สูตรขนม สูตรอาหาร อาชีพรายได้เสริม ประกาศฟรี โฆษณาฟรี Career Articles Extra Income
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

Drop Down MenusCSS Drop Down MenuPure CSS Dropdown Menu

สูตรซาลาเปา ทำขายได้



สูตรนี้ตัวแป้งจะนิ่มมากเลยค่ะ แต่เพราะใส่เนยขาวเยอะ ถึงได้นิ่ม
ส่วนผสมส่วนแรก
- แป้ง 500 กรัม
- ยีสต์ 1 ช้อนโต๊ะ
- นำเปล่า 350 กรัม
วิธีทำผสมทั้ง 3 อย่าง เข้าด้วยกันปิดฝา ไว้ในภาชนะกันลมหมักไว้ 1 ชั่วโมง


โรยยีสต์ลงไปบนแป้งเสร็จแล้ว


ตามด้วยน้ำ


จากนั้นก็นวด ให้ส่วนผสมทั้ง 3 รวมเป็นเนื้อเดียวกัน (ไม่ติดมือ) ก็พอ



คลุมด้วยพลาสติกใส (Wrap) ไม่ให้อากาศเข้า


 หมักทิ้งไว้ 1 ชั่วโมง
แป้งจะขึ้นฟูประมาณ 2-3 เท่า


 จากนั้นนำส่วนผสมทั้งสอง
ส่วนผสมส่วนที่ 2
- แป้ง 500 กรัม
- น้ำตาลทราย 200 กรัม
- น้ำเปล่า 150 กรัม
- เกลือ 1/2 ช้อนชา
- เนยขาว 125 กรัม
เทส่วนผสมทั้ง 5 อย่างเข้าด้วยกัน ลงในเครื่องนวด



ใส่ลงไปเลยครับ ไม่ต้องเกรงใจ.


นวดส่วนผสมให้พอเข้ากัน
จากนั้นตามด้วย เชื้อแป้งที่หมักทิ้งไว้ก่อนหน้านี้


เดินเครื่องนวดประมาณ 10 นาที
แป้งจะเริ่มรวมตัวเป็นเนื้อเดียวกัน และ**ไม่ติดอ่างผสม**


ทดลองจับแป้งดึงดู จะมีความนุ่ม และเหนียวจนยืดได้ขนาดนี้


ดึงแป้งให้ดูชัดๆ อีกครั้งครับ


จากนั้นก็เริ่มเหยียดแป้งออก แล้วได้ให้ได้น้ำหนักตามที่ต้องการ


ตัด ให้ได้น้ำหนักตามขนาดที่ต้องการ


สังเกตุเนื้อแป้งขณะตัด จะมีความนุ่มและยืดหยุ่นมาก


ในช่วงที่หมักแป้ง 1 ชม.ใน ขั้นตอนแรก ก็ทำไส้เตรียมไว้
ที่ทำวันนี้ มีไส้หมูสับ+ไข่ต้ม และไส้ไก่
สูตรการทำก็ทั่วๆ ไปครับ กระเทียม, พริกไท, รากผักชี, ซีอิ้วขาว, น้ำตาลทราย, น้ำมันงา ...
ที่ไม่ลงสูตรให้เพราะเห็นว่าวิธีทำไม่มีอะไรมาก (ไม่ได้หวงนะครับ)
เพราะแต่ละพื้นที่ ผู้บริโภคจะชอบรสชาดต่างกัน ที่ผมทำขายอยู่ที่สุราษฎร์นี่ ลูกค้าจะชอบรสออกไปทางเค็ม...

 จัดแบ่งเป็นก้อนๆ ตามภาพ
ภาพนี้ไส้หมู **ผมจะใช้หมูสด ครับ ไม่ทำให้สุกก่อน**


 แล้วก็ไส้ไก่ (ไส่ไก่ไม่ใส่ไข่, ใส่แต่ไส้หมู)
**ไส้ไก่ผัดสุกแล้ว จึงจะมาทำไส้**


หลังจากชั่งน้ำหนักแป้งที่นวดเสร็จแล้ว
ก็ปั้นเป็นลูกๆ พักไว้ 15 นาทีก่อน บรรจุไส้

ขออภัยที่ไม่มีรูปขั้นตอนการปั้นลูกครับ
มือไม้กำลังพันอยู่กับการบรรจุไส้......
จุดสีส้มนี่ไส้ไก่ ไส้ไก่จะจึบยากเพราะความมันของไส้ จะทำให้ผิวหน้าแยกไม่สวย
เลยทำแบบสมัยโบราณ เสร็จแล้วก็แต้มสีนิดนึงกันคนแก่ (คนขาย) งง !!
พักแป้งที่ใส่ไส้แล้ว คลุมด้วยผ้าบางๆ (กันลม)
เพื่อให้แป้งขึ้นอีกประมาณ 30-40 นาที
ภาพนี้ผมพักแป้งที่ใส่ไส้แล้ว ไว้ในรังถึงเลย (ก่อนคลุมผ้าทั้งไว้)


ระหว่างรอแป้ง ตั้งน้ำในรังถึง ให้เดือดเต็มที่
เมื่อพักแป้งครบ 30-40 นาทีแล้ว ก็ยกรังถึงขึ้น นึ่งประมาณ 10-12 นาที
ก็จะได้ซาลาเปาออกมาเป็นแบบนี้
(ภาพนี้ไส้ไก่ครับ จะจีบด้านบน)

จากนั้นก็นำออกมาผึ่งให้หายร้อน....
(ในกระจาดแบบไทยๆ)

 อีกรูปครับ

 หน้าตาภายในไส้หมู และเนื้อซาลาเปาที่ได้...

จากนั้น ก็บรรจุใส่ถุงพลาสติก เก็บในตู้เย็น หรือรอจำหน่ายต่อ

สิ้นสุดกระบวนการครับ............

โดย: นราธร

Read More...


"ไข่หวานมะตูมสด" สูตรโบราณ ทางเลือกสำหรับคนชอบค้าขาย



ส่วนหนึ่งยังผจญชีวิตในเมืองใหญ่ อีกส่วนหนึ่งกลับสู่ท้องถิ่นมาอยู่ภาคเกษตร จากสถานการณ์นี้ ทำให้ "สมนึก ชูศรี" ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 ต.โพธิ์เก้าต้น อ.เมือง จ.ลพบุรี ประธานสหกรณ์ผู้เลี้ยงเป็ดไล่ทุ่ง จ.ลพบุรี หาช่องทางสร้างอาชีพให้แก่ผู้สนใจและผู้ที่กำลังว่างงาน ด้วยการแนะนำและสอนสูตรทำ "ไข่หวานมะตูมสด" จากไข่เป็ด เพื่อนำไปขายสร้างรายได้เลี้ยงครอบครัว

 สมนึกบอกว่า ไข่หวานมะตูมสดถือเป็นขนมไทยโบราณ ที่คู่กับชาวบ้านภาคกลางมาหลายชั่วอายุคน อดีตปู่ย่าตายายจะทำไปทำบุญหรือทำรับประทานช่วงเทศกาลต่างๆ มีรสชาติอร่อย แต่ปัจจุบันกำลังจะสูญหายไป ในฐานะที่ชอบรับประทานและมีสูตรโบราณที่ได้มาจากบรรพบุรุษ จึงเห็นว่าในยุคที่คนกำลังตกงานกันมาก จึงแนะนำให้ทำไข่หวานมะตูมสดขาย โดยยินดีสนับสนุนเต็มที่ เชื่อว่าจะขายได้ดี หากลองรับประทานแล้วเชื่อจะติดใจ

