สูตรขนม สูตรอาหาร อาชีพรายได้เสริม ประกาศฟรี โฆษณาฟรี Career Articles Extra Income
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

Drop Down MenusCSS Drop Down MenuPure CSS Dropdown Menu

พิซซ่าอบสด ช่องทางสร้างธุรกิจ

“พิซซ่า” อาหารอิตาเลียน เป็นอีกหนึ่งอาหารต่างชาติที่เป็นที่นิยมชมชอบของคนไทย ปัจจุบันมีการดัดแปลงทั้งการทำและหน้าตา ในรูปแบบต่าง ๆ มากมาย เพื่อให้ถูกปากคนไทย และ “พิซซ่าอบสด” ก็เป็นอีกหนึ่งในรูปแบบ ซึ่งวันนี้ทีม “ช่องทางทำกิน” ก็มีข้อมูลมานำเสนอให้ลองพิจารณากัน...
  
ปิยะวรรณ จิตตาปัญญานุกูล หรือ คุณอ้อ  เจ้าของร้านพิซซ่าอบสด  Pizza Pissie  ย่านถนนพระราม 4 และกำลังจะเปิดเพิ่มอีกสาขาที่ จ.ภูเก็ต เล่าว่า ทำงานในสายร้านอาหารมาตลอด เพราะเป็นกิจการของที่บ้าน และส่วนตัวเป็นคนชอบทานพิซซ่าแบบอบสดมาก อยากจะมีร้านพิซซ่าเป็นของตัวเอง  จึงได้มาเปิดร้านที่ย่านดังกล่าวได้ประมาณ 3 เดือน และกำลังจะขยายสาขาที่บ้านเกิดที่ จ.ภูเก็ต อีกด้วย ซึ่งสูตรการทำพิซซ่านั้นเรียนรู้ด้วยตนเอง และมีหลาย ๆ คนที่ช่วยแนะนำการทำให้ โดยเฉพาะเรื่องแป้งที่เป็นส่วนที่ทำยากที่สุด

“การทำอาหารทุกอย่างจริง ๆ แล้วไม่ใช่เรื่องยาก เพียงขอให้เข้าใจในอาหารแต่ละชนิดว่ามีองค์ประกอบอย่างไร ถ้าทำแบบนี้แล้วจะเป็นอย่างนี้ เท่านี้ก็พอแล้ว พิซซ่าก็เช่นกัน ซึ่งเคล็ดลับอยู่ตรงที่ปั้นแป้งอย่างไรให้กลม และอบพิซซ่าอย่างไรให้สุกพอดี เท่านี้ก็ใช้ได้แล้ว” ปิยะวรรณบอก

อุปกรณ์ในการทำพิซซ่าอบสด หลัก ๆ ก็มี เตาอบพิซซ่า เครื่องนวดแป้ง ตู้เย็น ไม้นวดแป้ง ไม้พายสำหรับใส่พิซซ่าเข้าเตาอบพิซซ่า ตะกร้อตีแป้ง และภาชนะเครื่องครัวเบ็ดเตล็ด




ส่วน แป้งพิซซ่า ถ้าใช้แป้งพิซซ่า 1 กก. ส่วนผสมอื่นหลัก ๆ ประกอบด้วย ยีสต์ 15 กรัม, น้ำตาลทราย 8 กรัม, เกลือ 8 กรัม, น้ำเปล่า 490 กรัม และน้ำมันพืช 10 กรัม

วิธีปั้นแป้ง นำส่วนผสมทั้งหมดมานวดให้เข้ากัน อาจจะนวดด้วยมือ หรือนวดด้วยเครื่องนวดแป้งก็ได้หากต้องนวดในปริมาณมากกว่านี้ นวดจนแป้งเข้ากันดี แล้วนำแป้งมาปั้นเป็นก้อนกลมก้อนละ 80 กรัม จากนั้นพักไว้ไนตู้เย็น เมื่อจะใช้ก็ให้นำมานวดอีกครั้ง

สำหรับ ซอสทาหน้าพิซซ่า ประกอบด้วย มะเขือเทศสดประมาณ 70%, น้ำมันมะกอก 20% ส่วนที่เหลืออีก 10% นั้นเป็นส่วนของเกลือ น้ำตาลทราย พริกป่น และออริกาโน่ ซึ่งเป็นส่วนของการปรุงรส

วิธีทำซอส นำมะเขือเทศมาต้มให้สุก แล้วนำมะเขือเทศมายีให้เละด้วยตะกร้อตีแป้ง ใส่น้ำมันมะกอกลงไป และปรุงรสด้วยเกลือ น้ำตาลทราย พริกป่น และออริกาโน่ ชิมรสให้อร่อยกลมกล่อม มีทุกรสชาติ เท่านี้ก็ใช้ได้ 
ต่อด้วย เครื่องแต่งหน้าหน้าพิซซ่า ที่คุณอ้อใช้มี  14 อย่างคือ สับปะรด, พริกยักษ์, เห็ดโคนญี่ปุ่นต้ม, มะกอก, ผักโขม, หอมหัวใหญ่, แฮม, ไส้กรอก, เบคอน, ทูน่า, ปูอัด, กุ้งต้ม, มอสเซอ เรร่าชีส และออริกาโน่     
วิธีทำขาย เริ่มจากนำแป้งพิซซ่าที่ปั้นไว้ออกมา ทำการปั้นอีกรอบ ซึ่งเรียกขั้นตอนนี้ว่าการขึ้น “โด” จากนั้นนำแป้งไปรีดด้วยเรื่องรีดแป้งให้บางและกลม โดยจะต้องรีดแป้งให้กว้าง หรือมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 8 นิ้ว จากนั้นตักซอสพิซซ่าใส่ลงไปในแป้งพอประมาณ ทาให้ทั่ว ๆ ไม่หนาและไม่บางเกินไป

ต่อไปก็โรยหน้าด้วยเครื่องแต่งหน้าหน้าพิซซ่า ซึ่งถ้าเป็นแบบดั้งเดิม หรือ มาร์เกริต้า (Margherita Pizza) จะสามารถใส่หน้าได้ 3 อย่าง หากจะเพิ่มก็สุดแท้แต่ ส่วนหน้ายอดนิยมที่คนสั่งบ่อยคือ ฮาวายเอี้ยน ซึ่งจะมีแฮมและสับปะรด และอีกหน้าคือ ผักโขมและเบคอน ซึ่งก่อนจะใส่หน้าลงไปนั้น จะต้องโรยด้วยมอสเซอเรร่าชีสพอประมาณเสียก่อน แล้วจึงค่อย ๆ แต่งหน้าพิซซ่าเครื่องดังที่กล่าวมา จากนั้นโรยด้วยออริกาโน่ปิดท้าย ก่อนที่จะนำเข้าเตาอบ

การอบของคุณอ้อเตาจะเป็นแบบที่ใช้ถ่าน และแก๊ส ใช้เวลาอบพิซซ่าประมาณ 5-10 นาที คอยดูว่าแป้งสุกดีก็ใช้ได้ นำออกมาตัดเป็นชิ้น ๆ ให้ได้ 8 ชิ้น เสิร์ฟพร้อมกับซอสมะเขือเทศ, พริกป่น, พริกไทย และออริกาโน่

ตามสูตรนี้จะขายในราคาชุดละหรือถาดละ 60 บาท ซึ่งพิซซ่าจะมีต้นทุนชุดละประมาณ 70%
  
สนใจ “พิซซ่าอบสด”  ของคุณอ้อ-ปิยะวรรณ ติดต่อได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 08-9470-3030 หรือทางอีเมล piyawan2554@hotmail.com ซึ่งนี่ก็เป็นอีกหนึ่งรูปแบบ “ช่องทางทำกิน” ที่สามารถพัฒนาเป็นธุรกิจที่มีอนาคตได้.
สุภารัตน์ ยอดศิริวิชัยกุล : เรื่อง/วรพรรณ เลอสิทธิศักดิ์ : ภาพ

Credit by..http://www.dailynews.co.th/article/384/205425


แนะนำรวมบทความงานฝีมือเพิ่มรายได้

สร้างรายได้เสริม สร้างอาชีพเสริม ด้วยการทำสินค้า Handmade

Read More...


เมี่ยงบัวหลวง 1 คำ..สารพัดประโยชน์

“เมี่ยงคำ” เป็นอาหารว่างของไทยที่ได้รับความนิยมมายาวนาน นอกจากจะอร่อยแล้ว เมื่อลองแยกส่วนประกอบในเมี่ยงคำก็จะพบว่ามีแต่อาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่าง กาย ในเมี่ยงคำหนึ่งคำประกอบไปด้วยสมุนไพรนานาชนิดที่ใช้เป็นเครื่องเคียง เช่น มะนาว มะพร้าวคั่ว หอมแดง พริกขี้หนู ขิง ส่วนใบเมี่ยงที่ใช้ห่อโดยทั่วไปจะใช้ใบชะพลูหรือใบทองหลางที่อุดมไปด้วย แคลเซียมและมีกากใยสูง แต่ทั้งนี้ วันนี้ทีม “ช่องทางทำกิน” จะนำเสนอข้อมูล “เมี่ยงบัวหลวง” ซึ่งก็น่าสนใจเช่นกัน…

ผู้ที่จะมาให้ข้อมูลเรื่องนี้คือ ผศ.พงษ์ศักดิ์ ทรงพระนาม ผู้คิดค้น “เมี่ยงบัวหลวง” ซึ่งเป็นอาจารย์ประจำ สาขาอาหารและโภชนาการ คณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) ธัญบุรี โดย ผศ.พงษ์ศักดิ์ เล่าให้ฟังถึงที่มาของการคิดค้นเมนูชูสุขภาพนี้ว่า เมื่อเอ่ยถึง “บัว” หลายคนอาจคิดถึงการใช้ดอกบัวสำหรับไหว้พระเท่านั้น แต่จริง ๆ แล้วมีผลงานการวิจัยจากต่างประเทศที่ได้ศึกษาเฉพาะด้านเกี่ยวกับบัว พบว่า กลีบบัวมีสรรพคุณบำรุงร่างกาย ห้ามเลือด อีกทั้งยังมีไฟเบอร์สูง เมล็ดหรือเม็ดบัวบำรุงกำลัง ทำให้นอนหลับดีและแก้ไข้ เกสรบัวเป็นยาสมานแผลในร่างกาย บำรุงหัวใจ บำรุงประสาท และส่วนที่ถือได้ว่าเป็นหัวใจและสำคัญที่สุดคือ ดีบัว เวลากินจะมีรสชาติขม แต่มีคุณสมบัติสามารถขยายหลอดเลือดในหัวใจได้

