สูตรขนม สูตรอาหาร อาชีพรายได้เสริม ประกาศฟรี โฆษณาฟรี Career Articles Extra Income
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

Drop Down MenusCSS Drop Down MenuPure CSS Dropdown Menu

“ขนมจีนบ้านผู้การ” สูตรโบราณ รสทีเด็ด

บรรยากาศภายในร้านขนมจีนบ้านผู้การ
       จะทำการทำงานอะไรสมัยนี้ใครก็ว่าจะต้องมีเส้นไว้ก่อนเป็นดี แต่ “ผ่านมาแวะกิน” ก็ไม่รู้จะไปหาเส้นใหญ่เส้นโตได้ที่ไหน ที่พอจะหาได้ก็คงเป็นเส้นขนมจีนที่จะพาไปลองชิมกันในมื้อนี้
      
       เส้นขนมจีนที่ว่านี้อยู่ที่ร้าน “ขนมจีนบ้านผู้การ” ในละแวกบางลำพู ที่ตั้งขึ้นโดย พันเอกพิเศษรังสรรค์ สุขสโมสร โดยนำสูตรขนมจีนแบบโบราณมาจากคุณแม่มาปรุงให้ลูกค้าได้ชิมกัน ซึ่งภายในร้านก็มีให้ชิมทั้งขนมจีนน้ำพริก น้ำยา ซาวน้ำ และแกงเขียวหวาน รวมถึงยังมีอาหารไทยๆ เมนูอื่นอีกด้วย
ขนมจีนซาวน้ำ
       ส่วนการตกแต่งร้านนั้นก็เน้นในแนวธรรมชาติ สบายตาและนั่งสบาย มีให้เลือกทั้งชั้นล่าง และชั้นบนที่เป็นห้องปรับอากาศ และยังมีมุมกาแฟสดให้บริการกับลูกค้าด้วย
      
       มาลองชิมเมนูเส้นๆ กันดีกว่าเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เราเลือกสั่ง ขนมจีนซาวน้ำ (40 บาท) ที่เป็นสูตรแบบโบราณ คือนอกจากจะมีเครื่องเคราต่างๆ วางคู่มากับเส้นขนมจีนแป้งหมัก ทั้งสับปะรด กุ้งแห้งป่น ขิงซอย กระเทียมซอย และพริกขี้หนูซอยแล้ว ก็ยังใส่แจงลอนปลากราย ที่ใช้เนื้อปลากรายล้วนๆ มานวดพร้อมกับปรุงรส แล้วปั้นเป็นลูกๆ นำลงไปต้มจนสุกในน้ำกะทิ แล้วตักแจงลอนขึ้นมาเสิร์ฟพร้อมกับเครื่องเคียงอื่นๆ ราดด้วยหัวกะทิ เทคนิคในการกินให้อร่อยก็ต้องคลุกเคล้าส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน พอลองชิมแล้วแจงลอนนุ่มเด้ง ส่วนตัวขนมจีนนั้นได้รสหอมมัน ได้ความเปรี้ยวหวานจากสับปะรด ความเค็มเล็กน้อยจากกุ้งแห้ง และความเผ็ดจากขิงและพริกขี้หนู
ขนมจีนน้ำพริก
       เมนูถัดมา คือ ขนมจีนน้ำพริก (40 บาท) ทางร้านใช้ถั่วทองคั่วมาต้มแล้วผสมกับเนื้อกุ้งสดที่บดแล้ว นำมาเคี่ยวรวมกัน ใส่หอมแดง กระเทียม แล้วปรุงให้ออกสามรส ทั้งเปรี้ยว หวาน เค็ม จากนั้นก็โรยหน้าด้วยหอมทอด และกระเทียมเจียว ลองชิมน้ำพริกจะได้รสชาติแบบสามรส ที่ความเปรี้ยวเป็นเอกลักษณ์มาจากน้ำมะกรูด น้ำมะนาว และน้ำมะขามเปียก กินคู่กับผักเรื่องเคียงอย่าง ถั่วฝักยาวต้ม ผักบุ้งต้ม และหัวปลีซอย ก็เข้ากันเป็นอย่างดี
ขนมจีนน้ำยา
       ตามมาด้วยอีกหนึ่งเมนูเส้น ขนมจีนน้ำยา (40 บาท) ที่ตัวน้ำยาจะใช้เนื้อปลาช่อนมาต้มกับสมุนไพรเพื่อไม่ใช้คาว จากนั้นก็แกะมาใช้แต่เฉพาะเนื้อ นำลงไปต้มกับน้ำกะทิ ใส่พริกแกงที่ทางร้านโขลกขึ้นมาเอง โดยใช้กระชาย พริก หอมแดง และกระเทียม นำไปต้มแล้วโขลกให้ละเอียด ก่อนจะนำมาใส่น้ำกะทิที่ต้มกับเนื้อปลา จากนั้นก็ปรุงรส ตักราดมาเสิร์ฟพร้อมกับผักต่างๆ อาทิ ใบแมงลัก ถั่วงอกลวก กะหล่ำปลี ถั่วฝักยาว และผักกาดดอง ลองชิมน้ำยารสชาติเข้มข้นแต่กลมกล่อม ไม่เผ็ดมากเกินไป
ข้าวผัดปลาสลิด
       นอกจากเมนูเส้นๆ แล้ว ก็ลองมาชิมอาหารไทยจานอื่นดูบ้าง อย่างเช่นเมนูนี้ ข้าวผัดปลาสลิด (50 บาท) ที่ใช้ข้าวหอมมะลิมาผัดกับหอมแดงซอยและพริกขี้หนู จากนั้นก็ปรุงรสเล็กน้อย ส่วนปลาสลิดแกะเอาแต่เนื้อแล้วนำไปทอดจนกรอบ ก่อนจะวางมาบนข้าวที่ผัดเสร็จแล้ว เสิร์ฟพร้อมกับแตงกวาและมะนาวหั่นเป็นชิ้น ลองชิมข้าวผัดรสชาติกลมกล่อมดี เข้ากับปลาสลิดกรอบที่เค็มเล็กน้อย ส่วนถ้าใครที่ชอบรสชาติจัดจ้านก็บีบมะนาวเพิ่มเติมลงไปได้ตามชอบ
ห่อหมกเนื้อปลา
       ปิดท้ายกับเมนู ห่อหมก (เนื้อปลา 35 บาท พุงปลา 45 บาท) ทางร้านใช้ปลาช่อนมากวนกับพริกแกงที่โขลกเอง นำมาห่อใส่ใบตองที่รองด้วยกะหล่ำปลี โหระพา หรือใบยอ จากนั้นก็นำไปนึ่งด้วยเตาถ่าน ลองชิมห่อหมกก็ได้รสกลมกล่อมหอมมัน เครื่องพริกแกงไม่เผ็ดมาก และยังได้เนื้อปลาแบบเต็มคำ
      
       แต่ถ้าหากใครที่ยังไม่อิ่ม ทางร้านก็ยังมีเมนูแนะนำอื่นๆ ที่น่ามาลองลิ้มกันอีก อาทิ ข้าวหมูทอดน้ำมันหอย (40 บาท) แกงเขียวหวานไก่ (40 บาท) แกงเขียวหวานหมูพริกขี้หนู (40 บาท) หมี่กรอบ (60 บาท) และ ลอดช่อง (15 บาท) เป็นต้น
      
       ใครอยากจะมาเพิ่มเส้นอร่อยแบบนี้ให้กับกระเพาะของตัวเอง ก็ตรงกันมาได้ที่ร้าน “ขนมจีนบ้านผู้การ” รับรองว่าจะต้องอิ่มท้องกับขนมจีนอร่อยๆ อย่างแน่นอน
      
  รายละเอียดและแผนที่การเดินทางไปยังร้าน "ขนมจีนบ้านผู้การ"
      
