สูตรขนม สูตรอาหาร อาชีพรายได้เสริม ประกาศฟรี โฆษณาฟรี Career Articles Extra Income
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

Drop Down MenusCSS Drop Down MenuPure CSS Dropdown Menu

‘อาหารเช้า’ ชาวกรุงศรีอยุธยา มรดกการกินที่ถูกมองข้าม


ราชธานีกรุงศรีอยุธยา นอกจากเป็นแหล่งบ่มเพาะศิลปวัฒน ธรรมแล้ว เรื่อง อาหารการกินเป็นอีกสิ่งน่าสนใจ โดยเฉพาะอาหารเช้าที่คนปัจจุบันอ้างถึงหลักโภชนาการ แต่คนกรุงศรีฯ ก็พิถีพิถันอาหารเช้าตามแนวทางพุทธศาสนา ที่ทำให้พวกเขามีสุขภาพดีและถ่ายทอดมรดกเหล่านั้นสู่ปัจจุบัน

ปัทพงษ์ ชื่นบุญ นักวิชาการฝ่ายส่งเสริมและเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรม สถาบันอยุธยาศึกษา ม.ราชภัฏพระนคร ศรีอยุธยา เล่าว่า อาหารเช้าของคนกรุงศรีอยุธยากับปัจจุบันมีส่วนที่เหมือนกันและแตกต่าง เรื่องการกินข้าวยังมีการตกทอดมาอยู่ ส่วนที่แตกต่างจากอดีตตามบันทึกของ “มองซิเออร์ เดอ ลาลูแบร์” อัครราชทูตของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศส เขียนว่า “ไม่มีชนใดที่จะสมถะเท่าชนชาวสยาม ชาวบ้านดื่มกันแต่น้ำเปล่า และอยู่กันอย่างมีความสุขด้วยอาหารการกินง่าย ๆ เพียงข้าวเปล่ากับปลาแห้ง หรือปลาเค็มตัวเล็ก ๆ อาจมีเครื่องจิ้มบ้าง ปลานั้นชุกชุมเหลือเกินจับชั่วโมงหนึ่งนำไปกินได้หลายวัน”

อาหารเช้าคนอยุธยาสมัยก่อนส่วนหนึ่งเน้นปรุงง่าย และใช้การหุงข้าวสารที่เหนียวคล้ายข้าวเหนียว แต่ไม่ใช่ข้าวเหนียว เป็นข้าวพื้นเมืองคนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ปัจจุบันใน พม่า กัมพูชา หรือเวียดนามยังมีการปลูกอยู่ เม็ดข้าวจะอวบ เม็ดยาว ซึ่งคำว่า “จก” หรือ “เปิบ” มาจากการทานข้าวประเภทนี้

คนกรุงศรีอยุธยามีบริบทหนึ่งที่ว่า เวลากินต้องกินหลังพระ ตอนเช้าตื่นมาหัวหน้าครอบครัวไปหาปลา ขณะที่ภรรยามีหน้าที่เกี่ยวกับเกษตรกรรมทางบก โดยจำนวนวัดที่มากในอยุธยาทำให้สันนิษ ฐานได้ว่า คนอยุธยาเป็นคนชอบทำบุญ เช้าตื่นมาหุงข้าว อาหารมื้อแรกต้องนำไปถวายพระที่วัดก่อน แล้วถึงจะกลับบ้านมากินข้าว โดยวิถีชีวิตเหล่านี้ยังมีตกทอดมาถึงปัจจุบันในอยุธยา แต่อยู่ในกลุ่มผู้สูงอายุ

ความที่ต้องทำอาหารถวายพระทุกเช้า ทำให้คนกรุงศรีอยุธยาหลายครอบครัวได้ทานอาหารเช้าที่สดใหม่ ด้วยแนวคิดว่า วัตถุดิบในการปรุงอาหารที่ดีที่สุดมื้อนั้นต้องนำไปถวายพระก่อน แต่ถ้าพูดถึงชาวต่างประเทศที่เข้ามาช่วงนั้น มีวิถีการกินอาหารเช้าที่แตกต่าง เนื่องจากเขาไม่ได้นับถือพุทธศาสนา แต่มีการดื่มชา กาแฟตอนเช้ากับขนมปัง ซึ่งมีการพบหลักฐานในเครื่องใช้ที่สามารถนำมาดัดแปลงทำขนมปัง ตลอดจนพบภาชนะที่สามารถใส่สิ่งเหล่านี้ได้ที่หมู่บ้านโปรตุเกส

คนจีนในกรุงศรีอยุธยาไม่ได้เคร่งครัดพุทธศาสนา ยามเช้าจะดื่มน้ำชา โดยเฉพาะอาหารประเภทซุปหรือต้มจืด ไม่เน้นอาหารรสจัด อาหารเช้าส่วนใหญ่เป็นไปตามเชื้อชาติยังถือว่าไม่กลมกลืน จากการสันนิษ ฐานคนอยุธยามีการทานชา กาแฟ และขนมปังแล้ว แต่เป็นคนที่อยู่ในชนชั้นราชวงศ์หรือเศรษฐี เนื่อง จากกลุ่มคนพวกนี้มีกำลังทรัพย์พอไปซื้อหาสินค้าเหล่านี้

จากคำให้การ ขุนหลวงวัดประดู่ทรงธรรม ระบุถึงตลาดทั่วอยุธยาที่เรียกว่า “ป่า” ซึ่งมีผลต่อการทานอาหารเช้า โดยมีการระบุถึงตลาดทั่วพระนครในแต่ละย่าน มีการขายอาหารหลากหลายทั้งของสด ของคาว ของแห้ง และมีตลาดจำนวนมากที่แทรกอยู่ตามวัด โดยตลาดมีทั้งตอนเช้า กลางวัน และเย็น ถือเป็นแหล่งการค้าสำคัญที่คนนอกเมืองต้องเข้ามาซื้อหาสิ่งของ

“กลุ่มมุสลิมเปอร์เซียน สันนิษฐานว่าเป็นชนชาติแรกที่นำอาหารประเภทกะทิเข้ามาในอยุธยา ซึ่งกะทิพอใส่เข้าไปในอาหารแล้วจะเป็นแกง อาหารที่คนกลุ่มนี้ทาน เช่น ก๋วยเตี๋ยวแกง มัสมั่นต่าง ๆ ถ้ามองมาถึงอาหารที่ตกทอดมาถึงปัจจุบันอย่างข้าวยังมีการทานอยู่ แต่การปรุงมีการแปรรูปมากขึ้น โดยการทำให้กินง่ายและรวดเร็ว”

อาหารเช้าที่คนกรุงศรีอยุธยานิยมทานคือ “ข้าวเหนียวหัวหงอก” เป็นข้าวเหนียวคล้ายข้าวเหนียวหน้าปลาแห้ง แต่มีการโรยหน้าด้วยมะพร้าวขูด เมนูนี้พอไปถามคนพม่าจะบอกว่าคนโบราณกินกันมานาน พอไปดูที่เวียดนาม กัมพูชา ก็นิยมเหมือนกัน เราเลยสันนิษฐานว่า คนกรุงศรีอยุธยาสมัยก่อนเคยทานอาหารชนิดนี้ โดยเมนูนี้นิยมเพราะทำง่าย พอกินไปจะอยู่ท้อง รวมถึงมีความเค็มกับหวานอยู่ในตัว ในอยุธยาปัจจุบันอาหารชนิดนี้แทบไม่มีเหลือแล้ว ต่างจากประเทศเพื่อนบ้านยังรักษาการกินอยู่

อาหารเช้าของราชวงศ์ในอยุธยามีความหลากหลายกว่าชาวบ้านทั่วไป เช่น นำแกงเหงาหงอด ที่ชาวโปรตุเกส นิยมทาน ซึ่งถ้ามีฐานะดีจะกินอาหารเช้าต่างจากชาวบ้านปกติ อย่างชาวบ้านหาข้าวกับปลามาปิ้งย่างก็กินได้ แต่คนมีเงินจะกินอาหารที่มีเครื่องเทศ เช่น น้ำพริกกะปิ แกงกะทิที่ใส่หัวหอม มีหลักฐานการใช้ผักหวานนำมาประกอบอาหาร ผิดจากชาวบ้านที่วันไหนไม่มีเวลาทำอาหารก็อาศัยขุดเผือกหามันกิน

“คนกรุงศรีอยุธยาอาหารเช้ากับกลางวันเป็นมื้อหนักที่สุด ถือเป็นการกินที่ไม่ยึดถือตามเวลาแบบตะวันตก แต่ยึดถือการถวายข้าวพระ ขณะเดียวกันอาหารที่นำไปถวายพระเหมือนการแสดงถึงฐานะทางสังคม เช่นเดียวกับบันทึกที่ระบุว่า คนอยุธยาจะไม่นิยมฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ทำให้คนจีนที่เข้ามาต้องเปิดโรงฆ่าสัตว์ ขนมของหวานที่ใช้ทานตอนเช้าของคนอยุธยาไม่น่าจะมี แต่มีเป็นผลไม้แทน”

อาหารของอยุธยาที่ตกทอดมายังกรุงรัตนโกสินทร์เห็นได้จาก กาพย์เห่ชมเครื่องคาว-หวาน ซึ่งเห็นว่าอาหารที่กล่าวในเนื้อหาเป็นอาหารนานาชาติ มีทั้งญี่ปุ่น จีน ไทย ยุโรป แขก มอญ รวมอยู่ในนั้น จึงแสดงให้เห็นถึงการตกทอดทางด้านอาหาร ดังนั้นเมื่อมาถึงชาวบ้านจากที่กินข้าวกับปลา เริ่มมีอาหารที่ใกล้เคียงกับของราชวงศ์มากขึ้น