“วิธีทำเมี่ยงบัวหลวงนั้นง่าย ๆ เหมาะทำรับประทานในครัวเรือน เหมาะกับผู้รักษาสุขภาพและต้องการไฟเบอร์สูง อีกทั้งเป็นการช่วยเพิ่มมูลค่าดอกบัวหลวงที่มีมากในจังหวัดปทุมธานี และช่วยเกษตรกรได้อีกทางหนึ่ง” ผศ.พงษ์ศักดิ์ระบุ



 อุปกรณ์ที่ใช้ในการทำ หลัก ๆ ก็เป็นเครื่องมือเครื่องไม้ที่ใช้กันอยู่ในครัวเรือนทั่วไป สามารถหยิบยืมมาใช้ได้

ส่วนผสม “น้ำเมี่ยง” ประกอบด้วย...น้ำตาลปี๊บ 1 ถ้วย, น้ำตาลทราย 1 ถ้วย, น้ำสะอาด 1/2 ถ้วย, น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ, รากผักชีคั่วโขลก 1 ช้อนชา, กะปิเผา 1/2 ช้อนชา, ข่าคั่วโขลก 1 ช้อนชา หรือมาก-น้อยตามชอบ

เครื่องเคียงที่ใช้ในการทำเมี่ยง ก็มี...มะพร้าว, ถั่วลิสง, กุ้งแห้ง, มะนาว, ขิงแก่, พริกขี้หนูสด, หอมแดง และขาดไม่ได้คือ ดอกบัวหลวงปทุมธานี (เกสร, เม็ดบัว, กลีบดอก)

ขั้นตอนการทำ “เมี่ยงบัวหลวง” เริ่มจากการทำน้ำเมี่ยงก่อน โดยการนำเอาส่วนผสมทั้งหมด คือน้ำตาลปี๊บ น้ำสะอาด น้ำปลา รากผักชีคั่วโขลก กะปิเผา ข่าคั่วโขลก ใส่รวมกันลงไปในหม้อแล้วยกขึ้นตั้งไฟเคี่ยว โดยใช้ไฟอ่อนกำลังดี ทำการเคี่ยวไปเรื่อย ๆ ขณะเคี่ยวน้ำเมี่ยงควรใช้ทัพพีหมั่นคนตลอดเวลาเพื่อป้องกันการไหม้ การเคี่ยวน้ำเมี่ยงต้องมีความอดทนพอสมควร เพราะการเคี่ยวนั้นต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 2-3 ชั่วโมง น้ำเมี่ยงถึงจะส่งกลิ่นหอมหวนชวนรับประทาน

ระหว่างที่เคี่ยวน้ำเมี่ยง ก็เตรียมเครื่องเมี่ยงหรือเครื่องเคียงไปด้วย นำมะพร้าวที่เตรียมไว้มาหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ คั่วให้เหลืองหอม ถั่วลิสงนำมาคั่วแล้วเลาะเอาเปลือกออก ใส่ถุงหรือภาชนะที่มีฝาปิดแน่น (กันลมเข้า) เตรียมไว้ พวกมะนาว ขิง หอมแดง และพริกขี้หนูสด นำมาล้างให้สะอาด และสะเด็ดน้ำ แล้วหั่นเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าหรือตามความเหมาะสม

ส่วนดอกบัวหลวงที่ใช้ในการห่อเมี่ยงนั้น ทำการล้างทำความสะอาดโดยมีเทคนิคคือ นำน้ำใส่ลงไปในกะละมัง ผสมเกลือเล็กน้อย (จะได้ความสะอาดและความสด) เด็ดเอาส่วนของเกสรและเม็ดบัวเก็บไว้ก่อน เด็ดกลีบดอกบัวลงล้างทีละกลีบ เมื่อล้างเสร็จแล้วก็นำมาวางให้สะเด็ดน้ำ เตรียมไว้

สำหรับน้ำเมี่ยง เมื่อเคี่ยวได้ที่ดีแล้วก็ยกลงจากเตาตั้งไว้ให้เย็น (น้ำเมี่ยงจะต้องมีลักษณะที่ไม่ใส-ไม่ข้นเกินไป) ตักน้ำเมี่ยงใส่ถ้วย จัดเรียงเตรียมไว้กับเครื่องเมี่ยงให้เรียบร้อย เมื่อจะรับประทานก็หยิบกลีบของดอกบัวหลวงมาใส่เครื่องเมี่ยง ใส่มะพร้าวคั่ว ถั่วลิสงคั่ว เม็ดบัว กุ้งแห้ง มะนาวหั่น ขิงหั่น หอมแดงหั่น ขิงหั่น และใส่เกสรบัวลงไปด้วย จากนั้นตักน้ำเมี่ยงราดและห่อเป็นคำพอดี รับประทานเหมือนกับการรับประทานเมี่ยงคำทั่วไป แต่จะได้ความหอมจากดอกบัว และรสชาติที่กลมกล่อมจากน้ำเมี่ยง พร้อมคุณค่าทางโภชนาการมากมาย

เคล็ดลับความหอมอร่อยของ “เมี่ยงบัวหลวง” นั้น ผศ.พงษ์ศักดิ์บอกว่า อยู่ที่ดอกบัวหลวงและเกสร ควรเลือกดอกที่กำลังจะบาน เพราะจะได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ และหัวใจสำคัญอีกอย่างคือน้ำเมี่ยงที่เคี่ยวจนได้กลิ่นหอมและรสชาติดี

ทั้งนี้ การลงทุนขายเมี่ยงบัวหลวงนั้น ไม่ต้องใช้เงินมาก แต่ต้องทำใจกับการเตรียมของที่จุกจิก ทั้งน้ำเมี่ยง และเครื่องเคียง ต้องจัดเป็นชุด ๆ กะปริมาณให้มีความเหมาะสมกับราคาขายซึ่งสุดแท้แต่จะตั้ง แต่ทั้งนี้ก็ควรให้มีกำไรเป็นค่าแรงประมาณ 50% จากราคาขาย จึงจะสมน้ำสมเนื้อกับการทำที่มีขั้นตอนค่อนข้างจุกจิก
ใครสนใจเรื่อง “เมี่ยงบัวหลวง” ต้องการสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมจาก ผศ.พงษ์ศักดิ์ ทรงพระนาม อาจารย์ประจำสาขาอาหารและโภชนาการ คณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ มทร.ธัญบุรี ติดต่อได้ที่ โทร. 08-9600-0993 ซึ่ง ผศ.พงษ์ศักดิ์บอกว่า ยินดีให้ข้อมูล เพราะอยากให้คนไทยช่วยกันอนุรักษ์อาหารแบบไทย ๆ ไว้นาน ๆ ค่ะ!!.
เชาวลี ชุมขำ : เรื่อง/สุนิสา ธนพันธสกุล : ภาพ

Credit by..http://www.dailynews.co.th/article/384/206972


แนะนำรวมบทความงานฝีมือเพิ่มรายได้

สร้างรายได้เสริม สร้างอาชีพเสริม ด้วยการทำสินค้า Handmade

Read More...


ข้าวซอยตัด ทำได้..ขายดี..มีธุรกิจ

“ข้าวซอยตัด“ เป็นขนมทางเหนือ เป็นขนมหวานทานเล่น หรือทานกับชากาแฟก็ได้ ซึ่งเมื่อเร็ว ๆ นี้ทีม ’ช่องทางทำกิน“ ร่วมคณะบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน)–เซเว่น อีเลฟเว่น ไปเยี่ยมชมศูนย์กระจายสินค้าที่ จ.ลำพูน และเยี่ยมชมกิจการ หจก.ชัยสิทธิ์ ฤทธา ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ข้าวซอยตัด “ปลาทอง” จ.เชียงใหม่ ก็ได้ข้อมูล “ข้าวซอยตัด” มาฝากกัน...
   
ปัญญา สุขสภา ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ข้าวซอยตัด “ปลาทอง” เล่าว่า ขนม “ข้าวซอยตัด” หรือภาษาจีนเรียกว่า “ซาฉี๋หม่า” ที่แปลว่า “ขนมแป้งทอด” เป็นขนมหวาน เดิมเป็นอาหารว่างของเผ่าแมนจู ข้าวซอยตัดทำจากเส้นหมี่ นำไปทอดจนสุก แล้วชุบด้วยน้ำตาล ซึ่งหลายคนคิดว่าขนมข้าวซอยตัดเป็นขนมประจำท้องถิ่นอยู่ในภาคเหนือของประเทศ แต่ที่จริงแล้วขนมชนิดนี้มีวางจำหน่ายหลายประเทศ อาทิ จีน ไต้หวัน เกาหลี ญี่ปุ่น สิงคโปร์ เวียดนาม รสชาติก็แตกต่างกันไป

ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ข้าวซอยตัดรายนี้เล่าต่อไปว่า เดิมนั้นเริ่มจากการทำข้าวซอยตัดขายเป็นธุรกิจเล็ก ๆ ในครัวเรือน ทำขายกับภรรยา 2 คน ตอนนั้นเห็นว่าข้าวซอยตัดยังไม่ค่อยมีขายในบ้านเรา ก็เลยอยากจะลองทำขาย ภรรยาก็ไปเรียนรู้วิธีการทำ จากนั้นก็มาเริ่มหัดทำ ลองผิดลองถูกอยู่ประมาณ 1 ปี กว่าที่จะได้สูตรและวัตถุดิบที่ลงตัวในการทำ ข้าวซอยตัดที่ไม่อมน้ำมัน แล้วก็เริ่มทำขาย ตอนนั้นก็ทำใส่ถาดขนมแล้วตัดเป็นชิ้น ๆ ขายชิ้นละ 1 บาท ยังไม่มีแบรนด์ เริ่มจากการทำแจกตามโรงเรียนให้นักเรียนชิม เพื่อให้เป็นที่รู้จักก่อน แล้วก็ทำขายมาเรื่อยจนเป็นที่รู้จักและคนเริ่มนิยมกันมาก

