สูตรขนม สูตรอาหาร อาชีพรายได้เสริม ประกาศฟรี โฆษณาฟรี Career Articles Extra Income
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

Drop Down MenusCSS Drop Down MenuPure CSS Dropdown Menu

“เดอะวอฟเฟิล”แฟรนไชส์ขนมสายเลือดไทย บุกตปท.

วอลเฟิล ในรูปแบบของเดอะวอลเฟิล
       เดอะวอฟเฟิล แฟรนไชส์ขนม ที่เปิดตัว จากการปลุกกระแสวอฟเฟิล ขนมข้ามชาติที่ซื้อกินกันในโรงแรมชั้นนำ ออกสู่ท้องถนน เพื่อให้คนทั่วไป ได้หารับประทานกันง่าย และด้วยกระแสที่ปลุกขึ้นได้ไม่ยาก ส่งผลให้ แฟรนไชส์เดอะวอลเฟิล ประสบความสำเร็จ ภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว
      
       นายสุทธิชัย พนิตนรากุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เดอะวอฟเฟิล ซัพพลาย จำกัด เล่าว่า เดอะวอฟเฟิลได้เปิดตัวในรูปแบบของแฟรนไชส์ รวมระยะเวลาถึงตอนนี้ประมาณ 6 ปี จากความสำเร็จที่ได้รับมาตลอดระยะเวลา 6 ปี พิสูจน์ได้จากยอดขายที่เพิ่มขึ้นตลอดของลูกค้าแฟรนไชส์
รูปแบบของคีออสที่เน้นความทันสมัย สะดุดตา
       โดยภาพรวมของแฟรนไชส์ที่ลงทุนกับบริษัทฯ มีอัตราความสำเร็จมากกว่า 80% ปัจจุบันมีสาขากว่า 130 แห่ง ซึ่งมียอดขายวอฟเฟิลในขณะนี้ประมาณ 1 ล้านชิ้นต่อเดือน โดยสาขาส่วนใหญ่ของเราจะอยู่ในตลาดต่างจังหวัดมากกว่า ในกรุงเทพฯ และสาขาในต่างจังหวัดก็จะประสบความสำเร็จมากกว่าในกรุงเทพฯด้วย
      
       “ความสำเร็จส่วนหนึ่งมาจากความใส่ใจในคุณภาพ ที่เราต้องการให้ลูกค้าได้รับสิ่งที่ดี และประกอบกับให้ความสนใจและใส่ใจดูแลแฟรนไชส์ซีของเราได้สามารถแข่งขันและ อยู่ได้ อีกทั้งได้นำประสบการณ์ใหม่มาพัฒนาขนม เพื่อให้มีความหลากหลาย เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภค และเพิ่มรายได้ให้กับลูกค้าแฟรนไชส์ซี”
นายนายสุทธิชัย พนิตนรากุล กก.ผจก. บ. เดอะวอฟเฟิล ซัพพลาย
       และวันนี้ เดอะวอฟเฟิลก็ได้ขยับขยายเข้าใกล้ผู้ซื้อมากขึ้นอีกจากคีออส (Kiosk) ขนาดเล็ก มาเป็นรูปแบบสแตนด์อโลน ที่ห้างซีคอนสแควร์ ‘ร้านเดอะวอฟเฟิล เอ็กซ์พีเรียน (The Waffle experience) โดยร้านเดอะวอฟเฟิล เอ็กซ์พีเรียน นี้เกิดจากความต้องการนำเสนอไอเดีย ในการนำประสบการณ์ใหม่ๆ มาเพิ่มรสชาติให้ขนมวอฟเฟิล มีทางเลือกใหม่กับ 8 รสชาติ ทั้งบลูเบอรี่ ราสเบอรี่ อัลมอนด์ มาร์เบิลสตริป ฯลฯ และมีไอกรีมโยเกิร์ตที่มีทั้งเนื้อไอศกรีม และรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ แม้เปิดบริการได้ไม่ถึงเดือนก็สามารถเพิ่มยอดขายได้ถึงวันละ 10,000 บาท โดยขายดีทุกรส ชาติ
      
       ปัจจุบันตลาดรวมขนมวอฟเฟิลประมาณ 10 กว่าล้านชิ้นต่อปี ขณะที่ขนมวอฟเฟิลอีก 7-8 ยี่ห้อมีส่วนแบ่งตลาดรวมกันที่ 30% แต่แบรนด์เหล่านี้อาจไม่ใช่คู่แข่งโดยตรง ของเดอะวอฟเฟิล โดยตั้งเป้าขยายสาขาให้ได้ 200 สาขาในปีนี้ ซึ่งผู้ที่ซื้อแฟรนไชส์เดอะวอฟเฟิลไปแล้วประสบความสำเร็จ ก็ด้วยตัวแปรสำคัญ คือ ทำเลที่ต้องเข้าถึงลูกค้าได้ง่าย ซึ่งปกติผมจะแนะนำแฟรนไชส์ซี่เสมอๆให้เลือกทำเล ที่มีผู้คนสัญจรไปมาเยอะๆ บริเวณพื้นที่ท่ารถ ท่าเรือ ห้างสรรพสินค้า โดยทำเลที่ดีควรมีคนสัญจรมากกว่า 1,000 คน ในบางครั้งผมก็จะช่วยลูกค้าดูทำเลด้วยว่าเหมาะที่จะเปิดร้านหรือเปล่า
ออกบูทในงานมหกรรมแฟรนไชส์
       สำหรับทำเลในกรุงเทพที่ดีมากๆ มีที่อนุสาวรีย์ชัย แพลทตินัมประตูน้ำ สายใต้ใหม่ หัวลำโพง เซ็นทรัลลาดพร้าว สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส และห้างเดอะมอลล์ เป็นต้น ทั้งนี้หากได้ทำเลที่ดี ก็สามารถสร้างยอดขายได้ถึงหลักหมื่นได้อย่างไม่ยาก ส่วนในต่างจังหวัดทำเลที่ดีส่วนใหญ่จะเป็นที่สถานีขนส่ง ห้างท้องถิ่น และโมเดิร์นเทรด
      
