สูตรขนม สูตรอาหาร อาชีพรายได้เสริม ประกาศฟรี โฆษณาฟรี Career Articles Extra Income
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

Drop Down MenusCSS Drop Down MenuPure CSS Dropdown Menu

สังขยาในลูกฟักทอง

http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/steamed-custard-in-pumpkin/small.jpg
วันนี้พิมมีโอกาสได้ทำ "สังขยาในลูกฟักทอง" มาโชว์ ก็เพราะว่าคุณแม่สุดที่ร๊ากกกกกก ของพิม เค้ามาสั่งให้พิมทำ  เพื่อเอาไปเป็นของฝากให้กับคนรู้จักน่ะค่ะ ... ก็ทำไปด้วยกันทั้งหมด 5 ลูก  แต่ละลูกก็ออกมาดูหน้าตาดี พอไปวัดไปวาได้  สมใจที่หวังเอาไว้ (ไม่ทำให้คนทำขายหน้า...ฮ่ะๆ)  ... ใครที่สนใจอยากดู อยากลองทำสังขยาในแบบนี้ ... ก็ตามมาเลยนะคะ
หมายเหตุ :: ไม่ได้ถ่ายรูปตอนผ่าเป็นชิ้นมาให้ดูนะคะ เพราะว่าเอาไปฝากเค้าแบบทั้งลูกเลย
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/steamed-custard-in-pumpkin/000-1.jpg
วันนี้พิมขอมาแบบไม่พูดพล่ามทำเพลงล่ะนะคะ  แบบว่าวันนี้เหนื่อยมาทั้งวัน  พอถึงเวลานี้ ก็เลยแอบง่วง ... -*-  .... เพราะงั้นไปดูส่วนผสมและวิธีทำกันเลยค่ะ
:: ส่วนผสมสังขยาในลูกฟักทอง ::
1. ฟักทองลูกเล็ก น้ำหนักประมาณ 700-800 กรัม  5 ลูก
2. ไข่ไก่ 9 ใบ
3. ไข่เป็ดใบใหญ่  10 ใบ
4. หัวกะทิ 4 1/2 ถ้วย
5. น้ำตาลปึก / น้ำตาลปีีบอย่างดี 4 ถ้วย + 3 ชต.
6. เกลือป่น 1/3 ชช.
7. แป้งสาลีอเนกประสงค์ 2 ชต.
8. ใบเตย 5-8 ใบ
:: วิธีทำ ::
เริ่มแรก...เราก็จะต้องมาจัดการกับลูกฟักทองกันก่อนนะคะ
วันนี้พิมมีฟักทองอยู่ด้วยกัน 5 ลูก  แต่เอามาเรียงเป็นตัวอย่างแค่ 3 ลูก ... (จริง ๆ มี 6 ไม่รู้มันหายไปไหนลูกนึง)
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/steamed-custard-in-pumpkin/001.jpg
ฟักทองเนี่ย ... พิมใช้ฟักทองลูกเล็กค่ะ น้ำหนักราว ๆ 700-800 กรัม  จะใช้ฟักทองลูกเล็กกว่านี้ก็ได้  แต่อย่าพยายามใช้ลูกใหญ่กว่านี้ เพราะว่าเวลานึ่ง มันจะต้องนึ่งนาน ทำให้เปลืองถ่านเปลืองแก๊สมากๆ ค่ะ
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/steamed-custard-in-pumpkin/002.jpg
เราจะต้องเอาฟักทองแต่ละลูก  มาเจาะด้านบนออก  แล้วคว้านไส้กันก่อน ... เพื่อไว้บรรจุตัวสังขยา .. อุปกรณ์ที่ใช้ในการเจาะลูกฟักทองของเราก็มีแค่มีดบางปลายแหลมเล่มนึงเท่า นั้นค่ะ   แต่ให้เลือกใช้มีดที่คม ๆ หน่อย จะได้ไม่ต้องออกแรงเยอะ  และเนื้อฟักทองจะได้ไม่ช้ำด้วย ^^  (แต่มีดที่พิมมี ทื่อมาก ๆ -*-)
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/steamed-custard-in-pumpkin/004.jpg
และก่อนที่จะเจาะ .. ให้เรากะเอาด้วยสายตาก่อนนะคะ ว่าจะเจาะลูกฟักทอง ตรงไหน  เจาะให้มีลักษณะรูปร่างยังไง  และให้มีความกว้างยาวประมาณเท่าไหร่ .. สำหรับของพิม จะเจาะแบบสี่เหลี่ยม (เพราะมันง่ายดี  ^^") และก็มีความกว้างยาวประมาณเท่านี้ค่ะ   (ตามสี่เหลี่ยมสีแดงๆ  ในภาพด้านซ้าย) ... จากนั้นก็ลงมือเจาะได้เลย
ป.ล. ทั่ว ๆ ไปเค้าก็มักจะเจาะเป็นสี่เหลี่ยม ไม่ก็วงกลม ... แต่บางที  (เวลาขยันๆ)  พิมก็เคยเจาะเป็นรูปดาว - รูป 6 เหลี่ยมด้วยนะคะ
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/steamed-custard-in-pumpkin/005.jpg
พอเจาะได้รูปร่างเป็นสี่เหลี่ยมแล้ว ก็ให้เราจับขั้วฟักทองขยับเบา ๆ ไปมาค่ะ  ... สักแป๊บบบบ  ขั้วฟักทองพร้อมกับสี่เหลี่ยมที่เราเจาะเอาไว้ (ขอเรียกว่า "ฝา") ก็จะหลุดตามมือเราออกมา
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/steamed-custard-in-pumpkin/006.jpg
จากนั้นก็ให้เราเอาช้อนขูดเอาไส้และเมล็ดฟักทองข้างในออกมาให้หมด รวมทั้งพวกเยื่อ ๆ ที่อยู่ติดเนื้อฟักทองด้วยนะคะ
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/steamed-custard-in-pumpkin/007.jpg
แล้วเราก็จะได้ลูกฟักทองที่เจาะเรียบร้อย แล้ว .. ออกมาหน้าตาแบบนี้ค่ะ ... อ้อๆ ส่วนฝา อย่าลืมเอามีดปาดไส้ออกให้เรียบอย่างนี้ด้วยนะคะ
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/steamed-custard-in-pumpkin/008.jpghttp://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/steamed-custard-in-pumpkin/009.jpg
จากนั้นก็ให้เราเอาไปทำความสะอาดทั้งด้าน ใน ด้านนอก ... ด้านในก็ล้างน้ำนะคะ และถ้ายังมีไส้ฟักทองติดอยู่ ก็เอาช้อนขูดออกให้เรียบร้อย จนเนื้อด้านในเรียบเสมอกัน   ส่วนด้านนอก ก็ใช้แปรงสีฟัน (ใหม่) ที่มีขนแปรงนุ่ม ๆ ขัดเบาๆ ตามรอยหยักของเปลือก แล้วก็ล้างน้ำให้สะอาดค่ะ .... พอล้างเสร็จ ก็นำไปคว่ำไว้แบบนี้ค่ะ
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/steamed-custard-in-pumpkin/010.jpg
จากนั้น ... เราก็จะมาทำตัวสังขยากัน   ซึ่งส่วนผสมในการทำสังขยา ก็จะมี หัวกะทิ - ไข่ - น้ำตาล - เกลือและแป้งสาลีอเนกประสงค์ อย่างละนิดหน่อย ... จะว่าไปก็เหมือนๆ กับทำสังขยาปกติล่ะค่ะ
อันดันแรก... เราก็มาดูที่หัวกะทิกันค่ะ  ... พิมใช้หัวกะทิทั้งหมด 4 1/2 ถ้วย  โดยคั้นจากมะพร้าวขูด 1.2 กก.   (จะเป็นมะพร้าวขูดธรรมดา หรือมะพร้าวขูดขาวก็ได้)
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/steamed-custard-in-pumpkin/011.jpg
แล้วก็ใช้ไข่เป็ดใบใหญ่ 10 ฟอง - ไข่ไก่เบอร์ 2-3 อีก 9 ฟองค่ะ   (รวมทั้งหมดให้ได้ปริมาณ 4 1/2 ถ้วย / ถ้าของใครเป็นไข่ใบใหญ่มาก ก็ลดจำนวนไข่ลงค่ะ)
จริง ๆ แล้ว... เราจะใช้แต่เฉพาะไข่ไก่หรือไข่เป็ดเพียงอย่างเดียวก็ได้นะคะ  แต่สมัยโบราณเค้าจะนิยมใช้ไข่เป็ดอย่างเดียว  เพราะจะได้สังขยาที่มีลักษณะอยู่ตัว  เนื้อสังขยาสวย และดูเนื้อแน่นกว่าสังขยาที่ทำจากไข่ไก่  ... แต่ส่วนตัวพิมเอง พิมชอบใช้ไข่สองอย่างผสมกัน   เพราะมีความรู้สึกว่าจะได้สังขยาที่นุ่มกว่าใช้ไข่เป็ดอย่างเดียวน่ะค่ะ
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/steamed-custard-in-pumpkin/012.jpg
