สูตรขนม สูตรอาหาร อาชีพรายได้เสริม ประกาศฟรี โฆษณาฟรี Career Articles Extra Income
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

Drop Down MenusCSS Drop Down MenuPure CSS Dropdown Menu

ขนมตะลุ่ม

http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/talum/talum_01.JPG
วันนี้เป็นคราวของขนมตะลุ่ม ขนมไทยโบราณ ๆ  ที่หลายคนอาจจะไม่เคยได้ยินแม้แต่ชื่อ หรือเคยได้ยินชื่อ แต่ยังไม่เคยเห็นวิธีการทำ ไม่เคยเห็นตัวขนมจริง ๆ .... วันนี้พิมเลยเอาวิธีทำ+ภาพประกอบการทำ มาฝากนะคะ
ขนมชนิดนี้ เป็นขนมไทยโบราณมากๆ เลยค่ะ ....  พิมเคยอ่านหนังสือเล่มนึง ผู้เขียนเค้าพูดถึงขนมชนิดนี้เอาไว้ว่าเป็นขนมที่มีมาไม่น่าจะต่ำกว่าร้อยปี  แต่ทั้งที่อายุอานามของขนมมากขนาดนี้  กลับไม่พบประวัติเลยสักนิดว่าใครเป็นคนต้นคิด หรือว่าทำขึ้นในโอกาสใด  ... อ่ะค่ะ  พิมเองก็เคยลองค้นใน internet ลองค้นจากหนังสืออาหารเก่า ๆ ที่พิมพอจะมี  ก็ไม่เคยเจอเรื่องราวของขนมตะลุ่มแบบเป็นชิ้นเป็นอันเหมือนกันค่ะ
แล้วในเมื่อเรื่องราวของขนมตะลุ่มหายากขนาดนี้ .... แล้วพิมรู้จักกับขนมตะลุ่มได้ยังไง ..... เพื่อน ๆ คงสงสัยแน่เลยค่ะ
ราว ๆ ปี 2538 พิมไปเที่ยวบ้านเพื่อนคนนึงค่ะ  ที่บ้านเพื่อนคนนี้ ..... น้าสาวของเพื่อนเค้าสะสมหนังสือแม่บ้านฉบับตั้งแต่ปี 2520 ค่ะ  พิมไปนั่งรอเพื่อน  เจอหนังสือพวกนี้วางอยู่ พิมก็เลยหยิบมาอ่านฆ่าเวลาไปพลาง ๆ (จริง ๆ แอบสนใจมาก)  แล้วระหว่างเปิดดูหนังสือไปเรื่อย ๆ ก็สะดุดกับ  เมนูขนมหวานอย่างนึงที่ชื่อว่า "ขนมตะลุ่ม" ในหนังสือแม่บ้านเล่มที่กำลังอ่านอยู่น่ะค่ะ  ........ ที่สะดุดตา เพราะพิมคุ้นเคยกับขนมตะไลมาตั้งแต่เด็ก ไม่เคยเจอ ไม่เคยได้ยิน ไม่เคยเห็น ขนมตะลุ่มมาก่อน  ก็เลยรู้สึกแปลกใจว่า เอ.....มีขนมชื่อแบบนี้ หน้าตาแบบนี้ที่คล้ายกับขนมถ้วยตะไลอยู่ด้วยเหรอเนี่ย .... ก็เลยอ่าน ๆ แล้วก็แอบจดสูตรกลับมาไว้ว่าจะลองทำที่บ้านน่ะค่ะ
แต่พอกลับมาถึงบ้าน  พิมก็ลืมเจ้าสูตรขนมนี่ซะสนิท  ตอนจดเสร็จ สอดแผ่นกระดาษเอาไว้ในหนังสือที่ถือไปด้วยยังไง ........ จนวันเวลาผ่านไปประมาณ 2 ปีแผ่นกระดาษก็ยังคงสอดอยู่ในหนังสือเล่มนั้นเลยค่ะ  จนกระทั่งวันนึงพิมจะเก็บหนังสือเก่า ๆ ไปบริจาค  ก็เลยไล่เปิดหนังสือทุกเล่มที่จะเอาไปบริจาคว่าเราแอบซ่อนอะไรเอาไว้ป่าว หว่า ..... ปรากฎว่าก็เจอสูตรขนมตะลุ่มนี่แหละค่ะ  อยู่ในกระดาษแผ่นนั้น ก็ได้เลยลองทำขนมชนิดนี้ดูเป็นครั้งแรกตอนประมาณปี 2540 เห็นจะได้
แต่ว่า ....อาจจะเพราะคาดหวังเอาไว้เยอะ ... ผลจากการทำครั้งแรก .......  ก็เลยไม่ถูกใจพิมเอาซะเลยค่ะ  หลังจากนั้นก็ลองทำติด ๆ กันอีก 4-5 ครั้ง ปรับโน่นลดนี่จากสูตรเค้ามาเรื่อย  จนกระทั่งได้สูตรที่คิดว่า อืมม...ม ใช้ได้นะ  ถึงไม่ได้ดีเลิศมากมาย  แต่ก็เป็นขนมตะลุ่มที่พิมคิดว่าโอเคเลยล่ะค่ะ ...... แล้วหลังจากที่คิดว่าโอเคแล้ว  ก็เปลี่ยนมาเป็น  1-2 ปีครั้งค่อยทำที  (เพื่อไม่ให้ลืม)  จนมาปีหลัง ๆ ก็ไม่ค่อยได้ทำแล้วค่ะ
จนกระทั่งมีเมื่อไม่กี่วันก่อน  พิมไปโพสต์ขนมถ้วยตะไลไว้ในพันทิป (ห้องก้นครัว)  แล้วมีสมาชิกพันทิปท่านนึง พูดถึงขนมตะลุ่ม .... พิมก็เลยนึกอยากจะทำขึ้นมาอีกครั้งค่ะ  แม้ว่าทำแล้ว จะไม่ค่อยถูกใจโจ๋ จะไม่ใช่รสที่โจ๋ชอบ (ฮ่ะๆ) สักเท่าไหร่ .... แต่พิมก็ยังอยากทำเอาไว้ เพื่อเป็นการอนุรักษ์ขนมไทยไว้ให้ลูกหลานเราได้รู้จักกันน่ะค่ะ
............. ก่อนอื่น ก็มาดูหน้าตาของขนมตะลุ่ม กันก่อนนะคะว่าหน้าตาเป็นยังไง ....... เห็นเผิน ๆ เพื่อน ๆ อาจจะนึกว่าข้าวเหนียสังขยาอัดใส่พิมพ์กลม ๆ ก็ได้นะคะ ^^
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/talum/talum_03.JPG
ดูหน้าตากันไปแล้ว ก็มาดูส่วนผสมกันบ้างค่ะว่ามีอะไรบ้าง
ส่วนผสมขนมตะลุ่มเนี่ย ..... คล้าย ๆ ขนมถ้วยตะไลมากค่ะ  คือ มี 2 ส่วน ส่วนแรกเป็นส่วนตัว และส่วนที่ 2 เป็นส่วนหน้า / ต่างกันตรงที่ว่า หน้าของขนมถ้วยตะไลเป็นกะทิ ส่วนหน้าขนมตะลุ่ม เป็นสังขยาอ่ะค่ะ
:: ส่วนผสม "ตัวขนม" ::
1. หางกะทิ 1/2 ถ้วย
2. น้ำลอยดอกมะลิ 1/2 ถ้วย  (ถ้าไม่มีก็ใช้น้ำสะอาด 1/2 ถ้วย + กลิ่นมะลิ 1-2 หยด)
3. แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วย  (ตักออก 1/2 ชต.)
