สูตรขนม สูตรอาหาร อาชีพรายได้เสริม ประกาศฟรี โฆษณาฟรี Career Articles Extra Income
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

Drop Down MenusCSS Drop Down MenuPure CSS Dropdown Menu

ต้มยำไฮโซ เมนูเด็ด รายได้ดี

สุดยอดความอร่อย ร้านก๋วยเตี๋ยวเฮียหมู แห่ง อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี โดยคุณสมโภชน์ ประเสริฐสงค์ ความอร่อยทั้งมวล เกิดจากความประณีต ความเอาใจใส่ของเจ้าของ ล่าสุด “ก๋วยเตี๋ยวต้มยำไฮโซน้ำพริกเผา” กลายเป็นอีกเมนูเด็ดที่สร้างเม็ดเงินให้ร้านได้ไม่น้อย


ก๋วยเตี๋ยวต้มยำไฮโซ

สมโภชน์ ย้อนอดีตให้ฟังถึง ร้านก๋วยเตี๋ยวเฮียหมู ซึ่งตั้งอยู่ 73-74 ถนนเทศบาลติดกับธนาคารออมสิน สาขาบ้านหมี่ ว่า ร้านเปิดมากว่า 50 ปี โดยคุณยายเป็นผู้บุกเบิกกิจการ ก่อนจะตกทอดสู่รุ่นแม่หรือที่ลูกค้ารู้จักกันในนามร้าน เจ๊เป้า กระทั่งตกทอดมาถึงรุ่นของตนเองเป็นรุ่นที่ 3 เมื่อเกือบ 10 ปีที่ผ่านมา โดยยึดทำเลขายในตลาดเขตเทศบาลเมืองบ้านหมี่ตลอด ขายทุกเมนูที่เกี่ยวกับก๋วยเตี๋ยวหมู

จากปากต่อปากที่เอ่ยถึงความอร่อยในทุกเมนู ทำให้ในแต่ละวันตลอดระยะเวลาอันยาวนานจึงมีลูกค้าให้การอุดหนุนคับคั่ง และที่ทำให้ช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา ร้านก๋วยเตี๋ยวเฮียหมู เปลี่ยนไปเป็น ร้านก๋วยเตี๋ยวต้มยำไฮโซน้ำพริกเผา ก็เพราะความอร่อยสุดๆ ของเมนูนี้นั่นเอง

ร้านก๋วยเตี๋ยวต้มยำไฮโซน้ำพริกเผา

 

เคล็ดลับความอร่อยก๋วยเตี๋ยวต้มยำไฮโซ

ความอร่อยของเมนูก๋วยเตี๋ยวต้มยำไฮโซนี้ เคล็ดลับคือ เส้นบะหมี่สด ที่เราทำเองด้วยแป้งหมี่คุณภาพดี ขณะที่ลูกชิ้นปลากลาย เนื้อหมูที่ปรุงรสทำเป็นหมูแดง หมูบะช่อ รวมทั้งถั่วลิสง พริกป่น กระเทียมเจียว รวมทั้งน้ำพริกเผาซึ่งปรุงรสชาติที่เผ็ดอร่อย ซึ่งทุกอย่างเราทำเองหมดและทำวันต่อวัน ใช้มะนาวปรุงรส ที่สำคัญน้ำก๋วยเตี๋ยวนั้นร้านจะใช้กระดูกหมูต้มให้มีรสชาติหวานกลมกล่อม สมโภชน์ เล่าให้ฟัง
ด้วยทุกอย่างคำนึงถึงคุณภาพความอร่อยบนพื้นฐานความพึงพอใจของลูกค้าเป็น สำคัญนั้น สมโภชน์บอกว่า แต่ละวันจึงขายได้ไม่ต่ำกว่า 150-200 ชาม และกำหนดราคาขายชามธรรมดา 30 บาท พิเศษ 35-40 บาท โดยลูกค้าส่วนใหญ่นอกจากขาประจำในละแวกถิ่นแล้ว มีทั้งขาจร รวมถึงนักท่องเที่ยวในถิ่นอื่นที่เดินทางมาตามคำบอกเล่าเพื่อลิ้มลองและ พิสูจน์ในรสชาติความอร่อยของก๋วยเตี๋ยวเมนูนี้

นายสกล ปิยะสุวรรณ์ นายกเทศมนตรีเมืองบ้านหมี่ กล่าวว่า ในเขต อ.บ้านหมี่ มีกิจการร้านก๋วยเตี๋ยวจำนวนมากที่นอกจากเปิดร้านขายก๋วยเตี๋ยวแล้ว ยังผลิตเส้นบะหมี่ออกจำหน่ายด้วย ทั้งขายที่หน้าร้านและขายส่งไปตามอำเภอต่างๆ เทศบาลคิดทำโครงการสนับสนุนผู้ประกอบการเปิด “ร้านก๋วยเตี๋ยวบะหมี่” เพราะในจังหวัดมี อ.บ้านหมี่ แห่งเดียวที่ผลิตเส้นบะหมี่สดออกจำหน่าย ทั้งนี้นอกจากเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวของอำเภอแล้ว ยังสร้างอาชีพให้คนพื้นถิ่นมีอาชีพที่มั่นคงและยั่งยืนด้วย

ที่มา : คมชัดลึก

Read More...


ทำเค้กลำไย อาชีพเสริม

ปัจจุบันเค้กลำไยของกลุ่มได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคว่าอร่อย รสชาติกลมกล่อม หอม หวาน มัน ที่เป็นจุดเด่นและเราภูมิใจมากๆ คือเค้กลำไยของกลุ่มจะนุ่มอร่อยลิ้นทีเดียว เพราะเป็นสูตรสำเร็จที่เราพยายามคิดขึ้นจนลงตัว


เค้กลำไย

จากแนวคิดที่ไม่หยุดนิ่ง ด้วยเหตุผลแรกเริ่มต้องการเพิ่มมูลค่า ลำไย วัตถุดิบในท้องถิ่นให้มากขึ้น เพื่อเป็นทางเลือกของผู้บริโภคนอกเหนือจากการขายเป็นผลไม้ธรรมดา จึงทำให้กลุ่ม วิสาหกิจชุมชนห้วยกานเบเกอรี่ แห่ง ต.บ้านโฮ่ง อ.บ้านโฮ่ง จ.ลำพูน โดยการนำของ ป้าสมพร จอมอิ่น ร่วมกันคิดจนพัฒนาเป็น เค้กลำไย สินค้ายอดนิยมของผู้บริโภคทั้งในและนอกพื้นที่ เพราะติดใจในรสชาติอันสุดอร่อย จนสร้างรายได้เข้าสู่ชุมชนอย่างต่อเนื่อง ป้าสมพร” ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนห้วยกานเบเกอรี่ เล่าว่า กลุ่มเกิดขึ้นเมื่อปี 2548 ปัจจุบันมีสมาชิก 25 คน เกือบทั้งหมดเป็นเกษตรกรที่ปลูกลำไยอยู่ในพื้นที่ แต่ระยะหลังผลผลิตราคาตกต่ำเธอและสมาชิกจึงร่วมกันคิดหาหนทางเพิ่มมูลค่าของ ลำไยด้วยการทดลองนำมาแปรรูปเป็นอาหารในหลายรูปแบบแต่ไม่ประสบผลสำเร็จ กระทั่งมาลงตัวที่ เค้กลำไย หลังจากเธอและสมาชิกส่วนหนึ่งได้ร่วมอบรมการทำขนมเค้กที่จังหวัดจัดอบรมขึ้น

เมื่อเล็งเห็นช่องทางการสร้างรายได้ให้แก่ชุมชน และมองว่าเมื่อสมาชิกผู้ผลิตพร้อมแล้ว เธอจึงรวมกลุ่มสมาชิกควักทุนบุกเบิกตลาด เค้กลำไย ในทันที โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณส่วนหนึ่งจากจังหวัดเพื่อซื้ออุปกรณ์ต่างๆ

ทดลองพลิกแพลงนับครั้งไม่ถ้วน แรกๆ กินได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่พวกเราก็ไม่ย่อท้อ ช่วยกันคิดช่วยกันทำจนตอบโจทย์ผู้บริโภคได้สำเร็จ ทำให้ปัจจุบันเค้กลำไยของกลุ่มได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคว่าอร่อย รสชาติกลมกล่อม หอม หวาน มัน ที่เป็นจุดเด่นและเราภูมิใจมากๆ คือเค้กลำไยของกลุ่มจะนุ่มอร่อยลิ้นทีเดียว เพราะเป็นสูตรสำเร็จที่เราพยายามคิดขึ้นจนลงตัว ป้าสมพร แจง

ขนมเค้กลำไย

นอกจากความใหม่สดของสินค้าที่ผลิตวันต่อวัน บวกรสชาติที่สุดยอดของความอร่อย แถมยังขายราคาย่อมเยา ภายใต้แพ็กเกจที่สวยงามทันสมัย พร้อมการันตีคุณภาพสินค้าด้วยโอท็อป 3 ดาว,การรับรองจากคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เครื่องหมายฮาลาล มาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน (มผช.) สิ่งเหล่านี้คือสาเหตุหลักที่ทำให้สินค้าของกลุ่มติดตลาดและมีแนวโน้มขยาย ตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่วงเทศกาลต่างๆ ผลิตไม่ทันต่อความต้องการของลูกค้า

เค้กลำไยของกลุ่มมีขายตลอดปี กระจายอยู่ตามร้านค้า ร้านของฝากในตัวจังหวัด และพื้นที่ใกล้เคียง โดยในทุกวันเกือบทั้งหมดจะผลิตตามออเดอร์ ซึ่งมี 2 ขนาด แบบเป็นกล่องขายส่งกล่องละ 35 บาท และขนาดเป็นชิ้น ชิ้นละ 4.50 บาท …จากที่กลุ่มมีออเดอร์เป็นประจำทำให้สมาชิกแต่ละคนมีรายได้เสริมเฉลี่ย เดือนละไม่ต่ำกว่า 4,000-5,000 บาท ขณะที่ส่วนหนึ่งเราก็แบ่งเก็บไว้เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ของกลุ่มต่อไป” ป้าสมพรแจงด้วยความภูมิใจ

ส่วนผสมและวิธีการทำเค้กลำไย ก็จะมีไข่ แป้ง น้ำตาลทราย น้ำมันพืช ผงฟู และที่ขาดไม่ได้ก็คือลำไยแห้ง ที่จะนำมาปั่นผสมเข้าไป

ส่วนวิธีการทำเค้กลำไย

ก็ทำตามขั้นตอนการทำขนมเค้กทั่วไป และเมื่อส่วนผสมพร้อมแล้วก็จะนำไปเข้าตู้อบไฟฟ้าตั้งความร้อนที่ 400 องศาเซลเซียส นานประมาณ 30 นาที หรือครึ่งชั่วโมง ก็จะได้ “เค้กลำไย” ที่หอมกรุ่น สูตรอร่อยของวิสาหกิจชุมชนบ้านห้วยกาน วางไว้จนอุณหภูมิเย็น ก่อนแพ็กลงบรรจุภัณฑ์เตรียมวางจำหน่ายต่อไป

สำหรับผู้สนใจอยากเรียนรู้กรรมวิธีการทำ หรือต้องการลองลิ้มความอร่อย ป้าสมพรบอกติดต่อได้ที่กลุ่ม วิสาหกิจชุมชนห้วยกานเบเกอรี่ โทรศัพท์ 08-4985-9296, 08-2486-0557 และ 08-4177-0082 เพราะนอกจากกลุ่มจะรับสั่งทำตามออเดอร์ บริการส่งให้ทั่วประเทศแล้ว เธอและสมาชิกยินดีให้ความรู้แก่ทุกๆ คนด้วย
ที่มา : คมชัดลึก

Read More...


แฟรนไชส์ เสื้อผ้ามือสอง สินค้าทำกำไร

เจ้าของแฟรนไชส์เสื้อมือสอง เกรด A เจ้าแรกและเจ้าเดียวในประเทศไทย ที่พลิกปรากฏการณ์ฮ็อตฮิตถล่มทลาย ด้วยกลยุทธ์ใหม่ถอดด้ามให้เลือกได้ -เปลี่ยนได้ไม่อั้น พาผู้ค้าทั้งรายเล็ก-รายใหญ่ มือใหม่ มืออาชีพ ร่ำรวยกันถ้วนหน้า


แฟรนไชส์เสื้อผ้ามือสอง

คุณรชา (ลิ่มศิลา) รัฐฐานนท์ อดีตบรรณาธิการบริหารนิตยสารวัยรุ่น คลุกคลีอยู่ในวงการบันเทิงมาเกือบ 20 ปี มีผลงานการเขียนมากมาย เคยเป็นฝ่ายคัดสรรศิลปินของค่ายเทป โปรดิวเซอร์รายการทีวี ครีเอทีฟแมเนเจอร์บริษัทออร์แกไนซ์ ฯลฯ เมื่อคิดจะทำธุรกิจ เธอพลิกโฉมทำในสิ่งที่คนอื่นคิดไม่ถึงว่าจะมีใครทำ นั่นคือ แฟรนไชส์เสื้อผ้ามือสอง ที่ทั้งสภาพดี ราคาถูก แถมยังให้เลือกได้ทุกตัวแบบบุฟเฟ่ต์ เปลี่ยนได้ทุกตัวอีกถ้าตัวไหนขายไม่ได้

ถามแนวคิดของผู้บริหาร ว่าไอเดียดีๆ แบบนี้ มีที่มาที่ไปอย่างไร เธอตอบว่า คนที่เคยเดินทางไปซื้อเสื้อมือสองไกลๆ เสียทั้งเวลา เปลืองค่าน้ำมัน บางครั้งอาจต้องเสียอารมณ์หากพบสินค้ามีตำหนิเหตุผลนี้ Switch ON ขอเป็นทางเลือกใหม่นำเสื้อผ้ามือสองมาจำหน่ายในรูปแบบแฟรนไชส์ เพราะแม้ลูกค้าจะอยู่ไกล เพียงแค่โทรศัพท์เข้ามาสั่ง 4 วัน สินค้าก็จัดส่งถึงบ้านได้

“วิธีคิดของเรามันอาจไปค้านกับความเชื่อของคนส่วนใหญ่ ว่าทำธุรกิจต้องมุ่งเอาแต่กำไรให้มากที่สุด แต่สำหรับ Switch ON เราคิดว่ากำไรเอาแค่พออยู่ได้ ให้การบริหารจัดการเป็นไปได้ไม่ติดขัด แต่ทำยังไงให้ธุรกิจเราช่วยคนให้ตั้งตัวได้มากที่สุดในยุคเศรษฐกิจแบบนี้ ลงทุนน้อยๆเลยออกมาเป็นทั้งถูกด้วย ดีด้วย เลือกได้และเปลี่ยนได้ตลอดด้วย” คุณรชา ระบุ

มาถึงที่แล้ว ปรากฏว่าที่สิ่งที่ได้เจอคือบรรยากาศในร้านนั้น ราวกับว่าลูกค้ามาสังสรรค์บ้านญาติมิตร เลือกไปคุยกันไป แลกเปลี่ยนความรู้-ไอเดียการขายกัน เส้นทางเศรษฐีเลยเข้าไปจับเข่าคุยกับผู้ค้ารายหนึ่งซึ่งกำลังเลือกเสื้อแจ๊คเก็ตยีนส์ไปขายอย่างขะมักเขม้น ปรากฏคำตอบที่ได้รับคือ

“ขายดีค่ะ เพราะสินค้าคุณภาพดี ถูกด้วย ตัวละ 30 กว่าบาท เอาไปขายขั้นต่ำก็ 100 ตัว ตัวไหนสวยมากก็ 150-200 บาท บางทีไปถึง 300 บาท ก็เคยขายมาแล้ว ชอบตรงที่เขาให้เปลี่ยนได้ตลอด มีของสวยๆมาไม่ขาด ตอนแรกขายเสื้อมือหนึ่งอยู่ ลองเอมือสองไปแซม ขายไปสักพักมือสองเริ่มกำไรดีกว่า เลยเปลี่ยนมาขายอย่างเดียวเลย ซื้อตอนแรกแพ็กเกจ 100 ตัวก่อน และขยับมา 1 กระสอบ พอขายดีมากๆ วิ่งตลาดนัดหลายที่ ตอนนี้ซื้อแพ็กเกจพรีเมี่ยม 4 กระสอบ แถม 1 กระสอบ แล้วค่ะ”

ภายในร้านมีสินค้าหลากหลายชนิดทั้ง เสื้อยืด กางเกงขาสั้น-ขายาว สายเดี่ยว กระโปรง แต่ที่จะดูขายดีที่สุด เจ้าของแฟรนไชส์ บอกว่า เห็นจะเป็นแจ๊คเก็ตยีนส์ ซึ่งมีทั้งของผู้หญิงผู้ชาย ลูกค้าหอบกลับกันคนละ 100 หรือ 200 ตัว สาเหตุเพราะขายได้ทุกฤดูกาล แถมขายได้ราคากว่าเสื้อประเภทอื่นหลายเท่าตัว รองลงมาเห็นจะเป็นเสื้อเชิ้ต เพราะใส่ทุกเทศกาล มีทั้งแบบของผู้หญิงผู้ชาย วัยรุ่น รวมทั้งวัยทำงาน

