สูตรขนม สูตรอาหาร อาชีพรายได้เสริม ประกาศฟรี โฆษณาฟรี Career Articles Extra Income
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

Drop Down MenusCSS Drop Down MenuPure CSS Dropdown Menu

รถสามล้อซูชิเคลื่อนที่ เทรนด์ค้าปลีกแนวใหม่

ตัวอย่างร้านรถคีออสซูชิแฟรนไชส์Dr.Sushi
       รถอาหารคีออ สเคลื่อนที่ เทรนด์ใหม่ของช่องทางค้าปลีก ซึ่งกำลังได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะทำให้สามารถเข้าถึงลูกค้าได้อย่างทั่วถึง ทางบริษัทกุศมัย ผู้ผลิตรถ ซูโมต้า ได้ออกแบบรถ Mobile Kiosk Rider และได้ร่วมกับเชฟอาหารญี่ปุ่น “ นายเกษมศักย์ ป้อมสุวรรณ” อดีตเชฟจากภัตตาคารญี่ปุ่นชื่อดังฟูจิ เปิดเป็นธุรกิจแฟรนไชส์รถคีออสอาหารญี่ปุ่น
     
       โดยลักษณะรถคีออสของซูโมต้า เป็นการนำรถมอเตอร์ไซด์ขนาดใหญ่ มาดัดแปลงเป็นรูปแบบของรถ สาม ล้อเคลื่อนที่ ด้านหลังเป็นส่วนของคีออสที่ขายอาหารญี่ปุ่น โดยความร่วมมือดังกล่าวได้คิด แฟรนไชส์อาหารญี่ปุ่น ออกมา 4 แบรนด์ ประกอบ ด้วยรถซูชิ แบรนด์ Dr.Sushi , AKI ,โยอิชิ,ยูกิ ซึ่งประกอบไปด้วยรถจำหน่ายซูชิ รถจำหน่ายเทปัน รถจำหน่ายข้าวหน้าญี่ปุ่น และรถเนื้อย่าง YAKINIKU เป็นต้น เปิดตัวครั้งแรก ด้วยแฟรนไชส์ Dr.Sushi
นายเกษมศักดิ์ ป้อมสุวรรณ เชฟอาหารญี่ปุ่น
       นายเกษมศักดิ์ ในฐานะเจ้าของสูตรเมนูแฟรนไชส์ Dr.Sushi เล่าว่า ที่มาของแฟรนไชส์รถคีออส เกิดขึ้นมาจาก ดร. วิโรจน์ กุศลมโนมัย กรรรมการผู้จัดการ บริษัท กุศมัย กรุ๊ป จำกัด ซึ่งดำเนินธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับอาหารญี่ปุ่นมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นด้านอุปกรณ์ ภาชนะใส่อาหาร วัตถุดิบ และมีบริษัทในเครือที่ทำการผลิตรถแบรนด์ ซูโมต้า จึงได้ออกแบบรถคีออสเคลื่อนที่ ดังกล่าวออกมา
     
       ในส่วนของเมนูอาหาร คุณวิโรจน์ ได้ร่วมมือกับชมรมพ่อครัวไทย - ญี่ปุ่น โดยมีคุณเกษมศักดิ์ ในฐานะประธานชมรม ในการคิดสูตรเมนูอาหารญี่ปุ่น ในรูปแบบต่างๆ ซึ่งคุณเกษมศักดิ์ มีความรู้และความเชี่ยวชาญด้านอาหารญี่ปุ่น จากการได้ร่ำเรียน และศึกษาด้วยตัวเอง และมีประสบการณ์เป็นเชฟภัตตาคารอาหารญี่ปุ่น ชื่อดัง และวันหนึ่งได้ลาออกจากงาน มาเปิดร้านอาหารญี่ปุ่นที่บ้านเกิดที่จังหวัดอุดรธานี พร้อมกับเปิดโรงเรียนสอนทำอาหารญี่ปุ่น TJC (Thai-Japanese Chef Catering Co.,Ltd) มานานกว่า 8 ปี
ตัวอย่างซูชิ มาตรฐานเดียวร้านดัง
       สำหรับแฟรนไชส์ รถสามล้ออาหารญี่ปุ่น เคลื่อนที่ ทั้ง 4 แบรนด์ จะเริ่มค่อยทยอยทำออกมา ในส่วนของแบรนด์ Dr.Sushi เปิดตัวได้ประมาณ 3 เดือน สาขาแรกบางบอน โดยมียอดขายอยู่ที่วันละ 6,000 บาท ถึง 10,000 บาท จุดของ Dr.Sushi อยู่ที่การให้ความสำคัญการเลือกวัตถุดิบมาขาย ซึ่งต้องสดและใหม่ การสร้างมาตรฐานอาหารเทียบชั้นกับร้านอาหาร หรือภัตตาคารชั้นนำของญี่ปุ่น แต่ราคาตลาดสด โดยทุกเมนูจะขายในราคา 60 บาท อย่างเช่น ซูชิ จะขายกล่องละ 60 บาท จำนวนชิ้นไม่เท่ากันมีตั้งแต่ 5-8 -10 ชิ้น แล้วแต่ประเภทของซูชิ
     
       “การสร้างมาตรฐานอาหารของเรา เริ่มตั้งแต่ การคัดเลือกวัตถุดิบต้องสดใหม่ สะอาด รูปแบบของร้านมีความทันสมัย ในราคาระดับกลาง และล่าง ซึ่งเราต้องการยกระดับซูชิ ที่ขายชิ้น 5 บาทในตลาดสดขึ้นมา อีกระดับหนึ่ง เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภคที่มีรายได้น้อย แต่ต้องการจะกินอาหารญี่ปุ่น ที่ได้มาตรฐานระดับภัตตาคาร ในราคาที่สามารถซื้อได้ทั่วไป
ร้านรถคีออส
       ส่วนราคาแฟรนไชส์ทั้ง 4 แบรนด์ แพคเกจขายราคาเดียวกันหมด คือ 190,000 บาท สามารถผ่อนจ่ายได้ 3 งวด โดยผู้ซื้อแฟรนไชส์จะได้รับ รถคีออสเคลื่อนที่ พร้อมป้ายทะเบียน อุปกรณ์ทำซูชิพร้อมตู้เย็น และอบรมการบริหาร การตลาด และสอนการทำซูชิจนเป็น ส่วนของวัตถุดิบผู้ซื้อแฟรนชส์ สามารถหาซื้อได้เอง หรือ สั่งจากทางเจ้าของแฟรนไชส์ขึ้นอยู่กับความสะดวก
     