       ร้าน “ขนมจีนบ้านผู้การ” ตั้งอยู่ที่ 147/20 ถ.ไกรสีห์ แขวงตลาดยอด เขตพระนคร กทม. การเดินทางจากเทเวศร์ ให้ตรงมาบนถนนสามเสน จนถึงสี่แยกบางลำพูแล้วตรงมาอีกเล็กน้อย สังเกตจะมีซอยทางซ้ายมือ ให้เลี้ยวเข้าถนนไกรสีห์ แล้วตรงมาเรื่อยๆ จนเกือบสุดถนน ให้สังเกตทางขวามือร้านจะตั้งอยู่ริมถนน มีป้ายให้เห็นชัดเจน บริเวณหน้าร้านไม่มีที่จอดรถ แต่สามารถจอดได้ที่จอดรถของกทม. ฝั่งตรงข้าม (เสียค่าบริการ) ร้านเปิดวันอังคาร-อาทิตย์ (หยุดวันจันทร์) เวลา 10.00-16.00 น. โทร. 0-2280-7111, 0-2629-5745
       ชื่อร้าน : ขนมจีนบ้านผู้การ
      
       ประเภทอาหาร : อาหารจานเดียว
      
       เมนูจานเด่น : ขนมจีนน้ำยา ขนมจีนน้ำพริก ขนมจีนซาวน้ำ ข้าวผัดปลาสลิด
      
       บรรยากาศร้าน : ตกแต่งแบบธรรมชาติ
      
       ที่ตั้ง และการเดินทาง : ตั้งอยู่ที่ 147/20 ถ.ไกรสีห์ แขวงตลาดยอด เขตพระนคร กทม. การเดินทางจากเทเวศร์ ให้ตรงมาบนถนนสามเสน จนถึงสี่แยกบางลำพูแล้วตรงมาอีกเล็กน้อย สังเกตจะมีซอยทางซ้ายมือ ให้เลี้ยวเข้าถนนไกรสีห์ แล้วตรงมาเรื่อยๆ จนเกือบสุดถนน ให้สังเกตทางขวามือร้านจะตั้งอยู่ริมถนน มีป้ายให้เห็นชัดเจน
      
       สถานที่จอดรถ : บริเวณหน้าร้านไม่มีที่จอดรถ แต่สามารถจอดได้ที่จอดรถของกทม. ฝั่งตรงข้าม (เสียค่าบริการ)
      
       เวลาเปิด-ปิด : เปิดวันอังคาร-อาทิตย์ (หยุดวันจันทร์) เวลา 10.00-16.00 น.
      
       เบอร์โทรศัพท์ : โทร. 0-2280-7111, 0-2629-5745

ขอขอบคุณเจ้าของบทความ :โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

Read More...


“บะหมี่หัวโต” เหนียวนุ่ม เด้งสด รสเด็ดโดนใจ

   โดย : ผ่านมาแวะกิน (travel_astvmgr@hotmail.com)
บรรยากาศที่นั่งภายในร้านบะหมี่หัวโต
       ร้านอาหารอร่อยๆ ที่ขายกันมาอย่างยาวนานในกรุงเทพฯ ของเรานั้นก็มีอยู่หลากหลายร้าน ซึ่งระยะเวลาในการขายที่ยาวนานและยังมีลูกค้าแวะเวียนกันไปอย่างไม่ขาดสาย นั้นก็เป็นเครื่องรับประกันได้ถึงความอร่อยถูกปาก อย่างเช่นร้านที่ “ผ่านมาแวะกิน” จะพาไปลองชิมกันในวันนี้ ก็เปิดขายกันมากว่า 40 ปีแล้ว และยังคงเป็นร้านที่ขึ้นชื่อในเรื่องของบะหมี่ในย่านศรีย่าน
      
       ร้านนี้มีชื่อว่า “บะหมี่หัวโต” ที่มีความโดดเด่นอยู่ที่เส้นบะหมี่ที่ไม่เหมือนร้านไหนๆ คือ จะเป็นบะหมี่เส้นใหญ่ กลม เด้ง ที่ทางร้านทำเองสดๆ ชั่วโมงต่อชั่วโมง มีส่วนผสมของแป้ง ไข่ไก่ และน้ำ โดยไม่ได้ใส่สี หรือสารกันบูดลงไป ส่วนกรรมวิธีการทำก็ยังใช้มือนวดแป้งให้ได้ที่ ก่อนจะใช้เครื่องมาตัดเป็นเส้นๆ
บะหมี่เกี๊ยวแห้งหมูแดงหมูกรอบ
       มาลองชิมเมนูอร่อยของร้าน บะหมี่เกี๊ยวแห้งหมูแดงหมูกรอบ (40 บาท พิเศษ 45 บาท) ที่ใช้เส้นบะหมี่ที่ทางร้านทำเอง ส่วนตัวเกี๊ยวนั้นก็ใช้แป้งแบบเดียวกับที่ทำเส้นบะหมี่มาทำเป็นแผ่นแล้วใส่ ไส้หมูบดปรุงรส หมูแดงจะเลือกใช้สะโพกหมูมาหมักกับเครื่องเทศต่างๆ ทิ้งไว้ข้ามคืนจากนั้นก็นำมาย่าง ส่วนหมูกรอบจะใช้สามชั้นที่มีเนื้อเยอะมาหมัก ก่อนจะนำไปต้ม แล้วทอดถึงสองครั้ง จากนั้นก็จะนำไปย่าง และอีกหนึ่งความพิเศษของจานนี้ก็คือ จะใส่กระเทียมเจียว ซึ่งเป็นกระเทียมที่ตากแห้งแล้วนำมาเจียวพร้อมกับใส่เครื่องปรุงรสลงไปด้วย ชิมเมนูนี้ได้รสบะหมี่ที่นุ่มเด้ง เกี๊ยวนุ่มเต็มปากเต็มคำ หมูแดงไม่หวานมาก หมูกรอบเนื้อนุ่มหนังกรอบ
ข้าวซี่โครงหมูอบ
       จากนั้นมาชิม ข้าวซี่โครงหมูอบ (30 บาท) ที่ใช้ข้าวหอมมะลิหุงสุกร้อนๆ ราดด้วยซี่โครงหมูอ่อนที่นำมาหมักกับเครื่องเทศจีน ก่อนจะนำไปตุ๋นจนเปื่อยถึง 4 ชั่วโมง และเสิร์ฟมาพร้อมกับคะน้าฮ่องกงลวก ลองชิมแล้วซี่โครงหมูเปื่อยนุ่มละลายในปาก น้ำราดที่ได้จากการตุ๋นซี่โครงก็หวานหอมดี คะน้าฮ่องกงกรอบๆ กินคู่กันเพิ่มรสชาติ
      
       และมาถึงเมนู กระเพาะปลา (30 บาท พิเศษ 40 บาท) ทางร้านใช้กระเพาะปลาแท้ๆ มาล้างและต้มหลายเที่ยว ทำให้ไม่คาว ไม่มัน ส่วนตัวน้ำซุปนั้นต้มแยกกันต่างหาก เป็นกระเพาะปลาสไตล์จีนที่ใส่ทั้งเลือด น่องไก่ หน่อไม้ เห็ดหอม และไข่นกกระทา ซึ่งเวลาจะเสิร์ฟนั้นถึงจะนำน้ำซุป กระเพาะปลา และเครื่องเคราต่างๆ มาปรุงผสมกัน กระเพาะปลาชามนี้หอมกรุ่น รสชาติกลมกล่อมแบบไม่ต้องปรุงเพิ่ม แต่ถ้าใครที่ชอบให้มีรสชาติจัดจ้านขึ้น จะเติมจิ๊กโช่วลงไปอีกเล็กน้อยก็ยังได้
กระเพาะปลา
       ส่วนเมนูกินเล่นที่ร้านนี้ก็มีให้ลองชิม อย่างเช่น ปอเปี๊ยะสด (20 บาท) ที่จะใช้แผ่นแป้งปอเปี๊ยะมาห่อกับไส้ที่ใส่มาทั้งหมูตั้ง กุนเชียง เต้าหู้พะโล้ ถั่วงอก แตงกวา และไข่เจียว ส่วนน้ำราดจะเป็นสไตล์จีนที่มีส่วนผสมของน้ำมะขามเปียก น้ำกะทิ พริกไทย และเครื่องเทศจีน นำมาเคี่ยวรวมกันหลายชั่วโมงเพื่อให้ได้น้ำราดที่เหนียวข้น ชิมปอเปี๊ยะสดได้รสหวานๆ เค็มๆ หอมเครื่องเทศจีน
ปอเปี๊ยะสด
       ส่วนอีกเมนูหนึ่งที่ลองชิมก็คือ ปอเปี๊ยะทอดและถุงทอง (20 บาท) เริ่มจากปอเปี๊ยทอดที่นำแป้งปอเปี๊ยะมาห่อกับไส้วุ้นเส้น ผสมกับหมูสับและผักรวม ก่อนจะนำไปทอด ส่วนถุงทองจะใส่ไส้ ข้าวโพด แครอท ถั่วลันเตา และหมูสับ จากนั้นก็นำไปทอดให้เหลืองกรอบ ชิมทั้งสองอย่างนั้นกรอบนอกนุ่มใน จิ้มกับน้ำจิ้มหวานที่ทางร้านเคี่ยวเอง ซึ่งจะได้รสหวานอมเปรี้ยวนิดๆ จากบ๊วย ซึ่งหากใครอยากจะกินปอเปี๊ยะทอด หรือถุงทองเพียงอย่างเดียว ก็สามารถสั่งแยกเป็นจานๆ ก็ได้ หรือจะสั่งรวมกันมาในจานเดียวแบบเราก็ไม่ว่ากัน
      