       นายสุทธิชัย กล่าวอีกว่า ล่าสุด เดอะวอฟเฟิลได้ทุ่มงบ 15 ล้านขยายโรงงานแห่งที่สองที่ อ.บางพลี สมุทรปราการ เพื่อเตรียมขยายตลาดไปต่างประเทศ ยกระดับคุณภาพสินค้าตามมาตรฐาน GMP , HACCP และ ฮาลาน โดยจะนำ‘ร้านเดอะวอฟเฟิล เอ็กซ์พีเรียน” The Waffle experience เป็นตัวนำร่องขยายตลาดต่างประเทศ โดยในไตรมาสที่ 2 มีเป้าหมายขยายไปยังประเทศ มาเลเซีย สิงคโปร์ จีน และจอร์แดน เนื่องจากมองว่าตลาดต่างประเทศมีศักยภาพสูง นอกจากนี้มีแผนขยายไปยังตลาดบาเรนห์ และเกาหลีด้วยในอนาคต โดยมีความมั่นใจในเรื่องความพร้อมของวัตถุดิบ ในรูปแบบโฟซเซ่นจากโรงงานผลิตของเราเอง ที่สามารถส่งให้ลูกค้าได้ทั้งในและต่างประเทศ ทั้งนี้จะเริ่มดำเนินการในไตรมาสที่ 2
      
       ผลตอบรับจากลูกค้าในช่วง 6 ปีที่ผ่านมาของวอฟเฟิล คือ ไม่มีเดือนไหนที่เดอะวอฟเฟิลขายน้อยกว่าเดือนก่อน โดยภาพรวมของแฟรนไชส์ซี่ที่ลงทุนกับบริษัทฯ มีอัตราความสำเร็จมากกว่า 80% โดยมีแฟรนไชส์เจ้าของเพียงคนเดียวเปิดร้านเดอะวอฟเฟิล สูงสุดถึง 6 สาขา ความสำเร็จนี้มาจากตัวสินค้าที่มีการพัฒนาความอร่อยไม่หยุดนิ่ง ทำให้สามารถขายตัวเองได้อย่างสบายๆ ล่าสุด เดอะวอฟเฟิล ได้รับเลือกให้เป็น 1 ใน 5 ซุปเปอร์แบรนด์แฟรนไชส์ ที่มียอดขายและการเติบโตทางธุรกิจสูงสุด ในงานมหกรรมแฟรนไชส์สร้างอาชีพ ครั้งที่ 5 ที่ผ่านมา
      
       โทร. 02-748-6608 , 08-1918-0123 www.thewafflesupply.com

Read More...


“เซเว่นฯ” แฟรนไชส์แรงได้อีก เดินเครื่องชูธงร้านเสิร์ฟอิ่มทันใจ

       ยอดแฟรนไชส์ “7-11” โตต่อเนื่อง ปูพรม 5,800 สาขาทั่วประเทศ สัดส่วนแฟรนไชส์กว่า 50% ตั้งเป้าปีหน้าขยายเพิ่ม 500 สาขา ดันสัดส่วนแฟรนไชส์ขึ้น 53% ย้ำกลยุทธ์เปลี่ยนตำแหน่งการตลาดจากร้านสะดวกซื้อสู่บริการร้านอิ่มสะดวก
     
       นางสาวอนิษฐา ธนมิตต์ รองกรรมการผู้จัดการ สำนักแฟรนไชส์ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารแฟรนไชส์ 7-11 (เซเว่น อีเลฟเว่น) เปิดเผยว่า ในปี 2553 นี้ ร้านเซเว่นฯ ทั่วประเทศ มีจำนวนกว่า 5,800 สาขา โดยเป็นสัดส่วนของร้านแฟรนไชส์กว่า 50% หรือประมาณ 2,900 สาขา ขยายตัวประมาณ 3% จากปีที่แล้ว (2552) และเป้าในปีหน้า (2554) คาดว่า สัดส่วนร้านแฟรนไชส์เพิ่มขึ้นเป็น 53% ของสาขาทั้งหมด โดยมีสาขาเพิ่มอีกราว 500 สาขา โดยเป็นสัดส่วนของแฟรนไชส์ ประมาณ 400 สาขา
นางสาวอนิษฐา ธนมิตต์ รองกก.ผจก. สำนักแฟรนไชส์ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน)
       สำหรับกลยุทธ์หลักในปีหน้า เน้นเปลี่ยนตำแหน่งการตลาดของร้านเซเว่นฯ จากร้านสะดวกซื้อให้เป็นร้านอิ่มสะดวกของคนไทย โดยมุ่งเน้นขายอาหารสดพร้อมรับประทาน ซึ่งในอดีตสัดส่วนรายได้ของร้านเซเว่นฯ จากส่วนอาหารเพียง 20% และสินค้าอุปโภคบริโภคต่างๆ 80% แต่ปัจจุบัน สัดส่วนในกลุ่มแรกเพิ่มเป็นกว่า 70% ขณะที่กลุ่มหลังลดเหลือ 30%
     