จากนั้นก็พัฒนาตัวสินค้ามาเรื่อย ๆ จนขยายทำเป็นโรงงาน ใช้เครื่องมือเทคโนโลยีทันสมัยเข้ามาช่วยในการผลิต แต่ยังคงรสชาติเดิม และใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพ โรงงานได้รับใบอนุญาตผลิตอาหาร หนังสือรับรองฮาลาล และ GMP




ปัญญาบอกว่า ปัจจุบันข้าวซอยตัดที่ทำอยู่นั้นมีอยู่ 2 แบรนด์ คือตรา “ปลาทอง” และตรา “กิตติตะวัน” ซึ่งส่งขายตามร้านขายของฝาก และล่าสุดได้เข้าไปวางขายในร้านเซเว่น อีเลฟเว่น ด้วย

“ข้าวซอยตัดที่ดีจะต้องมีน้ำหนักเบา เพราะถ้าหนักก็แสดงว่าข้าวซอยตัดนั้นอมน้ำมัน และที่สำคัญขนมจะต้องไม่ติดฟัน หากกินแล้วติดฟัน แสดงว่าใช้วัตถุดิบที่ไม่มีคุณภาพมาทำ” ปัญญากล่าว

ขนมข้าวซอยตัดนั้น ดูวิธีการทำแล้วเหมือนไม่ยาก แต่ถ้าลองทำแล้วก็จะรู้ว่าไม่ง่ายนัก ต้องใช้ความอดทด ความชำนาญ ประสบการณ์ในการทำ อย่างไรก็ดี สำหรับขนมข้าวซอยตัดนี้ ถ้าทำเป็น ทำได้ ก็สามารถขายได้แน่

และต่อไปนี้เป็นสูตรการทำขนมข้าวซอยตัดขายเป็นธุรกิจเล็ก ๆ ตามตลาดนัดหรือแหล่งท่องเที่ยว

อุปกรณ์ในการทำที่สำคัญ ๆ ก็จะเป็นพวกอุปกรณ์เครื่องใช้ในครัวเรือน อย่างหม้อ, กะละมัง, ถาดใส่ขนม, เตาแก๊ส, ไม้รีดแป้ง เป็นต้น ส่วนวัตถุดิบที่ใช้ทำ ตามสูตรมีดังนี้คือ... แป้งสาลี 2 กิโลกรัม, ไข่ไก่ 30 ฟอง, น้ำตาลทราย 1 กิโลกรัม, น้ำสะอาด 1.5 ลิตร

วิธีทำ...เริ่มจากเตรียมแป้งทำเส้นข้าวซอยก่อน โดยนำแป้งสาลี 2 กิโลกรัม ใส่ในกะละมัง ตอกไข่ไก่ผสมลงไปในแป้ง นวดผสมให้แป้งเข้ากับไข่ไก่เป็นเนื้อเดียวกัน จนแป้งเหลืองและมีความเหนียวนุ่ม แล้วก็นำแป้งที่นวดใส่ถุงพลาสติก นำไปเก็บไว้ในตู้เย็นเป็นการหมักแป้งประมาณ  3 ชั่วโมง แป้งที่หมักไว้นี้ ถ้าใช้ได้แล้วแป้งจะมีลักษณะนิ่ม เนื้อแป้งจะหนืด ๆ ให้ทดลองตัดแป้งมาลองทอดในน้ำมันดูก่อนเล็กน้อย ถ้าแป้งลงไปในน้ำมันที่ร้อนแล้วฟูขึ้นมา แสดงว่าแป้งนั้นใช้ได้แล้ว

เมื่อแป้งที่หมักไว้ได้ที่ ก็นำออกมาจากตู้เย็น ตัดแป้งเป็นก้อนพอดี ๆ ใช้ไม้นวดแป้งกลิ้งนวดแป้งให้เป็นแผ่นให้ได้ความหนาประมาณเส้นก๋วยเตี๋ยว จากนั้นก็ตัดให้เป็นเส้น ๆ พอประมาณ นำแป้งที่ตัดเป็นเส้นข้าวซอยลงทอดในน้ำมัน โดยใช้ไฟแรงในการทอด นำเส้นลงทอดไม่นานก็ตักขึ้น เพื่อไม่ให้เส้นอมน้ำมันมาก นำขึ้นพักไว้ให้เส้นสะเด็ดน้ำมัน

ต่อไปเตรียมน้ำเชื่อม โดยนำน้ำตาลทราย 1 กิโลกรัม ใส่ในน้ำสะอาด 1.5 ลิตร ตั้งเคี่ยวบนเตาไฟจนน้ำตาลละลายก็จะได้น้ำเชื่อม จากนั้นก็นำเส้นข้าวซอยที่ทอดเตรียมไว้ใส่ลงในน้ำเชื่อม ทำการคลุกให้น้ำเชื่อมซึมเข้าเส้นข้าวซอยจนทั่ว แล้วก็ตักใส่ถาดกดอัดให้แน่น นำเข้าแช่ในตู้เย็นให้ขนมแข็งตัว แล้วก็นำออกมาตัดเป็นชิ้น ๆ ตามขนาดที่ต้องการการทำขนม “ข้าวซอยตัด” ขายเป็น “ช่องทางทำกิน” โดยทำแบบเล็ก ๆ อาจจะขายราคาชิ้นละ 5-10 บาท แล้วแต่ต้นทุนต่าง ๆ ซึ่งการลงทุนในส่วนของการซื้ออุปกรณ์ในการทำขนมข้าวซอยตัดขายนั้น อยู่ที่ประมาณ 20,000 บาท

ทั้งนี้ สำหรับขนมข้าวซอยตัดของ หจก.ชัยสิทธิ์ ฤทธา ตรา “ปลาทอง” จะมีรสดั้งเดิม รสน้ำอ้อย วางขายใน เซเว่น อีเลฟเว่น ส่วนตรา “กิตติตะวัน” ที่วางขายทั่วไปจะมีรสดั้งเดิม, รสสตรอเบอรี่, รสน้ำอ้อย, รสอัลมอนด์
   
สำหรับผู้ที่สนใจ ’ข้าวซอยตัด“ ของ หจก.ชัยสิทธิ์ ฤทธา ผู้ประกอบการรายนี้ มีที่ตั้งอยู่ที่ 1/3 หมู่ 7 ต.บวกค้าง อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ ต้องการสั่งออร์เดอร์ไปจำหน่ายต่อ ติดต่อได้ที่ โทร. 08-3209-1448, 0-5344-6939.
บดินทร์ ศักดาเยี่ยงยงค์ : รายงาน

Credit by..http://www.dailynews.co.th/article/384/206700



แนะนำรวมบทความงานฝีมือเพิ่มรายได้

สร้างรายได้เสริม สร้างอาชีพเสริม ด้วยการทำสินค้า Handmade

Read More...


หมี่กรอบผลไม้ มีจุดขาย..ไม่ธรรมดา

“หมี่กรอบ” ของว่างไทย ๆ ที่มีมานาน ยุคนี้ก็ยังขายได้ ไม่ว่าจะวางขายที่ใด ร้านของฝาก ร้านอาหาร ตลาด หรือแม้กระทั่งตามริมถนนหนทางก็ยังมีคนซื้อ และหากทำให้มีความแปลกแตกต่าง มีการประยุกต์ไปตามยุคสมัย ตามกระแสสังคม  อาทิ หมี่กรอบสมุนไพร หรือ “หมี่กรอบผลไม้” ที่ทีม “ช่องทางทำกิน” จะนำเสนอในวันนี้ ก็ยิ่งมีจุดขายที่ดี...
                        
อุมารินทร์ นาคบรรพตกุล หรือ คุณไก่ เจ้าของร้านขาย “หมี่กรอบผลไม้” ชื่อ “บ้านไก่” ที่ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง และตลาดน้ำคลองลัดมะยม เล่าว่า ขายหมี่กรอบผลไม้นี้มานานกว่า 9 ปีแล้ว ก่อนหน้านั้นทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ตอนหลังเกิดอาการเบื่องานประจำ คิดอยากจะค้าขาย เมื่อมีคนชวนจึงออกมาค้าขายเลย

“แรก ๆ ออกมาก็ขายเสื้อผ้าที่ต่างจังหวัด และรับหมี่กรอบที่ทำสำเร็จรูปมาขายด้วย ซึ่งก็ขายได้ แต่ด้วยความที่อยากจะพึ่งตนเอง จึงพยายามลองหัดทำหมี่กรอบดู อาศัยหาข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตบ้าง ให้แม่สอนบ้าง แม้ว่าจะมีทิ้งบ้าง ท้อบ้าง แต่ก็สู้มาเรื่อย ๆ จนประสบความสำเร็จ จนทำออกมาได้ดี”

คุณไก่บอกต่อไปว่า แรกเริ่มทำหมี่กรอบรสดั้งเดิม และเพิ่มหมี่กรอบสมุนไพรในเวลาต่อมา แต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จนัก จนเมื่อขายไปเรื่อย ๆ ก็มีลูกค้าแนะนำให้ทำรสผลไม้ดู จึงเริ่มทดลองที่สับปะรด ต่อมาเป็นชาเขียว สตรอเบอรี่ ตามด้วยลิ้นจี่ และเสาวรส  ซึ่งเป็นรสชาติที่ขายในปัจจุบัน และตอนนี้ก็มีความพยายามจะทดลองทำรสมะม่วง และบลูเบอรี่ด้วย


 
 
 
 อุปกรณ์ที่ใช้ทำ หลัก ๆ ก็มี เตาแก๊ส กระทะ หม้ออะลูมิเนียม ถังน้ำสเตนเลส รวมไปถึงเครื่องครัวอื่น ๆ

วิธีทำ เริ่มที่ตั้งกระทะใหญ่ เทน้ำมันลงไป กะดูให้ท่วมหมี่ที่จะทอด รอจนน้ำมันเดือด ค่อย ๆ นำเส้นหมี่อบแห้งลงทอดให้สุก ซึ่งคุณไก่บอกว่าจะทอดเส้นหมี่คราวละ 10 กก. เส้นหมี่อบแห้งที่ทอดสุกแล้วจะฟูขึ้น ได้น้ำหนักเพิ่มขึ้นอีกกว่า 1 เท่าตัว เสร็จแล้วก็นำไปผึ่งให้แห้งและเก็บใส่ถุงพลาสติกไว้

ต่อไปก็ทำ “น้ำหมี่กรอบ” คุณไก่บอกว่า จะเคี่ยวไว้ให้เหนียวประมาณ 20%  โดยส่วนประกอบหลักของน้ำหมี่กรอบก็มี น้ำมะขามเปียก 1 กก. (เนื้อและน้ำ), น้ำตาลปี๊บ 6 กก. และน้ำตาลทราย 3 กก.

