไม่ค่อยไหม้ติดกระทะ และความหนาของกระทะทำให้ความร้อนสม่ำเสมอไม่แพ้กระทะทองเหลืองเลย

ทีนี้ก็มาถึงขั้นตอนของการปั้น จะมีโอกาสเหนียวติดมือเล็กน้อย ผู้เขียนเลยใช้ถุงพลาสติกใส่แกงนี่แหละ ตัดเป็นแผ่นพลาสติก รองเวลาแผ่แป้ง เมื่อใส่ไส้ลงมาเรียบร้อยแล้ว ก็จับถุงรวบขึ้นมา ทำให้ง่ายขึ้นเยอะ และไม่ต้องใช้แป้งนวลมากเกินไป

สำหรับไส้เผือก ก็ต้องเลือกเผือกลูกหนักๆ กดดูต้องแน่นๆ หน่อย ถ้าตลาดใหญ่ๆ มีเผือกให้เลือกหลายเจ้า ก็คงต้องถามหาความจริงใจของแม่ค้า ว่าเป็นเผือกหอมจริงหรือไม่ เมื่อหั่นให้ได้ชิ้นเล็กๆ แล้วนึ่งให้สุก แล้วจึงนำมาผัดกับเครื่องนานาชนิด

จริงแล้วหากคุณผู้อ่านขี้เกียจจะลงมือทำเอง ลองไปซื้อกุยช่ายจากร้าน Cheesecake House ในซอยแจ่มจันทร์มาลองชิม ถึงแม้แป้งจะไม่เหมือน แต่รสชาติของไส้ใกล้เคียงกับที่ผู้เขียนจินตนาการไว้อย่างมากทีเดียว

แต่หากคุณผู้อ่านลองทำดูแล้ว ได้ความว่ายากหรือง่ายอย่างไร ไม่ถูกใจละก็ ลองส่งความเห็นมาทางหน้าโซเชียลเน็ตเวิร์กของ Cookool Studio ที่ www.facebook.com/cookoolstudio มาได้เลยค่ะ



กุยช่ายผีบอก
ส่วนผสมสำหรับแป้ง
แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วย
แป้งมัน ส่วนที่ 1 1 ถ้วย
แป้งข้าวเหนียว 0.5 ถ้วย
เกลือ 1 ช้อนชา
น้ำร้อน 2.5 ถ้วย
น้ำมันพืช 6 ช้อนโต๊ะ
แป้งมัน ส่วนที่ 2 ประมาณ 1 ถ้วย

ผสมแป้งมันส่วนที่ 1 และแป้งข้าวเจ้าเข้าด้วยกัน เติมเกลือลงไป ค่อยๆ เทน้ำร้อนและน้ำมันพืชลงไปทีละน้อย คนให้เข้ากัน ใส่กระทะเคลือบ เช่น กระทะเทฟลอน กวนไฟอ่อนๆ จนแป้งเริ่มใสและหยุ่นๆ ย้ายลงกะละมัง ใช้พายไม้กวนไปเรื่อยๆ จนเย็นตัวลง

ใช้แป้งมันส่วนที่ 2 ในการนวดแป้งเป็นแผ่น เพราะแป้งจะนุ่มและติดมือ ไม่จำเป็นต้องใช้หมดเพราะจะทำให้แป้งกระด้าง
แบ่งแป้งออกมาเท่ากับลูกปิงปอง แผ่เป็นแผ่น อาจจะใช้ถุงพลาสติกช่วยให้ห่อได้ง่ายขึ้น ตักไส้ลงไปแล้วค่อยๆ รวบขึ้นมา เรียงใส่ถาดที่ทาน้ำมันพืช

นึ่งด้วยน้ำเดือดจัดจนสุก ประมาณ 15 นาที
ตั้งกระทะเคลือบให้ร้อน เติมน้ำมันพืชสำหรับทอดลงไป ทอดทีละด้านจนสุกเหลือง


ส่วนผสมสำหรับไส้เผือก
เผือก ขนาดหัวประมาณ 1 กิโลกรัม ปอกเปลือก ซอยเป็นเส้นๆ หรือขูด 1 หัว
กระเทียม สับละเอียด 1 ช้อนชา
กุ้งแห้ง 3 ช้อนโต๊ะ
เห็ดหอม หั่นเป็นชิ้นบาง 34 ดอก
หมูบด 1 ขีด
ถั่วลิสง ต้มสุก 3 ช้อนโต๊ะ
ซีอิ๊วขาว 3 ช้อนชา
น้ำตาลทราย 2 ช้อนชา
เกลือป่น 0.5 ช้อนชา
น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ

ตั้งกระทะสำหรับผัดให้ร้อน เติมน้ำมันพืชลงไป ผัดกระเทียมให้เหลือง เติมกุ้งแห้งและเห็ดหอมลงไปผัดให้หอม เติมหมูบดลงไปผัดให้พอสุก เริ่มเปลี่ยนสี ปรุงรสด้วยซีอิ๊ว น้ำตาลและเกลือ โรยถั่วลิสงลงไปผัดให้เข้ากัน

ตักขึ้น เกลี่ยใส่จานหรือถาด เพื่อให้เย็นตัวลงไวขึ้น ก่อนนำไปห่อ

ขอขอบคุณเจ้าของบทความ : สีวลี ตรีวิศวเวทย์

Read More...


ติ่มซำประจำบ้าน ตอน ขนมผักกาดกระทะร้อน

คุณผู้อ่านที่เป็นขาประจำ Mcuisine อย่าเพิ่งโวยนะคะ ว่า Mcuisine จะนำเอาขนมผักกาด สูตรเดิมที่เคยเสนอไปตอน “เปิดครัวบ้านหม้อ ตำรับอากิ๋ม” มาขายคุณผู้อ่าน ซ้ำซ้อน ในตอนติ่มซำประจำบ้านของเรา
ผู้เขียนชอบทานขนมผักกาดค่ะ “ความบ้า” เกิดขึ้นตอนไปทานติ่มซำนั่นแหละ ไม่ว่าจะเป็นร้านไหน จะเล็กจะใหญ่ ข้างทาง ในตลาด รถเข็น รถถีบ หากพบเจอต้องขอแวะชิมสักชิ้นสองชิ้น เก็บไว้เป็นข้อมูล ตามร้านต่างๆ สูตรนี้เป็นสูตรของผู้เขียนเองค่ะ เกิดจากการทดลองทำซ้ำๆ ปรับสูตรนั้นสูตรนี้ไปเรื่อยๆ อ่านเอาจากอินเทอร์เน็ตบ้าง จากบล็อกและหนังสือของเหล่านักชิม นักทำ ปรับไปปรับมาจนได้แบบฉบับที่ตัวเองชอบ

สูตรของอากิ๋ม ที่ผู้เขียนนำมาเสนอคุณผู้อ่านเมื่อตอนก่อน อร่อยจริงๆ และมีเคล็ดลับพิเศษของอากิ๋มคือ ซอสต่างๆ ที่อากิ๋มเติมลงไปอย่างกลมกล่อม เนื้อนุ่มๆ ฉ่ำๆ ทานตอนนึ่งมาร้อนๆ เปล่าๆ ไม่ต้องมีซอสอะไรให้วุ่นวาย หรือผัดยีกับไข่ ก็อร่อยเหาะ

แต่ถ้าเราจะว่ากันด้วยเรื่องของขนมผักกาดของติ่มซำ จะต้องเป็นแบบสีขาว มีลักษณะเป็นแผ่นๆ มักจะวางมา 3 ชิ้น ไม่ขาดไม่เกินในจาน จี่จนกรอบๆ ด้านนอก หอมแป้งเกรียมๆ หน่อย เครื่องเคราด้านในมักจะมีเห็ดหอม หมูสามชั้น กุนเชียง แถมด้วยถั่วลิสง ทาน 1 ชิ้น ได้หลากหลายรสชาติ ราดด้วยซีอิ๊วดำหวานอย่างดี แค่เล็กน้อย ถือว่าขาดไม่ได้


ขนมผักกาดของแต่ละสูตร โดยมากจะแตกต่างกันที่เนื้อสัมผัส ที่มีผลมาจากสัดส่วนของแป้งและน้ำ ชนิดของแป้งก็มีส่วน หากแป้งข้าวเจ้าเป็นหลัก น้ำพอดี เนื้อขนมผักกาดจะเละและร่วนหน่อย แต่ถ้าเติมแป้งข้าวเหนียว หรือแป้งมัน แม้แต่บางสูตรเป็นแป้งท้าวยายม่อม จะทำให้ขนมผักกาดมีเนื้อหนึบๆ มากขึ้น เหมาะสำหรับการนำไปทอด หรือจี่ในกระทะต่อไป