ถ้ามองถึงเมนูอาหารเช้าที่ได้รับความนิยมปัจจุบัน ซึ่งมีรากฐานจากอาหารเมื่อครั้งอยุธยาเช่น โจ๊ก เป็นอาหารของตะวันตกที่รับเข้ามา ไม่ต่างจากซุปที่มีทั้งแบบของตะวันตกและจีน แต่อาหารที่มีการสืบทอดกันมาอย่างยาวนานคือ ปลาร้า ที่เป็นอาหารหลักที่คนสมัยก่อนกินกันได้ทั้งปี ด้วยความอุดมสมบูรณ์ของแม่น้ำลำคลอง ที่เล่ากันว่า “แค่เอามือจุ่มน้ำตรงบันไดริมน้ำก็โดนกุ้งต่อยมือ หรือบางครั้งเหวี่ยงแหไปทีปลาติดจนแทบแบกปลากลับบ้านไม่ไหว” ดังนั้นเมื่อได้ปลาคราวละมาก ๆ เลยต้องนำไปแปรรูปเพื่อให้กินได้นาน ๆ เช่น หลนปลาร้า ที่มีการนำสูตรของมอญมาปรับใช้

“เมื่อเข้าสู่ยุคปัจจุบันอาหารเช้าในอยุธยาได้ถูกหลอมรวมกันจากหลายเชื้อชาติ เห็นได้จากหลายพื้นที่นิยมทานขนมปังกับไข่กระทะ หรือข้าวมันไก่แบบจีน ถ้าคนที่มาอยุธยาอยากทานอาหารเช้าแบบต้นตำรับยังหาทานได้ที่ ตลาดหัวรอ เปิดตั้งแต่ตีสาม แล้วเริ่มวายช่วงแปดโมงเช้า ส่วน ตลาดเจ้าพรหม เริ่มขายตั้งแต่ตีห้า เริ่มวายประมาณเก้าโมงเช้า ถ้าคนสนใจอาหารเช้าตามแบบอยุธยาดั้งเดิมต้องมาเดินตลาดเช้าที่นี่ที่ยังมีวิถีวัฒนธรรมแบบเดิมอยู่ โดยเฉพาะที่ตลาดหัวรอจะมีอาหารทั้งแบบจีน มุสลิม ตะวันตก แต่ตลาดเจ้าพรหมจะเป็นพ่อค้าแม่ค้าหาบเร่มาขาย เช่นเดียวกับตลาดเสนาที่ยังมีการค้าขายปลาทางเรือที่จับมาได้ โดยถ้าคนที่ซื้อควรรีบไป เพราะมีลูกค้าหลายรายเหมาซื้อเพื่อนำไปถวายพระ”

เด็กรุ่นใหม่ที่จะสืบต่อการทำอาหารเช้าแบบโบราณค่อนข้างมีน้อย ขณะที่คนมาเที่ยวหลายคนยังไม่ค่อยมาลองชิมอาหารเช้าในแบบอยุธยาดั้งเดิมตามตลาดเหล่านี้มากนัก ดังนั้นถ้าใครมาอยุธยาถ้าได้ลองไปชิมอาหารเช้าจะทำให้เรียนรู้วิถีของคนสมัยก่อนว่า ทำไมเขาถึงมีสุขภาพดี แล้วลองย้อนกลับมาดูตัวเราเพื่อปรับเปลี่ยนการกิน

อยากฝากว่า ถ้าอยากเรียนรู้อาหารในสมัยก่อนลองหันมาดูอาหารของเพื่อนบ้าน ที่หลายประเทศยังรักษาไว้ได้อย่างดี เช่น ลาว เวียดนาม พม่า กัมพูชา โดยเฉพาะในชนบทของเขาที่ยังรักษาไว้อย่างดีมาก ต่างจากเราที่เปิดรับทุกอย่าง จนเหมือนว่าเป็นวัฒนธรรมที่ถูกกลืนกลายทำให้ไม่เหลือเมนูอาหารหลัก ๆ ไว้เลย.

..............................................................................................

ตลาดน้ำหลัก 4 แห่ง สมัยกรุงศรีฯ

สมัยอยุธยามีตลาดน้ำที่เป็นการค้าหลักหรือตลาดใหญ่ 4 แห่ง ตามคำให้การ ขุนหลวงวัดประดู่ทรงธรรม คมขำ ดีวงษา ให้รายละเอียดในวิทยานิพนธ์เรื่อง บทบาทของตลาดในพระนครศรีอยุธยาต่อการค้าภายในและภายนอก พ.ศ. 2173–2310 ดังนี้

1. ตลาดน้ำวนบางกะจะ เป็นจุดที่แม่น้ำป่าสักกับแม่น้ำเจ้าพระยาไหลมาบรรจบกันตรงหน้าป้อมเพชร ที่อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะเมือง ตรงนี้ถือเป็นจุดบรรจบของการล่องเรือสำเภา และมีตลาดน้ำที่แยกจากตลาดนี้อีกมาก

2. ตลาดปากคลองคูจาม อยู่ด้านใต้เกาะเมือง ด้านตะวันตกมีพวกแขก ชวา มลายู บรรทุกหมาก หวาย ตลาดนี้ท้องน้ำถึงบ้านฉะไกรใหญ่และตลาดบริเวณคลองขุนละครไชย

3. ตลาดคูไม้ร้อง อยู่ฝั่งเหนือ เป็นเส้นทางแม่น้ำลพบุรี เดิมติดต่อกับตลาดคลองสระบัว คลองผ้าลาย ตลาดสำคัญที่พ่อค้านำผลผลิตพื้นบ้านหัตถกรรมไปขายภายในเมืองริมคลองวัดมหาธาตุภายในเกาะเมืองอยุธยา

4. ตลาดปากคลองวัดเดิม (วัดอโยธยา) เป็นตลาดภายในบริเวณแม่น้ำหันตรา หรือแม่น้ำเบี้ยเชื่อมระหว่างคลองข้าวเม่า คลองวัดประดู่ คลองกุฎีดาว คลองวัดมเหยงค์ ถือเป็นคลองย่อยของแม่น้ำป่าสัก

ศราวุธ ดีหมื่นไวย์

credit by : http://www.dailynews.co.th/Content/Article/292255/‘อาหารเช้า’+ชาวกรุงศรีอยุธยา+มรดกการกินที่ถูกมองข้าม

Read More...


‘ยำปลาช่อนแดดเดียวฯ’ รสเด็ด หอมอร่อย ‘ซี่โครงแกะอบกับมะเขือม่วง’


วันนี้ผมมีอาหารจานเด็ดที่ผมชอบกินมาบอกกล่าวให้ทุกท่านได้ทราบครับ คือ ก่อนหน้านี้ผมได้มีโอกาสไป จ.นครสวรรค์ แถวนั้นมีปลาช่อนแดดเดียวขายอยู่หลายร้าน และมีวัตถุดิบอีกชนิดหนึ่งเป็น กระเจี๊ยบแดง ผมเลยคิดว่า เมื่อมีวัตถุดิบอย่างนี้ควรจะนำมาทำเป็น ยำปลาช่อนแดดเดียวกับกระเจี๊ยบแดง ดีกว่า จึงเป็นที่มาของเมนูวันนี้ที่อยากจะแนะนำให้เพื่อน ๆ ได้ลองทำกันดู

ขั้นตอนการทำ เริ่มจากการทำน้ำยำ ถ้าจะให้ได้รสที่อร่อยจะต้องโขลกน้ำยำในครก โดยเอาน้ำพริกเผา หอมแดงซอย พริกขี้หนูบุบ โขลกให้เข้ากัน ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาลปี๊บ และน้ำมะนาว ผสมให้เข้ากัน ชิมรสให้ออกเปรี้ยว เค็ม หวานเล็กน้อย ซึ่งจะเป็นรสน้ำยำที่อร่อย แล้วนำมาใส่ถ้วยพักไว้

ต่อมา นำปลาช่อนแดดเดียวมาแล่เอาก้างออกให้หมด จากนั้นให้นำไปทอดให้กรอบ โดยการทอดปลาที่ดีจะต้องใช้ไฟปานกลางไม่แรงหรืออ่อนจนเกินไป พักไว้ให้สะเด็ดน้ำมัน

ขั้นตอนต่อมา ให้เอาชามผสมมาใส่ปลาช่อนแดดเดียวที่เราทอดไว้แล้วลงไป ใส่เม็ดมะม่วงหิมพานต์ทอดกรอบ ใส่หอมแดงซอย ใส่กระเจี๊ยบซอย ใส่ผักชีใบเลื่อยซอย และใส่น้ำยำที่เตรียมไว้ลงไป คลุกเบา ๆ พอให้เข้ากัน ชิมรสอีกครั้ง ตักใส่จานเสิร์ฟ แล้วโรยด้วยใบสะระแหน่เด็ดใบ หอมเจียว และเม็ดมะม่วงหิมพานต์ทอดกรอบ ยกเสิร์ฟทันที เพียงเท่านี้ก็เสร็จแล้ว วิธีการทำไม่ยุ่งยาก ซับซ้อน เมนูนี้จะกินกับข้าว หรือกินเล่นก็อร่อย

หากเพื่อน ๆ มีเวลาว่าง หรือในช่วงวันหยุดลองทำกินกันดู นะครับ.

หมึกแดง
www.mcdangguide.com

..............................................................................................