       ในส่วนของผลตอบแทนขึ้นอยู่กับยอดขาย ถ้าจะให้สามารถอยู่ได้ควรจะขายได้วันละ 100 กล่องขึ้นไป กำไรต่อหน่วยประมาณ 20-30% สำหรับช่องทางการขายเป็นส่วนสำคัญ ควรจะเป็นย่านชุมชน เช่น บริเวณหน้าซุปเปอร์มาร์เก็ต หน้าโรงเรียน มหาวิทยาลัยฯลฯ ซึ่งขณะนี้ได้มีการดำเนินการติดต่อขอเช่าพื้นที่ด้านหน้าร้านสะดวกซื้อเซ เว่น อีเลฟเว่นรอคำตอบอยู่ เพื่อช่วยหาทำเลที่เหมาะสมให้กับผู้ซื้อแฟรนไชส์
ตัวอย่างรถมอเตอร์ไซด์ สามล้อ
       ในส่วนของผลตอบแทนขึ้นอยู่กับยอดขาย ถ้าจะให้สามารถอยู่ได้ควรจะขายได้วันละ 100 กล่องขึ้นไป กำไรต่อหน่วยประมาณ 20-30% สำหรับช่องทางการขายเป็นส่วนสำคัญ ควรจะเป็นย่านชุมชน เช่น บริเวณหน้าซุปเปอร์มาร์เก็ต หน้าโรงเรียน มหาวิทยาลัยฯลฯ ซึ่งขณะนี้ได้มีการดำเนินการติดต่อขอเช่าพื้นที่ด้านหน้าร้านสะดวกซื้อเซ เว่น อีเลฟเว่นรอคำตอบอยู่ เพื่อช่วยหาทำเลที่เหมาะสมให้กับผู้ซื้อแฟรนไชส์
     
       สำหรับกลุ่มลูกค้า ปัจจุบัน ซูชิ เป็นอาหารที่คนทั่วไปรู้จัก และนิยมกิน จึงไม่ได้แบ่งว่าเป็นช่วงอายุเท่าไหร่ ทุกคนที่รู้จัก และชื่นชอบก็ซื้อกินกัน และซูชิจัดเป็นอาหารมื้อหลัก เช่นเดียวกับข้าว หรือ ก๋วยเตี๋ยว และเทรนด์ความนิยมกินอาหารญี่ปุ่นในบ้านเราก็เติบโตขึ้นมาก จากการทำประชาสัมพันธ์ของร้านและภัตตาคารชื่อดัง ในขณะผู้ประกอบการที่มาทำธุรกิจตรงนี้ ยังมีไม่มาก โดยเฉพาะในตลาดกลางและล่าง จึงเป็นโอกาสที่ดีของเรา ถ้าเรามีช่องทางและมีร้านที่น่าสนใจ การทำอาหารญี่ปุ่นขายน่าจะเป็นช่องทางที่ดีอีกทางหนึ่ง สำหรับคนที่กำลังมองหาอาชีพ
ตัวอย่างโมเดลรถอาหารเคลื่อนที่
       นอกจากนี้ ทางกุศมัย กรุ๊ป เล็งเห็นว่าตลาดโต้รุ่งซึ่งเป็นตลาดขายอาหารที่ได้รับความนิยมอย่างมาก จึงมีแนวคิดว่าจะมาทำตลาดโต้รุ่งขายอาหารญี่ปุ่นในประเทศไทยบ้าง โดยเริ่มจากย่านฝั่งธนก่อน โดยใช้คอนเซ็ปต์ว่า Tokyo Food Street หรือ ถนนโตเกียว ซึ่งจะขายแต่อาหารญี่ปุ่นเท่านั้น อาทิ ร้านเหล้าสาเก ราเมน ทงคัสสุ อูด้ง ทาโกยากิ ซูชิ ซาซิมิ ชาบู ยากิโทริ เป็นต้น คาราวานอาหารญี่ปุ่น จะใช้รถสามล้อ ซูโมต้า ของ บริษัทในเครือ มาตกแต่งต่อเติมให้เป็นรถคีออส
     
       โทร. 0-2416-5615

Read More...


