สูตรขนม สูตรอาหาร อาชีพรายได้เสริม ประกาศฟรี โฆษณาฟรี Career Articles Extra Income
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

Drop Down MenusCSS Drop Down MenuPure CSS Dropdown Menu

ร้านปัง...เว้ย..เฮ้ย...ร้านดังขวัญใจวัยรุ่นยุคใหม่

ตามรอยนักชิม....ขอ เปลี่ยนแนวมาเป็นแบบนุ่มๆกันบ้างละกันนะครับ ไปตามชิมของร้อนๆเย็นๆแซ่บๆมากันก็เยอะแล้ว วันนี้เรามาเป็นคนใจเย็นทำอะไรช้าๆนุ่มนิ่มๆกันบ้างละกันนะคุณเคยรออะไรนานๆ กันบ้างไหม....ถ้ายัง...คุณต้องมาฝึกความอดทนที่นี่เลย สุดยอดๆ..


แหม..มันสุดยอดทุกเรื่องจริงๆครับ งาน นี้ผมรู้สึกประทับใจมากๆเลยที่บอกว่ารอนานน่ะ..ไม่ใช่ทำนานนะ...แต่เข้าคิว รอนานน่ะสิลูกค้าเยอะมากๆกลิ่นเนี่ยะหอมไปทั่วร้านเลย..อ่อ..และที่พูดมาก็ คือ ร้านปังเว้ย..เฮ้ย แค่ชื่อก็โดนแล้วสุดยอดกระชากใจวัยรุ่นน่าดูเลยล่ะครับ


คำๆนี้เป็นที่ถูกอกถูกใจของ..มาเฟียฟู้ดแห่ง mthai.com เข้าอย่างจังตลอดทางที่ไปนิ่พูด เว้ย...เฮ้ยๆๆไม่ยอมหยุดเลยจิงๆนะ ตลกดี


พอดีวันนั้นเราได้มีโอกาสพบกับ" คุณแบงค์" เจ้าของร้านยังงั้นเรามาชิมลางประวัติที่มาที่ไปของร้านปังเว้ย..เฮ้ย..กัน สักนิด ก่อนที่จะไปลิ้มรสความอร่อยกันเนอะ..


เจ้าของร้าน...มีกันตั้ง3คนน่ะครับทั้ง3ใบ เถานี้..เรียนนิติธรรมศาสตร์..มาด้วยกัน มีชื่อว่า อ้น แบงค์ จ้อย ทั้ง3คนนี้เป็นเพื่อนสนิทกันมานาน พอเรียนจบมาก็แยกย้ายกันไปทำงานต่างๆที่เคยร่ำเรียนมา1ปีเต็มๆ


วันนึงก็รู้ว่ามันไม่ใช่เลยลองหันมานั่งจับเข่าคุยกันว่าเอาไงดีนะ พอคุยไปคุยมาเริ่มเข้าที่แฮะ ได้เรื่องว่า "พ่อของคุณแบงค์ " เคย ทำขนมปังแล้วก็หยุดทำไปเพราะขาดการทำการตลาดที่ดีเลยลองมาคุยกันว่าจะเปิด ร้านร่วมกันดูดีไหมเผื่อจะเข้าท่าและแล้วก็เกิดมาเป็นกิจการ5สาขาที่เรา กำลังสืบเสาะหากินมานานและที่สำคัญกำลังจะเปิดสาขาที่6ด้วยนะครับ


แต่ เป็นที่น่าเสียดายที่ทางร้านไม่มีที่ให้นั่งทานจะเป็นแนวซื้อกลับบ้านอย่าง เดียว...แต่รับรองและขึ้นชื่อเรื่องความสดใหม่จากเตาร้อนๆจร้า

แหม..ฟังดูละมันยิ่งใหญ่จริงๆนะครับ..หิว แล้วๆๆเราไปตามรอยนักชิมกับร้านปังเว้ย..เฮ้ย..กันดีกว่า ขนมปังร้านนี้เด็ดสุดๆแค่ชื่อก็กินขาดเพราะเป็นจุดเด่นของร้านเลยก็ว่าได้ เขาตั้งเพื่อเอาใจวัยรุ่นน่าดูเลย..ร้านปังเว้ย..เฮ้ย..มีทั้งหมด14ไส้ .....

โดย แต่ล่ะเทศกาล เช่น วาเลนไทน์ , ปีใหม่ ,ทางร้านก็จะทำไส้พิเศษออกมาจำหน่ายกันด้วยล่ะ ใครที่อยากรู้ต้องไปชิม ว้าววว..หลายไส้ฟังแล้วหัวใจจะละลายครับ..


เอาละๆไส้ยอดฮิตสุดฤทธิ์คือ..มะพร้าวอ่อน.. อร่อยมากมายครับเนื้อมะพร้าวอ่อนห๊อม..หอมเต็มๆครับ โห..ขนมปังก็นุ่มมากเข้ากันได้ดีทั้งไส้ทั้งขนมปังเลยไม่ใช่แค่เมนูมะพร้าว อ่อนไส้เดียวนะเหมือนกันทุกไส้ครับ เนื้อแน่นๆขนมปังนุ่มๆผสมผสานเข้ากันได้ดี

และนี่ก็เป็นขนมปังที่ได้รับความนิยมไม่แพ้ กันก็คือ ขนมปังไส้เบค่อน เรียกได้ว่าไม่กลัวขาดทุนกันเลยทีเดียวใส่เบค่อนเยอะมากทันทีที่กัดเบค่อนก็ ทะลุทะลักออกมาและเหมือนกัน
ทุกไส้นะ...




ไม่ว่าจะเป็นขนมปังไส้หมูแดงเห็ดหอม ,ไส้กุ้งเห็ดหอม,ไส้สังขยาใบเตย ล้วนแล้วแต่น่ากินทั้งน้าน สมล่ะครับที่ต้องใช้เวลารอแต่ได้ของอร่อยมามันก็คุ้มนะ..อิๆๆ..อ๊ะๆลืมบอกไป ว่าเรื่องราคาไม่ต้องถามครับเพราะผมกำลังจะบอก..อิๆ แค่20บาทเท่านั้น...ทุกหน้าทุกไส้

คุ้มสุดๆกับราคายุคประหยัดแบบ นี้เป็นอย่างดีด้วยนะครับ อิ่มท้องละยังเอาใจวัยรุ่นตีตลาดได้ใจไปเลยเต็มๆ ถ้าใครอยู่ใกล้สาขาไหนรีบไปสาขานั้นเลยนะจ้ะ ตามแต่สะดวกครับมีตั้ง5สาขาให้เลือกสรร และสาขาที่เราตามไปชิมมาอยู่ตรงข้ามกับมหาวิทยาลัยราชภัฎพระนครนี่เอง..วัย รุ่นตรึมเลย..ลองแวะไปชิมกันดูนะครับทั้งราคา..คุณภาพ..ความอร่อย..เอาเป็น ว่าทุกระดับประทับใจจริงๆครับ




Read More...


