10 อันดับ เมนูอาหารไทยสุดแปลก ในสายตาชาวต่างชาติ

เมือง ไทยในน้ำมีปลาในนามีข้าว อาหารการกินของเรานั้นนับว่าอุดมสมบูรณ์สุดๆ แต่ในขณะเดียวกันความต้องการเปิบของแปลกๆของเรามันก็ไม่มีที่สิ้นสุดเหมือน กัน จนบางครั้งฝรั่งมังค่าที่มาเที่ยวเมืองไทยพอมาเจอกับเมนูเหล่านี้ถึงกับแทบ ช็อคไปเลย (แต่บางอย่างเราก็เฉยๆ นะ) ที่นำมาให้ชมไม่ใช่เป็นการสนับสนุนแต่อย่างใด แต่ให้คุณรู้ไว้ว่าอย่างนี้ก็มีด้วย บางเมนูก็ได้ยินต่อๆ กันมา จริงหรือไม่จริงก็ไม่อาจทราบได้เหมือนกัน

จานที่ 1 กุ้งเต้น

ชื่อ เมนูนี้ไม่ได้ตั้งเอาฮา แต่ไอ้ที่เต้นน่ะ มันกำลังเต้นอยู่จริงๆ! กุ้งตัวจิ๋วนับร้อยนับพันชีวิตจะถูกเสิร์ฟมาในชาม พร้อมกับกระโดดเด้งดึ๋งกันสุดชีวิตเพื่อให้ได้มาซึ่งอิสรภาพ ก่อนจะถูกบีบมะนาวใส่ ให้แสบร้อนตายไปต่อหน้าต่อตา

คนที่ชอบเขาบอกว่า กุ้งเต้นนี้เป็นอาหารที่ผสมผสานความอร่อยและความสนุกเข้าด้วยกัน วินาทีที่ตักกุ้งน้อยพูนช้อนเข้าปากแล้วงับลงไป จะได้รสชาติเค็มๆมันๆ กรุบกรอบอย่าบอกใคร

 

จานที่ 2 ลาบเลือดเนื้อ

ลืม เรื่องสุขอนามัยทิ้งไปให้หมด เพราะนี่คือเมนูเนื้อดิบๆแดงแจ๋จริงๆ อย่างกับคนคิดเค้าจะกลัวดิบไม่พอ เลยอุตส่าห์เติมเลือดเข้าไปอีก! (ขอย้ำอีกทีว่าทั้งหมดนี้ไม่ผ่านการปรุงสุกทั้งสิ้น Raw Food ของแท้ดั้งเดิม) ปรุงรสนิดหน่อยด้วยน้ำลาบ ข้าวคั่ว และใบสะระแหน่

คนที่ชอบเขาบอกว่า เนื้อดิบๆน้ำแดงพวกเนื้อไว้ดื่มแกล้มเหล้าแล้วมันเข้ากันสุดๆ ทั้งนี้ก็ไม่มีใครรับรองชีวิตคุณแน่ๆว่าหลังจากกินเข้าไปแล้วจะมีโรคหรือ พยาธิอะไรตามมาบ้าง

จานที่ 3 กุ้งแช่น้ำปลา

กุ้ง แม่น้ำตัวเขื่องดิบๆ แต่งรสด้วยน้ำปลาทานพร้อมพริกกระเทียม เสิร์ฟมาทั้งตัว (อันนี้ถ้ากุ้งไม่สะอาดจริงก็อาจโดนพยาธิได้เหมือนกันจ้า)

คนที่ชอบเขาบอกว่า รสของมันออกเค็มๆเผ็ดๆ และเนื้อดิบลื่นๆเป็นเมือกของกุ้งนั้นให้รสสัมผัสที่ชวนน้ำลายสอมาก

จานที่ 4 ลาบมดแดง

มดตัวน้อยตัวนิดกับไข่ในรังของมัน นับเป็นรางวัลแสนพิเศษสำหรับคนที่เจอเลยทีเดียว นำมาปรุงเป็นลาบ แซบหลายอย่าบอกใคร

คนที่ชอบเขาบอกว่า รังมดแดงที่ขึ้นบนต้นมะม่วงนั้นเป็นอะไรที่ฟ้าประทานสุดๆ เพราะในตัวมดจะเต็มไปด้วยน้ำจากใบมะม่วงที่มันแทะเพื่อทำรัง รสเปรี้ยวจี๊ดจ๊าด แถมด้วยความมันที่ได้จากไข่มดอีกต่างหาก