แล้วเราก็จะใช้น้ำตาลปี๊บประมาณ 800 กรัมค่ะ  .... น้ำตาลเนี่ยให้เลือกใช้อย่างดีหน่อยนะคะ  สังขยาของเราจะได้ออกมามีทั้งรสหวานและกลิ่นหอม ... อ้อ ... สีของสังขยาขึ้นอยู่กับสีของน้ำตาลปี๊บด้วยนะคะ  ถ้าอยากได้สังขยาสีเข้มหน่อย  ให้เลือกใช้น้ำตาลสีเข้ม ๆ แต่ถ้าอยากได้สังขยาสีอ่อน ๆ ให้เลือกใช้น้ำตาลสีอ่อนหน่อยค่ะ
เผอิญว่าน้ำตาลของพิมเป็นน้ำตาลปี๊บแบบ ปึก ๆ ค่ะ .. ค่อนข้างจะแข็งหน่อย  เพื่อจะให้บี้เข้ากับกะทิได้ง่าย  พิมก็เลยเอามาหั่นให้เป็นชิ้นเล็ก ๆ แบบนี้ก่อนค่ะ
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/steamed-custard-in-pumpkin/016.jpg
แล้วก็อย่าลืมใบเตยนะคะ ... จะช่วยทำให้ขยำไข่ น้ำตาล เข้ากับกะทิได้โดยง่าย และช่วยดับกลิ่นคาวของไข่ เพิ่มความหอมให้เนื้อสังขยาด้วยค่ะ
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/steamed-custard-in-pumpkin/018.jpg
นอกนั้นก็จะมีเกลือป่น  ที่ไว้ช่วยทำให้รสหวานของสังขยาเข้มขึ้น กับแป้งอเนกประสงค์ ที่ช่วยทำให้เนื้อสังขยาอยู่ตัว .. อีกอย่างละนิดหน่อยค่ะ  (ส่วนผสม 2 อย่างนี้ พิมไม่ได้ถ่ายรูปมานะ)
เมื่อเราเตรียมส่วนผสมครบแล้วทุกอย่าง ... ก็มาลงมือทำกันเลยค่ะ
เริ่มต้นก็ตอกไข่ใส่ถ้วยนะคะ ... อย่างที่พิมบอกด้านบน  เราจะใช้ไข่ทั้งหมด 4 1/2 ถ้วยค่ะ (ถ้วยเดียวกับถ้วยตวงน้ำกะทิ)  ถ้าเราตอกไข่ทั้งหมดแล้ว  ได้ปริมาณน้อยกว่า 4 1/2 ถ้วย  (เนื่องจากว่าไข่มันใบเล็กมากกกกก)  ก็ให้เราเพิ่มไข่ลงไปอีก  จะไข่ไก่หรือไข่เป็ดก็ได้   จนได้ปริมาณไข่ครบ 4 1/2 ถ้วยค่ะ ... แต่ถ้าเกิดไข่ที่เราใช้ ใบใหญ่มากกกกกกกกกก  ตวงแล้วมันเกิน 4 1/2 ถ้วย  เราก็ใช้แค่ 4 1/2 ถ้วยนะคะ  (ที่เหลือเอาไปเจียวไข่กิน ^^) ... แล้วเอาไข่ทั้งหมด เทรวมกันในอ่างผสมที่ใบใหญ่หน่อยค่ะ
ป.ล. ควรตอกไข่ใส่ถ้วยเล็ก ๆ ทีละใบก่อน เพื่อเช็คดูว่ามีไข่เสียหรือเปล่า  แล้วค่อยเทรวมใส่ถ้วยตวง  ... เพราะไม่งั้นหากมีไข่ใบไหนเสียขึ้นมา  เราจะเสียไข่ทั้งหมดไปโดยใช่เหตุนะคะ
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/steamed-custard-in-pumpkin/013.jpghttp://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/steamed-custard-in-pumpkin/014.jpg
จากนั้นก็เทหัวกะทิทั้งหมดใส่ลงไปเลยค่ะ
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/steamed-custard-in-pumpkin/015.jpg
ตามด้วยน้ำตาลปี๊บทั้งหมดที่เราเตรียมเอาไว้ ... พร้อมเกลือป่น และแป้งอเนกประสงค์
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/steamed-custard-in-pumpkin/017.jpg
แล้วก็ทำการขยำให้ไข่-น้ำตาล-กะทิ-แป้ง-เกลือ  เข้ากันค่ะ (ใช้ใบเตยช่วยในการขยำ)
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/steamed-custard-in-pumpkin/019.jpg
ขยำไปจนกระทั่งทุกอย่างเข้ากันดี ... ก็เป็นอันว่าใช้ได้
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/steamed-custard-in-pumpkin/020.jpg
แล้วก็ทำการกรองด้วยกระชอนตาถี่ ๆ หรือผ้าขาวบาง 1 ครั้ง  (เผื่อว่ามีเศษผง แป้งหรือน้ำตาลที่ยังละลายไม่หมด) ... ก็จะได้ออกมาเป็นส่วนผสมสังขยา (ที่พร้อมจะเอาไปนึ่ง)  หน้าตาแบบนี้นะคะ
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/steamed-custard-in-pumpkin/022.jpg
ถึง ณ. ตรงนี้  ก็ให้เราหันกลับไปดูที่ฟักทองของเราค่ะ .... ซึ่งลูกฟักทองของเราในตอนนี้ ด้านใน น้ำแห้งหมดแล้ว ...  ก็ให้เราหงายลูกขึ้น แล้วจัดเตรียมเอาไปวางในซึ้ง (รังถึง) เพื่อรอบรรจุส่วนผสมสังขยานะคะ
แต่ทีนี้เนี่ย ... หากเรานึ่งสังขยาฟักทองทั้งลูกแบบไม่มีอะไรรองลูกฟักทองเลย  บางทีนึ่ง ๆ ไป ลูกฟักทองจะแตกออก  ทำให้ได้สังขยาในลูกฟักทองที่ไม่สวย....  เราจึงต้องหาถ้วยหรือชามอะไรที่ทนความร้อนได้  ขนาดใกล้เคียงกับลูกฟักทอง  มารองลูกฟักทองเอาไว้แบบนี้ค่ะ ... หรือถ้าไม่มี จะใช้เชือกสีขาว ๆ (พิมไม่แน่ใจว่าเค้าเรียกว่าเชือกอะไร) ที่เมื่อก่อนเค้าไว้ใช้มัดกล่องพัสดุไปรษณีย์น่ะค่ะ ... มามัดรอบลูกฟักทองเอาไว้ก็ได้  แต่มันจะยุ่งยากกว่ามากเลย
ป.ล. สังเกตุได้ว่า ชาม/ถ้วย รองลูกฟักทองของพิม จะมีหลายแบบมากเลย ก็เอาตามที่มีและสะดวกอ่ะนะคะ
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/steamed-custard-in-pumpkin/023.jpghttp://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/steamed-custard-in-pumpkin/024.jpg
จากนั้นเพื่อให้เทส่วนผสมสังขยาใส่ลูก ฟักทองได้โดยง่าย  ไม่หกเลอะเทอะ ....  พิมก็จัดการเทส่วนผสมฯ ใส่ลงไปในถ้วยที่ปากถ้วยเป็นร่องแบบนี้ก่อนค่ะ  (ก็เลยใช้ถ้วยที่ตวงน้ำกะทิ ตวงไข่เมื่อกี้แหละค่ะ ไม่ต้องล้างหลายรอบ)
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/steamed-custard-in-pumpkin/025.jpg
แล้วก็ค่อยเอาไปเทใส่ในลูกฟักทองค่ะ ... ค่อย ๆ เทนะคะ ระวังหก  (เสียดายของ)
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/steamed-custard-in-pumpkin/026.jpg
เทจนเกือบเต็มแบบนี้ หรือมากกว่านี้นิดหน่อย ... ก็ใช้ได้ค่ะ   แต่อย่าเทให้เต็มลูก แบบปริ่ม ๆ ขอบเลย  เพราะว่าเดี๋ยวเวลานึ่ง สังขยามันจะฟูขึ้นมาอีกค่ะ  หากเทเต็มมากเกินไป สังขยาที่ได้ จะล้นออกมามากไป จนไม่สวย
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/steamed-custard-in-pumpkin/027.jpg
จากนั้นก็นำไปนึ่งในน้ำเดือด  ใช้ไฟกลางนะคะ ประมาณ 50-60 นาที    (ระยะเวลาในการนึ่ง ขึ้นอยู่กับขนาดของลูกฟักทอง และขนาดของรังถึง)
และเมื่อครบ 1 ชม. ผ่านไป ... เราก็จะได้สังขยาในลูกฟักทอง ออกมาหน้าตาแบบนี้นะคะ .. น่ากินเน๊าะ ... อิอิ
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/steamed-custard-in-pumpkin/032.jpg
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/steamed-custard-in-pumpkin/031.jpg 

