สูตรขนม สูตรอาหาร อาชีพรายได้เสริม ประกาศฟรี โฆษณาฟรี Career Articles Extra Income
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

Drop Down MenusCSS Drop Down MenuPure CSS Dropdown Menu

ติดกับดักการตลาด? ชำแหละทุกข้อสงสัย มหากาพย์เค้กกล้วย ลอก รอด รวย!


ในตลอดช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีกระแสข่าวลือแพร่สะพัดเกี่ยวกับบริษัทยักษ์ใหญ่ลอกเลียนสูตรขนมของ SMEs รายย่อย จนเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากสังคมอย่างหนัก แต่กระนั้นก็เป็นเรื่องที่ทั้งสองฝ่ายจะต้องพิสูจน์ข้อเท็จจริงกันต่อไป
ทว่า สิ่งสำคัญที่คุณและคุณ ควรตระหนักและรับรู้ไว้ หากวันใดวันหนึ่งคุณโดนยักษ์ใหญ่เอาเปรียบ คุณจะต้องรับมือด้วยวิธีการใด พร้อมวิเคราะห์ปมดราม่าร้อนไปกับป๋าโหด อย่าง อ.ธันยวัชร์ ไชยตระกูลชัย หรือที่ทุกคนรู้จักกันในนาม ขาโหดแห่ง SMEs นักการตลาดฝีปากกล้า ว่าเรื่องราวร้อนแรงเกี่ยวกับขนมปังกล้วยนี้ คุณตกหลุมพรางดราม่าการตลาดอยู่หรือไม่? แท้จริงแล้วงานนี้ ลอก ไม่ลอก? ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ มีคำตอบมาเสิร์ฟให้คุณแล้ว...


ธันยวัชร์ ไชยตระกูลชัย
แผนสูงมาถูกทาง! การตลาดดราม่า เรียกลูกค้าแห่ซื้อกิน (หรือ) ?
“เรื่อง ยักษ์ใหญ่ชื่อดังรังแก SMEs นั้น ถือว่าเป็นเรื่องดราม่าอยู่แล้ว ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรไม่ทราบ เพราะทั้งสองฝ่ายต่างเล่าเรื่องกันคนละแบบ แต่พล็อตเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ถือว่า ดราม่าจริงๆ แต่ในทางการตลาดนั้น SIAM BANANA ถือว่าเปิดตัวสินค้าได้ยอดเยี่ยมมาก” อ.ธันยวัชร์ กล่าวในเชิงการตลาด
ก่อนอื่น คุณต้องทำความเข้าใจก่อนว่า สินค้าที่กำลังเป็นประเด็นอยู่นี้ อยู่กันคนละตลาด ซึ่งในส่วนของ เค้กสอดไส้คัสตาร์ด รสกล้วยของยักษ์ใหญ่ มีลักษณะคล้ายคลึงกันกับโตเกียวบานาน่า และมีราคาถูกเพียง 12 บาท แต่ในส่วนของ SIAM BANANA จะสอดไส้กล้วยใส่ลงไปจริงๆ มีราคาสูงถึงชิ้นละ 27.50 บาท ซึ่งสินค้าของยักษ์ใหญ่ 2 ชิ้นยังไม่ได้ราคาของ SIAM BANANA ชิ้นเดียวเลย จึงส่งผลให้ความดราม่าบังเกิดขึ้น เพราะคนส่วนใหญ่มองว่า สินค้ามีลักษณะคล้ายคลึงกัน และอยู่ในตลาดเดียวกัน ส่งผลให้เกิดความรู้สึกเห็นอกเห็นใจ และซื้อมาลิ้มลอง


น่าลิ้มลอง
ไม่จำเป็นต้องนำสินค้าเข้าร้านสะดวกซื้อ ก็รวยได้
ขณะเดียวกัน ก็มีหลายคนที่มองว่า เหตุการณ์ในครั้งนี้ อาจเป็นแผนการตลาดจากทางยักษ์ใหญ่ เพื่อสร้างยอดขาย และเปิดตัวสินค้าของตัวเองเสียด้วยซ้ำ เพราะนอกเหนือจาก SIAM BANANA ที่ขายดิบขายดีเป็นเทน้ำเทท่าแล้ว ในส่วนเค้กของยักษ์ใหญ่ ก็ขายดีไปด้วย นักการตลาดฝีปากกล้า มองเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า “ชื่อเสียงของยักษ์ใหญ่ นับว่าเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนี้นับว่า เขาไม่ได้ประโยชน์อะไรมากมาย และชื่อเสียงค่อนไปในทางลบเสียมากกว่า แต่ถ้าถามว่าขายดีขึ้นไหม อย่างคนที่ไม่เคยกิน ไม่เคยรู้จักเลย ก็จะต้องไปซื้อมาลอง ไปดูว่า ที่ลือเรื่องขโมยสูตรนั้น มันเหมือนกันเป๊ะหรือไม่ เชื่อว่าขายดีทั้งของยักษ์ใหญ่ ของ SMEs และของโตเกียวบานาน่า”



หลังจากมีกระแสข่าวเกิดขึ้น ยอดขายสินค้ามากมายถล่มทลาย
คนละไส้ คนละแป้ง! งงจัง...สรุปลอก ไม่ลอก?
“สินค้า ของทั้งสองฝ่าย มีวัตถุดิบและรสชาติที่แตกต่างกัน ซึ่งในส่วนของยักษ์ใหญ่มีความคล้ายคลึงกับของโตเกียว บานาน่า คือเป็นคัสตาร์ดรสกล้วย ส่วนของ SMEs นั้น จะใส่กล้วยเข้าไปจริงๆ ดังนั้น ถ้าลอกเลียนก็จะต้องเหมือนกันหมดทุกอย่าง แม้กระทั่งไส้และราคา ซึ่งจุดนี้ก็แสดงให้เห็นแล้วว่า สินค้าของทั้งสองฝ่ายมีตลาดที่แตกต่างกันอยู่แล้ว เพราะฉะนั้น SIAM BANANA ไม่ต้องกลัวอะไรแล้ว ช่องทางการจำหน่ายมีมากมาย” นักการตลาดอย่าง อ.ธันยวัชร์ วิเคราะห์รอบด้าน
ในขณะเดียวกัน ก็ยังมีคนตั้งข้อสังเกตว่า บริษัทในเครือของยักษ์ใหญ่ไม่ได้พูดคุยหารือกัน ขนาดบริษัทในเครือยังทำสินค้าออกมาขายแข่งกันเองเลย อย่างเช่น เกี๊ยว ก็ยังมีเกี๊ยวหลากหลายรูปแบบ ซึ่งในกรณีนี้อาจเกิดจากบริษัทในเครือส่วนหนึ่งได้ไปตกลงทำความเข้าใจกับ SMEs เอาไว้ โดยที่ยังไม่ได้คุยกับบริษัทในเครืออีกฝ่ายหนึ่ง ซึ่งเขาสามารถทำได้แล้ว แต่ไม่ได้รายงานกันก่อน จึงเกิดเหตุการณ์อย่างที่เป็นกระแสอยู่ในปัจจุบัน


ยอดขายพุ่งกระฉูด

รวยเละ! ไม่ง้อร้านสะดวกซื้อเจ้าใหญ่ วิธีง่ายง่ายๆ คุณทำได้แน่นอน
เหล่า SMEs (วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม) ทั้งหลายต่างอยากนำสินค้าของตัวเองเข้าร้านสะดวกซื้อเจ้าใหญ่ของประเทศ แต่ขาโหดแห่ง SMEs พูดโผงผางตามสไตล์ว่า อันที่จริงแล้ว คุณไม่จำเป็นที่จะต้องพยายามเอาสินค้าไปวางขายในร้านสะดวกซื้อรายใหญ่ โดยอันดับแรกที่ควรคำนึงถึง ก็คือ สินค้าของคุณเป็นสินค้าอะไร และจะต้องวางขายสินค้าในสถานที่ใดจึงจะเหมาะสม และคุณต้องตระหนักด้วยว่า หากคุณต้องการนำสินค้าไปวางไว้ในร้านสะดวกซื้อทั้งหมด 8,000 สาขา แต่กลับขายไม่หมด คุณไม่เจ๊งหรือ ?


ภายใน 1 กล่อง มีทั้งหมด 8 ชิ้น
“ยกตัวอย่างเช่น SIAM BANANA ที่ในตอนแรกเจ้าของแบรนด์วิเคราะห์ว่า สินค้าตัวเองจะต้องนำไปวางไว้ตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ให้สินค้าตัวเองเป็นสินค้าของฝาก ซึ่งเป็นความคิดที่ถูกต้อง เพราะด้วยความที่ SIAM BANANA มีราคาค่อนข้างแพง จึงเหมาะแก่ร้านที่ลูกค้ามีความสามารถในการซื้อ เช่น King Power, สนามบินสุวรรณภูมิ หรือจังหวัดแห่งการท่องเที่ยว เช่น ขอนแก่น เชียงใหม่ อีกทั้งยังมีธุรกิจขนาดเล็กหลายต่อหลายแห่ง ที่ไม่ได้นำสินค้าเข้าร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ แต่ก็ขายดิบขายดีเป็นเทนำ้เทท่า เพราะสินค้าที่มีราคาสูง ไม่จำเป็นต้องเป็นสินค้ามหาชน แต่ขอให้คุณวางสินค้าไว้ในสถานที่ที่เหมาะสม” นักการตลาดเลื่องชื่อ แนะนำ
พร้อมกันนั้น ธุรกิจหลายประเภทยังมีการทำ Viral Marketing โดยอาศัยเทคนิคการทำการตลาดที่ใช้สื่อ Social Networks ที่มีอยู่แล้ว กล่าวคือ เป็นกลยุทธ์ทางการตลาดที่ทำให้คนรู้จักแบรนด์ ผลิตภัณฑ์ โดยสร้างเรื่องราวให้โดนใจ น่าคอมเมนต์ น่าแชร์ มีความเป็นดราม่า เป็นพลังบอกต่อให้มาซื้อสินค้าได้เป็นอย่างดี และในกรณีนี้ก็อาจมีความเป็นไปได้ที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งกำลังทำ Viral Marketing อยู่



ราคากล่องละ 220 บาท หากซื้อที่ตลาดบองมาเช่ จะมีราคาอยู่ที่กล่องละ 250 บาท

สมมติว่า คุณถูกยักษ์ใหญ่ก๊อบงาน ทางรอดของคุณ คือ...?
ธัน ยวัชร์ ไชยตระกูลชัย นักการตลาดชื่อดัง แนะนำทางออกให้แก่เหล่า SMEs ในกรณีที่คุณกำลังจะโดนยักษ์ทับรอย โดยมีข้อพึงตระหนัก ดังนี้
1. เวลาที่เหมาะสมที่คุณจะนำสินค้าเข้าสู่ตลาดมหาชน อยู่ ณ เวลาใด
2. ความพร้อม ของคุณเพียงพอแล้วหรือยัง
3. สิ่งที่คุณต้องระมัดระวัง คืออะไร
4. อย่านำไข่ไว้ในตะกร้าเดียว โดยหมายความว่า หากจะนำสินค้าออกขาย อย่าคิดเพียงแต่จะนำไปขายที่ยักษ์ใหญ่เพียงอย่างเดียว จงคิดถึงช่องทางอื่นๆให้เหมาะสมพอดิบพอดีกันด้วย เช่น ขายในร้านค้าปลีกอื่นๆ ขายในร้านค้าออนไลน์ ฯลฯ


ห่อบรรจุภัณฑ์เป็นอย่างดี
ไม่เพียงเท่านั้น ทีมข่าวได้ต่อสายตรงถึง ศ.ดร.ตีรณ พงศ์มฆพัฒน์ อดีตคณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พูดคุยถึงข้อแนะนำเกี่ยวกับวิธีแก้ เมื่อคุณ ผู้เป็นชาวบ้านตัวเล็กๆ โดนเจ้าพ่อลอกเลียนสินค้า จะทำเช่นไร นักเศรษฐศาสตร์ผู้มากประสบการณ์ อธิบายว่า ไม่ว่าจะอยู่ในแวดวงใดก็ตาม เช่น ลูกจ้างกับนายจ้าง พนักงานกับบริษัทเอกชน หรือแม้กระทั่ง SMEs กับร้านสะดวกซื้อขนาดใหญ่ก็ตาม ทุกแวดวงมักเจอปัญหาที่คล้ายคลึงกัน 2 ประการ คือ
1. ขาดความรู้ความเข้าใจ เกี่ยวกับการทำสัญญากับคู่ค้ารายใหญ่ โดยมีความเข้าใจที่ว่ารายละเอียดในการทำสัญญาของธุรกิจรายใหญ่ ย่อมเหมือนๆ กันกับ SMEs รายอื่น ถ้าจะอธิบายให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ ธุรกิจขนาดเล็ก เข้าใจไปเสียเองว่า สัญญาที่บริษัทยักษ์ใหญ่ทำขึ้น ธุรกิจเล็กรายอื่นๆ เขาก็ทำกัน และเชื่อว่าสัญญาที่ว่านี้เหมาะสมแล้ว แต่อันที่จริง ด้วยสัญญานั้นอาจทำให้ธุรกิจรายเล็กโดนเอาเปรียบอยู่ก็เป็นได้ และเมื่อรู้ตัวว่า เสียรู้ไปแล้ว ก็ไม่สามารถเรียกร้องอะไรได้มาก เพราะหวั่นว่ารายใหญ่จะยกเลิกออเดอร์
2. ขาดอำนาจต่อรอง เป็นเรื่องใหญ่ที่สุด ผู้ที่มีอำนาจมากกว่าย่อมมีความสามารถทางกำลังเงินและมีบุคคลที่เชี่ยวชาญ ทางกฎหมายและคดีความ ซึ่งในบางครั้ง ผู้ที่มีความรู้มากๆ ก็ยังขาดอำนาจต่อรอง เพราะถ้าต่อรองมากๆ แล้ว อาจโดนลดออเดอร์หรือยกเลิกออเดอร์จากรายใหญ่ได้


สยาม บานาน่า บูธที่เซ็นทรัลรัตนาธิเบศ ของหมดภายในเวลาอันรวดเร็ว
ส่วนทางรอดของ SMEs ทั้งหลายก็คือ 1. ต้องระมัดระวังในเรื่องของการเซ็นสัญญา 2. อย่าเชื่อใจมากเกินไป หรืออย่าเชื่อว่าบริษัทใหญ่จะไม่โกงบริษัทเล็ก เพราะเขารวยแล้ว 3. ไม่ควรบอกสูตร หรือความลับของสินค้ากับคู่ค้า
หากเกิดเหตุการณ์ธุรกิจรายใหญ่ลอกเลียนสินค้าธุรกิจรายเล็กจริง ย่อมแสดงให้เห็นว่า ภาครัฐไม่มีกลไกที่จะปกป้องประชาชนที่ขาดกำลัง เช่น หาก SMEs รายเล็กจะไปต่อสู้ขอความยุติธรรม ก็ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากการต่อสู้ทางคดีความต้องเสียค่าใช้จ่ายจำนวนมากๆ และมีโอกาสแพ้สูง ซึ่งเป็นปัญหาทางสังคมอย่างหนึ่ง
“รัฐบาลควรเข้ามาดูแล พร้อมหาทางออกให้กับภาคประชาชน ที่กำลังถูกเอารัดเอาเปรียบจากบริษัทยักษ์ใหญ่ เพราะที่ผ่านมากระบวนการยุติธรรมไม่เคยเหลียวแลคนในวงการนี้เลย” นักเศรษฐศาสตร์ชื่อดังทิ้งทายถึงผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมือง.

สุดท้าย ใครกันแน่ที่โดนหลอก...ยักษ์ใหญ่ รายเล็ก หรือ คุณ? ลองตรองดูเถิด! 


Read More...