ปรับโฉมพิซซ่า “สูตรทอด”เมนูไฮโซราคาตลาดสด

พิซซ่าทอดใส่ผักขมชีด
       พิซซ่าอาหาร อิตาเลียน ที่คนไทยรู้จักกันดี แต่ถ้ากล่าวถึงพิซซ่าทอด สำหรับคนไทยน่าจะเป็นเรื่องใหม่ ที่ยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก แต่สำหรับพ่อค้า แม่ค้าคนไทยแล้วไม่มีอะไรยากในช่องทางสร้างอาชีพ และสูตรพิซซ่าทอด เมนูโดดเด่นของอาหารอิตาเลียน ก็เข้ามาถือกำเนิดในเมืองไทย ในรสชาติแบบไทย ผลงานของ “นางสาวณัฐกฤตา ศิลาทอง” (ตุ๊ก)
นางสาวณัฐกฤตา ศิลาทอง เจ้าของร้าน
       นางสาวณัฐกฤตา เล่าว่า ที่มาของพิซซ่าทอด เกิดขึ้นมาจากวันหนึ่งได้เดินทางไปเยี่ยมญาติที่ประเทศอิตาลี และได้ชิมเมนูพิซซ่าทอด สูตรต้นตำรับที่ประเทศอิตาลีและเกิดความชอบ เมื่อกลับมาเมืองไทยก็อยากจะกินอีก แต่ไม่รู้ว่าจะไปหากินได้ที่ไหน เพราะไม่มีขายทั่วไป ส่วนใหญ่จะอยู่ในโรงงแรมชื่อดัง ซึ่งราคาสูงมาก จึงเกิดไอเดียว่า น่าจะลองทำกินเอง และไปขอสูตรจากญาติที่ประเทศอิตาลี ให้เขาส่งสูตรการทำมาให้ และทดลองทำกินเองก่อน และต่อมาเห็นว่า เมื่อยังไม่มีใครทำขาย ทำไมเราไม่ลองทำขายดู เพราะน่าจะเป็นสิ่งที่แปลกใหม่สำหรับคนไทย
ราดซอสพร้อมรับประทาน
       สุดท้ายก็เป็นที่มาของร้านพิซซ่าทอด HiO2 ที่มาของชื่อก็คงจะเป็นความตั้งใจที่จะทำพิซซ่าในแนวของอาหารเพื่อสุขภาพ เน้นการเลือกส่วนผสมเช่นผัก และเนื้อสัตว์ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ หรือการเลือกวัตถุดิบที่ดี เช่น เลือกใช้น้ำมันรำข้าวแทนการใช้น้ำมันปาล์ม เพราะดีต่อสุขภาพมากกว่า แม้ราคาจะสูงกว่าก็ตาม และวัตถุดิบอื่นๆ จะพิถิพิถัน เพื่อให้ลูกค้าได้กินของที่สดและใหม่
ใส่เครืองในถาดก่อนพับออกมาและนำไปทอด
       สำหรับพิซซ่าทอดของ คุณตุ๊ก เขาไม่ได้ก็อปรูปแบบดั้งเดิมมาทั้งหมด แต่นำมาปรับใหม่ ไม่ว่าจะเป็นแป้งที่นำมาใช้ ก็ไม่ได้ใช้แป้งพิซซ่า เหมือนพิซซ่า อบที่ขายกันทั่วไป แต่ใช้วิธีปรุงสูตรแป้งขึ้นมาใหม่ ซึ่งส่วนผสมหลักคือแป้งสาลี่ ส่วนผสมอื่น ทางคุณตุ๊กขอไว้เป็นความลับ เพื่อใช้เป็นสูตรเฉพาะของตัวเอง และในส่วนของโมหรือแม่พิมพ์ ตัวนี้นำเข้าจากประเทศต้นตำรับ เพื่อให้หน้าตาออกมาเหมือนกัน และอีกอย่างหนึ่งที่คิดขึ้นมาเพื่อโดนใจคนไทย คือไส้ใส่อยู่ภายใน คิดค้นขึ้นมาใหม่ มีอยู่ด้วยกัน 8 สูตร ได้แก่ ซีฟู้ด สเต็กหมู เนื้อ ผักขมอบชี้ด ปูผัดผงกระหรี่ จระเข้พริกไทยดำ หรือ ถ้าชอบสูตรต้นตำรับ เขาก็รสพิซซ่า พิซซ่า เป็นต้น
ทอดในกระทะไฟฟ้าธรรมดาก็ได้
       นอกจากนี้ การทอดพิซซ่า เป็นอย่างหนึ่งที่ไม่เหมือนต้นตำรับ เพราะต้นตำรับนำไปอบ แต่เนื่องจากการนำไปอบรสชาติออกเลียนมาก เกรงว่าคนไทยจะไม่ชอบ ก็เลยปรับมาทอด ด้วยเตาทอดไฟฟ้าปรับอุณหภูมิ ใช้เวลาในการลองผิดลองถูกอยู่นาน เพื่อให้ข้างนอกกรอบ และข้างในสุก และก็พบว่า เตาทอดไฟฟ้าสามารถควบคุมอุหภูมิได้ ทำให้ข้างนอกกรอบ และข้างในสุก แต่การข้างในสุก เอาไปทอดอย่างเดียวช่วยไม่ได้เท่าไหร่ ดังนั้น จึงต้องปรุงรสและทำไส้ให้สุกระดับหนึ่งก่อนจะยัดลงไปในแป้งและนำไปทอด
       “ในส่วนของลูกค้า ของสาขาแรก เปิดหน้าโรงเรียนสาธิตพระนคร ทำให้ได้ลูกค้าเด็กนักเรียน เสียเป็นส่วนใหญ่ และจากการทดสอบตลาดพบว่า เด็กจะชื่นชอบกินพิซซ่าทอด มากกว่าผู้ใหญ่ และเนื่องจากเปิดหน้าโรงเรียนการตั้งราคาจึงตั้งไม่สูงมากเมื่อเทียบกับส่วน ผสมที่ใส่เป็นไส้อยู่ภายใน หรือเปรียบเทียบกับพิซซ่าอบ ที่ขายเป็นถาด ซึ่งเราก็ใส่ส่วนผสมใกล้เคียงกัน แต่ขายในราคาที่ถูกกว่า มาก และที่ขายถูกส่วนหนึ่งเพราะเปิดตัวขายกับนักเรียนไม่ต้องการที่จะตั้งราคา สูง โดยขายในราคาชิ้นละ 20 บาท”
นักเรียนที่เข้ามาใช้บริการ
       สำหรับราคาชิ้นละ 20 บาท หลายคนก็บอกว่าเราขายถูกมาก ก็ต้องยอมรับว่า ได้กำไรไม่มาก ซึ่งตั้งใจไว้ว่าจะขายแค่ช่วงเปิดตัว และจะปรับขายในราคาชิ้น 25 บาท ในอีก 2-3 เดือนข้างหน้า แต่พอติดป้ายว่าจะขึ้นราคา เด็กถามว่าพี่จะขึ้นราคาเมื่อไหร่ ทำให้เราไม่กล้าขึ้นราคา เพราะเด็กไม่มีรายได้ และมีเงินมาโรงเรียนกันไม่มากนัก แต่คงจะได้ปรับราคาขาย 25 บาท ในสาขาที่ 2 และ 3 ซึ่งมีแพลนจะเปิดที่หลังการบินไทย และที่ตลาดรังสิตคลอง 2 ส่วนผลตอบแทน หรือกำไรที่ได้ในช่วงนี้อยู่ที่ประมาณ 20% ยอดขายสาขาแรกประมาณ 100 ชิ้นต่อวัน
ด้านหน้าร้าน ร.ร.สาธิตพระนคร
       หลังจากได้มีการเปิดตัวครั้งแรกที่งานแสดงสินค้าแฟรนไชส์ ที่เมืองทองธานี ในช่วงที่ผ่านมา คนให้ความสนใจกันมาก และต้องการนำไปทำขายบ้าง จึงมาติดต่อขอซื้อแฟรนไชส์ ในช่วงแรกยังไม่ยากขาย เพราะไม่รู้ว่าจะบริหารแฟรนไชส์อย่างไร แต่เห็นว่ามีความตั้งใจอยากจะขายจริง จึงได้ตัดสินใจขายแฟรนไชส์ โดยลูกค้าต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์จำนวน 4,000 บาท โดยจะได้ชุดผ้ากันเปื้อน และอุปกรณ์เล็กๆ น้อย ส่วนอุปกรณ์หลักผู้ซื้อแฟรนไชส์ ต้องซื้อเอง และเราจะส่งพิซซ่าพร้อมนำไปทอดในรูปแบบของอาหารแช่แข็ง
แผนที่ของร้าน
       ปัจจุบันมีผู้สนใจซื้อแฟรนไชส์ของเรา และรับพิซซ่าแช่แข็งไปขาย แล้วประมาณ 2-3 ราย อยู่ในต่างจังหวัด ส่วนมากนำไปขายควบคู่กับอาหารที่เขาขายอยู่แล้ว และที่เราไม่เปิดสอนเพราะต้องการจะเก็บสูตรนี้เอาไว้ก่อน ยังไม่อยากเผยแพร่ เพราะขณะนี้เองก็ยังไม่มีคนที่ทำพิซซ่าทอดในแบบของเราออกมาได้ จึงอยากเก็บสูตรเอาไว้ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้”
      