       “ในปีหน้า เราจะเน้นด้านอาหารสดมากยิ่งขึ้นไปอีก เพื่อเสริมจุดขายนี้ให้ชัดเจน ช่วยให้ไม่ต้องไปแข่งขันกับร้านโชวห่วย หรือมินิมาร์ทรายอื่นๆ โดยบริษัทจะมีระบบสนับสนุนด้านอาหารสดผ่านการจัดอบรมต่างๆ เช่น วิธีบริหารจัดการอาหารสด และมอบนโยบายไปสู่สาขาต่างๆ โดยเฉพาะด้านความสะอาด และคุณภาพมาตรฐาน เพื่อจูงใจให้ลูกค้าอยากเข้ามาหาอาหารกินในร้านเซเว่นฯ” ผู้บริหารเซเว่นฯ เผย
       ทั้งนี้ มั่นใจว่า แฟรนไชส์เซเว่นฯ จะเติบโตตามเป้าหมายอย่างแน่นอน เนื่องจากที่ผ่านมา มีอัตราเติบโตปีละ 3% ต่อเนื่องทุกปี สอดคล้องกับอัตราเติบโตของร้านเซเว่นฯ ทั่วโลกที่ขยายต่อเนื่องเช่นกัน รวมถึง ปัจจุบัน ทางบริษัทฯ ได้ร่วมกับธนาคารไทยพาณิชย์ กสิกรไทย และนครหลวงไทย จัดโครงการสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำ และไม่ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ช่วยให้ผู้สนใจธุรกิจเข้าถึงแหล่งเงินทุนง่ายขึ้น
     
       อีกทั้ง ยังมีปัจจัยเสริมจากทัศนคติของคนรุ่นใหม่ อยากจะเป็นเจ้าของธุรกิจของตัวเองมากขึ้น ซึ่งแบรนด์เซเว่นฯ เป็นแบรนด์ที่อยู่ในใจของคนจำนวนมากอยู่แล้ว และได้รับความเชื่อถือการันตีความสำเร็จ อีกทั้ง สินค้าในร้าน เป็นประเภทอุปโภคบริโภค ซึ่งจำเป็นต่อชีวิตประจำวัน ปัจจัยลบภายนอกจึงกระทบไม่มากนัก
     
       นางสาวอนิษฐา เผยด้วยว่า ในระยะเวลาหนึ่งปี จะมีผู้สนใจขอเปิดร้านแฟรนไชส์เซเว่นฯ เกือบหนึ่งหมื่นราย แต่จะผ่านการคัดเลือกเพียง 5% เท่านั้น โดยหลักพิจารณาอันดับแรก คือ ต้องเป็นผู้มีใจรักงานบริการ ตามด้วยมีความเหมาะสมอื่นๆ ประกอบ เช่น อายุควรมากกว่า 30 ปีขึ้นไป เคยมีประสบการณ์ทำงานจริงมาก่อน เป็นต้น
       ในส่วนการลงทุนนั้น มีให้เลือก TYPE B อยู่ที่ 480,000 บาท รวมค่าค้ำประกันต่างๆ อีก 1,000,000 บาท (ได้รับคืนหลังครบสัญญา) และ TYPE C อยู่ที่ 1,730,000 บาท รวม ค่าค้ำประกันต่างๆ 900,000 บาท (ได้รับคืนหลังครบสัญญา) ซึ่งปัจจุบัน การเปิดร้านแฟรนไชส์เซเว่นฯ แทบทั้งหมดกว่า 95% จะเป็นร้านของบริษัทที่ให้ผู้สนใจ เลือกลงทุนไปดำเนินกิจการต่อ ส่วนการเปิดร้านจากทำเลของผู้ลงทุนเอง มีสัดส่วนเพียง 5% เท่านั้น
     
       ด้านผลตอบแทนของแฟรนไชส์ซี่ แบบ TYPE B ผลตอบแทนจาการบริหาร และกำไรส่วนเพิ่ม เป็นต้น แบบ TYPE C จะมาจากยอดขายหักต้นทุน ซึ่งแฟรนไชส์ซี่จะได้ส่วนแบ่งกำไร 54% บริษัทได้ส่วนแบ่งกำไร 46% โดยเฉลี่ยลูกค้าที่เข้าร้านเซเว่นฯ จะใช้จ่ายประมาณ 40-50 บาทต่อคนต่อครั้งที่เข้าร้าน โดยแต่ละสาขาจะมีรายได้เฉลี่ยอย่างต่ำ 40,000-50,000 บาทต่อวัน อัตราคืนเงินลงทุน เฉลี่ยอยู่ที่ 2-3 ปี ขณะที่อัตราการยกเลิกกิจการของผู้ลงทุนแฟรนไชส์เซเว่นฯ อยู่ที่ประมาณ 10 กว่าเปอร์เซ็นต์ ซึ่งสาเหตุใหญ่มักมาจากความไม่พร้อมส่วนตัวของแฟรนไชส์ซี่ เช่น ไม่มีเวลามาดูแล ขาดทายาทสืบต่อธุรกิจ เป็นต้น
     