       หรือถ้าใครอยากลองเมนูอื่นๆ ก็แวะเวียนมาลิ้มชิมรสกันได้ทั้ง บะหมี่หมูแดงแห้ง/น้ำ (25 บาท พิเศษ 30 บาท) เกี๊ยวหมูกรอบแห้ง/น้ำ (30 บาท พิเศษ 35 บาท) ข้าวหมูแดงหมูกรอบ (30 บาท พิเศษ 35 บาท) ข้าวไก่ย่างเทริยากิ (30 บาท) เป็นต้น นักกินคนไหนที่ชื่นชอบบะหมี่เหนียวนุ่มรสชาติถูกปากแบบนี้ ก็ต้องไปลองชิมกันที่ร้าน “บะหมี่หัวโต”
ปอเปี๊ยะทอดและถุงทอง
       * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
      
       ร้าน “บะหมี่หัวโต” ตั้งอยู่ที่ 436/28 ถ.นครไชยศรี แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กทม. การเดินทางจากถนนนครไชยศรี ให้วิ่งตรงมาทางตลาดศรีย่าน จนถึงสี่แยกให้เลี้ยวซ้าย แล้ววิ่งมาอีกประมาณ 100 เมตร สังเกตทางซ้ายมือจะมีทางเข้าห้างท็อป ซุปเปอร์มาร์เก็ต ให้เลี้ยวเข้าไป ร้านบะหมี่หัวโตจะอยู่ด้านหลังห้าง สามารถจอดรถได้บริเวณที่จอดรถของห้าง (เสียค่าจอด) ทางร้านรับออกงาน รับทำอาหารกล่อง และมีบริการเดลิเวอรี่ (คิดค่าส่งตามระยะทาง) ร้านเปิดทุกวัน เวลา 10.00-21.00 น. (มีวันหยุดเดือนละ 2-3 ครั้ง ควรโทรศัพท์ถามก่อน) โทร. 08-9171-3883, 08-0588-7771

รายละเอียดและแผนที่การเดินทางไปยังร้าน"บะหมี่หัวโต"

       ชื่อร้าน : บะหมี่หัวโต
      
       ประเภทอาหาร : อาหารจานเดียว
      
       เมนูจานเด่น : บะหมี่เกี๊ยวแห้งหมูแดงหมูกรอบ,ข้าวซี่โครงหมูอบ,กระเพาะปลา,ปอเปี๊ยะสด,ปอเปี๊ยะทอด,ถุงทอง
      
       บรรยากาศร้าน : โปร่งโล่ง
      
       ที่ตั้ง และการเดินทาง : ตั้งอยู่ที่ 436/28 ถ.นครไชยศรี แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กทม. การเดินทางจากถนนนครไชยศรี ให้วิ่งตรงมาทางตลาดศรีย่าน จนถึงสี่แยกให้เลี้ยวซ้าย แล้ววิ่งมาอีกประมาณ 100 เมตร สังเกตทางซ้ายมือจะมีทางเข้าห้างท็อป ซุปเปอร์มาร์เก็ต ให้เลี้ยวเข้าไป ร้านบะหมี่หัวโตจะอยู่ด้านหลังห้าง
      
       สถานที่จอดรถ : สามารถจอดรถได้บริเวณที่จอดรถของห้าง (เสียค่าจอด)
      
       เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 10.00-21.00 น. (มีวันหยุดเดือนละ 2-3 ครั้ง ควรโทรศัพท์ถามก่อน)
      
       เบอร์โทรศัพท์ : โทร. 08-9171-3883, 08-0588-7771 ทางร้านรับออกงาน รับทำอาหารกล่อง และมีบริการเดลิเวอรี่ (คิดค่าส่งตามระยะทาง)

ขอขอบคุณเจ้าของบทความ :โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

Read More...


เส้นบะหมี่ไข่'หาตลาดขายได้ไม่ยาก


ปัจจุบัน อาหารจานเส้นเข้ามามีบทบาทกลายเป็นอาหารจานหลักของคนไทยทั่วไป มีคนหันมาทำอาชีพขายก๋วยเตี๋ยวกันอย่างแพร่หลาย ซึ่งก็เปิดช่องว่างอาชีพผลิตวัตถุดิบองค์ประกอบในการขายก๋วยเตี๋ยวให้กว้าง ขึ้น และวันนี้ทางทีมงาน “ช่องทางทำกิน” ก็มีข้อมูลการทำ “เส้นบะหมี่ไข่” ขาย ซึ่งหาตลาดขายได้ไม่ยาก มาให้ลองพิจารณากัน...

สุปรีชา  หงส์สวาสดิวัฒน์ หรือ “อากู๋ชา” เจ้าของสูตร “บะหมี่ไข่” และเจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวที่ จ.ราชบุรี เล่าให้ฟังว่า สู้ชีวิตมานาน กว่าจะมาถึงวันนี้ได้ก็ผ่านอะไรมามากมาย และเปลี่ยนอาชีพมาหลากหลายอาชีพ เริ่มตั้งแต่ช่วงเป็นวัยรุ่นก็รับจ้างปั้นโอ่ง ทำอยู่นานหลายปีก็เบื่ออาชีพลูกจ้าง จึงขยับขึ้นมาขายโอ่งแทน แต่อาชีพนี้ก็มีค่าใช้จ่ายมาก ทั้งค่าขนส่ง ค่าน้ำมัน และค่าใช้จ่ายจิปาถะ จึงเปลี่ยนเป็นประกอบอาชีพค้าขายอย่างอื่น อาทิ ฟูก ที่นอน แต่ก็ทำได้ไม่เวิร์ก เลยเปลี่ยนเป็นขายของกินตามตลาดนัด อย่าง ปลาทู  หอยแมลงภู่ กุ้ง เรียกว่าขายสารพัดอย่างที่มีกำไรเลี้ยงครอบครัว

“แล้วต่อมาก็ขายผลไม้ ทำประมาณ 2 ปีก็ยังไม่ดีขึ้น ไม่เหลือเงินเก็บ สุดท้ายพี่สาวก็เลยบอกให้ลองขายก๋วยเตี๋ยวดู ผมก็โอเคเลย  เพราะมีคนสอนวิธีทำให้ ขายก๋วยเตี๋ยวได้ระยะหนึ่งก็เริ่มดีขึ้นเรื่อย ๆ ประมาณ 3 ปีก็หันมาทำลูกชิ้นเอง เพราะแต่ละวันเราใช้ลูกชิ้นเยอะ ก็ต้องเอาต้นทุนไปลงค่าลูกชิ้นวันหนึ่งเกือบ 2 ใน 3 ของรายได้ พอทำลูกชิ้นเอง  ก๋วยเตี๋ยวยิ่งขายดีกว่าเดิม ต่อมาก็ทำบะหมี่และเกี๊ยวเองเพิ่มเติม โดยเรียนจากผู้ที่เคยทำอาชีพนี้มาก่อนแล้ว ซึ่งสูตรทุกอย่างที่ได้มา จะนำมาปรับให้เป็นสูตรของตัวเอง” เจ้าของช่องทางทำกินรายนี้เล่า

