สูตรขนม สูตรอาหาร อาชีพรายได้เสริม ประกาศฟรี โฆษณาฟรี Career Articles Extra Income
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

Drop Down MenusCSS Drop Down MenuPure CSS Dropdown Menu

“เคี้ยว...เขียว” Green Catering สุขภาพดีใกล้ตัวหาได้ในงานเลี้ยง

ไอศกรีมกะทิในถ้วยใบตอง
        เบื่อไหม? กับของว่างระหว่างประชุมหรืออาหารบุฟเฟ่ต์เมนูเดิมๆ ที่หนีไม่พ้นเบเกอรี่ แกงกะทิ ผัดผักรวม ทั้งที่บางครั้งต้องการอาหารเพื่อสุขภาพเข้าสู่ร่างกายบ้าง วันนี้ธุรกิจ “เคี้ยว เขียว” สามารถ ตอบโจทย์เหล่านี้ได้ ด้วยการอาศัยความได้เปรียบการเป็นเครือข่ายตลาดสีเขียว รับผลผลิตปลอดสารพิษจากเกษตรกรโดยตรง ทำให้แข่งขันเรื่องราคาได้ไม่ยากกับ ธุรกิจ Green Catering
“เคี้ยว...เขียว” Green Catering สุขภาพดีใกล้ตัวหาได้ในงานเลี้ยง
        สมัยนี้ผู้คนพยายามหลีกเลี่ยงอาหารที่ใส่ผงชูรส น้ำตาลฟอกขาว สารฟอกสี หันมารับประทานข้าวกล้อง ผักปลอดสารพิษ แต่ด้วยไลฟ์สไตล์คนเมืองคงจะยากอยู่สักหน่อย ทำให้เครือข่ายตลาดนัดสีเขียวหัวใส ชิงความได้เปรียบในเรื่องวัตถุดิบคุณภาพที่มีในมือมาต่อยอดเป็นธุรกิจจัด เลี้ยง อาหารว่าง ที่ล้วนเป็นอาหารเพื่อสุขภาพทั้งนั้น
“เคี้ยว...เขียว” Green Catering สุขภาพดีใกล้ตัวหาได้ในงานเลี้ยง
เมี่ยงคำกับใบบัว
        วิตดา มิ่งมหาคุณ ผู้จัดการร้านเคี้ยว เขียว Catering เผยที่มาธุรกิจนี้ให้ฟังว่า จากการรวมกลุ่มของเครือข่ายตลาดนัดสีเขียว ทำให้ได้ใกล้ชิดกับเกษตรกร พร้อมทั้งมีวัตถุดิบสดใหม่เพื่อจำหน่ายตลอดเวลา ซึ่งผลผลิตเหล่านี้เธอมั่นใจในคุณภาพว่าเป็นพืชผักปลอดสารพิษแน่นอน เพราะรู้จักแหล่งปลูกของเกษตรกรในเครือข่ายทุกราย
“เคี้ยว...เขียว” Green Catering สุขภาพดีใกล้ตัวหาได้ในงานเลี้ยง
ขนมจีนเส้นสด กับน้ำยากะทิ
        จุดเริ่มต้นของการเลือกทำธุรกิจจัดเลี้ยงสุขภาพดีนั้น มาจากการอบรมภายในเครือข่ายเป็นประจำ จึงนำวัตถุดิบของเกษตรกรมาแปรรูปเป็นอาหารว่าง เครื่องดื่มสมุนไพร และอาหารบุฟเฟ่ต์ ที่ล้วนมีประโยชน์ต่อสุขภาพ ทำให้สมาชิกในกลุ่มเกิดไอเดียทำเป็นธุรกิจอย่างจริงจัง หวังเพิ่มช่องทางจำหน่ายสินค้าเกษตรปลอดสารพิษได้อีกทางหนึ่ง
“เคี้ยว...เขียว” Green Catering สุขภาพดีใกล้ตัวหาได้ในงานเลี้ยง
เมี่ยงคำรับประทานสะดวก
        และแล้วธุรกิจที่ชื่อว่า “เคี้ยว..เขียว” จึงเกิดขึ้นเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ชูความต่างด้วยการเป็นผู้ประกอบการจัดเลี้ยงสุขภาพดีด้วย Green Catering เน้นความสด สะอาด ปลอดภัย รสชาติดี ไม่มีผงชูรส ไม่ใช้น้ำตาลทรายฟอกขาว ใช้ข้าวกล้องแทนข้าวขาว เสริมด้วยผักสดหลากชนิดที่ปลูกแบบอินทรีย์ ไร้สารและปลอดภัย จากสวนผักคนเมือง Organic Way และเครือข่ายตลาดสีเขียว
“เคี้ยว...เขียว” Green Catering สุขภาพดีใกล้ตัวหาได้ในงานเลี้ยง
ของว่างยามบ่าย
        “เราเริ่มทดลองตลาดครั้งแรกที่โรงพยาบาลจุฬา เป็นการจัดเลี้ยงอาหารก็เป็นที่ชื่นชอบ โดยหลายคนรู้สึกดีที่ได้เปลี่ยนจากการรับประทานขนมเค้ก ขนมปัง เป็นขนมไทยๆ และน้ำสมุนไพรบ้าง จึงคิดว่าเดินมาถูกทาง จึงให้เพื่อนที่ทำงานด้านดีไซน์ออกแบบเมนู รวมถึงภาชนะที่ใส่อาหารให้ดูดีขึ้น ทำให้ปัจจุบันเรามีการนำปิ่นโต ใบตอง ใบตองแห้ง งานจักสาน มาเป็นภาชนะที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม ส่วนเมนูอาหารไทยๆ ก็ออกแบบให้ดูดีมีระดับ เช่น จะทำอย่างไรให้ข้าวเหนียว ส้มตำ ไก่ย่าง เมื่อเสิร์ฟแล้วออกมาดูดี เป็นต้น”
“เคี้ยว...เขียว” Green Catering สุขภาพดีใกล้ตัวหาได้ในงานเลี้ยง
ข้าวเหนียวมะม่วงดีไซน์เก๋
        สำหรับการคัดเลือกเมนูอาหารทางเคี้ยว เขียว จะสอบถามลูกค้าก่อนว่าผู้มาร่วมงานส่วนใหญ่เป็นคนช่วงวัยใด เด็ก ผู้ใหญ่ หรือผู้สูงอายุ เพื่อจัดสรรเมนูให้เหมาะสม และถูกปาก เช่น สาคูไส้หมูเสียบไม้ ขนมจีนน้ำยาเส้นสด เคียงด้วยผักและดอกไม้พื้นบ้าน น้ำพริกกะปิปลาทู ต้มจืดดอกขจร ผัดผักจักรพรรดิ์ แกงส้มผักรวม บอลล์เห็ด ขนมปังหน้าหมู และเส้นหมี่ห่อไข่ ขณะที่ของหวานจะเน้นเป็นขนมไทยที่นับวันจะหารับประทานได้ยากขึ้น เช่น ถั่วกวน ปั้นขลิบ ข้าวตู ขนมกล้วย ขนมมัน เสิร์ฟฟร้อมน้ำสมุนไพรเพื่อสุขภาพ
“เคี้ยว...เขียว” Green Catering สุขภาพดีใกล้ตัวหาได้ในงานเลี้ยง
        ปัจจุบันการออกงานจัดเลี้ยงนอกสถานที่ของร้านเคี้ยว เขียวเริ่มถี่ขึ้น รวมถึงกลุ่มลูกค้าก็หลากหลายด้วย จากเดิมเป็นกลุ่มคนทำงานภาคสังคม แต่ขณะนี้มีภาครัฐและเอกชนติดต่อเข้ามา ภายใต้เงื่อนไขสั่งขั้นต่ำ 50 ชุดขึ้นไป ส่วนราคาขึ้นอยู่กับรูปแบบการให้ทางเคี้ยว เขียวไปจัดเลี้ยง เช่น จัดแบบบุฟเฟ่ต์ ปิ่นโต จัดเลี้ยงอาหารว่างเป็นชุด หรือลูกค้ามารับอาหารเอง โดยราคาไม่แตกต่างจากการจัดเลี้ยงทั่วไปมากนัก
“เคี้ยว...เขียว” Green Catering สุขภาพดีใกล้ตัวหาได้ในงานเลี้ยง
ก๋วยเตี๋ยวลุยสวนในภาชนะใบตองแห้ง
        เมื่อวัฒนธรรมการรับประทานอาหารของคนไทยเปลี่ยนไป ธุรกิจก็ต้องปรับตัวตามไปด้วย เพื่อเติมเต็มความต้องการผู้บริโภคแม้จะเป็นรายเล็กที่เพิ่งเริ่มต้น แต่ก็เป็นการจุดประกายให้ผู้ประกอบการรายใหญ่หันมองและปรับเปลี่ยนเมนูเพื่อ สุขภาพกันบ้างแล้ว ซึ่งไม่ว่าจะช้าหรือเร็ว ประโยชน์ก็ล้วนมาตกอยู่ที่ผู้บริโภคทั้งสิ้น
“เคี้ยว...เขียว” Green Catering สุขภาพดีใกล้ตัวหาได้ในงานเลี้ยง
ขนมหวานเตรียมไว้เสิร์ฟ
       
“เคี้ยว...เขียว” Green Catering สุขภาพดีใกล้ตัวหาได้ในงานเลี้ยง
บุฟเฟ่ต์อาหารเพื่อสุขภาพ
       
“เคี้ยว...เขียว” Green Catering สุขภาพดีใกล้ตัวหาได้ในงานเลี้ยง
จัดเลี้ยงด้วยอาหารปิ่นโต หลังการประชุมสัมมนา
       
“เคี้ยว...เขียว” Green Catering สุขภาพดีใกล้ตัวหาได้ในงานเลี้ยง
       
“เคี้ยว...เขียว” Green Catering สุขภาพดีใกล้ตัวหาได้ในงานเลี้ยง
ของว่างน่าลิ้มลอง
       
“เคี้ยว...เขียว” Green Catering สุขภาพดีใกล้ตัวหาได้ในงานเลี้ยง
อาหารในปิ่นโต
        ***สนใจติดต่อ 08-6332-8266, 08-1639-2232, 08-9785-7720 หรือที่ Facebook : เคี้ยว เขียว*** 
 
credit by : http://www.manager.co.th/iBizChannel/ViewNews.aspx?NewsID=9570000106516

Read More...


‘คั่วกลิ้งเห็ดแครง’ พลิกแพลง-สร้างเงิน





การนำสิ่งที่มีอยู่แล้วมาต่อยอดให้เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ขึ้นอีกหลายอย่างนับเป็นเรื่องที่ดีมากในการสร้างอาชีพ เพราะนอกจากจะมีผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ซึ่งเป็นอัตลักษณ์ของตัวเองแล้ว การได้คิดค้นอะไรต่าง ๆ ขึ้นใหม่ยังคงเป็นช่องทางสร้างเงินที่ดี อย่าง “คั่วกลิ้งเห็ดแครง-น้ำพริกเห็ดแครง” ซึ่งทีมคอลัมน์ “ช่องทางทำกิน” มีข้อมูลมานำเสนอในวันนี้...

กิ่งกาญจน์ เทพเจริญ ตัวแทนจาก ไชโยฟาร์มเห็ด ซึ่งเป็นฟาร์มเห็ดเศรษฐกิจปลอดสารเคมีครบวงจร กล่าวว่า ไชโยฟาร์มเห็ดได้เพาะเห็ดเศรษฐกิจหลายชนิด อาทิ เห็ดแครง, เห็ดนางฟ้าภูฏาน, เห็ดนางรมฮังการี, เห็ดนางนวล, เห็ดเป๋าฮื้อ ฯลฯ ส่วน เห็ดแครง เห็ดที่เป็นที่รู้จักในภาคใต้ และเป็นเห็ดที่คุณค่าทางโภชนาการสูง มีคาร์โบไฮเดรต และโปรตีนสูง นิยมนำมาเป็นส่วนประกอบของอาหารหลายชนิด อาทิ แกงคั่ว แกงสมรม ซึ่งเป็นแกงที่ขาดไม่ได้ สำหรับงานบุญสารทเดือนสิบ นอกจากนี้ เห็ดแครงยังมีคุณสมบัติทางยาบางอย่างอีกด้วย

“จึงมีการนำเห็ดแครงมาแปรรูปเพื่อต่อยอดเป็นอาหารต่าง ๆ อย่างคั่วกลิ้งเห็ดแครง ซึ่งเป็นอัตลักษณ์ของคนปักษ์ใต้ เพราะมีรสชาติที่จัดจ้านถูกปาก ส่วนสูตรการทำเป็นของ คุณยายจันทร์ ซึ่งทำมาตั้งแต่ดั้งเดิม” ... กิ่งกาญจน์ กล่าว

อุปกรณ์ในการทำ คั่วกลิ้งเห็ดแครง-น้ำพริกเห็ดแครง หลัก ๆ ก็มี ครก-สาก, เครื่องปั่น, กะละมัง และภาชนะใส่ของต่าง ๆ, กระทะ, เตาแก๊ส, หม้อสเตนเลส ฯลฯ อุปกรณ์ทำครัวต่าง ๆ เหล่านี้ถ้าลงทุนใหม่หมดก็อยู่ที่ประมาณ 5,000 บาทขึ้นไป

วิธีทำ เริ่มที่ คั่วกลิ้งเห็ดแครง มีส่วนผสมดังนี้ เครื่องแกงคั่วกลิ้ง, เห็ดแครง (ที่มีอายุ 7 วัน นับจากวันเปิดดอก) 500 กรัม, น้ำตาลทราย, เกลือป่น และน้ำมันถั่วเหลือง

ในส่วนของ เครื่องแกงคั่วกลิ้ง มีส่วนประกอบดังนี้ พริกแดงสด และพริกแห้ง 100 กรัม, พริกไทยดำ 20 กรัม, ตะไคร้ 3-4 ต้น(หั่นฝอย) ,ข่า และขมิ้น อย่างละนิดหน่อย, หัวหอมแดง 50 กรัม, กระเทียม 50 กรัม และกะปิ 0.5 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ เครื่องแกงคั่วกลิ้ง ค่อย ๆ โขลกส่วนผสมทุกอย่างเข้าด้วยกัน เริ่มที่ หัวหอมแดง, กระเทียม, กะปิ, พริก, ตะไคร้, ข่า และขมิ้น เครื่องแกงที่ใช้ได้จะมีสีเหลือง เมื่อชิมดูจะมีรสชาติจัดจ้าน

วิธีทำคั่วกลิ้งเห็ดแครง นำเห็ดแครงมาล้างน้ำสะอาด 2 น้ำ แล้วนำไปพักให้สะเด็ดน้ำ เมื่อเห็ดสะเด็ดน้ำแล้ว ให้ฉีกเห็ดเป็นชิ้นเล็ก ๆ เตรียมไว้