       รอง กก.ผจก. เผยต่อว่า แผนสนับสนุนแฟรนไชส์ของบริษัทในปีหน้านั้น ยังคงให้ความสำคัญในการจัดอบรมความรู้ที่จำเป็นแก่แฟรนไชส์ซี่ตลอดทั้งปี และมีทีมปฏิบัติลงพื้นที่เข้าไปดูแลสาขาทุกสัปดาห์ ซึ่งจะทำหน้าที่คอยแนะนำ รวมถึง แจ้งข่าวสารนโยบายจากส่วนกลาง โดยเจ้าหน้าที่ทีมปฏิบัติ 1 คนจะดูแลสาขาแฟรนไชส์ 5 แห่ง ช่วยให้ดูแลได้อย่างใกล้ชิด อีกทั้ง ทางบริษัทจะจัดโปรโมชั่นต่างๆ ต่อเนื่อง เพื่อกระตุ้นยอดขายให้แฟรนไชส์ และมีระบบประกันความเสียหายจากภัยต่างๆ เช่น ถูกโจรกรรม หรือภัยน้ำท่วม ซึ่งแฟรนไชส์ซี่จะได้รับความคุ้มครอง 100% ในกรณีเกิดความเสียหาย
     
       นอกจากนั้น บริษัทได้จัดคัดเลือกแฟรนไชส์ซี่ยอดเยี่ยมประจำปีสาขาต่างๆ โดยพิจารณาจากผลการดำเนินงาน 12 เดือนย้อนหลัง ทั้งด้านผลประกอบการ การบริหาร งานบริการ ฯลฯ เพื่อเป็นกำลังใจ เชิดชูเกียรติ และเป็นตัวอย่างแก่แฟรนไชส์ซี่รายอื่นๆ
นายบุญชัย ศรีสุรเมธีกร เจ้าของแฟรนไชส์ที่ได้รับรางวัลยอดเยี่ยมด้านบริการ
       ด้านนายบุญชัย ศรีสุรเมธีกร เจ้าของแฟรนไชส์เซ เว่นฯ สาขางามวงศ์วาน สาขาทรายทอง และสาขาเคหะประชานิเวศน์ ซึ่งได้รับรางวัลยอดเยี่ยมด้านบริการ เผยว่า การทำธุรกิจแฟรนไชส์เซเว่นฯ จะลำบากที่สุดในช่วงเริ่มต้น ซึ่งจำเป็นต้องเรียนรู้ใหม่ทั้งหมด สิ่งสำคัญต้องพยายามเดินตามนโยบายที่ส่วนกลางกำหนดไว้ให้ได้ ซึ่งหากผ่านช่วงนี้ไปได้ ธุรกิจจะค่อนข้างลงตัว และสุดท้ายระบบต่างๆ จะทำให้ร้านขับเคลื่อนไปได้ด้วยตัวเอง
     
       อย่างไรก็ตาม ปัญหาธุรกิจในการเปิดร้านเซเว่นฯ นั้น เขาระบุว่า เหมือนกับธุรกิจอื่นๆ ทั่วไป คือ ปัญหาจากตัวพนักงาน ดังนั้น เจ้าของแต่ละร้านจะต้องมีวิธีจัดการแตกต่างกันไป ให้เหมาะสมต่อร้านตัวเอง ส่วนข้อแนะนำในการเลือกทำเลเปิดร้านเซเว่น อันดับแรกควรอยู่ใกล้ที่พัก เพื่อสะดวกในการเดินทาง สามารถมาดูแลได้อย่างใกล้ชิดตลอดเวลา และควรพิจารณาทำเลจากศักยภาพการเติบโตในอนาคตมากกว่าแค่พิจารณาจากยอดขายใน ปัจจุบันเท่านั้น



TYPE B
      
TYPE C
      
       - ข้อมูลโดยเฉลี่ยแต่ละสาขาจะมีรายได้อย่างต่ำ 40,000-50,000 บาทต่อวัน
     
       - อัตราคืนเงินลงทุน เฉลี่ยอยู่ที่ 2-3 ปี (แล้วแต่ทำเล)
     
       - อัตราการยกเลิกกิจการของผู้ลงทุนแฟรนไชส์เซเว่นฯ อยู่ที่ประมาณ 10%+

ครอบครัวแฟรนไชส์เซเว่น อีเลฟเว่น จากรุ่นสู่รุ่น
       หากย้อนกลับไปเมื่อ 20 ปีที่แล้ว หลายคนคงจะจำกันได้ถึงร้านสะดวกซื้อรูปแบบดูทันสมัย เปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง ซึ่งจะเป็นร้านอะไรไปไม่ได้นอกจากร้านสะดวกซื้อ “เซเว่น อีเลฟเว่น” ที่จนถึงวันนี้แบรนด์ได้ติดตลาด ทุกเพศทุกวัยได้มีโอกาสเข้าใช้บริการ หรือฝากท้องยามหิว ภายใต้คอนเซ็ปต์ล่าสุด “หิวเมื่อไหร่ก็แวะมา” รวมถึงยังเป็นต้นแบบธุรกิจแฟรนไชส์ อันดับต้นๆ ของเมืองไทย ที่ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม
       