 "ทั่วไป ขนมไข่หวานจะทำจากไข่ไก่ แต่ถ้าเป็นไข่หวานมะตูมสด ต้องใช้ไข่เป็ด เพราะจะไม่มีกลิ่นคาว ในอดีตเราจะได้รับประทานไข่หวานมะตูมปีละครั้ง คือช่วงออกผลผลิตหลังปีใหม่ไปแล้วจนถึงก่อนสงกรานต์ ซึ่งชาวบ้านจะปลูกมะตูมตามหัวไร่ปลายนา บางคนนำมามาฝานเป็นแผ่นๆ ตากแดด แล้วนำมาต้มทำเป็นน้ำมะตูมที่ขายกันทั่วไป แต่การทำไข่หวานเราจะใช้มะตูมสดเท่านั้น" สมนึกกล่าว
 ประธานสหกรณ์ผู้เลี้ยงเป็ดฯ บอกอีกว่า ไข่หวานมะตูมสดนอกจากมีรสชาติอร่อยแล้ว ยังมีประโยชน์ต่อร่างกายมาก เพราะไข่มีค่าทางโภชนาการสูงอยู่แล้ว ประกอบกับมะตูมมีคุณค่าทางสมุนไพรด้วย คือ เปลือก ราก ลำต้น แก้ไข้จับสั่น ขับลมในลำไส้ ใบสดคั้นเอาน้ำแก้หวัด หลอดลมอักเสบ ตาอักเสบ ผลดิบหั่นตากแดดแล้วย่างไฟเอามาต้มเอาน้ำดื่มบำรุงธาตุ ผลสุกเป็นยาระบายอย่างดี ตรงนี้เห็นว่าเหมาะสำหรับผู้ที่ตกงานจะทำขายกัน โดยไม่ต้องดิ้นรนมากมาย เพราะนอกจะเป็นการอนุรักษ์ขนมไทยโบราณแล้ว จะทำให้คนรุ่นใหม่ลองชิมขนมไทยๆ ที่อร่อยด้วย

 สูตรการทำไข่หวานมะตูมสดนั้น สมนึกบอกว่า เริ่มจากเอามะตูมสดมาเผาทั้งเปลือก ควรจะเผาด้วยเตาถ่าน หรือเตาฟืน เพราะกลิ่นจะหอม แต่ต้องดูแลอย่าให้ไหม้จนดำ พอสุกปล่อยให้เย็น เมื่อเย็นแล้วใช้มีดขูดผิวมะตูมที่ไหม้หรือที่เผาออก จากนั้นผ่าให้เป็นชิ้นทั้งเปลือกขนาดพอประมาณ แล้วเตรียมไข่เป็ด น้ำตาลทราย นำหม้อใส่น้ำสะอาดตั้งบนเตาถ่านเพื่อให้กลิ่นมะตูม พอน้ำเดือดใส่มะตูมสดที่เผาแล้วลงในหม้อใส่น้ำตาลทราย ให้หวานพอดี จากนั้นตอกไข่เป็ดใส่ลงไป พอสุกยกลงจากเตานำมารับประทานได้ทั้งไข่และเนื้อมะตูม ลงทุนไม่มาก เชื่อจะได้กำไรดีพอสมควร

 ด้าน ไชยยา หาญชนะ ปศุสัตว์อำเภอเมืองลพบุรี บอกว่า ทั้งชีวิตนี้ไม่เคยรับประทานขนมไข่หวานมะตูมสดมาก่อน พอลองชิมจึงทราบว่ารสชาติอร่อย ไม่มีกลิ่นคาวของไข่เลย น่าจะสนับสนุนให้ทำขายกัน ปัญหาไข่ไม่ต้องกลัว เพราะในปัจจุบันสำนักงานปศุสัตว์จังหวัดลพบุรี และสำนักงานปศุสัตว์อำเภอเมืองลพบุรี ได้รณรงค์ให้กลุ่มผู้เลี้ยงเป็ดไล่ทุ่งควบคุมการระบาดของไข้หวัดนกอยู่แล้ว ใน จ.ลพบุรี ไม่มีเชื้อไข่หวัดนกแน่นอน

 “ผมขอชมเชยผู้ใหญ่สมนึก ที่เอาไข่เป็ดมาปรุงเป็นไข่หวานมะตูมสด เพื่อสนับสนุนคนที่ตกงานมาทำขาย เพราะตรงนี้ผมมองว่า เป็นอีกช่องทางหนึ่งที่ทำให้ให้เกิดอาชีพค้าขายได้ และที่สำคัญไข่หวานมะตูมสด บางคนอายุ 60-70 ปียังไม่เคยรับประทาน อย่างของผู้ใหญ่สมนึก เป็นสูตรดั้งเดิมที่ตกทอดมาตั้งแต่สมัยปู่ย่าตายยายมาปรุงให้รับประทานกัน" ไชยา กล่าว นับเป็นช่องทางหนึ่งสำหรับผู้ที่ชอบอาชีพด้านการค้าขาย และเป็นทางเลือกของผู้ที่ตกงานด้วย หากใครสนใจสูตรเด็ด ไข่หวานมะตูมสดสูตรโบราณขนานแท้ ติดต่อ สมนึก ชูศรี ที่เบอร์โทร.0-3661-7058
      
"สรศักดิ์ ทับทิมพราย"  

Read More...


สูตรผัดไทยจาก SydneyChocolatier กินก็ได้ ขายก็รวย!!!!

      ทำอาหารอินเตอร์มาหลายต่อหลายเอ็นทรี่แล้ว วันนี้มาเสนออาหารง่ายๆ อร่อยๆ ที่ทำขายเลี้ยงปากเลี้ยงท้องกันบ้างนะครับ ยามที่บ้านเมืองออกจะวุ่นวายขายสมบัติ เศรษฐกิจก็เริ่มตกสะเก็ดด้วยเหตุที่คนทำงานด้วยปากกันมาขึ้น แต่ไม่ค่อยลงมือลงแรงทำ การหารายได้พิเศษด้วยการทำการค้าเล็กๆน้อยๆ น่าจะเป็นการเพิ่มเติมเสริมรายได้หลัก งานนี้เริ่มต้นได้ไม่ต้องลงทุนมาก ว่าแล้วก็หาโต๊ะเตรียมของมาหนึ่งตัว ลากเตาแก๊สมาจากในครัวออกมาหน้าบ้าน กระทะใบพอประมาณหนึ่งใบ ตะหลิวอันเหมาะๆมือด้วยหล่ะ  จานชามช้อนส้อมก็ใช้ของที่บ้านไปก่อน ถ้าไม่พอก็ซื้อมาเสริมบ้าง ขยันหน่อยก็ทำเครื่องดื่มขายเสริม โต๊ะเก้าอี้ไม่ค่อยมี ก้อ...ปูเสื่อขายนั่งทานกันก้อได้บรรยากาศติดดินไปอีกแบบ (ที่แนะนำอย่างนี้เพราะเคยทำมาแล้วววว...อิอิ) และสูตรเด็ดสำหรับเพิ่มรายได้วันนี้ ขอแนะนำ  ผัดไทยรสเด็ด...นั่นเองครับ


อานิสงฆ์ของการรณรงค์ของท่านจอมพล ป. เราจึงมีผัดไทยเป็นอาหารประจำชาติ
     อันที่มาของผัดไทยนั้นเท่าที่ผมพอสืบค้นมาได้ว่า ผู้ที่ริเริ่มให้คนไทยหันมากินก๋วยเตี๋ยวเป็นอาหารหลักเป็นเรื่องเป็นราวนั่นก็คือ จอมพล ป.พิบูลสงคราม ท่านผู้นำของไทยในสมัยสงครามมหาเอเซียบูรพา เนื่องด้วยสมัยสงครามข้าวสารขาดแคลน ท่านเลยรณรงค์ให้คนไทยหันมาทานก๋วยเตี๋ยวแทนข้าวกันบ้าง (เอ หรือท่านไม่รู้ว่าก๋วยเตี๋ยวก้อทำมาจากแป้งข้าวเจ้าน่ะ???) มีการประดิษฐค้นคิดเมนูก๋วยเตี๋ยวสไตล์ไทยๆ ผลที่ได้ก็คือ ผัดไทย นั่นเอง มาจนบัดนี้ผัดไทยเราได้ออกมาเป็นเมนูประจำชาติมาร่วมเจ็ดสิบปีแล้วนะครับ น่าภูมิใจจริงๆ นอกจากนี้ผัดไทยของเรายังมีอิทธิพลลามไปถึงในมาเลย์ซึ่งมีเมนูหมี่ผัดที่คล้ายคลึงกับผัดไทย ที่นั่นเค้าเรียกว่า หมี่เซียม (หมี่สยาม) ผมว่าเหมือนกันเด๊ะๆเลยแหละ  ก่อนอื่นขอบอกว่าการทำผัดไทยนั้นควรเป็นเตาแก๊สไฟแรงครับ หากเตาที่ใช้ไฟไม่แรง แก๊สแรงดันต่ำอาจจะต้องทำให้เส้นแฉะและ ลูกค้ารอนาน อาจจะเกิดรายการผัดไทยจานน้อยฆ่าคนผัดได้ครับ