คุณรชา บอกต่ออีกว่า เท่าที่ผ่านมา มีคนมาขอซื้อสิทธิ์เป็นตัวแทนจำหน่ายในทุกจังหวัดมาโดยตลอด แต่ก็ยังไม่ได้เปิดขายให้ใครเพราะอยู่ระหว่างวางระบบการบริหารจัดการ ขณะนี้ Switch ON จะเริ่มเปิดรับ Master Franchise (มาสเตอร์แฟรนไชส์) แล้ว โดยให้สิทธิ์แค่ 4 จังหวัด นำร่อง เท่านั้น จังหวัดใดก็ได้ที่พร้อม และติดต่อมาก็จะได้สิทธิ์ในการเป็นเอเย่นต์อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียว ในจังหวัดและทุกอำเภอในจังหวัดนั้นๆ โดยที่ Switch ON ที่กรุงเทพฯ จะคัดเลือกของสวยๆ จากโกดังป้อนให้ตลอด พร้อมกับโปรโมตให้โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย เพียงแต่

สิ่งที่ผู้ต้องการเป็นมาสเตอร์แฟรนไชส์ต้องมี คือ

1. ต้องมีหน้าร้านในจังหวัดนั้นๆ 1 คูหา มีเนื้อที่พอจะลงเสื้อล็อตแรกที่ Switch ON จัดให้ทันที 1,000 ตัว ครบแบบ ครบสี ครบ ITEM และสามารถติดป้ายแบนเนอร์ขนาดใหญ่ ที่จะได้รับไฟล์ภาพไปขยายติดเพื่อโปรโมตการเป็นตัวแทนจำหน่ายแต่เพียงผู้ เดียว (ในป้ายนั้นมีรูปรายการทีวีเกือบ 10 รายการ ที่มาถ่ายทำที่ Switch ON)
2. ค่าลิขสิทธิ์แฟรนไชส์ 99,000 บาท ลิขสิทธิ์นี้จะอยู่กับผู้เป็นมาสเตอร์ตลอดอายุสัญญาจนกว่าจะเลิกกิจการ ผู้ซื้อมีสิทธิ์ดำเนินการไปตลอดจนถึงรุ่นลูกรุ่นหลาน เว้นเสียแต่ทำผิดข้อตกลงคือ หนึ่ง ปิดกิจการลงเอง สอง ปิดร้านนานเกิน 2 เดือน สาม สั่งเสื้อผ้าจากที่อื่นเข้ามาขาย
3. ต้องรับสินค้าจากบริษัทแม่เท่านั้น เพราะทางบริษัทจะจัดหาของสวยๆ แปลกๆ ส่งถึงร้านตัวแทนจำหน่ายตลอดเวลา และดูแลเรื่องการตลาด/โปรโมชั่นออกสื่อและเทรนด์เสื้อผ้า Update ให้ตลอด
” เราให้สิทธิ์มาสเตอร์ของเราขายปลีกได้อีกด้วยค่ะ กำไรนี่ขั้นต่ำต่อตัว 60-70 บาทขึ้นไปอยู่แล้ว แจ๊คเก็ตนี่ 100-200 สบายๆ ตรงนั้นมาสเตอร์เรารับไปเต็มๆเลย ส่วนที่ขายส่งก็ได้วอลลุ่ม ในจังหวัดคุณเราจะให้ลูกค้าไปรับจากคุณเลย ถ้าจังหวัดใกล้เคียงจะซื้อกับคุณด้วยเราก็ไม่มีปัญหา และเวลามีสื่อมาสัมภาษณ์เราจะลงรูปร้านคุณและที่ตั้งโปรโมตให้ด้วย มาสเตอร์เราแทบไม่ต้องทำอะไร จริงๆ คือขายแฟรนไชส์ 20 เจ้าก็คืนทุนแล้ว นอกนั้นรับอย่างเดียวไปตลอด แค่มีเจตนารมณ์เดียวกัน คือต้องการช่วยคนไทยให้ร่ำรวย ตั้งตัวได้ มีรายได้เป็นกอบเป็นกำ พ้นวิกฤตเศรษฐกิจค่ะ”

สินค้าทำกำไรดี สนใจร่วมลงทุน

ติดต่อได้เลย
คุณรชา เล่าว่า ลูกค้าที่ตั้งตัวได้มีจำนวนมาก เพราะมาที่นี่ทุกคนรู้สึกเหมือนอยู่ครอบครัวเดียวกัน แม้ไม่มีความรู้เรื่องเทรนด์เสื้อหรือการตลาด Switch on แนะนำให้หลายคนพัฒนาจากแพ็กเกจเล็กๆ จนเป็นพรีเมี่ยม 1,000 ตัว


“ต้นทุนไม่ถึง 30 บาท แต่ขายตัวละร้อยกว่าๆกำไรตัวละร้อยคูณพันตัวเข้าไป (ฟังแล้วอยากลาออกจากงานประจำ)”

นอกจากนี้ ยังต่อยอดไปอีกมากมาย คือทุกเดือน Switch ON จะออกค่าใช้จ่ายให้ลูกค้าที่สนใจปฏิบัติธรรมที่รีสอร์ตฟรีถึงเดือนละ 3-4 คนอีกด้วย

“ยุคนี้คนเครียดเยอะ แต่การได้พักกายพักใจ นั่งสมาธินี่เหมือนเอาคบเพลิงไปจุ่มน้ำนะคะ พอใจสงบเดี๋ยวก็พบทางสว่าง ปัญหาทุกอย่างจะหมดไปเอง วิกฤตทุกอย่างแก้ไปได้ด้วยบุญค่ะ”

นอกจากนี้ คุณรชา บอกว่า ให้ติดตามเว็บไซต์ของ Switch ON ให้ดี เพราะกำลังจะมีสิ่งดีๆ ออกมาให้สมาชิกมีกิจกรรมร่วมกันอีกเยอะ เช่น ทุกเดือนจะมีการประมูลเสื้อแบรนด์เนมมือสองดังๆ หายาก แปลกๆ น่าเก็บสะสม เดือนละ 6 ตัว เพื่อนำรายได้ ช่วย 266 วัด ใน 4 จังหวัดภาคใต้ และมีคลาสสิฟายด์ คือให้ลูกค้านำของมือสองสภาพดี มาโพสต์ขายกัน ซึ่งมี shop อยู่ใน Switch ON ให้ดูของจริงอยู่อีก 1 shop ด้วย และเร็วๆ นี้ ในเว็บเดียวกันในฐานะที่เป็นบรรณาธิการเก่าเธอจะทำ E-Magazine ออกมาในรูปแบบ Magazine Online (เธอฝากบอกว่าถ้านายทุนคนไหนอยากโดดมาร่วมวงธุรกิจหนังสือ อยากลงทุนทำออกมาเป็นเล่มก็ติดต่อมาคุยกันได้ เพราะมีทีมงานเก่งๆ และเนื้อหาพร้อม)

ต้องบอกว่าเป็นเจ้าโปรเจ็คต์จริงๆ อย่างนี้เห็นที่ต้องจับจ้องตาไม่กะพริบ ส่วนลูกค้าทั่วไปที่อยากเป็นสมาชิกแฟรนไชส์ Switch ON ได้เปิดแพ็กเกจเล็กเพิ่มอีก 1 แพ็กเกจ ส่วนค่าแฟรนไชส์ราคาเดิม 4,500 บาท จ่ายครั้งเดียวตลอดชีพ (ถ้าไม่สะดวกจ่ายเต็มสามารถผ่อนได้ 2 งวด)

ใครสนใจร่วมลงทุน แฟรนไชส์เสื้อผ้ามือสองสอบถามรายละเอียด หรือชมสินค้า สามารถเดินทางไปได้ที่หน้าร้าน แถวรังสิตคลองสาม ร้านเปิดตั้งแต่เวลา 13.00-18.00 น. โทรศัพท์(087) 555-3548, (082) 442-1448 หรือคลิกผ่าน http://www.deedeeproject.com/

Switch on มีให้เลือก 4 แพ็กเกจ ด้วยกันคือ

แพ็กเกจที่ 1 MINIPAC 50 ตัว 3,500 บาท (ราคาสมาชิกเหลือ 2,500 บาท) ตกตัวละ 50 บาท
แพ็กเกจที่ 2 ครึ่งกระสอบ/100 ตัว 5,500 บาท (ราคาสมาชิกเหลือ 4,000 บาท) ตกตัวละ 40 บาท
แพ็กเกจที่ 3 1 กระสอบ/200 ตัว 9,500ั้บาท (ราคาสมาชิกเหลือ 7,500 บาท) ตกตัวละ 37 บาทั้
แพ็กเกจพรีเมี่ยม ซื้อ 4 กระสอบ แถม 1 กระสอบ (30,000 บาท) จ่ายทีเดียวทยอยรับสัปดาห์ละกระสอบ (เพราะนำเข้าของใหม่ๆ สวยๆ ทุกสัปดาห์ เพื่อให้ลูกค้าไม่พลาดของสวยในล็อตต่อไป)

วิธีชำระเงิน

เมื่อ โอนเงินเข้าบัญชีแล้ว FAX สลิปใบโอนที่เขียนชื่อเล่น-ชื่อจริง ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ และรอคิวรับของหลังจากโอนเงิน 4 วัน เพราะทางร้านต้องคัดของจากโกดังให้ตรงตามความต้องการของลูกค้าให้มากที่สุด

วิธีเข้าชม

Show Room เป็นหน้าร้านให้ลูกค้าชมสินค้าอยู่ รังสิต คลองสาม ต้องโทรศัพท์นัดวันเข้าชมก่อน 1-2 วัน เพื่อไม่ให้คลาดเคลื่อนกับวันที่ร้านหยุด ใน 1 สัปดาห์ จะหยุด 1 วัน ร้านเปิดเวลา 13.00-18.00 น. สอบถามได้ที่ โทรศํพท์ (087) 555-3548, (082) 442-1448
ที่มา : มติชน

Read More...


น้ำนมข้าวกล้องงอก รายได้เสริม

สูตรน้ำนมข้าวกล้องงอกของกลุ่มแม่บ้านที่นี่มีข้อสังเกตว่า หากเป็นข้าวกล้องเก่าจะมีการใส่ข้าวเหนียวด้วย และหากเป็นข้าวกล้องใหม่ก็ไม่ ต้องใส่ข้าวเหนียว แต่โดยปกติโดยทั่วไปแล้วเขาใช้ข้าวกล้องใหม่กัน นอกจากนี้น้ำข้าวกล้องงอกของที่นี่มีกลิ่นใบเตย


น้ำนมข้าวกล้องงอก


เมื่อปี พ.ศ. 2520-2521 บริเวณพื้นที่ราบเชิงเขาบรรทัด ในเขต อ.นาดี อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี และ อ.เมืองสระแก้ว อ.วัฒนานคร อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว ซึ่งเป็นเขตรอยต่อ 4 จังหวัด คือ จ.ปราจีนบุรี จ.สระแก้ว จ.นครราชสีมา และ จ.บุรีรัมย์ เป็นพื้นที่ที่ มีปัญหาต่อความมั่นคงของประเทศเป็นอย่างมาก กล่าวคือ พื้นที่ที่เคยเป็นป่าสงวนแห่งชาติที่อุดมสมบูรณ์ ได้ถูกราษฎรบุกรุก แผ้วถาง เพื่อปลูกพืชไร่เป็นจำนวนมาก จนทำให้พื้นที่บริเวณนี้ กลายเป็นป่าเสื่อมโทรม จนสิ้นสภาพป่า ดินขาดความอุดมสมบูรณ์ และขาดแคลนน้ำเพื่อการเกษตรและการเพาะปลูก


พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงทราบปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนที่อาศัยอยู่ในบริเวณนี้ จึงมีพระราชดำริให้มีการพัฒนาพื้นที่ราบเชิงเขา โดยทรงมีพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ ให้ ม.จ.จักรพันธ์เพ็ญศิริ จักรพันธุ์ องคมนตรี ประสานงานกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เพื่อวางโครงการพัฒนาพื้นที่ราบเชิงเขา จังหวัดปราจีนบุรี ตามพระราชดำริโดยร่วมมือกับกองทัพภาคที่ 1 จังหวัดปราจีนบุรี กระทรวง ทบวง กรมต่าง ๆ เข้าดำเนินการตามโครงการ โดยเริ่มตั้งแต่เดือนมกราคม 2521


ในส่วนของ จ.สระแก้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำริให้มีการพัฒนาพื้นที่ราบเชิงเขาโดยพระราชทานแนวทางการพัฒนา ไว้ 3 ด้าน คือ 1. การพัฒนา ด้านจิตใจของราษฎร 2. การพัฒนาทาง ด้านความรู้การประกอบอาชีพ 3. การจัดสรรที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัย


เมื่อทาง กรมกิจการพลเรือนทหารบก กองทัพบก พาสื่อมวลชนสัญจรตามรอยเบื้องพระยุคลบาท โครงการพัฒนาที่ราบเชิงเขาจังหวัดสระแก้วตามแนวพระราชดำริ มีโอกาสแวะไปดู โรงสีข้าวพระราชทาน บ้านคลองทราย ตั้ง อยู่ ณ ต.หนอง ตะเคียนบอน อ.วัฒนานคร


สำหรับโรงสีข้าวพระราชทานบ้านคลองทรายเป็นโครงการหนึ่งในโครงการพัฒนา พื้นที่ราบเชิงเขาจังหวัดสระแก้ว-ปราจีนบุรี ตามแนวพระราชดำริ โดยเริ่มทดลองสีข้าวตั้งแต่วันที่ 5 ธันวาคม 2529 มีแม่บ้านเกษตรกรที่มีสีหน้าเบิกบานแจ่มใสและยินดีต้อนรับ นำ น้ำข้าวกล้องงอก มาให้ชิมจึงเรียนถามสูตรจากตัวแทนแม่บ้านเกษตรกรมาเผื่อว่าใครจะทำตามก็ไม่ยากอะไร สำหรับข้าวกล้องงอกนั้นมีข้อมูลระบุว่า ลักษณะการงอกของข้าวที่มีคุณค่าทางโภชนาการคือ จะมีการงอกแค่ตุ่มเล็ก ๆ เท่านั้น
น้ำนมข้าวกล้องงอก

สูตรน้ำนมข้าวกล้องงอก

ของกลุ่มแม่บ้านที่นี่มีข้อสังเกตว่าหากเป็นข้าวกล้องเก่าจะมีการใส่ข้าวเหนียวด้วย และหากเป็นข้าวกล้องใหม่ก็ไม่ ต้องใส่ข้าวเหนียว แต่โดยปกติโดยทั่วไปแล้วเขาใช้ข้าวกล้องใหม่กัน นอกจากนี้น้ำข้าวกล้องงอกของที่นี่มีกลิ่นใบเตยเนื่องจากมีขั้นตอนหนึ่งใช้ ใบเตยมาเป็นองค์ประกอบเพื่อให้ได้กลิ่นหอม แต่เราว่ากลิ่นหอมของข้าวกล้องงอกก็หอมเป็นธรรมชาติดีอยู่แล้ว แล้วอีกอย่างที่นี่เขาใส่ครีมเทียมด้วยเพื่อเพิ่มความมัน
จากอดีตราษฎรที่อาศัยอยู่บริเวณนี้มีแต่ความทุกข์ยากและหวาดหวั่น หากปัจจุบันเห็นได้ชัดเจนว่า ด้วยพระมหากรุณาธิ คุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ราษฎรปราศจากทุกข์ใด ๆ โดยสิ้นเชิง

ส่วนประกอบของน้ำข้าวกล้องงอก

แต่ละสำนักก็คล้าย ๆ กัน ขอนำสูตรของกรมการข้าว เจ้าตำรับมาให้พิจารณาก็แล้วกัน นางลัดดาวัลย์ กรรณนุช ผอ.สำนักพัฒนาผลิตภัณฑ์ข้าว เปิดเผยสูตรการทำน้ำข้าวกล้องงอกว่า เริ่มจากเมล็ดข้าวกล้องใหม่ 100 กรัม หรือ 1 ขีด จะต้องซาวน้ำล้างเอากรวดทรายออกก่อนหนึ่งครั้ง แล้วนำไปแช่น้ำประมาณ 1 ลิตร ทิ้งไว้ประมาณ 5-6 ชม. ก็จะเกิดเป็นตุ่มงอกสีขาวขึ้นมาที่เมล็ดข้าวพอมองเห็น จากนั้นให้เอาขึ้นนำมาผึ่งให้แห้ง แล้วนำไปต้มใช้ไฟปานกลางให้เดือด แต่อย่าให้เดือดมาก เพราะถ้าร้อนมากเกินไป สารกาบ้าจะถูกทำลายมาก หากเดือดพอดีให้เคี่ยวไปสัก 15-20 นาที สารกาบ้าจะยังอยู่ในข้าวถึง 70 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นปริมาณเพียงพอต่อร่างกาย เสร็จแล้วใช้ผ้าขาวบางหรือกระชอนกรองน้ำเพื่อนำมารับประทาน และสามารถเพิ่มรสชาติโดยโรยเกลือป่นให้ออกเค็มเล็กน้อย


เหมือนที่บอก หากจะทำก็ไม่ยากเลย เห็นเขาทำจำหน่ายตามตลาดก็ดูเหมือนคนจะนิยมรับประทานกันมาก สามารถสร้างงาน สร้างเงิน ได้เช่นกัน


ที่มา : เดลินิวส์

Read More...