4. แป้งมัน 1 ชต.
5. แป้งท้าวยายม่อม 1 ชต.
6. น้ำปูนใส 1 ชต.
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/talum/talum_06.JPG
:: ส่วนผสม "หน้าขนม" ::
1. ไข่ไก่ชนิดสดใหม่  3 ใบ  (พิมใช้ไข่เป็ดแทนค่ะ เพราะว่าไข่ไก่หมดบ้าน)
2. หัวกะทิข้นๆ  1/2 ถ้วย
3. น้ำตาลปี๊บอย่างดี  (สีเข้มมากๆ) 1/2 ถ้วย + 2 ชต.
4. ใบเตย (สำหรับช่วยขยำ) 4-5 ใบ
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/talum/talum_05.JPG
เมื่อดูหน้าตา + รู้แล้วว่าส่วนผสมมีอะไรบ้าง ต่อไปก็มาดูวิธีทำกันนะคะ
:: วิธีทำ ::
อันดับแรกเลย เราต้องมาทำตัวขนมกันก่อนนะคะ
ก่อนจะทำ ...... ก็มาดูหน้าตาส่วนผสมสำหรับตัวขนมกันแบบชัด ๆ ก่อนค่ะ
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/talum/talum_07.jpg
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/talum/talum_08.jpg
เมื่อดูหน้าตาส่วนผสมไปแล้ว ก็มาเริ่มลงมือทำกันเลยค่ะ .... ด้วยการตวงแป้ง 3 ชนิดด้านบน ตามสัดส่วนที่พิมบอกไว้ข้างบน ใส่อ่างผสม
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/talum/talum_09.jpg
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/talum/talum_10.JPG
แล้วก็ทำการผสมแป้งทั้ง 3 ชนิดให้เข้ากันดีก่อน (เอามือคนไปคนมาก็ได้ค่ะ) ...... จากนั้นก็เติมน้ำปูนใส + หางกะทิลงไป  (ตอนนี้น้ำลอยดอกมะลิ ยังไม่ต้องใส่นะคะ -- พอดีพิมลืมไปนิดหน่อย ไม่ได้ทำนาน ><")  .... ผสมให้เข้ากัน จะได้แป้งลักษณะเหลว ๆ หน่อย  ก็ทำการนวดต่อไปประมาณ 20-30 นาทีค่ะ   ....... พอนวดเสร็จก็ค่อยเติมน้ำลอยดอกมะลิลงไป  ... แล้วก็คนให้ส่วนผสมเดิม+น้ำลอยดอกมะลิ เข้ากันอีกทีค่ะ
ป.ล. นวดเพื่อให้ตัวขนมนุ่มเหนียว ไม่ยุ่ย ไม่กระด้าง
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/talum/talum_11.jpg
เนื่องจากพิมอยากให้ตัวขนมมีกลิ่นใบเตยนิด ๆ (ไม่ถึงขนาดขนมถ้วย)  ก็เลยเติมน้ำคั้นใบเตยลงไปนิดหน่อย ประมาณ 1 ชต. ค่ะ  (ถ้าใครทำแบบพิม ให้ลดน้ำลอยดอกมะลิลงไป 1 ชต. นะคะ)
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/talum/talum_12.JPG
แล้วก็ผสมให้เข้ากันอีกที ..... (ใช้มือเราก็ได้ค่ะ ง่ายๆ)
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/talum/talum_13.JPG
ผสมเสร็จ ก็กรองสักครั้งนึงค่ะ เผื่อว่าจะมีเศษแป้งที่ไม่ละลายหลงเหลืออยู่
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/talum/talum_14.JPG
ได้ "ตัวขนม" ออกมาเป็นแบบนี้นะคะ ....... ก็พักเอาไว้ก่อน
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/talum/talum_15.JPG
จากนั้นก็หันมาทำ "หน้าขนม" กันต่อเลยค่ะ
ด้วยการผสม หัวกะทิ + ไข่ + น้ำตาลปี๊บ รวมกันในอ่างผสมค่ะ
ป.ล. ไข่ ... ควรใช้ไข่ไก่นะคะ จะได้รสสัมผัสที่ละมุนลิ้น และสีที่สวยกว่า  (แต่ว่าวันนี้ที่บ้านพิม ไข่ไก่หมด แถวบ้านก็ไม่มีขาย เลยต้องใช้ไข่เป็ดแทน
ป.ล. น้ำตาลปี๊บ .... ต้องเลือกใช้น้ำตาลอย่างดี ที่เป็นน้ำตาลแท้ หอม หวานตามธรรมชาติ  เพราะว่าขนมชนิดนี้ ถ้าน้ำตาลไม่ดี ขนมจะออกมาไม่หอม ไม่อร่อยอ่ะค่ะ  และที่สำคัญให้เลือกน้ำตาลที่สีเข้มหน่อยนะคะ อย่างในภาพนี่ สีอ่อนไปมาก  ทำให้หน้าสังขยาที่ออกมา สีไม่ค่อยสวยเท่าไหร่น่ะค่ะ
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/talum/talum_16.jpg
แล้วก็จัดการล้างใบเตยให้สะอาด มัดรวมกัน  ใส่ตามลงไปในอ่างผสม (ใช้เพื่อดับกลิ่นคาวไข่ + ช่วยทำให้ขยำส่วนผสมได้ง่ายขึ้น)
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/talum/talum_17.jpg
จากนั้นก็ทำการขยำ ๆ ส่วนผสมให้เข้ากันค่ะ .... โดยเราขยำให้ส่วนผสมเข้ากันดีก่อน  พอส่วนผสมเข้ากันดีแล้ว  ก็ขยำต่อไปอีกประมาณ 15 นาทีค่ะ  ..... โดยเวลาเราขยำแต่ละครั้ง ให้เรายกมือขึ้นเหนือส่วนผสมด้วยนะคะ เพื่อให้อากาศเข้าไปในส่วนผสม  ส่วนผสมจะได้ "ขึ้น" เร็วยิ่งขึ้น
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/talum/talum_18.jpg
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/talum/talum_19.JPG
พอขยำได้ที่แล้ว (ฟองไข่ จะเป็นฟองเล็ก ๆ ละเอียดแบบด้านบน) .... ก็ทำการกรองด้วยกระชอนตาถี่มาก ๆ สัก 1 ครั้ง
