สูตรขนม สูตรอาหาร อาชีพรายได้เสริม ประกาศฟรี โฆษณาฟรี Career Articles Extra Income
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

Drop Down MenusCSS Drop Down MenuPure CSS Dropdown Menu

กาแฟสด สร้างอาชีำพ

หลังจาก “ธภัทร ผางจันดา” ข้าราชการประจำ สังกัดปกครองจังหวัดขอนแก่น เข้ารับการอบรมกับ คม ชัด ลึก ฝึกอาชีพ เมื่อปลายปี 2550 หลักสูตรกาแฟสด และวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2551 ได้ลงทุนเปิดร้าน ซำบายกาแฟสด
ซำบายดีกาแฟสด

ช่วงแรกที่เปิดร้าน เธอจะให้ มิ่งขวัญ ผางจันดา น้องสาววัย 31 ปี ดูแลร้านวันจันทร์-ศุกร์ ส่วนธภัทรจะมาดูแลหลังเลิกงาน และวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ แต่ระยะหลังธภัทรจำต้องศึกษาต่อจึงไม่มีเวลาเข้ามาดูแลร้าน จึงให้น้องสาว มิ่งขวัญ เข้ามาดูแลร้าน โดยมีเธอยังคอยควบคุมเรื่องรสชาติให้คงเส้นคงวาอยู่เสมอ

มิ่งขวัญ เล่าว่า หลังเรียนจบปริญญาตรี ก็เข้าทำงานที่บริษัทเอกชนในกรุงเทพฯ เป็นเวลา 7 ปี กระทั่งพี่สาวไปฝึกอบรมทำกาแฟสด กับ คม ชัด ลึก ฝึกอาชีพ และลงทุนเปิดร้าน ต่อมาเมื่อเปิดได้ 5-6 เดือน พี่สาวก็ชวนให้มาอยู่ที่ร้าน และถ่ายทอดความรู้ที่เรียนมาและจากประสบการณ์จริงให้ตน ทั้งการบดกาแฟ การกลั่น การชง และส่วนผสมต่างๆ ตามมาตรฐาน ปัจจุบันสามารถทำได้ทุกเมนู

เธอบอกว่า สำหรับเมนูที่มีไว้บริการลูกค้าตั้งแต่เริ่มเปิดร้านถึงปัจจุบัน ได้แก่ ซำบายกาแฟสด น้ำปั่นเพื่อสุขภาพ ขนมปังปิ้ง ชามะนาว ฯลฯ ส่วนราคายังคงเท่าเดิมไม่เปลี่ยนแปลง คือเริ่มที่ 25-40 บาท แต่หลังจากที่เข้ามาบริหารอย่างเต็มตัวก็ได้เพิ่มเมนู ซำบายดี ขึ้นใหม่ ก็คือนำเอากาแฟสดผสมกับชา โดยจะมีกลิ่นของกาแฟเป็นตัวนำแต่ให้รสชาติที่กลมกล่อม ปัจจุบันเมนูนี้ได้รับความนิยมอย่างมากจากลูกค้า

เรายังเพิ่มเมนูใหม่คือ สมูตตี้สตรอเบอร์รี่ โดยนำโยเกิร์ตมาปั่นผสมกับสตรอเบอร์รี่และใส่วิปครีม เพื่อเป็นทางเลือกให้ลูกค้าซึ่งมีหลายกลุ่ม บางคนก็ต้องการกาแฟสดใส่วิปครีม จากปกติแก้วละ 30-35 บาท ก็เพิ่มเป็น 40-45 บาท”

ซำบายดีกาแฟสด

แม้ว่า มิ่งขวัญ จะมารับช่วงต่อจากพี่สาว แต่ก็ยังคงเน้นคุณภาพมาตรฐานตามที่พี่สาวได้ฝึกอบรมมา ขณะเดียวกันพี่สาวก็จะคอยควบคุมคุณภาพการปรุงอย่างต่อเนื่องทำให้กาแฟสดซำบายดีจากพี่สู่น้องรสชาติไม่มีผิดเพี้ยน ยังกลมกล่อม ถูกปากผู้บริโภคทั้งขาประจำ ขาจร เหมือนเดิม

สำหรับกลุ่มลูกค้าของร้านยังมีหลากหลาย โดยช่วงเที่ยงวันจะเป็นกลุ่มคนทำงานและกลุ่มนักธุรกิจที่มานั่งร้านเป็นสถานที่พูดคุย ส่วนตอนเย็นก็จะเป็นกลุ่มนักเรียนนักศึกษาที่มาช็อปปิ้งห้างสรรพสินค้าแล้ว แวะมากิน

กาแฟสด

ขณะนี้วัตถุดิบร้านกาแฟสด ปรับเพิ่มขึ้นประมาณ 20% ทั้งนม น้ำตาลทราย ครีมเทียม แต่ว่าทางร้านยังคงราคาเดิม ขณะที่คุณภาพก็พยายามปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น ก็มีลูกค้าบางรายเสนอให้ปรับเพิ่มราคาเล็กน้อย แต่ด้วยสภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ เห็นควรขายในราคาที่สบายกระเป๋าลูกค้า ซึ่งเราก็ไม่เดือดร้อนน่าจะดีกว่า
สำหรับยอดขายของร้าน หากเป็นวันธรรมดายอดขายเฉลี่ยวันละ 15-20 แก้ว หากเป็นช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ยอดขายวันละ 30-40 แก้ว โดยเฉลี่ยจะมียอดขายเดือนละ 2 หมื่นบาท ซึ่งถือว่าเป็นอาชีพที่เลี้ยงตัวเองได้อย่างไม่ขัดสน

แม้ว่า มิ่งขวัญ จะได้รับการถ่ายทอดหลักสูตรกาแฟสดจากพี่สาวและบริหารร้านกาแฟสดอย่างเต็มตัว แต่เธอก็ไม่หยุดนิ่ง หากมีเวลาว่างจะออกตระเวนชิมร้านชากาแฟ นมสด ในเขตเทศบาลเพื่อนำมาปรับปรุงเมนูที่ร้าน คาดว่าต้นปีหน้าจะมีเมนูใหม่ๆ ออกมาให้ลูกค้าได้ชิมกัน

สำหรับผู้ที่อยากมีกิจการร้านกาแฟสด เล็กๆ ลงทุนไม่มาก ตลาดยังเปิดกว้าง ไม่ควรพลาดที่จะเข้ารับการฝึกอบรมกับโครงการของ “คม ชัด ลึก ฝึกอาชีพ” ส่วนจะเป็นวันไหนนั้น สอบถามรายละเอียดที่โทร.0-2338-3356 และ 0-2338-3357
ที่มา : คมชัดลึก

Read More...


ข้าวมันไก่ สูตรไหหลำ

ใครสนใจหลักสูตรยอดฮิตใน โครงการ คม ชัด ลึก ฝึกอาชีพ ก็ต้องไม่พลาดวันเสาร์และอาทิตย์ที่จะถึงนี้ (14-15 พ.ย.) ที่ทีมงานจัดตารางวิชายอดนิยมสำหรับผู้สนใจจำนวน 4 หลักสูตรด้วยกัน

ข้าวมันไก่


ใกล้งวดเข้ามาทุกที สำหรับงานใหญ่ประจำปีของสมาคมสื่อมวลชนเกษตรแห่งประเทศไทย (สกท.) ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 19-20 ธันวาคมนี้ ภายใต้หัวข้อ เกษตรและอาหารเพื่อการอาชีพ เป็นการเปิดอบรมวิชาชีพระยะสั้นวันเดียวจบโดยมีวิทยากรมืออาชีพ เจ้าของร้านอาหารดังมาเปิดสอนเคล็ดลับการทำอาหารและงานภาคการเกษตรให้แก่ผู้สนใจอย่างหมดเปลือกกว่า 50 หลักสูตร ส่วนรายละเอียดจะมาเล่าให้ฟังในโอกาสต่อไป

แต่หากใครสนใจหลักสูตร ยอดฮิตในโครงการ คม ชัด ลึก ฝึกอาชีพก็ต้องไม่พลาดวันเสาร์และอาทิตย์ที่จะถึงนี้ (14-15 พ.ย.) ที่ทีมงานจัดตารางวิชายอดนิยมสำหรับผู้สนใจจำนวน 4 หลักสูตรด้วยกัน ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นวิชาที่เรียนง่าย ใช้ระยะเวลาการเรียนสั้นๆ เพียงแค่ 1 วันก็สามารถนำไปยึดเป็นอาชีพได้เลย ซึ่งเห็นตัวอย่างมาแล้วหลายราย

อย่างข้าวมันไก่สูตรไหหลำ พร้อมน้ำซุปสาหร่าย ซึ่งจะเปิดสอนวันเสาร์ที่ 14 พฤศจิกายน จะเป็นสูตรลับเฉพาะของ อ.ศักดา มีลาภ เจ้าของร้านเป็ดย่างลิตเติ้ลดั๊ก ที่ไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อน ยกเว้นที่นี่ แล้วก็เป็นสูตรข้าวมันไก่ที่ไม่เหมือนกับร้านที่เปิดขายโดยทั่วไปด้วย เช่นเดียวกับหลักสูตรการทำขนมเค้กช็อกโกแลตหน้านิ่ม เค้กบลูเบอร์รี่ และทอฟฟี่เค้ก ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์เด่นของปาเน็ตโทนเบเกอรี่และอาหาร โดยเจ้าของร้านคือ อ.โชคชัย โรจนาพันธุ์พัฒน์ ยกทีมมาสอนด้วยตัวเอง

ส่วนวันอาทิตย์ที่ 15 พฤศจิกายน ก็จะมี 2 วิชาเช่นกันแล้วก็ 2 วิชานี้เหมาะสำหรับทั้งเปิดร้านและทำรับประทานกันเองในครอบครัว ซึ่งก็ได้แก่ สเต๊กเนื้อ-หมู-ปลา พร้อมน้ำราดสูตร คุณปู่ เป็นสูตรลับที่คุณเกษรา พู่พันธ์พานิช เจ้าของร้านสเต๊กคุณปู่ ได้รับการถ่ายทอดเคล็ดลับมาจากคุณปู่ของเธอที่ว่ากันว่าทำสเต๊กได้อร่อยไม่ เป็นสองรองใคร โดยอาศัยการประยุกต์สูตรสเต๊กต่างๆ มาเป็นแบบฉบับของตนเองได้อย่างลงตัว ซึ่งสูตรดังกล่าวจึงถูกถ่ายทอดมายังตัวเธออย่างหมดเปลือก โดยใช้เนื้อทั้งสามชนิดคือ เนื้อ หมูและปลา ในรสชาติ 3 แบบ 3 สไตล์ที่หาไม่ได้ที่ไหน นอกจากสเต๊กคุณปู่เท่านั้น

เช่นเดียวกับหอยทอด ผัดไทย สูตรโบราณ โดยวิทยากรประจำโครงการคุณธนประเสริฐ อุดมเพชรทวีสิน เจ้าของร้านหอยทอด ผัดไทย สูตรโบราณชื่อดังย่านตลาดร่มเกล้า พูดถึงหอยทอด ผัดไทยร้านนี้ไม่ต้องอธิบายสรรพคุณอะไรมาก หากใครได้รับประทานแล้วต้องยกนิ้วให้ เพราะสูตรหอยทอด ผัดไทยของคุณธนประเสริฐนั้นไม่ได้โบราณแค่ชื่อเพื่อเรียกลูกค้า แต่เป็นสูตรการทำแบบโบราณจริงๆ ส่วนจะมีส่วนผสมอะไรบ้างต้องมาลองเรียนดูครับ บอกได้คำเดียวว่าไม่ผิดหวัง เห็นได้จากผู้เรียนที่ประสบความสำเร็จในการนำไปประกอบอาชีพจำนวนไม่น้อยในขณะนี้

ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดและสำรองที่นั่งได้ที่โครงการโทร .0-2338-3356-7 ทุกวันและผู้เรียนทุกวิชาจะได้รับสิทธิ์สมาชิก นสพ.”คม ชัด ลึก” ฟรี 1 เดือนด้วยครับ
ที่มา : คมชัดลึก

Read More...


แครปเค้ก เนื้อปูทรงเครื่อง

ใครชอบรับประทานเนื้อปู หันมาฟังทางนี้ วันนี้ เชฟเออร์วิน อีเบอร์ฮาร์เตอร์ หัวหน้าพ่อครัวใหญ่ ประจำโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ จะมาแนะนำเมนู เนื้อปูทรงเครื่องแครปเค้ก ซึ่งมีวิธีทำง่ายๆ


แครปเค้ก

ใครชอบรับประทานเนื้อปู หันมาฟังทางนี้ วันนี้ เชฟเออร์วิน อีเบอร์ฮาร์เตอร์ หัวหน้าพ่อครัวใหญ่ ประจำโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ จะมาแนะนำเมนู เนื้อปูทรงเครื่อง แครปเค้ก ซึ่งมีวิธีทำง่ายๆ
ด้วยการหั่นขนมปังขาวแห้งเป็นชิ้นเล็ก นำไปปั่นจนละเอียด ผัดพริกไทยและต้นหอมในน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์จนใส นำ เนื้อปู และส่วนผสมต่างๆ คลุกเคล้าให้เข้ากัน เติมขนมปังขาวบดลงไป คลุกเบาๆ อีกครั้ง
จัดรูปโดยใส่ลงไปในแม่พิมพ์ นำไปทอดกับน้ำมันมะกอกพอเหลือง จากนั้นนำไปอบจนสุกกรอบ จะได้เนื้อปูทรงเครื่องเหลืองกรอบหอมกรุ่น เสิร์ฟพร้อมแตงกวาดองและแม็กซิกันชีสซอส

เคล็ดลับสำคัญของอาหารทุกจานคือ

วัตถุดิบที่สด และเนื้อปูคุณภาพดีที่สุด เนื้อปู และก้ามปูที่ใช้จะต้องเป็นแบบที่ชิ้นใหญ่ที่สุด และไม่แตกออกจากกัน

สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งคือ

ใช้เครื่องเทศที่กลิ่นหอมและรสชาติไม่แรงเกินไป ส่วนขั้นตอนการปรุงก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะการคลุกเคล้าส่วนผสมต่างๆ นั้นต้องทำอย่างทะนุถนอม และต้องไม่ทำให้ก้อนเนื้อปูแตก เพราะปูชิ้นใหญ่ย่อมให้รสชาติที่แสนอร่อย” เชฟเออร์วิน แนะนำ
ที่มา : คมชัดลึก

Read More...