จานที่ 5 ไข่ข้าว

ชื่อ ฟังดูซอฟท์ๆ แต่ที่จริงแล้วไข่ข้าวก็คือไข่ต้มเนี่ยแหละ ที่มากกว่านั้นก็คือข้างในยังมีตัวอ่อนอยู่ด้วย! เป็นไข่ที่ถูกผสมน้ำเชื้อเรียบร้อยแล้ว แต่ไม่ทันจะเติบโตมากไปกว่านี้ก็โดนจับต้มซะก่อน ว่ากันว่าบางฟองเวลาเคี้ยวเข้าไปถึงกับมีขนติดฟันเลย

คนที่ชอบเขาบอกว่า รสชาติก็คล้ายไข่ต้มนั่นแหละ แต่มีความเอนเตอร์เทนตรงที่เวลาได้เคี้ยวตัวอ่อนข้างในเนี่ยแหละ

จานที่ 6 แมลงทอด

นับ ว่าเป็นภาพชินตาสำหรับเราจริงๆ สำหรับรถเข็นขายแมลงทอด ที่ไม่รู้ขนมากี่สายพันธุ์ ทั้งตั๊กแตน จั๊กจั่น หนอน ที่กล่าวๆมายังมีอีกหลากชนิดต่างพันธุ์กันอีกด้วย (ยังไม่รวมที่คนขายอาจจะหาจับได้จากใต้เตียงอีก) ก่อนกินก็แค่เหยาะพริกไทยกับซอสถั่วเหลืองเป็นอันเสร็จพิธี

คนที่ชอบเขาบอกว่า อร่อยหอมมันยิ่งกว่าเฟร้นช์ฟรายซะอีก แถมแมลงบางชนิดเวลากัดเข้าไปยังได้ความมันบวกความหนึบด้วยอีกต่างหาก

จานที่ 7 หมกฮวก

"ฮวก" เป็นภาษาอีสาน แปลว่า "ลูกอ๊อด" ใช่แล้วครับ ลูกอ๊อดทั้งหลายของกบและคางคกนั่นเอง นิยมแค่สองชนิดนี้เพราะมีลูกอ๊อดขนาดจัมโบ้ ปรุงกับอีกหนึ่งสุดยอดเครื่องปรุงอย่างปลาร้า แค่นี้ฝรั่งขี้นกก็ร้องจ๊ากแล้ว (สำหรับคนไทยส่วนใหญ่ก็คิดว่ามันชวนพะอืดพะอมซะมากกว่า)

คนที่ชอบเขาบอกว่า พอได้ลองแล้วจะลืมไปเลยว่าพวกนี้มันเคยน่ารักขนาดไหน ยิ่งถ้าได้ตัวที่โตจนเริ่มมีขางอกออกมาแล้วยิ่งดี มีสารอาหารครบถ้วน

จานที่ 8 ปลาไหลต้มเปรต

จานนนี้เป็นอาหารอีสาน ตามหลักแล้วใช้สัตว์ตัวเล็กยังเป็นๆ อยู่ก็ได้ เช่น จิ้งจก ตุ๊กแก มาทำความสะอาดแล้วเอาลงหม้อต้มที่ปรุงแล้ว แต่ที่นิยมใช้ปลาไหลก็เพราะเวลามันโดนน้ำแกงที่เดือดพล่านอยู่ มันก็จะพยายามชูคอตัวเองให้พ้นน้ำ ลักษณะเหมือนเปรต 

คนที่ชอบเขาบอกว่า นอกจากจะได้ทานอาหารที่สดสุดๆ แล้ว ยังเป็นเหมือนการได้รับชมภาพจำลองของนรกขุมกระทะทองแดง (ชมรอบพรีเมียร์ก่อนลงไปจริงๆ ว่างั้น)

 