กากถั่วเหลือง สร้างรายได้

กากถั่วเหลืองที่มักจะถูกทิ้ง ที่จริงมีประโยชน์ จึงคิดนำมาเป็นส่วนผสมของขนมและอาหาร 3 ชนิดคือ คุกกี้ช็อกโกแลตชิพ กรอบเค็ม น้ำพริกเผา เพื่อให้กากถั่วเหลืองเกิดประโยชน์ ไม่ถูกทิ้งไปสูญเปล่า


คุกกี้ช็อกโกแลตชิพ

มีคุณค่า-เป็นสินค้าทำเงิน

น้ำพริกเผา

จากถั่วเหลือง” ที่เหลือจากการผลิตนมถั่วเหลืองหรือน้ำเต้าหู้ ยังมีคุณค่า เมื่อนำไปอบแห้งจะประกอบด้วยโปรตีน 24-28% ไขมัน 8-12% เส้นใยอาหารที่ไม่ละลายน้ำ 40-44% เส้นใยอาหารที่ละลายน้ำ 12-15% รวมทั้งมีเกลือแร่และสารที่มีประโยชน์ต่าง ๆ ซึ่งกากถั่วเหลืองนี้สามารถใช้ทำ ผลิต ภัณฑ์อาหาร แทนแป้งสาลีได้ โดยวันนี้ทีม “ช่องทางทำกิน” ก็มีข้อมูลการทำผลิตภัณฑ์จากกากถั่วเหลืองมานำเสนอ…

เรื่องของกากถั่วเหลืองเป็นส่วนหนึ่งในนิทรรศการประชาสัมพันธ์คหกรรมศาสตร์ โครงการ “บ้านสวยด้วย 3R มากคุณค่าอาหารไทยชิมผัดไทยแชมป์โลก” เมื่อวันที่ 9 ต.ค.ที่ผ่านมา ณ ศูนย์เทเวศร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร (มทร.พระนคร) โดย ปริญญาพร อ่อนคล้าย และ ภูมิสิทธิ์ ประดิษฐ์ธีระ นักศึกษาปริญญาโท คณะคหกรรมศาสตร์ มทร.พระนคร เจ้าของผลงาน ผลิตภัณฑ์จากกากถั่วเหลือง บอกว่า กากถั่วเหลืองที่มักจะถูกทิ้ง ที่จริงมีประโยชน์ จึงคิดนำมาเป็นส่วนผสมของขนมและอาหาร 3 ชนิดคือ คุกกี้ช็อกโกแลตชิพ, กรอบเค็ม, น้ำพริกเผา เพื่อให้กากถั่วเหลืองเกิดประโยชน์ ไม่ถูกทิ้งไปสูญเปล่า

ก่อนหน้านั้นเคยทดลองทำด้วยกากถั่วเหลืองที่เหลือสด ๆ จากการทำน้ำถั่วเหลือง แต่ปรากฏว่ามีกลิ่นสาบและความชื้น อาหารที่ทำออกมามีเนื้อเหลวใช้การไม่ได้ จึงเปลี่ยนวิธี และพบว่าการอบแห้งเป็นวิธีที่ดีที่สุด โดยใช้การอบด้วยเตาไมโครเวฟ เกลี่ยกากถั่วเหลืองให้แผ่ออก อบด้วยความร้อน 150 องศา ระยะเวลา 30 นาที ระหว่างอบหมั่นเกลี่ยเรื่อย ๆ โดยกากถั่วเหลืองสด 1,000 กรัม อบแห้งแล้วจะเหลือ 500 กรัม
สำหรับการนำมาทำเป็นอาหาร เริ่มที่ คุกกี้ช็อกโกแลตชิพกากถั่วเหลือง

ส่วนผสม

กากถั่วเหลืองอบแห้ง 250 กรัม ต่อแป้งสาลี 500 กรัม, เบกกิ้งโซดา 1 ช้อนชา, เนยสด 454 กรัม, น้ำตาลไอซ์ซิ่ง 450 กรัม, เกลือ 1 ช้อนชา, ไข่ไก่ 3 ฟอง และช็อกโกแลตชิพ 200 กรัม

วิธีทำ คุกกี้ช็อกโกแลตชิพกากถั่วเหลือง

ร่อนแป้งสาลีกับเบกกิ้งโซดา แล้วนำแป้งมาผสมกับกากถั่วเหลือง พักไว้ จากนั้นตีเนยสด น้ำตาลไอซ์ซิ่ง เกลือ ให้ขึ้นฟูด้วยหัวตีใบไม้ แล้วใส่ไข่ทีละฟอง ใส่กลิ่นวานิลลาผสมพอเข้ากัน ตามด้วยใส่ส่วนผสมแป้ง และใส่ช็อกโกแลตชิพเล็กน้อย จากนั้นนำส่วนผสมที่ได้มาปั้นก้อนเล็ก ๆ แล้วแต่งหน้าด้วยช็อกโกแลตชิพอีกเล็กน้อย นำเข้าเตาอบอุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส ประมาณ 13-15 นาที หรือจนขนมสีเหลืองสุก ซึ่งเตาอบนี้ให้ทำการอุ่นเตาอบโดยเปิดอุณหภูมิ 180 องศา นาน 10-15 นาที ก่อนอบจริง เพื่อให้ได้อุณหภูมิคงที่ 180 องศา

ตามสูตรนี้จะทำคุกกี้ได้ 45 ชิ้น (ตัวคุกกี้เบอร์ 12) ขายได้ในราคา 50 บาท มีต้นทุนประมาณ 20 บาท

กรอบเค็มกากถั่วเหลือง

ใช้กากถั่วเหลืองอบแห้ง 1 ถ้วยตวง ต่อแป้งสาลี 100 กรัม, แป้งข้าวเจ้า 50 กรัม, ผงฟู 1/2 ช้อนชา, ไข่ไก่ 2 ฟอง, เกลือ 1 ช้อนชา, น้ำปูนใส 1 ช้อนโต๊ะ, น้ำมันพืช 2 ช้อนชา

วิธีทำ กรอบเค็มกากถั่วเหลือง

ร่อนแป้ง 2 ชนิดกับผงฟูให้เข้ากัน แล้วผสมแป้งที่ได้กับกากถั่วเหลืองให้เข้ากัน ใส่น้ำมันพืช ใส่ส่วนผสมที่เหลือทั้งหมด นวดจนแป้งนุ่ม (ถ้าแป้งแห้งเติมน้ำเล็กน้อย) แบ่งแป้งเป็น 4 ก้อน คลึงแป้งแผ่เป็นแผ่นบาง ตัดเป็นรูป สี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาด 1 นิ้ว แล้วนำไปทอดในน้ำมันที่ร้อนจนแป้งเหลืองสุก ตักขึ้นใส่กระชอนพักไว้
กรอบเค็มนี้ต้องมี “น้ำปรุงรส” ด้วย

มีส่วนผสมดังนี้

น้ำตาลปี๊บ 1 ถ้วย, น้ำเปล่า 1/3 ถ้วย, กระเทียม 1/2 ถ้วย, พริกไทย 1/4 ช้อนชา และแบะแซ 50 กรัม โดยวิธีทำน้ำปรุงรสคือ ตีกระเทียมกับพริกไทยให้เข้ากัน แล้วนำส่วนผสมทั้งหมดใส่ผสม เคี่ยวจนงวดได้ที่ เสร็จแล้วก็นำไปคลุกกับแป้งกรอบเค็มที่ทำไว้
จากสูตรนี้จะทำกรอบเค็มได้ 200-250 กรัม บรรจุขายกล่องละ 20-25 บาท มีต้นทุนประมาณ 10 บาท

น้ำพริกเผากากถั่วเหลือง

ซึ่งมีส่วนผสม ได้แก่ กากถั่วเหลืองอบแห้ง 1 ถ้วยตวงต่อหอมแดงซอย 1 ถ้วย, กระเทียมซอย 1 ถ้วย, พริกขี้หนูแห้ง 30 เม็ด, พริกชี้ฟ้าแห้ง 10 เม็ด, น้ำตาลปี๊บ 150 กรัม, น้ำปลา 1/3 ถ้วย, น้ำมะขามเปียก 1/2 ถ้วย และน้ำมันพืช 3/4 ถ้วย

วิธีทำ น้ำพริกเผากากถั่วเหลือง

ตั้งกระทะใส่น้ำมัน เจียวหอมแดง และเจียวกระเทียม พักไว้ จากนั้นปั่นพริก 2 ชนิดรวมกัน นำลงผัดในน้ำมันให้หอม ตามด้วยใส่กากถั่วเหลืองอบแห้ง ใส่หอมแดงเจียว กระเทียมเจียว ผัดพอเข้ากัน เสร็จแล้วปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊บ น้ำปลา น้ำมะขามเปียก ผัดต่อจนแห้ง เสร็จแล้วพักไว้ให้เย็น แล้วบรรจุใส่กล่อง
สูตรนี้จะได้น้ำพริก 20 กระปุก กระปุกละ 80 กรัม ขายได้กระปุกละ 15 บาท มีต้นทุนประมาณ 7-8 บาท

ใครสนใจเรื่อง “ผลิตภัณฑ์จากกากถั่วเหลือง” ทั้งคุกกี้ช็อกโกแลต ชิพ, กรอบเค็ม, น้ำพริกเผา ต้องการติดต่อ ปริญญาพร อ่อนคล้าย และ ภูมิสิทธิ์ ประดิษฐ์ธีระ นักศึกษาปริญญาโท คณะคหกรรมศาสตร์ มทร.พระนคร เจ้าของผลงาน ติดต่อได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 08-5482-5570 และ 08-6633-8546.
ที่มา : เดลินิวส์

Read More...


ซาลาเปาคุณหน่อย-ลุยสวนคุณทิพย์ 2 เมนูเจ

เอกลักษณ์สำคัญของซาลาเปาพี่หน่อย อยู่ที่ความนุ่มของแป้ง และความเข้มข้นของไส้ ไม่ว่าจะเป็นไส้เจหรือไม่เจ ซาลาเปาเจทั้ง 3 ไส้ คุณพี่หน่อยใช้แป้งสูตรพิเศษที่คิดค้นขึ้นมาเพื่อเป็นอาหารเจโดยเฉพาะ
ซาลาเปาเจ

วันนี้เจ๊แซบมาแบบทูอินวัน ขอแนะนำ 2 ร้าน เด็ดที่มีเมนูเจเริ่ดๆ ไม่ซ้ำใคร เริ่มที่ความนุ่ม ละมุนลิ้น กินได้ทั้งวัน ซาลาเปาร้านศุภชัย สะพานควาย ขวัญใจเจ๊แซบ แอบผูกปิ่นโตกันมาเนิ่นนาน ดำเนินการผลิตโดย “คุณพี่หน่อย” เสียงหวาน หลังจากที่เจ๊แนะนำความอร่อยให้เหล่าบรรดาแกงก๊วนชวนกันไปโซ้ยมาเนิ่นนาน หลายปีก่อน วันนี้เจ๊ขอหวนมาหาคุณพี่หน่อยอีกครั้ง พร้อมกับ 3 เมนูเด่น เป็นดาวรุ่งพุ่งแรงต้อนรับเทศกาลกินเจ

“ครั้งที่แล้วที่ลงไทยรัฐไป เรายังไม่มี ไส้ผักเห็ดหอม กับ ไส้เผือกใส่แปะก๊วย แต่ว่า 2 อย่างนี้เราก็เริ่มทำมาพร้อมๆกัน ตอนแรกเราก็ทำเฉพาะช่วงเจเท่านั้น แต่คนชอบทานกันมาก เพราะคนสนใจเรื่องสุขภาพกันเยอะขึ้น ไส้ผักของเราก็เลยขายดี กลายเป็นตัวเอกของร้านอีกตัวนึง เวลาปกติเราก็เลยมีไส้ผักขายเหมือนกัน ตอนปกติจะใช้หม้อใช้อุปกรณ์ร่วมกันได้ แต่ถ้าเป็นช่วงเจเราจะแยกออกมาเป็นพิเศษแยกจากตัวอื่นๆ ไม่ทำรวมกันค่ะ สำหรับ ไส้ถั่วดำ นี่มีมานานแล้วค่ะ และคนก็นิยมมาตลอด” คุณพี่หน่อยบรรยายถึงซาลาเปาเจ 3 ไส้ ที่เจ๊แซบภูมิใจนำเสนอ

ซาลาเปาคุณหน่อย

เอกลักษณ์สำคัญของซาลาเปาพี่หน่อย อยู่ที่ความนุ่มของแป้ง และความเข้มข้นของไส้ ไม่ว่าจะเป็นไส้เจหรือไม่เจ คุณพี่หน่อยใส่ไม่ยั้ง ใครที่ชอบทานผักโดยเฉพาะเห็ดหอม ต้องรีบออกจากบ้านมาร้านพี่หน่อย ณ บัดนาว เพราะ ซาลาเปาไส้ผัก ของคุณพี่ให้เห็ดหอมแบบ ถึงอกถึงใจ กัดไปตรงไหนเป็นต้องโดน คุณพี่หน่อยใช้ผัก 3 ชนิด คือ เห็ดหอม แครอท และกะหล่ำปลีหั่นฝอยนำมาล้างทำความสะอาด และแช่น้ำทิ้งไว้จนแน่ใจว่าสะอาดสุดๆ จึงนำ มาผัดกับน้ำมันพืชจนผักสุก ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว และน้ำตาล ทิ้งไว้ให้เย็นได้ที่จึงนำมาห่อ

ขั้นตอนการห่อต้องใช้ความชำนาญเป็นพิเศษ เพราะยากมั่กๆ ถ้าห่อไม่เป็นไส้จะทะลักออกมา กว่าเด็กแต่ละคนจะห่อได้สวยงามตามมาตรฐานต้องใช้เวลาฝึกนานพอตัว อีกหนึ่งไส้ที่ได้ใจขาโซ้ยรุ่นใหญ่ลายครามคือ ซาลาเปาไส้เผือกใส่แปะก๊วย เนื้อเผือกหอมกวนแสนนุ่มละมุน รสชาติละเมียดละไม พี่หน่อยใช้เผือกหอมอย่างดี คัดขนาดกำลังเหมาะ ล้าง ปอกเปลือกจนสะอาดหมดจด จึงนำไปนึ่ง บด และกวน ปรุงรสด้วยน้ำตาลและน้ำมันงา พักไว้ให้เย็น ค่อยนำมาห่อ ระหว่างห่อใส่เม็ดแปะก๊วยเนื้อแน่นที่ผ่านการนึ่งมาอย่างดี เคี้ยวทีโดนเต็มๆ


ซาลาเปาเจทั้ง 3 ไส้ คุณพี่หน่อยใช้แป้งสูตรพิเศษที่คิดค้นขึ้นมาเพื่อเป็นอาหารเจโดยเฉพาะ “พี่หน่อยใช้เวลาคิดค้นกันยากพอสมควรนะคะ พี่บอกสูตรไม่ได้ ลูกค้าบางคนทานก็ไม่รู้ว่ามันแตกต่าง แต่ถ้าพิจารณาดีๆ จะรู้ว่าตอนเจเราจะใช้แป้งคนละตัวกับช่วงปกติ” อยากรู้ว่าแตกต่างอย่างไร ต้องไปลอง

ลุยสวนเจ

ร้านที่สองที่เจ๊แซบแอบเหน็บมาฝากขาโซ้ยชาวเจ คือ ก๋วยเตี๋ยวลุยสวนคุณทิพย์ หลังการบินไทย อีกหนึ่งร้านขวัญใจสาวๆหนุ่มๆ ผู้รักสุขภาพ เทศกาลเจแบบนี้ “คุณพี่ทิพย์” มีเมนู ลุยสวนเจ มาฝากขาหม่ำเป็นประจำทุกปี

ลุยสวนเจนี่ เรามีทุกปีค่ะ คือจะเหมือนมังสวิรัติตรงที่เราใส่เต้าหู้ เห็ดหอม แครอทเหมือนเดิม แต่ ถ้าเป็นเจจะไม่ใส่เครื่องเทศ ตอนผัดก็จะไม่ใส่ กระเทียม ผักชีเลยค่ะ แต่ทานแล้วยังอร่อยเหมือนเดิมนะคะ” คุณพี่ทิพย์แอบโฆษณาแบบเนียนๆ

หัวใจสำคัญของลุยสวนคือ น้ำจิ้มรสแซบ ถึงแม้ในเทศกาลเจ คุณพี่ทิพย์จะลดเครื่องปรุงที่มีกลิ่นฉุน ใส่แค่พริก มะนาว น้ำตาล และเกลือ แต่คุณพี่ยังการันตีว่ารสชาติดีเหมือนเดิมทุกประการ

ลุยสวนคุณทิพย์

นักหม่ำที่ต้องการอาหารเจที่ไม่จำเจ เจ๊แซบแนะนำให้มาสอยก๋วยเตี๋ยวลุยสวนของคุณพี่ทิพย์ไปติดบ้านไว้ ถ้ายังไม่อิ่ม หม่ำซาลาเปาไส้ผักตามอีกสักลูกสองลูก แล้วตบท้ายล้างปากด้วยซาลาเปาไส้เผือกใส่แปะก๊วย และซาลาเปาไส้ถั่วดำ เป็นอันเสร็จสิ้นการกินเจที่แสนเอร็ดอร่อย ทานได้บ่อยเท่าที่ต้องการ

“ศุภชัยซาลาเปาเจ้าอร่อย” ดำเนินงานโดยพี่หน่อยและครอบครัว ร้านอยู่ที่ปากซอยประดิพัทธ์ 8 ร้านเปิดทุกวันวันจันทร์ถึงเสาร์ตั้งแต่ 7 โมงเช้า ถึง 6 โมงเย็น วันอาทิตย์ตั้งแต่ 7 โมงเช้าถึงบ่ายสาม เบอร์โทร. 0-2271-1230 และ 0-2278-3306

คุณพี่หน่อยฝากย้ำว่าระวังจะเข้าผิดร้าน ของแท้ต้องมีคุณพี่หน่อยพร้อมกับคอลัมน์เจ๊แซบแปะอยู่หน้าร้านเท่านั้น!!