สูตรสมุนไพร ลอดช่องสิงคโปร์ สด อบแห้ง

ลอดช่องสิงคโปร์สด -อบแห้ง สูตรสมุนไพรที่หลากสี จากสมุนไพรแท้ 11 ชนิด ภายใต้เครื่องหมายการค้า หรือแบรนด์ “แม่วนิดา” ส่งขายตามห้างสรรพสินค้าชื่อดัง บริษัทเอกชน และพ่อค้าคนกลางเพื่อขายต่อ


ลอดช่องสิงคโปร์

สุภาวดี เล่าที่มาของกิจการผลิตลอดช่องสิงคโปร์ทั้งสดและอบแห้ง สูตรสมุนไพร 11 ชนิด ว่า เมื่อราว 10 ปีก่อน กรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จัดงานแสดงสินค้าราคาถูกที่ศูนย์แสดงสินค้าอิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี จ.นนทบุรี ค่าบูธจำหน่ายสิ้นค้า 17 วันเพียง 5,000 บาทเท่านั้น จึงอยากเช่าขายเป็นของตัวเองบ้าง เพราะครอบครัวคือคุณแม่ซึ่งเป็นประธานกลุ่มแม่บ้านศรีพฤษกษา ผลิตดอกไม้ประดิษฐ์จากผ้า กระดาษสา และยางพารา ส่งให้บริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง เพื่อส่งออกขายต่างประเทศต่อ และอีกส่วนหนึ่งดอกไม้ประดิษฐ์เหล่านี้ คุณแม่และสมาชิกกลุ่มแม่บ้านศรีพฤษกษานำออกบูธตามงานต่างๆ ด้วย แต่สุภาวดียังคิดไม่ออกว่าจะนำสิ่งใดไปออกบูธ

บังเอิญได้คำแนะนำจากเพื่อนคนหนึ่งว่า น่าจะลองไปรับลอดช่องสิงค์โปร์ไปขาย เพราะคนกำลังนิยม จึงลองดู แต่ได้นำสินค้าอย่างอื่นไปขายด้วย อาทิ น้ำพริก และแค็บหมู ในบรรดาสินค้าเหล่านี้ลอดช่องสิงคโปร์ขายดีที่สุด จึงนึกว่าควรหาวิธีมาทำคอดช่องสิงคโปรค์เอง ระหว่างนั้นมีผู้อำนวยการกองคนหนึ่งในกรมส่งเสริมการเกษตรมาพบ และแนะนำว่า ลอดช่องสิงคโปร์น่าจะมีหลายสีเพราะมีแต่สีเขียวอย่างเดียว และงานแสดงสินค้าของกรมส่งเสริมการเกษตรได้จบสิ้นไปแล้ว การออกบูธในครั้งนั้นถือเป็นการจุดประกายให้สุภาวดีเริ่มจับธุรกิจเล็กๆ น้อยๆ เป็นของตัวเอง หลังจากที่ช่วยงานในครอบครัวมาดูงานด้านการผลิตดอกไม้ประดิษฐ์มาตลอด

“พองานแสดงสินค้าของกรมส่งเสริมการเกษตรเสร็จสิ้น ฉันกลับมาศึกษาวิธีการทำลอดช่องสิงคโปร์ สังเกตจากคนอื่นบ้าง แล้วกลับมาทำเอง พอทำได้แล้วพอดีช่วงนั้นเป็นจังหวะที่กระแสของสมุนไพรกำลังมาแรงมาก ทุกคนหันมาใส่ใจด้านสุขภาพ จึงนึกถึงคำพูดของผู้อำนวยการท่านหนึ่งว่าน่าจะทำเป็นหลายสีจึงมาศึกษาว่ามี สมุนไพรอะไรบ้างที่มีสีต่างๆ พอที่จะนำมาเป็นสีของลอดช่องสิงคโปร์ได้ จากเดิมที่เรารับเป็นสีที่มาจากสีวิทยาศาสตร์ จึงพบว่าดอกอัญชันให้สีม่วงคราม ใบเตยให้สีเขียว กระเจี๊ยบให้สีแดง ดอกคำฝอยให้สีเหลือง ผลมะตูมให้สีส้ม ขิงให้สีขาว นอกจากนั้นมีสีจางที่มาจากเมล็ดงา เก๊กฮวย แมงลัก และบัวบก เป็นสุมนไพรแท้ รวมแล้ว 11 ชนิด” สุภาวดี กล่าว

ลอดช่องสิงคโปร์

หลังจากที่คิดสูตรได้แล้ว สุภาวดีจึงรวบรวมบรรดากลุ่มแม่บ้านในแขวงคันนายาว เขตคันนายาว ได้ 7 คน ตั้งกลุ่มแม่บ้านเขตคันนายาว เพื่อผลิตลอดช่องสิงคโปร์สีต่างๆ สูตรสมุนไพรจากสมุนไพรแท้ 11 ชนิด ทั้งลอดช่องสด และอบแห้ง โดยได้รับการสนับสนุนจากเขตคันนายาวโดยให้เครื่องตีแป้ง และเครื่องอบแห้งอย่างละ 1 เครื่อง จากนั้นลงมือผลิต โดยอาศัยที่บ้านของตัวเองในหมู่บ้านเลิศอุบล ซอย 6 ถนนสวนสยาม แขวงคันนายาว เขตคันนายาว กรุงเทพฯ ซึ่งครั้งแรกที่ออกบูธที่ศูนย์แสดงสินค้าไบเทค บางนา
“ตอนนั้ฉันคิดว่าความฝันที่จะผลิตสินค้าส่งออกน่าจะเป็นจริงได้ เพราะลอดช่องสิงคโปร์สูตรสมุนไพรของเรา มีโอกาสโชว์นักธุรกิจนานาชาติ เพราะงานนั้นรัฐบาลไทยจัดขึ้นมา 5 วัน โดย 3 วันแรก ให้นักธุรกิจต่างชาติเข้าชมผลิตภัณฑ์สินค้าชุมชนและสินค้าโอท็อปของไทย และอีก 2 วันสุดท้ายให้คนทั่วไปเข้าชมและซื้อสินค้าได้ ที่จริงตอนนั้นนักธุรกิจต่างชาติสนใจเหมือนกัน คิดว่าสิ่งที่คิดน่าจะสำเร็จ ขนาดมีร้านขนาดใหญ่แห่งหนึ่งย่านดอนเมืองมาติดต่อพร้อมมีออเดอร์เข้ามา แต่ฉันปฏิเสธไปเพราะคิดจะส่งออก พอมาศึกษาขั้นตอนต่างๆ ไม่ง่ายอย่างที่คิด เราไม่มีความรู้ในด้านนี้เลย อย่างดีก็ผลิตผ่านพ่อค้าคนกลางอีก” สุภาวดี ย้อนความคิดในอดีตให้ฟัง

กระนั้นเส้นทางการค้า สุภาวดี ก็ไม่ได้ตันเสียทีเดียว เพราะหลังออกบูธอีกครั้งในห้างสรรพสินค้าแฟชั่นไอส์แลนด์ราว 6-7 ปีก่อน มีตัวแทนฝ่ายการตลาดของบริษัท เอส แอนด์พี ซินดิเคท จำกัด ได้นำสินค้าไปตรวจสอบถึงคุณภาพ คุณค่างทางอาหาร มีสารต้องห้ามหรือไม่ จากนั้นเพียง 1 สัปดาห์ จึงมีออเดอร์ลอดช่องสิงคโปร์สดสูตรสมุนไพรแท้จากบริษัท เอส แอนด์พี มาจนถึงวันนี้ตกเดือนละ 300-400 กิโลกรัม และอีกส่วนหนึ่งมีพ่อค้าคนกลางรับซื้อไปขายต่ออีกรวมแล้วมีออเดอร์เดือนละ ราว 700-800 กิโลกรัม ขายส่งในราคากิโลกรัมละ 37 บาท

ส่วนลอดช่องสิงคโปร์อบแห้งบรรจุภัณฑ์ในห่อพลาสติกขนาด 100 กรัม ขายส่งราคาห่อละ 14 บาท หรือกิโลกรัมละ 90 บาท ปัจจุบันส่งให้ห้างสรรพสินค้าตั้งฮั้วเส็ง สาขาต่างๆ ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ บางสาขา และพ่อค้าคนกลางรวมแล้วเดือนละกว่า 2,000 ห่อ รวมแล้วคิดมูลค่าแล้วสามารถเลี้ยงตัวเองได้เนื่องจากอีกส่วนหนึ่งนำออกจำหน่ายตามงานต่างๆ อีกด้วย

แม้วันนี้ สุภาวดี ศิริพันธุ์ ยังไม่ประสบผลสำเร็จในธุรกิจส่งออกอย่างที่คิดไว้ แต่ถือว่าผลิตภัณฑ์ลอดช่องสิงคโปร์สูตรสมุนไพรแท้ ประสบผลสำเร็จระดับหนึ่ง เพราะอย่างน้อยมีตลาดรองรับที่แน่นอน

สูตรลอดช่องสิงคโปร์สมุนไพร

สำหรับสูตรการทำลอดช่องสิงคโปร์ “แม่วนิดา สูตรสมุนไพร” ก่อนลงมือทำควรเตรียมอุปกรณ์ ดังนี้
1.แป้งสิงคโปร์ (แป้งมัน) 1 กก.
2.แป้งข้าวโพด 300 กรัม
3.น้ำสะอาด 1,500-2,000 ซีซี (1 ลิตรครึ่ง-2 ลิตร )
4.สมุนไพรที่ต้องการ อาทิ มะตูม หรือดอกคำฝอย

วิธีทำลอดช่องสิงคโปร์สมุนไพร

1.เอาน้ำสะอาดตั้งบนเตาให้เดือด ใส่มะตูม หรือดอกคำฝอยพอประมาณเคี่ยวให้ออกสี หรือเนื้อมะตูมเปื่อย
2.นำน้ำเคี่ยวสมุนไพรมากรองให้สะอาด
3.นำแป้งสิงคโปร์ผสมแป้งข้าวโพดเทน้ำสมุนไพรที่เคี่ยวมานวดให้เข้ากันตอนที่ น้ำยังร้อนจนเนื้อเนียน เหนียว เป็นเนื้อเดียวกัน
4.พอเหนียวแล้วมารีดเป็นแผ่นบางๆ หนาราว 2-3 มม. หรือใช้เครื่องรีดก็ได้ จากนั้นใช้มีดคมกรีดเป็นชิ้นขนาดกว้าง 1-2 นิ้ว ยาวตามที่ต้องการ
5.ใช้มีดคมสอยเป็นเส้นขนาดพอดีน่ารับประทาน
6.ต้มน้ำให้เดือด นำเส้นที่สอยมาเทลงไป ใช้อุปกรณ์กวนเรื่อยๆ ป้องกันเส้นติดกัน ราว 3 นาทีเส้นสุกจะลอยขั้นมา ใช้ตะแกรงตักไปน็อกในน้ำเย็น ก่อนนำไปรับประทานใส่น้ำเชื่อม กะทิสด และน้ำแข็ง


หากใครสนใจอยากเรียนการทำลอดช่องสิงคโปร์สูตรสมุรไพรตามแบบฉบับของแม่ วนิดา ไว้รับประทานเองหรือเพื่อการค้า สุภาวดี ศิริพันธุ์ จะบอกเคล็ดลับทุกขั้นตอนใน คม ชัด ลึก ฝึกอาชีพ วันเสาร์ที่ 12 ธันวาคมนี้ สอบถามได้ที่ 0-2338-3356-7
ที่มา : คมชัดลึก

Read More...


ขายกาแฟ ชาใบเตย เป็นรายได้เสริม

ป้าพุกเปิดร้านชำ เล็กๆ ขายจิปาถะ พร้อม กาแฟโบราณ ควบคู่สร้างรายได้เสริมเรื่อยมา ล่าสุดนำความรู้ที่ได้จาก “คม ชัด ลึก” ฝึกอาชีพ ปรับใช้กับเมนูเดิม และต่อยอดเป็นเครื่องดื่มใหม่ ชาใบเตย


กาแฟ-ชาใบเตย

จากที่ยึดอาชีพแม่ค้า มาตลอด ป้าพุก บอกว่า จึงทำให้รู้วิธีการบริหารจัดการอย่างเป็นระบบ ขณะเดียวกันได้ใช้ประสบการณ์ด้านค้าขายนี้ช่วยสามีรับเหมางานก่อสร้างควบคู่ด้วย โดยทำหน้าที่ดูแลค่าใช้จ่ายเหมือนฝ่ายการเงินของบริษัท ทำให้เข้าใจคนหาเช้ากินค่ำและคนมีรายได้น้อย

สิ่งสำคัญคือต้องเป็นคนยิ้มแย้มแจ่มใส ไม่ตั้งราคาสินค้าสูงเกินจริง ไม่เอาเปรียบลูกค้า แรกเริ่มที่ขายของใหม่ๆ จะมีลูกค้ามาชื้อและขอลงบัญชีเอาไว้จ่ายสิ้นเดือน เราในฐานะแม่ค้าต้องเห็นใจคนที่ไม่มี อย่างน้อยก็ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน และความที่เราเข้าใจเขานั้นส่งผลให้ลูกค้ามีความเกรงใจไม่กล้าเบี้ยว” ป้าพุกอธิบายถึงหลักการเปิดร้านขายของชำเมื่อกว่า 10 ปีก่อน ก่อนเจียดหน้าร้านขายกาแฟโบราณช่วงถัดมา
เหตุผลที่ขายกาแฟเสริมนั้น ป้าพุกบอกว่า เพราะมีลูกค้าสูงอายุมาอ่านหนังสือพิมพ์ที่ร้านในช่วงเช้าเยอะ และมีหลายคนแนะให้ขายกาแฟ จึงทดลองทำโดยอาศัยเรียนรู้ด้วยตัวเอง ทั้งอ่านจากตำรา สอบถามจากผู้มีประสบการณ์ จากนั้นจึงทำขาย ปรากฏว่าขายดีมาก มีลูกค้ามาอุดหนุนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนอกจากเป็นกลุ่มลูกค้าเดิมๆ แล้วก็ยังมีลูกค้าใหม่ๆ เพิ่มขึ้นด้วยในปัจจุบัน อย่างยิ่งหลังเข้าร่วมฝึกอาชีพกับ “คม ชัด ลึก” เมนูเทคนิคการชงกาแฟโบราณ” โดยคุณวิธาน ศิริเบญจวรรณ เจ้าของร้านวาสนาน้ำโบราณย่านตลิ่งชัน กทม.เมื่อเกือบ 3 ปีที่ผ่านมา

กาแฟ-ชาใบเตย

“เรานำสิ่งที่ได้รับจากการอบรมหนนั้นมาปรับใช้กับที่ร้านด้วย ซึ่งนอกจากรสชาติกาแฟจะอร่อยถูกใจประเภทสั่งได้แล้ว การให้บริการที่ดีเราก็ทำควบคู่ด้วย ซึ่งตรงนี้ถือเป็นจุดขาย บวกกับขายไม่แพงด้วยเพียงแก้วละ 6 บาท ซึ่งเราขยับราคาขึ้นอีก 1 บาท หลังขายแก้วละ 5 บาทมานานหลายปีไม่เปลี่ยน เพราะราคาวัตถุดิบที่แพงขึ้น แต่ก็ไม่ได้รับผลกระทบจากการปรับราคา ยังขายดีมากอยู่เหมือนเดิม” ป้าพุก บอกและว่าปัจจุบันได้นำความรู้จากการอบรมหนนั้นมาทำชาใบเตยขายอีกชนิด ซึ่งก็ได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดีพอๆ กับกาแฟโบราณ

ป้าพุกบอกอีกว่า จะได้รับคำชมจากลูกค้าตลอดว่าเป็นชาที่หอมอร่อย สามารถรับประทานกับปาท่องโก๋ได้อย่างลงตัวเช่นเดียวกับกาแฟ ซึ่งเฉพาะปาท่องโก๋นั้นจะขายไม่ต่ำกว่าวันละ 100 ตัว
“ไม่ว่าจะทำอะไรหากเราทำด้วยใจรัก ทำแล้วมีความสุข แม้ว่าเงินหรือค่าตอบแทนจะไม่มาก แต่เราก็อยู่ได้อย่างมีความสุข” นั่นเป็นคติประจำใจของป้าพุก ซึ่งเธอยอมรับว่า ด้วยเพราะยึดอาชีพค้าขายนี้ทำให้เธอมีรายได้ส่งเสียให้ลูกๆ ได้ร่ำเรียนจนจบปริญญากันทุกคน อย่างยิ่งการเปิดหน้าร้านขายกาแฟโบราณ-ชาใบเตย ที่มีลูกค้าอุดหนุนอย่างต่อเนื่องและเพิ่มมากขึ้นในทุกวันนี้

สำหรับผู้กำลังมองหางาน หรือต้องการมีอาชีพเสริม ทางโครงการ “คม ชัด ลึก ฝึกอาชีพ” มีแผนจะเปิดอบรมหลักสูตร “เทคนิคการชงกาแฟโบราณ” นี้อีกครั้งเมื่อไหร่นั้น สามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ 0-2338-3356 และ 0-2338-3357
ที่มา : คมชัดลึก

Read More...