‘ผลไม้ทอด’ หลากหลาย..กำไรดี



การค้าขายในแบบฉบับตัวเองนั้น วัตถุดิบต้องดี ใหม่ สด และสะอาด รวมทั้งอุปกรณ์สำหรับใช้ทอดจะต้องแตกต่างจากร้านขายของทอดอื่น ๆ ดังนั้นจึงลงทุนกับวัตถุดิบและอุปกรณ์มาก

ผล ไม้ไทย นอกจากจะทานกันแบบสด ๆ แล้ว ยังสามารถนำมาแปรรูป และถนอมอาหารเป็นสินค้าได้หลายประเภท รวมถึงนำไปประกอบอาหารได้หลายอย่าง อาทิ สลัดผลไม้, ยำผลไม้, ส้มตำผลไม้ ฯลฯ รวมไปถึง “ผลไม้ทอด” ซึ่งทีมคอลัมน์ “ช่องทางทำกิน” มีข้อมูลมานำเสนอในวันนี้...

ขวัญฤทัย ลินจงสุบงกช หรือ พี่เอ๋ เจ้าของร้านผลไม้ทอด “อิงภู” ในตลาดน้ำขวัญเรียม เขตมีนบุรี กล่าวว่า หลังจากเรียนจบได้ทำงานเป็นพนักงานบริษัทเพียง 5 ปีก็อิ่มตัว เพราะมีใจรักในเรื่องค้าขาย และการทำธุรกิจมากกว่า จึงเปลี่ยนมาเป็นเซลส์ขายผลิตภัณฑ์เครื่องปรุงรสให้กับบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง นานเกือบ 20 ปี

“ในช่วงเกิดน้ำท่วมใหญ่ พ.ศ.2554 ได้แนะนำแป้งสำหรับทอดผลไม้ให้กับลูกค้าที่ประสบปัญหา และต้องการประกอบอาชีพในช่วงนั้น ปรากฏว่าแป้งสำหรับทอดผลไม้ที่ขายได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี จึงเกิดความสนใจที่จะค้าขายเองบ้าง เมื่อมีหน้าร้านเป็นของตนเอง จึงได้ลองทอดขายดู โดยอาศัยความรู้ของตนเอง ประกอบกับประสบการณ์ที่ผ่านมา ในที่สุดก็ประสบความสำเร็จ” ขวัญฤทัย กล่าว

ขวัญฤทัย กล่าวอีกว่า การค้าขายในแบบฉบับตัวเองนั้น วัตถุดิบต้องดี ใหม่ สด และสะอาด รวมทั้งอุปกรณ์สำหรับใช้ทอดจะต้องแตกต่างจากร้านขายของทอดอื่น ๆ ดังนั้นจึงลงทุนกับวัตถุดิบและอุปกรณ์มาก ที่สำคัญจะเป็นคนหยิบขายด้วยตัวเอง เพราะต้องการจะสื่อสารกับลูกค้าให้เข้าใจ และหากหยิบของทอดชิ้นใดขึ้นมาแล้วไม่ถูกใจจะไม่ขายชิ้นนั้นให้ลูกค้าเลย เพราะให้ความสำคัญกับความรู้สึกลูกค้าเป็นอันดับแรก

ปัจจุบันผลไม้ ทอดที่ขายขวัญฤทัยมี 8 อย่าง ได้แก่ กล้วยทอด, กล้วยตากทอด, มันไข่ทอด, มันต่อเผือกทอด, เผือกทอด, สับปะรดทอด, ฟักทองทอด และข้าวเม่าคำทอด ซึ่งได้รับความนิยมแทบทุกชนิด

อุปกรณ์ที่ใช้ทำ “ผลไม้ทอด” หลัก ๆ ก็มีเตาแก๊ส, กระทะทองเหลือง, มีด-เขียง, ถาดอะลูมิเนียม, ถังสเตนเลส, กระชอน, ตะกร้อตีแป้ง และอุปกรณ์เครื่องครัวเบ็ดเตล็ดทั่วไป

วัตถุดิบที่ใช้ในการทำ “ผลไม้ทอด” หลัก ๆ มี กล้วยน้ำว้า, กล้วยตาก, มันไข่, มันต่อเผือก, เผือกทอด, สับปะรด, ฟักทอง, ข้าวเม่า, น้ำมันมะพร้าว, น้ำมันปาล์ม นอกจากนี้ยังมี แป้งข้าวเจ้า, แป้งสาลี, แป้งข้าวเหนียว, แป้งมัน, น้ำตาลทราย, เกลือไอโอดีน, กลอยอบแห้ง, งาดำ, งาขาว, มะพร้าวขูด และน้ำเย็น
วิธีทำผลไม้ทอด
เตรียมไม้ผลต่าง ๆ อาทิ กล้วยน้ำว้าปอกเปลือกแล้วผ่าครึ่งเตรียมไว้ เช่นเดียวกับมันไข่, มันต่อเผือก, เผือก, สับปะรด, ฟักทอง ให้ปอกเปลือก แล้วล้างน้ำให้สะอาด (ยกเว้นสับปะรด) แล้วหั่นเป็นชิ้น ๆ ขนาดพอคำ เตรียมไว้

ขวัญฤทัย กล่าวเพิ่มเติมว่า พันธุ์ ของผลไม้มีส่วนสำคัญมาก จะต้องคัดสรรเป็นอย่างดี ยกตัวอย่างเช่น กล้วยน้ำว้าจะใช้พันธ์ุจาก จ.กำแพงเพชร และที่ จ.นครสวรรค์, สับปะรดจะใช้พันธุ์ปัตตาเวีย หรือตราดสีทองเท่านั้น เพราะเนื้อจะกรอบและแห้ง ส่วน ฟักทอง จะใช้พันธุ์บางศรีเมือง โดยเน้นเลือกลูกฟักทองที่เนื้อเหนียวแน่น

ในส่วนของ แป้งทอดผลไม้ มีส่วนผสมของแป้งข้าวเจ้า 79%, แป้งสาลี 8%, แป้งข้าวเหนียว 5%, แป้งมัน 3%, น้ำตาล 2.5%, เกลือไอโอดีน 1.5%, กลอยอบแห้ง 1% ในขณะที่ แป้งชุบทอด ประกอบด้วย แป้งทอดผลไม้ 1 กิโลกรัม, งาดำ 1 ช้อนโต๊ะ, งาขาว 1 ช้อนโต๊ะ, มะพร้าวขูด 100 กรัม และน้ำเย็นจัด 1.3 กิโลกรัม

วิธีผสมแป้งชุบทอด เทส่วนผสมของแป้งชุบทอดลงในภาชนะที่เตรียมไว้ ใช้ตะกร้อตีแป้งตีส่วนผสมทุกอย่างให้เข้ากันดี แป้งชุบทอดที่ใช้ได้จะมีลักษณะเบาและฟู ในขั้นตอนนี้ ขวัญฤทัยแนะนำว่า แป้งชุบทอดที่ผสมไว้นาน อาจจะแห้ง สามารถเติมน้ำได้ตามความเหมาะสม

วิธีทอด ตั้งกระทะทองเหลือง เทน้ำมันมะพร้าว และน้ำมันปาล์ม ในอัตราส่วน 50:50 ใช้ไฟร้อน รอจนกระทั่งน้ำมันเดือด นำผลไม้ตามที่ต้องการลงไปชุบกับแป้งชุบทอด แล้วนำลงทอดในกระทะ ระหว่างทอดใส่ใบเตยหั่นลงไปทอดด้วย เพื่อเพิ่มความหอมให้กับผลไม้ทอด เมื่อทอดผลไม้จนออกสีเหลืองทองแล้วให้ตักขึ้นพักสะเด็ดน้ำมัน

ขวัญฤทัย กล่าวว่า เหตุที่เลือกใช้น้ำมันมะพร้าวเป็นส่วนผสมของน้ำมันที่ใช้ทอด เพราะน้ำมันมะพร้าวดีต่อสุขภาพ สามารถรักษาคุณภาพรสชาติอาหารไว้ได้นาน และกำลังเป็นที่นิยมมากในหมู่คนรักสุขภาพ
ส่วน ราคาขาย นั้น มี 2 ราคา คือ หากเป็นผลไม้ทอดชนิดเดียวกัน จำนวน 13-15 ชิ้น ขายราคา 25 บาท หากผลไม้ทุกอย่างรวมกัน จำนวน15-17 ชิ้น ขายราคา 30 บาท ส่วนข้าวเม่าคำ ขายชิ้นละ 5 บาท
ใครสนใจ “ผลไม้ทอด” ของขวัญฤทัย เจ้าของกรณีศึกษา “ช่องทางทำกิน” รายนี้ติดต่อได้ที่ร้านอิงภูกล้วยทอด ตลาดน้ำขวัญเรียม ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ตั้งแต่เวลา 06.00-19.00 น. หรือโทร. 08-1346-6571.
สุภารัตน์ ยอดศิริวิชัยกุล/สุรางค์รัตน์ เจนการ : รายงาน
........................................................................................
คู่มือลงทุน…ผลไม้ทอด
ทุนอุปกรณ์ ประมาณ 10,000 บาทขึ้นไป
ทุนวัตถุดิบ ประมาณ 40 % ของราคาขาย
รายได้ 25-30 บาท/15-17 ชิ้น
แรงงาน 1-2 คนขึ้นไป
ตลาด ชุมชน, ตลาดน้ำ, งานออกร้าน
จุดน่าสนใจ สินค้าหลากหลายเพิ่มมูลค่า

credit by :  http://www.dailynews.co.th/article/312285

Read More...


‘เค้กตุ๊กตา’ พัฒนาต่อยอดกำไรดี


เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ร่วมหุ้นกับเพื่อนอีก 3 คนเปิดเพจ The Kaffe Parlour เพื่อเป็นหน้าร้านขายขนมเค้ก และขนมอื่น ๆ อย่างคัพเค้ก, บราวนี่ ฯลฯ รวมทั้งเค้กตุ๊กตาด้วย

การทำ เบเกอรี่ประเภทขนมเค้ก ปัจจุบันมีการพัฒนาทั้งรูปแบบ รสชาติ และการตกแต่งขึ้นมากมาย เราจะเห็นขนมเค้กรูปแบบใหม่ ๆ วางเรียงรายในตู้โชว์ตามร้านขายขนมทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นเค้กขอนไม้, เค้กรูปกระเป๋า, เค้กรูปหัวใจ ฯลฯ รวมไปถึง “เค้กตุ๊กตา” ซึ่งทีมคอลัมน์ “ช่องทางทำกิน” มีข้อมูลมานำเสนอในวันนี้...

บุณยพัชรี เพ็ญคุณาพร หรือไก่ เจ้าของ เค้กตุ๊กตา จากร้าน The Kaffe Parlour เล่าว่า ทำคุ้กกี้, ขนมเค้ก ฯลฯ ขายเป็นงานอดิเรกมาเกือบ 10 ปี โดยมีจุดเริ่มต้นจากการไปเรียนการทำขนมกับพี่ที่รู้จักคนหนึ่ง และค่อย ๆ หัดทำเอง ฝากให้คนอื่น ๆ ชิม จนมีออร์เดอร์เข้ามาเรื่อย ๆ จนกลายเป็นงานอดิเรกที่มีรายได้เข้ามาตลอด

เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ร่วมหุ้นกับเพื่อนอีก 3 คนเปิดเพจ The Kaffe Parlour เพื่อเป็นหน้าร้านขายขนมเค้ก และขนมอื่น ๆ อย่างคัพเค้ก, บราวนี่ ฯลฯ รวมทั้งเค้กตุ๊กตาด้วย
สำหรับ เค้กตุ๊กตา นี้ บุณยพัชรี กล่าวว่า เริ่มต้นจากทดลองทำเป็นขนมวันเกิดให้หลานสาวตัวเอง โดยใช้ความรู้ และประสบการณ์ทั้งหมดที่มี จนประสบความสำเร็จ เมื่อนำรูปไปโพสในเพจ และก็มีลูกค้าสั่งทำเข้ามาเรื่อย ๆ

อุปกรณ์ในการทำ “เค้กตุ๊กตา” หลัก ๆ ก็มีเครื่องตีแป้ง, หัวตีตะกร้อ, พิมพ์วงกลม, เตาอบ, ชามผสม, พายยาง ฯลฯ อุปกรณ์เบเกอรี่ต่าง ๆ เหล่านี้ถ้าลงทุนใหม่หมดก็อยู่ที่ประมาณ 10,000 บาทขึ้นไป
ส่วนผสมของ เค้กตุ๊กตา ส่วนของ ตัวเค้ก มีแป้งเค้ก 125 กรัม, ผงฟู 1/2 ช้อนชา, กลิ่นวานิลลา 1/2 ช้อนชา, เกลือป่น 1/4 ช้อนชา, น้ำตาลทราย 125 กรัม, ไข่ไก่ 2-4 ฟอง, โอวาเล็ต 10 กรัม, น้ำเย็น 25 กรัม และเนยสดละลาย 100 กรัม

วิธีทำตัว “เค้กตุ๊กตา” เริ่มที่ร่อนแป้ง, ผงฟู, วานิลลา และเกลือ เข้าด้วยกัน เสร็จแล้วใส่น้ำตาลทรายลงในส่วนผสมแป้งที่ร่อนไว้ ตามด้วยไข่ไก่ ใช้พายยางคนผสมให้เข้ากัน เสร็จแล้วเติมโอวาเล็ต
นำเข้าเครื่องตี ตีด้วยความเร็วต่ำ (ใช้หัวตะกร้อตี) นาน 1 นาที แล้วค่อย ๆ เพิ่มความเร็วสูงสุด ตีไปอีก 2 นาที เสร็จแล้วใส่น้ำเย็นลงไปตีต่ออีก 3 นาที หลังจากนั้นให้ลดความเร็วแล้วตีต่ออีก 3 นาที ขั้นตอนสุดท้ายใส่เนยละลาย ตีให้พอเข้ากันนาน 30 วินาที เสร็จแล้วปิดเครื่อง

ใช้พายยางคนผสมให้เข้ากันอีกครั้ง แบ่งเนื้อเค้กลงพิมพ์ที่เตรียมไว้ คือ พิมพ์ 1 ปอนด์ จำนวน 1 ชิ้น และพิมพ์ 1/2 ปอนด์ อีก 2 ชิ้น ใช้วิธีเคาะพิมพ์เบา ๆ เพื่อให้เค้กเรียบเสมอกัน เสร็จแล้วนำเข้าเตาอบ อบด้วยอุณหภูมิ 170 องศาเซลเซียส นานประมาณ 30 นาที เมื่อขนมสุกนำออกจากพิมพ์ทันที พักบนตะแกรงจนเย็น เตรียมนำมาแต่งเป็นเค้กตุ๊กตาส่วนผสมของ หน้าเค้ก คือ บัตเตอร์ครีม มีส่วนผสม ดังนี้ เนยขาว 375 กรัม, เนยสด 250 กรัม, น้ำตาลไอซิ่ง 275 กรัม, เกลือป่น 1/2 ช้อนชา, กลิ่นวานิลลา 1/2 ช้อนชา, น้ำร้อน 50 กรัม วิธีทำ ตีเนยขาวและเนยสดเข้าด้วยกันจนขึ้นฟู ระหว่างนั้น ผสมน้ำตาลไอซิ่ง, เกลือ, วานิลลา และน้ำร้อน จนเป็นเนื้อเดียวกัน พักไว้

เมื่อเนยขึ้นฟูขาวดีแล้ว ให้เทส่วนผสมของน้ำตาลลงไป ตีต่ออีกประมาณ 15 นาทีก็เป็นอันใช้ได้ เตรียมไว้แต่งหน้าเค้กได้เลย

วิธีการแต่งเค้กตุ๊กตา
วางตัวเค้กขนาด 1/2 ปอนด์ จำนวน 2 ชิ้นลงบนตัวเค้กขนาด 1 ปอนด์ เตรียมไว้
ส่วนตัวตุ๊กตาพลาสติก ให้นำไปทำความสะอาดทั้งตัว เสร็จแล้วพันด้วยเทปพลาสติกใสตั้งแต่บริเวณหน้าอกลงไปถึงบริเวณเท้า

ปักตุ๊กตาลงในตัวเค้ก โดยปักบริเวณตรงกลางของเค้กด้านบน โดยให้เหลือส่วนของเอวตุ๊กตาขึ้นมา
ใช้พายยางปาดครีมลงบนด้านข้าง และด้านบนตัวเค้ก โดยพยายามทำให้เป็นรูปกระโปรง แล้วค่อย ๆ เกลี่ยให้ผิวกระโปรงเรียบเสมอกัน

ตกแต่ง บริเวณอกของตุ๊กตาให้เป็นเสื้อด้วยบัตเตอร์ครีม โดยใช้หัวบีบที่เป็นรูปดอกไม้ เช่นเดียวกับตัวกระโปรงที่ตกแต่งด้วยบัตเตอร์ครีมสีต่าง ๆ โดยทำเป็นรูปดอกกุหลาบดอกใหญ่ ๆ หรือรูปอื่น ๆ ตามจินตนาการ เสร็จแล้วตกแต่งตัวเสื้อและกระโปรงด้วยเม็ดน้ำตาลอีกครั้งหนึ่งให้สวยงาม และน่ารับประทาน

เค้กตุ๊กตานี้ ขายในราคาชิ้นละ 1,200 บาท โดยมีต้นทุนอยู่ที่ 60-70%
ใคร สนใจ “เค้กตุ๊กตา” ต้องการติดต่อ บุณยพัชรี เพ็ญคุณาพร เจ้าของกรณีศึกษา “ช่องทางทำกิน” รายนี้ ติดต่อได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 08-9550-2992 และที่ www.facebook.com/TheKaffeParlour.