ร้านอาหารชวนชิม

ผมได้แวะไปชิมอาหารอิตาเลียน ที่ร้าน อีโนติก้า ซึ่งร้านเป็นบ้านเล็ก ๆ อยู่ในซอยสุขุมวิท 27 บรรยากาศร้านดี และอบอุ่นครับ อาหารก็อร่อย มีคนเข้าร้านพอสมควรแต่ที่จอดรถมีน้อยไปหน่อย

อาหารเรียกน้ำย่อย มันเทศบดกับไข่หอยเม่น เป็นมันเทศที่เขาเอาไปบดแล้วใส่ครีมทำให้มีรสชาติมากขึ้น โดยจะเสิร์ฟพร้อมกับไข่หอยเม่นเป็นถ้วยเล็ก ๆ ตอนที่มาเสิร์ฟยังอุ่น ๆ อยู่เลยครับ รสชาติกลมกล่อม อร่อยมาก เป็นอาหารเรียกน้ำย่อยได้เป็นอย่างดี เพราะเมื่อกินเข้าไปแล้วทำให้รู้สึกอยากกินอาหารอื่น ๆ เพิ่มมากขึ้น

จานต่อมา ผมเป็นคนชอบกินเนื้อที่นำมาทำเมนูต่าง ๆ หรือเมนูแปลก ๆ จึงสั่งเป็น ลิ้นลูกวัวย่างเสิร์ฟกับมันหญ้าฝรั่น มาลองกิน ซึ่งเขาจะเอาลิ้นลูกวัวนึ่งหมักกับซอสที่เป็นหญ้าฝรั่น ซึ่งหญ้าฝรั่นจะทำให้มีสีเหลืองคล้าย ๆ ขมิ้นแต่จะมีกลิ่นที่หอมกว่า และอร่อยกว่าขมิ้น เมื่อชิมแล้ว อร่อย รสชาติดี

ต่อมาเป็น ตับนกพิราบบดกับเห็ดทรัฟเฟิล เห็ดทรัฟ เฟิลนี้จะมีราคาค่อนข้างสูงพอสมควร เป็นเห็ดที่ขึ้นอยู่ใต้ดินในสมัยก่อนจะต้องใช้หมูขุดเห็ดขึ้นมาถึงจะได้กินกัน โดยจะมีอยู่ 2 ชนิด คือ เห็ดทรัฟเฟิลดำและเห็ดทรัฟเฟิลขาว เมนูนี้เขาจะเสิร์ฟมาเป็นคำ ๆ ผมชอบครับอร่อยดี

ส่วนอาหารจานต่อมามีลักษณะคล้ายๆ กับบัวลอยเป็นเมนูที่มีชื่อว่า เกี๊ยวทำจากแป้ง ลูกบีทรูทและชีส โดยเอามันและแป้งมาผสมกันให้มีรสชาติ แล้วใส่น้ำของลูกบีทรูทเพื่อให้มีสีแดงดูน่ากิน แปลกดีด้วยครับ แล้วปั้นเป็นก้อน ๆ เอาไปต้มในน้ำ พอสุกก็จะลอยขึ้นมาแล้วเอาไปผัดอีกที เมื่อทอดเสร็จแล้วก่อนเสิร์ฟจะเอาชีสมาโรย เป็นอาหารที่แปลกดี และอร่อยด้วยครับ

อีกเมนู เป็นเกี๊ยวอีกเหมือนกัน แต่ผมเลือกไส้ที่แปลกและเขาก็ทำได้ดีมากเป็น เกี๊ยวไส้เนื้อนกพิราบกับซอสนกพิราบ ลักษณะคล้ายเสี่ยวหลงเปาแต่น้ำมันไม่พุ่งออกมามากเท่าไรนัก แต่มีความอร่อยพอสมควร

พอถึงอาหารหลัก ผมสั่งมาแค่ 3 อย่าง มาแบ่งกันกิน จานแรกเป็น นกพิราบอบกับถั่วอัลมอนด์และทับทิม ซึ่งเขาจะเอาเนื้อส่วนน่องและตะโพกของนกพิราบเอาบดผสมทำเป็นก้อนแล้วก็นำไปชุบแป้งทอด โดยใช้แป้งไม่หนามาก ส่วนอกของนกพิราบนั้นจะเอามาจี้ในกระทะให้ยังคงแดง ๆ อยู่ เสิร์ฟกับซอสที่อร่อยมากมีถั่วอัลมอนด์บด ใส่ทับทิมลงไปในมันฝรั่งด้วย เป็นอีกเมนูหนึ่งที่แปลกดี และมีส่วนผสมที่ช่วยตัดความเลี่ยนได้ดีด้วยครับ

แต่ของโปรดของผมที่ชอบมากเป็นจานต่อมา ซึ่งก็คือ กระต่ายอบ เขาเสิร์ฟมาพร้อมกับแครอทเสียบไม้ จัดตกแต่งมาน่ารักและน่ากินมาก ลักษณะของเนื้อกระต่ายจะคล้าย ๆ กับเนื้อไก่ ไม่มีกลิ่นคาว มีรสชาติมากกว่าเนื้อไก่ จานนี้อร่อยมาก และหากินยากด้วย

อีกจานหนึ่งเป็น ซี่โครงแกะอบกับมะเขือม่วง ซี่โครงแกะอบมาต่างหากแล้วตัดมาเป็นชิ้น ๆ แต่งจานมาอย่างสวยงาม เอามะเขือม่วงญี่ปุ่นไปย่าง มีน้ำมันมะกอกใส่มาด้วย รสชาติดี อร่อยใช้ได้เลยครับ

วันนั้น ผมกินกาแฟด้วย เขาจัดขนมหวานเสียบไม้มาให้กินคู่กับกาแฟ รสชาติอร่อยดี ร้านนี้ต้องแวะไปชิม อาหารเขาอร่อย บรรยากาศก็ดีเหลือเกิน และเขาก็มีไวน์ดี ๆ เสิร์ฟด้วยนะครับ.

ที่อยู่ : 39 ซอยสุขุมวิท 27 ถนนสุขุมวิท เขตวัฒนา กรุงเทพฯ 10110
โทร : 0-2258-4386, 0-2260-5380
และ 09-2273-8843
เว็บไซต์ : www.enotecabangkok.com
เวลาทำการ : 17.30-24.00 น.

credit by :  http://www.dailynews.co.th/Content/Article/289952/‘ยำปลาช่อนแดดเดียวฯ’+รสเด็ด

Read More...


เจ๋งได้อีก ! 5 สูตรเค้กไมโครเวฟ ทำง่ายใน 1 นาที แบบนี้พลาดได้ไง



          เกาะกระแสเมนูไมโครเวฟง่าย ๆ ด้วย 5 สูตรเค้กไมโครเวฟ เชื่อไหมว่า ทำง่ายมาก ๆ ใช้เวลาแค่ 1 นาที เป็นอันเสร็จ ได้เค้ก 5 แบบ 5 รสชาติ เจ๋งสุด ๆ

          ใครที่ชอบทำอาหารง่าย ๆ ไม่ควรพลาดอย่างยิ่งกับเมนูขนมไมโครเวฟสุดง่ายที่เรานำมาฝากในวันนี้ถึง 5 สูตร 5 รสชาติด้วยกัน ทั้ง "เค้กวานิลลาที่ฟรุ้งฟริ้งด้วยเกล็ดน้ำตาลหลากสีสัน" หรือจะรักสุขภาพด้วย "เค้กกล้วยหอมช็อกโกแลตแบบไร้แป้ง" ต่อด้วยเค้กสีสันจัดจ้านอย่าง "เค้กเรดเวลเว็ท" ตามมาติด ๆ กับ "เค้กแอปเปิลครัมเบิล" หอม ๆ กรุบกรอบ และตบท้ายด้วย "เค้กสีรุ้ง" คัลเลอร์ฟูลสุด ๆ ซึ่งใครที่แค่เห็นภาพคงไม่เชื่อหรอกว่า บรรดาเค้กทั้งหมดนี้ใช้เวลาอบเพียง 1 นาทีเท่านั้น และยังสามารถทำได้ง่ายมาก ๆ ในแก้วกาแฟ แต่มีข้อแม้เล็กน้อยคือ สูตรทั้งหมดนี้ใช้กับเตาไมโครเวฟขนาด 1,100 วัตต์ ถ้าบ้านใครใช้ไมโครเวฟต่างไปจากที่มีก็ลองเพิ่ม-ลดเวลาในการทำกันดู แต่เชื่อว่าไม่ยากเกินความสามารถแน่นอน

 1. เค้กวานิลลาผสมเกล็ดน้ำตาลฟรุ้งฟริ้ง (Funfetti Mug Cake)


 ส่วนผสม (สำหรับ 2 ถ้วย)
          
          เนยจืด 2 ช้อนโต๊ะ (60 กรัม)

          น้ำตาลทราย 1/4 ถ้วย (50 กรัม)

          นมสด 2 ช้อนโต๊ะ

          ไข่ไก่ (ขนาดใหญ่) 1 ฟอง

          กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา

          แป้งเค้ก 1 ถ้วย (150 กรัม)

          ผงฟู 2 ช้อนชา

          เกลือป่น เล็กน้อย

          เกล็ดน้ำตาลหลากสี ตามชอบ

วิธีทำ
          
          1. ใส่เนยจืดลงในถ้วย (หรือแก้วกระเบื้องที่สามารถนำเข้าไมโครเวฟได้) นำไปละลายในไมโครเวฟประมาณ 20-30 วินาที นำออกจาเตา
          
          2. ใส่น้ำตาลทราย ไข่ไก่ นมสด และกลิ่นวานิลลาลงไป ใช้ส้อมตีผสมให้เข้ากัน
          
          3. ใส่แป้ง ผงฟู และเกลือป่นลงไป ตีผสมจนเข้ากันเป็นเนื้อเดียว
          
          4. ใส่เกล็ดน้ำตาลหลากสีลงไป คนให้เข้ากัน แบ่งส่วนผสมแป้งเป็น 2 ถ้วย
          
          5. นำเข้าไมโครเวฟประมาณ 50 วินาที จนเนื้อเค้กฟู นำออกจากเตา แต่งให้สวยงาม พร้อมเสิร์ฟ