ต้มยำไฮโซ เมนูเด็ด รายได้ดี

สุดยอดความอร่อย ร้านก๋วยเตี๋ยวเฮียหมู แห่ง อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี โดยคุณสมโภชน์ ประเสริฐสงค์ ความอร่อยทั้งมวล เกิดจากความประณีต ความเอาใจใส่ของเจ้าของ ล่าสุด “ก๋วยเตี๋ยวต้มยำไฮโซน้ำพริกเผา” กลายเป็นอีกเมนูเด็ดที่สร้างเม็ดเงินให้ร้านได้ไม่น้อย


ก๋วยเตี๋ยวต้มยำไฮโซ

สมโภชน์ ย้อนอดีตให้ฟังถึง ร้านก๋วยเตี๋ยวเฮียหมู ซึ่งตั้งอยู่ 73-74 ถนนเทศบาลติดกับธนาคารออมสิน สาขาบ้านหมี่ ว่า ร้านเปิดมากว่า 50 ปี โดยคุณยายเป็นผู้บุกเบิกกิจการ ก่อนจะตกทอดสู่รุ่นแม่หรือที่ลูกค้ารู้จักกันในนามร้าน เจ๊เป้า กระทั่งตกทอดมาถึงรุ่นของตนเองเป็นรุ่นที่ 3 เมื่อเกือบ 10 ปีที่ผ่านมา โดยยึดทำเลขายในตลาดเขตเทศบาลเมืองบ้านหมี่ตลอด ขายทุกเมนูที่เกี่ยวกับก๋วยเตี๋ยวหมู

จากปากต่อปากที่เอ่ยถึงความอร่อยในทุกเมนู ทำให้ในแต่ละวันตลอดระยะเวลาอันยาวนานจึงมีลูกค้าให้การอุดหนุนคับคั่ง และที่ทำให้ช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา ร้านก๋วยเตี๋ยวเฮียหมู เปลี่ยนไปเป็น ร้านก๋วยเตี๋ยวต้มยำไฮโซน้ำพริกเผา ก็เพราะความอร่อยสุดๆ ของเมนูนี้นั่นเอง

ร้านก๋วยเตี๋ยวต้มยำไฮโซน้ำพริกเผา

 

เคล็ดลับความอร่อยก๋วยเตี๋ยวต้มยำไฮโซ

ความอร่อยของเมนูก๋วยเตี๋ยวต้มยำไฮโซนี้ เคล็ดลับคือ เส้นบะหมี่สด ที่เราทำเองด้วยแป้งหมี่คุณภาพดี ขณะที่ลูกชิ้นปลากลาย เนื้อหมูที่ปรุงรสทำเป็นหมูแดง หมูบะช่อ รวมทั้งถั่วลิสง พริกป่น กระเทียมเจียว รวมทั้งน้ำพริกเผาซึ่งปรุงรสชาติที่เผ็ดอร่อย ซึ่งทุกอย่างเราทำเองหมดและทำวันต่อวัน ใช้มะนาวปรุงรส ที่สำคัญน้ำก๋วยเตี๋ยวนั้นร้านจะใช้กระดูกหมูต้มให้มีรสชาติหวานกลมกล่อม สมโภชน์ เล่าให้ฟัง
ด้วยทุกอย่างคำนึงถึงคุณภาพความอร่อยบนพื้นฐานความพึงพอใจของลูกค้าเป็น สำคัญนั้น สมโภชน์บอกว่า แต่ละวันจึงขายได้ไม่ต่ำกว่า 150-200 ชาม และกำหนดราคาขายชามธรรมดา 30 บาท พิเศษ 35-40 บาท โดยลูกค้าส่วนใหญ่นอกจากขาประจำในละแวกถิ่นแล้ว มีทั้งขาจร รวมถึงนักท่องเที่ยวในถิ่นอื่นที่เดินทางมาตามคำบอกเล่าเพื่อลิ้มลองและ พิสูจน์ในรสชาติความอร่อยของก๋วยเตี๋ยวเมนูนี้

นายสกล ปิยะสุวรรณ์ นายกเทศมนตรีเมืองบ้านหมี่ กล่าวว่า ในเขต อ.บ้านหมี่ มีกิจการร้านก๋วยเตี๋ยวจำนวนมากที่นอกจากเปิดร้านขายก๋วยเตี๋ยวแล้ว ยังผลิตเส้นบะหมี่ออกจำหน่ายด้วย ทั้งขายที่หน้าร้านและขายส่งไปตามอำเภอต่างๆ เทศบาลคิดทำโครงการสนับสนุนผู้ประกอบการเปิด “ร้านก๋วยเตี๋ยวบะหมี่” เพราะในจังหวัดมี อ.บ้านหมี่ แห่งเดียวที่ผลิตเส้นบะหมี่สดออกจำหน่าย ทั้งนี้นอกจากเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวของอำเภอแล้ว ยังสร้างอาชีพให้คนพื้นถิ่นมีอาชีพที่มั่นคงและยั่งยืนด้วย

ที่มา : คมชัดลึก

Read More...


ทำเค้กลำไย อาชีพเสริม

ปัจจุบันเค้กลำไยของกลุ่มได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคว่าอร่อย รสชาติกลมกล่อม หอม หวาน มัน ที่เป็นจุดเด่นและเราภูมิใจมากๆ คือเค้กลำไยของกลุ่มจะนุ่มอร่อยลิ้นทีเดียว เพราะเป็นสูตรสำเร็จที่เราพยายามคิดขึ้นจนลงตัว


เค้กลำไย

จากแนวคิดที่ไม่หยุดนิ่ง ด้วยเหตุผลแรกเริ่มต้องการเพิ่มมูลค่า ลำไย วัตถุดิบในท้องถิ่นให้มากขึ้น เพื่อเป็นทางเลือกของผู้บริโภคนอกเหนือจากการขายเป็นผลไม้ธรรมดา จึงทำให้กลุ่ม วิสาหกิจชุมชนห้วยกานเบเกอรี่ แห่ง ต.บ้านโฮ่ง อ.บ้านโฮ่ง จ.ลำพูน โดยการนำของ ป้าสมพร จอมอิ่น ร่วมกันคิดจนพัฒนาเป็น เค้กลำไย สินค้ายอดนิยมของผู้บริโภคทั้งในและนอกพื้นที่ เพราะติดใจในรสชาติอันสุดอร่อย จนสร้างรายได้เข้าสู่ชุมชนอย่างต่อเนื่อง ป้าสมพร” ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนห้วยกานเบเกอรี่ เล่าว่า กลุ่มเกิดขึ้นเมื่อปี 2548 ปัจจุบันมีสมาชิก 25 คน เกือบทั้งหมดเป็นเกษตรกรที่ปลูกลำไยอยู่ในพื้นที่ แต่ระยะหลังผลผลิตราคาตกต่ำเธอและสมาชิกจึงร่วมกันคิดหาหนทางเพิ่มมูลค่าของ ลำไยด้วยการทดลองนำมาแปรรูปเป็นอาหารในหลายรูปแบบแต่ไม่ประสบผลสำเร็จ กระทั่งมาลงตัวที่ เค้กลำไย หลังจากเธอและสมาชิกส่วนหนึ่งได้ร่วมอบรมการทำขนมเค้กที่จังหวัดจัดอบรมขึ้น

เมื่อเล็งเห็นช่องทางการสร้างรายได้ให้แก่ชุมชน และมองว่าเมื่อสมาชิกผู้ผลิตพร้อมแล้ว เธอจึงรวมกลุ่มสมาชิกควักทุนบุกเบิกตลาด เค้กลำไย ในทันที โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณส่วนหนึ่งจากจังหวัดเพื่อซื้ออุปกรณ์ต่างๆ

ทดลองพลิกแพลงนับครั้งไม่ถ้วน แรกๆ กินได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่พวกเราก็ไม่ย่อท้อ ช่วยกันคิดช่วยกันทำจนตอบโจทย์ผู้บริโภคได้สำเร็จ ทำให้ปัจจุบันเค้กลำไยของกลุ่มได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคว่าอร่อย รสชาติกลมกล่อม หอม หวาน มัน ที่เป็นจุดเด่นและเราภูมิใจมากๆ คือเค้กลำไยของกลุ่มจะนุ่มอร่อยลิ้นทีเดียว เพราะเป็นสูตรสำเร็จที่เราพยายามคิดขึ้นจนลงตัว ป้าสมพร แจง

ขนมเค้กลำไย

นอกจากความใหม่สดของสินค้าที่ผลิตวันต่อวัน บวกรสชาติที่สุดยอดของความอร่อย แถมยังขายราคาย่อมเยา ภายใต้แพ็กเกจที่สวยงามทันสมัย พร้อมการันตีคุณภาพสินค้าด้วยโอท็อป 3 ดาว,การรับรองจากคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เครื่องหมายฮาลาล มาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน (มผช.) สิ่งเหล่านี้คือสาเหตุหลักที่ทำให้สินค้าของกลุ่มติดตลาดและมีแนวโน้มขยาย ตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่วงเทศกาลต่างๆ ผลิตไม่ทันต่อความต้องการของลูกค้า

เค้กลำไยของกลุ่มมีขายตลอดปี กระจายอยู่ตามร้านค้า ร้านของฝากในตัวจังหวัด และพื้นที่ใกล้เคียง โดยในทุกวันเกือบทั้งหมดจะผลิตตามออเดอร์ ซึ่งมี 2 ขนาด แบบเป็นกล่องขายส่งกล่องละ 35 บาท และขนาดเป็นชิ้น ชิ้นละ 4.50 บาท …จากที่กลุ่มมีออเดอร์เป็นประจำทำให้สมาชิกแต่ละคนมีรายได้เสริมเฉลี่ย เดือนละไม่ต่ำกว่า 4,000-5,000 บาท ขณะที่ส่วนหนึ่งเราก็แบ่งเก็บไว้เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ของกลุ่มต่อไป” ป้าสมพรแจงด้วยความภูมิใจ

ส่วนผสมและวิธีการทำเค้กลำไย ก็จะมีไข่ แป้ง น้ำตาลทราย น้ำมันพืช ผงฟู และที่ขาดไม่ได้ก็คือลำไยแห้ง ที่จะนำมาปั่นผสมเข้าไป

ส่วนวิธีการทำเค้กลำไย

ก็ทำตามขั้นตอนการทำขนมเค้กทั่วไป และเมื่อส่วนผสมพร้อมแล้วก็จะนำไปเข้าตู้อบไฟฟ้าตั้งความร้อนที่ 400 องศาเซลเซียส นานประมาณ 30 นาที หรือครึ่งชั่วโมง ก็จะได้ “เค้กลำไย” ที่หอมกรุ่น สูตรอร่อยของวิสาหกิจชุมชนบ้านห้วยกาน วางไว้จนอุณหภูมิเย็น ก่อนแพ็กลงบรรจุภัณฑ์เตรียมวางจำหน่ายต่อไป

สำหรับผู้สนใจอยากเรียนรู้กรรมวิธีการทำ หรือต้องการลองลิ้มความอร่อย ป้าสมพรบอกติดต่อได้ที่กลุ่ม วิสาหกิจชุมชนห้วยกานเบเกอรี่ โทรศัพท์ 08-4985-9296, 08-2486-0557 และ 08-4177-0082 เพราะนอกจากกลุ่มจะรับสั่งทำตามออเดอร์ บริการส่งให้ทั่วประเทศแล้ว เธอและสมาชิกยินดีให้ความรู้แก่ทุกๆ คนด้วย
ที่มา : คมชัดลึก

Read More...


แฟรนไชส์ เสื้อผ้ามือสอง สินค้าทำกำไร

เจ้าของแฟรนไชส์เสื้อมือสอง เกรด A เจ้าแรกและเจ้าเดียวในประเทศไทย ที่พลิกปรากฏการณ์ฮ็อตฮิตถล่มทลาย ด้วยกลยุทธ์ใหม่ถอดด้ามให้เลือกได้ -เปลี่ยนได้ไม่อั้น พาผู้ค้าทั้งรายเล็ก-รายใหญ่ มือใหม่ มืออาชีพ ร่ำรวยกันถ้วนหน้า


แฟรนไชส์เสื้อผ้ามือสอง

คุณรชา (ลิ่มศิลา) รัฐฐานนท์ อดีตบรรณาธิการบริหารนิตยสารวัยรุ่น คลุกคลีอยู่ในวงการบันเทิงมาเกือบ 20 ปี มีผลงานการเขียนมากมาย เคยเป็นฝ่ายคัดสรรศิลปินของค่ายเทป โปรดิวเซอร์รายการทีวี ครีเอทีฟแมเนเจอร์บริษัทออร์แกไนซ์ ฯลฯ เมื่อคิดจะทำธุรกิจ เธอพลิกโฉมทำในสิ่งที่คนอื่นคิดไม่ถึงว่าจะมีใครทำ นั่นคือ แฟรนไชส์เสื้อผ้ามือสอง ที่ทั้งสภาพดี ราคาถูก แถมยังให้เลือกได้ทุกตัวแบบบุฟเฟ่ต์ เปลี่ยนได้ทุกตัวอีกถ้าตัวไหนขายไม่ได้

ถามแนวคิดของผู้บริหาร ว่าไอเดียดีๆ แบบนี้ มีที่มาที่ไปอย่างไร เธอตอบว่า คนที่เคยเดินทางไปซื้อเสื้อมือสองไกลๆ เสียทั้งเวลา เปลืองค่าน้ำมัน บางครั้งอาจต้องเสียอารมณ์หากพบสินค้ามีตำหนิเหตุผลนี้ Switch ON ขอเป็นทางเลือกใหม่นำเสื้อผ้ามือสองมาจำหน่ายในรูปแบบแฟรนไชส์ เพราะแม้ลูกค้าจะอยู่ไกล เพียงแค่โทรศัพท์เข้ามาสั่ง 4 วัน สินค้าก็จัดส่งถึงบ้านได้

“วิธีคิดของเรามันอาจไปค้านกับความเชื่อของคนส่วนใหญ่ ว่าทำธุรกิจต้องมุ่งเอาแต่กำไรให้มากที่สุด แต่สำหรับ Switch ON เราคิดว่ากำไรเอาแค่พออยู่ได้ ให้การบริหารจัดการเป็นไปได้ไม่ติดขัด แต่ทำยังไงให้ธุรกิจเราช่วยคนให้ตั้งตัวได้มากที่สุดในยุคเศรษฐกิจแบบนี้ ลงทุนน้อยๆเลยออกมาเป็นทั้งถูกด้วย ดีด้วย เลือกได้และเปลี่ยนได้ตลอดด้วย” คุณรชา ระบุ

มาถึงที่แล้ว ปรากฏว่าที่สิ่งที่ได้เจอคือบรรยากาศในร้านนั้น ราวกับว่าลูกค้ามาสังสรรค์บ้านญาติมิตร เลือกไปคุยกันไป แลกเปลี่ยนความรู้-ไอเดียการขายกัน เส้นทางเศรษฐีเลยเข้าไปจับเข่าคุยกับผู้ค้ารายหนึ่งซึ่งกำลังเลือกเสื้อแจ๊คเก็ตยีนส์ไปขายอย่างขะมักเขม้น ปรากฏคำตอบที่ได้รับคือ

“ขายดีค่ะ เพราะสินค้าคุณภาพดี ถูกด้วย ตัวละ 30 กว่าบาท เอาไปขายขั้นต่ำก็ 100 ตัว ตัวไหนสวยมากก็ 150-200 บาท บางทีไปถึง 300 บาท ก็เคยขายมาแล้ว ชอบตรงที่เขาให้เปลี่ยนได้ตลอด มีของสวยๆมาไม่ขาด ตอนแรกขายเสื้อมือหนึ่งอยู่ ลองเอมือสองไปแซม ขายไปสักพักมือสองเริ่มกำไรดีกว่า เลยเปลี่ยนมาขายอย่างเดียวเลย ซื้อตอนแรกแพ็กเกจ 100 ตัวก่อน และขยับมา 1 กระสอบ พอขายดีมากๆ วิ่งตลาดนัดหลายที่ ตอนนี้ซื้อแพ็กเกจพรีเมี่ยม 4 กระสอบ แถม 1 กระสอบ แล้วค่ะ”