ตั้งกระทะ ใส่น้ำมันถั่วเหลืองพอประมาณ เมื่อน้ำมันร้อน ใส่เครื่องแกงคั่วกลิ้งลงไปผัดน้ำมัน ผัดไปจนกระทั่งเครื่องแกงส่งกลิ่นหอม ค่อย ๆ ใส่เห็ดแครงลงไปผัดกับเครื่องแกงคั่วกลิ้งให้เข้ากัน ปรุงรสด้วยเกลือ และน้ำตาลทรายพอประมาณ ชิมรสให้มีรสเผ็ดจัดจ้าน กลมกล่อม เป็นอันใช้ได้

พัก คั่วกลิ้งเห็ดแครง ให้เย็นตัว แล้วนำไปบรรจุใส่ขวดแก้ว ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 5 ซม. สูง 9 ซม. บรรจุขวดละ 80 กรัม ขายในราคาขวดละ 35 บาท หรือ 3 ขวด 100 บาท

ในส่วนของ น้ำพริกเห็ดแครง นั้น มีส่วนผสมดังนี้ เห็ดแครง 500 กรัม, (ที่มีอายุ 7 วัน นับจากวันเปิดดอก) พริกแห้ง 100 กรัม, ตะไคร้ 3-4 ต้น, กระเทียม 100 กรัม และหัวหอมแดง 100 กรัม

วิธีทำน้ำพริกเห็ดแครง เริ่มที่นำ เห็ดแครง มาล้างน้ำสะอาด 2 น้ำ แล้วนำไปพักให้สะเด็ดน้ำ เมื่อเห็ดสะเด็ดน้ำแล้ว ให้ฉีกเห็ดเป็นชิ้นเล็ก ๆ เตรียมไว้

เตรียมพริกแห้ง ตะไคร้ซอยให้ละเอียด ส่วนหัวหอมแดง และกระเทียมนั้น ล้างน้ำสะอาด แล้วแกะเปลือกให้เรียบร้อย นำส่วนผสมทั้งหมดนี้ รวมทั้งเห็ดแครง ไปคั่วในกระทะด้วยไฟอ่อน ๆ คั่วให้มีกลิ่นหอม จากนั้นนำส่วนผสมทั้งหมดไปโขลกให้เข้ากัน หรืออาจจะทุ่นเวลาด้วยการใช้เครื่องปั่น ๆ ให้น้ำพริกละเอียด

ตั้งกระทะ ใส่น้ำมันถั่วเหลืองพอประมาณ เมื่อน้ำมันร้อน ใส่น้ำพริกที่โขลกหรือปั่นละเอียดลงไปผัดน้ำมันให้สุก ปรุงรสด้วยเกลือ และน้ำตาลทรายพอประมาณ ชิมรสให้มีรสเผ็ดจัดจ้าน กลมกล่อม ก็เป็นอันใช้ได้

พัก น้ำพริกเห็ดแครง ให้เย็นตัว แล้วนำไปบรรจุใส่ขวดแก้ว ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 5 ซม. สูง 9 ซม. บรรจุขวดละ 80 กรัม ขายในราคาขวดละ 35 บาท หรือ 3 ขวด 100 บาทเช่นกัน

ใครสนใจ “คั่วกลิ้งเห็ดแครง-น้ำพริกเห็ดแครง” ต้องการติดต่อ กิ่งกาญจน์ เทพเจริญ เจ้าของกรณีศึกษา “ช่องทางทำกิน” รายนี้ ติดต่อได้ที่ ไชโยฟาร์มเห็ด เลขที่ 46/22 ถนนจุลจอมเกล้า ต.ท่าข้าม อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 08-1375-3819 และ 08-5793-2891 นอกจาก คั่วกลิ้ง และน้ำพริก แล้ว ยังมีผลิตภัณฑ์จากการแปรรูปจากเห็ดอีกมากมาย อาทิ น้ำพริกเห็ดนางฟ้า, น้ำพริกเผาเห็ดสามอย่าง, น้ำเห็ดสามอย่าง ฯลฯ.

...................................................................................................

คู่มือลงทุน...คั่วกลิ้งเห็ดแครง

ทุนอุปกรณ์ ประมาณ 5,000 บาทขึ้นไป
ทุนวัตถุดิบ ประมาณ 60% ของราคาขาย
รายได้ ราคาขายขวดละ 35 บาท
แรงงาน 1-2 คนขึ้นไป
ตลาด ชุมชน, งานออกร้าน, ตลาดนัด
จุดน่าสนใจ ต่อยอดผลิตภัณฑ์ทำเงิน

สุภารัตน์ ยอดศิริวิชัยกุล : รายงาน /ภานุพงศ์ พนาวัน : ภาพ
credit by : http://dailynews.co.th/Content/Article/268171/‘คั่วกลิ้งเห็ดแครง’+พลิกแพลง-สร้างเงิน

Read More...


ผัดมะกะโรนีหอยลาย ครบเครื่องครบรส



แม้ไลฟ์สไตล์ที่ชื่นชอบอย่างหนึ่งคือการทำอาหารก็จริง แต่ เสริม-ไกรเสริม โตทับเที่ยง ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท ผลิตภัณฑ์อาหารกว้างไพศาล จำกัด (มหา ชน) กลับออกตัวว่าไม่ได้เก่งกาจ มีเทคนิคแพรวพราวเหมือนคนอื่น ๆ เพียงแค่ “สุขใจ” ทุกครั้งที่ทำให้คนที่รักเอร็ดอร่อยกับอาหารฝีมือของตัวเอง

“บางอย่างทำแล้วมีความสุขผมก็อยากทำ แต่ไม่ถึงขั้นขวนขวายเรียนรู้เพิ่มเติม ผมเคยนั่งดูคุณแม่ผัดผักบุ้งไฟแดง ด้วยความเป็นเด็ก ก็อยากจะลองฝึกลองทำ เป็นของเล่นใหม่ที่น่าตื่นเต้นสำหรับเรา พอมีโอกาสไปศึกษาต่างประเทศ ต้องทำอาหารกินเอง ส่วนใหญ่ผมจะเน้นแนวเรียบง่าย เพราะไม่มีคนเตรียมอะไรให้มากนัก ตอนนี้มีครอบครัวแล้วจึงยกหน้าที่นี้ให้ภรรยาโดยปริยาย นาน ๆ ครั้งจะมีโอกาสแสดงฝีมือเอาใจสมาชิกที่บ้านบ้าง ซึ่งเมนูโปรดปรานของลูก ๆ ก็คือ ไข่ม้วน” คุณพ่อลูกสี่เล่า

แม้ชีวิตส่วนตัวมีครอบครัวใหญ่แสนอบอุ่น แต่เจ้าพ่ออาหารกระป๋องแห่งปุ้มปุ้ยยังเข้าใจคนครอบครัวเล็กที่พักอาศัยอยู่ตามคอนโดมิเนียม ล่าสุดจึงผุดแคมเปญ “จัส คุก อิท : สร้างรอยยิ้มเติมชีวิตที่ดี” โดยจับมือกับเครือเจริญโภคภัณฑ์ นำไข่ไก่ ซึ่งรสชาติเข้ากันได้ดีกับหอยลายทอดรสเผ็ด ชวนชาวคอนโดทั่วกรุงเทพฯ สร้าง สรรค์เมนูอาหารที่อร่อยและได้ประโยชน์ ต่อเนื่องจากแคมเปญประชาสัมพันธ์ครั้งก่อน ชูความโดดเด่นของปุ้มปุ้ยหอยลายทอดรสเผ็ด “อร่อยคว่ำได้ทุกเมนู” ไม่ว่าจะกับข้าวสวยร้อน ๆ, ไข่เจียว และบะหมี่ เป็นต้น

“ตลอดมาเราได้รับกระแสตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี ตัวหอยลายมีคนพูดถึงอยู่เรื่อย ๆ ว่ามีหลากหลายวิธีในการบริโภค จึงเป็นต้นตอของไอเดียรังสรรค์เมนูที่หลากหลาย นำไปประกอบกับวัตถุดิบตัวโน้นตัวนี้ ก็เกิดเมนูอาหารใหม่ เกิดรสชาติใหม่ๆ เท่าที่จัดโรดโชว์ไป 4 แห่ง ผลตอบรับค่อนข้างดี มีคนมาร่วมกิจกรรมเยอะพอสมควร พร้อมเปิดโอกาสให้แม่บ้านยุคออนไลน์สามารถเข้าไปล้วงลับสูตรความอร่อยผ่านทาง  www.justcookit-cp-pumpui.com อย่างไม่หวงวิชา” คุณเสริมกล่าว

หนึ่งในนั้นก็คือเมนูแสนง่ายทุกคนทำได้อย่าง “ผัดมะกะโรนีหอยลายทอดราดพริก” เมนูครบเครื่องครบรส เพราะสอดแทรกคุณค่าทางโภชนาการอย่างหัวหอมใหญ่ มะเขือเทศ ลงไปด้วย กรณีที่ยั้งมือไม่ใส่หอยลายอาจแบ่งส่วนให้เด็ก ๆ กินก่อนหรือจะเลือกใส่วัตถุดิบหลักอย่างอื่นที่ลูก ๆ ชื่นชอบได้เจริญอาหาร เช่น ปูอัด, หมู, กุ้ง ก็ไม่ผิดกติกา แต่วันนี้คุณเสริมแนะนำใช้เป็น “หอยลาย” ช่วยให้จบแบบกลม กล่อมไม่ต้องง้อเครื่องปรุงชนิดอื่นมาก

วัตถุดิบและส่วนผสม ประกอบด้วย หอยลายทอดรสเผ็ดปุ้มปุ้ย ขนาด 70 กรัม 2 กระป๋อง, ไข่สด 2 ฟอง, เส้นมะกะโรนี 250 กรัม, หัวหอมใหญ่ซอย 1 ลูก, มะเขือเทศ 1 ลูก, กระเทียมสับ 2-3 กลีบ, น้ำมันรำข้าว 3 ช้อนชา, น้ำมันหอย 2 ช้อนชา ต้นหอมซอยและพาสลี่ย์ใช้ตกแต่ง

วิธีทำ ลวกเส้นมะกะโรนีในน้ำเดือด เมื่อได้ที่ยกขึ้นใส่น้ำเย็นทันที เทคนิคนี้เหมือนการสะดุ้งอาหารจะทำให้เส้นไม่เละเวลาผัด จากนั้นตั้งกระทะใส่น้ำมันเล็กน้อย นำกระเทียม และหัวหอมใหญ่ลงผัดก่อนเพื่อให้ความหวานตามธรรมชาติ จากนั้นเติมน้ำสักนิดเป็นตัวกระชับให้หัวหอมใหญ่นุ่มและยิ่งออกรสชาติ ตามด้วยเส้นมะกะโรนี มะเขือเทศ ไข่ไก่ ปรุงรสด้วยน้ำมันหอย เท่านี้ก็ส่งกลิ่นหอมยวนยั่ว และคว่ำหอยลายลงไปผัดเป็นอันครบเครื่องครบรส ทั้งนี้คุณสมบัติของไข่ไก่ยังช่วยให้เส้นมะกะโรนีไม่ติดกันเป็นก้อน เสร็จแล้วจัดเสิร์ฟใส่จานโรยหน้าด้วยต้นหอมซอสและพาสลี่ย์ กินแนมกับผักกาดหอม ง่ายสะดวกรวดเร็วเหมาะสมกับยุค.

"ช้องมาศ"
credit by : http://www.dailynews.co.th/Content/Article/267865/ผัดมะกะโรนีหอยลาย+ครบเครื่องครบรส

Read More...


‘ชีสเค้กบราวนี่’ สูตรหวานนักลงทุนสาว - สูตรเด็ด...พร้อมเสิร์ฟ


แม้มีฝีมือทำขนมอร่อยขนาดหุ้นกับเพื่อน ๆ วางขายในตลาดนัด ทำกำไรงอกงามจากยอดขายเพียงสองวันเกือบ 8 หมื่นบาท มาเป็นเครื่องพิสูจน์ความสามารถแล้วก็ตาม แต่เป้าหมายของ มิ้นต์-มินตรา มนต์เสรีนุสรณ์ ทายาทคนโตของ เกียรติชัย มนต์เสรีนุสรณ์ กรรมการผู้จัดการบริษัท เกียรติธนา ขนส่ง จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจขนส่งสารเคมี ตั้งใจทุ่มเทให้การทำงานด้านที่ปรึกษาการลงทุนส่วนบุคคล บริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด ซึ่งเริ่มสั่งสมประสบการณ์มา  1 ปีเต็มก่อนเป็นอันดับแรก โดยจัดลำดับการทำขนมรองลงมาในหมวดหมู่งานอดิเรกวันว่าง

“ตำแหน่งที่ปรึกษาการลงทุนส่วนบุคคล ดูแลพอร์ตการลงทุนของลูกค้ารายบุคคล ซึ่งลูกค้าที่มิ้นต์ให้คำปรึกษาเป็นลูกค้ารายใหญ่ รายหนึ่งประมาณ 30-50 ล้านบาท ลูกค้ามาบอกวัตถุประสงค์หรือความต้องการว่า ปีนี้เงินก้อนนี้อยากได้ผลตอบแทน เท่าใด ร้อยละ 3 หรือร้อยละ 5 ก็ว่ากันไป ยอมรับความเสี่ยงได้แค่ไหน แล้วเราต้องจัดออกมาและแนะนำว่าควรลงทุนอะไร จะลงหุ้น ลงพันธบัตร ลงกองทุน” สาวรุ่นใหม่ไฟแรงเกริ่นถึงชีวิตการทำงาน

ส่วนขนมทำเป็นงานอดิเรกมากกว่าที่จะเปิดร้านจริงจัง เพราะทุกวันนี้ทั่วทุกหัวระแหงมีร้านขายขนมหวานเกือบทุกมุมตึก ประกอบกับถ้ามาทำเต็มตัวอาจต้องลาออกจากงานที่รัก ไม่คุ้มค่ากับที่เรียนมาโดยตรงทั้งระดับปริญญาตรี คณะเศรษฐศาสตร์ ภาคอินเตอร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และปริญญาโทด้านไฟแนนซ์ จากสคูล ออฟ แอฟริกัน สตัดดี้ ม.ลอนดอน ประเทศอังกฤษ “มิ้นต์ชอบทำขนม แต่ไม่ทำอาหารคาวเพราะไม่ชอบหยิบจับของสดอย่างหมู กุ้ง ปลา เมื่อตอนอายุ 10 ขวบเริ่มซื้อชุดทำเบเกอรี่สำเร็จรูป ผสมไข่ผสมน้ำมาทำแล้ว ซึ่งสูตรอาศัยเปิดตำรา เสิร์ชหาในกูเกิ้ลบ้าง ช่วงแรกเน้นทำแจกจ่ายแต่ระยะนี้ตลาดนัดกำลังบูม ช่วงวันหยุดหอบขนมไปขายกับก๊วนเพื่อน เหนื่อยแต่ก็สนุกดี โดยรายได้จากการขายขนม นอกจากแบ่งสันปันส่วนกับเพื่อน ๆ แล้ว ยังแบ่งเงินจำนวนหนึ่งนำไปช่วยเหลือสัตว์พิการ”

