สูตรขนม สูตรอาหาร อาชีพรายได้เสริม ประกาศฟรี โฆษณาฟรี Career Articles Extra Income
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

Drop Down MenusCSS Drop Down MenuPure CSS Dropdown Menu

ไก่เหลือง ต้นตำรับ ธีรชัย ไก่ย่างบางตาล





 


นอกจากเมนู “ส้มตำ-ไก่ย่าง” จะแพร่หลายเป็นที่รู้จักไปทั่วประเทศแล้ว เฉพาะสูตรที่เป็นเอกลักษณ์ของ “ไก่ย่าง” ยังแตกแขนงออกไปอย่างหลากหลาย 1 ในจำนวนนั้น “ไก่เหลือง” หรือบางครั้งเรียกกันตามถนัดปากว่า ไก่ย่างสูตรไก่เหลือง, ไก่ย่างชายหาด ฯลฯ จัดเป็นอีกแขนงหนึ่งที่คนไทยทั่วประเทศคุ้นเคย

ด้วยรูปลักษณ์ภายนอกที่เมื่อย่างเสร็จแล้ว นำมาเตรียมวางขาย จะปรากฏเป็นเนื้อไก่ประกบไม้ 3 ซี่ สีเหลืองนวลบ้าง เหลืองอมส้มบ้าง แล้วแต่เทคนิคของพ่อครัวผู้ลงมือหมัก/ย่าง พบได้ทั้งจุดจำหน่ายตามร้านไก่ย่าง ไก่ย่าง-ส้มตำ ท่ารถขนส่งประจำทาง สถานีรถไฟ ไปจนถึงชายหาด แหล่งพักผ่อนที่มีชื่อเสียง

หากที่โด่งดัง เป็นที่รู้จักมากที่สุดในกระบวน “ไก่เหลือง” รูปแบบนี้เห็นจะได้แก่ “ไก่ย่างบางตาล” สูตรต้นตำรับจากหมู่บ้านเล็กๆ เขตรอยต่อ ราชบุรี-นครปฐม ที่วิวัฒนาการมาอย่างต่อเนื่อง แพร่หลายออกไปสู่พื้นที่ต่างๆ กระทั่งถูกยกระดับให้เป็น “สินค้าโอท็อป” ประจำจังหวัดราชบุรีไปเรียบร้อยแล้ว

และปฏิเสธไม่ได้อีกเช่นกันที่ “ไก่ย่างบางตาล” โด่งดังเป็นที่รู้จักมากทุกวันนี้ เป็นเพราะฝีมือของ “ธีรชัย ธีระอนันต์ชัย” ผู้ปลุกปั้นแบรนด์ “ธีรชัย ไก่ย่างบางตาล” ให้โด่งดัง ยืนยาวมานานกว่า 30 ปีแล้วนั่นเอง



   
ย้อนตำนาน “บางตาล”
จากจุดเริ่มต้นเมื่อกว่า 60 ปีที่แล้ว สถานีรถไฟคลองบางตาล ในเขตจังหวัดราชบุรี อาจยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก แต่ก็เป็นจุดแวะพักสำคัญของเส้นทางรถไฟสายใต้ในยุคนั้น

“เมื่อก่อนเป็นสถานีใหญ่ เพราะรถไฟยังเป็นรถจักรไอน้ำ ต้องจอดเติมน้ำ เติมฟืนตรงนี้ ก็เลยเป็นจุดที่เริ่มมีการขายของ ขายอาหารกันเยอะ มีร้านข้าวแกงมาขายก่อน ต่อมาก็เริ่มมีอาแปะคนหนึ่งเอาไก่มาย่างขายที่สถานีรถไฟ...” ธีรชัย เล่าถึงจุดเริ่มต้นเมื่อประมาณกว่า 60 ปีที่แล้ว

แม้จะไม่ใช่คนบางตาลโดยกำเนิด แต่หลังจากย้ายมาอาศัย ทำมาหากินในชุมชนนี้ เขาก็เริ่มเห็นการเติบโต จนกระทั่งกลายเป็น “ไก่ย่างบางตาล” ที่มีลักษณะเฉพาะตัว

ธีรชัย บอกว่า จำไม่ได้เหมือนกันว่า อาแปะชื่อเรียงเสียงใด รู้กันแต่ว่า มีพื้นเพมาจากสระบุรี เคยขายไก่ย่างอยู่สระบุรี มีสูตรที่เมื่อย่างออกมาแล้ว ไก่จะเหลือง หอม รสชาติเข้มข้น ถูกปาก ถูกใจลูกค้าที่ได้ลองแวะซื้อชิม
และก็เป็นเรื่องธรรมดาที่จะมีคนเริ่มทำตาม ต้นตำนานไก่ย่างบางตาลจึงสถาปนาตัวเองด้วยรูปลักษณ์ รสชาติเฉพาะตัวนับจากนั้น
    
“ไก่เหลือง” เข้ากรุง
ธุรกิจไก่ย่างบางตาลเฟื่องฟูอยู่ตรงสถานีรถไฟนั้นระยะหนึ่งก็เกิดจุด เปลี่ยนเมื่อการรถไฟพัฒนาจากรถจักรไอน้ำมาเป็นรถดีเซลราง สถานีคลองบางตาล กลายเป็นสถานีเล็กที่ไม่จำเป็นต้องจอดแวะเติมน้ำเติมฟืน ความคึกคักที่เคยเป็นก็ค่อยๆ ลดลง จากจุดนั้นเอง ทั้งลูกน้อง คนย่างไก่ของอาแปะ และอีกหลายๆ รายที่ขายไก่ย่าง ก็เริ่มแยกย้ายสลายตัว

“อาแปะเองก็หยุดทำไก่ย่าง หันไปเปิดร้านขายกาแฟ ขายอย่างอื่นไปเลย ลูกน้องแกก็ขยับขยายไปหาที่ทำมาหากินที่อื่น ไปทำกันแถวบางแสนก็มี แถวชะอำ คือแหล่งท่องเที่ยว ชายหาดที่มีนักท่องเที่ยวเยอะๆ บางส่วนก็ย่างไก่เข้าไปขายในกรุงเทพฯ” ธีรชัย เล่าถึงจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของไก่ย่างบางตาลในยุคต่อมา

นั่นเองทำให้สายพันธุ์ ไก่ย่าง-ไก่เหลือง ระบาด แพร่กระจายออกไปจากสูตรเริ่มต้นที่บางตาล จนในเวลาต่อมา ไม่ว่าจะไปเที่ยวชายหาดที่ไหน ก็มักได้เจอ ไก่ย่าง-ไก่เหลือง แบบนี้เสมอ แม้ว่ารสชาติ ความเข้มข้น สีสัน จะแตกต่างกันออกไปก็ตาม

ขณะที่ หมู่บ้านบางตาลบริเวณใกล้สถานีรถไฟคลองบางตาลก็แปลงสภาพกลายเป็น “หมู่บ้านไก่ย่าง” หรือแหล่งผลิต “ไก่เหลือง”

