สูตรขนม สูตรอาหาร อาชีพรายได้เสริม ประกาศฟรี โฆษณาฟรี Career Articles Extra Income
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

Drop Down MenusCSS Drop Down MenuPure CSS Dropdown Menu

ขนมเบื้องแนวแฟนซี แต่งหน้าขนมเบื้องเองได้ ไอเดียจุดต่างเรียกลูกค้า

รักอาชีพ : ขนมเบื้อง หลาย ๆ ท่านคงเคยพบเห็นตามแหล่งต่าง ๆ ที่มีหลากหลายรสชาติ หลายสีสัน โดยขึ้นอยู่กับแนวคิดของแต่ละเจ้า ซึ่งวัีนนี้ พ่อค้าขนมเบื้อง เมืองนครปฐม ได้หาจุดแตกต่างดัดแปลงให้เป็น "ขนมเบื้องแฟนซี" ซึ่งเป็นที่สนใจกับผู้ผ่านไปผ่านมาได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะเด็ก ๆ ทั้งหลาย

ขนมเบื้องแนวแฟนซี แต่งหน้าขนมเบื้องเองได้ ไอเดียจุดต่างเรียกลูกค้า

สำหรับขนมเบื้องแฟนซีดังกล่าว เป็นของ “ร้านขนมเบื้องลีลาไทย สไตล์แฟนซี ของร้านลุงมา” อยู่ที่อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม ของ “นายธีรภัทร์ ดอนผิวไพร” ซึ่งเป็นรายแรกที่มีการปรับโฉมหน้าและสูตรขนมเบื้องออกมาให้แปลกแหวกแนวไม่เหมือนใคร รูปร่างหน้าตาที่สีสันสวยสดใส บวกกับรสชาติที่แปลกใหม่เพิ่มขึ้นมา สร้างชื่อให้ขนมเบื้องลุงมา เป็นที่รู้จัก และลุงมาเจ้าของร้าน ก็กลายเป็นวิทยากรสอนทำขนมกระเบื้อง จนปัจจุบันมีลูกศิษย์สร้างรายได้สร้างอาชีพมาแล้วหลายร้อยคน
ขนมเบื้องแนวแฟนซี แต่งหน้าขนมเบื้องเองได้ ไอเดียจุดต่างเรียกลูกค้า
พี่ธีรภัทร ดอนผิวไพร ลูกลุงมาทายาทเจ้าของ
     นายธีรภัทร์ ลูกชายลุงมา เล่าว่า ที่มาของขนมเบื้องแฟนซี เกิดขึ้นมาจากครอบครัวของเราทำขนมเบื้องขายมานานหลายสิบปี และวันหนึ่งเห็นว่า ขนมเค้กทำไมสามารถตกแต่งให้สวยงามได้ และขนมเบื้องของเรา น่าจะทำได้ และประกอบกับความต้องการที่จะดึงลูกค้ากลุ่มเด็กให้มาสนใจขนมเบื้อง ขนมแบบไทยๆมากขึ้น จึงได้คิดค้นวิธีการทำขนมเบื้องแฟนซีขึ้นมา

โดยเริ่มจากการนำของตกแต่งขนมเค้ก เช่น ผลไม้อบแห้ง ช็อกโกแลต สตอเบอรี่ แอปเปิ้ล ฝอยทอง ถั่ว แยมรสชาติต่างๆ รูปตุ๊กตา ฯลฯ มาตกแต่งหน้าขนมเบื้องเป็นรูปร่างหน้าตาแตกต่าง ๆ กันออกไป นอกจากนี้ ได้มีการประยุกต์ตัวเนื้อครีม เพื่อให้มีสีสันและรสชาติต่างๆ เพื่อให้ดูเป็นแฟนซีมากยิ่งขึ้น ซึ่งจากเดิมจุดขายและความอร่อยของเราก็อยู่ตรงสูตรการพัฒนาเนื้อครีม ที่เป็นสูตรของเราเองไม่เหมือนใคร คือ รสชาติหอมกลมกล่อม ไม่หวานเกินไป และขนมเบื้องของเรามีจุดขายตรงที่เราจะใส่เนื้อครีมให้เยอะมาก เป็นจุดขายที่ลูกค้าชื่นชอบและพึ่งพอใจ

สำหรับเนื้อครีมที่ทางร้านลุงมาประยุกต์ขึ้นมาใหม่ แตกต่างจากร้านขนมเบื้องทั่วไป เช่น เนื้อครีมรสวนิลา นมสด รสผลไม้ เช่น บลูเบอรี่ แอปเปิ้ล สตอเบอรี่ รสชอล์กโกแลต เพื่อเอาใจเด็ก เนื้อครีมรสชาติต่างๆ ที่ออกมายังไม่ได้รับความนิยมมากเท่ากับครีมสูตรดั้งเดิม ซึ่งครีมรสชาติใหม่ๆหมือนเป็นสีสันให้กับขนมเบื้องแฟนซีมากกว่า และเอาไว้ดึงดูดลูกค้า วัยรุ่น และเด็ก ที่ชอบลองของใหม่ๆที่มีสีสันแปลกสะดุดตามากกว่า

    นอกจากนี้ ลูกค้ายังสามารถเลือกของตกแต่งหน้าขนมเบื้องได้ตามต้องการ ซึ่งทางร้านมีของตกแต่งให้เลือกหลายสิบชนิด เพื่อให้ลูกค้าเลือกได้ตามใจชอบ เพราะบางคนชอบกินอะไรที่ไม่เหมือนกัน ดังนั้น ทางร้านจึงมีของไว้ให้เลือกเป็นจำนวนมาก หรือบางคนชอบครีมรสชาติอะไร หรือ ชอบครีมมากน้อยก็สั่งได้เช่นกัน เรียกได้ว่าทำตามออร์เดอร์กันเลยที่เดียว ส่วนราคาขาย ขายราคาเดียว กล่องละ 20 บาท มีอยู่จำนวน 15 ชิ้น

     พี่ธีรภัทร์ เล่าว่า ในส่วนยอดขายต่อวันขายได้ประมาณวันละ 2,000 บาท ถึง 3,000 บาท วันหนึ่งขายแค่แป้งที่เราทำมาจำนวน 2 กิโลกรัมหมดก็เลิกขาย ซึ่ง ถ้าขายหมด จะได้ประมาณ 3,000 บาท ส่วนกำไรประมาณ 60% วันหนึ่งขายประมาณ 3-4 ชั่วโมง โดยจะตะเวนขายไปตามตลาดนัดต่างๆ ในบริเวณใกล้เคียงในจังหวัดนครปฐม

และยังรับเหมาไปออกงานจัดเลี้ยงสังสรรค์ต่างๆ ซึ่งลูกค้าต้องสั่งขั้นต่ำประมาณ 3,000 บาทขึ้นไป โดยที่ผ่านมาลูกค้าจะสั่งอยู่ที่ประมาณ 5,000 บาท สูงสุดประมาณ 8,000 บาท ซึ่งราคานี้เราจะไม่คิดค่าเดินทาง ถ้าอยู่ในบริเวณหรือ จังหวัดใกล้เคียง แต่โดยส่วนใหญ่เราก็ไม่รับงานในที่ไกลมากๆ อยู่แล้ว ทำให้ที่ผ่านมาเราก็ไม่ได้คิดค่าเดินทางแต่อย่างใด งานที่เราได้ไปร่วมออกร้าน เช่น งานวันเด็ก งานแข่งกีฬาของโรงเรียน งานเลี้ยงสังสรรค์ที่มีคอนเซ็ปต์แบบย้อนยุค ว่าจ้างให้เราไปร่วมงาน เพราะขนมเบื้องเป็นขนมโบราณที่มีมานานเข้ากับคอนเซ็ปต์ของงาน
ขนมเบื้องแนวแฟนซี แต่งหน้าขนมเบื้องเองได้ ไอเดียจุดต่างเรียกลูกค้า

     ทั้งนี้ ในส่วนของการสอนสูตรการทำขนมเบื้องแฟนซีของลุงมานั้น ได้มีการสอนไปแล้วหลายคน โดยมีทั้งที่มาเรียนด้วยตัวเองที่บ้าน ซึ่ง ลุงมาคิคค่าสอนรวมค่าอุปกรณ์การสอนครบชุดในราคา 4,000 บาท และหลังจากลุงได้มีโอกาสออกสื่อต่างๆ โดยเฉพาะรายการทีวี ทำให้มีผู้สนใจว่าจ้างไปเป็นวิทยากรสอนทำขนมกระเบื้องแฟนซีในหลายที่ ทำให้ปัจจุบันจึงมีลูกศิษย์ที่มาเรียนและนำไปประกอบอาชีพในหลายจังหวัด ซึ่งลุงไม่ได้หวงสูตรแต่อย่างใด เพราะเห็นว่า ตลาดยังมีอีกมาก และขนมเบื้องเป็นขนมที่คนนิยมกินกันทั่วไป ทำขายง่ายและกำไรดี ที่สำคัญไม่ต้องลงทุนมาก

“สาเหตุที่พ่อตัดสินใจเปิดสอน เพราะเห็นว่า น่าจะช่วยให้คนอยากมีอาชีพได้มีอาชีพ และการทำขนมเบื้องลงทุนไม่สูง และผลตอบแทนค่อนข้างดี และมีขั้นตอนการทำไม่ยุ่งยาก ซึ่งใครที่ได้มีโอกาสมาเห็นและซื้อกินก็อยากจะทำเป็นและอยากจะนำไปทำขายบ้าง เห็นว่าน่าจะเป็นประโยชน์จึงได้เปิดสอน แทนที่จะขายแฟรนไชส์ เพราะการขายแฟรนไชส์มีขั้นตอนเยอะ และมีข้อผูกมัดเยอะ ที่สำคัญคนซื้อแฟรนไชส์ก็ต้องลงทุนสูง อย่างนี้ให้เขาไปตัดสินใจเองว่า จะลงทุนเท่าไหร่แ บบไหนดีกว่า”

เป็นไงกันบ้าง กับขนมเบื้องแฟนซี ที่มีแนวคิดที่หลากหลาย สามารถดึงดูดผู้ที่ผ่านไปมาได้ดีเลยทีเดียว และที่สำคัญมีความยืดหยุ่นในการค้าขาย เช่น การที่ให้ลูกค้าสามารถเลือกตกแต่งหน้าขนมเบื้องได้ตามความต้องการ นี้เป็นจุดขายที่ดีมาก ๆ เลยทีเดียว และอาชีพเสริม หรืออาชีพหลักก็ดี การลงทุนคุ้มค่าแบบนี้ หาท่านใดสนใจก็สามารถติดต่อได้ที่

โทร. 08 -9259 -4026
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : ผู้จัดการออนไลน์

Read More...


คุกกี้สิงคโปร์แม่ยิ่ง คุกกี้ประยุกต์ เต็มเปี่ยมไปด้วยคุณภาพ

รักอาชีพ : กว่า 20 ปี ขนมไทยสูตรคุณแม่ ได้อยู่ในแวดวงขนมไทย จากรสชาติแบบดั้งเดิมที่ จนกระทั่งมาวันนี้ธุรกิจดังกล่าวตกมาอยู่ในมือลูกสาวที่หันมาเอาดีทางด้านการทำคุกกี้สิงคโปร์ ที่คุณแม่ได้พัฒนามาจากขนมไทยอย่างกลีบลำดวน กลายเป็นขนมที่สร้างชื่อให้กับแบรนด์ “ขนมแม่ยิ่ง” ในขณะนี้

 
'คุกกี้สิงคโปร์แม่ยิ่ง' คุกกี้ประยุกต์ เต็มเปี่ยมไปด้วยคุณภาพ, รักอาชีพ อาชีพเสริม รายได้เสริม
 

ฉันทนา ลิขิตธรรมวงศ์ กรรมการผู้จัดการทายาทธุรกิจรุ่น 2 ของร้านขนมแม่ยิ่ง เล่าว่า เดิมคุณแม่ทำขนมไทยมานานกว่า 20 ปี จนกระทั่งตนเองได้มีโอกาสซื้อขนมคุกกี้สิงคโปร์ที่ตกแต่งด้วยเมล็ดมะม่วงหิมพานต์ มารับประทาน คุณแม่ชื่นชอบมาก ดังนั้นจึงได้ลองดัดแปลงสูตร โดยใช้แป้งขนมไทยๆ ที่ทำอยู่ ทำเป็นคุกกี้สิงคโปร์ พร้อมกับดัดแปลงรูปร่างของขนมให้เป็นรูปหัวใจ ที่จากเดิมจะเป็นทรงกลม รวมถึงยังเลือกใช้เมล็ดมะม่วงหิมพานต์แบบเต็มเมล็ดมาตกแต่งบนคุกกี้แต่ละชิ้น


 
'คุกกี้สิงคโปร์แม่ยิ่ง' คุกกี้ประยุกต์ เต็มเปี่ยมไปด้วยคุณภาพ, รักอาชีพ อาชีพเสริม รายได้เสริม
 
เมื่อฉันทนาได้ตัดสินใจออกมาดำเนินธุรกิจการทำขนมคุกกี้สิงคโปร์อย่างเต็มตัว ก็เริ่มสร้างแบรนด์ขนมแม่ยิ่ง เรียนรู้ด้านการบริหารธุรกิจจากกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม และเพิ่มรสชาติคุกกี้สิงคโปร์ให้มีความหลากหลายมากขึ้น เช่น รสชาเขียว งาดำ และช็อกโกแลต ซึ่งขณะนี้รสงาดำจะขายดีที่สุดตามกระแสคนรักสุขภาพ

"การที่เราเลือกใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพ ส่งผลให้ขนมออกมามีรสชาติดี สร้างความแตกต่างจากแบรนด์อื่นๆ คือ เราจะใช้แป้งสาลี 100%, ใช้น้ำมันถั่วเหลืองแทนเนยเทียม, เลือกเมล็ดมะม่วงหิมพานต์เกรด A เม็ดใหญ่ และอบเทียนน้ำผึ้งที่เป็นเกรดที่ดีที่สุดจากประเทศอินเดีย เป็นต้น ปราศจากสารกันบูดกันเสียใดๆ ที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย โดยสามารถเก็บได้นาน 3 เดือน ในอนาคตทางร้านขนมแม่ยิ่งจะพัฒนาแพคเกจเป็นสุญญากาศ และใส่สารดูดออกซิเจน เพื่อยืดอายุขนมให้ยาวนานขึ้นประมาณ 6 เดือน รวมถึงจะเปิดร้านเบเกอรี่เล็กๆ ที่ภายในร้านมีอาหาร และกาแฟจำหน่าย ในแหล่งชุมชน จากเดิมที่ใช้บริเวณบ้านพักในหมู่บ้านชัยพฤกษ์ 2 ย่านถนนร่มเกล้าเป็นหน้าร้าน ซึ่งหากร้านในฝันที่คิดไว้ได้รับการตอบรับดี อาจจะขยายธุรกิจในรูปแบบแฟรนไชส์ต่อไป"


 
'คุกกี้สิงคโปร์แม่ยิ่ง' คุกกี้ประยุกต์ เต็มเปี่ยมไปด้วยคุณภาพ, รักอาชีพ อาชีพเสริม รายได้เสริม
 
ปัจจุบันร้านขนมแม่ยิ่งมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 70,000 ชิ้น/เดือน ซึ่งถือว่ายอดการผลิตมีอัตราเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลา 5 ปี ที่ผ่านมา จากการที่ฉันทนา มีการบุกตลาดอย่างจริงจัง ทั้งการแจกให้ชิมฟรี ในห้างสยามพารากอน ส่งขายตามร้านกาแฟ ทำให้แบรนด์สินค้าเป็นที่รู้จักในกลุ่มผู้บริโภคอย่างรวดเร็ว ขณะนี้คุกกี้สิงคโปร์ของร้านขนมแม่ยิ่งมีจำหน่ายมีจำหน่ายที่สยามพารากอนแผนก Gourmet Thai, ท็อปซูเปอร์มาร์เก็ต, เอ็มโพเรียมม ร้านกาแฟอเมซอน 3-4 สาขา และแอมเวย์สำนักงานใหญ่ รวมถึงการนำไปจำหน่ายตามต่างจังหวัด จากการที่ไปออกบูธในงานโอทอป ที่ส่วนใหญ่จะนำไปจำหน่ายตามร้านกาแฟ

นี้ก็เป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจของทายาทธุรกิจที่สามารถสานต่อธุรกิจของครอบครัว แถมยังก้าวข้ามคำขัดค้านของมารดาที่ในช่วงแรกยังไม่ค่อยสนับสนุนให้ทำธุรกิจนี้มากนัก แต่ความสำเร็จในวันนี้ก็กลายเป็นเครื่องการันตีได้ดีว่าร้านขนมแม่ยิ่งเน้นการขายสินค้าคุณภาพมาตลอดทำให้ได้ความไว้วางใจจากลูกค้ามาจนถึงทุกวันนี้ 

หากท่านใดสนใจรายละเอีดเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ :

โทร. 02 -346 -6512 | 02 -346 -6587 | 081 -612 -8517
เว็บไซต์. http://www.maeying.blogspot.com/

Read More...