มีเมนูติดอันดับขายดี เช่น บราวนี่เสิร์ฟพร้อมไอศกรีม, คุกกี้ ชอฟเบก, คัพเค้กเรดเวลเวทไส้ชีสเค้ก และคุกกี้คัพสอดไส้ช็อกโกแลต สำหรับเมนูของหวานพร้อมเสิร์ฟวันนี้คิดประยุกต์ใหม่จากฝีมือการทำบราวนี่อันเลื่องชื่อให้มาเจอกับชีสเค้กเพิ่มความพิเศษอีกเท่าตัว วัตถุดิบและส่วนผสม แบ่งเป็น 2 ส่วนคือ ตัวเค้ก ประกอบด้วย ชีสเค้ก 4 ออนซ์, ไข่ 1 ฟอง, น้ำตาล 1/4 ถ้วย และโยเกิร์ต 1/4 ถ้วย บราวนี่ ประกอบด้วย แป้งอเนกประสงค์ 1 ถ้วยตวง, น้ำตาล 2 ถ้วย, ไข่ไก่ 4 ฟอง, แครกเกอร์โอรีโอ 1 ห่อ หรือแครกเกอร์รสออริจินัล, ผงโกโก้  1 ถ้วย, เกลือ 1/4 ช้อนชา, ผงฟู 1 ช้อนชา, เนย 1/2 ถ้วย และวานิลลาชนิดน้ำ

วิธีทำ ผสมแครกเกอร์โอรีโอกับเนยและน้ำตาลด้วยการปั่น เมื่อเข้ากันแล้วตักใส่พิมพ์ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 4 นิ้ว ใช้ไม้กดให้เนื้อแครกเกอร์แน่นติดก้นพิมพ์  เสร็จแล้วผสมชีสเค้กกับน้ำตาลปั่นเพื่อเข้ากัน ใส่ไข่ไก่ 1 ฟอง วานิลลา 1 ช้อนชา ปั่นจนเข้ากัน เทใส่พิมพ์เดิม ใช้พายเกลี่ยหน้าให้เสมอกัน จากนั้นนำเข้าเตาอบใช้ไฟอุณหภูมิ 150 องศาเซลเซียส เวลา 40 นาที ก่อนปิดเตาใส่ถ้วยน้ำเปล่าไปพร้อมกัน เทคนิคนี้ช่วยให้เนื้อเค้กนุ่มละมุนไม่แห้งกระด้าง

ระหว่างนั้นลงมือทำบราวนี่ ปั่นน้ำตาลทราย 2 ถ้วยผสมเข้ากับเนย ขณะที่กำลังปั่นใส่วานิลลาเล็กน้อย ไข่ไก่ 4 ฟอง  ตามด้วยผงโกโก้ แป้งอเนกประสงค์ ผงฟู และเกลือเล็กน้อย ขั้นตอนนี้คุณมิ้นต์แนะนำให้ค่อย ๆ เทเพื่อไม่ให้ส่วนผสมฟุ้งกระจาย เสร็จแล้วเทลงบนพิมพ์ชนิดถาดรองด้วยกระดาษไข นำเข้าเตาอบ 180 องศาเซลเซียส เวลา 30 นาที

ถัดมาทำการาจสำหรับราดเพิ่มอรรถรสเข้มข้น โดยต้มครีมให้เดือด ระหว่างนี้ให้คนไปด้วยป้องกันครีมไหม้ก้น เดือดแล้วยกลงจากเตา ใส่ช็อกโกแลต 100 กรัม ปล่อยทิ้งไว้ให้ละลาย 2 นาที จึงค่อยคนให้เข้ากัน ตามด้วยเนย 1 ช้อนโต๊ะตีให้เข้ากัน เมื่อบราวนี่และตัวเค้กสุก ยกมารอให้หายร้อน ใช้มีดหั่นบราวนี่เป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าขนาด 1 นิ้ว จากนั้นเอาตัวเค้กออกจากพิมพ์ ราดด้วยการาจ แต่งหน้าด้วยบราวนี่ และราดการาจให้ชุ่มฉ่ำ เสิร์ฟได้ทันที.

‘ช้องมาศ’

credit by :  http://www.dailynews.co.th/Content/Article/266359/‘ชีสเค้กบราวนี่’+สูตรหวานนักลงทุนสาว+-+สูตรเด็ด...พร้อมเสิร์ฟ

Read More...


'ขนมจีบ(เจ)' ประยุกต์สูตร...ทำขายดี!



เมื่อเอ่ยถึงซาลาเปา ทุกคนมักจะต้องนึกถึงขนมจีบด้วย เพราะเป็นของที่เป็นคู่กัน ถ้ามีซาลาเปาขายที่ไหน มักจะต้องมีขนมจีบขายควบคู่กันไปด้วย ขนมจีบ-ซาลาเปา เป็นอาหารยอดฮิตถูกปากคนไทยที่หารับประทานได้ทั่วไป เพราะมีผู้ดำเนินธุรกิจนี้เป็นจำนวนมาก ดังนั้นผู้ที่อยู่รอดในตลาดคงต้องสร้างความแตกต่าง รู้จักปรับให้เข้ากับยุคสมัยและเทศกาลต่าง ๆ และเพื่อต้อนรับเทศกาลกินเจที่ใกล้จะมาถึงนี้ คอลัมน์ “ช่องทางทำกิน” นำข้อมูลเมนูยอดฮิตดัดแปลง “ขนมจีบ (เจ)” มาเสนอให้ผู้ที่สนใจอยากมีอาชีพไว้พิจารณา...

เจ้าของสูตรคือ “ไก่-ภัททิรา นามวงษา” และ “ติ๊ก-เบญจวรรณ อุตระชัย” สองพี่น้องเจ้าของกิจการ ผู้เข้ามารับช่วงและสานต่อธุรกิจครอบครัว “เด่นซาลาเปา” ไก่และติ๊ก เล่าให้ฟังว่า เป็นธุรกิจดั้งเดิมของครอบครัวที่มีมานานกว่า 20 ปี ต้นตำรับอยู่ จ.อุดรธานี บุกเบิกโดยคุณพ่อและคุณแม่ของเธอ มีจุดเด่นที่ลูกค้าติดใจ คือ แป้งนุ่มหอม เคี้ยวแล้วไม่ติดฟันและเหงือก ซึ่งเป็นสูตรโบราณได้รับการถ่ายทอดมาจากผู้มีพระคุณท่านหนึ่ง จนเมื่อไก่พี่สาว ซึ่งไปทำร้านอาหารที่ญี่ปุ่น กลับมาสานต่อกิจการ อยากพัฒนาให้ธุรกิจครบวงจร รวมถึงเห็นโอกาสจะขยายตลาดให้กว้างยิ่งขึ้น จึงตัดสินใจเปลี่ยนกระบวนการผลิตจากโฮมเมดมาเป็นกึ่งอุตสาหกรรม

“เพื่อให้ซาลาเปาของเรามีความแปลกใหม่ สร้างจุดเด่นให้ลูกค้าจดจำได้ดียิ่งขึ้น พี่ไก่จึงนำความรู้จากญี่ปุ่นคิดค้นสูตร โดยนำธัญพืชนานาชนิดมาผสมในแป้งซาลาเปา เช่นอัญชัน ฟักทอง ใบเตย แก้วมังกร ข้าวโพด เผือก เป็นต้น ช่วยให้ซาลาเปามีสีสันจากธรรมชาติ และเข้ากับกระแสรักสุขภาพในปัจจุบัน เมื่อบวกกับสูตรแป้งนุ่มที่เป็นจุดเด่นเดิมอยู่แล้ว ช่วยให้ยอดขายเติบโตจากเดิมหลายเท่าตัว บางครั้งต้องลงทุนไปลองชิมขนมจีบ-ซาลาเปาในต่างประเทศ เพื่อเป็นแนวทางในการกลับมาพัฒนา ปรับให้เข้ากับความต้องการของลูกค้า”

เมนูเด่นขายดีมีเกือบ 20 เมนู ทุกเมนูไม่ใส่สารกันบูดใด ๆ ทั้งสิ้น และผ่านมาตรฐานสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เช่น หมั่นโถว (เจ), ขนมจีบหมู, ขนมจีบกุ้ง, หมั่นโถวเจ, โรลล์ช็อกโกแลต, โรลล์สังขยา, โรลล์เผือก, ซาลาเปาไส้ครีม, ซาลาเปาแป้งอัญชันไส้เผือก, ซาลาเปาไส้หมูแดงหรือแป้งแก้วมังกร, ซาลาเปาไส้หมูสับหรือแป้งโฮลวีท, ซาลาเปาไส้ถั่วเหลือง (สีเขียว) ซาลาเปาแป้งแครอท ไส้พิซซ่า, ซาลาเปาไส้หมูสับ-ไข่เค็ม, ซาลาเปาไส้มะพร้าวอ่อน (สีฟ้า) ซาลาเปาแป้งฟักทอง ฯลฯ

การทำขนมจีบ แบ่งเป็น 3 ขั้นตอน คือ การทำแป้งแผ่นเกี๊ยว การทำไส้ขนมจีบ และการทำตัวขนมจีบ
อุปกรณ์...เครื่องสำหรับรีดแป้ง, เครื่องบด, ลังถึง, กะละมัง, อ่างผสม, เตาแก๊ส, มีด, เขียง, กรรไกร และเครื่องใช้เครื่องมืออื่น ๆ ที่หยิบฉวยเอาได้จากในครัว

ส่วนผสม ในการทำแป้งแผ่นเกี๊ยว มีแป้งสาลีอเนกประสงค์ 68%, นํ้าตาล 10%, เกลือ 10%, นํ้า 20%, สีผสมอาหาร 2%
ส่วนผสม การทำไส้ขนมจีบ ประกอบด้วย เห็ด 5 ชนิด คือเห็ดหอม 200 กรัม, เห็ดเข็มทอง 200 กรัม, เห็ดออรินจิ 200 กรัม, เห็ดหูหนู 200 กรัม, เห็ดยามาบูชิตาเกะ 200 กรัม, ขาเห็ด(เจ) 1 กิโลกรัม, แป้งข้าวโพด, ซีอิ๊วขาว, เกลือ, นํ้าตาล และผงชูรส ขั้นตอนการทำ “ขนมจีบ(เจ)”

เริ่มจากการทำแป้งแผ่นเกี๊ยวเจ โดยการนำแป้งสาลีอเนกประสงค์ใส่อ่างผสม ทำหลุมตรงกลาง ใส่เกลือป่น นํ้าตาลและนํ้ามันพืชลงไปผสม ใช้มือค่อย ๆ ตะล่อมแป้งให้พอเข้ากัน เติมนํ้าสะอาดและสีผสมอาหารลงไปทีละนิด ๆ ค่อย ๆ นวดให้ผสมเข้ากันดี ใช้พลาสติกคลุมปิดแป้ง พักไว้ประมาณ 30 นาที

นำแป้งออกมานวดใช้เครื่องรีด ๆ นวดแป้งจนเนียน จากนั้นนำแป้งรีดออกเป็นแผ่นบาง ตามขนาดที่ต้องการ แล้วโรยแป้งนวล เพื่อให้แป้งไม่ติดกัน แล้วนำมาตัดออกเป็นรูปสี่เหลี่ยมขนาดตามที่ต้องการ แล้วนำมาตัดมุมเป็นวงกลม ( ถ้าจะทำแป้งแผ่นเกี๊ยวหยก ให้นำใบคะน้ามาปั่น แล้วคั่นเอาแต่นํ้าข้น ๆ มาใส่ผสมลงนวดในแป้ง) ขั้นตอนการทำเป็นตัว “ขนมจีบ (เจ)”

เริ่มจากนำขาเห็ด (เจ) แช่นํ้าค้างคืน เมื่อขาเห็ดคลายตัวอ่อนนิ่มดีแล้ว ให้บีบนํ้าออกให้แห้งดี แล้วนำไปบดให้ละเอียด ส่วนเห็ด 5 ชนิด ที่เตรียมไว้ ล้างสะอาด ใส่กระชอนพักให้สะเด็ดนํ้า นำเห็ดแต่ละชนิดมาหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ เตรียมไว้ แครอทนำมาปอกเปลือก ล้างสะอาด แล้วหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ เตรียมไว้

นำขาเห็ดบดมาผสมกับเห็ด 5 ชนิดที่หั่นเตรียมไว้ ใส่แครอทหั่น ใส่แป้งข้าวโพดตามลงไป คลุกเคล้าให้เข้ากัน ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว นํ้าตาลทราย เกลือ และผงชูรส แล้วทำการนวดให้ส่วนผสมเข้ากันดี พักไว้สักครู่

การห่อขนมจีบ ปัจจุบันหากทำมาก ๆ จะมีเครื่องช่วยในการห่อ แต่ถ้าไม่มีก็ใช้มือห่อ โดยนำแป้งแผ่นเกี๊ยวที่เตรียมไว้มาตั้งไว้บนมือ ตักไส้ขนมจีบประมาณ 2 ช้อนชา วางลงตรงกลางแผ่นแป้ง ใช้นิ้วทานํ้าที่มุมแป้งทั้งสี่มุม พับด้านข้างของแต่ละมุมเข้าหากัน กดให้แป้งติดกันดี แล้วจึงดันตัวแป้งที่ยื่นแหลมออกมาให้แนบกับตัวขนมจีบ เสร็จแล้วเตรียมนำขึ้นนึ่ง

ใส่นํ้าในลังถึงตั้งไฟให้ร้อนดี วางขนมจีบลงไป นึ่งให้สุกดีเป็นเวลา 10 นาที รับประทานกับนํ้าจิ้มจิ๊กโฉ่ว
สำหรับราคาขายขนมจีบ (เจ) จะขายเป็นแพ็ก ๆ ละ 50 ลูก ราคาอยู่ที่ 160 บาท!!

หากท่านใดที่กำลังมองหาอาชีพเสริมที่ลงทุนต่ำ ขายง่ายได้เงินไว ขนมจีบ-ซาลาเปา เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ หรือต้องการรับผลิตภัณฑ์ไปจำหน่าย ติดต่อสอบถามรายละเอียดจาก ไก่-ภัททิรา นามวงษา และ ติ๊ก-เบญจวรรณ อุตระชัย ได้ที่ โทร. 08-1174-5463, 08-1174-5465, 08-5597-3445 “เด่นซาลาเปา” มีศูนย์กระจายสินค้า 3 สาขา คือ ตลาดไท ตลาดยิ่งเจริญ และปากนํ้า จ.สมุทรปราการ.
.......................................................................................
คู่มือลงทุน...ขนมจีบ (เจ)
ทุนอุปกรณ์ ประมาณ 3,000 บาทขึ้นไป
ทุนวัตถุดิบ ประมาณ 60% ของราคา
รายได้ ราคาขาย 160 บาท/ 50 ลูก
แรงงาน ตั้งแต่ 1-2 คนขึ้นไป
ตลาด ชุมชน, ตลาดนัด, ร้านอาหาร
จุดน่าสนใจ ปรับสูตรทำขายได้ทุกเทศกาล
เชาวลี ชุมขำ :เรื่อง / สุนิสา ธนพันธสกุล :ภาพ

credit by : http://www.dailynews.co.th/Content/Article/266449/‘ขนมจีบ(เจ)’+ประยุกต์สูตร...ทำขายดี!