สุภารัตน์ ยอดศิริวิชัยกุล : รายงาน
ภานุพงศ์ พนาวัน : ภาพ
..................................................................................................
คู่มือลงทุน...เค้กตุ๊กตา
ทุนอุปกรณ์ ประมาณ 10,000 บาทขึ้นไป
ทุนวัตถุดิบ ประมาณ 60-70% ของราคาขาย
รายได้ ราคา 1,200 บาท/ 1 ชิ้น
แรงงาน 1-2 คนขึ้นไป
ตลาด ชุมชน, ร้านเบเกอรี่, ฝากขาย
จุดน่าสนใจ เป็นเค้กโฮมเมดที่ได้รับความนิยม

credit by : http://www.dailynews.co.th/article/315276

Read More...


คอร์นเฟลกธัญพืช ธุรกิจทำเงินฟินเวอร์!!


หัวใจหลักของขนมชนิดนี้ คือ นํ้าคาราเมล ที่ต้องเคี่ยวให้พอดี อย่าให้เหลวไปหรือเหนียวไป เพราะถ้าเหลวไปจะทำให้คอร์นเฟลกนิ่ม แต่ถ้าเหนียวไป คอร์นเฟลกก็จะเกาะกันเป็นก้อน ไม่อร่อย

“คอร์นเฟลก” อาหาร เช้าที่รับประทานควบคู่กับนมสด เป็นที่ยอมรับกันทั่วโลกว่าเป็นอาหารเช้าที่ทรงคุณค่า เพราะแปรรูปจากธัญพืชเต็มเมล็ดหลายชนิด เช่น ข้าวสาลี ข้าวโพด ข้าวโอ๊ต ข้าวบาร์เลย์ ฯลฯ มาบดทำเป็นแผ่นเล็ก ๆ นำไปอบแห้งกรุบกรอบ ไม่ปรุงแต่งกลิ่น สี และความหวานใด ๆ แต่ปัจจุบันมีการนำคอร์นเฟลกมาแปลงให้เป็นขนมอบกรอบเคลือบคาราเมล ที่มีรสชาติหวานอร่อย เป็นของว่างกำลังเป็นที่นิยมกันมาก เพราะทานแล้วไม่อ้วนและดีต่อสุขภาพ ทีมงาน “ช่องทางทำกิน” จึงนำข้อมูลเรื่องนี้มาเสนอ...

ผู้ที่จะมาให้ข้อมูล คือ กุสุมา ตันสกุล หรือ “ปุ๊กกี้” อดีตดารานักแสดงโทรทัศน์ ซึ่งผันมาทำธุรกิจส่วนตัว และเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์ขนมขบเคี้ยว pp snack คอร์นเฟลกสวรรค์ เล่าถึงจุดเริ่มที่มาของผลิตภัณพ์คอร์นเฟลกธัญพืชเคลือบคาราเมลว่าเกิดขึ้น ในช่วงปิดเทอม เธอพยายามจะหากิจกรรมทำร่วมกับลูก ๆ เคยเห็นทางทีวีที่ครอบครัวทำอาหารร่วมกัน จึงไปถามเพื่อนที่ทำขนมเก่ง ๆ ว่าจะทำอะไรดี ที่มีประโยชน์และดีต่อสุขภาพ เขาก็แนะนำให้ทำคอร์นเฟลกเคลือบคาราเมล ทุกคนสามารถทำทานได้ง่าย ๆ ไม่ยาก กินได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่

“พอ ได้สูตรมา ปุ๊กกี้ซื้อของมาทำร่วมกับลูก ๆ สนุกสนานมาก จากนั้นพอมีเวลาว่างก็ลองมาปรับลดตามความชอบ โดยใส่พวกธัญพืช ผลไม้แห้ง และพวกเมล็ดพืชตระกูลถั่วบางชนิดเข้าไปให้น่ารับประทานยิ่งขึ้น วัตถุดิบที่ใช้จะคัดสรรแต่ของดี ๆ อย่าง ผงมัชชะชาเขียวก็สั่งซื้อมาจากญี่ปุ่น เม็ดมะม่วงหิมพานต์ก็เอาอย่างเต็มเม็ด นํ้าผึ้งแท้ก็สั่งซื้ออย่างดี ตัวคอร์นเฟลกก็เลือกซื้อที่ไม่หนาและไม่บางเกินไป ฯลฯ เสร็จแล้วก็โพสต์ลงในไอจี เพื่อน ๆ เห็นพากันเข้ามาเมนต์บอกอยากกิน ตอนแรกไม่ได้คิดจะทำขาย แต่พอปุ๊กกี้เอาไปให้หลายคนชิม ปรากฏว่าทุกคนขอซื้อกันมากมายบอกจะเอาไปเป็นของฝากของขวัญช่วงปีใหม่”

สำหรับ เคล็ดลับความอร่อย ปุ๊กกี้ บอกว่า หัวใจหลักของขนมชนิดนี้ คือ นํ้าคาราเมล ที่ต้องเคี่ยวให้พอดี อย่าให้เหลวไปหรือเหนียวไป เพราะถ้าเหลวไปจะทำให้คอร์นเฟลกนิ่ม แต่ถ้าเหนียวไป คอร์นเฟลกก็จะเกาะกันเป็นก้อน ไม่อร่อย

อุปกรณ์...เตาอบขนม, เตาแก๊ส, กระทะเทฟล่อน, อ่างผสม, ไม้พาย, ถาด, ทัพพี, กระดาษซับ และเครื่องไม้เครื่องมืออื่น ๆ ให้หยิบฉวยเอาจากในครัว

ส่วนผสมของธัญพืช มี...เม็ดมะม่วงหิมพานต์อบ 1/4 ถ้วยตวง, อัลมอนด์สไลด์อบ 1/4 ถ้วยตวง, เมล็ดฟักทองกะเทาะเปลือกอบ 1/4 ถ้วยตวง, ลูกเกดดำ 1/2 ถ้วยตวง, งาขาวอบ 70 กรัม และคอร์นเฟลกรสธรรมชาติ 4 ถ้วยตวง

ส่วนผสมคาราเมล มี...นํ้าผึ้ง 1/4 ถ้วย, เนยสดรสเค็ม 50 กรัม, นมข้นหวาน 1 1/2 ชต., แป้งสาสีอเนกประสงค์ 1 ชต. และเกลือหนึ่งหยิบมือ

ขั้นตอนการทำ “คอร์นเฟลกเคลือบคาราเมล รสออริจินอล”

เริ่ม จากทำนํ้าคาราเมลก่อน นำแป้งสาลีอเนกประสงค์ ใส่ลงไปในกระทะทอง หรือกระทะเทฟล่อน ใส่ตามด้วยนมข้นหวาน และเกลือ ใช้ไม้พาย ค่อย ๆ คนส่วนผสมให้เข้ากันดี จากนั้นยกขึ้นตั้งไฟอ่อน ๆ ระหว่างตั้งไฟต้องคอยคนส่วนผสมตลอดเวลา

เมื่อส่วนผสมทั้งหมดเข้ากัน ดีแล้ว จึงใส่นํ้าผึ้งตามลงไป คนต่อไป เรื่อย ๆ จนมีรอยเดือดอ่อน ๆ (วิธีสังเกตว่าได้ที่หรือยัง ให้ใช้ไม้พายตักนํ้าคาราเมลขึ้นมา ดูการไหล ถ้าไหลต่อเนื่องกันเป็นเส้นก็ใช้ได้) เสร็จแล้วปิดไฟ ใส่เนยตามลงไปทันที คนให้เนยละลายเข้ากันจนหมด สังเกตสีคาราเมลจะออกสีเหลือง ๆ นวล ๆ

ต่อ ไปเป็นการเคล้าส่วนผสม จะทำเป็นชั้น ๆ เริ่มจากตักงาขาวอบ ใส่อ่างผสม ตักคาราเมลที่ยังอุ่น ๆ โรยลงไปนิดหน่อย ตักคอร์นเฟลกใส่ตามลงไป ชั้นที่ 2 ใส่อัลมอนด์สไลด์อบ โรยนํ้าคาราเมล ตามด้วยคอร์นเฟลก ชั้นที่ 3 ใส่เม็ดมะม่วงหิม พานต์อบ โรยด้วยนํ้าคาราเมล ตามด้วยคอร์นเฟลก

ชั้น ที่ 4 ใส่เมล็ดฟักทองอบ โรยนํ้าคาราเมล ตามด้วยคอร์นเฟลก ชั้นที่ 5 ใส่ลูกเกดดำ โรยนํ้าคาราเมล ตามด้วยคอร์นเฟลก ทำทีละชั้นสลับกันไปเรื่อย ๆ จนคาราเมล ธัญพืช และคอร์นเฟลกหมด (ที่ทำเช่นนี้เพราะต้องการให้นํ้าคาราเมลซึมเข้าทุก ๆ แผ่นของคอร์นเฟลก ) ค่อย ๆ ตะล่อมเคล้าเบา ๆ ให้ส่วนผสมเข้ากัน แล้วนำไปอบ โดยใช้ไฟ 150 องศา ลมบน-ล่าง 15 นาที เสร็จแล้ว นำออกมา ใช้ไม้พายยางเกลี่ยไม่ให้คอร์นเฟล็กติดกัน ตั้งพักไว้ให้เย็นก่อนจะแพ็กใส่กล่องที่มีฝาปิด

คอร์นเฟลกธัญพืชเคลือบคาราเมล เจ้านี้มี 3 รสชาติคือ ออริจินอล (ดั้งเดิม) ชาเขียว และสตรอเบอรี่ !!

ราคาขาย มี 2 ขนาด กระปุกเล็ก 50 กรัม ราคา 50 บาท และกระปุกใหญ่ 300 กรัม ราคา 280 บาท

ใครสนใจ “คอร์นเฟลกธัญพืชเคลือบคาราเมล พีพี สเน็ก คอร์นเฟลกสวรรค์” ปัจจุบันผลิตภัณฑ์มีวางขายอยู่ที่วิลล่า ร้านขนมของฝาก และร้านกาแฟหลายแห่ง ท่านใดหากต้องการรับไปจำหน่าย หรือ สั่งเพื่อใช้เป็นของฝากของขวัญในเทศกาลต่าง ๆ โดยเฉพาะปีใหม่ ติดต่อปุ๊กกี้-กุสุมา ตันสกุล เจ้าของกรณีศึกษา “ช่องทางทำกิน” รายนี้ติดต่อได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 08-1699-9702 ได้ทุกวัน.
เชาวลี ชุมขำ : เรื่อง / ภานุพงศ์ พนาวัน : ภาพ
..............................................................................................
คู่มือลงทุน...คอร์นเฟลกธัญพืช
ทุนอุปกรณ์ ประมาณ 10,000 บาทขึ้นไป
ทุนวัตถุดิบ ประมาณ 70% ของราคาขาย
รายได้ ราคา 50 และ 280 บาท/ 1 กระปุก
แรงงาน 1-2 คนขึ้นไป
ตลาด ชุมชน, ร้านเบเกอรี่, ฝากขาย
จุดน่าสนใจ แปลงอาหารเช้าเป็นของทาน

credit by :  http://www.dailynews.co.th/article/279408

Read More...


‘ขนมเบื้องไทย’ สูตรโบราณกรอบนานขายดี



ทำขายมานานหลายสิบปีแล้ว ตอนนี้ลูกเรียนจบก็เริ่มเข้ารับช่วงธุรกิจนี้ต่อ เพื่อให้ทันกับกระแสโลกเปลี่ยนไปในปัจจุบัน เพราะขนมเบื้องของเราอยู่ได้นาน 2 อาทิตย์

“ขนม เบื้องไทย” เป็นอีกหนึ่งขนมไทย ที่มีมายาวนาน เป็นมรดกตกทอดมาตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตายาย พบได้ทั่วไปโดยเฉพาะตามงานวัด และตลาดนัด อีกทั้งปัจจุบันมีวางขายตามศูนย์การค้าชั้นนำหลายแห่ง และภัตตาคารหรู ด้วยแป้งที่บางกรอบ รสชาติหวานหอม ประกอบกับโรยฝอยทอง และมะพร้าวขูดผัดได้อย่างลงตัว ทำให้เป็นที่ถูกอกถูกใจบรรดานักชิม จนมีผู้ประกอบการหลายคนยึดเป็นอาชีพหลักหรือเสริมไว้เลี้ยงตัวเองและครอบ ครัว วันนี้ “ช่องทางทำกิน” นำข้อมูล “ขนมเบื้องไทย” สูตรโบราณดั้งเดิม มาฝากคนที่มองหาอาชีพ...

