Home » All posts

'ขนมกล้วยมะพร้าวอ่อน' จุดประกายไอเดีย ทางเลือกใหม่คนชอบขนมไทย

ขนมกล้วยตัดเป็น 16 ชิ้นใส่ใน1กล่อง

ถ้านึกถึง ขนมไทย และผลไม้ไทย เวลานี้ ก็ต้องนึกถึงกล้วยน้ำว้า และเมนูกล้วยน้ำว้าที่คนไทยคุ้นเคยก็ต้องเป็น "ขนมกล้วย" แต่ขนมกล้วยที่นำเสนอในวันนี้ แตกต่างจากขนมกล้วยทั่วไป เพราะได้มีการดัดแปลงสูตรด้วยการเติมมะพร้าวอ่อนลงไป กลายเป็นขนมกล้วยมะพร้าวอ่อน

'ขนมกล้วยมะพร้าวอ่อน' จุดประกายไอเดีย ทางเลือกใหม่คนชอบขนมไทย

ดูกันเต็ม หน้าตาของขนมกล้วยมะพร้าวอ่อน

นายนิมิต รัตนรงคาภรณ์ (ซานต้า) เจ้าของสูตรขนมกล้วยมะพร้าวอ่อน เล่าให้ฟังว่า ความแตกต่างของขนมกล้วยมะพร้าวอ่อนของเรา กับขนมกล้วยที่ขายกันตามท้องตลาด อยู่ตรงที่ขนมกล้วยทั่วไปจะเป็นการนำเนื้อกล้วยผสมแป้งแล้วนำไปนึ่ง หลังจากนั้น ก็จะมีมะพร้าวขูดฝอยโรยหน้า โดยปกติขนมกล้วยที่ขายกันทั่วไปเนื้อขนมจะแข็งบ้าง นิ่มบ้าง ขึ้นอยู่กับสูตรว่าจะใส่กล้วยมาก-น้อย เพียงใด

กล้วยที่นำมาใช้ก็ต้องเป็นกล้วยน้ำว้า

สำหรับขนมกล้วยมะพร้าวอ่อน (Steamed Banana Cake with Young Aromatic Coconut Meat) ของเรานั้น เราจะผสมเนื้อมะพร้าวอ่อนที่ใช้การขูดมือเป็นชิ้นๆ ไม่อ่อนไปหรือไม่แข็งไป กำลังกรุบกรอบ ผสมลงไปกับกล้วยและแป้ง โดย ที่เราจะเน้นกล้วย ต่อ มะพร้าวอ่อน ในสัดส่วน 10 : 6 ส่วนแป้งเราไม่เน้น จึงทำให้ขนมที่ออกมานั้น เวลากัดกินเข้าไปจะรู้สึกถึงเนื้อกล้วยอย่างเต็มที่ ความหอมของเนื้อกล้วยและเนื้อมะพร้าวอ่อนกรุบกรอบ ทำให้ได้รสชาติ ไปอีกแบบหนึ่ง ซึ่งเชื่อว่ายังไม่เคยมีใครคิดทำสูตรดังกล่าวนี้ออกมาขาย

นายนรินทร์ รัตนรงคาภรณ์ (ซ้าย) เจ้าของสูตร

ส่วนอายุการเก็บของขนมกล้วยมะพร้าวอ่อนนั้น เนื่องจากมีส่วนผสมของเนื้อมะพร้าวอ่อน ดังนั้นขนมสดทุกชนิดที่มีส่วนผสมของมะพร้าวอ่อน ควรเก็บเข้าตู้เย็น ไม่ควรข้ามวัน เพราะมะพร้าวมีน้ำอาจทำให้ เสียได้ง่ายประกอบกับอากาศร้อน วิธีการเก็บ คือ ใส่ไว้ช่องแช่แข็ง เก็บได้นาน 5-6 เดือน เมื่อต้องการกินจึงนำออกมาเข้าไมโครเวฟสัก 3-5 นาที ก็จะได้ขนมกล้วยใหม่ๆที่หอมอร่อยเหมือนเพิ่งนึ่งสุกขึ้นมาใหม่ หากเก็บไว้ในช่องปกติก็ประมาณ 3-5 วัน แต่แนะนำให้เก็บในช่องแช่แข็ง ไม่ต้องกลัวว่ารสชาติของขนมจะเสีย โดยราคาขายขึ้นอยู่กับขนาด ซึ่ง ทำออกมาในขนาดชิ้นเท่ากับหม้อแกงถาด (ประมาณ 9x9x2.5 ซม.) นำมาหั่นแบ่งได้ 16 ชิ้นพอดีคำ บรรจุในกล่อง ขายราคา กล่องละ 45 บาท หรือ หากลูกค้าต้องการให้แบ่งเป็นจำนวนเท่าใดหรือไม่แบ่งก็ได้