และตัวธีรชัยเอง ก็เป็นอีก 1 คนที่เป็นผู้นำพาเอา ไก่บางตาล มุ่งหน้าเข้ามาขายในกรุงเทพฯ ก่อนจะโด่งดังในเวลาต่อมา
    
แจ้งเกิด “ธีรชัย ไก่ย่างบางตาล”
“เริ่มแรกเลยผมก็ทำไม่เป็นหรอก ไก่ย่างเนี่ย อาศัยจ้างคนเก่าที่เขาทำขายอยู่มาช่วยกัน แล้วก็ค่อยๆ เรียนรู้ไปเรื่อยๆ มันหมักยังไง ต้องใช้สีผสมอาหารแบบไหน ผมขายเร่อยู่นาน จนมาเริ่มปักหลักขายอยู่ในหมู่บ้านชลนิเวศน์ หน้าร้านก๋วยเตี๋ยวเจ๊แกละนั่นแหละ หลังจากนั้นก็มาขายริมคลอง คราวนี้คนก็เริ่มรู้จักมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อมาลงหนังสือเส้นทางเศรษฐีนี่แหละ” ธีรชัย เล่าถึงจุดเริ่มต้นที่เปิดหน้าร้าน ย่างไก่ขายอย่างจริงจังในกรุงเทพฯ เมื่อประมาณ 30 ปีที่แล้ว

หากคนที่เป็นลูกค้าขาประจำตั้งแต่ยุคแรก คงจำภาพรถขายไก่ย่างควันโขมง ริมคลองประปาใกล้สามแยกประชาชื่นได้เป็นอย่างดี

นอกจากแรงส่งจากปากต่อปาก เล่าขานความอร่อยเข้มข้นของ “ไก่ย่างบางตาล” ริมคลองประปาแถวประชานิเวศน์ 1 แล้ว การได้รับความสนใจจากสื่อไม่ว่าจะเป็น หนังสือพิมพ์ หรือรายการโทรทัศน์ในเวลาต่อมา คือปัจจัยสำคัญของความสำเร็จและแจ้งเกิดให้ชื่อของ “ธีรชัย ไก่ย่างบางตาล” เป็นที่รับรู้กันไปทั่ว

นอกจากจะถูกแนะนำผ่าน “เส้นทางเศรษฐี” แล้ว ในเวลาต่อมารายการโทรทัศน์ตั้งแต่ยุคที่ยังเป็น ไอทีวี รวมถึงรายการประเภทแนะนำร้านอร่อย ก็หมุนเวียนมา ชม-ชิม-โชว์ ความอร่อยของไก่จนเป็นปึกแผ่นมาถึงทุกวันนี้
จากที่ขายวันละไม่กี่ตัว ปัจจุบัน ธีรชัย บอกว่า ไก่ย่างของเขาเฉลี่ยแล้วขายประมาณวันละ 300 กิโลกรัม
แต่ขั้นตอนการชำแหละไก่ เสียบไม้ มัด ยังทำแบบดั้งเดิมที่บางตาลในทุกเช้ามืด ก่อนจะส่งเข้ามายัง 2 ร้านหลักที่สวนสามเหลี่ยมประชานิเวศน์ 1 และในหมู่บ้านชลนิเวศน์ เริ่มย่างขายกันตั้งแต่ 08.30 น. โดยประมาณ
และจนถึงบัดนี้ ก็ยังไม่คิดจะย้ายไปไหนหรือเพิ่มสาขาแบบที่ใครๆ เขาทำกัน

“ผมเองก็ลองผิดลองถูกเรื่องทำเลมาหลายรอบ ต้องบอกว่า จุดที่ขายวันนี้ก็ไม่ได้ดีมากเพราะไม่ใช่จุดท่องเที่ยวหรือมีคนเดินเยอะ ที่ดังมาได้ทุกวันนี้ก็เพราะสื่อช่วยแหละ”
    
ไม่ขายแฟรนไชส์-ไม่หวงสูตร
แม้จะโด่งดัง สร้างรายได้แบบสบายๆ แล้ว แต่เมื่อถามถึงการขยับขยายไปเปิดสาขา เปิดร้านในห้าง ในศูนย์การค้า หรือขายแฟรนไชส์ แบบที่กำลังฮิตกันอยู่ในขณะนี้ ไก่ย่างบางตาลของธีรชัยกลับขอเลือกที่จะไปเรื่อยๆ แบบพอเพียงเสียมากกว่า

เพราะความไม่มั่นใจว่า การเข้าไปขายในศูนย์การค้า ส่วนใหญ่ก็จะเจอกับปัญหาค่าเช่าแพง แล้วยังมีเรื่องการบริหารจัดการ แบ่งทีม แบ่งคนไปขายหน้าร้านอีกต่างหาก

ดังนั้น เรื่องขายตามศูนย์การค้าหรือขายแฟรนไชส์จึงยังดูเป็นเรื่องไกลตัวสำหรับไก่ย่างต้นตำรับรายนี้
แต่สำหรับคนที่อยากทำ เขาก็ไม่เคยหวงสูตร และยืนยันว่าไม่ใช่เรื่องลึกลับแต่อย่างใด

“เรื่องขายสูตร ขายแฟรนไชส์ก็ยังไม่ได้คิด มีคนมาขอสูตรกันเยอะแต่บางคนเอาไปแล้วก็ไม่เห็นจะทำจริงจัง ใครมาขอให้สอนก็ไม่หวงนะ ไม่เคยเรียกค่าแฟรนไชส์อะไรนะ แต่เขาเอาไปเองแล้วมักไม่ค่อยรอด

ไก่เหลือง มันมีทุกที่ สูตรก็คล้ายๆ กัน แต่อยู่ที่ฝีมือ ใครได้ไก่สด ทำเครื่องปรุงดี ร้านสะอาด สูตร ก็กระเทียม 1 กิโล พริกไทย 2 ขีด ต่อไก่ประมาณ 20 กิโล มีบางคนใช้เครื่องเท่านี้ แต่เขาหมักไก่ 30 กิโล 40 กิโล รสชาติมันก็จะเป็นอีกแบบหนึ่ง สูตรของผม ไม่เกิน 20 กิโล ที่เหลือก็เป็นเรื่องการย่าง ซึ่งก็ต้องมีเทคนิค ฝีมือใครฝีมือมัน”

นั่นเป็นเพราะ ลำพังที่ขายอยู่ทุกวันที่หน้าร้าน กับการรับงานออกซุ้มอาหารจัดเลี้ยง “ธีรชัย ไก่ย่างบางตาล” ก็อยู่ได้สบายๆ แล้ว

และนี่ก็คืออีก 1 ตำนานสุดยอดไก่ย่างไทยแท้ ที่เป็นเมนูเด็ดดัง และอาชีพสร้างรายได้ที่ไม่เคยล้าสมัยเลย
    