       โทร. 08-9180-7607

Read More...


'สะเต๊ะยิ้มสยาม' เปิดตัว 'Store' เต็มรูปแบบ

คีออส "สะเต๊ะยิ้มสยาม" รูปโฉมใหม่
       'สะเต๊ะยิ้มสยาม' ปรับคอนเซ็ปต์ดำเนินธุรกิจแฟรนไชส์เต็มรูปแบบ เตรียมทยอยยุบคีออส เพิ่มรูปแบบชอปและสโตร์ หวังสร้างระบบมาตรฐานเดียวกันทุกสาขา เชื่อมั่น Product Place และ System ลงตัว ขับเคลื่อนธุรกิจสู่เป้าหมาย หวังสร้างรายได้หลักหรือกว่า 70% ของธุรกิจในเครือ
      
       พิธาน อิมราพร บริษัท ยิ้มสยาม มาร์เก็ตติ้ง จำกัด เจ้าของแฟรนไชส์ “สะเต๊ะยิ้มสยาม” เปิดเผยว่า ล่าสุดได้เปิดตัวสะเต๊ะยิ้มสยามโมเดลชอปสโตร์ ขนาดพื้นที่ 25 ตารางเมตรจำนวน 24 ที่นั่ง สาขาต้นแบบที่ปากซอย 26 ถนนสายไหม และโมเดลชอป ขนาด 2*1.5 เมตร หลังจากที่ก่อนหน้านี้เปิดเพียงโมเดลเดียวคือคีออส นอกจากนี้ได้ปรับคอนเซ็ปต์ธุรกิจใหม่เกือบทั้งหมด หลังจากที่เข้าอบรม B2B รุ่น 12กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ทำให้มีมุมมองต่อการดำเนินธุรกิจในรูปแบบแฟรนไชส์เปลี่ยนไปและมีความเข้าใจ กับการทำธุรกิจแฟรนไชส์มากขึ้น
พิธาน อิมราพร (มุมขวา)
       โดยการปรับคอนเซ็ปต์ธุรกิจใหม่ อับดับแรกได้ขยายโมเดลร้านจากเดิมมีเพียงรูปแบบคีออส ได้เพิ่มเป็นรูปแบบชอปและสโตร์ ทำให้สะเต๊ะยิ้มสยามมี 3 รูปแบบการลงทุน ได้แก่ คีอส ชอป และสโตร์ (อ่านตารางประกอบ)
      
       นอกจากนี้ ได้เพิ่มเมนูที่ให้บริการและเปลี่ยนจากอาหารทานเล่น มาเป็นสะเต๊ะอาหารจานหลักโดยมีการพัฒนาเมนูเพิ่มเติมเป็น 28 เมนู เช่น ก๋วยเตี๋ยว ข้าวมันสะเต๊ะ ข้าวอัดสะเต๊ะ ฯลฯ และเพิ่มความหลากหลายของประเภทเนื้อสัตว์ เช่น เนื้อหมู เนื้อไก่ เนื้อกวางและเนื้อนกกระจอกเทศ เป็นต้น เพื่อเป็นการเพิ่มความหลากหลายของเมนูให้กับลูกค้าที่เข้ามารับประทาน
      
       โดยเมนูต่างๆ เหล่านี้เพื่อขยายไปยังชอปเพื่อซื้อกลับไปทาน และนั่งรับประทานในรูปแบบร้านที่เป็นสโตร์ ส่วนคีออสนั้นจะเน้นเป็นอาหารว่างเพื่อซื้อกลับเหมือนเดิม ด้วยจำนวนพื้นที่ที่จำกัดการขยายรูปแบบร้านที่หลากหลายสามารถทำให้พัฒนาเมนู หรือสินค้าใหม่ๆ ได้เพิ่มขึ้น
      
       พิธาน บอกความแตกต่างของสะเต๊ะยิ้มสยามกับสะเต๊ะทั่วไปว่า ได้รับการยอมรับในเรื่องของรสชาติด้วยการพัฒนารสชาติของผงหมัก เครื่องแกง และมีสูตรคงที่ รวมถึงการคัดสรรคุณภาพของเนื้อแต่ละประเภท ทำให้ได้รสชาติของสินค้าที่ดี ซึ่งการคัดสรรเนื้อส่วนที่ดีเพื่อให้เนื้อมีความนุ่ม ขณะที่ราคาขยายนั้นไม่มีความแตกต่างจากราคาขายทั่วไป และราคาขายต่อไม้ที่ไม้ละ 5 บาท ยกเว้นเนื้อนกกระจอกเทศไม้ละ 12 บาท เนื้อกวางไม้ละ 15 บาท ส่วนอาหารจานหลักเริ่มที่ราคาจานละ 40 บาท
      