แป๊ะก๊วย..สมุนไพรอายุวัฒนะ



credit : http://www.sappe.com/


 แปะก๊วย (อังกฤษ : Ginkgo) เป็นพืชสมุนไพรที่ มีต้นกำเนิดจากทางตะวันออกของประเทศจีน (แถบภูเขาด้านตะวันตกของนครเซี่ยงไฮ้) ใบมีลักษณะคล้ายใบพัด แปะก๊วยเป็นพืชที่มีชีวิตอยู่เมื่อ 270 ล้านปีก่อน ถือกำเนิดขึ้นในยุคเพอร์เมียน เมื่อประมาณ 290 ล้านปีมาแล้ว และมีชีวิตต่อมาในมหายุคมีโซโซอิก ในสมัยเดียวกับไดโนเสาร์ จึงเป็นอาหารของไดโนเสาร์กินพืช สำหรับชื่อตามความหมายแปลว่า "ลูกไม้สีเงิน" ซึ่งดั้งเดิม ในภาษาจีนเรียกว่าต้น "หยาเจียว" ซึ่งแปลว่า ตีนเป็ด จากลักษณะใบ (นกเป็ดน้ำเป็นสัญลักษณ์ดีหมายถึงความรักของในจีน และในญี่ปุ่น) ต่อมามีการเรียกชื่อผลของมันว่าลูกไม้สีเงิน หรือ ลูกไม้สีขาว เนื่องจากผลจะมีสีเงิน และ สีขาวส่วนภาษาญี่ปุ่นจะเรียกว่า อิโจว มีรากจากคำว่าตีนเป็ด หรือ คินนัน ซึ่งมีรากความหมายคล้ายกับในภาษาจีนคือลูกไม้สีเงิน สำหรับในภาษาอังกฤษก็นิยมเรียกว่า กิงโกะ หรือ ต้นเมเดนแฮร์ หรือ ต้นขนนิ่ม (maidenhair tree) ซึ่งสันนิฐานว่ามาจากรูปทรงของใบที่เหมือนกันใบของเฟิร์นที่มีขนนิ่มชื่อเดียวกัน หรือ เรียกว่า ต้นสี่สิบมงกุฏทอง (หมายถึงว่ามีราคาแพง) ของชาวฝรั่งเศส ส่วนชื่ออื่น ๆ ที่มีผู้เรียกได้แก่ ต้นไม้แห่งความหวัง แพนด้าแห่งอาณาจักรพืช ต้นไม้อิสรภาพ ใน แวดวงการแพทย์นั้นมีพืชสมุนไพรจากธรรมชาติที่มีสรรพคุณนำไปใช้ประโยชน์ใน การรักษาโรคต่างๆได้อยู่หลากหลายชนิด ซึ่งชื่อของ ใบแปะก๊วย คือ หนึ่งในสมุนไพรสำคัญที่มากไปด้วยสรรพคุณทางยา และได้รับการยอมรับมาช้านาน โดยเชื่อกันว่ามันเป็นยาอายุวัฒนะ



สรรพคุณที่ได้จากใบแป๊ะก๋วย
แปะก๊วย มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Ginkgo flavoneglycosides ลักษณะใบของมันจะแยกเป็นแฉกคล้ายกังหันลม เมื่อนำมาสกัดด้วยตัวทำละลายพบว่ามีสารสกัดสำคัญ 3 กลุ่ม คือ กลุ่มฟลาโวน (Flavonoids) ทำหน้าที่ต้านการเกิดอนุมูลอิสระในร่างกายที่ทำให้เกิดโรคมะเร็ง ส่วนที่เหลืออีกสองกลุ่มเป็นน้ำมันจากใบแปะก๊วย คือ bilobalides และ ginkgolides สารทั้งสองตัวนี้มีบทบาทสำคัญต่อร่างกาย คือ ป้องกันโรคความจำเสื่อม (โรคสมองฝ่อ) โดยเป็นตัวเสริมสร้างการ ส่งสัญญาณในระบบสมอง ช่วยระบบหมุนเวียนเลือดให้ดีขึ้น ช่วยป้องกันการเกิดแผลเรื้องรังโดยเฉพาะในกลุ่มของคนที่เป็นโรค เบาหวาน และช่วยบรรเทาอาการชาตามปลายนิ้วมือและเท้าได้ นอกจากนี้ยังสามารถออกฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระในบริเวณตา ป้องกันการ เกิดโรคเบาหวานขึ้นตาได้

สารที่สกัดได้จากใบแปะก๊วยมีหลายชนิดที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ (Free radical) ในบริเวณตา ป้องกันจอตาเสื่อมจากเบาหวานหรือ "ภาวะเบาหวานขึ้นตา" จากการทดลองพบว่าหากให้ผู้ป่วยเบาหวาน และมีอาการทางตา เช่น การรับสีผิดเพี้ยนไป กินสารสกัดแปะก๊วยนาน 6 เดือน ปัญหาการมองเห็นสีดีขึ้น

ใบแปะก๊วยยังทำหน้าที่ป้องกันสารอนุมูลอิสระ ช่วยบรรเทาโรค ลดภาวะต่างๆที่มักพบได้ในคนชรา มีประโยชน์ในการรักษาโรคหอบหืด หลอดลมอักเสบ รวมทั้งอาการปวดท้องก่อนมีประจำเดือน และภาวะหลังหมดประจำเดือนอีกด้วย เกี่ยวกับภาวะบกพร่องของสมองในส่วนซีรีบรัมนั้น ในประเทศเยอรมนีมีการนำสารสกัดจากใบแปะก๊วยที่เรียกว่า กิงโกไบโลบา มาใช้บำรุงผู้ป่วยที่บกพร่องในโรคนี้ ซึ่งในปี 1980
มีการทดลองกับผู้ป่วยที่มีอาการบกพร่องเรื้อรังของสมองส่วนซีรีบรัมและหลอด เลือดพบว่า ใบแปะก๊วยช่วยให้มีการพัฒนาการทางความจำ ความคิด นอนหลับได้ง่ายขึ้น ส่วนผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์นั้นในสหรัฐอเมริกาใบแปะก๊วยก็ถูกใช้อย่างกว้าง ขวางเพื่อเป็นยารักษาอาการดังกล่าวโดยมีการทดลองในปี 1994 ทดลองให้ใบแปะก๊วยกับกลุ่มผู้ป่วยอัลไซเมอร์ พบว่าผู้ป่วยมีความจำและสมาธิได้ดีขึ้น

สำหรับผู้ป่วยที่มีสภาวะทางจิตก็พบว่ามีความจำและสมาธิดีขึ้นเช่นกันเมื่อ รับประทานใบแปะก๊วยเข้าไป นอกจากนี้ผู้ที่มีปัญหากาเกี่ยวกับดวงตา ใบแปะก๊วยก็ยังช่วยให้มีความเร็วในการตอบสนองทางดวงตามากขึ้น โรคที่เกี่ยวข้องกับความผิดปรกติของเส้นเลือดดำนั้น มีการทดลองขึ้นในปี 1998 โดยให้ผู้มีอาการปวดหลังจากการเดิน รับประทานแล้วพบว่าใบแปะก๊วยมีส่วนช่วยลดอาการปวดได้จริง ทั้งยังทำให้เดินได้มรระยะทางไกลขึ้นอีกด้วย รวมไปถึงยังมีการทดลองพบว่าใบแปะก๊วยช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดเพื่อเข้า ไปเลี้ยงแขนขาได้ดีขึ้นอย่างมาก

ส่วนที่เกี่ยวกับสภาวะการหายใจนั้น ในปี 1996 ได้มีการทดลองพบว่าใบแปะก๊วยมีประสิทธิภาพช่วยป้องกันผู้ที่มีอาการ AMS (Asthma & Acute Mountain Sickness) หรือภาวการณ์ผิดปรกติของการหายใจขณะขึ้นสู่ที่สูงได้ ส่วนคนในกลุ่มคนที่ประสบปัญหาหูอื้ออยู่เป็นประจำ การรับประทานอาหารใบแปะก๊วยยังช่วยลดภาวะหูอื้อลงได้อีกด้วย






 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 สรรพคุณจากเมล็ดแป๊ะก๋วย
เนื้อในเมล็ดแปะก๊วย ประกอบด้วยไขมัน แป้ง โปรตีน และน้ำตาล มีรสหวานอมขมอมฝาด ช่วยบำรุงปอด แก้ไอ แก้หอบ ขับเสมหะ ลดปัสสาวะ ฆ่าเชื่อโรค บำบัดอาการวิงเวียนศีรษะ หูอื้อ หลอดลมอักเสบ ตกขาว หนองใน แปะก๊วยสด ช่วยลดเสมหะ แก้พิษ ฆ่าพยาธิ ถ้านำมาโขลกทาบนใบหน้าและมือ ช่วยขจัดรอยเหี่ยวย่น รักษาอาการหืดได้ และเม็ดแป๊ะก๋วยก็สามารถนำมาใช้ในการประกอบอาหาร หรือทำขนมหวานต่างๆ ได้อีกด้วย 














Read More...