บางตาล หมู่บ้านไก่ย่าง OTOP
แม้วันนี้ บ้านบางตาล จะเป็นเพียงชุมชนเล็กๆ สงบเงียบ เท่าๆ กับที่สถานีรถไฟคลองบางตาล ก็ไม่ได้คึกคักเหมือนในอดีต

แต่บทบาทของความเป็น “หมู่บ้านไก่ย่าง” ก็ยังปรากฏให้เห็น และเป็นต้นตำรับขนานแท้ที่ประกอบอาชีพกันได้อย่างเป็นล่ำเป็นสัน

นอกจากอาคารใหญ่สูง 4 ชั้นของ ธีรชัย ไก่ย่างบางตาล แล้ว บ้านหลังอื่นๆ ก็ยังคงเป็นแหล่งผลิต “ไก่เหลือง” มากบ้าง น้อยบ้าง ตามกำลังของผู้ลงทุนรายนั้นๆ

ไม่แปลกที่หากเดินวนอยู่ในละแวกนั้น จะเห็นหลายๆ บ้านจัดการเรื่องไก่ เห็นมัดไม้ไผ่ที่เตรียมไว้สำหรับประกอบเข้ากับชิ้นส่วนไก่ บ้างก็มีรถมอเตอร์ไซค์พ่วงพร้อมเตาย่างมาจอดรอรับสินค้าไปขาย
นอกจากนี้ ยังเป็นศูนย์กลางของกลุ่มวิสาหกิจขนาดย่อมหรือเอสเอ็มอีไก่ย่าง และได้รับการประทับตราให้เป็น OTOP ของจังหวัดราชบุรีอีกด้วย

“เฉพาะของผมเอง ตอนนี้ลูกน้องทั้งหมดประมาณ 20 คน อันนี้รวมทำเตรียม หมัก ย่าง และขายหน้าร้าน ไก่ก็ต้องไปทำปรุงเครื่องที่บางตาล ตี 5 เอารถเข้ามาขายที่นี่ แต่บางตาลมันก็มีคนทำไก่ย่างกันทั้งนั้น ตอนนี้ก็มีรวมกลุ่มเป็น เอสเอ็มอีไก่ย่างบางตาล มีมาออกงานโอท็อปบ้าง แต่เราไม่ไป เพราะเท่าที่ทำตอนนี้ก็พอแล้ว
นี่คือภาพวันนี้ของ บางตาล แหล่งผลิต และต้นตำรับสูตร ไก่ย่างบางตาล ที่มีขายไปทั่วประเทศแล้วนั่นเอง
    
    
ข้อมูลจำเพาะ
ชื่อร้าน                                 ร้านธีรชัย ไก่ย่างบางตาล
สถานที่ตั้ง                             เลขที่ 322 ซอย 2 ถนนประชาชื่น แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900
โทรศัพท์                               (081) 991-3224, (081) 854-2612
การเดินทาง                           จากถนนวิภาวดีรังสิตให้เลี้ยวซ้ายตรงทางเข้าวัดเสมียนนารี
                                           จากนั้นตรงไปทางถนนเทศบาลสงเคราะห์
                                           จะเห็นร้านธีรชัย ไก่ย่างบางตาล อยู่ติดถนนเทศบาลสงเคราะห์
เวลาเปิด-ปิดทำการ                  เปิดทุกวัน เวลา 08.00-18.30 น.
เมนูแนะนำ                             ไก่ย่างบางตาล, ส้มตำไทย-ปู-ส้มตำแตง-หอยดอง,
                                           ลาบหมู, น้ำตกหมู, ซุบหน่อไม้, ต้มแซ่บกระดูกอ่อน
credit : http://www.matichon.co.th/

Read More...


เล่นเส้น เล่นสี "บุญมีขนมจีน" น้ำยาเติมฟรีไม่มีอั้น

Pic_178218

หล่มเก่าขึ้นชื่อเรื่องขนมจีนน้ำยา ถ้ามาแล้วไม่ได้หม่ำคลำทางออกจากจังหวัดเพชรบูรณ์ไม่ถูก (ฮา) ทั้งอำเภอมีร้านขนมจีนอยู่มากมายขับรถไปชิมไปหาร้านถูกใจได้ตามสะดวก แต่ถ้าใครไม่อยากเสียเวลาขับวนหาให้เปลืองน้ำมัน เจ๊แซบขอแนะนำ “ร้านบุญมีขนมจีน” ร้านเด็ดร้านดังที่คนในพื้นที่รู้จักกันเป็นอย่างดี โซ้ยกันมาตั้งแต่หาบขายจนตอนนี้ขยายร้านใหญ่โตก็ยังโซ้ยกันต่อไป นอกจากเจ๊แซบจะติดอกติดใจในความเหนียว นุ่มของเส้นขนมจีนและความเข้มข้นของน้ำยารีฟิล (refill) เติมได้ไม่มีหยุด เจ๊แซบยังแอบประทับใจในความหน้าใสของ “คุณพี่บุญมี” เจ้าของร้าน ขนาดเด็กในร้านเรียก “ป้า” แต่คุณพี่ก็ยังหน้าใสมั่กๆ!!

“เปิดมา 14 ปีแล้วค่ะ ก่อนหน้านี้ทำต้นไม้ขายมาก่อน พอเงินบาทลอยตัวก็ขายไม่ดี ก็เลยเปลี่ยนมาขายขนมจีนแทน แต่ว่าก่อนหน้านี้ก็คือหาบขายมาก่อนอยู่แล้ว ก็เลยเปลี่ยนจากหาบเร่ขายมาเปิดร้านค่ะ ร้านก็อยู่ตรงนี้มาตลอด ตอนแรกก็ไม่ได้มีโต๊ะเยอะขนาดนี้ มีแค่ 4 โต๊ะเอง แล้วตอนหลังก็ค่อยๆ ขยับขยาย สูตรที่ทำก็เป็นสูตรของที่บ้านทำทานกันอยู่แล้ว” ขนมจีนร้านนี้นอกจากเส้นจะเล็กไม่เหมือนใคร ยังมีสีสันสดใส คุณพี่บุญมีใช้ผักผลไม้และดอกไม้ที่ปลูกเองในสวนมาใช้ให้เกิดประโยชน์ “ที่ทำขนมจีนหลายๆสีก็เพราะเรามีต้นไม้ที่เราปลูกเองที่นี่ เพราะเราเคยทำสวนมาก่อน เราก็เลยคิดว่าเอาที่เราปลูกมาทำสีให้ขนมจีนดีกว่า ทำมาแล้วลูกค้าก็ชอบ เราก็ทำเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ จนตอนนี้มี 7 สีแล้วค่ะ”

นํ้ายากะทิ นํ้ายาป่า และนํ้าพริก แซบโดนใจขาโซ้ย
นํ้ายากะทิ นํ้ายาป่า และนํ้าพริก แซบโดนใจขาโซ้ย

