Home » All posts

เรื่องขาวๆ กับ ไวท์สตอรี่

วากา วากา สวัสดีกันเป็นภาษาแอฟริกันเสียหน่อย จะได้เข้ายุคเข้าสมัยกับตอนนี้ เห็นการณ์บ้านเมืองจบ รัฐบาลก็ได้บอลโลกมาช่วยเคาะระฆังพักยก ทำให้ฝ่ายต่างๆก็ต้องขอหยุดดูบอลโลกให้แล้วเสร็จค่อยว่ากันใหม่ ครับท่านหัวหน้า ได้ดูคู่เกาหลีใต้ แชร์สุดตัวครับเห็นเกาหลีเล่นบอลต้องยอมให้เขา วิ่งกันไม่มีหมดช่วยกันทั้งสนาม ได้ประสบการณ์ของพวกที่ค้าแข้งในต่างแดนมาช่วย ไม่ต้องมีกรรมการมาช่วยเหมือนคราวปี 2004 ครั้งนี้เห็นศักยภาพของพวกเขา นายกสมาคมฟุตบอลคงต้องคิดหนักว่าจะทำอย่างไรถึงจะไม่หมดเห็นโสมขาว

ชานมเย็น เยี่ยมมาก

สลัดทูน่า บวก พามาแฮม

หอยแมลงภู่นิวซิแลนด์ ผัดซอสมะเขือเทศ

คราวนี้เป็นการแนะนำของคุณกิจ ซียู (เจ้าเก่าครับ) เป็นผู้แนะนำว่าอาหารร้านนี้เข้าท่า สำหรับคุณกิจเป็นคนที่ทานอาหารสไตล์เดียวกับผมเชื่อใจได้ว่ามีฝีมือการกิน ไม่ย่อหย่อนไปกว่ากันเป็นแน่ ครั้งนี้ผู้รวมทางทั้งคุณปลา คุณอรรต คุณปุ๋มไอบีเอ็ม แถมท้่ายด้วยคุณสมิตท เจ้าของนามปากกา (Smith Joob) อยากรู้อะไรเกี่ยวกับ Mac เขาผู้นี้เป็นคนที่บอกคุณได้ ร้านที่มานี้ชื่อ ไวท์สตอรี่ เป็นร้านอิตาเลีย ที่ปรับรสชาติให้เขาปากคนไทย เจ้าของร้านก็น่ารักที่คู่เป็นแฟนกันและคิดอยากจะเปิดร้านในรูปแบบที่ตัวชอบ ดีครับผมชอบเหมือนกันเป็นเอกลักษณ์ดีครับ พ่อครัวที่มาช่วยปรุงให้ฝีมือไม่ใช่ย่อย ขนาดผมจะต้องยอมยกนิ้วให้

พามาแฮม

แป้งพิซซากับเครื่องจิ้ม อร่อยมาก

ผักขมอบชีส

พาสต้าทะเล

มาถึงร้านคุณกิจก็นั่งรอพวกเราอยู่แล้ว สรุปเราไปสายครึ่งชั่วโมง แต่ก็มาน่ะ มาถึงก็ต้องสั่งนำ้กินกันก่อนที่นี่ ชานมเย็น เป็นที่ขึ้นชื่อของร้าน จัดมา มาดูของหนักกันเลย อยากกินอาหารสุขภาพหน่อย สั่งสลัดทูน่าบวกพามาแฮม ราดน้ำสลัดที่เด็ดขาดอร่อยมาก ตามมาติดๆ หอยนิวซิแลนด์ผัดซอสมะเขือเทศ เป็นอีกจานที่ต้องสั่ง เนื้อหอยที่เต็มปากเต็มคำ กับซอสมะเขือเทศสดหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ กับหอมใหญ่ แม่เจ้าคูณเอย... ไม่ยอม ไม่ยอม ถ้าไม่ได้ลิ้มลอง ผมเป็นพวกต้องการชิม พามาแฮมกับแป้งพิซซ่าอบ กินเข้ากันเป็นอย่างมาก เข้ายังมีเครื่องจิ้มให้มาด้วยอร่อยชะมัด อีกจานเป็นผักขมอบชีส ดีครับ หอมมาก คนทำไม่หวงชีส คนกินไม่ห่วงอ้วน ซัดเข้าไปเต็มที่ (แม่รู้ผมตาย แน่ๆ) คุณปลาอยากชิมพาสต้าทะเล จัดมา ดูดีเชียว ไม่อยากให้พลาดด้วยประการทั้งปวง เป็นอีกจานที่ผมชอบ มาถึงตัวเด็ด จะรู้ว่ามีฝีมือหรือเปล่าต้องสั่งจานนี้มากิน จะได้บอกได้ว่าพ่อครัวอยู่ระดับไหน สปาเก็ตตี้คาโบนาล่า ในดวงใจของผมคือ ปันปัน ผมชอบแห้่งหน่อยแต่จะต้่องถึงน้ำถึงเนื้อ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมผู้คนจึงชอบร้านนี้ ฝีมือล้วนๆ ยังไม่จบกับการกิน เราสั่งพิซซ่ามาลองดู ผมว่าได้ทุกหน้าเลย เข้าท่ามาก สุดท้าย ท้ายสุดก็สั่ง สปาเก็ตตี้ขี้เมา ตามประสาคนไทยขอลองว่าฝีมือถ้าเป็นรสไทยๆ จะไปรอดหรือเปล่า แน่นอนจริงพ่อคุณ ทำรสได้จัด จิ๊ดจาด ดีมากครับ คนไม่ชอบเผ็ด บอกเขาก่อนเดี่ยวสลบชัย ขนมร้านนี้ไม่เป็นสองรองใคร

สปาเก็ตตี้คาโบนาล่า

พิซซ่า ซ่าสมใจ

สปาเก็ตตี้ขี้เมา เมาไม่ยั้ง

ขอบคณ คุณกิจ ซียูที่แนะนำอาหารอร่อย แถมครั้งนี้เป็นฝีมือของคุณกิจในการถ่ายรูป (ดูดีกว่าผมอีก) ร้านนี้ไปไม่ยากครับให้ตั้งต้นสะพานพระราม 5 ตรงอย่างเดียว ไปจนกว่าจะเห็นวงเวียน ข้ามไป มองทางซ้ายมือไว้ เห็นโรงเรียนอนุบาลเด่นหล้า ให้่ชะลอและชิดช้ายกลับรถใต้สะพานตรงมาทางวงเวียนทีข้ามมานะ (ร้านอยู่เส้นริมถนน) จะเห็นป้ายเด่นเป็นสง่าครับที่จอดพอมี ได้สัก 20 คัน ร้านเล็กมากรอหน่อยครับ ที่อยู่ ถ. นครอินทร์ บางขุนกอง บางกรวย นนทบุรี โทร 086-6884841