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/talum/talum_20.JPG
ก็จะได้หน้าขนมออกมาเป็นแบบนี้นะคะ  ....... ล่ะก็พักไว้ก่อนเหมือนกัน  (ถึงตรงนี้ ใครขี้เกียจทำขนมตะลุ่มแล้ว จะเอาไปนึ่งเป็นสังขยา กินกับข้าวเหนียวมูนเลยก็ได้นะคะ ^^)
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/talum/talum_21.JPG
จากนั้นก็หันมาเรียงถ้วยขนมใส่รังถึงค่ะ  (พิมขอเรีกว่า ..... "ซึ้ง" ... นะคะ)   โดยพิมใช้ถ้วยใหญ่ 17 ใบ และถ้วยเล็ก 7 ใบค่ะ ..... แล้วก็นำถ้วยขนมไปนึ่งให้ร้อนจัด ใช้เวลาประมาณ 10 นาที
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/talum/talum_22.JPG
พอครบ  10 นาทีปุ๊บ ก็จัดการเปิดฝาซึ้ง  ลดไฟเตาลงค่ะ .... แล้วก็หยอดตัวขนมลงไป ประมาณ 1/2 ถ้วย
ป.ล. ก่อนหยอด ดูด้วยนะคะว่าในถ้วยแต่ละใบ มีน้ำจากไอน้ำขังอยู่ก้นถ้วยหรือเปล่า / ถ้ามี ต้องหยิบถ้วยมาเทน้ำออกด้วยนะคะ
ป.ล. เทคนิคทำให้หยอดได้เร็ว และส่วนผสมไม่หกเลอะเทอะ .. ก็ด้วยการนำส่วนผสม เทใส่ถ้วยหรือกระบอกที่มีปากแหลม หรือจะเป็นกาน้ำก็ได้ค่ะ  แล้วค่อยหยอดขนมจากถ้วยแบบนี้ จะทำให้หยอดได้เร็วมาก ๆ เลยค่ะ
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/talum/talum_23.JPG
นี่ค่ะ .... หยอดแล้วหน้าตาเป็นแบบนี้นะคะ
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/talum/talum_24.JPG
จากนั้นก็นำไปนึ่งในน้ำเดือดจัด ไฟแรง ประมาณ 15-20 นาที  (ขึ้นกับขนาดซึ้ง + ปริมาณตัวขนม)
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/talum/talum_26.JPG
พอครบ 15 นาที เราก็ลองเปิดฝาซึ้งดูนะคะ ว่าตัวขนมสุกหรือยัง ........ ทดลองดูว่าสุกไหม โดยการเอาปลายนิ้วของเรานี่แหละค่ะ แตะลงไปบนตัวขนม  (ลดไฟลงก่อนนะคะ เพื่อให้ไอน้ำไม่แรงจนเกินไป) ....... ซึ่งถ้าตัวขนมไม่ติดมือขึ้นมา แสดงว่าสุกแล้ว
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/talum/talum_27.JPG
พอตัวขนมสุกดีแล้ว ........ เราก็มาหยอดหน้าขนม (หรือเรียกว่า หน้าสังขยา) กันต่อเลยค่ะ
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/talum/talum_28.JPG
หยอดเสร็จ ....... ก็ได้ออกมาเป็นแบบนี้นะคะ  ... (ดูตอนนี้เหมือนสีสังขยาตอนสุกแล้วจะสวย  แต่จริง ๆ สังขยาตอนสุก จะสีอ่อนกว่าตอนยังไม่ได้นึ่งเยอะเลยค่ะ)
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/talum/talum_29.JPG
ก่อนจะปิดฝาเพื่อนึ่งหน้าขนมต่อ .... ให้เราทำการเอาผ้าสะอาดเช็ดไอน้ำที่เกาะอยู่ใต้ฝาซึ้งก่อนจะปิดฝาซึ้งลงไปนะคะ
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/talum/talum_25.JPG
แล้วก็นึ่งต่อไปด้วยน้ำเดือดจัด อีกประมาณ 20 นาที  ... ก็จะได้ขนมตะลุ่ม ....... ออกมาหน้าตาแบบนี้นะคะ   (แอบมีร่องรอยน้ำหยดด้วย ><")
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/talum/talum_30.JPG
แล้วเราก็ทิ้งขนมไว้ให้เซ็ตตัวสักพัก (ให้เย็นลงสักหน่อย - ทานตอนร้อน ๆ ปากจะพองเอา)  ...... พอถึงเวลาจะทาน ก็ใช้พายเล็ก ๆ ตักขนมออกจากถ้วย มาจัดใส่จานเสริฟแบบนี้ค่ะ  หรือว่าใครจะหยิบมาเป็นถ้วย ๆ แล้วตักทานทีละถ้วย ก็อร่อยได้อารมณ์ไปอีกแบบค่ะ ^^
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/talum/talum_03.JPG
ขนมชนิดนี้ ...... จะว่าทำยากก็ยาก จะว่าทำง่ายก็ง่ายค่ะ ... แต่พิมเชื่อว่าถ้าใครเอาไปลองทำ แบบตั้งใจทำ รับรองไม่ยากค่ะ
ลักษณะที่ดีของขนมชนิดนี้ ..... ตัวขนมจะต้องเหนียว นุ่มค่ะ  และหน้าขนม (หน้าสังขยา) จะต้องมีรสเข้มข้น   หวาน มัน หอมโดดเด่นออกมา (เพราะตัวแป้งจืด ไม่มีรสชาติใด ๆ เลย)...  อีกทั้งหน้าขนมจะต้องไม่เรียบนะคะ  เป็นหยัก ๆ หน่อยจะสวยมากเลยค่ะ
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/talum/talum_04.JPG
ยังไงก็ ถ้าเพื่อน ๆ คนไหนสนใจ ลองไปทำดูนะคะ ..... ทำไม่ยากค่ะ  แต่ถ้าคาดหวังว่าจะได้อารมณ์แบบขนมถ้วยตะไล ที่ หวาน มัน เค็ม .... อันนี้อาจจะผิดหวังได้นะคะ   ..... แต่ถ้าไม่คาดหวังมาก ทำเลยค่ะ เพื่อน ๆ อาจจะชอบก็เป็นได้ ^^
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/talum/talum_02.JPG 