       มาวันนี้แฟรนไชส์ร้านเซเว่นฯ สาขาแรก ก็ยังดำเนินธุรกิจได้อย่างมั่นคง ไม่แพ้สาขาที่ทางบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ลงทุนเอง รวมกว่า 18 ปีแล้ว ที่เจ้าของร้านโชวห่วยเล็กๆ แต่มีวิสัยทัศน์กว้างไกล ที่ต้องการจะปรับปรุงร้านให้ดูทันสมัย แข่งขันกับผู้ประกอบการรายอื่นได้ ตัดสินใจขอร่วมธุรกิจแฟรนไชส์ ด้วยเงินลงทุนในยุคนั้นประมาณ 3 ล้านบาท
บรรยากาศหน้าร้านแฟรนไชส์เซเว่นฯ สาขาแรกในประเทศไทย ตั้งอยู่ที่ซอยเพชรบุรี 5
       บุญมี บุญยิ่งสถิตย์ หรือ เฮียมิ้ง เจ้าของแฟรนไชส์เซเว่น อีเลฟเว่น ตั้งแต่ปี พ.ศ.2534 เล่าว่า อดีตตนเองเป็นเจ้าของกิจการร้านโชวห่วยในซอยเพชรบุรี 5 ซึ่งเป็นแหล่งชุมชนมีผู้คนพลุกพล่าน ซึ่งกิจการก็ค่อนไปข้างไปได้ดี แต่ด้วยธรรมชาติของร้านโชวห่วยที่เจ้าของต้องขายของเองคนเดียว ต้องอยู่เฝ้าร้านตลอดเวลา เพราะหากปิดร้านก็ขาดรายได้ไปอย่างน่าเสียดาย ส่วนสินค้าที่จัดวางก็ไม่ได้จัดเป็นหมวดหมู่ ดั้งนั้นการที่ลูกค้าต้องการสินค้าอะไร ก็ต้องผ่านมามือเจ้าของร้านเองทั้งหมด ซึ่งเฮียมิ้งบอกว่า พฤติกรรมดังกล่าวสุดท้ายแล้วก็ดูคล้ายกับ “ปู่โสมเฝ้าทรัพย์” ซึ่งยอมรับว่าเหนื่อยเหมือนกัน
       จนกระทั่งมีร้านมินิมาร์ท มาเปิดใกล้กับร้านโชวห่วย ซึ่งเป็นการดำเนินธุรกิจในแบบของพี่น้องที่ร่วมกันทำ ทั้งๆ ที่ไม่เคยทำธุรกิจเกี่ยวกับร้านโชวห่วยมาก่อน ก็ได้รับความสนใจจากคนในละแวกนั้นเป็นอย่างมาก ด้วยรูปลักษณ์ที่เป็นร้านกระจก สะอาดสะอ้าน และจัดวางสินค้าได้อย่างเป็นระเบียบ
ครอบครัวทายาทธุรกิจพร้อมสานงานต่อ
       “ในช่วงที่ร้านเรามีคู่แข่ง ก็มีบริษัทฯ ซีพี เข้ามาติดต่อขอเซ้งร้าน แต่ยังไม่ได้แสดงตัว เพียงถามแค่ว่าทำร้านแบบนี้เหนื่อยไหม ซึ่งก็ตรงกับความคิดของเราที่ต้องการจะปรับปรุงพอดี เช่น ติดกระจก ติดแอร์ และมีเครื่องคิดเงินที่สะดวกรวดเร็ว แต่คงต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ เนื่องจากขาดประสบการณ์ และเป็นเรื่องที่ไกลตัวเกินไป สุดท้ายจึงตัดสินใจให้ทางบริษัทซีพี เซ้งร้านไป ในวงเงิน 10 ล้านบาท ซึ่งครอบครัวผมต้องย้ายออกไปภายใน 3 เดือน ซึ่งเมื่อเวลานั้นใกล้มาถึงจริงๆ สมาชิกในครอบครัวรู้สึกใจหาย ซึ่งภรรยาบอกว่าจริงๆ แล้วไม่อยากไปจากที่นี่ ผมจึงขอยกเลิกสัญญาโดยเสียค่าปรับไปประมาณ 50,000 บาท แต่วงจรชีวิตก็กลับมาในรูปแบบเดิมๆ คือ ยุ่งๆ เหนื่อยๆ สุดท้ายจึงตัดสินใจติดต่อเข้าไปที่บริษัทฯ อีกครั้ง เพื่อขอซื้อแฟรนไชส์ ทั้งๆ ที่ในช่วงนั้นทางซีพี ยังไม่ได้เปิดขายแฟรนไชส์ แต่ด้วยโมเดลธุรกิจร้านเซเว่นกว่า 27 สาขา ก็ถือว่าระบบส่วนใหญ่พร้อมแล้วสำหรับการรองรับธุรกิจในรูปแบบแฟรนไชส์ จนก่อเกิดเป็นร้านเซเว่น อีเลฟเว่น รหัส 0028 เพชรบุรี 5 ขึ้น”
บรรยากาศภายในร้าน
       เมื่อแฟรนไชส์สาขาแรกเกิดขึ้น โดยมีเฮียมิ้งเป็นเจ้าของ ด้วยเงินลงทุน 3 ล้านบาท กลับกลายว่าความเหนื่อยจะลดน้อยลง ด้วยระบบที่ทันสมัย และพนักงานที่ได้รับการฝึกมาเป็นอย่างดี รวมถึงมีเจ้าหน้าที่จากทางบริษัทฯ เข้าไปดูแลและให้คำปรึกษาอยู่ตลอดเวลา แต่เฮียมิ้งกลับ ยอมรับว่าในช่วง 3 เดือนแรก เหนื่อยมาก เหนื่อยกว่าตอนทำร้านโชวห่วยอีก ถึงขนาดเคยคิดว่าเลือกทางผิดหรือเปล่า จาก การที่ร้านต้องเปิดขายตลอด 24 ชั่วโมง จ้างพนักงาน ต้องเอาเงินไปจมกับสต็อกสินค้ากว่า 6 แสนบาท ในขณะที่มูลค่าสินค้าที่จัดวางภายในร้านประมาณ 4 แสนบาท
"รับขนมจีบ ซาลาเปาเพิ่มไหมคะ"
       ปัจจุบันเฮียมิ้งได้ขยายสาขาแฟรนไชส์รวม 3 สาขาแล้ว โดยอาศัยกำไรที่ได้รับจากการบริหารสาขาแรกมาต่อยอด และล่าสุดได้ให้ลูกชาย และลูกสะใภ้ สานต่อกิจการนี้ คือนายสาธิต หรือ ฮุย ทายาทธุรกิจที่มารับช่วงต่อ แม้ว่าตนเองจะเรียนจบมาทางด้านคอมพิวเตอร์ แต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคในการบริหารร้าน เนื่องจากคลุกคลีมากับร้านเซเว่น มาตั้งแต่เด็กๆ ทั้งจากร้านของตัวเอง และร้านที่ทางบริษัทซีพีลงทุนเอง
      
