สูตรขนม สูตรอาหาร อาชีพรายได้เสริม ประกาศฟรี โฆษณาฟรี Career Articles Extra Income
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

Drop Down MenusCSS Drop Down MenuPure CSS Dropdown Menu

“เตี๋ยวเรือบางกร่าง (ลุงกี้)” รสเด็ดดี แซบโดนใจ


โต๊ะนั่งสบายๆ ภายในร้าน “เตี๋ยวเรือบางกร่าง (ลุงกี้)”
       มื้อนี้ “ผ่านมาแวะกิน” อยากจะชักชวนแฟนๆ นักกินที่พิสมัยการกินก๋วยเตี๋ยวเรือ เดินทางไปกินก๋วยเตี๋ยวเรือรสเด็ด อันแสนจะแซบถูกปากโดนใจ กันที่ร้าน “เตี๋ยวเรือบางกร่าง (ลุงกี้)” เป็น ร้านก๋วยเตี๋ยวเรือเล็กๆ ที่มีลูกค้ามาอุดหนุนอย่างมากมาย เพราะล้วนแต่ติดใจในรสชาติก๋วยเตี่ยวเรือของที่นี่ที่มีน้ำซุปอันเข้มข้นและ หอมหวนชวนกิน บวกกับมีเนื้อหมู เนื้อวัว ที่ผ่านการหมักข้ามคืนอย่างนุ่มลิ้น แถมยังปรุงรสชาติมาแบบแซบปากโดยไม่ต้องปรุงเครื่องเพิ่มเลย
คุณวินัย ด้วงเอี่ยม (ลุงกี้) เจ้าของร้านอารมณ์ดี
       “เตี๋ยวเรือบางกร่าง (ลุงกี้)” มีเจ้าของร้านที่แสนจะอารมณ์ดีนามว่า “ลุงกี้” วินัย ด้วงเอี่ยม ซึ่ง เปิดขายก๋วยเตี๋ยวเรือมานานกว่า 13 ปี เป็นก๋วยเตี๋ยวเรือสไตล์อยุธยา ที่ลุงกี้ได้ปรับปรุงน้ำซุปเป็นสูตรสไตล์เฉพาะของทางร้าน มีการผสมผสานเครื่องเทศสมุนไพรทั้งไทยและจีนลงไปด้วย แล้วใช้เวลาในการเคี่ยวน้ำซุปนานกว่า 3 ชม. ได้เป็นน้ำซุปที่มีรสชาติของน้ำต้มกระดูกที่หวาน แล้วได้กลิ่นหอมจากเครื่องเทศสมุนไพร ซึ่งน้ำซุปก๋วยเตี๋ยวเรือที่นี่จะมีทั้งแบบน้ำใส น้ำข้น(รสชาติเหมือนน้ำตกแต่ไม่ใส่เลือด) และน้ำตก (ใส่เลือด) ซึ่งน้ำซุปของที่นี่มีทั้งน้ำซุปที่ต้มจากกระดูกหมู และน้ำซุปที่ต้มจากกระดูกวัว ซึ่งมีการแยกหม้ออย่างชัดเจน และแยกภาชนะที่ใส่เนื้อหมู เนื้อวัว อย่างชัดเจนด้วย
เส้นหมี่น้ำตกเนื้อ
       สำหรับเส้นก๋วยเตี๋ยวก็มีให้เลือกทั้งเส้นเล็ก เส้นหมี่ขาว บะหมี่เหลือง เส้นใหญ่ วุ้นเส้น ก๋วยเตี่ยวเรือก็ให้เลือกสั่งมาลองลิ้มมากมาย อย่างก๋วยเตี๋ยวเรือเส้นเล็กแห้งหมู (เล็ก 11 บาท ใหญ่ 20 บาท จัมโบ้ 30 บาท) ที่จะใส่พริกป่น น้ำส้ม น้ำปลา และถั่วป่น เรียกว่าปรุงรสมาให้เสร็จสรรพ มาถึงก็กินได้เลย (ถ้าไม่กินเผ็ดบอกไม่ใส่พริกได้) ในชามมีเครื่องหลายอย่าง มีเนื้อหมู หมูสับ ตับหมู ที่กินแล้วนุ่มลิ้นมากเพราะผ่านการหมักข้ามคืน มีหมูตุ๋นที่เปื่อยนุ่ม เพราะตุ๋นกับเครื่องเทศต่างๆ นานกว่า 3 ชม. มีลูกชิ้นหมูเคี้ยวนุ่มเด้งปาก
เส้นเล็กแห้งหมู
       กินแห้งไปแล้วมากินน้ำบ้าง เป็นก๋วยเตี๋ยวเรือเส้นหมี่น้ำตกเนื้อ (เล็ก 11 บาท ใหญ่ 20 บาท จัมโบ้ 30 บาท) ในชามมีเนื้อสดที่เคี้ยวหนึบหนับปากไม่มีความคาวอยู่เลย เพราะหมักกับเครื่องเทศทิ้งไว้1คืน มีเนื้อเปื่อย ที่เคี้ยวเปื่อยนุ่มลิ้นมากๆ เพราะลงตุ๋นในน้ำซุปนานเป็นวัน มีเอ็นแก้วเคี้ยวกรึบปาก ตับวัวเคี้ยวนุ่ม และลูกชิ้นวัวเคี้ยวเด้ง พร้อมกับซดน้ำซุปที่เข้มข้นมากๆ ได้รสชาติและกลิ่นของเครื่องเทศสมุนไพรต่างๆ หอมขึ้นจมูก และที่สำคัญไม่ต้องปรุงเครื่องเพิ่มเลย เพราะทางร้านปรุงมาให้แล้วเสร็จสรรพเช่นกัน
เส้นเล็กน้ำตกหมู
       แล้วนอกจากก๋วยเตี๋ยวเรือรสแซบแล้ว ที่ร้านยังมีขนมหวาน ราคา ถ้วยละ 12 บาท อย่างน้ำแข็งใสกะทิ ที่ใช้กะทิสดๆ ส่วนเครื่องก็มีลอดช่อง เผือก แตงไทย ข้าวเหนียวดำ ส่วนน้ำแข็งใสน้ำแดง เครื่องมีให้เลือกทั้ง ขนมปัง ลูกชิด ข้าวโพด วุ้นมะพร้าว ให้กินล้างปากแบบอร่อยหอมหวานชื่นใจ
บะหมี่แห้งเนื้อ
       และมื้อนี้ “ผ่านมาแวะกิน” ก็ได้อิ่มกับก๋วยเตี๋ยวเรือรส เด็ดแบบอิ่มหนำ ซึ่งหากใครอยากจะลองลิ้มก๋วยเต่ยวเรือรสแซบแบบนี้บ้าง ก็ไม่ยากแค่ขับรถออกจากบ้านตรงมาที่ร้าน “เตี๋ยวเรือบางกร่าง (ลุงกี้)” เป็นได้แซบแบบโดนใจ
หวานเย็นชวนกิน


     
       “เตี่ยวเรือบางกร่าง (ลุงกี้)” ตั้งอยู่ที่ 115/3 หมู่ 3 ต.บางไผ่ อ.เมือง จ.นนทบุรี การเดินทางถ้ามาจากแยกแคราย มุ่งหน้าไปทางสะพานพระราม 5 ข้ามสะพานพระราม 5 แล้วชิดซ้ายออกคู่ขนาน ตรงมาเรื่อยๆ จะเห็นร้านเตี๋ยวเรือบางกร่าง (ลุงกี้) อยู่ซ้ายมือ (อยู่ก่อนถึงเซเว่นอีเลฟเว่น) จอดรถได้ริมถนน เปิดทุกวัน เวลา 09.00-17.00 น. ทางร้านรับจัดงานนอกสถานที่ด้วย โทร. 08-9769-7566, 08-4097-6127

credit :  โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

Read More...