credit : http://www.pim.in.th/

Read More...


สังขยาในลูกฟักทอง

http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/steamed-custard-in-pumpkin/small.jpg
วันนี้พิมมีโอกาสได้ทำ "สังขยาในลูกฟักทอง" มาโชว์ ก็เพราะว่าคุณแม่สุดที่ร๊ากกกกกก ของพิม เค้ามาสั่งให้พิมทำ  เพื่อเอาไปเป็นของฝากให้กับคนรู้จักน่ะค่ะ ... ก็ทำไปด้วยกันทั้งหมด 5 ลูก  แต่ละลูกก็ออกมาดูหน้าตาดี พอไปวัดไปวาได้  สมใจที่หวังเอาไว้ (ไม่ทำให้คนทำขายหน้า...ฮ่ะๆ)  ... ใครที่สนใจอยากดู อยากลองทำสังขยาในแบบนี้ ... ก็ตามมาเลยนะคะ
หมายเหตุ :: ไม่ได้ถ่ายรูปตอนผ่าเป็นชิ้นมาให้ดูนะคะ เพราะว่าเอาไปฝากเค้าแบบทั้งลูกเลย
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/steamed-custard-in-pumpkin/000-1.jpg
วันนี้พิมขอมาแบบไม่พูดพล่ามทำเพลงล่ะนะคะ  แบบว่าวันนี้เหนื่อยมาทั้งวัน  พอถึงเวลานี้ ก็เลยแอบง่วง ... -*-  .... เพราะงั้นไปดูส่วนผสมและวิธีทำกันเลยค่ะ
:: ส่วนผสมสังขยาในลูกฟักทอง ::
1. ฟักทองลูกเล็ก น้ำหนักประมาณ 700-800 กรัม  5 ลูก
2. ไข่ไก่ 9 ใบ
3. ไข่เป็ดใบใหญ่  10 ใบ
4. หัวกะทิ 4 1/2 ถ้วย
5. น้ำตาลปึก / น้ำตาลปีีบอย่างดี 4 ถ้วย + 3 ชต.
6. เกลือป่น 1/3 ชช.
7. แป้งสาลีอเนกประสงค์ 2 ชต.
8. ใบเตย 5-8 ใบ
:: วิธีทำ ::
เริ่มแรก...เราก็จะต้องมาจัดการกับลูกฟักทองกันก่อนนะคะ
วันนี้พิมมีฟักทองอยู่ด้วยกัน 5 ลูก  แต่เอามาเรียงเป็นตัวอย่างแค่ 3 ลูก ... (จริง ๆ มี 6 ไม่รู้มันหายไปไหนลูกนึง)
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/steamed-custard-in-pumpkin/001.jpg
ฟักทองเนี่ย ... พิมใช้ฟักทองลูกเล็กค่ะ น้ำหนักราว ๆ 700-800 กรัม  จะใช้ฟักทองลูกเล็กกว่านี้ก็ได้  แต่อย่าพยายามใช้ลูกใหญ่กว่านี้ เพราะว่าเวลานึ่ง มันจะต้องนึ่งนาน ทำให้เปลืองถ่านเปลืองแก๊สมากๆ ค่ะ
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/steamed-custard-in-pumpkin/002.jpg
เราจะต้องเอาฟักทองแต่ละลูก  มาเจาะด้านบนออก  แล้วคว้านไส้กันก่อน ... เพื่อไว้บรรจุตัวสังขยา .. อุปกรณ์ที่ใช้ในการเจาะลูกฟักทองของเราก็มีแค่มีดบางปลายแหลมเล่มนึงเท่า นั้นค่ะ   แต่ให้เลือกใช้มีดที่คม ๆ หน่อย จะได้ไม่ต้องออกแรงเยอะ  และเนื้อฟักทองจะได้ไม่ช้ำด้วย ^^  (แต่มีดที่พิมมี ทื่อมาก ๆ -*-)
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/steamed-custard-in-pumpkin/004.jpg
และก่อนที่จะเจาะ .. ให้เรากะเอาด้วยสายตาก่อนนะคะ ว่าจะเจาะลูกฟักทอง ตรงไหน  เจาะให้มีลักษณะรูปร่างยังไง  และให้มีความกว้างยาวประมาณเท่าไหร่ .. สำหรับของพิม จะเจาะแบบสี่เหลี่ยม (เพราะมันง่ายดี  ^^") และก็มีความกว้างยาวประมาณเท่านี้ค่ะ   (ตามสี่เหลี่ยมสีแดงๆ  ในภาพด้านซ้าย) ... จากนั้นก็ลงมือเจาะได้เลย
ป.ล. ทั่ว ๆ ไปเค้าก็มักจะเจาะเป็นสี่เหลี่ยม ไม่ก็วงกลม ... แต่บางที  (เวลาขยันๆ)  พิมก็เคยเจาะเป็นรูปดาว - รูป 6 เหลี่ยมด้วยนะคะ
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/steamed-custard-in-pumpkin/005.jpg
พอเจาะได้รูปร่างเป็นสี่เหลี่ยมแล้ว ก็ให้เราจับขั้วฟักทองขยับเบา ๆ ไปมาค่ะ  ... สักแป๊บบบบ  ขั้วฟักทองพร้อมกับสี่เหลี่ยมที่เราเจาะเอาไว้ (ขอเรียกว่า "ฝา") ก็จะหลุดตามมือเราออกมา
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/steamed-custard-in-pumpkin/006.jpg
จากนั้นก็ให้เราเอาช้อนขูดเอาไส้และเมล็ดฟักทองข้างในออกมาให้หมด รวมทั้งพวกเยื่อ ๆ ที่อยู่ติดเนื้อฟักทองด้วยนะคะ
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/steamed-custard-in-pumpkin/007.jpg
แล้วเราก็จะได้ลูกฟักทองที่เจาะเรียบร้อย แล้ว .. ออกมาหน้าตาแบบนี้ค่ะ ... อ้อๆ ส่วนฝา อย่าลืมเอามีดปาดไส้ออกให้เรียบอย่างนี้ด้วยนะคะ
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/steamed-custard-in-pumpkin/008.jpghttp://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/steamed-custard-in-pumpkin/009.jpg
จากนั้นก็ให้เราเอาไปทำความสะอาดทั้งด้าน ใน ด้านนอก ... ด้านในก็ล้างน้ำนะคะ และถ้ายังมีไส้ฟักทองติดอยู่ ก็เอาช้อนขูดออกให้เรียบร้อย จนเนื้อด้านในเรียบเสมอกัน   ส่วนด้านนอก ก็ใช้แปรงสีฟัน (ใหม่) ที่มีขนแปรงนุ่ม ๆ ขัดเบาๆ ตามรอยหยักของเปลือก แล้วก็ล้างน้ำให้สะอาดค่ะ .... พอล้างเสร็จ ก็นำไปคว่ำไว้แบบนี้ค่ะ
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/steamed-custard-in-pumpkin/010.jpg
จากนั้น ... เราก็จะมาทำตัวสังขยากัน   ซึ่งส่วนผสมในการทำสังขยา ก็จะมี หัวกะทิ - ไข่ - น้ำตาล - เกลือและแป้งสาลีอเนกประสงค์ อย่างละนิดหน่อย ... จะว่าไปก็เหมือนๆ กับทำสังขยาปกติล่ะค่ะ
อันดันแรก... เราก็มาดูที่หัวกะทิกันค่ะ  ... พิมใช้หัวกะทิทั้งหมด 4 1/2 ถ้วย  โดยคั้นจากมะพร้าวขูด 1.2 กก.   (จะเป็นมะพร้าวขูดธรรมดา หรือมะพร้าวขูดขาวก็ได้)
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/steamed-custard-in-pumpkin/011.jpg
แล้วก็ใช้ไข่เป็ดใบใหญ่ 10 ฟอง - ไข่ไก่เบอร์ 2-3 อีก 9 ฟองค่ะ   (รวมทั้งหมดให้ได้ปริมาณ 4 1/2 ถ้วย / ถ้าของใครเป็นไข่ใบใหญ่มาก ก็ลดจำนวนไข่ลงค่ะ)
จริง ๆ แล้ว... เราจะใช้แต่เฉพาะไข่ไก่หรือไข่เป็ดเพียงอย่างเดียวก็ได้นะคะ  แต่สมัยโบราณเค้าจะนิยมใช้ไข่เป็ดอย่างเดียว  เพราะจะได้สังขยาที่มีลักษณะอยู่ตัว  เนื้อสังขยาสวย และดูเนื้อแน่นกว่าสังขยาที่ทำจากไข่ไก่  ... แต่ส่วนตัวพิมเอง พิมชอบใช้ไข่สองอย่างผสมกัน   เพราะมีความรู้สึกว่าจะได้สังขยาที่นุ่มกว่าใช้ไข่เป็ดอย่างเดียวน่ะค่ะ
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/steamed-custard-in-pumpkin/012.jpg