       ซึ่งจากการรวบรวมข้อมูลของผู้ซื้อพบว่าเฉลี่ยจับจ่ายต่อคนต่อหัวเฉลี่ยที่ 50 บาททั้งการนั่งรับประทานในร้านหรือการซื้อกลับ และกลุ่มลูกค้าเป็นกลุ่มวัยทำงาน
       ด้านความสนใจของผู้ลงทุนนั้นพบว่าได้รับการตอบรับดี แม้ว่าปัจจุบันสะเต๊ะยิ้มสยามรูปแบบคีออสเดิมมี 9 สาขาปัจจุบันเหลือเพียง 3 สาขาเท่านั้น เพราะสาขาที่ปิดไปเนื่องจากทำเลเปลี่ยนทำให้ปริมาณของคนในบริเวณนั้นลดลง และเพื่อพัฒนาระบบการบริหารจัดการเข้าสู่ระบบแฟรนไชส์อย่างเต็มรูปแบบจึงได้ ชะลอและยังไม่เพิ่มแฟรนไชส์หรือต่อสัญญากับรายเดิม
      
       และสำหรับผู้ที่สนใจลงทุนนั้น ทางบริษัทจะจำหน่ายผงหมักและเครื่องแกงซึ่งเป็นสูตรของสะเต๊ะยิ้มสยาม พร้อมคำแนะนำในการซื้อเนื้อสัตว์ให้ หรือผู้ที่ต้องการสั่งซื้อกับบริษัทได้มีทั้งนำเนื้อสัตว์ไปเสียบไม้เองหรือ ให้บริการเสียบไม้ให้พร้อมเพื่อเพิ่มความสะดวกในการไปจำหน่าย
       ทั้งนี้ “พิธาน” มองถึงความยั่งยืนในการทำธุรกิจ ทั้งแฟรนไชซีและแฟรนไชซอร์ จึงต้องการพัฒนารูปแบบสโตร์อย่างเต็มที่และทยอยลดรูปแบบคีออสเพื่อสร้างความ มีมาตรฐานเดียวกันของร้านสาขา ที่แฟรนไชซอร์สามารถเข้าไปให้การดูแลระบบการบริหารจัดการและการให้การสนับ สนุนต่างๆ เพื่อการขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง
      
       และสิ่งสำคัญตนมองถึงความตั้งใจของผู้เข้ามาลงทุนระดับเงินลงทุนหลัก แสนในรูปแบบสโตร์นั้นผู้ลงทุนมีความตั้งใจในการทำธุรกิจและฝ่าฝันปัญหาที่ เกินขึ้น ขณะที่การลงทุนรูปแบบคีออสหรือเงินลงทุนหลักหมื่นนั้นจะสามารถล้มเลิกกิจการ กลางคันก็ได้เมื่อเจออุปสรรคหรือยกเลิกเพื่อไปประกอบกิจการหรืออาชีพอื่น ซึ่งในฐานะเจ้าของกิจการหรือแฟรนไชซอร์ต้องการผู้ลงทุนที่มีความตั้งใจพร้อม ที่จะพัฒนาธุรกิจไปด้วยกันมากกว่า
      
       อย่างไรก็ตามสำหรับการขยายสาขานั้น ในปี 2553 นี้จะเน้นที่สาขาต้นแบบในรูปแบบสโตร์ จำนวน 2 สาขา ซึ่งปัจจุบันมีสาขาแรกแล้วตั้งอยู่ที่ถนนสายไหม ปากซอย 26 และ จากนั้นในปี 2554จะขยายสาขต้นแบบในรูปแบบสโตร์อีก 3-5 สาขาก่อนที่จะขายแฟรนไชส์ โดยเน้นทำเลย่านชุมชน ซึ่งเป็นปีที่ “พิธาน” จะลุยธุรกิจอาหารอย่างเต็มตัว เพราะมั่นใจการความทุ่มเทให้กับการพัมนาสินค้าหรือ Product จนรสชาติถูกปากผู้บริโภค พร้อมเล็งทำเลหรือ Place เจาะทาร์เก็ตคนวัยทำงาน และระบบหรือ System แฟรนไชส์ นำพาธุรกิจตามเป้าหมาย และตั้งเป้าการสร้างรายได้จากธุรกิจอาหารจะเป็นรายได้หลักหรือประมาณ 60—70% เมื่อเทียบกับธุรกิจอื่นๆ ที่ทำอยู่ในขณะนี้
      
       จุดเริ่มต้นธุรกิจอาหาร
      
       “พิธาน อิมราพร” เจ้าของธุรกิจออร์แกไนซ์ ฝากผลงานจากการจัดงานใหญ่ๆ มาหลายงาน นอกจากนี้ยังทำธุรกิจการ์เม้นท์ผลิตสินค้าจำพวกตุ๊กตาผ้าขนหนูส่งห้างสรรพ สินค้าชั้นนำและภายใต้ชื่อแบรนด์ของตนเอง การทำธุรกิจต่างๆ ประสบความสำเร็จมาได้ด้วยดี แต่เมื่อเกิดวิกฤตปี 2540 ยุคฟองสบู่แตก ธุรกิจต้องประสบปัญหาอย่างหนัก
      
       แต่เมื่อเทียบกับธุรกิจร้านอาหารขนาดใหญ่ของญาติที่มีจำนวนโต๊ะ มากกว่า 200 โต๊ะ ธุรกิจยังดำเนินต่อไปได้ แม้จะพบวิกฤตแต่สามารถบริหารจัดการต้นทุนต่างๆ เช่น บริหารต้นทุนสินค้าในการบริหารบุคคล และเมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัวก็สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้
       เมื่อหันมองธุรกิจของตนเอง เมื่อวิกฤตมาแทบจะล้มทั้งยืนหรือบางกิจกรรมก็ต้องเลิกทำไป เช่น ธุรกิจการ์เม้นท์ ซึ่งมองเป็นสินค้าฟุ่มเฟือย ซึ่งธุรกิจต่างๆ ที่ “พิธาน” ทำนั้น เขามองว่าไรไซเคิลของธุรกิจสั้นกว่าธุรกิจอาหาร
      