“แซ่บวัน” รสแซ่บอีสาน จัดจ้านถึงใจ

บรรยากาศร้านแซ่บวัน

       อาหารรสชาติจัดจ้านนั้น เป็นที่น่าลิ้มลองอยู่เสมอ โดยเฉพาะอาหารอีสานที่รสชาติแซ่บ จัดจ้านถึงใจ ก็เป็นที่นิยมอยู่อย่างไม่เสื่อมคลาย “ผ่านมาแวะกิน” เองก็ไม่พลาดที่จะไปลองชิมอยู่เสมอๆ จนในครั้งนี้ได้รับคำเชิญชวนจากเพื่อนฝูงให้ไปกันที่ร้าน “แซ่บวัน” ในย่านรัชดาภิเษก แน่นอนว่าเราก็คงไม่พลาดเหมือนเช่นเดิม

คุณสุนทรี แสงพล เจ้าของร้าน

       ร้าน “แซ่บวัน” เปิดให้ได้มาลิ้มรสจัดจ้านกันกว่า 10 ปีแล้ว โดยคุณสุนทรี แสงพล เจ้าของร้าน เล่าว่า อาหารอีสานของร้านนี้เป็นสูตรของจังหวัดยโสธร ที่จะเน้นรสชาติจัดจ้านเป็นหลัก ใช้วัตถุดิบคุณภาพดี แต่ขายในราคามิตรภาพ เพื่อให้ลูกค้าสามารถแวะเวียนมากันได้บ่อยๆ เราเองเมื่อได้เข้ามาที่ร้านแล้วก็ต้องรีบจับจองโต๊ะที่นั่งทันที เพราะที่นี่จะมีลูกค้าเวียนเข้าออกกันตลอดเวลาไม่ขาดสาย


ตำซั่ว

       เห็นอาหารมาส่งที่โต๊ะข้างๆ แล้วก็เริ่มอยากกินขึ้นมาบ้าง เราเลยสั่ง ตำซั่ว (40 บาท) ซึ่งเป็นเมนูขึ้นชื่อของร้าน จานนี้ใช้มะละกอมาตำกับขนมจีน ปรุงรสให้แซ่บถึงใจ เสร็จสรรพแล้วโรยหน้าด้วยถั่วงอกและกากหมูกรอบๆ จานนี้ทั้งหอม มัน กรอบ ทั้งแซ่บทั้งนัว


ส้มตำปูปลาร้า

       เมนูถัดไปขอเป็นส้มตำอีกจาน ส้มตำปูปลาร้า (40 บาท) จานนี้ใช้ปูเค็มอย่างดี และน้ำปลาร้าต้มสุก ตำใส่กับมะละกอ และมะเขือเทศ จานนี้ทั้งเผ็ด เค็ม เปรี้ยว จัดจ้านเข้ารส แต่หากว่าใครไม่กินเผ็ด ก็สามารถบอกทางร้านได้เลยไม่ต้องเกรงใจ


ปลาช่อนน้ำตก

       ต่อด้วย ปลาช่อนน้ำตก (120 บาท) ใช้ปลาช่อนตัวขนาดพอเหมาะมาทอดให้กรอบ แล้วราดด้วยเครื่องน้ำตกที่มีข้าวคั่ว พริกสด พริกแห้ง โหระพา ปรุงรสแล้วราดตัวปลา โรยหน้าด้วยถั่วลิสงคั่วเพิ่มความมัน ชิมแล้วเนื้อปลากรอบนอกนุ่มใน น้ำยำกลมกล่อม ไม่เผ็ดมาก กินคู่กับบรรดาผักสดต่างๆ ก็ยิ่งเข้ากัน


ไก่ย่าง (บน) คอหมูย่าง (ล่าง)

       แล้วมาชิม ไก่ย่าง (ครึ่งตัว 80 บาท ทั้งตัว 150 บาท) ที่คัดมาเป็นพิเศษ หมักกับเครื่องเทศหลากชนิดและนมสดเพิ่มความนุ่ม นำไปย่างในเตาอบสแตนเลส ได้ไก่ย่างที่เนื้อนุ่มชุ่มฉ่ำ หอมฟุ้งน่ากิน เสิร์ฟพร้อมกับน้ำจิ้มแจ่วที่ทำจากน้ำมะขาม ออกสามรส และน้ำจิ้มแจ่วนี้ยังกินคู่กับ คอหมูย่าง (50 บาท) ที่ใช้คอหมูมาหมักแล้วย่างในเตาอบเช่นเดียวกัน ได้เนื้อที่เค็มๆ หวานๆ นุ่มไม่เหนียว


ลาบหมู

       ลาบหมู (50 บาท) จานนี้ก็อร่อยไม่แพ้ใคร ใส่มาทั้งหมูบด หนังหมู และตับหมู ที่ปรุงเครื่องลาบได้ถึงใจ ทั้งเปรี้ยว เค็ม เผ็ด หอมกลิ่นข้าวคั่ว แต่ถ้าใครไม่ชอบหนังหมู หรือตับหมู ก็บอกทางร้านได้
     
       ตบท้ายด้วยซุปร้อนๆ ต้มแซ่บกระดูกอ่อน (50 บาท) ถ้วยนี้ใช้กระดูกอ่อนมาเคี่ยวจนเปื่อย แล้วนำมาต้มกับเครื่องต้มแซ่บทั้งหลาย ปรุงรสกันถ้วยต่อถ้วย แล้วโรยหน้าด้วยผักชีฝรั่งให้หอมกรุ่น ชิมแล้วรสเปรี้ยว เค็ม เผ็ด ซดคล่องคอ


ต้มแซ่บกระดูกอ่อน

       และเมนูที่ร้านนี้ก็ยังมีให้เลือกชิมกันอีกหลายหลายจาน อาทิ ปลาช่อนเผาเกลือ (100 บาท) หมูแดดเดียว (50 บาท) ไส้ย่าง (50 บาท) ลาบวุ้นเส้น (70 บาท) เป็นต้น ที่ “ผ่านมาแวะกิน” ขอบอกเลยว่าทุกจานนั้นแซ่บสมกับชื่อ “แซ่บวัน” จริงๆ

credit : “แซ่บวัน” รสแซ่บอีสาน จัดจ้านถึงใจ

Read More...