    ส่วนผสมหลักๆสำหรับผัดไทยได้แก่  เส้นผัดไทย อันนี้ควรใช้เส้นสด เพราะว่าจะถูกกว่าใช้เส้นแห้งและเวลาผัดจะน่าทานกว่า เต้าหู้ทอด ควรใช้เต้าหู้แผ่นสดใหม่และเป็นเต้าหู้แข็งนะครับ จะสีขาวหรือสีเหลืองก็แล้วแต่ชอบ แต่ต้องเป็นเต้าหู้แข็งครับ ถ้าเป็นเต้าหู้เนื้ออ่อนจะเละเวลาที่ลงผัด หัวไชโป๊วหวานสับ อันนี้เลือกให้ดีๆ เดี๋ยวไปได้แบบเค็มมา จะเค็มยิ่งนัก กุ้งแห้ง ก็สำคัญต้องเลือกที่ใหม่ ไม่เหม็นสาบหรือขึ้นรา ตัวไม่เล็กไม่ใหญ่เกินไป เลือกราคาเอาพอสมควรครับ ไม่งั้นขาดทุนไม่รู้ด้วยนา ถั่วลิสง เราควรเลือกซื้อถั่วใหม่มาคั่วบดเอง ดีกว่าไปซื้อที่เค้าบดมาแล้ว ได้ถั่วคั่วใหม่ๆบดใหม่ๆ จะหอมอร่อยยิ่งนัก พริกป่น ก็ควรซื้อพริกขี้หนูแห้งมาคั่วบดเองเช่นกัน  ถั่วงอกและกุยช่าย ให้ใช้ของใหม่ทุกวันนะครับ หากเหลือค้างวันก้ออย่าเสียดาย เพราะหากเก็บไปผัดต่อในวันรุ่งขึ้นจะเหี่ยวดำไม่น่าทานครับ และที่สำคัญมั่กๆๆๆ ที่เป็นสูตรลับ สูตรเด็ดนั่นคือ น้ำซอสผัดไทย งัยครับ อันนี้ควรเตรียมล่วงหน้าเลย ดีกว่ามาปรุงรสทีล่ะจานอีกทั้งสะดวกรวดเร็วในการผัดอีกด้วยครับ

    อันน้ำซอสผัดไทยที่หลายๆท่านรู้มาจะมีส่วนผสมหลักๆได้แก่ น้ำมะขามเปียก น้ำตาลปี๊บ น้ำปลา ใช่มะคับ? แต่วันนี้สูตรที่ผมจะนำมาฝากจะแตกต่างจากนี้เล็กน้อยนั่นคือ น้ำมะขามเปียก น้ำตาลปี๊บ น้ำมันหอย??? และน้ำปลา เพียงเล็กน้อย??? แต่ขอบอกว่ารสชาติอร่อยเหมือนกับสูตรดั้งเดิม หรืออาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ มาทำกันเลยดีก่า


ส่วนผสมสำหรับซอสผัดไทยมี น้ำตาลปี๊บ 1 กิโลฯ น้ำ 2 ลิตร คั้นกับมะขามเปียก 7 ขึด น้ำมันหอยตราเด็กสมบูรณ์สูตรธรรมดา 1 ขวด ( ต้องยี่ห้อนี่จริงๆนะ รสชาติจะเพอร์เฟ็คมากกก) น้ำตาลทราย 3 ช้อนโต๊ะ เจ๊ชู(รส) 2 ช้อนโต๊ะ และน้ำปลาเอาไว้แต่งรสเพิ่มเติมนิดหน่อย 


เอามะขามเปียก 7 ขีดมาแช่น้ำเปล่า 2 ลิตรแล้วคั้นให้ได้น้ำมะขามเปียกครับ กรองเอากากออกด้วยนะจ๊ะ แล้วจึงเอาน้ำมะขามเปียกนี้ไปเคี่ยวซอส


ใส่ส่วนผสมสำหรับซอสทุกอย่างลงไปเลยครับ


เคี่ยวซอสจนน้ำตาลปี๊บละลายจนหมดแล้วตั้งไฟปานกลางเคี่ยวต่อไปอีกประมาณ 15-20 นาที พักไว้จนเย็นซอสจะข้นขึ้นอีกครับ ชิมให้ได้รสเปรี้ยวนำ ตามด้วยหวานและเค็ม หากรสชาติไม่เข้มข้น แต่งรสด้วยน้ำปลาเล็กน้อยนะครับ ส่วนผงอภินิหารน่ะ ไม่ต้องใส่เพิ่มแล้วจ้ะ ซอสนี้สามารถเก็บไว้ในตู้เย็นได้ 1- 3 เดือน



จากนั้นก็หันมาเตรียมเต้าหู้ทอด หั่นเป็นลูกเต๋า ทอดจนเหลืองพักไว้ให้สะเด็ดน้ำมัน

 

ส่วนผสมอื่นๆ อันได้แก่ เส้นผัดไทย เราควรลวกเส้นก่อนแล้วแช่ในน้ำเย็นทันที เพื่อป้องกันไม่ให้เส้นเปื่อย พักให้สะเด็ดน้ำแล้วคลุกด้วยน้ำมันพืชไม่ให้เส้นติดกัน กุ้งแห้ง ถั่วลิสงก็คั่วและป่นหยาบ พริกป่น ถั่วงอกและกุยช่ายล้างและพักไว้ให้พร้อม เอ้า...ผัดล่ะนะ


ใช้ชามเตรียมของผัด อย่าลืมว่าเราทำการค้า มิใช่ผัดถวายงานบุญเทกระจาด ฉะนั้นหยิบเส้นแต่พอทาน เครื่องปรุงอย่างกุ้งแห้ง, ถั่วป่น, ไชโป๊วสับ อย่างละ 1 ช้อนโต๊ะ พริกป่นแล้วแต่ชอบครับ หากเป็นผัดไทยกุ้งสดก็ใส่กุ้งซัก 4-5 ตัวพองาม ที่สำคัญอย่าลืมใส่ซอสผัดไทยประมาณ 2-3 ช้อนโต๊ะต่อหนึ่งจาน หากเส้นเยอะก็ใส่เพิ่มได้ครับ


ตั้งกระทะบนไฟแรงปานกลาง ใส่น้ำมันให้ร้อน ตอกไข่ลงไปเลยครับ รอให้ไข่เริ่มสุกจึงจะยีไข่ให้กระจาย


ใส่กุ้งสดตามลงไป เมื่อไข่ไก่เริ่มสุกแล้วยีไข่ให้กระจาย


เทเส้นและส่วนผสมที่เตรียมไว้ลงไปผัดพร้อมกันเลยครับ ไม่ต้องรอให้กุ้งสุก ใช้ตะหลิวเกลี่ยเส้นให้กระจาย ตอนนี้ควรผัดให้เร็วๆ ไม่ต้องโพสท่าสวยนักหรอก....


เมื่อเส้นกระจายและซอสคลุกเคล้ากับเส้นดีแล้ว จึงใส่ถั่วงอกกับกุยช่ายเลยครับ


ผัดพอให้ถั่วงอกกะกุยช่ายสลด ก็ตักเสริฟใส่จานเลยครับ 




Read More...