ผู้ที่จะมาถ่ายทอดข้อมูลขนมเบื้องสูตรแบบไทย โบราณ คือ พี่ดาว-ดาววดี เชิดชูวิทยศิลป์ เจ้าของร้าน “คุณดาว ขนมเบื้องไทย” ซึ่งเล่าที่มาที่ไปของอาชีพนี้ให้ฟังว่า จริง ๆ ได้รับการสืบทอดมาจากรุ่นยายสู่รุ่นแม่ จนมาถึงรุ่นเธอ และกำลังถึงรุ่นลูก ๆ เป็นผู้สืบทอดสูตรโบราณนี้ ความโดดเด่นจะอยู่ที่ตัวแป้งและไส้ แป้งของที่ร้านเวลาโดนกระทะร้อน ๆ จะส่งกลิ่นหอมฟุ้งเตะจมูก เพราะแป้งที่ใช้จะเป็นแป้งถั่วทองคั่วผสมแป้งข้าวเจ้า ทำให้แผ่นแป้งหอมและกรอบนาน ไส้หวานและเค็มต้องไม่หวานและเค็มจนเกินไป เพราะจะไปกลบความอร่อยของแป้ง

“ทำขายมานานหลายสิบปีแล้ว ตอนนี้ลูกเรียนจบก็เริ่มเข้ารับช่วงธุรกิจนี้ต่อ เพื่อให้ทันกับกระแสโลกเปลี่ยนไปในปัจจุบัน เพราะขนมเบื้องของเราอยู่ได้นาน 2 อาทิตย์ ลูก ๆ ซึ่งเป็นเด็กยุคใหม่จึงปรับรูปลักษณ์ให้สวย งามและทันสมัยขึ้น นำขนมเบื้องมาแพ็กใส่ถุงพลาสติก เพื่อสะดวกในการรับประทานและพกพา แต่สูตรขนมเบื้องไทยยังคงเป็นสูตรดั้งเดิม”

พี่ดาวยังอธิบายถึง กรรมวิธีในการทำขนมเบื้องไทย ว่ามี 4 ขั้นตอน การผสมแป้ง, การทำหน้าน้ำตาล การทำไส้หวานไส้เค็ม และการเตรียมเครื่องเคียง การทำไส้จะทำครั้งละมาก ๆ เก็บไว้ในตู้เย็น เน้นว่าไส้หวานและเค็มต้องไม่หวานและเค็มจนเกินไป เพราะจะไปกลบความอร่อยของแป้ง
อุปกรณ์ มี เตาแก๊ส, กระทะเหล็กสี่เหลี่ยมผืนผ้า, เกรียง (ใช้แซะขนม), กระจ่า (ใช้ตัก-ละเลงแป้ง), กะละมัง, หม้อสเตนเลสมีฝาปิด, กระทะ, ที่ขูดมะพร้าวด้วยมือ, ทัพพี, ครก, ผ้าขาวบาง เครื่องไม้เครื่องมืออื่น ๆ หยิบยืมได้จากในครัว

ส่วนผสม ตัวแป้งขนมเบื้อง มี แป้งข้าวเจ้า 1 กก., แป้งถั่วทองคั่วสำเร็จ 1/2 ถ้วยตวง, น้ำตาลทราย 6 ขีด, ไข่ไก่ (เบอร์ 3) 6 ฟอง, เกลือ 1/2 ช้อนชา นำแป้งข้าวเจ้า แป้งถั่วทองคั่ว น้ำตาลทราย และไข่ไก่ มาผสมรวมกัน เติมน้ำปูนใสลงในแป้ง ค่อย ๆ นวดแป้ง พร้อมกับทยอยเติมน้ำปูนใสทีละน้อยจนแป้งเข้ากับส่วนผสมอื่นเป็นเนื้อเดียว กัน ใช้เวลานวดประมาณ 10 นาที แล้วจึงเติมน้ำปูนใสที่เหลือจนหมดคนให้เข้ากัน

ขนมเบื้องไทย มี 2 ไส้ คือ ไส้หวาน (ไส้ฝอยทอง) และไส้เค็ม (ไส้หน้ากระฉีก) ทั้งสองไส้จะรองพื้นด้วยหน้าน้ำตาล

การ ทำหน้าน้ำตาล โดยการนำน้ำตาลปี๊บมาต้มกับน้ำให้เดือดสักครู่ ยกลงกรองตะกอนด้วยผ้าขาวบางใส่ถ้วยไว้ พออุ่นใส่ไข่และมะพร้าวขาวขูดเส้น คนให้เข้ากัน พักไว้

การทำไส้หวาน ส่วนผสม มี ไข่ไก่ (ไข่แดง) 50 ฟอง น้ำตาลทราย 3 กก. และน้ำสะอาด วิธีทำ นำไข่แดงมาตีให้เป็นเนื้อเดียวกัน พักไว้ นำน้ำตาลทรายมาเคี่ยว พอน้ำตาลเป็นฟอง นำไข่แดงที่เตรียมไว้ใส่กรวย ค่อย ๆ โรยลงไปบนฟองน้ำตาล แล้วตักขึ้น

การทำไส้เค็ม ส่วนผสม มี กุ้งสดสับละเอียด 3 ขีด, รากผักชี 2 ต้น, พริกไทยเม็ด 1 ช้อนโต๊ะ, หัวหอมสับ 1 ขีด, เกลือ 1-2 ช้อนชา, มะพร้าวทึนทึกขูด 1 กก., น้ำตาลทราย, น้ำมันพืช น้ำสะอาด และสีผสมอาหาร (สีส้ม) วิธีทำ นำรากผักชีที่ล้างสะอาดใส่ครก ตามด้วยพริกไทย หัวหอมสับ โขลกรวมกันจนละเอียด นำส่วนผสมที่ได้ลงผัดกับน้ำมันพืช ไฟปานกลาง จนหอม ใส่กุ้งสดสับตามลงไป ผัดจนสุก ใส่มะพร้าวขูด ผัดให้เข้ากัน ปรุงรสด้วยน้ำตาลทรายและเกลือ ใส่สีผสมอาหารสีส้ม ผัดให้เนื้อมะพร้าวกระจายให้ทั่ว จนสุกจะมีลักษณะแห้งและกลิ่นหอม ตักขึ้นพักไว้

สำหรับเครื่องเคียงที่ใช้ ก็มีมะพร้าวขูดเส้น และผักชี โดยนำมะพร้าวทึนทึกผ่าครึ่งล้างให้สะอาด ใช้ที่ขูดมะพร้าวด้วยมือให้เป็นเส้นมาคั่วด้วยไฟอ่อน ๆ ให้พอเหลือง จากนั้นนำผักชีล้างสะอาดมาหั่นเป็นชิ้นเล็ก เพื่อเตรียมไว้แต่งหน้าให้มีสีสัน

ขั้นตอนต่อไปคือการละเลงแผ่นขนม เบื้อง ก่อนละเลงแป้งต้องให้เตาหรือกระทะร้อน ใช้ไฟปานกลาง ใช้กระจ่าตักแป้งเคาะลงบนเตา ละเลงเป็นแผ่น รูปวงรีขนาดความยาวประมาณ 9 นิ้ว ให้มีความหนา-บางเสมอกัน เมื่อได้แผ่นขนมเบื้องแล้ว ก็เอาหน้าน้ำตาลละเลงทับให้ทั่วแผ่น

ถ้าต้องการขนมเบื้องไส้หวาน ให้ใส่ฝอยทองลงไปให้ทั่วแผ่น ใส่ลูกพลับแห้งหั่น 2-3 ชิ้น แล้วทำการปรับไฟอ่อน ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที รอจนแป้งกรอบพอดี ก็ค่อย ๆ เอาเกรียงแซะ ให้ไปพับทบกัน เอาขึ้นจากกระทะ ส่วนขนมเบื้องไส้เค็ม ก็ทำเหมือนไส้หวาน เพียงแต่หลังทาหน้าน้ำตาล ใส่หน้ากระฉีกให้ทั่ว แต่งหน้าด้วยมะพร้าวขาวขูดเส้น และผักชี

สำหรับราคาขาย ขนมเบื้องไทยร้านนี้ ขายชิ้นละ 10 บาท (จัดเป็นชุดของฝาก กล่องใหญ่ 10 ชิ้น 100 บาท กล่องเล็ก 5 ชิ้น 50 บาท)

ใคร สนใจ “ขนมเบื้องไทย” ร้านคุณดาว ก็แวะเวียนไปลองชิมกันดูได้ ร้านอยู่ติดกับแบงก์ชาติ เทเวศร์ เปิดขายทุกวัน ตั้งแต่เวลา 06.00- 18.00 น. นอกจากนี้ยังขยายสาขาขายตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำหลายแห่ง หากต้องการสั่งไปใช้ในงานเทศกาลต่าง ๆ ติดต่อสอบถามที่โทร. 08-5776-0706, 0-2628-6746 และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งอาชีพหนึ่งที่ควรค่าอนุรักษ์สืบทอดขนมโบราณของไทย.

เชาวลี ชุมขำ : เรื่อง / ภมร มานะพรชัย : ภาพ
.....................................................................................................
คู่มือลงทุน...ขนมเบื้องไทย
ทุนอุปกรณ์ ประมาณ 10,000 บาทขึ้นไป
ทุนวัตถุดิบ ประมาณ 60% ของราคา
รายได้ ราคาขาย 10 บาท/ชิ้น
แรงงาน ตั้งแต่ 1-2 คนขึ้นไป
ตลาด ตลาดน้ำ, ชุมชน, ตลาดนัดทั่วไป
จุดน่าสนใจ อนุรักษ์ขนมไทยโบราณขายดี

credit by :  http://www.dailynews.co.th/article/313849

Read More...


ไก่ย่างบางตาล’ สูตร(ไม่ลับ)ทำเงินฉลุย



วันนี้คอลัมน์ “ช่องทางทำกิน” จะพาไปรู้จักกับไก่ย่างที่โด่งดัง “ไก่ย่างบางตาล” สูตรต้นตำรับจากหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่วิวัฒนาการมาอย่างต่อเนื่อง

ขึ้น ชื่อว่า “ไก่ย่าง” คงไม่มีใครในประเทศไทยไม่เคยทาน ไม่ว่าจะทานเปล่า ๆ ทานกับนํ้าจิ้มสูตรต่าง ๆ หรือทานกับอาหารสุดคลาสสิกอย่างข้าวเหนียวส้มตำก็อร่อยสุด ๆ จะว่าไปไก่ย่างเหมือนเป็นงานศิลปะคู่โต๊ะอาหาร แม้จะมีขายอยู่ดาษดื่นทั่วบ้านทั่วเมือง แต่รสชาติแต่ละเจ้ากลับมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว วันนี้คอลัมน์ “ช่องทางทำกิน” จะพาไปรู้จักกับไก่ย่างที่โด่งดัง “ไก่ย่างบางตาล” สูตรต้นตำรับจากหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่วิวัฒนาการมาอย่างต่อเนื่อง แพร่หลายออกไปสู่พื้นที่ต่าง ๆ กระทั่งถูกยกระดับให้เป็นสินค้าโอทอปประจำจังหวัดราชบุรีไปเรียบร้อยแล้ว

ผู้ ที่จะมาให้ข้อมูลในเรื่องนี้ คือ เอ็กซ์-ราเชน มะลิทอง และ ตั๊ก-มยุรทิพย์ อ้นเทศ เจ้าของร้านไก่ย่างบางตาล ลูกชายผู้ใหญ่วร สองสามีภรรยาผู้สืบทอดไก่ย่างบางตาล บ้านโป่ง จ.ราชบุรี เล่าให้ฟังถึงจุดเริ่มต้นว่า ก่อนที่จะมารับช่วงธุรกิจต่อจากคุณพ่อ (ผู้ใหญ่วร) เคยทำงานเป็นวิศวกรไฟฟ้าอยู่ 6 ปี แต่เล็งเห็นซึ่งอาชีพขายไก่ย่างบางตาลของพ่อน่าจะต่อยอดขายได้ พ่อไม่มีหน้าร้าน แต่ฐานลูกค้าพ่อมีมาก จังหวะพอดีกับที่แฟนได้ทำงานรับราชการ ตนจึงได้ตัดสินใจลาออกมาเดินเส้นทางอาชีพเดียวกับพ่อและปู่ที่ได้ปูทางสาย นี้ให้ไว้อย่างมั่นคง


“ตั้งแต่ เล็กจนโต จะเห็นวิถีชีวิตในแต่ละวันของพ่อคือ ย่างไก่จากที่บ้านเสร็จก็จะจัดใส่หาบมา ขึ้นรถไฟ จากสถานีคลองบางตาลมาถึงกรุงเทพฯ ตระเวนหาบขายไก่ย่างบางตาลไปเรื่อย ๆ ทั่วเขตฝั่งธนบุรี ตั้งแต่ตลาดศาลานํ้าเย็น สถานีรถไฟบางขุนนนท์ บางยี่เรือ เจริญพาสน์ วัดอรุณฯ บางกอกน้อย ตลิ่งชัน จรัญสนิทวงศ์ ลูกค้าบางคนมาไม่ทันเวลาที่พ่อเดินขาย ก็ไม่ได้กิน ผมจึงเปิดร้านขายอยู่ตลาดนํ้าตลิ่งชั่น ตรงหน้าสำนักงานเขตตลิ่งชัน เพื่อต่อยอดความอร่อย และรักษามาตรฐานคุณภาพสินค้า ปรากฏว่าขายดีมาก ลูกค้าโทรฯ มาสั่งไปใช้ในงานต่าง ๆ กันเยอะมาก”

จุดเด่นของไก่ย่างบาง ตาลคือรสชาติอร่อยที่ไม่ธรรมดา ไก่ย่างแล้วจะมีสีเหลือง กลิ่นหอมฉุยด้วยเครื่องหมัก ความอร่อยอยู่ที่เนื้อไก่นุ่มไม่แข็งกระด้าง เนื้อสุกไปจนถึงกระดูกไม่แฉะเละ บวกกับเครื่องปรุงที่หมักมาจนซึมซาบเข้าเนื้อใน กินคู่ข้าวเเหนียวห่อใบตองนุ่มอร่อย และไม่ต้องมีนํ้าจิ้มไก่เหมือนเจ้าอื่น ๆ เพราะอร่อยลงตัวอยู่แล้ว

อุปกรณ์ ที่ทำไก่ย่างบางตาล มี เตาย่างถ่าน, ไม้สามง่าม, ครก หรือเครื่องบด, ทัพพี, กะลังมัง, เชือกสำหรับมัด เครื่องไม้เครื่องมืออื่น ๆ หยิบยืมเอาจากในครัวได้
ส่วนผสม ที่ใช้ก็มี ไก่สด (เลือกไก่ขนาดนํ้าหนัก 1.6-1.8 กก.), ขมิ้นผง, กระเทียม, พริกไทยเม็ดดำ, นํ้าปลาอย่างดี

ขั้นตอนการทำ “ไก่ย่างบางตาล”
เริ่ม จากการเตรียมทำเครื่องหมักไก่ก่อน โดยการนำส่วนผสมเครื่องหมัก 2 อย่าง คือ กระเทียม และ พริกไทยดำ ทำการตำทีละอย่างให้ละเอียด แล้วนำมาคลุกเคล้ารวมกัน ก่อนจะนำไปตำรวมกันอีกครั้งจนเข้ากันเป็นเนื้อเดียว ตั้งพักไว้ในภาชนะที่มีฝาปิด นำผงขมิ้นผสมกับนํ้าเปล่าในอัตราส่วนที่ลงตัว ใส่ภาชนะเตรียมไว้

จากนั้น นำไก่สดมาล้างให้สะอาด ผึ่งให้สะเด็ดนํ้า ชำแหละไก่ตามที่ต้องการ ตะโพกติดน่อง อก ครึ่งตัว และทั้งตัว ทำการแล่ให้มันแผ่ (เพื่อจะได้คลุกเคล้าให้เครื่องหมักเข้าเนื้อในไก่ได้ แถมเวลา ย่างก็สุกง่าย) เสร็จแล้วนำไก่มาหนีบไม้สามง่าม แล้วมัดไว้

ต่อไปเป็นขั้นตอนการหมักเครื่อง นำนํ้าปลาอย่างดี (กะประมาณ) สักถ้วยตวง ใส่ลงใน อ่างผสม เติมนํ้าสะอาดตามลงไป 1 ใน 3 ของนํ้าปลา ใส่สีขมิ้นที่ผสมเตรียมไว้เล็กน้อย คนให้เข้ากัน ก่อนจะใส่กระเทียมและพริกไทยตำ ทำการคนส่วนผสมเครื่องหมักให้เข้ากันดี (ถ้าต้องการให้เข้มข้น ก็ใส่กระเทียมพริกไทยเยอะ ๆ)
นำมาตักราดเนื้อไก่ทีละไม้ ให้ทั่วทั้งด้านหน้าและด้านหลัง (เมื่อเครื่องหมักเจือจาง ก็ทำการเติมนํ้าปลา นํ้าเปล่า สีขมิ้นผสม และกระทียมพริกไทยตามลงไปเรื่อย ๆ) เสร็จแล้วหมักทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที ก่อนจะนำไปย่างบนเตาถ่านให้สุกเป็นอันเสร็จ
ราคา ขายไก่ย่างบางตาล มีเนื้อหน้าอก ราคา 50 บาท เนื้อตะโพกติดน่อง ราคา 60 บาท ครึ่งตัว ราคา 100 บาท และทั้งตัว ราคา160 บาท ส่วนข้าวเหนียวนุ่ม ห่อใบตองสด ราคาห่อละ 5 บาท


นี่ก็เป็นอีกหนึ่ง “ช่องทางทำกิน” ที่นำมาฝากกัน ใครในพื้นที่อื่นสนใจอาชีพนี้ก็ลองนำสูตรไปฝึกฝนกันดู หรือใครอยากลองชิมฝีมือ“ไก่ย่างบางตาล” ลูกชายผู้ใหญ่วร ก็แวะเวียนไปได้ที่ร้าน โดยถามทางกับเอ็กซ์ ได้ที่ โทร.08-2081-3759 และ 08-9502–5702 IDLine: xbanpong หรือ Facebook : ไก่ย่างบางตาลผู้ใหญ่วร ร้านนี้อยู่ตลาดนํ้าตลิ่งชั่น ตรงข้ามสำนักงานเขตตลิ่งชัน เปิดขายทุกวัน เวลา 08.00-17.00 น. นอกจากนี้ยังรับทำเป็นชุดตามสั่ง และรับออกงานนอกสถานที่ด้วย.
เชาวลี ชุมขำ :เรื่อง / สุนิสา ธนพันธสกุล : ภาพ

credit by :  http://www.dailynews.co.th/article/316894

Read More...