จานที่ 9 ลูกกรอก 

คนละลูกกรอกกับที่ขุนแผนผ่าลูกตัว เองออกจากท้องนางพราย (นี่ก็โหดเหมือนกัน) มาทำลูกกรอก หรือรัก-ยมนะครับ  แต่เป็นชื่ออาหารชนิดหนึ่งที่ใช้กะทิปรุงรส แล้วนำลูกปลาตัวเล็กที่ยังเป็นๆ อยู่ โยนลงหม้อกะทิพร้อมกับค่อยๆเร่งไฟให้ร้อนขึ้น ใส่ผักบุ้งหั่นเป็นข้อๆ เมื่อกะทิเริ่มเดือด ปลาน้อยก็จะเข้าไปหนีร้อนในปล้องผักบุ้ง สุดท้ายก็ไปตายสนิทอยู่ในนั้น

คนที่ชอบเขาบอกว่า เหมือนได้รับประทานผักบุ้งยัดไส้รสหอมหวาน กรอบนอกนุ่มใน

 

จานที่ 10 ไก่กะทิ

ถ้าฝรั่งเศสมีฟัวกราต์ ไทยเราก็มีไก่กะทินี่แหละ ที่มีกรรมวิธีใกล้เคียงกัน ด้วยการนำไก่ไปฝังดินเหลือแต่ส่วนคอชูขึ้นมา คอยหยอดน้ำกะทิให้กินเป็นอาหารอย่างเดียว กระทั่งไก่อ้วนท้วนสมบูรณ์ดีแล้วค่อยขุดขึ้นมาเชือด นำมาประกอบอาหาร

คนที่ชอบเขาบอกว่า เนื้อไก่ที่ได้นั้นจะหวาน หอมมันเพราะกะทิ เทียบชั้นอาหารฝรั่งเศสได้เลยทีเดียว

ก็ขอจบแต่เพียงเท่านี้สำหรับเมนูอาหาร พิศดาร ที่ไม่ใช่แค่ฝรั่งหรอก บางอย่างคนไทยเรายังแทบรับไม่ได้เหมือนกัน อันที่จริงถ้าเรามีอันจะกินอยู่แล้ว ก็ไม่ต้องไปเสาะแสวงหาหรอกนะครับ มันเบียดเบียนสัตว์เปล่าๆ!

credit by : http://travel.truelife.com/detail/95834/hilight/10-อันดับ-เมนูอาหารไทยสุดแปลก-ในสายตาชาวต่างชาติ

Read More...

เลือกดู สูตรทำขนมอาชีพเสริม สูตรทำอาหารอาชีพเสริม ร้านค้าเคลื่อนที่ไม่ง้อทำเล

เค้กกล้วยหอมช็อคโกแล็ต “เจ”

เค้กกล้วยหอมช็อคโกแล็ต “เจ” ตอนรับเทศกาลกินเจประจำปี 2555 ด้วยสูตรขนมอร่อย ๆ สำหรับคนทานเจกันนะคะ สูตรนี้โค ตะ ระ ง่าย มั๊ก ๆ ^_^ ไม่ต้องใช้เครื่องตีไข่เพียงมีตะกร้อมือกับชามผสมก็สามารถนำขนมอร่อย ๆ นุ่ม ๆ ไว้แจกจ่ายช่วงเทศกาลกินเจกันได้เลยค่ะ

 

แป้งเค้ก      160 กรัม
โกโก้ผง      50 กรัม
เบคกิ้งโซดา     1 ช้อนชา
เกลือ      ½ ช้อนชา
น้ำตาลทราย     200 กรัม
กล้วยหอมสุกงอมบด    200 กรัม
น้ำมะนาว     2 ช้อนชา
น้ำมันถั่วเหลือง     120 กรัม
วิปปิ้งครีม(สูตรเจ) (วิปครีม100+น้ำเปล่า 25) 125 กรัม**
อัลมอลสไลซ์ (สำหรับโรยหน้า)
หมายเหตุ :  หากไม่มีหรือหาซื้อไม่ได้ให้ใช้นมถั่วเหลืองชนิดจืดแทนวิปปิ้งครีม ใช้แค่ 100 กรัม
ลุยกันเลย