มหกรรมแห่งการใส่สีลงในเส้นขนมจีนไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ต้องใช้ความใจเย็นเป็นที่ตั้ง ทั้ง 7 สี มีที่มาต่างกัน สีขาวเป็นขนมจีนธรรมดา คล้ำขึ้นมาหน่อยเป็นขนมจีนข้าวกล้อง สีเหลืองมาจากฟักทอง สีม่วงดอกอัญชัน สีชมพูอ่อนจากแก้วมังกร สีส้มจากแครอทผสมน้ำแตงโม และสีเขียวจากใบเตย

ก่อนจะเริ่มเติมสีลงไป ในขนมจีน คุณพี่บุญมีต้องทำแป้งขนมจีนโดยใช้ข้าวเจ้าคัดเม็ดที่ไม่เต็มดี เลือกที่หักเป็นท่อนๆแช่น้ำ และหมักทิ้งไว้ 3 วัน จนแป้งเน่า ก่อนจะนำมากรองเอาน้ำออก ทยอยเทลงไปในเครื่องนวด เมื่อเม็ดข้าวถูกนวดจนกลายเป็นแป้งค่อยนำมาใส่ในถุงข้าววางพักไว้อีก 2 คืน จนแป้งแห้งและแข็งเป็นก้อน จึงนำมาต้มในน้ำเดือดประมาณ 20 นาที พอแป้งสุกกำลังดี ตักขึ้นจากหม้อรอนำไปนวดกับส่วนผสมอื่นๆต่อไป... เจ๊แซบฟังแล้วเหนื่อยใจ แค่ทำแป้งยังไม่เริ่มใส่สีก็ปาเข้า ไป 5 วัน นับถือในความขยันอย่างแรง!!!

ขนมจีนเส้นสด...กดเอง
ขนมจีนเส้นสด...กดเอง
แป้งที่ถูกตักขึ้นมาจากหม้อ จะถูกแบ่งออกเป็นส่วนๆ สำหรับทำสีต่างๆ ถ้าเป็นขนมจีนธรรมดาแค่นวดให้ได้ที่แล้วใส่เครื่องกดทำเส้นขนมจีน เป็นอันสำมะเร็จ เสร็จสิ้น

สำหรับขนมจีนข้าวกล้อง ต้องนำข้าวกล้องไปแช่น้ำ แล้วทำทุกขั้นตอนเหมือนแป้งขนมจีน แล้วนำทั้งสองแป้งมานวดรวมกัน ก่อนจะนำไปกด นอกจากรสชาติดีแล้วยังมีประโยชน์อีกต่างหาก


อีก 5 สีที่เหลือ คุณพี่บุญมีต้องนำดอกอัญชัน ใบเตย แครอท และแตงโม ไปแยกปั่นและกรองเอาแต่น้ำมานวดกับแป้งขนมจีนที่เตรียมไว้ แล้วจึงนำไปกดเส้น แต่สำหรับสีเหลืองจะประหลาดกว่าสีอื่นเล็กน้อยเพราะต้องนำฟักทองไปนึ่งให้ สุกแล้วนวดเนื้อฟักทองเข้ากับแป้งจนกลมกลืนเป็นเนื้อเดียว คนที่ไม่หม่ำฟักทองไม่ต้องกังวล เจ๊แซบการันตีไม่มีกลิ่นไม่มีรสชาติฟักทองมากวนใจ


ขนมจีนร้านนี้จะขายเป็นชุด ในชุดมีขนมจีน 1 จาน หนึ่งจานมีขนมจีนม้วนเป็นก้อนๆพอดีหม่ำจำนวน 10 ก้อนคละมาครบ 7 สี พร้อมกับน้ำยา 3 หม้อ มีน้ำยากะทิ รสนุ่มละมุนละไม ใช้เนื้อปลาทับทิมคั่วกับเครื่องแกงที่ทางร้านทำเอง รสกลมกล่อมกำลังดี เร่งดีกรีขึ้นอีกนิดกับ น้ำยาป่า รสเข้ม แซมด้วยกลิ่นปลาร้าอ่อนๆ ราดชุ่มๆ โซ้ยกับผักสดๆ และไข่ต้มอร่อยขาดใจ ปิดท้ายด้วย น้ำพริก รสเปรี้ยวอมหวานกำลังดี ใส่พริกคั่วลงไปสักนิด เติมน้ำปลาอีกหน่อยอร่อยจนไม่อยากกลับบ้าน (หุหุ) แถมท้ายด้วยผักสารพัดชนิดทั้ง กะหล่ำปลี ถั่วงอก ถั่วฝักยาว สะระแหน่ ผักชีลาว ใบแมงลัก ใบสนิว ใบพลูคาว และยอดผักแพว ผักทุกชนิดไม่ได้ใช้สารเคมีเพราะพี่บุญมีปลูกเองอยู่รอบบ้าน โซ้ยได้สบายใจ ทั้งน้ำยาและผักเติมได้ไม่มีอั้น “เราให้อย่างนี้ตลอดค่ะ ถ้าน้ำยาหมด ผักหมดเราก็เติมให้ฟรีไม่คิดตังค์เพิ่มค่ะ คิดแต่ขนมจีนอย่างเดียว ผักร้านเราเยอะ เป็นผักพื้นบ้านทั้งนั้น เราปลูกเอง สด ใหม่ และอร่อยด้วยหอมลูกค้าส่วนใหญ่จะชอบค่ะ”


นักโซ้ยที่นิยมความหลากหลาย คุณพี่บุญมีจัดของทานเล่นไว้เป็นเครื่องเคียงมากมายมีทั้งไส้อั่วไส้กรอก สมุนไพรไข่ต้มลูกชิ้นปิ้ง ลูกชิ้นปลาลวก หมูย่าง และอีกสารพัดสับเปลี่ยนหมุนเวียนไปตามฤดูกาล ของทานเล่นไม่รวมอยู่ในชุดขนมจีน กินเท่าไหร่ จ่ายเท่านั้น

“บุญมี ขนมจีน” หรือ “ขนมจีนแม่บุญมี” หรือ “ร้านขนมจีนบุญมี” คือ ร้านเดียวกัน เรียกสลับกันไปมาบางคนอาจจะงง ให้สังเกตถ้าเห็นรูปพี่บุญมีหน้าใสติดอยู่ตามเสาเข้าไปนั่งหม่ำได้ไม่ผิด ร้าน (ฮา)


ตัวร้านตั้งอยู่ในอำเภอหล่มเก่า อยู่ไม่ไกลจากอำเภอหล่มสักมากนัก ประมาณ 5 กิโลเมตร เส้นทางที่ไปถนนหล่มสัก–เลย ร้านนี้อยู่ตรงข้ามกับ อบต.นาแซง อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ หรือเยื้องๆกับโรงเรียนหล่มเก่าพิทยาคม มี ป้ายบอกชัดเจน หรือโทร.ถามทางได้ที่เบอร์ 08–9643–2775, 0–5670–9274 ร้านเปิดทุกวันตั้งแต่ 8 โมงเช้าถึง 5 โมงเย็น

ก่อนจบก่อนจากเจ๊แซบ ฝากกระซิบถึงสมาชิกชมรมคนเลิฟปลาร้า คุณพี่บุญมีใจดีมีน้ำปลาร้ารสแจ่มไว้คอยบริการ ถ้าอยากทานบอกเด็กในร้านได้เลยคร้า...