แล้วเราก็จะใช้น้ำตาลปี๊บประมาณ 800 กรัมค่ะ  .... น้ำตาลเนี่ยให้เลือกใช้อย่างดีหน่อยนะคะ  สังขยาของเราจะได้ออกมามีทั้งรสหวานและกลิ่นหอม ... อ้อ ... สีของสังขยาขึ้นอยู่กับสีของน้ำตาลปี๊บด้วยนะคะ  ถ้าอยากได้สังขยาสีเข้มหน่อย  ให้เลือกใช้น้ำตาลสีเข้ม ๆ แต่ถ้าอยากได้สังขยาสีอ่อน ๆ ให้เลือกใช้น้ำตาลสีอ่อนหน่อยค่ะ
เผอิญว่าน้ำตาลของพิมเป็นน้ำตาลปี๊บแบบ ปึก ๆ ค่ะ .. ค่อนข้างจะแข็งหน่อย  เพื่อจะให้บี้เข้ากับกะทิได้ง่าย  พิมก็เลยเอามาหั่นให้เป็นชิ้นเล็ก ๆ แบบนี้ก่อนค่ะ
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/steamed-custard-in-pumpkin/016.jpg
แล้วก็อย่าลืมใบเตยนะคะ ... จะช่วยทำให้ขยำไข่ น้ำตาล เข้ากับกะทิได้โดยง่าย และช่วยดับกลิ่นคาวของไข่ เพิ่มความหอมให้เนื้อสังขยาด้วยค่ะ
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/steamed-custard-in-pumpkin/018.jpg
นอกนั้นก็จะมีเกลือป่น  ที่ไว้ช่วยทำให้รสหวานของสังขยาเข้มขึ้น กับแป้งอเนกประสงค์ ที่ช่วยทำให้เนื้อสังขยาอยู่ตัว .. อีกอย่างละนิดหน่อยค่ะ  (ส่วนผสม 2 อย่างนี้ พิมไม่ได้ถ่ายรูปมานะ)
เมื่อเราเตรียมส่วนผสมครบแล้วทุกอย่าง ... ก็มาลงมือทำกันเลยค่ะ
เริ่มต้นก็ตอกไข่ใส่ถ้วยนะคะ ... อย่างที่พิมบอกด้านบน  เราจะใช้ไข่ทั้งหมด 4 1/2 ถ้วยค่ะ (ถ้วยเดียวกับถ้วยตวงน้ำกะทิ)  ถ้าเราตอกไข่ทั้งหมดแล้ว  ได้ปริมาณน้อยกว่า 4 1/2 ถ้วย  (เนื่องจากว่าไข่มันใบเล็กมากกกกก)  ก็ให้เราเพิ่มไข่ลงไปอีก  จะไข่ไก่หรือไข่เป็ดก็ได้   จนได้ปริมาณไข่ครบ 4 1/2 ถ้วยค่ะ ... แต่ถ้าเกิดไข่ที่เราใช้ ใบใหญ่มากกกกกกกกกก  ตวงแล้วมันเกิน 4 1/2 ถ้วย  เราก็ใช้แค่ 4 1/2 ถ้วยนะคะ  (ที่เหลือเอาไปเจียวไข่กิน ^^) ... แล้วเอาไข่ทั้งหมด เทรวมกันในอ่างผสมที่ใบใหญ่หน่อยค่ะ
ป.ล. ควรตอกไข่ใส่ถ้วยเล็ก ๆ ทีละใบก่อน เพื่อเช็คดูว่ามีไข่เสียหรือเปล่า  แล้วค่อยเทรวมใส่ถ้วยตวง  ... เพราะไม่งั้นหากมีไข่ใบไหนเสียขึ้นมา  เราจะเสียไข่ทั้งหมดไปโดยใช่เหตุนะคะ
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/steamed-custard-in-pumpkin/013.jpghttp://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/steamed-custard-in-pumpkin/014.jpg
จากนั้นก็เทหัวกะทิทั้งหมดใส่ลงไปเลยค่ะ
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/steamed-custard-in-pumpkin/015.jpg
ตามด้วยน้ำตาลปี๊บทั้งหมดที่เราเตรียมเอาไว้ ... พร้อมเกลือป่น และแป้งอเนกประสงค์
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/steamed-custard-in-pumpkin/017.jpg
แล้วก็ทำการขยำให้ไข่-น้ำตาล-กะทิ-แป้ง-เกลือ  เข้ากันค่ะ (ใช้ใบเตยช่วยในการขยำ)
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/steamed-custard-in-pumpkin/019.jpg
ขยำไปจนกระทั่งทุกอย่างเข้ากันดี ... ก็เป็นอันว่าใช้ได้
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/steamed-custard-in-pumpkin/020.jpg
แล้วก็ทำการกรองด้วยกระชอนตาถี่ ๆ หรือผ้าขาวบาง 1 ครั้ง  (เผื่อว่ามีเศษผง แป้งหรือน้ำตาลที่ยังละลายไม่หมด) ... ก็จะได้ออกมาเป็นส่วนผสมสังขยา (ที่พร้อมจะเอาไปนึ่ง)  หน้าตาแบบนี้นะคะ
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/steamed-custard-in-pumpkin/022.jpg
ถึง ณ. ตรงนี้  ก็ให้เราหันกลับไปดูที่ฟักทองของเราค่ะ .... ซึ่งลูกฟักทองของเราในตอนนี้ ด้านใน น้ำแห้งหมดแล้ว ...  ก็ให้เราหงายลูกขึ้น แล้วจัดเตรียมเอาไปวางในซึ้ง (รังถึง) เพื่อรอบรรจุส่วนผสมสังขยานะคะ
แต่ทีนี้เนี่ย ... หากเรานึ่งสังขยาฟักทองทั้งลูกแบบไม่มีอะไรรองลูกฟักทองเลย  บางทีนึ่ง ๆ ไป ลูกฟักทองจะแตกออก  ทำให้ได้สังขยาในลูกฟักทองที่ไม่สวย....  เราจึงต้องหาถ้วยหรือชามอะไรที่ทนความร้อนได้  ขนาดใกล้เคียงกับลูกฟักทอง  มารองลูกฟักทองเอาไว้แบบนี้ค่ะ ... หรือถ้าไม่มี จะใช้เชือกสีขาว ๆ (พิมไม่แน่ใจว่าเค้าเรียกว่าเชือกอะไร) ที่เมื่อก่อนเค้าไว้ใช้มัดกล่องพัสดุไปรษณีย์น่ะค่ะ ... มามัดรอบลูกฟักทองเอาไว้ก็ได้  แต่มันจะยุ่งยากกว่ามากเลย
ป.ล. สังเกตุได้ว่า ชาม/ถ้วย รองลูกฟักทองของพิม จะมีหลายแบบมากเลย ก็เอาตามที่มีและสะดวกอ่ะนะคะ
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/steamed-custard-in-pumpkin/023.jpghttp://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/steamed-custard-in-pumpkin/024.jpg
จากนั้นเพื่อให้เทส่วนผสมสังขยาใส่ลูก ฟักทองได้โดยง่าย  ไม่หกเลอะเทอะ ....  พิมก็จัดการเทส่วนผสมฯ ใส่ลงไปในถ้วยที่ปากถ้วยเป็นร่องแบบนี้ก่อนค่ะ  (ก็เลยใช้ถ้วยที่ตวงน้ำกะทิ ตวงไข่เมื่อกี้แหละค่ะ ไม่ต้องล้างหลายรอบ)
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/steamed-custard-in-pumpkin/025.jpg
แล้วก็ค่อยเอาไปเทใส่ในลูกฟักทองค่ะ ... ค่อย ๆ เทนะคะ ระวังหก  (เสียดายของ)
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/steamed-custard-in-pumpkin/026.jpg
เทจนเกือบเต็มแบบนี้ หรือมากกว่านี้นิดหน่อย ... ก็ใช้ได้ค่ะ   แต่อย่าเทให้เต็มลูก แบบปริ่ม ๆ ขอบเลย  เพราะว่าเดี๋ยวเวลานึ่ง สังขยามันจะฟูขึ้นมาอีกค่ะ  หากเทเต็มมากเกินไป สังขยาที่ได้ จะล้นออกมามากไป จนไม่สวย
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/steamed-custard-in-pumpkin/027.jpg
จากนั้นก็นำไปนึ่งในน้ำเดือด  ใช้ไฟกลางนะคะ ประมาณ 50-60 นาที    (ระยะเวลาในการนึ่ง ขึ้นอยู่กับขนาดของลูกฟักทอง และขนาดของรังถึง)
และเมื่อครบ 1 ชม. ผ่านไป ... เราก็จะได้สังขยาในลูกฟักทอง ออกมาหน้าตาแบบนี้นะคะ .. น่ากินเน๊าะ ... อิอิ
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/steamed-custard-in-pumpkin/032.jpg
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/steamed-custard-in-pumpkin/031.jpg 