1. บดกล้วยหอมให้ละเอียด จากนั้นเติมน้ำมะนาวลงไปพักส่วนผสมไว้2. เตรียมพิมพ์ (ส้มใช้พิมพ์ฟอล์ยเบอร์ 4618) หรือถ้วยจีบรองด้วยถ้วยกระดาษเบอร์ 2616 ได้ประมาณ 50 ถ้วย3. อุ่นเตาอบ ไฟบน – ล่าง  180 องศาเซลเซียสพักไว้
1. บดกล้วยหอมให้ละเอียด จากนั้นเติมน้ำมะนาวลงไปพักส่วนผสมไว้2. เตรียมพิมพ์ (ส้มใช้พิมพ์ฟอล์ยเบอร์ 4618) หรือถ้วยจีบรองด้วยถ้วยกระดาษเบอร์ 2616 ได้ประมาณ 50 ถ้วย3. อุ่นเตาอบ ไฟบน – ล่าง  180 องศาเซลเซียสพักไว้

4. ร่อนแป้งเค้ก +ผงโกโก้+เบคกิ้งโซดา รวมกัน ทำเป็นบ่อตรงกลางพักส่วนผสมไว้ก่อน
5. เตรียมชามผสมนำน้ำตาลทราย + เกลือ + น้ำมันพืช + นมถั่เหลืองหรือวิปปิ้งครีม คนผสมรวมกัน(จนน้ำตาลละลาย)

6. เทส่วนผสมของของเหลวลงไปในบ่อแป้ง  ตามด้วยกล้วยหอมบด
 
7.จากนั้นใช้ตะกร้อมือคนจนส่วนผสมเข้ากันดี (ส่วนผสมจะหนืดแต่มีการอยู่ตัว การไหลของส่วนผสมจะไหลจากตะกร้อมือลงมาช้า ๆ  ไม่ไหลเป็นก้อน หากไหลเป็นก้อนยังใช้ไม่ได้นะจ๊ะ) ตักขนมใส่พิมพ์ ประมาณ ¾ ของพิมพ์


8. โรยด้วยอัลมอลสไลซ์

9. นำเข้าเตาอบ พิมพ์ 4618 (โลฟ) อบ 20-25 นาที หากใช้ถ้วยจีบเบอร์2616 อบประมาณ 15 -18 นาที หรือจนขนมสุก

10. พักขนมบนตะแกรงจนเย็นสนิท
 
11.จะรับประทานอุ่น ๆ ก็อร่อยหรือจะรอให้เย็นสนิทก็นุ่มๆ หอมกล้วยค่ะ : ทำด้วยใจให้ด้วยรัก

credit by : http://www.zomzaa.com/เค้ก,คัพเค้ก,มัฟฟิน/363/เค้กกล้วยหอมช็อคโกแล็ต-“เจ”.html

Read More...

เลือกดู สูตรทำขนมอาชีพเสริม สูตรทำอาหารอาชีพเสริม ร้านค้าเคลื่อนที่ไม่ง้อทำเล

Brownie Cheesecake

วันนี้มีขนมมาเอาใจคนรักบราวนี่ แต่ชอบความอร่อยหอมมันของครีมชีส ด้วยสูตรอร่อยสูตรนี้ค่ะ ลองทำกันดูรับรองจะติดใจ

 

แป้งสาลีอเนกประสงค์ 50 กรัม
เนยสด   2 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย  100  กรัม
ไข่ไก่   2 ฟอง
ผงฟู   ½ ช้อนชา
ดาร์กช็อคโกแล็ต  150 กรัม
กลิ่นวนิลา  1 ช้อนชา

ส่วนผสมครีมชีส
 

ครีมชีส   200 -250 กรัม
ไข่ไก่   1 ฟอง
น้ำตาลทราย  60 กรัม
กลิ่นวนิลา  1 ช้อนชา
ลุยกันเลย
- บราวนี่


*  อุ่นเตาอบไฟ 180 องศาเซลเซียส จากนั้นเตรียมพิมพ์ขนมขนาด 11x8x1.5 นิ้ว  ทาเนยขาวบาง ๆ จนทั่วพิมพ์  จากนั้นลองกระดาษไข และทาเนยขาวทับอีกครั้ง หรืออาจใช้พิมพ์กลม 3 ปอนด์แทนก็ได้ค่ะ
*  ร่อนแป้งอเนกประสงค์ และผงฟูเข้าด้วยกันพักไว้
*  นำเนยสดไปตุ๋นรวมกันกับดาร์กช้อคโกแล็ตคนจนส่วนผสมละลายหมดพักไว้ให้อุ่น ๆ 