แจก ! สูตรไก่ทอดบอนชอน หนังกรอบ รสเข้ม แสนอร่อย…


สวัสดี อีกครั้งนะครับ วันนี้ผมมากับเมนูที่ยากขึ้นนิดนึง แต่น่าสนใจไม่น้อยนั้นคือสูตรไก่ทอดเกาหลีชื่อดังที่ใครได้ลองเป็นต้องติดใจ ไม่เหมือน100% แต่อร่อยไม่แพ้กันเลยครับ ควรค่าต่อการเเชร์ที่สุด

 

**ส่วนประกอบ**
+ส่วนประกอบไก่ทอด+
– ปีกไก่  5 ขีด
– เกลือ และพริกไทย
– แป้งข้าวโพด

+ส่วนผสมซอส+ 

–  หอมใหญ่ 1/4 หัว ซอยละเอียด
–  กระเทียม 4 กรอบ ปอกเปลือและสับให้ละเอียด
–  ซีอิ๋วขาว 1/2 ถ้วย
–  มิริน 1/4 ถ้วย
–  น้ำตาลทรายแดง 2 1/2 ช้อนโต๊ะ
–  ผงกระเทียม 1 ช้อนชา
–  แป้งข้าวโพด 2 ช้อนชา
–  ขิงอ่อนเล็กน้อย ปอกเปลือและหั่นละเอียด
–  น้ำผึ้ง 2 ช้อนชา


 

*วิธีทำ*
1.ล้างไก่ให้สะอาดและซับให้แห้งสนิท


 
 
2.หมักไก่ด้วยเกลือและพริกไทย

   

3.คลุกไก่เข้ากับแป้งข้าวโพด

 
 
4.ตั้งน้ำมันให้เดือดและใส่ไก่ลงไปทอดให้ไก่เปลี่ยนเป็นสีเหลืองทอง

 
5.ตักไก่ขึ้นจากกระทะซับให้แห้งเตรีมทอดซ้ำอีกครั้ง เพื่อให้ไก่กรอบ

 
  
6.หั่นหอมใหญ่ กระเทียม ขิงให้ละเอียด

 

7.เทซีอิ๋วขาว มิริน น้ำตาลทรายแดง น้ำผึ้ง ผงกระเทียมลงไป เคี้ยวด้วยไฟอ่อน ตามด้วยแป้งข้าวโพด

 
 
8.เมื่อข้นจนได้ที่ก็ปิดไฟ และกรองเอาเฉพาะน้ำซอส


 
 
9.ทำไก่ไปทอดซ้ำรอบสอง (ลืมถ่ายรูปมาขอโทษด้วยครับ)
10.นำไก่ไปชุบน้ำซอสเป็นอันเสร็จ


 

Enjoy it!!
 

 

สงสัยอะไรคอมเม้นถามได้เลยนะครับ 
 
ขอบคุณเนื้อหาและรูปประกอบจากคุณ Earth MaMai http://pantip.com/topic/33441411
ติดตามผมได้ที่

IG:FOOD_BY.EARTH

FB:EarthMa Mai
รูปประกอบจาก http://ginraidee.com/restaurant/Bon%20Chon%20Chicken/1633/photo?filter=food&menu=Bonchon%20Combo

credit by : http://www.thaijobsgov.com/jobs=9850


Read More...


SIAM BANANA โตเกียวบานาน่าไทย แบบมีกล้วยอยู่จริงๆ

จุดเริ่มต้น SIAM BANANA โตเกียวบานาน่าไทย แบบมีกล้วยอยู่จริงๆ

จากพนักงานออฟฟิศทั่วไป ไปขายเสื้อผ้าที่จตุจักรในวันเสาร์-อาทิตย์ ขายได้เรื่อยๆ แต่เมื่อจุดนึงที่การแข่งขันเริ่มรุนแรงแบบตัดราคากันให้ตายไปข้างนึง เลยอยากหาสินค้าที่สามารถทำเป็นลักษณะ “ขายส่ง”ได้ คือคนอื่นสามารถนำไปจำหน่ายต่อได้ โดยที่เรายังควบคุมคุณภาพสินค้าได้ 100% ซึ่งก็มาได้บทสรุปที่ไม่ซับซ้อนก็คือ “ขนม” อะไรสักอย่าง

ทำไมต้องเป็นโตเกียวบานาน่า


ความที่ชื่นชอบขนม แต่กลับค้นพบว่า โตเกียวบานาน่า ไม่มี “กล้วย” อยู่เลย มีแค่คัสตาร์ด ใส่กลิ่นกล้วยเข้าไป แล้วแป้งนุ่มๆ กับแพกเกจจิ้งสวยงาม จึงเกิดความคิดว่า ประเทศไทยเป็นที่ผลิตกล้วยน่าจะดีที่สุดในโลก ทำไมไม่พัฒนามาเป็นสินค้าของไทยบ้าง ที่สามารถเพิ่มมูลค่าได้บ้าง ลงทุนลองผิดลองถูกและฝ่าฟันจนสามารถนำกล้วยไปใส่ในแป้งได้จริง


กระบวนการนี้อาจเรียกว่า วิศวกรรมย้อนรอย reverse engineering ถึงต้นแบบโตเกียวบานาน่า และ R&D ในการทำกล้วยและใส่รสชาติเป็นของตัวเอง ใช้เวลาไปกว่าครึ่งปี เงินอีกจำนวนมหาศาล เพื่อเรียนรู้กระบวนการทุกอย่าง และสร้างเทคนิค เอกลักษณ์เป็นของเราเอง



สิ่งที่ยากกว่าที่คิดคือ
แพกเกจจิ้งของโตเกียวบานาน่าคือ ความลับสำคัญที่ยากที่จะทำให้คนเลียนแบบได้ เพราะห่อพลาสติกแบบนี้โรงงานในมืองไทยไม่สามารถทำได้ และตัวดูดความชื้นที่เรียกว่า absorber เป็นแบบพิเศษที่ปล่อยความร้อนออกมาด้วย ทำให้ควบคุมอุณภูมิของแป้งได้ สามารถเก็บได้นานถึง 1 เดือน โดยไม่ใช้วัตถุกันเสียเลย เรียกว่าญี่ปุ่นใส่ใจกับแพกเกจมากกว่าขนมด้วยซ้ำ แต่เราก็ดิ้นรนไม่ยอมแพ้ พัฒนา และหาsupplierที่ทำได้แบบเดียวกัน ถึงต้นทุนจะแพงขึ้นมหาศาล แต่มันคือหัวใจสำคัญที่จะรักษาความอร่อย และความนุ่มของแป้งให้คงที่

R&D สูตรลับและเทคนิคการผลิต
โตเกียวบานาน่า ใช้เครื่องจักรแบบsuper high tech ถึงจะผลิตขนมในรูปแบบนั้นได้ จึงไม่ต้องแปลกใจว่าขนมที่ดูเหมือนเรียบง่ายแต่คนทั่วไปไม่สามารถผลิตตามได้ ไหนจะเรื่องของชนิดแป้งซึ่งไม่สามารถผลิตได้ในประเทศไทย น้ำตาลแบบไม่ตกผลึกซึ่งจะปลอดภัยกับผู้บริโภคมากกว่า กว่าจะเรียนรู้สิ่งต่างๆเหล่านี้แล้วมาพัฒนาให้สามารถผลิตได้ที่เมืองไทยโดย ไม่ต้องพึ่งเครื่องจักรแบบ super high tech ก็เรียกว่าทุ่มสุดชีวิตเพราะเชื่อว่าเรามีวัตถุดิบที่ชื่อว่ากล้วยดีที่สุด ในโลกอยู่แล้ว ถ้าทำมาพัฒนาให้ดีย่อมไม่แพ้ต้นตำรับ เพราเป็นกล้วยจริงๆที่มีประโยชน์ และอร่อย ไม่ใช่การแต่งกลิ่นเลียนแบบธรรมชาติ แล้วยังถูกกว่าไปซื้อที่ญี่ปุ่นด้วย



เริ่มวางสินค้าสู่ตลาด
หลังจากที่ลงทุนลงแรงไปไม่ใช่น้อย ลองผิดลองถูกจนได้รสชาติที่พอใจ ได้เวลาออกสู่ตลาดของจริง ก็คิดว่าขนมชนิดนี้ควรจะอยู่ในลักษณะ “ของฝาก” ตามแหล่งท่องเที่ยวดังๆต่างๆในเมืองไทยให้คนซื้อติดไม้ติดมือกลับบ้าน เลยเริ่มต้นที่ เขาใหญ่ และหัวหิน ปรากฏว่าผลตอบรับดีมาก ยอดขายดีกว่าที่คาดหวังไว้ แต่กำลังการผลิตเราก็ไม่มากนัก เพราะเราใช้แรงงานคนในกระบวนการผลิตเยอะ


ขอสนับสนุนคนไทยและสินค้าไทย

Read More...


ชิมรสหลากเมนูเป็ด ที่ร้านก๋วยเตี๋ยวเป็ดตื๊ด



ก๋วยเตี๋ยวเป็ดตื๊ด เป็นร้านก๋วยเตี๋ยวเป็ดที่อยู่ในตึกแถวปากทางเข้าซอยหมู่บ้านชัยภัทร (ลาดพร้าว–วังหิน 83) ติดกับวัดสิริกมลาวาส (วัดใหม่เสนาฯ)  เป็นร้านก๋วยเตี๋ยวที่กลุ่มคนรุ่นใหม่ออกมาสร้างสูตรซุปก๋วยเตี๋ยวเป็ดขึ้นมาเอง และนำขึ้นโต๊ะเสิร์ฟให้นักชิมหลากรุ่นมาได้ปีเศษ

ร้านก๋วยเตี๋ยว “เป็ดตื๊ด” ตื๊ดที่มาจากการเล่นคำเสียงทำนองดนตรีว่า “ตื๊ด ตื๊ด ตื๊ด” มาจากการรวมตัวของคุณมะโหนก กฤติกร พยุงศรี กับ เชฟโอ๋ ธีรพร แซ่ตั้ง ซึ่งเป็นเพื่อนกัน สัญลักษณ์ของร้านเป็นการ์ตูนหัวเป็ดใส่หูฟัง ขณะที่ บรรยากาศในร้านตกแต่งได้อย่างน่ามองเช่นกัน

สำหรับเมนูอาหารน่าทาน เริ่มต้นแม่พลอยแนะนำ ไส้แก้ว ทางร้านใช้กรรมวิธีแบบสูตรลับเฉพาะที่ทำให้ไส้เป็ดดูขาวออกกรอบหนึบ เสิร์ฟมาพร้อมผักและถั่วงอกลวกในน้ำซุปแบบขลุกขลิก ทานกับน้ำจิ้มหรือทานแบบเปล่า ๆ ชวนติดใจพอกัน

ใครชอบทานก๋วยเตี๋ยวเป็ดมีให้เลือกหลายรายการ ทั้งก๋วยเตี๋ยวเป็ดน้ำแห้งและตื๊ด ส่วนเส้นมีทั้งเส้นเล็ก เส้นใหญ่ เส้นหมี่ และเส้นบะหมี่ แม่พลอยลองลิ้มรส บะหมี่ตื๊ดน่อง  มีเส้นบะหมี่เส้นแบนนุ่มหนึบซึมแทรกเข้ากับน้ำซุปที่นำสูตรการปรุงน้ำซุปก๋วยเตี๋ยวเป็ดแบบทั่วไป มาผสมกับน้ำซุปแบบญี่ปุ่น น้ำซุปของที่นี่ออกเข้มข้น เปรี้ยว เผ็ด กลมกล่อมกำลังดี ไม่มีกลิ่นน้ำซุปแบบน้ำพะโล้เป็ดที่ฉุนเกินไป น่องเป็ดนุ่มเนียนลิ้น ก่อนปรุงรสชาติเพิ่มต้องชิมก่อน

มาม่าต้มยำ ใช้บะหมี่สำเร็จรูปรสต้มยำมาปรุงรส รสชาติเข้มข้นถูกปากคนชอบทานเส้นบะหมี่สำเร็จรูปกับเนื้อเป็ดในน้ำซุปแบบจัดจ้านอย่างแท้จริง หากไม่ชอบทาน ก๋วยเตี่ยวเป็ดแนะนำ ข้าวหน้าเป็ด ในสูตรที่ทางร้านคิดแปลกแตกต่างจากร้านทั่วไปคือ ใช้สูตรข้าวหน้าเป็ดแบบข้าวหน้าเป็ดน้ำแดง น้ำราดออกเหนียว ๆ รสชาติออกติดหวานนิดหน่อย  ข้าวกะเพราเป็ด ใช้เนื้อเป็ดส่วนอกทำเป็นผัดกะเพราโดยไม่ใส่ผงชูรส กะเพรารสชาติกำลังดีทานกับข้าวสวยร้อน ๆ หลายคนติดใจ  

สัปดาห์นี้หากอยากทานอาหารจานเดียว สั่งง่าย แต่เน้นไปทางเมนูเป็ด ลองไปลิ้มรสชาติก๋วยเตี๋ยวเป็ดผลงานคนรุ่นใหม่ดูที่ร้านก๋วยเตี๋ยวเป็ดตื๊ด ลาดพร้าว-วังหิน 83 ร้านเปิดเวลา 09.00-18.00 น. และปิดบริการทุกวันจันทร์ สอบถามรายละเอียดได้ที่ 08-5977-7878และ 08-8107-4564.

เรื่อง/แม่พลอย : ภาพ/วรพรรณ เลอสิทธิศักดิ์
credit by : http://www.dailynews.co.th/Content/Article/308967/ชิมรสหลากเมนูเป็ด+ที่ร้านก๋วยเตี๋ยวเป็ดตื๊ด

Read More...