เมื่อได้สัดส่วนแป้งที่ลงตัวแล้ว มาถึง “น้ำ” ผู้เขียนลองทำแล้ว ใช้แค่น้ำเปล่า รสชาติจืดชืด ไม่มีเยื่อใยของความอร่อยใกล้เคียงร้านดัง ลองมองสูตรของอากิ๋มไปมา (บอกแล้วว่าของอากิ๋มแต่งรสจนอร่อยด้วยเคล็ดลับน้ำมันหอยนิดหน่อย อย่าลืมกลับไปดูสูตรเก่าๆ ของเรา) ถึงบางอ้อ เข้าใจว่าแทนที่จะเป็นน้ำสะอาดธรรมดา ที่จะทำให้ไชเท้าและแป้งสุกต้องเปลี่ยนเป็นน้ำสต๊อก ที่ต้มเคี่ยวมาอย่างดี ถึงจะเข้าทีที่สุด หากเป็นร้านอาหารจีนชั้นยอด อย่างขนมผักกาดของร้านเหม่ยเจียง ที่โรงแรมเพนนินซูล่า ผู้เขียนชอบทาน เพราะเนื้อละมุนหอมกรุ่นในเนื้อใน เขาคงผสมด้วยน้ำสต๊อกที่เชฟต้มไว้เป็นหม้อใหญ่ กัดไปเจอไชเท้าเป็นชิ้นๆ สี่เหลี่ยม อร่อยเต็มๆ คำดี

หากเป็นติ่มซำประจำบ้านของเรา ถ้าไม่ขี้เกียจ อยากเชิญชวนให้คุณผู้อ่านต้มน้ำสต๊อกจากซี่โครงหมู แช่ช่องแข็งไว้ นำมาใช้ได้หลายเมนู แต่หากเป็นแม่บ้านยุคนี้ ต้องพึ่งพา “ซุปก้อน” หรือ “ซุปผง” ยี่ห้อต่างๆ ที่คุณๆ เป็นแฟนกันอยู่ ผู้เขียนเองยอมรับเลยว่าหลายสูตรที่เราคุ้นรสชาติ ต้องพึ่งพาซุปสำเร็จรูปอยู่เหมือนกัน


อีกเคล็ดลับหนึ่ง ที่แอบขโมยมาจากบล็อกเกอร์ชาวมาเลย์ คือ ส่วนผสมไม่ว่าจะเป็นกุนเชียง กุ้งแห้ง หมูสามชั้น ถั่วและเห็ดหอม ที่ทำให้รสชาติของขนมผักกาดอร่อยขึ้น ควรจะนำลงไปผัดให้หอมเสียก่อนด้วยน้ำมันพืชเล็กน้อย สำหรับผู้เขียนขอเพิ่มเคล็ดลับนิดนึงให้ว่า ส่วนผสมที่มีน้ำมันเยอะ ควรลงกระทะก่อน เช่น หมูสามชั้น กุนเชียง เพื่อให้น้ำมันได้ออกมาฉี่ฉ่าในกระทะจนหอมฟุ้ง ตามด้วยเห็ดหอม กุ้งแห้ง และจบด้วยของที่สุกแล้วอย่างถั่วลิสง ปรุงรสให้ลงตัว แค่เกลือ น้ำตาลและซีอิ๊วแค่พอหอม เพราะเราต้องการขนมผักกาดสีขาวสไตล์ติ่มซำ อย่าลืมรอให้ส่วนผสมที่ผัดไว้เย็นตัวเสียก่อน จึงค่อยผสมกับแป้งและไชเท้า แค่เกลี่ยๆ ใส่ถาดไว้ แป๊บเดียวก็เย็น

สุดท้าย อย่าลืมเลือกหัวผักกาด หรือหัวไชเท้า ที่ลูกกำลังทาน ไชเท้าจะมีกลิ่นและรสขมอยู่บ้าง แนะนำให้หั่นเป็นชิ้นๆ แล้วหมักเกลือป่นไว้สักแป๊บ เกลือจะทำให้หัวผักกาดคายน้ำขมๆ ออกมาเสียก่อน รสชาติของขนมผักกาดจะดีขึ้น อ้ออย่าลืมล้างด้วยน้ำสะอาดสัก 2-3 น้ำก่อน แล้วบีบน้ำออกให้หมาด อย่างสูตรของผู้เขียนนี้นิยมไชเท้าขนาดแท่งประมาณนิ้วก้อยสาวๆ เวลาทานขนมผักกาดจะได้รสชาติไชเท้าเต็มๆ คำ อร่อยไปอีกแบบ

นึ่งขนมผักกาดจนสุกแล้ว รอให้เย็นสนิท แล้วแช่ตู้เย็นไว้ก่อน ค่อยนำมาตัดเป็นชิ้นๆ ถึงจะออกมาสวยน่าทาน ลงจี่บนกระทะเคลือบร้อนๆ ใส่น้ำมันไม่ต้องมากมายนัก จะได้เกรียมๆ กรอบๆ และหอมๆ แค่เขียนก็น้ำลายไหลแล้วคะ


ขนมผักกาด
ไชเท้า 600 กรัม (ประมาณ 3 หัวขนาดย่อมๆ)
เกลือ ส่วนที่ 1 1.5 ช้อนชา
แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วย กับอีก 1 ใน 3 ถ้วย
แป้งข้าวเหนียว 1 ช้อนโต๊ะ
แป้งมัน 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำซุป 1 ถ้วย กับอีก 3 ช้อนโต๊ะ
(หรือจะใช้น้ำสะอาดผสมซุปก้อนก็ได้)
น้ำมันพืช ส่วนที่ 1 3 ช้อนโต๊ะ
เกลือ ส่วนที่ 2 0.5 ช้อนชา
กุ้งแห้ง 5 ช้อนโต๊ะ
กุนเชียง หั่นเป็นแท่งไม้ขีด 4 ช้อนโต๊ะ
หมูสามชั้น หั่นเป็นชิ้นเล็ก 4 ช้อนโต๊ะ
ถั่วลิสงแห้งแช่น้ำ ต้มสุก 4 ช้อนโต๊ะ
เห็ดหอมแห้ง แช่น้ำ หั่นบาง 3 ดอก
น้ำมันพืช ส่วนที่ 2 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 2 ช้อนชา
ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันพืชสำหรับทาถาด


ปอกเปลือกและหั่นไชเท้าให้เป็นชิ้นขนาดประมาณนิ้วชี้เด็ก โรยเกลือส่วนที่ 1 ขยำแล้วพักไว้
ตั้งกระทะให้ร้อน ใส่น้ำมันพืชส่วนที่ 2 ลงไป ผัดหมูสามชั้น กุนเชียงให้พอสุก ใส่กุ้งแห้งและเห็ดหอมลงไปผัดต่อ ปรุงรสด้วยน้ำตาลและซีอิ๊ว โรยถั่วลงไปผัดแป๊บเดียว ตักขึ้นเกลี่ยลงในถาด
ล้างเกลือออกจากไชเท้า ล้างน้ำสะอาด 2-3 ครั้ง บีบน้ำออกให้หมาดๆ

ผสมแป้งทั้งสามชนิดเข้าด้วยกัน ใส่เกลือส่วนที่ 2 ลงไป น้ำมันพืชส่วนที่ 1 ลงไป คนให้เข้ากัน เติมไชเท้าและส่วนผสมที่ผัดไว้แล้วลงไป คนพอเข้ากัน

ทาน้ำมันพืชลงในถาดที่เตรียมไว้ ผู้เขียนใช้ถาดขนาด 10x8 นิ้ว ขอบ 1 นิ้ว จำนวน 2 ถาด ตักส่วนผสมลงไป เกลี่ยให้ทั่ว นึ่งประมาณ 30-45 นาที หรือจนสุก ทดสอบด้วยการใช้มีดจิ้มลงไป หากสุกแล้วมีดจะผ่านลงไปได้ง่าย ซึ่งหมายถึงไชเท้าที่สุกนุ่มแล้ว พักไว้ให้เย็น อย่าปิดหรือคลุม
แช่เย็นไว้ ให้เย็นสนิท ก่อนนำมาตัดเป็นชิ้นๆ จี่ในน้ำมันร้อนๆ แนะนำให้ใช้กระทะเคลือบ ที่ไฟกลาง
ขอขอบคุณเจ้าของบทความ : สีวลี ตรีวิศวเวทย์ / ภาพ Cookool Studio

Read More...