 
*เตรียม ชามผสม นำไข่ไก่ + น้ำตาลทราย และกลิ่นวนิลาใส่ลงไป ตีด้วยตะกร้อมือจนขึ้นฟูเล็กน้อย  จากนั้นนำส่วนผสมที่ได้เทใส่ลงไปในชามผสมที่มีช็อคโกแล็ตตุ๋นอยู่ ใช้ตะกร้อมือคนให้ส่วนผสมเข้ากัน


 
*จากนั้นเติมแป้งที่ร่อนไว้ลงไป คนด้วยตะกร้อมือจนส่วนผสมเนียนไม่เป็นเม็ด พักส่วนผสมของเนื้อบราวนี่ไว้ก่อนค่ะ

 - ชีสเค้ก
 

* ตีครีมชีสในเครื่องผสมหัวตีใบไม้ ความเร็วปานกลางให้อ่อนตัว จากนั้นเติมน้ำตาลตีต่อให้เข้ากันจนฟูขาว

  
 
 * ลดความเร็วต่ำ เติมไข่ไก่ลงไปจากนั้นตีด้วยความเร็วปานกลางให้ผสมเข้ากัน จากนั้นพักส่วนผสมครีมชีสไว้ก่อนคะ

วิธีประกอบ
   
• แบ่งบราวนี่เป็น 2 ส่วน  เทเนื้อบราวนี่ส่วนที่ 1 ลงในพิมพ์ขนมที่เตรียมไว้
 
•แบ่งครีมชีส เป็น 2 ส่วน จากนั้นตักครีมชีส ส่วนที่ 1 ทับด้านบนของบราวนี่ ส่วนที่ 1 จากนั้นเติมบราวนี่ส่วนที่ 2 ลงไป

•เติมครีมชีส ส่วนที่ 2 ทับลงไปบนบราวนี่ส่วนที่ 2 ใช้ช้อนหรือไม้ปลายแหลมคนวนไปวนมาจากด้านหนึ่ง ไปอีกด้านหนึ่ง หรือซิกแซก เพื่อให้ส่วนผสมครีมชีส กับบราวนี่พอเข้ากัน
• นำเข้าออบ 30 – 40 นาที หรือนำไม้จิ้มลงไปในเนื้อฺBrownie Cheesecake แล้วมีเศษเค้กติดออกมาเล็กน้อย ประมาณ 90% นะคะ
  

 
• พักBrownie Cheesecake ให้เย็นสนิท ตัดเป็นชิ้นพร้อมเสิร์ฟได้เลยค่ะ  : ทำด้วยใจให้ด้วยรัก

ข้อควรระวัง
 

- ส่วนผสมของเนื้อบราวนี่ และเนื้อครีมชีส ต้องข้นในระดับเดียวกันนะคะ
- อย่าอบฺBrownie Cheesecake นานเกินไปค่ะ เพราะจะทำให้หน้าขนมแตกได้ค่ะ

credit by :  http://www.zomzaa.com/คุกกี้,บราวนี่/356/Brownie-Cheesecake.html

Read More...

เลือกดู สูตรทำขนมอาชีพเสริม สูตรทำอาหารอาชีพเสริม ร้านค้าเคลื่อนที่ไม่ง้อทำเล

ขนมปังมันฝรั่ง

เปิด ศักกราชใหม่ ด้วยขนมปังนุ่ม ๆ  หอม ๆ กันค่ะ นำรูปไปลงในเพจบ้านส้มซ่า มีสมาชิกหลายท่านอยากทำ วันนี้ส้มเลยนำสูตรและวิธีทำมาลงให้ตามคำขอนะคะ สำหรับสูตรขอขอบคุณคุณ wee nong เจ้าของต้นตำหรับขนมปังมันฝรั่งด้วยค่ะ พร้อมแล้วลุยกันเลย
 
ส่วนผสม
แป้งขนมปัง  250 กรัม
ยีสต์   1+1/2 ช้อนชา
เนยสดละลาย  40 กรัม
มันฝรั่งบด  150 กรัม
ไข่ไก่ (เบอร์2)   1 ฟอง
นมผง หรือคอฟฟี่เมต 20 กรัม
น้ำตาลทราย  5 ช้อนโต๊ะ
เกลือป่น   ¼ ช้อนชา
(จากสูตรนี้ ตอนที่ส้มทำส้มทำ 3 เท่านะคะ)