วิธีเคี่ยวน้ำหมี่กรอบ นั้น จะเคี่ยวน้ำตาลทรายกับน้ำเปล่า 1 ลิตร ให้น้ำตาลทรายละลายก่อน รอให้น้ำตาลทรายละลายแล้วจึงค่อยใส่ส่วนผสมอื่น ๆ ลงไป เคี่ยวให้เข้ากัน ก็พร้อมจะใช้ทำน้ำหมี่กรอบรสต่าง ๆ

เรื่องรสชาติต่าง ๆ ของหมี่กรอบนั้น ถ้าเป็น รสดั้งเดิม จะใส่หอมแดงเจียวลงไป 5 กก. ใส่สีผสมอาหารสีส้มลงไปพอประมาณ หากเป็น รสสตรอเบอรี่ ใส่ผลสตรอเบอรี่สด 4 กก. ผ่าครึ่งแล้วใส่ลงไป ใส่สีผสมอาหารสีแดง และใส่กลิ่นสตรอเบอรี่ลงไปพอประมาณ เช่นเดียวกับ รสชาเขียว ใช้ใบชาเขียว 500 กรัม ปั่นละเอียดแล้วใส่ลงไป ตามด้วยสีผสมอาหารสีเขียว สำหรับ รสสับปะรด ใช้เนื้อสับปะรด 10 ลูก หั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ ใส่ลงไปเคี่ยว ตามด้วยสีผสมอาหารสีเหลือง และใส่กลิ่นสับปะรดลงไปพอประมาณ  ส่วน รสลิ้นจี่ ใช้เนื้อลิ้นจี่หั่นชิ้นเล็ก ๆ 4 กก. ใส่สีผสมอาหารสีชมพูอ่อน ๆ เช่นเดียวกับ รสเสาวรส ใช้เนื้อเสาวรสหั่นชิ้นเล็ก ๆ 4 กก. ใส่สีผสมอาหารให้ออกสีเหลืองส้ม

การทำ เริ่มจากตั้งกระทะ ใช้ไฟแรงพอประมาณ ตักน้ำหมี่กรอบที่เตรียมไว้ใส่ลงไปประมาณ 1 ลิตร รอให้น้ำหมี่กรอบเดือด จากนั้นเทเส้นหมี่กรอบลงไปพอประมาณ แล้วรีบคลุกด้วยตะหลิวคู่ให้เข้ากัน เท่านี้ก็เรียบร้อย นำไปพักให้เย็น

เมื่อหมี่กรอบเย็นแล้วก็ค่อย ๆ บรรจุลงในกล่องพลาสติกขนาด 4.5 x 6 x 2 นิ้ว โดยที่หมี่กรอบ 1 กล่อง อาจจะบรรจุ 2 รส หรือรสเดียวก็ได้ ราคาขายคือกล่องละ 35 บาท  ถ้าซื้อ 3 กล่อง ขายราคา 100 บาท โดยมีต้นทุนต่อกล่องอยู่ที่ประมาณ  70% ของราคาขาย

คุณไก่บอกว่า แม้ว่าต้นทุนจะค่อนข้างสูงหน่อย แต่ก็พออยู่ได้ จึงทำขายเป็น “ช่องทางทำกิน” มาจนถึงปัจจุบัน
 
สนใจ “หมี่กรอบผลไม้”  ของ คุณไก่-อุมารินทร์ นาคบรรพตกุล  ก็ไปพบกับเธอได้ที่ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง และตลาดน้ำคลองลัดมะยม ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 08.00-16.00 น. หรือติดต่อที่หมายเลขโทรศัพท์ 08-1206-5932.
สุภารัตน์ ยอดศิริวิชัยกุล : เรื่อง / วรพรรณ เลอสิทธิศักดิ์ : ภาพ

credit by :  http://www.dailynews.co.th/article/384/208649


แนะนำรวมบทความงานฝีมือเพิ่มรายได้

สร้างรายได้เสริม สร้างอาชีพเสริม ด้วยการทำสินค้า Handmade

Read More...


น้ำพริกเต้าเจี้ยวผัด

ในบรรดาน้ำพริกหลากหลายชนิดของพม่า จะมีอยู่ไม่กี่อย่างที่พอจะเป็นที่รู้จักในหมู่คนไทยที่มีแม่บ้านเป็นสาว พม่า เช่น “น้ำพริกเต้าเจี้ยวผัด” ที่คนพม่าเรียกว่า “แปนะปี้จ่อ” หรือไม่ก็ “น้ำพริกปลาร้า” (นะปี้เหย่) เป็นต้น แม้ว่าน้ำพริก 2 ชนิดนี้จะไม่ค่อยเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางเท่าน้ำพริกกุ้งแห้ง (นะปี้จ่อ) ก็ตาม แต่ด้วยเครื่องปรุงที่ไม่แตกต่างจากอาหารไทย และรสชาติก็ถูกปากคนไทยด้วย บรรดาเจ้านายคนไทยจึงมักขอแจมด้วยเสมอ

แต่ สำหรับคุณนายช่างประดิษฐ์อย่าง คุณหนุ่ย-อรวรรณ ลุลิตานนท์ เธอไม่ต้องขอแจมน้ำพริกจากสาวใช้พม่าให้เสียชื่อเลย เพราะเธอได้สูตรอาหารพม่าจากคุณแม่สามี ซึ่งมีเชื้อสายพม่าเพียวๆ เก็บไว้ปึ๊งใหญ่ทีเดียว รวมทั้ง “น้ำพริกเต้าเจี้ยวผัด” ที่นำมาถ่ายทอดให้กับคนที่ชอบทำอาหารในวันนี้ด้วยด้วยใจรักการทำอาหาร ทุกวันนี้คุณหนุ่ยจึงมีความสุขกับ

การเข้าครัวปรุงอาหารเป็นประจำ เธอเล่าว่า คุณแม่ของเธอจะเลี้ยงลูกแบบโบราณ ลูกสาวจะต้องมีความเป็นกุลสตรี ทำกับข้าวและงานบ้านงานเรือนเป็น โดยเธอและน้องๆ เฉพาะผู้หญิงรวม 4 สาว จะตามคุณแม่เข้าครัวมาตั้งแต่เด็กๆ เรา 4 สาวจึงทำอาหารเป็นกันทุกคน และคุณแม่จะมีเมนูแปลกๆ ที่พวกเรายังจำกันได้ขึ้นใจ แต่คนรุ่นใหม่ไม่ค่อยรู้จักกัน อย่างเช่น ไอ้คุ่ย (เนื้อผัดแกงเขียวหวานแห้ง), เต้าหู้ต้มปลาหมึกแห้ง, ตับหมูต้มใบโหระพา, กบย่างผัดเผ็ดเป็นต้น

Pic_346353




สำหรับ เครื่องปรุง “น้ำพริกเต้าเจี้ยวผัด” : เต้าเจี้ยวขาว 1 ถ้วยตวง หรือ 1/2 กก. /กุ้งแห้งโขลกให้แหลก 2 ชต./มะเขือเทศลูกเล็ก 8–10 ลูก/พริกชี้ฟ้าแห้งประมาณ 5 เม็ด/หอมแดง 10 หัว/กระเทียม 10 กลีบ/ผงขมิ้น 1 ชช./น้ำตาลปี๊บ 1 ชต./น้ำมะขามเปียก (คั้นน้ำข้นๆ) 2 ชต.


วิธี ทำ 1) หั่นพริกชี้ฟ้าแห้งเป็นท่อนๆแล้วแช่น้ำให้นิ่มและบีบน้ำออกให้หมด ก่อนนำไปโขลกจนละเอียด โดยใส่เกลือด้วยเล็กน้อย เพื่อไม่ให้พริกกระเด็น 2) ใส่หอมและกระเทียม ลงไปโขลกด้วย แต่ไม่ต้องให้ละเอียด 3) นำพริกที่โขลกพร้อมหอมกระเทียมไปผัดกับน้ำมันให้ได้กลิ่นหอม 4) ใส่เต้าเจี้ยวที่ล้างน้ำสัก 2-3 ครั้งเพื่อลดความเค็มและตำพอหยาบๆ
พร้อมด้วยกุ้งแห้ง ผงขมิ้น ผัดจนเข้ากันดี 5)
จึงใส่มะเขือเทศผ่าสี่ ลงผัดด้วยจนเข้าเป็นเนื้อเดียวกัน 6) ปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊บ น้ำมะขามเปียก ให้ได้รสตามชอบ และหั่นพริกชี้ฟ้าแฉลบตามยาวใส่ลงไปผัดด้วย สุดท้าย ถ้าน้ำพริกแห้งมากไป ค่อยๆเติมน้ำเล็กน้อย แล้วผัดต่อจนเนียนเป็นเนื้อเดียวกัน

น้ำพริกเต้าเจี้ยวผัดนี้ก็ เหมือนน้ำพริกตำรับของไทย ที่ทานกับผักสดเป็นเครื่องแกล้ม และที่ขาดไม่ได้คือขมิ้นขาวซึ่งเข้ากันอย่างดี และถ้ามีไข่เจียวแกล้มด้วยอีกสักอย่างจะยิ่งสุโค่ยเลยค่ะ.