แป๊ะ โจ๊กหม้อทองเหลือง” สูตรแต้จิ๋วโบราณ รสกลมกล่อม หอมกรุ่น

บรรยากาศด้านในร้าน

       ถ้าให้เลือกว่าอาหารเช้าจะกินอะไรดี หนึ่งในตัวเลือกอันดับต้นๆ ที่ “ผ่านมาแวะกิน” ชื่นชอบเป็นหนักหนาก็คือโจ๊ก เพราะทั้งอิ่ม อร่อย แบบร้อนๆ และได้คุณค่าอาหารครบถ้วน
    
       แต่ถ้าเกิดอยากจะกินเวลาอื่นที่ไม่ใช่อาหารเช้า ก็อาจจะหากินยากเสียหน่อย เพราะร้านโจ๊กส่วนใหญ่ก็จะขายเฉพาะช่วงเช้า แต่ร้านโจ๊กที่ “ผ่านมาแวะกิน” จะพาไปลิ้มลองกันนี้ เค้าเปิดให้กินกันได้ตั้งแต่เช้ายันค่ำ หรือถ้าหากจะมากินกันทั้ง 3 มื้อก็ยังได้ ซึ่งก็ต้องมากันที่ร้าน “แป๊ะ โจ๊กหม้อทองเหลือง”

คุณกำชัย ปิยธรรมรัตน์ เจ้าของร้าน

       คุณกำชัย ปิยธรรมรัตน์ เจ้าของร้าน เปิดขายโจ๊กอยู่คู่กับตลาดบางโพมาเกือบ 40 ปีแล้ว ซึ่งแต่ก่อนจะเป็นรถเข็นขายอยู่หน้าตลาด แต่ต่อมาก็ปรับเปลี่ยนกลายมาเป็นห้องแถวเหมือนทุกวันนี้
     
       โจ๊กของร้านนี้เป็นสูตรโบราณแบบแต้จิ๋ว ที่มีจุดเด่นอยู่ที่การใช้หม้อทองเหลืองในการปรุง ซึ่งจะร้อนเร็ว โจ๊กไม่ติดก้นหม้อ แล้วยังให้กลิ่นหอมเฉพาะตัวอีกด้วย
     
       นอกจากนั้นแล้ว กลิ่นหอมๆ ของโจ๊กก็มาจากที่ทางร้านเลือกใช้ข้าวหอมมะลิคัดเกรดมาแช่น้ำ และต้มไปเรื่อยๆ ประมาณ 4-5 ชั่วโมง ก็จะได้เนื้อโจ๊กข้นๆ ซึ่งเวลาลูกค้ามาสั่ง ก็จะปรุงกันชามต่อชาม โดยใช้เนื้อโจ๊กมาผสมกับน้ำซุปที่เคี่ยวจากกระดูกข้อหมูชิ้นใหญ่ ได้น้ำซุปที่หวานหอม กลมกล่อม

โจ๊กหมูเครื่องใน

       นั่งมองวิธีการทำอยู่เป็นนาน ก็ขอสั่งโจ๊กมาลิ้มลองเสียหน่อย โจ๊กหมูเครื่องใน (ธรรมดา 25 บาท ใส่ไข่ 30 บาท) ชามนี้ใส่ทั้งหมูบดปรุงรส ตับหมู กระเพาะ ไส้ เซี่ยงจี้ ที่นำลงไปต้มพร้อมๆ กับเนื้อโจ๊กผสมน้ำซุป พอเดือดแล้วก็ตอกไข่ไก่ใส่ลงไป ต้มต่ออีกสักนิดพอให้ไข่สุกเล็กน้อย โรยหน้าด้วยต้นหอม และขิงซอย แล้วยกมาเสิร์ฟร้อนๆ กลิ่นหอมฉุย เครื่องในแต่ละอย่างชิมแล้วไม่มีกลิ่นคาว ไม่เหนียว ส่วนหมูบดก็นุ่ม ออกรสเค็มเล็กน้อย

โจ๊กกระดูกหมูอ่อน

       แล้วต่อด้วย โจ๊กกระดูกหมูอ่อน (ธรรมดา 30 บาท ใส่ไข่ 35 บาท) ที่เป็นโจ๊กแบบประยุกต์ ใช้กระดูกหมูอ่อนมาตุ๋น แล้วนำลงไปต้มกับเนื้อโจ๊ก โรยหน้าด้วยต้นหอม และขิงซอย ชิมแล้วรสชาติกลมกล่อมดี กระดูกอ่อนเปื่อยนุ่ม
     
       ส่วนอีกชามเป็น โจ๊กปลากะพง (ธรรมดา 40 บาท ใส่ไข่ 45 บาท) ที่ใช้เฉพาะเนื้อปลากะพงมาลวกให้กลิ่นคาวออกไปก่อน แล้วนำมาต้มกับโจ๊กอีกครั้ง ชามนี้ถ้ากินคู่กับเต้าเจี้ยวปรุงรสที่ทางร้านทำเอง จะได้รสชาติอร่อยที่แตกต่างมากขึ้น

โจ๊กปลากะพง

       และยังมี กระเพาะปลาเห็ดหอม (35/40/50 บาท) ที่ชวนให้มาลองกิน ทางร้านใช้กระเพาะปลาแห้งมาผ่านกรรมวิธีหลากหลาย ก่อนจะนำไปเคี่ยวกับน้ำซุป แล้วใส่เห็ดหอมแห้งที่แช่น้ำแล้ว เคี่ยวรวมกันจนเปื่อย เวลาเสิร์ฟก็ตักไข่นกกระทาต้มสุกแล้วลงไป โรยหน้าด้วยผักชีให้กลิ่นหอม กินคู่กับจิ๊กโฉ่วและน้ำส้มพริกเหลือง ที่เข้ากันกับกระเพาะปลาหอมหวานเป็นอย่างดี
     
       นอกจากนี้ก็ยังมีเมนูน่ากินอีกหลายจาน เช่น ทะเลลวกจิ้ม (70 บาท) ข้าวต้มปลา (50 บาท) ข้าวต้มหมูกระดูกอ่อน (35 บาท) ข้าวต้มทะเล (50 บาท) ที่ “ผ่านมาแวะกิน” อยากจะชวนให้มาลิ้มลองความอร่อยกันที่ร้าน “แป๊ะ โจ๊กหม้อทองเหลือง”


credit : โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

Read More...


HAPPY NEW YEAR 2011







สวัสดีปีกระต่าย



ในวาระดิถีเข้าปีหน้า



คุกกี้...
คุกกี้เป็นสัญลักษณ์ของความสุข และความปรารถนาดีผู้ที่ชอบให้คุกกี้เป็นของขวัญแก่ผู้อื่นไม่ว่าจะทำเองหรือซื้อมาแจกก็ตาม เป็นคนที่ชอบพบปะพูดคุยกับผู้คน ค่อนข้างอารมณ์ดีเข้ากับคนง่าย ไม่ชอบความขัดแย้ง ไม่ก้าวร้าวใคร แต่ก็ขี้น้อยใจเก่ง และไม่ค่อยละเอียดรอบคอบนัก


Read More...