 
1. เริ่มจากนำมันฝรั่งไปต้มจนสุกดีกจากนั้นนำมาบดให้ละเอียดพักไว้ก่อน


2. เตรียมโถผสมพร้อมหัวตีตะขอ นำของแห้ง ได้แก่ แป้งขนมปัง  ยีสต์ น้ำตาลทราย นมผง เกือป่น ใส่โถผสม จากนั้นเปิดสปีดเบอร์ 1 – 2  ตีจนพอเข้ากัน แล้วจึงเติมเนยสดละลาย และมันฝรั่งบดลงไป ตีต่อจนพอเข้ากัน


 
3. เติมไข่ไก่ ตีต่อจนส่วนผสมแป้งเนียนเข้ากันดี (ประมาณ 15 -20 นาที)


4. แป้งเนียนพักแป้ง 10 นาที  จากนั้นนำมาพักในชามผสมที่ทาเนยขาวไว้ พักแป้งประมาณ 1 ชั่วโมง ระหว่างพักอาจคลุมด้วยพลาสติกใส หรือผ้าขาวบาง เพื่อให้แป้งขึ้นในรอบที่ 1


5. แป้งขึ้นแล้ว ชกไล่ลม  จากนั้นนำมาตัดน้ำหนักแป้งก้อนละ 350 – 400 กรัม คลึงกลม แล้วพักแป้งรอบที่ 2 ให้ขึ้นเป็น 2 เท่า (ประมาณ 1 ชั่วโมง) วางบนถาดที่ทาเนยขาวบาง ๆ ไว้


6. เตรียมอุ่นเตาอบ ไฟล่าง อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส ประมาณ 15 -30 นาที จากนั้นนำขนมปังเข้าอบประมาณ 20 นาที จนผิวขนมเข้มสวย


7. ขนมสุกทาหน้าขนมด้วยเนยสดบาง ๆ พักบนตะแกรงให้เย็นสนิท  สไลซ์ขนมตามใจชอบ ทานตอนอุ่น ๆ ขนมนุ่มอร่อยมากค่ะ : ทำด้วยใจให้ด้วยรัก

credit by :  http://www.zomzaa.com/ขนมปัง/368/ขนมปังมันฝรั่ง.html

Read More...

เลือกดู สูตรทำขนมอาชีพเสริม สูตรทำอาหารอาชีพเสริม ร้านค้าเคลื่อนที่ไม่ง้อทำเล

แปลกแต่จริง!! "มะเขือยาว" แปลงร่างเป็น "ขนม"

“เฟรนช์ฟรายมะเขือยาว”.­­­­
พูดถึงมะเขือยาว คิดว่าทำเมนูอะไรได้บ้าง? ผัด ยำ ย่าง เผา แต่ถ้าเอามาทำเป็นขนม?? จะหม่ำได้หรือไม่??!! ในตำราอาหารไทยอาจไม่มี แต่ตำราอาหารจีนทำกินได้สบาย
“ออ กัสมูน” คือร้านอาหารจีนในฝันที่อร่อย จัดจ้าน ไม่มัน ไม่เลี่ยน ราคาสัมผัสได้ และมีเมนูบางอย่างแปลกเหลือเชื่อ!! ร้านอยู่ย่านถนนสุรวงศ์ ในละแวกนั้นอุดมไปด้วยอาหารฝรั่งและญี่ปุ่น แต่อาหารจีนออกัสมูนก็เติบโตสร้างชื่อด้วยคุณภาพที่มี อาหารจานเด็ดที่นักท่องเที่ยวทั้งฝรั่ง ไทย ญี่ปุ่นติดใจคือ “เกี๊ยวทอด” เป็นสูตรเซี่ยงไฮ้ แป้งเกี๊ยวทำเอง นวดเอง รีดให้เป็นแผ่นบาง ห่อใส่กุยช่ายหมูสับ พ่อครัวทอดเหลืองกรอบแถบหนึ่ง นุ่มละมุนแถบหนึ่ง ที่ทำแบบนี้เพื่อรสชาติกรอบผสมนุ่ม หอมกลิ่นไหม้ อยู่ปลายจมูก เป็นออเดิร์ฟรสชาติเบาๆ มีเค็มแทรกมานิดๆ จิ้มกับจิ๊กโฉ่วจะยิ่งเพิ่มรสชาติให้กลมกล่อมมากขึ้น จิ๊กโฉ่วร้านนี้รสอร่อยกว่าที่เคยหม่ำเพราะทางร้านปรุงใหม่ด้วยสูตรเฉพาะทำ ให้ได้รสเปรี้ยวละมุนลิ้น ไม่เปรี้ยวบาด คอเหมือนที่อื่น เกี๊ยวจานนี้ 100 บาท