เจ๊แซบ หัวเขียว
Thairath

Read More...


สเต๊ก..เสียบ​ไม้​ย่าง อาหาร..ยุค​ทันสมัย











Credit : http://www.thairath.co.th/column/eco/capable/169199

Read More...


ข้าวมันไก่ 5 ดาว” ธุรกิจเล็ก “สร้างเถ้าแก่เล็ก”

’ข้าวมันไก่“ เป็นอีกหนึ่งจานด่วนยอดฮิต สามารถทำขายเป็นอาชีพสร้างรายได้ ซึ่งด้วยสภาพเศรษฐกิจปัจจุบัน ส่งผลให้คนหันมาทำธุรกิจขนาดเล็กที่ใช้เงินลงทุนไม่มาก กระบวนการจัดการไม่ยุ่งยาก แต่สามารถสร้างรายได้มั่นคง โดยสำหรับธุรกิจ “ข้าวมันไก่” นั้น ธุรกิจ 5 ดาว หนึ่งใน แฟรนไชส์ ที่ประสบความสำเร็จ สร้างงานสร้างอาชีพ สร้างเจ้าของธุรกิจ ที่เรียกกันติดปากว่า “เถ้าแก่เล็ก” มานานกว่า 30 ปี ก็อาจจะเป็น ’ช่องทางทำกิน“ ที่ดี ของคนอยากทำธุรกิจ…


ธุรกิจ 5 ดาว ดำเนินการภายใต้ บริษัท ซีพีเอฟ ผลิตภัณฑ์อาหาร จำกัด โดยสนับสนุนการเป็นเจ้าของธุรกิจภายใต้คอนเซปต์ สร้างงานสร้างอาชีพให้เถ้าแก่เล็กทั้ง 100% มานานต่อเนื่อง ปัจจุบันมีจำนวนจุดขายทั้งหมดประมาณ 4,100 จุดขาย ประกอบด้วย 5 ไลน์ธุรกิจ คือ ไก่ย่าง ไก่ทอด ข้าวมันไก่ บะหมี่เกี๊ยวกุ้ง และห้าดาวเรดดี้มีล


อนงค์ เพชรสูงเนิน วัย 44 ปี เป็นเถ้าแก่เล็ก “ข้าวมันไก่ 5 ดาว“ อยู่ที่สุขุมวิท 101 เจ้าตัวเล่าว่า เป็นคนบุรีรัมย์ เข้ามาหางานทำในกรุงเทพฯ เช่นคนต่างจังหวัดทั่วไป โดยเป็นพนักงานโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้ากว่า 10 ปี ก็ไม่มีเงินเหลือเก็บ จึงพยายามหารายได้เสริมด้วยการรับเสื้อผ้ามาเย็บนอกเวลา แต่ก็ได้เงินบ้างโดนโกงบ้าง ต่อมาน้องสาวแฟนชักชวนร่วมทำธุรกิจข้าวมันไก่ 5 ดาว เห็นว่าเป็นโอกาสที่ดี จึงตัดสินใจร่วมธุรกิจ


ก่อน ร่วมทุนก็ศึกษาและสอบถามเรื่องผลิตภัณฑ์ของ 5 ดาวพอสมควร จากการสังเกตพบว่า ไม่ว่าจะเป็นไก่ย่าง ไก่ทอด ไก่จ๊อ หรือข้าวมันไก่ ล้วนได้รับความนิยม อีกอย่างก็เป็นธุรกิจที่มุ่งเน้นสร้างอาชีพให้กับกลุ่มผู้ประกอบการเอสเอ็ม อี หรือรายย่อยเป็นหลัก ด้วยเงินลงทุนที่ไม่สูง ที่สำคัญคือราคาเมนูอาหารเป็นธรรมกับผู้บริโภค จึงตัดสินใจทำธุรกิจนี้

อนงค์ เลือกทำไลน์ “ข้าวมันไก่” โดยบอกว่า เป็นเมนูอาหารที่คนไทยคุ้นเคยกันอยู่แล้ว ใช้งบลงทุนเพียง 25,000 บาท ก็เปิดร้านขายได้ โดยทางบริษัทฯจะอบรมวิธีการขายให้ รวมถึงการจัดส่งสินค้าและติดตั้งอุปกรณ์การขายให้เสร็จสรรพ พร้อมทั้งดูแลด้านการโฆษณาประชาสัมพันธ์ให้แก่เถ้าแก่เล็กตลอดอายุสัญญา


เมนู “ข้าวมันไก่ 5 ดาว” มีทั้งหมด 5 รายการ ได้แก่ ข้าวมันไก่ต้ม ราคาจานละ 27 บาท ข้าวมันไก่สไปซี่ จานละ 30 บาท ข้าวมันไก่ย่าง จานละ 35 บาท ข้าวมันไก่โกลเด้นชิค จานละ 30 บาท ข้าวมันไก่สองสี (ไก่ต้มผสมไก่ทอด) จานละ 35 บาท มีกำไรเฉลี่ยต่อจาน 7-10 บาท ซึ่งแต่ละรายการก็ได้รับการตอบรับจากลูกค้าอย่างดี

“วันแรก (19 ส.ค. 2553) ที่เปิดร้าน ผลตอบรับจากลูกค้าดีมาก วันนั้นขายได้ประมาณ 200 จาน รู้สึกมีกำลังใจและดีใจมาก ขายไปประมาณ 1 เดือนก็คืนทุน ลูกค้าที่เข้ามาทานส่วนใหญ่จะเป็นพนักงานออฟฟิศและนักเรียน ลูกค้าก็จะชมข้าวมันที่นุ่มกำลังดี ซึ่งใช้ข้าวหอมมะลิ และชมรสชาติน้ำจิ้มที่อร่อยกลมกล่อม” เถ้าแก่เล็กอนงค์เล่า



พร้อม ทั้งบอกต่อว่า วันนี้หากยังเป็นลูกจ้างหรือพนักงานบริษัท ด้วยอายุประมาณนี้แล้วคงลำบาก การร่วมธุรกิจนี้จึงนับเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง เนื่องจากทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด มีอาชีพที่เป็นธุรกิจของตนเอง มีรายได้ที่มั่นคงแน่นอน สามารถสร้างบ้าน และเลี้ยงดูครอบครัวให้อยู่ดีมีสุขได้