ขายหมูปิ้ง


1.หมูปิ้งสูตรนมสด รสอร่อย ขายดีมาก
เครื่องปรุง
เนื้อหมู เอาติดมันก็ได้ หรือ เนื้อสันก็ดี 1 กิโลกรัม
ซีอิ้วดำ 1/2-1 ชต.
นมข้นจืด 3-4 ชต.
หรือนมสด 1 ถ้วย
น้ำตาลปิ้บ 1/2 ถ้วย
น้ำตาลทรายนิดหน่อย น้ำมันหอย นิดหน่อย
ซีอิ้วขาวเห็ดหอม 2-3 ชต
กระเทียม รากผักชี
พริกไทย 2ชต.
น้ำมันมะกอก 2-3ชต.
ผสมกันเสร็จชิมดูก่อนว่ารสออกมาแบบไหน ถ้าชอบหวานชอบเค็มก็เต็มเพิ่มลงไป
 
วิธีทำ
ล้างหมูให้สะอาดแล้วแล่ อย่าบางมากคลุกเคล้ากับส่วนผสมแล้ว แช่ในตู้เย็นสัก 1-2 วันค่อยนำออกมาเสียบไม้ปิ้งหรือเจ้าของสูตรเดิมเขาเสียบไม้ไว้เลยแล้วแช่ฟิต 3 วัน ค่อยเอาออกมาปิ้ง แช่ฟิตจะทำให้หมูนุ่มมาก ๆเวลาปิ้งน้ำปรุงที่เหลืออย่าทิ้งนำน้ำกะทิมาผสม ตอนปิ้งก็ใช้น้ำปรุงนี้ทาลงไปที่หมูกำลังปิ้งเพื่อให้หยดลงไปถ่านกำลังร้อน ๆ จะได้มีควันหอม ๆ รมหมูด้วย
 
2.หมูปิ้งสูตรชาววัง
เครื่องปรุง
เนื้อหมู เอาติดมันก็ได้ หรือ เนื้อสันก็ดี 1 กิโลกรัม
ซีอิ้วดำ 1/2-1 ชต.
นมข้นจืด 3-4 ชต.
หรือนมสด 1 ถ้วย
น้ำตาลปิ้บ 1/2 ถ้วย
น้ำตาลทรายนิดหน่อย น้ำมันหอย นิดหน่อย
ซีอิ้วขาวเห็ดหอม 2-3 ชต
กระเทียม รากผักชี
พริกไทย 2ชต.
น้ำมันมะกอก 2-3ชต.
ผสมกันเสร็จชิมดูก่อนว่ารสออกมาแบบไหน ถ้าชอบหวานชอบเค็มก็เต็มเพิ่มลงไปวิธีทำล้างหมูให้สะอาดแล้วแล่ อย่าบางมากคลุกเคล้ากับส่วนผสมแล้ว แช่ในตู้เย็นสัก 1-2 วันค่อยนำออกมาเสียบไม้ปิ้งหรือเจ้าของสูตรเดิมเขาเสียบไม้ไว้เลยแล้วแช่ฟิต 3 วัน ค่อยเอาออกมาปิ้ง แช่ฟิตจะทำให้หมูนุ่มมาก ๆเวลาปิ้งน้ำปรุงที่เหลืออย่าทิ้งนำน้ำกะทิมาผสม ตอนปิ้งก็ใช้น้ำปรุงนี้ทาลงไปที่หมูกำลังปิ้งเพื่อให้หยดลงไปถ่านกำลังร้อน ๆ จะได้มีควันหอม ๆ รมหมูด้วย

3.หมูปิ้งรสดั้งเดิม
เครื่องปรุง
เนื้อหมู 600 กรัม
กระเทียมกลีบใหญ่ 5-6 กลีบ
พริกไทยเม็ด 1 ช้อนโต๊ะ
ซีอิ้วขาว 3 ช้อนโต๊ะ
ซอสปรุงรส 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลปี๊บ 3 ช้อนโต๊ะ
หัวกะทิ 1/3 ถ้วย
 
วิธีทำ
1. ล้างเนื้อหมูให้สะอาด ซับน้ำให้แห้งแล้วหั่นเป็นชิ้นขนาดประมาณ 2 นิ้ว หนาประมาณ 3 มิลลิเมตร
2. ปลอกเปลือกกระเทียม ล้างน้ำให้สะอาดแล้วหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ นำไปโขลกให้ละเอียดพร้อมพริกไทยเม็ด
3. นำกระเทียมพริกไทยที่โขลกได้ใส่ลงไปในเนื้อหมูที่หั่นไว้ เติมเครื่องปรุงต่างๆ และกะทิ3 ช้อนโต๊ะลงไป คลุกเคล้าเครื่องปรุงต่างๆ ให้เข้ากันแล้วหมักไว้ประมาณ 3 ชั่วโมงหรือทิ้งไว้ข้ามคืน
4. เมื่อหมักได้ที่แล้ว นำเนื้อหมูที่ได้มาเสียบไม้ (ก่อนเสียบไม้ให้นำไม้ไปแช่น้ำไว้ก่อนประมาณ 30 นาที เพื่อช่วยไม่ให้ไม้ไหม้)
5. เริ่มต้นทำการปิ้งโดยวางหมูที่เสียบไม้เรียบร้อยแล้วลงบนตะแกรง นำหัวกะทิที่เหลือมาทาให้ทั่วทุกไม้

4.หมูปิ้งสูตรบาบีคิว
ส่วนผสม
เนื้อหมู 1 กิโลกรัม
ซอสมะเขือเทศ 1/4 ถ้วยตวง
ซีอิ๊วขาว 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 1/2 ช้อนโต๊ะ
พริกไทย ป่น 1 ช้อนชา
ซอสเปรี้ยว 3 ช้อนโต๊ะ
มัสตาร์ด 1 ช้อนชา
น้ำมันพืช 1/4 ถ้วยตวง
เหล้า 3 ช้อนโต๊ะ
 
วิธีทำ
1. หั่นเนื้อหมูเป็นชิ้นบางๆ
2. ผสมเครื่องปรุงทั้งหมดเข้าด้วยกัน นำหมูที่หั่นไปหมัก เคล้าให้เข้ากัน นำไปใส่ไว้ในตู้เย็นประมาณ 1 ชั่วโมง
3. นำหมูที่หมักมาเสียบไม้ให้สวยงาม แล้วนำไปย่างจนกระทั่งสุก

 