       “ผมอาศัยความคุ้นเคยตั้งแต่เด็ก ที่ตอนทางบ้านยังไม่ได้เปิดร้านเซเว่น ก็มักจะไปอุดหนุนสเลอปี้ (Slurpy) อยู่บ่อยๆ และเมื่อรู้ว่าที่บ้านจะเปิดเป็นร้านเซเว่นเอง ก็รู้สึกดีใจ และพร้อมที่จะช่วยคุณพ่อดูแลร้านนี้อย่างเต็มที่ ซึ่งสิ่งที่ต้องเรียนรู้เพิ่มเติมคือระบบ ที่ช่วงหลังมีการนำบาร์โค้ดเข้ามาใช้ รวมถึงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ แต่ทางบริษัทฯ ก็จัดให้มีการอบรมให้เป็นเรื่องง่ายขึ้น”
      
       อย่างไรก็ตามแผนการขยายสาขาต่อๆ ไป คงจะเป็นหน้าที่ของทายาทธุรกิจที่ต้องสานต่อ ซึ่งขณะนี้ได้มีการเตรียมความในเรื่องของบุคคลากรและมาตรฐานการบริการที่ดี โดยคาดว่าภายในปีหน้าจะเห็นร้านเซเว่น ของครอบครัว “บุญยิ่งสถิตย์” เพิ่มอีก 1-2 สาขา

Read More...