credit : http://www.pim.in.th/

Read More...


ข้าวตอก-น้ำกะทิทุเรียน

http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/coconut-durian-with-popped-rice/smallest.jpg
สมัยตอนพิมยังเด็กมากๆ   พิมและพี่น้องไม่เคยจะได้กินทุเรียนแบบเม็ด ๆ กันหรอกค่ะ  เพราะว่าสมัยนั้นแม่พิมยังไม่ได้ทำสวนทุเรียน  และทุเรียนก็มีราคาแพงเกินกว่าจะซื้อหามากินเล่นแบบสมัยนี้ได้ ... ดังนั้นพอถึงหน้าทุเรียนทีไร  แม่พิมก็เลยมักจะซื้อทุเรียนลูกเล็ก ๆ มา 1 ลูก แล้วเอามาทำเป็นน้ำกะทิทุเรียน เพื่อที่จะให้สามารถกินได้หลาย ๆ คนน่ะค่ะ
แล้วสมัยนั้น ... ชาวบ้านแถวบ้านพิม (แถบพระราม 9 ในปัจจุบัน)  ก็ไม่นิยมกินน้ำกะทิทุเรียนกับข้าวเหนียวมูนหรอกค่ะ  เพราะมันจะเป็นแบบหวานเจอหวาน  คือ หวานทั้งสองอย่าง ... กินแล้วจะเลี่ยนเอียนอะไรทำนองนั้น   แต่ชาวบ้านเค้าจะนิยมกินน้ำกะทิทุเรียนกับกับข้าวตอกมากกว่า ... ซึ่ง "ข้าวตอก" ก็จะมีหน้าตาแบบนี้นะคะ
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/coconut-durian-with-popped-rice/coconut-milk-durian-with-popped-rice-15.jpg
เมื่อเอ่ยถึง "ข้าวตอก" พิมเชื่อว่าหลายคนต้องงงแน่ ๆ  ... ประมาณว่ามันคืออะไรกันเนี่ย เป็นข้าวพันธุ์ใหม่หรือเปล่าหรือยังไง ??
ก่อนที่เราจะมาลงมือทำน้ำกะทิทุเรียนกัน  พิมก็เลยอยากจะขออธิบายเกี่ยวกับที่มาที่ไปของข้าวตอกนิดนึงอ่ะค่ะ
"ข้าวตอก" เกิดจากการนำข้าวเปลือกข้าวเหนียวหรือข้าวเจ้าก็ได้ค่ะ  (แต่แม่พิมชอบใช้ข้าวเหนียว)  ไปแช่น้ำสัก 2 ชม.  แล้วนำไปตากให้แห้ง  จากนั้นก็นำมาคั่วด้วยไฟแรง  จนข้าวด้านในปะทุออกจากเมล็ด  และพองจนกลายเป็นข้าวตอก  (ลักษณะคล้ายป๊อปคอร์น)   สุดท้ายก็นำไปคัดเอาเปลือกออก  ก็เป็นอันได้ข้าวตอกสำหรับมากินกับน้ำกะทิแล้วค่ะ  (แต่จริง ๆ เอาข้าวตอกไปทำขนมอย่างอื่นได้อีกหลายอย่างเลยค่ะ ไว้วันหลังจะมาทำให้ดูนะคะ)
แล้วก็นี่ค่ะ ....... หน้าตา "ข้าวตอก-น้ำกะทิทุเรียน" แบบที่บ้านพิม
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/coconut-durian-with-popped-rice/coconut-milk-durian-with-popped-rice-20.jpg
ดูหน้าตากันไปแล้ว .. ที่นี้เราก็มาดูส่วนผสมกันนะคะว่ามีอะไรบ้าง
ถ้าไม่นับข้าวตอก ... เอาเฉพาะวิธีทำน้ำกะทิทุเรียน ส่วนผสมก็จะมี
:: ส่วนผสมน้ำกะทิทุเรียน ::
1. น้ำกะทิ 5 1/2 ถ้วย  (คั้นด้วยน้ำอุ่น จากมะพร้าวขูด 7 ขีด)
2. น้ำตาลปี๊บอย่างดี 400-500 กรัม
3. เกลือป่นนิดหน่อย
4. เนื้อทุเรียนงอมๆ   ปริมาณตามชอบ
5. ใบเตย 3-5 ใบ
มาดูส่วนผสมอย่างแรกกันเลยนะคะ ... ก็คือ "น้ำกะทิ" ... พิมใช้มะพร้าวขูดธรรมดานี่แหละ   (ไม่ต้องใช้มะพร้าวขูดขาวก็ได้  แต่สมัยเด็ก ๆ จะต้องใช้แบบขูดขาวเสมอ ไม่งั้นจะโดนดุ -*-) .. ราวๆ  700 กรัมค่ะ  แล้วก็ใส่น้ำต้มสุกอุ่นลงไปประมาณ 4 ถ้วยกว่าๆ ค่ะ  ... แล้วก็คั้นออกมาเป็นน้ำกะทิราว ๆ 5 1/2 ถ้วย
ถ้าใครไม่สะดวกจะมาคั้นกะทิสดเอง จะให้ทางร้านขูดมะพร้าวเค้าขูดมาให้เลยก็ได้ค่ะ   (แต่ระวังนิด มักมีปัญหา น้ำกะทิบูดไว)  หรือว่าถ้าใครหากะทิสดไม่ได้เลยจริงๆ  จะใช้แบบกล่องหรือแบบถุง ก็พอแก้ขัดได้นะคะ
ป.ล. การคั้นกะทิให้ดี ควรคั้นหลาย ๆ ครั้ง ๆ นึงใส่น้ำอย่าเยอะ เพื่อให้มันกะทิออกมามากที่สุด / เติมเกลือลงไปในมะพร้าวขูดสักหน่อย  น้ำกะทิจะได้มีรสชาติขึ้นมานิดนึง แล้วก็ทำให้ไม่เสียง่ายด้วยค่ะ
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/coconut-durian-with-popped-rice/coconut-milk-durian-with-popped-rice-02.jpg
ต่อมาก็เป็นน้ำตาลนะคะ ... พิมเห็นบางคนเค้าจะชอบใช้น้ำตาลทรายในการทำน้ำกะทิทุเรียน  แต่ที่บ้านพิมจะชอบใช้น้ำตาลปี๊บมากกว่าค่ะ   เพราะรู้สึกว่ามันมีความหอมมันมากกว่า และรสชาติก็เข้มข้นกว่า
น้ำตาลปี๊บเนี่ย ... ให้เลือกน้ำตาลดี ๆ หน่อยนะคะ ตามตลาดสดทั่วไป เค้าจะมีน้ำตาลปี๊บ  2 เกรด .... พิมเคยถามร้านขายของชำ เค้าบอกว่า มีเกรดทั่วไป ไว้ใช้ทำอาหารทั่วไป  กับเกรดดีหน่อย ไว้ทำขนม ... แถวบ้านพิมเกรดทั่วไป โลละประมาณ 26 บาท  และเกรดดีหน่อย จะโลละประมาณ 32 บาทอ่ะค่ะ
แล้วน้ำตาลปี๊บดี ๆ เนี่ย    ก็มีทั้งแบบนิ่ม ๆ เหลว ๆ กับแบบแข็งนะคะ ... ถ้าเราได้แบบแข็งมา  เราก็เอามันไปตากแดดซะหน่อย เพื่อให้มันเหลว ๆ  แต่ถ้าไม่มีเวลาเอาไปตากแดด  ก็เอามีดบางอันเล็ก ๆ มาสไลด์น้ำตาลให้เป็นแผ่นบาง ๆ แบบนี้ก็ได้ค่ะ  เวลาบี้น้ำตาลกับกะทิ... จะได้บี้ให้เข้ากับกะทิได้ง่าย
วันนี้พิมจะใช้น้ำตาล (ในสูตร) ประมาณ 400 กรัมกว่า ๆ ... พิมก็จะสไลด์น้ำตาลเอาไว้แค่ประมาณ 450 กรัมค่ะ
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/coconut-durian-with-popped-rice/coconut-milk-durian-with-popped-rice-05.jpg
แล้วเพื่อให้ขยำน้ำตาลเข้ากับกะทิได้ง่าย ๆ พิมก็เลยจะใช้ใบเตยมาเป็นตัวช่วยค่ะ  .. ใช้สัก 3-5 ใบก็พอ ล้างให้สะอาด แล้วตัดเป็นท่อนสั้น ๆ
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/coconut-durian-with-popped-rice/coconut-milk-durian-with-popped-rice-06.jpg
สุดท้ายที่เราจะขาดไม่ได้ซะ ก็คือ เนื้อทุเรียนค่ะ ... พิมเลือกใช้ทุเรียนพันธุ์ชะนี เพราะมีกลิ่นแรง และรสหวานเข้มข้น ... ซึ่งที่เห็นในภาพอาจจะดูไม่ค่อยงามแล้ว เพราะพิมแช่แข็งทุเรียนในกล่องใบนี้เอาไว้ตั้งแต่ตอนทุเรียนพันธุ์ชะนีออกมา ใหม่ ๆ ตอนต้นฤดูอ่ะค่ะ ... ก็ราว ๆ 2 เดือนได้แล้ว ^^"