Read More...


เมี่ยงเต้าหู้ เห็ดหอม


ใกล้ถึงเทศกาลถือศีลกินเจแล้วค่ะ โดยจะเริ่มตั้งแต่วันขึ้น 1 ค่ำ ถึง 9 ค่ำ เดือน 9 ซึ่งปีนี้ตรงกับวันที่ 24 กันยายน-2 ตุลาคม 2557 อันเป็น 9 วันมหามงคลของคนไทยเชื้อสายจีนที่จะได้ทำจิตใจให้สงบ ละเว้นการรับประทานเนื้อสัตว์ เป็นการรักษาความบริสุทธิ์ทั้งกาย วาจา และใจไปพร้อมๆ กัน ซึ่งเมื่อเร็วๆ นี้ “เนสท์เล่” ได้จัดกิจกรรม “สุขกาย สุขใจ กินเจกับเนสท์เล่” โดยมีสาวผู้รักการทำอาหารอย่าง คุณปลา-อัจฉรา บุรารักษ์ มาแนะนำเมนูอาหารเจแบบง่ายๆคือ “เมี่ยงเต้าหู้เห็ดหอม” ซึ่งมีสารอาหารครบถ้วน ให้พลังงานเพียง 179 กิโลแคลอรีเท่านั้น และยังสามารถใช้เป็นไอเดียไปประยุกต์รับประทานกับอาหารเมนูอื่นๆ ได้อีกมากมาย
คุณปลา บอกว่า เธอชอบอาหารเพื่อสุขภาพ โดยจะรับประทานอาหารเจเป็นประจำ ครั้งละประมาณ 5 วัน ซึ่งไม่ได้ยึดติดว่าต้องเป็นเฉพาะช่วงเทศกาลเจ แต่จะรับประทานเมื่อรู้สึกว่าร่างกายต้องการงดเนื้อสัตว์ เพื่อล้างท้องและให้ระบบการย่อยอาหารได้พักจากการย่อยเนื้อสัตว์มาอย่างต่อ เนื่อง โดยเคล็ดลับในการปรุงอาหาร เธอจะเลือกสรรเฉพาะวัตถุดิบที่สดใหม่รวมถึงเครื่องปรุงที่หมักโดยวิธีทาง ธรรมชาติ นอกจากนี้ ในช่วงรับ-ประทานอาหารเจ เธอจะลดการรับประทานแป้งอีกด้วย แต่หากมีกิจกรรมที่ต้องใช้พลังงานมาก เช่น การออกกำลังกายที่ชื่นชอบคือ กีฬาชกมวย เธอก็จะรับประทานคาร์โบไฮเดรตเพิ่ม แต่จะเลือกทานประเภทข้าวกล้องและโฮลวีท เพื่อให้พลังงาน และอิ่มท้องได้นาน


เต้าหู้ขาว เห็ดหอม เห็ดนางฟ้า ถือเป็นแหล่งของโปรตีนที่ดี
คุณปลายังอธิบายถึงสรรพคุณของเครื่องปรุง เมี่ยงเต้าหู้เห็ดหอม ที่มีทั้งเต้าหู้ขาว เห็ดหอม เห็ดนางฟ้า ถือเป็นแหล่งของโปรตีนที่ดี โดยเฉพาะในช่วงที่งดรับประทานเนื้อสัตว์ อาจทำให้ได้รับกรดอะมิโนที่จำเป็นไม่เพียงพอ ดังนั้น การใช้เห็ดและถั่วเหลืองจึงเป็นหัวใจสำคัญสำหรับอาหารเจ เพื่อให้ร่างกายได้รับโปรตีนเพียงพอ และยังเป็นโปรตีนที่ย่อยง่าย นอกจากนี้ การเลือกเครื่องเคียงเป็นผักสดก็ควรเลือกให้หลากหลาย เพื่อให้ได้วิตามินและแร่ธาตุครบถ้วน หากชอบอาหารรสจัด สามารถเสริมด้วยน้ำจิ้มแจ่วแม็กกี้ จะยิ่งทำให้เมนูนี้อร่อยถูกปาก สำหรับส่วนของเต้าหู้เห็ดหอมผัด ก็สามารถนำไปรับประทานได้หลากหลาย เช่น รับประทานคู่กับข้าวสวยข้าวกล้อง หรือบะหมี่ผัก เพื่อเพิ่มคาร์โบไฮเดรต พร้อมใยอาหาร ซึ่งจะช่วยให้อยู่ท้อง และช่วยกระตุ้นระบบขับถ่ายได้ดี

ส่วนผสม เครื่องปรุง พร้อม!
ส่วนผสม (สำหรับ 5 ที่) : เต้าหู้แข็ง ½ แผ่น/เห็ดหอมแห้งแช่น้ำหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ 3 ชต./แครอทหั่นชิ้นลูกเต๋าเล็กๆ 2 ชต./ซอสปรุงอาหารตราแม็กกี้ 3 ชต. (30 กรัม)/น้ำตาลทราย 2 ชช./น้ำเปล่า ½ ถ้วยตวง/น้ำมันพืช 1 ชต./เส้นหมี่ข้าวกล้องลวกสุก 4 ถ้วยตวง/เห็ดนางฟ้าแดดเดียว ½ ถ้วยตวง/แตงล้านหั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าเล็กๆ 1 ลูก/ผักสลัด (บัตเตอร์เฮด), ผักชีฝรั่ง, ใบสะระแหน่ตามชอบ

ลงมือทำกันเลย
วิธีทำ
1) ผัดเห็ดหอมกับน้ำมันด้วยไฟปานกลาง พอให้มีกลิ่นหอมและชิ้นเห็ดมีสีเหลืองทอง
2) เพิ่มรสชาติและความหอมด้วยซอสปรุงอาหารตราแม็กกี้ 1 ชต. ผัดเร็วๆพอเข้ากัน
3) ใส่เต้าหู้ลงผัดให้ผิวด้านนอกของเต้าหู้กรอบเล็กน้อย
4) จึงใส่แครอท และปรุงรสด้วยซอสแม็กกี้ที่เหลือ
5) ใส่น้ำเปล่าลงไป ผัดต่อพอน้ำแห้งเหลือขลุกขลิก ยกลง รับประทานคู่กับผักตามชอบและเหยาะด้วยน้ำจิ้มแจ่ว ซึ่งใช้ซอสเหยาะจิ้มตราแม็กกี้ ผสมกับน้ำมะนาว น้ำตาลทราย พริกป่น คนให้เข้ากันและโรยหน้าด้วยผักชีฝรั่งซอย.

พร้อมทานแล้วค่ะ
 
credit by :  http://www.thairath.co.th/content/449266
 

Read More...


เด้งดึ๋งดั๋ง ดั่ง ‘กุ้งสะดิ้ง’



คำจำกัดความเส้นทางบนสายอาชีพของ เชฟบอมเบย์-ไพโรจน์ ประไพรักษ์ หัวหน้าเชฟใหญ่ ประจำห้องอาหารมิสสยาม โรงแรมหัวช้างเฮอริเทจ กรุงเทพฯ ต้องนิยามมาจาก “ความชอบโดยไลฟ์สไตล์ของตัวเอง” ซึ่งมีความท้าทายเป็นตัวขับเคลื่อน เพราะตลอดชีวิตที่โลดโผนโจนทะยานมาตั้งแต่เด็กแทบจะไม่มีช่วงใดเกี่ยวข้องกับวงการอาหาร นึกภาพแทบไม่ออกทีเดียวว่า วันนี้จะกลายเป็นเชฟโชกโชนประสบการณ์ โดยมีผลงานชิ้นโบแดงขนาดยกระดับมาตรฐานและคุณภาพอาหารของโรงแรม 9 แห่งบนเกาะเสม็ด และนับเป็นเกียรติประวัติของชีวิตเมื่อครั้งหนึ่งได้ถวายการสอนทำอาหารแด่สมเด็จพระราชาธิบดีคาร์ลที่ 16 กุสตาฟแห่งสวีเดนมาแล้ว

ย้อนชีวิตไปวัยเยาว์ เชฟหนุ่มลูกครึ่งเชื้อสายไทย-จีน เล่าว่า “คุณแม่และบรรพบุรุษเป็นคนจีนแท้ คุณพ่อเป็นคนไทย ที่บ้านอากงอาม่ามีแผงขายของทะเลสด ในตลาดสดแถววัดประยุรวงศาวาส วันไหนของเหลือนำมาแปรรูปเป็นอาหารเพื่อขายหารายได้อีกต่อ เช่น ปลาอินทรีก็ขูดเนื้อมาทำทอดมันขาย แตกต่างจากคนไทยที่มีเวลาเล่นเตะฟุตบอล แต่ผมโตมากับการเรียนรู้การใช้ชีวิตและการทำงานตั้งแต่เด็ก สอนให้ผมขยัน อดทน รู้จักอดออม มองการณ์ไกลกว่าคนวัยเดียวกัน”

ดังนั้นชีวิตการทำงานจึงเริ่มต้นพร้อมกับการเรียน เชฟบอมเบย์เล่าว่า ตอนอายุ 17 ปี ทำงานเป็นเซลส์ขายผ้าย่านสำเพ็ง ผมพูดเก่งจึงค่อนข้างประสบความสำเร็จ ทำยอดได้เดือนละ 4-5 ล้านบาท เมื่อเก็บเงินได้หนึ่งก้อนจึงลงทุนทำธุรกิจทองคำโดยหุ้นกับพี่สาว ระยะเวลา 8 ปี ขยายได้ 3 สาขา พอเข้าปีที่ 9 เหมือนก้าวไม่พ้นรู้สึกเบื่อชีวิตจำเจ ส่วนหนึ่งเพราะเป็นคนชอบความท้าทาย ชอบลุย ต่อมาคุณแม่เห็นลู่ทางธุรกิจเหล็กรายได้ดี  จึงเข้ามาช่วยเพราะสงสารคุณแม่ “วันหนึ่งผมกลับมากรุง เทพฯ เห็นคุณแม่อยู่บนกองเหล็กดำ ๆ น้ำตาตกทันที ทำไมต้องทำงานหนัก แม่กลับดุและสอนผมว่า “คนเราอย่าดัดจริตกับชีวิต” คือมีเงินแค่ไหนไม่จำเป็นต้องให้เขารู้ว่ามีเท่าใด ไม่จำเป็นต้องแต่งตัวให้เขารู้ว่าเรามีเงิน แค่เรามีเงินแต่เราไม่มีหนี้ อยากกินอะไรได้กิน อยากไปไหนได้ไป จบ”

ธุรกิจเหล็กสามารถสร้างฐานะจากหยิบเงินหมื่นมีเงินในมือกว่า 10 ล้าน ใช้เวลา 5 ปีปลดหนี้สินครัวเรือนเกลี้ยง “นี่คืออดทนที่เราทำ” เชฟบอมเบย์สรุป แต่เมื่อความกระเหี้ยนกระหือรือต่อความท้าทายถูกสะกิดอีกครั้ง ผนวกกับความรู้สึกอิ่มตัวกับธุรกิจแบบครอบครัว แววความเป็นเชฟก็ฉายแสงขึ้น เมื่อตัดสินใจเข้าโครงการดิ โอเรียนเต็ล โปรเฟสชั่นนอล ไทย เชฟ ที่โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ จุดประกายให้ค้นพบตัวเองประกอบกับศรัทธาในตัวเชฟวิชิต มุกุระ หัวหน้าเชฟไทยประจำโรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ ด้วย “ผมทิ้งเงินล้านมากินเงินเดือน 8 พันกว่าบาท ทันทีที่ถูกชักชวนทำงานตรงนี้ ทุ่มทำงานไม่ต่ำกว่าวันละ 15 ชั่วโมง วันหนึ่งได้ถูกพิจารณาเป็นเอ็กซ์คลูซีฟไทยเชฟที่สิงคโปร์ แต่สละสิทธิ์เสี้ยววินาทีสุดท้ายไปแสวงหาประสบการณ์ที่ประเทศออสเตร เลีย” เชฟหนุ่มกล่าว

แต่ด้วยเนื้อแท้ที่รักษ์ความเป็นไทยมากกว่า ทำให้เชฟบอมเบย์ตัดสินใจกลับสู่บ้านเกิด ก่อนได้รับการชักชวนจาก วีรศักดิ์ ชุณหจักร ไปดูแลโรงแรมที่เกาะเสม็ดจนประสบความสำเร็จ และได้ทาบทามมาเป็นหัวหน้าเชฟใหญ่ ประจำห้องอาหารมิสสยาม โรงแรมหัวช้างเฮอริเทจ กรุงเทพฯ ด้วยความท้าทายใหม่ที่จะนำอารยธรรมไทยเข้าสู่สากล ขายความเป็นไทยในรูปแบบคลาสสิก เช่นเดียวกับเมนูใหม่ที่เพิ่งคิดค้นสำเร็จ รับประกันว่ามีขายแห่งนี้ที่เดียว นั่นก็คือเมนู “กุ้งสะดิ้ง”

วัตถุดิบและส่วนผสม ประกอบด้วย กุ้งแชบ๊วยหรือกุ้งขาวสด 6 ตัว, น้ำมะนาวสด 25 กรัม, หอมแดงซอย 30 กรัม, กะหล่ำปลีซอย 80 กรัม, ใบมะกรูด 1 กรัม, น้ำยำ 50 กรัม, พริกยำ 30 กรัม, พริกสด 5 กรัม, ถั่วลิสงบด 20 กรัม และกระเทียมไทย 5 กรัม

วิธีทำ ผ่าเส้นดำหลังกุ้งเสร็จแล้วนำมาคลุกกับน้ำมะนาวและเกลือ ค่อย ๆ บีบเอาน้ำออกจากตัวกุ้ง ส่วนนี้เรียกว่า “น้ำสะเออะ” จุดเด็ดอยู่ที่การบีบน้ำสะเออะใส่ตัวกุ้ง น้ำสะเออะคือการใช้น้ำมะนาวและเกลือ หรือน้ำส้มสายชูกับเกลือบีบลงบนเนื้อสัตว์เพื่อให้ได้น้ำสะเออะออกมาจากเนื้อสัตว์เอามาทำน้ำยำ จะมีรสชาติน้ำยำที่แตกต่างจากเดิม มีกลิ่นหอม เมื่อได้แล้วนำเอาน้ำสะเออะตั้งไฟ จากนั้นนำกุ้งมารวนให้พอสุกประมาณ 10 วินาที เทคนิคนี้เนื้อกุ้งจะเด้งเต่งตึง หั่นกะหล่ำปลีซอยผสมกับหัวหอมแดงและใบมะกรูดซอย จัดวางบนจานพร้อมกุ้ง ต่อมาผสมน้ำยำที่ทำจากกระเทียมโทน ผสมเกลือเล็กน้อย ถั่วลิสงคั่ว พริกขี้หนูสวน และน้ำหมักที่ทำจากกระเทียมโทนดองกับพริกชี้ฟ้าที่ตำรวมกันทิ้งไว้ 1 คืน และตามด้วยน้ำยำ ซึ่งประกอบด้วยน้ำปลาดีและน้ำมะนาว ผสมเข้ากันแล้วเทน้ำสะเออะที่เหลือตาม

เวลารับประทานให้ตักผักรองตามด้วยเนื้อกุ้งและราดน้ำยำเป็นคำ เสิร์ฟตอนบ่ายแก่ ๆ ความแซ่บจี๊ดจ๊าด แก้อาการง่วงเหงาหาวนอนชะงัด.

credit by :  http://www.dailynews.co.th/Content/Article/264577/เด้งดึ๋งดั๋ง+ดั่ง+‘กุ้งสะดิ้ง’



Read More...