ภายในร้านมีสินค้าหลากหลายชนิดทั้ง เสื้อยืด กางเกงขาสั้น-ขายาว สายเดี่ยว กระโปรง แต่ที่จะดูขายดีที่สุด เจ้าของแฟรนไชส์ บอกว่า เห็นจะเป็นแจ๊คเก็ตยีนส์ ซึ่งมีทั้งของผู้หญิงผู้ชาย ลูกค้าหอบกลับกันคนละ 100 หรือ 200 ตัว สาเหตุเพราะขายได้ทุกฤดูกาล แถมขายได้ราคากว่าเสื้อประเภทอื่นหลายเท่าตัว รองลงมาเห็นจะเป็นเสื้อเชิ้ต เพราะใส่ทุกเทศกาล มีทั้งแบบของผู้หญิงผู้ชาย วัยรุ่น รวมทั้งวัยทำงาน

คุณรชา บอกต่ออีกว่า เท่าที่ผ่านมา มีคนมาขอซื้อสิทธิ์เป็นตัวแทนจำหน่ายในทุกจังหวัดมาโดยตลอด แต่ก็ยังไม่ได้เปิดขายให้ใครเพราะอยู่ระหว่างวางระบบการบริหารจัดการ ขณะนี้ Switch ON จะเริ่มเปิดรับ Master Franchise (มาสเตอร์แฟรนไชส์) แล้ว โดยให้สิทธิ์แค่ 4 จังหวัด นำร่อง เท่านั้น จังหวัดใดก็ได้ที่พร้อม และติดต่อมาก็จะได้สิทธิ์ในการเป็นเอเย่นต์อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียว ในจังหวัดและทุกอำเภอในจังหวัดนั้นๆ โดยที่ Switch ON ที่กรุงเทพฯ จะคัดเลือกของสวยๆ จากโกดังป้อนให้ตลอด พร้อมกับโปรโมตให้โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย เพียงแต่

สิ่งที่ผู้ต้องการเป็นมาสเตอร์แฟรนไชส์ต้องมี คือ

1. ต้องมีหน้าร้านในจังหวัดนั้นๆ 1 คูหา มีเนื้อที่พอจะลงเสื้อล็อตแรกที่ Switch ON จัดให้ทันที 1,000 ตัว ครบแบบ ครบสี ครบ ITEM และสามารถติดป้ายแบนเนอร์ขนาดใหญ่ ที่จะได้รับไฟล์ภาพไปขยายติดเพื่อโปรโมตการเป็นตัวแทนจำหน่ายแต่เพียงผู้ เดียว (ในป้ายนั้นมีรูปรายการทีวีเกือบ 10 รายการ ที่มาถ่ายทำที่ Switch ON)
2. ค่าลิขสิทธิ์แฟรนไชส์ 99,000 บาท ลิขสิทธิ์นี้จะอยู่กับผู้เป็นมาสเตอร์ตลอดอายุสัญญาจนกว่าจะเลิกกิจการ ผู้ซื้อมีสิทธิ์ดำเนินการไปตลอดจนถึงรุ่นลูกรุ่นหลาน เว้นเสียแต่ทำผิดข้อตกลงคือ หนึ่ง ปิดกิจการลงเอง สอง ปิดร้านนานเกิน 2 เดือน สาม สั่งเสื้อผ้าจากที่อื่นเข้ามาขาย
3. ต้องรับสินค้าจากบริษัทแม่เท่านั้น เพราะทางบริษัทจะจัดหาของสวยๆ แปลกๆ ส่งถึงร้านตัวแทนจำหน่ายตลอดเวลา และดูแลเรื่องการตลาด/โปรโมชั่นออกสื่อและเทรนด์เสื้อผ้า Update ให้ตลอด
” เราให้สิทธิ์มาสเตอร์ของเราขายปลีกได้อีกด้วยค่ะ กำไรนี่ขั้นต่ำต่อตัว 60-70 บาทขึ้นไปอยู่แล้ว แจ๊คเก็ตนี่ 100-200 สบายๆ ตรงนั้นมาสเตอร์เรารับไปเต็มๆเลย ส่วนที่ขายส่งก็ได้วอลลุ่ม ในจังหวัดคุณเราจะให้ลูกค้าไปรับจากคุณเลย ถ้าจังหวัดใกล้เคียงจะซื้อกับคุณด้วยเราก็ไม่มีปัญหา และเวลามีสื่อมาสัมภาษณ์เราจะลงรูปร้านคุณและที่ตั้งโปรโมตให้ด้วย มาสเตอร์เราแทบไม่ต้องทำอะไร จริงๆ คือขายแฟรนไชส์ 20 เจ้าก็คืนทุนแล้ว นอกนั้นรับอย่างเดียวไปตลอด แค่มีเจตนารมณ์เดียวกัน คือต้องการช่วยคนไทยให้ร่ำรวย ตั้งตัวได้ มีรายได้เป็นกอบเป็นกำ พ้นวิกฤตเศรษฐกิจค่ะ”

สินค้าทำกำไรดี สนใจร่วมลงทุน

ติดต่อได้เลย
คุณรชา เล่าว่า ลูกค้าที่ตั้งตัวได้มีจำนวนมาก เพราะมาที่นี่ทุกคนรู้สึกเหมือนอยู่ครอบครัวเดียวกัน แม้ไม่มีความรู้เรื่องเทรนด์เสื้อหรือการตลาด Switch on แนะนำให้หลายคนพัฒนาจากแพ็กเกจเล็กๆ จนเป็นพรีเมี่ยม 1,000 ตัว


“ต้นทุนไม่ถึง 30 บาท แต่ขายตัวละร้อยกว่าๆกำไรตัวละร้อยคูณพันตัวเข้าไป (ฟังแล้วอยากลาออกจากงานประจำ)”

นอกจากนี้ ยังต่อยอดไปอีกมากมาย คือทุกเดือน Switch ON จะออกค่าใช้จ่ายให้ลูกค้าที่สนใจปฏิบัติธรรมที่รีสอร์ตฟรีถึงเดือนละ 3-4 คนอีกด้วย

“ยุคนี้คนเครียดเยอะ แต่การได้พักกายพักใจ นั่งสมาธินี่เหมือนเอาคบเพลิงไปจุ่มน้ำนะคะ พอใจสงบเดี๋ยวก็พบทางสว่าง ปัญหาทุกอย่างจะหมดไปเอง วิกฤตทุกอย่างแก้ไปได้ด้วยบุญค่ะ”

นอกจากนี้ คุณรชา บอกว่า ให้ติดตามเว็บไซต์ของ Switch ON ให้ดี เพราะกำลังจะมีสิ่งดีๆ ออกมาให้สมาชิกมีกิจกรรมร่วมกันอีกเยอะ เช่น ทุกเดือนจะมีการประมูลเสื้อแบรนด์เนมมือสองดังๆ หายาก แปลกๆ น่าเก็บสะสม เดือนละ 6 ตัว เพื่อนำรายได้ ช่วย 266 วัด ใน 4 จังหวัดภาคใต้ และมีคลาสสิฟายด์ คือให้ลูกค้านำของมือสองสภาพดี มาโพสต์ขายกัน ซึ่งมี shop อยู่ใน Switch ON ให้ดูของจริงอยู่อีก 1 shop ด้วย และเร็วๆ นี้ ในเว็บเดียวกันในฐานะที่เป็นบรรณาธิการเก่าเธอจะทำ E-Magazine ออกมาในรูปแบบ Magazine Online (เธอฝากบอกว่าถ้านายทุนคนไหนอยากโดดมาร่วมวงธุรกิจหนังสือ อยากลงทุนทำออกมาเป็นเล่มก็ติดต่อมาคุยกันได้ เพราะมีทีมงานเก่งๆ และเนื้อหาพร้อม)

ต้องบอกว่าเป็นเจ้าโปรเจ็คต์จริงๆ อย่างนี้เห็นที่ต้องจับจ้องตาไม่กะพริบ ส่วนลูกค้าทั่วไปที่อยากเป็นสมาชิกแฟรนไชส์ Switch ON ได้เปิดแพ็กเกจเล็กเพิ่มอีก 1 แพ็กเกจ ส่วนค่าแฟรนไชส์ราคาเดิม 4,500 บาท จ่ายครั้งเดียวตลอดชีพ (ถ้าไม่สะดวกจ่ายเต็มสามารถผ่อนได้ 2 งวด)

ใครสนใจร่วมลงทุน แฟรนไชส์เสื้อผ้ามือสองสอบถามรายละเอียด หรือชมสินค้า สามารถเดินทางไปได้ที่หน้าร้าน แถวรังสิตคลองสาม ร้านเปิดตั้งแต่เวลา 13.00-18.00 น. โทรศัพท์(087) 555-3548, (082) 442-1448 หรือคลิกผ่าน http://www.deedeeproject.com/

Switch on มีให้เลือก 4 แพ็กเกจ ด้วยกันคือ

แพ็กเกจที่ 1 MINIPAC 50 ตัว 3,500 บาท (ราคาสมาชิกเหลือ 2,500 บาท) ตกตัวละ 50 บาท
แพ็กเกจที่ 2 ครึ่งกระสอบ/100 ตัว 5,500 บาท (ราคาสมาชิกเหลือ 4,000 บาท) ตกตัวละ 40 บาท
แพ็กเกจที่ 3 1 กระสอบ/200 ตัว 9,500ั้บาท (ราคาสมาชิกเหลือ 7,500 บาท) ตกตัวละ 37 บาทั้
แพ็กเกจพรีเมี่ยม ซื้อ 4 กระสอบ แถม 1 กระสอบ (30,000 บาท) จ่ายทีเดียวทยอยรับสัปดาห์ละกระสอบ (เพราะนำเข้าของใหม่ๆ สวยๆ ทุกสัปดาห์ เพื่อให้ลูกค้าไม่พลาดของสวยในล็อตต่อไป)

วิธีชำระเงิน

เมื่อ โอนเงินเข้าบัญชีแล้ว FAX สลิปใบโอนที่เขียนชื่อเล่น-ชื่อจริง ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ และรอคิวรับของหลังจากโอนเงิน 4 วัน เพราะทางร้านต้องคัดของจากโกดังให้ตรงตามความต้องการของลูกค้าให้มากที่สุด

วิธีเข้าชม

Show Room เป็นหน้าร้านให้ลูกค้าชมสินค้าอยู่ รังสิต คลองสาม ต้องโทรศัพท์นัดวันเข้าชมก่อน 1-2 วัน เพื่อไม่ให้คลาดเคลื่อนกับวันที่ร้านหยุด ใน 1 สัปดาห์ จะหยุด 1 วัน ร้านเปิดเวลา 13.00-18.00 น. สอบถามได้ที่ โทรศํพท์ (087) 555-3548, (082) 442-1448
ที่มา : มติชน

Read More...


น้ำนมข้าวกล้องงอก รายได้เสริม

สูตรน้ำนมข้าวกล้องงอกของกลุ่มแม่บ้านที่นี่มีข้อสังเกตว่า หากเป็นข้าวกล้องเก่าจะมีการใส่ข้าวเหนียวด้วย และหากเป็นข้าวกล้องใหม่ก็ไม่ ต้องใส่ข้าวเหนียว แต่โดยปกติโดยทั่วไปแล้วเขาใช้ข้าวกล้องใหม่กัน นอกจากนี้น้ำข้าวกล้องงอกของที่นี่มีกลิ่นใบเตย


น้ำนมข้าวกล้องงอก


เมื่อปี พ.ศ. 2520-2521 บริเวณพื้นที่ราบเชิงเขาบรรทัด ในเขต อ.นาดี อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี และ อ.เมืองสระแก้ว อ.วัฒนานคร อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว ซึ่งเป็นเขตรอยต่อ 4 จังหวัด คือ จ.ปราจีนบุรี จ.สระแก้ว จ.นครราชสีมา และ จ.บุรีรัมย์ เป็นพื้นที่ที่ มีปัญหาต่อความมั่นคงของประเทศเป็นอย่างมาก กล่าวคือ พื้นที่ที่เคยเป็นป่าสงวนแห่งชาติที่อุดมสมบูรณ์ ได้ถูกราษฎรบุกรุก แผ้วถาง เพื่อปลูกพืชไร่เป็นจำนวนมาก จนทำให้พื้นที่บริเวณนี้ กลายเป็นป่าเสื่อมโทรม จนสิ้นสภาพป่า ดินขาดความอุดมสมบูรณ์ และขาดแคลนน้ำเพื่อการเกษตรและการเพาะปลูก


พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงทราบปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนที่อาศัยอยู่ในบริเวณนี้ จึงมีพระราชดำริให้มีการพัฒนาพื้นที่ราบเชิงเขา โดยทรงมีพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ ให้ ม.จ.จักรพันธ์เพ็ญศิริ จักรพันธุ์ องคมนตรี ประสานงานกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เพื่อวางโครงการพัฒนาพื้นที่ราบเชิงเขา จังหวัดปราจีนบุรี ตามพระราชดำริโดยร่วมมือกับกองทัพภาคที่ 1 จังหวัดปราจีนบุรี กระทรวง ทบวง กรมต่าง ๆ เข้าดำเนินการตามโครงการ โดยเริ่มตั้งแต่เดือนมกราคม 2521


ในส่วนของ จ.สระแก้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำริให้มีการพัฒนาพื้นที่ราบเชิงเขาโดยพระราชทานแนวทางการพัฒนา ไว้ 3 ด้าน คือ 1. การพัฒนา ด้านจิตใจของราษฎร 2. การพัฒนาทาง ด้านความรู้การประกอบอาชีพ 3. การจัดสรรที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัย


เมื่อทาง กรมกิจการพลเรือนทหารบก กองทัพบก พาสื่อมวลชนสัญจรตามรอยเบื้องพระยุคลบาท โครงการพัฒนาที่ราบเชิงเขาจังหวัดสระแก้วตามแนวพระราชดำริ มีโอกาสแวะไปดู โรงสีข้าวพระราชทาน บ้านคลองทราย ตั้ง อยู่ ณ ต.หนอง ตะเคียนบอน อ.วัฒนานคร


สำหรับโรงสีข้าวพระราชทานบ้านคลองทรายเป็นโครงการหนึ่งในโครงการพัฒนา พื้นที่ราบเชิงเขาจังหวัดสระแก้ว-ปราจีนบุรี ตามแนวพระราชดำริ โดยเริ่มทดลองสีข้าวตั้งแต่วันที่ 5 ธันวาคม 2529 มีแม่บ้านเกษตรกรที่มีสีหน้าเบิกบานแจ่มใสและยินดีต้อนรับ นำ น้ำข้าวกล้องงอก มาให้ชิมจึงเรียนถามสูตรจากตัวแทนแม่บ้านเกษตรกรมาเผื่อว่าใครจะทำตามก็ไม่ยากอะไร สำหรับข้าวกล้องงอกนั้นมีข้อมูลระบุว่า ลักษณะการงอกของข้าวที่มีคุณค่าทางโภชนาการคือ จะมีการงอกแค่ตุ่มเล็ก ๆ เท่านั้น
น้ำนมข้าวกล้องงอก

สูตรน้ำนมข้าวกล้องงอก

ของกลุ่มแม่บ้านที่นี่มีข้อสังเกตว่าหากเป็นข้าวกล้องเก่าจะมีการใส่ข้าวเหนียวด้วย และหากเป็นข้าวกล้องใหม่ก็ไม่ ต้องใส่ข้าวเหนียว แต่โดยปกติโดยทั่วไปแล้วเขาใช้ข้าวกล้องใหม่กัน นอกจากนี้น้ำข้าวกล้องงอกของที่นี่มีกลิ่นใบเตยเนื่องจากมีขั้นตอนหนึ่งใช้ ใบเตยมาเป็นองค์ประกอบเพื่อให้ได้กลิ่นหอม แต่เราว่ากลิ่นหอมของข้าวกล้องงอกก็หอมเป็นธรรมชาติดีอยู่แล้ว แล้วอีกอย่างที่นี่เขาใส่ครีมเทียมด้วยเพื่อเพิ่มความมัน
จากอดีตราษฎรที่อาศัยอยู่บริเวณนี้มีแต่ความทุกข์ยากและหวาดหวั่น หากปัจจุบันเห็นได้ชัดเจนว่า ด้วยพระมหากรุณาธิ คุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ราษฎรปราศจากทุกข์ใด ๆ โดยสิ้นเชิง

ส่วนประกอบของน้ำข้าวกล้องงอก

แต่ละสำนักก็คล้าย ๆ กัน ขอนำสูตรของกรมการข้าว เจ้าตำรับมาให้พิจารณาก็แล้วกัน นางลัดดาวัลย์ กรรณนุช ผอ.สำนักพัฒนาผลิตภัณฑ์ข้าว เปิดเผยสูตรการทำน้ำข้าวกล้องงอกว่า เริ่มจากเมล็ดข้าวกล้องใหม่ 100 กรัม หรือ 1 ขีด จะต้องซาวน้ำล้างเอากรวดทรายออกก่อนหนึ่งครั้ง แล้วนำไปแช่น้ำประมาณ 1 ลิตร ทิ้งไว้ประมาณ 5-6 ชม. ก็จะเกิดเป็นตุ่มงอกสีขาวขึ้นมาที่เมล็ดข้าวพอมองเห็น จากนั้นให้เอาขึ้นนำมาผึ่งให้แห้ง แล้วนำไปต้มใช้ไฟปานกลางให้เดือด แต่อย่าให้เดือดมาก เพราะถ้าร้อนมากเกินไป สารกาบ้าจะถูกทำลายมาก หากเดือดพอดีให้เคี่ยวไปสัก 15-20 นาที สารกาบ้าจะยังอยู่ในข้าวถึง 70 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นปริมาณเพียงพอต่อร่างกาย เสร็จแล้วใช้ผ้าขาวบางหรือกระชอนกรองน้ำเพื่อนำมารับประทาน และสามารถเพิ่มรสชาติโดยโรยเกลือป่นให้ออกเค็มเล็กน้อย


เหมือนที่บอก หากจะทำก็ไม่ยากเลย เห็นเขาทำจำหน่ายตามตลาดก็ดูเหมือนคนจะนิยมรับประทานกันมาก สามารถสร้างงาน สร้างเงิน ได้เช่นกัน


ที่มา : เดลินิวส์

Read More...