วิธีนึ่งข้าวเหนียวให้นุ่มอร่อย
ส่วนผสม
1. ข้าวเหนียว 5 กิโลกรัม(ถ้าข้าวเหนียว 1 กก.ก็ใช้เกลือ สัก 1 ช้อนชาก็ได้ค่ะ)
2. เกลือ 1 ช้อนโต๊ะ
3. น้ำสะอาดพอท่วม
4. ใบเตย 2-3 ใบ
วิธีการทำ
1. นำข้าวเหนียวที่ได้ไปทำการล้างน้ำให้สะอาด โดยล้างประมาณ 2 น้ำ
2. เติมน้ำสะอาดลงไปให้พอท่วม ตามด้วยเกลือ 1 ช้อนโต๊ะที่เตรียมไว้
3. หลังจากนั้นแช่ทิ้งไว้ประมาณ 1 – 2 ชั่วโมง ก็สามารถนำไปนึ่งได้ก่อนนึ่งข้าวเหนียวให้รองก้นหวดด้วยใบเตยประมาณ 2-3 ใบ จะช่วยให้ข้าวเหนียวมีกลิ่นหอมของใบเตยน่ารับประทาน การนำข้าวเหนียวแช่น้ำเกลือ ก่อนนำไปนึ่งนั้น จะช่วยลดระยะเวลาในการแช่ข้าวเหนียวได้ ซึ่งปกติแล้วถ้าไม่ใส่เกลือจะต้องใช้ระยะเวลาในการแช่ข้าวเหนียวประมาณ 1 คืน แต่เมื่อเติมเกลือลงไป แช่แค่ 1 – 2 ชั่วโมง ก็จะทำให้ข้าวเหนียวนุ่มน่ารับประทานขึ้น
 
อุปกรณ์ที่ใช้ในการลงทุนขายหมูปิ้ง
1.เตาปิ้งหมู มีหลายแบบ เลือกใช้ตามความชอบ เราลองไปแอบดูตามร้านที่เขาขายก่อนก็ได้ค่ะ ลองสอบถามราคาและแหล่งที่ขายเตาแบบที่คุณต้องการ จะได้ราคาไม่แพง และเดินทางไปซื้อได้สะดวก
2.รถเข็น มีทั้งแบบไม่มีหลังคา และมีหลังคา ราคาเริ่มต้นที่ประมาณ 4,000 บาทค่ะถ้าไม่อยากลงทุนเยอะ จะลองขายหน้าบ้านตัวเองดูก่อน ก็ใช้แค่โต๊ะ 1 ตัวก็พอค่ะ เป็นการทดลองตลาดและฝีมือ ค่ะ
3.ถาด+ตะแกรง ใส่หมูปิ้ง เพื่อจะนำหมูที่ปิ้งเสร็จแล้วมาจัดวางให้สวยงาม แนะนำให้ใช้ใบตองสะอาดๆ วางก่อนนะนะจะได้หอมและน่ารับประทานยิ่งขึ้น
4.กระติ๊กใบใหญ่ ไว้ใส่ข้าวเหนียวที่นึ่งเสร็จแล้วจะได้เก็บความร้อนของข้าวอยู่เสมอ(อย่าลืมนำผ้าข้าวบางวางในกระติ๊กก่อนนะค่ะ)
5.กรรไกร ใช้ตัดเนื้อที่ไหม้ ดำ ออก เวลาเราย่างหมูปิ้ง ตรงไหนดำไปเกรียมไป เราก็ใช้กรรไกรตัดทิ้งก่อน วางขายนะคะ
6.ถุงใส่
เคล็ดลับมัดใจลูกค้า
บางร้าน มีน้ำจิ้มรสเด็ด แถมให้ลูกค้าด้วย เพื่อใครชอบรสจัดๆ เราอาจจะทำน้ำจิ้มรสซีฟู๊ด ก็ได้นะค่ะ น้ำจิ้ม ปรับปรุง และคิดสูตรตามความชอบของเรา ก่อนอื่นเราต้องนำมาทดลองจิ้มกับ หมูปิ้งสูตรของเราก่อนว่า อร่อยไหม ถ้าอร่อย ขายได้เรยค่ะ



สูตรน้ำจิ้มซีฟูดรสเด็ด
ส่วนผสม
◊ รากผักชีหั่นฝอย ๒ ราก
◊ พริกขี้หนูสด ๑๐ เม็ด
◊ กระเทียม ๓ กลีบ
◊ เกลือ ๑ ช้อนชา
◊ น้ำมะนาวลูก
◊ น้ำตาลทราย ๑/๒ ช้อนชา
◊ น้ำอุ่น ๓ ช้อนโต๊ะ

 
 
วิธีทำ
นำพริกขี้หนูสด กระเทียม รากผักชี เกลือ น้ำตาล โขลกด้วยกันให้ละเอียด ผสมน้ำมะนาว น้ำอุ่น คนให้เข้ากัน ชิมรสตามชอบ ตักขึ้นใส่ถ้วย
 
ที่สำคัญคือความสะอาด และการยิ้มแย้มแจ่มใส บริการลูกค้าทุกคน ซื่อสัตย์ต่อลูกค้าของเรา นำของดีขายให้ลูกค้านะค่ะ ลองทำขายดูนะคะ คงไม่ยากเกินไป ขอให้ทุกคนโชคดี ขายดี ร่ำรวยทุกคนค่ะ
 

Read More...


สูตรขนมครก

ส่วนผสม

1. แป้งข้าวเจ้าอย่างดี ตราดอกไม้ 1 กิโลกรัม
2. น้ำกะทิ 4 ถ้วยตวง
3. น้ำสะอาด 2 ถ้วยตวง
4. น้ำปูนใส 2 ถ้วยตวง
5. น้ำตาลโตนด 1 ช้อนโต๊ะ
6. เกลือ 1 ช้อนชา
7. โรยหน้าตามใจชอบ อาทิ ต้มหอม ข้าวโพด เผือก ฯลฯ
วิธีผสมแป้ง
ค่อยๆ เทแป้งข้าวเจ้า ลงผสมกับน้ำสะอาด น้ำปูนใส คนจนกว่าจะเข้ากัน จากนั้นเติมกะทิ น้ำตาลโตนด เกลือป่น แล้วคนให้เข้ากันดี
กะทิหน้าขนมครก
ส่วนผสม
1. หัวกะทิ 6 ถ้วยตวง
2. หางกะทิ 2 ถ้วยตวง
3. น้ำตาลทราย 1 1/2 ถ้วย
4. เกลือ 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำกะทิสำหรับหยอดหน้า
ผสม หัวกะทิ หางกะทิ เกลือป่น น้ำตาลทราย เข้าด้วยกัน นำไปตั้งไฟ คนให้น้ำตาลและเกลือละลาย จากนั้นยกลง ทิ้งไว้ให้เย็น ใส่ภาชนะเตรียมหยอดหน้าขนมครก

วิธีทำขนมครก1. ตั้งกระทะขนมครก ใช้ไฟอ่อนปานกลาง รอจนเตาร้อนเต็มที่
2. นำลูกประคบ ทำด้วยกากมะพร้าวห่อด้วยผ้าขาว แตะน้ำมันพืช เช็ดที่เบ้าขนมครกให้ครบทุกเบ้า
3. ตักหรือใช้กาหยอดแป้งขนมครก ลงในเบ้าปริมาณ 3/4 นำกระบวยกดให้ล้นขึ้นมาด้านข้าง ประมาณ 1 เซนติเมตร ปิดฝาทิ้งไว้ราว 2-3 นาที
4. หยอดหางกะทิ ตามด้วยหัวกะทิ ประมาณ 1 ช้อนชา ต่อ 1 เบ้า โรยหน้าตามใจชอบ ปิดฝาทิ้งไว้ รอจนขอบแป้งเหลือง ใช้ช้อนแซะขึ้นใส่ภาชนะ