สูตร..กาแฟโบราณ .กาแฟเย็น ชาเย็น...



สูตรกาแฟโบราณ

หลายคนที่ยังไม่เคยชงกาแฟขาย มักจะมีความคิดว่าอยากจะเปิดร้านกาแฟของตนเองสักร้าน แต่เชื่อไหม ธุรกิจร้านกาแฟที่เห็นว่าไม่น่าจะมีอะไรนั้น ทำยากกว่าที่คิด ที่เป็นเช่นนั้นอาจเพราะว่าคนส่วนใหญ่จะตกม้าตายในเรื่องของรสชาติ ถ้าร้านไหนทำได้ดีก็จะติดลมบนไปเลย ผิดกับร้านที่ทำไม่ถูกปากก็ต้องม้วนเสื่อกลับบ้านไป

เงินลงทุน ประมาณ 10,000 บาท

รายได้ ประมาณ 400 – 1,500 บาท (ขึ้นอยู่กับทำเล)

วัสดุอุปกรณ์ รถเข็น หม้อต้มน้ำ ชุดเตาแก๊ส แก้วน้ำสำหรับชงกาแฟ ถุงชง กระป๋องชง (สำหรับตักน้ำร้อน) ช้อนสำหรับคน แก้วพลาสติก ลังใส่น้ำแข็ง ผงกาแฟและเครื่องดื่มอื่น ๆ นมสด นมข้นหวาน น้ำตาลทราย

วิธีทำ
1. จัดเรียงอุปกรณ์ทั้งหมดใส่ในรถเข็น
2. นำน้ำใส่ในหม้อต้ม รอจนเดือด
3. นำผงกาแฟใส่ถุงชง ก่อนจะนำไปใส่ในกระป๋องชง วางไว้บนหม้อต้ม
4. เทนมข้นหวานลงในแก้วชง ก่อนจะตามด้วยน้ำตาลทราย และน้ำกาแฟที่ชงเรียบร้อยแล้ว
5. เทนมสดลงไปพอประมาณ
6. คนให้เข้ากัน ก่อนจะเทใส่ถุง หรือแก้วที่มีน้ำแข็ง

ข้อแนะนำ
- ปริมาณนมข้นหวาน และน้ำตาลทราย ขึ้นอยู่กับรสชาติที่ลูกค้าต้องการ

- ส่วนใหญ่คนจะดื่มกาแฟกันในช่วงเช้า ฉะนั้น คนขายต้องเตรียมความพร้อมให้เรียบร้อยก่อนลูกค้าจะมา

- สามารถขายเครื่องดื่มอื่น ๆ ควบคู่ไปด้วย เช่น ชาร้อน ชาเย็น หรือ ชาดำเย็น รวมถึงน้ำเปล่าด้วย



สูตรการทำน้ำโอเลี้ยง

ส่วนผสม
1.ผงโอเลี้ยง 400 กรัม
2.น้ำตาลทราย 500 กรัม
3.น้ำเปล่า 4 ถ้วยตวง
4.ผ้าขาวบาง

วิธีทำ
1.ต้มน้ำให้เดือด นำผงโอเลี้ยงไปละลายกับน้ำ คนจนละลาย
2.ผสมน้ำตาลทรายลงในน้ำ ต้มต่อไปอีกประมาณ 15 นาที
3.นำโอเลี้ยงที่ต้มได้นำมากรองด้วยผ้าขาวบาง 2 ครั้ง
4.โอเลี้ยงจัดเสิร์ฟพร้อมน้ำแข็ง

สูตรกาแฟเย็น
ส่วนผสม
1.กาแฟคั่ว 2 ช้อนโต๊ะ
2.น้ำร้อน 1+1/2 ถ้วย
3.น้ำตาลทราย 4 ช้อนโต๊ะ
4.นมข้นจืด 1/4 ถ้วย

วิธีทำ
1.ใส่กาแฟในถุงกาแฟ เอาถุงกาแฟใส่ในกระป๋องชง เทน้ำร้อนใส่ถุงกาแฟแล้วยกถุงกาแฟขึ้นมาพักในกระป๋องชงกาแฟอีกกระป๋องหนึ่ง
2.เทน้ำกาแฟในกระป๋องแรกใส่ลงในถุงกาแฟอีกกระป๋องหนึ่งอีกครั้ง แล้วยกถุงกาแฟขึ้นมาพักไว้ยังกระป๋องที่ว่าง ทำเช่นนี้กลับไปกลับมาอีกสองถึงสามครั้ง เพื่อให้ได้กาแฟเข้มข้นตามต้องการ เทน้ำกาแฟลงในแก้ว ชงน้ำตาลและนมข้นจืดให้เข้ากัน

สูตรการทำชาเย็น
ส่วนผสม
1.ชาผง .....................2 ช้อนโต๊ะ
2.น้ำร้อน ............1+1/2 ถ้วย
3.น้ำตาลทราย ............4 ช้อนโต๊ะ
4.นมข้นจืด .............1/4 ถ้วย
5.น้ำแข็ง

วิธีทำ
1.ใส่ชาผงลงในถุงชาชง เอาถุงชาใส่ไว้ในกระป๋องชง เทน้ำร้อนใส่ผงชาแล้วยกถุงชาขึ้นพักไว้ในกระป๋องชงชาอีกกระป๋องหนึ่ง
2.เทนำชาลงในกระป๋องแรกใส่ลงในถุงชาในกระป๋องที่สองอีกครั้ง แล้วยกถุงชาขึ้นมาพักไว้กับกระป๋องที่ว่าง ทำเช่นนี้กลับไปกลับมา จนน้ำชาเข้มข้นได้ที่แล้ว จึงเทน้ำตาลลงในแก้วที่มีนำตาล เติมนมจืดแล้วคนให้เข้ากัน


ขอบคุณที่มาข้อมูล...สุภาภรณ์ นิลยกานนท์(เพชรสุภา)

Read More...


สูตรหมูปิ้งเลิศรส กำลังเตรียมตัวจะไปขายหมูปิ้ง






สูตรหมูปิ้งมีหลายสูตร ลองเลือกหาเอาตามใจชอบ แต่ขอบอกว่า ทุกสูตรใช้ขายได้จริง ๆ นะครับ แต่เคล็ดไม่ลับ ก็คือ ไฟในเตาที่จะต้องลุกแดงสม่ำเสมอ ที่สำคัญจะต้องให้มีควันขึ้นขโมง .. ถ้าอยากให้มีเสน่ห์มากขึ้น ก็ต้องมี น้ำจิ้มหลากรสครับ เช่น น้ำจิ้มแจ่วรสแซบ , น้ำจิ้มหวานไก่ มีผักสด พริกขี้หนูเป็นกับแกล้ม มีแหนมปิ้งด้วยยิ่งช่วยเพิ่มความหลากหลายนะครับ

นายแทม ขอแบ่งครึ่งชีวิตไปขายหมูปิ้งเป็นรายได้พิเศษกันตายก่อนนะครับ ภูมิใจ เด็กจุฬาฯ สถาบันดีสอนให้ชีวิตทำได้ทุกอย่าง ... ไม่ยึดติดกับแผ่นกระดาษและศักดิ์ศรีที่มากเกินไป
(ยามเย็นไปเป็นเด็กปั๊ม .. อาชีพเก่า 555+)

สูตรที่หนึ่ง หมูปิ้งปะทะนมสด รสกลมกล่อม หม่อมถนัดศรีพลีชีพ ลองลิ้มชิมรส หมดยกเตาเครื่องปรุงเนื้อหมู เอาติดมันก็ได้ หรือ เนื้อสันก็ดี 1 กิโลกรัม
ซีอิ้วดำ 1/2-1 ชต.
นมข้นจืด 3-4 ชต. หรือนมสด 1 ถ้วย
น้ำตาลปิ้บ 1/2 ถ้วย
น้ำตาลทรายนิดหน่อย
น้ำมันหอย นิดหน่อย
ซีอิ้วขาวเห็ดหอม 2-3 ชต
กระเทียม รากผักชี พริกไทย 2ชต.
น้ำมันมะกอก 2-3ชต.