 2. เค้กกล้วยหอมช็อกโกแลตไร้แป้ง ไร้กลูเตน (Gluten-Free Chocolate Banana Mug Cake)




 ส่วนผสม (สำหรับ 2 ถ้วย)
          
          กล้วยหอม 1 ลูก

          เนยถั่ว 1/4 ถ้วย (4 ช้อนโต๊ะ)

          ไข่ไก่ (ขนาดใหญ่) 1 ฟอง

          น้ำตาลทราย 2 ช้อนชา

          ผงโกโก้ 3 ช้อนโต๊ะ

          กล้วยหอมฝานเป็นแว่นสำหรับแต่ง

วิธีทำ
          
          1. บดกล้วยหอมในถ้วย (หรือแก้วกระเบื้องที่สามารถนำเข้าไมโครเวฟได้) ด้วยส้อมให้ละเอียด
          
          2. ใส่เนยถั่ว น้ำตาลทราย และไข่ไก่ลงไป คนผสมให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียวและน้ำตาลทรายละลาย
          
          3. เติมผงโกโก้ลงไป คนผสมให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียวอีกครั้ง แบ่งส่วนผสมแป้งเป็น 2 ถ้วย
          
          4. นำเข้าไมโครเวฟประมาณ 1 นาที จนเนื้อเค้กฟู นำออกจากเตา แต่งด้วยกล้วยหอมฝานเป็นแว่น ๆ พร้อมเสิร์ฟ


 3. เค้กเรดเวลเว็ท (Red Velvet Mug Cake)



ส่วนผสม (สำหรับ 1ถ้วย)
          
          น้ำมันพืช 3 ช้อนโต๊ะ

          ไข่ไก่ 1 ฟอง

          สีผสมอาหารสีแดง 1/2 ช้อนชา

          บัตเตอร์มิลค์ (ซาวร์ครีมหรือโยเกิร์ต) 3 ช้อนโต๊ะ

          กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา

          แป้งเค้ก 4 ช้อนโต๊ะ

          น้ำตาลทราย 4 1/2 ช้อนโต๊ะ

          ผงฟู 1/8 ช้อนชา

          ผงโกโก้ 1 1/2 ช้อนโต๊ะ

          เกลือป่น เล็กน้อย

          ผงอบเชย เล็กน้อย

          ครีมชีสฟรอสติ้งสำหรับแต่ง

วิธีทำ
          
          1. ใส่น้ำมันพืช ไข่ไก่ สีผสมอาหารสีแดง และกลิ่นวานิลลาลงในถ้วย (หรือแก้วกระเบื้องที่สามารถนำเข้าไมโครเวฟได้) ตีผสมเข้าด้วยกัน
          
          2. เติมแป้งเค้ก น้ำตาลทราย ผงฟู ผงโกโก้ เกลือป่น และผงอบเชย ฃลงไป ตีผสมให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียว
          
          3. นำเข้าไมโครเวฟประมาณ 50 วินาที จนเนื้อเค้กฟู นำออกจากเตา พักไว้จนเย็นก่อนแต่งด้วยครีมชีสให้สวยงาม พร้อมเสิร์ฟ

4. แอปเปิลครัมเบิลเค้ก (Apple Crumble Mug Cake)


ส่วนผสม (สำหรับ 1 ถ้วย)
         
          แป้งเค้ก 3 ช้อนโต๊ะ

          น้ำตาลทรายแดงป่น 1 ช้อนโตะพูน

          ผงอบเชย 1/2 ช้อนชา

          ผงฟู 1/8 ช้อนชา

          ซอสแอปเปิล 1 ช้อนโต๊ะ

          น้ำมันพืช 1/2 ช้อนโต๊ะ

          นมสด 1/2 ช้อนโต๊ะ

          กลิ่นวานิลลา 1/8 ช้อนชา

          ไอศกรีมวานิลลา (หรือรสชาติอื่นตามชอบ)

          ซอสคาราเมล สำหรับราด

ส่วนผสม ครัมเบิล
          
          เนยสด 1 ช้อนโต๊ะ

          แป้งเค้ก 2 ช้อนโต๊ะ

          น้ำตาลทรายแดงป่น 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
          
          1. ใส่แป้งเค้ก น้ำตาลทรายแดง ผงอบเชย และผงฟูลงในถ้วย (หรือแก้วกระเบื้องที่สามารถนำเข้าไมโครเวฟได้) คนผสมเข้าด้วยกัน
          
          2. เติมซอสแอปเปิลลงไปคนผสมให้เข้ากัน ตามด้วยน้ำมันพืช และกลิ่นวานิลลา คนผสมให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียว เตรียมไว้
          
          3. ทำครัมเบิลโดยใส่เนยสดลงในอ่างผสม ตามด้วยแป้ง และน้ำตาลทรายแดง ใช้ส้อมคนผสมให้เข้ากันเป็นเม็ดทราย ตักใส่ลงในถ้วยเค้ก
          
          4. นำเข้าไมโครเวฟประมาณ 45 วินาที จนขึ้นฟู นำออกจากเตา เสิร์ฟพร้อมไอศกรีม และซอสคาราเมล

5. เค้กสายรุ้ง (Rainbow Mug Cake)



ส่วนผสม (สำหรับ 4 ที่)
          
          เนยสด (อุณหภูมิห้อง) 100 กรัม

          น้ำตาลทรายขาว 1/2 ถ้วย (100 กรัม)

          ไข่ไก่ (อุณหภูมิห้อง) 2 ฟอง

          กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา

          แป้งสาลีอเนกประสงค์ 1 ถ้วย (110 กรัม)

          ผงฟู 1/2 ช้อนชา

          เบกกิ้งโซดา 1/4 ช้อนชา

          เกลือป่น เล็กน้อย

          สีผสมอาหารสีแดง, สีเหลือง, สีส้ม, สีเขียว และสีฟ้า

          ครีมชีสฟรอสติ้ง สำหรับแต่ง

วิธีทำ
         
          1. ตีผสมเนยสดที่นิ่มแล้วกับน้ำตาลทรายในอ่างผสมด้วยตะหร้อมือจนเป็นเนื้อครีม (ประมาณ 3 นาที) จากนั้นตอกไข่ไก่ใส่ลงไปตีผสมให้เข้ากัน ตามด้วยกลิ่นวานิลลา ตีผสมให้เข้ากันอีกครั้ง
         
          2. ใส่แป้ง ผงฟู เบกกิ้งโซดา และเกลือป่นลงไปคนผสมพอเข้ากัน จากนั้นตักแบ่งส่วนผสมเป็น 5 ถ้วย
         
          3. หยดสีผสมอาหารแต่ละสีประมาณ 2 หยดลงในถ้วยส่วนผสมแป้งแต่ละถ้วย คนผสมให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียวกัน
         
          4. ใช้ปลายช้อนตักส่วนผสมเค้กแต่ละสีใส่ลงในถ้วยสำหรับเข้าไมโครเวฟ โดยตักใส่สลับสีสลับชั้นให้เป็นลายหินอ่อนให้สวยงามทั้ง 4 ถ้วย
         
          5. นำเข้าไมโครเวฟประมาณ 45 วินาที จนเค้กขึ้นฟู นำออกจากเตา แต่งด้วยครีมชีสฟรอสติ้งให้สวยงาม

          เจ๋งสุด ๆ ถ้าต่อไปนี้ทำเค้กได้ง่าย ๆ แบบนี้ก็อ้วนกันพอดีสินะ แต่อย่าไปแคร์ ! อุปสรรคมีไว้พุ่งชนเนอะจริงไหม ? อิอิ


credit by : http://cooking.kapook.com/view107956.html

Read More...


10 ไอเดียทำขนมในแก้วกาแฟ ง่าย ๆ ด้วยไมโครเวฟ


    แก้วกาแฟที่คนส่วน ใหญ่เอาไว้ใส่เครื่องดื่มร้อนดื่มกินกันอยู่ทุกวัน รู้ไหมว่า มีประโยชน์มากกว่าที่เห็นนะคะ อย่างน้อย ๆ ก็สามารถนำมาใช้เป็นถ้วยไว้ใส่ขนมใช้กับไมโครเวฟได้ และแน่นอนว่าเราก็ไม่ลืมที่จะหยิบยก 10 ไอเดียทำขนมในแก้วกาแฟ ง่าย ๆ ด้วยไมโครเวฟ จะน่ากิน และง่ายขนาดไหน ไปดูกันเลยจ้า



ดูวิธีทำได้ที่ No. 2 Pencil

   1. คุกกี้ช็อกโกแลตชิพ

     หากก่อนหน้านี้คุณมีแก้วกาแฟใบโปรดเอาไว้ใส่เครื่องดื่มเพียงอย่างเดียว หลังจากนี้ลองนำมาใส่ส่วนผสมคุกกี้ก่อนำไปอบกันบ้างดีกว่า จะได้ลิ้มลองรสชาติกรุบกรอบของเนื้อคุกกี้ที่มาพร้อมกับช็อกโกแลตชิพสุดเข้ม ข้น และชมความสวยงามของแก้วน้ำในเวลาเดียวกัน 
ส่วนผสม

 เนย 1 ช้อนโต๊ะ

 น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ

 น้ำตาลทรายแดง 1 ช้อนโต๊ะ

 กลิ่นวานิลลา 3 หยด

 เกลือป่นเล็กน้อย

 ไข่แดง 1 ฟอง

 แป้งสาลีอเนกประสงค์ 1/4 ถ้วย

 ช็อกโกแลตชิพ 2 ช้อนโต๊ะพูน

วิธีทำ

 1. ใส่เนยลงในแก้ว นำไปละลายในไมโครเวฟประมาณ 5 วินาที นำออกจากเตา เติมน้ำตาล กลิ่นวานิลลา และเกลือป่นลงไป คนผสมให้เข้ากัน ใส่ไข่แดง แล้วคนผสมให้เข้ากันอีกครั้ง