เมื่อถามถึงปัจจัยที่ทำ ให้ประสบความสำเร็จในธุรกิจ อนงค์บอกว่า ธุรกิจนี้จริง ๆ คือตัวเราเป็นเจ้าของ เป็นเถ้าแก่เอง บริษัทจะคอยสนับสนุน จึงต้องมีความขยันอดทนเป็นองค์ประกอบ นอกเหนือจากคำแนะนำ สูตร รสชาติข้าวมันไก่ที่ได้มาตรฐาน และกระบวนการจัดการ ณ จุดขาย ที่เน้นอำนวยความสะดวกรวดเร็วแก่ผู้ประกอบการ จาก 5 ดาว สิ่งสำคัญที่จะส่งผลต่อความสำเร็จสำหรับเถ้าแก่เล็ก อนงค์บอกว่า ประกอบด้วย 2 ฝ่าย คือ ฝ่ายผู้ประกอบการรายย่อยที่ร่วมธุรกิจ ซึ่งจะต้องมีความขยัน อดทน และซื่อสัตย์จริงใจต่อลูกค้าของตนเอง และอีกฝ่ายคือเจ้าของธุรกิจ 5 ดาว ที่ต้องให้ความสำคัญกับเรื่องคุณภาพ สินค้ามีคุณภาพมาตรฐานคงที่ มีระบบบริหารจัดการที่ดี และที่สำคัญอย่างยิ่งคือมีความจริงใจ ใส่ใจดูแลความเป็นไปของผู้ร่วมธุรกิจ ให้อยู่ได้ยั่งยืนไปด้วยกัน


ทั้ง นี้ อนงค์ยังบอกอีกว่า ในอนาคตได้วางเป้าหมายว่าจะพยายามขยายธุรกิจ เพิ่มไลน์ธุรกิจ อย่างเช่น ไก่ย่าง ไก่ทอด บะหมี่เกี๊ยวกุ้ง หรือห้าดาวเรดดี้มีล ไว้ในร้านเดียวกัน เพื่อเพิ่มทางเลือกให้ผู้บริโภค และต่อยอดความสำเร็จในธุรกิจ

ผู้ที่สนใจอยากมีธุรกิจเป็นของตัว เอง ต้องการร่วมทำธุรกิจ ’ข้าวมันไก่ 5 ดาว“ สามารถติดต่อสอบถามได้ ดังนี้...กรุงเทพฯ ปริมณฑล ภาคกลาง ภาคตะวันออก ติดต่อที่ โทร. 0-2746-9678-80 หรือ 08-1702-8119, 08-0448-6678, 08-3277-9527, 08-1339-1041, 08-3543-5609, ภาคเหนือ ติดต่อที่ โทร. 08-6587-4900, 08-1235-0012, ภาคอีสาน ติดต่อที่ โทร. 08-6641-1186, 08-5874-4415 ส่วนภาคใต้ ติดต่อที่ โทร. 08-4265-8175, 08-5891-4948.

Credit : เชาวลี ชุมขำ : http://www.dailynews.co.th/

Read More...