เรื่องโดย
ธนา ทุมมานนท์

ภาพโดย
ศุภกิจ ซียู

หมูอบสูตรโบราณ

สูตรทำอาหาร

อาหารขึ้นสำรับวันนี้จากฝีมือของสาวแบงก์ พิมพา ชินพิพัฒน์ ทั้งทำง่ายและทานง่ายตามสไตล์ของสาวยุคใหม่

พิม บอกว่า เรื่องการครัวถือเป็นเสน่ห์ปลายจวัก ที่เธอคิดว่าลูกผู้หญิงน่าจะต้องมีติดตัวไว้ และการทำครัวก็ไม่ได้ยากเย็นอะไรเลย หมั่นถามจากผู้รู้และมาลองหัดทำ โดยฝึกมือบ่อยๆก็จะทำได้เอง และรู้สึกสนุกอีกด้วยค่ะ เมื่ออยากทานอะไรก็สามารถทำได้ด้วยตัวเอง และตอนไปเรียนต่อปริญญาโทที่อังกฤษ พิมเล่าว่า ทำให้เธอได้ ทำอาหารทานเอง โดยไม่ต้องไปรบกวนใครด้วย

ทุกวันนี้นอกจากมีงานประจำในตำแหน่งรีเล ชั่นชิปเมเนเจอร์ ที่ธนาคารกสิกรไทย แล้ว "พิม" ยังเป็นเจ้าของร้านโยเกิร์ตไอศกรีม "เรด แมงโก้" ที่ปากซอยทองหล่อ 12 เพราะความที่ชอบทานโยเกิร์ตมาแต่เด็กๆ ซึ่งช่วยในเรื่องระบบขับถ่ายและผิวพรรณอย่างดี เห็นได้จากผิวของเธอซึ่งขาวอมชมพู จึงเป็นแรงจูงใจให้ "พิม" เปิดร้านไอศกรีม และน้ำผลไม้ปั่นผสมโยเกิร์ต สำหรับวันนี้ "พิม" ขอโชว์ฝีมือ "หมูอบสูตรโบราณ" ลองเอาไปทำทานดู บ้างซิคะ รับรองไม่ผิดหวัง

เครื่องปรุง : สันคอหมู 1 กก./น้ำซุปกระดูกหมู/ น้ำมันมะกอก 3 ชต./แป้งข้าวโพดละลายน้ำ 1 ถ้วยตวง/หอมหัวใหญ่ 4 หัว/กระเทียม 5 กลีบใหญ่

เครื่องปรุงรส : น้ำมันหอย 5 ชต./น้ำตาลทราย 5 ชต./อบเชย 3 แท่ง/พริกไทยดำ/ซีอิ๊วขาวเห็ดหอม 3 ชต./ซีอิ๊วดำ 2 ชต./Bay Leaves (ใบกระวาน)/ Rosemary

เครื่องเคียง : เส้นพาสต้า หรือข้าวกล้อง หรือมะกะโรนี /เบบี้แครอท/ถั่วแขก

วิธีทำ 1) นำเนื้อหมูหั่นชิ้นพอประมาณ ลงทอด ในน้ำมันมะกอก เพื่อซีลน้ำมันในหมูเอาไว้ ช่วยให้เนื้อหมูนิ่ม พอเนื้อหมูสุกจนเป็นสีเหลืองทองจึงนำขึ้นพักไว้ 2) หั่นหอมหัวใหญ่เป็นแว่นๆ แล้วนำไปผัดกับน้ำมันด้วยไฟอ่อนๆ จนกระทั่งหัวหอมเป็นสีน้ำตาลไหม้ (สีคาราเมล) 3) เทน้ำซุปใส่ลงในหม้อ พร้อมด้วยกระเทียมทุบให้แหลก และเนื้อหมูที่ทอดไว้ 4) ปรุงรสด้วยเครื่องปรุงรสทั้ง 8 อย่างที่ให้ไว้ 5) พอน้ำซุปเดือดจึงลดไฟและเคี่ยวต่อด้วยไฟอ่อนๆประมาณ 2 ชม.หรือจนเนื้อหมูเริ่มเปื่อย 6) ใส่แป้งข้าวโพดละลายน้ำลงผสม เพื่อให้น้ำหมูอบข้นและเหนียวขึ้น

เมนูนี้อาจจะเปลี่ยนจากเนื้อหมู เป็นเนื้อไก่ หรือเนื้อวัว ก็ได้ตามชอบ แต่ถ้าใช้เนื้อวัวต้องหมักกับซอสปรุงรสสำหรับหมักเนื้อโดยเฉพาะ ซึ่งจะมีขายตามซุปเปอร์ฯ และควรหมักทิ้งไว้อย่างน้อย 3 วัน จะช่วยให้เนื้อนิ่มขึ้น สำหรับหมูอบสูตรนี้ คุณพิมบอกว่า สามารถปรุงแล้วเก็บใส่ช่องแช่แข็ง เมื่อจะทานก็นำเข้าไมโครเวฟ แล้วทานได้เลย อาจจะทานกับเส้นพาสต้า หรือเส้นมะกะโรนี หรือจะเป็นข้าวกล้องสุก แล้วแต่ว่าใครชอบสไตล์ไหน โดยมีเบบี้แครอทและถั่วแขกต้มเหยาะเกลือเล็กน้อยเป็นเครื่องเคียงด้วย หรือใครที่อยากทานฝีมือคุณพิม ลองแวะไปชิมได้ที่ร้านไอศกรีมของเธอ ที่ตั้งใจจะเสิร์ฟอาหารทำง่ายๆด้วยตนเองให้ลูกค้าได้ลองชิมฝีมือบ้าง.

Read More...