“ก๋วยเตี๋ยวลุยสวนพี่ทิพย์” อยู่ในตลาดลุงเพิ่มหลังตึกการบินไทย ร้านเปิดทุกวัน ปิดเฉพาะวันอาทิตย์ ใครอยากลองต้องรออีกหนึ่งวัน จันทร์เมื่อไหร่ได้หม่ำแน่ เปิดตั้งแต่ 7 โมงครึ่งถึงบ่ายสาม เบอร์โทร. 08-6603-4727 และ 08-4005-5420


ร้านพี่ทิพย์ของแท้ต้องมีคุณพี่ทิพย์เดินไปเดินมาเป็นโลโก้ และคอลัมน์เจ๊ แซบโชว์อยู่หน้าร้านเช่นกันค่ะ
ที่มา : ไทยรัฐ

Read More...


เบอร์เกอร์ปลาทูไทย สร้างอาชีพ

เบอร์เกอร์ปลาทูไทย เพิ่มยอดขาย ประชาสัมพันธ์ร้านด้วยการทำเว็บไซต์เปิดหน้าร้านค้าออนไลน์ ได้ลูกค้าหลากหลายทั่วประเทศ ซ้ำต้นทุนการโฆษณาก็ต่ำ ทำให้มีชื่อเสียงโด่งดังในโลกไซเบอร์


เบอร์เกอร์ปลาทูไทย

เบอร์เกอร์ปลาทูไทย สร้างชื่อ

คุณสุทิน เล่าก่อนมาเปิดร้านอาหารว่า พื้นเพเป็นคนจังหวัดสมุทรสงคราม ก่อนหน้านี้เคยเลี้ยงกุ้งกุลาดำ ทว่าขาดทุน ภรรยาแยกตัวไปขายทอดมันและอาหารตามสั่งในตลาดสดแม่กลอง ส่วนตัวเองไปรับเหมาก่อสร้าง แต่แล้วธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไม่ประสบผลสำเร็จ ตรงกันข้าม กิจการของภรรยาดำเนินไปได้ด้วยดี ที่สุดแล้วเลยหันมาเอาดีในธุรกิจอาหาร

ครอบครัวแจ่มศรี เปิดร้านขายอาหารทะเลเรื่อยมา กระทั่งปี 2546 คุณสุทิน กล่าวว่า หอการค้าจังหวัดสมุทรสงคราม ชวนไปร่วมออกร้าน งานเทศกาลกินปลาทูที่ดอนหอยหลอด ซึ่งจะจัดขึ้นปี 2547 โดยมีเงื่อนไขว่า เมนูที่จะไปจำหน่าย ต้องทำจากปลาทูเท่านั้น ช่วงเวลา 1 ปี นำโจทย์กลับมาขบคิด กระทั่งกลายมาเป็นเบอร์เกอร์ปลาทูไทย

จากประสบการณ์ที่เคยไปเดินเที่ยวงาน มีแต่เมนูปลาทูเดิมๆ เช่น ปลาทูผัดฉ่า ปลาทูผัดพริกไทยดำ ฉู่ฉี่ปลาทู ปลาทูแดดเดียว ยำปลาทู ห่อหมกปลาทู ปลาทูซาเตี๊ยะ ปลาทูทอดราดพริก ปลาทูย่างน้ำปลาหวาน ฯลฯ ทางร้านอยากสรรหาความแปลกใหม่ เลยลองไปปรึกษาลูกสาว ได้คำแนะนำมาว่า ต้องทำเมนูที่โกอินเตอร์ นั่นคือ แฮมเบอร์เกอร์ เมื่อผสมผสานปลาทูไทยลงไป กลายเป็นเบอร์เกอร์ปลาทูไทย ด้วยเป็นเมนูที่ยังไม่เคยมีใครทำมาก่อน ฉะนั้น จึงยากพอตัว สองสามีภรรยาเจ้าของร้านอาหารคุณเป๋า จึงใช้วิธีไปตระเวนชิมสารพัดแฮมเบอร์เกอร์ รวมถึงสอบถามกรรมวิธีการทำ จนรู้รสชาติ ส่วนผสม รูปร่างหน้าตาของแฮมเบอร์เกอร์เป็นอย่างดี แต่เนื่องจากคุณสุทินไม่ถนัดทำอาหาร จึงให้ภรรยาที่เชี่ยวชาญทำครัวเป็นผู้ลงมือปรุง เมื่อคิดจะทำเมนูที่ต่างไปจากคนอื่น ต้องทำให้ดี เพราะถ้าลูกค้าชอบ เท่ากับว่าได้สร้างชื่อเสียง และยอดขายให้กับร้านไปในตัว คุณสุทิน ระบุ

เมื่อ เมนูโกอินเตอร์ ถูกใส่ใจปรุงรสชาติมาเป็นอย่างดี ทุกอย่างจึงเป็นไปตามที่เจ้าของร้านคาดหวังคือ ลูกค้าให้การยอมรับ ส่งผลถึงยอดจำหน่ายที่สูงถึง 10,000 ชิ้น เรียกว่า เบอร์เกอร์ปลาทูไทยสามารถแจ้งเกิดได้ในงานดังกล่าว จากนั้นไม่นาน เจ้าของเมนูได้รับเชิญไปออกงานแสดงสินค้า ณ อิมแพค เมืองทองธานี จัดโดยกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม สร้างปรากฏการณ์ 10 วัน ยอดขายหลักแสนบาท ไม่นานเมนูเบอร์เกอร์ปลาทูไทยจึงถูกบรรจุไว้ในร้านอาหาร

ภายหลัง ที่เมนูดังกล่าวออกมาสร้างสีสันให้วงการปลาทู จนชื่อเสียงโด่งดัง เจ้าของไอเดีย บอกว่า อยากเพิ่มยอดขาย และประชาสัมพันธ์ร้าน ด้วยการทำเว็บไซต์ เหตุผลเพราะปัจจุบันการทำธุรกิจ ไม่ว่าจะประเภทใดก็ตาม สิ่งสำคัญต้องมีสื่อประชาสัมพันธ์ สาเหตุที่เลือกสื่ออินเตอร์เน็ต เนื่องจากจำนวนผู้ใช้งานเพิ่มมากขึ้นทุกวัน อีกทั้งไม่จำกัดเฉพาะคนไทย คนทั่วทุกมุมโลกสามารถเข้ามาทำความรู้จักได้ ลำพังใช้วิธีปักป้ายร้าน ตามถนนหนทาง ได้ลูกค้าเฉพาะกลุ่ม แต่การเปิดหน้าร้านบนเว็บไซต์ จะได้ลูกค้าหลากหลาย ซ้ำต้นทุนการโฆษณาก็ต่ำ เพราะทุกวันนี้มีเว็บไซต์สำเร็จรูป ราคาถูก เหมาจ่ายต่อปี

ค้า-ขายออนไลน์ ช่องนี้เห็นผลทันตา

เมื่อ คุณสุทินตัดสินใจเปิดหน้าร้านค้าออนไลน์ เขาใช้วิธีเช่าพื้นที่จากเว็บไซต์สำเร็จรูป เหมาจ่ายรายปี ปีละหลักพันบาท ข้อดีคือ มีเจ้าหน้าที่ช่วยโพสต์ข้อความและรูปภาพให้ แต่หลังๆ เจ้าตัว เผยว่า พอมีความรู้ เกี่ยวกับการทำเว็บไซต์ เลยหันมาลงข้อมูลเกี่ยวกับทางร้านด้วยตัวเอง

สอบถามรายละเอียด สินค้า และจำนวนลูกค้าที่เข้ามาสั่งซื้อแต่ละวัน เจ้าของแฮมเบอร์เกอร์ ตอบว่า เนื่องจากเป็นอาหาร ฉะนั้น ต้องทำสดใหม่ทุกวัน เลยจะทำตามออร์เดอร์เท่านั้น กรณีลูกค้าสั่งเยอะมาก หรืออยากเหมาให้ไปจัดเลี้ยงนอกสถานที่ ทางร้านจะขนวัตถุดิบ และอุปกรณ์ไปเอง สินค้าที่สั่งทางออนไลน์ ขั้นต่ำ 50 ชิ้น มีอายุเก็บได้นาน 2-3 วัน หากอยากเหมาจัดเลี้ยงนอกสถานที่ ขั้นต่ำ 5,000 บาท ทั้ง 2 รูปแบบ จัดเฉพาะกรุงเทพฯ และปริมณฑล หากเป็นจังหวัดไกลๆ ให้โทรศัพท์มาสอบถามกับทางร้านก่อน

ทุกวันนี้ลูกค้าที่เข้ามาสั่ง ซื้อเบอร์เกอร์ปลาทูไทย เจ้าของสูตร ระบุว่า ส่วนใหญ่เป็นพวกคณะทัวร์ เจ้าของรีสอร์ต ทำบุญขึ้นบ้านใหม่ จัดเลี้ยงบริษัท ร้านค้า เป็นต้น สำหรับสินค้าที่สั่ง จะถูกแพ็กและจัดส่งทางรถตู้ ราคาค่าส่งคิดตามระยะทาง สั่ง 50 ชิ้นขึ้นไป จากชิ้นละ 29 บาท เหลือชิ้นละ 25 บาท เวลาไม่นาน เบอร์เกอร์ปลาทูไทย และร้านอาหารคุณเป๋า มีชื่อเสียงโด่งดังในโลกไซเบอร์ เจ้าของกิจการไม่หยุดนิ่ง ขยายเป็นรถจำหน่ายเบอร์เกอร์ปลาทูไทย เคลื่อนที่ไปตามแหล่งท่องเที่ยว ลักษณะคล้ายรถตู้ ตอนนี้มีแล้วยังจังหวัดเพชรบุรี ราชบุรี นครปฐม และกาญจนบุรี

เอ่ยถามถึงเคล็ดลับการปรุง คุณสุทิน ว่าต้องใช้ปลาทูแม่กลองอย่างเดียว จากนั้นมาคลุกเคล้าเครื่องเทศ ใช้ขนมปังยี่ห้อฟาร์มเฮ้าส์ สาเหตุที่ใช้ปลาทูแม่กลอง เพราะเนื้อนุ่ม หนังบาง หางเหลือง ไม่มีกลิ่นคาว รสชาติอร่อย อีกทั้งส่วนตัวหาซื้อง่าย จะมีชาวประมงมาส่งถึงที่ร้าน ราคากิโลกรัมละ 55-60 บาท แต่ละวันรับปลาทูเฉลี่ย 1 ตัน จำนวนปลาทู 100 กิโลกรัม ขูดเอาแต่เนื้อจะได้เพียง 40 กิโลกรัม ปลาทู 1 กิโลกรัม สามารถทำแฮมเบอร์เกอร์ได้ประมาณ 50 ชิ้น ถ้าช่วงฤดูฝน จะเจอปัญหา ปลาทูตัวเล็ก แต่ราคาจะถูก

ด้านกำลังการผลิต คุณสุทินและภรรยา บอกว่า แต่ละเดือนยอดจำหน่ายเบอร์เกอร์ปลาทูไทย ทั้งทางออนไลน์ และหน้าร้าน เฉลี่ย 35,000 กว่าชิ้น พนักงานแบ่งเป็น ฝ่ายขาย คนขับรถ แม่ครัว มีประมาณ 20 คน พื้นที่ร้านอาหาร 1 ไร่เศษ รองรับลูกค้าได้ 400 คน สำหรับอนาคตของกิจการ คุณสุทินและภรรยาอยากจะขยายรูปแบบแฟรนไชส์ แต่ขณะนี้กำลังอยู่ในช่วงเตรียมรายละเอียด

และนี่คือเมนูที่สามารถโกอินเตอร์ได้ด้วยวัตถุดิบของคนไทย ซ้ำทุกกระบวนการผลิต ใช้แรงงานในประเทศ สร้างวงจรเศรษฐกิจไทยเข้มแข็ง หากผู้ใดอยากลิ้มรสอาหารทะเลสด และเบอร์เกอร์ปลาทูไทย สโลแกน “ต้องไปกินให้ได้ในชาตินี้” ติดต่อ คุณสุทิน แจ่มศรี เลขที่ 1/3 หมู่ 4 ตำบลบางจะเกร็ง อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสงคราม โทรศัพท์ (034) 723-703, (081) 941-0376
ที่มา : keajon

Read More...


ข้าวผัดหมูแดงฮ่องกง

หมูแดงที่เกาะฮ่องกง เนื้อนุ่มฉ่ำอร่อยกว่าหมูแดงบ้านเรา ผมจึงเอาหมูแดงฮ่องกงมาทำข้าวผัดแบบไทยๆ เป็น ข้าวผัดหมูแดงฮ่องกง ครับ
ข้าวผัดหมูแดงฮ่องกง

หมูแดงที่เกาะฮ่องกง เนื้อนุ่มฉ่ำอร่อยกว่าหมูแดงบ้านเรา ผมจึงเอาหมูแดงฮ่องกงมาทำข้าวผัดแบบไทยๆ ครับ

เครื่องปรุง ข้าวผัดหมูแดงฮ่องกง

1. หมูแดงฮ่องกง 1 จาน
2. ข้าวสวย 1 จาน
3. พริกไทยป่นตรามือ 1 ช้อนชา
4. น้ำปลาทิพรส 1 ช้อนโต๊ะ
5. ไข่ไก่ 2 ฟอง
6. ต้นหอม 3 ต้น
7. ผงชูรสเจ 1 ช้อนชา
8. น้ำซุปต้มกระดูก 2 ทัพพี
9. ผงกระเทียมตรามือ 1 ช้อนชา

วิธีทำ ข้าวผัดหมูแดงฮ่องกง

1. ตักข้าวสวยใส่จานแล้วผึ่งลมให้เม็ดข้าวแห้งสนิท
2. หั่นหมูแดงเป็นชิ้นเล็กๆ สี่เหลี่ยมลูกเต๋า หั่นต้นหอมให้เป็นชิ้นเล็กๆ
3. ตอกไข่ไก่ลงไปทอดในกระทะ พอไข่เริ่มสุกจึงใส่หมูแดงลงไปผัดด้วย
4. พอได้กลิ่นหมูแดง เหยาะน้ำปลาลงไปหน่อย จึงเทข้าวสวยลงไปผัดกับหมูแดง
5. ผัดไปสักพัก พอเม็ดข้าวเริ่มแข็ง ให้ใส่น้ำซุปลงไปผัดให้เม็ดข้าวนุ่ม
6. ใส่ต้นหอม เหยาะผงชูรสเจ และผงกระเทียมลงไปหน่อย ให้มีกลิ่นหอมจึงผัดไปสักพัก จะได้ข้าวผัดหมูแดงหอมนุ่มน่ากิน

ที่มา : คมชัดลึก

Read More...