ติ่มซำประจำบ้าน ตอน ขนมปังหน้ากุ้งคลุกงา

จบกระบวนติ่มซำเเบบนึ่งไป 5 สูตร ลองมาปรับเปลี่ยน “โหมด” การปรุงติ่มซำด้วยวิธีการทอดกันบ้างดีกว่าคะ จริงๆ เเล้วติ่มซำชาวจีนกวางตุ้งนิยมทานตั้งเเต่เช้าๆ ไปจนถึงเที่ยงๆ ทานคู่กับน้ำชา กลิ่นรสต่างๆ ล้างลำคอ ไม่ต้องกลัวว่าจะนอนไม่หลับ หม่ำตั้งเเต่เช้า กาเฟอีนคงจะถูกระบายออกไประหว่างวัน ก่อนจะถึงเวลานอน

ผู้เขียนเองมีติ่มซำเเบบทอดหลายจานที่ชอบ ทั้งเผือกทอด ฟองเต้าหู้ อีกหลากหลาย เเต่ติ่มซำประจำบ้านอย่างเราจะให้ทำเผือกทอด ที่ขั้นตอนมากมาย รวมทั้งทำยากเเสนยาก ต้องมีเทคนิคมากมาย เพื่อให้ได้เผือกที่ฟูฟองเป็นยองใย ผู้เขียนเคยลองทำหลายครั้ง ประสบความสำเร็จบ้างเเละล้มเหลวบ้างจนท้อเเท้ เนื่องจากต้องทอดด้วยกระทะใหญ่ เเละน้ำมันปริมาณมาก ต้องร้อนกำลังดี จึงยุ่งยากไปสำหรับเมนูประจำบ้าน

พอดีไปทานติ่มซำที่ร้านเกรทเซี่ยงไฮ้ ปากซอยสุขุมวิท 24 เขามีเมนูเด็ดๆ หลายจาน หากโต๊ะไหนมีลูกเด็กเล็กเเดงเยอะ มักจะเห็น “ขนมปังหน้ากุ้ง” ที่มีงาขาวโปะอยู่ สีเหลืองทองดูน่าทานมาก ลองสั่งมาเพื่อเอาใจสมาชิกในโต๊ะ ผลปรากฏว่าจานเดียวไม่พอ เพราะความกรอบเเละหอมงาของติ่มซำเเบบทอดจานนี้ ที่ทำให้ต้อง “ซ้ำ” กันเลยทีเดียว

ผู้เขียนชิมดูกระหยิ่มในใจ เพราะเชื่อมั่นว่า “สูตรกุ้งพื้นฐาน” ปรุงสำเร็จของเรา ที่ปรุงเป็นติ่มซำเเบบนึ่งมาหลายเมนู สามารถนำมาพลิกเเพลงเป็นเมนูนี้ได้ไม่ยากเลย เเค่อาศัยขนมปังเเผ่นขาวตัดขอบ ยี่ห้อที่คุณผู้อ่านชอบ เเละงาขาวเเค่นั้น


หากเพิ่งมาเปิดตำรับติ่มซำประจำบ้านของเรา ในอาทิตย์นี้คุณผู้อ่านอาจไม่ทราบว่ากุ้งพื้นฐานของเราใช้กุ้งเเช่เเข็ง คุณภาพดี ที่มีขายตามตู้เเช่เเข็งในซูเปอร์มาร์เก็ตมาปรุงผสมส่วนผสมต่างๆ จนกลายเป็น กุ้งสารพัดประโยชน์ทำได้หลากหลายเมนู

เคล็ดลับอย่างที่หนึ่งที่ผู้เขียนค้นพบจะทำให้อร่อย ขนมปังกรอบได้ที่ ต้องผึ่งขนมปังไว้ให้เเห้งๆ เเข็งๆ สักหน่อย เวลาป้ายส่วนผสมกุ้งพื้นฐานของเรา ขนมปังจะได้ไม่บี้เเบนจากความนุ่ม คงความหนาไว้ เวลาทอดก็จะได้ขนมปังที่กรอบนอกนุ่มใน ดูน่าทาน

ขนมปังหน้ากุ้งทอด สามารถทำให้เป็นรูปร่างต่างๆ ตามชอบได้ เพียงเเค่ตัดขนมปังให้เป็นรูปร่างต่างๆ หลังจากป้ายส่วนผสมกุ้งลงไปเเล้ว เพราะหากตัดขนมปังเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยก่อนการป้ายส่วนผสม ยิ่งขนมปังชิ้นเล็ก จะยิ่งยากเย็นเข้าไปใหญ่

ที่สำคัญ เมนูนี้สามารถป้ายกุ้งบนเเผ่นขนมปัง เเล้วเเช่เเข็งไว้จนกว่าจะใช้ เวลาจะรับประทานเเค่นำออกมาทอดในน้ำมันร้อนๆ ไม่ต้องละลาย สามารถทำไว้ได้ทีละเยอะ
จะให้ขนมปังหน้ากุ้งคลุกงาอร่อยถูกใจ ต้องทานคู่กับ น้ำจิ้มบ๊วย อร่อยๆ ผู้เขียนเป็นเเฟนน้ำจิ้มบ๊วยลองชิมมาหลายต่อหลายร้าน ชอบบ้าง ไม่ชอบบ้าง บางร้านเปิดจากขวดน้ำจิ้มบ๊วยกอ หรือบ๊วยเจี่ย เจอยี่ห้อไม่อร่อย ก็จะไม่หอม


ร้านที่ผู้เขียนชอบ เป็นน้ำจิ้มบ๊วยหวานๆ สีเข้มสวย คล้ายน้ำตาลคาราเมล น้ำจิ้มเกี๊ยวกรอบของร้านราดหน้าจ๊ากกี่ เเถวๆ ซอยรางน้ำ ชอบที่สุด เพราะรสเข้มข้นถูกใจ เลยลองใช้ประสาทสัมผัสส่วนตัว พยายามลอกเลียนเเบบ ทดลองเเล้ว ทดลองเล่า จนได้สูตรมาให้คุณผู้อ่านในฉบับนี้

เคล็ดลับในการทำน้ำจิ้มบ๊วยให้อร่อย ต้องมีเเบะเเซช่วย จะได้ไม่หวานมากนัก ผสมในสัดส่วนนิดหน่อย เเต่หากไม่มีเเบะเเซ ไม่ต้องกังวล ใช้น้ำตาลทรายอย่างเดียวได้เลย ตั้งไฟใส่น้ำนิดหน่อย ห้ามคนหรือขยับหม้อเด็ดขาด รอจนกลายเป็นคาราเมล สีน้ำตาลริ้วๆ ริมขอบหม้อ เเล้วเขย่าหม้อเบาๆ ให้สีน้ำตาลกระจายทั่วถึงกันทั้งหม้อ ก่อนจะเติมน้ำส้มสายชูหมัก ขอย้ำว่าหมักเท่านั้นถึงจะได้รสกลมกล่อม เพราะน้ำส้มสายชูหมักจะมีกลิ่นเปรี้ยวบางเบา รสไม่เเหลมมาก หอมกว่า

สุดท้าย ก็หาบ๊วยดองในน้ำเกลือคุณภาพเยี่ยมๆ หากไปร้านเเถวเยาวราชซื้อมาตุนไว้ได้เลย นอกจากจะทำน้ำจิ้มบ๊วยได้เเล้ว ทำได้ทั้งเป็ดต้มบ๊วย น้ำบ๊วยเย็นๆ หรือเเม้เเต่เจลลีเป็นของหวานก็ย่อมได้

น้ำจิ้มบ๊วยสูตรนี้ลูกสาวคนโตของผู้เขียนบอกว่าอยากเก็บไว้เป็นความลับ เพราะรสถูกใจ หากวันใดเธอโตเเล้ว อยากเปิดโรงงานผลิตตามสูตรของเเม่ ขายเป็นขวดๆ เสียเลย เเต่ก็ได้ขออนุญาตลูกมาลงในฉบับนี้เเค่ฉบับเดียวจริงๆ คะ


ขนมปังหน้ากุ้ง
ขนมปังขาว 8 เเผ่น
กุ้งเเช่เเข็ง 30 ตัว
เเป้งมัน 2 ช้อนชาพูน
เกลือ 0.25 ช้อนชา
น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
พริกไทยขาวป่นละเอียด 0.50 ช้อนชา
ไข่ขาว 2 ช้อนโต๊ะ
งาขาว 0.5 ถ้วย
น้ำจิ้มบ๊วย
บ๊วยจีน 2 เม็ด
น้ำตาลทราย 150 กรัม
กลูโคสหรือเเบะเเซ 40 กรัม
น้ำส้มสายชูหมัก 0.25 ถ้วย
น้ำสะอาดส่วนที่ 1 23 ช้อนโต๊ะ

สำหรับน้ำจิ้ม เริ่มทำน้ำจิ้มบ๊วยก่อน เทน้ำตาลทรายลงในหม้อ พร้อมกับน้ำสะอาดส่วนเเรกเเละเเบะเเซ คนพอเข้ากัน

ตั้งไฟอ่อนๆ ห้ามคนหรือขยับหม้อเด็ดขาด ประมาณ 8 นาที จะเริ่มเปลี่ยนสีน้ำตาลคาราเมลรอบๆ เขย่าหม้อเบาๆ ให้สีทั่วถึง เติมน้ำส้มสายชู น้ำสะอาดเเละบ๊วยยีเข้าด้วยกัน พักไว้ให้เย็นสนิท

สำหรับขนมปังหน้ากุ้ง พอกุ้งเริ่มละลาย ซับน้ำให้เเห้งสนิท ขณะที่กุ้งกำลังเย็นๆ เเบ่งกุ้งเป็นสองส่วน สับกุ้งส่วนเเรกให้ละเอียด คลุกเคล้ากับส่วนผสมทั้งหมด ยกเว้นงาขาว ให้เข้ากันอย่างเบามือ เเละหั่นกุ้งส่วนที่สองให้เป็นเนื้อหยาบๆ เคล้ากับส่วนเเรก

เรียงขนมปังบนถาดหรือเขียงเเบนๆ พอให้มีพื้นที่ ใช้พายหรือช้อนป้ายส่วนผสมกุ้งลงบนขนมปังให้มีความหนาไม่เกิน 0.5 ซม.