5 เมนูสูตรรักที่ไม่ลับจากละครเรื่อง "หวานใจกับนายจอมหยิ่ง"

สูตรทำอาหาร

เนื้อหาละครก็สนุก พระ-นางทั้ง 3 คู่ก็น่ารักสุดๆ แถมเพลงประกอบก็เพราะติดหู ละครเรื่อง 'หวานใจกับนายจอมหยิ่ง' เลย ได้ใจคนดูไปเต็มๆ แต่ความพิเศษไม่ได้มีแค่นั้น เพราะละครเรื่องนี้เขายังมีความน่ารักอีกอย่างก็คือ การนำอาหารเป็นสื่อผ่านรักระหว่างพระ - นาง ซึ่งแต่ละเมนูก็น่าทาน จนคนที่ดูทางหน้าจอเกิดอาการอยากลิ้มรสชาติกัน แต่ก็ไม่รู้จะหาทานที่ไหน

วันนี้ เลยได้ เจ็ท - ณัฐพงศ์ เหมือนประสิทธิเวช ผู้จัดละครสุดฮอตเรื่องนี้ มาเปิดเผยสูตรอาหารสื่อรัก ให้ทุกๆ คนที่ติดตามละครเรื่องนี้ไว้เอาไปทำทานกันด้วย

เจ็ท- ณัฐพงศ์ เหมือนประสิทธิเวช ผู้จัดละครเลือดใหม่ที่ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นจากคุณแม่

พิเศษจริงๆสำหรับคนที่ติดหนึบละครเรื่องนี้ 'ไทยรัฐออนไลน์' ได้ ทีเลยยกหูไปขอสูตรอาหาร 5 เมนูที่อยู่ในละครมานำเสนอ ซึ่งนายเจ็ทก็ยินดี แถมยังให้รายละเอียดของการทำแต่ละเมนูมาละเอียดยิบ งานนี้ทั้งคนอ่าน คนดูละครได้กำไรไปเต็มๆ เลยล่ะ

มาเริ่มที่เมนูแรก 'ปลาน้ำดอกไม้กับน้ำจิ้ม 4 รส' คนที่ติดตามละครเรื่องนี้ตั้งแต่ต้น จะรู้เลยว่าเป็นเมนูที่สร้างสัมพันธ์ระหว่างย่าและหลาน (ทศวิน หรือเชฟทศ) ได้อย่างประทับใจ เพราะเมื่อครั้งที่เชฟทศยังเป็นหลานชายตัวเล็ก คุณย่าของเขาทำให้ทานเป็นประจำ แต่มาครั้งนี้เชฟทศเป็นคนลงมือทำให้คุณย่าทานเองหลังพรากจากมานาน คราวนี้เลยได้ระลึกถึงความรักของย่าหลาน ผ่านรสชาติเฉพาะตัวของน้ำจิ้ม 4 รส ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ และสูตรลับของตระกูล แถมงานนี้ยังได้เริ่มเปิดสานรักระหว่างเชฟหนุ่มสุดหล่อ กับสาวมั่นอย่างจอมใจไปด้วย

Ingredient
1. ปลาน้ำดอกไม้
2. ซีอิ๊ว
3. บ๊วยดอง
4. เกลือป่น
5. ฟักทอง, เห็ดหอม, แครอท
วิธีทำ
1.ทำ ความสะอาดปลาให้สะอาด ขอดเกล็ดแล้วล้างด้วยน้ำเกลือทั้งนอกและในตัวปลา นำไปผึ่งให้สะเด็ดน้ำ เพื่อป้องกันปลามีกลิ่นคาว แล้วบั้งที่ตัวปลา
2. หั่นมะนาวเป็นแว่น ซอยหอมแดง พริกสด กระเทียมดองหรือสดก็ได้, ทุบรากผักชี
3. นำจานนึ่งที่เตรียมไว้ใส่มะนาวกับขิงซอย หรือใส่บ๊วยดองด้วยก็ได้
4. ทาเกลือที่ตัวปลาให้ทั่ว และนำไปวางในจานนึ่ง
5. นำมะนาว หอมแดง พริกสด กระเทียม และรากผักชีที่เตรียมไว้โรยหน้าตัปลา พร้อมใส่ใบโหระพา ซีอิ๊วขาวและมะนาว
6.นำไปนึ่งบนน้ำเดือดจนปลาสุก ก่อนเสิร์ฟโรยด้วยพริกไทยป่นเพื่อความหอม

น้ำจิ้ม 4 รส : ผักชี, มะขามเปียก, น้ำปลา, น้ำตาลปี๊ป, มะนาว, น้ำเปล่า
วิธีทำ : ใส่ น้ำปลา, น้ำตาลปี๊ป, น้ำมะนาว, น้ำมะขาม เคี่ยวจนเข้ากัน จากนั้นเติมน้ำเปล่า 1 ถ้วยตวง คนจนเดือดแล้วใส่ผักชีสับ เคี่ยวให้เข้ากัน
Tips : อย่านึ่งตอนที่น้ำยังไม่เดือดเด็ดขาด เพราะจะทำให้ปลาคาว

ต่อด้วยเมนูปลาจานที่ 2 'ปลาช่อนทอดน้ำจิ้มสมุนไพร' เป็นอาหารจานหลักในงานเลี้ยง 40 ปีโรงแรมสยามธารา ที่หลายๆคนประทับในรสชาติ อีกทั้งฉากของการทำเมนูนี้ เพราะเชฟทศ เล่นโชว์ความโรแมนติกในห้องครัวสอนจอมใจทำอาหารจานนี้ จนคนดูอมยิ้ม

Ingredient
1. เนื้อปลาแร่หนัง, เกลือ พริกไทย, แป้งทอดกรอบ, น้ำพืชสำหรับทอด

ซอสสมุนไพร

2.ตะไคร้ซอย 2 ต้น, ข่าสับหยาบๆ 1/4 ถ้วยตวง, ใบโหระพา 1/4 ถ้วยตวง

3. วาซาบิ 1 ช้อนโต๊ะ, น้ำสต๊อก 1 ถ้วยตวง, แป้งข้าวโพดละลายน้ำ
ซอสสมุนไพร

4. วิปปิ้งครีม 1 ถ้วยตวง, น้ำพริกเผา 2 ช้อนโต๊ะ, น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
5. น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ, หอมแดงสับ 1/4 ถ้วย
6. เนื้อกุ้งต้มสุกสับละเอียด 1/4 ถ้วยตวง

วิธีทำปลาทอด
หมัก ปลาด้วยเกลือและพริกไทย คลุกปลาที่หมักแล้วกับแป้งทอดกรอบบางๆ ให้ทั่วทุกชิ้น เอาปลาลงทอดด้วยน้ำมันเดือด ทอดด้วยไฟแรง ให้เหลืองกรอบนอกนุ่มใน พักไว้

วิธีทำซอสสมุนไพร

นำ ส่วนผสมทุกอย่างยกเว้นแป้งข้าวโพดใส่ในเครื่องปั่นให้ละเอียดมากๆ จากนั้นกรองเอาเฉพาะน้ำจะได้น้ำสีเขียว นำน้ำที่ตั้งไฟกลางจนเดือดใส่แป้งข้าวโพดละลายน้ำคนให้เข้ากันจนได้ซอสที่ ข้น
วิธีทำซอสสมุนไพร