ลิ้มรสหลายเมนูเด่น ที่ร่มไม้ บ้านสวน สามพราน



ร้านร่มไม้ บ้านสวน มีเมนูอาหารแบบจานเดียวจานด่วนทั้ง ก๋วยเตี๋ยวเป็ด ข้าวหน้าเป็ด ข้าวหมู

เส้นทางจากย่านบางแคไล่เรื่อยมาตามถนนเพชรเกษม เลยพิกัดสามพรานริเวอร์ไซด์ จังหวัดนครปฐม ประมาณ 500 เมตร เยื้องกับทางเข้าวัดไร่ขิง มีร้านอาหารในบรรยากาศสบายมีที่นั่งในห้องแอร์เย็นสบาย และที่นั่งรับลมธรรมชาติลานกว้าง มีที่จอดรถสะดวกสบายชื่อ “ร่มไม้ บ้านสวน” สามพราน

ร้านร่มไม้ บ้านสวน มีเมนูอาหารแบบจานเดียวจานด่วนทั้ง ก๋วยเตี๋ยวเป็ด ข้าวหน้าเป็ด ข้าวหมูกรอบ เสิร์ฟความอร่อยให้ แต่เมนูเด่นที่แม่พลอยอยากแนะนำ เริ่มต้นที่ เมี่ยงปลาช่อน เนื้อปลาช่อนบั้งแล้วทอดออกเหลืองนวลกรอบนอกนุ่มในทั้งตัว โรยด้วยสมุนไพร ตะไคร้ซอย มะนาว หอมแดง พริกขี้หนู เม็ดมะม่วงหิมพานต์ พร้อมมีใบชะพลูเสิร์ฟมาให้ครบครัน เด่นโดนลิ้นคือ น้ำยำ ที่ออกเปรี้ยวหวานเค็มกลมกล่อม

เมนูปลาร้านร่มไม้ บ้านสวน ยังมีสองเมนู ที่แม่พลอยอยากแนะนำเพิ่มเป็นทางเลือกให้นักชิมที่ชอบทานปลา คือ เมนู ปลาคังผัดฉ่า รสชาติจัดจ้านยิ่งทานกับข้าวสวยร้อน ๆ ยิ่งเพลินลิ้น ปลากะพงสามรส แม่พลอยชอบตรงที่เขาปรุงได้รสชาติพอดีลงตัว เนื้อปลานวลลิ้นเข้ารสเปรี้ยว หวาน เค็ม

เป็ดพะโล้ เนื้อเป็ดนุ่มฉ่ำด้วยน้ำพะโล้เป็นหนึ่งในเมนูเด่นของร้านที่ไม่ควรพลาด พอ ๆ กับ กบทอดน้ำปลา ถ้านักชิมท่านไหนอยากลองชิมกบทอด ลองสั่งมาทานดูรับรองติดใจ ส้มตำปูม้า ปรุงน้ำยำส้มตำได้ถูกปากจริง ๆ เนื้อปูม้าแทรกซึมด้วยน้ำยำยิ่งทานยิ่งเรียกน้ำย่อย ถ้าจะให้แปลกแหวกแนวลองทาน ตำไหลบัว ได้ความกรุบกรอบของไหลบัว รสชาติแปลกแตกต่างจากส้มตำที่เราเคยทานเป็นประจำ

น้ำพริกไข่ปู ที่มีผักสดเคียงมาให้ หลายคนชอบสั่งมาทานกับข้าวสวยร้อน ๆ ถ้าชอบอาหารจีนรสชาติกลาง ๆ แนะนำ เต้าหู้สามกษัตริย์ น้ำราดคล้ายกับน้ำราดที่อยู่ในเมนูกระเพาะปลา แต่จุดเด่นเมนูนี้ อยู่ที่เต้าหู้ไข่หลอด ห่อด้วยหมูบดปรุงรสราดน้ำราดที่มีเห็ดหอม หน่อไม้ แฮม ปู ปลาหมึก และกุ้ง รสชาตินุ่ม ๆ

สุดสัปดาห์นี้ นักชิมท่านไหนเดินทางผ่านทางสามพราน นครปฐม สนใจอยากลิ้มรสเมนูอาหารร้านร่มไม้ บ้านสวน สามพราน ลองแวะดู ร้านเปิดตั้งแต่ 07.00–23.00 น. สนใจสอบถามรายละเอียดได้ที่ 0-3432-4423 และ 08-1808-8455.

เรื่อง : แม่พลอย / ภาพ : รพรรณ เลอสิทธิศักดิ์


Read More...


หอมด่วนตำรับอาหารเหนือจากเหนือสู่กรุง


ร้านหอมด่วน ในความหมายหอมด่วนของคนเหนือ หมายถึง สาระแหน่ อยู่ในซอยสุขุมวิท 63 (เอกมัย) อยู่ริมถนนระหว่างซอยเอกมัย 2 กับซอยเอกมัย 4 เป็นร้านอาหารเหนือเล็ก ๆ ตกแต่งแนวสมัยใหม่น่านั่ง

แรกเริ่มเดิมทีไม่ได้ตั้งใจเปิดร้านขายอาหารเหนือเป็นจริงเป็น จัง แต่ตั้งใจมาจากอำเภอป่าซาง จังหวัดลำพูน มาอยู่กับลูกที่กรุงเทพมหานคร พอเริ่มต้นทำอาหารเหนือขายในร้าน หอมด่วน ที่ลูกทำเป็นร้านกาแฟอยู่แล้ว ทำให้ลูกค้าติดใจ จน “ป้าช้อน” กัลยารัตน์ ทาสุธรรม ต้องทำอาหารเหนือหลากเมนูมาขายในร้านหอมด่วนเอกมัยอย่างต่อเนื่องมาเกือบ 4 ปีแล้ว และมีนักชิมทั้งคนเมืองเหนือ ชาวกรุง และชาวต่างชาติ ชื่นชมรสมืออย่างมาก แวะมาลิ้มรสไม่เคยขาดสาย

ร้านหอมด่วน ในความหมายหอมด่วนของคนเหนือ หมายถึง สาระแหน่ อยู่ในซอยสุขุมวิท 63 (เอกมัย) อยู่ริมถนนระหว่างซอยเอกมัย 2 กับซอยเอกมัย 4 เป็นร้านอาหารเหนือเล็ก ๆ ตกแต่งแนวสมัยใหม่น่านั่ง มีเมนูเด่นหลากเมนูให้เลือก เริ่มต้นแม่พลอยแนะนำ ข้าวซอยไก่ น้ำแกงข้าวซอยนี่กลมกล่อมเข้มข้นเครื่องแกงและเครื่องเทศ ถูกปากอย่างมาก ตัวเส้นข้าวซอยที่ส่งตรงมาจากเชียงใหม่ เหนียวนุ่ม ขนมจีนน้ำเงี้ยว ป้าช้อนบอกว่า น้ำเงี้ยวนี่เครื่องแกงตำเอง ที่สำคัญต้องมีดอกงิ้วใส่รวมไปด้วย ถึงจะเป็นน้ำเงี้ยวทางเหนือของแท้

แกง โฮะ ป้าใช้แกงฮังเลและแกงเขียวหวานมาปรุงรวมกัน ปรุงสดใหม่ทุกวัน ตำมะหนุน หรือตำขนุน ใช้ขนุนอ่อนต้มแล้วตำกับหมูสับเครื่องแกงแล้วนำมาผัด โรยด้วยกระเทียมเจียว หอมกรุ่น ทานกับข้าวเหนียวร้อน ๆ นี่อร่อยมากจริง ๆ แกงผักปลัง หรือแกงผักปั๋ง เป็นอาหารพื้นเมืองที่คนเหนือมักคุ้นดี แม่พลอยชอบน้ำแกงใส ๆ ที่ป้าช้อนใส่พริก หอมขาวหอมแดงและใส่แหนมหรือจิ้นส้มลงไปด้วย เคี้ยวโดนผักปลัง หรือผักปั๋ง ออกลื่นหนึบในปาก

แกงฮังเล ป้าช้อนบอกว่าต้องใช้หมูสันคอ เคี่ยวนานกว่า 3 ชั่วโมงด้วยไฟที่แรงพอดี เนื้อหมูจึงนุ่มเนียนลิ้น หอมกลิ่นเครื่องเทศ ลาบคั่ว หรือลาบหมูแบบเหนือ ใช้เครื่องลาบแบบทางเหนือเต็มสูตร ทำให้การกินลาบคั่วเริ่มมีมิติของกลิ่นเครื่องเทศมาเป็นลำดับแรกและตามด้วย ความนุ่มของเนื้อหมูที่ปรุงด้วยเครื่องเทศสุดกลมกล่อม ยิ่งทานกับข้าวเหนียวดำ ยิ่งอร่อย

ปิดท้ายด้วย น้ำพริกอ่อง น้ำพริกหนุ่มและแคบหมู แม่พลอยบอกเลยว่า ยิ่งทานยิ่งอร่อย ถ้าเราไม่อิ่มเสียก่อน สนใจอยากทานอาหารเหนือที่ร้านหอมด่วน แม่พลอยขอแจ้งว่า ร้านเปิดบริการจันทร์-ศุกร์ ตั้งแต่เวลา 08.30-15.00 น. สอบถามรายละเอียดได้ที่ 08-5037-8916.

เรื่อง : แม่พลอย / ภาพ : วรพรรณ เลอสิทธิศักดิ์

credit : http://www.dailynews.co.th/Content/Article/315014/_หอมด่วน_+ตำรับอาหารเหนือจากเหนือสู่กรุง

Read More...


หลากเมนูอร่อย ที่ คริสตัล มาร์เก็ต


ชีวิตคนเมืองกรุงที่เร่งรีบ ไปไหนมาไหนเจอสภาพจราจรที่ติดขัด เล่นเอาเพลียใจอยู่หลายครา ประกอบกับสุดสัปดาห์นี้ เป็นช่วงวันหยุดเทศกาลสงกรานต์ หรือปีใหม่ไทย ร้านอาหารหลายร้านหยุดบริการหลายวัน เพื่อให้ทีมงานของร้านอาหารได้พักผ่อน

ด้วยเงื่อนไขดังกล่าว แม่พลอยมีแนวคิดอยากแนะนำร้านอาหารอยู่ในศูนย์รวมอาหารคาวหวานและเครื่องดื่มที่มีรสชาติดี ราคาสมเหตุสมผล หาง่าย เปิดบริการแบบไม่มีวันหยุดให้เป็นทางเลือกของนักชิมที่ไม่มีแผนการเดินทางไปไหนในช่วงวันหยุดเทศกาลสำคัญนี้ และ คริสตัล มาร์เก็ต ในบริเวณเดียวกับคริสตัล พาร์ค เลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา เป็นคำตอบที่แม่พลอยเลือกนำเสนอ

คริสตัล มาร์เก็ต เป็นศูนย์รวมอาหารปรุงสำเร็จ จากร้านมีชื่อหลากร้าน มีเมนูให้เลือกเยอะ มีแบบให้สั่งมานั่งทานและสั่งกลับบ้านได้ สำหรับเมนูเริ่มต้น แม่พลอยแนะนำ เปาะเปี๊ยะสด จากร้าน เปาะเปี๊ยะสดคุณบุ๋ม เปาะเปี๊ยะแป้งบางห่อด้วยถั่วงอก แตงกวา เต้าหู้ตุ๋นกับเห็ดหอม กุนเชียง เรียงตัวสวยงาม แถมมีเนื้อปูและไข่เจียวซอยเป็นเส้น ๆ โรยไว้ด้านหน้าเป็นทอปปิ้ง และราดด้วยน้ำจิ้มรสเด่นด้วยส่วนผสมน้ำมะขาม น้ำตาลปี๊บ น้ำตาลทรายแดง น้ำพริกเผา เป็นส่วนผสมหลักรสชาติออกหวานเปรี้ยวกลมกล่อม

ร้านก๋วยเตี๋ยวลุยสวน คุณแหม่ม มีก๋วยเตี๋ยวลุยสวนกุ้ง เห็ดหอม ก๋วยเตี๋ยวไก่เห็ดหอม ก๋วยเตี๋ยวลุยสวนเต้าหู้เห็ดหอม ก๋วยเตี๋ยวลุยสวนชอบตรงเส้นก๋วยเตี๋ยวแบบบาง ไส้ในแน่นแบบอร่อยเต็มคำ น้ำจิ้มเข้มข้น ยิ่งทานยิ่งติดใจ และร้านนี้ มีเมนูข้าวมันส้มตำ และเค้กหน้านิ่ม ให้เลือกทาน

ร้านขนมจีนบ้านตาท่าศาลา มีเมนูขนมจีนที่มีน้ำยา ให้เลือกหลากประเภท น้ำยากะทิ เป็นเมนูยอดนิยมอันดับหนึ่ง ใช้สูตรแบบพื้นบ้านมีเนื้อปลาน้ำดอกไม้และหัวกะทิแท้ ๆ ล้วน ๆ เป็นส่วนผสมหลักออกมันเข้มข้น น้ำยาน้ำพริก ใช้กุ้งสด ถั่วลิสงดิบ พริกชี้ฟ้า กะทิ น้ำตาลปี๊บ น้ำตาลทรายทุกอย่างออกเข้มหวานมันเผ็ด น้ำยาป่า ใช้เนื้อปลาน้ำดอกไม้มาทำแต่ไม่ใส่กะทิ เหมาะสำหรับคนไม่ทานกะทิ แกงเขียวหวาน ใช้เครื่องแกงทำเอง รสชาติจัด แกงไตปลา ไม่มีผิดหวังถ้าใครทานรสจัดไม่ควรพลาด

ร้านสเต๊กขั้นเทพ มีสเต๊กหลายเมนูให้เลือกทาน ทั้ง สเต๊กหมู สเต๊กไก่ สเต๊กแซลมอน สเต๊กเนื้อริบอายโคขุนให้เลือกสั่ง ที่แม่พลอยได้ลิ้มรส เป็น พอร์คชอปสเต๊ก เนื้อหมูนุ่มมาก น้ำซอสเกรวี่อร่อย เฟรนช์ฟรายส์กรอบนอกนุ่มใน

ปิดท้ายด้วยร้าน ซิก แพค มีล (Six pack meal) เป็นร้านอาหารนำเสนอแนวคลีน ฟู้ด แม่พลอยแนะนำเมนู ปลาแซลมอนซอสลุยเซียนาและสลัดผักสด เคียงด้วยข้าวไรซ์เบอร์รี่ แม่พลอยชอบตรงเนื้อปลาแซลมอนที่กริลล์มาแล้วราดด้วยซอสลุยเซียนา ที่มีสับปะรดกับกล้วยใส่ผสมมาด้วยออกข้นเข้ม และ อกไก่ซอสเปปเปอร์เม็กซิกัน ชอบที่อกไก่นุ่มซอสก็ถูกปาก ใครชอบอาหารแนวคลีน ฟู้ด เพื่อสุขภาพต้องร้านนี้ไม่มีผิดหวัง

คริสตัล มาร์เก็ต เลียบทางด่วนเอกมัย-ราม อินทรา ศูนย์รวมอาหารปรุงสำเร็จแห่งนี้ เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 11.00-21.00 น. สัปดาห์นี้หากอยากเปลี่ยนบรรยากาศการทานอาหารที่สั่งสะดวก รสชาติดี ลองแวะไปสัมผัสดู.

เรื่อง / ภาพ : แม่พลอย

credit by : http://www.dailynews.co.th/Content/Article/313707/หลากเมนูอร่อย+ที่+คริสตัล+มาร์เก็ต

Read More...


หอม ‘แกงฮังเล’ เนื้อนุ่ม ชิม 'น้ำพริกปลาจี่' รสเข้มข้น


พามาชิมร้านอาหารพื้นเมืองของชาวยองคนทางเหนือกันที่ ร้านเฮือนใจ๋ยอง ที่แปลว่า เรือนของคนจากเมืองยอง

วันนี้ผมจะพามาชิมร้านอาหารพื้นเมืองของชาวยองคนทางเหนือกันที่ ร้านเฮือนใจ๋ยอง ที่แปลว่า เรือนของคนจากเมืองยอง ซึ่งเจ้าของร้านคือศิลปินล้านนา อาจารย์ลิปิกร มาแก้ว เป็นร้านอาหารเหนือที่สะอาด โดยด้านหลังของร้านได้จัดพื้นที่ส่วนหนึ่งแสดงงานศิลปะของอาจารย์ลิปิกร และเพื่อน ๆ ไว้ให้ชมด้วย เมื่อเข้าไปกินอาหารที่ร้านนี้ ผมอิ่มตา อิ่มใจ แถมอิ่มท้องด้วย ร้านนี้เป็นอาหารเมืองที่ง่าย ๆ แต่อร่อย

มาถึงอาหารที่ผมได้ไปชิมมา เริ่มจากเสิร์ฟ ผักแนม มีฟักทอง แตงกวาและผักอื่น ๆ อีกมากมาย มากินกับข้าวเหนียว ซึ่งเป็นข้าวเหนียวข้าวกล้องที่ใส่กระติบมาให้

มาที่อาหารจานแรกจะเป็น แกงฮังเล มาในถ้วยเล็ก ๆ ที่มีกลิ่นหอม เนื้อหมูนุ่มไม่แห้งเกินไปสู้ฟันเล็กน้อย เขาตุ๋นได้กำลังดี ไม่เละ รสชาติกลมกล่อม จะกินกับข้าวเหนียวหรือจะกินกับข้าวสวยก็อร่อยทั้งคู่ แต่ผมจิ้มกินกับข้าวเหนียวจะได้เข้ากับบรรยากาศของเมืองเหนือ

จานต่อมา คือ ยำมะเขือกับไข่ต้ม ที่มาพร้อมแคบหมูใส่ถ้วยแยกมาให้ จานนี้จะต้องเอามะเขือเผามาตำแล้วทำคล้าย ๆ น้ำพริก กินกับไข่ต้มที่ผ่าซีกมาให้วางอยู่ด้านบนของยำมะเขือเพื่อช่วยเพิ่มความมัน แต่ยำของเขาไม่เผ็ดเท่าไรนัก เมนูนี้กินกับข้าวเหนียวอร่อยมากและเข้ากันดีครับ