วิธีทำหน้าไข่เค็ม นำไข่เค็มต้มสุก มาแกะเปลือกออก นำไปขูดให้เป็นเส้นฝอยๆ ใช้โรยหน้าขนมครก เพิ่มความอร่อยด้วยพริกชี้ฟ้าหั่นฝอย และผักชี (เฉพาะใบ)
วิธีทำหน้ากุ้ง ใช้กุ้งสด มะพร้าวทึนทึก ในปริมาณที่เท่ากัน สับให้ละเอียด นำไปรวน ใส่พริกไทย เกลือป่น ชิมให้ออกรสเค็มนิดๆ โรยบนหน้าขนมครก แต่งด้วยใบมะกรูดหั่นฝอย พริกเหลืองซอย ใบผักชีเด็ดเป็นใบๆหรือว่าใครจะคิดสูตรหน้าขนมครกใหม่ๆ เองก็ได้นะคะขนมครกของเราจะได้ไม่เหมือนใคร
*เคล็ดลับความอร่อย*1. น้ำมันพืชที่ใช้เช็ดเบ้าขนมครก ควรเป็นน้ำมันมะพร้าว จะทำให้ขนมครกมีกลิ่นหอม ชวนให้น่ารับประทาน นอกจากนั้น ยังทำให้ผิวขนมครกมีสีสวย
2. ภาชนะใส่ขนมครก ไม่ควรใช้โฟม เนื่องจากมีสารเมลามีน ก่อให้เกิดมะเร็ง ควรเป็นจานกระดาษ หรือรองด้วยใบตอง หรือหากจำเป็นต้องเรียงซ้อนกัน ก็ควรมีใบตองวางทับไว้ด้วย เพื่อไม่ให้ขนมครกติดกัน
3. เบ้าขนมครก มีทั้งที่ผลิตจากเหล็ก และสเตนเลส ขึ้นอยู่กับเงินลงทุน ส่งผลด้านความสวยงาม แต่ไม่ส่งผลต่อรสชาติแต่อย่างใด
.................................................................................................................................
 สูตรขนมครกโบราณ
สูตรขนมครกสูตรนี้ เป็นของอาจารย์ทองเยาว์ โทณานนท์ จากวิทยาลัยในวังคะ อาจารย์ทองเยาว์แนะนำว่า ข้าวสารที่จะใช้สำหรับทำขนมครกนั้น ควรใช้ข้าวสารเก่า เพราะถ้าใช้ข้าวใหม่ จะเหนียวติดฟัน และเวลาแคะออกจากเตาก็ไม่ค่อยจะล่อนด้วย ส่วนเรื่องที่เช็ดหลุมขนมครกคุณถามมา เขาจะใช้เศษผ้าฝ้ายหรือผ้าขาวบางมาห่อรวมกันหลาย ๆชั้น ทำเหมือนเวลาเราทำลูกประคบนั่นแหละคะ แล้วเอาไปแช่น้ำมันเอาไว้ พอให้น้ำมันซึมทั่วเนื้อผ้า ก็เป็นอันใช้ได้ หรืออาจจะใช้ผ้านำห่อกากมะพร้าวแล้วนำไปชุบน้ำมันนิดหน่อยก็ได้คะ

สมัยก่อนโน้นเขาจะใช้เตาขนมครกที่ทำจากดินเผา แต่ถ้าซื้อปุ๊บนำมาใช้ปั๊บ ขนมจะติดเตา ไม่ล่อน วิธีแก้ไขของคนโบราณ คือ ก่อนที่จะนำกระทะนี้มาใช้ เขาจะเอากากมะพร้าวสุมให้เต็มหลุมแล้วนำไปตั้งไฟให้น้ำมันจากกากมะพร้าวเคลือบทั่วกระทะขนมครก (ทิ้งไว้ให้กากมะพร้าวไหม้คาหลุมเลย) วิธีนี้จะทำให้ขนมไม่ติดเตาคะ
ส่วนผสมตัวแป้ง

ข้าวสารเก่า 1 ลิตร ( = 4 ถ้วย 4 ช้อนโต๊ะ กับอีก 1 ช้อนชา)
ข้าวสุก 1 + 1/ 2 ถ้วย
มะพร้าวขูดขาว 500 กรัม
เกลือป่น 1 ช้อนชา
ส่วนผสมกะทิสำหรับหยอดหน้า
หัวกะทิ 4 + 1/ 2 ถ้วย
น้ำตาลทราย 1 + 1/ 2 ถ้วย
เกลือป่น 1 - 2 ช้อนชา
วิธีทำ

เริ่มจากทำตัวแป้งก่อน โดยเอาข้าวสารซาวให้สะอาด ผสมกับข้าวสุก มะพร้าว เกลือ ใส่ภาชนะปากกว้าง เช่น ชามอ่าง ใช้น้ำ 3 เท่า ต้มให้เดือด แล้วเอามาชงในชามอ่างที่ใส่ส่วนผสมไว้ ใช้ไม้พายหรือทัพพีคนให้ทั่ว ทิ้งไว้ให้เย็น แล้วเอาไปโม่ (การเอาน้ำร้อนชงก่อน จะช่วยรักษาแป้งไว้ได้นาน คือ ทำเช้าไปจนถึงบ่ายแป้งก็ไม่เปรี้ยว ไม่อย่างนั้นจะบูด และถ้าเราใช้ภาชนะปากแคบทรงสูง ข้าวก็จะสุกมากเกินไป เพราะความร้อนจะกระจายได้น้อย)