กระหรี่พั๊ฟ “เจ๊อ้วน” เจ้าดัง ยกเครื่องรุกตลาดโกอินเตอร์

คุณชำเรืองและลูกสาวคุณสุภาพร ปิ่นนาค เจ้าของสูตรกระหรี่พั๊ฟเจ๊อ้วน
       บจก.สยามปิ่นนาคฯ ผู้ผลิตกระหรี่พั๊ฟรายใหญ่ เตรียมปรับกลยุทธ์จากผู้รับจ้างผลิต สู่ตลาดค้าปลีกและตลาดต่างประเทศ พร้อมปั้นแบรด์ “เจ๊อ้วน” ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นภายใน 2 ปี หลังอยู่เบื้องหลังตลาดค้าส่งมานานกว่า 23 ปี ล่าสุดจับมือ iTAP เครือข่าย มทส. พัฒนาการยืดอายุผลิตภัณฑ์ และเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการผลิตด้วยการวิจัยและพัฒนา
คุณชำเรือง ปิ่นนาค(เจ๊อ้วน)
       “กระหรี่พั๊ฟ” ของฝากขึ้นชื่อของจังหวัดสระบุรี และนครราชสีมา ที่หลายคนมักซื้อติดไม้ติดมือกลับทุกครั้งที่ได้เดินทางไปท่องเที่ยวโดย เฉพาะในช่วงหน้าเทศกาลอย่างปีใหม่ สงกรานต์ ฯลฯ เพราะกระหรี่พั๊ฟ นอกจากจะเป็นอาหารว่าง ที่หอม กรอบ อร่อยแล้วยังให้คุณค่าทางอาหาร และมีรูปลักษณ์ที่น่ารับประทาน
กระหรี่พั๊ฟที่ห่อไส้แล้วเตรียมนำไปทอด
       แม้ปัจจุบันจะมีผู้ผลิตกระหรี่พั๊ฟนับร้อยราย แต่น้อยคนนักจะรู้ว่า ผู้ผลิตกระหรี่พั๊ฟรายใหญ่ที่สุด คือ “กระหรี่พั๊ฟ เจ๊อ้วน” จากปริมาณการผลิตที่สูงถึง 200,000 - 300,000 ชิ้นต่อเดือน และ สินค้ามีวางจำหน่ายอยู่ภายในร้านสะดวกซื้อ อย่างเซเว่นอีเลฟเว่นที่กระจายอยู่ตามปั๊มน้ำมันครอบคลุมเกือบทุกจังหวัดใน พื้นที่ภาคกลางจนถึงจังหวัดนครสวรรค์ และภาคอีสานไปจนถึงชายแดนจังหวัดหนองคาย รวมทั้งแหล่งท่องเที่ยวและผู้ค้าปลีกรายใหญ่ในพื้นอ.มวกเหล็ก ซึ่งหลายคนมักซื้อกลับไปรับประทานหรือเป็นของฝากกันเป็นจำนวนมาก เพราะชื่นชอบในความสดใหม่ และรสชาติที่อร่อยถูกปาก
ขั้นตอนการทำกระหรี่พั๊ฟ
       นางสาวสุภาพร ปิ่นนาค ผู้จัดการฝ่ายการตลาดต่างประเทศและผู้จัดการฝ่ายทรัพยากรมนุษย์ บริษัท สยามปิ่นนาคเคอรี่พั๊ฟ จำกัด ในฐานะทายาทรุ่นที่2 เล่าให้ฟังว่า กว่าจะประสบความสำเร็จจนถึงวันนี้ คุณแม่หรือเจ๊อ้วน ต้องใช้ความอดทนและลองผิดลองถูกอยู่นาน จากเดิมทำอาชีพเกษตรกรรมหันมาทำกระหรี่พั๊ฟขาย เพื่อต้องการเพิ่มมูลค่าให้กับผลผลิตทางการเกษตรของครอบครัว
นำไปทอดในน้ำมัน
       "การทำกระหรี่พั๊ฟของคุณแม่ได้รับการถ่ายทอดวิธีการทำมาจาก คุณญ่า ซึ่งเป็นพี่สาวของคุณแม่ โดยคุณแม่ได้นำมาปรับปรุงรสชาติเพิ่มเติมตามสไตล์ของตนเอง ถือเป็นจุดเริ่มต้นของกระหรี่พั๊ฟเจ๊อ้วนตั้งแต่ปี 2530 เป็นต้นมา โดยเปิดร้านจำหน่ายแห่งแรกบริเวณ อคส.อ.มวลเหล็ก จ.สระบุรี จนในปี 2547 ได้ย้ายมาอยู่ที่ตลาดกลางดง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา พร้อมจัดตั้งเป็นบริษัท สยามปิ่นนาคฯขึ้น จนถึงปัจจุบัน โดยกิจการขยายตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องเฉลี่ยปีละประมาณ 10%”
กระหรี่พั๊ฟทอดในน้ำมันใช้เวลาประมาณ 15นาที
       ทั้งนี้ การเติบโตของบริษัทฯ เป็นการโตจากตลาดค้าส่ง เพราะกระหรี่พั๊ฟเจ๊อ้วนได้รับการตอบรับอย่างมากจากผู้บริโภคและนักท่อง เที่ยวทำให้มียอดการสั่งซื้อจากผู้ค้าปลีกเข้ามาเป็นจำนวนมากอย่างต่อเนื่อง เพื่อนำไปจำหน่ายต่อ เป็นเช่นนี้มานานกว่า 23 ปี ทำให้บริษัทไม่มีเวลาทำตลาดค้าปลีกเอง แต่จากนี้ไป บริษัทฯ มีแผนรุกตลาดค้าปลีกมากขึ้น โดยตั้งเป้าสร้างแบรนด์ “เจ๊อ้วน” ให้เป็นรู้จักและติดตลาดค้าปลีกพร้อมกับส่งออกตลาดต่างประเทศภายใน 2 ปี ( พ.ศ.2554 - พ.ศ.2555 )
กระหรี่พั๊ฟกรอบ หอม อร่อย น่ารับประทาน
       บริษัทฯ จึงมีแนวคิดในการปรับปรุงพัฒนาผลิตภัณฑ์ “กระหรี่พั๊ฟ” ให้ สามารถจัดเก็บได้นานขึ้นโดยไม่ใส่สารกันบูดหรือวัตถุกันเสีย เพื่อรองรับแผนดังกล่าวจึงได้เข้ารับการสนับสนุนจากสำนักงานพัฒนาวิทยา ศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โครงการสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีของอุตสาหกรรมไทย(iTAP) เครือข่ายมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (มทส.) ในโครงการ “การยืดอายุการจัดเก็บรักษาผลิตภัณฑ์กระหรี่พั๊ฟ” โดยมีอาจารย์ ประทุม อุ่นเรือน และอาจารย์ปิยะมาศ จานนอก จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน เป็นผู้เชี่ยวชาญ
ผลิตภัณฑ์กระหรี่พั๊ฟเจ๊อ้วน
       ผลการวิจัยและการพัฒนาพบว่า สามารถยืดอายุการเก็บรักษากระหรี่พั๊ฟ จาก 7วันเป็น 9วันโดยที่ไส้กระหรี่พั๊ฟไม่แห้งแข็ง และผลที่ได้ดังกล่าวนำไปสู่เฟส 2 ในโครงการ “ศึกษาความเป็นไปได้ของการยืดอายุกระหรี่พั๊ฟ ให้ได้ 14 วัน” โดยมี ดร.รัชฎาพร อุ่นศิวิไลย์ จากมหาวิทยากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยี่ สุรนารี เข้ามาเป็นผู้เชี่ยวชาญ ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการ
กระหรี่พั๊ฟและผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์เจ๊อ้วน
       น.ส.สุภาพร กล่าวว่า “กระหรี่พั๊ฟ เป็นการทำสดวันต่อวัน อายุการเก็บรักษาค่อนข้างสั้น ปกติจะเก็บได้ 4-7 วัน จึงต้องการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สามารถยืดอายุการเก็บได้นานขึ้นเป็น 14 วัน เพื่อลดต้นทุนด้านการขนส่ง(โลจิสติก)ของบริษัท (ปัจจุบันบริษัทมีการขนส่งสินค้าและบริการด้วยตัวเองอยู่) และเพื่อรองรับระบบการขนส่ง(โลจิสติก)ของเซเว่นอีเลฟเว่นในส่วนกลางได้ ทำให้กระหรี่พั๊ฟจะต้องมีอายุนานกว่า 10 วัน รวมถึงรองรับการส่งออกตลาดต่างประเทศ อาทิ ประเทศในแถบตะวันออกกลาง และประเทศในกลุ่มมุสลิม เนื่องจากผลิตภัณฑ์ได้รับความสนใจจากผู้บริโภคกลุ่มอาหารฮาลาล และเริ่มมียอดสั่งผลิตเข้ามามากขึ้น ซึ่งการพัฒนาดังกล่าวถือเป็นการเตรียมความพร้อมที่จะก้าวไปสู่เป้าหมายที่ กำหนดไว้”
ผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์แปรรูป
       สำหรับผลิตภัณฑ์เจ๊อ้วน แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มขนมทอด ประกอบด้วย กระหรี่พั๊ฟไส้ต่างๆ อาทิ ไส้ไก่ ,หมูแดง,ถั่ว,ไส้ผลไม้ อาทิ ไส้แก้วมังกร,สัปปะรด,องุ่น และในอนาคตจะผลิตกระหรี่พั๊ฟไส้กล้วยออกสู่ตลาดเพิ่ม กลุ่มขนมอบ ประกอบด้วย พายใผลไม้ต่างๆ คุ้กกี้สิงคโปร์ และกลุ่มเนื้อแปรรูป แบ่งออกเป็น กลุ่มเนื้อวัว อาทิ เนื้อเค็ม และกลุ่มเนื้อหมู อาทิ หมูสวรรค์ ,กุนเชียง เป็นต้น ซึ่งผลิตภัณฑ์ของเจ๊นอกจากได้รับการรับรองจากอย.แล้ว ยังเตรียมยกระดับคุณภาพสู่มาตรฐานระบบการจัดการด้านความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ อาหาร หรือ HACCP และมาตรฐานบริการอาหารฮาลาล คาดว่าจะสามารถผ่านการประเมินและรับรองมาตรฐานดังกล่าวได้ในปี 2554
ผลิตภัณฑ์พายสัปปะรดที่อบเรียบร้อยแล้ว
       นอกจากนี้บริษัทยังสนใจที่จะพัฒนาเครื่องจักรที่มีอยู่เดิมให้มี ประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อให้มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นได้อีกเท่าตัว จากเดิม 200,000 - 300,000 ชิ้นต่อเดือน (ผลิตด้วยแรงงานคน) ซึ่งปัจจุบันยังมีกำลังการผลิตไม่ทันต่อความต้องการของตลาด หากนำเครื่องจักรเข้ามาเสริมคาดว่าจะทำให้มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น 500,000 - 600,000 ชิ้นต่อเดือน และยังช่วยเรื่องสต๊อคสินค้า ซึ่งจะสามารถรองรับออเดอร์ได้ในปริมาณมากขึ้น
คุณชำเรืองและลูกสาว
       “ ยอมรับว่ากระหรี่พั๊ฟเป็นของฝากที่นักท่องเที่ยวมักต้องซื้อติดมือกลับไปทำ ให้มูลค่าการซื้อสูง เชื่อว่าแนวโน้มความต้องการบริโภคกระหรี่พั๊ฟจะยังคงมีมากขึ้น ปัจจุบันบริษัทมียอดขายประมาณปีละ 30 ล้านบาท”
คุณสุภาพร ปิ่นนาค ลูกสาวเจ๊อ้วน
       นอกจากนี้ ยังได้แสดงความเห็นต่อโครงการ iTAP ว่าเป็นโครงการที่ให้การสนับสนุนผู้ประกอบการSME ได้เป็นอย่างดี เพราะธุรกิจขนาดเล็กนั้นไม่มีศักยภาพพอที่จะวิจัยและพัฒนาได้เอง การที่มีหน่วยงานอย่าง iTAP เข้ามาสนับสนุนช่วยเหลือถือว่าดีมาก ทำให้ผู้ประกอบการรายเล็กที่เปรียบเสมือนเม็ดทราย มีความแข็งแกร่งขึ้นเป็นก้อนกรวดได้ และการที่ iTAP นำ องค์ความรู้ทาง ว&ท เข้ามาช่วยนั้น เป็นการตอบโจทย์ของผู้ประกอบการได้อย่างตรงประเด็น สามารถช่วยเสริมข้อด้อยขึ้นมาเป็นข้อเด่นและสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่ ว่า “ประเทศไทยจะทำสินค้าเพื่อการส่งออก” นางสาวสุภาพร กล่าวในที่สุด
หน้าร้านเจ๊อ้วนกระหรี่พั๊ฟ
       ///////////////////////////////////
       บจก.สยามปิ่นนาคเคอรี่พั๊ฟ ผู้ผลิตและจำหน่ายกระหรี่พั๊ฟ แบรนด์ “เจ๊อ้วน” เลขที่ 110 หมู่ 7 ต.กลางดง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา 30320 โทร. 044-361-046 , 044-322-151-2 แฟ็กซ์ 044-322151 หรือที่เว็บไซต์ www.siampinnark.com
     