เทงาลงในจานเเบนๆ กดเเผ่นขนมปังด้านกุ้งลงไปให้งาเเนบสนิทกับส่วนเนื้อกุ้ง
เรียงขนมปังไว้ในถาด นำเข้าเเช่เย็นประมาณ 12 ชั่วโมง
ตั้งหม้อหรือกระทะให้ร้อน เติมน้ำมันพืชสำหรับทอดลงไป ทอดที่ไฟกลางๆ ทอดน้ำมันท่วมๆ ให้สุกเหลืองทั้งสองด้าน โดยนำด้านกุ้งลงทอดก่อน เเล้วกลับด้านขนมปังทอดต่อไป สะเด็ดน้ำมันขึ้นมาเรียงบนตะเเกรง เพื่อให้ระบายความร้อน ไม่ให้ชิ้นขนมปังอมน้ำมัน
เสิร์ฟร้อนๆ พร้อมน้ำจิ้มบ๊วย สับปะรดสดเเละผักดอง

ขอขอบคุณเจ้าของบทความ : สีวลี ตรีวิศวเวทย์ / ภาพ cookool studio

Read More...


ติ่มซำประจำบ้าน ตอน ปูอัดนึ่งหมูสับ

ผู้เขียนพยายามสรรหารูปเเบบติ่มซำที่น่ารัก น่ากิน ที่สำคัญต้องไม่ยากจนเกินไปนัก เพื่อนำมารวบรวมเป็นสูตร “ติ่มซำประจำบ้าน” ฉบับนี้ก็เป็นสูตรที่ 5 เเล้ว หากคุณผู้อ่านพบปัญหาในการทำสูตรที่ผ่านมา ทิ้งคำถามไว้ได้ใน www.facebook.com/cookoolstudio ซึ่งเป็นช่องทางในการสื่อสารระหว่างคุณผู้อ่านเเละผู้เขียนได้ง่ายดาย ตามยุคโซเชียลเน็ตเวิร์กในปัจจุบันคะ


ฉบับนี้ยังคงเป็นติ่มซำ ติ่มซำ ชื่อในภาษาจีน ไปค้นดูเเล้วหลายๆ เล่มบอกว่า หมายถึง Touch the Heart ซึ่งน่าจะเเปลได้ว่า กินเเล้วติดอกติดใจ จดจำไว้ได้ในใจ ไม่เพียงเเต่รสชาติต้องอร่อย รูปร่างหน้าตาต้องน่ารัก น่าทาน ขนาดพอดีคำเเทบทุกอย่าง เหมาะสำหรับกินเเกล้มกับชาจีนอย่างดี

อย่างในฉบับนี้ เป็น “ปูอัดนึ่งหมูสับ” เห็นปูอัดวางหราอยู่ สีเเดงสวยของปูอัดตัดกับสาหร่ายสีเขียวเข้ม น่ากินมากขึ้น ยิ่งได้โรยไข่กุ้งสีส้มด้านบน ทำให้หมูปั้นก้อนนึ่งธรรมดา ดูน่ากินครบเครื่องมากขึ้นอีกเยอะเลย ยิ่งเด็กๆ หรือผู้ใหญ่ที่ชอบปูอัดจะยิ่งติดใจ เพราะในหนึ่งคำ ได้เนื้อสัมผัส ที่เป็นเส้นๆ ของปูอัดที่เบานุ่มขึ้นเมื่อโดนไอน้ำ โดยหมูสับปั้นเป็นก้อนนั้น เรายังคงใช้สูตรหมูสับพื้นฐานที่เสนอไปในฉบับที่เเล้ว ตาม “คอนเซปต์” ที่วางไว้ของเราว่าจะต้องทำได้ง่ายเเละประยุกต์ได้หลากหลาย

สูตรหมูพื้นฐานมีรสชาติกลมกล่อมอยู่เเล้ว มีความนุ่มจากมันหมู ใช้ไข่ไก่เเละเเป้งมันผสานเนื้อหมูเข้าด้วยกันให้ชุ่มฉ่ำอยู่ ส่วนผสมที่ใช้ในการประยุกต์ของเราในฉบับนี้ มีเพียงเเค่หัวหอมใหญ่สับละเอียดใช้เพิ่มกลิ่นหอมๆ เเละเนื้อกรุบๆ ของเเห้วสับ ที่ผู้เขียนเเอบโกงใช้เเห้วกระป๋องในน้ำเชื่อม สะดวกดี หรือหากเเถวบ้านท่านใด มีรถเข็นขายเเห้วต้ม ยิ่งง่ายเข้าไปใหญ่ ขอซื้อมาสักถุง สับส่วนหนึ่งให้ละเอียด เเล้วที่เหลือหม่ำเล่นๆ ให้หนำใจ หรือจะไม่ใส่ก็ได้ เพราะมีผลทางเนื้อสัมผัสมากกว่ารสชาติ

นึ่งจนสุกเเล้ว ทานเปล่าๆ ก็เข้าท่า จิ้มกับซอสเปรี้ยว หรือจิกโฉ่ว สักหน่อย ก็ “เอาอยู่” หากต้องการหน้าตาที่คล้ายกับติ่มซำตามร้าน เห็นทีจะต้องอาศัยถ้วยสเตนเลสขนาดพอดีวางได้ 2 ชิ้น ราดน้ำเเดง เเล้วอุ่นให้ร้อน โดยการนึ่งก่อนเสิร์ฟจะได้ “Look” ที่เหมือนติ่มซำเข่งได้เป็นอย่างดี

ทำไปทำมาได้สูตรติ่มซำที่ไม่ยากเย็นมาถึง 5 สัปดาห์ 5 สูตร 5 รูปเเบบเเล้ว ติ่มซำทำเองที่บ้าน นอกจากจะรสชาติถูกใจสมาชิกในบ้าน รับรองว่าความภูมิใจ จน “ติ่มซำ” อาจมีความหมายซ้อน ว่า “ประทับใจมิรู้ลืม” ก็เป็นได้

ปูอัดนึ่งหมูสับ
สำหรับหมูพื้นฐาน
เนื้อหมูสามชั้น เลาะเอาหนังออก บดละเอียด 0.5 กิโลกรัม
ไข่ไก่ 1 ฟอง
เเป้งมัน 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำเย็นละลายกับผงปรุงรสไก่หรือหมู 0.5 ช้อนชา 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 2 ช้อนชา
เกลือ 1 ใน 4 ช้อนชา
คลุกเคล้า หรือนวดส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน พยายามให้ส่วนผสมเย็นไว้เสมอ ได้เป็นส่วนผสมหมูพื้นฐาน รอไว้
ประยุกต์สำหรับปูอัดนึ่ง
ปูอัดอย่างดี 2430 เเท่ง
สาหร่ายเเผ่นเเบบซูชิ 2 เเผ่น
ไข่กุ้ง 34 ช้อนโต๊ะ
เเห้วกระป๋องสับละเอียด 3 ช้อนโต๊ะ
หอมใหญ่สับละเอียด 2 ช้อนชา
ผสมเเห้วสับละเอียดเเละหัวหอมใหญ่ให้เข้ากันกับสูตรหมูพื้นฐาน นวดเเละเก็บไว้ในที่เย็นจนกว่าจะใช้
ปั้นเป็นก้อนขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1 นิ้ว เเล้วคลึงให้เป็นวงรี
ตัดสาหร่ายเป็นเเผ่น ขนาดประมาณ 1 ซม. ยาวประมาณ 78 ซม. เพื่อให้พันได้รอบชิ้นหมูที่จะปั้น
วางปูอัดลงบนเนื้อหมูปั้นก้อน ใช้สาหร่ายพันรอบวางทับปลายสาหร่าย เพื่อให้พันได้เเน่น ไม่หลุดเวลานำไปนึ่ง
นึ่งบนน้ำเดือดไฟเเรง ประมาณ 8 นาที พร้อมเสิร์ฟกับน้ำเเดงสำหรับราด

ส่วนผสมสำหรับน้ำเเดง
ขิงเเก่หั่นเเว่น 2 เเว่น
น้ำมันหอย 1 ช้อนโต๊ะ
เหล้าจีน 1 ช้อนชา
น้ำสะอาด 2 ถ้วย
ผงปรุงรสไก่เเบบไม่มีผงชูรส 0.5 ช้อนชา
ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนชา
น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
เเป้งข้าวโพดละลายน้ำ 1:1 1 ช้อนโต๊ะ

ตั้งหม้อขนาดเล็กให้ร้อน เติมน้ำมันพืชลงไปเล็กน้อย เจียวขิงให้หอม เติมน้ำมันหอยลงไป ฉ่าด้วยเหล้าจีน ระวังน้ำมันกระเด็น

เติมน้ำสะอาดลงไป พร้อมกับเครื่องปรุงทั้งหมด ยกเว้นเเป้ง รอให้เดือด ชิมรส ปรับตามชอบ
หรี่ไฟลง เติมเเป้งข้าวโพดลงไป คนให้เข้ากัน เร่งไฟให้เดือด ส่วนผสมจะข้นขึ้นเป็นน้ำเเดง ใช้สำหรับราดปูอัดนึ่งหมูสับ

ขอขอบคุณเจ้าของบทความ : สีวลี ตรีวิศวเวทย์

Read More...