หลังจากนั้นก็หันมาทำกะทิสำหรับหยอดหน้า โดยเอาหัวกะทิ น้ำตาลทราย และเกลือ มาผสมเข้าด้วยกัน คนให้น้ำตาลและเกลือละลาย ยกขึ้นตั้งไฟ พอเดือด จึงยกลง (อย่าเคี่ยว กะทิจะแตกมันมาก)
วิธีหยอด
ตั้งเตาเอาน้ำมันพืชเช็ดให้ทั่ว เริ่มหยอดหลุมกลางก่อนเพียงหลุมเดียว
 หยอดตัวแป้ง หยอดหน้ากะทิ ปิดฝา
แล้วมาหยอดแถวที่ 2 ปิดฝา
แล้วมาหยอดรอบนอก เสร็จแล้วปิดฝา
เราก็เปิดหลุมแรก แล้วเปิดแถวที่ 2 แคะออก แล้วมาเปิดรอบนอก จะสุกพอดีกันเลย
เวลาหยอดเสร็จแล้ว ต้องปิดฝาทันที ไฟต้องแรง แต่ถ้าใช้เตาดิน ก็แรงมากไม่ได้ เดี๋ยวเตาจะแตก ถ้าใช้กระทะเหล็กก็จะสะดวก แต่หอมสู้กระทะดินไม่ได้ ก็ต้องใจเย็น เวลาหยอดหน้าก็ต้องระวัง ถ้าช้าไปก็จะไหม้ และกะทิจะแตกมัน
ขนมครกแบบโบราณ จะนิยมทานกับหน้าต่าง ๆ ที่นิยมทำคือ หน้าไข่เค็ม หน้าหัวผักกาดเค็ม และหน้ากุ้งคะ
วิธีทำหน้าไข่เค็ม
 เริ่มจาก นำไข่เค็มต้มสุกมาแกะเปลือกออก เวลาแกะเปลือกไข่เค็ม อย่ากะเทาะไข่ทั่วทั้งฟองเหมือนกับไข่ต้มธรรมดา ๆ นะคะ ต้องกะเทาะเพียงที่เดียว แล้วค่อย ๆ แกะไปเรื่อย ๆ จนทั่วทั้งฟอง อันนี้ต้องใจเย็นกันหน่อยคะ
พอได้ไข่เค็มที่ปอกเปลือกเสร็จแล้ว ก็นำไปขูดให้เป็นเส้นฝอย ๆ ระวังอย่าให้ไข่ที่ขูดแล้วกองทับกันมากเกินไป มันจะติดเป็นเนื้อเดียวกัน
 แล้วนำไข่เค็มที่ขูดเสร็จนี้ไปโรยหน้าขนมครกเมื่อจะแคะขึ้น วางพริกชี้ฟ้าหั่นฝอย และ ผักชีเด็ดใบ
วิธีทำหน้าหัวผักกาดเค็ม
ใช้หัวผักกาดเค็มนำมาสับให้ละเอียด ผสมรากผักชี กระเทียม พริกไทยป่น แล้วนำไปผัดกับน้ำมันนิดหน่อย
วิธีทำหน้ากุ้ง
ใช้กุ้งสด มะพร้าวทึนทึกในปริมาณที่เท่ากัน สับให้ละเอียด
แล้วรวนด้วยน้ำมัน โรยพริกไทย เกลือป่น ให้ออกรสเค็มนิด ๆ
ใช้โรยหน้าขนมครก แต่งด้วยใบมะกรูดหั่นฝอย พริกเหลืองซอย ใบผักชีเด็ดเป็นใบ ๆ

อุปกรณ์สำหรับทำขนมครก (ราคาโดยประมาณ)เงินลงทุนประมาณ 3,000 บาท

1.เตาไฟ 2 หัว เป็นเตาเหล็ก 1,500 บาท
2.เบ้าขนมครก 1 ใบ ราคา 600 บาท
3. กาหยอดขนมครก 60-100 บาท
4.เตาแก๊ส 300 บาท
5.ค่าวัตถุดิบ อาทิ แป้ง กะทิ น้ำตาลโตนด เกลือ จานกระดาษไว้ใส่ขนม ทั้งสิ้น 300 บาท
ลงทุนครั้งหนึ่ง ประมาณ 300 บาท ซื้อแป้งสำเร็จรูป 1 กิโลกรัม มาผสมกับ น้ำกะทิ น้ำสะอาด น้ำปูนใส น้ำตาลโตนด เกลือ จะได้แป้งสำหรับหยอดขนมครก 3 กิโลกรัม แป้งจำนวนนี้สามารถหยอดขนมครก ขนาด 15 เบ้า ได้ 24 กระทะ หากแคะไม่เสีย จะได้ขนมครก ทั้งหมด 360 ชิ้น จำหน่ายชิ้นละ 2 บาท รวมแล้วเป็นเงิน 720 บาท หลังหักค่าใช้จ่าย ได้กำไรเกินครึ่ง”
ร้านจำหน่ายวัตถุดิบทำขนมครก
1. ตลาดสดใกล้บ้าน/ห้างสรรพสินค้า
2. ร้านแสงอรุณ ตั้งอยู่บริเวณหน้าตลาดจังหวัดนนทบุรี จำหน่ายวัตถุดิบทำขนมไทยทุกประเภท ภาชนะบรรจุ และอุปกรณ์จำเป็นทั้งหมดสำหรับทำขนม โทรศัพท์ (02) 525-0504
3. ร้านตั้งจิบเซ้ง ที่อยู่ แขวงวังบูรพาภิรมย์ เขตพระนคร กรุงเทพฯ โทรศัพท์ (02) 222-1721, (02) 221-3809, (02) 221-2280, (02) 221-1693
ร้านขายกล่องบรรจุและเบ้าขนมครก
1. ร้านตั้งจิบเซ้ง ที่อยู่ แขวงวังบูรพาภิรมย์ เขตพระนคร กรุงเทพฯ โทรศัพท์ (02) 222-1721
2. ร้านขจรศักดิ์ เครื่องครัว ที่อยู่ แขวงวังบูรพาภิรมย์ เขตพระนคร กรุงเทพฯ โทรศัพท์ (02) 221-0572 โทรสาร (02) 221-7796
3. ห้างแม็คโคร ทุกสาขา
4. ร้านกิตติเครื่องครัว ที่อยู่ แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพฯ โทรศัพท์ (02) 271-0634
5. บริษัท วีรสุ รีเทล จำกัด สาขาถนนวิทยุ ที่อยู่ 83/7 ถนนวิทยุ ลุมพินี ปทุมวัน กรุงเทพฯ โทรศัพท์ (02) 254-8100-8 โทรสาร (02) 254-8109 เปิดทุกวันเวลา 09.00-19.00 น.
6. บริษัท วีรสุ จำกัด สาขาเยาวราช ที่อยู่ 436 ถนนเยาวราช เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ โทรศัพท์ (02) 226-5365-7, (02) 224-2240, (02) 224-2179 โทรสาร (02) 226-5364 เปิดทุกวัน เวลา 09.00-18.00 น. ยกเว้นวันอาทิตย์
7. บริษัท วีรสุ จำกัด สาขาลาดพร้าว ที่อยู่ 3456 /1 ถนนลาดพร้าว บางกะปิ กรุงเทพฯ โทรศัพท์ (02) 375-6284-7, (02) 734-1040-5 โทรสาร (02) 734-1049 เปิดทุกวัน เวลา 09.00-19.00 น.
8. บริษัท วีรสุ รีเทล จำกัด สาขาแจ้งวัฒนะ ที่อยู่ 104/19-21 ถนนแจ้งวัฒนะ ทุ่งสองห้อง หลักสี่ กรุงเทพฯ โทรศัพท์ (02) 982-4435-7 โทรสาร (02) 982-4439 เปิดทุกวัน เวลา 10.00-19.00 น.
9. วีรสุคอร์เนอร์ สาขาเสรีเซ็นเตอร์ ถนนศรีนครินทร์ โทรศัพท์ (02) 746-0171 เปิดวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา 11.00-21.00 น. วันเสาร์-วันอาทิตย์ เวลา 10.00-21.00 น.
10. วีรสุคอร์เนอร์ The Mall งามวงศ์วาน ชั้น 4 บริเวณแผนกเครื่องใช้ไฟฟ้า โทรศัพท์ (02) 550-0609 เปิดวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา 10.30-22.00 น. วันเสาร์-วันอาทิตย์ เวลา 10.00-22.00 น.
11. วีรสุคอร์เนอร์ ห้างอิเซตัน ชั้น 5 บริเวณหน้าซุปเปอร์มาร์เก็ต โทรศัพท์ (02) 255-9816 เปิดทุกวัน เวลา 10.00-21.00 น.
12. วีรสุคอร์เนอร์ The Mall บางกะปิ ชั้น 3 บริเวณแผนกเครื่องใช้ไฟฟ้า โทรศัพท์ (02) 363-3076 เปิดวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา 10.30-22.00 น. วันเสาร์-วันอาทิตย์ เวลา 10.00-22.00 น.
13. วีรสุคอร์เนอร์ The Mall ท่าพระ ชั้น 4 บริเวณแผนกเครื่องใช้ไฟฟ้า โทรศัพท์ (02) 477-7200 เปิดวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา 10.30-22.00 น. วันเสาร์-วันอาทิตย์ เวลา 10.00-22.00 น.
14. ห้างแม็คโคร
15. ร้านดี-เบสท์ โกรเซอรี่ จำกัด เลขที่ 148/6-7 หมู่ 2 ตำบลปากเกร็ด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี โทรศัพท์ (02) 960-6924-5 โทรสาร (02) 960-6934
16. ร้านกล้วยน้ำไทการช่าง 1 ที่อยู่ แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ โทรศัพท์ (02) 617-6310-2 โทรสาร (02) 617-7785
17. ร้านกล้วยน้ำไทการช่าง 1 ร้านสาขาคลองเตย กรุงเทพฯ โทรศัพท์ (02) 381-7956
18. ร้านกล้วยน้ำไทการช่าง สาขาพระโขนง กรุงเทพฯ โทรศัพท์ (02) 249-4732-35 โทรสาร (02) 249-5620
19. บริษัท ดี เค เบเกอรี่มาร์ทเทรดดิ้ง จำกัด ที่อยู่ แขวงบางพลัด เขตบางพลัด กรุงเทพฯ โทรศัพท์ (02) 881-0619-21 โทรสาร (02) 881-0622
20. ร้านกล้วยน้ำไทการช่าง 2 กรุงเทพฯ โทรศัพท์ 02) 391-2093
21. บริษัท คิงส์แมชชีนส์กล้วยน้ำไทการช่าง จำกัด ที่อยู่ แขวงพระโขนง เขตคลองเตย กรุงเทพฯ โทรศัพท์ (02) 249-4732, (02) 249-5235, (02) 249-5620, (02) 671-6844-5 โทรสาร (02) 672-8700
22. บริษัท จักรวาล เซ็นเตอร์ จำกัด ที่อยู่ ตำบลตลาดขวัญ อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี โทรศัพท์ (02) 526-8115, (02) 968-3041-8 โทรสาร (02) 526-7918, (02) 968-4989
23. ร้านจิรวัฒน์ อุปกรณ์เบเกอรี่ ที่อยู่ แขวงบางแค เขตบางแค กรุงเทพฯ โทรศัพท์ (02) 455-9453, (02) 801-0204
24.บริษัท ไทยวาชิโนอิเล็คตริค จำกัด 4264 หมู่ 11 ซอยแบริ่ง ถนนสุขุมวิท 107 อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ โทรศัพท์ (02) 758-4819 (084) 071-4748