ออเดิร์ฟอีกจานที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้ง ปวง เพราะทั้งแปลกและอร่อยนั่นคือ “เฟรนช์ฟราย” งง ละซิ?!! เฟรนช์ฟรายแปลกตรงไหน? แต่ถ้าบอกว่าเป็นเฟรนช์ฟรายที่ทำจาก “มะเขือยาว” อันนี้แปลกพอไหม?!
เฟรนช์ฟรายมะเขือยาวเป็นอาหารจีนจากเหลียวหนิงซึ่ง อยู่ทางตอนเหนือของปักกิ่ง พ่อครัวนำมะเขือยาวหั่นเป็นเส้นยาวกำลังดี คลุกกับน้ำปรุงที่มีส่วนผสมของน้ำขิงและน้ำตาลลงกระทะทอดในน้ำมันร้อนๆ ระหว่างทอดโรยแป้งลงไปด้วยเพิ่มความกรอบ ระวังไฟอย่าให้แรงหรืออ่อนเกินไป ไม่งั้นมะเขือยาวจะไม่กรอบอร่อย พอสุกได้ที่ตักขึ้น เมนูนี้ใครได้หม่ำล้วนติดใจ เพราะกรอบนอกนุ่มใน ได้ความหวานนิดๆ กลิ่นขิงหอมขึ้นจมูก อร่อยจนหมดจานไม่รู้ตัวไม่มีกลิ่นผักเลย หม่ำครั้งแรกรับรองทายไม่ถูกว่ามันคือมะเขือยาว พ่อครัวปรุงได้เยี่ยมยอดจริงๆ เด็กบ้านไหนไม่กินผักแนะนำให้มาเด็กจะคิดว่าเป็นขนมชัวร์ จานนี้ 120 บาท

“ขาหมูเย็น” จานนี้ต้องลอง! เพราะเป็นเมนูที่มีการทำยุ่งยาก ใช้เวลา พ่อครัวเลือกขาหมูหลัง เพราะเนื้อเยอะกว่าขาหน้า เลาะกระดูกออกให้หมดแล้วมัดให้เป็นรูปทรงกระบอก ลงหม้อต้มกับเครื่องยาจีนและเหล้าจีน ต้มนานถึง 3-4 ชั่วโมงแล้วเข้าตู้เย็นพอลูกค้าสั่งปุ๊บ เอาออกจากตู้เย็นแล้วหั่นเป็นแว่นบางๆ ราดด้วยน้ำมันงา ผสมจิ๊กโฉ่วซอยพริก หัวหอมและกระเทียมโรยหน้า
ใครคิดว่าเมนูนี้จืดเลี่ยนต้องลอง เพราะขาหมูสไลด์บางเนื้อแน่น เคี้ยวกรุบๆ หนึบหนับดีแท้ ไม่มีมันและความเลี่ยนหลงเหลืออยู่เลย น้ำซอสเปรี้ยวนุ่มนวล เผ็ดจางๆ หอมน้ำมันงาเป็นที่สุด อร่อยกลมกล่อมมาก จานนี้ 130 บาทเท่านั้น

