จุดเริ่มต้น SIAM BANANA โตเกียวบานาน่าไทย แบบมีกล้วยอยู่จริงๆ
จากพนักงานออฟฟิศทั่วไป ไปขายเสื้อผ้าที่จตุจักรในวันเสาร์-อาทิตย์ ขายได้เรื่อยๆ แต่เมื่อจุดนึงที่การแข่งขันเริ่มรุนแรงแบบตัดราคากันให้ตายไปข้างนึง เลยอยากหาสินค้าที่สามารถทำเป็นลักษณะ “ขายส่ง”ได้ คือคนอื่นสามารถนำไปจำหน่ายต่อได้ โดยที่เรายังควบคุมคุณภาพสินค้าได้ 100% ซึ่งก็มาได้บทสรุปที่ไม่ซับซ้อนก็คือ “ขนม” อะไรสักอย่าง
ทำไมต้องเป็นโตเกียวบานาน่า
ความที่ชื่นชอบขนม แต่กลับค้นพบว่า โตเกียวบานาน่า ไม่มี “กล้วย” อยู่เลย มีแค่คัสตาร์ด ใส่กลิ่นกล้วยเข้าไป แล้วแป้งนุ่มๆ กับแพกเกจจิ้งสวยงาม จึงเกิดความคิดว่า ประเทศไทยเป็นที่ผลิตกล้วยน่าจะดีที่สุดในโลก ทำไมไม่พัฒนามาเป็นสินค้าของไทยบ้าง ที่สามารถเพิ่มมูลค่าได้บ้าง ลงทุนลองผิดลองถูกและฝ่าฟันจนสามารถนำกล้วยไปใส่ในแป้งได้จริง
กระบวนการนี้อาจเรียกว่า วิศวกรรมย้อนรอย reverse engineering ถึงต้นแบบโตเกียวบานาน่า และ R&D ในการทำกล้วยและใส่รสชาติเป็นของตัวเอง ใช้เวลาไปกว่าครึ่งปี เงินอีกจำนวนมหาศาล เพื่อเรียนรู้กระบวนการทุกอย่าง และสร้างเทคนิค เอกลักษณ์เป็นของเราเอง
สิ่งที่ยากกว่าที่คิดคือ
แพกเกจจิ้งของโตเกียวบานาน่าคือ ความลับสำคัญที่ยากที่จะทำให้คนเลียนแบบได้ เพราะห่อพลาสติกแบบนี้โรงงานในมืองไทยไม่สามารถทำได้ และตัวดูดความชื้นที่เรียกว่า absorber เป็นแบบพิเศษที่ปล่อยความร้อนออกมาด้วย ทำให้ควบคุมอุณภูมิของแป้งได้ สามารถเก็บได้นานถึง 1 เดือน โดยไม่ใช้วัตถุกันเสียเลย เรียกว่าญี่ปุ่นใส่ใจกับแพกเกจมากกว่าขนมด้วยซ้ำ แต่เราก็ดิ้นรนไม่ยอมแพ้ พัฒนา และหาsupplierที่ทำได้แบบเดียวกัน ถึงต้นทุนจะแพงขึ้นมหาศาล แต่มันคือหัวใจสำคัญที่จะรักษาความอร่อย และความนุ่มของแป้งให้คงที่
R&D สูตรลับและเทคนิคการผลิต
โตเกียวบานาน่า ใช้เครื่องจักรแบบsuper high tech ถึงจะผลิตขนมในรูปแบบนั้นได้ จึงไม่ต้องแปลกใจว่าขนมที่ดูเหมือนเรียบง่ายแต่คนทั่วไปไม่สามารถผลิตตามได้ ไหนจะเรื่องของชนิดแป้งซึ่งไม่สามารถผลิตได้ในประเทศไทย น้ำตาลแบบไม่ตกผลึกซึ่งจะปลอดภัยกับผู้บริโภคมากกว่า กว่าจะเรียนรู้สิ่งต่างๆเหล่านี้แล้วมาพัฒนาให้สามารถผลิตได้ที่เมืองไทยโดย ไม่ต้องพึ่งเครื่องจักรแบบ super high tech ก็เรียกว่าทุ่มสุดชีวิตเพราะเชื่อว่าเรามีวัตถุดิบที่ชื่อว่ากล้วยดีที่สุด ในโลกอยู่แล้ว ถ้าทำมาพัฒนาให้ดีย่อมไม่แพ้ต้นตำรับ เพราเป็นกล้วยจริงๆที่มีประโยชน์ และอร่อย ไม่ใช่การแต่งกลิ่นเลียนแบบธรรมชาติ แล้วยังถูกกว่าไปซื้อที่ญี่ปุ่นด้วย
เริ่มวางสินค้าสู่ตลาด
หลังจากที่ลงทุนลงแรงไปไม่ใช่น้อย ลองผิดลองถูกจนได้รสชาติที่พอใจ ได้เวลาออกสู่ตลาดของจริง ก็คิดว่าขนมชนิดนี้ควรจะอยู่ในลักษณะ “ของฝาก” ตามแหล่งท่องเที่ยวดังๆต่างๆในเมืองไทยให้คนซื้อติดไม้ติดมือกลับบ้าน เลยเริ่มต้นที่ เขาใหญ่ และหัวหิน ปรากฏว่าผลตอบรับดีมาก ยอดขายดีกว่าที่คาดหวังไว้ แต่กำลังการผลิตเราก็ไม่มากนัก เพราะเราใช้แรงงานคนในกระบวนการผลิตเยอะ