credit : http://www.pim.in.th/

Read More...


ข้าวตอก-น้ำกะทิทุเรียน

http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/coconut-durian-with-popped-rice/smallest.jpg
สมัยตอนพิมยังเด็กมากๆ   พิมและพี่น้องไม่เคยจะได้กินทุเรียนแบบเม็ด ๆ กันหรอกค่ะ  เพราะว่าสมัยนั้นแม่พิมยังไม่ได้ทำสวนทุเรียน  และทุเรียนก็มีราคาแพงเกินกว่าจะซื้อหามากินเล่นแบบสมัยนี้ได้ ... ดังนั้นพอถึงหน้าทุเรียนทีไร  แม่พิมก็เลยมักจะซื้อทุเรียนลูกเล็ก ๆ มา 1 ลูก แล้วเอามาทำเป็นน้ำกะทิทุเรียน เพื่อที่จะให้สามารถกินได้หลาย ๆ คนน่ะค่ะ
แล้วสมัยนั้น ... ชาวบ้านแถวบ้านพิม (แถบพระราม 9 ในปัจจุบัน)  ก็ไม่นิยมกินน้ำกะทิทุเรียนกับข้าวเหนียวมูนหรอกค่ะ  เพราะมันจะเป็นแบบหวานเจอหวาน  คือ หวานทั้งสองอย่าง ... กินแล้วจะเลี่ยนเอียนอะไรทำนองนั้น   แต่ชาวบ้านเค้าจะนิยมกินน้ำกะทิทุเรียนกับกับข้าวตอกมากกว่า ... ซึ่ง "ข้าวตอก" ก็จะมีหน้าตาแบบนี้นะคะ
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/coconut-durian-with-popped-rice/coconut-milk-durian-with-popped-rice-15.jpg
เมื่อเอ่ยถึง "ข้าวตอก" พิมเชื่อว่าหลายคนต้องงงแน่ ๆ  ... ประมาณว่ามันคืออะไรกันเนี่ย เป็นข้าวพันธุ์ใหม่หรือเปล่าหรือยังไง ??
ก่อนที่เราจะมาลงมือทำน้ำกะทิทุเรียนกัน  พิมก็เลยอยากจะขออธิบายเกี่ยวกับที่มาที่ไปของข้าวตอกนิดนึงอ่ะค่ะ
"ข้าวตอก" เกิดจากการนำข้าวเปลือกข้าวเหนียวหรือข้าวเจ้าก็ได้ค่ะ  (แต่แม่พิมชอบใช้ข้าวเหนียว)  ไปแช่น้ำสัก 2 ชม.  แล้วนำไปตากให้แห้ง  จากนั้นก็นำมาคั่วด้วยไฟแรง  จนข้าวด้านในปะทุออกจากเมล็ด  และพองจนกลายเป็นข้าวตอก  (ลักษณะคล้ายป๊อปคอร์น)   สุดท้ายก็นำไปคัดเอาเปลือกออก  ก็เป็นอันได้ข้าวตอกสำหรับมากินกับน้ำกะทิแล้วค่ะ  (แต่จริง ๆ เอาข้าวตอกไปทำขนมอย่างอื่นได้อีกหลายอย่างเลยค่ะ ไว้วันหลังจะมาทำให้ดูนะคะ)
แล้วก็นี่ค่ะ ....... หน้าตา "ข้าวตอก-น้ำกะทิทุเรียน" แบบที่บ้านพิม
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/coconut-durian-with-popped-rice/coconut-milk-durian-with-popped-rice-20.jpg
ดูหน้าตากันไปแล้ว .. ที่นี้เราก็มาดูส่วนผสมกันนะคะว่ามีอะไรบ้าง
ถ้าไม่นับข้าวตอก ... เอาเฉพาะวิธีทำน้ำกะทิทุเรียน ส่วนผสมก็จะมี
:: ส่วนผสมน้ำกะทิทุเรียน ::
1. น้ำกะทิ 5 1/2 ถ้วย  (คั้นด้วยน้ำอุ่น จากมะพร้าวขูด 7 ขีด)
2. น้ำตาลปี๊บอย่างดี 400-500 กรัม
3. เกลือป่นนิดหน่อย
4. เนื้อทุเรียนงอมๆ   ปริมาณตามชอบ
5. ใบเตย 3-5 ใบ
มาดูส่วนผสมอย่างแรกกันเลยนะคะ ... ก็คือ "น้ำกะทิ" ... พิมใช้มะพร้าวขูดธรรมดานี่แหละ   (ไม่ต้องใช้มะพร้าวขูดขาวก็ได้  แต่สมัยเด็ก ๆ จะต้องใช้แบบขูดขาวเสมอ ไม่งั้นจะโดนดุ -*-) .. ราวๆ  700 กรัมค่ะ  แล้วก็ใส่น้ำต้มสุกอุ่นลงไปประมาณ 4 ถ้วยกว่าๆ ค่ะ  ... แล้วก็คั้นออกมาเป็นน้ำกะทิราว ๆ 5 1/2 ถ้วย
ถ้าใครไม่สะดวกจะมาคั้นกะทิสดเอง จะให้ทางร้านขูดมะพร้าวเค้าขูดมาให้เลยก็ได้ค่ะ   (แต่ระวังนิด มักมีปัญหา น้ำกะทิบูดไว)  หรือว่าถ้าใครหากะทิสดไม่ได้เลยจริงๆ  จะใช้แบบกล่องหรือแบบถุง ก็พอแก้ขัดได้นะคะ
ป.ล. การคั้นกะทิให้ดี ควรคั้นหลาย ๆ ครั้ง ๆ นึงใส่น้ำอย่าเยอะ เพื่อให้มันกะทิออกมามากที่สุด / เติมเกลือลงไปในมะพร้าวขูดสักหน่อย  น้ำกะทิจะได้มีรสชาติขึ้นมานิดนึง แล้วก็ทำให้ไม่เสียง่ายด้วยค่ะ
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/coconut-durian-with-popped-rice/coconut-milk-durian-with-popped-rice-02.jpg
ต่อมาก็เป็นน้ำตาลนะคะ ... พิมเห็นบางคนเค้าจะชอบใช้น้ำตาลทรายในการทำน้ำกะทิทุเรียน  แต่ที่บ้านพิมจะชอบใช้น้ำตาลปี๊บมากกว่าค่ะ   เพราะรู้สึกว่ามันมีความหอมมันมากกว่า และรสชาติก็เข้มข้นกว่า
น้ำตาลปี๊บเนี่ย ... ให้เลือกน้ำตาลดี ๆ หน่อยนะคะ ตามตลาดสดทั่วไป เค้าจะมีน้ำตาลปี๊บ  2 เกรด .... พิมเคยถามร้านขายของชำ เค้าบอกว่า มีเกรดทั่วไป ไว้ใช้ทำอาหารทั่วไป  กับเกรดดีหน่อย ไว้ทำขนม ... แถวบ้านพิมเกรดทั่วไป โลละประมาณ 26 บาท  และเกรดดีหน่อย จะโลละประมาณ 32 บาทอ่ะค่ะ
แล้วน้ำตาลปี๊บดี ๆ เนี่ย    ก็มีทั้งแบบนิ่ม ๆ เหลว ๆ กับแบบแข็งนะคะ ... ถ้าเราได้แบบแข็งมา  เราก็เอามันไปตากแดดซะหน่อย เพื่อให้มันเหลว ๆ  แต่ถ้าไม่มีเวลาเอาไปตากแดด  ก็เอามีดบางอันเล็ก ๆ มาสไลด์น้ำตาลให้เป็นแผ่นบาง ๆ แบบนี้ก็ได้ค่ะ  เวลาบี้น้ำตาลกับกะทิ... จะได้บี้ให้เข้ากับกะทิได้ง่าย
วันนี้พิมจะใช้น้ำตาล (ในสูตร) ประมาณ 400 กรัมกว่า ๆ ... พิมก็จะสไลด์น้ำตาลเอาไว้แค่ประมาณ 450 กรัมค่ะ
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/coconut-durian-with-popped-rice/coconut-milk-durian-with-popped-rice-05.jpg
แล้วเพื่อให้ขยำน้ำตาลเข้ากับกะทิได้ง่าย ๆ พิมก็เลยจะใช้ใบเตยมาเป็นตัวช่วยค่ะ  .. ใช้สัก 3-5 ใบก็พอ ล้างให้สะอาด แล้วตัดเป็นท่อนสั้น ๆ
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/coconut-durian-with-popped-rice/coconut-milk-durian-with-popped-rice-06.jpg
สุดท้ายที่เราจะขาดไม่ได้ซะ ก็คือ เนื้อทุเรียนค่ะ ... พิมเลือกใช้ทุเรียนพันธุ์ชะนี เพราะมีกลิ่นแรง และรสหวานเข้มข้น ... ซึ่งที่เห็นในภาพอาจจะดูไม่ค่อยงามแล้ว เพราะพิมแช่แข็งทุเรียนในกล่องใบนี้เอาไว้ตั้งแต่ตอนทุเรียนพันธุ์ชะนีออกมา ใหม่ ๆ ตอนต้นฤดูอ่ะค่ะ ... ก็ราว ๆ 2 เดือนได้แล้ว ^^"