นอกจากขายก๋วยเตี๋ยวแล้ว อากู๋ชายังทำลูกชิ้นหมูขายด้วย ในราคาขายปลีกกิโลกรัมละ 120 บาท และขายส่งกิโลกรัมละ 100 บาท

สำหรับการทำ “เส้นบะหมี่ไข่” นั้น อุปกรณ์ในการทำหลัก ๆ ก็มี เครื่องนวด, เครื่องกระแทกอัดแน่น, เครื่องรีด นอกนั้นก็จะเป็นอุปกรณ์ครัวเบ็ดเตล็ดต่าง ๆ

ส่วนผสม/วัตถุดิบการทำ “เส้นบะหมี่ไข่” หลัก ๆ ก็มี แป้งสาลี, โซเดียมคาร์บอเนต, ไข่ไก่, เกลือป่น, น้ำสะอาด และแป้งนวลที่ใช้สำหรับโรยบะหมี่

ขั้นตอนการทำ “เส้นบะหมี่ไข่” เริ่มจากนำแป้งสาลีมาร่อน  3-4  ครั้งเพื่อให้แป้งเบา ตั้งพักไว้ในอ่างผสม ทำเป็นบ่อตรงกลางแป้ง ละลายเกลือป่นและโซเดียมคาร์บอเนตในน้ำสะอาด ตอกไข่ไก่ใส่ตามลงไป ตีให้เข้ากัน เสร็จแล้วเทลงไปผสมกับแป้งสาลี ทำการนวดให้ส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันดี นำเข้าเครื่องกระแทกแป้งให้แน่น  เสร็จเอาผ้าขาวบางชุบน้ำบิดหมาด ๆ คลุมปิดไว้ประมาณ 2 ชั่วโมง (ในขั้นตอนนี้หากไม่มีเครื่องนวดและเครื่องกระแทกแป้ง ก็ใช้มือนวดไปเรื่อย ๆ ขณะนวดก็ทุ่มน้ำหนักมือไปที่แป้ง นวดจนแป้งเหนียวนุ่ม มีความยืดหยุ่น เด้ง ๆ ดีแล้วก็พักไว้)

ต่อไปเป็นขั้นตอนการรีดแป้งเป็นแผ่น โดยโรยแป้งนวลลงบนกระบะที่จะรีดแผ่นแป้งเตรียมไว้ จากนั้นนำส่วนผสมแป้งที่ได้มาเข้าเครื่องรีด ทำการรีดทับให้เป็นแผ่นยาว ไล่จากหนาไปหาบางตามความต้องการ เสร็จแล้วนำแป้งนวลมาโรยเส้นบะหมี่ที่ได้ แล้วจับให้เป็นก้อนด้วยมือ เท่านี้ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย สำหรับจุดเด่นของเส้นบะหมี่ไข่เจ้านี้นั้น อากู๋ชาบอกว่า อยู่ที่ความเหนียว นุ่ม ยืดหยุ่น และก้อนใหญ่ โดยแต่ละก้อนน้ำหนักอยู่ที่ 100 กรัม หรือเท่ากับ 2 ก้อนของบะหมี่ที่วางขายตามตลาดทั่ว ๆ ไป การเก็บรักษา ควรเก็บไว้ในตู้เย็น ซึ่งจะอยู่ได้ประมาณ 3-4 วัน หากเก็บไว้นานไปเมื่อนำไปใช้เส้นจะเละ

ใครสนใจ “เส้นบะหมี่ไข่” และลูกชิ้น ของอากู๋ชา ก็ต้องไปที่ร้าน ปรีชาลูกชิ้นหมู ปรีชาบะหมี่เกี๊ยว เลขที่  73/2 หมู่ 10 ต.เจดีย์หัก อ.เมือง จ.ราชบุรี อยู่บริเวณสามแยกเขางู ซึ่งร้านนี้ทำเงินจากการรับจัดงานนอกสถานที่ได้ด้วย  โดยคนที่สนใจเรียนรู้การทำบะหมี่ แผ่นเกี๊ยว ลูกชิ้น เพื่อเป็น “ช่องทางทำกิน” ลองติดต่อสอบถามไปที่  โทร. 08-1197-5780  และ 08-1668-3998.

เชาวลี ชุมขำ / ชนิกานต์ วงศ์สุธารส / อนุสรา แสงเงิน : เรื่อง-ภาพ

ขอขอบคุณเจ้าของบทความ :http://www.dailynews.co.th/

Read More...


น้ำพริกทูน่า ทำเงินด้วยเมนูประยุกต์

การ เปิดร้านขายอาหาร โดยเฉพาะอาหารไทยในสไตล์ตะวันตก นอกเหนือจากการตกแต่งร้านให้ทันสมัยแล้ว เมนูอาหารนั้นต้องมีการประยุกต์ให้เข้ากับลักษณะของร้าน เพื่อให้มีลูกค้าหลาย ๆ กลุ่มเข้ามาอุดหนุน ซึ่งเมนู “น้ำพริกทูน่า” นี่ก็เป็นหนึ่งในการประยุกต์ “ช่องทางทำกิน” ของร้านอาหาร และอาจเป็นช่องทางทำกินของใครก็ได้...
 
สิรินรี อริวรรณา เจ้าของร้าน “คาเฟ่ โตริโน่” ใต้ตึกซันทาวเวอร์ ถนนวิภาวดีรังสิต เล่าว่า เปิดร้านอาหารมาได้ระยะหนึ่ง ซึ่งเหตุที่มาเปิดร้านอาหารเพราะทำบริษัทโฆษณาและรับจัดอาหารด้วย เพราะเป็นธุรกิจต่อเนื่องกับงานโฆษณา สำหรับลักษณะอาหารของร้าน ส่วนมากจะเป็นอาหารไทย รสชาติกลาง ๆ โดยสูตรอาหารต่าง ๆ ก็จะมาจากตนเอง และพ่อครัวเอามารวมกัน เพราะตนเป็นคนชอบทำอาหารอยู่แล้ว

เมนู เด็ดประจำร้าน ก็จะเป็นพวก แกงส้มชะอมกุ้ง น้ำพริกต่าง ๆ ซึ่งสิรินรีได้เปิดเผยสูตรน้ำพริก อาทิ น้ำพริกทูน่าสับ ป่นน้ำพริกทูน่า และน้ำพริกปลาทู ซึ่งก็เป็นเมนูเด็ดของร้านอีกส่วนหนึ่ง

อุปกรณ์ ในการทำน้ำพริกนั้น ก็เป็นอุปกรณ์ทำครัวทั่ว ๆ ไป อาทิ กระทะ หม้อ มีด เขียง จาน ชาม ฯลฯ ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่มีอยู่ในครัวทั่ว ๆ ไปอยู่แล้ว

สำหรับ สูตร “น้ำพริกทูน่าสับ” วัตถุดิบที่ใช้ก็มี ข่า 5 แว่นบาง ๆ, ตะไคร้ 1 ต้น, หอมแขก 1/2 หัว, ใบมะกรูด 2 ใบ, มะนาว 1/2 ลูก, พริกขี้หนู 2 เม็ด และน้ำพริกทูน่า (มีขายสำเร็จรูป) 1 กระป๋อง น้ำหนัก 95 กรัม

วิธี ทำ นำข่า ตะไคร้ หอมแขก พริกขี้หนู สับรวมกันให้ละเอียด จากนั้นใส่ถ้วยแล้วเทน้ำพริกทูน่าลงไปคลุกให้เข้ากัน ซอยใบมะกรูดโรยหน้า ใส่น้ำมะนาวปรุงรสชาติตามใจชอบ กินกับผักสด ผักลวกต่าง ๆ และไข่ต้มยางมะตูม