นำ กระทะตั้งไฟใส่น้ำมันเล็กน้อยผัดหอมแดงสับใส่หอมใส่เนื้อกุ้ง เติมวิปปิ้งครีมข้นให้เข้ากัน ใส่น้ำพริกเผาคนจนละลายเข้าด้วยกันจนเดือด ปิดไฟ ปรุงรสด้วยน้ำปลาและมะนาว น้ำไปปั่นด้วยความเร็วสูง ก็จะได้ซอสข้นสีส้ม
Tips : จัด หน้าตาอาหารให้น่าทานโดยนำแตงกวาสไลด์เปลือกบางเป็นเส้นยาว นำมาม้วนเป็นวงกลม นำปลาที่ทอดวางลงในบล็อกกลม แต่งหน้าด้วยตระไคร้ขอบบางทอดกรอบบนปลา แต่งรอบปลาด้วยซอส 2 สี

ถัดมาที่เมนูสุขภาพที่เกิดจากความทรงจำที่ทำให้จอมใจเกิดอาการหลงรักเชฟทศไปเต็มๆ 'สลัดดอกเข็ม' คราว นี้นางเอกลงมือทำเองตามคำสั่งของเชฟทศที่บอกให้สร้างสรรค์เมนูใหม่ๆ และจากความหลังเมื่อครั้งที่จอมใจเกิดไม่สบายที่ต่างจังหวัด และมีเชฟทศคอยดูแล เธอจึงมอบดอกเข็มที่ร้อยเป็นมาลัยคล้องคอให้ในวันนั้น ดอกเข็มสื่อรัก ที่แสนหวาน และยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพเลยได้กลายเป็นสลัดเก๋ๆ น่าทานแบบนี้

Ingredient

1. ดอกเข็ม

2. ผักRed Coral
3. แอปเปิ้ลเขียว
4. ผักกาดแก้ว
น้ำสลัด
5. น้ำมันสลัด 1/2 ถ้วยตวง

6. น้ำส้มสายชู 1/4 ถ้วยตวง
7. เกลือป่น 1 ช้อนชา, น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ และมัสตาร์ดเล็กน้อย
วิธีทำ

นำส่วนผสมทั้งหมดคนให้เข้ากัน แล้วราดลงบนผักที่เตรียมไว้

มาที่เมนูทานเล่น ที่ใครๆก็ต้องอิจฉาขั้นตอนการทำสุดๆ 'หมี่กรอบส้มซ่า' ซึ่งแก้วใส สาวหวานที่อยู่กับคุณยายตั้งแต่เด็ก จนเก่งเรื่องการทำอาหาร และขนมไทย ได้แสดงฝีมือทำหมี่กรอบส้มซ่าสูตรโบราณ ซึ่งระหว่างการนั่งเรือไปหาส้มซ่ากับชัชวิน ก็ได้โชว์ความโรแมนติก จนประทับใจกันไปอีกคู่

Ingredient

1. เส้นหมี่แห้ง 100 กรัม

2. เต้าหูเหลืองหั่นฝอย (ตากแดด 1 แดด ประมาณครึ่งวัน)

3. น้ำมันพืชครึ่งขวด

4. หอมแดง 2 หัว, กระเทียม 5 กลีบ, ไข่เป็ด 2 ใบ (ไม่ควรใช้ไข่ไก่เพราะทอดแล้วนิ่ม)
5. น้ำตาลปี๊ป 2 ช้อนโต๊ะ, น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ, มะขามเปียก 2 ฝักคั้นเอาแต่น้ำ

6. น้ำตาลทรายครึ่งถ้วย, เต้าเจี้ยวขวด 2 ช้อนโต๊ะ, พริกชี้ฟ้าสีแดงหั่นฝอย

7. ส้มซ่า 1 ลูก
วิธีทำ

1. ทุบและสับหอมแดง และกระทียม จากนั้นนำไปเจียวในน้ำมันให้หอมแล้วยกขึ้นพักไว้

2. ตีไข่เป็ดโรยในตะแกรงวนลงในกระทะให้ฟูเหลืองจนกรอบเป็นฝอยแล้วนำขึ้นพักไว้

3. ทอดเต้าหูเหลืองให้กรอบและนำขึ้นพักไว้
4. ทอดเส้นหมี่ในน้ำมันร้อนปานกลางพอฟู แล้วนำขึ้นให้สะเด็ดน้ำมัน ใส่ลงไปในหอมและกระเทียมที่ทอดไว้ก่อนหน้า

5. เอาน้ำมันที่ทอดเหลือไว้ครึ่งหนึ่งแล้วเคี่ยวกับน้ำตาลปี๊ป 2 ช้อนโต๊ะ ใส่น้ำปลา น้ำตาลทราย ส้มมะขาม เต้าเจี้ยว แล้วเปลือกส้มซ่า จากนั้นคนให้เข้ากัน

6. นำไปคลุกเคล้ากับส่วนผสมที่ทอดไว้จนเข้ากัน แล้วใส่ไข่ฝอย พริกชี้ฟ้าหั่นฝอยโรยหน้า

Tips : ถ้า นำไปใส่ถุงอยู่ได้ 2-3 วัน แต่ถ้าใส่ตู้เย็นอยู่ได้เป็นอาทิตย์ ส่วนเรื่องการปรุงรส ควรให้หมี่กรอบมีรสชาติเค็ม-หวานนำ เปรี้ยวน้อยๆ
อาหารทานหลัก อาหารทานเล่นไปแล้ว มาที่เมนูขนมหวานสุดสร้างสรรค์ที่ผสมผสานความอร่อยของขนมไทยและฮ่องกงไว้ได้อย่างลงตัว 'ทาร์ตหม้อแกง' ซึ่งเป็นขนมที่แก้วใสคิดขึ้นมา และทำให้คนที่ชิมรู้สึกแปลกใหม่ โดนใจชัชวินมาก จึงสั่งขนมของแก้วใสเขามาขายกับเบเกอรี่ของโรงแรมฯ แถมงานนี้ยังไปช่วยขายขนมกับแก้วใสส่งตากันหวานหยด เลยทีเดียว

Ingredient

1. แป้งสาลี 3 dl (เพิ่มอีกครึ่ง dl ระหว่างนวดแป้ง)

2. เนย 200 กรัม, น้ำตาลไอซิ่ง 2 dl

3. ถั่วเขียว 250 กรัม ( อาจเพิ่มเผือก, เม็ดบัว ตามชอบ)