       ด้วยความที่ “พิธาน” คลุกคลีกับผู้คนในวงธุรกิจมามากและวิกฤตในครั้งนั้น ทำให้เขาสนใจ “ธุรกิจอาหาร” อย่าง จริงจัง และสนใจกับอาหารทานเล่นอย่าง “สะเต๊ะ” เพราะมองว่าเป็นอาหารทานเล่นที่ทุกเพศ วัยรู้จัก และสามารถรับประทานได้ทุกกลุ่มอายุทุกภาคของประเทศ
       ธุรกิจจึงเริ่มต้นขึ้นด้วยคิดค้น ผงหมักเนื้อสัตว์ และเครื่องแกง ซึ่งทำสำเร็จรูปในรูปแบบผง ในปีแรกทำให้เขาขยายสาขาได้มากถึง 9 สาขา และด้วยรสชาติความอร่อยของสะเต๊ะ ทำให้สะเต๊ะยิ้มสยามออกสื่อต่างๆ จำนวนมากทั้งทีวี หนังสือพิมพ์ นิตยสารต่างๆ
      
       แต่เมื่อดำเนินธุรกิจไปได้ระยะหนึ่ง เขากลับเห็นปัญหาในการดำเนินธุรกิจเครือข่าย อับดับแรกรายได้ที่เข้ามาที่เขาเป็นผู้จำหน่ายผงหมักและเครื่องแกง กำไรที่เขาได้จากสินค้าเหล่านี้ไม่มากแม้สินค้าจากสะเต๊ะที่ลูกค้าขายจะขาย ได้ดีก็ตาม และไม่สามารถควบคุมหรือดูแลทำเลสาขาได้ขึ้นอยู่กับลูกค้าสนใจทำเลใดก็ไปเปิด ทำให้หลายสาขามียอดขายไม่ดี ทำให้เขาเริ่มมองหาธุรกิจที่มีรูปแบบหรือมีมาตรฐานเดียวกันในทุกสาขาที่เปิด บริการ
       จากนั้น “พิธาน” จึงได้เข้าอบรมกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้าภายใต้โครงการ B2B รุ่น 12 หลังจากที่ได้ลองผิดลองถูกกับการทำธุรกิจมาแล้ว และปรับธุรกิจใหม่ทั้งหมดเพื่อเข้าสู่ระบบแฟรนไชส์อย่างเต็มรูปแบบ
      
       ลงทุนกับ 'สะเต๊ะยิ้มสยาม'
      
       รูปแบบ ขนาด เงินลงทุน
      
       Satay Store 1.5 เมตร 656,000 บาท
       Satay Shop 1.5*2 เมตร 96,000 บาท
       Satay Kiosk 25 ตร.ม. 56,000 บาท
      
       *ประมาณการณ์คืนทุนทั้ง 3 รูปแบบที่ 3 เดือน
       *ราคาลงทุนรวมอุปกรณ์พร้อมขาย
      
       ที่มา : ผู้จัดการรายสัปดาห์

Read More...


เย็นตาโฟเจ้าดัง ซ.อารีย์ ลุยแฟรนไชส์ขยายตำนาน 40 ปี

โลโก้ ก๋วยเตี๋ยวแซ่ซ้อง
       ใน ซ.อารีย์ มีร้านอาหารเจ้าดังอยู่หลายราย แต่หากเจาะจงก๋วยเตี๋ยวเย็นตาโฟแล้ว ต้องยกให้เจ้า “นายฉุ่ย” ที่อยู่คู่ย่านนี้มานานกว่า 40 ปี แทบทุกเที่ยงวันลูกค้าจะแน่นร้าน จนเป็นภาพชินตา
      
       จากความสำเร็จดังกล่าว หนึ่งในทายาทร้าน คิดต่อยอดกิจการครอบครัว โดยขายอาชีพรูปแบบกึ่งแฟรนไชส์ ภายใต้ชื่อ “เย็นตาโฟแซ่ซ้อง” หวังเพิ่มช่องทางตลาดเข้าหาลูกค้าได้กว้างและทั่วถึงยิ่งขึ้น อีกทั้ง ยังช่วยสร้างโอกาสแก่คนอยากมีอาชีพ
วีรวิชญ์ เลิศสิริวิไล
       วีรวิชญ์ เลิศสิริวิไล ผู้ดูแลกิจการ เล่าว่า ร้านก๋วยเตี๋ยวนายฉุ่ย บุกเบิกมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2510 หรือกว่า 40 ปีที่แล้ว โดยก่อนหน้านี้พ่อของเขา เปิดร้านเล็กๆขายก๋วยเตี๋ยวหมู อยู่ที่ ซ.อารีย์ แต่ไม่ค่อยได้รับความนิยมนัก วันหนึ่งขายได้แค่ 10 กว่าชาม แทบไม่เพียงพอที่จะเลี้ยงดูลูกๆ จำนวน 11 คน จนเมื่อพี่ชายคนที่ 2 หรือนายฉุ่ย (นันทวัฒน์ เลิศสิริวิไล) เสนอความคิดให้เปลี่ยนมาขายก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลาและเย็นตาโฟแทน เนื่องจากในเวลานั้น ใน ซ.อารีย์ ยังไม่มีร้านใดขายเมนูดังกล่าวเลย
เย็นตาโฟ สูตรต้มยำ
       ผลตอบรับกลับมาดีเกินคาด โดยเฉพาะก๋วยเตี๋ยวเย็นตาโฟสูตรเข้มข้นที่นายฉุ่ยคิดขึ้นเอง ได้รับความนิยมจากลูกค้าอย่างมาก เมื่อประกอบกับทำเลใน ซ.อารีย์ฯ มีชุมชน คอนโดมิเนียม สำนักงาน และหน่วยงานราชการ เกิดใหม่จำนวนมาก ยิ่งส่งให้ร้านได้รับความนิยมเป็นทวีคูณ จนกลายเป็นร้านดังประจำย่านนี้ และกระจายไปทั่วประเทศ
      