‘สปาเกตตีครีมซอสวอดก้า’ ดับคาวด้วยดีกรีร้อน - สูตรเด็ด...พร้อมเสิร์ฟ


ด้วยความรักหรือความผูกพัน “มด-กิตติพัฒน์ สิทธัตถ์” เจ้าของร้านอาหารพาเลอร์ ที่ตั้งอยู่ภายในศูนย์การค้าคริสตัล ดีไซน์ เซ็นเตอร์ (ซีดีซี) เลียบทางด่วนรามอินทรา ยังหาคำตอบไม่ได้ว่าเหตุใดจึงหลงใหลการทำอาหารแบบไม่รู้ตัว ทั้ง ๆ ที่ร่ำเรียนด้านรัฐศาสตร์การปกครอง ก่อนมาทำงานด้านการตลาดและการประชาสัมพันธ์ให้กับเครือเดอะซีนเนอรี่กรุ๊ป ซึ่งดูจะฉีกแนวไม่เกี่ยวข้องกันเลย ดังนั้นเหตุผลที่พอเข้าเค้ามีน้ำหนักมากที่สุด คงเพราะครูพักลักจำมาจากคุณยายกับคุณแม่นั่นเอง

“ที่บ้านไม่นิยมซื้อทำเองทุกอย่าง ไม่ว่าอาหาร เช่น แกงร้อนปูทะเล แกงขี้เหล็ก มัสมั่น หรือขนมไทยสารพัด ทั้งสาลี่ ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง เม็ดขนุน ข้าวต้ม น้ำวุ้น ซาหริ่ม ลอดช่อง คุณยายกับคุณแม่ทำเองหมด ตั้งแต่เด็ก ๆ เราเห็นแบบนั้น พอโตขึ้นมาก็ชอบไปเดินตลาดสดดวงพลอยกับคุณแม่ ที่ย่านสุขุมวิท 105 เนื่องจากที่บ้านเป็นเจ้าของธุรกิจนี้ ทำให้ค่อย ๆ ซึมซับวิชาทำอาหารมาตั้งแต่การเลือกซื้อวัตถุดิบ เวลาอยู่กับเพื่อน ๆ หรือไปเที่ยวต่างจังหวัด มีหน้าที่ต้องดูแลเรื่องอาหารด้วย ทั้งเตรียมอาหาร จ่ายตลาด เตรียมกระติกน้ำแข็ง เมื่อไปถึงสถานที่พักแล้วจะทำอะไรก่อน หรือว่าไปกินร้านไหน นอกจากผมชอบทำแล้วยังชอบกินด้วย” หนุ่มอารมณ์ดีเล่าถึงที่มา

ภายหลังร่วมงานกับเดอะซีนเนอรี่กรุ๊ป ทำให้คุณมดต้องเดินทางไปทำงานที่ซีนเนอรี่ ฟาร์ม อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี ถี่กว่าเดิมและใช้เวลาอยู่ครั้งละหลายวัน ครั้นกินแต่อเมริกันเบรกฟาสต์หรือข้าวต้มทุกวัน คุณมดยืนยันความรู้สึกว่า “ไม่ไหว” จุดประกายให้ตื่นแต่เช้าไปจ่ายตลาดทำอาหาร ซึ่งตัวอย่างของเมนูขยันคือ โจ๊กฮ่องกง, ข้าวผัด, สปาเกตตีและต่อยอดขยายธุรกิจเปิดร้านอาหารร้านแรก ชื่อ “โฟลว์เรสเตอรองท์ แอนด์ บาร์” พหลโยธิน 9

กระทั่งประสบความสำเร็จดีลูกค้าชมกันปากต่อปาก เมื่อมีโอกาสได้ที่ตรงนี้จึงคลอดร้านพาเลอร์เป็นลำดับที่สอง ซึ่งได้แรงบันดาลใจตกแต่งร้านจากโฮมสเตย์ เมืองคอทส์เวิลด์ ประเทศอังกฤษ ซึ่งอดีตเคยเป็นโรงทอขนแกะจึงจำลองความประทับใจมาสร้างบรรยากาศอบอุ่นภายในร้าน และเมนูอาหารซิกเนเจอร์ที่อยากแนะนำ แบบไม่หวงสูตรคือ สปาเกตตีครีมซอสวอดก้าเสิร์ฟกับปลาแซลมอน เมนูใหม่ไม่ซ้ำใคร เพราะร่วมกับเชฟคิดลองผิดลองถูก จนลงตัวและล็อกสูตรมาเสิร์ฟความอร่อยตลอดระยะเวลา 1 ปีเต็ม “เมนูนี้แปลกตรงที่นำเครื่องดื่มมาใส่ในอาหาร วันนี้เลือกเป็นปลาแซลมอนซึ่งเข้ารสลงตัวกับวอดก้า แต่จะใช้ปริมาณเล็กน้อยเพื่อเพิ่มอรรถรสทางด้านอาหาร เมื่อราดลงบนปลาแล้วมันจะซึมลงในครีมและเส้นพาสต้า ได้กลิ่นหอมจาง ๆ” คุณมดเล่า

วัตถุดิบและส่วนผสม ประกอบด้วย เส้นพาสต้าใช้เส้นสปาเกตตี 120-150 กรัม, ปลาแซลมอน 3 ชิ้น, น้ำมันมะกอกนิดหน่อย, หอมหัวใหญ่สับละเอียด 1/2 ช้อนชา, ครีมสด 4 ช้อนโต๊ะ, นมสด 1 ถ้วย,  วอดก้า 1 ช้อนโต๊ะ, ชีส 2 ช้อนโต๊ะ และเคเปอร์เล็กน้อย

ส่วนขั้นตอนการทำนั้น คุณมดเผยว่า เมนูนี้ทำง่ายมากเพียงลวกเส้นสปาเกตตีในน้ำเดือด กะให้เส้นแข็งสักหน่อยเผื่อเวลาผัดจะลงตัวกำลังดี เสร็จแล้วพักไว้ ตั้งกระทะ กลั้วน้ำมันมะกอกพอให้ผัดไม่ติดก้น ใส่หอมหัวใหญ่ผัดจนสุกให้กลิ่นโชย ระวังอย่าให้หอมหัวใหญ่ดิบ เพราะกลิ่นจะเหม็นฉุน จากนั้นใส่เส้นสปาเกตตี เทครีมสดที่ผสมกับนมสดลงผัด ตามด้วยเคเปอร์ ส่วนผสมนี้ช่วยเรื่องกลิ่นและให้รสเค็มเปรี้ยว จะใส่หรือไม่ใส่ก็ได้ตามชอบ นิยมใส่ในอาหารจานปลา ส่วนคนที่ชอบเนื้อสัมผัสเข้มข้นให้ใส่ชีสตามลงไป หมั่นสังเกตถ้าสปาเกตตีแห้งค่อยเติมนมสดให้น้ำขลุกขลิก ปรุงรสด้วยเกลือและพริกไทย จัดใส่จานด้วยการม้วนปลาแซลมอนเป็นคำ ประดับด้วยผักชีลาว เลมอนฝาน แล้วราดวอดก้าให้ทั่วชิ้นปลา กินขณะร้อน ๆ กำลังดี.

‘ช้องมาศ’
credit by :  http://www.dailynews.co.th/Content/Article/263105/‘สปาเกตตีครีมซอสวอดก้า’+ดับคาวด้วยดีกรีร้อน+-+สูตรเด็ด...พร้อมเสิร์ฟ

Read More...


'น้ำอัดลมโบราณ' พลิกของเก่าเป็นจุดเด่น




“นํ้าซ่า” หรือ “นํ้าอัดลมโบราณ” เป็นที่รู้จักกันดีในหมู่คนรุ่นเก่า แต่อาจจะไม่คุ้นหูคนรุ่นใหม่ เพราะเป็นอาชีพที่ห่างหายไปจากสังคมนานหลายสิบปี อาจเรียกได้ว่าเป็นสินค้าที่ตายไปจากตลาดแล้วก็ได้ ปัจจุบันมีผู้ประกอบการที่ยังทำนํ้าอัดลมโบราณเหลืออยู่เพียงไม่กี่รายเท่านั้น ด้วยสีสันและรสชาติที่หลากหลาย เป็นเอกลักษณ์ ทีมงาน “ช่องทางทำกิน” นำข้อมูลเรื่องนํ้าดังกล่าวมานำเสนอ เพื่อเป็นการอนุรักษ์ให้นํ้าซ่าหรือนํ้าอัดลมโบราณกลับมาคงความนิยมอีกครั้ง และสำหรับเป็นทางเลือกหนึ่งให้ผู้กำลังมองหาอาชีพ

************

ผู้ที่จะมาให้ข้อมูลคือ “ธนกฤต พุ่มเรือง” เจ้าของแบรนด์ “เย็นซ่า ซาสี่” เป็นผู้หนึ่งที่นำนํ้าอัดลมโบราณของไทยขึ้นมาปัดฝุ่น ต่อยอดขยายจนเปิดแฟรนไชส์ โดยเล่าว่า เเรกเริ่มเดิมทีนั้นได้บวชเป็นพระ ในช่วงเวลาที่ปฏิบัติหน้าที่เป็นพระพี่เลี้ยงก็ได้รู้จักกับเจ้าของสูตรนํ้าอัดลมโบราณซึ่งมาบวชอยู่ 3 พรรษา ด้วยความสนิทสนมกัน เขาก็ถ่ายทอดสูตรการทำและเคล็ดลับต่าง ๆ ให้ ก็ลองฝึกโดยไม่ได้คิดจะนำไปต่อยอดทำธุรกิจอะไรทั้งสิ้น

“ผมบวชเป็นพระจนอายุ 30 ปี เป็นช่วงการตัดสินใจว่าชีวิตจะไปในทางไหน คือถ้าคิดเป็นพระต่อก็ต้องยาวไปเลย แต่ถ้าไม่ก็ต้องสึกออกไปในตอนนี้ หลังจากที่สึกออกมาจากการเป็นพระไม่ได้ประกอบอาชีพอะไร เพื่อนสนิทจึงชวนไปเช่ารถสองแถวขับแถวพัทยา เพื่อเก็บเงินทำรถเช่าให้ฝรั่ง พอว่างผมก็อยากหารายได้เพิ่ม เอาความรู้เรื่องนํ้าอัดลมโบราณที่มีมาทำขายที่หน้าโรงเรียนที่พัทยา โดยการนำสูตรมาประยุกต์เป็นนํ้าอัดลมรูปแบบใหม่”

เพื่อลดความยุ่งยากและสร้างจุดสนใจเวลาขายนํ้าอัดลมโบราณ ธนกฤตจึงนำหม้อแปลงไฟฟ้ามาดัดแปลงเป็นเครื่องอัดลมและกระติกอัดโซดา ใส่อุปกรณ์จรวดสเตนเลสเพิ่ม ข้อดีคือช่วยลดต้นทุนและสามารถเคลื่อนย้ายไปไหนมาไหนสะดวก นอกจากนี้ก็ได้ปรับปรุงรสชาตินํ้าอัดลมโบราณให้อร่อยยิ่งขึ้นด้วย

ธนกฤต บอกว่าสูตรนํ้าอัดลมของเขาไม่เหมือนคนอื่นตรงที่ทำนํ้าหวานโดยผสมกันไว้ก่อน จากนั้นก็จะนำหัวฉีดมาจุ่มและใส่โซดาลงไป หลังจากการทำสูตรได้มั่นคงแล้วจึงทดลองเปิดร้านขาย ผลตอบรับดีเกินคาด

อุปกรณ์..มอเตอร์พร้อมหม้อแปลง, ตัวจรวดพร้อมขาตั้ง ทำด้วยสเตนเลส, โหลแก้วพร้อมฝาปิด, กระบวยตักนํ้าหวานทำด้วยสเตนเลส อย่างดี, ชุดกระติกสำหรับอัดนํ้าโซดา, เตาแก๊ส, ทัพพี และหม้อสเตนเลส

วัตถุดิบ..นํ้าตาลทราย, หัวเชื้อ เป็นสารปรุงแต่งสี กลิ่น และรสชาติต่าง ๆ, กรดผลไม้, ผงโซดาเย็น, นํ้าแข็งบด และนํ้ากรอง

วิธีทำ “นํ้าอัดลมโบราณ”

เริ่มจากการเตรียมทำนํ้าหวานก่อน โดยใช้นํ้าสะอาด 500 ซีซี (ครึ่งลิตร) ผสมนํ้าตาลทราย 1 กก. นำขึ้นตั้งไฟ ใช้ทัพพีคนให้นํ้าตาลทรายละลาย พอเดือดแล้วเคี่ยวทิ้งไว้สักครู่ ยกลงตั้งทิ้งไว้ให้เย็น

ต่อไปเป็นการแต่งสีแต่งกลิ่นรสชาติต่าง ๆ ตามที่ต้องการ เช่น นํ้าซาสี่ นํ้าลิ้นจี่ นํ้าสตรอเบอรี่ นํ้าโคล่า นํ้าแอปเปิ้ล นํ้าแคนตาลูป นํ้ามะนาว นํ้าครีมโซดา นํ้าบลูเบอรี่ นํ้าสละ นํ้าองุ่น นํ้าสับปะรด นํ้าบ๊วย นํ้าเขียว นํ้าแดง ฯลฯ

หลักในการผสมสีกับกลิ่นทุกรสชาติคือ นํ้าเชื่อมเย็นแล้ว 2 ลิตร ต่อกลิ่นซาสี่ 3 ช้อนชา สีนํ้าตาล, กลิ่นโคล่า ใช้นํ้าเชื่อม 2 ลิตร ต่อกลิ่นโคล่า 15 ฝา สีนํ้าตาล, กลิ่น    สไปรท์ ใช้นํ้าเชื่อม 2 ลิตร ต่อกลิ่นมะนาว 6 ช้อนชา และกรดผลไม้ 1 ช้อนชา (ถ้าใส่สีนํ้าเงินจะเป็นกลิ่นบลูเลม่อน), กลิ่นส้ม ใช้นํ้าเชื่อม 2 ลิตร ต่อกลิ่นส้ม 3 ช้อนชา กรดผลไม้ 1 ช้อนโต๊ะ เกลือป่น 20 กรัม ฯลฯ

การผสมนํ้าโซดา ใช้นํ้ากรองสะอาด 6 ลิตร ใส่ในภาชนะสะอาด ใส่ผงโซดาเย็น 1 ขีดตามลงไป คนส่วนผสมโซดาให้ละลายและเข้ากันดี ตั้งทิ้งไว้สักครู่นํ้าโซดาจะใส จากนั้นก็เทนํ้าโซดาในชุดกระติกอัดโซดาที่ประยุกต์

หลักการฉีดนํ้าอัดลมโบราณให้อร่อย

เริ่มนำแก้วพลาสติกใสขนาด 16 ออนซ์ ตักนํ้าหวาน 1 กระบวย (หากใช้ถ้วยเล็กลง ก็ให้ลดลงได้) ตักนํ้าแข็งบดให้เต็มแก้ว เสร็จแล้วนำแก้วนํ้าแข็งไปเสียบที่ปลายก้นจรวด เปิดสวิตช์ฉีดโซดา 1 ฟืด แล้วปิดสวิตช์ แรงลมออกมาตีนํ้าโซดาและนํ้าหวานทำให้เกิดซ่าขึ้น บีบแก้วเล็กน้อยเสียบหลอดดูด เพียงเท่านี้ก็จะได้นํ้าอัดลมเย็นซ่า

ธนกฤต บอกถึงเหตุผลที่ทำให้ผู้ประกอบอาชีพนี้ส่วนใหญ่ต้องเลิกกิจการไปว่าเพราะเป็นสินค้าไม่ได้รับความนิยมเมื่อเทียบกับนํ้าอัดลมจากต่างประเทศ แถมราคาสินค้าต่ำมาก จึงทำให้ไม่มีทายาทเข้ามาสืบทอดต่อ

ต้นทุนการทำนํ้าอัดลมโบราณ ตกแก้วละ 2-3 บาท แต่สามารถขายได้แก้วละ 10-20 บาท ขึ้นอยู่กับทำเล!!