4. น้ำเปล่า 4 ถ้วยตวง, หัวกะทิ 1 ถ้วยตวง, น้ำตาลปี๊ป 250 กรัม
5. เกลือป่น 1/4 ช้อนชา, ไข่เป้ด 3 ฟอง
6. หอมแดงซอยละเอียด 3 ลูก

7. ใบเตย 3 ใบ

วิธีทำตัวแป้ง
นำเนยมานวดกับแป้ง และน้ำตาลไอซิ่งให้เข้ากัน
วิธีทำขนมหม้อแกง
1. ตีไข่ขาวให้ขึ้นผสมกับน้ำตาลปี๊ปให้ละลาย จากนั้นใส่กะทิที่กรองผ้าขาวบางแล้ว

2. ผสมถั่วเขียวนึ่งบด ขยำให้เข้ากัน แล้วเทส่วนผสมทั้งหมดใส้หม้อหรือกระทะทองเหลือง

3. ตั้งไฟกวนพอข้น แล้วตักใส่ตัวแป้งทาร์ตที่นวด แล้วขึ้นรูปเป็นถ้วยไว้

4. เข้าอบไป 200 องศาเซลเซียส ประมาณ 30 - 40 นาที จนขนมสุกหน้าเหลือง แล้วโรยด้วยน้ำมัน และหอมเจียว

ใครชอบเมนูไหน อยากไปลองทำก็ดูตามสูตรที่ให้ไปได้เลยเพราะสูตรอาหารทั้งหมดมาจากละครเรื่อง นี้ไม่มีเม้ม แต่ถ้าใครอยากได้คนสอนทำอาหารหน้าตาหล่ออย่างเชฟทศ คงช่วยไม่ได้ ดูละครแล้วทำไปด้วยพรางๆ แทนก่อนแล้วกันนะ.

Read More...

เปิดตำนานโย่ย เฝอท่าบ่อ ขอนแก่น เวียดนามในสายเลือด

สูตรทำอาหาร

อาหารเวียดนามกับคนไทยถือว่าไม่ใช่สิ่งไกลตัว ขาโซ้ย ขาหม่ำ คุ้นลิ้นกินกันจนชินรส หลายเมนูอยู่คู่โต๊ะอาหารจนแทบจะกลายเป็นอาหารไทย ที่จังหวัดขอนแก่นมีร้านอาหารเวียดนามแบบดั้งเดิมชื่อ "เฝอท่าบ่อ" ของ 'เฮียสวัสดิ์' ทายาทรุ่นสอง ทำหน้าที่ดูแลหน้าเตา เฝ้าหน้าหม้ออย่างใกล้ชิด!
"พี่มาขายอาหารเวียดนามเพราะพ่อกับแม่ เป็นเวียดนามครับ เวียดนามแท้ๆ ไม่มีผสม พ่อกับแม่อยู่เมืองไทยมานานแล้วครับ ก่อนหน้านี้พ่อขายแค่โย่ยกับเลือดแปลงแค่ 2 อย่าง ขายมาหลายสิบปี ผมก็ช่วยพ่อทำมาตั้งแต่ต้น จนย้ายมาอยู่ที่ร้านใหม่

โย่ยของดีหายาก

ก็เริ่มมีอาหารอย่างอื่น สูตรอาหารส่วนใหญ่มาจากคุณพ่อ และก็มาจากอาหารเวียดนามที่ที่บ้านทำกันเองอยู่แล้ว ไม่ได้ดัดแปลงอะไรเลย ตอนนี้ครอบครัวเราได้เป็นสัญชาติไทยหมดแล้วครับ" คุณพี่สวัสดิ์เล่าถึงที่มาที่ไป ย้อนกลับไปกว่า 20 ปี

พันหอม

เฝอท่าบ่อเป็นร้านขวัญใจของคนในพื้นที่ ทั้งขาโซ้ยรุ่นใหญ่และนักหม่ำรุ่นเล็ก รวมไปถึงข้าราชการชั้นผู้ใหญ่หลายท่านที่แวะเวียนมาโซ้ยอย่างต่อเนื่อง เป็นที่เลื่องลือไปหลายจังหวัด
เมนูภาคบังคับฉบับเฝอท่าบ่อ คือ "โย่ย" ของดีที่หาทานยากมั่กๆ!! ถ้ามาแล้วไม่ได้หม่ำ คลำทางออกจากร้านไม่ถูก (หุหุ)

"โย่ย" เป็นไส้กรอกของชาวเวียดนาม ตัวไส้ทำจากเลือดหมู หมูสับ ต้นหอม ผักแพรว นำมาสับและคลุกให้เข้ากันปรุงรสเล็กน้อย ยัดในไส้หมู ต้มจนสุก โซ้ยคู่กับเครื่องในลวก มีกระเพาะหมู ไส้อ่อน ตับ ที่ผ่านการล้างและลวกอย่างดี หั่นวางมาในจานคู่กับโย่ย พลพรรคนักหม่ำเครื่องในต้องไม่พลาด ร้านนี้ทำความสะอาดดีจริงๆ ไม่มีกลิ่นคาว ไม่มีกลิ่นหืน กลืนง่าย ไม่เหนียว เคี้ยวสะดวก ขาโซ้ยที่อ่านชื่อแล้วยังงง ต้องมาลองสัมผัสเสน่ห์เวียดนามที่หายากเต็มที แต่มีอยู่ที่ประเทศไทย

เนื้อลวก

นอกจากโย่ยแล้ว ทางร้านยังมีอีกหนึ่งเมนูแปลก แหวกลิ้น กินแล้วลืมไม่ลง "เลือดแปลง" เมนูดั้งเดิมที่มีมาตั้งแต่ร้านเปิด
"เลือด แปลง" เป็นอาหารประจำบ้าน ชาวเวียดนามทำไว้รับแขก คล้ายๆลาบเลือดของคนไทย จะต่างกันที่ส่วนผสมบางชนิด ที่เฮียขอปิดไว้เป็นความลับ ขั้นตอนการทำเริ่มต้นจากนำเลือดหมูเคี่ยวกับน้ำซุป ปรุงรสให้กลมกล่อม ออกหวานนิดๆ เผ็ดหน่อยๆ แล้วทิ้งไว้จนจับเป็นก้อนคล้ายวุ้น เลือดจะไม่สุกมาก แต่ไม่คาว โซ้ยคู่กับผัก พริกสด และบีบมะนาวลงไปเล็กน้อย แซบอย่างแรง!!