P&P Snow Milk Ice ไอศกรีมเกล็ดหิมะ ธุรกิจแรง ๆ! ในปี 53

สุดยอดแฟรนไชส์ ธุรกิจมาแรงในปี 2553 วันนี้ "รักอาชีพ" ขอนำเสนอธุรกิจแฟรนไชส์ดี ๆ นำเป็นอาชีพเสริมได้ โดยได้รับความนิยมเป็นอย่างดี นั่นก็คือ "ไอศกรีม เกล็ดหิมะ" ( P&P Snow Milk Ice ) และด้วยราคาที่ไม่แพง จึงเป็นอีกอาชีพหนึ่ง ที่น่าลงทุนจริง ๆ




จุดเด่นนั่นคือ มีน้ำแข็งรสชาติที่หลากหลาย ตั้งแต่รสนม ชาเขียว ช๊อกโกแลต สตรอเบอร์รี่ ฯลฯ และรสผลไม้ตามฤดูกาลต่างๆ ซึ่งใช้ผลไม้แท้จากไต้หวันเป็นวัตถุดิบเครื่องผลิตหิมะนั้น ได้นำเข้าจากไต้หวัน พอไสออกมาแล้วจะมีความนุ่ม และละเอียด ทานแล้วกลืนได้ทันที ไม่ต้องเคี้ยว ทานแล้วรู้สึกดี ซึ่งลูกค้าหลายคนบอกว่าทานง่าย และรสชาตินั้นอร่อยจริง ซึ่งสามารถเพิ่มความอร่อยได้โดยการเลือกท็อปปิ้ง หน้าผลไม้ต่างๆกว่า 30 ชนิด


ภาพจาก: ไทยเอสเอ็มอีแฟรนไชส์

เรื่องของรสชาติของน้ำแข็ง ก็มีทีมงานวิจัยพัฒนาก้อนน้ำแข็งโดยเฉพาะ! ซึ่งจะมีรสชาติใหม่ ๆ ออกมาสู่ตลาดตลอดเวลา อีกทั้งนม ที่ทำมาจากนมนิวซีแลนด์แท้ ๆ ผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก ก็ทานได้ เหมาะสมกับทุกวัย


ราคาในการซื้อแฟรนไชส์  P&P Snow Milk Ice นั้น ราคา 58,000 บาท ได้อุปกรณ์ และวัตถุดิบพร้อมขายได้ทันที โดยไม่ต้องหาซื้อเอง ถ้าเป็น  P&P Snow Milk Ice จะมีรูปแบบการลงทุน ทั้งหมด 3 รูปแบบ ด้วยกันคือ
  1. ราคา 58,000 บาท สำหรับทำเลอยู่นอกห้างสรรพสินค้า ที่ใกล้กับโรงเรียน หรือ มหาวิทยาลัยต่างๆ สิ่งที่ได้รับ น้ำแข็งนม 30 ก้อน ซุ้มหนึ่งหลัง เครื่องผลิตหิมะ 1 เครื่อง ลายวัว มีกาารอบรมให้จนกว่าจะเปิดร้าน
  2. สำหรับเปิดในห้างสรรพสินค้า โดยทางบริษัทฯ จะคัดเลือก ผู้ลงทุนในทำเลที่เรากำหนดให้แล้ว 100 จุด
  3. สำหรับลูกค้าที่อยู่ต่างจังหวัด ซึ่ง 2 รูปแบบนี้ ราคาและเงื่อนไขเหมือนกันคือ ราคา 58,000 บาท ไม่มีอุปกรณ์ให้ แต่จัดให้เป็นเอเย่นในการขายน้ำแข็ง จะได้รับ 5% จากการขาย มีการอบรมสอนทำทุกอย่างจนกว่าจะเปิดร้าน สามารถใช้ลิขสิทธิ์ P&P ได้ 3 ปี อบรมวิธีการทำตลาด วางแผนการตลาด โปรโมชั่นต่างๆ สามารถขยายงานในจังหวัดนั้นๆได้ ให้คำแนะนำในการหาพนักงาน และอบรมพนักงานขาย วางระบบควบคุมร้าน ให้คำแนะนำในการตกแต่งร้าน การซื้ออุปกรณ์ต่างๆ โดยไม่จำเป็นต้องซื้อของบริษัท

ภาพจาก: pandpcenter (คลิกขยายภาพได้)


นี้ก็เป็นอีกหนึ่งธุรกิจดี ๆ ที่ทาง "รักอาชีพ" เราอยากจะแนะนำ สามารถจะนำไปทำเป็นอาชีพเสริมของตนเองได้เป็นอย่างดี

สนใจธุรกิจ P&P Snow Milk Ice หรือ P&P Snow Ice หรือ P&P ชาไข่มุก ติดต่อ: 

53/546 หมู่ 7 ซ.นวมินทร์ 105 เขตคลองกุ่ม แขวงบึงกุ่ม กรุงเทพฯ 10230
โทร. 02-9483945, 08-16823305, 081-6167753 
Url:  www.pandpcenter.com


Read More...


น้ำพริกอ่อง และขนมจีนน้ำเงี้ยว ทำเป็นอาชีพเสริม

น้ำพริกอ่อง และขนมจีนน้ำเงี้ยว
น้ำพริกอ่อง
เครื่องแกง
พริกแห้งเม็ดใหญ่ 5 เม็ด
พริกแห้งเม็ดเล็ก 15-20 เม็ด
กระเทียม 5 กลีบ (แบบกลีบใหญ่)
หอมแดง 3-4 หัว
รากผักชี (ไม่มีก็ไม่ต้อง) ซัก 1 ราก ตัดให้ติดลำต้นมาประมาณ 1 นิ้ว หั่นละเอียด
เกลือหนึ่งหยิบมือ
กะปิ ปลายช้อนชา
ถั่วเน่าแผ่นย่างไฟอ่อน ให้กรอบ หอม 1 เสี้ยว (ไม่มีไม่ต้องใส่หรือบางตำราใส่เต้าเจี้ยวแทน)

ถั่ว เน่าหน้าตาเป็นแบบนี้นะคะ กลิ่นตุๆนิดหน่อย พอย่าง(ย่างไฟอ่อนๆ)แล้วจะพองกรอบขึ้นมานิดนึง และกลิ่นหอม ทำจากถั่วเหลืองหมัก หอบหิ้วกันมาจากเชียงใหม่ ยังเหลืออีกหลายแผ่น เวลาใช้ จะใช้ประมาณชิ้นเล็กที่เห็นในรูปเท่านั้นเอง

Image hosted by Photobucket.com

ตำ เครื่องแกงทุกอย่างรวมกัน โดยใส่กะปิ กับถั่วเน่าหลังสุด เครื่องแกงน้ำพริกอ่องไม่จำเป็นต้องตำจนละเอียดเนียน แต่แค่ให้แหลกพอควรก็ใช้ได้แล้ว



ส่วนผสม (กะเอาเองนะคะ )
หมูสับ ติดมันนิดหน่อย จะได้ไม่กระด้าง
มะเขือเทศลูกเล็ก (ควรเป็นมะเขือเทศที่มีรสเปรี้ยว)
เครื่องแกงน้ำพริกอ่อง
ผักชีต้นหอม หั่นหยาบ ไว้โรยหน้า

Image hosted by Photobucket.com

ตั้ง กระทะ ใส่น้ำมันลงไปประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ เอาเครื่องแกงลงไปผัดให้หอม แล้วใส่หมูสับลงไปผัดด้วยกันให้สุก ตามด้วยมะเขือเทศ เติมน้ำลงไปเล็กน้อยพอขลุกขลิก ปรุงรสให้ออกรสเค็มด้วยเกลือหรือน้ำปลา และมีรสเปรี้ยวจากมะเขือเทศลูกเล็กที่ใส่ลงไป ตักเสิร์ฟ โรยหน้าด้วยผักชีต้นหอมหั่นหยาบ

Image hosted by Photobucket.com

เสิร์ฟ คู่กับ แตงกวาสด ผักกาดขาวสด และแคบหมู ถ้าอยู่ต่างแดน แนะนำให้กินคู่กับผักคอสหรือผักโรเมน (Romaine) จะเข้ากันมากค่ะ ไม่มีรูปผักให้ดู มีแต่แคบหมูฝรั่ง ซึ่งอร่อยไม่แพ้แคบหมูเชียงใหม่

Image hosted by Photobucket.com

ขนมจีนน้ำเงี้ยว
จะว่าไปแล้ว ขนมจีนน้ำเงี้ยวเนี่ย เป็นญาติกะน้ำพริกอ่องเลยเชียวนะคะ
ญาติข้างไหน มาดูกัน

ส่วนผสม
เครื่องแกงน้ำพริกอ่อง
หมูสับ
เลือดหมูหรือเลือดไก่ก้อน หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ
มะเขือเทศลูกเล็ก ใส่ทั้งลูก หรือผ่าครึ่งก็ได้
ซี่โครงหมู สับเป็นท่อนๆ
ดอกงิ้วแห้ง แช่น้ำให้นิ่ม แล้วตัดส่วนแข็งๆทิ้งไป

ผักเคียง
ถั่วฝักยาวลวกแล้วหั่นฝอยหรือหั่นเฉียง ตามชอบ
ผักกาดดองลวกน้ำร้อนหนึ่งครั้ง แล้วหั่นฝอย
กะหล่ำปลีหั่นฝอย
ถั่วงอกสด
แคบหมู
พริกขี้หนูแห้งทอดน้ำมันทั้งเม็ด ให้กรอบหอม (ระวังไหม้ จะขม)
กระเทียมเจียว
ผักชีต้นหอม

วิธีทำ
หม้อ ตั้งไฟ ใส่น้ำมันลงไปเล็กน้อย เอาเครื่องแกงลงไปผัดให้หอม แล้วใส่หมูสับลงไปผัดให้สุก รวมทั้งกระดูกซี่โครงหมูที่สับเป็นท่อนๆ ผัดให้หอม แล้วจึงเติมมะเขือเทศลงไปผัด เติมน้ำลงไป ต้มให้เดือด ใส่ดอกงิ้วลงไป ใส่เลือดหมูหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ลงไปช้อนฟองออก แล้วราไฟ เคี่ยวไฟอ่อนไปเรื่อยๆ ให้กระดูกเปื่อย ปรุงรสด้วยน้ำปลา หรือเกลือ ให้ออกรสเค็มพอดี รสเปรี้ยวเล็กน้อยจากมะเขือเทศลูกเล็ก

ปล. ไม่มีรูปน้ำเงี้ยวนะคะ เพราะว่า อยู่ที่นี่ไม่เคยทำเลย หาเลือดหมูก้อนไม่ได้
คงต้องอดทนไว้ กลับไปกินที่เชียงใหม่ทีเดียว อย่าลืมเอาไปทำเป็นอาชีพเสริม กันได้ด้วยนะ

ที่มาของบทความดีๆ
http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=maneelulla&date=11-12-2005&group=4&gblog=11

Read More...


สูตร ข้าวหมูแดง -หมูกรอบ แบบเป็นอาชีพเสริมได้เลยครับ

พี่หนอนเป็นคนที่ชอบทานหมูกรอบมากครับ แต่ราคาจะแพงมาก โลละ 300 เลยคิดทำทานเองดีกว่า หลังจากลองผิดลองถูกมาหลายสูตร ยังไม่เป็นที่พอใจ เลยลองเอาหลายสูตรมารวมกันแล่วลองดู จนพอใจครับ สำหรับสุตรที่นำเสนอ
เริ่มที่หมูกรอบก่อนน่ะครับ
1.หมูสามชั้น หั่นกว้างประมาณ3 นิ้ว
2. น้ำส้มสายชู
3.เกลือป่น
วิธีทำ
ต้มหมูในน้ำเดือด ใส่น้ำส้มสายชูไป 4 ช้อนโต๊ะ เลือป่น 2 ช้อนโต๊ะ
ต้มจนหนังหมูนิ่ม






นำหมูที่จิ้มจนพรุนแล้ว มาทาด้วยน้าส้มสายชู ตามด้วยเกลือป่นให้ทั่วหนังหมู



วางบนตะแกรง และอบด้วยไฟ 200 องศา ประมาณ 45 นาที หรือดูจนหนังพองฟูจนทั่ว


นี่ผู้ช่วยพี่หนอนครับ ควบคุมการทำอย่างใกล้ชิดครับ



เสร็จแล้วครับ เหลืองน่าทานจังครับ







ตามด้วยหมูแดงครับ
เครื่องปรุง
1. หมู สันใน ..500 กรัม
2.พริกไทย 12 เม็ด
3.กระเทียมเล็ก 7 กลีบ
4. รากผักชี 6 ราก
5. น้ำตาลปี๊บ 3 ช้อนโต๊ะ
6. ซีอิ้วหวาน 1 ช้อนชา
7.ผงรสดีหมู 1 ช้อนโต๊ะ
8.น้ำมันหอย 3 ช้อนโต๊ะ
9.น้ำผึ้งแท้ 2 ช้อนโต๊ะ
10.ซอสแม๊กกี้ 1 ช้อนโต๊ะ
11.สีผสมอาหารสีแสด นิดหน่อย
ผสมทุกอย่างให้เข้ากัน ใส่หมูหมักลงไปแชในตู้เย็นช่องธรรมาดา ประมาณ 2 ชม.






นำหมูลงหม้ออบไฟปานกลาง ปะรมาณ 200 องศา 30นาที แล้วใช้ไป 250 อีก 10 นาที
 




วิธีทำน้ำราดหมุแดงครับ
นำน้ำที่เหลือจากหมักหมู และที่อยู่ในหม้ออบ ใส่กะทะ ตั้งไฟอ่อนๆ เติมน้ำมันหอย 2 ช้อนโต๊ะ ผงพะโล้ 2 ช้อนชา
ชีอิ้วหวาน 2 ช้อนชา ซอสมะเขือเทศ 3 ช้อนโต๊ะ น้ำมันงา 1 ช้อนชา น้ำตาลทราย 4 ช้อนโต๊ะ ถั่วบดละเอียด 5 ช้อน
โต๊ะ เต้าเจี้ยวบดละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ ใส่น้ำต้มหมูสามชั้น พอเดือดและชิมรสให้ออกหวานนำนิดหน่อย สีอย่าให้แดงมากไป
เสร็จแล้วเติม แป้งมันผสมน้ำ ให้เหนียว โรยด้วยงาขาวคั่ว เป็นอันเสร็จครับ




วิธีทำน้ำจิ้ม น่ะครับ ผสมน้ำส้มสายชู กับ ซีอิ้วดำ และซีอ้วหวานนิดหน่อย และหั่นพริกชีฟ้า ลงไป ครับ
ก่อนอื่น บอกนก่อนน่ะครับว่า...เวลาผมทำจริง ผมไม่ได้ตวงเครื่องปรุงน่ะครับ ผมจึงได้แค่ประมาณเท่านั้นครับ
พี่หนอน ทำมา 2-3 รอบแล้วครับ ปรังปรุงรสชาดมาตลอดจนคิดว่า อร่อยสุดๆแล้วอ่ะครับ ลองทำดูน่ะครับ
สุ ตรนี้รับรองว่าทำขายได้แน่นอน หรือจะทำเฉพาะหมูกรอบ ก็ขายได้ ในราคาโลละ 300 บาทครับ พี่ว่าลองทำไม่น่าเกิน 3 ครั้งก็ทำขายได้แล้วครับ


ขอบคุณที่มาของบทความดีๆเกี่ยว กับ อาชีพเสริม ครับ

http://www.khonplainam.com/board/index.php?PHPSESSID=
29547508d3aea32cad04a64b35d72546&topic=123.10

Read More...