มะพร้าวที่เลือกใช้ต้องพอดีไม่นิ่มหรือแข็งเกินไป

สำหรับช่องทางการขาย ในขณะนี้ยังไม่ มีการวางขายที่ไหน เราเน้นการสั่งล่วงหน้าตามออเดอร์ลูกค้า (Made to Order) แล้วลูกค้ามารับขนมที่ ร้านเจริญพร (อึ้งกวงฮวด) เชิงสะพาน ปากซอยชุมชนพัฒนาเทศบาล 6 (ทางเข้าซอยโรงพยาบาลบางบัวทอง) ตลาดบางบัวทอง จ.นนทบุรี หรือ ไม่ ลูกค้าที่ไม่สะดวกมารับที่ร้าน 1.สามารถนัดรับที่กระทรวงสาธารณสุข ถนนงามวงศ์วาน (ที่ทำงานของซานต้า) ได้ หรือไม่สะดวกมารับเราก็มีบริการจัดส่งทางไปรษณีย์ คิดค่าส่งตามน้ำหนัก

โดยลูกค้าของเราส่วนใหญ่ เกิดมาจากการขายผ่านช่องทางการขายทางโซเชียลเน็ตเวิร์ค และการบอกกันแบบปากต่อปาก เพราะ ก่อนหน้านี้ ทำขนมเข่งมะพร้าวอ่อน มาก่อน ลูกค้าที่ซื้อขนมเข่งตามเทศกาล พอไม่ใช่ช่วงเทศกาล เขาก็อยากจะหาขนมอื่นๆ กินบ้าง เราก็เลยตัดสินใจทำขนมกล้วย เพราะมีกล้วยและมะพร้าวในพื้นที่ซึ่งสามารถหาซื้อได้ในราคาไม่แพง

ในส่วนของยอดขายถือว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจ เพราะที่ผ่านมามีขนมอยู่หลายตัวที่สร้างชื่อให้กับเรา ไม่ว่าจะเป็น “ขนมเข่งฮ่องเต้” บ๊ะจ่างจักรพรรดิ และล่าสุดก็คือ ผัดหมี่เตี๊ยว (สูตรต้นตำรับแต้จิ๋ว) หลายคนไม่เคยเห็นขนมกล้วยมะพร้าวอ่อน เห็นในเฟซบุ๊กหน้าตาดูดี และเคยกินขนมอื่นๆ ของเรามั่นใจในรสชาติ ก็จะมาสั่งขนมกล้วยมะพร้าวอ่อนไปกิน หลังจากนั้นกลายมาเป็นลูกค้าประจำของขนมกล้วยก็มี

       ทั้งนี้ ในส่วนของขนมกล้วยมะพร้าวอ่อนนี้เราจะทำและเก็บใส่ในช่องแช่แข็ง เพราะไม่สามารถทำทีละชิ้นสองชิ้นได้ ทำ ขึ้นมาเสร็จเราจะเก็บแช่เย็นไว้ทันทีเนื่องจากเป็น Frozen Product คือ ถ้าลูกค้าสั่งไม่มากก็จะมีของให้ แต่ถ้าสั่งเยอะ ต้องสั่งล่วงหน้า เพราะบางช่วงกล้วยและมะพร้าวอ่อนก็อาจไม่มีในท้องตลาดหรือขาดแคลน

       "ส่วนรายได้จากการขาย หากเปรียบกำไรก็ถือว่าอาจไม่มากเท่าไรเพราะเราเน้นของคุณภาพจริงๆ ซึ่งปัจจุบันมะพร้าวอ่อนลูกละกว่า 20 บาทแล้ว แต่กำไรของเรา คือ “ความพึงพอใจและความสุขของลูกค้า” สำหรับกำไรที่เป็นตัวเงิน เมื่อคิดต่อหน่วยอาจจะไม่มาก แต่เราคิดว่า ให้ลูกค้ากินแล้วกลับมาหาเราบ่อยๆ ตรงนี้แหละ ที่จะทำให้ธุรกิจใดธุรกิจหนึ่งอยู่ได้แบบถาวรยืนยาวครับ"