ปากหม้อ+เมี่ยงสด

จาก 2 เมนูเวียดนามตามตำรับดั้งเดิม มาต่อที่เวียดนามร่วมสมัยขวัญใจขาแซบ "แหนมคลุก" เมนูคุ้นเคยที่รสชาติไม่ธรรมดา เฮียสวัสดิ์ทำแหนมเอง ใช้เนื้อหมูส่วนสะโพกแล่เอาเอ็นออกให้หมด นำไปบด ใส่เกลือ ใส่กระเทียม รสชาติแหนมจะไม่เปรี้ยวจัด เหมาะสำหรับนำมายำ สำหรับตัวข้าวทอด เฮียใช้ข้าวหุงให้สุก คลุกกับพริกแกง ตะไคร้ ใบมะกรูด กระเทียม หอมแดง และมะพร้าว นำมาปั้นเป็นก้อน ชุบแป้งที่ผ่านการปรุงรสมาแล้ว ก่อนจะนำไปทอดในน้ำมันร้อนปานกลาง ทอดจนเหลืองกรอบ รสชาติของแหนมและข้าวทอดถูกออกแบบมาให้คลุกแล้วลงตัวกำลังพอเหมาะพอดี ปรุงรสอีกแค่เล็กน้อยก็อร่อยเริ่ด!

สำหรับขาหม่ำที่สั่งแหนมคลุกไป โซ้ยที่บ้าน เจ๊แนะนำให้แยกข้าวทอด แล้วค่อยคลุกเองที่บ้านเพื่อความอร่อยถึงใจ มาเฝอท่าบ่อแล้วไม่หม่ำเฝอเหมือนกับมาไม่ถึงร้าน (หุหุ) เฮียสวัสดิ์มีสองเมนูเฝอให้เลือกสรร "เฝอหมู" และ "เฝอเนื้อ" น้ำซุปใส เส้น เหนียวนุ่ม ชามขนาดไม่ใหญ่มาก สั่งมาโซ้ยคนละชาม แกล้มแหนมคลุกและโย่ยก็ยังไหว

แหนมคลุกสุดเริ่ด!

เทคนิคการโซ้ยเฝอแบบเวียดนามแท้ๆ ต้องหม่ำคู่กับเครื่องเคียง คือ กะปิ และพริกขี้หนูเผา เริ่มจากใช้พริกขี้หนูเผาจิ้มกะปิ แล้วกัดกินคู่กับเส้นเฝอ ซดน้ำซุปตาม จะได้อีกรสชาติของความอร่อย
ปิด ท้ายด้วยเมนูเบาๆ ขวัญใจสาวๆรักหุ่นสวย "พันหอม" เป็นผักสลัดนำมาห่อเป็นคำๆ ด้านในใส่เนื้อหมูต้มหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ไข่ต้ม หมูยอ และผัก เช่น สะระแหน่ ผักชี แตงกวา หั่นพอดีคำ นำมาห่อรวมกับเนื้อหมู และพันด้วยต้นหอม เป็นอันเสร็จสิ้นกินได้ ไม่อ้วน!

เลือดแปลง

ขาประจำร้านนี้รู้ดีว่านอกจากความแซบแบบปัจจุบันทันด่วน สั่งแล้วหม่ำที่โต๊ะแล้ว ทางร้านยังมีแบบสั่งแล้วหิ้วกลับบ้าน มีทั้งหมูยอธรรมดา หมูยอหนัง และขาหมูยัดไส้ ซื้อไปฝากญาติสนิทมิตรสหาย อิ่มกาย ราคาสบายกระเป๋า ร้าน "เฝอท่าบ่อ" เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 8 โมงเช้าจนถึง 2 ทุ่ม ร้านตั้งอยู่ที่อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น ถ้ามาจากบึงแก่นนคร ให้มองหาวัดศรีนวล เจอวัดแล้วจะเห็นร้านอยู่ตรงข้ามวัด

พี่สวัสดิ์ต้นตำรับกับบรรยากาศหน้าร้าน

ถ้ามาแล้วหลง งง ไปไม่ถูก โทร.ถามได้ที่เบอร์ 08-7852-4499, 08-6362-4380 และ 08-1544-2599
ก่อนจบก่อนจาก เฮียสวัสดิ์ฝากบอกว่าตอนนี้เปลี่ยนชื่อเป็น "ธเดช" เรียบร้อยแล้ว แต่ไม่ว่าจะเปลี่ยนเป็นชื่ออะไร...เจ๊
การันตีว่าความอร่อยยังเหมือนเดิม!!!!

เจ๊แซบ หัวเขียว

Read More...

จับขนมจีนมาใส่ก๋วยเตี๋ยวเรือ "ลอยลำ"

สูตรทำอาหาร

ครึ่ง ทางของบอลโลกในรอบแรกแล้ว หลายท่านคงผิดหวังกับฟอร์มของทีมเต็งแชมป์อย่าง สเปน อังกฤษ เยอรมัน ที่ทำให้คนไทยทั้งชาติ ต้องลมจับเป็นเช่นนี้เสมอในฟุตบอลรายการใหญ่ๆ ที่ทีมเล็กๆสามารถปราบยอดทีมได้อย่างพลิกความคาดหมาย ซึ่งหมายถึงผู้เชียร์ที่เทหมดใจให้กับทีมใหญ่ๆ อันเป็นทีมที่ชื่นชอบ ผิดกับอาเจนฯ ของเสือเตี้ยที่คุยได้สมราคา ผมแอบเชียร์อยู่ด้วย ผมว่าดูเสือเตี้ยลุ้นมันกว่าบอลในสนามเสียอีก

ก๋วยเตี๋ยวหมู น้ำตก ฮิฮิ

ก๋วยเตี๋ยวเนื้อ ชอบ..ชอบ

สถาวะเศรษฐกิจตอนนี้ยิ่งที่ให้เราๆท่านๆต้องลำบากใจมากขึ้น ข้าวของขึ้นราคาเสียจะเป็นลม ผักกาดหอมจากเดิมเมื่อปลายปีอยู่ที่ 30-35 บาทตอนนี้ต้องบวกเข้าอีก 100 ถึงจะได้สักกิโล (ฝากกระทรวงพาณิชย์ฯ จัดการดูแลหน่อยครับจะตายกันแล้วชาวบ้าน) ยิ่งไปกว่านั้นผมได้ไปเดินทาง อตก. ตกใจขนหัวลุก พริกขี้หนูสวนตอนนี้กิโลละ 500 บาท แม่เจ้า จะกินไหวไม่เนี้ย ถ้าเป็นอย่างนี้คงจะต้องขอพาไปกินของถูกอร่อยปาก อย่างก๋วยเตี๋ยวเรือ ร้านนี้ชื่อ "ลอยลำ" เป็นร้านที่ย้ายจากแถวๆ งามวงศ์วานมาหาทำเลในเมืองทองใกล้ ธนาคารกสิกรไทย รสชาติไม่ต้องพูดถึง มีชื่อมาก่อนที่จะย้่ายมาอยู่แล้วครับ สองสามีภรรยาช่วยกันทำมาหากินเปิดร้านส่งลูกเรียนหนังสือ