กากถั่วเหลือง สร้างรายได้

กากถั่วเหลืองที่มักจะถูกทิ้ง ที่จริงมีประโยชน์ จึงคิดนำมาเป็นส่วนผสมของขนมและอาหาร 3 ชนิดคือ คุกกี้ช็อกโกแลตชิพ กรอบเค็ม น้ำพริกเผา เพื่อให้กากถั่วเหลืองเกิดประโยชน์ ไม่ถูกทิ้งไปสูญเปล่า


คุกกี้ช็อกโกแลตชิพ

มีคุณค่า-เป็นสินค้าทำเงิน

น้ำพริกเผา

จากถั่วเหลือง” ที่เหลือจากการผลิตนมถั่วเหลืองหรือน้ำเต้าหู้ ยังมีคุณค่า เมื่อนำไปอบแห้งจะประกอบด้วยโปรตีน 24-28% ไขมัน 8-12% เส้นใยอาหารที่ไม่ละลายน้ำ 40-44% เส้นใยอาหารที่ละลายน้ำ 12-15% รวมทั้งมีเกลือแร่และสารที่มีประโยชน์ต่าง ๆ ซึ่งกากถั่วเหลืองนี้สามารถใช้ทำ ผลิต ภัณฑ์อาหาร แทนแป้งสาลีได้ โดยวันนี้ทีม “ช่องทางทำกิน” ก็มีข้อมูลการทำผลิตภัณฑ์จากกากถั่วเหลืองมานำเสนอ…

เรื่องของกากถั่วเหลืองเป็นส่วนหนึ่งในนิทรรศการประชาสัมพันธ์คหกรรมศาสตร์ โครงการ “บ้านสวยด้วย 3R มากคุณค่าอาหารไทยชิมผัดไทยแชมป์โลก” เมื่อวันที่ 9 ต.ค.ที่ผ่านมา ณ ศูนย์เทเวศร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร (มทร.พระนคร) โดย ปริญญาพร อ่อนคล้าย และ ภูมิสิทธิ์ ประดิษฐ์ธีระ นักศึกษาปริญญาโท คณะคหกรรมศาสตร์ มทร.พระนคร เจ้าของผลงาน ผลิตภัณฑ์จากกากถั่วเหลือง บอกว่า กากถั่วเหลืองที่มักจะถูกทิ้ง ที่จริงมีประโยชน์ จึงคิดนำมาเป็นส่วนผสมของขนมและอาหาร 3 ชนิดคือ คุกกี้ช็อกโกแลตชิพ, กรอบเค็ม, น้ำพริกเผา เพื่อให้กากถั่วเหลืองเกิดประโยชน์ ไม่ถูกทิ้งไปสูญเปล่า

ก่อนหน้านั้นเคยทดลองทำด้วยกากถั่วเหลืองที่เหลือสด ๆ จากการทำน้ำถั่วเหลือง แต่ปรากฏว่ามีกลิ่นสาบและความชื้น อาหารที่ทำออกมามีเนื้อเหลวใช้การไม่ได้ จึงเปลี่ยนวิธี และพบว่าการอบแห้งเป็นวิธีที่ดีที่สุด โดยใช้การอบด้วยเตาไมโครเวฟ เกลี่ยกากถั่วเหลืองให้แผ่ออก อบด้วยความร้อน 150 องศา ระยะเวลา 30 นาที ระหว่างอบหมั่นเกลี่ยเรื่อย ๆ โดยกากถั่วเหลืองสด 1,000 กรัม อบแห้งแล้วจะเหลือ 500 กรัม
สำหรับการนำมาทำเป็นอาหาร เริ่มที่ คุกกี้ช็อกโกแลตชิพกากถั่วเหลือง

ส่วนผสม

กากถั่วเหลืองอบแห้ง 250 กรัม ต่อแป้งสาลี 500 กรัม, เบกกิ้งโซดา 1 ช้อนชา, เนยสด 454 กรัม, น้ำตาลไอซ์ซิ่ง 450 กรัม, เกลือ 1 ช้อนชา, ไข่ไก่ 3 ฟอง และช็อกโกแลตชิพ 200 กรัม

วิธีทำ คุกกี้ช็อกโกแลตชิพกากถั่วเหลือง

ร่อนแป้งสาลีกับเบกกิ้งโซดา แล้วนำแป้งมาผสมกับกากถั่วเหลือง พักไว้ จากนั้นตีเนยสด น้ำตาลไอซ์ซิ่ง เกลือ ให้ขึ้นฟูด้วยหัวตีใบไม้ แล้วใส่ไข่ทีละฟอง ใส่กลิ่นวานิลลาผสมพอเข้ากัน ตามด้วยใส่ส่วนผสมแป้ง และใส่ช็อกโกแลตชิพเล็กน้อย จากนั้นนำส่วนผสมที่ได้มาปั้นก้อนเล็ก ๆ แล้วแต่งหน้าด้วยช็อกโกแลตชิพอีกเล็กน้อย นำเข้าเตาอบอุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส ประมาณ 13-15 นาที หรือจนขนมสีเหลืองสุก ซึ่งเตาอบนี้ให้ทำการอุ่นเตาอบโดยเปิดอุณหภูมิ 180 องศา นาน 10-15 นาที ก่อนอบจริง เพื่อให้ได้อุณหภูมิคงที่ 180 องศา

ตามสูตรนี้จะทำคุกกี้ได้ 45 ชิ้น (ตัวคุกกี้เบอร์ 12) ขายได้ในราคา 50 บาท มีต้นทุนประมาณ 20 บาท

กรอบเค็มกากถั่วเหลือง

ใช้กากถั่วเหลืองอบแห้ง 1 ถ้วยตวง ต่อแป้งสาลี 100 กรัม, แป้งข้าวเจ้า 50 กรัม, ผงฟู 1/2 ช้อนชา, ไข่ไก่ 2 ฟอง, เกลือ 1 ช้อนชา, น้ำปูนใส 1 ช้อนโต๊ะ, น้ำมันพืช 2 ช้อนชา

วิธีทำ กรอบเค็มกากถั่วเหลือง

ร่อนแป้ง 2 ชนิดกับผงฟูให้เข้ากัน แล้วผสมแป้งที่ได้กับกากถั่วเหลืองให้เข้ากัน ใส่น้ำมันพืช ใส่ส่วนผสมที่เหลือทั้งหมด นวดจนแป้งนุ่ม (ถ้าแป้งแห้งเติมน้ำเล็กน้อย) แบ่งแป้งเป็น 4 ก้อน คลึงแป้งแผ่เป็นแผ่นบาง ตัดเป็นรูป สี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาด 1 นิ้ว แล้วนำไปทอดในน้ำมันที่ร้อนจนแป้งเหลืองสุก ตักขึ้นใส่กระชอนพักไว้
กรอบเค็มนี้ต้องมี “น้ำปรุงรส” ด้วย

มีส่วนผสมดังนี้

น้ำตาลปี๊บ 1 ถ้วย, น้ำเปล่า 1/3 ถ้วย, กระเทียม 1/2 ถ้วย, พริกไทย 1/4 ช้อนชา และแบะแซ 50 กรัม โดยวิธีทำน้ำปรุงรสคือ ตีกระเทียมกับพริกไทยให้เข้ากัน แล้วนำส่วนผสมทั้งหมดใส่ผสม เคี่ยวจนงวดได้ที่ เสร็จแล้วก็นำไปคลุกกับแป้งกรอบเค็มที่ทำไว้
จากสูตรนี้จะทำกรอบเค็มได้ 200-250 กรัม บรรจุขายกล่องละ 20-25 บาท มีต้นทุนประมาณ 10 บาท

น้ำพริกเผากากถั่วเหลือง

ซึ่งมีส่วนผสม ได้แก่ กากถั่วเหลืองอบแห้ง 1 ถ้วยตวงต่อหอมแดงซอย 1 ถ้วย, กระเทียมซอย 1 ถ้วย, พริกขี้หนูแห้ง 30 เม็ด, พริกชี้ฟ้าแห้ง 10 เม็ด, น้ำตาลปี๊บ 150 กรัม, น้ำปลา 1/3 ถ้วย, น้ำมะขามเปียก 1/2 ถ้วย และน้ำมันพืช 3/4 ถ้วย

วิธีทำ น้ำพริกเผากากถั่วเหลือง

ตั้งกระทะใส่น้ำมัน เจียวหอมแดง และเจียวกระเทียม พักไว้ จากนั้นปั่นพริก 2 ชนิดรวมกัน นำลงผัดในน้ำมันให้หอม ตามด้วยใส่กากถั่วเหลืองอบแห้ง ใส่หอมแดงเจียว กระเทียมเจียว ผัดพอเข้ากัน เสร็จแล้วปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊บ น้ำปลา น้ำมะขามเปียก ผัดต่อจนแห้ง เสร็จแล้วพักไว้ให้เย็น แล้วบรรจุใส่กล่อง
สูตรนี้จะได้น้ำพริก 20 กระปุก กระปุกละ 80 กรัม ขายได้กระปุกละ 15 บาท มีต้นทุนประมาณ 7-8 บาท

ใครสนใจเรื่อง “ผลิตภัณฑ์จากกากถั่วเหลือง” ทั้งคุกกี้ช็อกโกแลต ชิพ, กรอบเค็ม, น้ำพริกเผา ต้องการติดต่อ ปริญญาพร อ่อนคล้าย และ ภูมิสิทธิ์ ประดิษฐ์ธีระ นักศึกษาปริญญาโท คณะคหกรรมศาสตร์ มทร.พระนคร เจ้าของผลงาน ติดต่อได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 08-5482-5570 และ 08-6633-8546.
ที่มา : เดลินิวส์

Read More...


ซาลาเปาคุณหน่อย-ลุยสวนคุณทิพย์ 2 เมนูเจ

เอกลักษณ์สำคัญของซาลาเปาพี่หน่อย อยู่ที่ความนุ่มของแป้ง และความเข้มข้นของไส้ ไม่ว่าจะเป็นไส้เจหรือไม่เจ ซาลาเปาเจทั้ง 3 ไส้ คุณพี่หน่อยใช้แป้งสูตรพิเศษที่คิดค้นขึ้นมาเพื่อเป็นอาหารเจโดยเฉพาะ
ซาลาเปาเจ

วันนี้เจ๊แซบมาแบบทูอินวัน ขอแนะนำ 2 ร้าน เด็ดที่มีเมนูเจเริ่ดๆ ไม่ซ้ำใคร เริ่มที่ความนุ่ม ละมุนลิ้น กินได้ทั้งวัน ซาลาเปาร้านศุภชัย สะพานควาย ขวัญใจเจ๊แซบ แอบผูกปิ่นโตกันมาเนิ่นนาน ดำเนินการผลิตโดย “คุณพี่หน่อย” เสียงหวาน หลังจากที่เจ๊แนะนำความอร่อยให้เหล่าบรรดาแกงก๊วนชวนกันไปโซ้ยมาเนิ่นนาน หลายปีก่อน วันนี้เจ๊ขอหวนมาหาคุณพี่หน่อยอีกครั้ง พร้อมกับ 3 เมนูเด่น เป็นดาวรุ่งพุ่งแรงต้อนรับเทศกาลกินเจ

“ครั้งที่แล้วที่ลงไทยรัฐไป เรายังไม่มี ไส้ผักเห็ดหอม กับ ไส้เผือกใส่แปะก๊วย แต่ว่า 2 อย่างนี้เราก็เริ่มทำมาพร้อมๆกัน ตอนแรกเราก็ทำเฉพาะช่วงเจเท่านั้น แต่คนชอบทานกันมาก เพราะคนสนใจเรื่องสุขภาพกันเยอะขึ้น ไส้ผักของเราก็เลยขายดี กลายเป็นตัวเอกของร้านอีกตัวนึง เวลาปกติเราก็เลยมีไส้ผักขายเหมือนกัน ตอนปกติจะใช้หม้อใช้อุปกรณ์ร่วมกันได้ แต่ถ้าเป็นช่วงเจเราจะแยกออกมาเป็นพิเศษแยกจากตัวอื่นๆ ไม่ทำรวมกันค่ะ สำหรับ ไส้ถั่วดำ นี่มีมานานแล้วค่ะ และคนก็นิยมมาตลอด” คุณพี่หน่อยบรรยายถึงซาลาเปาเจ 3 ไส้ ที่เจ๊แซบภูมิใจนำเสนอ

ซาลาเปาคุณหน่อย

เอกลักษณ์สำคัญของซาลาเปาพี่หน่อย อยู่ที่ความนุ่มของแป้ง และความเข้มข้นของไส้ ไม่ว่าจะเป็นไส้เจหรือไม่เจ คุณพี่หน่อยใส่ไม่ยั้ง ใครที่ชอบทานผักโดยเฉพาะเห็ดหอม ต้องรีบออกจากบ้านมาร้านพี่หน่อย ณ บัดนาว เพราะ ซาลาเปาไส้ผัก ของคุณพี่ให้เห็ดหอมแบบ ถึงอกถึงใจ กัดไปตรงไหนเป็นต้องโดน คุณพี่หน่อยใช้ผัก 3 ชนิด คือ เห็ดหอม แครอท และกะหล่ำปลีหั่นฝอยนำมาล้างทำความสะอาด และแช่น้ำทิ้งไว้จนแน่ใจว่าสะอาดสุดๆ จึงนำ มาผัดกับน้ำมันพืชจนผักสุก ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว และน้ำตาล ทิ้งไว้ให้เย็นได้ที่จึงนำมาห่อ