ติ่มซำประจำบ้าน ตอน หมูสับนึ่งเห็ดหอม

หากเปิดตำราอาหารจีนเเบบดั้งเดิมจะพบว่า ติ่มซำมีรูปเเบบอยู่ไม่มาก มีเเค่ขนมจีบ ฮะเก๋า ซาลาเปา ของทอด หลักๆ อยู่ไม่เกิน 20 เเบบ เเต่หากเป็นอาหารจีนเเนวใหม่ หรือตำราอาหารจีนที่มีต้นตอมาจากไต้หวัน อย่างผู้เขียนมีอยู่เล่มหนึ่ง มีติ่มซำประเภทนึ่ง นับดูเเล้วเป็นร้อยๆ สูตร เกือบ 200 หน้า โดยส่วนผสมของไส้เเละเเป้งมีอยู่ไม่กี่เเบบ เเต่เมื่อนำมาบวกลบคูณหารกันเเล้ว สลับไส้ สลับเเป้งไปมา จนได้หน้าตาใหม่ๆ

อย่างตอนนี้บ้านเราก็มีติ่มซำของนึ่งที่เกิดจากความคิดสร้างสรรค์ของ พ่อครัวประจำร้าน ที่คิดค้นออกมาเพิ่มเติมให้ ติ่มซำของร้านมีตัวเลือกมากขึ้น โดยที่ไม่ได้กินเเรง ทำให้เกิดงานครัวที่มากขึ้นไปด้วย ซึ่งผู้เขียนเองก็นำเอาเเนวคิดนี้มาเปิดตำรับ “ติ่มซำประจำบ้าน” ใน MCuisine ของเรา โดยการพัฒนาสูตร “กุ้งพื้นฐาน” ถือเป็นเเม่บทนำมาผสมผสานได้อีกหลายเมนู


หลายฉบับที่ผ่านมา เราใช้กุ้งเสียเยอะ ฉบับนี้เลยขอเปลี่ยนเป็น “หมู” สร้างขึ้นมาเป็นสูตรหมูพื้นฐาน ปรับประยุกต์ได้อีกหลายเมนูเช่นกัน

ผู้เขียนเองชอบทานติ่มซำไส้หมูเป็นทุนเดิม ทานมาหลายเจ้า พอมาทดลองทำเอง ทดลองจากการลองผิดลองถูก เริ่มจากหมูสับเนื้อๆ เเบบที่ใช้ประจำที่บ้าน ทำออกมาเป็นขนมจีบเกือบจะทานไม่ได้เลย เพราะทั้งเเห้งเเละเเข็ง ค่อยๆ เติมมันหมูเเข็งลงไปทีละน้อยๆ ก็ยังใช้ไม่ได้ จนเมื่อชิมรสที่ออกมา เเล้วเริ่มรู้สึกว่าอร่อย เกือบทำใจไม่ได้ เพราะต้องใช้ไขมันหมูลงไปผสมเยอะพอสมควร จึงจะอร่อยเท่ากับขนมจีบที่วางขายตามร้านเจ้าอร่อย เลยต้องขอทำใจสักนิด ยอมใส่มันหมูเเข็งบดละเอียดลงไป

หรือหากคุณผู้อ่านมีร้านประจำ อย่างซูเปอร์มาร์เก็ตของวิลล่ามาร์เก็ตบางสาขา หรือเขียงหมูในตลาดเจ้าประจำ สามารถเลือกหมูสามชั้นเเบบเนื้อเยอะหน่อย มาขอให้เขาเลาะหนังออก เเล้วบดเป็นหมูบดก็ “เวิร์ก!” เช่นกัน ลองมาเเล้ว

นอกจากส่วนผสมมันหมูที่จะช่วยสร้างความ “Juicy” ทำให้เนื้อหมูพื้นฐานของเราเเล้ว ยังต้องอาศัยเเป้งมันช่วยอุ้มน้ำ เเละยังมีไข่ไก่ทั้งฟองที่ช่วยสร้างความฉ่ำ เเละถือเป็น Binding Agent โดยโปรตีนในไข่ขาวจะช่วยทำให้ส่วนผสมทุกอย่างเกาะเกี่ยวกันเป็นกลุ่มก้อนได้ เป็นอย่างดี

ที่นี้ก็มาถึงส่วนผสมที่ช่วยสร้างรสชาติ หลายๆ สูตรอาศัย กลิ่นหอมๆ ของหอมใหญ่ สับละเอียดยิบๆ กระเทียม ต้นหอม ทั้งส่วนสีเขียว เเละส่วนสีขาว ซอยละเอียด บางสูตรชอบเห็ดหอมเเห้งเเช่น้ำ สับละเอียด เเม้เเต่ขิงขูดละเอียด หน่อไม้ต้มสุก กะหล่ำปลี มันเเก้ว ยังนิยมเติมลงไปได้ทั้งนั้น เเต่เมื่อเราต้องการให้สูตรพื้นฐานของเรามีความเป็นธรรมชาติ เพื่อนำไปทำสูตรอื่นๆ ได้ต่อไป เราจึงเลือกจำกัดอยู่เเค่ส่วนผสมเพียงไม่กี่ชนิด เพื่อนำไปปรุงเพิ่มเติมสำหรับติ่มซำรูปเเบบอื่นๆ ต่อไป

สำหรับรสชาติ ส่วนผสมยอดฮิต ที่ผู้เขียนไปรวบรวมมาต้องมีเกลือ น้ำตาลทราย ซีอิ๊วขาว ซอสถั่วเหลือง น้ำมันหอย รวมทั้งผงปรุงรสที่ช่วยสร้างรสชาติให้อร่อยขึ้นเช่นกัน คุณผู้อ่านสามารถนำเอาความชอบส่วนตัวเติมลงไปได้


อีกเคล็ดลับคือ จะอร่อยหรือไม่อร่อยนั้น ต้องใช้การนวดส่วนผสมให้เข้ากันด้วย โดยผู้เขียนอาศัยเครื่อง Kitchen Aid นวดด้วยหัวตีรูปใบไม้ เเต่ถ้าคุณผู้อ่านไม่มีเครื่องก็ไม่เป็นไร ใช้กำลังกล้ามเเละมือทั้งสองก็ “เอาอยู่” เเน่นอนคะ

สำหรับสูตรหมูพื้นฐานของเราในฉบับนี้ นำมาโปะกับเห็ดหอม เเปะด้วยไข่เเดงเค็ม นึ่งจนสุก เเล้วราดด้วยน้ำข้นปู เพื่อเพิ่มความอร่อย ก่อนทดลองได้สูตรนี้มา ผู้เขียนใช้เห็ดหอมดอกเล็กเเช่น้ำจนนุ่ม เเล้วโปะหมูเลย นึ่งออกมายังรสชาติไม่โดนใจ จึงนำเห็ดหอมที่เเช่น้ำเเล้ว บีบน้ำออกให้หมด เเล้วนำไปทอดจนพอเหลืองๆ ไปเคี่ยวเพิ่มอีกประมาณครึ่งชั่วโมงในน้ำซุปที่มีส่วนผสมของน้ำมันหอยนิด ซีอิ๊วหน่อย เเละขิงอีกสักเเว่น ทำให้รสชาติซึมเข้าเนื้อเห็ดหอม รสชาติดีขึ้นเยอะเลย เป็นหนึ่งในเคล็ดลับที่เเอบหยิบยกมาจากก้นครัวของคุณเเม่ หุ้นส่วนสาวประจำ Cookool Studio ที่มอบไว้ให้

รายละเอียดเริ่มเยอะเเยะ มาดูสูตรกันเลยดีกว่าคะ ส่วนฉบับหน้าจะนำสูตรหมูพื้นฐานมาทำอะไรอีก มาติดตามกันต่อนะคะ
หมูสับนึ่งเห็ดหอม
สำหรับหมูพื้นฐาน
เนื้อหมูสามชั้นเลาะเอาหนังออกบดละเอียด 0.5 กิโลกรัม
ไข่ไก่ 1 ฟอง
เเป้งมัน 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำเย็นละลายกับผงปรุงรสไก่ หรือหมู 0.5 ช้อนชา 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 2 ช้อนชา
เกลือ 1 ใน 4 ช้อนชา
คลุกเคล้า หรือนวดส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน พยายามให้ส่วนผสมเย็นไว้เสมอ ได้เป็นส่วนผสมหมูพื้นฐานรอไว้
ส่วนผสมสำหรับประยุกต์
ต้นหอมสับละเอียด 1 ช้อนชา
ขิงเเก่ขูดละเอียดบีบเอาน้ำออก 1 ใน 4 ช้อนชา
เห็ดหอมดอกกลางเเช่น้ำให้นุ่ม 30 ดอก
ไข่เเดงเค็ม ผ่าสี่ส่วน 30 ชิ้น
ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนชา
น้ำมันหอย 1 ช้อนโต๊ะ
ขิงเเก่ 12 เเว่น
น้ำมันพืช 56 ช้อนชา