************

ใครสนใจ “นํ้าอัดลมโบราณ” อยากทำขายเป็นอาชีพ ก็ลองไปฝึกฝนหาสูตรเฉพาะของตัวเองดู ส่วนถ้าสนใจเรื่องแฟรนไชส์ต้องการสอบถามข้อมูลจากเจ้าของกรณีศึกษารายนี้ ติดต่อ ธนกฤต พุ่มเรือง ได้ที่เบอร์ โทร.08-7794-8370 เจ้าของสูตรบอกว่ายินดีจะช่วยให้คนที่ไม่มีอาชีพนำไปต่อยอดสร้างรายได้

ก็เป็นเรื่องของการขาย “นํ้าอัดลมโบราณ” ที่อาจจะดูธรรมดา แต่กำไรไม่ธรรมดาเลย!!.

เชาวลี ชุมขำ : เรื่อง / สุนิสา ธนพันธสกุล : ภาพ

คู่มือลงทุน...น้ำอัดลมโบราณ

ทุนอุปกรณ์ ประมาณ 10,000 บาทขึ้นไป

ทุนวัตถุดิบ ประมาณ 30% ของราคา

รายได้ ราคาขาย 10-20 บาท/แก้ว

แรงงาน ตั้งแต่ 1 คนขึ้นไป

ตลาด ชุมชน, ตลาดนัด, หน้าโรงเรียน

จุดน่าสนใจ ฟื้นภูมิปัญญาเก่าเป็นจุดขาย

credit by : https://www.google.co.th/?gws_rd=ssl#q=น้ําอัดลมโบราณ+พลิกของเก่าเป็นจุดเด่น

Read More...


‘กุ้งป๊อบคอร์น’ หอม กรอบ อร่อย เลิศรส ‘ซี่โครงแกะย่าง’ เนื้อนุ่ม

วันนี้ผมได้แอบเอาสูตรอาหารที่ผมได้ไปชิมที่ประเทศอิสราเอลมาให้เพื่อน ๆ ได้ลองทำกินกันดูนะครับ โดยเขาจะเอากุ้งสดตัวเล็ก ๆ มาหมักแล้วเอาไปชุบแป้งทอด เป็นเมนูที่น่าสนใจมาก ชื่อว่า กุ้งป๊อบคอร์น ครับ

มาที่ขั้นตอนการทำ เริ่มด้วยการตำเครื่องหมัก มีรากผักชี กระเทียม และพริกไทยตำให้เข้ากันพอหยาบ จากนั้นนำมาใส่ลงในกุ้ง โดยจะต้องเลือกกุ้งที่ตัวเล็กสักหน่อยนะครับ เมื่อนำเครื่องตำที่เราตำไว้ลงไปหมักกับกุ้งแล้วให้เติมเกลือลงไปเล็กน้อยเพื่อให้มีรสชาติที่อร่อยยิ่งขึ้น คลุกให้เข้ากัน จากนั้นหมักทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที

เมื่อหมักครบเวลาแล้ว ให้เอาชามผสมมาอีกใบเพื่อผสมแป้งข้าวโพด แป้งเทมปุระ โดยนำมาผสมกับน้ำเย็นจัดให้เข้ากัน โดยผสมแป้งให้ข้นสักเล็กน้อย อย่าให้เหลวจนเกินไป

จากนั้น ให้นำกุ้งที่เราหมักไว้ลงไปชุบกับแป้งก่อนนำลงทอดในกระทะที่มีน้ำมันที่ร้อนพอสมควร เนื่องจากกุ้งตัวเล็กจึงอยากให้ใช้แป้งที่หนาเพื่อที่จะได้กุ้งที่สุกพอดีและแป้งกรอบ หลังจากนั้น พอทอดกุ้งสุกเหลืองแล้ว ก็ตักขึ้นมาวางให้สะเด็ดน้ำมัน แล้วพักไว้

ขั้นตอนต่อมา เป็นการทำน้ำสลัดในชามผสม เอามายองเนสสำเร็จรูปที่ซื้อมาผสมกับน้ำผึ้งเล็กน้อย และใส่น้ำส้มกลิ่นข้าวโพดลงไปจะได้หอม ใส่เกลือ ใส่มะนาว และพริกไทยลงไปผสมให้เข้ากัน ปรุงรสและชิมให้ออกรสเปรี้ยว เค็ม หวาน จากนั้นเอากุ้งที่ทอดไว้ลงไปคลุกในน้ำสลัด คลุกแบบเร็ว ๆ จัดใส่จานเสิร์ฟพร้อมผักสลัด ยิ่งถ้าเสิร์ฟร้อน ๆ จะอร่อยมาก

เมนูนี้อยากให้ลองทำกินกันดู เป็นอาหารที่ทำง่าย ๆ ไม่ยุ่งยากครับ ทำกินเล่นเป็นของว่างช่วงกลางวันก็ได้ หรือจะทำกินกันช่วงวันหยุดก็ดีครับเป็นเมนูที่สามารถช่วยกันทำได้ทั้งครอบครัว.

ร้านอาหารชวนชิม

ร้านอาหารที่ผมจะพาไปชิมวันนี้อยู่ไกลจากที่บ้านผมมากครับ โดยจะอยู่แถว อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ในซอยกิ่งแก้ว ชื่อว่า ร้าน บัคโค ซึ่งมี 2 สาขาด้วยกัน โดยสาขาแรกอยู่ที่สุขุมวิท และสาขาที่ผมมากินนี้เป็นสาขาที่ 2 ผมได้มีโอกาสมากินที่ร้านนี้ก็เพราะมางานวันเกิดของน้องสาวผมจึงได้ไปชิม

วันนั้นผมออกมาก่อนเวลาพอสมควรเพราะกลัวรถจะติด เลยทำให้ผมมาถึงก่อนเวลา ผมจึงสั่งอาหารมากินก่อน เป็นร้านที่มีบรรยากาศดี กว้างขวาง เพดานสูง น่านั่งครับ

ผมเริ่มชิมอาหารในจานแรกที่มีชื่อว่า เนื้อเย็นจานรวม โดยในจานจะมีสารามี่ พามาแฮม มีหลายอย่างด้วยกันเสิร์ฟมาเป็นถาดเลยครับ กินกับขนมปัง และพิซซ่าที่ทำมาได้หอม กรอบอร่อย เมื่อกินด้วยกันแล้วเข้ากันเป็นอย่างดี

หลังจากนั้นน้อง ๆ ก็เริ่มมากันแล้ว จึงเริ่มสั่งอาหารหลักมาแบ่งกัน มี สลัดซีซาร์ ซึ่งเป็นเมนูที่ทำได้ดี เพราะการทำที่ถูกต้อง คือ จะต้องใช้ผักคอสอย่างเดียวจะไม่มีผักอื่นเลย แล้วก็มีเบคอนกรอบ มีพาเมซานชีส สไลด์ไว้ด้านบน อร่อยดีครับ เป็นเมนูเบา ๆ ที่กินได้ไม่อ้วน

ต่อมาเป็น ยำเนื้อดิบคาร์ปาชิโอ โดยจะเอาเนื้อมาทุบให้บางแล้วทิ้งไว้ให้เย็น จากนั้นใส่ผักร็อกเก็ตลงไปข้างบน ราดด้วยน้ำมันมะกอกและน้ำสลัดเล็กน้อย มีพาเมซานชีสเป็นแผ่นใส่ลงไปด้วยแต่ไม่มาก เมื่อชิมดูแล้วก็อร่อยดี

ตามมาด้วย เส้นพาสต้าผัดหอยลายกับเห็ด เขาทำเส้นเอง ลวกเอง ซึ่งทำได้รสชาติดี กลมกล่อม เข้มข้น และไม่มีความเผ็ดเลย เป็นอาหารอิตาเลียนที่อร่อยครับสำหรับจานนี้

มี ข้าวผัดรีซอตโต้ เป็นข้าวผัดใส่กุ้ง สไตล์อิตาเลียนซึ่งจะต้องเป็นข้าวผัดที่เละเล็กน้อย แต่เม็ดข้าวจะยังกรุ๊บ ๆ อยู่ตรงกลางนิด ๆ เหมือนเอาครีมใส่เข้าไปกินกับข้าวที่หุงไม่สุก แต่คนอิตาเลียนเขากินกันแบบนั้น ซึ่งเขาทำได้เข้มข้น รสชาติดีพอสมควร

ส่วนอาหารที่ผมชอบมากเป็น ไส้กรอกย่างอิตาเลียน โดยเขาจะเอาไส้กรอกมาย่างเสิร์ฟกับมันแล้วบีบมะนาวกิน

ง่าย ๆ แต่ไส้กรอกเขารสชาติดี หอม ด้านในมีเครื่องเทศเต็มไปหมดเลยครับ

นอกจากนี้ยังมี ซี่โครงแกะย่าง จานใหญ่พอสมควร มีซี่โครงแกะมา 2 ชิ้น ชิ้นหนา ๆ อร่อยมาก น้ำซอสก็กลมกล่อม แต่ผมชอบแบบที่ย่างไม่สุกเกินไป ไม่เช่นนั้นจะเหนียว ไม่อร่อย ผมจึงสั่งซี่โครงแกะที่ย่างยังคงเป็นสีชมพู ๆ อยู่ ซึ่งเขาก็ย่างมาได้ดี จานนี้จึงอร่อย

อีกจานเป็น อกเป็ด เขาเอาอกเป็ดไปหมักและไปทอด เมื่อทอดเสร็จก็นำมาสไลด์ เสิร์ฟกับซอสส้ม แต่ว่าซอสของเขายังไม่เค็มพอสำหรับผม ส่วนเป็ดเขาทอดได้พอดี ไม่สุกจนเกินไป ทำให้ไม่เหนียว สรุปก็ใช้ได้ครับ

ส่วนของหวาน ผมสั่ง พานาคอตต้า มาลองชิมดู เป็นวุ้นแบบอิตาเลียน พออร่อยใช้ได้ ยังมี ไอศกรีม ด้วย กินเย็น ๆ ชื่นใจดี ตบท้ายด้วย ทีรามีสุ ซึ่งทำเป็นเค้กวันเกิดให้กับน้องสาวผม พวกเราก็เลยกินกันอย่างเอร็ดอร่อย หวานมันดีครับ

ถ้าใครมีโอกาสลองแวะไปชิมกันดู แต่ควรจะโทรฯ ไปจองโต๊ะก่อนเพราะคนเยอะพอสมควรครับ

กุ้งป๊อบคอร์น

เครื่องปรุง

กุ้งสดตัวเล็ก 200 กรัม

รากผักชี กระเทียม พริกไทย ตำแล้ว 1 ช้อนโต๊ะ

เกลือ 1 ช้อนชา

แป้งข้าวโพด 100 กรัม

แป้งเทมปุระ 250 กรัม

น้ำเปล่า (เย็น) 1 ถ้วยตวง

น้ำมันพืช สำหรับทอด

ผักสลัดไมโคร สำหรับแต่งหน้า

เครื่องปรุงน้ำสลัด

มายองเนส 1/2 ถ้วยตวง

น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ

น้ำส้มกลิ่นข้าวโพด 1 ช้อนโต๊ะ

พริกไทยป่น 1 หยิบมือ

เกลือ 1/2 ช้อนชา

น้ำมะนาว 1 ช้อนชา

หมึกแดงไกด์

สำหรับร้าน บัคโค

ความอร่อย

ความสะอาด

คุณภาพของวัตถุดิบ

การบริการ

ราคา

ที่อยู่ : 189 หมู่ 12 ซอยกิ่งแก้ว 19 ถนนกิ่งแก้ว ต.ราชา

เทวะ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ 10540

โทร : 0-2762-0055

เวลาทำการ 11.30-23.00 น.

เว็บไซต์ www.bacco.com

หมึกแดง

www.mcdangguide.com

Read More...