ไอศกรีม ดอกไม้ไทย ศรีมาลา

“ศรีมาลา” ไอศกรีมดอกไม้ไทย สร้างเอกลักษณ์ท้องถิ่นอัมพวา ไอศกรีมดอกไม้ เป็นนวัตกรรมจากดอกไม้อัมพวา 5 ชนิด คือ ดาหลา เข็ม กุหลาบมอญ บัว และอัญชัน

ไอศกรีมดอกไม้ ทั้ง 5 ชนิดในแพคเกจจิ้งใหม่ ไอศกรีมดอกไม้ เป็นนวัตกรรมจากดอกไม้อัมพวา 5 ชนิด คือ ดาหลา เข็ม กุหลาบมอญ บัว และอัญชัน ซึ่งเป็นดอกไม้พื้นบ้าน ที่มีพบเห็นได้ทั่วไปในอำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสาคร และผู้ที่ได้มีโอกาสเดินทางไปเที่ยวตลาดน้ำอัมพวา ก็คงจะได้ลองลิ้มชิมรสชาติกันมาแล้ว

ไอศกรีม ดอกไม้ไทย ศรีมาลา

ปัญจรัตน์ วงศ์นภาพรรณ และ นวรัตน์ วงศ์นภาพรรณ สองพี่น้อง ผู้ปลุกปั้นการสร้างแบรนด์ไอศกรีมของไทยด้วยการนำสิ่งที่แปลกใหม่บวกกับ รสชาติ ที่ถูกใจลูกค้าคนไทย และที่สร้างความฮือฮาจนสร้างแบรนด์ onemore ให้เป็นที่รู้จัก อย่าง ไอศกรีมผลไม้ไทยโรยท็อปปิ้งไทย อย่างไอศกรีมมะม่วงน้ำปลาหวาน ไอศกรีมมะยมโรยพริกเกลือ หรือไอศกรีมกล้วยบวชชี และรวมถึง ไอศกรีมดอกไม้ ที่จะกล่าวถึงในวันนี้ ฯลฯ

ปัญจรัตน์ - นวรัตน์ วงศ์นภาพรรณ สองพี่น้องเจ้าของกิจการ ที่มาของไอศกรีมดอกไม้สด มาจากความตั้งใจของสองพี่น้อง ที่ไม่ได้หยุดคิดที่จะพัฒนาสินค้าตัวใหม่ จนได้มาพบกับ “อาจารย์อัจฉรา แก้วน้อย” จากมหาวิทยาลัยราชภัฎบ้านสมเด็จเจ้าพระยา ซึ่งได้คิดค้นการทำสารสกัดเข้มข้นจากดอกไม้ ร่วมกับนักศึกษา สาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการอาหาร โดยได้รับทุนวิจัยตามโครงการ IRPUS ของสกว. ซึ่งทางมหาวิทยาลัย ให้ความสนใจเลือกผลิตภัณฑ์ไอศกรีมของเรา มาพัฒนาเป็นไอศกรีมดอกไม้ไทย “ทางอาจารย์อัจฉรา ได้ให้เราเลือกดอกไม้ชนิดใดชนิดหนึ่ง หรือ จำนวน 3 ชนิด เพื่อนำมาทำไอศกรีม แต่เนื่องจากเราต้องการให้เกิดความหลากหลายแก่ผู้บริโภค เราจึงขอเลือกดอกไม้ทั้ง 5 ชนิด

โดย ผู้จัดการ http://www.manager.co.th/

Read More...


บล็อคโคลี่ อบกรอบ ผักกรอบขนมขบเคี้ยว

บล็อคโคลี่ อบกรอบ ผักกรอบขนมขบเคี้ยว สินค้าอาหารแปรรูปจำพวกขนมขบเคี้ยว เน้นคุณค่าทางโภชนาการให้ผู้บริโภค อย่าง บล็อคโคลี่ อบกรอบ เจ้าแรกในโลก รวมถึงผลไม้อื่นๆ ที่คนไทยและต่างชาติคุ้นเคย


บล็อคโคลี่ อบกรอบ ผักกรอบขนมขบเคี้ยว

นายสุทธิศักดิ์ พิพัฒนติกานันท์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด จากเพื่อนสนิทที่โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน จับมือกับร่วมหุ้นทำธุรกิจส่งออก อาศัยประสบการณ์ด้านการส่งออก จากหนึ่งในหุ้นส่วน ที่ดำเนินธุรกิจด้านนี้มาหลายสิบปี มาต่อยอด พร้อมผลิตสินค้าอาหารแปรรูปจำพวกขนมขบเคี้ยว เน้นคุณค่าทางโภชนาการให้ผู้บริโภค อย่าง บล็อคโคลี่ อบกรอบ เจ้าแรกในโลก รวมถึงผลไม้อื่นๆ ที่คนไทยและต่างชาติคุ้นเคย หวังเปลี่ยนแนวคิดคนไทยหันรับประทานสแนค ที่มีคุณค่า

Greenday ถือเป็นธุรกิจของคนรุ่นใหม่อย่างแท้จริง ที่หุ้นส่วนทั้ง 3 คน คือ นายสุทธิศักดิ์ พิพัฒนติกานันท์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด, นายชัยรัตน์ คงศุภมานนท์ ผู้จัดการทั่วไป และนายณัฐวุฒิ เผ่าปรีชา ผู้จัดการฝ่ายการเงิน บริษัท เอเชีย เวิลด์ เทรดดิ้ง 88 จำกัด ที่ได้นำความรู้และประสบการณ์ด้านธุรกิจส่งออกมาจากนายชัยรัตน์ หนึ่งในหุ้นส่วน ที่ครอบครัวได้ทำการส่งสินค้าของดอง เช่น หน่อไม้ พริก มะม่วง และมะกอก รวมถึงอาหารแช่แข็งมาหลายสิบปี

และหนึ่งในนั้นคือการนำผลไม้ไทยมาแปรรูปด้วยระบบ Vacuum Dry ( วิธีการอบผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ให้แห้ง โดยใช้คลื่นแมคนิตรอน และมีการดูดความชื้น ที่เกิดขึ้น ด้วยระบบสุญญากาศเครื่องอบแห้งไมโครเวฟสุญญากาศ จึงเหมาะสำหรับผลิตภัณฑ์ที่ต้องการการอบที่รวดเร็ว ได้คุณภาพ ที่สูง และสีสันใกล้เคียงของดั้งเดิมมากที่สุด โดยใช้อุณหภูมิภายใต้สุญญากาศไม่เกิน 80 อาศาเซลเซียส ซึ่งจะทำให้ผลิตภัณฑ์ที่อบ ) ที่ถือเป็นความตั้งใจ ของครอบครัวนายชัยรัตน์ที่ผลักดันสินค้าที่เกิดจาก Vacuum Dry ให้เป็นสินค้านำตลาด
โดย ผู้จัดการ http://www.manager.co.th/

Read More...


ข้าวเหนียวมูนธัญพืช สมุนไพรแฟนซี

ขายข้าวเหนียวมูนสมุนไพรแฟนซี และ “ข้าวเหนียวมูนธัญพืช” กับ “เทศกาลกินเจ” ที่ใกล้จะมาถึง “ข้าวเหนียวมูนธัญพืช” ก็เป็นอีกสินค้าที่มีแนวโน้มสดใส.


ขายได้ทั้งปี-ขายดีช่วง กินเจ

ในยุคที่เศรษฐกิจตกสะเก็ด ถ้าใครมัวแต่ย่ำอยู่กับสิ่งเดิม ๆ ก็คงไปไม่รอดแน่ ซึ่งกับการค้าขายนั้นการสร้างจุดขายและไอเดียที่แปลกใหม่เป็นสิ่งจำเป็นมาก และสำหรับตัวอย่าง “ช่องทางทำกิน” รายนี้ ก็มีไอเดียดี ๆ มีสินค้าน่าสนใจ ซึ่งกับ “เทศกาลกินเจ” ที่ใกล้จะมาถึง สินค้าตัวนี้ก็มีโอกาสขายดิบขายดียิ่งขึ้น…

เฉลิมพันธ์ เจษฎาพงศ์ภักดี หรือ เจ๋ง ทายาทร้านแม่เก่ง ขายข้าวเหนียวมูนสมุนไพรแฟนซี และ “ข้าวเหนียวมูนธัญพืช” เจ้าตัวเล่าให้ฟังว่า ธุรกิจนี้เป็นธุรกิจครอบครัว ที่ได้ระดมความคิดและลองผิดลองถูกในการทำข้าวเหนียวมูนร่วมกันมา สุดท้ายก็มาลงตัวกับรสชาติปัจจุบัน เป็นที่ถูกอกถูกใจของผู้ที่ได้ลิ้มลอง

เจ๋งเองก็โตมาพร้อม ๆ กับธุรกิจข้าวเหนียวมูน รู้ขั้นตอนการผลิตและการขายทุกอย่าง และตอนนี้ก็ได้เข้ารับช่วงสานต่อธุรกิจนี้ โดยกำลังศึกษาระดับปริญญาตรีบริหารธุรกิจ เพื่อจะนำความรู้มาพัฒนาธุรกิจต่อไป


“ข้าวเหนียวสมุนไพรแฟนซี เป็นแนวคิดของผม เป็นไอเดียที่นำสีจากสมุนไพรธรรมชาติมาผสมเพื่อสร้างสีสันและความแตกต่าง โดยทำเป็น 9 สี 9 รส สีม่วงจากอัญชัน, สีเหลืองจากขมิ้น, สีเขียวจากใบเตย, สีส้มจากแครอท, สีแดงจากบีทรูท, สีดำจากข้าวเหนียวดำ, สีชมพูจากดอกเฟื่องฟ้า และสีเนื้อจากแก่นฝาง เมื่อทำออกมาขายในตลาด กระแสตอบรับดีมาก ๆ จนระยะหลัง ๆ ก็มีคนลอกเลียนเยอะเหมือนกัน”

เจ๋งเล่าต่อไปว่า ต่อมาได้มีการพัฒนาสินค้า จนเกิดเป็น “ข้าวเหนียวมูนธัญพืช” ซึ่งจากกระแสรักสุขภาพ ก็มีลูกค้าสนใจมาก และในช่วง “เทศกาลกินเจ” เมื่อปีที่แล้ว ก็ขายดิบขายดี จนต้องทำต่อเนื่อง ซึ่งก็จะมีทั้ง ข้าวเหนียวมูนลูกเดือย, ข้าวเหนียวมูนแปะก๊วย, ข้าวเหนียวมูนเม็ดบัว, ข้าวเหนียวมูนถั่วเหลือง, ข้าวเหนียวมูนเผือก, ข้าวเหนียวมูนงาม่อน, ข้าวเหนียวมูนถั่วแดง, ข้าวเหนียวมูนกลอย

สำหรับการทำข้าวเหนียวมูนขาย อุปกรณ์ที่ต้องใช้หลัก ๆ ก็มี… เตาแก๊ส, ลังถึง, ไม้พาย, หม้อสเตนเลส, ถังน้ำ, กะละมังขนาดใหญ่, ถาด, มีด, ทัพพี, กระชอน, กระทะ, ผ้าขาวบาง ฯลฯ

ส่วนวัตถุดิบใช้ทำ

“ข้าวเหนียวมูนธัญพืช” ถ้าใช้ข้าวเหนียวเขี้ยวงู 10 กก. จะใช้มะพร้าวขูดขาว 18 กก., น้ำตาลทรายขาว 6 กก. และลูกเดือย เผือก ถั่วแดง แปะก๊วย เป็นต้น

ขั้นตอนการทำ

“ข้าวเหนียวมูนธัญพืช” เช่น ลูกเดือย แปะก๊วย เผือก และถั่วแดง เริ่มจากนำข้าวเหนียวมาแช่น้ำทิ้งไว้ 3 ชั่วโมง แล้วซาวล้างให้สะอาด นำไปใส่ลังถึงนึ่ง โดยรองด้วยผ้าขาวบาง เกลี่ยข้าวเหนียวให้ทั่ว นึ่งน้ำเดือดไฟแรงประมาณ 45 นาที เพื่อให้เมล็ดข้าวเหนียวอ่อนนุ่ม

ธัญพืชต่าง ๆ ให้แยกนึ่งแต่ละชนิด ลูกเดือย ให้นำไปแช่น้ำทิ้งไว้ 3 ชั่วโมง แล้วซาวล้าง จากนั้นนำไปต้มสัก 10 นาที ตักขึ้นให้สะเด็ดน้ำแล้วนำไปนึ่งพร้อมกับข้าวเหนียว, แปะก๊วย ล้างให้สะอาด นำไปนึ่งพร้อมกับข้าวเหนียว, เผือก ทำการปอกเปลือก แล้วล้างให้สะอาด หั่นเป็นชิ้นเล็ก นำไปนึ่งพร้อมกับข้าวเหนียว ส่วนถั่วแดง นำไปแช่น้ำ 3 ชั่วโมง ล้างให้สะอาด แล้วนำไปต้ม 15 นาที ให้เม็ดนิ่ม แล้วจึงนำไปนึ่งพร้อมข้าวเหนียว
ระหว่างที่รอข้าวเหนียวสุก ทำการคั้นมะพร้าวด้วยน้ำต้มสุกจนได้หัวกะทิสดที่เข้มข้น

นำหัวกะทิสดที่ได้มาแบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกใช้ในการมูนข้าวเหนียว โดยนำน้ำกะทิมาเติมน้ำตาลทราย เกลือ ให้รสชาติออกหวานเค็มพอดี ๆ ใช้ทัพพีคนส่วนผสมให้ละลายเข้ากัน แล้วทำการกรองน้ำกะทิด้วยผ้าขาวบางอีกรอบให้สะอาด นำขึ้นตั้งไฟพอเดือด ยกลงตั้งพักไว้ เมื่อข้าวเหนียวที่นึ่งกับธัญพืชสุก เทใส่กะละมัง นำน้ำกะทิที่เตรียมไว้เทราดลงในข้าวเหนียวธัญพืชที่ยังร้อน ๆ ใช้ไม้พายช่วยมูนให้ข้าวเหนียวกับน้ำกะทิเข้ากันจนทั่ว แล้วปิดฝาทิ้งไว้ประมาณ 20 นาทีเพื่อให้ความร้อนจากข้าวเหนียวดูดซึมน้ำกะทิให้แห้ง
น้ำกะทิอีกส่วน นำมาผสมแป้งข้าวโพด น้ำตาลทราย เกลือนิดหน่อย ชิมรสชาติตามชอบ นำขึ้นตั้งไฟใช้ความร้อนปานกลาง คนไปเรื่อย ๆ ไม่ให้กะทิแตกมัน พอเดือดยกลง ก็จะได้กะทิสำหรับราดข้าวเหนียวเพื่อเพิ่มรสชาติ และก็ต้องทำถั่วเขียวซีกคั่วไว้สำหรับโรยหน้าข้าวเหนียวมูนด้วย ซึ่งจุดเด่นข้าวเหนียวมูนร้านแม่เก่งคือจะมีรสชาติหวานมันกลมกล่อม ข้าวเหนียวไม่แฉะ ตอนรับประทานรสชาติยังคงติดลิ้น

ข้าวเหนียวมูนทุกอย่างของร้านนี้ ขาย กก.ละ 120 บาท โดยมีต้นทุนประมาณ 50% จากราคาขาย
ร้านข้าวเหนียวมูนร้านนี้อยู่ปากซอยหมู่บ้าน ต.รวมโชค 33/496 ซอยโชคชัย 4 (54) ถนนลาดพร้าว กรุงเทพฯ โทร. 08-9881-2349, 08-9889-8891, 0-2538-3331 ใครสนใจซื้อ สนใจจะสั่งไปขายต่อ ก็เชิญได้ตามสะดวก ซึ่งกับ “เทศกาลกินเจ” ที่ใกล้จะมาถึง “ข้าวเหนียวมูนธัญพืช” ก็เป็นอีกสินค้าที่มีแนวโน้มสดใส.
เชาวลี ชุมขำ : รายงาน/จเร รัตนราตรี : ภาพ
http://www.dailynews.co.th

Read More...