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/coconut-durian-with-popped-rice/coconut-milk-durian-with-popped-rice-03.jpg
สำหรับทุเรียนเนี่ย ... เลือกใช้แบบงอม ๆ จะทำให้น้ำกะทิทุเรียนของเราหอมมากมายเลยค่ะ  ... แล้วพอได้มา ก็ให้เราฉีกเฉพาะเนื้อเอาไว้ก่อนได้เลยนะคะ ..... ตามในภาพนี้เลย
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/coconut-durian-with-popped-rice/coconut-milk-durian-with-popped-rice-12.jpg
จากนั้นก็หันมาลงมือทำน้ำกะทิทุเรียนกันเลยค่ะ
เริ่มแรกก็ ... เอาน้ำตาลใส่ลงไปในหม้อน้ำกะทิค่ะ  ใส่ไปสักประมาณ 350 กรัมก่อน  (ถ้าไม่หวาน ค่อยใส่เพิ่ม)
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/coconut-durian-with-popped-rice/coconut-milk-durian-with-popped-rice-07.jpg
ล้างมือให้สะอาด  แล้วก็หยิบใบเตยใส่หม้อลงไป... จากนั้นก็ขยำ ๆ น้ำตาลในหม้อให้ละลายเข้ากับน้ำกะทิให้หมดค่ะ
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/coconut-durian-with-popped-rice/coconut-milk-durian-with-popped-rice-08.jpg
พอน้ำตาลละลายหมด ... ก็ลองชิมดูว่าความหวานโอเคไหม  (แต่จะต้องเผื่อความหวานจากทุเรียนอีกด้วยนะคะ)   ถ้าหวานน้อยไป  ก็ิเติมน้ำตาลลงไปอีกค่ะ  แล้วก็ขยำ ๆ เหมือนเดิมจนน้ำตาลละลาย ... แล้วก็ชิมอีกที ถ้าไม่พอใจอีก ก็เติมได้ค่ะ   แต่หากหวานไป  ก็ให้เติมน้ำกะทิแทนนะคะ .... ซึ่งพอน้ำกะทิหวานได้ที่   ก็ให้เราหยิบใบเตยออก แล้วทำการกรองซะ 1 ครั้ง  จะด้วยผ้าขาวบางหรือกระชอนก็ตามสะดวก  เพื่อเอาน้ำตาลที่ละลายไม่หมดออกไป และกรองเอากากใบเตยส่วนที่หลุด ๆ ทิ้งไปด้วยค่ะ
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/coconut-durian-with-popped-rice/coconut-milk-durian-with-popped-rice-09.jpg
แล้วเราก็จะทำได้น้ำกะทิผสมน้ำตาลออกมาหน้าตาประมาณนี้
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/coconut-durian-with-popped-rice/coconut-milk-durian-with-popped-rice-10.jpg
เสร็จแล้วก็เอาไปตั้งไฟต่อแป๊บนึง  พอให้ร้อนจัด แต่ไม่ต้องเดือด ก็ยกลงค่ะ  (ป.ล. ดันเอาทัพพีเลอะทุเรียนไปคนน้ำกะทิ เลยมีเนื้อทุเรียนหลุดไปอยู่ในหม้อเลย -*-)
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/coconut-durian-with-popped-rice/coconut-milk-durian-with-popped-rice-11.jpg
จากนั้นก็เอาเนื้อทุเรียนที่เราฉีกไว้ ตั้งแต่ตอนแรก ... ใส่ลงไป  (ถ้าเป็นสมัยโบราณ มักจะเอาทุเรียนทั้งเม็ดลงไปขยำในหม้อน้ำกะทิเลยค่ะ) แล้วก็คน ๆ ให้เข้ากัน ^^
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/coconut-durian-with-popped-rice/coconut-milk-durian-with-popped-rice-13.jpg
ก็จะได้  "น้ำกะทิทุเรียน"  ออกมาหน้าตาประมาณนี้เลยค่ะ ... พอมาถึงขั้นตอนนี้ก็ลองชิมดู  ว่ารสชาติโอเคไหม  ถ้าหวานน้อยไปเติมน้ำตาลทรายลงไปได้ค่ะ  (เพื่อให้ละลายง่าย) แต่ถ้ามันหวาน แต่ยังหวานแบบธรรมดา ไม่โดดเด่น ไม่เข้มข้น  (ไม่ได้หมายถึงหวานจัด) ก็ให้เติมเกลือลงไปนิดนึง เพื่อดึงรสหวานออกมาให้มากกว่าเดิม ...  แต่ถ้าหวานมากไป  ให้เติมน้ำสุกอุ่นค่ะ เติมพอประมาณ  ให้ได้ความหวานตามต้องการ ก็ใช้ได้ค่ะ   (อย่าเติมน้ำอุ่นเยอะ  เดี๋ยวจะไม่หลงเหลือความมันของกะทินะคะ)
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/coconut-durian-with-popped-rice/coconut-milk-durian-with-popped-rice-14.jpg
แล้วพอเวลาจะกิน ... ก็ให้เราเอาข้าวตอกใส่ชามค่ะ  ปริมาณก็ประมาณสัก 1 ถ้วย ต่อ 1 คน  ..... อ้อ ๆ ก่อนจะเอาข้าวตอกใส่ถ้วย  อย่าลืมเก็บเปลือกข้าวเปลือก (หรือที่เรียกว่า กาก) ทิ้งไปด้วยนะคะ ^^
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/coconut-durian-with-popped-rice/coconut-milk-durian-with-popped-rice-16.jpg
นี่ค่ะ ... ใส่ถ้วยประมาณนี้    (อย่าใส่เยอะนะคะ เพราะหากใส่มากเกินไป  มันเหมือนเวลากินก๋วยเตี๋ยวแล้วเราใส่เส้นเยอะ ๆ มันจะอืด ๆ ไม่อร่อยอ่ะค่ะ)
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/coconut-durian-with-popped-rice/coconut-milk-durian-with-popped-rice-17.jpg
แล้วก็ตักน้ำกะทิทุเรียนที่เราทำเอาไว้ .......ราดลงไป พร้อมเนื้อทุเรียนด้วยนะคะ   (ดูแล้ว น้ำลายไหลเอง -*-)
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/coconut-durian-with-popped-rice/coconut-milk-durian-with-popped-rice-18.jpg
จริงๆ เมื่อทำถึงขั้นตอนข้างบน ก็เป็นอันว่าพร้อมกินได้แล้วค่ะ ^___^  แต่ถ้าจะกินแบบแม่พิม แบบพิม  หรือกินแบบสมัยโบราณ  เค้าจะต้องคลุก ๆ ข้าวตอกให้เข้ากับน้ำกะทิแบบนี้ก่อนค่ะ  แล้วค่อยตักเข้าปาก.... ถึงจะกินแล้วอร่อยสุด ๆ  ^^
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/coconut-durian-with-popped-rice/coconut-milk-durian-with-popped-rice-19.jpg
ว่าแล้ว ... พิมก็ขอตักให้เพื่อน ๆ ที่เข้ามาชมเมนูนี้ทุกคนเลยนะคะ ... และแอบหวังเล็ก ๆ ว่า จะมีคนชอบเมนูนี้มาก ๆ เหมือนพิม ^^ .. บ๊ะบายค่ะ
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/coconut-durian-with-popped-rice/coconut-milk-durian-with-popped-rice-22.jpg 