ยังมี คั่วโฮะ ซึ่งก็คือแกงโฮะที่เอาไปผัดจัดใส่จานเสิร์ฟมาอย่างสวยงาม จานนี้ต้องกินกับมือโดยจะต้องปั้นข้าวเหนียวเป็นก้อนจิ้มลงไปในคั่วโฮะ รสชาติดีเหลือเกิน

ต่อมาเป็น จอผักปลัง เขาทำง่าย ๆ ใส่ผักปลัง ใส่แหนมที่มีความเปรี้ยวนิด ๆ เป็นเมนูที่กินกับข้าวเหนียวถึงจะเข้ากันเป็นอาหารทางเหนือแท้ ๆ อร่อยดีครับ

ส่วนน้ำพริกที่สั่งมากินเป็น น้ำพริกเห็ดออรินจิ ทำได้อร่อย รสชาติกลาง ๆ ไม่เข้มข้นสักเท่าไรนัก อาจเป็นเพราะอยากให้คนภาคอื่น ๆ กินได้ด้วย

จานต่อมายังเป็นเมนูน้ำพริกอยู่ ก็คือ น้ำพริกปลาจี่ ซึ่งก็คือปลาแห้งเอาไปเผา หรือย่างแล้วใส่กระเทียมเจียวเยอะ ๆ กรอบ ๆ นิด ๆ แต่มีกลิ่นที่หอมมาก เมื่อลองชิมดูแล้วรสชาติเข้มข้นดี

ยังมี แกงอ่อมหมู แบบเหนือผสมอีสานนิด ๆ ตำเครื่องแกงแล้วใส่ผักเยอะ รสชาติกลมกล่อม เนื้อหมูไม่เหนียว นอกจากแกงอ่อมก็ยังมี แกงขนุน โดยจะเอาขนุนดิบ ๆ มาใส่ทำเป็นแกง ในกรุงเทพฯ หากินยาก เป็นอาหารที่ผมชอบมาก ซึ่งเขาก็ทำได้ดี แต่รสชาติยังไม่ค่อยเข้มข้นนัก

ต่อมา ต้มยำกบ เป็นต้มยำแบบทางเหนือ โดยจะเอากบทั้งตัวมาทำแต่ลอกหนังออก ส่วนหนังเอาหนังมาทำเป็นเมนู หนังกบทอดกรอบ แทน ในส่วนของต้มยำกบนั้น รสชาติจะเป็นต้มยำแบบทางเหนือไม่เหมือนต้มยำทางภาคกลาง รสชาติแซ่บใช้ได้ ส่วนหนังกบทอดกรอบ ก็ทำได้ดี ทอดได้กรอบ กินเล่น ๆ ก็เพลินดีครับ

ที่ร้านนี้ตั้งอยู่นอกเมืองสักเล็กน้อย แต่คุ้มค่าที่จะไป เพราะอาหารที่มีในเมนูเป็นอาหารที่หากินไม่ได้ง่าย ๆ รสชาติก็อร่อยใช้ได้

ผมอยากให้เพื่อน ๆ ลองชิมกันดู ที่ร้านมีกาแฟสด และมีขนมหวานหลายอย่างขายด้วยครับ ร้านบรรยากาศดี และสามารถเดินย่อยอาหารด้วยการไปชมภาพของอาจารย์ลิปิกรที่สวยงามได้อีกด้วย.

............................................

ชิมให้เป็น

ผมขอพูดถึง จอผักปลัง ซึ่งผมไม่เคยกินมาก่อน ผมเลยไปถามว่าทำอย่างไร เมื่อได้ยินคำตอบแล้วทำให้รู้ว่าเป็นเมนูที่ทำง่ายมาก โดยเอาหอมกับกะปิมาตำและไปละลายน้ำ จากนั้นใส่แหนมโดยจะต้องขยี้แหนมเป็นชิ้น ๆ ลงไป ต้มให้เดือด จากนั้นใส่น้ำปลาและผักปลัง เมื่อเดือดอีกครั้งตักเสิร์ฟได้ทันที ต้องกินกับข้าวเหนียวถึงจะเข้ากัน รสชาติจะกลมกล่อมมากน้อยเพียงใดนั้นขึ้นอยู่กับความเค็มของกะปิ ความหวาน ความหอมและความเปรี้ยวของแหนม แกงนี้ผมชอบมาก ต้องหาผักปลังมาลองทำในรายการโทรทัศน์ให้ดูกันบ้างแล้วครับ

หมึกแดง

credit by : http://www.dailynews.co.th/Content/Article/313590/หอม+‘แกงฮังเล’+เนื้อนุ่ม+ชิม+_น้ำพริกปลาจี่_+รสเข้มข้น

Read More...


หอมกรุ่น “ข้าวต้มทรงเครื่อง” “ก๋วยเตี๋ยวหมูตุ๋น” เลิศรส


มาพูดถึงอาหารของเขากันบ้าง เริ่มด้วยอาหารเช้าเป็น ข้าวต้มทรงเครื่องและข้าวต้มกุ๊ย ที่เสิร์ฟพร้อมกับเครื่องเคียงต่าง ๆ ผมขอข้าวต้มทรงเครื่องมากิน เมื่อนำมาเสิร์ฟกลิ่นหอมมาแต่ไกล

ผมได้มีโอกาสไปพักที่โรงแรม เดอะไลบรารี่ ที่แปลว่า ห้องสมุด อยู่ที่หาดเฉวง ใน จ.สุราษฎร์ธานี ใกล้ ๆ เซ็นทรัลเฟสติวัลเลยไปซักประมาณ 50 เมตรซึ่งห้องพักของที่โรงแรมมีเพียง 26 ห้องเท่านั้นเป็นโรงแรมที่มีความเงียบสงบ ต้นไม้เยอะมีความร่มรื่นเป็นอย่างมาก ส่วนราคาที่พักค่อนข้างแพงมาก แต่คุ้มค่าที่จะไปพักผ่อนหย่อนใจครับ

ที่นี่เป็นโรงแรมที่มีสระว่ายน้ำสีแดง ผมไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน เหมาะสำหรับหมึกแดงมากเลยและยังมีห้องสมุดให้ผู้มาพักผ่อนได้ไปอ่านหนังสือ ดูทีวี ดูหนังได้อีกด้วย

นอกจากนี้ยังมีห้องอาหารติดริมทะเลมีชื่อว่า เดอะเพจ ที่แปลว่า หน้าหนังสือ โดยในตอนเช้าผู้ที่มาพักจะได้กินอาหารเช้าบนชายหาดกันเลยครับ สามารถนั่งบนเก้าอี้ชายหาดที่ทางโรงแรมจัดเตรียมไว้บริการและพนักงานก็จะเอาอาหารเช้ามาเสิร์ฟให้ถึงที่เลย เราก็สั่งอาหารมานั่งกินพร้อมกับชมวิวบรรยากาศตอนเช้าไปด้วย

มาพูดถึงอาหารของเขากันบ้าง เริ่มด้วยอาหารเช้าเป็น ข้าวต้มทรงเครื่องและข้าวต้มกุ๊ย ที่เสิร์ฟพร้อมกับเครื่องเคียงต่าง ๆ ผมขอข้าวต้มทรงเครื่องมากิน เมื่อนำมาเสิร์ฟกลิ่นหอมมาแต่ไกล เมื่อได้ชิมดูทำให้รู้ว่าเขาต้มข้าวได้ดี นุ่มอร่อย จะกินเลยหรือจะปรุงรสก็ได้ แต่ผมคิดว่ากินจืด ๆ จะดีกว่านะครับ อร่อยและช่วยรักษาสุขภาพด้วย ผมเห็นบางคนปรุงเหมือนกินก๋วยเตี๋ยวเลย

หรือจะสั่ง ขนมปังเนยผลไม้และชีส ที่มาพร้อมกันเป็นชุด ขนมปังนุ่ม มีเนยให้เลือกหลายอย่างทั้งเนยจืดและเนยหวาน รวมทั้งยังมีแยมรสต่าง ๆ มาให้ด้วย หรือใครชอบกินกับชีสเขาก็จัดมาให้เช่นกัน ส่วนผลไม้จัดเสิร์ฟมาเป็นชิ้น ๆ มีแตงโม สับปะรด มะละกอ ส้มโอ องุ่น

จากนั้นผมสั่ง ไข่ดาว หมูแฮม เบคอน มากินครับ โดยจะจัดมาเป็นจาน ๆ ไข่ดาว 2 ฟอง จานหนึ่ง หมูแฮม อีกจานหนึ่ง และเบคอนอีกจาน หมูแฮมกับเบคอน อร่อยดี โดยแต่ละจานให้มาไม่มากเท่าไหร่แบบเบาไม่ให้หนักมาก หรือจะสั่ง วาฟเฟิล มากินก็ได้ ผมไม่รอช้าสั่งมาลองกินดู หน้าตาน่ากินพอสมควรครับ มีน้ำผึ้ง น้ำเชื่อมและผลไม้กวน มาให้ด้วยในชุด เมื่อชิมวาฟเฟิลแล้วหอม นุ่ม จะกินเดี่ยว ๆ ก็ดี หรือจะใส่น้ำผึ้งราดลงไปสักเล็กน้อยก็อร่อย เป็นการเพิ่มคุณค่าทางอาหารให้กับร่างกายด้วย

เป็นอาหารเช้าแบบสบาย ๆ นั่งกินกันริมหาด กินไปชมทะเลไป ดูคนเล่นน้ำทะเลและสูดอากาศยามเช้า เป็นอาหารของโรงแรมที่ทั้งอร่อยทั้งมีความสุข แต่มีข้อจำกัดนิดหนึ่งตรงที่จะต้องโทรฯมาจองก่อนนะครับว่ามีความประสงค์จะกินอาหารเช้าริมหาดเพราะมีที่นั่งไม่มาก

ส่วนอาหารกลางวัน ผมก็ฝากท้องกับทางโรงแรมเช่นกัน ซึ่งที่ร้านมีชื่อเสียงเกี่ยวกับอาหารประเภทเนื้อ โดยมีเมนูที่เชฟเลือกมาให้เรากินด้วย วิธีการทำแบบสมัยใหม่ทำให้อาหารดูน่าสนใจ นั่งกินตรงระเบียงที่มีต้นไม้ปลูกอยู่ก็จะได้ความรู้สึกร่มรื่นดี

ผมเลือกไปเลือกมาแล้วตัดสินใจสั่ง ราดหน้าเส้นใหญ่สเต๊กเนื้อ มากิน โดยเขาจะมาเป็นเส้นใหญ่นำมาผัดมีสเต๊กหั่นเป็นชิ้นใหญ่วางอยู่บนเส้น พร้อมกับผักต่าง ๆ ส่วนน้ำราดหน้าจะใส่ถ้วยแยกมาต่างหาก เวลากินค่อยราดทีหลัง แล้วเราจะปรุงรสอย่างไรก็ได้ตามความชอบ ตัวเส้นนุ่ม ผัดได้กลิ่นหอม ผักลวกได้กรอบกำลังดี ส่วนน้ำราดก็เข้มข้น เสิร์ฟมาจานไม่ใหญ่มากนักพออยู่ท้อง

ก๋วยเตี๋ยวหมูตุ๋น เมนูนี้มาเป็นถ้วยใหญ่เลยครับ ส่วนเนื้อหมูตุ๋นก็มาชิ้นใหญ่เช่นกัน เวลาจะกินต้องใช้มีดหั่นเลยทีเดียวถึงจะกินได้ น้ำซุปรสกลมกล่อม ส่วนตัวเนื้อหมูตุ๋นก็นุ่มสู้ฟันเล็กน้อย อร่อยดี ทางร้านมีเมนูก๋วยเตี๋ยวเนื้อตุ๋นด้วยนะครับ เผื่อใครที่ชอบกินเนื้อมากกว่าหมู

ผมมีความสุขมาก ตอนบ่ายจะกินกาแฟ น้ำชา ทางโรงแรมก็มีบริการ แถมยังมีขนมด้วย ที่นี่เป็นที่พักผ่อน แถมอาหารอร่อย ทั้งอาหารมื้อเช้าและอาหารมื้อกลางวัน หรือจะกินมื้อค่ำเขาก็มีบาร์อยู่ริมชายหาดไว้คอยบริการด้วย ใครมีโอกาสไป จ.สุราษฎร์ธานี ลองแวะไปกินกันดูนะครับ.

หมึกแดง

www.mcdangguide.com

............................................................................................

ราดหน้าเส้นใหญ่สเต็กเนื้อ - ชิมให้เป็น

การที่เราอยากจะรู้ว่าเขาเอาสเต๊กมาทำเป็นก๋วยเตี๋ยวราดหน้าแบบฮ่องกง มีวิธีการทำอย่างไร ผมจะบอกให้นะครับว่าไม่ยาก โดยเส้นจะต้องเอาไปผัดโดยไม่ต้องใส่ซีอิ๊วมาก เพราะจะเหม็นและสีดำมากเกินไป ไม่น่ากิน การผัดต้องผัดให้ไหม้ ๆ หน่อยจะได้หอมกลิ่นของกระทะ

ส่วนตัวเนื้อสเต๊กก็เอาไปย่างแบบสเต๊กเลยครับ ส่วนน้ำราดก็ทำน้ำราดแบบฮ่องกง ใส่น้ำมันหอย และซีอิ๊ว ใส่แป้ง ใส่เห็ด ใส่ผัก ปรุงรสชิมตามความชอบ แล้วปิดไฟ เอาน้ำมันงาใส่ลงไปเยอะ ๆ แล้วถึงจะใส่ถ้วยแยกไปต่างหาก ก็จะได้ราดหน้าที่อร่อยโดยไม่ต้องปรุงอะไรเลยครับ

credit by :  http://www.dailynews.co.th/Content/Article/315074/หอมกรุ่น+“ข้าวต้มทรงเครื่อง”+“ก๋วยเตี๋ยวหมูตุ๋น”+เลิศรส

Read More...