ตำรวจตัวอย่างหารายได้เสริมหลังเลิกงาน


ท่ามกลางกระแสข่าวของเจ้าหน้าที่ตำรวจในขณะนี้ ปรากฏออกมาในแนวทางที่ติดลบอยู่หลาย ๆ เรื่อง แต่ในทุกสังคมและทุกวงการ ย่อมมีทั้งคนที่ดีและไม่ดีปะปนกันไป อย่างเช่นนายดาบตำรวจผู้นี้ ที่เป็นเสาหลักของครอบครัว มีภรรยาและลูก ๆ ที่ต้องคอยดูแล ลำพังเงินเดือนที่ได้รับนั้น แทบไม่พอใช้ในแต่ละเดือน แต่ก็หาได้สร้างปัญหาให้หนักใจไม่ เมื่อหาทางออกด้วยการหาอาชีพเสริมหลักเลิกงาน



ดาบตำรวจนพดล   บูรณะชาติ อายุ 48 ปี หรือ ดาบตุ้ม ปัจจุบันมีตำแหน่งเป็น ผู้บังคับหมู่ฝ่ายอำนวยการ กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพิษณุโลก (บก.ภ.จว.พิษณุโลก) ปฏิบัติหน้าที่เจ้าหน้าที่สื่อสาร เป็นอีกหนึ่งในกลุ่มเจ้าหน้าที่ตำรวจ น้ำดี ที่มุ่งทำงานตามอำนาจหน้าที่ ไม่มีออกนอกลู่นอกทางหรือประพฤติตนให้เสื่อมเสียเกียรติแก่วงการตำรวจ แต่เงินที่ได้รับในแต่ละเดือน เพียงเดือนละ 16,440 บาท เมื่อเทียบกับภาระที่ต้องเลี้ยงดูแลครอบครัว แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย หากไม่มีเงินรายที่เสริมเพิ่มเติมเข้ามา จากเงินที่หามาได้โดย สุจริต ไม่ต้องไปใช้อำนาจหน้าที่ เบียดเบียน สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน



ดาบตำรวจนพดล หรือ ดาบตุ้ม ได้เผยว่า หลังจากเรียนจบจากโรงเรียนตำรวจภูธร 2 จ.ชลบุรี รุ่น 18 เมื่อปี 2523 เกือบ 30 ปี ที่ได้ปฏิบัติหน้าที่ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ วนเวียนอยู่ในพื้นที่จังหวัดพิษณุโลกซึ่งเป็นบ้านเกิดมาโดยตลอด จนกระทั่งทำหน้าที่พนักงานประจำห้องวิทยุสื่อสาร ของตำรวจภูธรจังหวัดพิษณุโลก ตามปกติหากต้องเข้าเวร จะทำหน้าที่ร่วมกัน 2 นาย เริ่มตั้งแต่เวลา 08.00 น.เป็นต้นไป จนถึงเวลา 08.00 น.ของวันใหม่ รวม 24 ชั่วโมง หลังจากนั้นก็กลับไปบ้านพักปฏิบัติภารกิจส่วนตัว



โดยเช้ามืดของทุกวัน  ดาบตุ้ม ต้องไปตลาดสด เพื่อเลือกซื้อหาอาหารสดโดยเฉพาะซี่โครงหมูอ่อนที่ต้องสดและใหม่ ก่อนกลับไปที่ร้านเพื่อเข้าเครื่องปรุงและตุ๋นให้เปื่อยจนได้ที่ หลังจากนั้น ดาบตุ้ม ก็จะขับรถจักรยานยนต์ไปทำงานตามปกติ โดยให้ภรรยาคอยดูแลที่ร้าน เมื่อไม่ได้เข้าเวร ดาบตุ้ม ก็จะกลับไปยังร้าน โดยถอดเครื่องแบบผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ก่อนสวมเสื้อคลุมกันเปื้อน ลงมือเป็นพ่อครัวปรุงอาหารให้ลูกค้า แบ่งเบาหน้าที่ภรรยาและหารายได้เสริมเพื่อเลี้ยงดูแลครอบครัวให้มีความสุข


อยากให้เพื่อน ๆ ข้าราชการ โดยเฉพาะระดับชั้นผู้น้อย ที่มีรายได้ไม่พอต่อค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือน ให้ลองหันมาดูอาชีพเสริมเพื่อหารายได้พิเศษ ที่ต้องไม่ไปรบกวนเวลางานของทางราชการ ดีกว่าเลิกงานแล้วมีเวลาว่าง นัดไปนั่งสังสรรค์กันอย่างที่ตนเองกับเพื่อน ๆ ก็เคยทำมาก่อนหน้านี้ นอกจากต้องเสียเงินเพิ่มภาระหนี้สินให้มากขึ้นแล้ว ยังอาจทำให้เกิดปัญหาภายในครอบครัว จนบางคนหมดหนทาง ต้องหันไปหาเงินด้วยวิธีการที่ ทุจริต แทน ดาบตำรวจนพดล กล่าวให้ข้อคิดทิ้งท้าย
 



ฝากไว้ท้ายข่าว.....จากใจนักข่าวบ้านนอก

Read More...


การทำ โดนัทเค้ก

อาชีพอิสระวันนี้ workdeena ขอเสนอการทำขนมมีรู นั้นก็คือ "โดนัท" ซึ่งเป็นขนมที่ทั่วโลกรู้จัก และนิยมทานกัน ในบ้านเราก็มีรายใหญ่ ร้านดังมีชื่อเสียงมาจากต่างประเทศ เปิดให้บริการกันหลายร้าน จนบางคนลืม โดนัทแบบบ้านๆ ไปเลย นั้นคือ โดนัสโรยน้ำตาล แบบธรรมดา แต่เพื่อนๆ รู้ไหมว่า กำไรไม่ธรรมดาเลย เพื่อนๆ สามารถทำส่งร้านขายขนมส่งได้ หรือจะตั้งร้านขายเองที่ตลาดก็สามารถทำได้


workdeena อยากให้เพื่อนได้ทราบก็ว่า โดนัทมีอยู่ 2 ประเภท คือ โดนัทยีสต์ และโดนัทเค้ก

- โดนัทยีสต์นั้น จะใช้ยีสต์เป็นส่วนประกอบในการหมักแป้งให้ขึ้นฟู

- โดนัทเค้ก จะใช้ผงฟูในการหมักแป้งให้ขึ้นฟู

ดังนั้นรสชาติจะต่างกัน และเนื้อของโดนัท ก็ต่างกันด้วย แต่วันนี้ workdeena จะบอกวิธีการทำ โดนัสเค้ก แบบที่ร้านใหญ่ๆ เข้าทำขายกัน

โดนัทเค้ก :
ส่วนผสม

แป้งสาลี 1 กิโล
เนยละลาย 1/2 ถ้วยตวง
ไข่ไก่ 2 ฟอง
ผงฟู 3 ช้อนชา
น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วยตวง


 วิธีทำ
ให้นำแป้งสาลีผสมกับผงฟู ร่อนรวมกันแล้วพักไว้
แล้วให้ตีน้ำตาลทรายกับไข่ขาว(เอาเฉพาะไข่ขาวนะ) ให้ขึ้นฟู
เมื่อน้ำตาลกับไข่ขาว ขึ้นฟูดีแล้วให้นำแป้งและเนยละลาย เทสลับกัน แล้วตีให้เข้ากัน
เสร็จแล้ว ให้นำแป้งมาวางบนโต๊ะ แล้วคลึงและรีดให้เป็นแผ่น ให้หนาพอสมควร
หลังจากนั้น ก็ใช้พิมพ์กดให้เป็นวง แล้วลงทอดในน้ำมัน ใช้ไฟปานกลาง ให้เหลือง

ส่วนหน้าตา หรือน้ำตาลสีต่างๆ ที่ใช้ราดบน โดนัท ก็แล้วแต่เพื่อนๆ ชอบ แต่ workdeena ขอแค่คลุก น้ำตาลทรายเพียงอย่างเดียว ก็อร่อยแล้ว


ขอบคุณภาพสวยๆ จาก Wikipedia

Read More...


กระยาสารท ขนมโบราณทำเงิน

“กระยาสารท” เป็นขนมไทยพื้นบ้านอีกชนิดหนึ่งที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย คนยุคก่อนจะทำกันช่วงเทศกาลทำบุญวันสารทไทย แรม 15 ค่ำ เดือน 10 แต่ปัจจุบันขนมชนิดนี้ถูกปรับปรุงพัฒนาให้เป็นขนมกินเล่นได้ อย่างเช่นยี่ห้อ “อำนวยขนมไทย” ใน จ.ปทุมธานี ที่ทีม “ช่องทางทำกิน” มีข้อมูลมานำเสนอ...

อำนวย ลางคุณเสน ประธานกลุ่มอาชีพสตรีคลองควาย ต.คลองควาย อ.สามโคก จ.ปทุมธานี เล่าว่า สมัยก่อนพอถึงช่วงเทศกาลสารทไทย ชาวไทยพุทธทุกบ้านจะต้องนำเอาพืชผลทางการเกษตรที่ให้ผลผลิตครั้งแรกในฤดูเก็บเกี่ยว ทั้งข้าวเม่า ข้าวตอก ถั่ว งา น้ำผึ้ง น้ำตาล และน้ำอ้อย มาทำเป็นขนม “กระยาสารท” เพื่อนำไปประกอบพิธีทำบุญในวันแรม 15 ค่ำ เดือน 10 ตามความเชื่อที่ว่า บุญกุศลจะไปสู่ญาติพี่น้องที่เสียชีวิตไปแล้วและยังส่งผลให้พืชผลทางการเกษตรเจริญงอกงาม และอุดมสมบูรณ์อีกด้วย

แม้วัฒนธรรมการทำขนมชนิดนี้จะเลือนหายไปตามเวลา จนเกือบไม่เหลือให้เห็นแล้ว แต่ผู้คนส่วนใหญ่ยังติดใจในรสชาติความอร่อยของกระยาสารท ตนเองซึมซับและผูกพันกับขนมไทยเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จึงสนใจอยากจะทดลองทำขายดู ซึ่งการทำกระยาสารทไม่ใช่เรื่องยาก แต่ปัญหาอยู่ที่ว่าทำอย่างไรให้อร่อยโดนใจ

ด้วยพรสวรรค์ บวกกับพรแสวงที่ได้จากการฝึกฝนวิชาทำขนมกระยาสารทจากรุ่นปู่ย่าตายาย พลิกแพลงพัฒนาหลายต่อหลายครั้ง ในที่สุดอำนวยก็ได้สูตรเฉพาะของตนเอง และในปี 2538 ก็เริ่มผันตัวเองจากอาชีพทำนามาเป็นแม่ค้าขายกระยาสารท แล้วชักชวนเพื่อนบ้านจัดตั้งเป็น “กลุ่มอาชีพสตรีคลองควาย” ขึ้น ใช้ทุนเริ่มต้นสำหรับอุปกรณ์ราว 25,000 บาท จากการสนับสนุนของกรมการพัฒนาชุมชน

อำนวยไปอบรมความรู้ตามหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อพัฒนาสินค้าให้ได้คุณภาพ ทั้งรสชาติ กระบวนการผลิต บรรจุภัณฑ์ จนได้รับการรองทั้งจาก อย., มผช., โอท็อป, รางวัลชนะเลิศกระยาสารทงานของดีเมืองปทุมธานี ฯลฯ ทำให้สินค้าขายดีขึ้นเรื่อย ๆ ล่าสุดยังได้รับเลือกให้วางขายในห้างเทสโก้ โลตัส ด้วย

วัตถุดิบหรือส่วนผสมที่ใช้ในการทำ “กระยาสารท” ก็มี... ข้าวเม่า, ข้าวตอก, ถั่ว, งา, น้ำอ้อย, น้ำกะทิ, มะนาว, นมสด ส่วนอุปกรณ์หลัก ๆ ก็มี... กระทะขนาดใหญ่, เตาแก๊สหรือเตาถ่าน, ไม้พาย, ตะหลิว, ถาดขนาดใหญ่, กะละมัง, ไม้กลิ้ง, พิมพ์ และอุปกรณ์งานครัวเบ็ดเตล็ด

ขั้นตอนการทำ “กระยาสารท” เริ่มจาก... นำข้าวเม่า ข้าวตอก ถั่ว งา ไปคั่วด้วยไฟอ่อนให้หอมและสุกเหลืองพอดี ใส่ภาชนะแยก วางพักไว้ แล้วก็เตรียมน้ำอ้อย น้ำกะทิ นมสด และน้ำมะนาวให้พร้อม นำกระทะตั้งไฟใส่น้ำอ้อยลงไป ตามด้วยน้ำกะทิและนมสดในสัดส่วนที่พอเหมาะ ใช้ไฟร้อนปานกลางเคี่ยวผสมให้เดือดสักครู่ แล้วเติมน้ำมะนาวเล็กน้อย จะช่วยให้กระยาสารทมีสีเหลืองนวลสวย ใส และกรอบ

ทำการเคี่ยวต่อไปเรื่อย ๆ ประมาณ 2 ชั่วโมงจนส่วนผสมเหนียวได้ที่ นำข้าวตอกใส่ลงไป ตะล่อมคนให้ทั่วและให้เข้ากันดี จากนั้นค่อยนำส่วนผสมที่เหลือเทรวมลงไป โดยใช้ไม้พายคนให้เข้ากันอีกประมาณ 40 นาที ระหว่างนี้ใช้ไฟอ่อน ๆ สังเกตดูส่วนผสมทุกอย่างเกาะติดกันจนเหนียวได้ ค่อยยกลงจากเตา

จากนั้นนำไปเทลงในแม่พิมพ์ที่เตรียมไว้ แล้วใช้ลูกกลิ้งไม้ผิวเรียบอัดด้วยแรง เพื่อให้กระยาสารทเกาะแน่นติดกัน จากนั้นนำมาตัดเป็นชิ้น ๆ ก่อนแพ็กบรรจุภัณฑ์เพื่อไปวางจำหน่าย โดยการขายก็มีหลายแบบ ถ้าบรรจุกล่อง 300 กรัม ราคา 49 บาท ถ้าแพ็กเป็นถุง ๆ ละ 20-35 บาท หรือชั่งเป็นกิโลกรัม ๆ ละ 100 บาท

คุณอำนวยนั้น จากชาวนา สามารถพัฒนาอาชีพขายกระยาสารท จนกลายเป็นธุรกิจที่ประสบผลสำเร็จ ยืนหยัดมานานราว 16 ปี และช่วยให้คนในชุมชนมีงาน มีรายได้ด้วย โดยเจ้าตัวบอกว่าแม้กำไรที่ได้ไม่มากมาย แต่ได้ความเป็นอยู่ที่ดีของเพื่อนสมาชิก และความสุขในครอบครัว นี่คือกำไรที่มีค่ายิ่งแล้ว

ใครสนใจ “กระยาสารท” สนใจขนมไทยโบราณ “อำนวยขนมไทย” สนใจเคล็ดลับ เทคนิค วิธีการบริหารจัดการธุรกิจ ของกลุ่มอาชีพสตรีคลองควาย ติดต่อได้ที่ เลขที่ 3 หมู่ 6 ต.คลองควาย อ.สามโคก จ.ปทุมธานี โทร.0-2593-2403, 08-9775-0932 แล้วจะรู้ว่า...ทำ-ขายขนมโบราณ...ไม่บานบุรี !!


เชาวลี ชุมขำ :รายงาน เดลินิวส์
http://www.dailynews.co.th

Read More...


สินค้าแปรรูป ‘ลองกอง’ สร้างรายได้

วิธีทำ...

1.ชั่งน้ำตาลมา 50 กรัม ผสมกับเพคตินให้เข้ากัน,

2.ใส่เนื้อลองกองในกระทะทองเหลือง ยกขึ้นตั้งไฟพอร้อน ใส่ส่วนผสมตามข้อ 1 คนให้ละลาย

3.ใส่น้ำตาลทรายที่เหลือทีละน้อยจนหมด เคี่ยวไฟอ่อน ใส่กรดมะนาว เคี่ยวต่อจนให้ความหวาน 68 องศาบริกซ์ (เครื่องวัดนี่ก็มีขาย) ก็จะได้ออกมาเป็น แยมลองกอง
นำบรรจุลงขวดที่ผ่านการนึ่งฆ่าเชื้อและแห้ง เก็บไว้ทานหรือขาย

แถมด้วยสูตร “น้ำลองกอง” ส่วนผสมก็มี... เนื้อลองกอง 1 ถ้วย ต่อน้ำสะอาด 1 ถ้วยครึ่ง, น้ำเชื่อมครึ่งถ้วย, เกลือป่นครึ่งช้อนชา วิธีทำ... แกะเนื้อลองกองใส่เครื่องปั่น เติมน้ำแล้วปั่นต่อ แล้วเติมน้ำเชื่อม ใส่เกลือป่น ชิมรสตามชอบ จะได้น้ำลองกอง ที่รสหวาน หอม เปรี้ยว เค็ม เล็กน้อย ดื่มแล้วชื่นใจ

ก็ลองไปทำกันดูนะครับ !!