เม็ดบัวสด มีสรรพคุณช่วยบำรุงโลหิต



หลายท่านอาจคาดไม่ถึง ว่าเจ้าเม็ดบัวน้อยๆ นี้จะมีสรรพคุณทางยาสามารถช่วยบำรุงโลหิต แต่เชื่อเถอะ เป็นเช่นนั้นจริง หลายท่านที่มักมีอาการวิงเวียนหน้ามืด หรือมีอาการแน่นหน้าอก เพราะปัญหาเลือดน้อย ขอแนะนำสมุนไพรพื้นบ้าน ที่ทานง่าย ราคาไม่แพง ที่สำคัญมีอยู่ในบ้านเรา อย่างเช่นเม็ดบัว มีสรรพคุณทางการบำรุงเลือดที่ดี

สรรพคุณทางวิทยาศาสตร์ของเม็ดบัวนั้น
อุดมไปด้วยวิตามินเอ วิตามินซี วิตามินอี มีโปรตีนเป็นส่วนประกอบอยู่ถึงประมาณ 23 เปอร์เซนต์ และมีเกลือแร่ ฟอสฟอรัส นอกจากนี้ตัวเม็ดบัวยังมีสรรพคุณ บำรุงสมอง บำรุงประสาท บำรุงไต ช่วยรักษาอาการท้องร่วง และบิดเรื้อรัง และสรรพคุณพื้นบ้านที่ใช้กันเป็นยาบำรุงเลือด หรือเพิ่มเลือด

การทานเม็ดบัว
เพื่อการบำรุงเลือด มีข้อแม้ว่าต้องเป็นการทานเม็ดบัวสดเท่านั้น เม็ดบัวที่ผ่านการแปรรูปมาแล้ว หรือการนำมาต้มให้สุกจะใช้ไม่ได้ เม็ดบัวเชื่อมที่ใส่ไอศกรีมก็ใช้ไม่ได้ค่ะ

โดยหา ซื้อฝักบัวสดที่มีขายเป็นกำๆ ตามตลาด ซึ่งหนึ่งฝักจะมีเม็ดบัวอยู่ในฝัก7-10 เม็ด แล้วแต่ความอ้วนของฝัก ดังนั้นเวลาทานต้องแกะออกจากฝัก แล้วนำมาแกะเปลือกออกจากเม็ด เพื่อจะทานเม็ดบัวสีขาวอมเหลืองที่อยู่ในเปลือก เมื่อได้เม็ดบัวที่แกะเปลือกออกแล้ว ให้ทานเข้าไปทั้งเม็ด โดยไม่เอาต้นอ่อนภายในเม็ด หรือที่เราเห็นเป็นเส้นเขียวๆ อยู่กลางเม็ดออก พูดง่ายๆ คือทานเข้าไปหมด รสชาติก็จะมีขมฝาดเล็กน้อย ใหม่ๆ อาจจะไม่คุ้นลิ้น แต่เมื่อทานไปสักระยะก็จะเฉยๆ

ที่ สำคัญต้นอ่อนในเม็ดบัว หรือดีบัวที่หลายคนชอบหยิบออกนั้น คือต้นอ่อนสีเขียวขมๆ สรรพคุณทางยาของจีน กล่าวว่าหากทานเข้าไปแล้วก็จะช่วยบำรุงถุงน้ำดี ช่วยเพิ่มแรงบีบตัวของหัวใจ และบำรุงหลอดเลือดหัวใจอีกด้วย




ข้อสำคัญ พยายามเลือกฝักที่แก่
จะ ได้เม็ดบัวที่โตเต็มที่ ทานวันละไม่น้อยกว่า 20 เม็ด จะทานมากกว่าก็ไม่ห้าม เพราะเม็ดบัวปกติเป็นของทานเล่นพื้นบ้านเราอยู่แล้ว ทีนี้คุณก็ได้อาหารบำรุงเลือด บำรุงหัวใจ แบบธรรมชาติราคาแสนจะคุ้มกับประโยชน์ทีเดียวลองดูนะคะ


เมล็ดบัวไทยอุดมสารต้านอนุมูลอิสระ

โดย : สาลินีย์ ทับพิลา

จากที่ชอบกินเมล็ดบัวสด และขนมที่ผสมเมล็ดบัว อาจารย์ม.ศิลปากรจึงศึกษาล้วงลึก พบสารต้านอนุมูลอิสระสูงกว่าเมล็ดบัวจีน 5-6 เท่า
 
ผศ.ดร.ปริญดา เพ็ญโรจน์ อาจารย์ประจำภาควิชาเทคโนโลยีอาหาร คณะวิศวกรรมศาสตร์และเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยศิลปากร ชี้ว่า เมล็ดบัวเป็นส่วนประกอบที่ใช้ในขนมไทยหลายชนิด ทั้งยังมีคุณค่าทางโภชนาการ แต่เมล็ดบัวที่มีขายอยู่ในท้องตลาดมักเป็นเมล็ดบัวแห้งจากจีนที่มีขนาดใหญ่กว่า จึงอยากจะเพิ่มมูลค่าให้กับเมล็ดบัวไทย


 "เมล็ดบัวไทยมีขนาดเล็ก ทั้งยังหาได้ยาก ทำให้ราคาเท่ากับเมล็ดบัวจากจีนที่มีขนาดใหญ่ ทำให้คนเลือกซื้อของจีนมากกว่า จึงศึกษาเชิงลึกเพื่อดูประโยชน์ของเมล็ดบัวไทย โดยมีแรงบันดาลใจมาจากบัวราชินีที่มีรากยาว เมล็ดบัวค่อนข้างใหญ่" 


 นักวิจัยตั้งเป้าใช้เมล็ดบัวจากบัว 4 สายพันธุ์คือ บัวราชินีพันธุ์ปทุม, บัวสีขาว พันธุ์บุญทริก บัวสัตตบุษต์และบัวสัตบงกช แต่ในช่วงแรกยังหาตัวอย่างเมล็ดบัวสัตตบุษต์และบัวสัตบงกชไม่เพียงพอ เนื่องจากเป็นสายพันธุ์หายาก จึงทดสอบกับเมล็ดบัวราชินีพันธุ์ปทุม, บัวสีขาว พันธุ์บุญทริก เทียบกับเมล็ดบัวจีนก่อน


 ตัวอย่างเมล็ดบัวถูกนำมาทำแห้งแล้วเข้าเครื่องบดให้เป็นผง จากนั้นนำมาทดสอบคุณค่าทางโภชนาการโดยเปรียบเทียบกับเมล็ดบัวจาก จีน ผลที่ได้พบว่า บัวราชินีพันธุ์ปทุมีไขมันสูงกว่าสายพันธุ์อื่น เหมาะกับการนำไปทำขนม ในขณะที่ ค่าไฟเบอร์ โปรตีนและอะไมเลส ใกล้เคียงกัน