ขั้นตอนการห่อต้องใช้ความชำนาญเป็นพิเศษ เพราะยากมั่กๆ ถ้าห่อไม่เป็นไส้จะทะลักออกมา กว่าเด็กแต่ละคนจะห่อได้สวยงามตามมาตรฐานต้องใช้เวลาฝึกนานพอตัว อีกหนึ่งไส้ที่ได้ใจขาโซ้ยรุ่นใหญ่ลายครามคือ ซาลาเปาไส้เผือกใส่แปะก๊วย เนื้อเผือกหอมกวนแสนนุ่มละมุน รสชาติละเมียดละไม พี่หน่อยใช้เผือกหอมอย่างดี คัดขนาดกำลังเหมาะ ล้าง ปอกเปลือกจนสะอาดหมดจด จึงนำไปนึ่ง บด และกวน ปรุงรสด้วยน้ำตาลและน้ำมันงา พักไว้ให้เย็น ค่อยนำมาห่อ ระหว่างห่อใส่เม็ดแปะก๊วยเนื้อแน่นที่ผ่านการนึ่งมาอย่างดี เคี้ยวทีโดนเต็มๆ


ซาลาเปาเจทั้ง 3 ไส้ คุณพี่หน่อยใช้แป้งสูตรพิเศษที่คิดค้นขึ้นมาเพื่อเป็นอาหารเจโดยเฉพาะ “พี่หน่อยใช้เวลาคิดค้นกันยากพอสมควรนะคะ พี่บอกสูตรไม่ได้ ลูกค้าบางคนทานก็ไม่รู้ว่ามันแตกต่าง แต่ถ้าพิจารณาดีๆ จะรู้ว่าตอนเจเราจะใช้แป้งคนละตัวกับช่วงปกติ” อยากรู้ว่าแตกต่างอย่างไร ต้องไปลอง

ลุยสวนเจ

ร้านที่สองที่เจ๊แซบแอบเหน็บมาฝากขาโซ้ยชาวเจ คือ ก๋วยเตี๋ยวลุยสวนคุณทิพย์ หลังการบินไทย อีกหนึ่งร้านขวัญใจสาวๆหนุ่มๆ ผู้รักสุขภาพ เทศกาลเจแบบนี้ “คุณพี่ทิพย์” มีเมนู ลุยสวนเจ มาฝากขาหม่ำเป็นประจำทุกปี

ลุยสวนเจนี่ เรามีทุกปีค่ะ คือจะเหมือนมังสวิรัติตรงที่เราใส่เต้าหู้ เห็ดหอม แครอทเหมือนเดิม แต่ ถ้าเป็นเจจะไม่ใส่เครื่องเทศ ตอนผัดก็จะไม่ใส่ กระเทียม ผักชีเลยค่ะ แต่ทานแล้วยังอร่อยเหมือนเดิมนะคะ” คุณพี่ทิพย์แอบโฆษณาแบบเนียนๆ

หัวใจสำคัญของลุยสวนคือ น้ำจิ้มรสแซบ ถึงแม้ในเทศกาลเจ คุณพี่ทิพย์จะลดเครื่องปรุงที่มีกลิ่นฉุน ใส่แค่พริก มะนาว น้ำตาล และเกลือ แต่คุณพี่ยังการันตีว่ารสชาติดีเหมือนเดิมทุกประการ

ลุยสวนคุณทิพย์

นักหม่ำที่ต้องการอาหารเจที่ไม่จำเจ เจ๊แซบแนะนำให้มาสอยก๋วยเตี๋ยวลุยสวนของคุณพี่ทิพย์ไปติดบ้านไว้ ถ้ายังไม่อิ่ม หม่ำซาลาเปาไส้ผักตามอีกสักลูกสองลูก แล้วตบท้ายล้างปากด้วยซาลาเปาไส้เผือกใส่แปะก๊วย และซาลาเปาไส้ถั่วดำ เป็นอันเสร็จสิ้นการกินเจที่แสนเอร็ดอร่อย ทานได้บ่อยเท่าที่ต้องการ

“ศุภชัยซาลาเปาเจ้าอร่อย” ดำเนินงานโดยพี่หน่อยและครอบครัว ร้านอยู่ที่ปากซอยประดิพัทธ์ 8 ร้านเปิดทุกวันวันจันทร์ถึงเสาร์ตั้งแต่ 7 โมงเช้า ถึง 6 โมงเย็น วันอาทิตย์ตั้งแต่ 7 โมงเช้าถึงบ่ายสาม เบอร์โทร. 0-2271-1230 และ 0-2278-3306

คุณพี่หน่อยฝากย้ำว่าระวังจะเข้าผิดร้าน ของแท้ต้องมีคุณพี่หน่อยพร้อมกับคอลัมน์เจ๊แซบแปะอยู่หน้าร้านเท่านั้น!!

“ก๋วยเตี๋ยวลุยสวนพี่ทิพย์” อยู่ในตลาดลุงเพิ่มหลังตึกการบินไทย ร้านเปิดทุกวัน ปิดเฉพาะวันอาทิตย์ ใครอยากลองต้องรออีกหนึ่งวัน จันทร์เมื่อไหร่ได้หม่ำแน่ เปิดตั้งแต่ 7 โมงครึ่งถึงบ่ายสาม เบอร์โทร. 08-6603-4727 และ 08-4005-5420


ร้านพี่ทิพย์ของแท้ต้องมีคุณพี่ทิพย์เดินไปเดินมาเป็นโลโก้ และคอลัมน์เจ๊ แซบโชว์อยู่หน้าร้านเช่นกันค่ะ
ที่มา : ไทยรัฐ

Read More...


เบอร์เกอร์ปลาทูไทย สร้างอาชีพ

เบอร์เกอร์ปลาทูไทย เพิ่มยอดขาย ประชาสัมพันธ์ร้านด้วยการทำเว็บไซต์เปิดหน้าร้านค้าออนไลน์ ได้ลูกค้าหลากหลายทั่วประเทศ ซ้ำต้นทุนการโฆษณาก็ต่ำ ทำให้มีชื่อเสียงโด่งดังในโลกไซเบอร์


เบอร์เกอร์ปลาทูไทย

เบอร์เกอร์ปลาทูไทย สร้างชื่อ

คุณสุทิน เล่าก่อนมาเปิดร้านอาหารว่า พื้นเพเป็นคนจังหวัดสมุทรสงคราม ก่อนหน้านี้เคยเลี้ยงกุ้งกุลาดำ ทว่าขาดทุน ภรรยาแยกตัวไปขายทอดมันและอาหารตามสั่งในตลาดสดแม่กลอง ส่วนตัวเองไปรับเหมาก่อสร้าง แต่แล้วธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไม่ประสบผลสำเร็จ ตรงกันข้าม กิจการของภรรยาดำเนินไปได้ด้วยดี ที่สุดแล้วเลยหันมาเอาดีในธุรกิจอาหาร

ครอบครัวแจ่มศรี เปิดร้านขายอาหารทะเลเรื่อยมา กระทั่งปี 2546 คุณสุทิน กล่าวว่า หอการค้าจังหวัดสมุทรสงคราม ชวนไปร่วมออกร้าน งานเทศกาลกินปลาทูที่ดอนหอยหลอด ซึ่งจะจัดขึ้นปี 2547 โดยมีเงื่อนไขว่า เมนูที่จะไปจำหน่าย ต้องทำจากปลาทูเท่านั้น ช่วงเวลา 1 ปี นำโจทย์กลับมาขบคิด กระทั่งกลายมาเป็นเบอร์เกอร์ปลาทูไทย

จากประสบการณ์ที่เคยไปเดินเที่ยวงาน มีแต่เมนูปลาทูเดิมๆ เช่น ปลาทูผัดฉ่า ปลาทูผัดพริกไทยดำ ฉู่ฉี่ปลาทู ปลาทูแดดเดียว ยำปลาทู ห่อหมกปลาทู ปลาทูซาเตี๊ยะ ปลาทูทอดราดพริก ปลาทูย่างน้ำปลาหวาน ฯลฯ ทางร้านอยากสรรหาความแปลกใหม่ เลยลองไปปรึกษาลูกสาว ได้คำแนะนำมาว่า ต้องทำเมนูที่โกอินเตอร์ นั่นคือ แฮมเบอร์เกอร์ เมื่อผสมผสานปลาทูไทยลงไป กลายเป็นเบอร์เกอร์ปลาทูไทย ด้วยเป็นเมนูที่ยังไม่เคยมีใครทำมาก่อน ฉะนั้น จึงยากพอตัว สองสามีภรรยาเจ้าของร้านอาหารคุณเป๋า จึงใช้วิธีไปตระเวนชิมสารพัดแฮมเบอร์เกอร์ รวมถึงสอบถามกรรมวิธีการทำ จนรู้รสชาติ ส่วนผสม รูปร่างหน้าตาของแฮมเบอร์เกอร์เป็นอย่างดี แต่เนื่องจากคุณสุทินไม่ถนัดทำอาหาร จึงให้ภรรยาที่เชี่ยวชาญทำครัวเป็นผู้ลงมือปรุง เมื่อคิดจะทำเมนูที่ต่างไปจากคนอื่น ต้องทำให้ดี เพราะถ้าลูกค้าชอบ เท่ากับว่าได้สร้างชื่อเสียง และยอดขายให้กับร้านไปในตัว คุณสุทิน ระบุ

เมื่อ เมนูโกอินเตอร์ ถูกใส่ใจปรุงรสชาติมาเป็นอย่างดี ทุกอย่างจึงเป็นไปตามที่เจ้าของร้านคาดหวังคือ ลูกค้าให้การยอมรับ ส่งผลถึงยอดจำหน่ายที่สูงถึง 10,000 ชิ้น เรียกว่า เบอร์เกอร์ปลาทูไทยสามารถแจ้งเกิดได้ในงานดังกล่าว จากนั้นไม่นาน เจ้าของเมนูได้รับเชิญไปออกงานแสดงสินค้า ณ อิมแพค เมืองทองธานี จัดโดยกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม สร้างปรากฏการณ์ 10 วัน ยอดขายหลักแสนบาท ไม่นานเมนูเบอร์เกอร์ปลาทูไทยจึงถูกบรรจุไว้ในร้านอาหาร

ภายหลัง ที่เมนูดังกล่าวออกมาสร้างสีสันให้วงการปลาทู จนชื่อเสียงโด่งดัง เจ้าของไอเดีย บอกว่า อยากเพิ่มยอดขาย และประชาสัมพันธ์ร้าน ด้วยการทำเว็บไซต์ เหตุผลเพราะปัจจุบันการทำธุรกิจ ไม่ว่าจะประเภทใดก็ตาม สิ่งสำคัญต้องมีสื่อประชาสัมพันธ์ สาเหตุที่เลือกสื่ออินเตอร์เน็ต เนื่องจากจำนวนผู้ใช้งานเพิ่มมากขึ้นทุกวัน อีกทั้งไม่จำกัดเฉพาะคนไทย คนทั่วทุกมุมโลกสามารถเข้ามาทำความรู้จักได้ ลำพังใช้วิธีปักป้ายร้าน ตามถนนหนทาง ได้ลูกค้าเฉพาะกลุ่ม แต่การเปิดหน้าร้านบนเว็บไซต์ จะได้ลูกค้าหลากหลาย ซ้ำต้นทุนการโฆษณาก็ต่ำ เพราะทุกวันนี้มีเว็บไซต์สำเร็จรูป ราคาถูก เหมาจ่ายต่อปี

ค้า-ขายออนไลน์ ช่องนี้เห็นผลทันตา

เมื่อ คุณสุทินตัดสินใจเปิดหน้าร้านค้าออนไลน์ เขาใช้วิธีเช่าพื้นที่จากเว็บไซต์สำเร็จรูป เหมาจ่ายรายปี ปีละหลักพันบาท ข้อดีคือ มีเจ้าหน้าที่ช่วยโพสต์ข้อความและรูปภาพให้ แต่หลังๆ เจ้าตัว เผยว่า พอมีความรู้ เกี่ยวกับการทำเว็บไซต์ เลยหันมาลงข้อมูลเกี่ยวกับทางร้านด้วยตัวเอง

สอบถามรายละเอียด สินค้า และจำนวนลูกค้าที่เข้ามาสั่งซื้อแต่ละวัน เจ้าของแฮมเบอร์เกอร์ ตอบว่า เนื่องจากเป็นอาหาร ฉะนั้น ต้องทำสดใหม่ทุกวัน เลยจะทำตามออร์เดอร์เท่านั้น กรณีลูกค้าสั่งเยอะมาก หรืออยากเหมาให้ไปจัดเลี้ยงนอกสถานที่ ทางร้านจะขนวัตถุดิบ และอุปกรณ์ไปเอง สินค้าที่สั่งทางออนไลน์ ขั้นต่ำ 50 ชิ้น มีอายุเก็บได้นาน 2-3 วัน หากอยากเหมาจัดเลี้ยงนอกสถานที่ ขั้นต่ำ 5,000 บาท ทั้ง 2 รูปแบบ จัดเฉพาะกรุงเทพฯ และปริมณฑล หากเป็นจังหวัดไกลๆ ให้โทรศัพท์มาสอบถามกับทางร้านก่อน

ทุกวันนี้ลูกค้าที่เข้ามาสั่ง ซื้อเบอร์เกอร์ปลาทูไทย เจ้าของสูตร ระบุว่า ส่วนใหญ่เป็นพวกคณะทัวร์ เจ้าของรีสอร์ต ทำบุญขึ้นบ้านใหม่ จัดเลี้ยงบริษัท ร้านค้า เป็นต้น สำหรับสินค้าที่สั่ง จะถูกแพ็กและจัดส่งทางรถตู้ ราคาค่าส่งคิดตามระยะทาง สั่ง 50 ชิ้นขึ้นไป จากชิ้นละ 29 บาท เหลือชิ้นละ 25 บาท เวลาไม่นาน เบอร์เกอร์ปลาทูไทย และร้านอาหารคุณเป๋า มีชื่อเสียงโด่งดังในโลกไซเบอร์ เจ้าของกิจการไม่หยุดนิ่ง ขยายเป็นรถจำหน่ายเบอร์เกอร์ปลาทูไทย เคลื่อนที่ไปตามแหล่งท่องเที่ยว ลักษณะคล้ายรถตู้ ตอนนี้มีแล้วยังจังหวัดเพชรบุรี ราชบุรี นครปฐม และกาญจนบุรี

เอ่ยถามถึงเคล็ดลับการปรุง คุณสุทิน ว่าต้องใช้ปลาทูแม่กลองอย่างเดียว จากนั้นมาคลุกเคล้าเครื่องเทศ ใช้ขนมปังยี่ห้อฟาร์มเฮ้าส์ สาเหตุที่ใช้ปลาทูแม่กลอง เพราะเนื้อนุ่ม หนังบาง หางเหลือง ไม่มีกลิ่นคาว รสชาติอร่อย อีกทั้งส่วนตัวหาซื้อง่าย จะมีชาวประมงมาส่งถึงที่ร้าน ราคากิโลกรัมละ 55-60 บาท แต่ละวันรับปลาทูเฉลี่ย 1 ตัน จำนวนปลาทู 100 กิโลกรัม ขูดเอาแต่เนื้อจะได้เพียง 40 กิโลกรัม ปลาทู 1 กิโลกรัม สามารถทำแฮมเบอร์เกอร์ได้ประมาณ 50 ชิ้น ถ้าช่วงฤดูฝน จะเจอปัญหา ปลาทูตัวเล็ก แต่ราคาจะถูก

ด้านกำลังการผลิต คุณสุทินและภรรยา บอกว่า แต่ละเดือนยอดจำหน่ายเบอร์เกอร์ปลาทูไทย ทั้งทางออนไลน์ และหน้าร้าน เฉลี่ย 35,000 กว่าชิ้น พนักงานแบ่งเป็น ฝ่ายขาย คนขับรถ แม่ครัว มีประมาณ 20 คน พื้นที่ร้านอาหาร 1 ไร่เศษ รองรับลูกค้าได้ 400 คน สำหรับอนาคตของกิจการ คุณสุทินและภรรยาอยากจะขยายรูปแบบแฟรนไชส์ แต่ขณะนี้กำลังอยู่ในช่วงเตรียมรายละเอียด

และนี่คือเมนูที่สามารถโกอินเตอร์ได้ด้วยวัตถุดิบของคนไทย ซ้ำทุกกระบวนการผลิต ใช้แรงงานในประเทศ สร้างวงจรเศรษฐกิจไทยเข้มแข็ง หากผู้ใดอยากลิ้มรสอาหารทะเลสด และเบอร์เกอร์ปลาทูไทย สโลแกน “ต้องไปกินให้ได้ในชาตินี้” ติดต่อ คุณสุทิน แจ่มศรี เลขที่ 1/3 หมู่ 4 ตำบลบางจะเกร็ง อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสงคราม โทรศัพท์ (034) 723-703, (081) 941-0376
ที่มา : keajon

Read More...