Credit by.. http://www.thairath.co.th/content/life/346353

แนะนำเวบรวมบทความงานฝีมือ

Read More...


การหลอกลวงผ่านทางโทรศัพท์

มิจฉาชีพจะใช้โทรศัพท์ หรือบริการเสียงผ่านอินเตอร์เน็ต (Voice over international protocol หรือ VolP) แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่สถาบันการเงิน หรือเจ้าพนักงานในหน่วยงานของรัฐ ฯลฯ เพื่อหลอกลวงเราให้เกิดความตกใจและกลัว แล้วจึงเสนอความช่วยเหลือโดยให้เราไปทำรายการที่เครื่องเอทีเอ็ม ซึ่งจริง ๆ แล้วเป็นการโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากของกลุ่มมิจฉาชีพ เมื่อเราโอนเงินเสร็จ พวกเขาก็จะถอนเงินออกจากบัญชีนั้นทันที วิธีนี้เป็นวิธีที่นิยมใช้กันมากในกลุ่มมิจฉาชีพจากต่างประเทศ มิจฉาชีพทำให้เราตกใจ และกลัวได้อย่างไร > อ้างว่า บัญชีของเราถูกนำไปใช้กับขบวนการค้ายาเสพติด และจะถูกอายัดโดยสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) จึงขอให้เราไปทำรายการที่ตู้เอทีเอ็มเพื่อยืนยันตัวตนและปลดรายการอายัด หรืออาจให้เราโอนเงินไปยังหน่วยงานของรัฐ อาทิ ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ให้โอนเงินไปยังบุคคลที่มีการอ้างถึงว่าเป็นผู้มีตำแหน่งหน้าที่การงานที่น่าเชื่อถือ เช่น นายตำรวจ เจ้าหน้าที่ธนาคาร เป็นต้น > อ้างว่า โทรมาจากศูนย์กลางการอายัดบัตร หรือฝ่ายตรวจสอบจากแบงก์ชาติ โดยบอกเราว่าบัตรเครดิตหรือบัญชีของเราถูกอายัด และขอให้เรายืนยันเลขที่บัญชี เลขที่บัตรเครดิตและรหัสเพื่อปลดอายัดบัตร หรือบัญชีของเรา > อ้างว่า ข้อมูลของเราได้สูญหายไปกับน้ำท่วม จึงขอให้เราแจ้งรายละเอียดบัญชี ข้อมูลส่วนตัว แล้วนำข้อมูลเหล่านั้นไปใช้เบิกถอนเงิน> แจ้ง หรือ ข่มขู่เราว่า เรามีหนี้บัตรเครดิต ค่าโทรศัพท์ หรือบริการอื่นๆ ที่ต้องชำระทันที ไม่เช่นนั้น จะถูกดำเนินการตามกฎหมาย > หลอกเอาผลตอบแทนสูงมาล่อ โดยการชักชวนเราไปลงทุนหรือเก็งกำไรในเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีความเสี่ยงสูงในการลงทุน เราจึงอาจถูกหลอกได้



การหลอกลวงผ่านทางโทรศัพท์



ป้องกันตนเองไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของแก๊งมิจฉาชีพหลอกลวงทางโทรศัพท์กันเถอะ

หากมีคนโทรศัพท์มาแอบอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานของรัฐ หรือสถาบันการเงิน ให้สงสัยไว้ก่อนว่าเป็นผู้ไม่หวังดีเพราะสถาบันการเงิน และหน่วยงานของรัฐ ไม่มีนโยบายสอบถามข้อมูลส่วนตัวและไม่มีนโยบายแจ้งให้ลูกค้าหรือประชาชนโอนเงินผ่านทางโทรศัพท์ให้กับสถาบันการเงิน หรือหน่วยงานของรัฐ 
> เมื่อได้รับโทรศัพท์จากคนไม่รู้จัก หรือไม่คุ้นเคย ไม่ควรให้ข้อมูลส่วนตัว อย่าตกใจและหลงเชื่อไปทำรายการที่เครื่องเอทีเอ็ม

>  อย่าโทรกลับเบอร์ที่ได้รับการแจ้ง แต่ควรเช็คเบอร์หน่วยงานที่ถูกอ้างถึงจากแหล่งที่น่าเชื่อถือได้ เช่น เว็บไซต์ของหน่วยงานนั้นหรือ ติดต่อ 1133 เพื่อสอบถามเบอร์โทรของหน่วยงานที่ถูกอ้างถึงอย่าหวังผลกำไรจากการลงทุน หรือเก็งกำไรในธุรกิจใด ๆ ที่สูงเกินจริง เพราะอาจตกเป็นเหยื่อของธุรกิจค้าเงินเถื่อนได้

แก๊งมิจฉาชีพหลอกลวงทางโทรศัพท์มีวิธีเลือกเหยื่ออย่างไร

> ใช้วิธีสุ่มโทรศัพท์เข้าเบอร์มือถือที่ขึ้นต้นด้วย 08....09.....โดยวิธีการโทร.สุ่มตัวอย่างไปเรื่อยๆ เช่น 0818200000, 0818200001...เนื่องจากเป็นหมายเลขโทรศัพท์ที่ใช้งานมานาน และไม่ใช่หมายเลขที่ใช้งานชั่วคราว 
มักจะหลอกลวงว่าได้มีการอายัดบัญชีเงินฝากหรือบัตรเครดิตของเหยื่อ ที่มีอยู่กับธนาคารขนาดใหญ่ เช่น ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ และธนาคารกสิกร ฯลฯ เนื่องจากลูกค้าส่วนใหญ่ใช้บริการกับธนาคารขนาดใหญ่


...หากไม่แน่ใจ ควรติดต่อหรือโทรศัพท์สอบถามไปยังสถาบันการเงินหรือหน่วยงานที่ถูกแอบอ้างจะดีกว่า...  


ทั้งนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมิได้นิ่งนอนใจ มีการปราบปรามแก๊งมิจฉาชีพอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดได้จับกุมผู้ร่วมขบวนการมิจฉาชีพแก๊ง call center เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2555 ที่ผ่านมา
  

กลลวงผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Banking : e - banking) และบัตรกดเงินต่าง ๆ 

1. ใช้เครื่องบันทึกข้อมุลในแถบแม่เหล็ก (Skimmer)
มิจฉาชีพจะทำการติดตั้งเครื่องบันทึกข้อมูลในแถบแม่เหล็ก (Skimmer) ไว้ที่ช่องเสียบบัตรเพื่อคัดลอกข้อมูลในบัตรหรือนำแป้นกดตัวเลขปลอมครอบแป้น กดตัวเลขของตู้เอทีเอ็ม และทำการแอบดูรหัสผ่านจากการติดตั้งกล้องไว้ ณ ตู้เอทีเอ็ม หรือ แอบดู แล้วจึงนำข้อมูลดังกล่าวไปทำบัตรปลอมและถอนเงิน โอนเงิน หรือซื้อสินค้าและบริการในนามของเรา


                                                     
                                 ตู้ เอทีเอ็มที่ปลอดภัย                           ตู้เอทีเอ็มที่มีการตั้ง เครื่อง Skimmer และแป้นกดตัวเลขปลอม
                                                
                                       ตู้เอทีเอ็มที่มีการติดตั้งกล้องขนาดเล็ก เพื่อแอบดูการกดรหัสของเรา

2. ใช้อุปกรณ์คัดลอกข้อมุล (Scanner) 
มิจฉาชีพ จะทำการขโมยบัตรเดบิตหรือเครดิตของเรา แล้วนำไปรูดกับอุปกรณ์คัดลอกข้อมูลที่อยู่ในบัตรเดบิตหรือบัตรเครดิต เพื่อนำข้อมูลที่ได้ไปผลิตบัตรปลอมสำหรับใช้ซื้อสินค้าและบริการ
                                          
เครื่องสแกนเนอร์ที่มิจฉาชีพใช้รูดเพื่อขโมยข้อมูลของเรา

3. ปลอมอีเมล์ และสร้างเว็บไซต์ธนาคารพาณิชย์ปลอม (Phishing) 
มิจฉาชีพจะส่งอีเมล์แอบอ้างว่าเป็นธนาคารพาณิชย์ คนรู้จัก หรือเพื่อนสนิท เพื่อขอข้อมูลทางการเงิน หรือให้ทำการโอนเงินให้ 
อีเมล์แอบอ้างมีลักษณะอย่างไร  

อีเมล์จากธนาคารพาณิชย์มิจฉาชีพ จะทำการส่งอีเมล์มาให้เรา
ในหัวข้อและข้อความที่น่าเชื่อถือ อาจจะเป็นการแจ้งให้เรายืนยันข้อมูลทางการเงินเพื่อให้เป็นไปตามมาตรการ รักษาความปลอดภัย หรือ อาจแจ้งว่าบัญชีของเราถูกอายัดไว้ชั่วคราว จึงขอให้ยืนยันข้อมูลส่วนตัวโดยให้กรอกข้อมูลในแบบฟอร์มที่แนบมา หรือในลิงก์แนบที่เชื่อมไปยังเว็บไซต์ปลอมที่มีหน้าตาเหมือนเว็บไซต์ของสถาบันการเงินนั้นๆ แล้วจึงนำข้อมูลที่ได้มานั้นไปใช้แอบอ้างทำการซื้อหรือชำระสินค้าและบริการผ่านระบบอินเตอร์เน็ต
อีเมล์จากคนรู้จัก เพื่อน หรือ ญาติสนิทมิจฉาชีพ จะส่งอีเมล์มาหาเราโดยใช้อีเมล์ของคนรู้จักของเรา มีข้อความในลักษณะการขอความช่วยเหลือ โดยแอบอ้างว่าพวกเขาเป็นเพื่อนหรือคนรู้จักของเรา และกำลังเดือดร้อนด้วยเหตุต่างๆในต่างประเทศ จึงอยากขอให้เราโอนเงินให้พวกเขา
...เช็คข้อมุลกับสถาบันการเงิน หรือติดต่อไปหาคนรู้จักก่อนที่จะทำการโอนเงินหรือให้ข้อมูลใด ๆ...