ถัด มาเป็นสูตร “ป่นน้ำพริกทูน่า” ใช้ หอมแขก 1 หัว, กระเทียม 5 กลีบ, พริกขี้หนู 3 เม็ด, น้ำพริกทูน่า 1 กระป๋อง (น้ำหนัก 95 กรัม), น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ, น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ, น้ำตาลทราย 1/2 ช้อนชา และน้ำซุป 5 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ นำพริกขี้หนู กระเทียม หอมแขก มาคั่วด้วยไฟอ่อนจนสุก จากนั้นนำไปปั่นไม่ต้องละเอียดมาก เติมน้ำซุปน้ำพริกทูน่า คนให้เข้ากัน ปรุงรสชาติตามใจชอบ กินกับผักลวก และไข่ต้มยางมะตูม

เช่นเดียวกับ “น้ำพริกปลาทูทอด” ใช้หอมแขก 1 หัว, กระเทียม 5 กลีบ, พริกขี้หนู 5 เม็ด, ปลาทูทอด 1 ตัว, น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ, น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ และน้ำตาลทราย 1/2 ช้อนชา


วิธี ทำ นำหอมแขก กระเทียม พริกขี้หนู คั่วในกระทะโดยใช้ไฟอ่อนจนสุก นำปลาทูทอดแกะเอาแต่เนื้อมาปั่นรวมกันไม่ต้องละเอียดมาก เติมน้ำซุป ปรุงรสด้วยน้ำมะนาว น้ำปลา น้ำตาลทราย ตามใจชอบ กินกับผักลวก ผักสด และไข่ต้มยางมะตูม

เครื่องเคียง ผักลวก ก็มีดอกกะหล่ำ, บรอกโคลี, มะเขือ(ลูกเล็ก), ถั่วฝักยาว, ผักกาดขาว, ถั่วพู, กระเจี๊ยบ, มะระขี้นก, แครอท และข้าวโพดอ่อน

วิธีทำ ต้มน้ำให้เดือด ใส่เกลือและน้ำตาลลงไปเล็กน้อย ลวกผักทีละชนิด แล้วนำมาล้างด้วยน้ำเย็นทันที เพื่อให้ผักเขียวสด

ส่วน “ไข่ต้มยางมะตูม” นั้น สิรินรีแนะว่า การต้มไข่ให้เป็นยางมะตูมและให้ไข่แดงดูน่าทาน ให้ต้มไข่ในน้ำเดือด 5 นาที จากนั้นก็ค่อย ๆ คน เพราะเวลาต้ม ไข่แดงจะดิ่งลงข้างล่าง ถ้าเราคน ไข่แดงก็จะไปอยู่ตรงกลางฟอง เวลาผ่าแล้วไข่แดงก็จะอยู่ตรงกลางพอดี ซึ่งถ้าไม่ต้มนานไปกว่านี้มาก ไข่แดงจะไม่สุกมาก จะมีลักษณะเป็นยางมะตูมดูน่าทาน

ราคาขายน้ำพริกทั่วไปนั้น ในร้านนี้อยู่ที่ชุดละ 70 บาทขึ้นไป โดยต้นทุนน้ำพริกแต่ละชุดอยู่ที่ 50 บาทขึ้นไป 

 
• • • • •

ร้าน คาเฟ่ โตริโน่ เปิดทุกวัน เวลา 06.00–22.00 น. หมายเลขโทรศัพท์คือ 0-2617-6077 และ 08-9483-2240 และมีเว็บไซต์คือ http://www.cafetorino2011.com ซึ่งก็มีอาหารหลากหลาย รวมถึงมีกาแฟและเค้กต่าง ๆ ขายด้วย ส่วน “น้ำพริกทูน่า” ก็เป็นเมนูแซบเรียกลูกค้าได้ดี และอาจเป็น “ช่องทางทำกิน” ที่ดี ของใครต่อใครได้ด้วย.

• • • • •

คู่มือลงทุน...น้ำพริกทูน่า

ทุนอุปกรณ์ ประมาณ 5,000 บาทขึ้นไป

ทุนวัตถุดิบ ประมาณ 50 บาท/ชุด

รายได้ ราคา 70 บาทขึ้นไป/ชุด

แรงงาน 1 คนขึ้นไป

ตลาด ร้านอาหาร, ทำขายทั่วไป

จุดน่าสนใจ มีจุดขายคือเป็นเมนูประยุกต์

สุภารัตน์ ยอดศิริวิชัยกุล
ชนิกานต์ วงศ์สุธารส/อนุสรา แสงเงิน : เรื่อง-ภาพ


http://www.dailynews.co.th/



Blog นี้รวบรวมบทความอาชีพเสริม ให้กับทุกคนที่คิดว่ามีประโยชน์ มีบางบทความไม่ได้ระบุแหล่งที่มาให้ทราบ และต้องขออภัยที่ไม่ได้ให้เครดิตกับเจ้าของบทความนี้


แนะนำเวปขนมทองม้วนและคุ้กกี้ เชิญแวะชม



banyada

-------------------------------------------------------------------------------------------------



Read More...


คุกกี้ต้มยำกุ้ง จุดขาย



วันนี้เสนอคุกกี้ต้มยำกุ้ง ซึ่งแม่ห่านลอกสูตรมาจากคุณน้ำทิพย์ จาก blog http://www.namthip.com/ ซึ่งคุณน้ำทิพย์ทำอาหารไว้น่าทานหลายสูตรมา แม่ห่านเลือกกุ้งกี้สูตรนี้เพราะปกติชอบคุกกี้ที่มีกลิ่นสมุนไพร หรือเครื่องเทศเป็นองค์ประกอบ เพราะมันหอมน่าทานมากๆ ส่วนผสมก็หาได้ไม่ยากในบ้านเรา บางส่วนเก็บเอาจากรั้วข้างบ้านด้วยซ้ำ



ส่วนผสมที่ใช้มีดังนี้ โดยทั้งหมดเป็นสูตรดั้งเดิมของคุณน้ำทิพย์
1. แป้งสาลีอเนกประสงค์ 260 กรัม
2. ผงฟู 6 กรัม (แม่เรไรใช้ไป 1 ช้อนชา)
3. เกลือ 5 กรัม (แม่ห่านใส่แค่ 1/2 ช้อนชา เพราะกุ้งมันก็เค็มอยู่แล้ว)
4. พริกไทยขาวป่น 5 กรัม (แม่ห่านใช้พริกไทยดำ ที่บ้านไม่มีพริกไทยขาวติดบ้าน)
5. เนยสด 170 กรัม ทิ้งไว้ทีอุณหภูมิห้อง
6. น้ำตาลทราย 125 กรัม (แม่ห่านใช้แค่ 100 กรัม ค่ะ หวานพอดี)
7. ไข่ 1 ฟอง
8. เม็ดมะม่วงหิมะพาน 50 กรัม
9. กุ้งแห้งสับ 20 กรัม
10. กระเทียม 1 หัว สับหยาบ (แม่ห่านใช้ครึ่งหัว กลัวกลิ่นจะแรงเกิน)
11. ใบมะกรูด 4-5 ใบ ซอยละเอียด
12. ตะไคร้ 1 ต้น ซอยละเอียด
13. พริกขี้หนู 2-3 เม็ด ซอยละเอียด

วิธีทำ
1. วอร์มเตาไว้ที่ 160 องศาเซลเซียส พร้อมกับอบเม็ดมะม่วงให้พอเหลืองกรอบ ไว้แล้วพักให้เย็น
2. ตัดเนยเป็นชิ้นเล็กๆ ทิ้งไว้ที่อุณหภูมิห้องให้นิ่ม
3. ร่อนแป้ง ผงฟู พริกไทยป่น และเกลือ รวมกัน



4. ตีเนยให้ขึ้นฟู ทะยอยใส่น้ำตาลลงไปจนหมด ตอกไข่ใส่ลงไป ตีจนเข้ากันดี
5. ปิดเครื่องแล้วเติมแป้ง คนให้เข้ากัน
6. เติมส่วนผสมที่เป็นสมุนไพร คนจนเข้ากันดี
7. ตักใส่ถาดที่รองด้วยกระดาษรองอบ หรือใช้เนยขาวทาถาดก็ได้

ต้น ฉบับของคุณน้ำทิพย์ แช่ตู้เย็นไว้ก่อนประมาณ 30 นาที แม่ห่านวอร์มเตาไว้ตั้งแต่ตอนอบเม็ดมะม่วง ถาดแรกจึงเข้าเตาอบทันที ถาดต่อไปเข้าไปรอเตาอยู่ในตู้เย็นก่อน ประมาณ 10 นาที เมื่อถาดแรกได้ที่ สำถาดที่สองออกจากตู้เย็นเพื่อเข้าอบ



ออกมาหอมกลิ่นสมุนไพรมากๆ อร่อยดีค่ะ สำหรับคนที่ชอบคุกกี้รสแบบนี้

credit : http://rayrai2009.blogspot.com/

Blog นี้รวบรวมบทความอาชีพเสริม ให้กับทุกคนที่คิดว่ามีประโยชน์ มีบางบทความไม่ได้ระบุแหล่งที่มาให้ทราบ และต้องขออภัยที่ไม่ได้ให้เครดิตกับเจ้าของบทความนี้

แนะนำเวปขนมทองม้วนและคุ้กกี้ เชิญแวะชม


banyada

-------------------------------------------------------------------------------------------------

Read More...