 ผศ.ดร.ปริญดาจึงมุ่งไปยังค่าสารต้านอนุมูลอิสระ โดยเมื่อวิเคราะห์ผงแป้งจากเมล็ดบัว 3 ชนิด พบว่า บัวไทยทั้ง 2 สายพันธุ์มีสารต้านอนุมูลอิสระสูงกว่าเมล็ดบัวจากจีน 5-6 เท่า
หลังจากพบคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ จึงศึกษาต่อในแง่ของการประยุกต์ใช้ โดยดูพฤติกรรมความหนืด ลักษณะการเกิดเจล การทนความร้อน รวมถึงการแข็งตัวของแป้งเมล็ดบัว ซึ่งจะส่งผลต่อการนำไปใช้ในเชิงอาหาร


 นักวิจัยจากศิลปากรอธิบาย ก่อนชี้ว่า ผลการวิเคราะห์เบื้องต้นพบว่า แป้งจากเมล็ดบัวไทย มีความหนืดน้อยกว่า ทนความร้อนมากกว่า  เมื่อเม็ดแป้งแตกตัว ความหนืดก็ไม่เปลี่ยนแปลง ทำให้ช่วยย่นระยะเวลาในการประยุกต์ทำเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ


 งานวิจัย "การศึกษาคุณสมบัติทางเคมีกายภาพของแป้งเมล็ดบัวและการประยุกต์ใช้ในอาหาร" ได้รับทุนสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) จำนวน 4.8 แสนบาท ระยะทุน 2 ปี (2551-2553) ซึ่งปัจจุบัน งานวิจัยลุล่วงไปกว่า 50% แล้ว


 ต่อไป ผศ.ดร.ปริญดาเผยว่า ขั้นตอนต่อไปคือ การศึกษาคุณสมบัติด้านการละลายในของเหลว เพื่อดูความอยู่ตัวเมื่อนำไปประยุกต์ใช้ผสมกับน้ำหรือน้ำมัน ในขณะเดียวกันก็ต้องศึกษาเพิ่มว่า สารต้านอนุมูลอิสระที่พบนั้น อายุการเก็บเกี่ยวมีผลหรือไม่


"หากมองในเชิงพาณิชย์ แป้งเมล็ดบัวสายพันธุ์ไทยเกิดได้ แต่จะอยู่ในลักษณะของแป้งทำขนมเพื่อสุขภาพ เกรดสูง ราคาแพง เนื่องจากเมล็ดบัวไทยมีปริมาณน้อย เจ้าของบ่อบัวมักจะตัดขายดอกมากกว่าที่จะรอจนได้เมล็ดบัวที่มีขนาดเล็กกว่าของจีน ผู้บริโภคไม่นิยม


 แต่หากเราสามารถพิสูจน์ถึงคุณค่าของเมล็ดบัวไทยที่ส่งผลดีต่อสุขภาพ รับกระแสอาหารเพื่อสุขภาพ จะทำให้เกิดความต้องการเมล็ดบัวไทย ผู้ผลิตก็พร้อมที่จะนำออกมาวางขาย ที่สำคัญ กระแสความสนใจบัวไทย และเมล็ดบัวไทยก็จะมากขึ้น งานวิจัยที่จะช่วยเพิ่มขนาดเมล็ดบัวไทยหรืองานวิจัยต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องก็จะมีมากขึ้นตามมา" นักวิจัยจากศิลปากรกล่าว


เม็ดบัว หนึ่งในสุดยอดธัญพืช



เม็ดบัว หนึ่งในสุดยอดธัญพืช เพื่อน ๆชักสงสัยแล้วละซิว่าเม็ดบัวมีดีอย่างไร มีประโยชน์อะไรบ้าง  ถ้า อยากรู้เราไปดูกันเลยดีกว่า
          เม็ดบัว ภาษาจีนเรียกว่า เก่าซิก ,หน่อยซิก  หรือ  หน่อยผ่องจื้อ เป็นธัญพืชที่ ให้คุณค่าทางอาหารสูง ทานได้ทั้งสดและแห้ง มีโปรตีนเป็นส่วนประกอบมากกว่าข้าว 3 เท่าเลยทีเดียว  นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งรวมของวิตามินอีกหลายชนิด เช่น วิตามินเอ ,วิตามินซี, วิตามินอี , เกลือแร่  และฟอสฟอรัส  วิตามินเหล่านี้มีส่วนช่วยในการบำรุงประสาท  บำรุงไต  บำรุงสมอง


นอกจากนี้เม็ดบัวยังมีสรรพคุณทางยาในการรักษา อาการท้องร่วง ,บิดเรื้อรัง ,สตรีประจำเดือนมามาก , น้ำอสุจิเคลื่อน(น้ำกามออกไม่รู้ตัว) ส่วนดีบัว(ต้น อ่อนที่อยู่ในเม็ดบัวมีรสขม) ยังช่วยลดความดันโลหิตสูง ช่วยเพิ่มแรงบีบตัวของหัวใจ , ช่วยขยายหลอดเลือด ,แก้กระหาย, อาเจียนเป็นเลือด เป็นต้น
จากคุณสมบัติที่ดีเลิศของ เม็ดบัว คนสมัยก่อนจึงนิยมนำ เม็ดบัว มาทำอาหาร ทั้งคาวและหวาน  เช่น  ข้าวผัดเม็ดบัว , สังขยาเม็ดบัว , เม็ดบัวเชื่อม ,ขนมหม้อแกงเม็ดบัว , ใส่ในเต้าฮวย เป็นต้น ถ้านำเม็ดบัวมาปรุงอาหารร่วมกับลำไยแห้งจะทำให้สรรพคุณทางยาของเม็ดบัวเพิ่มมากขึ้น


- นึ่งเม็ดบัวจนสุก นำไปตากแห้ง แล้วนำมาบดเป็นผง ทานครั้งละ 15 กรัม วันละ 3 ครั้ง เพื่อรักษาอาการท้องเสียเรื้อรัง
- ดื่มน้ำชาที่ต้มจากดีบัวและเก๊กฮวย ช่วยบำรุงสายตา บำรุงสุขภาพ และลดความดันโลหิต
- นำเม็ดบัว ลำไยแห้ง น้ำตาลกรวด และกุ้ยฮวย ตุ๋นรวมกันด้วยไฟอ่อนๆ ทานบำรุงร่างกาย หัวใจ เลือด และม้าม
- เนื้อเป็ดนึ่งกับเนื้อขาหน้าหมู ดอกบัวสด ลิ้นจี่ แฮมสุก ทานเป็นอาหารบำรุงร่างกาย ช่วยให้เจริญอาหาร


ข้อควรระวัง
ผู้ที่มีอาการท้องผูก ท้องเฟ้อ อาหารไม่ย่อย ไม่ควรทาน
ไม่ควรปรุงอาหารที่มีเม็ดบัวในภาชนะที่ทำจากเหล็ก เพราะจะทำให้เม็ดบัวกลายเป็นสีดำ


ของดีๆ รู้แล้ว เพื่อน ๆ ก็ลองหันมาทานเม็ดบัวกันเถอะ  เพื่อจะได้มีสุขภาพที่ดีห่างไกลจากโรคภัย  


http://thai-healthy.blogspot.com/


Read More...


“กะทิสด” รสเด็ดขนมไทย หอมชื่นใจ หวานอร่อย

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 12 มิถุนายน 2554 14:35 น.