ผสมกันเสร็จชิมดูก่อนว่ารสออกมาแบบไหน ถ้าชอบหวานชอบเค็มก็เต็มเพิ่มลงไป

วิธีทำ
ล้างหมูให้สะอาดแล้วแล่ อย่าบางมากคลุกเคล้ากับส่วนผสมแล้ว แช่ในตู้เย็นสัก 1-2 วันค่อยนำออกมาเสียบไม้ปิ้ง

หรือ

เจ้าของสูตรเดิมเขาเสียบไม้ไว้เลยแล้วแช่ฟิต 3 วัน ค่อยเอาออกมาปิ้ง แช่ฟิตจะทำให้หมูนุ่มมาก ๆ

เวลาปิ้งน้ำปรุงที่เหลืออย่าทิ้งนำน้ำกะทิมาผสม ตอนปิ้งก็ใช้น้ำปรุงนี้ทาลงไปที่หมูกำลังปิ้งเพื่อให้หยดลงไปถ่านกำลังร้อน ๆ จะได้มีควันหอม ๆ รมหมูด้วย
 

*******************************************************************
สูตรที่สอง หมูปิ้งรสชาววัง
เครื่องปรุง1.หมูสันนอก 1 กิโลกรัม
2.น้ำมันหอย 1/2 ถ้วย
3.ซอสปรุงรส 1/2 ถ้วย
4.น้ำปลา 1/2 ถ้วย
5.น้ำตาลปี๊ป 300 g.
6.แป้งมัน 1/4 ถ้วย
7.น้ำมันพืช 1/2 ถ้วย
8.กระเทียม พริกไทย รากผักชี (ตามแต่ชอบครับ อันนี้แล้วแต่เลย ชอบมากก็ใส่มากหน่อย)

วิธีทำ
1. หั่นเนื้อหมูให้เป็นชิ้นบางๆพอคำนะครับ อันนี้ยิ่งบางเท่าไหร่เครื่องปรุงก็เข้าเนื้อมาก เวลาเสียบไม้ย่างได้ใช้เวลาไม่นาน แล้วเครื่องปรุงก็เข้าเนื้อได้ดีกว่าชิ้นใหญ่ๆอะครับ

2. นำกระเทียม พริกไทย รากผักชี โขลกรวมกัน และ ใส่เครื่องปรุงทั้งหมดลงไปในภาชนะที่เตรียมไว้ แล้วคนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากันดี

3. นำเนื้อหมูที่หั่นไว้แล้วคลุกเคล้ากับเครื่องปรุง ใช้มือนวดเบาๆ แบบใจเย็นๆ ให้น้ำแห้งหมาดๆ (ใช้เวลาประมาณ 25 นาที)

4. นำหมูที่นวดเสร็จแล้ว แช่ตู้เย็นช่องฟรีซอย่างน้อย 3 ชั่วโมง เพื่อให้เครื่องปรุงเข้าในเนื้อและจะทำให้หมูนุ่มได้ที่

5. ครบกำหนดเวลา นำหมูมาเสียบไม้ ตามความยาว แล้วเรียงใส่กล่อง ให้สวยงาม แล้วนำเข้าช่องเย็นอีกที ก่อนนำมาปิ้งนะครับ
 

*******************************************************************
สูตรที่สาม หมูปิ้งรสดั้งเดิม
เครื่องปรุงเนื้อหมู 600 กรัม
กระเทียมกลีบใหญ่ 5-6 กลีบ
พริกไทยเม็ด 1 ช้อนโต๊ะ
ซีอิ้วขาว 3 ช้อนโต๊ะ
ซอสปรุงรส 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลปี๊บ 3 ช้อนโต๊ะ
หัวกะทิ 1/3 ถ้วย

วิธีทำ
1. ล้างเนื้อหมูให้สะอาด ซับน้ำให้แห้งแล้วหั่นเป็นชิ้นขนาดประมาณ 2 นิ้ว หนาประมาณ 3 มิลลิเมตร

2. ปลอกเปลือกกระเทียม ล้างน้ำให้สะอาดแล้วหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ นำไปโขลกให้ละเอียดพร้อมพริกไทยเม็ด

3. นำกระเทียมพริกไทยที่โขลกได้ใส่ลงไปในเนื้อหมูที่หั่นไว้ เติมเครื่องปรุงต่างๆ และกะทิ 3 ช้อนโต๊ะลงไป คลุกเคล้าเครื่องปรุงต่างๆ ให้เข้ากันแล้วหมักไว้ประมาณ 3 ชั่วโมงหรือทิ้งไว้ข้ามคืน

4. เมื่อหมักได้ที่แล้ว นำเนื้อหมูที่ได้มาเสียบไม้ (ก่อนเสียบไม้ให้นำไม้ไปแช่น้ำไว้ก่อนประมาณ 30 นาที เพื่อช่วยไม่ให้ไม้ไหม้)

5. เริ่มต้นทำการปิ้งโดยวางหมูที่เสียบไม้เรียบร้อยแล้วลงบนตะแกรง นำหัวกะทิที่เหลือมาทาให้ทั่วทุกไม้

*******************************************************************
สูตรที่สี่ หมูปิ้งรสนมสดดั้งเดิม

เครื่องปรุง

1. เนื้อหมู 1 kg.
2. พริกไทยเม็ด 1 ช้อนชา
3. กระเทียมกลีบเล็กปลอกเปลือก ประมาณ 2 หัว
4. รากผักชี 5-6 ราก
5. เกลือป่น 1 ช้อนชา
6. นมข้นจืด 3 - 4 ช้อนโต๊ะ สำหรับหมัก 3 ช้อนโต๊ะ สำหรับย่าง
7. น้ำตาลปีบ 1/2 ถ้วย
8. น้ำตาลทราย 1/2 ช้อนโต๊ะ
9. ซีอิ้วดำ 1/2 - 1 ช้อนโต๊ะ
10. แป้งมัน หรือแป้งข้าวโพด 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ1. หันหมูเป็นชิ้นและบางตามความค้องการ
2. นำกระเทียม รากผักชี พริกไทย มาตำละเอียด
3
. นำเครื่องปรุงทั้งหมดมาคลุกเคล้ากับหมูเพื่อหมัก ประมาณ 1 - 2 ชม. ใส่ตู้เย็น แล้วนำหมูมาเสียบไม้
4. ย่างหมูครับ ไฟพอประมาณ เวลาย่างก็เอานมข้นจืดทาหมูด้วยนะครับ ใช้กะทิสดแทนก็ได้ถ้าไม่ใช้นม

*******************************************************************
สูตรที่ห้า หมูปิ้งรสนมสดรสกลมกล่อมเน้นเนื้อนุ่มเหนียว
เครื่องปรุง
สำหรับหมักหมู 1 กิโลกรัม
พริกไทยป่น 1 ช้อนชาตำรวมกับกระเทียมกลีบเล็ก ไม่ต้องปอกเปลือก 1 หัวโต ๆ
ซีอิ้วดำ 1/2 - 1 ช้อนโต๊ะ
เกลือป่น 1 ช้อนชา
นมข้นจืด 3 - 4 ช้อนโต๊ะ (อย่าใส่มากเกินไป เพราะหมูจะลื่นทำให้เสียบไม้ลำบาก)
น้ำตาลปีบ 1/2 ถ้วย และ น้ำตาลทรายนิดหน่อย พอให้ออกรสหวานปะแล่ม ๆ