ต้วอย่าง รูปแบบ อีเมล์และเว็บไซต์ที่แอบอ้างเป็นธนาคารพาณิชย์

ตัวอย่าง รูปแบบ เว็บไซต์ปลอม

4. การแท็บสายโทรศัพท์เพื่อดักขโมยข้อมูลบัตรเครดิตหรือบัตรเครดิตที่ตู้พักสายโทรศัพท์

มิจฉาชีพ จะทำการดักขโมยข้อมูลของเราที่ถูกส่งจากร้านค้าไปยังสถาบันการเงินหรือผู้ ประกอบการบัตรเครดิตขณะที่มีการใช้จ่าย โดยมิจฉาชีพจะทำการติดตั้งเครื่องดักข้อมูลที่ตู้พักสายโทรศัพท์ แล้วนำข้อมูลที่ได้ ไปทำบัตรเครดิตปลอมเพื่อใช้ซื้อสินค้าและบริการต่างๆในนามของเรา

แบบนี้การใช้บัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตใช้จ่ายก็ไม่ปลอดภัยนะสิ...
ยังคงปลอดภัยอยู่ เพราะสถาบันการเงินต่าง ๆ ได้ร่วมกันป้องกันการดักขโมยข้อมูลด้วยวิธีการใส่รหัสข้อมูล (Encryption) ใน การรับส่งข้อมูลตั้งแต่ต้นทางและปลายทางทำให้ผู้ไม่ได้รับอนุญาตไม่สามารถ อ่านข้อมูลได้ ดังนั้น หากมีการรูดบัตรในสถานที่ไม่มีความเสี่ยง จึงวางใจได้ว่า การใช้จ่ายผ่านบัตรยังคงปลอดภัยอยู่

ทำอย่างไร...จึงจะปลอดภัยจากกลโกงผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์
 
1. ไม่ใช้เอทีเอ็มที่ตั้งไว้ ณ จุดเสี่ยง เพราะคนร้ายสามารถติดอุปกรณ์บันทึกข้อมูลได้ง่าย และควรสังเกตตู้ก่อนใช้งานว่ามีลักษณะผิดปกติหรือไม่ เช่น แป้นพิมพ์มีลักษณะถูกครอบด้วยอุปกรณ์บางชนิด หรือมีกล่องแปะอยู่ข้างตู้ หรือมีอุปกรณ์แปลกปลอมติดอยู่ในมุมที่สามารถมองเห็นการกดรหัสผ่านได้ 
2. หลีกเหลี่ยงการใช้บัตรเดบิตหรือบัตรเครดิตกับร้านค้าที่มีความเสี่ยง หรือบริเวณที่มีข่าวการทุจริต 
3. ใช้มือปิดบังทุกครั้งระหว่างการกดรหัสเอทีเอ็ม 
4. หากใช้บัตรในการชำระสินค้าและบริการ ควรอยู่ในบริเวณที่มองเห็นการทำรายการ ทั้งนี้เพื่อป้องกันพนักงานนำบัตรไปรูดกับเครื่องคัดลอกข้อมูล (Scanner) 
5. ไม่บอกรหัสผ่านหรือข้อมูลสำคัญทางการเงินแก่ผู้อื่น และไม่เขียนรหัสผ่านไว้บนบัตร นอกจากนี้ควรทำลายเอกสารแจ้งรหัสผ่าน และเปลี่ยนรหัสผ่านเป็นประจำทุก 3 เดือน 
6. ไม่ควรใช้รหัสผ่านที่เหมือนกันสำหรับการใช้บริการอิเล็กทรอนิกส์ประเภทต่างๆของธนาคารพาณิชย์ 
7. เก็บใบบันทึกรายการไว้ทุกครั้งเพื่อเป็นหลักฐานในการตรวจสอบยอดใช้จ่าย และควรตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอ หากมีเหตุสงสัยหรือผิดปกติ ให้รีบแจ้งธนาคารพาณิชย์เพื่อดำเนินการแก้ไขปัญหาทันที 
8. อ่านข้อควรระวังเกี่ยวกับพฤติกรรมการหลอกลวงรูปแบบต่างๆของธนาคารพาณิชย์อย่างสม่ำเสมอ 
9. หากบัตรสูญหายหรือถูกขโมย ให้รีบแจ้งธนาคารพาณิชย์ผู้ออกบัตรดำเนินการอายัดบัตรทันที 
10. ไม่ควรตอบรับอีเมล์จากคนที่ไม่รู้จัก คนคุ้นเคย หรือผู้ที่ขอให้ผู้ใช้บริการส่งข้อมูลส่วนตัวหรือข้อมูลสำคัญทางการเงินให้ เพราะธนาคารพาณิชย์ไม่มีนโยบายขอข้อมูลส่วนตัวลูกค้าผ่านทางอีเมล์ โทรศัพท์ หรือจดหมาย 
11. ไม่ควรเชื่อมโยงลิงก์ที่แนบมากับอีเมล์ เมื่อต้องการเข้าใช้บริการธนาคารพาณิชย์ผ่านทางอินเตอร์เน็ต ควรพิมพ์ชื่อเว็บไซต์และตรวจสอบการสะกดคำให้ถูกต้องทุกครั้ง

เป็นอย่างไรนะ...โกงผ่านบัตรเครดิต
มิจฉาชีพ จะทำการขโมย ข้อมูลบัตรเครดิต บัตรเครดิต หรือข้อมูลส่วนตัวต่างๆ ของเรา แล้วนำไปซื้อสินค้าและบริการต่างๆในนามของเรา โดยวิธีที่มิจฉาชีพนิยมใช้ มีดังนี้

1. ปลอมแปลงเอกสารสำคัญในการสมัครบัตรเครดิต เพื่อหลอกลวงให้สถาบันการเงินออกบัตรให้ในนามของเรา

2. ขโมยบัตรเครดิตหรือนำบัตรที่สูญหายไปใช้โดยที่เราไม่รู้ตัว

3. ใช้อุปกรณ์อ่านข้อมูลจากแถบแม่เหล็ก (เครื่อง Skimmer) คัดลอกข้อมูลของเราแล้วทำบัตรปลอม

4. หลอกลวงขอข้อมูลของบัตรและข้อมูลส่วนตัวของเรา แล้วนำไปใช้ซื้อสินค้าหรือบริการผ่านทางอินเตอร์เน็ต ข้อมูลดังกล่าว ได้แก่ ชื่อผู้ถือบัตร ประเภทของบัตร ธนาคารผู้ออกบัตร หมายเลขบัตร เดือน/ปี ที่ออกบัตร และเดือน/ปี ที่หมดอายุ รวมไปถึงรหัสปลอดภัยเลข 3 -4 หลัก ที่ปรากฏอยู่บนบัตร 
เตรียมพร้อม...ระวังภัยบัตรเครดิต 

1. เซ็นชื่อหลังบัตรทันทีเมื่อได้รับบัตรใหม่
2. เก็บรักษาบัตรเครดิต บัตรประจำตัวประชาชน ใบขับขี่ และเอกสารสำคัญอื่นๆไว้ในที่ปลอดภัยและไม่มอบให้กับผู้ไม่น่าไว้ใจ

3. จดหมายเลขบัญชีบัตรเครดิต รหัสถอนเงินสด และหมายเลขโทรศัพท์สำหรับแจ้งอายัดบัตรได้กรณีบัตรหายไว้ในที่ปลอดภัย (ไม่ควรเก็บไว้ในกระเป๋าสตางค์ หรือเก็บรวมกับบัตรเครดิต)

4. อย่าเปิดเผยรหัสถอนเงินสดให้กับผู้อื่น

5. อย่าเปิดเผยรหัสความปลอดภัยโดยไม่จำเป็น  (สำหรับบัตร MasterCard และ Visa  คือเลข 3 หลัก ที่อยู่ด้านหลังบัตร บริเวณขวามือของแถบลายเซ็น สำหรับบัตร American Express คือ เลข 4 หลัก ที่อยู่ด้านหน้าบัตร บริเวณเหนือหมายเลขบัตรเครดิต )

6. พึงระวังการเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวของคุณ เช่น เลขประจำตัวประชาชน  และ วัน/เดือน/ปี เกิด เป็นต้น รวมถึงข้อมูล
    ที่อยู่บนบัตรเครดิต ซึ่งสามารถนำไปทำธุรกรรมต่าง ๆ ได้  คือ
     - ธนาคารผู้ออกบัตร และประเภทของบัตร
     - ชื่อผู้ถือบัตร
     - หมายเลขบัตรเครดิต
     - เดือน/ปี ที่ออกบัตร และ เดือน/ปี ที่บัตรหมดอายุ 

7. หลี่กเลี่ยงการใช้บัตรในร้านค้าหรือตู้เอทีเอ็มที่มีความเสี่ยงหรือมีข่าวการทุจริต หากจำเป็นต้องใช้ในสถานที่ดังกล่าวควรอยู่ ณ จุดที่พนักงานทำรายการ หรืออยู่บริเวณใกล้ๆในระยะที่สังเกตได้

8. การใช้บัตรที่ร้านค้าควรเช็คให้แน่ใจว่าได้บัตรเครดิตคืนมาทุกครั้ง และตรวจสอบชื่อ-นามสกุลบนบัตร

9. ตรวจสอบความถูกต้องก่อนเซ็นชื่อใน Sales Slip และเก็บไว้เพื่อตรวจสอบกับใบแจ้งหนี้ หากไม่ถูกต้อง แจ้งผู้ออกบัตรทันที