ไก่ย่างห้าดาว ขยาย 5 ธุรกิจ เจาะตลาดปั้นแฟรนไชส์เถ้าแก่เล็ก

นายสถิตย์ สังขนฤบดี รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส
       “อย่าลืมแวะซื้อไก่ย่างห้าดาวก่อนกลับบ้าน” ประโยค นี้เคยปรากฏในภาพยนตร์โฆษณาเมื่อ 25 ปีที่แล้ว ทำให้ภาพไก่ย่างที่หมุนอยู่ในตู้กระจกกลายเป็นที่รู้จักของคนทั่วไป และอดที่จะลิ้มลองไม่ได้ มาวันนี้ธุรกิจห้าดาว ได้แตกสาขาไปอีก 4 ธุรกิจ เพิ่มทางเลือกให้เถ้าแก่ใหม่ด้วยเงินลงทุนสบายกระเป๋า เริ่มต้นแค่ 15,000 บาท
แฟรนไชส์ไก่ทอด
       ธุรกิจไก่ย่างห้าดาวที่เห็นกันอยู่ดาษดื่น ที่แม้จะเป็นเพียงธุรกิจเล็กๆ ขยายสาขาแบบค่อยเป็นค่อยไป กระจายทั่วประเทศรวมกว่า 2,000 สาขา ใครจะคิดว่าการเติบโตอย่างเงียบๆ จะสร้างเถ้าแก่น้อยขึ้นมากมาย ทำให้ บริษัท ซีพีเอฟ ผลิตภัณฑ์อาหาร จำกัด แตกไลน์ธุรกิจอาหารในลักษณะใกล้เคียงกันอีก 4 ธุรกิจหวังเพิ่มทางเลือกให้ลูกค้า แต่ยังคงคอนเซ็ปต์ผลิตภัณฑ์อาหารเปี่ยมคุณภาพ มากไปด้วยความคุ้มค่าเช่นเดิม ได้แก่ ไก่ทอดห้าดาว ข้าวมันไก่ห้าดาว บะหมี่เกี๊ยวกุ้ง และเรดดี้ มีล (Ready Meal)
ไก่ย่างห้าดาว
       นายสถิตย์ สังขนฤบดี รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส เล่าว่า ธุรกิจไก่ย่าง 5 ดาว เป็นธุรกิจแรกที่ทางบริษัทฯ เพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ไก่สด โดยในช่วง 15 ปีแรก คีออสไก่ย่าง 5 ดาว ทางบริษัทฯ เป็นผู้ลงทุนเองทั้งหมด จ้างพนักงานขาย แต่สุดท้ายคอนเซ็บต์นั้นไม่ประสบความสำเร็จ เนื่องจากพนักงานไม่มีแรงจูงใจในการขายมากนัก ดังนั้นจึงต้องปรับกลยุทธ์ใหม่ โดยได้นำระบบแฟรนไชส์เข้ามาใช้ ด้วยเงินลงทุนเพียง 15,000 บาทเท่านั้น แบ่ง เป็นค่าเงินประกัน 3,000 และค่าเช่าอุปกรณ์ กับเงินทุนหมุนเวียนอีก 12,000 บาท ทั้งที่ต้นทุนแท้จริงในการลงทุนธุรกิจนี้อยู่ที่หลักแสนบาท โดยเฉพาะค่าตู้ย่างไก่ ซึ่งอุปกรณ์เหล่านี้ทางบริษัทฯ จะให้ยืมทั้งหมด เมื่อเลิกกิจการก็ต้องส่งคืน แต่ผู้ลงทุนจะได้รับเงินประกันคืน 3,000 บาท หากอุปกรณ์ไม่เสียหาย ซึ่งเงินและเงื่อนไขดังกล่าวได้ถูกนำมาใช้กับธุรกิจไก่ทอดห้าดาว และข้าวมันไก่ห้าดาว ด้วยเช่นกัน ส่วนธุรกิจบะหมี่เกี๊ยว ลงทุน 25,000 บาท ขณะที่ธุรกิจเรดดี้ มีล ลงทุน 20,000 บาท
ไก่ทอดน่ารับประทาน
       “การที่บริษัทฯ ไม่ได้กำหนดราคาแฟรนไชส์มากนัก เพราะต้องการสร้างอาชีพให้คนไทย มีรายได้เลี้ยงครอบครัว ซึ่งเงินลงทุนเริ่มต้นที่ 15,000 บาท ถือว่าเหมาะสม อัตราการคืนทุนโดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 1 เดือน แต่ต้องหลังบริษัทฯ ไปสำรวจทำเล และทำการวิจัยจำนวนคนที่อาศัยหรือทำงานอยู่ในย่านนั้นก่อน เมื่อเห็นว่าคุ้มค่ากับการลงทุน จึงจะให้แฟรนไชส์ซีลงทุนในพื้นที่นั้นได้ ซึ่งการวิจัยนี้ ทำให้แฟรนไชส์ซีประสบความสำเร็จมาแล้วหลายราย”
ไก่ทอดสูตรสไปซี่
       จากเงินลงทุนที่ไม่สูงมากนัก ส่งผลให้ปัจจุบันไก่ย่างห้าดาวมีจุดขาย 2,210 แห่ง ไก่ทอดห้าดาว 1,000 จุดขาย ข้าวมันไก่ห้าดาว 200 จุดขาย บะหมี่เกี๊ยว 100 จุดขาย และเรดดี้ มีล 40 จุดขาย โดยในปี 2554 บริษัทฯ ตั้งเป้าขยายธุรกิจในแบรนด์ห้าดาวรวม 4,600 จุดขาย พร้อมคลอดธุรกิจน้องใหม่อีก 1 แบรนด์ คือ ไส้กรอกห้าดาว เอาใจคนรักไส้กรอกหลากสไตล์โดยเฉพาะ
ข้าวมันไก่สองสี
       “ทั้ง 5 ธุรกิจในแบรนด์ห้าดาวที่มีอยู่ในปัจจุบัน เชื่อว่าตัวเลขในเรื่องของจำนวนสาขาจะขยับขึ้นทุกธุรกิจ แต่อาจจะไม่เท่ากัน ผมมมองว่าอนาคตจำนวนจุดขายของไก่ย่างจะลดลงเนื่องจากครองตลาดมา 25 ปีแล้ว แต่ไก่ทอดห้าดาว จะเพิ่มใน 2-3 ปีนี้ หากมองภายในอีก 10 ปีข้างหน้า บะหมี่เกี๊ยว จะเป็นธุรกิจที่มาแรงและมีจำนวนจุดขายแซงไก่ย่างห้าดาวเพราะเป็นอาหารที่ผู้ บริโภคสามารถรับประทานได้ถี่กว่าการรับประทานไก่ย่างหรือไก่ทอด ส่วนเรดดี้ มีล อาจจะค่อยๆ เติบโต ตามทำเลย่านสถานศึกษา และแหล่งชุมชน ที่ต้องการความเร่งรีบและสะดวกในการรับประทานอาหาร”
บะหมี่เกี๊ยวหมูแดงห้าดาว
       การยืนหยัดของธุรกิจไก่ย่างห้าดาวที่ครองตลาดมาได้นาน 25 ปี แถมยังแตกไลน์เป็นธุรกิจอื่นภายใต้แบรนด์ห้าดาว จะอาศัยการบริหารงานจัดการระบบที่ดีเพียงอย่างเดียวคงไม่ได้ คุณภาพสินค้าก็ถือเป็นสิ่งสำคัญเช่นเดียวกัน วัตถุดิบเป็นหัวใจหลักที่ทำให้สินค้าขายตัวเองได้ จากคุณภาพ ของวัตถุดิบทุกชนิดในแบรนด์ห้าดาว ล้วนถูกส่งมาจากโรงงานผลิตมาตรฐานระดับสากล ของบริษัทซีพี เริ่มจากผลิตภัณฑ์ไก่ย่าง ไก่ทอด และข้าวมันไก่ เป็นไก่สดที่เลี้ยงในฟาร์มระบบปิด สะอาด ปลอดภัย และปลอดสารที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย ส่วนบะหมี่เกี๋ยวกุ้ง ใช้กุ้งทั้งตัวห่อด้วยแผ่นเกี๊ยวสด ในขณะที่บะหมี่ จะเป็นบะหมี่ไข่สด ไม่ใส่วัตถุดิบกันเสีย ดังนั้นบะหมี่ต้องแช่เย็นตลอดเวลา ก่อนทำมาลวก ส่วนเรดดี้ มีล เป็นอาหารพร้อมรับประทาน ใช้เวลาปรุงไม่นาน ปรุงร้อน ณ จุดขาย เช่น ข้าวผัดปู ข้าวไก่คาราเกะ ข้าวสเต็กไก่เผ็ด และข้าวสเต็กไก่ซอสญี่ปุ่น เป็นต้น
ข้าวไก่คาราเกะ กับแฟรนไชส์เรดดี้ มีล
       25 ปี สำหรับการครองตลาด ถือเป็นตัวเลขที่น่าสนใจที่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีน้องใหม่ควรศึกษากลยุทธ์ เพื่อใช้เป็นแนวทางในการสร้างธุรกิจของตนให้ยั่งยืน โดยนายสถิตย์ กล่าวว่า แนวคิดในการบริหารธุรกิจอย่างยั่งยืนของแบรนด์ห้าดาว จะเน้นการดำเนินธุรกิจร่วมกันของทั้ง 2 ฝ่าย คำนึงถึงผลประโยชน์ที่คุ้มค่าทั้งผู้ผลิตและแฟรนไชซี หวังให้เถ้าแก่เล็ก ต้องประสบความสำเร็จ ยึดเป็นอาชีพหลักมีรายได้หล่อเลี้ยงครอบครัว ในขณะที่แฟรนไชซอว์ ต้องสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง เลือกใช้วัตถุดิบเกรดเอ ขายในราคาไม่แพง โดยไม่ได้เน้นที่กำไรเป็นสำคัญ
ข้าวไก่คาราเกะ กับแฟรนไชส์เรดดี้ มีล
       ***ผู้สนใจเป็นเจ้าของธุรกิจ แบรนด์ห้าดาวสามารถติดต่อตามเบอร์ที่ระบุไว้ ณ ตู้ขายนั้นๆ ได้ หรือติดต่อเบอร์กลางโทร.0-2746-9678-80 หรือที่ www.5dao.co.th***