เจาะสูตร เบเกอรี่เพื่อแม่ ใส่ความรักใน...'มาการอง'


วันแม่แบบนี้ถ้าไม่อยากออกไปข้างนอกเพราะเบื่อคนเยอะ อยากจะหากิจกรรมอะไรทำกับคุณแม่ แต่ยังไม่รู้จะทำอะไร ไทยรัฐออนไลน์ขอนำสูตรเด็ดทำมาการองชาเขียว ขนมยอดฮิตมาให้คุณแม่คุณลูกได้สนุกกัน...
วิธีการทำ มาการองชาเขียว (ไส้ไวท์ช็อกโกแลตครีมชีส)
ส่วนผสม แผ่นเชลมาการองรสชาเขียว (Macaron Shell)
1. แป้งอัลมอนด์ 300 กรัม
2. น้ำตาลไอซิ่ง 300 กรัม
3. น้ำตาลทรายขาว 300 กรัม
4. น้ำสะอาด 75 กรัม
5. ไข่ขาวที่ตอกทิ้งไว้ 2 วัน ในตู้เย็น 8 ฟอง
6. ผงชาเขียว 3 ช้อนชา

berry-milkshake
blueberry chocolate pancake
วิธีทำแผ่นเชลมาการองรสชาเขียว
1. ร่อนน้ำตาลไอซิ่ง ผงชาเขียวและแป้งอัลมอนด์
2. แบ่งไข่ขาวออกเป็น 2 ส่วน นำส่วนที่ 1 ไปใส่ในส่วนผสมตามข้อ 1 ผสมให้เข้ากันด้วยไม้พาย
3. ตีไข่ขาวที่เหลือจนตั้งยอดอ่อน นำน้ำและน้ำตาลทรายขาวตั้งไฟเมื่อวัดได้อุณหภูมิ 115 องศาเซลเซียส แล้วเทใส่ส่วนผสมไข่ขาว ตีต่อจนวัดอุณหภูมิส่วนผสมได้ที่ 50 องศาเซลเซียส
4. นำส่วนผสมตามข้อ 3 มาใส่ในอ่างที่มีส่วนผสมตามข้อ 2 แล้วคนผสมด้วยไม้พายจากรอบอ่างเป็นวงกลมเข้าหาจุดศูนย์กลาง (ใช้วิธีคนเป็นวงแล้วตวัดเข้าจุดศูนย์กลาง) ต่อเนื่องประมาณ 3-5 นาที จนส่วนผสมไหลด้วยความเร็วประมาณลาวาภูเขาไฟ
5. นำส่วนผสมใส่หัวบีบแล้วบีบลงในแม่พิมพ์มาการองซิลิโคนที่วางบนถาดอบพักไว้ประมาณ 30 นาที ให้ผิวส่วนผสมแห้ง
6. นำเข้าอบที่ไฟ 180 องศาเซลเซียส ในเตาอบแบบพัดลม ใช้ไฟล่างประมาณ 12 นาที

caramel cafe aulait
chocolate brownie
thai tea vanilla
ส่วนผสมไส้ไวท์ช็อกโกแลตครีมชีส
1. ไวท์ช็อกโกแลต 250 กรัม
2. ครีมชีส 225 กรัม
3. เนยจืด 150 กรัม
4. น้ำมะนาว 30 กรัม

lemon tangy
pistachio green tea
วิธีทำไส้ไวท์ช็อกโกแลตครีมชีส
1. นำหม้อตั้งไฟความร้อนปานกลางใส่ไวท์ช็อกโกแลต ครีมชีสและเนยคนผสมให้เข้ากัน
2. ยกลงเติมน้ำมะนาวคนให้เข้ากัน พักส่วนผสมให้เย็นสนิท
3. ตักใส่ถุงบีบแล้วบีบไส้บนฝามาการองเชลบีบจากด้านนอกเป็นวงกลมเข้าหาจุดศูนย์กลาง
ขอบคุณ : ร้านชีสเค้กพาเลท ซอยสุขุมวิท 36 ปากซอยนภาศัพท์ แยก 2

credit by :  http://www.thairath.co.th/content/442660

Read More...


พายบลูเบอร์รี่' หวานเปรี้ยวโดนใจ สเต็ปง่ายๆ ทำเองได้ไม่กี่นาที …!


กลับมาพบกับ Trend can do  ทุกวันศุกร์แบบนี้เช่นเคย สัปดาห์นี้เรายังคงเอาใจคนชอบทานของหวานกันโดยเฉพาะใครที่ชอบทานพายเป็น ชีวิตจิตใจ  เรามีไอเดียการทำพายบลูเบอร์รี่แสนง่ายมาฝากกัน รับรองว่าคุณไม่ต้องเสียเวลาทำให้ยุ่งยากซับซ้อนและเลือกใช้อุปกรณ์ล้นมือจน เหนื่อยใจ  คุณอาจทำไว้ทานเล่นอยู่บ้าน ทำฝากเพื่อนหรือทำเป็นของขวัญเซอร์ไพรส์หวานๆ ให้คนพิเศษก็ไม่เลวนะ พร้อมแล้วออกสตาร์ตกันเลย ...
วัตถุดิบ
1. ขอบเปลือกขนมปังกรอบแบบหยาบๆ
2. บลูเบอร์รี่พาย 20 ออนซ์ หรืออาจเตรียมรสเบอร์รี่พายที่ชอบอื่นๆ ก็ได้
3. ครีมชีส 8 ออนซ์
4. น้ำตาล 1/2 ถ้วย
5. ไข่ 2 ฟอง
6. วิปครีมเย็น 8 ออนซ์ (ไว้เป็นออปชั่นเสริม)
อุปกรณ์ที่ต้องเตรียม
1. ชามขนาดกลาง 1 ใบ
2. ช้อน 1 คัน
3. ตู้อบพาย
4. แผ่นกระดาษอบขนาดกลาง 1 แผ่น (แผ่นที่ใช้อบขนมปัง)
วิธีทำ
1. นำครีมชีสและน้ำตาลตีผสมให้เข้ากัน ให้เป็นเนื้อเดียวกัน

ขั้นตอนการทำง่ายๆ
2. เทไข่ไก่ลงไป 2 ฟอง แล้วตีให้เข้ากันอีกครั้ง เนื้อที่ได้จะดูเนียนนุ่มน่ารับประทาน

ขั้นตอนการทำง่ายๆ
3. เทลงในเปลือกขนมปังกรอบให้ทั่ว เกลี่ยให้เท่ากัน

ขั้นตอนการทำง่ายๆ
4. วางพายลงบนแผ่นกระดาษอบ

ขั้นตอนการทำง่ายๆ
5. จากนั้นนำไปอบที่อุณหภูมิ 325 Degrees F ทิ้งไว้ประมาณ 25-30 นาที

ขั้นตอนการทำง่ายๆ
6. นำออกมาจากเตาอบ แล้วจะเห็นพายที่สวย เนียน สมบูรณ์แบบสุดๆ

ขั้นตอนการทำง่ายๆ
7. เทบลูเบอร์รี่ราดบนหน้าพายแล้วเกลี่ยให้ทั่ว อาจปรุงแต่งด้วยวิปครีมเย็นได้ ถ้าคุณต้องการ

ขั้นตอนการทำง่ายๆ
8. คุณสามารถทานได้เลย หรือจะปล่อยชิลทิ้งไว้ตลอดทั้งคืนในตู้เย็นก็ยังสามารถนำมาทานได้

ขั้นตอนการทำง่ายๆ
ใครที่อยากทานพายบลูเบอร์รี่อยู่ตอนนี้ ไม่ต้องลงทุนซื้อให้เปลืองตังค์ แค่ลงมือทำก็อร่อยฟินเองได้ง่ายๆ …
ขอบคุณ : www.wikihow.com 

credit by :  http://www.thairath.co.th/content/444775

Read More...


‘สาลี่มะพร้าวอ่อน’ กลิ่นหอมๆ..รับเงินงาม


ขนมอบแบบไทย ๆ ที่ขึ้นชื่อก็จะมี ขนมไข่ ที่ปัจจุบันมีรูปแบบหลากหลายแล้วแต่ผู้ขาย-ผู้ผลิตจะสร้างสรรค์ขึ้นมา แต่ก็มีขนมอบแบบฝรั่งอีกแบบหนึ่งที่มีผู้ขายผลิตขึ้นมาให้กลายเป็นขนมอบแบบไทย ๆ อีกอย่างหนึ่ง ซึ่งก็ได้รับความนิยม และเป็นที่ต้องการของผู้ทานอย่างมากมาย อย่าง “ขนมสาลี่มะพร้าวอ่อน” ซึ่งทีมคอลัมน์ “ช่องทางทำกิน” มีข้อมูลมานำเสนอในวันนี้...

เกศินี สาขำ หรือ ป้าเปี๊ยก เจ้าของร้าน “บ้านขนมพลอยลดา” ซึ่งมีขนมอบขายมากมายหลากหลาย ในตลาดน้ำคลองลัดมะยม เล่าว่า ขายขนมอบอย่าง “สาลี่มะพร้าวอ่อน” มานานกว่า 30 ปี เดิมทำทั้งขายส่ง และขายเองในตลาดน้ำวัดไทรมาก่อน แต่ปัจจุบันตลาดน้ำวัดไทรขายไม่ค่อยดี ดังนั้น เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา จึงเปลี่ยนที่มาขายที่ตลาดน้ำคลองลัดมะยม จนกระทั่งปัจจุบัน

“สูตรการทำสาลี่มะพร้าวอ่อนนั้น เป็นสูตรดั้งเดิมของครอบครัว ทำมาตั้งแต่รุ่นแม่ ได้ซึมซับมาตลอด และสืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน” เกศินี กล่าว

อุปกรณ์ในการทำสาลี่มะพร้าวอ่อน หลัก ๆ ก็มี เครื่องตีแป้ง, เตาอบ, ถ้วยพิมพ์, ที่ร่อนแป้ง, ที่ตีไข่, ถาด, กะละมัง, ชุดช้อนชา, ชุดถ้วยตวง และอุปกรณ์เบ็ดเตล็ดอื่น ๆ

ส่วนผสมในการทำสาลี่มะพร้าวอ่อน มี แป้งพัดโบก 600 กรัม, ไข่ไก่ 10 ฟอง, น้ำตาลทราย 800 กรัม และมะพร้าวขูดขาว 800 กรัม

วิธีทำ ให้วอร์มเตาอบ ไฟล่างประมาณ 350 ฟาเรนไฮต์เตรียมไว้ก่อน แล้วค่อย ๆ ร่อนแป้งพัดโบกให้ละเอียดเตรียมไว้ จากนั้น ตีไข่ไก่กับน้ำตาลทรายให้เข้ากันโดยใช้ความเร็วสูง โดยการตีนี้จะต้องตีให้ไข่ไก่และน้ำตาลทรายเข้าเป็นเนื้อเดียวกันจนฟูขาว และมีลักษณะเป็นครีมข้น ๆ

เสร็จแล้ว ปิดเครื่องตีแป้ง แล้วค่อย ๆ ใส่แป้งลงไปทีละนิด อย่างเบา ๆ เพราะหากใส่แรงมาก ครีมจะยุบตัวลง ใส่แป้งแล้วค่อย ๆ ใส่มะพร้าวขูดขาวตามลงไปอย่างเบา ๆ มือเช่นกัน แล้วใช้ไม้พายพลาสติกค่อย ๆ ตะล่อมให้ส่วนผสมทุกอย่างเข้ากัน

ค่อย ๆ ตักขนมใส่พิมพ์อะลูมิเนียมขนาดสี่เหลี่ยมจัตุรัส ขนาด 3.5X3.5X1.5 นิ้ว ซึ่งรองด้วยกระดาษไข โรยหน้าขนมด้วยมะพร้าวอ่อนเล็กน้อย แล้วใส่เข้าเตาอบ อบไปประมาณ 10 นาที จนขนมด้านล่างสุก หรือสังเกตว่าขนมมีสีเหลืองพอใช้แล้ว จากนั้น ค่อยหรี่ไฟล่างลงเล็กน้อย แล้วปรับไฟบนขึ้นไป 350 ฟาเรนไฮต์ อบไปอีกประมาณ 10-15 นาที ซึ่งเป็นเวลาที่ขนมสุกพอดี แล้วเอาออกจากเตาอบ ขั้นตอนการอบขนมนี้ต้องใช้ประสบการณ์มากพอสมควร เพราะจะต้องสังเกตขนมให้ดีว่าใช้ได้หรือยัง จากนั้นทิ้งไว้สักพักให้ขนมเย็น แล้วบรรจุใส่ถุงพลาสติกให้เรียบร้อย ขายถุงละ 35 บาท ต่อ1ชิ้น หรือ 3 ชิ้น 100 บาท

นอกจาก “ขนมสาลี่มะพร้าวอ่อน” แล้ว เกศินียังมี “ขนมฝรั่งกุฎีจีน” ขายควบคู่ไปด้วย ซึ่งเกศินี เล่าว่า รูปร่างหน้าตาของ ขนมฝรั่งกุฎีจีน ภายนอกดูไปจะคล้ายกับขนมไข่ แต่ในส่วนของรสชาตินั้นแตกต่าง และอร่อยไม่เหมือนกันอย่างแน่นอน โดยตัวเนื้อขนมจะสีเหลืองนวล มีความกรอบนอก แต่นุ่มใน มีกลิ่นหอมชวนรับประทาน โดยหน้าของขนมนั้นจะวางเรียงด้วยลูกเกด, ฟักเชื่อม, พลับอบแห้ง และปิดท้ายด้วยการโรยน้ำตาลทรายเพื่อเป็นการแต่งหน้า-เพิ่มความสวยงาม ซึ่งเป็นการเพิ่มรสชาติให้กับขนมได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

เกศินี กล่าวว่า สูตรการทำ ขนมฝรั่งกุฎีจีน นี้ ตนได้มาจากการอ่านหนังสือการทำขนม และประยุกต์-ปรับปรุงจนเป็นสูตรของตนเอง ซึ่ง ส่วนผสมของขนมฝรั่งกุฎีจีน หลัก ๆ มี แป้งสาลี 1.4 กก., ไข่เป็ด 27 ฟอง, น้ำตาลทราย 1.3 กก., ผงฟูพอประมาณ, น้ำเปล่าเล็กน้อย และเนยขาวสำหรับทาพิมพ์

วิธีทำขนมฝรั่งกุฎีจีน เริ่มที่ร่อนแป้งสาลี และผงฟูให้เข้าด้วยกันเตรียมไว้ ตีไข่ และน้ำตาลทรายให้เข้ากันจนเป็นครีมสีขาวขึ้นฟู จากนั้นค่อย ๆ ใส่แป้ง แล้วน้ำเปล่าสลับลงไปตีให้เข้ากัน

ตักเนื้อขนมใส่ลงในพิมพ์ขนมทรงกลม ขนาด 3x1 นิ้ว โรยหน้าด้วยลูกเกด หรือฟักเชื่อม หรือพลับอบแห้ง หรือน้ำตาลทราย แล้วนำเข้าเตาอบ ซึ่ง วิธีอบขนม นี้ จะคล้ายกับการอบขนมสาลี่มะพร้าวอ่อนซึ่งได้อธิบายไว้ก่อนหน้าอย่างละเอียดแล้ว โดยเกศินีย้ำว่าการอบขนมต้องใช้ประสบการณ์พอสมควร เพราะต้องหมั่นคอยสังเกตขนมว่าสุกใช้ได้หรือไม่ เมื่อขนมสุกแล้ว นำออกจากเตาอบ ทิ้งไว้สักพักให้ขนมเย็นตัว แล้วบรรจุใส่ถุงพลาสติกถุงละ 4 ชิ้น ขายราคาถุงละ 35 บาท หรือ 3 ถุง 100 บาท

ใครสนใจ “สาลี่มะพร้าวอ่อน-ขนมฝรั่งกุฎีจีน” ต้องการติดต่อ เกศินี สาขำ เจ้าของกรณีศึกษา “ช่องทางทำกิน” รายนี้ติดต่อได้ที่ตลาดน้ำคลองลัดมะยม โซน 4 (ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์) เวลา 10.00-

17.00 น. หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 0-2413-3419 และ 08-6985-1455.