10. การใช้บัตรเครดิตเบิกถอนเงินสดล่วงหน้าจากตู้ ATM ควรปฏิบัติ ดังนี้
      - ระวังไม่ให้ผู้อื่นเห็นรหัสเบิกถอนเงินสด
      - ระมัดระวัง ATM ที่น่าสงสัยว่าอาจมีการลักลอบติดตั้งอุปกรณ์ที่ใช้ขโมยข้อมูลจากบัตรเครดิต เช่น เครื่องอ่านแถบแม่เหล็กที่ช่องเสียบบัตรเพื่อขโมยข้อมูล หรือเครื่องบันทึกข้อมูลที่แป้นกดรหัสเพื่อขโมยข้อมูลส่วนตัว
11. การซื้อสินค้าหรือบริการทางอินเทอร์เน็ต  ควรเลือกใช้บริการเว็บไซต์ที่มีความน่าเชื่อถือ
12. กรณีบัตรเครดิตหาย ต้องรีบแจ้งให้ผู้ออกบัตรทราบทันที (ทั้งนี้ คุณยังต้องรับภาระค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นก่อนการแจ้งบัตรหาย)
13. ทำลายบัตรเครดิตก่อนที่คุณจะทิ้งบัตรเครดิต หรือเอกสารใดๆ เกี่ยวกับบัตรเครดิตทุกครั้ง เพื่อมิให้ผู้อื่นนำข้อมูลไปใช้โดยมิชอบ
บัตรผ่อนสินค้า คืออะไร
บัตร ผ่อนสินค้า เป็นบัตรที่ใช้ซื้อสินค้า โดยส่วนมากมักใช้สำหรับการซื้อสินค้าเงินผ่อน ซึ่งผู้ซื้อยังไม่ต้องจ่ายค่าสินค้าเต็มจำนวน โดยบริษัทผู้ออกบัตรจะเป็นผู้ชำระค่าสินค้าเต็มจำนวนให้แทน หลังจากนั้นผู้ซื้อต้องชำระเงินค่าสินค้าและดอกเบี้ยคืนให้กับบริษัทผู้ออก บัตรจนครบสัญญา

มิจฉาชีพโกงผ่านบัตรผ่อนสินค้าหรือบัตรเครดิตได้ด้วยหรือ
ได้สิ โดยใช้บัตรผ่อนสินค้าและบัตรเครดิตในการซื้อสินค้า

มิจฉาชีพทำอย่างไรมิจฉาชีพ จะติดป้ายโฆษณาตามเสาไฟฟ้า ตู้โทรศัพท์ หรือที่สาธารณะ ด้วยข้อความเชิญชวน เช่น ให้วงเงินสูง อนุมัติและรับเงินสดทันทีภายใน 30 วัน ซึ่งเป็นวิธีเดียวกับ เงินกู้นอกระบบ หากเราสนใจและติดต่อไปตามเบอร์โทรที่ให้ไว้ มิจฉาชีพจะแนะนำวิธีการและเงื่อนไขต่างๆที่เกี่ยวกับการขอรับสินเชื่อ โดยเราไม่จำเป็นต้องมีประวัติการเงินที่ดี หรือมีวงเงินเหลือในบัตรเครดิตมากนัก

                    
หาก เรายอมรับข้อตกลง มิจฉาชีพจะพาเราไปสมัครบัตรผ่อนสินค้าของบริษัทที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน (หากเรามีบัตรผ่อนสินค้า หรือบัตรเครดิตอยู่แล้ว ก็ไม่ต้องสมัครใหม่) เมื่อได้บัตรแล้วมิจฉาชีพจะพาเราไปซื้อสินค้าโดยจ่ายผ่านบัตรนั้นๆของเรา หลังจากนั้นมิจฉาชีพจะเป็นผู้รับซื้อสินค้านั้น โดยจะหักค่านายหน้าประมาณ 30%

ตัวอย่าง เช่น

เรา ตกลงกู้เงินนอกระบบกับกลุ่มมิจฉาชีพแล้ว เขาก็จะพาเราไปทำบัตรผ่อนสินค้า (ถ้ามีแล้วก็ไม่ต้องทำ) เมื่อได้บัตรก็พาเราไปซื้อสินค้า สมมติราคาเท่ากับ 10,000 บาท มิจฉาชีพก็จะหักค่านายหน้า 30 % คิดเป็นเงิน 3,000 บาท เราก็จะได้เงินแค่ 7,000 บาท แต่เป็นหนี้ทั้งหมด 10,000 บาท

เรายังต้องเสียเงินค่าอย่างอื่นอีกไหม

เสียสิ เรายังคงต้องเสียเงินผ่อนชำระสินค้าพร้อมดอกเบี้ย ค่าปรับ ค่าบริการและค่าธรรมเนียมต่าง ๆ อีก 28
% ให้กับผู้ออกบัตร โดยผู้ปล่อยกู้ไม่ต้องร่วมรับผิดชอบใด ๆ และยังนำสินค้าไปจำหน่ายต่ออีกด้วย
ถ้าไม่อยากถูกโกงทำอย่างไร 
1. ใช้บริการสินเชื่อส่วนบุคคลกับสถาบันการเงินหรือบริษัทที่ได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลที่ถูกกฎหมายเท่านั้น

2. พิจารณาเปรียบเทียบเรื่อง อัตราดอกเบี้ย และค่าธรรมเนียมต่าง ๆ เช่น ค่าธรรมเนียมการใช้วงเงิน ค่าธรรมเนียมการจัดการเงินกู้ ค่าธรรมเนียมแรกเข้าและรายปี ก่อนใช้บริการ

3. ระมัดระวังโฆษณาอัตราดอกเบี้ยที่แจ้งว่าเป็นอัตราดอกเบี้ยต่อเดือน หรือต่อปี   
เกร็ดความรู้เรื่องดอกเบี้ย
                                                  อัตราดอกเบี้ยต่อปี        = อัตราดอกเบี้ยต่อเดือน  x 12
                                                  อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง  = อัตราดอกเบี้ยเงินต้นเท่ากันทุกงวด  x 1.8
                                                     
(Effective Rate)                         (Flat Rate) 




4. อย่าใช้บริการสินเชื่อเพียงเพราะต้องการของแถม ควรใช้เมื่อมีความจำเป็นที่ต้องกู้ยืม




หลอกลวงเงินผ่านแชร์ลูกโซ่
แชร์ลูกโซ่ คืออะไร 
 
เป็น กลโกงหลอกให้เราลงทุนในธุรกิจที่มีผลตอบแทนสูงผิดปกติ โดยในช่วงต้นจะมีการจ่ายผลตอบแทนเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ แต่จริง ๆ แล้ว เป็นเงินที่เอามาจากนักลงทุนรายใหม่ ไม่ได้มาจากเงินลงทุนจริง ๆ ถ้าไม่มีนักลงทุนรายใหม่ ก็ไม่มีเงินจ่ายนักลงทุนรายเก่า แชร์ก็ปิดตัว ผู้ลงทุนก็เสียเงินไป
แชร์แบบไหนที่ควรระวัง
- ที่ตั้งสำนักงานไม่มั่นคงถาวร เช่น เช่าตึกที่ไม่มีอาคารเป็นของตัวเอง ทรัพย์สินมีค่าในสำนักงานมีน้อย
- ไม่มีโรงงานผลิตสินค้าเป็นของตัวเอง แต่มีสินค้าซึ่งไม่ระบุแหล่งผลิตถาวร
- เก็บค่าสมัครสมาชิกเป็นจำนวนสูงมาก และมีการบังคับซื้อสินค้า
- ไม่เน้นการขายสินค้าแต่เน้นให้สร้างทีมให้หาสมาชิกและผู้ลงทุนรายใหม่ โดยหาสมาชิกได้มากจะได้ค่าตอบแทนมาก
- ลงทุนต่ำ ผลตอบแทนสูงและจ่ายค่าตอบแทนเร็วเกินเหตุ รับลงทุนแบบไม่จำกัดจำนวน
ทำไมถึงมีคนถูกหลอกผ่านแชร์ลูกโซ่

ผู้ที่ทำธุรกิจแชร์ลูกโซ่ ใช้วีธีการ ดังนี้
 
- ใช้เครือข่ายจากความใกล้ชิดสนิทสนมใกล้ตัวที่เราไว้ใจได้
- อ้างถึงบุคคลที่น่าเชื่อถือว่าได้เข้าร่วมหุ้นกับบริษัทด้วย เช่น รัฐมนตรี อธิบดี หรือเจ้านายเรา ฯลฯ พร้อมภาพบุคคลเหล่านั้นร่วมกิจกรรม
- แสดงหลักฐานเรื่องผลประโยชน์ที่ตนเองได้รับมาแล้ว เช่น เงินที่เข้าบัญชี เพื่อให้เหยื่อเชื่อในประโยชน์ที่จะได้รับ
- ใช้สื่อโฆษณาสร้างความมั่นใจ เช่น โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ วิทยุ
- แสดงแผนการลงทุนและสัญญาร่วมทุนให้ดู ทำให้เห็นว่าการลงทุนจะได้รับผลตอบแทนมหาศาล
- จัดอมรมสัมมนาหรือแถลงข่าวเปิดตัวที่โรงแรมใหญ่ๆ และเชิญคนดังมาร่วมงานมากมาย
- มักจะหว่านล้อมและกดดันให้เหยื่อรีบตัดสินใจ โดยจะเชิญเหยื่อไปที่บริษัท แล้วพยายามให้ทีมงานแสดงให้เห็นถึงผลตอบแทนที่จะได้รับ หลังจากนั้นพยายามกดดันให้เหยื่อตัดสินใจ