มาทำกิมจิ ผักดองกรอบๆๆ กรุบๆๆ กันเถอะ มีสูตรให้ด้วย

ช่วงนี้ผักค่อนข้างราคาถูกครับ ผักค่อนข้างเยอะ เวลาเดินตลาดแล้วทำให้คิดถึงอาหารแสนโปรดปรานของผมอย่างหนึ่งครับ วันนี้ผมจะมาชวนเพื่อนลองทำกิมจิ ผักดองสไตล์เกาหลี อาหารเพื่อสุขภาพกันครับ สูตรนี้เป็นสูตรที่เพื่อนชาวญี่ปุ่น เพื่อนร่วมหอพักเดียวกันสอนให้กับผม เพื่อนของผมคนนี้เค้าสอนให้ผมเมื่อหลายปีก่อนครับ ช่วงสมัยเรียน ผมอยู่หอพักร่วมกับเพื่อนๆๆต่างชาติ เวลาว่างๆๆ ผมชอบสอนอาหารไทยให้กับเพื่อนๆๆทาน และเพื่อนๆๆเค้าก็จะสอนอาหารญี่ปุ่นให้กับผมเป็นการแลกเปลี่ยนกัน เป็นการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมอาหารกัน ระหว่างที่สอนเค้าทำอาหาร ผมก็ะพยามเล่าเรื่องราวความเป็นอยุ่ของไทยให้คนญี่ปุ่นฟัง (คนญี่ปุ่นบางคน ยังเชื่อว่า คนไทยยังกินข้าวด้วยมือ ไม่มีช้อนส้อมใช้กัน)

สำหรับ สูตรกิมจิอันนี้ เป็นสูตรที่ผมดัดแปลงนิดหน่อยครับ เนื่องจากผมไม่ชอบสไตล์เกาหลีแท้ๆๆ มันเหม็นคาวและเค็มมาก เพราะสูตรเกาหลีจริงๆๆ เค้าจะใส่ปลาหมึกและน้ำปลาค่อนข้างเยอะ ผมก็เลยลองดัดแปลงให้เข้ากับรสชาดแบบไทยๆๆครับ (เพื่อนชาวญี่ปุ่นผมยืนยันแล้ว่า สูตรของผมใช้ได้...ซึ่งเป็นสุตรที่ชาวญี่ปุ่นชอบทำกัน)

ใครเคยดุแด จังกึม ก็คงจะคิดถึงละครทีวียอดฮิตเกาหลีเรื่องนี้กันนะครับ วันนี้ผมขอนำท่านหวนรำลึกถึงกลินไอเกาลีกันอีกครั้ง กับ ละครแดจังกิ๊ ตอน ทำกิมจิกันดีกว่า...

วิธีการทำค่อนข้างง่ายครับ ลองมาดูกันเลยครับ



สูตรนี้ทำแล้วจะได้ผักดองประมาณ 3-4 กิโลกรัม


เครื่องปรุง

  1. ผัดกาดขาว 4 กก.
  2. หัวใชเท้า 0.5 กก.
  3. เกลือ 5 ชต.
  4. น้ำปลา 5 ชต.
  5. กระเทียมสดบด 3 ชต.
  6. ขิงสดบด 3 ชต
  7. ต้นหอมประมาณ 1 กำมือ
  8. พริกเกาหลี 3 ชต.
  9. น้ำตาล 1 ชต.



วิธีการทำ

1 ล้างผักและหั่นให้เป็นชิ้นยาวๆๆๆ




ผักกาดขาว แค่ปลิดใบแล้วล้างก็พอ อย่าหั่นเหมือนผัดนะครับ มันจะเละไปครับ



หั่นเสร็จแล้วเอาเกลือโรย ใส่น้ำลงไปสัก 2 ถ้วย เคล้าให้เข้ากัน แล้วตั้งทิ้งไว้สัก 4-5 ชั่วโมง
เกลือจะทำให้น้ำในผักออกมา ผักจะเหี่ยวหลังจากแช่ทิ้งไว้ครับ





เมื่อแช่ทิ้งไว้ น้ำจะเอ่อออกมาขนาดนี้ครับ

หลังจากทิ้งไว้แล้ว ก็ให้ล้างน้ำสัก 2 ครั้งแล้วบีบน้ำให้สะเด็ด

เคล็ดลับ.... เวลาล้างแล้ว ลองหยิบมาชิมดูหน่อยนะจ๊ะ ถ้าผักยังเค็มอยู่ ก็ล้างน้ำสะอาดเพ่ม
อีกนะครับ เพราะเวลาเราปรุงรส เราจะต้องใส่น้ำปลาเข้าไปอีก ถ้าผักยังเค็ม มันจะทำให้
กิมจิของเราเค็มเกินไป อาจจะเสวยกันไม่ได้นะครับ





นี่ครับโฉมหน้าเครื่องปรุง ขิงและกระเทียมผมจะปั่นให้ละเอียด เพราะเวลาเคล้ามันจะง่ายดีครับ




นี่ครับ หัวใจของกิมจิ พริกเกาหลีป่นครับ ถ้าไม่มีก็ใส่พริกชี้ฟ้าแห้งแทนก็ได้ แต่ผมไม่แนะนำเพราะ
สีมันไม่ค่อยสวย ดำๆๆแดงๆๆ แหวะ ผมไม่ชอบครับ

ควรจะใช้พริกเกาหลีดีที่สุด

สถาน ที่ขายพริกเกาหลีบด ผมเคยเดินหามาหลายแห่ง และพบว่ามีขายอยู่ไม่กี่แห่ง ร้านที่ผมซื้อเป็นประจำอยู่ที่ ห้างทามสะแคว์ครับ ตรงอโศกครับ ร้านนี้ตั้งอยุ่ที่ชั้น1 ใกล้ๆๆกับห้องน้ำครับ เจ้าของร้านเป็นชาวเกาหลี ขายกิมจิและอุปกรณ์อาหารเกาหลี รวมทั้งอาหารขบเคี้ยวจากเกาหลี ลูกค้าส่วนใหญ่ก็จะเป็นคนเกาหลีเสียส่วนใหญ่ ที่ห้างนี้มีร้านอาหารเกาหลีเพียบเลย และร้านที่ผมซื้อนี้ก็ขายของนำเข้าจากเกาหลีทั้งนั้นเลยครับ พริกเกาหลีที่ผมซื้อมา ประมาณครึ่งโล ก็ราวๆ 140 บาทเท่านั้น ปริมาณเยอะมากใช้เป็นปีก็ไม่หมดครับ

ถ้าใครอยากทำกิมจิให้สีสดๆๆ ก็เพิ่มปริมาณพริกลงไป ใส่ไปเถอะครับ พริกเกาหลี
มันไม่เผ็ดหรอกครับ สีมันแดงน่ากลัวเฉยๆๆ แต่ถ้าเป็นพริกของไทย อันนี้ไม่ขอแนะนะจ๊ะ