credit : http://www.pim.in.th/

Read More...


ขนมถั่วแปบ จากแป้งข้าวเหนียวดำ

http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/mung-bean-black-rice-crepe/mung-bean-%20black-rice-crepe-01.JPG
ขนมถั่วแปบเป็นอีกหนึ่งขนมนึงที่พิมทำขาย แล้วขายดีค่ะ  .... ทำครั้งนึงประมาณ 150 ตัว ขายรวมกับขนมอื่นประมาณ 2 ชม. กว่าๆ ก็หมด  วันนี้พิมเลยขอเอามาโพสต์ไว้ เผื่อใครที่ตกงาน อยากลองหัดทำขนมขาย จะได้เอาไปเป็นตัวอย่างนะคะ
"ขนมถั่วแปบ" .. ที่พิมทำขาย  ปกติพิมจะทำถั่วแปบธรรมดา ถั่วแปบใบเตย ถั่วแปบอัญชัน แล้วก็ถั่วแปบข้าวเหนียวดำค่ะ  (แต่วันไหนคึก ๆ ทำครบ 7 สี ก็มีนะคะ แต่น๊านนนน นานที เพราะเวลามีไม่พอ)  ... และใจจริงวันนี้ก็อยากจะโพสต์ทั้ง 4 แบบเลยนะคะ แต่ว่าวัตถุดิบหลายอย่างไม่มีค่ะ  หมดสต๊อกอย่างแรง  ก็เลยต้องขอโพสต์เฉพาะขนมถั่วแปบที่ทำจากแป้งข้าวเหนียวดำก่อน  (เพราะเหลือแต่แป้งข้าวเหนียวดำอย่างเดียว) .... ส่วนถั่วแปบแบบอื่น ๆ  (ซึ่งใช้แป้งข้าวเหนียวขาว) ..... ขอติดไว้ก่อนนะคะ ^^"
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/mung-bean-black-rice-crepe/mung-bean-%20black-rice-crepe-02.JPG
:: ส่วนผสมถั่วแปบ ::
1. แป้งข้าวเหนียวขาว 100 กรัม
2. แป้งข้าวเหนียวดำ 100 กรัม
3. หัวกะทิ หรือน้ำลอยดอกมะลิ 2/3 ถ้วย  (ปกติพิมใช้หัวกะทิค่ะ แต่วันนี้ไม่สามารถออกไปซื้อมะพร้าวได้ เพราะฝนตกหนัก เลยขอใช้น้ำลอยดอกมะลิล่ะกันนะคะ)
4. ถั่วเขียวเลาะเปลือก หรือที่พิมเรียกว่า ถั่วทอง ... นึ่งสุกแล้ว 2 ถ้วย  <--- (ได้มาจากถั่วดิบประมาณ 3/4 ถ้วย)
5. มะพร้าวทึนทึกขูดด้วยมือแมว 3 ถ้วย
6. เกลือนิดหน่อย
7. ใบเตยแก่ๆ  5 ใบ
8. น้ำสะอาด สำหรับต้มแป้งถั่วแปบ
(รูปส่วนผสมแต่ละอย่าง ดูในส่วนวิธีทำนะคะ)
:: ส่วนผสมน้ำตาลที่ใช้กินกับถั่วแปบ ::
1. น้ำตาลทรายขาวเม็ดเล็ก 100 กรัม
2. งาขาว/งาดำ คั่วใหม่ ๆ แล้วบดหยาบ 3 ชต. <--- ได้จากงาดิบประมาณ 2 ชต.
:: วิธีทำ ::
เพื่อให้คนที่ไม่เคยทำขนมชนิดนี้มาก่อนเลย ได้มีความเข้าใจในขนมชนิดนี้ พิมขออธิบายแบบละเอียดนิดนึงนะคะ
ขนมถั่วแปบ ... จะมีวิธีการทำใน 2 ส่วนด้วยกัน ก็คือ ส่วนตัวขนม (แป้ง+ไส้)  กับส่วนของน้ำตาลสำหรับโรยหน้านะคะ .....  ซึ่งโดยปกติแล้วเวลาที่พิมทำกิน หรือทำขาย  พิมจะแช่ถั่วที่ไว้ทำเป็นไส้  ด้วยน้ำร้อนจัดไว้ประมาณ 3 ชม.    ... ระหว่างรอถั่วนิ่มได้ที่  ก็จะขูดมะพร้าวทึนทึกไปพลาง ๆ เมื่อขูดมะพร้าวเสร็จ  ก็ได้เวลาที่ถั่วแช่น้ำได้ที่ ..... จากนั้นก็นำถั่ว และมะพร้าวไปนึ่งให้สุก  แล้วระหว่างนึ่ง  พิมก็จะมาทำน้ำตาล+งาสำหรับโรยหน้าขนมค่ะ   แล้วพอนึ่งถั่วกับมะพร้าวสุกดี พักไว้ให้อุ่นๆ สักแป๊บนึง ก็จะมาผสมไส้  พอผสมเสร็จ  ก็จะค่อยไปนวดแป้งทีหลังสุดเลยน่ะค่ะ
แต่มาวันนี้พิมขอสาธิตให้ดูอีกแบบ เพื่อเพื่อน ๆ จะได้เข้าใจง่ายอย่างเป็นขั้นเป็นตอนมากกว่านะคะ
เริ่มต้น .... เราก็มาทำส่วนของตัวขนมกัน  ซึ่งตัวขนม จะประกอบไปด้วย  ตัวแป้ง+ไส้ .....  โดยเราจะทำไส้ขนมทิ้งเอาไว้ก่อนค่ะ
ไส้ขนมถั่วแปบ .... ก็จะประกอบไปด้วย ถั่วเขียวเราะเปลือก (พิมเรียกว่า ถั่วทอง) กับ มะพร้าวทึนทึกขูด ... และเกลือนิดหน่อย ค่ะ
ถั่วทองเนี่ย .... สำหรับถั่วแปบประมาณ 15 ชิ้น  จะใช้ถั่วทองดิบประมาณ 3/4 ถ้วย  ซึ่งพอแช่น้ำราว 6 ชม. แล้วนำไปนึ่งให้สุก จะได้ถั่วนึ่งสุกแล้วราว ๆ 2 ถ้วย  ผสมกับมะพร้าวทึนทึกที่ใช้ที่ขูดแบบมือแมว ขูดเป็นเส้นบาง ๆ ความยาวราว ๆ 1 นิ้ว ประมาณ 2 ถ้วยเช่นกัน ... กับเกลือนิดหน่อย (ปริมาณตามในภาพ)  เพื่อให้ไส้มีรสเค็มนิ๊ดๆ เวลากินแล้ว จะได้ไม่รู้สึกว่าขนมมีรสชาติน่ะค่ะ
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/mung-bean-black-rice-crepe/mung-bean-%20black-rice-crepe-07.JPG