เงินกู้นอกระบบ (Loan Sharks) เป็นอย่างไร
ลักษณะของเงินกู้นอกระบบเป็นอย่างไร 
- เป็นการให้กู้ยืมเงินจากกลุ่มบุคคลที่มักเป็นนายทุนมีอิทธิพลในท้องถิ่น
- เงินกู้ที่มีการติดป้ายประกาศตามป้ายรถประจำทาง ตู้สาธารณะ หรือบนรถบริการสาธารณะ โดยมีข้อความชักจูง เช่น
   “เงินกู้ 100
%”  “เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ” “เงินด่วนทันใจเพียงมีบัตรผ่อนสินค้าก็สามารถกู้ได้เต็มจำนวน” หรือ
   “อนุมัติเร็วภายใน  3 ชม.” เป็นต้น
- เรียกเก็บดอกเบี้ยในอัตราที่สูงมากเป็นรายวัน รายสัปดาห์ รายเดือน แล้วแต่ข้อตกลง
- อาจมีสัญญากู้ยืม หรือไม่มีก็ได้
- อาจมีหรือไม่มีหลักประกันก็ได้ หากมีการเรียกหลักประกัน ผู้ให้กู้จะยึดหลักประกันไว้ พร้อมกับให้ผู้กู้เซ็นใบมอบฉันทะเพื่อ
  โอนกรรมสิทธิ์ไว้ หากมีการผิดชำระหนี้ หลักประกันก็จะถูกยึด
- มีการติดตามทวงหนี้ที่มีลักษณะไม่เหมาะสม เช่น ขู่กรรโชก ทำร้ายร่างกาย

ตัวอย่าง  สมมติว่า กู้เงินจำนวน 10,000 บาท ผ่อนวันละ 220 บาท จำนวน 60 วัน ฉะนั้น ดอกเบี้ยทั้งสิ้น 3,200 บาท หรือคิด
เป็นอัตราร้อยละ 350.2 ต่อปี (ตัวเลขสมมติเท่านั้น)

 ใครที่ใช้เงินกู้แบบนี้
  ส่วนมากจะเป็นคนที่ไม่สามารถกู้เงินจาก
  ธนาคารได้ เช่น

  - คนที่มีรายได้น้อย หรือรายได้ไม่แน่นอน
  - ประวัตการชำระหนี้ไม่ดี หรือไม่มีทรัพย์สินหรือ
    บุคคลค้ำประกัน
  - ต้องการใช้เงินเร่งด่วน
 
ถ้าเรากลายเป็นเหยื่อของเงินกู้นอกระบบ เราจะทำอย่างไรแจ้ง เจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อให้ดำเนินคดีอาญากับเจ้าหนี้เงินกู้นอกระบบ เราไม่สามารถฟ้องเองได้เนื่องจากความผิดตามพระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ย เกินอัตรา พ.ศ. 2475 เป็นความผิดตามอาญาแผ่นดิน ซึ่งผู้เสียหายคือ รัฐ



ทำอย่างไรเมื่อคุณโดนหลอก
 
1. ตั้งสติให้ดี จดบันทึกและเก็บข้อมูลทุกอย่างที่เกี่ยวข้องไว้ เพื่อใช้เป็นข้อมูลต่อไป
2. กรณีที่โอนเงินให้กลุ่มมิจฉาชีพแล้ว ให้รีบดำเนินการดังนี้
   
o   โทรศัพท์แจ้งไปยังฝ่ายบริการลูกค้า (Call center) ของสถาบันการเงินนั้น ๆ
   
o   โทรศัพท์แจ้งไปยังกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โทร. 1155 หรือ 1195
   
o   โทรศัพท์แจ้งเหตุต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ และไปแจ้งลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่เกิดเหตุ
3. กรณีถูกหลอกในเรื่องอื่นที่เกี่ยวข้องกับสถาบันการเงิน ให้รีบติดต่อฝ่ายบริการลูกค้า (Call center) ของสถาบันการเงินนั้นๆ
    เพื่อขอความช่วยเหลือหรือแก้ไขปัญหาเบื้องต้นก่อน
4. สามารถติดต่อสอบถามเกี่ยวกับสถาบันการเงินนั้น ได้ที่ ศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน (ศคง.) ธนาคารแห่งประเทศ
    ไทย เพื่อขอข้อมูลหรือขอคำแนะนำในแนวทางการดำเนินการ

 

ติดต่อใครดี เมื่อถูกโกง...

1.    ด้านสินเชื่อ การโกงผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์
    
ท่านสามารถแจ้งเรื่อง หรือสอบถามข้อมูลได้ที่ ศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน
(ศคง.) ธนาคารแห่งประเทศไทย
      ในเวลาทำการ 08.30 – 16.30 น. ผ่านช่องทางดังต่อไปนี้
      
o   สายด่วน ศคง. โทร. 1213  หรือ โทรสารหมายเลข 0-2283-6151
      
o   Email address: fcc@bot.or.th
      
o   ส่งจดหมาย หรือติดต่อเข้าพบเพื่อขอคำปรึกษาด้วยตนเองที่

              ศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน (
ศคง.) อาคาร 3 ชั้น 5


             
ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานใหญ่               273 ถนนสามเสน แขวงวัดสามพระยา            เขตพระนคร กรุงเทพ 10200

              ส่วนคุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน
              ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคเหนือ              68/3 ถนนโชตนา ตำบลช้างเผือก
              อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ 50300

              ส่วนคุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน
              ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงหนือ       393 ถนนศรีจันทร์ ตำบลในเมือง
              อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น 40000

              ส่วนคุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน
              ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคใต้               472 ถนนเพชรเกษม อำเภอหาดหใญ่
              จังหวัดสงขลา 90110
              

2.    ด้านแชร์ลูกโซ่
     
ท่านสามารถติดต่อร้องเรียนหรือแจ้งเบาะแสได้ที่
      ส่วนป้องปรามการเงินนอกระบบ สำนักนโยบายพัฒนาระบบการเงิน ภาคประชาชน
      สำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง กระทรวงการคลัง
     
o   โทร 0-2273-9140, 0-2273-9021 ต่อ 2627 – 34
     
o   สายด่วนการเงินนอกระบบ 1359 และ 1689
     
o   Email address: 1359@mof.go.th หรือ fincrime@mof.go.th
     
o   ส่งจดหมายมาที่ ตู้ ปณ. 1359 ปณจ. บางรัก  

3.    ด้านเงินกู้นอกระบบ      ท่านสามารถติดต่อร้องเรียนได้ที่
     
o   สถานีตำรวจท้องที่ทุกแห่ง
     
o   ศูนย์ปราบปรามการปล่อยเงินกู้และการทวงหนี้นอกระบบ (บก.ปคบ.)
          
·         โทรศัพท์ 0-2513-0051 – 53
          
·         สายด่วน ปคบ. 1135
          
·         ส่งจดหมายมาที่ ตู้ ปณ. 459 ปณศ.สามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพฯ 10400
                   
Website: www.consumer.police.go.th

Credit by.. http://www.bot.or.th/Thai/FinancialLiteracy/money_trick/Pages/moneytrick.aspx

แนะนำเวบรวมบทความงานฝีมือ

Read More...




----------------

ปรับปรุง
รายการบทความทั้งหมด



การบำรุงรักษารถยนต์เบื้องต้น



ร้านค้าเคลื่อนที่ ใช้ รถบรรทุกขนาดเล็กมาดัดแปลง



รวมบทความอาชีพ เสริม หลากไอเดียวิธีหารายได้เสริม



รวมบทความงานฝีมือ-สิ่งประดิษฐ์ รายได้เสริม



ทองม้วน thong muan ; rolled wafer





MASK รุ่นสายคล้องคอ







MASK รุ่นสายคล้องคอ. ��รุ่นนี้เป็นที่นิยมใช้กันมาก #ขายดีมาก
ทำจากผ้าคอตตอนแท้ 100%  ไม่ผสม เนื้อผ้านุ่ม 
3 ชั้น. สวมใส่พอดีกับใบหน้า ไม่เจ็บหู มีสายคล้องคอปรับได้
เวลาถอดออก ไม่ต้องกลัวลืม เพราะถอดแล้วคล้องคอไว้ได้
บรรจุในถุงซิปฟรอย์อย่างดี
ราคาชิ้นละ. 59. บาท. ไม่รวมส่ง 
มีหลายสีให้เลือกนะคะ   สนใจทักแชทขอดูสีผ้าได้นะคะ
หน่วยงาน บริษัท ห้างร้าน หรือ สนใจสั่งไปจำหน่าย 
มีเรทราคาส่งค่ะ

-> id line : noeyhorm_06
#มีวางจำหน่ายหน้าร้านชานมไต้หวันมาราชาสาขาจรัญ44


ร้านมาราชาชานมไข่มุก สาขาจรัญสนิทวงศ์ 44
● รับบัตรสะสมครบ 10 แก้ว แลกรับฟรี 1 แก้ว
● สั่งเดลิเวอรีผ่าน LINE MAN, Foodpanda ,GET ...ถึงมือปั๊บพร้อมดื่มปุ๊บ!
● อัพเดทโปรโมชั่นใหม่ๆ รสชาติใหม่ ตลอดเวลา
● มีเมนูให้เลือก 40 กว่าเมนู : https://bit.ly/2Z9iqV0






























































เลือกช่องทางติดต่อและรับข่าวสารบริการหลังการขาย
ฟอร์ด พลปิยะอยุธยาและฟอร์ด พลปิยะวังน้อย

--------------------------------------------------------------------------------------------
แคมเปญ-โปรโมทชั่น อะไหล่ฟอร์ด อัพเดททางออนไลน์และปรับปรุงข้อมูลออนไลน์
อะไหล่ฟอร์ด อะไหล่รถฟอร์ด อะไหล่รถยนต์ฟอร์ด อะไหล่ฟอร์ดแท้ ร้านขายอะไหล่รถฟอร์ด ขายอะไหล่รถฟอร์ด อะไหล่ฟอร์ด
 
Option

รวมบทความอาชีพเสริม หลากไอเดียวิธีหารายได้เสริม หาอาชีพเสริมอิสระทำเงิน สร้างอาชีพอิสระงานฝีมือ แนะนำการสร้างรายได้เสริมทำเงินด้วยการขายสินค้าหรือขายของเป็นอาชีพเสริม อิสระงานฝีมือ แนะแนวธุรกิจ อาชีพเสริม อาชีพแก้จน อยากจะมีรายได้เสริมนอกเหนือจากงานประจำ บล๊อกจัดทำขึ้นเป็นวิทยาทานเพื่อเผยแผ่ความรู้อันจะเป็นไปเพื่อบุญกุศล ขอให้ทุกท่านที่มีส่วนร่วมในบทความของบล๊อกนี้ จงได้รับอานิสงฆ์ด้วยเทอญ.