บรรยากาศในร้านกะทิสด
       “ผ่านมาแวะกิน” พาไปชิมอาหารคาว ข้าว ก๋วยเตี๋ยว หมุนเวียนเปลี่ยนไปมาหลากหลายร้านแล้ว มื้อนี้เลยอยากจะพาไปล้างปากกับของหวานกันบ้าง มากันที่ร้าน “กะทิสด”ที่นำเสนอขนมหวานแบบไทยๆ แสนอร่อย ที่มีหน้าตาและสีสันชวนลิ้มลอง
    
       ร้าน “กะทิสด” เปิดมาได้ 3 ปีแล้ว เป็นร้านขนมหวานไทยๆ ที่มีจุดเด่นอยู่ที่ “กะทิ” ซึ่ง จะแตกต่างจากร้านอื่นตรงที่เป็นลักษณะของกะทิคั้นแห้งไม่ได้ผสมกับน้ำ จึงทำให้ได้หัวกะทิแบบเน้นๆ และได้กลิ่นหอมของกะทิมากกว่า ซึ่งมะพร้าวกะทิที่จะนำมาทำน้ำกะทินั้นก็คัดสรรมาเป็นอย่างดี และนำมาทำกันสดๆ ใหม่ๆ ทุกวัน ทำให้ได้ขนมหวานแบบคุณภาพ
ทับทิมกรอบสยาม




       ถ้าจะลองชิมกะทิหวานอร่อยของที่นี่ ก็ต้องสั่งเมนูแนะนำ ทับทิมกรอบสยาม (ถ้วยละ 30 บาท) สีแดงน่ากิน ที่จะใช้แห้วเป็นวัตถุดิบหลัก นำมาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วห่อด้วยแป้งสูตรเฉพาะของทางร้านได้ออกมาเป็นทับทิมกรอบสยามที่กรอบข้าง ใน ข้างนอกแป้งบางนุ่ม ไม่ร่วน ไม่หนามากไป เสิร์ฟมาพร้อมกับแห้ว มะพร้าวกะทิ และชิ้นขนุน ราดด้วยกะทิสดหวานมันหอม โปะด้วยน้ำแข็งปั่นละเอียดจนเกือบจะเป็นเกล็ด ทำให้ได้ความเย็นชื่นใจเพิ่มขึ้น
ทับทิมกรอบเผือกหอม
       นอกจากทับทิมกรอบสยามแล้ว ก็ยังมีอีกสองเมนูทับทิมที่น่าลิ้มลอง คือ ทับทิมกรอบเผือกหอม (ถ้วยละ 30 บาท) โดยถ้วยนี้จะเลือกใช้เผือกหอมมาแทนแห้ว เผือกหอมที่ได้ก็นำมาหั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าเล็กๆ ห่อด้วยแป้ง ผสมกับสีผสมอาหารสีม่วง และในถ้วยก็จะมีแห้ว ขนุน และมะพร้าวกะทิด้วย ซึ่งมะพร้าวกะทินั้นก็จะนำมาหั่นเป็นชิ้นแล้วนำไปเชื่อมกับน้ำตาลอีกเล็ก น้อยเพื่อให้ได้ความหวานซึมเข้าเนื้อ ลองชิมแล้วทั้งหนึบทั้งหอมมันส่วนตัวทับทิมกรอบเผือกหอมก็จะนุ่มๆ หนึบๆ
ทับทิมกรอบมัน
       อีกถ้วยก็คือ ทับทิมกรอบมัน (ถ้วยละ 30 บาท) ที่ใช้มันญี่ปุ่นมาแทนแห้วและเผือกหอม ถ้วยนี้ก็จะนุ่มๆ เด้งๆ ได้รสชาติแตกต่างจากแห้วและเผือกหอม ส่วนเครื่องเคราอื่นๆ ก็ใส่มาเหมือนๆ กับอีกสองถ้วย และได้ความหอม หวาน มัน จากกะทิสดเหมือนกัน
    
       หรือถ้าอยากจะลองชิมทับทิมกรอบทั้งสามแบบก็ต้องสั่ง ทับทิมกรอบแฟนซี (ถ้วยละ 30 บาท) ที่จะได้ชิมครบทุกอย่าง หรือจะสั่ง ทับทิมกรอบใส่ลูกมะพร้าว (ลูกละ 40 บาท) และยังมี ทับทิมกรอบเกล็ดหิมะกะทิสด (ถ้วยละ 40 บาท) ที่จะนำตัวกะทิสดไปแช่แข็งแล้วนำออกมาปั่นเป็นเกล็ดหิมะ ใช้แทนกะทิสดที่เป็นน้ำ ได้รสชาติหวานหอมเย็นจับใจยิ่งกว่า
ทับทิมกรอบใส่ลูกมะพร้าว
       หรือจะลองชิม เกล็ดหิมะนมสด (ถ้วยละ 40 บาท) ที่จะเป็นน้ำแข็งเกล็ดหิมะราดด้วยน้ำแดง น้ำเขียว หรือน้ำองุ่น แล้วตามด้วยเครื่องต่างๆ ทั้ง ถั่วแดง เผือก มัน สับปะรด และวุ้นมะพร้าว ทอปปิ้งด้วยไอศกรีมกะทิ โรยหน้าด้วยซีเรียลเพิ่มความกรุบกรอบ ไอศกรีมหวานมันหอมชื่นใจ คู่กับน้ำแข็งเกล็ดหิมะหวานๆ และเครื่องเคียงหลายอย่างก็เข้ากันดี เหมาะกับช่วงที่อากาศร้อนๆ หรือตอนที่กำลังร้อนอกร้อนใจ
ทับทิมกรอบเกล็ดหิมะกะทิสด
       นอกจากขนมหวานที่ได้ลองชิมไปแล้ว ทางร้านก็ยังมีขนมหวานไทยๆ อีกหลายชนิดให้มาเลือกกัน อาทิ ลูกตาลมะพร้าวกะทิ (30 บาท) ผลไม้ลอยแก้ว (กระปุกละ 35 บาท, 3 กระปุก 100 บาท) วุ้นฟรุ๊ตสลัด (35 บาท) วุ้นลูกชุบ (35 บาท) ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง เม็ดขนุน ฯลฯ ที่จัดเรียงอยู่ในตู้เย็นที่ทางร้านเรียกว่าป่าขนมหวานไทย (กระปุกเล็ก 20 บาท / กระปุกใหญ่ 35 บาท, 3 กระปุก 100 บาท) และยังมีสารพัดน้ำที่ทางร้านทำเอง เช่น กระเจี๊ยบ เก๊กฮวย ใบเตย กีวี เป็นต้น (ขวดละ 15 บาท)
    
       ตามมาลองลิ้มชิมรสชาติขนมหวานไทยๆ กับกะทิสดหอมหวานมันอร่อยแบบนี้กันได้ที่ร้าน “กะทิสด” ใน ซ.แจ้งวัฒนะ 14 กะทิสดอร่อยสมชื่อร้านแบบนี้ กินกันจนลืมอิ่มเลยทีเดียว
เกล็ดหิมะนมสด
       * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
    
       ร้าน “กะทิสด” ตั้ง อยู่ที่ 29/5-6 ซ.แจ้งวัฒนะ 14 (ซ.บิ๊กซี) แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. การเดินทางถ้ามาจากแยกหลักสี่ ให้วิ่งตรงมาบน ถ.แจ้งวัฒนะ ฝั่งที่จะไปปากเกร็ด ตรงมาเรื่อยๆ จนถึงแยกคลองประปา ให้กลับรถแล้วตรงมาจนถึงห้างบิ๊กซี แล้วเลี้ยวเข้าซอยด้านข้างห้าง (ซ.แจ้งวัฒนะ 14) ตรงไปอีกประมาณ 300 เมตร สังเกตทางซ้ายมือ จะเห็นร้านตั้งอยู่ติดริมถนน มีป้ายให้เห็นชัดเจน สามารถจอดรถได้ด้านหน้าร้าน ทางร้านรับออกงานภายนอก และรับสั่งทำกระเช้าขนม ร้านเปิดทุกวัน เวลา 10.30-22.00 น. โทร.0-2573-6071-2, 08-6620-4953

Read More...


