สูตรขนม สูตรอาหาร อาชีพรายได้เสริม ประกาศฟรี โฆษณาฟรี Career Articles Extra Income
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

Drop Down MenusCSS Drop Down MenuPure CSS Dropdown Menu

ลาร์นา เฮ้าส์ พลิกสูตรต่าง เติมเต็มคนรักเค้กชอกโกแลต



ภายใต้การแข่งขันในตลาดเค้กชอคโกแลต ที่มีผู้ท้าชิงหน้าใหม่ลงสนามอยู่ไม่ขาดสาย ย่อมเป็นแรงกระตุ้นสำคัญให้ผู้ประกอบการแวดวงเบเกอรี่ประเภทนี้ เร่งพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์ของตน รองรับการแข่งขัน รวมถึง “ลาร์นา เฮ้าส์” (Larna Cake) แบรนด์เค้กชอคโกเลตหน้านุ่มที่สร้างความแตกต่างแก่นักชิมเค้ก ด้วยการใช้เวลานับสิบปีในการเรียนรู้และพัฒนาสูตรจากต้นตำรับที่มาไกลจากสิงคโปร์

เบเกอรี่ “ลาร์นา เฮ้าส์” เริ่มต้นจากธุรกิจเล็กๆในครอบครัว โดย “นภัสพร เจริญพงศ์ชัย” และ “บดินทร์ เจริญพงศ์ชัย” คู่ชีวิตที่ช่วยกันปลุกปั้น

นภัสพร เล่าว่า คุณแม่ของบดินทร์ ได้สูตรจากอาจารย์ท่านหนึ่งมาลองทำแจกจ่ายให้ชิมกันเองในหมู่สมาชิกครอบครัวและเพื่อนสนิท จนหลายคนติดอกติดใจ เลยเป็นแรงบันดาลใจทำขาย

“แรกเริ่ม เราฝากขายผ่านร้านกาแฟในเอแบค (มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ) ซึ่งก็ได้เสียงตอบรับที่ดีจากลูกค้าตลอดมา แม้จะเปลี่ยนเจ้าของร้านกาแฟคนใหม่ แต่ลูกค้ายังถามถึงเค้กฯของเราอยู่ มีการโทรฯ สั่งเค้กอยู่เรื่อยๆ ทำให้เราเห็นช่องทางขยายธุรกิจ จึงเปิดเช่าหน้าร้านเล็กๆบริเวณฟุตบาธ ที่ ม.เอแบค เน้นขายแบบ take home ซึ่งต่อมาก็เริ่มออกงานอาหารเทศกาลต่างๆ ทำให้คนเริ่มรู้จัก และมีลูกค้าประจำเพิ่มมากขึ้น จนถึงตอนนี้ มีถึง 3 สาขาแล้ว ได้แก่ สาขาพัฒนาการ ซอย 61 สาขาสีลม ตึกยูไนเต็ด ชั้น 2 และสาขาเอแบค รามคำแหง”



เค้ก “ลาร์นา เฮาส์” มีจุดเด่นที่ตัวชอคโกเลตเข้มข้น ไม่หวานมาก รสชาติขมเล็กๆจากผลโกโก้แท้ ส่วนตัวแป้งหยุ่นและนุ่มนวล เค้กทั้งชิ้นอวลไปด้วยกลิ่นและรสชาติของชอคโกแลต

ที่สำคัญเนื้อเค้กชอคโกแลต จะเกาะตัวแน่น ไม่เละแม้จะโดนแรงสั่นสะเทือน ซึ่งนภัสพร เผยเคล็ดลับที่ทำให้แตกต่างจากคู่แข่ง อยู่ที่การปล่อยให้เค้กก่อตัวเองให้ยึดติดกับภาชนะ ถึงหนึ่งวันเต็ม ทำให้ทนทานต่อแรงกระแทกระหว่างการขนส่ง รวมทั้งขั้นตอนจากผลิต และเลือกใช้วัตถุดิบเกรดคุณภาพทั้งหมด สดใหม่ทำวันต่อวัน ไม่มีการนำของเหลือค้างกลับมาขายใหม่

เบเกอรี่ของลาร์นามีทั้งหมด 7 ชนิด ได้แก่ ลาร์นา เค้ก (Larna Cake) มินิคัพ เค้ก (Mini Cup Cake) ชอค คัพ เซ็ท (Choc Cup Set) บราวนี่ (Brownie) อัลมอนด์ ทอฟฟี่ (Almond Toffee) บลูเบอรี่ พาย (Blueberry Pie) และสตรอเบอรี่ คัพ (Strawberry Cup) สนนราคาเริ่มต้นที่ 35 บาท ถึง 350 บาท ต้นทุนเฉพาะการผลิตยังไม่รวมค่าการตลาดอยู่ที่ 60% ของราคาขาย

กลุ่มลูกค้าของลาร์นาฯ มีหลากหลายอาชีพ เช่น ร้านกาแฟ กลุ่มครอบครัว พนักงานบริษัท นักเรียน นักศึกษา เป็นต้น ซึ่งล้วนเป็นดอกผลจากกลยุทธ์ด้านการตลาด เช่น การออกงานแสดงสินค้า การแจกจ่ายใบปลิว นามบัตร การให้ลูกค้าทดลองชิมฟรี รวมไปถึงการเลือกเปิดสาขาตามแหล่งชุมชนต่างๆ

นอกจากนั้น ยังเน้นสร้างสายสัมพันธ์กับลูกค้า ด้วยระบบสมาชิก ให้สิทธิพิเศษในโอกาสต่างๆ และมีแผนโปรโมชั่นต่างๆ เช่น ซื้อครบ 100บาทจะได้รับแสตมป์ 1 ดวง และถ้าสะสมครบ 12 ดวง จะได้ของแถม เป็นต้น รวมถึงมีบริการโทรสั่ง ส่งถึงบ้านด้วย