วิธีทำ
แล่เนื้อหมูตามขนาดที่ต้องการ แล้วนำเครื่องหมักทั้งหมดลงผสม ขยำให้เข้ากันสักครู่แล้วนำไปเสียบไม้ เสร็จแล้วนำใส่ในกล่องมีปิดฝา เก็บในตู้เย็นในช่องแข็ง 2 - 3 วัน ก่อนนำมาปิ้งกับเตาถ่านให้สุก รับประทานกับข้าวเหนียวนึ่งร้อน ๆ


 ******************************************************************* 

เก็บตกมาให้ครับ- ถ้าจะให้สุดยอดยิ่งขึ้นควรจะใส่ซอสหอยนางรมไปบ้างเล็กน้อย ควรใช้ซอสหอยอย่างราคาไม่แพงเพราะว่ามีแป้งผสมอยู่บ้างแล้ว เหยาะผงกระหรี่พอเห็นด้วยหางตา เวลาปิ้งควรพรมน้ำหมักไปด้วยเล็กน้อยจะทำให้เกิดควันและกลิ่นซึ่งเป็นหัวใจของการขาย แต่อย่าให้ถึงขนาดมองหน้ากันไม่รู้เรื่อง ปิ้งกะว่าเกือบสุก เมื่อมีลูกค้าจีงค่อยปิ้งตอนจบ จะทำให้หมูปิ้งของคุณไม่แห้ง อวบอูมอิ่มเอิบน่ารับประทาน ใส่ถุงพลาสติกมัดให้แน่น ย้ำลูกค้าว่าอย่าเปิดจนกว่าจะทาน- โขลกรากผักชี กระเทียม พริกไทย ( 3 อย่างนี้อย่าขี้เหนียวนะเพราะจะทำให้หอมมากครับ) หมักทิ้งไว้ไม่น้อยกว่า 2 ชม.เพื่อให้เครื่องปรุงซึมเข้าถึงเนื้อ แต่ถ้าคุณต้องการทำขายควรหมักทิ้งไว้ข้ามคืน
- ปกติจะหมักหมูที่หั่นแล้ว การหั่นมีหั่นสองแบบ แบบแรกคือใช้หมูสันนอกเนื้อจะแข็งไม่มีมัน แล่เป็นแผ่นเลยกับอีกแบบคือ ใช้หมูสันใน เนื้อจะแดงๆ ไม่เป็นแผ่นๆ มันแทรกนิดหน่อย หั่นชิ้นเล็กๆ ยาวๆ ไม่ต้องหนา


- เวลาหั่นเลือกหั่นตามขวาง ลายเส้นของหมู จะกัดง่ายขึ้น เวลาซื้อนี่เลือกติดมันหน่อยหนึ่ง

- การทำให้หมูนุ่มหลัก ๆ  มีสี่สูตรครับ คือ

สูตรหมูนุ่มสูตรแรก ใส้แป้งมันหมัก กะ หมู ผลที่ได้ จะได้ นุ่มแบบ ดึ๊ง ๆ เหมือน หมู ใน ราดหน้า ร้านดัง ๆ

สูตรที่สอง หมักหมู กะ มะละกอดิบครับ ขยำ ๆ ทิ้งไว้ สองชม นิด ๆ เนื้อหมูที่ได้ จะ นุ่ม แบบ ยวบ ๆ ประมาณว่าแค่เอามีดลูบ ๆ ก้อขาด (อย่าหมักนานมากนะ เดี่ยว จะเละซะก่อน)

สูตรหมูนุ่มสูตรสาม คือ ใส่ Baking Soda แต่แหวะ ไม่อร่อยเท่าไหร่ มันจะนุ่มแบบไม่นุ่ม (งงปะ) แต่ตลาดทั่วไปชอบใช้สูตรนี้ เพราะมันประหยัดต้นทุนครับ

สูตรหมูนุ่มสูตรสี่ คือ ขยำมะม่วงหวานลงไป ในขั้นตอนสุดท้ายอย่ามาก แค่เอาสีกับกลิ่น สูตรนี้จะทำให้หมูของคุณแดงแบบส้ม ๆ ไม่เหมือนใช้มะละกอ และจะออกหวาน ๆ มัน ๆ แทนกลิ่นซี้อิ๊ว แต่ผมว่าแรก ๆ จะอร่อยนะ แต่นาน ๆ ไปมันจะไม่อร่อย เพราะมันจะติดลิ้นว่าหวาน แต่สูตรนี้กินกับน้ำจิ้มแจ่วอร่อยเหาะไปเลยครับ เพราะมันจะไปตัดกับเค็มของน้ำจิ้มแจ่ว ออกหวานแบบอร่อย ๆ

สุดท้าย ท้ายสุดเนื้อหมูที่ใช้ ควรเป็นเนื้อสันส่วนขาหลัง ติดมันนิดหน่อย ถ้าเนื้อหมูที่ซื้อมาติดมันมากเกินไปก็ให้แล่เอามันออกทิ้งไปบ้าง เวลาแล่เนื้อหมูก็ต้องพยายามแล่ให้ได้ขนาดเสมอกันเพื่อความสวยงาม เวลาเสียบก็ต้องเสียบเนื้อหมูตามขวาง เนื้อหมูจะได้ดูหนา เวลากินจะไม่เหนียว และที่สำคัญจะต้องหมักหมูทิ้งไว้ในช่องฟรีซสัก 2 -3 วันถึงจะดี เวลาจะนำมาปิ้งก็เอาออกมาจากช่องฟรีซ แล้วทิ้งให้น้ำแข็งละลายก่อน เครื่องจะเข้าเนื้อและนุ่ม ถ้าหมักแล้วย่างเลยจะไม่อร่อย เวลาปิ้งจะไม่สวย เนื้อหมูก็จะติดตะแกรงด้วย
สูตรไหน ๆ ก็ทำเงินได้ครับ เอาที่คุณถนัดและคิดว่าทำรสออกมาได้กลมกล่อม แต่ถ้าถามผม ต้อง

สูตรที่หนึ่ง หมูปิ้งปะทะนมสด รสกลมกล่อม หม่อมถนัดศรีพลีชีพ ลองลิ้มชิมรส หมดยกเตากวาดเงินมาทั่วสารทิศ ด้วยพิษของความนุ่ม หอม อร่อย เค็มกำลังดี หวานนิด ๆ หอมกะทินมสด หน่อย ๆ กลั้วข้าวเหนียวนุ่ม ๆ ร้อน ๆ ในปาก .. โอ๊ย เงินไหลมา น้ำลายไหลไปค๊าบบบบ

Read More...


VCD สูตรทำขนมหลากหลาย จาก แฟรนไชส์วนิดา กุยช่าย



"เคยมีคนถามดิฉันว่าไม่คิดที่จะไปเปิดสาขาต่างจังหวัดบ้างหรือ ดิฉันตอบได้ทันทีโดยไม่ต้องคิดเลยว่า 'อยากไปมากค่ะ'  แต่ไม่มีโอกาสที่จะไปเปิดสาขาเองที่ต่างจังหวัดเลยค่ะ
แต่ดิฉันอยากจะมอบโอกาสนี้ให้ทุกท่านที่รักอาชีพทำขนม ลองมาทำธุรกิจนี้ดูสิคะ รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอน เพราะเป็นขนมที่ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือน เพราะเป็นสูตรที่คิดค้นเองทั้งหมด เรียนแล้วหาทำเลขายไม่ได้ ขายไม่เป็น ยินดีให้คำแนะนำค่ะ ตลอดไม่ทอดทิ้งแน่ๆ"
 

"ดิฉันทำด้วยใจรักจริงๆค่ะ อย่างเช่น ซาลาเปา บางท่านคงคิดในใจว่า ซาลาเปาก็คือซาลาเปา  แต่ซาลาเปาที่ร้านวนิดากุยช่ายไม่ใช่อย่างที่ท่านคิดเพราะแป้งที่เหนียวนุ่ม อร่อยถูกใจจริงๆค่ะ พุดมาถึงตรงนี้แล้ว ดิฉันคิดว่าหลายๆท่านคงอยากจะมาทำขนมแบบดิฉันบ้างแล้วซิคะ  ติดต่อมาหาดิฉันได้เลยค่ะ
ไม่ว่าคุณจะซื้อแฟรนไชส์ เรียนทำขนมหรือซื้อแผ่นซีดี ดิฉันก็พร้อมและยินดีที่จะเป็นที่ปรึกษา และแนะนำหลังการขายและหลังการสอนค่ะ และจะเป็นที่ปรึกษาตลอดแน่ๆ" พิเศษ! พร้อมสูตรน้ำจิ้มรสเด็ด
 