ต่อด้วยข่าวอาชีพ... เดือน ส.ค.นี้ สถาบันเอชานซ์จัดอบรมหลายหลักสูตร อาทิ... การทำเทียน ธูป กำยาน, การทำสเต๊ก และซอสแบบต่าง ๆ, การทำมาม่อนเค้ก, การทำสบู่เหลว แชมพู ครีมนวดและครีมอาบน้ำ, การทำเรซิ่นเลียนแบบวัสดุธรรมชาติ, การทำซาลาเปา, การทำผลิตภัณฑ์ลดเซลลูไลท์, การทำน้ำสลัดยอดนิยม, การทำพิซซ่าหน้าต่าง ๆ อบรมแบบเน้นการปฏิบัติ ใครสนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม และสอบถามค่าใช้จ่ายในการอบรมแต่ละอย่าง ได้ที่ โทร. 0-2933-4597-8, 08-6987-0042

ปิดท้าย... ระหว่างวันที่ 26-30 ส.ค.นี้ เวลา 10.00-20.00 น. ที่ห้องเอ็มซีซีฮอลล์ เดอะมอลล์ บางกะปิ มีการจัดงาน “วันเส้นทางเศรษฐี ครั้งที่ 6” ซึ่งจัดร่วมกับงานมหกรรมอาหารปลอดภัยสู้ภัยเศรษฐกิจ โดยในส่วนของงานวันเส้นทางเศรษฐีนั้นก็จะมีกิจกรรมเกี่ยวกับอาชีพที่น่าสนใจหลากหลาย มีการจัด ตลาดนัดอาชีพ และ กิจกรรมส่งเสริมการประกอบอาชีพอิสระ หลากรูปแบบ มีการ ให้ข้อมูลความรู้เกี่ยวกับอาชีพต่าง ๆ มีกิจกรรมบนเวทีที่ให้ความรู้ มี ตัวอย่างการประกอบอาชีพต่าง ๆ รวมถึงมีการ อบรมอาชีพอิสระในราคาพิเศษ ด้วย ทั้งนี้ ไม่รวมการอบรมอย่างอื่น ๆ ผู้ที่สนใจไปหาความรู้ทางอาชีพกันได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

วันนี้ว่ากันได้เท่านี้ก่อน...สวัสดีครับ !!.

ที่มา
http://www.dailynews.co.th

Read More...


ปาท๋องโก๋เกลียว สูตรปักษ์ใต้ขายคู่ 'สังขยา'

“ปาท่องโก๋” ปัจจุบันมีขายไม่เฉพาะช่วงเช้าเท่านั้น แต่มีการทำขายให้ลูกค้าซื้อทานได้ทุกเวลา เช้า สาย บ่าย เย็น หรือแม้กระทั่งดึกดื่นมืดค่ำ และวันนี้ทีม “ช่องทางทำกิน” ก็จะเสนอข้อมูลอาชีพขาย “ปาท่องโก๋เกลียวปักษ์ใต้” ที่ทานกับ “สังขยา” ซึ่งก็ขายได้ทุกช่วงเวลา และขายที่ไหนก็ได้ไม่เฉพาะปักษ์ใต้

อ้อยอัจฉรา แซ่ตั้ง หรือ คุณแอน และ บงกช พาระสิงห์ หรือ คุณกอล์ฟ เป็นเจ้าของร้าน “นายกอล์ฟปาท่องโก๋เกลียวปักษ์ใต้” ขายมาประมาณ 3-4 ปีมาแล้ว โดยเริ่มจากทำกันเล็ก ๆ แล้วขยับขยายขึ้นเรื่อย ๆ โดยสูตรนั้นเป็นของครอบครัวของคุณกอล์ฟ เป็นสูตรต้นตำรับจากจังหวัดภูเก็ต ซึ่งทำกันมานับสิบๆ ปี นำมาดัดแปลงจากปาท่องโก๋เกลียวที่ตัวเล็ก ๆ โดยทำให้มีขนาดใหญ่ขึ้น เน้นที่กรอบนอก นุ่มใน ไม่อมน้ำมัน

สำหรับสูตรการทำ “ปาท่องโก๋เกลียว” คุณกอล์ฟแจกแจงว่า การทำปาท่องโก๋ประมาณ 70 ตัว จะใช้แป้งสาลี 5 กก., ผงฟู 2 ช้อนชา, เกลือ 15 ช้อนชา, น้ำตาลทราย 200 กรัม, น้ำเปล่า 4 ลิตร, น้ำมันพืช 500 กรัม

วิธีทำแป้งปาท่องโก๋ ละลายน้ำเปล่า ผงฟู น้ำตาลทราย เกลือ ให้เข้ากัน จากนั้นเทแป้งสาลี และน้ำมันพืชลงนวดรวมกัน ซึ่งใช้มือนวด ใช้เวลานวดประมาณ 15 นาที อย่านวดนานกว่านี้ เพราะแป้งจะเหนียวเกินไป

ส่วนถ้าจะทำเป็น “ซาลาเปาทอด” ซึ่งร้านนี้ก็ทำขายด้วย สูตรแป้งซาลาเปานั้นก็ใช้สูตรเดียวกับแป้งปาท่องโก๋ แต่สัดส่วนน้ำตาลทรายเพิ่มเป็น 800 กรัม ส่วนวิธีการทำจะคล้าย ๆ กับแป้งปาท่องโก๋เกลียว

การปั้นแป้งปาท่องโก๋เกลียว หรือแป้งซาลาเปา แบ่งแป้งก้อนละประมาณ 70-72 กรัม โดยปาท่องโก๋เกลียวจะปั้นให้แป้งเป็นแบบยาว ประมาณ 15-20 เซนติเมตร ขณะที่แป้งซาลาเปาจะเป็นแบบกลม ขนาดเส้นผ่าศูนย์ 10 เซนติเมตร เมื่อปั้นเสร็จก็นำลงทอดในกระทะซึ่งตั้งน้ำมันพืชให้ร้อนไว้ ซึ่งใช้เวลาทอดราว 10 นาที

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะทอดปาท่องโก๋เกลียว หรือซาลาเปา ต้องทอดสอบเสียก่อนว่าน้ำมันร้อนใช้ได้หรือยัง โดยเจียดแป้งเล็กน้อยลงทอด หากทอดไปชั่วครู่แล้วดูว่าแป้งออกสีแดง ๆ ก็เป็นอันใช้ได้

คุณแอน และคุณกอล์ฟ ร่วมกันบอกว่า ในการขาย จะต้องกะปริมาณการขายปาท่องโก๋หรือซาลาเปาในแต่ละวันให้ดี ต้องกะแป้งของทั้งสองประเภทให้เหมาะสม เพราะแป้งสดนั้นจะมีอายุเพียงแค่ 5-6 ชั่วโมงเท่านั้น ค้างคืนไม่ได้ เพราะไม่ได้ใส่สารกันบูด และต้องค่อย ๆ ทยอยทอด ไม่ทอดคราวละปริมาณมาก ๆ

ต่อไปเป็นสูตร “สังขยาใบเตยสด” ซึ่งขายคู่กับปาท่องโก๋เกลียวหรือซาลาเปา ใช้สูตรกะทิสด 5 กก., ไข่แดง (ไข่ไก่) 30 ฟอง, น้ำตาลปี๊บ 1 กก., แป้งข้าวโพด 300 กรัม, นมสด 1 กระป๋อง, เกลือ 20 ช้อนชา, น้ำใบเตยคั้น 1 ลิตร วิธีทำก็นำกะทิสดตั้งไฟ จากนั้นใส่ส่วนผสมต่าง ๆ ลงไป แต่ไข่แดงไข่ไก่นั้นจะต้องตีให้เข้ากันเสียก่อนที่จะใส่ลงไป ขณะที่น้ำใบเตยให้เทใส่เป็นขั้นตอนสุดท้าย และใช้เวลากวนอุ่นสังขยาประมาณ 1 ชั่วโมง

นอกจากนี้ยังมี “สังขยาชานมเย็น” วิธีทำคือชงน้ำชาดำเย็น 1 ลิตร กับนมข้น 1 กระป๋องให้เข้ากัน แทนการใช้น้ำใบเตยสด ส่วนสัดส่วนวัตถุดิบอื่น และวิธีทำของสังขยาชานมเย็น ก็จะเหมือนสังขยาใบเตยสดหมดทุกอย่าง เพียงแต่ต้องลดน้ำตาลปี๊บลงเหลือ 800 กรัม เพราะได้ความหวานจากนมข้นส่วนหนึ่งแล้ว

การขายให้ลูกค้านั้น เมื่อลูกค้าสั่งปาท่องโก๋เกลียว หรือซาลาเปา ก็ให้ตัดแบ่งเป็นชิ้น ๆ ขนาดพอคำใส่กล่อง ส่วนสังขยานั้นก็ตักแบ่งใส่กล่องพลาสติกกล่องละ 50 กรัม ขายในราคาชุดละ 30 บาท

จากสัดส่วนแป้ง 5 กก. ซึ่งทำได้ราว 70 ชุด ขายชุดละ 30 บาท ก็จะได้ 2,100 บาท โดยต้นทุนที่รวมทุนสังขยาด้วย จะตกประมาณ 1,500 บาทขึ้นไป หรือเบ็ดเสร็จแล้วจะมีกำไร 500-600 บาท ต่อ 70 ชุด

ใครสนใจอาชีพนี้ ใครสนใจสินค้าของคุณแอนและคุณกอล์ฟ ระหว่างวันที่ 16-21 ก.ค. 2552 นี้ ไปดู ไปชิม ได้ที่ชั้นจี ศูนย์การค้าเดอะมอลล์ บางแค และทั้งคู่ยังรับออกร้านนอกสถานที่ด้วย โดยติดต่อได้ที่ โทร.08-1062-0741 และ 08-1433-5166 ทั้งนี้ นี่ก็เป็นอีก “ช่องทางทำกิน” ที่ทำเงินได้หลายแบบ และได้ทั่วไป

สุภารัตน์ ยอดศิริวิชัยกุล :รายงาน


คู่มือลงทุน...ปาท่องโก๋เกลียว-สังขยา
ทุนอุปกรณ์ ประมาณ 15,000 บาทขึ้นไป
ทุนวัตถุดิบ ประมาณ 70% ของราคาขาย
รายได้ ราคาขายชุดละ 30 บาท
แรงงาน 1 คนขึ้นไป
ตลาด ย่านอาหาร, ชุมชน, งานออกร้าน
จุดน่าสนใจ ทำขายได้ทั่วไป-ขายได้ตลอดวัน
เครดิต จาก เดลินิวส์

Read More...


ซีฟู้ดกระทะ จุดขายของร้าน 'บุฟเฟ่ต์'

 
 
ร้าน “บุฟเฟ่ต์หมูกระทะ” กลับมาเป็นธุรกิจร้านอาหารที่เฟื่องฟูอีกในระยะนี้ ซึ่งก็มีทั้งร้านเล็ก-ร้านใหญ่ผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด การแข่งขันจึงสูง แต่ละร้านจึงต้องพยายามสร้างจุดขาย และกับการเพิ่มวัตถุดิบจำพวก “ซีฟู้ด” ปิ้งย่างกันหอม ๆ อย่างร้านที่ “ช่องทางทำกิน” จะนำเสนอวันนี้ ก็ดึงดูดลูกค้าได้ดี....

ศุภกิตติ ก้องเกียงไกร หรือ “กิต” วัย 27 ปี ผู้จัดการ ร้านหมูกระทะนานา เล่าว่า ธุรกิจหมูกระทะเป็นกิจการครอบครัว เปิดมาประมาณ 4 ปี ตอนนี้มี 5 สาขา บางซ่อน หนองแขม หมอชิต บางรัก รังสิต โดยญาติพี่น้องช่วยกันดูแลแต่ละสาขา ซึ่งก็มีลูกค้าอุดหนุนไม่ขาดสาย โดยเฉพาะช่วงเย็นและค่ำวันเสาร์-อาทิตย์

“บุฟเฟ่ต์ที่ร้านคิดหัวละ 109 บาท แต่ถ้ามาก่อน 5 โมงเย็นหัวละแค่ 99 บาท ลูกค้าส่วนมากชอบตักกุ้งเป็น ๆ ซึ่งมีพนักงานคอยย่างให้ด้วย นี่ก็เป็นจุดขายหนึ่งของเรา ซึ่งแม้พวกซีฟู้ดทุนจะสูง อย่างกุ้งก็จะใช้กุ้งแม่น้ำสด ๆ เป็น ๆ แต่รวม ๆ และทางร้านก็พออยู่ได้จากกำไรประมาณ 20-30% และกำไรเครื่องดื่ม”

กิตบอกว่า ธุรกิจนี้ต้องสร้างจุดเด่นดึงดูดลูกค้าเพื่อให้แข่งขันได้ ของที่ใช้ต้องมีคุณภาพ หลากหลาย จะมีทั้งหมูหมักซอส หมูเด้ง หมูสไลส์ หมูทรงเครื่อง เครื่องในหมู เช่น ตับ เซี่ยงจี๊ ไส้อ่อน มีเนื้อหมักงา เนื้อหมักพริกไทยดำ เนื้อสด ลูกชิ้นหมู ลูกชิ้นเนื้อ เบคอน แฮม บาโลน่า ไก่สด ไก่หมัก ไก่เครื่องเทศเกาหลี ฯลฯ

ส่วนพวกซีฟู้ดก็จะมีทั้งกุ้งเป็น ๆ ที่มีพนักงานย่างให้ มีหอยต่าง ๆ ปลาหมึกสด ปลาหมึกหลอด ปลาหมึกกรอบ แมงกะพรุน ปลาสวรรค์ ปลาแซลมอน ปลาโลนัน ลูกชิ้นปลา ลูกชิ้นทะเล ปูอัด เต้าหู้ปลา ฯลฯ

โซนผักของที่ร้านก็จะมีกลุ่มที่มีราคาสูง อย่างบร็อกโครี่ ตลอดจนเห็ดฟาง เห็ดนางฟ้า เห็ดหูหนู ผักกาดขาว กะหล่ำปลี ผักบุ้ง โหระพา ข้าวโพดอ่อน ขึ้นฉ่าย ต้นหอม แครอท ฯลฯ และรวมถึงวุ้นเส้น

จุดเด่นนั้นนอกจากจะมีวัตถุดิบหลากหลาย แบ่งเป็นโซน รวมแล้ว 80 กว่าอย่าง ยังออกอาหารไม่อั้น จะทยอยออกมาเรื่อย ๆ และจะไม่ทำแล้วเก็บไว้ จะเน้นของสดและใหม่ ไม่มีทิ้งค้างไว้จนเย็นไม่มีรสชาติ ซึ่งลูกค้าขาประจำจะรู้ว่าอาหารจะทยอยออกมาเรื่อย ๆ จะไม่ตักตุนออกไปเยอะ เพราะทุกอย่างจะมีเติมให้ตลอด

สำหรับโซนของกินเล่นก็จะมีหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นกุ้งอบวุ้นเส้น ปอเปี๊ยะทอด ทอดมันปลากราย ทอดมันกุ้ง ปีกไก่ทอดน้ำปลา ไก่ทอด เอ็นไก่ทอด ขนมปังหน้าหมู หมูทอด หมูแดดเดียว ไส้กรอกไก่-หมูทอด ปลาหมึกวงชุบแป้งทอด ขนมจีบ แหนมปลาทอด ก๋วยเตี๋ยวลุยสวน หมูยอทอด เฟรนช์ฟรายด์

นอกจากนี้ก็ยังมียำต่าง ๆ ที่ในแต่ละวันจะสลับหมุนเวียนกันไปไม่ซ้ำซาก เช่น ยำวุ้นเส้น ยำรวมมิตร ยำเล็บมือนาง ยำไส้กรอก ยำลูกชิ้น ยำสามรส ยำหมูยอ ยำมาม่า ยำหอย ยำปลาหมึก บะหมี่หยก-เหลือง

ถ้าใครชื่นชอบอาหารญี่ปุ่น ที่ร้านนี้ก็เอาใจด้วยการมีโซนอาหารญี่ปุ่นบริการ เป็นประเภทข้าวปั้น เกี๊ยวซ่า กิมจิ และรวมถึงยังมีเมนูข้าวผัด ซึ่งก็มีทั้งข้าวผัดกุ้ง-หมู-ไก่-แฮม-แหนม ส่วนโซนของหวาน ก็มีทั้งแบบแห้งและน้ำ หรือหากลูกค้าชอบผลไม้ที่นี่ก็ไม่ขาด มีผมไม้ตามฤดูกาลเรียงรายให้หยิบได้ตามใจชอบ