ลูกเดือยทอดกรอบสมุนไพร รายได้ดี

ขนมกรุบกรอบทานเล่นจากโรงงานใหญ่ ๆ ที่มีวางขายตามท้องตลาดนั้น บ้างก็มีประโยชน์น้อย บ้างก็มีราคาสูง ซึ่งนี่ก็เป็นช่องว่างทางการตลาดสำหรับรายย่อย เป็น “ช่องทางทำกิน” จากการผลิตขนมกรุบกรอบที่มีประโยชน์-ราคาไม่แพง อย่างการทำ “ลูกเดือยทอดกรอบสมุนไพร” ขายก็น่าสนใจ…


ลูกเดือยทอดกรอบ
ขนมกรุบกรอบทานเล่นจากโรงงานใหญ่ ๆ ที่มีวางขายตามท้องตลาดนั้น บ้างก็มีประโยชน์น้อย บ้างก็มีราคาสูง ซึ่งนี่ก็เป็นช่องว่างทางการตลาดสำหรับรายย่อย เป็น “ช่องทางทำกิน” จากการผลิตขนมกรุบกรอบที่มีประโยชน์-ราคาไม่แพง อย่างการทำ “ลูกเดือยทอดกรอบสมุนไพร” ขายก็น่าสนใจ…

ชมพูนุช เผื่อนพิภพ อาจารย์สาขาวิชาวิทยาศาสตร์การอาหารและโภชนาการ คณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ มทร.พระนคร เปิดเผยว่า จากการทำโครงการเกษตรอินทรีย์ เป็นผลิตภัณฑ์ เมื่อลงพื้นที่ในต่างจังหวัดก็พบพวกธัญพืชต่าง ๆ เป็นที่นิยมมาก แล้วก็เห็น “ลูกเดือย” ซึ่งใคร ๆ ก็คิดว่านำไปต้มได้เพียงอย่างเดียว

แต่เมื่อพิจารณาดูแล้ว เห็นว่าน่าจะทำเป็นอย่างอื่นได้ อาทิ อาหารทานเล่นแบบกรุบกรอบ ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ทั้งเด็ก วัยรุ่น ผู้ใหญ่ โดยลูกเดือยมีสารอาหารที่มีประโยชน์แก่ร่างกายมากมาย

เช่น ใยอาหาร วิตามินเอ วิตามินบี 1 ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม แคล เซียม และยังมีสรรพคุณเป็นยาเย็น ใช้บำบัดอาการหลอดลมอักเสบ ปอดอักเสบ น้ำคั่งในปอด แก้ร้อนใน บำรุงไต บำรุงกระเพาะอาหารและม้าม ขับปัสสาวะ ขับเสมหะ บำรุงสตรีหลังคลอด ช่วยย่อยอาหาร และเจริญอาหาร

ทั้งหมดคือคุณประโยชน์ของเจ้าเม็ดกลม ๆ อ้วน ๆ ที่เรียกว่า “ลูกเดือย”

ส่วน “ลูกเดือยทอดกรอบสมุนไพร” ที่คิดทำขึ้นมา นอกจากลูกเดือยแล้ว ยังมี ใบมะกรูด, พริกไทยดำ เป็นสมุนไพรที่เพิ่มกลิ่นและสีสันให้มีความน่ารับประทานมากขึ้น และมีประโยชน์มากขึ้น

ลูกเดือยทอดกรอบ

ลูกเดือยทอดกรอบสมุนไพร มีวัตถุดิบและวิธีการทำดังนี้คือ…
วัตถุดิบก็มี ลูกเดือย 250 กรัม, ใบมะกรูด 45 กรัม, เมล็ดพริกไทยดำ 20 กรัม, น้ำตาลทรายขาว 30 กรัม, เกลือป่น 5 กรัม และน้ำมันพืช (สำหรับทอด) 0.5 ลิตร

ส่วนวิธีทำ…เริ่มจากนำลูกเดือยแช่น้ำสะอาดนาน 1 คืน แล้วต้มให้สุก เมื่อสุกแล้วตักขึ้นให้สะเด็ดน้ำ นำไป อบในตู้อบที่อุณหภูมิ 60 องศา เซลเซียส นาน 4-6 ชั่วโมง วิธีนี้จะทำให้ลูกเดือยเมื่อทอดแล้วจะพองฟูและมีความกรอบนุ่ม ไม่แข็งกระด้าง (หากไม่มีตู้อบให้ใช้วิธีการตากแดดให้ แห้งแทน)

ขั้นตอนต่อมา ทอดลูกเดือยในน้ำมันที่ร้อนจัด จนพองฟูและมีสีเหลืองทอง นำขึ้นสะเด็ดน้ำมัน โดยแบ่งทอดทีละน้อย เตรียมหั่นใบมะกรูดเป็นฝอยลงทอดให้กรอบดี และทอดเมล็ดพริกไทยดำให้พอสุก

Read More...


เป็ดย่างตุ๋นมะนาวดอง

เป็ดย่างตุ๋นมะนาวดอง ใช้เป็ดย่างสูตรกวางตุ้งของร้าน เจริญเวียงโภชนา ซึ่งหมักด้วยเครื่องเทศพริกไทย เต้าเจี้ยว ซีอิ๊ว ให้ซึมเข้าไปถึงเนื้อเป็ดย่าง อร่อยเท่ากับห่านย่างที่เกาะฮ่องกง

เคยกินแต่เป็ดตุ๋นมะนาวดองจนเบื่อ วันนี้ผมขอสอนวิธีทำ เป็ดย่างตุ๋นมะนาวดอง สูตรโบราณที่ชาวกวางตุ้งทำกินมาก่อน ผมจึงใช้เป็ดย่างสูตรกวางตุ้งของร้าน เจริญเวียงโภชนา ซึ่งหมักด้วยเครื่องเทศพริกไทย เต้าเจี้ยว ซีอิ๊ว ให้ซึมเข้าไปถึงเนื้อเป็ดย่าง อร่อยเท่ากับห่านย่างที่เกาะฮ่องกง หนังเป็ดย่างเกรียม ๆ รีดไขมันออกเกือบหมด แล้วผมเอามาตุ๋นกับมะนาวดอง น้ำซุปไม่มันเลี่ยน หอมกลิ่นเป็ดย่างอร่อยสุดยอดครับ

เป็ดย่างตุ๋นมะนาวดอง

เครื่องปรุง เป็ดย่างตุ๋นมะนาวดอง

  • 1.เป็ดย่างหนังกรอบ 2 ตัว
  • 2.พริกไทยดำเกล็ดตรามือ 1 ช้อนโต๊ะ
  • 3.รากผักชี 5 ราก
  • 4.กระเทียม 3 หัว
  • 5.ซีอิ๊วขาวเห็ดหอม 1 ทัพพี
  • 6.ฟักแก่ 1 ลูก
  • 7.น้ำเป็ดย่าง 2 ทัพพี
  • 8.มะนาวดอง 4 ลูก
  • 9.บ๊วยดอง 3 ลูก

วิธีทำ เป็ดย่างตุ๋นมะนาวดอง

  • 1.แขวนเป็ดย่างให้สะเด็ดน้ำมันที่อยู่ในตัวเป็ดจนแห้งสนิท จึงสับเป็ดเป็นชิ้น
  • 2.ใส่พริกไทยดำเกล็ด รากผักชี กระเทียม ซีอิ๊วขาว ลงก้นหม้อ แล้วปอกเปลือกฟักแก่หั่นเป็นชิ้นหนา ๆ วางเรียงบนเครื่องเทศ แล้วนำเป็ดย่างสับวางซ้อน
  • 3.ใส่น้ำเป็ดย่าง แล้วเติมน้ำสะอาดให้ท่วมเนื้อเป็ดย่าง ปิดฝาหม้อต้มด้วยไฟร้อนปานกลางนาน 1 ชั่วโมง
  • 4.ลอกเปลือกมะนาวดองและเนื้อบ๊วยดองใส่เครื่องบดปั่นจนละเอียด ส่วนเม็ดและเนื้อมะนาวดองทิ้งให้หมด
  • 5.ตุ๋นเป็ดย่างจนเนื้อนุ่มดีแล้ว เปิดฝาหม้อใส่น้ำมะนาวดองลงไป ใช้ทัพพีคนให้ทั่ว จึงปิดฝาหม้อต้มอีก 10 นาที
  • 6.ตักเป็ดย่างตุ๋นมะนาวดองกับฟักใส่โถ กินกับข้าวสวย ซดน้ำมะนาวดองร้อน ๆ จะช่วยให้ร่างกายอบอุ่นขึ้น เนื้อเป็ดย่างตุ๋นนุ่มหอมกรุ่น
เป็ดย่างตุ๋นมะนาวดองสูตรนี้ผมมอบให้ร้านเจริญเวียงโภชนา ทำไว้กินคู่กับ เป็ดย่าง หมูแดง หมูกรอบ ตีนเป็ดยัดไส้ ขาหมูยัดไส้ อร่อยจนลืมไม่ลงครับ โทร. 0-2235-1088, 08-6771-7135.
ขุนขยับ แม่มะลิ
อีเมล chaisang_k@yahoo.co.th
เดลินิวส์ออนไลน์ www.dailynews.co.th

Read More...


ข้าวต้มน้ำนมถั่วเหลือง BUG & BEE

ร้านอาหารแนวฟิวชั่น บั๊ก แอนด์ บี เมนูใหม่ ข้าวต้มน้ำนมถั่วเหลือง สรรค์สร้างความอร่อยใหม่กับเมนูที่มาพร้อมกับความรู้สึกดีๆ ไม่รู้จบ


บั๊ก แอนด์ บี เมนูใหม่ ข้าวต้มน้ำนมถั่วเหลือง
บั๊ก แอนด์ บี เมนูใหม่ ข้าวต้มน้ำนมถั่วเหลือง

ข้าวต้มน้ำนมถั่วเหลืองผสมมิโซะและปลาดอรี่ 120 บาท

บั๊ก แอนด์ บี ร้านอาหารแนวฟิวชั่น ให้บริการอาหาร และเครื่องดื่มแนวใหม่ ที่เน้นความสร้างสรรค์ของเมนูควบคู่ไปกับความอร่อย ในบรรยากาศผ่อนคลาย สบายๆ เป็นกันเอง เปิดตัว ข้าวต้มน้ำนมถั่วเหลือง เมนูรสชาติใหม่สุดสร้างสรรค์ภายใต้แนวคิด Comfort Food: ความรู้สึกดีๆที่กินได้ ที่ไม่ได้มีดีแค่ความอร่อยเท่านั้น แต่ยังทำให้ทุกวันของคุณมีแต่เรื่องดีๆ เกิดขึ้นมากมาย

อิ่มอกอิ่มใจไปกับข้าวต้มแนวใหม่รสชาตินุ่มละไมอย่าง ข้าวต้มนมถั่วเหลือง ผสมมิโซะปลาดอรี่ ด้วยส่วนผสมที่ลงตัวของข้าวกล้องหอมมะลิ มากคุณค่า เสิร์ฟในน้ำซุปนมถั่วเหลืองผสมมิโซะสูตรเฉพาะเข้มข้น ที่มาพร้อมกับปลาดอรี่เนื้อนุ่ม สด แสนอร่อย หนึ่งในเมนูอารมณ์ดีที่อุดมไปด้วยคุณประโยชน์อย่างครบครัน
นอกจากนี้ยังมีอีกหลายเมนูใหม่ ที่พร้อมจะทำให้คุณหรือใครๆมีสุขภาพใจผ่อนคลาย สุขภาพกายมีพลัง และยังมีความสุขไปทั้งวันอีกด้วย

บั๊ก แอนด์ บี เมนูใหม่ ข้าวต้มน้ำนมถั่วเหลือง
บั๊ก แอนด์ บี เมนูใหม่ ข้าวต้มน้ำนมถั่วเหลือง

ข้าวต้มน้ำนมถั่วเหลืองผสมมิโซะและกุ้ง 120 บาท

เกี่ยวกับ BUG & BEE
บั๊ก แอนด์ บี สีลม ตั้งอยู่เพียงย่างก้าวเดียวจากทางขึ้นบันไดเลื่อนสู่ สถานีรถไฟฟ้าศาลาแดง ฝั่งตรงกันข้ามกับ สีลมคอมเพล็กซ์ เปิดให้บริการทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง เป็นร้านอาหารแนวฟิวชั่น ให้บริการอาหารและเครื่องดื่มแนวใหม่ที่สร้างสรรค์และเอร็ดอร่อย พร้อมกับบรรยากาศผ่อนคลาย สบายๆ เป็นกันเอง


บั๊ก แอนด์ บี สาขาเอ็มบีเค เซ็นเตอร์ (มาบุญครอง) เปิดให้บริการอยู่ที่ชั้น 3 ใกล้ทางเชื่อมรถไฟฟ้าบีทีเอส คงความเป็นเอกลักษณ์ โดยเฉพาะบรรยากาศที่ผ่อนคลายและสะดวกสบายไว้เป็นอย่างดี ควบคู่กับ เครื่องดื่มสุดสดชื่น และอาหารฟิวชั่นสุดสร้างสรรค์สำหรับนักช็อป ทั้งไทยและเทศ

บั๊ก แอนด์ บี ยังเป็นผู้ให้บริการ ลา กลาส คอร์เนอร์ ตั้งอยู่ที่ฟู้ดคอร์ด สยามพารากอน ชั้นจี และดิ เอ็มโพเรี่ยม ชั้น 5

บั๊ก แอนด์ บี เป็นร้านอาหารที่เต็มไปด้วยบรรยากาศของความสดใส และผ่อนคลาย เหมาะสำหรับการนัดพบปะสังสรรค์ อิ่มเอมกับอาหารและเครื่องดื่มแสนสดชื่นในสไตล์ฟิวชั่น เพลิดเพลินกับนิตยสารชั้นนำจากทั่วโลก หรือมาใช้เวลาผ่อนคลายจากความเร่งรีบของชีวิตในเมือง
ที่มา : http://lifestyle.th.msn.com/prnews/article.aspx?cp-documentid=3072243

Read More...


หมูสะเต๊ะ-หมูปิ้ง Dr.Song’s แฟรนไชส์

“ด็อกเตอร์ซองส์” Dr.Song’s เสริมสวย เมนูสะเต๊ะ-หมูปิ้ง ชูมาตรฐานโลก มาตรฐานระดับสากล ปูพรมแฟรนไชส์


หมูสะเต๊ะ

เมนูหมูสะเต๊ะและหมูปิ้ง ซึ่งคุ้นปากคนไทยเป็นอย่างดี ถูกหยิบมาแต่งตัวใหม่ในรูปแบบแฟรนไชส์ “ด็อกเตอร์ซองส์” (Dr.Song’s) โชว์จุดเด่นสะอาด และปลอดภัยผลิตในมาตรฐานระดับสากล ขณะที่วางระบบคุ้มคุณภาพตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง ตั้งเป้ากระจาย 5,000 สาขาใน 2 ปี พร้อมอัดงบ 30 ลบ. แจ้งเกิดแบรนด์
ยอดศักดิ์ อภิชาตวรศิลป์ เจ้าของธุรกิจ

ยอดศักดิ์ อภิชาตวรศิลป์ ประธานกรรมการบริหารบริษัท ฟูดเบลสซิ่ง (1988) จำกัด เผยว่า บริษัทดำเนินธุรกิจด้านอาหารแปรรูป และซอสปรุงรส มากว่า 20 ปี มีผลิตภัณฑ์มากกว่า 50 ชนิด โดยเป็นทั้งผู้ผลิตให้แบรนด์ยักษ์ใหญ่ (OEM) และขายภายใต้แบรนด์ตัวเอง รวมถึง ส่งออกต่างประเทศ มียอดขายประมาณ 2,000 ล้านบาทต่อปี

ทั้งนี้ มองโอกาสขยายธุรกิจ เนื่องจากปัจจุบันมนุษย์เงินเดือนจำนวนมาก อยากมีอาชีพสองไว้เป็นรายได้เสริม หรืออยากมีธุรกิจของตัวเอง รวมถึง คนอีกจำนวนมากอยากลงทุนทำธุรกิจแทนที่เอาเงินไปฝากธนาคารซึ่งดอกเบี้ยต่ำมาก เมื่อจับความต้องการดังกล่าว ประกอบกับเห็นว่าบริษัทมีความพร้อมทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นวัตถุดิบ โรงงานผลิต เทคโนโลยี และบุคลากร จึงคิดขยายธุรกิจแฟรนไชส์หมูสะเต๊ะ และหมูปิ้ง ในชื่อ DR.Song’s

ชุดหมูสะเต๊ะ 65 บ. มีให้เลือก 2 รส คือ ดั้งเดิม และกาแฟ

“ผมมองว่า เมนูหมูสะเต๊ะ และหมูปิ้ง เป็นเมนูที่คนทั่วไปคุ้นเคยอยู่แล้ว เป็นได้ทั้งอาหารหลักและกินเล่น ซื้อง่ายขายคล่อง นอกจากนั้น ในท้องตลาดมีคู่แข่งไม่มากนัก และยิ่งเจาะจงที่เป็นสินค้าเกรดบนผลิตสะอาดได้มาตรฐาน แทบจะไม่มีคู่แข่งโดยตรงเลย” ยอดศักดิ์ ให้เหตุผลที่เลือกเมนูดังกล่าวมาทำแฟรนไชส์
ชุดหมูปิ้ง 70 บ. ประกอบด้วยหมู 10 ไม้ และข้าวเหนียว 1 ห่อ

คุ้มดูแลคุณภาพต้นทางถึงปลายทาง

อย่าง ไรก็ตาม แฟรนไชส์รูปแบบรถเข็นลงทุนไม่สูงนัก แทบทุกรายในประเทศไทย ล้วนเจอปัญหาคล้ายกันคือ ไม่สามารถดูแลคุณภาพให้เท่าเทียมกันได้ทั้งหมด

ประเด็นดังกล่าว ยอดศักดิ์ระบุว่ารับรู้อย่างดี และเตรียมแผนรองรับไว้แล้ว โดยแฟรนไชส์ Dr.Song’s จะใช้ระบบดูแลตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง กล่าวคือ

1.เข้มงวดคัดกรองผู้จะมาเป็นเครือข่ายธุรกิจ ต้อง มีความพร้อมในหลายๆ ด้าน เช่น วุฒิภาวะ การศึกษา และทุน อีกทั้ง ส่งเสริมให้เป็นผู้บริหารร้านว่าจ้างพนักงานขายแทนที่จะลงไปขายด้วยตัวเอง ซึ่งวิธีนี้จะช่วยกรอกผู้ลงทุนได้ระดับหนึ่ง
ปลายไม้ติดโลโก้ ป้องกันปลอมสินค้า
2.วัตถุดิบเกือบทั้งหมดต้องรับจากส่วนกลางเท่านั้น (ยกเว้นแตงกวา พริก และหอมแดง กับเนยใช้ทาระหว่างย่าง) ไม่ว่าจะเป็นหมูเสียบไม้ น้ำจิ้ม อาจาด ข้าวเหนียว ถุงหิ้ว และถ่านไม้ ซึ่งกฎดังกล่าวถือเป็นหัวใจของธุรกิจ เพราะวัตถุดิบทั้งหมดได้มาตรฐานส่งออก ผลิตในโรงงาน GMP , HACCP ฯลฯ โดยมีเครื่องหมายการค้าของบริษัทกำกับ ทำให้คุมคุณภาพสินค้าได้ง่าย ผู้ขายเพียงแค่แกะซอง แล้วอุ่นร้อนสามารถขายได้ทันที เช่น เนื้อ หมูคัดเฉพาะเนื้อสันนอกกับสะโพกในส่วนที่ไม่มีมัน โดยเป็นหมูที่เลี้ยงในฟาร์มปิด นำมาหมักสำเร็จรูปด้วยซอสแล้วเสียบไม้ที่ฆ่าเชื้อ ซึ่งปลายไม้มีโลโก้ Dr.Song’s ติดไว้ป้องกันสินค้าเลียนแบบ แล้วบรรจุในซองของบริษัทอีกชั้นหนึ่ง สามารถเก็บในอุณหภูมิปกติได้ 6 เดือนถึง 1 ปี ผู้ขายจึงไม่ต้องกังวลการเน่าเสียหากขายไม่หมด
เคาน์เตอร์แฟรนไชส์ Dr.Song’s
และ 3.ทางบริษัทมีสัญญาครอบคลุมชัดเจน อีกทั้งข้อมูลทุกๆ อย่างจะถูกเก็บบันทึกให้ระบบคอมพิวเตอร์ นอกจากนั้น จะส่งทีมตรวจสอบคุณภาพสม่ำเสมอ และหากมีสาขาใด จงใจผิดสัญญาจะยืดเคาน์เตอร์คืนทันที และในรายที่ผิดสัญญาอย่างร้ายแรงจะดำเนินคดีฟ้องร้องตามกฎหมาย