สุภารัตน์ ยอดศิริวิชัยกุล : รายงาน

วรัญญู เหมือนเดช : ภาพ

....................................................................................

คู่มือลงทุน...สาลี่มะพร้าวอ่อน

ทุนอุปกรณ์ ประมาณ 10,000 บาทขึ้นไป

ทุนวัตถุดิบ ประมาณ 60% ของราคาขาย

รายได้ ราคา 35 บาท/ 1 ชิ้น

แรงงาน 1-2 คนขึ้นไป

ตลาด ชุมชน, งานออกร้าน, ตลาดนัด

จุดน่าสนใจ เป็นขนมอบที่ได้รับความนิยม

credit by : http://www.dailynews.co.th/Content/Article/261538/‘สาลี่มะพร้าวอ่อน’+กลิ่นหอมๆ..รับเงินงาม

Read More...


‘อัญชัน’ แขกรับเชิญ ขนมปังหน้าหมูรูปดอกไม้

 



หลงรักและหลงใหล “ดอกไม้ไทย” เป็นพิเศษ จึงไม่น่าแปลกใจที่ แจน-เจนนิสา คูวินิชกุล ลงแรงปลุกปั้นผลิตภัณฑ์อโรมาเธอราพีชั้นสูงสำหรับดูแลผิวกายและเครื่องหอมภายในบ้าน ขับขานกลิ่นหอมอ่อนโยนของดอกไม้ไทยนานาพรรณ ภายใต้ชื่อ “ปริมมาลัย” ซึ่งแปลว่า “ดอกไม้ผู้เป็นเลิศยิ่ง” นอกเหนือจากช่วยสานต่อธุรกิจครอบครัว ด้านการผลิตและส่งออกอะลูมิเนียมค่ายยักษ์ใหญ่ของเมืองไทย

มากกว่าความหลงใหลยามได้ดมกลิ่น วันนี้ดอกไม้ไทยสีสวยกลายเป็นของว่างกินได้ คุณแจนนำ “ขนมปังหน้าหมู” เมนูโปรดที่มารดานิยมทำให้กินสมัยเด็กมาประยุกต์ โดยมี “ดอกอัญชัน” มาเป็นแขกรับเชิญพิเศษในเมนู ขนมปังหน้าหมูรูปดอกไม้สูตรดอกอัญชัน อย่างไรก็ตาม ดอกไม้ทุกชนิดไม่ได้เข้ากับอาหารทุกประเภท เช่น แกงกะทิ ซึ่งหน้าตาอาจดูพิลึกพิลั่นสำหรับมือใหม่หัดกิน ดังนั้นคุณแจนจึงเลือกดอกอัญชันมาเป็นอันดับแรก

ก่อนลงมือทำคุณแจนบรรยายสรรพคุณคร่าว ๆ ว่า ดอกอัญชันมีสารแอนโทไซยานิน ซึ่งมีหน้าที่ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต ทำให้เลือดไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ดียิ่งขึ้น เช่น เลี้ยงบริเวณรากผมช่วยทำให้ผมดกดำ เงางาม, เลี้ยงบริเวณดวงตาจึงช่วยบำรุงสายตา หรือไปเลี้ยงบริเวณปลายนิ้วมือช่วยแก้อาการเหน็บชา ที่สำคัญสารดังกล่าวยังช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดเส้นเลือดอุดตัน การกินดอกอัญชันทุกวัน วันละหนึ่งดอกช่วยป้องกันโรคเส้นเลือดสมองตีบได้

สำหรับส่วนผสมที่ต้องเตรียมมีขนมปังไร้ขอบละเอียด 1 แถว, หมูสับ 1 ถ้วย, กุ้งกุลาดำสับ  ถ้วย, แป้งมัน 1 ช้อนโต๊ะ, แป้งโกกิ 2 ช้อนโต๊ะ, ไข่ไก่ 1 ฟอง, รากผักชี พริกไทย กระเทียม โขลกละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ, นํ้าตาลทราย 2 ช้อนชา, ซอสภูเขาทอง 2 ช้อนชา, ซีอิ๊วขาว  ช้อนชา, กลีบดอกอัญชันสดล้างสะอาด ผึ่งให้แห้ง และนํ้ามันดอกทานตะวันใช้ทอด

วิธีทำ ใช้แม่พิมพ์กดขนมปัง  ให้เป็นรูปดอกไม้ เสร็จแล้วนำอบในเตาอบ 2 นาที ใช้อุณหภูมิ 100 องศาเซลเซียส เทคนิคนี้เพื่อให้ขนมปัง

คายนํ้าออกและไม่อมนํ้ามันเวลาทอด ระหว่างนั้นนำส่วนผสมทั้งหมดมาปั่นจนเข้าเนื้อ ค่อยป้ายลงบนขนมปังโดยระวังไม่ให้หนาหนัก วางกลีบดอกอัญชันบนหน้าส่วนผสม กดกลีบให้จมเล็กน้อยป้องกันหลุดลอยเวลาทอด จากนั้นตั้งนํ้ามันให้ร้อน นำขนมปังหน้าหมูลงทอด โดยทอดหน้าที่มีเนื้อหมูให้สุกก่อน ค่อยพลิกเพื่อให้อีกด้านสุกเหลืองสวยงามทั่วกัน นำขึ้นพักไว้บนกระดาษซับนํ้ามัน ส่วนผสมของแป้งมันช่วยให้รสสัมผัสนุ่ม ขณะที่แป้งโกกิช่วยให้หนึบกรอบ

ป้องกันความเลี่ยนคุณแจนแนะนำให้เสริมทัพ “อาจาด” ทำง่าย ๆ ผสมนํ้าและนํ้าตาลทรายอย่างละ  ถ้วย อบเตาไมโครเวฟความร้อน 900 วัตต์ นาน 1 นาที พอนํ้าตาลละลายดีแล้ว พักให้คลายร้อนค่อย ๆ เทเกลือ 1/8 ช้อนชา และนํ้าส้มสายชู 5 ช้อนโต๊ะลงไปผสม ใส่แตงกวา, หอมแดง, พริกชี้ฟ้า และกลีบอัญชันสดที่หั่นแล้วลงไปคลุกรวมกัน ตั้งเสิร์ฟเป็นของว่างระหว่างวัน.

“ช้องมาศ”
 

Read More...


‘ปาท่องโก๋สอดไส้หมูสับ’อร่อยจนวางไม่ลง


ถอดพิมพ์ความสามารถด้านงานครัวจากคุณแม่มาไม่ผิดแบบ เพราะซึมซับหยิบจับตะหลิวกระทะตั้งแต่จำความได้ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ “ปรางค์-อภินรา ศรีกาญจนา” ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายกิจการองค์กร บริษัท เอเชีย ประกันภัย 1950 จำกัด (มหาชน) ทำอาหารท่าทางทะมัดทะแมงคล่องแคล่ว และต้องบอกว่าจริงจังถึงกับจับเป็นอีกหนึ่งในอาชีพ ต่อยอดร้านอาหารสไตล์แฮงค์เอาต์ของตัวเอง ภายใต้ชื่อ “อภินารา” โดยคงคอนเซปต์ความเป็นไทยเหมือนร้านอาหารนารา ที่ตั้งอยู่ชั้นล่างตึกเอราวัณและศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ซึ่งบุกเบิกความอร่อยโดยฝีมือคุณแม่

“ทุกอย่างคุณแม่เป็นคนสอน ปรางค์คิดว่าเป็นจิตวิทยาอย่างหนึ่ง เห็นผู้หญิงยืนอยู่หน้าเตาทุกวัน ๆ ก็ซึมซับทักษะ เทคนิค ท่วงท่า ปรางค์เห็นมาตลอด คุณแม่สอนแม้กระทั่งเคล็ดลับเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ไม่ควรละเลย เช่น การเลือกเกลือให้เหมาะกับอาหารแต่ละประเภท ซีอิ๊วขาวใช้แบบไหน ไม่ควรใช้น้ำปลากับอาหารจีนเพราะทำให้เสียรส สมัยไปเรียนต่อที่ญี่ปุ่นปรางค์ลองทำอาหารกินเอง ซื้อเนื้อวัวมาหมัก ได้แต่สงสัยว่าทำไมไม่นุ่มเหมือนของคุณแม่ ต้องโทรฯ ข้ามประเทศมาถาม เคล็ดลับคือต้องหมักด้วยเบกิ้งโซดาและไข่ขาว ส่วนปลาต้องโรยเกลือ แช่ในตู้เย็นสัก 15 นาที ค่อยนำมาปรุงช่วยลดกลิ่นคาวคลุ้งได้ดี” เจ้าของสูตรเด็ดวันนี้เผยเคล็ดลับ

สำหรับเมนูวันนี้ “ปาท่องโก๋สอดไส้หมูสับ” เป็นเมนูแห่งความทรงจำ ปัจจุบันหากินยากไม่ค่อยมีคนทำ นอกจากคุณแม่ซึ่งทำให้กินตั้งแต่เด็กและทำอร่อยมาก “ปรางค์ไม่ชอบกินของคาวกับอาหารหวาน ถ้านำปาท่องโก๋ไปจุ่มนมข้นไม่ชอบ ผิดกับน้องสาวคนรองที่ดูเอ็นจอยกับเมนูดังกล่าวมากกว่า ดังนั้นเวลาจัดกล่องข้าวกินระหว่างทางบนรถ คุณแม่เอาใจลูกทั้งสองคน ในกล่องข้าวของน้องพิมพ์-พิมพ์พยัพ มักเป็นปาท่องโก๋นมข้นกับโจ๊ก ส่วนของปรางค์จะเป็นเมนูนี้”

ส่วนผสมประกอบด้วย หมูบะฉ่อ 200 กรัม, ไข่ขาว 1 ฟอง, ต้นหอม 10 กรัม, พริกไทยดำ 1 ช้อนชา, ซีอิ๊วขาว 1 1/2 ช้อนชา, ปาท่องโก๋ตามชอบ และน้ำมันสำหรับทอด เริ่มลงมือทำด้วยการหมักหมูบะฉ่อผสมกับพริกไทยดำและซีอิ๊วขาว ระหว่างรอส่วนผสมเข้าเนื้อให้ผ่าปาท่องโก๋เตรียมไว้ จากนั้นค่อย ๆ ยัดไส้ แล้วนำไปทอดใช้ไฟแรง พอหมูสุกปาท่องโก๋กรอบได้ที่ ตักขึ้นวางบนกระดาษทิซชู ซึ่งจะช่วยซับความมันออก จัดวางบนจานให้เรียบร้อย เวลากินจิ้มกับซอสพริกที่ผสมกับน้ำจิ้มไก่

เมนูนี้สามารถเป็นอาหารหลอกเด็กได้ เพราะกินง่าย แต่สำหรับคนที่อายุ 25 ปีเหมือนตัวเอง หรือคนที่ดูแลสุขภาพ แนะนำให้กินเป็นมื้อเช้า หรือกินเป็นกับแกล้มอย่างมี “สติ” เพราะอาจอร่อยจนวางไม่ลง.

“ช้องมาศ”

credit by : http://dailynews.co.th/Content/Article/233839/‘ปาท่องโก๋สอดไส้หมูสับ’อร่อยจนวางไม่ลง

Read More...




----------------

ปรับปรุง
รายการบทความทั้งหมด



การบำรุงรักษารถยนต์เบื้องต้น



ร้านค้าเคลื่อนที่ ใช้ รถบรรทุกขนาดเล็กมาดัดแปลง



รวมบทความอาชีพ เสริม หลากไอเดียวิธีหารายได้เสริม



รวมบทความงานฝีมือ-สิ่งประดิษฐ์ รายได้เสริม



ทองม้วน thong muan ; rolled wafer





MASK รุ่นสายคล้องคอ







MASK รุ่นสายคล้องคอ. ��รุ่นนี้เป็นที่นิยมใช้กันมาก #ขายดีมาก
ทำจากผ้าคอตตอนแท้ 100%  ไม่ผสม เนื้อผ้านุ่ม 
3 ชั้น. สวมใส่พอดีกับใบหน้า ไม่เจ็บหู มีสายคล้องคอปรับได้
เวลาถอดออก ไม่ต้องกลัวลืม เพราะถอดแล้วคล้องคอไว้ได้
บรรจุในถุงซิปฟรอย์อย่างดี
ราคาชิ้นละ. 59. บาท. ไม่รวมส่ง 
มีหลายสีให้เลือกนะคะ   สนใจทักแชทขอดูสีผ้าได้นะคะ
หน่วยงาน บริษัท ห้างร้าน หรือ สนใจสั่งไปจำหน่าย 
มีเรทราคาส่งค่ะ

-> id line : noeyhorm_06
#มีวางจำหน่ายหน้าร้านชานมไต้หวันมาราชาสาขาจรัญ44


ร้านมาราชาชานมไข่มุก สาขาจรัญสนิทวงศ์ 44
● รับบัตรสะสมครบ 10 แก้ว แลกรับฟรี 1 แก้ว
● สั่งเดลิเวอรีผ่าน LINE MAN, Foodpanda ,GET ...ถึงมือปั๊บพร้อมดื่มปุ๊บ!
● อัพเดทโปรโมชั่นใหม่ๆ รสชาติใหม่ ตลอดเวลา
● มีเมนูให้เลือก 40 กว่าเมนู : https://bit.ly/2Z9iqV0






























































เลือกช่องทางติดต่อและรับข่าวสารบริการหลังการขาย
ฟอร์ด พลปิยะอยุธยาและฟอร์ด พลปิยะวังน้อย

--------------------------------------------------------------------------------------------
แคมเปญ-โปรโมทชั่น อะไหล่ฟอร์ด อัพเดททางออนไลน์และปรับปรุงข้อมูลออนไลน์
อะไหล่ฟอร์ด อะไหล่รถฟอร์ด อะไหล่รถยนต์ฟอร์ด อะไหล่ฟอร์ดแท้ ร้านขายอะไหล่รถฟอร์ด ขายอะไหล่รถฟอร์ด อะไหล่ฟอร์ด
 
Option

รวมบทความอาชีพเสริม หลากไอเดียวิธีหารายได้เสริม หาอาชีพเสริมอิสระทำเงิน สร้างอาชีพอิสระงานฝีมือ แนะนำการสร้างรายได้เสริมทำเงินด้วยการขายสินค้าหรือขายของเป็นอาชีพเสริม อิสระงานฝีมือ แนะแนวธุรกิจ อาชีพเสริม อาชีพแก้จน อยากจะมีรายได้เสริมนอกเหนือจากงานประจำ บล๊อกจัดทำขึ้นเป็นวิทยาทานเพื่อเผยแผ่ความรู้อันจะเป็นไปเพื่อบุญกุศล ขอให้ทุกท่านที่มีส่วนร่วมในบทความของบล๊อกนี้ จงได้รับอานิสงฆ์ด้วยเทอญ.