“ข้าวขาหมูเจ๊มะลิ” เนื้อนุ่มแน่น อร่อยเต็มคำ

 โดย : ผ่านมาแวะกิน (travel_astvmgr@hotmail.com)
คุณมะลิ ชาแก้ว หรือเจ๊มะลิ เจ้าของร้าน
       เวลามีใครมาทักว่าดูอ้วนท้วนสมบูรณ์ขึ้น หลายคนก็จะรู้สึกสะเทือนใจ โดยเฉพาะสาวๆ ทั้งหลาย แต่สำหรับ “ผ่านมาแวะกิน” แล้ว ไม่ค่อยเป็นปัญหาสักเท่าไหร่ เพราะความสุขนั้นอยู่ที่การกิน ฉะนั้น ถึงน้ำหนักจะขึ้นบ้างเล็กๆ น้อยๆ ก็ถือซะว่าเป็นผลพลอยได้จากความสุขทางปาก
     




       ในมื้อนี้ เราก็เลยอยากจะชวนกันมาเพิ่มเนื้อหนังให้ตัวเองกับเมนูขาหมูกันที่ร้าน “ข้าวขาหมูเจ๊มะลิ” ที่ขายกันมานมนานเกือบ 40 ปีแล้ว โดยคุณมะลิ ชาแก้ว หรือเจ๊มะลิ เจ้าของร้านอัธยาศัยดี ที่เสิร์ฟขาหมูอร่อยๆ ให้ลูกค้าได้ชิมกัน
บรรยากาศที่นั่งของร้าน
       ความโดดเด่นของร้านนี้อยู่ที่กรรมวิธีการทำขาหมูที่ไม่เหมือนใคร โดยจะเคี่ยวบนเตาถ่าน ซึ่งใช้ถ่านแบบเดียวกันกับถ่านปิ้งหมูสะเต๊ะ ที่จะให้ไฟแรงกว่าถ่านทั่วไป และการเคี่ยวบนเตาถ่านนี้ก็จะให้กลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์ เชิญชวนมาให้ลิ้มลองมากกว่าการเคี่ยวบนเตาแก๊สทั่วไป
ขาหมูเนื้อ-หนัง
       มาลองชิม ข้าวขาหมู (จานละ 30 บาท) กันก่อนสักจาน เริ่มจากข้าวที่จะใช้ข้าวหอมมะลิอย่างดีมาหุงไม่ให้แฉะหรือแข็งเกินไป ส่วนขาหมูนั้นจะเลือกใช้ทั้งขาหน้าและขาหลังปนกันไป นำมาล้างทำความสะอาด จากนั้นนำไปทอดเพื่อให้ไขมันในขาหมูละลายออกไป แล้วค่อยนำมาต้มกับเครื่องพะโล้ ปรุงรสและเพิ่มสีสันด้วยซีอิ้วอย่างดี ใส่เหล้าจีนเพื่อลดกลิ่นคาวและเพิ่มความหอม เคี่ยวต่อไปเรื่อยๆ จนเนื้อเปื่อยนุ่ม ก็นำมาเสิร์ฟกับข้าวสวยร้อนๆ ได้เลย
ไข่ต้มและเต้าหู้
       ถ้าไม่สั่งเป็นข้าวขาหมู จะสั่งขาหมูมาเป็นจานๆ ก็ตามแต่ความชอบ หรือจะสั่งเป็นทั้งขา (ขาละ 350-380 บาท) แล้วค่อยสั่ง ข้าวเปล่า (จานละ 7 บาท) หรือหากอยากจะเพิ่มโปรตีนด้วย ไข่ต้ม (ฟองละ 7 บาท) มากินคู่กันก็ได้
ลิ้นหมู
       นอกจากขาหมูแล้ว ที่ร้านก็ยังมีส่วนอื่นๆ ให้เลือกชิมตามชอบ อย่างเช่น ลิ้น (80 บาท) ไส้ (30-40 บาท) หาง (30 บาท) คากิ (50-70 บาท) เต้าหู้ (5 บาท) เห็ดหอม (5-10 บาท) ซึ่งทุกอย่างนั้นจะนำมาทำความสะอาด แล้วนำไปเคี่ยวกับน้ำพะโล้เช่นเดียวกับขาหมู ทำให้ได้รสชาติความเข้มข้นเต็มที่ ออกรสเค็มมากกว่าหวาน เนื้อขาหมูเปื่อยนุ่ม ส่วนอื่นๆ ก็เปื่อย ไม่เหนียว เคี้ยวกันเต็มปากเต็มคำ
ไส้หมู
       เวลาที่นำขาหมูมาเสิร์ฟนั้น ก็จะมาพร้อมๆ กับเครื่องเคียงที่ขาดไม่ได้ นั่นก็คือ ผักฉ่ายกัว เป็น ผักกาดแห้งหมักเกลือ เวลากินคู่กันจะได้รสออกเค็มๆ เล็กน้อย และที่ขาดไม่ได้สำหรับความอร่อยที่นี่ก็คือ น้ำจิ้มสูตรเด็ดของเจ๊มะลิ ที่ใช้พริกขี้หนูสวนมาตำเอง ปรุงรสชาติด้วยเคล็ดลับเฉพาะ ได้น้ำจิ้มรสชาติจัดจ้าน ทั้งเปรี้ยวทั้งเผ็ด เข้ากันดีกับขาหมูที่ออกเค็มหวาน
หางหมู
       ถ้าหากว่าใครอยากจะมาลองลิ้มความอร่อยของขาหมูที่ร้านนี้ คงจะต้องรีบมากันแต่เช้า เพราะของดีก็มีน้อย ถึงแม้ว่าจะเปิดขายถึงเที่ยง แต่ถ้าขายดีบางวันก็หมดตั้งแต่เก้าโมงเช้า ฉะนั้นถ้าอยากจะมากินก็โทรศัพท์มาสอบถามเจ๊มะลิก่อนก็ได้ว่าหมดหรือยัง หรือหากจะสั่งทำขาหมูก็ควรสั่งล่วงหน้า 1-2 วันจะได้เตรียมไว้ให้อย่างเรียบร้อย
    
       มากินขาหมูที่ร้าน “ข้าวขาหมูเจ๊มะลิ” กันอิ่มแล้ว ก็ไปเดินย่อยออกกำลังกายสลายไขมันกันต่อที่ตลาดโบ๊เบ๊ หรือจะไปเลือกซื้อผลไม้หลากหลายกันที่ตลาดมหานาคต่อก็ยังได้
คากิ
       * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
    
       “ข้าวขาหมูเจ๊มะลิ” ตั้งอยู่ในตลาดโบ๊เบ๊ สะพาน 4 การเดินทางจากแยกหัวเฉียว เลี้ยวเข้าถนนกรุงเกษม เลียบคลองผดุงกรุงเกษม ผ่านโรงพยาบาลหัวเฉียว มุ่งหน้ามาทางตลาดโบ๊เบ๊ สังเกตสะพานข้ามคลองทางขวามือนับไปถึงสะพานที่ 4 (มีป้ายบอกชื่อสะพาน 4) ให้เดินตรงเข้าไปข้ามสะพาน 4 ตรงผ่านร้านขายผ้าต่างๆ จะเจอสามแยก ให้เลี้ยวขวา จากนั้นตรงไปแล้วเลี้ยวซ้ายตรงตรอกแรก จะมีตลาดสดอยู่ทางซ้ายมือ ให้เข้าไปในตลาด ร้านข้าวขาหมูเจ๊มะลิจะอยู่บริเวณกลางตลาด สามารถจอดรถได้ที่ตึกโบ๊เบ๊ทาวเวอร์ แล้วเดินย้อนมาที่สะพาน 4 (ตรงสะพาน 4 นำรถเข้าไปไม่ได้) รับสั่งทำข้าวขาหมูกล่อง และขาหมูไหว้เจ้า ร้านเปิดทุกวัน เวลา 06.00-12.00 น. โทร. 08-1634-9119, 0-2249-9147

Read More...