                                                      ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจากมติชนค่ะ
credit : http://bychoms.blogspot.com/

Read More...




----------------

ปรับปรุง
รายการบทความทั้งหมด



การบำรุงรักษารถยนต์เบื้องต้น



ร้านค้าเคลื่อนที่ ใช้ รถบรรทุกขนาดเล็กมาดัดแปลง



รวมบทความอาชีพ เสริม หลากไอเดียวิธีหารายได้เสริม



รวมบทความงานฝีมือ-สิ่งประดิษฐ์ รายได้เสริม



ทองม้วน thong muan ; rolled wafer





MASK รุ่นสายคล้องคอ







MASK รุ่นสายคล้องคอ. ��รุ่นนี้เป็นที่นิยมใช้กันมาก #ขายดีมาก
ทำจากผ้าคอตตอนแท้ 100%  ไม่ผสม เนื้อผ้านุ่ม 
3 ชั้น. สวมใส่พอดีกับใบหน้า ไม่เจ็บหู มีสายคล้องคอปรับได้
เวลาถอดออก ไม่ต้องกลัวลืม เพราะถอดแล้วคล้องคอไว้ได้
บรรจุในถุงซิปฟรอย์อย่างดี
ราคาชิ้นละ. 59. บาท. ไม่รวมส่ง 
มีหลายสีให้เลือกนะคะ   สนใจทักแชทขอดูสีผ้าได้นะคะ
หน่วยงาน บริษัท ห้างร้าน หรือ สนใจสั่งไปจำหน่าย 
มีเรทราคาส่งค่ะ

-> id line : noeyhorm_06
#มีวางจำหน่ายหน้าร้านชานมไต้หวันมาราชาสาขาจรัญ44


ร้านมาราชาชานมไข่มุก สาขาจรัญสนิทวงศ์ 44
● รับบัตรสะสมครบ 10 แก้ว แลกรับฟรี 1 แก้ว
● สั่งเดลิเวอรีผ่าน LINE MAN, Foodpanda ,GET ...ถึงมือปั๊บพร้อมดื่มปุ๊บ!
● อัพเดทโปรโมชั่นใหม่ๆ รสชาติใหม่ ตลอดเวลา
● มีเมนูให้เลือก 40 กว่าเมนู : https://bit.ly/2Z9iqV0






























































เลือกช่องทางติดต่อและรับข่าวสารบริการหลังการขาย
ฟอร์ด พลปิยะอยุธยาและฟอร์ด พลปิยะวังน้อย

--------------------------------------------------------------------------------------------
แคมเปญ-โปรโมทชั่น อะไหล่ฟอร์ด อัพเดททางออนไลน์และปรับปรุงข้อมูลออนไลน์
อะไหล่ฟอร์ด อะไหล่รถฟอร์ด อะไหล่รถยนต์ฟอร์ด อะไหล่ฟอร์ดแท้ ร้านขายอะไหล่รถฟอร์ด ขายอะไหล่รถฟอร์ด อะไหล่ฟอร์ด
 
Option

รวมบทความอาชีพเสริม หลากไอเดียวิธีหารายได้เสริม หาอาชีพเสริมอิสระทำเงิน สร้างอาชีพอิสระงานฝีมือ แนะนำการสร้างรายได้เสริมทำเงินด้วยการขายสินค้าหรือขายของเป็นอาชีพเสริม อิสระงานฝีมือ แนะแนวธุรกิจ อาชีพเสริม อาชีพแก้จน อยากจะมีรายได้เสริมนอกเหนือจากงานประจำ บล๊อกจัดทำขึ้นเป็นวิทยาทานเพื่อเผยแผ่ความรู้อันจะเป็นไปเพื่อบุญกุศล ขอให้ทุกท่านที่มีส่วนร่วมในบทความของบล๊อกนี้ จงได้รับอานิสงฆ์ด้วยเทอญ.