อีกโซนเด็ดของร้านที่ขาดไม่ได้คือ โซนน้ำจิ้มรสเด็ดที่ตั้งแยกไว้เฉพาะ มีทั้งน้ำจิ้มซีฟู้ดรสเข้มข้นจัดจ้าน น้ำจิ้มสุกี้ ใช้ซอสพริกไทยเป็นหลักปั่นกับส่วนผสมสูตรเฉพาะ ใส่น้ำมันงาและงาขาวให้ได้รสกลมกล่อม มีทั้งแบบของเด็กและผู้ใหญ่ และรวมถึงมีน้ำจิ้มแจ่วด้วย

กิตบอกว่า การทำธุรกิจนี้ปัญหาและอุปสรรคก็มีเกือบทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของลูกค้า และลูกจ้าง พ่อครัวแม่ครัว ซึ่งการบริหารลูกน้องค่อนข้างเป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องดูแลให้ดี และก็ยังมีปัญหาอะไรอีกหลาย ๆ เรื่องที่ต้องแก้กันไปตามสถานการณ์
“ของที่ให้กับลูกค้าต้องมีคุณภาพ และอย่าลืมเน้นเรื่องความสะอาด เพราะลูกค้าส่วนใหญ่จะมองเรื่องความสะอาด กลัวว่าทานแล้วจะท้องเสียไหม อีกอย่างคือจะต้องเน้นทำเล ซึ่งก็จะต้องเน้นมาก และการที่ครอบครัวทำธุรกิจนี้มาถึงจุดนี้ได้ ที่สำคัญคือต้องใช้สมองและทำการตลาดให้ดี” กิตติแนะนำทิ้งท้าย

ร้านหมูกระทะนานาที่มี “ซีฟู้ด” เป็นอีกจุดขายสำคัญ ร้านที่กิตดูแลอยู่นั้นอยู่แถวรังสิต อยู่ตรงข้ามกับโรงพยาบาลนวนคร เปิดร้านตั้งแต่บ่าย 3 – 5 โมงเย็นทุกวัน เบอร์ โทร.ของกิตคือ โทร.08-5444-9940

เชาวลี ชุมขำ :รายงาน / จเร รัตนราตรี :ภาพ

คู่มือลงทุน...ซีฟู้ดกระทะ
ทุนอุปกรณ์ ขึ้นอยู่กับขนาดของร้าน
ทุนวัตถุดิบ ประมาณ 70-80% ของราคา
รายได้ ราคาหัวละ 99 และ 109 บาท
แรงงาน ขึ้นอยู่กับขนาดของร้าน
ตลาด ทำเลร้านริมถนน-ย่านชุมชน
จุดน่าสนใจ ซีฟู้ดดึงดูดลูกค้าบุฟเฟ่ต์ได้ดี

เครดิต จาก เดลินิวส์

Read More...


มาแปรรูป ผลไม้ถูก' ขาย รวย

หน้า “ช่องทางทำกิน” เสาร์นี้มีพื้นที่มากพอสมควร ผมก็เลยจะนำข้อมูลการ “แปรรูปผลไม้” สัก 2-3 อย่างมาบอกกล่าวกันใน “ถอดรหัสอาชีพ” เผื่อใครมีแหล่งผลไม้ที่ราคาถูก อาจจะซื้อหามาแปรรูปขายเพิ่มมูลค่า-สร้างรายได้กัน ก็จะเป็นในส่วนของผลไม้ที่ตอนนี้หาได้ไม่ยาก และราคาก็ถูก หรือไม่สูงมาก

เริ่มจาก “ลำไย” เอาเป็น “วุ้นลำไย” ก็แล้วกัน...โดยส่วนผสมตามสูตรก็คือ...ลำไยสด 3 กิโลกรัม ต่อน้ำตาลทราย 3 กิโลกรัม และผงวุ้น 1 ถุง (ขนาด 25 กรัม) วิธีทำเริ่มจาก...นำน้ำเปล่าประมาณ 3 กิโลกรัมใส่หม้อตั้งไฟ ต้มให้เดือด แล้วใส่น้ำตาลทรายลงไปคนให้ละลาย จากนั้นนำผงวุ้นไปละลายกับน้ำเย็นเพื่อให้แตกตัว ก่อนที่ จะนำมาเทใส่ใน หม้อน้ำที่ตั้งไฟไว้ “เคล็ดลับก็คือ อย่าเทผงวุ้นลงไปในน้ำร้อน ๆ เพราะจะทำให้ผงวุ้นแข็งตัวเกินไป” เมื่อเทผงวุ้นที่ละลายในน้ำเย็นลงไปในหม้อน้ำที่ตั้งไฟแล้ว ก็คนให้เข้ากัน

ตั้งไฟต่ออีกสักพักจนกระทั่งเดือด ระหว่างนี้เตรียมถ้วยพลาสติกขนาด 6 ออนซ์ ใส่ลำไยสดที่ปอกเปลือกแกะเมล็ดแล้ว 4-5 ลูก แล้วตักน้ำวุ้นที่เดือดใส่ตามลงไป พักทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที น้ำวุ้นจะแข็งตัวกลายเป็นเนื้อวุ้น ซึ่งสามารถทานได้ทันที แต่ควรแช่เย็นก่อนทาน-ก่อนขาย จะได้รสชาติหวานเย็นชื่นใจ

“วุ้นลำไย” นี้หากแช่เย็นจะเก็บไว้ได้ 2-3 วัน จากสูตรนี้จะทำได้ประมาณ 30-35 ถ้วย ขายราคาถ้วยละ 10 บาทขึ้นไปได้สบาย ๆ ส่วนกำไรก็แล้วแต่ราคาลำไยสด ราคายิ่งต่ำกำไรก็ยิ่งสูง

อีกชนิด เอาเป็น “มังคุด” และแปรรูปทำเป็น “น้ำมังคุด” ซึ่งมังคุดนั้นเป็นผลไม้ที่มีวิตามินซี ช่วยแก้อาการคลื่นไส้ได้ ในช่วงที่มีผลผลิตมังคุดมาก และราคาถูก การแปรรูปโดยการทำเป็นน้ำมังคุดขายก็เป็นอีกวิธีเพิ่มมูลค่า และสำหรับส่วนผสมในการทำน้ำมังคุดตามสูตรที่ผมมีอยู่ ก็คือ...เนื้อมังคุดแกะเมล็ดในออก 1 กิโลกรัม ต่อน้ำต้มสุกประมาณ 8 ถ้วยตวง น้ำตาลทราย 5 ถ้วยตวง และเกลือป่น 2 ช้อนชา

วิธีทำเริ่มจาก...นำเนื้อมังคุดที่เอาเมล็ดออกแล้ว 1 กิโลกรัมใส่หม้อ ใส่น้ำลงไปตามส่วนคือ 8 ถ้วยตวง จากนั้นก็ติดไฟต้มและเคี่ยวด้วยไฟอ่อน ๆ จนเนื้อมังคุดเปื่อยยุ่ย จึงนำลงจากเตาไฟ จากนั้นกรองเอากากที่ไม่ต้องการทิ้ง บีบเอาน้ำออกจากกากให้หมด ยกน้ำมังคุดที่กรองได้ขึ้นตั้งไฟอีกครั้ง โดยเติมน้ำสะอาดเพิ่มลงไปให้ได้ปริมาณเท่าที่ต้มตอนแรก ต้มจนเดือดอีกครั้ง พอเดือดก็ใส่น้ำตาลทรายลงไป 5 ถ้วยตวง
ลำดับสุดท้ายเติมเกลือป่นลงไป เมื่อเดือดดีก็นำขึ้นจากเตามากรองอีกรอบ จากนั้นปล่อยให้เย็น แล้วรินใส่ภาชนะ ก็จะได้ “น้ำมังคุด” พร้อมขาย ราคาขายก็ตั้งตามความเหมาะสมกับต้นทุน

พื้นที่มีอีกเล็กน้อย หา “เงาะ” มาทำ “เงาะลอยแก้ว” ด้วยแล้วกัน ขั้นตอนการทำเงาะลอยแก้วนั้นไม่ยุ่งยาก จะคล้ายวิธีทำสละลอยแก้ว เพียงแต่เปลี่ยนวัตถุดิบเป็นเงาะเท่านั้น และไม่ต้องต้มให้สุกเหมือนสละ

วิธีทำเริ่มจาก...นำเงาะมาปอกเปลือก แกะเมล็ดออกแล้วหั่นเป็นชิ้นพอคำ นำไปล้างให้สะอาด แต่ไม่ควรแช่น้ำทิ้งไว้นานเพราะจะทำให้เนื้อเงาะเละเกินไป จากนั้นเตรียมทำน้ำเชื่อม โดยสัดส่วนก็ใช้น้ำตาลทรายประมาณ 1 กิโลกรัม ผสมกับน้ำเปล่าประมาณ 300 กรัม นำขึ้นตั้งไฟเคี่ยวให้เข้ากัน ให้น้ำตาลทรายละลายเป็นน้ำเชื่อม ทิ้งไว้ให้เย็นและนำเข้าเก็บในตู้เย็น เมื่อจะขายก็ตักน้ำเชื่อมใส่ถ้วย ใส่ชิ้นเงาะลงไป แล้วเติมน้ำแข็ง

ราคาขาย “เงาะลอยแก้ว” ก็ตั้งได้ตั้งแต่ 15-20 บาท ขึ้นอยู่กับปริมาณ-แหล่งที่ขาย โดยใส่เนื้อเงาะ 4-5 ชิ้น หรือตามขนาดภาชนะ ซึ่งเงาะ 1 กิโลกรัมจะทำขายได้ประมาณ 4-5 ถ้วยขึ้นไป

ก็เป็นข้อมูล “แปรรูปผลไม้” ที่นำมาฝากให้ลองพิจารณากันอีกครั้งครับ



Read More...


ยาหม่องแฟนซี แต้มสีสันขายดีสุดๆๆ


ยาหม่อง สินค้าต่อยอด 'งานปั้นดิน'

การปั้นของจิ๋วจากดินเป็นงานศิลปะอีกอย่างหนึ่งที่สามารถทำเป็นอาชีพได้ และงานปั้นของจิ๋วนั้นก็สามารถต่อยอดสร้างสรรค์เป็นสินค้าได้หลากหลาย เป็นการเพิ่มมูลค่าเพิ่มให้กับงานได้เป็นอย่างดี อย่าง “ยาหม่องแฟนซี” ที่ทีม “ช่องทางทำกิน” จะนำเสนอในวันนี้ ก็เป็นการต่อยอดการปั้นดินรูปแบบหนึ่ง...

ณภัสสรณ์ ทวีภพรไพศาล เจ้าของร้าน “ภา-ภัส อาร์ต แอนด์ โมเดล” ทำงานด้านศิลปะทั้งวาดภาพและการปั้นของจิ๋วมานาน เจ้าตัวเล่าว่า ชื่นชอบการวาดภาพมาตั้งแต่เด็ก สมัยเรียนก็วาดภาพส่งประกวดตลอด ตอนหลังก็ทำงานด้านศิลปะวาดภาพมาเรื่อย จากนั้นก็เริ่มมองหางานศิลปะที่แปลกไปจากการวาดภาพ

ในที่สุดก็มาสนใจงานปั้นโมเดลของจิ๋ว

“ตอนนั้นเริ่มจากการนำขนมปังผสมกับแป้ง ปั้นเป็นรูปผัก ผลไม้ และนำไปทำเป็นชิ้นงานเล็ก ๆ พวก กิ๊บติดผม ตุ้มหู แล้วก็ไปหาตลาดขายส่งที่สำเพ็ง ซึ่งก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี”

ณภัสสรณ์เล่าต่อว่า ทำงานนี้อยู่ระยะหนึ่งก็เริ่มเห็นว่าการใช้ขนมปังผสมแป้งเป็นวัตถุดิบนั้น มีพวกแมลงชอบมากัดแทะกิน จึงต้องมองหาวัตถุดิบชนิดอื่นแทน โดยเป็นการคิดสูตรผสมดินสำหรับการปั้นขึ้นมาเอง ซึ่งกว่าจะได้สูตรที่ลงตัวก็ใช้เวลาลองผิดลองถูกอยู่นานทีเดียว

นอกจากนี้ หลังจากทำงานปั้นได้ระยะหนึ่งก็เริ่มมีแนวคิดที่จะทำงานปั้นให้แปลกใหม่ แตกต่างไปจากงานปั้นของจิ๋วทั่วไป เพื่อให้งานปั้นของจิ๋วมีความหลากหลายมากขึ้น และยังเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับชิ้นงานด้วย

การสร้างความแตกต่างให้กับงานที่ทำของณภัสสรณ์ก็คือ การนำงานปั้นจิ๋วผสมผสานงานด้านศิลปะโดยทำให้เป็นเรื่องราว เป็นซีรีส์ สร้างจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ โดยเลียนแบบความเป็นอยู่วิถีชาวบ้านสมัยโบราณ และเรื่องราววิถีชีวิตและวัฒนธรรมประเพณีของคนไทยแต่ละยุคสมัย โดยการย่อส่วนให้คล้ายของจริงมากที่สุด

ไม่เท่านั้น ยังมีการต่อยอดงานปั้นนำไปประดิษฐ์ตกแต่งเป็นงานอื่น ๆ อีกมากมาย อาทิ โคมไฟ กรอบรูป นาฬิกา หรือจะปั้นเป็นรูปต่าง ๆ ไว้สำหรับตั้งโชว์ก็ได้

“ศิลปะงานปั้นของจิ๋วนั้นสามารถนำไปต่อยอดทำเป็นสินค้าอื่น ๆ ได้อีกหลากหลาย ขึ้นอยู่กับว่าคนที่ทำมีความคิดสร้างสรรค์แค่ไหน ถ้าเรามีไอเดีย เราก็สามารถที่จะเล่นสนุกกับงานปั้นจิ๋วตัวนี้ได้มากมาย”

ณภัสสรณ์บอกอีกว่า สำหรับคนที่ไม่มีความรู้เรื่องการปั้นมาก่อนเลย ก็สามารถเรียนรู้การปั้นเบื้องต้นได้ในเวลาแค่ 1 วัน สามารถ ปั้นเป็นรูปผัก ผลไม้ หรือรูปสัตว์ได้ แต่ที่สำคัญคือคนที่จะทำอาชีพนี้จะต้องมีใจรัก มีความคิดสร้างสรรค์ เพราะจะต้องมีการพัฒนาสินค้าไปเรื่อย ๆ ไม่อยู่นิ่ง เพื่อเป็นตัวเลือกใหม่ ๆ ให้ลูกค้า

สำหรับการทำ “ยาหม่องแฟนซี” แล้วมีการใช้เทคนิคการปั้นเป็นรูปสัตว์ต่าง ๆ ใส่ลงบนฝาขวดด้วย ซึ่งเป็นอีกรูปแบบงานต่อยอด นี่ก็สามารถเรียนได้ในเวลาแค่ 1 วัน และก็สามารถทำเป็นอาชีพได้

วัสดุอุปกรณ์ในการทำก็มี ยาหม่องที่บรรจุขวด, ดินสำหรับใช้ปั้น, กาวยู้ฮู, กาวตราช้าง, เส้นลวด, คีม, แล็กเกอร์ เป็นต้น โดยยาหม่องบรรจุขวดใช้ขนาด 20 กรัม และ 50 กรัม เป็นยาหม่องกลิ่นสมุนไพรไทย มีอยู่ประมาณ 15 กลิ่น ส่วนดินที่ใช้ปั้นนั้นจะเป็นสูตรที่คิดขึ้นมา จะเป็นดินที่ผสมเป็นสีต่าง ๆ ไว้แล้ว โดยสีที่ผสมนั้นจะเป็นสีน้ำมัน ก้อนหนึ่งก็ตกประมาณ 120 บาท สามารถปั้นได้หลายสิบชิ้น ซึ่งนอกจากชิ้นงานสำเร็จรูปแล้ว ทางณภัสสรณ์ยังมีการจำหน่ายวัสดุทั้ง 2 อย่างนี้ด้วย

ขั้นตอนการทำยาหม่องแฟนซีบวกงานปั้นดินจิ๋ว เริ่มจากสเกตช์แบบที่ต้องการจะทำขึ้นมาก่อน เมื่อได้แบบแล้วก็เริ่มทำการปั้น โดยนำดินที่ใช้สำหรับปั้นสีตามที่ต้องการมาปั้นให้เป็นก้อนกลม ๆ พอประมาณ จากนั้นนำขวดยาหม่องมาทากาวยู้ฮูลงบนฝาขวด นำดินที่ปั้นเป็นก้อนกลมติดลงบนฝาขวดปั้นไล่ให้ดินหุ้มฝาขวด จากนั้นปั้นให้เป็นรูปโครงหน้าหรือหัวสัตว์ต่าง ๆ ที่ได้ออกแบบไว้ และตกแต่งชิ้นส่วน

เริ่มจากส่วนหู โดยปั้นหูแล้วนำมาต่อที่ส่วนหัวโดยใช้เส้นลวดเสียบติด ใช้กาวตราช้างติดให้แน่นอีกที จากนั้นก็ตกแต่งลูกตา จมูก ปาก เรียบร้อยก็ตั้งพักไว้ให้ดินแห้ง ใช้แล็กเกอร์ทาเคลือบ เท่านี้ก็เรียบร้อย

ยาหม่องแฟนซีของร้านนี้ ราคาก็แตกต่างกันไปตามขนาดและงานปั้น ถ้าเป็นรูปสัตว์ราคาอยู่ที่ 79 บาท ถ้าปั้นเป็นรูปหน้าเหมือนราคาอยู่ที่ 450 บาท หรืออาจมีราคาสูงถึง 1,000 บาท ขึ้นอยู่กับความยากง่าย และรายละเอียดของงาน นอกจากนั้นที่ร้านนี้ยังมีสินค้ารูปแบบอื่น ๆ อีกหลากหลาย ซึ่งในส่วนของทุนวัสดุนั้นจะอยู่ที่ประมาณ 40% จากราคาขาย ขณะที่ทุนเบื้องต้นถ้าทำ เล็ก ๆ ประมาณไม่เกิน 2,000 บาทก็ทำได้แล้ว

ใครสนใจ “ยาหม่องแฟนซี” หรือสินค้า อื่น ๆ หรืออยากเรียนรู้เทคนิคการปั้นดินจิ๋วจากณภัสสรณ์ ร้านนี้ตั้งอยู่ที่ 2044 ศูนย์การค้าแฮปปี้แลนด์เซ็นเตอร์ ชั้น 2 ถนนลาดพร้าว เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ โทร. 08-1924-0033 08-1924-0033 ซึ่งการทำอาชีพนี้ยังสามารถทำรายได้จากการรับออร์เดอร์สั่งทำชิ้นงาน ต่าง ๆ ด้วย.