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/coconut-durian-with-popped-rice/coconut-milk-durian-with-popped-rice-03.jpg
สำหรับทุเรียนเนี่ย ... เลือกใช้แบบงอม ๆ จะทำให้น้ำกะทิทุเรียนของเราหอมมากมายเลยค่ะ  ... แล้วพอได้มา ก็ให้เราฉีกเฉพาะเนื้อเอาไว้ก่อนได้เลยนะคะ ..... ตามในภาพนี้เลย
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/coconut-durian-with-popped-rice/coconut-milk-durian-with-popped-rice-12.jpg
จากนั้นก็หันมาลงมือทำน้ำกะทิทุเรียนกันเลยค่ะ
เริ่มแรกก็ ... เอาน้ำตาลใส่ลงไปในหม้อน้ำกะทิค่ะ  ใส่ไปสักประมาณ 350 กรัมก่อน  (ถ้าไม่หวาน ค่อยใส่เพิ่ม)
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/coconut-durian-with-popped-rice/coconut-milk-durian-with-popped-rice-07.jpg
ล้างมือให้สะอาด  แล้วก็หยิบใบเตยใส่หม้อลงไป... จากนั้นก็ขยำ ๆ น้ำตาลในหม้อให้ละลายเข้ากับน้ำกะทิให้หมดค่ะ
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/coconut-durian-with-popped-rice/coconut-milk-durian-with-popped-rice-08.jpg
พอน้ำตาลละลายหมด ... ก็ลองชิมดูว่าความหวานโอเคไหม  (แต่จะต้องเผื่อความหวานจากทุเรียนอีกด้วยนะคะ)   ถ้าหวานน้อยไป  ก็ิเติมน้ำตาลลงไปอีกค่ะ  แล้วก็ขยำ ๆ เหมือนเดิมจนน้ำตาลละลาย ... แล้วก็ชิมอีกที ถ้าไม่พอใจอีก ก็เติมได้ค่ะ   แต่หากหวานไป  ก็ให้เติมน้ำกะทิแทนนะคะ .... ซึ่งพอน้ำกะทิหวานได้ที่   ก็ให้เราหยิบใบเตยออก แล้วทำการกรองซะ 1 ครั้ง  จะด้วยผ้าขาวบางหรือกระชอนก็ตามสะดวก  เพื่อเอาน้ำตาลที่ละลายไม่หมดออกไป และกรองเอากากใบเตยส่วนที่หลุด ๆ ทิ้งไปด้วยค่ะ
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/coconut-durian-with-popped-rice/coconut-milk-durian-with-popped-rice-09.jpg
แล้วเราก็จะทำได้น้ำกะทิผสมน้ำตาลออกมาหน้าตาประมาณนี้
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/coconut-durian-with-popped-rice/coconut-milk-durian-with-popped-rice-10.jpg
เสร็จแล้วก็เอาไปตั้งไฟต่อแป๊บนึง  พอให้ร้อนจัด แต่ไม่ต้องเดือด ก็ยกลงค่ะ  (ป.ล. ดันเอาทัพพีเลอะทุเรียนไปคนน้ำกะทิ เลยมีเนื้อทุเรียนหลุดไปอยู่ในหม้อเลย -*-)
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/coconut-durian-with-popped-rice/coconut-milk-durian-with-popped-rice-11.jpg
จากนั้นก็เอาเนื้อทุเรียนที่เราฉีกไว้ ตั้งแต่ตอนแรก ... ใส่ลงไป  (ถ้าเป็นสมัยโบราณ มักจะเอาทุเรียนทั้งเม็ดลงไปขยำในหม้อน้ำกะทิเลยค่ะ) แล้วก็คน ๆ ให้เข้ากัน ^^
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/coconut-durian-with-popped-rice/coconut-milk-durian-with-popped-rice-13.jpg
ก็จะได้  "น้ำกะทิทุเรียน"  ออกมาหน้าตาประมาณนี้เลยค่ะ ... พอมาถึงขั้นตอนนี้ก็ลองชิมดู  ว่ารสชาติโอเคไหม  ถ้าหวานน้อยไปเติมน้ำตาลทรายลงไปได้ค่ะ  (เพื่อให้ละลายง่าย) แต่ถ้ามันหวาน แต่ยังหวานแบบธรรมดา ไม่โดดเด่น ไม่เข้มข้น  (ไม่ได้หมายถึงหวานจัด) ก็ให้เติมเกลือลงไปนิดนึง เพื่อดึงรสหวานออกมาให้มากกว่าเดิม ...  แต่ถ้าหวานมากไป  ให้เติมน้ำสุกอุ่นค่ะ เติมพอประมาณ  ให้ได้ความหวานตามต้องการ ก็ใช้ได้ค่ะ   (อย่าเติมน้ำอุ่นเยอะ  เดี๋ยวจะไม่หลงเหลือความมันของกะทินะคะ)
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/coconut-durian-with-popped-rice/coconut-milk-durian-with-popped-rice-14.jpg
แล้วพอเวลาจะกิน ... ก็ให้เราเอาข้าวตอกใส่ชามค่ะ  ปริมาณก็ประมาณสัก 1 ถ้วย ต่อ 1 คน  ..... อ้อ ๆ ก่อนจะเอาข้าวตอกใส่ถ้วย  อย่าลืมเก็บเปลือกข้าวเปลือก (หรือที่เรียกว่า กาก) ทิ้งไปด้วยนะคะ ^^
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/coconut-durian-with-popped-rice/coconut-milk-durian-with-popped-rice-16.jpg
นี่ค่ะ ... ใส่ถ้วยประมาณนี้    (อย่าใส่เยอะนะคะ เพราะหากใส่มากเกินไป  มันเหมือนเวลากินก๋วยเตี๋ยวแล้วเราใส่เส้นเยอะ ๆ มันจะอืด ๆ ไม่อร่อยอ่ะค่ะ)
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/coconut-durian-with-popped-rice/coconut-milk-durian-with-popped-rice-17.jpg
แล้วก็ตักน้ำกะทิทุเรียนที่เราทำเอาไว้ .......ราดลงไป พร้อมเนื้อทุเรียนด้วยนะคะ   (ดูแล้ว น้ำลายไหลเอง -*-)
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/coconut-durian-with-popped-rice/coconut-milk-durian-with-popped-rice-18.jpg
จริงๆ เมื่อทำถึงขั้นตอนข้างบน ก็เป็นอันว่าพร้อมกินได้แล้วค่ะ ^___^  แต่ถ้าจะกินแบบแม่พิม แบบพิม  หรือกินแบบสมัยโบราณ  เค้าจะต้องคลุก ๆ ข้าวตอกให้เข้ากับน้ำกะทิแบบนี้ก่อนค่ะ  แล้วค่อยตักเข้าปาก.... ถึงจะกินแล้วอร่อยสุด ๆ  ^^
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/coconut-durian-with-popped-rice/coconut-milk-durian-with-popped-rice-19.jpg
ว่าแล้ว ... พิมก็ขอตักให้เพื่อน ๆ ที่เข้ามาชมเมนูนี้ทุกคนเลยนะคะ ... และแอบหวังเล็ก ๆ ว่า จะมีคนชอบเมนูนี้มาก ๆ เหมือนพิม ^^ .. บ๊ะบายค่ะ
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/coconut-durian-with-popped-rice/coconut-milk-durian-with-popped-rice-22.jpg 