 

นับเวลาได้เวลานี้การขายของกินเป็นที่นิยมและขายดีเป็นอย่างยิ่ง เพราะคนเรานั้นจะถึงอย่างไรก็ต้องกินกันทั้งนั้น แต่อย่างไรก็ดีของที่เราขายต้องมีรสชาติอร่อยเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่สามารถขาดได้ จึงขอแนะนำวนิดากุยช่ายที่อร่อยประสบความสำเร็จมาแล้ว จึงเปิดหลักสูตรการทำและขายแฟรนไชส์สำหรับผู้ที่สนใจธุรกิจดีๆ
คุณวนิดา ขันทะกิจ เจ้าของธุรกิจเปิดเผยว่า “เราได้ทำขนมกุยช่ายมีหลากหลายไส้ มีทั้งขนมกุยช่ายแบบแผ่น อีกทั้งยังมีขนมจีบ, ซาลาเปา,  หมั่นโถว, บะจ่าง, เผือกนึ่งทรงเครื่อง, ขนมหัวผักกาด, เผือกห่อไข่เค็ม ซาลาเปามี 8 ไส้ เช่น ไส้หมูสับใบเตย, ไส้ครีม, ไส้เผือก, ไส้ถั่วดำ, ไส้ช็อกโกแลต, ไส้หมูหยอง, ไส้ไก่เทริยากิ, ไส้หมูแดง ทำแล้วขายดีมาก เพราะมีรสชาติที่อร่อย เลยอยากให้ผู้ที่สนใจธุรกิจ หรืออยากมาเรียนสูตรการทำเพื่อเอาไปประกอบอาชีพ ได้มีโอกาสได้ทำธุรกิจนี้ ”
 

แผ่นวีซีดี เป็นวีดีโอสอนการทำสูตรอาหาร จำหน่ายเพียงชุดละ 4,900 บาท
เป็นแผ่นซีดีสอนสูตรการทำ สอนแบบละเอียด ดูง่าย ทำง่าย ขายเป็นชุด ชุดละ 5 สูตร ท่านสามารถเลือกสูตรได้จาก ทั้งหมด 20 สูตร ได้แก่
  • สูตรทำซาลาเปา 8 สูตร
  • สูตรทำขนมกุยช่าย 5 สูตร
  • สูตรทำขนมจีบ
  • สูตรทำบะจ่าง
  • สูตรทำขนมกุยช่ายแบบแผ่น
  • สูตรทำขนมหัวผักกาด
  • สูตรทำเผือกนึ่งทรงเครื่อง
  • สูตรทำหมั่นโถว
  • สูตรทำหมั่นโถวทรงเครื่อง
ดูแล้วทำแล้วไม่เข้าใจติดต่อสอบถามได้ทุกเวลา เราจะดูแลจนท่านสามารถทำได้ เพื่อนำไปต่อยอดธุรกิจ มีวิชาติดตัวไปตลอดชีวิต

โทรมาปรึกษาได้ตลอดเวลา ติดต่อ คุณวนิดา โทร. 084-6141440

Read More...


'ขนมงาดอกไม้' สูตรใหม่-จุดขายคือสุขภาพ

สูตรอาหาร 


ขนมงา” หรือที่คนใต้เรียกว่า “ขนมจี้โจ้” เป็นขนมแป้งที่ตัวแป้งมีลักษณะเหนียว
เป็นสูตรขนมชาวจีนฮกเกี้ยนที่มาแพร่หลายในไทย

ซึ่งนักศึกษาคณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) ธัญบุรี
ปิ๊งไอเดียพลิกแพลงทำเป็น “ขนมงาดอกไม้” ซึ่งทีม “ช่องทางทำกิน” มีสูตรมาเล่าสู่...

พลอย-น.ส.ดวงกมล ฉิมปรุ และ บี-น.ส.อิสรีย์ สุขอ่ำ
นักศึกษาชั้นปี 4 สาขาวิชาอาหารและโภชนาการ-ธุรกิจอาหาร คณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ มทร.ธัญบุรี เป็นเจ้าของไอเดีย “ขนมงาดอกไม้” ปรุงรสขนมสูตรใหม่ที่อุดมด้วยคุณค่าสารอาหาร เอาใจคนรักสุขภาพ โดยนำเอาดอกไม้มาเป็นส่วนผสมในขนมงาอย่างลงตัว กลายเป็นขนมงาดอกไม้รสอร่อย
แถมด้วยคุณค่าทางโภชนาการ โดยมี ผศ.อภิญญา พุกสุขสกุล และ ผศ. อุจิตชญา จิตรวิมล เป็นอาจารย์ที่ปรึกษา

“พวกเราได้เอาขนมงาแบบดั้งเดิมที่ตัวแป้งเหนียวๆ มาปรับปรุงสูตรใหม่
โดยการเพิ่มแป้งเข้าไปเป็นส่วนผสมและเปลี่ยนจากใช้เผือกมาเป็น ใช้มันไข่
เพราะในมันไข่ ประกอบด้วยคาร์โบไฮเดรตที่เป็นแหล่งพลังงานของร่างกาย
มีวิตามินเอ (เบต้าแคโรทีน) ช่วยเสริมสร้างกระดูก

ส่วนตัวไส้เปลี่ยนจากถั่วเหลืองหรือถั่วดำมาเป็น ใช้ถั่วเขียว เพราะถั่วเขียวมีโปรตีนสูง ไขมันต่ำ ลักษณะสีน่าทาน นอกจากนี้ยังได้เสริมดอกไม้ 3 ชนิด คือ ดอกคำฝอย ดอกอัญชัน และดอกพวงชมพู เข้าไปด้วย”

สองสาวเล่าพร้อมบอกอีกว่า ที่นำดอกไม้มาเป็นส่วนผสมซึ่งดูน่ารับประทานมากขึ้นนั้น
ด้านประโยชน์ในดอกอัญชันมีสารแอนโทไซยานิน ที่ช่วยล้างสารที่ก่อมะเร็ง
และยังออกฤทธิ์ในการขยายเส้นเลือด เพิ่มการไหลเวียนในหลอดเลือดเล็ก
ดอกคำฝอย ช่วยลดความดันในโลหิตสูง ช่วยขับเหงื่อ เป็นยาระบายอ่อน ๆ บำรุงประสาท
ส่วนดอกพวงชมพู ช่วยเรื่องการหลับ ทำให้หลับง่าย และมีวิตามินเอสูง บำรุงสายตา


สำหรับอุปกรณ์ที่ใช้ในการทำ “ขนมงาดอกไม้” หลัก ๆ ก็มี...เตาแก๊ส, กระทะ, กระชอน,
ถาด, กะละมัง, ทัพพี, หม้อสเตนเลส, ครก, ผ้าขาวบาง และอุปกรณ์เครื่องครัวเบ็ดเตล็ดอื่น ๆ

“ขนมงาดอกไม้” นั้น ส่วนผสมของตัวแป้ง ตามสูตรประกอบด้วย
มันไข่นึ่งสุกบด 4½ ถ้วยตวง,
แป้งข้าวเหนียว 2½ ถ้วยตวง,
แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วยตวง,
กะทิข้น 1½ ถ้วยตวง,
งาขาวสำหรับคลุก (ปริมาณตามความต้องการ)
และน้ำมันสำหรับทอด จากสูตรนี้จะทำขนมงาดอกไม้ได้ประมาณ 10 ลูก