บดินทร์ ศักดาเยี่ยงยงค์ : รายงาน

ข้อมูลจาก เดลินิวส์
http://www.dailynews.co.th/

Read More...


วิธีป้องกันตัวเองจากโจร


เนื้อเรื่องน่าสนใจและดีมากสำหรับสุภาพสตรี จึงส่งต่อมาให้อ่านโดยทั่วกัน หวังว่าคงเป็นประโยชน์สำหรับทุกท่าน

1. เคล็ดลับจากวิชาเทควันโด้ ข้อศอกเป็นจุดที่แข็งแกร่งที่สุดของร่างกาย หากถูกทำร้าย หรือกำลังจะถูกทำร้าย และคุณอยู่ในระยะที่ใกล้พอ จงใช้ข้อศอกให้เป็นประโยชน์ (ถองกบาลหรือกกหูมันแรงๆ )

2. ข้อแนะนำจากหนังสือแนะนำนักท่องเที่ยวเมืองนิวออร์ลีนส์ หากถูกโจรจี้และขอกระเป๋าถือหรือ กระเป๋าสตางค์ อย่ายื่นกระเป๋าให้โจร แต่ให้เขวี้ยงกระเป๋าไปไกลๆ เพราะเป็นไปได้ว่าเจ้าโจรนั่นอาจสนใจเงินหรือข้าวของในกระเป๋ามากกว่าตัวคุณมันจะวิ่งไปคว้ากระเป๋าที่คุณโยนออกไป ทีนี้ก็จงวิ่งอย่างไม่คิดชีวิตไปในทิศทางตรงกันข้าม

3. ถ้าถูกจับขังในฝากระโปรงท้ายรถพยายามทุบให้ไฟท้ายรถหลุดออก จากนั้นยื่นแขนออกมาจากรูโหว่แล้วโบกสุดฤทธิ์ คนขับมองไม่เห็นคุณ แต่รับรองชาวบ้านเห็นแน่ๆ วิธีนี้ช่วยชีวิตคนมานักต่อนักแล้ว

4. อย่านั่งแช่ในรถ สาวๆ ทั้งหลาย เมื่อเสร็จภารกิจช้อปปิ้ง กินข้าว เลิกงาน ฯลฯ สาว ๆ เมื่อก้าวขึ้นรถแล้ว ก็มักจะ นั่งแช่ ทำอะไรต่อมิอะไรกระจุกกระจิก เป็นต้นว่า ดูสมุดบัญชี จดลิสต์รายการ ข้าวของ หรือเรื่องที่จะต้องทำ หรืออื่นๆ ขอเตือนว่าอย่าทำเช่นนี้เป็นอันขาด ผู้ร้ายอาจ กำลังจับ ตาเฝ้าดูคุณอยู่ การที่นั่งจ่อมอยู่อย่างนี้แหละจะเป็นโอกาสอันงามที่มันจะก้าวขึ้นมานั่งในรถข้างๆ คุณ เอาปืนจี้แล้ว สั่งให้พาไปไหนต่อไหน เพราะฉะนั้นก้าวขึ้นนั่งในรถเมื่อไรให้รีบล็อคประตูแล้วออกรถทันที

5. ต่อไปนี้เป็นข้อแนะนำเล็กๆ น้อยๆ เมื่อคุณต้องเดินไปยังรถที่จอดในลานจอดรถ โรงจอดรถ หรืออาคารที่จอดรถ
ก. ประสาทตื่นตัว หมั่นสำรวจรอบตัวมองข้างในรถทั้งที่นั่งข้างคนขับ พื้นรถรวมถึง เบาะหลังด้วย

ข. ถ้ารถคุณจอดอยู่ข้างรถตู้คันใหญ่ แนะนำให้ขึ้นรถด้านประตูผู้โดยสาร ผู้ร้ายส่วนใหญ่มักฉวยโอกาสจังหวะที่เหยื่อกำลังเปิดประตูรถลากตัวเหยื่อขึ้นรถตู้

ค. ดูรถที่จอดอยู่ข้างรถคุณทั้งฝั่งซ้ายและขวาหากมีผู้ชายนั่งอยู่คนเดียวตรงเบาะด้านที่ใกล้รถคุณ ควรหลีกเลี่ยงด้วยการเดินกลับเข้าไปในห้างหรือที่ทำงาน แล้วขอให้เจ้าหน้าที่ห้าง หรือ รปภ. หรือเพื่อนชายเดินกลับมาส่งที่รถ ปลอดภัยไว้ก่อน ดีกว่าต้องเสียใจทีหลัง (โดนหาว่าประสาทดีกว่าต้องซี้ม่องเซ็ก)

6. ควรใช้ลิฟต์แทนการขึ้นลงทางบันได บันไดเป็นจุดที่น่ากลัวที่สุดถ้าอยู่คนเดียว รวมทั้งเป็นจุดที่เกิดอาชญากรรมได้ดีที่สุด

7. หากผู้ร้ายมีปืน และคุณยังไม่ได้ถูกจี้ .. วิ่งหนี! โอกาสที่มันจะยิงโดนคุณมีเพียง 4 ใน 100 ครั้งเท่านั้น (เป้าเคลื่อนที่) และถึงจะยิงโดน ก็เป็นไปได้มากว่าจะไม่ถูกอวัยวะสำคัญ เพราะงั้นวิ่งลูกเดียว!

8. ผู้หญิงมักใจอ่อน ขี้สงสารและเห็นอกเห็นใจไม่ต้องเลย เพราะอาจนำไปสู่การทำร้ายร่างกาย ข่มขืน หรือฆาตกรรมได้ กรณีนี้มีตัวอย่างมาแล้ว ฆาตกรต่อเนื่องรายหนึ่งในอเมริกาชื่อ เท็ด เบินดี้ม เป็นชายหนุ่มหน้าตาดี มีการศึกษา มักใช้กลวิธีเรียกร้องความสงสารจากเหยื่อเพศหญิงซึ่งไม่ได้เกิดความสงสัยสักนิด เขาหลอกลวงเหยื่อให้ตายใจด้วยการเดิน โดยอาศัยไม้เท้า หรือแสร้งทำขากะเผลก จากนั้นจะขอ “ความช่วยเหลือ“ จากเหยื่อให้ช่วยพยุงขึ้นรถ จากนั้นก็ใช้จังหวะนั้นลักพาตัวไป

9. จากหนังสือภัยจาก 108 มงกุฏ เมื่อคุณกลับบ้านในเวลากลางคืน หากถูกคนร้ายจี้ ชิงทรัพย์ ฯลฯ เวลาร้องขอความช่วยเหลือให้ร้องว่า “ไฟไหม้“ แทนคำว่า “ช่วยด้วย“ เพราะคำว่าไฟใหม้จะทำให้ชาวบ้านในระแวกนั้นตกใจตื่นและออกมาดูสถานการณ์ได้เร็วกว่า

หากท่านเห็นว่าข้อความที่อ่านมาอาจเป็นประโยชน์ต่อคนที่ท่านรู้จักท่านสามารถส่งต่อได้ โดยเฉพาะเพื่อน พี่ น้องที่เป็นเพศหญิง เพื่อเตือนให้เธอเหล่านั้นระลึก อยู่เสมอว่า

“โลกใบนี้มีคนวิกลจริตอาศัยอยู่มาก ... ปลอดภัยไว้ก่อนดีกว่าเสียใจภายหลัง“

Read More...


ร้านเสริมสวยเคลื่อนที่ ลดความเสี่ยงเรื่องทำเล



ตัวอย่างร้านเสริมสวยตู้คอนเทรนเนอร์
ร้านเสริมสวยเคลื่อนที่ เป็นช่องทาง ในการสร้างอาชีพให้สำหรับผู้ที่ยังมีทำเลไม่แน่นอน เกรงว่าจะเปิดร้านไปแล้วจะไม่มีลูกค้ามาใช้บริการ เพราะร้านเสริมสวยดังกล่าว สามารถเคลื่อนย้ายไปยังจุดที่เจ้าของพอใจได้ เปรียบเสมือน ร้านรถเข็นขายอาหาร ที่สามารถเคลื่อนที่ไปยังจุดต่างๆได้

สำหรับร้านเสริมสวยเคลื่อนที่ในครั้งนี้ เกิดขึ้นมาจาก สมาคมส่งเสริมความงาม (ประเทศไทย) ร่วมกับ บริษัท พี.ซี.สตีล โพลส์ แอนด์ แค บินส์ จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่าย ผลิตภัณฑ์ร้านค้า ที่พักอาศัย สำนักงานสำเร็จรูป ในรูปแบบของน็อคดาวน์ เพื่อเป็นช่องทางหนึ่งในกับผู้ที่ต้องการเป็นเจ้าของร้านเสริมสวยได้มีทางเลือกอีกทางหนึ่ง ในการลดความเสี่ยงในการลงทุน สำหรับร้านเสริมสวยเคลื่อนที่ในครั้งนี้ เกิดขึ้นมาจาก สมาคมส่งเสริมความงาม (ประเทศไทย) ร่วมกับ บริษัท พี.ซี.สตีล โพลส์ แอนด์ แค บินส์ จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่าย ผลิตภัณฑ์ร้านค้า ที่พักอาศัย สำนักงานสำเร็จรูป ในรูปแบบของน็อคดาวน์ เพื่อเป็นช่องทางหนึ่งในกับผู้ที่ต้องการเป็นเจ้าของร้านเสริมสวยได้มีทางเลือกอีกทางหนึ่ง ในการลดความเสี่ยงในการลงทุน บรรยากาศร้านจริงที่เปิดที่เมืองทองธานี นางสาวนฤช บุญลิขิตชีวะ กรรมการผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท สตีล โพลล์ แอนด์ แคบินส์ จำกัด กล่าวว่า ทางบริษัทของเรา เดิมเราทำ ผลิตภัณฑ์ที่พักอาศัยสำเร็จรูปแบบน็อคดาวน์ หรือตู้คอนเทรนเนอร์ ซึ่งที่ผ่านมามีผู้ สนใจนำตู้คอนเทรนเนอร์สำเร็จรูป ไปใช้ทำร้านค้า ห้องสำนักงาน ซึ่งทางท่านประธาน คุณพิชิต บุญลิขิตชีวะ เห็นว่าอาชีพร้านเสริมสวยเป็นอีกอาชีพ ที่หลายคนให้ความสนใจทำกันมาก แต่ติดปัญหาในเรื่องของเงินลงทุน และทำเลที่ตั้ง สำหรับร้านเสริมสวยเคลื่อนที่จะเป็นทางเลือกหนึ่งให้กับคนที่ประสบปัญหาดังกล่าวได้ เพราะถ้าไม่พอใจกับทำเลที่ตั้ง ก็สามารถเคลื่อนย้ายไปหาทำเลใหม่ได้ และข้อดีของร้านเสริมสวยเคลื่อนที่ คือ ในปัจจุบันการหาเช่าที่ โดยเป็นพื้นที่เปล่าจะหาเช่าได้ง่ายกว่ากว่า และถ้าไม่ต้องการให้เช่าต่อ สามารถรื้อถอนร้านออกไปได้ แต่ถ้าสร้างแบบถวารจะไม่สามารถรื้อถอนออกไปได้ ตามกฎหมาย พนักงานให้บริการภายในร้าน นอกจากนี้ กรณีที่ไม่มีเงินทุนในการซื้อร้านน็อดดาวน์ดังกล่าวได้ ทางบริษัทมีให้เช่าพร้อมอุปกรณ์เสริมสวย เตียงสระ โต๊ะเก้าอี้กระจกตัดผม 3 ชุด ชุดโซฟา เครื่องปรับอากาศขนาด 18,000 บีทียูจำนวน 1 เครื่อง ขนาดของร้าน 3×6 เมตร สามารถรองรับลูกค้าได้ครั้งละ 7-8 คน คิดค่าเช่า เดือนละ 13,000 บาท เป็นเวลา 1 ปี หลังจากนั้น อุปกรณ์ทั้งหมดเป็นของผู้เช่า และถ้าต้องการจะซื้อตู้คอนเทรนเนอร์ สามารถซื้อได้ในราคา 330,000 บาท หรือ เช่าต่อคิดค่าเช่าร้านตู้คอนเทรนเนอร์เดือนละ 9,900 บาท ในส่วนขนาดของร้านตู้คอนเทรนเนอร์ สามารถสั่งทำตามต้องการ ราคาปรับเปลี่ยนกันไปตามขนาด และส่วนที่เพิ่มต่อเติม เช่นห้องน้ำ เป็นต้น และเพื่อแก้ปัญหาเรื่องความร้อนภายในยังได้ติดฉนวนกันความร้อน เพราะปัญหาของตู้คอนเทรนเนอร์จะระบายอากาศไม่ได้ และทำจากเหล็กทำให้ภายในร้านจะร้อนกว่าปกติ การติดฉนวนกันความร้อนช่วยลดการทำงานของเครื่องปรับอากาศ สำหรับเวลาในการติดตั้ง ใช้เวลาเพียง 1-2 วันเท่านั้น อุปกรณ์ โต๊ะ เก้าอี้กระจกตัดผม 3 ชุด สำหรับกลุ่มลูกค้ามุ่งเป้าลูกค้าในต่างจังหวัด โดยจะออกโรดโชว์ ร่วมกับทางสมาคม ที่จะนำแบบผมเทรนด์ใหม่ ไปแนะนำให้กับช่างที่สนใจ พร้อมเคล็ดลับการบริหารจัดการธุรกิจ บริการแนวใหม่ ซึ่งจะออกไปใน 13 จังหวัดตามหัวเมืองใหญ่ทั่วประเทศ อาทิ พัทยา ระยอง จันทบุรี นครราชสีมา ขอนแก่น อุบลราชธานี อุดรธานี หาดใหญ่ ภูเก็ต เป็นต้น และการออกโรดโชว์ในครั้งนี้ ไปพร้อมกับแนะนำร้านเสริมสวยเคลื่อนที่ ด้วย โดยตั้งเป้าไว้ว่าจะสามารถเปิดร้านเสริมสวยเคลื่อนที่ให้ได้ 130 แห่ง ใน 13 จังหวัด ทั้งนี้ เชื่อว่าช่างผมจะให้ความสนใจกับร้านเสริมสวยเคลื่อนที่ เพราะสามารถเปิดร้านในทำเลที่ต้องการได้ และปรับเปลี่ยนทำเลได้ ถ้ายังไม่ใช่ โดยไม่ยุ่งยาก เสียค่าขนย้ายเพียงเล็กน้อย หรือถ้าต้องการยกร้านให้สูง หรือต่ำก็ได้ กรณีเกิดน้ำท่วมก็ยกร้านให้สูงขึ้นได้ โดยเสียค่าใช้เพียงเล็กน้อย ส่วนโอกาสคืนทุน ก็ขึ้นอยู่กับทำเล ตั้งเป้าว่า เพียงแค่มีลูกค้าเข้ามาใช้บริการเพียงวันละ 7-8 คน ก็สามารถหาเงินจ่ายค่าเช่า และเพียงพอเป็นค่าใช้ภายในบ้านได้ ซึ่งการทำร้านเสริมสวยเป็นอาชีพที่ให้ตอบแทนค่อนข้างสูง เพราะใช้ฝีมือเป็นหลัก กำไรของร้านเสริมสวยทั่วไปขั้นต่ำประมาณ 70% และที่สำคัญไม่ต้องจดทะเบียนการค้า จึงไม่ต้องเสียภาษี ทำให้มีผู้สนใจเปิดร้านเสริมสวยกันเป็นจำนวนมาก และเป็นอาชีพที่มีการซื้อซ้ำ ถ้าฝีมือดี ก็จะเกิดการซื้อซ้ำอย่างต่อเนื่อง เพราะปัจจุบันการทำผมเป็นการเสริมบุคลิกภาพ และผู้หญิงส่วนใหญ่ต้องทำงานนอกบ้าน ต้องติดต่อกับผู้คน บุคลิกภาพความงามจึงเป็นเรื่องจำเป็น นอกจากร้านเสริมสวย ที่ผ่านมาบริษัทยังได้ทำร้านให้กับร้านสะดวกซื้อ ห้องสำนักงาน ต่างๆ และถ้าร้านค้าประเภทอื่นๆ สนใจ สามารถออกแบบร้านให้ได้เช่นกัน เพราะการทำร้านที่สามารถเคลื่อนย้ายได้ เป็นช่องทางหนึ่งในการลดความเสี่ยงในการหาทำเลที่ตั้ง และยังสามารถขอทำเรื่องกู้กับสถาบันการเงินได้เช่นเดียวกับสิ่งก่อสร้างทั่วๆไป โทร. 0-2748-9616-18 อ้างอิงจาก ผู้จัดการออนไลน์

Read More...