คู่ลิ้นคนกินเส้น ‘เฟตตูชินี่มัสมั่นเนื้อน่องลาย’


เดิมทีพี่เป็นคนชอบกิน พอไปอยู่เมืองนอกสิ่งที่อยากกินกลับยากต่อการเสาะแสวงหา ทางออกที่ง่ายที่สุดคือต้องลงมือทำเอง ซึ่งส่วนตัวถือเป็นงานอดิเรกและเป็นการพักผ่อนรูปแบบหนึ่ง

เชื่อมั่นศักยภาพ “ลิ้น” ของตัวเองไม่แพ้นักชิมชื่อดังอย่าง “แดจังกึม” ดังนั้น โอ๊ค-พิชญ์พจี สายเชื้อ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทาวเวอร์ส วัทสัน (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งรับผิดชอบหน้าที่ให้คำปรึกษาด้านทรัพยากรมนุษย์มานานกว่า 20 ปี จึงหมดห่วงหากต้องรังสรรค์อาหารสักจาน แม้ส่วนตัวไม่ได้ร่ำเรียนหรือลักจำสูตรเด็ดเคล็ดลับและวิธีทำจากแม่บ้านมาสักนิดก็ตาม ทว่าเมื่อไปศึกษาต่อปริญญาโท คณะศิลปศาสตร์ สาขาจิตวิทยาอุตสาหการและองค์กรที่ ม.ลุยเซียนาเทค สหรัฐอเมริกา คุณโอ๊คสามารถสอบผ่านวิชา “งานครัว” อย่างสบายมือ

คุณโอ๊ค เล่าว่า “เดิมทีพี่เป็นคนชอบกิน พอไปอยู่เมืองนอกสิ่งที่อยากกินกลับยากต่อการเสาะแสวงหา ทางออกที่ง่ายที่สุดคือต้องลงมือทำเอง ซึ่งส่วนตัวถือเป็นงานอดิเรกและเป็นการพักผ่อนรูปแบบหนึ่ง สมัยนั้นระบบอินเทอร์เน็ตยังไม่แพร่หลายเท่ากับปัจจุบัน ค่าโทรศัพท์จึงสิ้นเปลืองไปกับการโทรฯ กลับมาขอสูตรทำอาหารจากแม่ครัวที่บ้าน บางครั้งขอร้องให้คุณแม่รวบรวมนิตยสารสกุลไทยทีละมาก ๆ ส่งมาสักที เพราะเนื้อหาภายในมีคอลัมน์ทำอาหาร”

ที่มาของเมนู เฟตตูชินี่มัสมั่นเนื้อน่องลาย นี้คุณโอ๊คเล่าติดตลกว่า “มโน” หรือ “ฝัน” เอาจึงได้มา เพราะมีอยู่วันหนึ่งขณะที่ทำแกงมัสมั่นไว้กินกับข้าวปรากฏว่าข้าวหมดจึงจำเป็นต้องประยุกต์สูตร “พยายามคิด ๆ ว่ากินกับอะไรดี จังหวะค้นดูกับข้าวเจอเส้นเฟตตูชินี่ จึงลองลวกเส้นมากินคู่กับมัสมั่นซึ่งไม่ทำให้ผิดหวัง มัสมั่นสูตรนี้จึงคล้ายกับบะหมี่น่องไก่และก๋วยเตี๋ยวแขก พอลองทำให้เพื่อน ๆ กินต่างยกนิ้วชมว่าอร่อยกันแทบทุกคน เมนูมโนจึงกลายเป็นซิกเนเจอร์ประจำตัว”

สำหรับวัตถุดิบและส่วนผสม ประกอบด้วย เนื้อน่องลาย 1 กิโลกรัม เลือกใช้ส่วนนี้เพราะเนื้อมีเอ็นแทรก เมื่อนำมาตุ๋นจนเปื่อยแล้วให้รสสัมผัสกรุบกรับ พอได้เคี้ยวเล็กน้อยแต่ข้อเสียคือต้องตุ๋นนานกว่าเนื้อส่วนอื่น, น้ำพริกมัสมั่น ผู้บริหารคนเก่งขออาศัยน้ำพริกสำเร็จรูปเป็นตัวช่วย โดยส่วนตัวชื่นชอบยี่ห้อนนิตยาเป็นพิเศษ ใช้ปริมาณ 3 ขีด, กะทิ 1/2 กิโลกรัม, เส้นเฟตตูชินี่ 1 กล่อง, ถั่วลิสง 1 กำมือ, มันฝรั่ง 4 หัว, หัวหอมใหญ่ 2 หัว “มันฝรั่งและหัวหอมใหญ่ใส่ตามชอบได้ แต่หัวหอมใหญ่อย่าใส่ปริมาณมากเกินไป เพราะน้ำจะออกเยอะ” คุณโอ๊คแนะนำ นอกจากนี้ยังมีสมุนไพรช่วยดึงกลิ่นเย้ายวนจมูก เช่น ลูกกระวาน 5-6 เม็ด, กานพลู, โป๊ยกั้ก, อบเชย ปรุงรสด้วยน้ำปลา, น้ำมะขามเปียก 1 กำ และน้ำตาลปี๊บ 3/4 ปึก

วิธีทำ นำหัวกะทิเจือน้ำอัตรา 1 ต่อ 2 ส่วน ทำเป็นหางกะทิหมักกับเนื้อน่องลาย ทิ้งไว้ประมาณ 1-2 ชั่วโมง เพื่อให้กะทิซึมเข้าเนื้อ จากนั้นนำมาต้มในหม้อความดัน ทิ้งไว้อีก 2-3 ชั่วโมง ขั้นตอนต่อมานำหัวกะทิตั้งไฟพอแตกคนให้เดือด เติมรสด้วยน้ำตาลปี๊บ น้ำปลา และน้ำมะขามเปียก ใส่มันฝรั่งที่ต้มให้เป็นสีเหลืองนวลลงไป ตามด้วยหัวหอมใหญ่ ถั่วลิสง ลูกกระวาน กานพลู อบเชย และโป๊ยกั้ก เสร็จแล้วตุ๋นทิ้งไว้ค้างคืนเพื่อให้ส่วนผสมทุกอย่างเข้าเนื้อ

เช้าวันต่อมา ลองชิมรสชาติได้ที่หรือยัง เพราะอาหารที่ผ่านการตุ๋นรสจะเข้มมาอีกระดับ เมื่อรสชาติลงตัวแล้ว นำเส้นเฟตตูชินี่ไปลวกในน้ำเดือด ระหว่างนั้นใส่น้ำมันพืชลงไปนิดหน่อยเพื่อช่วยให้เส้นไม่พันกัน สังเกตเวลาตรงตาม

ข้างกล่องพอได้ที่แล้วตักเส้นเฟตตูชินี่ขึ้นมาช็อกในน้ำเย็น แล้วคีบใส่จานราดด้วยมัสมั่น เสิร์ฟพร้อมกุนเชียงทอดยิ่งยกระดับความอร่อยที่ใครยังไม่เคยลองต้องขอท้าให้ชิม.

‘ช้องมาศ’

credit by : http://www.dailynews.co.th/Content/Article/313706/คู่ลิ้นคนกินเส้น+‘เฟตตูชินี่มัสมั่นเนื้อน่องลาย’

Read More...


“ซี่โครงแกะย่าง” ผสานเครื่องเทศไทยแท้


ทุกวันนี้ครีเอทเมนูไม่ได้ทำให้ตัวเองแล้ว แต่จะทำให้เพื่อน ๆ กิน ซึ่งชื่นชอบเนื้อแกะเป็นส่วนใหญ่โดยนำมาประยุกต์กับเครื่องเทศของไทยเพื่อให้ถูกปากยิ่งขึ้น

เพราะนึกถึงชีวิตวัยเด็กที่เล่นขายของ “หม้อข้าวหม้อแกง” ตามประสาเด็กผู้หญิง เมื่อคุณแม่นึกครึ้มเปิดร้านอาหาร ย่านโรงพยาบาลศิริราชราว 20 ปีที่ผ่านมา ตุ้ม-ณิชยา ชัยวิสุทธิ์ นักประชาสัมพันธ์โรงแรมตัวแม่เจ้าของธุรกิจพิศณุ สตูดิโอและผู้บริหารศูนย์สุขภาพและความงาม ก็นึกสนุกขอร่วมวงแจมด้วย โดยจองมุมของหวานปั้นขนมบัวลอยตำรับชาววังช่วยตบท้ายเมนูคาวอร่อย ๆ อยู่ทุกเมื่อเชื่อวันหลังเลิกจากงานประจำ สร้างโอกาสให้คุณตุ้มเรียนรู้การทำอาหารไทยทุกชนิดโดยไม่รู้ตัว เพราะบางเวลาเข้าครัวช่วยคุณแม่ทำผัดไทย ผัดซีอิ๊ว เสิร์ฟลูกค้าอีกแรง

จนมีวีรกรรมสุดฮากลายเป็นมุกตลกของครอบครัวที่ยังนำมาล้อเลียนกันจนทุกวันนี้ “ตอนนั้นกำลังสาวสะพรั่ง กลับจากเลิกงานมาช่วยปั้นช่วยตักขนมบัวลอย ส่วนเด็กที่จ้างให้ใส่ชุดไทยทำขนมต้องเปลี่ยนหน้าที่เป็นเด็กเสิร์ฟตามโต๊ะ จนกระทั่งวันหนึ่งมีแมวมองมาทาบทามเล่นหนังเรื่อง จำได้ว่าขำมากบทนั้นคือแม่นาค เรื่องแม่นาคพระโขนง เขาเอาสคริปต์มาให้ท่อง แต่อ่านแล้วรู้สึกไม่ชอบไม่ใช่เรา ตัดสินใจปฏิเสธไป” คุณตุ้มเล่าพลางหัวเราะและตบท้ายว่า “ถ้าตอบตกลงไปป่านนี้คงกลายเป็นนางเอกหนังไทยไปแล้ว”

กิจการร้านอาหารดำเนินไปด้วยดีมีลูกค้าอุดหนุนแน่นร้าน แต่ระยะหลังเหนื่อยมากขึ้นคุณตุ้มจึงแนะนำให้คุณแม่วางมือแล้วจ้างคนมาบริหารงานแทน ด้วยความที่กลัวควบคุมคุณภาพอาหารแต่ละจานไม่ได้และกลัวเงินทองรั่วไหล สุดท้ายตัดสินใจปิดกิจการลง น่าเสียดายแทนลูกค้าขาประจำ แม้รามือแล้วทว่าทุกวันนี้คุณตุ้มเล่าว่าคุณแม่ยังหมั่นเข้าครัว ชอบทำกับข้าวให้สมาชิกในครอบครัวกินทุกมื้อ “มีหนักใจบ้างเพราะเราห่วงสวยกลัวหุ่นไม่ดี บางครั้งอยากควบคุมปริมาณอาหารไม่กินมื้อเย็นหรือกินน้อย มักโดนบ่นประจำว่าอาหารเหลือเยอะ แรกๆ พยายามกลั้นใจกินให้หมดเพื่อถนอมน้ำใจ จริง ๆ อร่อยนะคะแต่กลัวอ้วนสุดท้ายต้องบอกคุณแม่ตามตรง และแกล้งเล่นมุก เผื่ออ้วนเดี๋ยวไม่มีคนทาบทามเป็นนางเอกหนังนะ” คุณตุ้มเล่า

เมื่อหน้าที่เชฟตกเป็นของคุณแม่เสียส่วนใหญ่ นานทีคุณตุ้มจึงมีโอกาสครองตำแหน่งเชฟกระทะเหล็กบ้างยามปาร์ตี้กับเพื่อนพ้อง ซึ่งเมนูขึ้นชื่อหลีกไม่พ้นอาหารฟิวชั่นอย่าง แกงเขียวหวานซี่โครงแกะย่าง คุณตุ้มเผยว่า “ทุกวันนี้ครีเอทเมนูไม่ได้ทำให้ตัวเองแล้ว แต่จะทำให้เพื่อน ๆ กิน ซึ่งชื่นชอบเนื้อแกะเป็นส่วนใหญ่โดยนำมาประยุกต์กับเครื่องเทศของไทยเพื่อให้ถูกปากยิ่งขึ้น”

เครื่องปรุง ซี่โครงแกะ 180-200 กรัม, น้ำพริกแกงเขียวหวาน 60 กรัม, กะทิ 100 กรัม, ใบโหระพา 10 กรัม, มะเขือเปราะ 5 กรัม, น้ำตาลมะพร้าว 1/2 ช้อนชา, น้ำปลา 1/2 ช้อนชา, พริกชี้ฟ้าแดง 5 กรัม, ใบมะกรูด 5 กรัม และน้ำมัน 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำน้ำแกงเขียวหวาน ตั้งกระทะให้ร้อนพอประมาณแล้วใส่น้ำมันเล็กน้อย หลังจากนั้นใส่พริกแกงเขียวหวานลงไปพร้อมกับกะทิที่เตรียมไว้ เคี่ยวจนพริกแกงเขียวหวานกับกะทิแตกมัน หลังจากกะทิแตกมันแล้ว จากนั้นใส่เครื่องปรุงน้ำปลา น้ำตาลมะพร้าวลงไปชิมรสชาติ ใส่มะเขือเปราะ ใบโหระพาแล้วก็ใบมะกรูดเป็นอันเสร็จสิ้น ต่อมาย่างซี่โครงแกะ ตั้งกระทะให้ร้อนพอประมาณใส่น้ำมันเล็กน้อย ใช้ไฟกลาง นำเนื้อซี่โครงแกะที่เตรียมไว้มาทอดหรือย่างก็ได้จนเนื้อแกะสุก หรือสุกปานกลาง จัดจานให้สวยงามเสิร์ฟพร้อมข้าวสวยร้อน ๆ

สำหรับคนไม่ชอบกลิ่นสาบของเนื้อแกะ คุณตุ้มแนะนำว่าควรหมักกับพริกไทย, เกลือ, ไวน์แดง และมัสตาร์ด ก่อนนำมาปรุงอาหาร คุณสมบัติของไวน์แดงช่วยทำให้เนื้อนุ่ม ส่วนมัสตาร์ด พริกไทย และเกลือ ลดกลิ่นสาบ ทิ้งไว้ 1-2 ชั่วโมงหรือทิ้งไว้ค้างคืนเพื่อให้รสสัมผัสนุ่มนวลลิ้นยิ่งขึ้น.

"ช้องมาศ"

credit by :  http://www.dailynews.co.th/Content/Article/315013/“ซี่โครงแกะย่าง”+ผสานเครื่องเทศไทยแท้

Read More...




----------------

ปรับปรุง
รายการบทความทั้งหมด



การบำรุงรักษารถยนต์เบื้องต้น



ร้านค้าเคลื่อนที่ ใช้ รถบรรทุกขนาดเล็กมาดัดแปลง



รวมบทความอาชีพ เสริม หลากไอเดียวิธีหารายได้เสริม



รวมบทความงานฝีมือ-สิ่งประดิษฐ์ รายได้เสริม



ทองม้วน thong muan ; rolled wafer





MASK รุ่นสายคล้องคอ







MASK รุ่นสายคล้องคอ. ��รุ่นนี้เป็นที่นิยมใช้กันมาก #ขายดีมาก
ทำจากผ้าคอตตอนแท้ 100%  ไม่ผสม เนื้อผ้านุ่ม 
3 ชั้น. สวมใส่พอดีกับใบหน้า ไม่เจ็บหู มีสายคล้องคอปรับได้
เวลาถอดออก ไม่ต้องกลัวลืม เพราะถอดแล้วคล้องคอไว้ได้
บรรจุในถุงซิปฟรอย์อย่างดี
ราคาชิ้นละ. 59. บาท. ไม่รวมส่ง 
มีหลายสีให้เลือกนะคะ   สนใจทักแชทขอดูสีผ้าได้นะคะ
หน่วยงาน บริษัท ห้างร้าน หรือ สนใจสั่งไปจำหน่าย 
มีเรทราคาส่งค่ะ

-> id line : noeyhorm_06
#มีวางจำหน่ายหน้าร้านชานมไต้หวันมาราชาสาขาจรัญ44


ร้านมาราชาชานมไข่มุก สาขาจรัญสนิทวงศ์ 44
● รับบัตรสะสมครบ 10 แก้ว แลกรับฟรี 1 แก้ว
● สั่งเดลิเวอรีผ่าน LINE MAN, Foodpanda ,GET ...ถึงมือปั๊บพร้อมดื่มปุ๊บ!
● อัพเดทโปรโมชั่นใหม่ๆ รสชาติใหม่ ตลอดเวลา
● มีเมนูให้เลือก 40 กว่าเมนู : https://bit.ly/2Z9iqV0






























































เลือกช่องทางติดต่อและรับข่าวสารบริการหลังการขาย
ฟอร์ด พลปิยะอยุธยาและฟอร์ด พลปิยะวังน้อย

--------------------------------------------------------------------------------------------
แคมเปญ-โปรโมทชั่น อะไหล่ฟอร์ด อัพเดททางออนไลน์และปรับปรุงข้อมูลออนไลน์
อะไหล่ฟอร์ด อะไหล่รถฟอร์ด อะไหล่รถยนต์ฟอร์ด อะไหล่ฟอร์ดแท้ ร้านขายอะไหล่รถฟอร์ด ขายอะไหล่รถฟอร์ด อะไหล่ฟอร์ด
 
Option

รวมบทความอาชีพเสริม หลากไอเดียวิธีหารายได้เสริม หาอาชีพเสริมอิสระทำเงิน สร้างอาชีพอิสระงานฝีมือ แนะนำการสร้างรายได้เสริมทำเงินด้วยการขายสินค้าหรือขายของเป็นอาชีพเสริม อิสระงานฝีมือ แนะแนวธุรกิจ อาชีพเสริม อาชีพแก้จน อยากจะมีรายได้เสริมนอกเหนือจากงานประจำ บล๊อกจัดทำขึ้นเป็นวิทยาทานเพื่อเผยแผ่ความรู้อันจะเป็นไปเพื่อบุญกุศล ขอให้ทุกท่านที่มีส่วนร่วมในบทความของบล๊อกนี้ จงได้รับอานิสงฆ์ด้วยเทอญ.