 2. เติมแป้งสาลีอเนกประสงค์ลงไป คนผสมให้เข้ากัน แล้วเติมช็อกโกแลตชิพลงไปคนผสมจนเนื้อเหนียว 

 3. นำเข้าไมโครเวฟ ครั้งแรกใช้นานประมาณ 40-60 วินาที จนคุกกี้สุก พักทิ้งไว้จนเย็น พร้อมเสิร์ฟ 

ดูวิธีทำได้ที่ No. 2 Pencil 

   2. บราวนี่

    สำหรับคนที่ชื่นชอบรสชาติเข้มข้นของช็อกโกแลตเต็ม ๆ คำ พลาดไม่ได้เลยกับบราวนี่ที่อัดแน่นมาในแก้วใบสวย ที่ไม่ได้มีเพียงบราวนี่เนื้อแน่นแสนนุ่มเท่านั้น แต่เนื้อในยังมีช็อกโกแลตแท่งเอาไว้ให้เคี้ยวกันเพลิน ๆ ด้วย

ส่วนผสม

        เนย 2 ช้อนโต๊ะ

 น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ

 น้ำตาลทรายแดง 2 ช้อนโต๊ะ

 กลิ่นวานิลลา 1/4 ช้อนชา

 เกลือป่นเล็กน้อย

 ไข่แดง 1 ฟอง

 แป้งสาลีอเนกประสงค์ 4 ช้อนโต๊ะ

 ผงโกโก้ 1 ช้อนโต๊ะ

 ช็อกโกแลตหักเป็นชิ้นเล็ก ๆ

วิธีทำ

    1. ใส่เนยลงในแก้ว นำไปละลายในไมโครเวฟประมาณ 5 วินาที นำออกจากเตา เติมน้ำตาล กลิ่นวานิลลา และเกลือป่นลงไป คนผสมให้เข้ากัน ใส่ไข่แดง แล้วคนผสมให้เข้ากันอีกครั้ง

    2. เติมแป้งสาลีอเนกประสงค์ และผงโกโก้ลงไป คนผสมให้เข้ากัน สุดท้ายเติมช็อกโกแลตลงไปคนผสมจนเข้ากัน

    3. นำเข้าไมโครเวฟ ครั้งแรกใช้นานประมาณ 45 วินาที จนบราวนี่สุก พักทิ้งไว้จนเย็น พร้อมเสิร์ฟ



ดูวิธีทำได้ที่  How Sweet It Is

   3. ช็อกโกแลตฟัดจ์พร้อมมาร์ชเมลโลเนื้อนุ่ม

    อีกหนึ่งขนมหวานที่คนชอบช็อกโกแลตควรลองทำรับประทานดูสักครั้ง รับรองว่าจะต้องมีครั้งต่อไปตามมาแน่นอน เพราะในแก้วใบนี้คุณจะได้ลิ้มรสถึง 3 รสชาติในคราวเดียว ไม่ว่าจะเป็นแครกเกอร์บดกรอบ ๆ เนื้อช็อกโกแลตฟัดจ์รสเข้มข้น และมาร์ชเมลโลที่แสนจะเนียนนุ่ม

ส่วนผสม

 แครกเกอร์บด 2-3 ช้อนโต๊ะ

 เนยสดชนิดเค็ม 3 1/2 ช้อนโต๊ะ

 น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ

 ไข่ไก่ 1 ฟอง

 กลิ่นวานิลลา 1/2 ช้อนชา

 แป้งโฮลวีต 1/4 ถ้วย

 ผงโกโก้ 2 ช้อนโต๊ะ

 ผงฟู 1/8 ช้อนชา

 ช็อกโกแลตนม 1 1/2 ออนซ์

 มาร์ชเมลโล

วิธีทำ

    1. ผสมเนย 3 ช้อนโตด๊ะกับช็อกโกแลต 1 ออนซ์ เข้าด้วยกัน นำไปละลายในไมโครเวฟ นานประมาณ 20 วินาที นำออกจากเตา เตรียมไว้

    2. ผสมเนยที่เหลือกับแครกเกอร์บดให้เข้ากัน จากนั้นตักใส่แก้ว เตรียมไว้

    3. ตีผสมไข่ไก่ น้ำตาลทราย และกลิ่นวานิลลาให้เข้ากันจนเป็นเนื้อเนียน เทลงในส่วนผสมเนยและช็อกโกแลต จากนั้นเติมแป้ง ผงฟู เกลือ และผงโกโก้ ตีผสมจนเนื้อเนียนขึ้นฟู เทส่วนผสมลงในแก้วสลับชั้นกับมาร์ชเมลโล โดยให้ชั้นบนสุดเป็นมาร์ชเมลโล นำเข้าเตาอบประมาณ 1-2 นาที นำออกจากเตา

    4. วางมาร์ชเมลโลไว้ด้านบน นำกลับเข้าไมโครเวฟต่ออีกประมาณ 5 วินาทีจนมาร์ชเมลโลละลาย นำออกจาเตา พร้อมเสิร์ฟ


ดูวิธีทำได้ที่ No. 2 Pencil

   4. คุกกี้เนยถั่ว

    คราวนี้เปลี่ยนมาเอาใจคนชอบเนยถั่วกันบ้างดีกว่า กับเมนูคุกกี้เนยถั่วในแก้ว ที่มาพร้อมกับคุกกี้กรุบกรอบอัดแน่นไปด้วยรสชาติหวานมันที่มาจากเนยถั่วสุด โปรดให้เลือกกินกันแบบไม่อั้น อีกทั้งด้านบนยังมีถั่วลิสงบดมาช่วยเติมความกลมกล่อมให้มากยิ่งขึ้น
ส่วนผสม

 เนยสด 1 ช้อนโต๊ะ

 เนยถั่ว 1 ช้อนโต๊ะ
       
 น้ำตาลทรายแดง 1 ช้อนโต๊ะ

 น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ

 กลิ่นวานิลลา 2-3 หยด

 เกลือป่นเล็กน้อย

 ไข่แดง 1 ฟอง

 แป้งสาลีอเนกประสงค์ 3 ช้อนโต๊ะ

 ถั่วลิสงคั่วบดหยาบ ๆ 

วิธีทำ

    1. ใส่เนยและเนยถั่วลงในแก้ว นำไปละลายในไมโครเวฟประมาณ 30 วินาที นำออกมาคนผสมให้เข้ากัน เติมน้ำตาลทรายแดง น้ำตาลทราย กลิ่นวานิลลา และเกดลือป่นลงไป คนผสมให้เข้ากัน

    2. ใส่ไข่ไก่ลงไปตีผสม จากนั้นเติมแป้ง คนผสมให้เข้ากันจนเนื้อเหนียว เติมถั่วลิสงคั่วบดลงไปด้านบน

    3. นำเข้าไมโครเวฟประมาณ 45 วินาที จนสุก นำออกจากเตา พักไว้จนเย็น พร้อมเสิร์ฟ


ดูวิธีทำได้ที่ Sizzlingveggies

   5. เค้กช็อกโกแลตหอมกรุ่น

    คำเดียวไม่เคยพอจริง ๆ สำหรับเค้กช็อกโกแลตที่นอกจากคุณจะสามารถสัมผัสได้ถึงรสชาติเข้มข้นของเนื้อ เค้กที่อัดแน่นอยู่ในแก้วแล้ว หากได้ลองตกแต่งหน้าเค้กช็อกโกแลตด้วยวิปปิ้งครีมกับผลสตรอว์เบอร์รีรับรอง ว่า อร่อยไม่รู้ลืมเลยล่ะ
ส่วนผสม

 แป้งสาลีอเนกประสงค์ 2 ช้อนโต๊ะ

 ผงโกโก้ 1 ช้อนชา

 ผงฟู 1/4 ช้อนชา 

 เกลือป่นเล็กน้อย

 นมสด 2 ช้อนโต๊ะ

 น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ

 ช็อกโกแลตชิพ

 ท้อปปิ้งตามชอบ เช่น เนยถั่ว แยม ซอสคาราเมล นูเทลล่า 

วิธีทำ

    1. ร่อนแป้งสาลีอเนกประสงค์ ผงโกโก้ ผงฟู และเกลือป่นเข้าด้วยกัน

    2. เติมนมสด และน้ำมันพืช คนผสมจนเป็นเนื้อเดียวกัน ตักลงในแก้ว เติมช็อกโกแลตชิพ คนผสมให้เข้ากัน

    3. นำเข้าไมโครเวฟประมาณ 1 นาที จนเค้กสุก นำออกจากเตา ราดด้วยท้อปปิ้งตามชอบ พร้อมเสิร์ฟ


ดูวิธีทำได้ที่ The Novice Chef

   6. เค้กช็อกโกแลตผสมเนยถั่วสุดเข้มข้น

    การผสมผสาน 2 ความต่างที่ลงตัวระหว่างความเข้มข้นจากช็อกโกแลต กับเนยถั่วรสหวานมันที่หากได้ชิมแล้วต้องติดใจ โดยเฉพาะเมื่อนำมารวมกันในเค้กช็อกโกแลตชิ้นนี้ความอร่อยก็เพิ่มขึ้นอีกเท่า ตัว ซึ่งเชื่อว่าหากได้ลองแล้วจะวางไม่ลงเลยล่ะ