สำหรับถั่ว .... ตอนเรานึ่ง เราจะต้องนึ่งให้สุกดีนะคะ อาจจะนึ่งให้เมล็ดถั่วแตกนิด ๆ แบบในภาพ    เวลากินแล้ว จะไม่รู้สึกกระด้างหรือว่าแข็งไปค่ะ .... แต่ก็อย่านึ่งถั่วจนสุกมากไป ไม่งั้นเวลาเราปั้นตัวถั่วแปบ ขณะเราใช้มือบี้แป้ง  ถั่วที่ติดกับแป้งจะแหลกเหลวอ่ะค่ะ
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/mung-bean-black-rice-crepe/mung-bean-%20black-rice-crepe-06.JPG
ส่วนมะพร้าวทึนทึก ก็ต้องขูดด้วยมือแมวอย่างแผ่วเบา  ให้ได้เส้นมะพร้าวที่บางๆ เวลากินจะได้เข้ากันกับขนมส่วนอื่นได้เป็นอย่างดี (ไม่รู้สึกว่ามันโดดออกมา) น่ะค่ะ  และให้เลือกมะพร้าวทึนทึกแบบที่ไม่ทึนทึกมาก คือยังนิ่ม ๆ อยู่บ้าง เนื้อไม่แข็ง  เพราะหากเนื้อมะพร้าวแข็ง เวลากินจะรู้สึกไม่ค่อยเข้ากับเนื้อขนมอ่ะค่ะ
ป.ล. ถ้าเราทำขนมถั่วแปบเสร็จแล้ว กินเลยภายใน 1-2 ชม.  ไม่ต้องนึ่งมะพร้าวก็ได้ค่ะ  แต่ถ้าจะเก็บไว้กินนานกว่านั้น ควรนึ่ง เพื่อยืดอายุมะพร้าวไม่ให้เสียไว และมีกลิ่นที่แปลกไป
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/mung-bean-black-rice-crepe/mung-bean-%20black-rice-crepe-08.JPG
นำเอามะพร้าว และถั่วทอง (ขณะกำลังอุ่นๆ) ทั้งหมดผสมกัน  เหยาะเกลือป่นลงไปสักปลายช้อน เคล้าให้ส่วนผสมไส้ทั้งหมดเข้ากันดี  แล้วชิมให้มีรสเค็มปะแหล่ม ๆ เล็กน้อย ก็เป็นอันใช้ได้ ..... แล้วก็ปิดฝาหรือหาอะไรครอบเอาไว้ก่อน เพื่อไมให้ไส้ถูกลม ... พักไว้ก่อนค่ะ
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/mung-bean-black-rice-crepe/mung-bean-%20black-rice-crepe-13.jpg
แล้วหันมาทำน้ำตาลสำหรับราดขนมกันต่อ ....... ด้วยการผสมงาขาวหรืองาดำ (หรือจะงาทั้งสองอย่าง) ที่คั่วและบดหยาบแล้ว ประมาณ 3-4 ชต กับน้ำตาลทรายเม็ดเล็กสัก 100 กรัม ... ผสมให้เข้ากันดีแล้ว ก็พักเอาไว้ก่อน  (ใส่กระปุกปิดฝา หรือใส่ถุงมัดปาก กันความชื้น)
ป.ล. คั่วงา ต้องใจเย็น ๆ ใช้ไฟอ่อนค่อนมาทางไฟกลาง ๆ นะคะ อย่าใจร้อน ใช้ไฟแรง .. เพราะไม่งั้น งามันจะไหม้ก่อนจะสุกน่ะค่ะ
ป.ล. ใบเตยในภาพด้านล่าง เอาไว้ใส่ในน้ำต้มแป้งถั่วแปบค่ะ ..... ^^
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/mung-bean-black-rice-crepe/mung-bean-%20black-rice-crepe-14.JPG
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/mung-bean-black-rice-crepe/mung-bean-%20black-rice-crepe-15.jpg
เมื่อทำส่วนผสมไส้ - ทำน้ำตาลสำหรับโรยหน้าเสร็จ ...... ก็มาทำตัวแป้งกันค่ะ
ในส่วนของตัวแป้งเนี่ย วันนี้พิมขอทำโดยใช้แป้งข้าวเหนียวดำเป็นหลัก  และใช้แป้งข้าวเหนียวขาวผสม เพื่อไม่ให้ขนมกระด้าง และสีเข้มเกินไป .....  ซึ่งจะทำให้ขนมถั่วแปบที่ได้ มีสีม่วงเข้มตามในรูปด้านบนสุด  แต่ถ้าใครไม่ชอบสีแบบนี้ จะเปลี่ยนไปใช้แป้งข้าวเหนียวขาวล้วน ๆ แทนก็ได้นะคะ
พิมใช้แป้งข้าวเหนียวดำ 100 กรัม และแป้งข้าวเหนียวขาว 100 กรัม ผสมกันค่ะ  แล้วก็ใช้หัวกะทิที่ไม่ข้นมาก 3/4 ถ้วย  หรืออาจจะมากกว่านี้นิดหน่อย ขึ้นอยู่กับความชื้นของแป้งนะคะ......... (แต่วันนี้ไม่มีหัวกะทิ ขอใช้น้ำสะอาด ผสมกลิ่นมะลิแทน)
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/mung-bean-black-rice-crepe/mung-bean-%20black-rice-crepe-09.JPG
นำเอาแป้ง 2 ชนิดเทใส่กาละมังผสม แล้วเติมน้ำสะอาด/กะทิลงไป สัก 1/3 น้ำของตามสูตรด้านบนก่อน แล้วค่อยๆ นวดแป้งให้เข้ากับน้ำ   แล้วก็ค่อยๆ ทยอยเติมน้ำลงไป สลับกับการนวดแป้ง จนกระทั่งน้ำหมด ก็นวดแป้งต่อไปอีกสักพัก   .... นวดจนกระทั่งรู้สึกว่าแป้งเหนียวนุ่ม ไม่ติดมือ และไม่ติดกาละมัง ก็เป็นอันใช้ได้ค่ะ