       ในฐานะเป็นหนึ่งในทายาทที่เข้ามาสานต่อกิจการครอบครัว วีรวิชญ์ เผยว่า อยากให้ธุรกิจแตกแขนงออกไปให้กว้างขึ้น โดยอาศัยชื่อเสียงร้านที่สะสมมานานกว่า 40 ปีเป็นใบเบิกทาง ด้วยการเปิดขายธุรกิจสร้างอาชีพ รูปแบบกึ่งแฟรนไชส์ เพื่อให้ร้านมีช่องทางกระจายวัตถุดิบมากขึ้นแล้ว และยังช่วยสร้างโอกาสให้คนอยากมีอาชีพได้ด้วย
ร้านนายฉุ่ย ที่ ซ.อารีย์ อยู่คู่ย่านนี้มากว่า 40 ปี
       “ในปัจจุบัน มีคนอีกจำนวนมากที่ต้องการหาโอกาสสร้างฐานะ ซึ่งผมเข้าใจความรู้สึกนี้อย่างดี เพราะครอบครัวผมเคยลำบากมาก่อน แต่ก็ได้อาชีพก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลามากอบกู้ฐานะ ดังนั้น ผมจึงคิดว่าด้วยชื่อเสียงของร้านที่ยาวนาน ผ่านการพิสูจน์ความสำเร็จมาแล้ว รสชาติเป็นที่ยอมรับ และที่สำคัญไม่ต้องกังวลว่าเจ้าของแฟรนไชส์จะเลิกหนี เพราะนี่เป็นอาชีพของตระกูลผม ซึ่งจากจุดเด่นต่างๆ เหล่านี้ คิดว่าน่าจะเหมาะที่จะช่วยสร้างโอกาสให้คนอื่นๆได้ โดยไม่ต้องไปเริ่มต้นใหม่อย่างไร้ทิศทาง” วีรวิชญ์ ระบุ
สาขาร้านของก๋วยเตี๋ยวแซ่ซ้อง
       สำหรับเหตุที่ใช้ชื่อแฟรนไชส์ “ลูกชิ้นปลาแซ่ซ้อง” แทนที่ “นายฉุ่ย” นั้น เจ้าของกิจการบอกว่า ต้องการให้สื่อถึงความเป็นคนจีน และมีความหมายที่อยากให้ลูกค้านิยมกล่าวขวัญถึงความอร่อย นอกจากนั้น ต้องการใช้แบรนด์นี้สำหรับลูกค้าระดับล่างถึงกลาง ส่วนชื่อ “นายฉุ่ย” จะเก็บไว้ทำตลาดในอนาคต สำหรับมุ่งตลาดบน
ของทอดต่างๆ กินกับก๋วยเตี๋ยว
       ในส่วนรูปแบบลงทุนนั้น แบ่งเป็น 2 ลักษณะ คือ 1.ลงทุน 15,000 บาท เหมาะ สำหรับมีร้านอาหารหรือหน้าร้านของตัวเองอยู่แล้ว อยากนำก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลาและเย็นตาโฟไปเสริมหรือต่อยอด โดยรูปแบบนี้จะได้รับป้ายแบรนด์ และสูตรก๋วยเตี๋ยว และ 2.ลงทุน 45,000 บาท ได้รับสูตรพร้อมอุปกรณ์ครบชุด เช่น รถเข็นพร้อมป้าย และอุปกรณ์การขายพื้นฐาน 44 รายการ
      
       ทั้งนี้ ข้อกำหนดในการร่วมธุรกิจกัน คือ ต้องรับวัตถุดิบหลัก 10 ชนิด ที่ถือเป็นองค์ประกอบสำคัญของความอร่อยในก๋วยเตี๋ยว 1 ชาม เช่น ลูกชิ้นชนิดต่างๆ (ราคาส่ง 100 ลูกต่อ 120-140 บาท แล้วแต่ชนิดลูกชิ้น) และ ซอสเย็นตาโฟ เป็นต้น ซึ่งผู้ลงทุนจะต้องมาซื้อวัตถุดิบต่างๆ ด้วยตัวเองที่ร้านนายฉุ่ย สาขา 1 ที่ ซ.อารีย์ หรือที่สาขา 2 ย่านนวมินทร์ หรือกรณีจะให้จัดส่ง คิดค่าบริการขนส่งตามจริง ส่วนวัตถุดิบพื้นฐานอื่นๆ เช่น เส้นก๋วยเตี๋ยว ผัก เครื่องปรุง ฯลฯ ให้ผู้ลงทุนจัดหาเอง
       วีรวิชญ์ เผยว่า คนที่สนใจทำอาชีพนี้ ควรจะเป็นผู้ลงทุนไปสร้างอาชีพของตัวเอง ไม่เหมาะสำหรับคนมีทุนซื้อแฟรนไชส์แล้วจ้างพนักงานมาขาย เพราะความเอาใจใส่และความขยันอดทนจะแตกต่างกันมาก โดยสิ่งที่ผู้ซื้อแฟรนไชส์จะได้รับ คือ ให้มาฝึกฝนเรียนรู้วิธีการทำก๋วยเตี๋ยวอย่างมืออาชีพ ทั้งสูตรและวิธีทำก๋วยเตี๋ยว การบริหารวัตถุดิบ และคำนวณต้นทุน เป็นต้น โดยเรียนรู้ที่ร้านต้นตำรับใน ซ.อารีย์ฯ โดยตรง 3-5 วัน หรือหากยังไม่มั่นใจ สามารถอยู่เรียนรู้ต่อได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม จนกว่าจะพร้อมไปขายด้วยตัวเอง นอกจากนั้น ยังได้รับการส่งเสริมการตลาดร่วมกันผ่านสื่อต่างๆ เช่น ลงโฆษณาในนิตยสาร และเว็บไซต์เกี่ยวกับสร้างอาชีพ เป็นต้น
      
       ทั้งนี้ เริ่มเปิดขายแฟรนไชส์มาประมาณ 4-5 ปี ปัจจุบันมีสาขาประมาณ 14 แห่ง รายได้เฉลี่ยต่อร้านอยู่ที่ 60,000-100,000 บาทต่อเดือน (ยังไม่หักค่าใช้จ่ายประจำ เช่น ค่าเช่า และค่าพนักงาน) ส่วนอัตราร้านที่เปิดแล้วต้องปิดตัวลงมีอยู่ 3 ราย ด้วยเหตุผลหลัก คือ ทำเลไม่เอื้อ
      