แจงกติกาลงทุนธุรกิจ

เจ้าของธุรกิจ อธิบายถึงหลักเกณฑ์ในการลงทุน หากต้องการเฉพาะเมนูหมูสะเต๊ะ ลงทุน 25,000 บาท ได้รับเคาน์เตอร์ พร้อมอุปกรณ์เสริมพร้อมขาย เช่น ตู้แช่ เตาปิ้งที่ให้เลือกระหว่างเตาไฟฟ้า หรือเตาถ่าน (ตามความเหมาะสมของสถานที่ขาย) หากต้องการเสริมเมนูหมูปิ้งข้าวเหนียว เพิ่มเงินลงทุนอีก 10,000 บาทเป็น 35,000 บาท

ทั้งนี้ บริษัทจะส่งวัตถุดิบให้ สำหรับเมนูหมูสะเต๊ะ ชุดละ 45 บาท ประกอบด้วยหมู 10 ไม้ น้ำจิ้ม และอาจาด ส่วนหมูปิ้ง ชุดละ 50 บาท ประกอบด้วยหมู 10 ไม้และข้าวเหนียว กำหนดให้ขายปลีกที่ชุดละ 65 บาท และ70 บาทตามลำดับ ซึ่งราคานี้ ผู้ลงทุนจะมีกำไรประมาณ 1.78 บาทต่อไม้ ควรขายได้วันละไม่ต่ำกว่า 50 ชุด (500 ไม้) จะมีรายรับ 890 บาทต่อวัน หรือเดือนละ 26,700 บาท หลังหักค่าพนักงานและค่าเช่าสถานที่แล้ว จะเหลือกำไรสุทธิประมาณ 15,000-18,000 บาท สามารถคืนเงินลงทุนได้ภายใน 1-2 เดือน

ย่างด้วยเตาไฟฟ้า ไม่เกิดควันมาก สามารถขายในห้องแอร์ได้

ตั้งเป้ากระจาย 5,000 สาขา

ยอดศักดิ์ กล่าวต่อว่า สำหรับราคาปลีกที่เฉลี่ยแล้วอยู่ที่ไม้ละ 6.5-7 บาทนั้น จากการสำรวจตลาด ลูกค้าเป้าหมายยอมรับราคานี้ได้ อย่างไรก็ตาม เพื่อให้ผู้ลงทุนมั่นใจในความสำเร็จ เบื้องต้นบริษัทจะเริ่มวางสาขาของตัวเองก่อนไว้เป็นร้านต้นแบบ จำนวน 20 จุด ในทำเลเป้าหมาย ได้แก่ ในศูนย์อาหารตามห้างสรรพสินค้า โรงเรียนเอกชน มหาวิทยาลัย ปั๊มน้ำมัน และย่านท่องเที่ยว กำหนดเปิดร้านพร้อมกันในวันที่ 1 สิงหาคม 2552

ทั้งนี้ วางเป้าว่า จะขยายสาขาทั้งหมด 5,000 จุดทั่วประเทศ ภายในเวลา 2 ปี ซึ่งจากที่บริษัทได้ทดสอบตลาดโดยออกงานแสดงสินค้า มีผู้สนใจยื่นความจำนงแล้วกว่า 500 จุด ซึ่งจะทยอยเปิดตามๆ กันไป และเพื่อให้ผู้ลงทุนทุกรายประสบความสำเร็จ บริษัทจะทำประชาสัมพันธ์ต่อเนื่อง ทั้งทางหนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ และวิทยุ ให้ผู้บริโภคได้รู้จักสินค้าและคุ้นเคยกับแบรนด์ สำรองงบส่วนนี้ไว้ที่ 30 ล้านบาทในระยะเวลา 2 ปี
ข้าวเหนียวบรรจุสำเร็จรูป เพียงอุ่นร้อนเปิดกินได้ทันที

แฟรนไชส์ Dr.Song’s

ลงทุน
  • เฉพาะเมนูหมูสะเต๊ะ ลงทุน 25,000 บาท หากเพิ่มเมนูหมูปิ้ง เป็น 35,000 บาท
  • รับวัตถุดิบกึ่งสำเร็จแทบทั้งหมดจากส่วนกลาง ราคาส่งหมูสะเต๊ะชุดละ 45 บาท หมูปิ้งชุดละ 50 บาท
  • ราคาขายปลีก หมูสะเต๊ะชุดละ 65 บาท หมูปิ้งชุดละ 70 บาท กำไรสุทธิเฉลี่ย 1.78 บาทต่อไม้
ข้อดี
  • บริษัทแม่มีพื้นฐานพร้อม ทั้งด้านการผลิต และการตลาด
  • มีระบบช่วยเหลือผู้ลงทุน เช่น จัดอบรมพนักงานขาย ทีมที่ปรึกษาพิจารณาทำเล สำรองงบ ประชาสัมพันธ์ 30 ล้านบาทในระยะเวลา 2 ปี เป็นต้น
ข้อควรระวัง
  • ยังไม่มีร้านต้นแบบ ทำให้ประเมินปัจจัยเสี่ยง หรืออัตราล้มเหลวได้ยาก
  • ในอนาคตอาจเกิดโรคระบาดใหม่ที่มาจากสัตว์ กระทบความเชื่อมั่นผู้บริโภค
ติดต่อ โทร.0-2711-3588 ,0-2391-2505 หรือ www.foodblessing.com/satae.html
โดย ASTV ผู้จัดการออนไลน์
http://www.manager.co.th/SMEs/ViewNews.aspx?NewsID=9520000085689

Read More...


ก๋วยเตี๋ยวหมูตุ๋น โกยรายได้

เปิดตำนาน “ก๋วยเตี๋ยวหมู ตุ๋นยาจีน” สูตรผสมที่ลงตัว ระหว่างสมุนไพรจีน และสมุนไพรไทย ต่อยอดการฝึกอบรมแห่งต้นกล้าอาชีพ ม.เกษตร

คนตกงานหัวใจแกร่ง ปรุง ก๋วยเตี๋ยวหมูตุ๋น โกยรายได้

ก๋วยเตี๋ยวหมูตุ๋น

เปิดตำนาน “ก๋วยเตี๋ยวหมู ตุ๋นยาจีน” สูตรผสมที่ลงตัวระหว่างสมุนไพรจีน และสมุนไพรไทย ต่อยอดการฝึกอบรมแห่งต้นกล้าอาชีพ ม.เกษตร อีกหนึ่งต้นกล้าที่เตรียมเติบโตเด่นเป็นสง่าบนบ้านเกิดชลบุรี เผยเงินทุนเริ่มต้น 45,000 บาท คาดคืนทุนภายใน 6 - 8 เดือน

ทันที ที่เศรษฐกิจฟาดงวงฟาดงาอย่างหนักปลายปีก่อน “ณัฐ อยู่อุดมสุข” เป็นอีกผู้หนึ่งที่ได้รับผลกระทบเข้าอย่างจังด้วยวัยเพียง 28 ปีกว่าๆ ที่ต้องถูกเลิกจ้างจากการเป็นพนักงานของโรงงานผลิตรถยนต์แห่งหนึ่ง ในตำแหน่งผู้ควบคุมเครื่องจักร ประกอบรถยนต์ สาขาแหลมฉบัง จ.ชลบุรี หลังจากที่สัญญาที่ว่าจ้างครบ 10 เดือนสิ้นสุดลง

แต่เขามิได้กระทำให้ชีวิตต้องสิ้นสุดไปกับสถานการณ์อันเลวร้ายนั้น ตรงกันข้ามกลับเดินหน้าต่อสู้อย่างไม่ลดละ ทั้งหางานทำ โดยเคยเป็นทั้งลูกจ้างรายวัน ทำหน้าที่เชื่อมถังรถบรรทุกก็แล้ว แม้กระทั่งไปฝึกเรียนซ่อมรถจักรยานยนต์ ของกรมพัฒนาฝึมือแรงงานที่เปิดสอนฟรี ทุกวันอาทิตย์

ก๋วยเตี๋ยวหมูตุ๋น
น้ำซุปอุดมไปด้วยเครื่องเทศของไทยและจีนเข้มข้น

แต่ โชคชะตาได้พลิกชีวิตณัฐอีกครั้ง เมื่อได้ชมรายการทีวีเกี่ยวกับการเปิดอบรมอาชีพ ที่เปิดสอนหลักสูตรการทำขนม “วาฟเฟิล” ซึ่งทำจากข้าวกล้อง หลักสูตรของภาควิชาอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ก็สนใจพร้อมกับค้นคว้าหาข้อมูล

“เมื่อ ผมเห็นข่าวก็เข้าไปดูเว็บซ์เกี่ยวกับภาควิชานั้นๆ ทันที ก็ไปพบคอร์สทำกาแฟ สอนโดย ดร.สุรชัย จิวเจริญสกุล หรืออาจารย์ คิมที่พวกเราเรียกันจนติดปาก ในหมู่ผู้เรียนของโครงการต้นกล้าอาชีพ ที่ผมก็ได้เป็นส่วนหนึ่งด้วยเช่นกัน โดยที่อาจารย์สอนทำกาแฟ และผมก็สนใจอยู่แล้ว เพราะก่อนหน้านี้สมัยที่เรียนอยู่ปวส.แถวท่าพระ ผมก็ทำงานร้านกาแฟ พอจะรู้บ้างแต่ยังไม่ครบทุกกระบวนการของการเป็นผู้ประกอบการ และขณะนั้นก็คิดอยากเปิดร้านกาแฟอย่างจริงจังด้วยเช่นกัน” ณัฐเผยให้ฟัง

แต่ในช่วงที่เรียนทำกาแฟ ก็มีการประกาศเปิดรับสมัครผู้ว่างงาน เข้าอบรมฟรีในโครงการต้นกล้าอาชีพ อาจารย์คิมก็ชวนให้สมัคร ซึ่งแต่เดิมณัฐเลือกสาขาที่เกี่ยวกับที่ร่ำเรียนอันดับต้นๆ แต่เหมือนฟ้าประทานทำให้ได้รับคัดเลือกให้ได้เรียนหลักสูตร “การประกอบอาหารและเครื่องดื่ม” ของอาจารย์อีกครั้ง ซึ่งก็ได้ความรู้และเทคนิคการประกอบอาหารมามากมาย และเป็นอีกแขนงอาชีพหนึ่งที่คิดแล้วจะเลี้ยงปากเลี้ยงท้องตนเองได้

ก๋วยเตี๋ยวหมูตุ๋น
ลวกเส้นพร้อมเสิร์ฟลูกค้า

เพียงแค่คำชักชวนของครูผู้สอนครั้งนี้ กลายเป็นจุดเริ่มต้นของณัฐในวันนี้ วันที่กำลังจะกลายเป็นอีกหนึ่งต้นกล้าตัวอย่างที่น่าจับตามอง เมื่อเขาตัดสินใจใช้เงินเก็บส่วนตัวจำนวน 45,000 บาท เป็นทุนก้อนแรกเปิด“ร้านก๋วยเตี๋ยวหมูตุ๋นยาจีน” ตามคำแนะนำของอาจารย์ และตั้งขายหน้าบ้านเกิดของเขาเอง ซึ่งติดอยู่กับถนนใหญ่ คือ ถนนโรงหาดมอญ ทางที่จะเชื่อมไปสู่ชายหาดมอญ และมุ่งตรงสู่มหาวิทยาลัยบูรพา
เงินที่ลงทุนจำนวนดังกล่าวนี้ เป็นการลงทุนไปกับการจัดซื้อจัดหาอุปกรณ์เครื่องครัว เตาแก๊ส หม้อต้มก๋วยเตี๋ยวหลายขนาด ภาชนะที่ใส่เครื่องปรุงก๋วยเตี๋ยว เครื่องปรุงรส วัตถุดิบของแห่ง ของสด ชามก๋วยเตี๋ยว ถ้วยขนม และแก้วน้ำ อย่างละประมาณ 3 - 4 โหล และโต๊ะพับ ประมาณ 3-4 ตัว เก้าอี้ประมาณ 25 ตัว

“จุดเด่นของทางร้านอยู่ที่ สูตรก๋วยเตี๋ยวหมูตุ๋นยาจีน ที่เป็นการผสมผสานเครื่องยาจีนกับสมุนไพรไทย เพื่อให้น้ำซุปกลมกล่อม ในขณะที่หมูหมักก็เน้นไปที่เครื่องเทศเข้มข้น ทำให้เมื่อรับประทานรสชาติจะเข้ากันได้ดีกับน้ำซุป ซึ่งในน้ำซุปประกอบไปด้วย เก๋สกี้ ปวยซัว ชงเจีย โป๊กกั๊ก อบเชย ตังกุย ข่า น้ำมันหอย น้ำปลา น้ำตาล และพริกไทย โดยทุกอย่างล้วนจะให้ประโยชน์ต่อสุขภาพ โดยปราศจากผงชูรสอีกด้วย


ก๋วยเตี๋ยวหมูตุ๋น
ลูกค้ารอชิมก๋วยเตี๋ยวหมูตุ๋นยาจีนรสเด็ด

“ผม เริ่มต้นธุรกิจนี้ในระดับกลางๆ ก่อน โดยขายในราคาชามละ 25 บาท ส่วนเครื่องดื่มก็จะมี ชา กาแฟ ทำเป็นขวดขนาด 300 มิลลิกรัม ขวดละ 20 บาท น้ำชาเขียวแบบญี่ปุ่น ขวดละ 10 บาท และมีน้ำพันช์สีมรกต ซึ่งชงเป็นแก้ว แก้วละ 15 บาท เปิดขายตั้งแต่เวลา 11.00 น. โดยคาดว่าจะสามารถคืนทุนได้ภายใน 6 – 8 เดือน”
***สนใจติดต่อได้ที่ 081-827-2221***

Read More...