นอกจากนี้ก็ต้องมีส่วนผสมของไส้
ถ้าเป็น “ไส้ดอกคำฝอย”
ใช้ถั่วซีกนึ่งบด 2 ถ้วยตวง,
ดอกคำฝอยสับ 2 ช้อนโต๊ะ,
น้ำตาล ¼ ถ้วยตวง,
เกลือ ¼ ถ้วยตวง,
น้ำมันผัด 2 ช้อนโต๊ะ

ถ้าเป็น “ไส้ดอกอัญชัน”
ใช้ถั่วซีกนึ่งบด 2 ถ้วยตวง,
ดอกอัญชัน 2 ช้อนโต๊ะ,
น้ำตาล ¼ ถ้วยตวง,
เกลือ ¼ ถ้วยตวง
และน้ำมันผัด

ถ้าเป็น “ไส้ดอกพวงชมพู”
ใช้ถั่วซีกนึ่งบด 2 ถ้วยตวง,
ดอกพวงชมพู 3 ช้อนโต๊ะ,
น้ำตาล ¼ ถ้วยตวง,
เกลือ ¼ ถ้วยตวง,
น้ำมันผัด 2 ช้อนโต๊ะ
และสีชมพูผสมน้ำ 1 ช้อนชา

สูตรอาหาร


ขั้นตอนการทำ “ขนมงาดอกไม้”
เริ่มต้นจากการทำตัวไส้ก่อน โดยการเอาน้ำมันใส่ลงในกระทะ นำถั่วซีกนึ่งบดลงไปผัด
ใส่ส่วนผสมของดอกไม้ลงไป (ส่วนผสมทั้ง 3 ไส้ แยกผัดต่างกระทะกัน) ปรุงรสด้วยเกลือ น้ำตาล
ผัดให้ส่วนผสมเข้ากัน กวนไปเรื่อย ๆ
สังเกตว่าไส้ขนมจับตัวเป็นก้อน มีความแวววาว ไม่ติดกระทะ ก็เป็นอันใช้ได้ ตักขึ้นใส่ภาชนะ
ทิ้งไว้ให้เย็น ก่อนจะนำมาปั้นเป็นก้อนกลมๆ น้ำหนักราว 10 กรัมต่อลูก พักไว้

ต่อไปเป็นการทำตัวแป้ง
ใช้มันไข่ที่นึ่งสุกและบดแล้ว แป้งข้าวเหนียว แป้งข้าวเจ้า กะทิ ตามสูตร
นำส่วนผสมทั้งหมดใส่ในกะละมัง แล้วทำการนวดคลุกเคล้าส่วนผสมให้เข้ากัน
ระหว่างนวดต้องคอยเติมน้ำสะอาดลงไป เพื่อช่วยให้แป้งเนียนจับเป็นเนื้อเดียวกัน
สังเกตว่าแป้งนิ่ม ไม่ติดมือ ก็เป็นอันใช้ได้ นำเอาผ้าขาวบางชุบน้ำบิดหมาด ๆ มาคลุมปิดไว้สักครู่

จากนั้นก็นำแป้งมาปั้นห่อไส้ที่เตรียมไว้ โดยชั่งแป้งก้อนละ 15 กรัม ใช้มือแผ่แป้งออกนิดหน่อย
วางไส้ที่เตรียมไว้ลงกลางแป้ง ทำการจับแป้งหุ้มไส้ คลึงให้กลม
นำไปคลุกงาขาว ก่อนจะนำไปทอดในน้ำมันให้มีสีเหลืองทอง ตักขึ้นสะเด็ดน้ำมัน
เพียงเท่านี้ก็จะได้ “ขนมงาดอกไม้” ขายได้ในราคาลูกละ 3 บาท, 7 ลูก 20 บาท

“ขนมงาดอกไม้” สูตรนี้ ยังไม่มีการทำขายแพร่หลายตามท้องตลาด
ใครสนใจใช้เป็น “ช่องทางทำกิน” ก็ลองไปฝึกฝนและพลิกแพลงสร้างเป็นสูตรเฉพาะของตนเอง
หรือหากมีข้อสงสัยก็ลองสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมจาก ผศ.อุจิตชญา ได้ที่ โทร. 08-9519-2332.


โดย เชาวลี ชุมขำ : รายงาน
ที่มา : http://www.dailynews.co.th

Read More...




----------------

ปรับปรุง
รายการบทความทั้งหมด



การบำรุงรักษารถยนต์เบื้องต้น



ร้านค้าเคลื่อนที่ ใช้ รถบรรทุกขนาดเล็กมาดัดแปลง



รวมบทความอาชีพ เสริม หลากไอเดียวิธีหารายได้เสริม



รวมบทความงานฝีมือ-สิ่งประดิษฐ์ รายได้เสริม



ทองม้วน thong muan ; rolled wafer





MASK รุ่นสายคล้องคอ







MASK รุ่นสายคล้องคอ. ��รุ่นนี้เป็นที่นิยมใช้กันมาก #ขายดีมาก
ทำจากผ้าคอตตอนแท้ 100%  ไม่ผสม เนื้อผ้านุ่ม 
3 ชั้น. สวมใส่พอดีกับใบหน้า ไม่เจ็บหู มีสายคล้องคอปรับได้
เวลาถอดออก ไม่ต้องกลัวลืม เพราะถอดแล้วคล้องคอไว้ได้
บรรจุในถุงซิปฟรอย์อย่างดี
ราคาชิ้นละ. 59. บาท. ไม่รวมส่ง 
มีหลายสีให้เลือกนะคะ   สนใจทักแชทขอดูสีผ้าได้นะคะ
หน่วยงาน บริษัท ห้างร้าน หรือ สนใจสั่งไปจำหน่าย 
มีเรทราคาส่งค่ะ

-> id line : noeyhorm_06
#มีวางจำหน่ายหน้าร้านชานมไต้หวันมาราชาสาขาจรัญ44


ร้านมาราชาชานมไข่มุก สาขาจรัญสนิทวงศ์ 44
● รับบัตรสะสมครบ 10 แก้ว แลกรับฟรี 1 แก้ว
● สั่งเดลิเวอรีผ่าน LINE MAN, Foodpanda ,GET ...ถึงมือปั๊บพร้อมดื่มปุ๊บ!
● อัพเดทโปรโมชั่นใหม่ๆ รสชาติใหม่ ตลอดเวลา
● มีเมนูให้เลือก 40 กว่าเมนู : https://bit.ly/2Z9iqV0






























































เลือกช่องทางติดต่อและรับข่าวสารบริการหลังการขาย
ฟอร์ด พลปิยะอยุธยาและฟอร์ด พลปิยะวังน้อย

--------------------------------------------------------------------------------------------
แคมเปญ-โปรโมทชั่น อะไหล่ฟอร์ด อัพเดททางออนไลน์และปรับปรุงข้อมูลออนไลน์
อะไหล่ฟอร์ด อะไหล่รถฟอร์ด อะไหล่รถยนต์ฟอร์ด อะไหล่ฟอร์ดแท้ ร้านขายอะไหล่รถฟอร์ด ขายอะไหล่รถฟอร์ด อะไหล่ฟอร์ด
 
Option

รวมบทความอาชีพเสริม หลากไอเดียวิธีหารายได้เสริม หาอาชีพเสริมอิสระทำเงิน สร้างอาชีพอิสระงานฝีมือ แนะนำการสร้างรายได้เสริมทำเงินด้วยการขายสินค้าหรือขายของเป็นอาชีพเสริม อิสระงานฝีมือ แนะแนวธุรกิจ อาชีพเสริม อาชีพแก้จน อยากจะมีรายได้เสริมนอกเหนือจากงานประจำ บล๊อกจัดทำขึ้นเป็นวิทยาทานเพื่อเผยแผ่ความรู้อันจะเป็นไปเพื่อบุญกุศล ขอให้ทุกท่านที่มีส่วนร่วมในบทความของบล๊อกนี้ จงได้รับอานิสงฆ์ด้วยเทอญ.