Read More...




----------------

ปรับปรุง
รายการบทความทั้งหมด



การบำรุงรักษารถยนต์เบื้องต้น



ร้านค้าเคลื่อนที่ ใช้ รถบรรทุกขนาดเล็กมาดัดแปลง



รวมบทความอาชีพ เสริม หลากไอเดียวิธีหารายได้เสริม



รวมบทความงานฝีมือ-สิ่งประดิษฐ์ รายได้เสริม



ทองม้วน thong muan ; rolled wafer





MASK รุ่นสายคล้องคอ







MASK รุ่นสายคล้องคอ. ��รุ่นนี้เป็นที่นิยมใช้กันมาก #ขายดีมาก
ทำจากผ้าคอตตอนแท้ 100%  ไม่ผสม เนื้อผ้านุ่ม 
3 ชั้น. สวมใส่พอดีกับใบหน้า ไม่เจ็บหู มีสายคล้องคอปรับได้
เวลาถอดออก ไม่ต้องกลัวลืม เพราะถอดแล้วคล้องคอไว้ได้
บรรจุในถุงซิปฟรอย์อย่างดี
ราคาชิ้นละ. 59. บาท. ไม่รวมส่ง 
มีหลายสีให้เลือกนะคะ   สนใจทักแชทขอดูสีผ้าได้นะคะ
หน่วยงาน บริษัท ห้างร้าน หรือ สนใจสั่งไปจำหน่าย 
มีเรทราคาส่งค่ะ

-> id line : noeyhorm_06
#มีวางจำหน่ายหน้าร้านชานมไต้หวันมาราชาสาขาจรัญ44


ร้านมาราชาชานมไข่มุก สาขาจรัญสนิทวงศ์ 44
● รับบัตรสะสมครบ 10 แก้ว แลกรับฟรี 1 แก้ว
● สั่งเดลิเวอรีผ่าน LINE MAN, Foodpanda ,GET ...ถึงมือปั๊บพร้อมดื่มปุ๊บ!
● อัพเดทโปรโมชั่นใหม่ๆ รสชาติใหม่ ตลอดเวลา
● มีเมนูให้เลือก 40 กว่าเมนู : https://bit.ly/2Z9iqV0






























































เลือกช่องทางติดต่อและรับข่าวสารบริการหลังการขาย
ฟอร์ด พลปิยะอยุธยาและฟอร์ด พลปิยะวังน้อย

--------------------------------------------------------------------------------------------
แคมเปญ-โปรโมทชั่น อะไหล่ฟอร์ด อัพเดททางออนไลน์และปรับปรุงข้อมูลออนไลน์
อะไหล่ฟอร์ด อะไหล่รถฟอร์ด อะไหล่รถยนต์ฟอร์ด อะไหล่ฟอร์ดแท้ ร้านขายอะไหล่รถฟอร์ด ขายอะไหล่รถฟอร์ด อะไหล่ฟอร์ด
 
Option

รวมบทความอาชีพเสริม หลากไอเดียวิธีหารายได้เสริม หาอาชีพเสริมอิสระทำเงิน สร้างอาชีพอิสระงานฝีมือ แนะนำการสร้างรายได้เสริมทำเงินด้วยการขายสินค้าหรือขายของเป็นอาชีพเสริม อิสระงานฝีมือ แนะแนวธุรกิจ อาชีพเสริม อาชีพแก้จน อยากจะมีรายได้เสริมนอกเหนือจากงานประจำ บล๊อกจัดทำขึ้นเป็นวิทยาทานเพื่อเผยแผ่ความรู้อันจะเป็นไปเพื่อบุญกุศล ขอให้ทุกท่านที่มีส่วนร่วมในบทความของบล๊อกนี้ จงได้รับอานิสงฆ์ด้วยเทอญ.