เลี้ยงผึ้งจิ๋ว ต้นทุนต่ำ สร้างรายได้

เพาะเลี้ยงผึ้งจิ๋ว ต้นทุนต่ำ สร้างรายได้ดี และกำลังได้รับความนิยมในต่างประเทศ


เลี้ยงผึ้งจิ๋ว

“ผึ้งจิ๋ว” เป็นผึ้งพื้นเมืองของไทย ไม่มีเหล็กใน สามารถเพาะเลี้ยงในเชิงเศรษฐกิจได้ ซึ่ง “น้ำผึ้ง” ของผึ้งจิ๋วกำลังได้รับความนิยมในต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดญี่ปุ่น เนื่องจากน้ำผึ้งมีคุณภาพดี มีคุณค่าทางอาหารและมีสรรพคุณทางยาสูง และวันนี้ทีม “ช่องทางทำกิน” ก็มีข้อมูลมาให้พิจารณา…

วิสิทธิ์ ธนูอาจ เกษตรกรสวนผลไม้ ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนภูมิปัญญาท้องถิ่นคนจันทบุรี ต.วังแซม อ.มะขาม จ.จันทบุรี วัย 47 ปี เป็นผู้หนึ่งที่เพาะเลี้ยงผึ้งจิ๋ว โดยเขาเล่าว่า ก่อนหน้านี้ทำการเกษตรอย่างหลงทางไปมาก เพราะมุ่งแต่พึ่งยาฆ่าแมลง จนมีหนี้ท่วมตัว ต้องเลิกอาชีพเกษตรกรหันไปรับจ้างเป็นพนักงานขับรถ

แต่แล้วก็เคราะห์ซ้ำ เมื่อเกิดตาบอดไปข้างหนึ่งเพราะตัดหญ้าแล้วเศษไม้ กระเด็นเข้าตา จนต้องเลิกอาชีพขับรถ ไปเป็นลูกจ้างรายวัน ซึ่งรายได้ก็ไม่เพียงพอเลี้ยงครอบครัวที่มีลูก 2 คน

จนวันหนึ่งวันฟ้าใสก็บังเกิด เมื่อได้เข้าร่วมโครงการต้นกล้าอาชีพ รุ่นที่ 1 ได้พบกับ รศ.ดร.สำนึก บุญเกิด อาจารย์ประจำสาขาเทคโนโลยีการเกษตร มหาวิทยาลัยรามคำแหง ซึ่งได้สอนวิชาเลี้ยง “ผึ้งจิ๋ว” ผลิต “น้ำผึ้งอินทรีย์” ที่เรียกว่า “ชันโรง” ให้

ทำให้รู้ถึงวิธีการเลี้ยงที่ถูกต้องทุกกระบวนการ และสามารถนำมาต่อยอดให้ความรู้กับภรรยาและลูก ๆ จนยึดเป็นอุตสาหกรรมครัวเรือน จนทำให้สามารถขายพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ รวมถึงส่วนต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นน้ำชันโรง ซึ่งเป็นผลิตผลส่วนต้นที่นำไปพัฒนาเป็นน้ำผึ้งชันโรง 100% เพื่อวางขาย ส่งขายให้อาจารย์มหาวิทยาลัย และทั่ว ๆ ไป รวมถึงการออกร้านเคลื่อนที่ในงานเทศกาล ต่าง ๆ โดยขายได้ในราคา 500 บาทต่อ 1 ขวดกลม

เลี้ยงผึ้งจิ๋ว

วิสิทธิ์บอกอีกว่า นอกจากนี้เขายังได้รับการเชิญ จากมหาวิทยาลัยรามคำแหง ให้ไปเป็นวิทยากรผู้ อบรมการเลี้ยงผึ้งจิ๋วแก่ต้นกล้าอาชีพรุ่นน้อง รวมถึงหน่วยราชการต่าง ๆ จนปัจจุบันนี้ เขามีรายได้แบบก้าวกระโดดขึ้นมาเฉลี่ยเดือนละไม่ต่ำกว่า 15,000-20,000 บาท ซึ่งต้องขอขอบคุณบุคคลและโครงการที่ได้ให้โอกาส
สำหรับขั้นตอนการเพาะเลี้ยงผึ้งจิ๋วหรือชันโรง หลัก ๆ มี 2 ขั้นตอนคือ ขั้นตอนการย้ายรัง และ ขั้นตอนการแยกรัง ซึ่งการย้ายรังหมายถึงการผ่ารังผึ้งจิ๋วที่ทำรังในธรรมชาติ แล้วย้ายประชากรผึ้งจิ๋วทั้งหมดลงในรังเลี้ยง ซึ่งรังดังกล่าวนี้ต้องมีสภาพมั่นคงแข็งแรง ปลอดภัย ไม่แออัด มีสุขอนามัยที่ดี และสามารถขนย้ายรังได้สะดวก สามารถจัดการดูแลช่วยเหลือผึ้งจิ๋วได้ ส่วนการแยกรังผึ้งจิ๋วหมายถึงการแบ่งประชากรผึ้งจิ๋วในรังเลี้ยงจาก 1 รัง เป็น 2 รัง หรือ 3 รัง ขึ้นอยู่กับสภาพความสมบูรณ์ของผึ้งจิ๋วที่จะแยก

การเคลื่อนย้ายรังธรรมชาติ นำมาตั้งไว้ใกล้บริเวณที่จะผ่ารัง ก่อนผ่าต้องประเมินประชากรผึ้งจิ๋ว และการย้ายรังธรรมชาติ จากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่งต้องรักษาระดับแนวดิ่งของรัง เนื่องจากไข่จะถูกวางไว้บนอาหารเหลวภายในเซลล์ บางเซลล์ไข่ฟักเป็นตัวอ่อนแล้วกินอาหารภายในเซลล์ยังไม่หมด อาจจะถูกอาหารหมกตายขณะขนย้าย เพราะเซลล์จะเอียงไป-มา ตรงจุดนี้ต้องระวังเป็นพิเศษ

ในส่วนของรังเลี้ยงผึ้งจิ๋ว ขนาดต้องมีความจุประมาณ 7 ลิตร ทำด้วยไม้กระดาน หรือเศษไม้แปร หรือไม้นิ้วก็ได้ ต่อกันให้สนิท แต่ไม่ต้องใช้เทคนิคบังใบ ความกว้างประมาณ 20 ซม. ยาว 30 ซม. สูง 12 ซม. ด้านบนหรือฝารังเป็นแผ่นกระจกหรือพลาสติกใส เปิด-ปิดได้ ด้านหน้ารังเจาะรูเหนือพื้นขึ้นมาเล็กน้อยกันน้ำไหลเข้ารัง หน้ารังมีพื้นชานชาลาเล็กน้อยสำหรับให้อาหาร ให้ผึ้งจิ๋วพัก และเพื่อความสะดวกในการบินเข้า-ออก

ก่อนผ่ารัง ยกรังจากตำแหน่งเดิม ให้รักษาระดับ เอารังเลี้ยงที่เตรียมไว้ตั้งแทนที่รังเดิม เตรียมขวดเหล้าเพื่อนำไปดักที่รูเข้า-ออก ให้ผึ้งบินเข้าไปอยู่ในขวดด้วยการเคาะรัง พอกระเทือนผึ้งจิ๋วที่บินได้จะบินเข้าไปอยู่ในขวด ปิดปากขวดนำไปเก็บไว้ในที่เย็น ๆ ไม่ร้อน จากนั้นลงมือผ่ารัง ซึ่งต้องระวังอย่าให้กลุ่มไข่ ตัวอ่อน และดักแด้ เสียหายมากนัก เมื่อรังถูกเปิดออก นำของเหลวไปป้ายที่หน้ารัง เพื่อดึงดูดให้ผึ้งที่บินหลงเหลืออยู่กลับเข้ารัง เดิม

เลี้ยงผึ้งจิ๋ว

จากนั้นค่อย ๆ ย้ายกลุ่มไข่ ตัวอ่อน ดักแด้ ใส่ในรังเลี้ยง สำหรับถ้วยอาหาร เช่น เกสรและน้ำผึ้ง ที่ไม่แตก ก็ให้นำไปใส่ในรังเลี้ยงด้วย แต่อย่านำน้ำผึ้งจากถ้วยที่แตกใส่ในรัง เพราะจะทำให้ผึ้งงานติดน้ำผึ้งตาย แล้วต้องพยายามหานางพญาแม่รัง เมื่อพบให้ใช้ช้อนตักเอาเข้าไปไว้ในรัง แต่อย่าใช้มือจับนางพญา

ถ้าสถานที่ผ่ารังกับที่ตั้งรังเดิมอยู่คนละที่ แต่ห่างไม่เกิน 300 เมตร ต้องย้ายรังธรรมชาติไ ปตั้งเลี้ยงไว้ที่อื่นห่างจากที่ตั้งรังเดิมเกิน 600 เมตร ประมาณ 2 สัปดาห์จึงย้ายกลับมาตั้งในบริเวณที่จะผ่ารัง ให้คุ้นเคยสถานที่ 2-3 วันก่อนจะผ่ารัง ปิดฝารังและหน้ารังทิ้งไว้ 2-3 วัน จึงนำรังเลี้ยงไปตั้งไว้ในที่ที่ให้ผึ้งหากินได้ตามปกติ
สำหรับต้นทุนในการเพาะเลี้ยงผึ้งจิ๋ว วิสิทธิ์บอกว่า แทบไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายอะไรเลย เพียงแค่มีเศษไม้เก่า ๆ มาทำเป็นรัง และหาพ่อพันธุ์แม่พันธุ์มาไว้ในรังเลี้ยง ซึ่งตามต่างจังหวัดผึ้งจิ๋วจะมีอยู่ทั่วไปตามแหล่งที่มีดอกไม้ โพรงไม้ ขอนไม้ กระบอกไม้ไผ่ โพรงตามบ้านเรือน หรืออาจจะอยู่ตามท่อพีวีซี กล่องกระดาษ ฯลฯ

การเลี้ยง “ผึ้งจิ๋ว” อาจจะไม่ง่ายสำหรับคนที่ไม่คุ้นเคย อย่างไรก็ตาม ถ้าใครที่มีปัญหาเรื่องอาชีพแล้วสนใจ อาชีพเลี้ยงผึ้งจิ๋ว นี้ ทางโครงการต้นกล้าอาชีพเขามีการอบรมให้ โดยติดต่อได้จนถึง 17 ส.ค. 2552 และอบรมเดือน ก.ย.

สอบถามรายละเอียดเพิ่มได้ที่คอลเซ็นเตอร์ โทร.1111 หรือที่คุณวิสิทธิ์ โทร. 08-9097-0137.

เชาวลี ชุมขำ
ที่มา เดลินิวส์ออนไลน์
http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=525&contentId=11675

Read More...


เมนู ซี่โครงแกะอบ ตำรับนิวซีแลนด์

เมนู แลมพ์ชอพ ซี่โครงแกะอบ ตำรับนิวซีแลนด์ เมนูอาหาร ทำง่าย วัตถุดิบไม่มาก


ซี่โครงแกะอบ

คุ้นเคยกับการทานเนื้อแกะเป็นอย่างดี เพราะ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีอีโอ อกริฟู้ด จำกัด (ส่งออกน้ำมันรำข้าว) ทายาทคนโตของ พงษ์ศักดิ์ ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์(เสียชีวิตแล้ว) ไปศึกษาอยู่ประเทศนิวซีแลนด์ตั้งแต่อายุ 11 ขวบ ซึ่งที่นิวซีแลนด์ ทานเนื้อแกะกันเป็นประจำ

แม่บ้านซึ่งดูแลคุณทิมในตอนนั้น จึงทำอาหารเมนูเนื้อแกะให้ทานอยู่เสมอโดย เฉพาะแลมพ์ชอพ ซึ่งคุณทิมเองก็ชอบด้วยเพราะอร่อย ทำง่าย จึงแอบฝึกปรือวิชาจนทำทานเองได้ อาหารที่นี่เน้นใช้วัตถุดิบดี ๆ ใช้ซอสน้อย ๆ เพื่อให้ได้รสชาติของวัตถุดิบแท้ ๆ ต่างกับยุโรปที่ชอบหมักเนื้อแกะด้วยเครื่องเทศเยอะ ๆ

คุณทิมบอกว่าชอบทำอาหารทานเอง โดยเฉพาะตอนอยู่ต่างประเทศทำทานเองเป็นประจำ แต่ชอบทำเฉพาะเมนูที่ใช้เตาอบเป็นส่วนใหญ่เพราะสะดวก สำหรับ เมนูแลมพ์ชอพ นั้นชอบทานตั้งแต่เด็กแล้วจนปัจจุบันก็ยังทำทานเองอยู่ เสมอ ๆ เกือบวันเว้นวันด้วยซ้ำ วัตถุดิบไม่มาก เตรียมซี่โครงแกะ, เกลือเห็ดทรัฟเฟิล, น้ำมันรำข้าว, เครื่องเทศ, ก้านโรสแมรี่, มิ้นท์ซอส, หน่อไม้ฝรั่ง และเนยจืด

หมักซี่โครงแกะ ด้วยการทาน้ำมันรำข้าวให้ทั่ว โรยเกลือเห็ดทรัฟเฟิลและก้านโรสแมรี่ ห่อด้วย แวร็ปนำเข้าตู้เย็นแช่ไว้ 6 ชั่วโมง

ก่อนเริ่มปรุงให้นำซี่โครงแกะออกจากตู้เย็นให้คลายความเย็นประมาณ 20 นาที ตั้งกระทะให้ร้อนไฟแรงไม่ต้องใส่น้ำมัน นำซี่โครงแกะลงไปในกระทะ เพื่อให้ด้านนอกของซี่โครงแกะเหลือง พลิกให้ทั่วทั้งสองด้าน ให้พอขอบเหลืองไม่ต้องสุก เรียกว่าการเซียร์ (sear) เป็นวิธีการล็อกความชุ่มชื้นของเนื้อแกะไว้ ให้กรอบนอกนุ่มใน

จากนั้นนำซี่โครงแกะใส่ถาดที่รองฟอยล์ไว้ด้านล่าง โรยก้านโรสแมรี่ไว้รอบ ๆ ถาดและบนเนื้อแกะ โรยเครื่องเทศ นำเข้าเตาอบที่วอร์มไว้แล้วก่อนหน้าในอุณหภูมิประมาณ 230 องศาเซลเซียส 4-5 นาที เมื่อนำซี่โครงแกะเข้าเตาอบให้ตั้งอุณหภูมิไว้ที่ประมาณ 170 องศาเซลเซียส ประมาณ 8 นาที แล้วพลิกกลับอีกด้าน เมื่อจะทานจึงราดด้วยมิ้นท์ซอส

เมื่อซี่โครงแกะใกล้เสร็จให้เตรียมหน่อไม้ฝรั่งเพื่อทานคู่กัน นำหน่อไม้ฝรั่งไปนึ่งโดยใส่เนยจืดลงไปด้วยประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ โรยเกลือเห็ดทรัฟเฟิล ปิดฝา ความร้อนปานกลางประมาณ 5 นาที คุณทิมบอกด้วยว่าควรทาน แลมพ์ชอพ คู่กับสลัด เติมความอร่อย ด้วยการใส่ เบคอนกรอบ ลงไปคลุกกับผักสลัดและหั่นแอปเปิ้ลเขียว เป็นชิ้นเล็ก ๆ ผสมลงไปในตอนท้าย.

จิราภรณ์
เอื้อเฟื้อสถานที่ : ฟู้ดลอฟท์ เซ็นทรัล เวิลด์
ที่มา เดลินิวส์ออนไลน์
http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&contentId=10098&categoryID=500

Read More...




----------------

ปรับปรุง
รายการบทความทั้งหมด



การบำรุงรักษารถยนต์เบื้องต้น



ร้านค้าเคลื่อนที่ ใช้ รถบรรทุกขนาดเล็กมาดัดแปลง



รวมบทความอาชีพ เสริม หลากไอเดียวิธีหารายได้เสริม



รวมบทความงานฝีมือ-สิ่งประดิษฐ์ รายได้เสริม



ทองม้วน thong muan ; rolled wafer





MASK รุ่นสายคล้องคอ







MASK รุ่นสายคล้องคอ. ��รุ่นนี้เป็นที่นิยมใช้กันมาก #ขายดีมาก
ทำจากผ้าคอตตอนแท้ 100%  ไม่ผสม เนื้อผ้านุ่ม 
3 ชั้น. สวมใส่พอดีกับใบหน้า ไม่เจ็บหู มีสายคล้องคอปรับได้
เวลาถอดออก ไม่ต้องกลัวลืม เพราะถอดแล้วคล้องคอไว้ได้
บรรจุในถุงซิปฟรอย์อย่างดี
ราคาชิ้นละ. 59. บาท. ไม่รวมส่ง 
มีหลายสีให้เลือกนะคะ   สนใจทักแชทขอดูสีผ้าได้นะคะ
หน่วยงาน บริษัท ห้างร้าน หรือ สนใจสั่งไปจำหน่าย 
มีเรทราคาส่งค่ะ

-> id line : noeyhorm_06
#มีวางจำหน่ายหน้าร้านชานมไต้หวันมาราชาสาขาจรัญ44


ร้านมาราชาชานมไข่มุก สาขาจรัญสนิทวงศ์ 44
● รับบัตรสะสมครบ 10 แก้ว แลกรับฟรี 1 แก้ว
● สั่งเดลิเวอรีผ่าน LINE MAN, Foodpanda ,GET ...ถึงมือปั๊บพร้อมดื่มปุ๊บ!
● อัพเดทโปรโมชั่นใหม่ๆ รสชาติใหม่ ตลอดเวลา
● มีเมนูให้เลือก 40 กว่าเมนู : https://bit.ly/2Z9iqV0






























































เลือกช่องทางติดต่อและรับข่าวสารบริการหลังการขาย
ฟอร์ด พลปิยะอยุธยาและฟอร์ด พลปิยะวังน้อย

--------------------------------------------------------------------------------------------
แคมเปญ-โปรโมทชั่น อะไหล่ฟอร์ด อัพเดททางออนไลน์และปรับปรุงข้อมูลออนไลน์
อะไหล่ฟอร์ด อะไหล่รถฟอร์ด อะไหล่รถยนต์ฟอร์ด อะไหล่ฟอร์ดแท้ ร้านขายอะไหล่รถฟอร์ด ขายอะไหล่รถฟอร์ด อะไหล่ฟอร์ด
 
Option

รวมบทความอาชีพเสริม หลากไอเดียวิธีหารายได้เสริม หาอาชีพเสริมอิสระทำเงิน สร้างอาชีพอิสระงานฝีมือ แนะนำการสร้างรายได้เสริมทำเงินด้วยการขายสินค้าหรือขายของเป็นอาชีพเสริม อิสระงานฝีมือ แนะแนวธุรกิจ อาชีพเสริม อาชีพแก้จน อยากจะมีรายได้เสริมนอกเหนือจากงานประจำ บล๊อกจัดทำขึ้นเป็นวิทยาทานเพื่อเผยแผ่ความรู้อันจะเป็นไปเพื่อบุญกุศล ขอให้ทุกท่านที่มีส่วนร่วมในบทความของบล๊อกนี้ จงได้รับอานิสงฆ์ด้วยเทอญ.