เราจะทำส่วนผสมทั้งหมดเทลงชามแบบนี้ครับ



เคล้าส่วนผสมทั้งหมดแบบนี้ครับให้เข้ากัน นวดไปบีบไป ร้องเพลงไปด้วยนะครับ

เคล็ดลับ... ถ้าใครชอบแบบเปรี้ยวๆๆ ก็ให้เพิ่มปริมาณน้ำตาลเข้าไปนะครับ เพราะน้ำตาล
จะเป็นตัวทำให้ผักมีรสเปรี้ยวครับ ซึ่งมันเกิดจากการหมักดองของเชื้อจุลรินทรีย์ที่แปรง
น้ำตาลให้เป็นกรดน้ำส้มนั่นเอง

ถ้าใครชอบเค็ม ก็ให้เติมน้ำปลาลงไปนะครับ เติมทีละน้อยนะครับ



เท่านี้เองครับ เสร็จแล้ว

หลังจากเสร็จก็จะนำผักที่เคล้าแล้วไปใส่ในกล่องพลาสติกแช่เย็นไว้สัก 1 วัน รอให้ผักมันเริ่มเปรี้ยว
ผักดองนี้ จะเก็บได้ราวๆๆ 1- 2 อาทิตย์ครับ

ถ้าทำแล้วจะทานเลย ก็คงจะต้องใส่น้ำส้มเข้าไปหน่อยครับ




ผมชอบทานกิมจิ และทำกิมจิไว้ทานกับของทอดๆๆๆครับ โดยเฉพาะไข่เจียว
เปรี้ยวๆๆของกิมจะช่วยตัดรสมันสๆๆของไข่เจียว ทำให้อาหารมีรสชาตที่เด็ดขึ้น ลองทำทานดูนะครับ




เป็นไงครับ โฉมหน้าน่าทานมะครับ





นี่ไง น้องหัวไชเท้า แปลงร่างเป้นหนูกิมจิ อาหย่อยเชียวหละ



ว่างๆๆ ลองทำดูนะครับ กรอบๆๆ กรุบๆๆๆ
ทำไว้ทานกับของทอดๆๆ อร่อยเชียวหละ


กิมจิ อาหารเพื่อสุขภาพครับ
Blog นี้รวบรวมบทความอาชีพเสริม ให้กับทุกคนที่คิดว่ามีประโยชน์ มีบางบทความไม่ได้ระบุแหล่งที่มาให้ทราบ และต้องขออภัยที่ไม่ได้ให้เครดิตกับเจ้าของบทความนี้
แนะนำเวปขนมทองม้วนและคุ้กกี้ เชิญแวะชม

banyada

-------------------------------------------------------------------------------------------------

-------------------------------------------------------------------------------------------------

Read More...


กิมจิสด...สไตล์ไทย เพื่อสุขภาพ..เพิ่มจุดขาย


ในภาวะที่เศรษฐกิจขึ้น ๆ ลง ๆ การทำมาหากินเป็นไปด้วยความลำบาก หากย่ำอยู่กับสิ่งเดิมๆ อาจไปไม่รอด เรื่องการค้าการขายจำเป็นต้องสร้างจุดขาย มีไอเดียแปลกใหม่ และตามกระแสความนิยมในปัจจุบัน ซึ่งข้อมูลที่ทีม “ช่องทางทำกิน” นำมาเสนอวันนี้ ก็เป็นไอเดียดีๆ ที่น่าสนใจ กับการทำ-การขาย “กิมจิสด” ซึ่งเหมาะกับคนรักสุขภาพ


“อร-ณัฐมณฑ์ อึ้งโสภาพงษ์” เจ้าของสูตร “อรเมนูเพื่อสุขภาพ” เล่าให้ฟังว่า เคยทำงานมาหลายอย่าง เริ่มจากทำงานประจำ เป็นพนักงานบริษัทขายหัวน้ำหอม รู้สึกเบื่อก็ลาออกมาทำผ้าบาติกส่งขายตามตลาดน้ำ และชมรมแอโรบิก และสนใจเข้าอบรมในโครงการต้นกล้าอาชีพเรื่องการแปรรูปผักและผลไม้




“เดิมทีก็ไม่ได้สนใจที่จะทำอาชีพนี้เลย พอมีปัญหาสุขภาพเลยต้องใส่ใจเรื่องอาหารการกินเป็นพิเศษ เป็นอาหารเพื่อสุขภาพ ชอบกินก๋วยเตี๋ยวลุยสวน แฟนจะซื้อมาให้กินทุกวัน เจ้านี้น้ำจิ้มอร่อยมาก ก็อยากทำกินเอง บอกอาจารย์ที่สอนต้นกล้าอาชีพสอนสูตรการทำน้ำจิ้มให้ แต่ทำแล้วก็ไม่อร่อยเท่าเจ้าที่แฟนซื้อมา พอกระแสอาหารเกาหลีดัง ก็เลยขอให้อาจารย์สอนการทำกิมจิ เป็นอาหารเพื่อสุขภาพทำจากผัก และมีประโยชน์ต่อร่างกาย เมื่อมีงานโอทอป ที่เมืองทองธานี มีการเชิญทางต้นกล้าอาชีพไปออกงาน เราก็เอาพวกมะม่วงแช่อิ่ม มะม่วงอบแห้ง กิมจิสด ไปขาย ตอนแรกคิดว่ากิมจิคงขายไม่ค่อยได้ แต่ปรากฏว่ากลับขายดี หมดภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง ทำให้เราเกิดไอเดียจากกระแสรักสุขภาพ ลูกค้าจะสนใจมาก ยิ่งช่วงเทศกาลกินเจจะขายดีมาก ๆ” อร-ณัฐมณฑ์เล่า


จากนั้นก็เริ่มทำ “กิมจิสด” ออกขายที่ตลาดนัด กระทรวงสาธารณสุข ก็ได้รับการตอบรับดีมาก จึงเป็นจุดเริ่มต้นขยายต่อไปในที่ต่าง ๆ นอกจากนี้คุณอรยังมีอาหารเพื่อสุขภาพอื่น ๆ อีก อาทิ ขาเห็ดหอมคั่วสมุนไพร, เห็ดสวรรค์, ขาเห็ดหอมปรุงรส, ลูกชิ้นเห็ดหอมหัวบุก, มะขามป้อมแช่อิ่ม, มะขามป้อมแซบ, ส้มจี๊ด และบ๊วยสามรส

อุปกรณ์ที่ใช้ในการทำ “กิมจิสด” หลัก ๆ ก็มี... ตาชั่งเล็ก, เครื่องปั่น, เตาแก๊ส, หม้อสเตนเลส, กะละมังปากกว้าง, ตะกร้า, มีดถาด,เขียง, ทัพพี, โหลมีฝาปิด, ถุงพลาสติก ฯลฯ

ส่วนผสม/วัตถุดิบ หลัก ๆ ก็มี... ผักกาดขาวปลี หรือ ผักหางหงษ์, แครอทหัวใหญ่, หัวไชเท้า (หัวผักกาดขาว), ต้นหอม, ต้นกุยช่าย, กระเทียมปอกเปลือก, ขิงแก่สับ, พริกชี้ฟ้าแดงทั้งสด-แห้ง, ซอสพริก, ซอสมะเขือเทศ, น้ำตาลทราย, เกลือเม็ด-เกลือป่น และน้ำสะอาด

ขั้นตอนการทำ “กิมจิสด” เริ่มจากล้างผักทุกชนิดให้สะอาดก่อน แล้วนำผักกาดขาวปลีมาผ่าครึ่ง หั่นตามแนวยาวหยาบๆ ใส่ตะกร้าผึ่งให้สะเด็ดน้ำ ตามด้วยต้นหอม กุยช่าย หั่นเป็นท่อนตามยาวขนาด 2 นิ้ว ส่วนแครอท หัวไชเท้า ปอกเปลือกล้างให้สะอาดแล้วหั่นตามขวาง และหั่นเป็นเส้นอีกครั้ง

ผสมเกลือเม็ดกับน้ำ คนให้ละลาย เสร็จแล้วนำผักที่หั่นเตรียมไว้ลงแช่พร้อมกัน ดองน้ำเกลือทิ้งไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง แล้วบีบน้ำเกลือออก ตั้งพักไว้ก่อนในภาชนะที่สะอาด