       นิมิตร เล่าถึงที่มาของสูตรขนมกล้วยมะพร้าวอ่อนของตนเองว่า สูตรนี้เป็นของทางครอบครัว เนื่องจากคุณพ่อ (คุณนรินทร์ รัตนรงคาภรณ์) เป็นผู้ที่ชอบกินมะพร้าวและขนมไทยมาก เมื่อใดสามารถหากล้วยน้ำว้าได้มากก็จะทำขนมกล้วยขึ้นมากินกันในครอบครัวและ แบ่งให้เพื่อนๆ กินกัน โดยคุณพ่อจะหามะพร้าวอ่อนมาผสมลงไปด้วยเพื่อเพิ่มความหอมมันและอร่อยยิ่ง ขึ้น

สนใจ 08-5802-6610 , 08-4008- 9229
www.facebook.com/kanomkenghongtae

credit by ; http://www.manager.co.th/iBizChannel/ViewNews.aspx?NewsID=9570000063342

เอแคลร์สูตรเด็ด คำแรก อร่อยลืมมมม!

สูตรทำขนม

เป็นประจำทุกสุดสัปดาห์แบบนี้ พบกับคอลัมน์ Trend can do อีกเช่นเคย สัปดาห์นี้พบกับวิธีการทำขนมเอแคลร์ที่ขึ้นชื่อจากโรงแรมชื่อดัง เลอ เมอริเดียน โฮเต็ล แอนด์ รีสอร์ท ซึ่งได้เพิ่มความน่าสนใจด้วยกลิ่นรสต่างๆ ในแบบท้องถิ่น...
เมื่อเร็วๆ นี้ เลอ เมอริเดียน โฮเต็ล แอนด์ รีสอร์ท ประกาศเปิดตัว โปรแกรมขนมเอแคลร์ทั่วโลกเป็นครั้งแรก โดยใช้ชื่อว่า เลอ เมอริเดียน เอแคลร์ ร่วมกับเชฟขนมอบ เจ้าของรางวัลมากมายอย่าง เชฟจอห์นนี ยูซีนี
ไทยรัฐออนไลน์จึงไม่พลาดนำสูตรวิธีการทำ เอแคลร์มาฝากทุกคน โดยสูตรเด็ดของโรงแรมเลอ เมอริเดียน กรุงเทพฯ จะให้บริการเป็นเอแคลร์ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากผลไม้ตระกูลส้ม โดยมีรสมะม่วง มะนาว และขิง ที่กินเข้าไปก็จะต้องฟินกันสุดๆ

ไม่ได้มีแค่เอแคลร์มะม่วง แต่ยังไม่ให้เลือกอีกมากมาย

อุปกรณ์ที่ต้องเตรียม
แป้งเอแคลร์
1. นมสด 250 มิลลิลิตร
2. น้ำ 250 มิลลิลิตร
3. เกลือ 10 กรัม
4. น้ำตาล 10 กรัม
5. เนย 225 กรัม
6. แป้งสาลีชนิดหนัก 275 กรัม
7. ไข่ 9 ฟอง
ไส้เอแอลร์
1. นมสด 200 มิลลิลิตร
2. น้ำตาล 75 กรัม
3. มะม่วงเข้มข้น 200 กรัม
4. ขิง 10 กรัม
5. ไข่แดง 6 ฟอง
6. นม 75 มิลลิลิตร
7. แป้งข้าวโพด 30 กรัม
8. แป้งเค้ก 15 กรัม
9. น้ำมะนาว 20 กรัม

วิธีทำแป้งเอแคลร์
1. ต้มน้ำ กับนม น้ำตาล เกลือ และเนยเข้าด้วยกัน
2. ร่อนแป้ง แล้วนำไปใส่ในส่วนผสมในส่วนแรก ในขณะที่กำลังเดือด
3. เทไข่ลงไปทีล่ะหนึ่งฟอง จนกระทั่งส่วนผสมกลายเป็นเนื้อแป้ง (ไม่ต้องใส่ไข่ลงไปทั้งหมดหากไม่จำเป็น)
4. อบในอุณภูมิที่ 120 องศา โดยใช้กระดาษสำหรับรองอบขนม
5. รอจนแป้งสุดได้ที่และไม่ควรเปิดเตาขณะอยู่ในกระบวนการอบแป้ง