ส่วนผสม

 แป้งสาลีอเนกประสงค์ 3 ช้อนโต๊ะ

 น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ

 ผงโกโก้ 1 1/2 ช้อนโต๊ะ

 ผงฟู 1/4 ช้อนชา

 เกลือป่นเล็กน้อย

 นมสด 3 ช้อนโต๊ะ

 น้ำมันพืช  1 1/2 ช้อนโต๊ะ

 เนยถั่ว 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ

    1. ผสมแป้งสาลีอเนกประสงค์ น้ำตาลทราย ผงโกโก้ ผงฟู และเกลือป่นลงในแก้ว ใช้ส้อมคนผสมเข้าด้วยกัน 

    2. เติมนมสด น้ำมันพืช และเนยถั่ว คนผสมจนเป็นเนื้อเดียวกัน เทใส่แก้ว

    3. นำเข้าไมโครเวฟประมาณ 1 นาที จนเค้กสุก นำออกจากเตา พร้อมเสิร์ฟ



ดูวิธีทำได้ที่ Kurryleaves

   7. เค้กกาแฟช็อกโกแลต

     เค้กช็อกโกแลตที่มีรสชาติจากผงกาแฟมาช่วยลดความหวานผสานความกลมกล่อมให้กับ เนื้อเค้ก อีกทั้งยังเป็นเค้กช็อกโกแลตที่เหมาะสำหรับคนมีรัก เพราะหน้าเค้กมีรูปหัวใจที่สื่อให้เห็นถึงความรัก ความอบอุ่น ที่คุณเต็มใจมอบมันให้กับคนรัก
ส่วนผสม

 แป้งสาลีอเนกประสงค์ 3 ช้อนโต๊ะ

 ผงกาแฟ 1 ช้อนชา

 ผงโกโก้ 2 ช้อนโต๊ะ

 น้ำตาลทราย 2-3 ช้อนโต๊ะ

 ผงฟู 1/4 ช้อนชา

 นมสด 2 ช้อนโต๊ะ
       
 ไข่ไก่ 1 ฟอง

 น้ำมันพืช  2 ช้อนโต๊ะ

 กลิ่นวานิลลา 1/2 ช้อนชา

วิธีทำ

    1. ผสมแป้งสาลีอเนกประสงค์ ผงกาแฟ ผงโกโก้ น้ำตาลทราย และผงฟู เข้าด้วยกัน 

    2. เติมนมสด ไข่ไก่ น้ำมันพืช และกลิ่นวานิลลา ใช้ส้อมตีผสมจนเป็นเนื้อเดียวกัน เทใส่แก้ว

    3. นำเข้าไมโครเวฟประมาณ 1-2 นาที จนสุก นำออกจากเตา โรยน้ำตาลไอซิ่ง พร้อมเสิร์ฟ


ดูวิธีทำได้ที่ Pretty Prudent

   8. เค้กครัมเบิลกรุบกรอบ

    เค้กครัมเบิลหอมกรุ่นถ้วยนี้ นอกจากจะได้สัมผัสเนื้อเค้กนุ่ม ๆ แล้ว ยังได้ความกรุบกรอบจากเนื้อครัมเบิลอีกด้วย แถมยังได้กลิ่นหอมเบา ๆ จากอบเชยอีกด้วย
ส่วนผสม

 เนยสด (สำหรับทำเนื้อเค้ก) 1 ช้อนโต๊ะ

 น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ

 ไข่ไก่ 1 ฟอง

 ซาวร์ครีม 2 ช้อนโต๊ะ

 แป้งสาลีอเนกประสงค์ (สำหรับทำเนื้อเค้ก) 1/4 ถ้วย

 ผงฟู 1/8 ช้อนชา

 เนยสด (สำหรับทำครัมเบิล) 1 ช้อนโต๊ะ

 แป้งสาลีอเนกประสงค์ (สำหรับทำครัมเบิล) 2 ช้อนโต๊ะ

 น้ำตาลทรายแดง 1 ช้อนโต๊ะ

 ผงอบเชยป่น 1 ช้อนชา

วิธีทำ

    1. ใส่เนยลงในแก้ว นำไปละลายในไมโครเวฟประมาณ 10-15 วินาทีจนละลาย นำออกจากเตา ใส่น้ำตาลทรายลงไป คนผสมให้เข้ากันจนฟู ประมาณ 30 วินาที

    2. ใส่ไข่ไก่ลงไปตีผสมให้เข้ากัน เติมซาวร์ครีม และกลิ่นวานิลลาเล็กน้อยลงไป คนผสมให้เข้ากัน จากนั้นเติมแป้งสาลีอเนกประสงค์ และผงฟูลงไป คนผสมให้เข้ากัน

    3. ทำครัมเบิล โดยผสมเนย แป้งสาลีอเนกประสงค์ น้ำตาลทรายแดง และผงอบเชยป่นเข้าด้วยกัน จากนั้นเทลงในส่วนผสมเค้ก คนให้เข้ากัน 

    4. นำเข้าไมโครเวฟประมาณ 1 นาที นำออกจากเตา พร้อมเสิร์ฟ

 ดูวิธีทำได้ที่ Heather Likes Food

   9. เค้กฟักทองแสนหวาน
    หากคุณรู้สึกว่าเค้กอย่างเดียวมันธรรมดาเกินไป คราวนี้ก็เพิ่มฟักทองลงไปในส่วนผสมดูบ้างเชื่อว่า เค้กฟักทองชิ้นนี้จะต้องกลายเป็นเค้กโปรดของคุณอย่างแน่นอน เพราะไม่ได้มีแค่รสกลมกล่อมเท่านั้น แต่ยังมีประโยชน์กับสุขภาพด้วย 

ส่วนผสม

 เนยสด 1 ช้อนโต๊ะ

 น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ

 เนื้อฟักทองบดดละเอียด 2 ช้อนโต๊ะ

 กลิ่นวานิลลาเล็กน้อย

 แป้งสาลีอเนกประสงค์ 1/4 ถ้วย

 ผงฟู 1/8 ช้อนชา

 เกลือป่นเล็กน้อย

 ผงกานพลูป่นเล็กน้อย

 เนยสด (สำหรับทำสตรูเซล) 1 ช้อนโต๊ะ

 แป้งสาลีอเนกประสงค์ (สำหรับทำสตรูเซล) 2 ช้อนโต๊ะ

 น้ำตาลทรายแดง 1 ช้อนโต๊ะ

 ผงอบเชยป่นเล็กน้อย 1/4 ช้อนชา

วิธีทำ

    1. นำเนยสดใส่แก้ว นำไปละลายในไมโครเวฟประมาณ 5 วินาที นำออกจากเตา ใส่น้ำตาลทรายลงไป คนผสมให้เข้ากัน เติมเนื้อฟักทองบดดละเอียด กลิ่นวานิลลา แป้งสาลีอเนกประสงค์ ผงฟู เกลือป่น และผงกานพลูป่นลงไป คนผสมให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียว ตักใส่แก้ว เตรียมไว้

    2. ทำสตรูเซล โดยผสมเนยสด แป้งสาลีอเนกประสงค์ น้ำตาลทรายแดง และผงอบเชยป่นเข้าด้วยกัน จากนั้นนำลงไปผสมกับส่วนผสมเค้ก คนผสมให้เข้ากัน

    3. นำเข้าไมโครเวฟประมาณ 50-60 วินาที นำออกจากเตา พร้อมเสิร์ฟ


ดูวิธีทำได้ที่ Pretty Prudent

   10. เฟรนช์โทสต์หอมกรุ่น

     นอกจากนี้คุณยังสามารถลิ้มลองรสชาติของขนมปังฝรั่งเศสในรูปแบบที่แตกต่าง โดยการหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ แล้วนำไปใส่ในแก้วและเสิร์ฟพร้อมกับเมเปิลไซรัป ที่จะทำให้คุณตกอยู่ในภวังค์ของความหวานละมุน และสัมผัสกรอบนอกนุ่มในแบบที่คุณอาจไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน

ส่วนผสม

 ขนมปัง หั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ

 เนยสด

 ไข่ไก่

 นมสด

 ผงอบเชยป่น

 น้ำผึ้ง

วิธีทำ
       
    1. ใส่เนยสดลงในแก้ว นำไปละลายในไมโครเวฟประมาณ 5 วินาที นำออกจากเตา ใส่ขนมปังลงไปจนเต็มแก้ว เตรียมไว้

    2. ผสมไข่ไก่กับนมสด และผงอบเชยป่นเข้าด้วยกัน จากนั้นเทลงในแก้วขนมปัง พักทิ้งไว้สักครู่ให้ของเหลวซึมเข้าขนมปัง

    3. นำเข้าไมโครเวฟประมาณ 1 นาที นำออกจากเตา ราดน้ำผึ้ง พร้อมเสิร์ฟ

    เมนู ขนมหวานไม่ว่าจะเป็นเค้ก บราวนี่ คุกกี้ ฯลฯ สามารถทำได้ง่าย ๆ โดยที่คุณไม่ต้องมีเตาอบที่บ้านก็ได้ เพราะขอแค่คุณมีส่วนผสมตามที่กำหนดในแต่ละสูตร แก้วกาแฟ 1 ใบ และไมโครเวฟ เท่านี้ก็มากพอที่จะทำขนมหวานอร่อย ๆ สักเมนูได้แล้ว และรับรองว่ารสชาติที่ได้อร่อยไม่แพ้ขนมหวานที่อบด้วยเตาอบเลยทีเดียว

Read More...