และถ้าขณะที่เรานวด  เรารู้สึกว่าแป้งเหลวไป นวดแล้วนวดอีกก็ยังติดมืออยู่ดี  เราสามารถเติมแป้งข้าวเหนียวลงไปได้อีกนิดหน่อยค่ะ ... (ตามในภาพด้านล่าง)
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/mung-bean-black-rice-crepe/mung-bean-%20black-rice-crepe-10.jpg
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/mung-bean-black-rice-crepe/mung-bean-%20black-rice-crepe-11.jpg
เมื่อนวดแป้งเสร็จแล้ว ให้หาผ้าอะไรคลุมเอาไว้ก่อน  แล้วหันมาตั้งหม้อใส่น้ำสะอาดบนเตาไฟ (อย่าลืมใส่ใบเตยมัด ๆ ลงไปด้วย)
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/mung-bean-black-rice-crepe/mung-bean-%20black-rice-crepe-16.JPG
พอน้ำเดือด ก็ค่อย ๆ ปั้นแป้งเป็นกลมๆ  แล้วกดให้แบน  หย่อนลงไปต้มในหม้อ
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/mung-bean-black-rice-crepe/mung-bean-%20black-rice-crepe-17.jpg
ต้มไปจนกระทั่งแป้งสุก  (แป้งยังดิบ = แป้งจมน้ำ /  แป้งสุก = แป้งจะลอยขึ้นมา  กดตรงกลางแป้งแล้ว จะรู้สึกนิ่มจนถึงแป้งอีกด้าน และไม่แข็งเป็นไต) ... ก็ตักขึ้นใส่กาละมังที่เราผสมไส้ถั่วเอาไว้
ป.ล. แป้งถั่วแปบ ถ้าใช้แป้งข้าวเหนียวดำผสม จะใช้เวลาต้มให้สุก ... ช้ากว่า การใช้แป้งข้าวเหนียวขาวล้วนๆ
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/mung-bean-black-rice-crepe/mung-bean-%20black-rice-crepe-19.jpghttp://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/mung-bean-black-rice-crepe/mung-bean-%20black-rice-crepe-20.JPG
เมื่อช้อนแป้งขึ้นมาจากหม้อต้มหมดแล้ว  ก็มาทำการปั้นแป้งให้เป็นขนมถั่วแปบกันค่ะ
โดยปกติ ถ้าพิมทำขาย จะใส่ถุงมือด้วย ...... แต่วันนี้ทำกินเอง เพื่อความสะดวก แค่ล้างมือสะอาดก็พอ ไม่ต้องใส่ถุงมือเน๊อะค่ะ ^^  (ป.ล. แต่สมัยโบราณ จะเอาก้อนแป้งที่ต้มสุกแล้ว ใส่ในถุงพลาสติคที่ผ่าครึ่ง  วางบนเขียง แล้วกลิ้งทับด้วยขวดกลม ๆ เพื่อให้แป้งแผ่นแบนๆ น่ะค่ะ)
วิธีปั้นถั่วแปบ ก็ง่ายสุดๆ (แต่ทำตอนแรก อาจจะรู้สึกยากหน่อย) ... หยิบแป้งขึ้นมาชิ้นนึง แล้วคลุกด้วยไส้ถั่วให้ทั่วแป้งทั้งสองด้าน (ไม่งั้นมันจะติดมือ)  จากนั้นก็ทำการแผ่แผ่นแป้งให้กว้างออก และบางขึ้น ด้วยการใช้นิ้วมือกับนิ้วชี้ (ทั้งสองมือ)   .... พอแผ่แผ่นแป้งได้กว้างประมาณ 2 นิ้วกว่าๆ แล้ว ก็ให้เราตักไส้ ใส่ไว้ตรงกลางแป้งพูน ๆ แบบในภาพค่ะ
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/mung-bean-black-rice-crepe/mung-bean-%20black-rice-crepe-21.jpg
แล้วก็ทำการพับแผ่นแป้ง 2 ข้าง ประกอบกัน (ไส้จะอยู่ตรงกลาง)  ดังในภาพ .... แล้วยก็ตกแต่งเล็กน้อย (เพื่อให้เหมือนถั่วแปบจริงๆ) ด้วยการใช้ปลายนิ้ว กดแผ่นแป้ง 2 ด้านให้ติดกัน พร้อมทั้งแผ่ให้บางขึ้นด้วยน่ะค่ะ
สุดท้ายเมื่อปั้นเสร็จ ก็นำตัวขนมไปคลุกด้วยมะพร้าวทึนทึกขูดบาง ๆ ที่เราผสมเกลือไว้นิดหน่อยให้พอมีรสเค็มปะแหล่มๆ .... อีกที ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อยค่ะ
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/mung-bean-black-rice-crepe/mung-bean-%20black-rice-crepe-22.jpg
แล้วเมื่อปั้นครบทั้ง 15 ตัว ก็จะได้ขนมถั่วแปบออกมาหน้าตาประมาณนี้นะคะ
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/mung-bean-black-rice-crepe/mung-bean-%20black-rice-crepe-23.JPG
ยังไงถ้าใครสนใจ ... ลองไปทำดูค่ะ ไม่ยาก  (แต่ขั้นตอนอาจจะยุ่งยากหน่อย ทำน้อยๆ เปลืองค่าแก๊สนึ่งถั่วค่ะ - -")  ... ขนมไทยๆ หัดไว้ก็ไม่เสียดายค่ะ ^^
http://www.pim.in.th/images/all-thai-dessert/mung-bean-black-rice-crepe/mung-bean-%20black-rice-crepe-04.JPG