วิธีทำไส้เอแคลร์
1. หม้อใบแรก นำส่วนผสม ได้แก่ นมสด 200 มิลลิลิตร น้ำตาล มะม่วงเข้มข้น ขิง น้ำมะนาว ผสมให้เข้ากัน ตั้งไฟจนเดือด
2. หม้อใบที่สอง นำส่วนผสมที่เหลือ นม 75 มิลลิลิตร แป้งข้าวโพดและแป้งเค้ก ตามด้วยไข่แดงผสมให้เข้ากัน
3. นำส่วนผสมในหม้อที่สอง ค่อยๆ ใส่ลงหม้อที่หนึ่ง จากนั้นเปิดไฟแรง คนจนกระทั่งเดือด
4. ตั้งพักไว้จนเย็น จากนั้นนำเข้าตู้เย็น จนกระทั่งอุณหภูมิต่ำกว่า 5 องศา

Read More...

101 เมนูซูชิ part 1

สูตรทำอาหาร

ซูชิเป็นอาหารชื่อดังของญี่ปุ่น เป็นที่รู้จักกันแพร่หลาย หลายคนคงเคยได้กินซูชิมาแล้ว ซูชินิยมใช้อาหารทะเลสดๆ หั่นหรือแล่เป็นแผ่นบาง จัดวางอย่างสวยงาม ขนาดพอดีคำเพื่อรสสัมผัสที่อร่อยและดูน่าทาน การปั้นซูชิและการจัดวางซูชิเพื่อเสิร์ฟให้ลูกค้าถือเป็นศิลปะอย่างหนึ่งที่ ต้องใช้ความเชี่ยวชาญ ทั้งนี้เพราะซูชินิยมใช้อาหารทะเลหรือเนื้อสัตว์สดๆมาทำ ถ้าทำไม่ดีหรือใช้ของไม่สดจะทำให้ดูไม่น่ากินและรสชาติแย่ ซูชิมีชื่อเรียกตามวัตถุดิบและรูปร่าง มาดูกันซิว่าซูชิทั้ง 101 อย่างมีอะไรบ้าง
1. ข้าวปั้นหน้าปลามากุโร่, มากุโร่ นิกิริ (Maguro Nigiri)

ข้าวปั้นหน้าปลาทูน่าเนื้อแดง ใช้ปลาทูน่าทุนนัส (Thunnus Tuna) หรือ ปลาทูน่าครีบเหลือง เนื้อแดงไขมันต่ำ เป็นปลาทูน่าพันธุ์เล็ก

2. ข้าวห่อสาหร่ายไส้แตงกวา, กัปปะมากิ (Kappa Maki)

มากิก็คือข้าวห่อสาหร่าย ส่วนที่เรียกว่ากัปปะเพราะว่า ตัวกัปปะปิศาจชนิดหนึ่งของญี่ปุ่นชอบกินแตงกวา

3. ข้าวปั้นซูชิหน้าปลาแซลมอน, ซาเกะนิกิริ (Sake Nigiri)

4. ข้าวห่อสาหร่ายหน้าไข่ปลาแซลมอน (Ikura Gukan)

5. ข้าวปั้นซูชิหน้าปลาทูน่า (Toro)

โทโร่เป็นเนื้อส่วนท้องที่มีไขมันเยอะของปลาทูน่าครีบน้ำเงินหรือปลาทูน่ายักษ์

6. ข้าวปั้นซูชิหน้าไข่หอยเม่น, อุนิ (Uni)

จริงๆ แล้วอุนิไม่ใช่ไข่หอยเม่นแต่มันคืออัณฑะหรือรังไข่ของหอยเม่น

7. ข้าวปั้นซูชิหน้ากุ้งแบบดิบ, อามะเอบิ นิกิริ (Amaebi)

8. ข้าวปั้นซูชิหน้ากุ้งแบบปรุงสุก, เอบิ นิกิริ (Ebi Nigiri)

9. ซูชิปลาฮามาจิ (Hamachi)