“เต้าหู้ทรงเครื่อง” จานนี้ดีต่อสุขภาพ พ่อครัวใช้เต้าหู้โฮมเมดที่สั่งจากเจ้าประจำ หั่น เป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าลงไปผัดกับหมูสับและซอส XO (ซอสเอ็กซ์โอ เป็นซอสที่ถูกค้นพบที่ฮ่องกงเพื่อใช้ในอาหารจีนสูตรกวางตุ้ง มีส่วนผสมจากพริก กระเทียม กุ้ง แห้ง หอยแห้ง ปลาเค็ม ปรุงรสด้วยซีอิ๊ว น้ำตาล ปกติใช้ผัดกับอาหารทะเล แต่ร้านนี้ผัดกับเต้าหู้แทน!) เพิ่มความข้นเหนียวด้วยการใส่แป้งข้าวโพดและแป้งมันฮ่องกง ปรุงรสด้วยพริกป่นและซีอิ๊ว ซอยพริกขี้หนูโรยหน้าตบท้าย
จานนี้โดนใจ อาเหม่งผู้รักสุขภาพที่สุด (เหรอ??) เต้าหู้นุ่มนวลแต่ผัดแล้วไม่เละ อยู่ในน้ำสีแดง ข้นๆ หม่ำคำแรกกลมกล่อมอร่อยมาก หม่ำไปอีก 3-4 คำ รสเผ็ดทำงาน เป็นเต้าหู้ทรงเครื่องที่เผ็ดลึก โดนใจสุดๆ อร่อยจานนี้ 120 บาท

ตบท้ายด้วยของหวานสุดแปลก “มะเขือยาวไส้เผือก” ใครจะคิดว่า 2 สิ่งนี้จะอยู่ด้วยกันได้ แต่มันเป็นไปแล้วและอร่อยลงตัวสุดๆ พ่อครัวผ่ามะเขือยาวแล้วยัดไส้ด้วยเผือกกวน นำไปชุบเกล็ดขนมปังแล้วทอด ก่อนเสิร์ฟลูกค้าโรยหน้าด้วยน้ำตาลทรายบางๆ ขนมจานนี้ได้ความนุ่มนวล กรอบนิดๆจากเกล็ดขนมปัง หวานเบาๆจากน้ำตาลทรายที่โรย หม่ำถึงเผือกกวนไส้ใน บอกได้คำเดียวว่า “ฟิน” เผือกกวนอร่อยมาก กวนจนเหนียวหนึบหวานกำลังดี ยิ่งหม่ำกับชาร้อนๆที่ทางร้านเสิร์ฟให้ เป็นการจบมื้ออาหารที่เยี่ยมยอดที่สุด ขนมแปลกแต่อร่อยเว่อร์ จานนี้ 130 บาท
ออกัสมูนเป็นร้านอาหารจีนแต่ชื่อฝรั่ง ถ้าแปลตรงตัวคือพระจันทร์เดือน 8 ซึ่งคำนี้แหละที่มีความหมายลึกซึ้ง “พระจันทร์เดือน 8” ตามความเชื่อของคนจีนคือเป็นช่วงที่พระจันทร์สวยที่สุดในรอบปี ดวงกลมโต ส่องแสงสีนวล ไปทั้งแผ่นดิน ด้วยบรรยากาศชวนให้หลงใหล ส่งผลให้ศิลปินชาวจีนได้แรงบันดาลใจจากดวงจันทร์สร้างสรรค์ผลงานบทกลอนและ ดนตรีออกมาในช่วงนี้อย่างมากมาย ออกัสมูนจึงเป็นตัวแทนของความสุข ความสงบและแรงบันดาลใจ นี่คือที่มาของชื่อร้าน ลึกซึ้งจริงๆ

ร้าน “ออกัสมูน” อยู่ถนนสุรวงศ์ เขตบางรัก กทม. ใกล้ๆกับซอยธนิยะ ปากซอยมีธนาคารไทยพาณิชย์ ซอยเดียวกับโรงแรมวอลสตรีทอินน์ เข้าซอยไปประมาณ 20 เมตร ร้านอยู่ขวามือ มีที่จอดรถหน้าร้าน เปิดตั้งแต่ 11 โมงถึง 4 ทุ่ม หยุดทุกจันทร์สุดท้ายของเดือน หาไม่เจอโทร. 0-2235-3519, 0-2237-0989
อยากให้ไปหม่ำดู ได้ลองอะไรที่แปลก ใหม่ เปลี่ยนรสชาติจากของเดิมๆบ้าง หม่ำแต่น้ำพริกถ้วยเก่า ไม่เบื่อบ้างเหรอ?? ฮ่า ฮ่า เอิ๊ก!!

credit by :  http://www.thairath.co.th/content/408469

Read More...

เลือกดู สูตรทำขนมอาชีพเสริม สูตรทำอาหารอาชีพเสริม ร้านค้าเคลื่อนที่ไม่ง้อทำเล