น้ำเต้าหู้ใบเตย เขียว ๆ หอม ๆ ขายง่าย

“น้ำเต้าหู้” เครื่องดื่ม-อาหารทานเล่นพื้น ๆ ที่กลายเป็นอาหารสุขภาพ ยุคนี้ก็ยังขายได้ และบางคนสามารถพัฒนาจนเป็นอาชีพที่สร้างรายได้อย่างดี อย่างรายที่ทีม “ช่องทางทำกิน” มีข้อมูลมาบอกต่อวันนี้...

ณัฐปภัทร์ อาขุบุตร หรือ เจี๊ยบ เจ้าของสูตร “น้ำเต้าหู้ใบเตย” เล่าว่า ก่อนหน้านี้ทำงานเป็นพนักงานบริษัท แต่รายได้ไม่เพียงพอกับรายจ่าย จึงต้องการหารายได้เพิ่ม ก็คิดที่จะขายน้ำเต้าหู้ในละแวกที่ทำงาน เพราะเห็นว่ามีหน่วยงานและบริษัทต่าง ๆ ที่มีคนทำงานมากพอสมควร รวมทั้งชาวบ้านแถวนั้นส่วนใหญ่เป็นคนจีน ซึ่งนิยมบริโภคน้ำเต้าหู้เป็นประจำอยู่แล้ว แต่เพื่อไม่ให้ซ้ำกับน้ำเต้าหู้แบบที่มีการทำขายกันทั่วไป จึงหาวิธีดัดแปลงเพื่อให้เกิดความแตกต่างขึ้น ก็มาสะดุดกับใบเตย คิดว่าถ้าใส่ใบเตยในน้ำเต้าหู้จะช่วยให้น้ำเต้าหู้กลิ่นหอม และมีสีเขียวแบบธรรมชาติ แล้วก็กลายเป็นจุดขายที่ดี กลายเป็น “น้ำเต้าหู้ใบเตย”

การทำน้ำเต้าหู้ใบเตย เจี๊ยบบอกว่า จะมีขั้นตอนการผลิตที่มากกว่าน้ำเต้าหู้ธรรมดา เพราะต้องเตรียมน้ำใบเตย ก่อนจะนำมาคั้นน้ำต้องล้างให้สะอาด นำมาปั่นและกรอง วิธีทำยุ่งยากกว่า แต่ก็คุ้มกับกลิ่นหอม น่ารับประทาน เมื่อทำน้ำเต้าหู้ใบเตยมาขายแรก ๆ ลูกค้าก็แปลกใจว่าทำไมน้ำเต้าหู้มีสีเขียวอ่อน ๆ และหอมมาก

นอกจากความหอม น่ารับประทาน ยังเหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบดื่มน้ำเต้าหู้เพราะไม่ชอบกลิ่นถั่วเหลือง แม้จะรู้ว่าถั่วเหลืองมีประโยชน์ต่อสุขภาพ แต่ไม่สามารถดื่มได้ ซึ่งเมื่อใส่ใบเตยก็สามารถดื่มได้ เนื่องจากกลิ่นหอมของใบเตยจะช่วยดับกลิ่นถั่วเหลืองที่ผู้บริโภคไม่ชอบ นี่ก็ถือว่าเป็นจุดขายของทางร้านด้วย

เช่นเดียวกับเครื่องสำหรับใส่ในน้ำเต้าหู้ คือ สาคู วุ้น ลูกเดือย ฟักทอง เม็ดแมงลัก ซึ่งสาคูกับวุ้นเป็นที่ชื่นชอบของลูกค้าเด็ก ๆ ส่วนลูกเดือย ฟักทอง เม็ดแมงลัก ต่างก็มีประโยชน์ ซึ่งผู้รักสุขภาพก็นิยมกันมาก โดยเฉพาะฟักทองของที่ร้านนั้นเป็นจุดเด่นเลยก็ว่าได้ ผู้บริโภคชอบมาก ซึ่งน้ำเต้าหู้ที่ทำขายทั่วไปส่วนใหญ่ไม่ค่อยใส่ฟักทองแบบนี้ เนื่องจากกรรมวิธีการทำค่อนข้างยุ่งยากและเสียเวลากว่าเครื่องประเภทอื่นๆ

ในการทำน้ำเต้าหู้ใบเตยขาย อุปกรณ์หลัก ๆ ก็มี... ถังต้ม, หม้ออะลูมิเนียม (ขนาด-จำนวนขึ้นอยู่กับปริมาณการทำ ), ผ้าขาวบาง (สำหรับกรองกาก), กระบวยตัก, ตะหลิว หรือไม้พายสำหรับคน, ตะแกรงสำหรับกรอง, ที่ตวงน้ำสแตนเลส ขนาด 1 ลิตร, ภาชนะใส่เครื่องผสม และเตาแก๊ส ที่เหลือก็เป็นอุปกรณ์เบ็ดเตล็ดอื่น ๆ

ส่วนวัตถุดิบที่ใช้ทำ... ถ้าใช้ถั่วเหลือง 1 กิโลกรัม จะใช้น้ำสะอาด 9 ลิตร, น้ำใบเตย ? ลิตร, น้ำตาลทรายแดง 1/2 กิโลกรัม, เกลือนิดหน่อย, น้ำตาลทรายขาว (ไว้เติมตอนขาย กะให้พอกับการขายแต่ละวัน)

ขั้นตอนการทำ และเคล็ดลับความอร่อยของ “น้ำเต้าหู้ใบเตย” ทางเจ้าของร้านบอกว่า อยู่ที่ขั้นตอนการทำ โดยเริ่มจากนำเมล็ดถั่วเหลืองไปแช่น้ำสะอาด 3 ชั่วโมง แล้วคัดถั่วเมล็ดเสียออก ให้สังเกตดูจากสีถั่ว ที่เสียจะมีเมล็ดสีน้ำตาลและนิ่ม เสร็จแล้วนำถั่วเหลืองเมล็ดดีไปล้างน้ำให้สะอาด 3-4 ครั้ง

เจี๊ยบเผยเคล็ดไม่ลับว่า ไม่ควรแช่ถั่วเหลืองเกิน 3 ชั่วโมง เพราะถ้าแช่เกินจากนี้จะทำให้เมล็ดถั่วคืนตัว เวลานำไปบดจะทำให้น้ำเต้าหู้เสียรูป และมีกากปน รสชาติจะไม่อร่อย

เอาถั่วที่ล้างสะอาดแล้วไปบดในเครื่องบด หรือเครื่องโม่ ซึ่งในการบดนั้นต้องเปิดน้ำหล่อเลี้ยงตลอดเวลา แล้วนำน้ำถั่วเหลืองที่ได้ไปกรองด้วยผ้าขาวบาง 3 ครั้ง จากนั้นก็นำไปต้มโดยใช้ไฟแรง พอเริ่มเดือดใส่น้ำใบเตยลงไป เมื่อน้ำถั่วเหลืองเดือด เคี่ยวต่อไป โดยลดมาใช้ไฟปานกลาง ระหว่างนั้นให้คนไปเรื่อย ๆ อีก 5 นาที จึงค่อยยกลงจากเตา เติมเกลือป่นครึ่งช้อนชา และน้ำตาล ชิมรสตามชอบ

และที่ขาดไม่ได้ก็คือ วุ้นสี, แมงลัก, ลูกเดือย, ฟักทอง และสาคู โดยวุ้นสีนั้น เจี๊ยบเลือกทำเองมากกว่าไปซื้อสำเร็จรูปตามท้องตลาด วิธีทำก็ไม่ยุ่งยาก นำน้ำตั้งบนเตาไฟ นำผงวุ้น 25 กรัมละลายในน้ำ 4 ลิตร ใส่น้ำหวานนิดหน่อยเพื่อเพิ่มสีสันให้สวยงามน่ารับประทาน เทน้ำที่ต้มเดือดแล้วลงในถาดสแตนเลส ใส่วุ้นที่เตรียมไว้ตามลงไป ใช้ช้อนคนให้ทั่วถาด รอให้เย็น วุ้นจะแข็งเป็นก้อน ใช้มีดตัดตามขนาดที่ต้องการ

เคล็ดลับความอร่อยของ “น้ำเต้าหู้ใบเตย” เจ้านี้ อยู่ที่ใช้ของสดใหม่ สะอาด ทำขายวันต่อวัน ไม่ค้าง แต่น้ำเต้าหู้ที่ขายนั้นลูกค้าซื้อไปแล้วก็สามารถเก็บไว้ในตู้เย็นได้นานประมาณ 1 สัปดาห์

เจี๊ยบบอกว่า อาชีพนี้สำหรับต้นทุนครั้งแรกลงทุนอุปกรณ์ประมาณ 30,000 บาท เป็นค่าอุปกรณ์ต่าง ๆ ส่วนในการขาย ราคาขายอยู่ที่ถุงละ 7 บาท ใส่เครื่องถุงละ 10 บาท โดยมีต้นทุนวัตถุประมาณ 60% ของราคา

ร้าน “น้ำเต้าหู้ใบเตย” ของเจี๊ยบอยู่ในกรุงเทพฯ ขายอยู่ที่หน้าธนาคารนครหลวง สวนมะลิ โดยเริ่มขายตั้ง 06.00 – 09.00 น. จันทร์ – ศุกร์ (หยุดเสาร์-อาทิตย์) อยากลองชิมแต่หาร้านไม่เจอก็สอบถามได้ที่ โทร.08-5979-0527 ส่วนใครจะลองนำสูตรไปฝึกทำขายบ้างก็อย่ารอช้า อาชีพนี้หากมีทำเลเหมาะสมยังไปได้สวย

คู่มือลงทุน...น้ำเต้าหู้ใบเตย

ทุนเบื้องต้น ประมาณ 30,000 บาท
ทุนวัตถุดิบ ประมาณ 60% ของราคา
รายได้ ราคาถุงละ 7 และ 10 บาท
แรงงาน 1 คนขึ้นไป
ตลาด ย่านอาหาร ออฟฟิศ ชุมชน
จุดน่าสนใจ ปัจจุบันมีคนนิยมทานทั่วไป

เชาวลี ชุมขำ :รายงาน
เดลินิวส์

Read More...


ข้าวมันไก่พันธ์ใหม่ 'ข้าวมันไก่พะโล้'



อาชีพ ค้าขายอาหารถ้าพลิกแพลงดัดแปลงพัฒนาเมนูใหม่ ๆ ให้เป็นทางเลือกใหม่ของลูกค้า อาจจะสร้างรายได้ให้กับผู้คิดค้นได้เป็นอย่างดี เหมือนผู้ที่คิดเมนู “ข้าวมันไก่พะโล้” และ “กวยจั๊บเป็ดพะโล้” ที่ทีม “ช่องทางทำกิน” ไปเสาะหาข้อมูลมานำเสนอให้ลองพิจารณากันในวันนี้...

สุวิทย์ พรรณราย หรือ หลวง แห่งร้านเป็ดดอนหวาย (ศิษย์วัดดอนหวาย) สาขาแยกสวนสมเด็จ เล่าว่า เป็นคนที่ชอบการทำอาหาร และทำงานเกี่ยวกับอาหารมาตั้งแต่สมัยยังเรียนไป-ทำงานไป โดยเริ่มจากเป็นพนักงานเสิร์ฟ ผู้ช่วยเชฟ อาศัยศึกษาจดจำ ไม่รู้ตรงไหนก็จะถาม จนพัฒนาฝีมือขึ้นเป็นเชฟ เคยทำงานหลายที่ และภายหลังก็ออกมาทำร้านอาหารเป็นของตัวเอง ซึ่งก็ได้รับการตอบรับดีจากลูกค้า อย่างไรก็ตาม ในยุคที่เจอปัญหาเรื่องพิษเศรษฐกิจราวปี 2540 ร้านอาหารที่ทำอยู่เริ่มไปไม่ไหว จนต้องปิดกิจการไป

“ในช่วงนั้นพอ ดีมีโอกาสได้ไปนมัสการเจ้าอาวาสวัดดอนหวาย และได้ยินว่าเป็ดที่นี่อร่อย จึงคิดจะเปิดร้านเป็ดวัดดอนหวายที่กรุงเทพฯ โดยใช้คำว่าศิษย์วัดดอนหวายต่อท้าย เพราะเห็นว่าที่กรุงเทพฯ ยังไม่มีใครเปิด”

ด้วยความที่มีฝีมือทางด้านการทำอาหารอยู่แล้วจึง ไม่ยากในการทำ    “เป็ดพะโล้” ซึ่ง เคล็ดลับที่สำคัญคือการ “ต้มให้มีความหอม-นุ่มอร่อย” หลังจากเปิดร้านก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ซึ่งนอกจากจะขายเป็ดพะโล้ ก๋วยเตี๋ยวเป็ด ยังคิดค้นเมนูใหม่ ๆ ออกมาให้ลูกค้ามีตัวเลือกมากขึ้น

เมนูล่าสุดของร้านนี้คือ “ข้าวมันไก่พะโล้” “กวยจั๊บเป็ด”

ข้าว มันไก่พะโล้ก็เปลี่ยนจากไก่ต้มมาเป็นไก่พะโล้ ส่วนกวยจั๊บเป็ดก็เปลี่ยนมาใช้เส้นกวยจั๊บแทนเส้นก๋วยเตี๋ยว เปลี่ยนจากหมูมาใช้เป็ด แต่ทั้ง 2 เมนูนั้นก็ยังสำคัญอยู่ที่การต้มไก่และเป็ดให้หอม-ให้เนื้อนุ่ม

วัตถุ ดิบที่ต้องใช้ในการต้มหรือตุ๋นนั้น แบ่งออกได้ดังนี้ พวกเครื่องยาจีนก็มี... โสมตังกุย 2 ขีด, ไม้หอม (อบเชย) 1/2 ขีด, โป๊ยกั๊ก 1 ขีด, เก๋ากี๊ 1/2 ขีด, ลูกจันทน์ 1/2 ขีด, เม็ดผักชี 1/2 ขีด พวกสมุนไพรไทยก็มี... ข่า 2 ขีด, ตะไคร้ 4-5 ต้น, กระเทียมกลีบเล็ก, ใบเตย, มะตูมอบแห้ง ส่วนเครื่องปรุงประกอบด้วย... ซีอิ๊วขาว, ซอสปรุงรส, น้ำมันหอย, ซีอิ๊วดำ, น้ำกระเทียมดอง, เกลือเม็ด, ผงพะโล้, เหล้าขาว