ฮามาจิเป็นชื่อเรียกปลาบุรี (ปลาหางเหลือง) ขนาดที่ยังเล็กอยู่

10. ซูชิหน้าปลาไหล, อานาโกะ (Anago)

ปลาอานาโกะเป็นปลาไหลชนิดหนึ่งอาศัยอยู่ในน้ำเค็ม ปลาไหลที่นำมาทำเป็นซูชินิยมปรุงสุกโดยการย่างหรือต้ม น้ำซอสที่ใช้ปรุงจะนิยมให้ออกรสหวานเค็ม

11. ซูชิหน้าปลาหมึก (Ika Nigiri)

12. ซูชิหน้าหอยโอตาเตะ (Hotate Nigiri)

โฮตาเตะหรือหอยเชลล์ญี่ปุ่น

13. ซูชิหน้าไข่หวานย่าง (Tamagoyaki)

14. ซูชิหน้าปลาหมึกยักษ์ (Tako Nigiri)

15. ซูชิหน้าปลากะพง (Tai)

16. ซูชิหน้าปลาอาจิ (Aji)

ปลาอาจิ (Japanese Jack Mackerel) เป็นปลาทูสายพันธุ์หนึ่ง

17. ข้าวห่อสาหร่ายไส้ปลาทูน่า, เท็กกะมากิ (Tekkamaki)

18. ซูชิหน้าปลาซาบะ (Saba)

19. แคลิฟอร์เนียโรล (California Roll)

เป็นซูชิสไตล์ตะวันตกที่เป็นที่นิยมมาก เป็นข้าวห่อม้วนสาหร่ายไส้ในเป็นแตงกวา อาโวคาโด ปูอัด หรือแล้วแต่เชฟสร้างสรรค์

20. ฟุโตะมากิ (Futomaki)

เป็นข้าวห่อสาหร่ายที่มีส่วนประกอบของไส้ในที่หลากหลาย ที่นิยมก็คือ คัมเปียว (ฟักหรือน้ำเต้าหมักด้วยโชยุและน้ำตาล หั่นเป็นเส้นๆแล้วตากแห้ง) ไข่หวาน แตงกวา เห็ด

21. ซูชิหน้าปลาอุนากิ (Unagi)

อุนากิเป็นปลาไหลน้ำจืด ต้มในน้ำซอสหวาน

22. ซูชิหน้าปลาอายุ (Ayu)

23. ข้าวห่อสาหร่ายไส้นัตโตะหรือถั่วหมัก(Natto Maki)

24. ซูชิหน้าปลาซันมะ (Sanma)

25. เนกิโทโร่ (Negitoro)

เนื้อส่วนท้องปลาทูน่าบลูฟินสับกับต้นหอม ทำเป็นไส้ข้าวห่อสาหร่าย

ที่มา http://www.japan-talk.com/jt/new/101-kinds-of-sushi-in-Japan

credit by : http://megatopic.blogspot.com/2013/08/101-part-1.html

Read More...

กุยช่ายแต้จิ๋วสูตรโบราณ แป้งบางใส ถูกใจใช่เลย

สูตรทำขนม

เราเป็นคนที่ไม่ชอบกินผักกุยช่าย แต่ถ้าเอามาทำขนมกุยช่ายจะชอบมาก ทำไมเป็นงั้นก็ไม่รู้
จริง ๆ เราเคยทำไปแล้วสองสูตร สูตรแรกทำแล้วแป้งนุ่มเหนียวดีแต่แป้งไม่ใส ตอนห่อแป้งติดมือหนุบหนับมาก อิอิ.. แต่ผลออกมาอยู่ในเกณฑ์์ที่อร่อยน่าพอใจ
เมื่อต้นปีได้ลองสูตรที่สอง ก็คิดว่ามันยังไม่ใช่ กลับไปเทใจให้สูตรแรกเหมือนเดิม