       สำหรับราคาขายปลีกของก๋วยเตี๋ยว กำหนดที่ชามละ 30-35 บาท ผู้ขายจะมีกำไรหลังหักค่าวัตถุดิบแล้ว ต่อหน่วยประมาณ 50% ตัวอย่างหากขายได้วันละ 60 ชาม จะมีรายได้ประมาณ 21,000 บาทต่อเดือน หากขายได้วันละ 100 ชาม จะมีรายได้ประมาณ 36,000 บาทต่อเดือน โดยผู้ขายควรมีเงินสำรองสำหรับใช้หมุนเวียนประมาณ 30% ของยอดขาย
       จากประสบการณ์คลุกคลี ในอาชีพขายก๋วยเตี๋ยวมายาวนาน วีรวิชญ์ ทิ้งท้ายฝากข้อคิดสำหรับผู้กำลังจะทำธุรกิจเกี่ยวกับอาหารว่า ปัญหาที่ทุกรายจะเจอเหมือนกัน คือ คำตำหนิด้านรสชาติ เพราะแต่ละคนจะมีรสนิยมต่างกัน ดังนั้น ขอให้ยึดเสียงส่วนใหญ่เป็นหลัก ส่วนราคาต้องสมเหตุสมผล และควรจะลงมือทำด้วยตัวเอง หรือถ้าจะจ้างต้องควบคุมเงินรั่วไหลให้รอบคอบที่สุด ส่วนคนงานถ้าเป็นไปได้ควรเลือกวัยผู้ใหญ่ เพื่อลดปัญหาเข้าออกบ่อย และสำหรับคนเริ่มต้นใหม่ต้องอดทนอยู่กับธุรกิจให้ได้ อย่างน้อย 6 เดือน เพราะช่วง 1-3 เดือนแรก ลูกค้าส่วนใหญ่จะกินเพื่อทดลอง ช่วง 3-6 เดือนจะกลับมากินซ้ำเพราะติดใจ และถ้าผ่าน 6 เดือนไปแล้ว ลูกค้ายังกลับมากินซ้ำ แสดงว่า รสชาติเป็นที่ยอมรับ และมีขาประจำ ซึ่งจะช่วยให้ร้านอยู่ได้อย่างยั่งยืน
      
       @@@@@@@@@@@@@@@@
      
       โทร.08-1456-3030 หรือ www.yentafothai.com

Read More...




----------------

ปรับปรุง
รายการบทความทั้งหมด



การบำรุงรักษารถยนต์เบื้องต้น



ร้านค้าเคลื่อนที่ ใช้ รถบรรทุกขนาดเล็กมาดัดแปลง



รวมบทความอาชีพ เสริม หลากไอเดียวิธีหารายได้เสริม



รวมบทความงานฝีมือ-สิ่งประดิษฐ์ รายได้เสริม



ทองม้วน thong muan ; rolled wafer





MASK รุ่นสายคล้องคอ







MASK รุ่นสายคล้องคอ. ��รุ่นนี้เป็นที่นิยมใช้กันมาก #ขายดีมาก
ทำจากผ้าคอตตอนแท้ 100%  ไม่ผสม เนื้อผ้านุ่ม 
3 ชั้น. สวมใส่พอดีกับใบหน้า ไม่เจ็บหู มีสายคล้องคอปรับได้
เวลาถอดออก ไม่ต้องกลัวลืม เพราะถอดแล้วคล้องคอไว้ได้
บรรจุในถุงซิปฟรอย์อย่างดี
ราคาชิ้นละ. 59. บาท. ไม่รวมส่ง 
มีหลายสีให้เลือกนะคะ   สนใจทักแชทขอดูสีผ้าได้นะคะ
หน่วยงาน บริษัท ห้างร้าน หรือ สนใจสั่งไปจำหน่าย 
มีเรทราคาส่งค่ะ

-> id line : noeyhorm_06
#มีวางจำหน่ายหน้าร้านชานมไต้หวันมาราชาสาขาจรัญ44


ร้านมาราชาชานมไข่มุก สาขาจรัญสนิทวงศ์ 44
● รับบัตรสะสมครบ 10 แก้ว แลกรับฟรี 1 แก้ว
● สั่งเดลิเวอรีผ่าน LINE MAN, Foodpanda ,GET ...ถึงมือปั๊บพร้อมดื่มปุ๊บ!
● อัพเดทโปรโมชั่นใหม่ๆ รสชาติใหม่ ตลอดเวลา
● มีเมนูให้เลือก 40 กว่าเมนู : https://bit.ly/2Z9iqV0






























































เลือกช่องทางติดต่อและรับข่าวสารบริการหลังการขาย
ฟอร์ด พลปิยะอยุธยาและฟอร์ด พลปิยะวังน้อย

--------------------------------------------------------------------------------------------
แคมเปญ-โปรโมทชั่น อะไหล่ฟอร์ด อัพเดททางออนไลน์และปรับปรุงข้อมูลออนไลน์
อะไหล่ฟอร์ด อะไหล่รถฟอร์ด อะไหล่รถยนต์ฟอร์ด อะไหล่ฟอร์ดแท้ ร้านขายอะไหล่รถฟอร์ด ขายอะไหล่รถฟอร์ด อะไหล่ฟอร์ด
 
Option

รวมบทความอาชีพเสริม หลากไอเดียวิธีหารายได้เสริม หาอาชีพเสริมอิสระทำเงิน สร้างอาชีพอิสระงานฝีมือ แนะนำการสร้างรายได้เสริมทำเงินด้วยการขายสินค้าหรือขายของเป็นอาชีพเสริม อิสระงานฝีมือ แนะแนวธุรกิจ อาชีพเสริม อาชีพแก้จน อยากจะมีรายได้เสริมนอกเหนือจากงานประจำ บล๊อกจัดทำขึ้นเป็นวิทยาทานเพื่อเผยแผ่ความรู้อันจะเป็นไปเพื่อบุญกุศล ขอให้ทุกท่านที่มีส่วนร่วมในบทความของบล๊อกนี้ จงได้รับอานิสงฆ์ด้วยเทอญ.