ขั้น ตอนการทำ... เริ่มจากนำไก่หรือเป็ดไปล้างทำความสะอาด โดยต้องล้างให้สะอาดจริง ๆ เอามันที่ติดอยู่บริเวณก้นของไก่และเป็ดออกให้หมด เลือดที่อยู่ภายในตัวไก่และเป็ดก็ต้องล้างออกให้เกลี้ยง เพราะถ้าล้างออกไม่สะอาดเวลา ต้มออกมาแล้วจะทำให้มีกลิ่นสาบ และทำให้ไก่และเป็ดนั้นเสียเร็วด้วย

หลังจากล้างทำความสะอาดเรียบ ร้อยแล้ว ก็เตรียมน้ำสำหรับตุ๋น โดยตั้งน้ำ นำสมุนไพรจีนทั้งหมด และสมุนไพรไทยบางตัวคือกระเทียมกลีบทุบพอแตกและมะตูมอบแห้ง ใส่รวมลงไปในห่อผ้าขาวบาง มัดปากห่อให้เรียบร้อย ใส่ลงไปต้ม ส่วนข่าและตะไคร้ให้ทุบพอหยาบ และใบเตยจับมัดให้เป็นกอ ใส่ตามลงไป

จาก นั้นปรุงรสด้วยเครื่องปรุงทั้งหมด ยกเว้นน้ำมันหอยและผงพะโล้ ใช้ไฟแรงต้มจนน้ำเดือดจัด แล้วก็ใส่น้ำมันหอยและผงพะโล้ลงไปคนให้ละลายเข้ากันกับน้ำ จากนั้นก็ลดไฟลงมาให้อยู่ในระดับปานกลาง ใส่ไก่หรือเป็ดลงไปตุ๋นโดยจับเวลาด้วย ถ้าเป็นไก่ก็ใช้เวลาประมาณ 45 นาที ส่วนเป็ดเนื้อเหนียวกว่าใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง เท่านี้ก็จะได้ไก่และเป็ดไว้สำหรับทำข้าวมันไก่พะโล้และกวยจั๊บเป็ด

ตาม สัดส่วนที่ว่ามาข้างต้นสามารถตุ๋นไก่หรือเป็ดได้ประมาณ 5 ตัว ต้นทุนในส่วนของเป็ดตัวละประมาณ 270 บาท ขณะที่ไก่ตัวละประมาณ 190 บาท

สำหรับ การทำ “น้ำซุปก๋วยเตี๋ยว-กวยจั๊บ” นั้น ก็ใช้เครื่องปรุงและเครื่องเทศยาจีนและสมุนไพรไทยเหมือนการทำน้ำตุ๋น เพียงแต่ถ้าทำน้ำซุปก๋วยเตี๋ยวไม่ต้องใส่เหล้าขาว

การหุง “ข้าวมัน” ใช้กระเทียม กลีบเล็กมาปั่นกับน้ำมันพืชให้ละเอียด จากนั้นก็นำไปเจียวพอให้กระเทียมหอม นำข้าวสารไปล้างซาวน้ำให้สะอาด นำกระเทียมที่เจียวไว้, เกลือผง, น้ำตาลทราย, ผงปรุงรส ลง คลุกเคล้ากับข้าวจนละลายเข้ากัน จากนั้นเติมน้ำใส่ใบเตย แล้วนำไปหุงให้สุก

“ข้าวมันไก่พะโล้” ขายจานละ 30 บาท ส่วน “กวยจั๊บเป็ด” ชามละ 35 บาท ต้นทุนประมาณไม่เกิน 70%

ใคร สนใจ “ข้าวมันไก่พะโล้-กวยจั๊บเป็ดพะโล้” รวมถึง ก๋วยเตี๋ยวเป็ด-เป็ดพะโล้ ของร้านเป็ดดอนหวาย (ศิษย์วัดดอนหวาย) สาขาแยกสวนสมเด็จ ร้านนี้อยู่ใกล้แยกสวนสมเด็จ ถ้ามาจากดอนเมือง พอถึงแยกสวนสมเด็จก็เลี้ยวขวา แล้วไปกลับรถ ร้านอยู่ข้างทางซ้ายมือ สอบถามเส้นทาง โทร. 08-5963-2284.


Read More...


7 วิธีมีเงินใช้ยามเกษียณ

เมื่อวันนั้นได้มาถึงคงเป็นเรื่องธรรมดาที่เราจะต้องกังวลใจ ถึงเรื่องชีวิตความเป็นอยู่หลังเกษียณ ซึ่งจะเป็นอย่างไรนั้น เงิน เป็นปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งของการสร้างความสุขให้กับชีวิตหลังเกษียณได้ ลองมาดูกันว่ามีวิธีใดบ้างที่จะช่วยให้ผู้เกษียณได้มีเงินพอให้จับจ่ายใช้สอยได้อย่างราบรื่น

วางแผนการเงิน

โดยการจัดสรรรายได้และรายจ่ายให้เพียงพอกัน แล้วทำการสำรวจทบทวนสถานการเงินของตนเอง พร้อมทั้งประเมินรายได้และรายจ่ายในแต่ละปีว่ามีแนวโน้มจะเป็นอย่างไร พร้อมทั้งมีการบันทึกบัญชีอย่างสม่ำเสมอ

วางแผนเรื่องที่พักอาศัย

เมื่อเกษียณแล้ว หากมีบ้านและอาศัยอยู่เพียงลำพังทำให้ต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายมาก การขายบ้านหรือเปิดให้เช่า ก็เป็นหนทางสร้างรายได้ประจำเดือนได้ทางหนึ่ง แล้วย้ายไปพักอาศัยอยู่กับลูกหลานที่มีความพร้อม หรือย้ายไปอยู่ต่างจังหวัด ก็คงจะได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดีต่อสุขภาพและครองชีพก็ต่ำกว่าด้วย

ลดภาระค่าธรรมเนียมต่างๆ

เช่น บัตรเครดิต หากจำเป็นต้องใช้ก็ควรเลือกเฉพาะบัตรที่ไม่ต้องชำระค่าธรรมเนียม ส่วนบัตรที่ต้องชำระค่าธรรมเนียมและไม่มีความจำเป็นต้องใช้แล้ว ให้แจ้งยกเลิก

เลือกธนาคารและบัญชีที่จะฝากเงิน

ผู้เกษียณมักเลือกฝากเงินไว้กับธนคาร จึงควรศึกษาข้อมูลของบัญชีเงินฝากประเภทต่างๆของแต่ละธนาคาร และเลือกฝากเงินกับบัญชีประเภทที่ให้ผลตอบแทนดีที่สุด

งานพิเศษเพิ่มรายได้

การทำงานพิเศษตามความถนัดจะช่วยเพิ่มรายได้และยังเป็นการคลายเหงาที่ดีอีกด้วย หรือบางคนที่พอมีกำลังทรัพย์และกำลังกาย อาจจะลงทุนเปิดกิจการเล็กๆของตนเองก็ได้แต่ต้องคิดให้รอบคอบเสียก่อน

ใช้สิทธิประโยชน์ของการเป็นผู้สูงอายุ

เช่น สวัสดิการลดราคาสำหรับผู้สูงอายุ เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย

มองหาการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนเป็นที่พอใจและเหมาะสมกับตนเอง

ผู้ที่ได้ออมเงินไว้ในการลงทุนประเภทต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ กบข. เมื่อเกษียณอายุก็จะได้รับเงินก้อนไว้ใช้ หรืออาจแบ่งเงินส่วนหนึ่งไปลงทุนต่อในลักษณะที่มีความเสี่ยงไม่มากนักและให้ผลตอบแทนคงที่ เช่น พันธบัตร หรือลงทุนต่อกับกองทุนรวมเพื่อการเกษียณอายุก็ได้

เคี้ยวนาน ฉลากมาก

การเคี้ยวมากจะช่วยให้สมองปราดเปรียวมากขึ้นนักการเมืองชาวอังกฤษท่านหนึ่งเคยกล่าวไว้ว่า อาหาร 1 คำต้องเคี้ยวอย่างน้อย 3-12 ที ไม่ว่าอาหารนั้นจะอ่อนแค่ไหนก็ตาม ถ้าคุณไม่มีความอดทนขั้นนี้ ก็อย่าไปหวังว่าจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่ได้ มีอาจารย์ท่านหนึ่งป่วยเป็นโรคกระเพาะอาหารมานานมาก แต่หลังจากทดลองเคี้ยวอาหาร คำละ 100 ที เขาสามารถหายจากโรคกระเพาะอาหารได้ในเวลา 1 สัปดาห์ การเคี้ยวอาหารมิเพียงเกี่ยวกับสุขภาพเท่านั้น ยังเกี่ยวกับสมรรถนะของสมองด้วย การเคี้ยวอาหารจะกระตุ้นให้ต่อมน้ำลาย และต่อมใต้หู หลั่งฮอร์โมนออกมา ขณะเดียวกันการเคี้ยวซึ่งทำให้ฟันล่างกระทบกันก็จะกระตุ้นสมองใหญ่ด้วย การกระตุ้นนี้จะทำให้สมองใหญ่ปราดเปรียวยิ่งขึ้นเพิ่มพลังการวินิจฉัย การขบคิด และสมาธิได้

ผลที่ได้จากการเคี้ยวอาหาร

เคี้ยวอาหาร 30 ที ผลที่ได้คือ เหงือกแข็งแรง ช่วยรักษาอาการหงุดหงิด ใจไม่สงบ

เคี้ยวอาหาร 50 ที ผลที่ได้คือ ช่วยลดอาการกลัดกลุ้ม เจ้าอารมณ์ ช่วยให้ลืมเรื่องที่ไม่น่าอภิรมย์ได้ ลดความอ้วนได้เนื่องจากไม่มีส่วนผสมของน้ำที่เกินจำเป็นถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย

เคี้ยวอาหาร 100 ที ผลที่ได้คือ ช่วยให้เป็นคนหนักแน่นมากขึ้น สามารถวินิจฉัยและจัดการกับปัญหาต่างฟ ได้อย่างสงบเยือกเย็น กินน้อยแต่ร่างกายดูดซึมสารอาหารได้มากนอกจากนี้ยังช่วยลดการอยากอาหารประเภทเนื้อได้ด้วย

เคี้ยวอาหาร 200 ที ผลที่ได้คือ จะหายจากโรคกระเพาะเรื้อรังและโรคกระเพาะเป็นแผลได้อย่างรวดเร็ว ช่วยให้สามารถคาดการณ์และวินิจฉัยปัญหาต่างๆ ได้แม่นยำมากขึ้น

ข้อมูลข่าวจาก : กรมการจัดหางาน / ผู้ลงประกาศ : สำนักงานจัดหางานจังหวัดลพบุรี
http://122.154.5.7/lopburi/labor/labor.asp?hot_noticeid=83

Read More...


สูตรอาหารไทย : ต้มยำกุ้ง อาชีพเสริม

สูตรอาหารไทย : ต้มยำกุ้ง

[ SPICY SOUP WITH PRAWN AND LEMON GRASS ]
เครื่องปรุง + ส่วนผสม

* กุ้งขนาดกลาง 12 ตัว (ปอกเปลือก, ทำความสะอาด)
* เห็ดฟาง 10 อัน
* ตะไคร้ 1 กำ (ทุบให้แหลกและหั่นเป็นท่อนยาวประมาณ 2")
* ใบมะกรูด 3 ใบ
* เกลือ 1 ช้อนชา
* น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
* น้ำมะนาว 3 ช้อนโต๊ะ
* พริกขี้หนู 6 เม็ด (ทุบพอให้แหลก)
* น้ำสะอาด 4 ถ้วยตวง
* ผักชี 1/2 ถ้วยตวง (หั่นหยาบ)



สมุนไพรไทย : ตะไคร้
อาหารไทย : ต้มยำกุ้ง
วิธีทำทีละขั้นตอน
1. ปอกเปลือกกุ้งออก เหลือหางไว้ (เพื่อความสวยงามเมื่อปรุงเสร็จ) จากนั้นหั่นด้านหลังกุ้งเพื่อเอาเส้นเลือดสีดำออก เสร็จแล้วนำเห็ดฟางไปล้างให้สะอาด หั่นเป็น 4 ส่วนและนำไปผึ่งให้แห้ง
2. นำน้ำเปล่าไปต้มในหม้อ จากนั้นใส่ตะไคร้, ใบมะกรูด และกุ้ง เมื่อสีกุ้งเริ่มเปลี่ยนเป็นสีชมพู (เริ่มสุก) ใส่เห็ดที่หั่นไว้แล้วและเกลือ
3. หลังจากน้ำเดือดแล้วปิดไฟ และ้นำหม้อออกมาจากเตา ปรุงรสด้วยน้ำปลา, น้ำมะนาว และพริกขี้หนู เมื่อปรุงรสเสร็จตักเสิรฟในถ้วย ตกแต่งด้วยผักชีและเสิรฟทันที พร้อมด้วยข้าวสวยร้อนๆ
(สำหรับ 2 ท่าน)

สามารถทำเป็นอาชีพเสริมได้นะครับ
ขอบคุณที่มา
http://www.ezythaicooking.com/free_recipes/Spicy-soup-with-prawn-and-lemon-grass_th.html

Read More...




----------------

ปรับปรุง
รายการบทความทั้งหมด



การบำรุงรักษารถยนต์เบื้องต้น



ร้านค้าเคลื่อนที่ ใช้ รถบรรทุกขนาดเล็กมาดัดแปลง



รวมบทความอาชีพ เสริม หลากไอเดียวิธีหารายได้เสริม



รวมบทความงานฝีมือ-สิ่งประดิษฐ์ รายได้เสริม



ทองม้วน thong muan ; rolled wafer





MASK รุ่นสายคล้องคอ







MASK รุ่นสายคล้องคอ. ��รุ่นนี้เป็นที่นิยมใช้กันมาก #ขายดีมาก
ทำจากผ้าคอตตอนแท้ 100%  ไม่ผสม เนื้อผ้านุ่ม 
3 ชั้น. สวมใส่พอดีกับใบหน้า ไม่เจ็บหู มีสายคล้องคอปรับได้
เวลาถอดออก ไม่ต้องกลัวลืม เพราะถอดแล้วคล้องคอไว้ได้
บรรจุในถุงซิปฟรอย์อย่างดี
ราคาชิ้นละ. 59. บาท. ไม่รวมส่ง 
มีหลายสีให้เลือกนะคะ   สนใจทักแชทขอดูสีผ้าได้นะคะ
หน่วยงาน บริษัท ห้างร้าน หรือ สนใจสั่งไปจำหน่าย 
มีเรทราคาส่งค่ะ

-> id line : noeyhorm_06
#มีวางจำหน่ายหน้าร้านชานมไต้หวันมาราชาสาขาจรัญ44


ร้านมาราชาชานมไข่มุก สาขาจรัญสนิทวงศ์ 44
● รับบัตรสะสมครบ 10 แก้ว แลกรับฟรี 1 แก้ว
● สั่งเดลิเวอรีผ่าน LINE MAN, Foodpanda ,GET ...ถึงมือปั๊บพร้อมดื่มปุ๊บ!
● อัพเดทโปรโมชั่นใหม่ๆ รสชาติใหม่ ตลอดเวลา
● มีเมนูให้เลือก 40 กว่าเมนู : https://bit.ly/2Z9iqV0






























































เลือกช่องทางติดต่อและรับข่าวสารบริการหลังการขาย
ฟอร์ด พลปิยะอยุธยาและฟอร์ด พลปิยะวังน้อย

--------------------------------------------------------------------------------------------
แคมเปญ-โปรโมทชั่น อะไหล่ฟอร์ด อัพเดททางออนไลน์และปรับปรุงข้อมูลออนไลน์
อะไหล่ฟอร์ด อะไหล่รถฟอร์ด อะไหล่รถยนต์ฟอร์ด อะไหล่ฟอร์ดแท้ ร้านขายอะไหล่รถฟอร์ด ขายอะไหล่รถฟอร์ด อะไหล่ฟอร์ด
 
Option

รวมบทความอาชีพเสริม หลากไอเดียวิธีหารายได้เสริม หาอาชีพเสริมอิสระทำเงิน สร้างอาชีพอิสระงานฝีมือ แนะนำการสร้างรายได้เสริมทำเงินด้วยการขายสินค้าหรือขายของเป็นอาชีพเสริม อิสระงานฝีมือ แนะแนวธุรกิจ อาชีพเสริม อาชีพแก้จน อยากจะมีรายได้เสริมนอกเหนือจากงานประจำ บล๊อกจัดทำขึ้นเป็นวิทยาทานเพื่อเผยแผ่ความรู้อันจะเป็นไปเพื่อบุญกุศล ขอให้ทุกท่านที่มีส่วนร่วมในบทความของบล๊อกนี้ จงได้รับอานิสงฆ์ด้วยเทอญ.