ข้าวผัดหมูแดงฮ่องกง

หมูแดงที่เกาะฮ่องกง เนื้อนุ่มฉ่ำอร่อยกว่าหมูแดงบ้านเรา ผมจึงเอาหมูแดงฮ่องกงมาทำข้าวผัดแบบไทยๆ เป็น ข้าวผัดหมูแดงฮ่องกง ครับ
ข้าวผัดหมูแดงฮ่องกง

หมูแดงที่เกาะฮ่องกง เนื้อนุ่มฉ่ำอร่อยกว่าหมูแดงบ้านเรา ผมจึงเอาหมูแดงฮ่องกงมาทำข้าวผัดแบบไทยๆ ครับ

เครื่องปรุง ข้าวผัดหมูแดงฮ่องกง

1. หมูแดงฮ่องกง 1 จาน
2. ข้าวสวย 1 จาน
3. พริกไทยป่นตรามือ 1 ช้อนชา
4. น้ำปลาทิพรส 1 ช้อนโต๊ะ
5. ไข่ไก่ 2 ฟอง
6. ต้นหอม 3 ต้น
7. ผงชูรสเจ 1 ช้อนชา
8. น้ำซุปต้มกระดูก 2 ทัพพี
9. ผงกระเทียมตรามือ 1 ช้อนชา

วิธีทำ ข้าวผัดหมูแดงฮ่องกง

1. ตักข้าวสวยใส่จานแล้วผึ่งลมให้เม็ดข้าวแห้งสนิท
2. หั่นหมูแดงเป็นชิ้นเล็กๆ สี่เหลี่ยมลูกเต๋า หั่นต้นหอมให้เป็นชิ้นเล็กๆ
3. ตอกไข่ไก่ลงไปทอดในกระทะ พอไข่เริ่มสุกจึงใส่หมูแดงลงไปผัดด้วย
4. พอได้กลิ่นหมูแดง เหยาะน้ำปลาลงไปหน่อย จึงเทข้าวสวยลงไปผัดกับหมูแดง
5. ผัดไปสักพัก พอเม็ดข้าวเริ่มแข็ง ให้ใส่น้ำซุปลงไปผัดให้เม็ดข้าวนุ่ม
6. ใส่ต้นหอม เหยาะผงชูรสเจ และผงกระเทียมลงไปหน่อย ให้มีกลิ่นหอมจึงผัดไปสักพัก จะได้ข้าวผัดหมูแดงหอมนุ่มน่ากิน

ที่มา : คมชัดลึก

Read More...


ไอศกรีม ดอกไม้ไทย ศรีมาลา

“ศรีมาลา” ไอศกรีมดอกไม้ไทย สร้างเอกลักษณ์ท้องถิ่นอัมพวา ไอศกรีมดอกไม้ เป็นนวัตกรรมจากดอกไม้อัมพวา 5 ชนิด คือ ดาหลา เข็ม กุหลาบมอญ บัว และอัญชัน

ไอศกรีมดอกไม้ ทั้ง 5 ชนิดในแพคเกจจิ้งใหม่ ไอศกรีมดอกไม้ เป็นนวัตกรรมจากดอกไม้อัมพวา 5 ชนิด คือ ดาหลา เข็ม กุหลาบมอญ บัว และอัญชัน ซึ่งเป็นดอกไม้พื้นบ้าน ที่มีพบเห็นได้ทั่วไปในอำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสาคร และผู้ที่ได้มีโอกาสเดินทางไปเที่ยวตลาดน้ำอัมพวา ก็คงจะได้ลองลิ้มชิมรสชาติกันมาแล้ว

ไอศกรีม ดอกไม้ไทย ศรีมาลา

ปัญจรัตน์ วงศ์นภาพรรณ และ นวรัตน์ วงศ์นภาพรรณ สองพี่น้อง ผู้ปลุกปั้นการสร้างแบรนด์ไอศกรีมของไทยด้วยการนำสิ่งที่แปลกใหม่บวกกับ รสชาติ ที่ถูกใจลูกค้าคนไทย และที่สร้างความฮือฮาจนสร้างแบรนด์ onemore ให้เป็นที่รู้จัก อย่าง ไอศกรีมผลไม้ไทยโรยท็อปปิ้งไทย อย่างไอศกรีมมะม่วงน้ำปลาหวาน ไอศกรีมมะยมโรยพริกเกลือ หรือไอศกรีมกล้วยบวชชี และรวมถึง ไอศกรีมดอกไม้ ที่จะกล่าวถึงในวันนี้ ฯลฯ

ปัญจรัตน์ - นวรัตน์ วงศ์นภาพรรณ สองพี่น้องเจ้าของกิจการ ที่มาของไอศกรีมดอกไม้สด มาจากความตั้งใจของสองพี่น้อง ที่ไม่ได้หยุดคิดที่จะพัฒนาสินค้าตัวใหม่ จนได้มาพบกับ “อาจารย์อัจฉรา แก้วน้อย” จากมหาวิทยาลัยราชภัฎบ้านสมเด็จเจ้าพระยา ซึ่งได้คิดค้นการทำสารสกัดเข้มข้นจากดอกไม้ ร่วมกับนักศึกษา สาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการอาหาร โดยได้รับทุนวิจัยตามโครงการ IRPUS ของสกว. ซึ่งทางมหาวิทยาลัย ให้ความสนใจเลือกผลิตภัณฑ์ไอศกรีมของเรา มาพัฒนาเป็นไอศกรีมดอกไม้ไทย “ทางอาจารย์อัจฉรา ได้ให้เราเลือกดอกไม้ชนิดใดชนิดหนึ่ง หรือ จำนวน 3 ชนิด เพื่อนำมาทำไอศกรีม แต่เนื่องจากเราต้องการให้เกิดความหลากหลายแก่ผู้บริโภค เราจึงขอเลือกดอกไม้ทั้ง 5 ชนิด

โดย ผู้จัดการ http://www.manager.co.th/

Read More...


บล็อคโคลี่ อบกรอบ ผักกรอบขนมขบเคี้ยว

บล็อคโคลี่ อบกรอบ ผักกรอบขนมขบเคี้ยว สินค้าอาหารแปรรูปจำพวกขนมขบเคี้ยว เน้นคุณค่าทางโภชนาการให้ผู้บริโภค อย่าง บล็อคโคลี่ อบกรอบ เจ้าแรกในโลก รวมถึงผลไม้อื่นๆ ที่คนไทยและต่างชาติคุ้นเคย


บล็อคโคลี่ อบกรอบ ผักกรอบขนมขบเคี้ยว

นายสุทธิศักดิ์ พิพัฒนติกานันท์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด จากเพื่อนสนิทที่โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน จับมือกับร่วมหุ้นทำธุรกิจส่งออก อาศัยประสบการณ์ด้านการส่งออก จากหนึ่งในหุ้นส่วน ที่ดำเนินธุรกิจด้านนี้มาหลายสิบปี มาต่อยอด พร้อมผลิตสินค้าอาหารแปรรูปจำพวกขนมขบเคี้ยว เน้นคุณค่าทางโภชนาการให้ผู้บริโภค อย่าง บล็อคโคลี่ อบกรอบ เจ้าแรกในโลก รวมถึงผลไม้อื่นๆ ที่คนไทยและต่างชาติคุ้นเคย หวังเปลี่ยนแนวคิดคนไทยหันรับประทานสแนค ที่มีคุณค่า

Greenday ถือเป็นธุรกิจของคนรุ่นใหม่อย่างแท้จริง ที่หุ้นส่วนทั้ง 3 คน คือ นายสุทธิศักดิ์ พิพัฒนติกานันท์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด, นายชัยรัตน์ คงศุภมานนท์ ผู้จัดการทั่วไป และนายณัฐวุฒิ เผ่าปรีชา ผู้จัดการฝ่ายการเงิน บริษัท เอเชีย เวิลด์ เทรดดิ้ง 88 จำกัด ที่ได้นำความรู้และประสบการณ์ด้านธุรกิจส่งออกมาจากนายชัยรัตน์ หนึ่งในหุ้นส่วน ที่ครอบครัวได้ทำการส่งสินค้าของดอง เช่น หน่อไม้ พริก มะม่วง และมะกอก รวมถึงอาหารแช่แข็งมาหลายสิบปี

และหนึ่งในนั้นคือการนำผลไม้ไทยมาแปรรูปด้วยระบบ Vacuum Dry ( วิธีการอบผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ให้แห้ง โดยใช้คลื่นแมคนิตรอน และมีการดูดความชื้น ที่เกิดขึ้น ด้วยระบบสุญญากาศเครื่องอบแห้งไมโครเวฟสุญญากาศ จึงเหมาะสำหรับผลิตภัณฑ์ที่ต้องการการอบที่รวดเร็ว ได้คุณภาพ ที่สูง และสีสันใกล้เคียงของดั้งเดิมมากที่สุด โดยใช้อุณหภูมิภายใต้สุญญากาศไม่เกิน 80 อาศาเซลเซียส ซึ่งจะทำให้ผลิตภัณฑ์ที่อบ ) ที่ถือเป็นความตั้งใจ ของครอบครัวนายชัยรัตน์ที่ผลักดันสินค้าที่เกิดจาก Vacuum Dry ให้เป็นสินค้านำตลาด
โดย ผู้จัดการ http://www.manager.co.th/

Read More...


ข้าวเหนียวมูนธัญพืช สมุนไพรแฟนซี

ขายข้าวเหนียวมูนสมุนไพรแฟนซี และ “ข้าวเหนียวมูนธัญพืช” กับ “เทศกาลกินเจ” ที่ใกล้จะมาถึง “ข้าวเหนียวมูนธัญพืช” ก็เป็นอีกสินค้าที่มีแนวโน้มสดใส.


ขายได้ทั้งปี-ขายดีช่วง กินเจ

ในยุคที่เศรษฐกิจตกสะเก็ด ถ้าใครมัวแต่ย่ำอยู่กับสิ่งเดิม ๆ ก็คงไปไม่รอดแน่ ซึ่งกับการค้าขายนั้นการสร้างจุดขายและไอเดียที่แปลกใหม่เป็นสิ่งจำเป็นมาก และสำหรับตัวอย่าง “ช่องทางทำกิน” รายนี้ ก็มีไอเดียดี ๆ มีสินค้าน่าสนใจ ซึ่งกับ “เทศกาลกินเจ” ที่ใกล้จะมาถึง สินค้าตัวนี้ก็มีโอกาสขายดิบขายดียิ่งขึ้น…

เฉลิมพันธ์ เจษฎาพงศ์ภักดี หรือ เจ๋ง ทายาทร้านแม่เก่ง ขายข้าวเหนียวมูนสมุนไพรแฟนซี และ “ข้าวเหนียวมูนธัญพืช” เจ้าตัวเล่าให้ฟังว่า ธุรกิจนี้เป็นธุรกิจครอบครัว ที่ได้ระดมความคิดและลองผิดลองถูกในการทำข้าวเหนียวมูนร่วมกันมา สุดท้ายก็มาลงตัวกับรสชาติปัจจุบัน เป็นที่ถูกอกถูกใจของผู้ที่ได้ลิ้มลอง

เจ๋งเองก็โตมาพร้อม ๆ กับธุรกิจข้าวเหนียวมูน รู้ขั้นตอนการผลิตและการขายทุกอย่าง และตอนนี้ก็ได้เข้ารับช่วงสานต่อธุรกิจนี้ โดยกำลังศึกษาระดับปริญญาตรีบริหารธุรกิจ เพื่อจะนำความรู้มาพัฒนาธุรกิจต่อไป


“ข้าวเหนียวสมุนไพรแฟนซี เป็นแนวคิดของผม เป็นไอเดียที่นำสีจากสมุนไพรธรรมชาติมาผสมเพื่อสร้างสีสันและความแตกต่าง โดยทำเป็น 9 สี 9 รส สีม่วงจากอัญชัน, สีเหลืองจากขมิ้น, สีเขียวจากใบเตย, สีส้มจากแครอท, สีแดงจากบีทรูท, สีดำจากข้าวเหนียวดำ, สีชมพูจากดอกเฟื่องฟ้า และสีเนื้อจากแก่นฝาง เมื่อทำออกมาขายในตลาด กระแสตอบรับดีมาก ๆ จนระยะหลัง ๆ ก็มีคนลอกเลียนเยอะเหมือนกัน”

เจ๋งเล่าต่อไปว่า ต่อมาได้มีการพัฒนาสินค้า จนเกิดเป็น “ข้าวเหนียวมูนธัญพืช” ซึ่งจากกระแสรักสุขภาพ ก็มีลูกค้าสนใจมาก และในช่วง “เทศกาลกินเจ” เมื่อปีที่แล้ว ก็ขายดิบขายดี จนต้องทำต่อเนื่อง ซึ่งก็จะมีทั้ง ข้าวเหนียวมูนลูกเดือย, ข้าวเหนียวมูนแปะก๊วย, ข้าวเหนียวมูนเม็ดบัว, ข้าวเหนียวมูนถั่วเหลือง, ข้าวเหนียวมูนเผือก, ข้าวเหนียวมูนงาม่อน, ข้าวเหนียวมูนถั่วแดง, ข้าวเหนียวมูนกลอย

สำหรับการทำข้าวเหนียวมูนขาย อุปกรณ์ที่ต้องใช้หลัก ๆ ก็มี… เตาแก๊ส, ลังถึง, ไม้พาย, หม้อสเตนเลส, ถังน้ำ, กะละมังขนาดใหญ่, ถาด, มีด, ทัพพี, กระชอน, กระทะ, ผ้าขาวบาง ฯลฯ

ส่วนวัตถุดิบใช้ทำ

“ข้าวเหนียวมูนธัญพืช” ถ้าใช้ข้าวเหนียวเขี้ยวงู 10 กก. จะใช้มะพร้าวขูดขาว 18 กก., น้ำตาลทรายขาว 6 กก. และลูกเดือย เผือก ถั่วแดง แปะก๊วย เป็นต้น

ขั้นตอนการทำ

“ข้าวเหนียวมูนธัญพืช” เช่น ลูกเดือย แปะก๊วย เผือก และถั่วแดง เริ่มจากนำข้าวเหนียวมาแช่น้ำทิ้งไว้ 3 ชั่วโมง แล้วซาวล้างให้สะอาด นำไปใส่ลังถึงนึ่ง โดยรองด้วยผ้าขาวบาง เกลี่ยข้าวเหนียวให้ทั่ว นึ่งน้ำเดือดไฟแรงประมาณ 45 นาที เพื่อให้เมล็ดข้าวเหนียวอ่อนนุ่ม

ธัญพืชต่าง ๆ ให้แยกนึ่งแต่ละชนิด ลูกเดือย ให้นำไปแช่น้ำทิ้งไว้ 3 ชั่วโมง แล้วซาวล้าง จากนั้นนำไปต้มสัก 10 นาที ตักขึ้นให้สะเด็ดน้ำแล้วนำไปนึ่งพร้อมกับข้าวเหนียว, แปะก๊วย ล้างให้สะอาด นำไปนึ่งพร้อมกับข้าวเหนียว, เผือก ทำการปอกเปลือก แล้วล้างให้สะอาด หั่นเป็นชิ้นเล็ก นำไปนึ่งพร้อมกับข้าวเหนียว ส่วนถั่วแดง นำไปแช่น้ำ 3 ชั่วโมง ล้างให้สะอาด แล้วนำไปต้ม 15 นาที ให้เม็ดนิ่ม แล้วจึงนำไปนึ่งพร้อมข้าวเหนียว
ระหว่างที่รอข้าวเหนียวสุก ทำการคั้นมะพร้าวด้วยน้ำต้มสุกจนได้หัวกะทิสดที่เข้มข้น