ป.ล. บางคนนิยมใส่น้ำตาลและงาผสมลงไปในใส่ถั่วแปบเลย เพื่อจะได้ไม่ต้องใส่น้ำตาลอีกในขณะกิน  ซึ่งถ้าทำเลย กินเลย จะดีค่ะ แต่ถ้าทำแบบนั้น แล้วทิ้งเอาไว้นาน  น้ำตาลจะละลาย ทำให้ขนมแฉะ กินแล้วจะไม่ค่อยอร่อยนะคะ

ป.ล. แป้งที่ใช้ทำตัวถั่วแปบ  ถ้าใช้แป้งข้าวเหนียวขาว จะออกมานุ่มนวลกว่าอย่างเห็นได้ชัดเลยค่ะ  แต่ถ้าใช้แป้งข้าวเหนียวดำผสมแป้งข้าวเหนียวขาวจะออกมานุ่ม แต่ไม่นุ่มมาก    (ขึ้นกับปริมาณแป้งข้าวเหนียวดำน่ะค่ะ) ... แต่ว่ากินแล้วก็อร่อยเหมือนกัน

ป.ล. งาที่ใช้ ควรเป็นงาที่ไม่เก่าเก็บ เพราะจะเหม็นหืน  แล้วก็ควรจะเป็นงาที่นำมาคั่วบดใหม่ ๆ เพราะว่าจะหอมมากค่ะ

ป.ล. บางสูตรนิยมปั้นแป้งดิบ-ห่อไส้  แล้วจึงนำไปต้ม และเมื่อต้มคลุก ก็นำมาคลุกมะพร้าว .... ซึ่งพิมไม่แนะนำวิธีนี้ค่ะ เพราะบางคนกดแป้ง 2 ด้านที่ห่อไส้ไม่แน่น  เวลาเอาไปต้มแล้วแตก ไส้ทะลักออกมาเต็มหม้อต้มเลยน่ะค่ะ  แต่ถ้าใครอยากลองวิธีนี้ดู  ก็ไม่เสียหายเช่นกันค่ะ ^^

Read More...




----------------

ปรับปรุง
รายการบทความทั้งหมด



การบำรุงรักษารถยนต์เบื้องต้น



ร้านค้าเคลื่อนที่ ใช้ รถบรรทุกขนาดเล็กมาดัดแปลง



รวมบทความอาชีพ เสริม หลากไอเดียวิธีหารายได้เสริม



รวมบทความงานฝีมือ-สิ่งประดิษฐ์ รายได้เสริม



ทองม้วน thong muan ; rolled wafer





MASK รุ่นสายคล้องคอ







MASK รุ่นสายคล้องคอ. ��รุ่นนี้เป็นที่นิยมใช้กันมาก #ขายดีมาก
ทำจากผ้าคอตตอนแท้ 100%  ไม่ผสม เนื้อผ้านุ่ม 
3 ชั้น. สวมใส่พอดีกับใบหน้า ไม่เจ็บหู มีสายคล้องคอปรับได้
เวลาถอดออก ไม่ต้องกลัวลืม เพราะถอดแล้วคล้องคอไว้ได้
บรรจุในถุงซิปฟรอย์อย่างดี
ราคาชิ้นละ. 59. บาท. ไม่รวมส่ง 
มีหลายสีให้เลือกนะคะ   สนใจทักแชทขอดูสีผ้าได้นะคะ
หน่วยงาน บริษัท ห้างร้าน หรือ สนใจสั่งไปจำหน่าย 
มีเรทราคาส่งค่ะ

-> id line : noeyhorm_06
#มีวางจำหน่ายหน้าร้านชานมไต้หวันมาราชาสาขาจรัญ44


ร้านมาราชาชานมไข่มุก สาขาจรัญสนิทวงศ์ 44
● รับบัตรสะสมครบ 10 แก้ว แลกรับฟรี 1 แก้ว
● สั่งเดลิเวอรีผ่าน LINE MAN, Foodpanda ,GET ...ถึงมือปั๊บพร้อมดื่มปุ๊บ!
● อัพเดทโปรโมชั่นใหม่ๆ รสชาติใหม่ ตลอดเวลา
● มีเมนูให้เลือก 40 กว่าเมนู : https://bit.ly/2Z9iqV0






























































เลือกช่องทางติดต่อและรับข่าวสารบริการหลังการขาย
ฟอร์ด พลปิยะอยุธยาและฟอร์ด พลปิยะวังน้อย

--------------------------------------------------------------------------------------------
แคมเปญ-โปรโมทชั่น อะไหล่ฟอร์ด อัพเดททางออนไลน์และปรับปรุงข้อมูลออนไลน์
อะไหล่ฟอร์ด อะไหล่รถฟอร์ด อะไหล่รถยนต์ฟอร์ด อะไหล่ฟอร์ดแท้ ร้านขายอะไหล่รถฟอร์ด ขายอะไหล่รถฟอร์ด อะไหล่ฟอร์ด
 
Option

รวมบทความอาชีพเสริม หลากไอเดียวิธีหารายได้เสริม หาอาชีพเสริมอิสระทำเงิน สร้างอาชีพอิสระงานฝีมือ แนะนำการสร้างรายได้เสริมทำเงินด้วยการขายสินค้าหรือขายของเป็นอาชีพเสริม อิสระงานฝีมือ แนะแนวธุรกิจ อาชีพเสริม อาชีพแก้จน อยากจะมีรายได้เสริมนอกเหนือจากงานประจำ บล๊อกจัดทำขึ้นเป็นวิทยาทานเพื่อเผยแผ่ความรู้อันจะเป็นไปเพื่อบุญกุศล ขอให้ทุกท่านที่มีส่วนร่วมในบทความของบล๊อกนี้ จงได้รับอานิสงฆ์ด้วยเทอญ.