ต่อไปเป็นขั้นตอนการทำเครื่องปรุงกิมจิ โดยการนำพริกชี้ฟ้าแห้งมาผ่าเอาเม็ดออก แล้วตัดเป็นท่อนสั้น ๆ นำไปต้มจนนิ่ม เสร็จแล้วก็เอาพริกชี้ฟ้าแห้งที่ได้ลงปั่นพร้อมกับขิงแก่สับ กระเทียม ซอสพริก ซอสมะเขือเทศ จนละเอียด นำเครื่องปรุงที่ปั่นเสร็จแล้วผสมน้ำตาลทราย








ขั้นต่อไปเทเครื่อง ปรุงกิมจิที่ทำเสร็จแล้วลงผสมกับผักที่เตรียมไว้ในภาชนะปากกว้าง โรยเกลือป่นเพื่อเพิ่มรสชาติ แล้วทำการคลุกเคล้าส่วนผสมให้เข้ากัน เสร็จแล้วนำไปใส่ลงภาชนะปิดมิดชิด หมักไว้นอกตู้เย็น 3 วัน จนมีรสเปรี้ยว หรือแบ่งใสถุงเก็บไว้ในตู้เย็นได้นาน 1 เดือน

สำหรับราคาขายกิมจิ ถุงใหญ่ 4 ขีด ราคา 50 บาท ถุงเล็ก 2 ขีด ราคา 35 บาท มีต้นทุนวัตถุดิบ ไม่รวมทุนเบ็ดเตล็ดอื่นๆ ไม่เกิน 50% จากราคาขาย

การทำ-การขายอาหารแนวเพื่อสุขภาพนั้น กับ “กิมจิสด” สไตล์ไทย ๆ นี่ก็เป็นอีกหนึ่งสินค้าที่น่าสนใจ ซึ่งใครอยากติดต่อคุณอร-ณัฐมณฑ์ อยากได้กิมจิสด อาหารพื้นๆ ของเกาหลีแต่สไตล์คนไทย ไปลองลิ้มชิมรส หรือสั่งไปจำหน่ายต่อเป็น “ช่องทางทำกิน” ในอีกรูปแบบ ก็ติดต่อสอบถามไปได้ที่ โทร. 08-1805-8055.

เชาวลี ชุมขำ : เรื่อง ภาพ
credit : http://www.dailynews.co.th/
Blog นี้รวบรวมบทความอาชีพเสริม ให้กับทุกคนที่คิดว่ามีประโยชน์ มีบางบทความไม่ได้ระบุแหล่งที่มาให้ทราบ และต้องขออภัยที่ไม่ได้ให้เครดิตกับเจ้าของบทความนี้
แนะนำเวปขนมทองม้วนและคุ้กกี้ เชิญแวะชม
banyada
-------------------------------------------------------------------------------------------------

Read More...


พลังของ Tags ยังสามารถทำอันดับได้

พลังของ Tags ยังสามารถทำอันดับได้ : Tags Can Make Rating Top 10 on Google Search Engine


จากการเฝ้าสังเกตหลายๆครั้งแล้วครั้งเล่า ก็พบว่า ความน่าสนใจของ Tags ที่ยังสามารถทำอันดับได้บน Search Engine อย่าง Google  ได้ โดยอาจมีข้อแม้อยู่หลายประการด้วยกันก็คือ
1. ข้อความสดใหม่ ไม่ลอกเลียนแบบใครมา
2.ข้อความที่ไม่มีคู่แข่งมากนัก (แต่บางครั้ง ถ้าเขียนถูกตามหลักจริงๆ ก็พบว่า ส่วนนี้ ไม่ค่อยเป็นปัญหา) โดยคู่แข่งในตัวอย่าง มีถึง 5 ล้านกว่าหน้า
3. Tags ที่ต้องมีความสอดคล้องกับบทความนั้นๆ อย่างยิ่ง ไม่ใส่มั่วๆ
น่าจะสรุปได้อย่างนึงว่า Google นั้น ยังให้ความสำคัญของ Tags อยู่นั่นเอง แต่กระนั้น ก็ไม่ควรที่จะ สแปม Tags เด็ดขาด นอกจากจะใส่ไม่ตรงกับบทความแล้ว ยังไม่เป็นที่รักของ Google สักเท่าไหร่นัก
หลายๆคนคงเคยเจอว่า Google ไม่ให้ความสนใจใน Tags แล้วแต่ผมก็ยังเชื่อว่า Google ยังให้ความสนใจกับ Tags อยู่ดีนั่นแหละ

credit : http://www.asuradech.com/
-------------------------------------------------------------------------------------------------

Read More...




----------------

ปรับปรุง
รายการบทความทั้งหมด



การบำรุงรักษารถยนต์เบื้องต้น



ร้านค้าเคลื่อนที่ ใช้ รถบรรทุกขนาดเล็กมาดัดแปลง



รวมบทความอาชีพ เสริม หลากไอเดียวิธีหารายได้เสริม



รวมบทความงานฝีมือ-สิ่งประดิษฐ์ รายได้เสริม



ทองม้วน thong muan ; rolled wafer





MASK รุ่นสายคล้องคอ







MASK รุ่นสายคล้องคอ. ��รุ่นนี้เป็นที่นิยมใช้กันมาก #ขายดีมาก
ทำจากผ้าคอตตอนแท้ 100%  ไม่ผสม เนื้อผ้านุ่ม 
3 ชั้น. สวมใส่พอดีกับใบหน้า ไม่เจ็บหู มีสายคล้องคอปรับได้
เวลาถอดออก ไม่ต้องกลัวลืม เพราะถอดแล้วคล้องคอไว้ได้
บรรจุในถุงซิปฟรอย์อย่างดี
ราคาชิ้นละ. 59. บาท. ไม่รวมส่ง 
มีหลายสีให้เลือกนะคะ   สนใจทักแชทขอดูสีผ้าได้นะคะ
หน่วยงาน บริษัท ห้างร้าน หรือ สนใจสั่งไปจำหน่าย 
มีเรทราคาส่งค่ะ

-> id line : noeyhorm_06
#มีวางจำหน่ายหน้าร้านชานมไต้หวันมาราชาสาขาจรัญ44


ร้านมาราชาชานมไข่มุก สาขาจรัญสนิทวงศ์ 44
● รับบัตรสะสมครบ 10 แก้ว แลกรับฟรี 1 แก้ว
● สั่งเดลิเวอรีผ่าน LINE MAN, Foodpanda ,GET ...ถึงมือปั๊บพร้อมดื่มปุ๊บ!
● อัพเดทโปรโมชั่นใหม่ๆ รสชาติใหม่ ตลอดเวลา
● มีเมนูให้เลือก 40 กว่าเมนู : https://bit.ly/2Z9iqV0






























































เลือกช่องทางติดต่อและรับข่าวสารบริการหลังการขาย
ฟอร์ด พลปิยะอยุธยาและฟอร์ด พลปิยะวังน้อย

--------------------------------------------------------------------------------------------
แคมเปญ-โปรโมทชั่น อะไหล่ฟอร์ด อัพเดททางออนไลน์และปรับปรุงข้อมูลออนไลน์
อะไหล่ฟอร์ด อะไหล่รถฟอร์ด อะไหล่รถยนต์ฟอร์ด อะไหล่ฟอร์ดแท้ ร้านขายอะไหล่รถฟอร์ด ขายอะไหล่รถฟอร์ด อะไหล่ฟอร์ด
 
Option

รวมบทความอาชีพเสริม หลากไอเดียวิธีหารายได้เสริม หาอาชีพเสริมอิสระทำเงิน สร้างอาชีพอิสระงานฝีมือ แนะนำการสร้างรายได้เสริมทำเงินด้วยการขายสินค้าหรือขายของเป็นอาชีพเสริม อิสระงานฝีมือ แนะแนวธุรกิจ อาชีพเสริม อาชีพแก้จน อยากจะมีรายได้เสริมนอกเหนือจากงานประจำ บล๊อกจัดทำขึ้นเป็นวิทยาทานเพื่อเผยแผ่ความรู้อันจะเป็นไปเพื่อบุญกุศล ขอให้ทุกท่านที่มีส่วนร่วมในบทความของบล๊อกนี้ จงได้รับอานิสงฆ์ด้วยเทอญ.