ให้ดูกันอีกมุม

ขาว นุ่ม นวล ลูกชิ้นลวก

ถ้าได้กินกับน้ำจิ้มเด็ดๆๆๆๆ

ก๋วยเตี๋ยว เรือร้านนี้นำ้ซุปมีให้เลือกทั้งแบบน้ำใส และ น้ำตก(ใส่เลือด) ทางร้านคัดเลือกเนื้อวัวส่วนต่างๆ มาให้ลิ้มลองกันอย่างมากมาย เส้่นก็มีการเลือกสรรค์ (ปราณีมากกว่าหลายๆร้าน) มาคราวนี้ก็เลยของจัดมาลองกันหน่อย ผมสั่งเส้นเล็กตามชอบ ไม่เปลี่ยนใจ (ผิดกับ อัสนีวสันต์ ที่ไม่กินเส้นใหญ่) อันนี้แล้วแต่ชอบ เพลงนี้ออกมาทำโรงงานเส้นแทบกระอักเลือดตายไงสะงั้น น้ำซุปแบบน้ำตกชอบมาก ไม่เข้มข้นเกินจนน่ากลัวกำลังอร่อยเชียว แถมด้วยที่ร้านมีกากหมูเจียวกับกระเทียมหอมกลุ่น แคบหมูมาเป็นเครื่องเคียงอย่างชนิดขาดกันไม่ได้ ร้านนี้มีทีเด็ดที่เด็ดขาดด้วย โดยการนำขนมจีนมากินกับน้ำก๋วยเตี๋ยวเรือซึ่งเรียกว่า "ลอยลำ" ตามชื่อร้าน ผมได้ลองหลายอย่างในร้านชอบครับ(ไม่ได้เชียร์) อยากให้หลายท่านได้ไปลองกินก๋วยเตี๋ยวเรือที่ร้านนี้ อ๋อที่ร้านมาทั้งหมูและเนื้อ ไม่ผิดกติกาใดๆ ถ้าคนไม่กินสัตว์ใหญ่ก็สามารถมากินได้

เจ้าของร้าน น่ะจ๊ะ

ช่วยกันทำมาหากิน

หน้าร้าน จ๊ะๆๆๆ

ไป มาสะดวกดีครับ ที่ร้านอยู่ในเมืองทองให้ขับรถตรงเข้ามาให้ผ่านอิมแพคอารีน่า ตรงมาให้อิมแพคฯอยู่ซ้ายมือ เมื่อพบไฟแดงตรงต่อไปด้านขวาเป็นกสิกรไทย (ใหญ่มาก) ตรงต่อไป หมดมุมตึกของธนาคารให้เลี้ยวขวาขนานไปกับธนาคาร มองทางซ้ายไว้ครับมีทางเข้าได้่เข้าไปตรงไปอีกสัก 150 เมตร เห็นเรือ แปลว่าถึงแล้ว กินกันตามสบายเลยครับ ไปไม่ถูกโทร 085 662 2020 , 085 662 1919
เรื่องและภาพโดย
ธนา ทุมมานนท์ (เบย์พาเลส)

Read More...

สาคูไส้หมู

สูตรทำขนม

นานๆจะมีสูตรอาหารว่างมาฝากสักที โดยเฉพาะ สาคูไส้หมู เป็นอาหารว่างตำรับไทยๆมาแต่ โบราณ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีและมีผู้ทำขายตามท้องตลาด

สำหรับสาคู เป็นพืชตระกูลปาล์ม ที่มีความมหัศจรรย์ เป็นทั้งพืชรักษ์น้ำและพิชิตโลกร้อนอีกด้วย แถมยังให้ประโยชน์มากมาย ไม่แพ้ มะพร้าว กล้วย หรือไผ่ เพราะแทบทุกส่วนของต้นสาคูสามารถนำมาทำประโยชน์ได้ทั้งสิ้น อย่างใบ สานเป็นตับจากใช้มุงหลังคา เป็นฝาบ้าน เป็นฝ้าเพดาน หรือทำเป็นเสื่อ ในยามที่อากาศร้อนๆก็อาจจะทำเป็นพัดใช้โบกคลายร้อน ซ้ำมอดก็ยังไม่กินอีกต่างหาก ส่วนเม็ดสาคูก็นำมาปรุงเป็นอาหารทั้งคาวและหวานหลากชนิด โดยให้คาร์โบไฮเดรตมากกว่าข้าวถึง 10 เท่า สาคูจึงถูกใช้เป็นอาหารหลักแทนข้าว ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่บ้านเมืองอยู่ในภาวะคับขัน ประชาชนไม่มีจะกิน ก็ได้สาคูเป็นอาหารหลัก ทำเป็นอาหารได้มากมาย รวมทั้งเส้นก๋วยเตี๋ยวอีกด้วย

“สาคูไส้หมู” สูตรที่ได้มาวันนี้ เป็นสูตรเก่าแก่ของครอบครัว คุณติ้ง-จรรยา ชินพิพัฒน์ ภรรยารองประธานบริษัทอมตะ บีกริม พาวเวอร์ จำกัด ซึ่งเป็นธุรกิจเกี่ยวกับโรงไฟฟ้า คุณติ้งเล่าว่า เห็นคุณแม่ (จรูญ เที่ยงธรรม) ทำมาตั้งแต่เกิดก็ว่าได้ และจะทำให้ลูกๆทานเป็นประจำ อาหารไทยทุกอย่างทั้งคาวและหวาน อย่างทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง คุณแม่ก็จะทำเองและทำเก่งมาก พอคุณแม่เข้าครัว ก็จะมีลูกๆคอยช่วยเป็นลูกมือ เพราะฉะนั้นทั้งสูตรและวิธีทำจึงติดอยู่ในหัวของลูกๆทุกคน