นำหัวกะทิสดที่ได้มาแบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกใช้ในการมูนข้าวเหนียว โดยนำน้ำกะทิมาเติมน้ำตาลทราย เกลือ ให้รสชาติออกหวานเค็มพอดี ๆ ใช้ทัพพีคนส่วนผสมให้ละลายเข้ากัน แล้วทำการกรองน้ำกะทิด้วยผ้าขาวบางอีกรอบให้สะอาด นำขึ้นตั้งไฟพอเดือด ยกลงตั้งพักไว้ เมื่อข้าวเหนียวที่นึ่งกับธัญพืชสุก เทใส่กะละมัง นำน้ำกะทิที่เตรียมไว้เทราดลงในข้าวเหนียวธัญพืชที่ยังร้อน ๆ ใช้ไม้พายช่วยมูนให้ข้าวเหนียวกับน้ำกะทิเข้ากันจนทั่ว แล้วปิดฝาทิ้งไว้ประมาณ 20 นาทีเพื่อให้ความร้อนจากข้าวเหนียวดูดซึมน้ำกะทิให้แห้ง
น้ำกะทิอีกส่วน นำมาผสมแป้งข้าวโพด น้ำตาลทราย เกลือนิดหน่อย ชิมรสชาติตามชอบ นำขึ้นตั้งไฟใช้ความร้อนปานกลาง คนไปเรื่อย ๆ ไม่ให้กะทิแตกมัน พอเดือดยกลง ก็จะได้กะทิสำหรับราดข้าวเหนียวเพื่อเพิ่มรสชาติ และก็ต้องทำถั่วเขียวซีกคั่วไว้สำหรับโรยหน้าข้าวเหนียวมูนด้วย ซึ่งจุดเด่นข้าวเหนียวมูนร้านแม่เก่งคือจะมีรสชาติหวานมันกลมกล่อม ข้าวเหนียวไม่แฉะ ตอนรับประทานรสชาติยังคงติดลิ้น

ข้าวเหนียวมูนทุกอย่างของร้านนี้ ขาย กก.ละ 120 บาท โดยมีต้นทุนประมาณ 50% จากราคาขาย
ร้านข้าวเหนียวมูนร้านนี้อยู่ปากซอยหมู่บ้าน ต.รวมโชค 33/496 ซอยโชคชัย 4 (54) ถนนลาดพร้าว กรุงเทพฯ โทร. 08-9881-2349, 08-9889-8891, 0-2538-3331 ใครสนใจซื้อ สนใจจะสั่งไปขายต่อ ก็เชิญได้ตามสะดวก ซึ่งกับ “เทศกาลกินเจ” ที่ใกล้จะมาถึง “ข้าวเหนียวมูนธัญพืช” ก็เป็นอีกสินค้าที่มีแนวโน้มสดใส.
เชาวลี ชุมขำ : รายงาน/จเร รัตนราตรี : ภาพ
http://www.dailynews.co.th

Read More...


ลูกเดือยทอดกรอบสมุนไพร รายได้ดี

ขนมกรุบกรอบทานเล่นจากโรงงานใหญ่ ๆ ที่มีวางขายตามท้องตลาดนั้น บ้างก็มีประโยชน์น้อย บ้างก็มีราคาสูง ซึ่งนี่ก็เป็นช่องว่างทางการตลาดสำหรับรายย่อย เป็น “ช่องทางทำกิน” จากการผลิตขนมกรุบกรอบที่มีประโยชน์-ราคาไม่แพง อย่างการทำ “ลูกเดือยทอดกรอบสมุนไพร” ขายก็น่าสนใจ…


ลูกเดือยทอดกรอบ
ขนมกรุบกรอบทานเล่นจากโรงงานใหญ่ ๆ ที่มีวางขายตามท้องตลาดนั้น บ้างก็มีประโยชน์น้อย บ้างก็มีราคาสูง ซึ่งนี่ก็เป็นช่องว่างทางการตลาดสำหรับรายย่อย เป็น “ช่องทางทำกิน” จากการผลิตขนมกรุบกรอบที่มีประโยชน์-ราคาไม่แพง อย่างการทำ “ลูกเดือยทอดกรอบสมุนไพร” ขายก็น่าสนใจ…

ชมพูนุช เผื่อนพิภพ อาจารย์สาขาวิชาวิทยาศาสตร์การอาหารและโภชนาการ คณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ มทร.พระนคร เปิดเผยว่า จากการทำโครงการเกษตรอินทรีย์ เป็นผลิตภัณฑ์ เมื่อลงพื้นที่ในต่างจังหวัดก็พบพวกธัญพืชต่าง ๆ เป็นที่นิยมมาก แล้วก็เห็น “ลูกเดือย” ซึ่งใคร ๆ ก็คิดว่านำไปต้มได้เพียงอย่างเดียว

แต่เมื่อพิจารณาดูแล้ว เห็นว่าน่าจะทำเป็นอย่างอื่นได้ อาทิ อาหารทานเล่นแบบกรุบกรอบ ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ทั้งเด็ก วัยรุ่น ผู้ใหญ่ โดยลูกเดือยมีสารอาหารที่มีประโยชน์แก่ร่างกายมากมาย

เช่น ใยอาหาร วิตามินเอ วิตามินบี 1 ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม แคล เซียม และยังมีสรรพคุณเป็นยาเย็น ใช้บำบัดอาการหลอดลมอักเสบ ปอดอักเสบ น้ำคั่งในปอด แก้ร้อนใน บำรุงไต บำรุงกระเพาะอาหารและม้าม ขับปัสสาวะ ขับเสมหะ บำรุงสตรีหลังคลอด ช่วยย่อยอาหาร และเจริญอาหาร

ทั้งหมดคือคุณประโยชน์ของเจ้าเม็ดกลม ๆ อ้วน ๆ ที่เรียกว่า “ลูกเดือย”

ส่วน “ลูกเดือยทอดกรอบสมุนไพร” ที่คิดทำขึ้นมา นอกจากลูกเดือยแล้ว ยังมี ใบมะกรูด, พริกไทยดำ เป็นสมุนไพรที่เพิ่มกลิ่นและสีสันให้มีความน่ารับประทานมากขึ้น และมีประโยชน์มากขึ้น

ลูกเดือยทอดกรอบ

ลูกเดือยทอดกรอบสมุนไพร มีวัตถุดิบและวิธีการทำดังนี้คือ…
วัตถุดิบก็มี ลูกเดือย 250 กรัม, ใบมะกรูด 45 กรัม, เมล็ดพริกไทยดำ 20 กรัม, น้ำตาลทรายขาว 30 กรัม, เกลือป่น 5 กรัม และน้ำมันพืช (สำหรับทอด) 0.5 ลิตร

ส่วนวิธีทำ…เริ่มจากนำลูกเดือยแช่น้ำสะอาดนาน 1 คืน แล้วต้มให้สุก เมื่อสุกแล้วตักขึ้นให้สะเด็ดน้ำ นำไป อบในตู้อบที่อุณหภูมิ 60 องศา เซลเซียส นาน 4-6 ชั่วโมง วิธีนี้จะทำให้ลูกเดือยเมื่อทอดแล้วจะพองฟูและมีความกรอบนุ่ม ไม่แข็งกระด้าง (หากไม่มีตู้อบให้ใช้วิธีการตากแดดให้ แห้งแทน)

ขั้นตอนต่อมา ทอดลูกเดือยในน้ำมันที่ร้อนจัด จนพองฟูและมีสีเหลืองทอง นำขึ้นสะเด็ดน้ำมัน โดยแบ่งทอดทีละน้อย เตรียมหั่นใบมะกรูดเป็นฝอยลงทอดให้กรอบดี และทอดเมล็ดพริกไทยดำให้พอสุก

Read More...


เป็ดย่างตุ๋นมะนาวดอง

เป็ดย่างตุ๋นมะนาวดอง ใช้เป็ดย่างสูตรกวางตุ้งของร้าน เจริญเวียงโภชนา ซึ่งหมักด้วยเครื่องเทศพริกไทย เต้าเจี้ยว ซีอิ๊ว ให้ซึมเข้าไปถึงเนื้อเป็ดย่าง อร่อยเท่ากับห่านย่างที่เกาะฮ่องกง

เคยกินแต่เป็ดตุ๋นมะนาวดองจนเบื่อ วันนี้ผมขอสอนวิธีทำ เป็ดย่างตุ๋นมะนาวดอง สูตรโบราณที่ชาวกวางตุ้งทำกินมาก่อน ผมจึงใช้เป็ดย่างสูตรกวางตุ้งของร้าน เจริญเวียงโภชนา ซึ่งหมักด้วยเครื่องเทศพริกไทย เต้าเจี้ยว ซีอิ๊ว ให้ซึมเข้าไปถึงเนื้อเป็ดย่าง อร่อยเท่ากับห่านย่างที่เกาะฮ่องกง หนังเป็ดย่างเกรียม ๆ รีดไขมันออกเกือบหมด แล้วผมเอามาตุ๋นกับมะนาวดอง น้ำซุปไม่มันเลี่ยน หอมกลิ่นเป็ดย่างอร่อยสุดยอดครับ

เป็ดย่างตุ๋นมะนาวดอง

เครื่องปรุง เป็ดย่างตุ๋นมะนาวดอง

  • 1.เป็ดย่างหนังกรอบ 2 ตัว
  • 2.พริกไทยดำเกล็ดตรามือ 1 ช้อนโต๊ะ
  • 3.รากผักชี 5 ราก
  • 4.กระเทียม 3 หัว
  • 5.ซีอิ๊วขาวเห็ดหอม 1 ทัพพี
  • 6.ฟักแก่ 1 ลูก
  • 7.น้ำเป็ดย่าง 2 ทัพพี
  • 8.มะนาวดอง 4 ลูก
  • 9.บ๊วยดอง 3 ลูก

วิธีทำ เป็ดย่างตุ๋นมะนาวดอง

  • 1.แขวนเป็ดย่างให้สะเด็ดน้ำมันที่อยู่ในตัวเป็ดจนแห้งสนิท จึงสับเป็ดเป็นชิ้น
  • 2.ใส่พริกไทยดำเกล็ด รากผักชี กระเทียม ซีอิ๊วขาว ลงก้นหม้อ แล้วปอกเปลือกฟักแก่หั่นเป็นชิ้นหนา ๆ วางเรียงบนเครื่องเทศ แล้วนำเป็ดย่างสับวางซ้อน
  • 3.ใส่น้ำเป็ดย่าง แล้วเติมน้ำสะอาดให้ท่วมเนื้อเป็ดย่าง ปิดฝาหม้อต้มด้วยไฟร้อนปานกลางนาน 1 ชั่วโมง
  • 4.ลอกเปลือกมะนาวดองและเนื้อบ๊วยดองใส่เครื่องบดปั่นจนละเอียด ส่วนเม็ดและเนื้อมะนาวดองทิ้งให้หมด
  • 5.ตุ๋นเป็ดย่างจนเนื้อนุ่มดีแล้ว เปิดฝาหม้อใส่น้ำมะนาวดองลงไป ใช้ทัพพีคนให้ทั่ว จึงปิดฝาหม้อต้มอีก 10 นาที
  • 6.ตักเป็ดย่างตุ๋นมะนาวดองกับฟักใส่โถ กินกับข้าวสวย ซดน้ำมะนาวดองร้อน ๆ จะช่วยให้ร่างกายอบอุ่นขึ้น เนื้อเป็ดย่างตุ๋นนุ่มหอมกรุ่น
เป็ดย่างตุ๋นมะนาวดองสูตรนี้ผมมอบให้ร้านเจริญเวียงโภชนา ทำไว้กินคู่กับ เป็ดย่าง หมูแดง หมูกรอบ ตีนเป็ดยัดไส้ ขาหมูยัดไส้ อร่อยจนลืมไม่ลงครับ โทร. 0-2235-1088, 08-6771-7135.
ขุนขยับ แม่มะลิ
อีเมล chaisang_k@yahoo.co.th
เดลินิวส์ออนไลน์ www.dailynews.co.th

Read More...




----------------

ปรับปรุง
รายการบทความทั้งหมด



การบำรุงรักษารถยนต์เบื้องต้น



ร้านค้าเคลื่อนที่ ใช้ รถบรรทุกขนาดเล็กมาดัดแปลง



รวมบทความอาชีพ เสริม หลากไอเดียวิธีหารายได้เสริม



รวมบทความงานฝีมือ-สิ่งประดิษฐ์ รายได้เสริม



ทองม้วน thong muan ; rolled wafer





MASK รุ่นสายคล้องคอ







MASK รุ่นสายคล้องคอ. ��รุ่นนี้เป็นที่นิยมใช้กันมาก #ขายดีมาก
ทำจากผ้าคอตตอนแท้ 100%  ไม่ผสม เนื้อผ้านุ่ม 
3 ชั้น. สวมใส่พอดีกับใบหน้า ไม่เจ็บหู มีสายคล้องคอปรับได้
เวลาถอดออก ไม่ต้องกลัวลืม เพราะถอดแล้วคล้องคอไว้ได้
บรรจุในถุงซิปฟรอย์อย่างดี
ราคาชิ้นละ. 59. บาท. ไม่รวมส่ง 
มีหลายสีให้เลือกนะคะ   สนใจทักแชทขอดูสีผ้าได้นะคะ
หน่วยงาน บริษัท ห้างร้าน หรือ สนใจสั่งไปจำหน่าย 
มีเรทราคาส่งค่ะ

-> id line : noeyhorm_06
#มีวางจำหน่ายหน้าร้านชานมไต้หวันมาราชาสาขาจรัญ44


ร้านมาราชาชานมไข่มุก สาขาจรัญสนิทวงศ์ 44
● รับบัตรสะสมครบ 10 แก้ว แลกรับฟรี 1 แก้ว
● สั่งเดลิเวอรีผ่าน LINE MAN, Foodpanda ,GET ...ถึงมือปั๊บพร้อมดื่มปุ๊บ!
● อัพเดทโปรโมชั่นใหม่ๆ รสชาติใหม่ ตลอดเวลา
● มีเมนูให้เลือก 40 กว่าเมนู : https://bit.ly/2Z9iqV0






























































เลือกช่องทางติดต่อและรับข่าวสารบริการหลังการขาย
ฟอร์ด พลปิยะอยุธยาและฟอร์ด พลปิยะวังน้อย

--------------------------------------------------------------------------------------------
แคมเปญ-โปรโมทชั่น อะไหล่ฟอร์ด อัพเดททางออนไลน์และปรับปรุงข้อมูลออนไลน์
อะไหล่ฟอร์ด อะไหล่รถฟอร์ด อะไหล่รถยนต์ฟอร์ด อะไหล่ฟอร์ดแท้ ร้านขายอะไหล่รถฟอร์ด ขายอะไหล่รถฟอร์ด อะไหล่ฟอร์ด
 
Option

รวมบทความอาชีพเสริม หลากไอเดียวิธีหารายได้เสริม หาอาชีพเสริมอิสระทำเงิน สร้างอาชีพอิสระงานฝีมือ แนะนำการสร้างรายได้เสริมทำเงินด้วยการขายสินค้าหรือขายของเป็นอาชีพเสริม อิสระงานฝีมือ แนะแนวธุรกิจ อาชีพเสริม อาชีพแก้จน อยากจะมีรายได้เสริมนอกเหนือจากงานประจำ บล๊อกจัดทำขึ้นเป็นวิทยาทานเพื่อเผยแผ่ความรู้อันจะเป็นไปเพื่อบุญกุศล ขอให้ทุกท่านที่มีส่วนร่วมในบทความของบล๊อกนี้ จงได้รับอานิสงฆ์ด้วยเทอญ.