บีบน้ำออกจากเห็ดหอมให้เเห้งเก็บน้ำไว้
ตั้งหม้อให้ร้อนเติมน้ำมันพืชลงไป ทอดเห็ดหอมทีละ 34 ดอก ให้เหลืองตักขึ้นพักไว้ทำจนหมด
เติมขิงลงไปในน้ำมัน ผัดให้หอม เติมน้ำมันหอย เเละซีอิ๊ว เเล้วตามด้วยน้ำเเช่เห็ดหอม รอให้เดือดเติมเห็ดกลับลงไปเคี่ยวที่ไฟอ่อนๆ ประมาณ 30 นาที หรือจนเห็ดนุ่ม ตักขึ้นพักให้เย็นสนิท น้ำต้มเห็ด สามารถนำมาปรุงอาหารจานอื่นๆ ได้อีก หรือทำเป็นน้ำราดก็ได้ เเต่จะได้น้ำราดสีเข้ม
เคล้าส่วนผสมหมูพื้นฐานกับขิงเเละต้นหอม
ปั้นเป็นก้อนขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1 นิ้ว เรียงใส่ถาดรอไว้
วางเนื้อหมูลงบนส่วนฐานเห็ดหอม เเปะไข่เเดงเค็มลงไป เรียงใส่ถาดนึ่งไอน้ำเดือดประมาณ 5 นาที หรือจนสุก
ส่วนผสมสำหรับน้ำข้นปู
น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ
เหล้าจีน 1 ช้อนชา
ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนชา
น้ำสะอาด 2 ถ้วย
ผงปรุงรสไก่เเบบไม่มีผงชูรส 0.5 ช้อนชา
น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
เกลือป่น 1 ใน 4 ช้อนชา
เนื้อปูต้มสุก 2 ช้อนโต๊ะ
เเป้งข้าวโพดละลายน้ำ 1:1 2 ช้อนโต๊ะ
ตั้งหม้อขนาดเล็กให้ร้อน เติมน้ำมันพืชลงไปเล็กน้อย
ฉ่าด้วยเหล้าจีน โดยต้องระวังน้ำมันกระเด็น เติมซีอิ๊วขาวลงไปผัดให้หอม
เติมน้ำสะอาดลงไปพร้อมกับเครื่องปรุงทั้งหมด ยกเว้นเเป้ง รอให้เดือด ชิมรสปรับตามชอบ
หรี่ไฟลง เติมเเป้งข้าวโพดลงไปคนให้เข้ากัน เร่งไฟให้เดือด ส่วนผสมจะข้นขึ้น เติมเนื้อปูลงไป ยีให้เเหลกไว้สำหรับตักราดเห็ดหอมนึ่ง

ขอขอบคุณเจ้าของบทความ : สีวลี ตรีวิศวเวทย์/ภาพ Cookool Studio

Read More...


ติ่มซำประจำบ้าน ตอน กุ้งนึ่งปาท่องโก๋เจี๋ยนไข่เค็ม

หยุดยาวช่วงสงกรานต์เป็นอย่างไรกันบ้างคะ ได้ทดลองทำติ่มซำสูตรประจำบ้านกันบ้างหรือยัง จั่วหัวว่าติ่มซำ คุณผู้อ่านอย่าเพิ่งตกใจกลัวว่าจะยากเย็น สูตรนี้ผู้เขียนทดลองเเล้ว สามารถทำทานได้จริง ไม่ทิ้งรอยตีนกาให้ปวดขมองว่าสูตรอะไรหนา เกินความสามารถ

ติ่มซำประจำบ้านของเรา เริ่มด้วยสูตรกุ้งพื้นฐานง่ายๆ ที่ใช้ข้อดีของกุ้งเเช่เเข็ง ที่ช่วยให้ติ่มซำตระกูลกุ้งของเรา ง่ายขึ้นอีกโข เพราะกุ้งเเช่เเข็งผ่านกระบวนการถนอมเนื้อสัมผัสด้วยสารประกอบฟอสเฟต ที่ใช้สำหรับอาหารเเช่เเข็งโดยเฉพาะ ทำให้ได้เนื้อกุ้งที่เด้ง ฉ่ำ ไม่เเห้ง เมื่อผ่านความร้อนในการปรุง ชนิดที่มือใหม่ มือวางอันดับหนึ่ง เลิกกังวลได้

เเถมกุ้งเเช่เเข็งจากเจ้าที่ไว้ใจได้ เขาจะต้องเริ่มจากกุ้งสดๆ คุณภาพดีๆ เนื้อกุ้งจึงได้คุณภาพตามต้องการ ผ่านกระบวนการทำความสะอาดมาเเล้ว ทำให้กุ้งเเช่เเข็งไม่มีกลิ่นคาว ต่างจากการทำกุ้งสดๆ ที่ต้องระมัดระวังในขั้นตอนการปรุง หากเป็นมือใหม่งานครัว ติ่มซำกุ้ง อาจจะมีโอกาสเกิดกลิ่นคาวได้ง่าย รับทราบเเบบนี้เเล้วจึงขอเทใจให้กุ้งเเช่เเข็งทันที เเบบไม่ได้ค่าโฆษณา เเต่หากเป็นผัดผัก หรือกุ้งอบเกลือ เมนูที่ต้องอาศัยเนื้อสัมผัสเชิงธรรมชาติของกุ้ง ผู้เขียนก็ยังคงมอบหัวใจทั้งสี่ห้องให้กุ้งสดอยู่ดี


กลับมาที่สูตรกุ้งพื้นฐานกันต่อ หากคุณผู้อ่านเพิ่งเริ่มอ่าน M-cuisine ที่ฉบับนี้เป็นฉบับเเรก ผู้เขียนขอเกริ่นสักนิดว่า กุ้งพื้นฐานของเรา นำมาประยุกต์เป็นติ่มซำได้หลากหลายรูปเเบบ เติมนั่นนิดนี่หน่อยลงไป หรือเปลี่ยน “เครื่องนุ่งห่ม” ให้กับเนื้อกุ้งที่นำมาสอดไส้ ทำให้ได้ติ่มซำที่มีรสชาติเเตกต่างกันออกไปได้ไม่ยาก อย่างในตอนเเรกใช้เเป้งเกี๊ยวสีเขียวห่อสูตรกุ้งพื้นฐาน นึ่งเป็นขนมจีบหยกเลี่ยมทอง เก๋ด้วย อร่อยด้วย ตอนที่เเล้วใช้สาหร่ายเเผ่นเเบบซูชิห่อ กลิ่นหอมๆ ของสาหร่ายฟุ้งขจายออกมาเมื่อนึ่ง ทำให้ได้อีกเมนูหนึ่งที่รสชาติเเตกต่างกันออกไป

สำหรับฉบับนี้ เป็นเมนูที่เคยชิมจากร้านติ่มซำในชิคาโก เขาทำติ่มซำสอดไส้ปาท่องโก๋ตัวยาวๆ ราดด้วยน้ำซอสเหนียวๆ เเล้วมาเคยได้ชิมเมนูคล้ายคลึงอีกครั้ง เป็นกุ้งผัดกับปาท่องโก๋ซอสไข่เค็ม เลยจับเอาสองเมนูมาผนวกเข้าด้วยกัน ยังคงเป็นสูตรกุ้งพื้นฐานของเรา ยัดใส่เป็นไส้ปาท่องโก๋ นึ่งให้หอมเเล้วราดด้วยซอสไข่เเดงเค็ม มันๆ เค็มๆ เข้ากันได้ดี

สูตรนี้สามารถทำไว้ล่วงหน้า หาซื้อปาท่องโก๋จากร้านประจำ หรือเเม้เเต่ปาท่องโก๋เก่าๆ ที่เหลือจากทานคู่กับกาเเฟตอนเช้า ทานเย็นๆ ไม่อร่อย ลองนำมาทำสูตรนี้ดูได้ สูตรกุ้งพื้นฐาน ขอทำให้เเปลกเเตกต่างจากเดิมๆ เติมไข่กุ้ง หรือที่จริงเเล้ว คือ Flying Fish Roe เป็นไข่ปลาชนิดหนึ่ง ใช้กันเเพร่หลายในอาหารญี่ปุ่น เเละเริ่มเห็นใช้กันมากขึ้นในอาหารจีนหลายๆ ร้านด้วย เรื่องรสชาติให้ความกรุบๆ เค็มๆ เเต่ที่เเน่ๆ ทำให้ดูน่าทานมากขึ้น จากสีส้มที่สดสวย พอนึ่งเเล้วยังให้สีที่สวยอยู่ เเต่จะซีดลง ความกรุบๆ ยังคงมีอยู่ ทำให้อร่อยขึ้นได้ไม่ยาก เเค่คลุกเคล้าให้เข้ากัน

มาดูสูตรกันเลยดีกว่าค่ะ...