มาลองทำสละลอยแก้วกันเถอะ

sala1 มาลองทำสละลอยแก้วกันเถอะ

ช่วงนี้ราคาผลไม้แต่ละชนิด ราคาถูกแสนถูก วันก่อนไปตลาดเห็นสละราคาถูกมาก เลยซื้อมา
หลายกิโล กะว่าจะมาทำสละลอยแก้วซะหน่อย เผื่อมาพลาสเจอร์ไรซ์จะเก็บไว้ทานได้หลายวัน





ส่วนผสม

- สละ 1 กิโลกรัม

- น้ำตาลทราย 1 ถ้วยตวง

- น้ำเปล่า 2 ถ้วยตวง

- เกลือ 2 ช้อนชา

-ใบเตย

วิธีทำ

ปอกสละลอกใยออกให้หมด

sala syrup1 มาลองทำสละลอยแก้วกันเถอะ
sala syrup2 มาลองทำสละลอยแก้วกันเถอะ

คว้านเมล็ดออกโดยใช้มีดคว้านปลายโค้งค่อยๆ เลาะเนื้อสละ

ให้หลุดออกจากเม็ด โดยใช้มีดแทงเข้าไปเลาะทั้ง 2 ด้าน
เมื่อคว้านเมล็ดสละเสร็จแล้ว นำเนื้อสละล้างด้วยน้ำเกลือ (น้ำ 1/2 ถ้วย เกลือ 1 ช้อนชา) สง

ให้สะเด็ดน้ำ

sala syrup6 มาลองทำสละลอยแก้วกันเถอะ

ต่อจากนั้นตั้งน้ำให้เดือดใส่น้ำตาลทราย 1 ถ้วยครึ่ง ใส่ใบเตยสัก 5-6 ใบ ม้วนเป็นก้อน
แล้วใส่ลงไป ตั้งไฟ พอเดือดยกลงกรอง

sala syrup5 มาลองทำสละลอยแก้วกันเถอะ

- นำขึ้นตั้งไฟใหม่ พอเดือดใส่สละที่เตรียมไว้ ใส่เกลือ 1 ช้อนชา ชิมรสให้ได้ตามต้องการ

sala syrup7 มาลองทำสละลอยแก้วกันเถอะ

- ต้มสักครู่ ยกลงทิ้งไว้ให้เย็น เสริฟใส่น้ำแข็ง อากาศร้อนๆได้ชิมสละลอยแก้ว
เสร็จ ตักใส่ชาม หน้าตาแบบนี้  สักถ้วย รู้สึกชื่นใจมากๆ

sala syrup0 มาลองทำสละลอยแก้วกันเถอะ

แต่ถ้าจะพลาสเจอร์ไรซ์ก็เอาขวดแก้วใส่รังถึงนึ่งสัก 15 นาที
เอาสละลอยแก้วที่เพิ่งปิดเตาใส่ลงในขวดที่นึ่งแล้วนึ่งต่ออีกสัก 15 นาที
ปิดฝาไว้ แล้วเก็บใส่ตู้เย็นไว้ได้นานเป็นสัปดาห์

http://www.keajon.com/

Read More...


แพนด้าลูกชิ้นปลาระเบิด ลูกชิ้นปลาทอดแฟรนไชส์ ธุรกิจน่าลงทุนในยุคนี้

แพนด้าลูกชิ้นปลาระเบิดต้นตำหรับแฟรนไชส์ลูกชิ้นปลาระเบิดที่มาแรงที่สุดแห่งปี รับรองคุณภาพและบริการด้วยรางวัลสุดยอด SMEs ประจำปี 2010 สาขาแฟรนไชส์น่าลงทุนแห่งปี 
 
000321295666564 แพนด้าลูกชิ้นปลาระเบิด ลูกชิ้นปลาทอดแฟรนไชส์ ธุรกิจน่าลงทุนในยุคนี้

ลูกชิ้น เป็นของทานเล่นที่คนไทยทุกรุ่นทุกวัยโปรดปรานเป็นที่สุด แต่ที่จะให้อร่อยติดใจลูกค้านั้นมีเพียงไม่กี่เจ้าเท่านั้น และสิ่งนี้เองที่จุดประกายให้ คุณสมศักดิ์ ลิขิตวรกุล หรือคุณบิ๊ก หนุ่มนักเรียนนอกไฟแรง ผันความชอบให้เป็นอาชีพ พร้อมส่งต่อโอกาสให้ทุกคนด้วย ‘แฟรนไชส์แพนด้าลูกชิ้นปลาระเบิด’ เพราะเห็นว่าคุณภาพลูกชิ้นปลาทอดที่มีขายอยู่มากมายแต่กลับหาที่อร่อยถูกใจ ไม่ได้ จึงเกิดความสนใจและหันมาเริ่มต้นธุรกิจลูกชิ้นปลาทอดคุณภาพดี ด้วยการคิดค้นพัฒนาสูตรลูกชิ้นปลาระเบิดที่สามารถควบคุมคุณภาพและรสชาติได้ เอง พร้อมชูจุดเด่นความอร่อยที่แตกต่างของแพนด้าลูกชิ้นปลาระเบิดที่ใช้เนื้อปลา ทะเลแท้ๆ ที่มาพร้อมน้ำจิ้มสูตรเด็ดที่ผ่านการทดลองมากว่า 60 สูตร
 




โดยผ่านการวิจัยและทดสอบกับผู้บริโภคจนได้รสชาติที่กลมกล่อม ไม่เผ็ดจนเกินไป และไม่หวานจนเลี่ยน ขายในราคาเพียงชุดละ 20 บาท นับเป็นอาหารว่างคุณภาพดี ที่ตอบสนองพฤติกรรมการบริโภคของคนไทยที่นิยมทานอาหารกินเล่นไม่แพ้อาหารหลัก ได้ตรงใจเลยทีเดียว

000321295666668 แพนด้าลูกชิ้นปลาระเบิด ลูกชิ้นปลาทอดแฟรนไชส์ ธุรกิจน่าลงทุนในยุคนี้

ด้วย รูปแบบและโลโก้ที่โดดเด่นพร้อมกำไรเบื้องต้นที่สูงถึง 50% บวกกับของแถม รวมถึงอุปกรณ์พร้อมขายครบครันช่วยให้สามารถเปิดขายได้ง่ายและสามารถคืนทุน ได้ภายใน 1 เดือน อีกทั้งการจัดการที่ไม่ยุ่งยากดูแลง่ายใคร ๆ ก็ทำได้ วันนี้ “แฟรนไชส์แพนด้าลูกชิ้นปลาระเบิด” จึงได้เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วและกระจายความอร่อยไปแล้วกว่า 100 สาขาทั่วทุกภาคของประเทศ