จากพนักงานออฟฟิศทั่วไป ไปขายเสื้อผ้าที่จตุจักรในวันเสาร์-อาทิตย์ ขายได้เรื่อยๆ แต่เมื่อจุดนึงที่การแข่งขันเริ่มรุนแรงแบบตัดราคากันให้ตายไปข้างนึง เลยอยากหาสินค้าที่สามารถทำเป็นลักษณะ “ขายส่ง”ได้ คือคนอื่นสามารถนำไปจำหน่ายต่อได้ โดยที่เรายังควบคุมคุณภาพสินค้าได้ 100% ซึ่งก็มาได้บทสรุปที่ไม่ซับซ้อนก็คือ “ขนม” อะไรสักอย่าง
ทำไมต้องเป็นโตเกียวบานาน่า
ความที่ชื่นชอบขนม แต่กลับค้นพบว่า โตเกียวบานาน่า ไม่มี “กล้วย” อยู่เลย มีแค่คัสตาร์ด ใส่กลิ่นกล้วยเข้าไป แล้วแป้งนุ่มๆ กับแพกเกจจิ้งสวยงาม จึงเกิดความคิดว่า ประเทศไทยเป็นที่ผลิตกล้วยน่าจะดีที่สุดในโลก ทำไมไม่พัฒนามาเป็นสินค้าของไทยบ้าง ที่สามารถเพิ่มมูลค่าได้บ้าง ลงทุนลองผิดลองถูกและฝ่าฟันจนสามารถนำกล้วยไปใส่ในแป้งได้จริง
กระบวนการนี้อาจเรียกว่า วิศวกรรมย้อนรอย reverse engineering ถึงต้นแบบโตเกียวบานาน่า และ R&D ในการทำกล้วยและใส่รสชาติเป็นของตัวเอง ใช้เวลาไปกว่าครึ่งปี เงินอีกจำนวนมหาศาล เพื่อเรียนรู้กระบวนการทุกอย่าง และสร้างเทคนิค เอกลักษณ์เป็นของเราเอง
สิ่งที่ยากกว่าที่คิดคือ
แพกเกจจิ้งของโตเกียวบานาน่าคือ ความลับสำคัญที่ยากที่จะทำให้คนเลียนแบบได้ เพราะห่อพลาสติกแบบนี้โรงงานในมืองไทยไม่สามารถทำได้ และตัวดูดความชื้นที่เรียกว่า absorber เป็นแบบพิเศษที่ปล่อยความร้อนออกมาด้วย ทำให้ควบคุมอุณภูมิของแป้งได้ สามารถเก็บได้นานถึง 1 เดือน โดยไม่ใช้วัตถุกันเสียเลย เรียกว่าญี่ปุ่นใส่ใจกับแพกเกจมากกว่าขนมด้วยซ้ำ แต่เราก็ดิ้นรนไม่ยอมแพ้ พัฒนา และหาsupplierที่ทำได้แบบเดียวกัน ถึงต้นทุนจะแพงขึ้นมหาศาล แต่มันคือหัวใจสำคัญที่จะรักษาความอร่อย และความนุ่มของแป้งให้คงที่
R&D สูตรลับและเทคนิคการผลิต
โตเกียวบานาน่า ใช้เครื่องจักรแบบsuper high tech ถึงจะผลิตขนมในรูปแบบนั้นได้ จึงไม่ต้องแปลกใจว่าขนมที่ดูเหมือนเรียบง่ายแต่คนทั่วไปไม่สามารถผลิตตามได้ ไหนจะเรื่องของชนิดแป้งซึ่งไม่สามารถผลิตได้ในประเทศไทย น้ำตาลแบบไม่ตกผลึกซึ่งจะปลอดภัยกับผู้บริโภคมากกว่า กว่าจะเรียนรู้สิ่งต่างๆเหล่านี้แล้วมาพัฒนาให้สามารถผลิตได้ที่เมืองไทยโดย ไม่ต้องพึ่งเครื่องจักรแบบ super high tech ก็เรียกว่าทุ่มสุดชีวิตเพราะเชื่อว่าเรามีวัตถุดิบที่ชื่อว่ากล้วยดีที่สุด ในโลกอยู่แล้ว ถ้าทำมาพัฒนาให้ดีย่อมไม่แพ้ต้นตำรับ เพราเป็นกล้วยจริงๆที่มีประโยชน์ และอร่อย ไม่ใช่การแต่งกลิ่นเลียนแบบธรรมชาติ แล้วยังถูกกว่าไปซื้อที่ญี่ปุ่นด้วย
เริ่มวางสินค้าสู่ตลาด
หลังจากที่ลงทุนลงแรงไปไม่ใช่น้อย ลองผิดลองถูกจนได้รสชาติที่พอใจ ได้เวลาออกสู่ตลาดของจริง ก็คิดว่าขนมชนิดนี้ควรจะอยู่ในลักษณะ “ของฝาก” ตามแหล่งท่องเที่ยวดังๆต่างๆในเมืองไทยให้คนซื้อติดไม้ติดมือกลับบ้าน เลยเริ่มต้นที่ เขาใหญ่ และหัวหิน ปรากฏว่าผลตอบรับดีมาก ยอดขายดีกว่าที่คาดหวังไว้ แต่กำลังการผลิตเราก็ไม่มากนัก เพราะเราใช้แรงงานคนในกระบวนการผลิตเยอะ
ขอสนับสนุนคนไทยและสินค้าไทย
ขายของได้ทุกที่ บนรถขายขายของเคลื่อนที่ ได้ทั้งของกินและเครื่องดื่ม
ตัวอย่างอาชีพค้าขายที่ไม่ง้อทำเล(รูป)ตอน 1-12
download ...http://commercial-on-wheels.blogspot.com/
ตัวอย่างอาชีพค้าขายที่ไม่ง้อทำเล(รูป)ตอน 1-12
download ...http://commercial-on-wheels.blogspot.com/
adv001