ช็อกโกแลตเค้ก ‘คุณเปิ้ล’ หวานมันกรุบกรอบ


ได้กลิ่นหอมหวานโชยมาแตะจมูกทันทีที่ก้าวเท้าขึ้นมาเป็นแขก ของบ้านเรือนไทยหลังใหญ่ย่านพัฒนาการ 20 ระหว่างยืนรอเจ้าของบ้านมาเปิดประตูต้อนรับ อาศัยเวลาเดาสุ่มเรื่อยเปื่อยว่าเมนูวันนี้ต้องเป็นขนมแน่นอน ใช้ความคิดได้ไม่นานเท่าใด คุณแม่ลูกสอง เปิ้ล-ประภาพร สะใภ้คนโตของตระกูล “อัศวเหม” ก็เปิดประตูออกมาต้อนรับด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม พร้อมกลิ่นหอมของเบเกอรี่ที่หนักแน่นขึ้น เป็นการคอนเฟิร์มว่าเมนูส่งท้ายปีนี้หนีไม่พ้นขนมหวานละมุนลิ้น

เจ้า ของบ้านเชื้อเชิญให้นั่งก่อนเล่าให้ฟังว่า “ใจอ่อนทนลูกอ้อนของน้องพราวลูกสาวคนเล็กไม่ไหว จึงเรียนทำขนมที่เลอ กอร์ดอง เบลอ เหตุผลหลักคือลูก ๆ ชอบกินและอยากทำชีสเค้กให้เป็น ต่อยอดจากพื้นฐานเดิมที่ได้วิชาทำขนมมาจากคุณแม่ ส่วนใหญ่ล้วนเป็นเค้กสูตรโบราณ” โดยหันหลังให้กับคอร์สอาหารคาว หลังสืบทราบหลักสูตรบังคับต้องทำเมนูอาหารจากกระต่ายหนึ่งจาน “เปิ้ลไม่กล้าทำค่ะ กระต่ายเหมือนแมว ด้วยความที่เป็นคนรักสัตว์ทำไปต้องร้องไห้ไปด้วยแน่ ๆ แต่คอร์สขนมหวานเรียนไม่จบนะคะ ลงแค่ 2 คอร์ส ยกเว้นเรียนแต่งหน้าเค้กไว้เพราะว่าขี้เกียจ” คุณแม่ลูกสองเล่าพลางหัวเราะเสียงใส

นอกจากลูกๆ เป็นฝ่ายได้ชิมฝีมือแล้ว คุณเปิ้ลยังนั่งหน้าเตาอบขนมทุกช่วงเทศกาลสำคัญ เพื่อส่งความอร่อยแจกจ่ายมิตรสหายเพื่อนสนิทด้วยตัวเอง เช่น วันคล้ายวันกิด เทศกาลปีใหม่ เป็นต้น “เปิ้ลจะไปสืบเสาะว่า ผงโกโก้ที่ไหนดี ส่วนผสมที่ไหนดี ดั้นด้นไปหาซื้อ ตอนนี้มีแหล่งซื้อวัตถุดิบเจ้าประจำแล้ว ปีนี้เริ่มทำขายเต็มตัวผ่านอินสตาแกรมแก้เหงาบรรเทาอาการคิดถึงลูก ๆ เวลาไปเรียนที่ต่างประเทศ พอลองเป็นแม่ค้าไม่เหนื่อยนะคะ รู้สึกสนุกมากกว่า” แม่ค้ามือสมัครเล่นกล่าว

เปิดเตาอบรับสั่งทำ เค้ก หากปีใหม่ยังไม่มีของให้ใคร คุณเปิ้ลเชิญชวนว่า “ลองสั่งเค้กคุณเปิ้ลเป็นของขวัญได้ โดยรับรองความอร่อยไม่ผิดหวังแน่นอน ขณะนี้ทำอยู่สามชนิดได้แก่ ช็อกโกแลตทาร์ต, เชสนัทเค้ก และอัลมอนด์เค้ก ขนาด 1 ปอนด์ ราคา 1,400 บาท ทำทุกวันศุกร์และวันจันทร์จะลงอินสตาแกรมว่าเมนูอาทิตย์นี้มีอะไรบ้าง และหลังปีใหม่คิดเมนูเพิ่มไว้รองรับแล้วสามถึงสี่เมนู สำหรับช่องทางสั่งมีทั้งอินสตาแกรม applehomemade, ไลน์ appleasavahame หรือโทรฯกริ๊งกร๊างมาได้ที่ 08-1754-8000 บริการส่งถึงบ้านหากสั่งตั้งแต่ 10 ชิ้นขึ้นไป”

หนึ่งในเมนูของหวานวันนี้ คุณเปิ้ล นำเสนอ “ช็อกโกแลตเค้ก โดยคุณเปิ้ล” สูตรปราศจากเนยที่เจ้าตัวคิดค้นสูตรขึ้นมาเอง เพื่อให้คนชอบขนมหวานทางบ้าน ลองทำตามได้ คุณเปิ้ลแบ่งส่วนผสม 2 ส่วน ดังนี้ เนื้อเค้ก ประกอบด้วย น้ำตาลไอซ์ซิ่ง 400 กรัม, ไข่ไก่ 1 ฟอง, ไข่แดง 3 ฟอง, ไข่ขาว 2 ฟอง, น้ำตาล 50 กรัม, แป้ง 30 กรัม, ผงโกโก้ 20 กรัม และ มูส ประกอบด้วย มิลค์ ช็อกโกแลต 250 กรัม, ครีมส่วนที่ 1 ปริมาณ 180 กรัม และครีมส่วนที่ 2 ปริมาณ 140 กรัม

วิธีทำ นำไข่ขาวและน้ำตาลตีจนตั้งยอดแบ่งไว้ 1 ถ้วย จากนั้นนำส่วนผสมของเนื้อเค้กที่เหลือตีเข้าด้วยกัน ขั้นตอนนี้ถ้าหาเฮเซลนัทบดละเอียดได้ให้ผสมตามลงไปเพิ่มความกรุบกรอบ แต่ถ้าหาไม่ได้ไม่เป็นไรเพราะคุณเปิ้ลเล่าว่าค่อนข้างหายากสักหน่อย เสร็จแล้วนำทั้งสองส่วนมาผสมกัน นำเข้าเตาอบด้วยอุณหภูมิ 170 องศาเซลเซียส เวลา 25 นาที เมื่อนำออกมาจากเตาแล้วพักเนื้อเค้กให้เย็น ใช้มีดตัดให้ได้ขนาด 1.5 ซม. จำนวน 2 ชิ้น

จากนั้นเริ่มทำมูส โดยใส่น้ำร้อนในหม้อจนกระทั่งน้ำเดือด นำช็อกโกแลตใส่ถ้วยอีกใบ ค่อย ๆ คนช็อกโกแลตให้ละลาย ด้วยการใช้ความร้อนจากน้ำเดือดปุดๆ ต่อมาหยิบวิปปิ้งครีมตั้งให้เดือดผสมกับช็อกโกแลตที่ละลายแล้ว ทิ้งให้คลายร้อน 10-15 นาที นำวิปปิ้งครีมตีให้เป็นเนื้อครีมส่วนที่ 2 ระมัดระวังอย่าให้วิปปิ้งครีมเหลวและแข็งจนเกินไป เสร็จแล้วเอาวิปปิ้งครีมใส่ช็อกโกแลต ใช้ตะกร้อมือตีเรื่อย ๆ จนสีจางลง มาถึงขั้นตอนประกบ วางเนื้อเค้กในพิมพ์ ตามด้วยครีมที่ผสมไว้สลับชั้นด้วยเค้กและครีมเป็น 2 ชั้น ปาดหน้าเค้กให้เรียบนำเข้าช่องแช่แข็งประมาณ 1 ชั่วโมง เพื่อให้เซตตัว แต่งหน้าด้วยการโรยผงช็อกโกแลตแล้วแต่งหน้าตามใจชอบ.
‘ช้องมาศ’

credit :  http://www.dailynews.co.th/Content/Article/290019/ช็อกโกแลตเค้ก+‘คุณเปิ้ล’+หวานมันกรุบกรอบ

Read More...


‘เอแคลร์ราสเบอร์รี่’ คริสต์มาสนี้มีความหวาน


บ่อยครั้งหนังสือเพียงเล่มเดียวสามารถสร้างแรงบันดาลใจดี ๆ ให้กับผู้อ่าน เอ๋-อนุพงษ์ นวลฉวี นักศึกษาด้านการโรงแรมและการท่องเที่ยว ม.กรุงเทพ ในสมัยนั้น ตกหลุมรักอาชีพ “เชฟ” ทันทีหลังจากวางหนังสือสกายเชฟลงบนหน้าตัก พร้อมทำความฝันให้เป็นจริง ด้วยการโอนย้ายหน่วยกิตเรียนต่อสายอาหารเต็มตัว ที่วิทยาลัยดุสิตธานี จนบัดนี้ขึ้นแท่นเป็นพ่อครัวขนมหวานมากประสบการณ์ ประจำโรงแรมเลอ เมอริเดียน สุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ กอล์ฟ รีสอร์ท แอนด์ สปา เต็มตัว และยังใจดีนำเสนอเมนูของหวานซิกเนเจอร์อย่าง “เอแคลร์ราสเบอร์รี่” มาให้คนหลงใหลความหวานเช่นกัน ฝึกทำรับเทศกาลคริสต์มาสที่กำลังจะมาถึง