       ข้อมูลโดยโครงการ iTAP ติดต่อได้ที่(ส่วนกลาง) โทร. 02-564-7000 ต่อ โครงการ iTAP หรือ iTAP เครือข่าย มทส. โทร.044-224-818 , 044-224-921, 044-224-947
     
       ฝ่ายประชาสัมพันธ์ โครงการ iTAP โทร. 02-270-1350-4 ต่อ 115,114

Read More...




----------------

ปรับปรุง
รายการบทความทั้งหมด



การบำรุงรักษารถยนต์เบื้องต้น



ร้านค้าเคลื่อนที่ ใช้ รถบรรทุกขนาดเล็กมาดัดแปลง



รวมบทความอาชีพ เสริม หลากไอเดียวิธีหารายได้เสริม



รวมบทความงานฝีมือ-สิ่งประดิษฐ์ รายได้เสริม



ทองม้วน thong muan ; rolled wafer





MASK รุ่นสายคล้องคอ







MASK รุ่นสายคล้องคอ. ��รุ่นนี้เป็นที่นิยมใช้กันมาก #ขายดีมาก
ทำจากผ้าคอตตอนแท้ 100%  ไม่ผสม เนื้อผ้านุ่ม 
3 ชั้น. สวมใส่พอดีกับใบหน้า ไม่เจ็บหู มีสายคล้องคอปรับได้
เวลาถอดออก ไม่ต้องกลัวลืม เพราะถอดแล้วคล้องคอไว้ได้
บรรจุในถุงซิปฟรอย์อย่างดี
ราคาชิ้นละ. 59. บาท. ไม่รวมส่ง 
มีหลายสีให้เลือกนะคะ   สนใจทักแชทขอดูสีผ้าได้นะคะ
หน่วยงาน บริษัท ห้างร้าน หรือ สนใจสั่งไปจำหน่าย 
มีเรทราคาส่งค่ะ

-> id line : noeyhorm_06
#มีวางจำหน่ายหน้าร้านชานมไต้หวันมาราชาสาขาจรัญ44


ร้านมาราชาชานมไข่มุก สาขาจรัญสนิทวงศ์ 44
● รับบัตรสะสมครบ 10 แก้ว แลกรับฟรี 1 แก้ว
● สั่งเดลิเวอรีผ่าน LINE MAN, Foodpanda ,GET ...ถึงมือปั๊บพร้อมดื่มปุ๊บ!
● อัพเดทโปรโมชั่นใหม่ๆ รสชาติใหม่ ตลอดเวลา
● มีเมนูให้เลือก 40 กว่าเมนู : https://bit.ly/2Z9iqV0






























































เลือกช่องทางติดต่อและรับข่าวสารบริการหลังการขาย
ฟอร์ด พลปิยะอยุธยาและฟอร์ด พลปิยะวังน้อย

--------------------------------------------------------------------------------------------
แคมเปญ-โปรโมทชั่น อะไหล่ฟอร์ด อัพเดททางออนไลน์และปรับปรุงข้อมูลออนไลน์
อะไหล่ฟอร์ด อะไหล่รถฟอร์ด อะไหล่รถยนต์ฟอร์ด อะไหล่ฟอร์ดแท้ ร้านขายอะไหล่รถฟอร์ด ขายอะไหล่รถฟอร์ด อะไหล่ฟอร์ด
 
Option

รวมบทความอาชีพเสริม หลากไอเดียวิธีหารายได้เสริม หาอาชีพเสริมอิสระทำเงิน สร้างอาชีพอิสระงานฝีมือ แนะนำการสร้างรายได้เสริมทำเงินด้วยการขายสินค้าหรือขายของเป็นอาชีพเสริม อิสระงานฝีมือ แนะแนวธุรกิจ อาชีพเสริม อาชีพแก้จน อยากจะมีรายได้เสริมนอกเหนือจากงานประจำ บล๊อกจัดทำขึ้นเป็นวิทยาทานเพื่อเผยแผ่ความรู้อันจะเป็นไปเพื่อบุญกุศล ขอให้ทุกท่านที่มีส่วนร่วมในบทความของบล๊อกนี้ จงได้รับอานิสงฆ์ด้วยเทอญ.