ดังนั้นมันต้องมีสูตรที่สามค่ะ สูตรนี้เป็นกุยช่ายแต้จิ๋วสูตรโบราณ ที่มาของสูตรนี้เรียกว่าใกล้เกลือกินด่าง
เพราะคุณนายแม่บอกว่าจำสูตรมาจากอาม่า (ย่า) เรานั่นเอง ตอนนี้อาม่าไปเฝ้าเง็กเซียนที่บนสวรรค์แล้ว
ตามไปถามสูตรไม่ได้เราก็เลยถามคุณนายแม่แทน แต่อัตราส่วนที่คุณนายบอกมาถ้าเราเอามาลงบล็อก
เพื่อน ๆ คงงงเป็นไก่ตาแตก เพราะเธอตวงเป็นชาม 555 แล้วชามแต่ละบ้านมันขนาดเท่ากันซะเมื่อไหร่เนาะ
เราเลยต้องเอามาเทียบน้ำหนักและตวงวัดอีกทีค่ะ ไม่ลำบากอะไรเพราะของอร่อยต้องมาแบ่งกันกินค่ะ

แม่เล่าว่าแป้งกุยช่ายแบบจีนจะใช้วิธีกวนในกระทะให้แป้งสุก แล้วนำมานวดจนแป้งได้ที่
แต่เพราะเวลากวนแป้งจะติดกระทะทำให้ต้องทิ้งแป้งไปเป็นจำนวนมาก
ปัจจุบันจึงใช้วิธีการนวดกับน้ำเดือดจัดแทน ซึ่งจะทำได้ง่ายกว่ากันค่ะ

ส่วนผสมและวิธีทำ
แป้ง
แป้งมันสำปะหลัง 500 กรัม
แป้งข้าวเจ้า 250 กรัม
น้ำเดือดจัด 3+1/2 ถ้วย
น้ำ 1 ถ้วย
น้ำมันพืช 3 ช้อนโต๊ะ

ไส้กุยช่าย
กุยช่ายซอย 2 กก.
เบกกิ้งโซดา 1 ช้อนชา
เกลือสมุทร 2 ช้อนชา
น้ำตาลทราย 4 ช้อนโต๊ะ
น้ำมัน 3/4 ถ้วย

น้ำจิ้ม
น้ำ 4 ถ้วย
เกลือสมุทร 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำส้มสายชู 1/4 ถ้วย
ซีอิ๊วดำหวาน 1/2 ถ้วย
น้ำตาลทรายไม่ฟอก 1/2 ถ้วย
พริกขี้หนูสวนบดผสมน้ำส้มสายชู 1/4 ถ้วย

** สูตรนี้จะได้ประมาณ 80 ชิ้น ไม่ใหญ่มากค่ะขนาดที่เราทำ วันนี้เราทำแค่ 1/4 สูตรนะคะ **
1. ทำน้ำจิ้มโดยผสมเครื่องปรุงทั้งหมดใส่หม้อ เคี่ยวไฟกลางพอเดือด ปิดไฟ

2. ทำไส้โดยผสมกุยช่าย เบกกิ้งโซดา เกลือ น้ำตาล และน้ำมัน เคล้าให้เข้ากัน พักไว้ 1 ชั่วโมง
เพื่อให้ใบกุยช่ายนุ่ม (อยากให้นุ่มเร็วไม่ต้องรอถึง 1 ชม.ก็ขยำ ๆ ซะหน่อยค่ะ) จากนั้นเทใส่กระชอนให้สะเด็ดน้ำ (สูตรนี้ไม่ต้องนำไปผัดนะคะ)

3. ทำแป้งโดยผสมแป้งมันและแป้งข้าวเจ้ารวมกันในอ่างผสม ใส่น้ำเดือดจัด ใช้พายไม้คนให้ทั่ว
พอแป้งอุ่นมือใช้มือนวดให้เข้ากัน ค่อย ๆ ใส่น้ำทีละน้อยสลับกับน้ำมัน ใช้สันมือนวดไปเรื่อย ๆ
จนแป้งเหนียวรวมกันเป็นก้อน นวดจนน้ำและน้ำมันหมด แป้งจะเป็นก้อนเหนียวและนุ่มมือ

4. แบ่งแป้งเป็นก้อนกลมเล็ก ใช้แป้งมันแห้งเป็นแป้งนวล แล้วบีบไล่แป้งให้เป็นแผ่นบาง หรือจะใช้ไม้รีดแป้งให้บางก็ได้ ตักใส่ไส้ห่อจับจีบห่อโดยรอบและไม่มีรอยรั่ว เรียงใส่ลังถึงที่รองด้วยใบตองฉีกเป็นริ้วทาน้ำมัน
** แป้งสูตรนี้เริ่ดมาก ไม่ติดมือเลย เหนียวนุ่ม ห่อง่าย **