ก่อนลงมือทำ เชฟเอ๋เท้าความหลังก่อนมาอยู่หน้าเตาว่า เส้นทางชีวิตไม่ได้หอมหวานเหมือนขนมอบสุกใหม่ เพราะต้องผ่านทั้งความกดดันสารพัด ระหว่างเรียนทำกิจกรรมลงแข่งขันทำขนมบ้าง ทำงานพาร์ทไทม์บ้าง แต่ที่เก็บเกี่ยวประสบการณ์ประทับใจที่สุด ต้องยกให้โครงการแลกเปลี่ยนเวิร์ก แอนด์ ทราเวล ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา “ผมขอทำงานด้านเบเกอรี่ก่อน เพราะได้ยินว่าเชฟของหวานประจำที่นั่นเป็นลูกครึ่งชาวฝรั่งเศสกับอเมริกา ซึ่งส่วนตัวผมชื่นชอบขนมหวานสไตล์ฝรั่งเศส แต่พบปัญหาด้านภาษา สิ่งที่เขาบอกเรากับสิ่งที่ผมเรียนมามันไม่ตรงกัน จึงพัฒนาตัวเองด้วยการเปิดทีวีฟังภาษาอังกฤษอยู่ประมาณ 1 เดือนเริ่มเข้าที่เข้าทาง พอการสื่อสารราบรื่นหลังจากนั้นไม่นาน ได้รับความไว้วางใจรับหน้าที่ทำเค้กงานแต่ง”

สร้างความมั่นใจให้กับตัวเชฟเอ๋มากขึ้น “ผมเริ่มกล้าโชว์ผลงานมากขึ้นนะ ส่วนตัวคิดว่าความละเอียดอ่อน ความมุ่งมั่นตั้งใจ เป็นคุณสมบัติที่เขาไว้วางใจ จนกระทั่งครบ 4 เดือน จึงกลับมาเรียนต่อ หลังจากนั้นไปฝึกงานตามโรงแรมทั้งในและต่างประเทศ” ผู้หญิงกับของหวานคู่กันไม่ใช่เรื่องแปลก แต่สำหรับผู้ชายอย่างเชฟเอ๋เห็นว่าการทำขนมหวานเป็นงานท้าทาย การทำขนมเป็นเหมือนการทดลองวิทยาศาสตร์มากกว่าการประกอบอาหารประเภทอื่น ๆ การทำขนมต้องมีอุณหภูมิที่เหมาะสม ทุกอย่างต้องเตรียมการ วางแผนล่วงหน้าแล้วก่อนที่จะเอาเข้าเตาอบ และไม่สามารถแก้ไขได้หลังจากอบไปแล้ว หลังจากนั้นก็นำเอาศิลปะมาตกแต่ง ดังนั้นต้องใช้ใจและใช้สมาธิมาก “จริง ๆ แล้วของหวานเรากินเป็นอย่างสุดท้าย ถ้าของหวานออกมาดีทุกคนจะลืมข้อเสียของอาหารก่อนหน้าทั้งหมด” เชฟเอ๋ กล่าว

เมนูของหวานต้องการนำเสนอวันนี้ เชฟเอ๋เลือก “เอแคลร์” มาเป็นพระเอกขี่ม้าขาว “ผมต้องการคริสต์มาสให้อยู่ในรูปแบบเอแคลร์ ส่วนใหญ่คนคิดถึงคริสต์มาส พุดดิ้ง, คริสต์มาส ร็อก แต่ผมมีความรู้สึกว่า ถ้าผมเอาคริสต์มาสมาอยู่ในเอแคลร์ยิ่งทำให้น่าสนใจมากขึ้น โดยสร้างความโดดเด่นด้วยการตกแต่ง และพยายามคิดรสชาติแปลกใหม่ วันนี้จึงใช้เพสท์อัลมอนด์มาตัดรสชาติอมเปรี้ยวของไส้ราสเบอร์รี่ ขณะเดียวกันเอแคลร์เป็นขนมหวานคลาสสิก ได้รับความนิยมอยู่เสมอ

สำหรับส่วนผสมและวิธีทำแบ่งเป็น 3 ส่วน เพื่อให้เข้าใจง่ายดังนี้ แป้งชูสำหรับเอแคลร์ วัตถุดิบประกอบด้วย แป้งขนมปัง 680 กรัม, ไข่ไก่ 1,040 กรัม, น้ำ 750 กรัม, เนย 340 กรัม และเกลือ 10 กรัม วิธีทำ ต้มน้ำ เนย และเกลือเข้าด้วยกัน เติมแป้งขนมปัง คนจนกระทั่งส่วนผสมเข้ากันดีและไม่ติดกระทะ นำไป
ใส่ชามผสม ตีแป้งด้วยความเร็วปานกลางประมาณ 1 นาที และค่อย ๆ เติมไข่ไก่ไปทีละนิดจนกระทั่งหมด วางพักไว้จนเย็น และนำไปบีบบนถาดที่ความยาวประมาณ 14 ซม. อบด้วยความร้อน 170 องศาเซลเซียส ประมาณ 45 นาที วางไว้ให้เย็นบนตะแกรงก่อนที่จะเติมไส้

มูสราสเบอร์รี่ วัตถุดิบ น้ำราสเบอร์รี่แบบบดเข้มข้น 1,000 กรัม, น้ำตาล 300 กรัม, เจลาติน 50 กรัม, วิปปิ้งครีม 1,200 กรัม วิธีทำ ต้มราสเบอร์รี่และน้ำตาลเข้าด้วยกัน ใส่เจลาตินลงไปวางทิ้งไว้ให้เย็น ค่อย ๆ คนเข้าด้วยกันและค่อย ๆ ใส่วิปปิ้งครีมลงไป

เอแคลร์ วัตถุดิบ เอแคลร์ 10 ชิ้น, มูสราสเบอร์รี่ 500 กรัม, เพสท์อัลมอนด์ 150 กรัม, สีแดง 4 กรัม, เจลแอพริคอท 20 กรัม วิธีทำ เจาะรูเอแคลร์ 3 รูเพื่อเติมไส้เอแคลร์มูสราสเบอร์รี่ ผสมเพสท์อัลมอนด์ด้วยสีแดง รีดเป็นแผ่นบางประมาณ 0.2 เซนติเมตร และไปไว้บนตัวเอแคลร์ เคลือบด้านบนด้วยเจลแอพริคอท และตกแต่งให้สวยงามตามใจชอบ.

ช้องมาศ

credit by :  http://www.dailynews.co.th/Content/Article/288544/‘เอแคลร์ราสเบอร์รี่’+คริสต์มาสนี้มีความหวาน

Read More...




----------------

ปรับปรุง
รายการบทความทั้งหมด



การบำรุงรักษารถยนต์เบื้องต้น



ร้านค้าเคลื่อนที่ ใช้ รถบรรทุกขนาดเล็กมาดัดแปลง



รวมบทความอาชีพ เสริม หลากไอเดียวิธีหารายได้เสริม



รวมบทความงานฝีมือ-สิ่งประดิษฐ์ รายได้เสริม



ทองม้วน thong muan ; rolled wafer





MASK รุ่นสายคล้องคอ







MASK รุ่นสายคล้องคอ. ��รุ่นนี้เป็นที่นิยมใช้กันมาก #ขายดีมาก
ทำจากผ้าคอตตอนแท้ 100%  ไม่ผสม เนื้อผ้านุ่ม 
3 ชั้น. สวมใส่พอดีกับใบหน้า ไม่เจ็บหู มีสายคล้องคอปรับได้
เวลาถอดออก ไม่ต้องกลัวลืม เพราะถอดแล้วคล้องคอไว้ได้
บรรจุในถุงซิปฟรอย์อย่างดี
ราคาชิ้นละ. 59. บาท. ไม่รวมส่ง 
มีหลายสีให้เลือกนะคะ   สนใจทักแชทขอดูสีผ้าได้นะคะ
หน่วยงาน บริษัท ห้างร้าน หรือ สนใจสั่งไปจำหน่าย 
มีเรทราคาส่งค่ะ

-> id line : noeyhorm_06
#มีวางจำหน่ายหน้าร้านชานมไต้หวันมาราชาสาขาจรัญ44


ร้านมาราชาชานมไข่มุก สาขาจรัญสนิทวงศ์ 44
● รับบัตรสะสมครบ 10 แก้ว แลกรับฟรี 1 แก้ว
● สั่งเดลิเวอรีผ่าน LINE MAN, Foodpanda ,GET ...ถึงมือปั๊บพร้อมดื่มปุ๊บ!
● อัพเดทโปรโมชั่นใหม่ๆ รสชาติใหม่ ตลอดเวลา
● มีเมนูให้เลือก 40 กว่าเมนู : https://bit.ly/2Z9iqV0






























































เลือกช่องทางติดต่อและรับข่าวสารบริการหลังการขาย
ฟอร์ด พลปิยะอยุธยาและฟอร์ด พลปิยะวังน้อย

--------------------------------------------------------------------------------------------
แคมเปญ-โปรโมทชั่น อะไหล่ฟอร์ด อัพเดททางออนไลน์และปรับปรุงข้อมูลออนไลน์
อะไหล่ฟอร์ด อะไหล่รถฟอร์ด อะไหล่รถยนต์ฟอร์ด อะไหล่ฟอร์ดแท้ ร้านขายอะไหล่รถฟอร์ด ขายอะไหล่รถฟอร์ด อะไหล่ฟอร์ด
 
Option

รวมบทความอาชีพเสริม หลากไอเดียวิธีหารายได้เสริม หาอาชีพเสริมอิสระทำเงิน สร้างอาชีพอิสระงานฝีมือ แนะนำการสร้างรายได้เสริมทำเงินด้วยการขายสินค้าหรือขายของเป็นอาชีพเสริม อิสระงานฝีมือ แนะแนวธุรกิจ อาชีพเสริม อาชีพแก้จน อยากจะมีรายได้เสริมนอกเหนือจากงานประจำ บล๊อกจัดทำขึ้นเป็นวิทยาทานเพื่อเผยแผ่ความรู้อันจะเป็นไปเพื่อบุญกุศล ขอให้ทุกท่านที่มีส่วนร่วมในบทความของบล๊อกนี้ จงได้รับอานิสงฆ์ด้วยเทอญ.