กุ้งนึ่งปาท่องโก๋เจี๋ยนไข่เค็ม
ส่วนผสม (สูตรกุ้งพื้นฐาน)
กุ้งเเช่เเข็ง ส่วนเเรก 1 ถ้วย
กุ้งเเช่เเข็ง ส่วนที่สอง 1 ถ้วย
ไข่ขาว 1 ช้อนโต๊ะ
เเป้งมัน 2 ช้อนชา
เกลือ 1 ใน 8 ช้อนชา
ผงปรุงรส รสไก่หรือหมู 0.25 ช้อนชา
(ถ้าหาเเบบไม่มีผงชูรสได้ ก็จะดี)
น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
มันหมูเเข็ง สับละเอียด 2 ช้อนชา

วิธีทำ
ละลายกุ้งเเช่เเข็งในช่องเเช่เย็นธรรมดา ซับให้เเห้ง
ปั่นกุ้งส่วนเเรกด้วยโถปั่นอาหาร พร้อมกับเครื่องปรุงทั้งหมด หรือจะสับให้ละเอียดด้วยมีดก็ได้
หั่นกุ้งส่วนที่สองให้เป็นชิ้นหยาบๆ คลุกเคล้าระหว่างส่วนเเรกเเละส่วนที่สองอย่างเบามือ สำคัญที่สุดคือส่วนผสมควรจะต้องเย็นตลอดเวลา เพื่อความอร่อย

ส่วนผสม (ปาท่องโก๋นึ่ง)
ปาท่องโก๋ 20 ตัว
ไข่กุ้ง 2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
ใส่ไข่กุ้งลงในชามผสมที่มีสูตรกุ้งพื้นฐานอยู่ คลุกเคล้าเบาๆ ให้เข้ากัน
ใช้มีดปลายเเหลม หรือกรรไกร เจาะเนื้อปาท่องโก๋ ใช้ช้อนกาเเฟตักกุ้งที่ผสมไว้ ค่อยยัดไส้ปาท่องโก๋อย่างเบามือ ให้พูนออกมาด้านบนชิ้นปาท่องโก๋เล็กน้อย เรียงใส่ถาดไว้ ทำจนหมด (ปริมาณเนื้อกุ้งขึ้นอยู่กับขนาดปาท่องโก๋ด้วย)

ตั้งน้ำให้เดือดจัด ยกถาดนึ่งลงนึ่งที่ไฟกลาง นึ่งประมาณ 58 นาที หรือจนสุก นำมาใส่จาน ราดด้วยน้ำราดไข่เค็มเจี๋ยนที่ปรุงไว้ร้อนๆ เสิร์ฟทันที

ส่วนผสม (เจี๋ยนไข่เค็ม)
น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ
ไข่เเดงจากไข่เค็มดิบ 2 ฟอง
เหล้าจีน 1 ช้อนชา
ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนชา
น้ำสะอาด 2 ถ้วย
ผงปรุงรสไก่เเบบไม่มีผงชูรส 0.5 ช้อนชา
น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
เกลือป่น 1 ใน 4 ช้อนชา
เเป้งข้าวโพดละลายน้ำ 1:1 2 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
ตั้งหม้อขนาดเล็กให้ร้อน เติมน้ำมันพืชลงไปเล็กน้อย ใส่ไข่เค็มลงไปยีให้เเหลกๆ
ฉ่าด้วยเหล้าจีน โดยต้องระวังน้ำมันกระเด็น เติมซีอิ๊วขาวลงไปผัดให้หอม
เติมน้ำสะอาดลงไป พร้อมกับเครื่องปรุงทั้งหมด ยกเว้นเเป้ง รอให้เดือด ชิมรส ปรับตามชอบ
หรี่ไฟลง เติมเเป้งข้าวโพดลงไป คนให้เข้ากัน เร่งไฟให้เดือด ส่วนผสมจะข้นขึ้น ใช้สำหรับราดปาท่องโก๋ยัดไส้กุ้ง

ขอขอบคุณเจ้าของบทความ : สีวลี ตรีวิศวเวทย์

Read More...


ติ่มซำประจำบ้าน ตอน สาหร่ายห่อกุ้ง

สวัสดีปีใหม่ และสะบายดีปีใหม่ ทั้งแบบไทยและแบบชาวลาว แต่คุณผู้อ่าน M-Cuisine กันในช่วงวันสงกรานต์ หยุดยาวๆ แบบนี้ หากไม่ได้ไปเที่ยวไหน ลองหันมาเมียงมองสูตรประจำคอลัมน์ของเรา แล้วถลกแขนเสื้อทดลองปรุงอาหารง่ายๆ ให้สมาชิกในบ้านลองชิมกันดีกว่า

ฉบับนี้ของเรา ยังแปลงครัวที่บ้านให้กลายเป็นห้องครัวของร้านติ่มซำกันอยู่ ฉบับที่แล้วเราเริ่มกันแบบ “ชิล ชิล” ด้วยขนมจีบหยก มีหลายคนสอบถามผู้เขียนว่า เหตุใดถึงเริ่มจากขนมจีบ ผู้เขียนลองพิสูจน์ดูแล้ว หากพูดถึงติ่มซำ อย่างแรกที่ทุกคนต้องนึกถึง มักจะมีขนมจีบติดอันดับแรกอยู่เสมอ เลยนำเอาขนมจีบหยกแปะทองคำเปลวมานำเสนอเพื่อเรียก “เรตติ้ง” จากคุณผู้อ่านกัน ไอเดียนี้ผู้เขียนไม่ได้คิดค้นขึ้นมาเอง แต่หยิบเอาความประทับใจจากการไปทานขนมจีบหยกคำโตที่ฮ่องกง เค้ามีทองคำเปลวบริสุทธิ์แปะมาจริงๆ จนได้ชื่อเสียงเรียงนามในหมู่นักกินชาวไทย เรียกว่า ร้านติ่มซำเลี่ยมทอง

ผู้เขียนได้ทดลองทำดูแล้ว ติ่มซำบางชนิดไม่ยากเย็นอย่างที่คิด และสามารถประยุกต์ได้อีกเยอะเลย น่าจะทำได้สนุกๆ ที่บ้านเรา เพียงแค่เริ่มจาก “สูตรกุ้งพื้นฐาน” ที่ใช้กุ้งแช่แข็งเป็นพระเอก จากสมบัติของเนื้อกุ้งที่ผ่านกระบวนการถนอมคุณค่ากุ้งสดไว้ด้วยสารประกอบ ฟอสเฟต ทำให้เกิดกุ้งดึ๋งดั๋ง ที่เนื้อฉ่ำ


สารประกอบฟอสเฟตมีประโยชน์มากมายในวงการอุตสาหกรรมอาหาร อย่าเพิ่งตกใจว่าเป็นสารเคมี หากใช้ในปริมาณที่เหมาะสมจะไม่มีอันตราย ใช้กันมานาน แพร่หลายในผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์หลายประเภท ทั้งพวกไส้กรอก อาหารแช่แข็ง มากมาย อย่างกุ้งสด ตามร้านสุกี้ยอดนิยมที่เราๆ ท่านๆ ทานกันนั่นไง
กุ้งแช่แข็งจะถูกนำมาละลายซับจนแห้งสนิท ก่อนที่จะนำมาปรุงเป็นกุ้งสับผสมกับกุ้งชิ้นโตๆ ที่จะคลุกเคล้ากับส่วนผสมอื่นๆ ได้เป็นสูตรกุ้งพื้นฐาน

และด้วยสูตรกุ้งพื้นฐาน จากฉบับที่แล้วนี่เอง เมื่อนำมาห่อกับแป้งเกี๊ยวสีเขียว จึงได้เป็นขนมจีบ ส่วนในฉบับนี้ขอเป็นติ่มซำเข่งโปรดของผู้เขียน นั่นคือ สาหร่ายห่อกุ้ง หรือสาหร่ายพันกุ้ง แล้วแต่ว่าร้านไหนจะเรียกอย่างไร กลิ่นหอมๆ ของสาหร่าย ที่อบอวลแทรกซึมเข้าสู่เนื้อกุ้ง ทำให้ติ่มซำเข่งนี้เป็นของโปรดของผู้เขียนตั้งแต่เด็กๆ แถมด้วยยังมีน้ำเหนียวๆ ราดมาด้วย ทำให้ติ่มซำเข่งนี้อร่อยกว่าเข่งอื่นๆ ขึ้นมาอีกนิดนึง