credit : http://www.pim.in.th/

Read More...




----------------

ปรับปรุง
รายการบทความทั้งหมด



การบำรุงรักษารถยนต์เบื้องต้น



ร้านค้าเคลื่อนที่ ใช้ รถบรรทุกขนาดเล็กมาดัดแปลง



รวมบทความอาชีพ เสริม หลากไอเดียวิธีหารายได้เสริม



รวมบทความงานฝีมือ-สิ่งประดิษฐ์ รายได้เสริม



ทองม้วน thong muan ; rolled wafer





MASK รุ่นสายคล้องคอ







MASK รุ่นสายคล้องคอ. ��รุ่นนี้เป็นที่นิยมใช้กันมาก #ขายดีมาก
ทำจากผ้าคอตตอนแท้ 100%  ไม่ผสม เนื้อผ้านุ่ม 
3 ชั้น. สวมใส่พอดีกับใบหน้า ไม่เจ็บหู มีสายคล้องคอปรับได้
เวลาถอดออก ไม่ต้องกลัวลืม เพราะถอดแล้วคล้องคอไว้ได้
บรรจุในถุงซิปฟรอย์อย่างดี
ราคาชิ้นละ. 59. บาท. ไม่รวมส่ง 
มีหลายสีให้เลือกนะคะ   สนใจทักแชทขอดูสีผ้าได้นะคะ
หน่วยงาน บริษัท ห้างร้าน หรือ สนใจสั่งไปจำหน่าย 
มีเรทราคาส่งค่ะ

-> id line : noeyhorm_06
#มีวางจำหน่ายหน้าร้านชานมไต้หวันมาราชาสาขาจรัญ44


ร้านมาราชาชานมไข่มุก สาขาจรัญสนิทวงศ์ 44
● รับบัตรสะสมครบ 10 แก้ว แลกรับฟรี 1 แก้ว
● สั่งเดลิเวอรีผ่าน LINE MAN, Foodpanda ,GET ...ถึงมือปั๊บพร้อมดื่มปุ๊บ!
● อัพเดทโปรโมชั่นใหม่ๆ รสชาติใหม่ ตลอดเวลา
● มีเมนูให้เลือก 40 กว่าเมนู : https://bit.ly/2Z9iqV0






























































เลือกช่องทางติดต่อและรับข่าวสารบริการหลังการขาย
ฟอร์ด พลปิยะอยุธยาและฟอร์ด พลปิยะวังน้อย

--------------------------------------------------------------------------------------------
แคมเปญ-โปรโมทชั่น อะไหล่ฟอร์ด อัพเดททางออนไลน์และปรับปรุงข้อมูลออนไลน์
อะไหล่ฟอร์ด อะไหล่รถฟอร์ด อะไหล่รถยนต์ฟอร์ด อะไหล่ฟอร์ดแท้ ร้านขายอะไหล่รถฟอร์ด ขายอะไหล่รถฟอร์ด อะไหล่ฟอร์ด
 
Option

รวมบทความอาชีพเสริม หลากไอเดียวิธีหารายได้เสริม หาอาชีพเสริมอิสระทำเงิน สร้างอาชีพอิสระงานฝีมือ แนะนำการสร้างรายได้เสริมทำเงินด้วยการขายสินค้าหรือขายของเป็นอาชีพเสริม อิสระงานฝีมือ แนะแนวธุรกิจ อาชีพเสริม อาชีพแก้จน อยากจะมีรายได้เสริมนอกเหนือจากงานประจำ บล๊อกจัดทำขึ้นเป็นวิทยาทานเพื่อเผยแผ่ความรู้อันจะเป็นไปเพื่อบุญกุศล ขอให้ทุกท่านที่มีส่วนร่วมในบทความของบล๊อกนี้ จงได้รับอานิสงฆ์ด้วยเทอญ.