คุณบิ๊ก บอกว่า “เราสามารถคำนวณดูกำไรได้ดังนี้ ถ้าคิดจากลูกชิ้น 1 กิโลกรัมขายได้ 8 ชุด ชุดละ 20 บาท เท่ากับ ได้เงินจากลูกค้า 160 บาท มีต้นทุนลูกชิ้นกิโลกรัมละ 42 บาท ต้นทุนน้ำจิ้มต่อลูกชิ้น 1 กิโลกรัม 25 บาท ต้นทุนจิปาถะต่างๆ อีก 13 บาทโดยประมาณเมื่อนำ 160 – 80 บาท เท่ากับว่าจะได้กำไรเฉลี่ย 80 บาท/กิโลกรัม ซึ่งปัจจุบันลูกค้าขายเฉลี่ยวันละ 15 – 20 กิโล ซึ่งหากลองคำนวณดูแล้วจะเห็นได้ว่าลูกค้าจะสามารถคืนทุนได้ภายใน 1 เดือน แต่ก็มีสาขาของเราจำนวนไม่น้อยที่ขายได้เกินค่าเฉลี่ยและสามารถคืนทุนได้ภาย ใน 1-2 อาทิตย์ รวมทั้งได้กำไรเกือบแสนบาทต่อเดือนก็มีเช่นกันครับ”

ด้วย คุณภาพสินค้าที่โดดเด่น การบริการและแผนการตลาดระยะยาว จากการบริหารงานโดยนักธุรกิจผู้มีประสบการณ์พร้อมด้วยทีมงานมืออาชีพที่มีใจ บริการ ทำให้สโลแกนกรอบ..อร่อย..ติดใจ..ไม่มีเบื่อ แทรกเข้าไปอยู่ในใจลูกค้าแบบติดหนึบเรียบร้อยแล้ว

รูปแบบการลงทุน
ค่าแฟรนไชส์                       โปรโมชั่น 24,900 บาท (จากปกติ 40,000 บาท)
สิ่งที่แฟรนไชส์จะได้รับ            รถเข็น+ป้ายแพนด้า+อุปกรณ์ครบชุดพร้อมขาย+การฝึกสอน
ฟรีของแถมลูกชิ้น 60 กิโลกรัม น้ำจิ้ม 20 กิโลกรัมและถุงลายแพนด้าอีก 1 กิโลกรัม มูลค่า 9,600 บาท  (เท่ากับว่าต้นทุนแฟรนไชส์เหลือเพียง 15,300 บาทเท่านั้น)

thumbnailshow424136 253x300 แพนด้าลูกชิ้นปลาระเบิด ลูกชิ้นปลาทอดแฟรนไชส์ ธุรกิจน่าลงทุนในยุคนี้

ทำไมต้องแฟรนไชส์ แพนด้า ลูกชิ้นปลาระเบิด
- ขายง่าย… กำไรดี –> มีความแตกต่างอย่างชัดเจน
- ลงทุนน้อย… คืนทุนเร็ว –> การันตีคืนทุนภายใน 1 เดือน*
- รูปแบบร้าน…โดดเด่น –> ออกแบบโดยมืออาชีพในวงการโฆษณา
– อร่อย..รสคงที่ไม่ต้องปรุง –> ผ่านการพัฒนามาอย่างดี ไม่มีรสเพี้ยน
– จัดการง่าย..ใคร ๆ ก็ทำได้ –> ไม่ต้องเช็คสต๊อกหรือเตรียมวัตถุดิบให้ยุ่งยาก
-  มั่นใจ และมั่นคง –> ด้วยคุณภาพสินค้า การบริการและแผนการตลาดระยะยาว
- จริงใจ ไม่ทอดทิ้ง –> บริหารงานโดยนักธุรกิจผู้มีประสบการณ์พร้อมทีมงานมืออาชีพ

เรามีรูปแบบการลงทุนที่หลากหลาย สามารถจัดได้ตามความต้องการและงบประมาณของลูกค้า แนะนำให้

โทรสอบถามข้อมูลกับเราครับ

สนใจติดต่อ : 087-0036066 (คุณบิ๊ก)
e-mail: pandaplaraberd@gmail.com หรือ Facebook ที่
http://www.facebook.com/#!/pandaplaraberd

Read More...




----------------

ปรับปรุง
รายการบทความทั้งหมด



การบำรุงรักษารถยนต์เบื้องต้น



ร้านค้าเคลื่อนที่ ใช้ รถบรรทุกขนาดเล็กมาดัดแปลง



รวมบทความอาชีพ เสริม หลากไอเดียวิธีหารายได้เสริม



รวมบทความงานฝีมือ-สิ่งประดิษฐ์ รายได้เสริม



ทองม้วน thong muan ; rolled wafer





MASK รุ่นสายคล้องคอ







MASK รุ่นสายคล้องคอ. ��รุ่นนี้เป็นที่นิยมใช้กันมาก #ขายดีมาก
ทำจากผ้าคอตตอนแท้ 100%  ไม่ผสม เนื้อผ้านุ่ม 
3 ชั้น. สวมใส่พอดีกับใบหน้า ไม่เจ็บหู มีสายคล้องคอปรับได้
เวลาถอดออก ไม่ต้องกลัวลืม เพราะถอดแล้วคล้องคอไว้ได้
บรรจุในถุงซิปฟรอย์อย่างดี
ราคาชิ้นละ. 59. บาท. ไม่รวมส่ง 
มีหลายสีให้เลือกนะคะ   สนใจทักแชทขอดูสีผ้าได้นะคะ
หน่วยงาน บริษัท ห้างร้าน หรือ สนใจสั่งไปจำหน่าย 
มีเรทราคาส่งค่ะ

-> id line : noeyhorm_06
#มีวางจำหน่ายหน้าร้านชานมไต้หวันมาราชาสาขาจรัญ44


ร้านมาราชาชานมไข่มุก สาขาจรัญสนิทวงศ์ 44
● รับบัตรสะสมครบ 10 แก้ว แลกรับฟรี 1 แก้ว
● สั่งเดลิเวอรีผ่าน LINE MAN, Foodpanda ,GET ...ถึงมือปั๊บพร้อมดื่มปุ๊บ!
● อัพเดทโปรโมชั่นใหม่ๆ รสชาติใหม่ ตลอดเวลา
● มีเมนูให้เลือก 40 กว่าเมนู : https://bit.ly/2Z9iqV0






























































เลือกช่องทางติดต่อและรับข่าวสารบริการหลังการขาย
ฟอร์ด พลปิยะอยุธยาและฟอร์ด พลปิยะวังน้อย

--------------------------------------------------------------------------------------------
แคมเปญ-โปรโมทชั่น อะไหล่ฟอร์ด อัพเดททางออนไลน์และปรับปรุงข้อมูลออนไลน์
อะไหล่ฟอร์ด อะไหล่รถฟอร์ด อะไหล่รถยนต์ฟอร์ด อะไหล่ฟอร์ดแท้ ร้านขายอะไหล่รถฟอร์ด ขายอะไหล่รถฟอร์ด อะไหล่ฟอร์ด
 
Option

รวมบทความอาชีพเสริม หลากไอเดียวิธีหารายได้เสริม หาอาชีพเสริมอิสระทำเงิน สร้างอาชีพอิสระงานฝีมือ แนะนำการสร้างรายได้เสริมทำเงินด้วยการขายสินค้าหรือขายของเป็นอาชีพเสริม อิสระงานฝีมือ แนะแนวธุรกิจ อาชีพเสริม อาชีพแก้จน อยากจะมีรายได้เสริมนอกเหนือจากงานประจำ บล๊อกจัดทำขึ้นเป็นวิทยาทานเพื่อเผยแผ่ความรู้อันจะเป็นไปเพื่อบุญกุศล ขอให้ทุกท่านที่มีส่วนร่วมในบทความของบล๊อกนี้ จงได้รับอานิสงฆ์ด้วยเทอญ.