คุณ ติ้งบอกว่า วิชาการครัวที่ได้จากคุณแม่นี้ ถือเป็นมรดกล้ำค่าทีเดียว ซึ่งเธอจะนำมาทำเลี้ยงเพื่อนฝูงเป็นประจำ และเป็นเมนูที่ได้รับออเดอร์ตลอด จนต้องทำขายตามแรงเชียร์ โดยไปวางขายที่ร้าน Red Mango ของลูกสาว ใครที่อยากชิมโทร.สั่งได้ที่ 08-1822-4487, 08-5667-1545 ทั้งๆที่กำไรก็สู้เล่นหุ้น ซึ่งเป็นงานหลักของคุณติ้งไม่ได้เลย แต่คุณติ้งบอกว่า มันเป็นความสุขทางใจมากกว่า เมื่อของที่เราทำมีคนซื้อและได้รับเสียงชมกลับมา

เครื่องปรุงสาคูไส้หมู : สาคูเม็ดเล็ก 2 ถ้วยตวง/ กระเทียมเจียว/พริกขี้หนู/ผักกาดหอม/ผักชี

เครื่องปรุงไส้ : เนื้อหมู สับหรือบดละเอียด 8 ขีด/หัวหอมแดง หั่นตามขวางหนาพอควร 7 ขีด/หัวไช้โป๊ว สับละเอียด 6 ขีด/ถั่วลิสง ตำละเอียด 5 ขีด/น้ำตาลปี๊บ 7 ขีด/น้ำปลา 1 ชต./ พริกไทย 1 ชช…..วิธีทำ ละลายน้ำตาลปี๊บกับน้ำปลาในกระทะ เมื่อความร้อนละลายส่วนผสมทั้งสองเข้ากันแล้ว ค่อยใส่หอมแดง เคี่ยวจนงวด จึงใส่ไช้โป๊วลงไป เคี่ยวจนเกือบ แห้ง จึงใส่เนื้อหมูบดลงไปกวนด้วยจนกระทั่งแห้ง จึงค่อยใส่ถั่วลิสง ชิมให้ได้รสความหวานและเค็มกลมกลืนกัน ไส้ของสาคูควรเคี่ยวให้ออกเหนียวๆเพื่อปั้นเป็นก้อนได้

วิธีทำเริ่มจาก ล้างเม็ดสาคูเพื่อเอาฝุ่นผงออก โดยซาวกับน้ำสัก 2-3 ครั้ง จากนั้นแช่น้ำให้ปริ่ม ทิ้งไว้ประมาณครึ่ง-1 ชม. จนเม็ดสาคูบานอืดน้ำ จึงนำมานวดให้เข้ากัน จากนั้นค่อยปั้น โดยแผ่แป้งสาคูเป็นแผ่นแบนๆ แล้ววางไส้ลงตรงกลาง จากนั้นหุ้มไส้ให้มิด วางเรียงในลังถึงซึ่งปูใบตองไว้ เมื่อนึ่งสุกก่อนนำออกจากลังถึง ควรทาด้วยน้ำมันกระเทียมเจียว เพื่อไม่ให้สาคูแต่ละลูกติดกัน เวลาเสิร์ฟโรยกระเทียมเจียว พริกขี้หนู และมีผักกาดหอม-ผักชี เป็นเครื่องเคียงด้วย.

Read More...

ค๊อกเทลสูตรบอลโลก 3 สไตล์แบบเบาๆ

ค๊อกเทลสูตรบอลโลก 3 สไตล์แบบเบาๆ

กำลังอยู่ในช่วง กระแสบอลโลก ที่หลายๆ คนต่างโยกย้าย ส่งเสียงเชียร์ฟุตบอลกัน เชียร์ในบ้าน หรือเชียร์นอกบ้าน ก็สนุกสนานไม่แพ้ วันนี้เลยหาอะไรพิเศษๆ มาเอาใจสำหรับคนเป็นโรค World Cup Fever กับ Cocktail สูตรพิเศษเพื่องานนี้โดยเฉพาะ..

หลากหลายรสชาติของค๊อกเทลที่นำมาวันนี้ ขอบอกเลยว่าทำไม่ยากอย่างที่คิด เพราะวันนี้คุณ วิรัตน์ เจริญศรี (Lobby & Bar Assistant Manager)จากโรงแรมอิมพีเรียล ควีนส์ปาร์ค มาบอกส่วนผสมค็อกเทลเท่ๆ 3 รสชาติสำหรับจิบเพลินๆ ไม่ฮาร์ดคอร์มากเกินไป เพื่อให้ค่ำคืนแห่งความสนุกสนานกับการเชียร์ฟุตบอลโลกในปีนี้ ได้มีอรรถรสมากขึ้น

โยอันเนสเบิร์ก (สีแดง)

ส่วนผสม

ออเรนท์คูราโซ่ 1.5 ออนซ์
ครีม เดอ บานาน่า 0.5 ออนซ์
น้ำเชื่อมกรีนาดีน 1 ออนซ์
น้ำส้ม 2 ออนซ์

น้ำเชื่อมกรีนาดีน

คิคอ๊อฟ (สีเหลือง)

ครีมเดอ บานาน่า จริงๆ แล้วมีหลายยี่ห้อนะ อันนี้เอามาให้ดูเป็นตัวอย่าง

ส่วนผสม

เหล้าแม่โขง 1.5 ออนซ์
ครีม เดอ บานาน่า 0.5 ออนซ์
ทริปเปิลเชค 0.5 ออนซ์
น้ำสัปปะรด 3 ออนซ์

ปริโตเรีย ม๊อกเทล (สีเขียว)

ส่วนผสม

น้ำมะม่วง .05 ออนซ์
น้ำแอปเปิล 0.5 ออนซ์
น้ำฝรั่ง 2 ออนซ์

แค่ ได้อ่านสูตรค๊อกเทลยังเปรี้ยวปากอยากดื่มขึ้นมา ซึ่งสำหรับใครที่อยากทำ แต่ยังไม่มั่นใจ แนะนำให้ไปลองจิบจากต้นตำรับก่อนที่ห้องอาหารซันดาวเนอร์บาร์ โรงแรมอิมพีเรียล ควีนส์ปาร์คได้เลย เพราะตอนนี้ที่นั่นก็กำลังจัดโปรโมชั่นเอาใจคนชอบ Hang out อยากเชียร์บอลแบบไม่ต้องคลานกลับบ้าน ตั้งแต่วันนี้จนจบทัวร์นาเมนท์เลยล่ะ ส่วนคนชอบอยู่บ้านที่อยากเพิ่มบรรยากาศการเชียร์ให้สนุกสนานยิ่งขึ้น ก็ลองเอาสูตรค๊อกเทลนี้ไปทำได้เลย.

โดย ทีมข่าวไลฟ์สไตล์

Read More...