อย่าเพิ่งชะงักไปด้วยเกรงว่าจะยากเย็น เพียงนำเอากุ้งพื้นฐานมาห่อด้วยสาหร่ายแผ่นคล้ายกับการทำซูชิ เสมือนใช้เนื้อกุ้งแทนข้าวซูชิ ม้วนเข้าด้วยกันให้แน่น ทาไข่ขาวผสมน้ำเล็กน้อยที่ด้านหนึ่งของสาหร่าย เพื่อให้แท่งสาหร่ายของเราแน่น จากนั้นนำไปนึ่งแค่พอสุก ทำให้เย็นลงอย่างรวดเร็ว ก่อนจะนำมาตัดเป็นคำๆ คล้ายซูชิเปี๊ยบเลย แล้วนึ่งต่อก่อนเสิร์ฟ ไอน้ำจะทำให้กุ้งพองขึ้นมาสวยด้านหน้าตัด ทำให้ดูน่าทาน ก่อนที่จะราดด้วยน้ำแดง สูตรง่ายๆ แต่รับรองว่าอร่อย มาดูสูตรกันเลยดีกว่า

สาหร่ายห่อกุ้ง
ติ่มซำประจำบ้านของเรา ในตระกูลกุ้ง ผู้เขียนขอเริ่มด้วยสูตรกุ้งพื้นฐาน ที่สามารถประยุกต์ไปได้อีกหลายเมนูเลยค่ะ ลองดูสูตรนี้เลยนะคะ

สูตรกุ้งพื้นฐาน
กุ้งแช่แข็ง ส่วนแรก 1 ถ้วย
กุ้งแช่แข็ง ส่วนที่สอง 1 ถ้วย
ไข่ขาว 1 ช้อนโต๊ะ
แป้งมัน 2 ช้อนชา
เกลือ 1 ใน 8 ช้อนชา
ผงปรุงรส รสไก่หรือหมู 0.25 ช้อนชา


(ถ้าหาแบบไม่มีผงชูรสได้ก็จะดี)
น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
มันหมูแข็ง สับละเอียด 2 ช้อนชา
ละลายกุ้งแช่แข็งในช่องแช่เย็นธรรมดา ซับให้แห้ง
ปั่นกุ้งส่วนแรกด้วยโถปั่นอาหาร พร้อมกับเครื่องปรุงทั้งหมด หรือจะสับให้ละเอียดด้วยมีดก็ได้
หั่นกุ้งส่วนที่สอง ให้เป็นชิ้นหยาบๆ คลุกเคล้าระหว่างส่วนแรกและส่วนที่สองอย่างเบามือ สำคัญที่สุดคือส่วนผสมควรจะต้องเย็นตลอดเวลา

สำหรับสาหร่ายห่อกุ้ง
สาหร่ายแผ่น แบบทำซูชิ ขนาดโดยประมาณ 9 x 9 นิ้ว 4 แผ่น
แผ่แผ่นสาหร่ายลงบนพื้นเขียงที่ราบ ทากุ้งลงไปให้หนาประมาณ 0.5 ซม. เหลือปลายไว้ประมาณ 1 นิ้ว ม้วนเข้ามาให้แน่น จากนั้นใช้สาหร่ายอีกแผ่นหนึ่ง ม้วนแท่งสาหร่ายไว้อีกชั้น วางด้านที่เป็นตะเข็บลงถาดที่นึ่ง ทำอีกจนเนื้อกุ้งหมด จะได้ประมาณ 4 แท่ง

ตั้งน้ำให้เดือดจัด ยกถาดนึ่งลงนึ่งที่ไฟกลาง อย่าให้น้ำเดือดพล่าน เพราะจะทำให้เนื้อกุ้งปริออกจากสาหร่าย นึ่งประมาณ 5 นาที หรือจนเริ่มสุก ไม่ต้องสุก 100% ยกลง รอให้เย็นสนิท แช่เย็นจนเย็นจัด หรือแช่น้ำแข็ง โดยใส่ในถุงพลาสติกมัดปากถุง แล้วจุ่มลงในอ่างน้ำเย็นและน้ำแข็ง


เมื่อแท่งกุ้งพันสาหร่ายเย็นดีแล้ว ตัดเป็นชิ้นหนาประมาณ 1 นิ้ว เรียงใส่ถ้วย ราดด้วยน้ำแดงที่ปรุงไว้ หรือเรียงในลังถึงที่น้ำเดือดพล่าน ประมาณ 2-3 นาที เสิร์ฟทันที

ส่วนผสมสำหรับน้ำแดง
ขิงแก่ หั่นแว่น 2 แว่น
เนื้อปูต้มสุกแกะ 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันหอย 1 ช้อนโต๊ะ
เหล้าจีน 1 ช้อนชา
น้ำสะอาด 2 ถ้วย
ผงปรุงรสไก่แบบไม่มีผงชูรส 0.5 ช้อนชา
ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนชา
น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
แป้งข้าวโพดละลายน้ำ 1:1 1 ช้อนโต๊ะ

ตั้งหม้อขนาดเล็กให้ร้อน เติมน้ำมันพืชลงไปเล็กน้อย เจียวขิงให้หอม เติมน้ำมันหอยลงไปพร้อมกับเนื้อปู ผัดเร็วๆ ราดด้วยเหล้าจีน ระวังน้ำมันกระเด็น

เติมน้ำสะอาดลงไป พร้อมกับเครื่องปรุงทั้งหมด ยกเว้นแป้ง รอให้เดือด ชิมรส ปรับตามชอบ
หรี่ไฟลง เติมแป้งข้าวโพดลงไป คนให้เข้ากัน เร่งไฟให้เดือด ส่วนผสมจะข้นขึ้นเป็นน้ำแดง ใช้สำหรับราดสาหร่ายห่อกุ้ง

ขอขอบคุณเจ้าของบทความ : สีวลี ตรีวิศวเวทย์

Read More...




----------------

ปรับปรุง
รายการบทความทั้งหมด



การบำรุงรักษารถยนต์เบื้องต้น



ร้านค้าเคลื่อนที่ ใช้ รถบรรทุกขนาดเล็กมาดัดแปลง



รวมบทความอาชีพ เสริม หลากไอเดียวิธีหารายได้เสริม



รวมบทความงานฝีมือ-สิ่งประดิษฐ์ รายได้เสริม



ทองม้วน thong muan ; rolled wafer





MASK รุ่นสายคล้องคอ







MASK รุ่นสายคล้องคอ. ��รุ่นนี้เป็นที่นิยมใช้กันมาก #ขายดีมาก
ทำจากผ้าคอตตอนแท้ 100%  ไม่ผสม เนื้อผ้านุ่ม 
3 ชั้น. สวมใส่พอดีกับใบหน้า ไม่เจ็บหู มีสายคล้องคอปรับได้
เวลาถอดออก ไม่ต้องกลัวลืม เพราะถอดแล้วคล้องคอไว้ได้
บรรจุในถุงซิปฟรอย์อย่างดี
ราคาชิ้นละ. 59. บาท. ไม่รวมส่ง 
มีหลายสีให้เลือกนะคะ   สนใจทักแชทขอดูสีผ้าได้นะคะ
หน่วยงาน บริษัท ห้างร้าน หรือ สนใจสั่งไปจำหน่าย 
มีเรทราคาส่งค่ะ

-> id line : noeyhorm_06
#มีวางจำหน่ายหน้าร้านชานมไต้หวันมาราชาสาขาจรัญ44


ร้านมาราชาชานมไข่มุก สาขาจรัญสนิทวงศ์ 44
● รับบัตรสะสมครบ 10 แก้ว แลกรับฟรี 1 แก้ว
● สั่งเดลิเวอรีผ่าน LINE MAN, Foodpanda ,GET ...ถึงมือปั๊บพร้อมดื่มปุ๊บ!
● อัพเดทโปรโมชั่นใหม่ๆ รสชาติใหม่ ตลอดเวลา
● มีเมนูให้เลือก 40 กว่าเมนู : https://bit.ly/2Z9iqV0






























































เลือกช่องทางติดต่อและรับข่าวสารบริการหลังการขาย
ฟอร์ด พลปิยะอยุธยาและฟอร์ด พลปิยะวังน้อย

--------------------------------------------------------------------------------------------
แคมเปญ-โปรโมทชั่น อะไหล่ฟอร์ด อัพเดททางออนไลน์และปรับปรุงข้อมูลออนไลน์
อะไหล่ฟอร์ด อะไหล่รถฟอร์ด อะไหล่รถยนต์ฟอร์ด อะไหล่ฟอร์ดแท้ ร้านขายอะไหล่รถฟอร์ด ขายอะไหล่รถฟอร์ด อะไหล่ฟอร์ด
 
Option

รวมบทความอาชีพเสริม หลากไอเดียวิธีหารายได้เสริม หาอาชีพเสริมอิสระทำเงิน สร้างอาชีพอิสระงานฝีมือ แนะนำการสร้างรายได้เสริมทำเงินด้วยการขายสินค้าหรือขายของเป็นอาชีพเสริม อิสระงานฝีมือ แนะแนวธุรกิจ อาชีพเสริม อาชีพแก้จน อยากจะมีรายได้เสริมนอกเหนือจากงานประจำ บล๊อกจัดทำขึ้นเป็นวิทยาทานเพื่อเผยแผ่ความรู้อันจะเป็นไปเพื่อบุญกุศล ขอให้ทุกท่านที่มีส่วนร่วมในบทความของบล๊อกนี้ จงได้รับอานิสงฆ์ด้วยเทอญ.