นภัสพร ให้ทัศนะถึงแนวโน้มธุรกิจเค้กชอคโกเลตไว้ว่า ในอนาคตตลาดน่าจะขยายตัวขึ้นอีก เพราะคนนิยมรับประทานมากขึ้น และกลายเป็นกระแสฮิตสำหรับเด็ก หรือวัยรุ่น ที่มักนิยมมอบเป็นของขวัญแก่กัน อีกทั้ง ธุรกิจเบเกอรี่ขณะนี้ ยังไม่มีแบรนด์ใดหันมาเจาะตลาดเค้กชอคโกเลตโดยตรงเหมือนลาร์นาฯ

สำหรับเป้าหมายในอนาคต จะเร่งสร้างแบรนด์ให้เป็นที่จดจำ ภายใต้สโลแกน “เมื่อนึกถึงเค้กช็อคโกแลตต้องนึกถึงลาร์นา เฮ้าส์” รวมถึงขยายไลน์การผลิต โดยแบ่งความเข้มข้นของชอคโกแลตออกเป็นระดับต่างๆ และเตรียมแผนการเปิดเป็นแฟรนไชส์ โดยอยู่ระหว่างศึกษารายละเอียด และเก็บข้อมูลเสียงสะท้อนจากลูกค้า

* * *โทร 0 – 6565 – 1005 * * *

Read More...


กินจุ ขนมหวานกลมกล่อม ปรับแพคเกจสู้วิกฤตเศรษฐกิจ



ศรีเพ็ญ อลงกต
ขนมหน้าตาธรรมดาที่หลายคนคุ้นเคย แต่เมื่อนำมาจับแต่งตัว ด้วยแพคเกจที่สวยสะดุดตา และรับประทานง่าย พร้อมปรับรสชาติให้กลมกล่อม เอาใจกระแสคนรักสุขภาพที่ไม่เน้นขนมที่หวานจนเกินไป อาศัยประสบการณ์ในวงการเบเกอรี่มานานกว่า 10 ปี แล้วหันกลับมาเข้าสู่วงการนี้อีกครั้งภายใต้แบรนด์ “กินจุ” ที่แม้จะเริ่มต้นธุรกิจไม่สวยนักในช่วงเปลี่ยนผ่านทางการเมือง แต่เมื่อหันกลับมาเริ่มต้นจากจุดเล็กๆ ก็สามารถประคับประคองให้ธุรกิจเดินหน้าต่อไปได้ ขึ้นแท่นผู้ผลิตเต็มตัว


เค้กลูกตาล โรยหน้าด้วยชีส

ศรีเพ็ญ อลงกต เจ้าของร้านขนมแบรนด์ “กินจุ” (Kin-Ju) เล่าว่า ธุรกิจนี้ถือได้ว่าเป็นธุรกิจที่ฟื้นคืนชีพมาอีกครั้งหลังจากที่ตนเองเข้าสู่ภาวะอิ่มตัวจากอาชีพทำเบเกอรี่มาหลายปี โดยจากเดิมที่ตนเองเป็นผู้ที่ชื่นชอบการทำเบเกอรี่มาก จึงเรียนเพิ่มเติมตามสถาบันสอนทำเบเกอรี่ต่างๆ ในเมืองไทย จนกระทั่งตัดสินใจเปิดร้านขายเบเกอรี่อย่างจริงจังนาน 10 ปี กับร้าน “เพ็ญบ้านขนมอร่อย” ที่ประสบความสำเร็จในการทำเบเกอรี่จนร่ำรวย ทำให้คิดจะออกจากวงการเบเกอรี่ หลังเริ่มรู้สึกว่าตนเองได้เดินทางมาถึงจุดอิ่มตัว ประกอบกับต้องเผชิญกับปัญหาในเรื่องของคนที่เป็นปัญหาทั่วไปของธุรกิจที่ต้องใช้แรงงานคนเป็นหลัก


นมสดมะพร้าวอ่อน เมนูขายดี ราคาถ้วยละ 30 บาท

“หลังจากที่เราอยู่วงการด้านเบเกอรี่มานานกว่า 10 ปี จนเริ่มรู้สึกอิ่มตัว จึงหันเหอาชีพไปในด้านอื่น เช่น การเปิดศูนย์จำหน่ายโทรศัพท์มือถือ ร้านเช่าดีวีดี และวีซีดี ภาพยนตร์ รวมถึงธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ แต่ก็ต้องเจอกับปัญหาเดิมๆ จนกระทั่งเพื่อนชักชวนให้กับกลับเข้าสู่วงการเบเกอรี่อีกครั้ง ด้วยการร่วมหุ้นซื้อแฟรนไชส์โรตี บอย แต่ก็ต้องปฏิเสธไป เพราะคิดว่าหากจะกลับมาทำธุรกิจด้านเบเกอรี่อีกครั้งคงจะลงทุนทำเองคนเดียว”


เค้กมะพร้าวอ่อน

และแล้วโอกาสก็มาถึงทำให้ ศรีเพ็ญ ตัดสินใจสร้างโรงงานเพื่อผลิตเบเกอรี่ และขนมต่างๆ อีกครั้ง ตามสูตรของตนเอง ซึ่งสินค้าก็ไม่ได้เจาะจงไปที่เบเกอรี่อย่างเดียว แต่เป็นขนมที่รับประทานง่าย เหมาะกับการซื้อไปจัดเลี้ยง หรือไปเป็นของขวัญของฝาก เริ่มต้นด้วยการคิดสูตรขนมขึ้นเองอย่างสินค้าที่ขายดี เช่น เค้กวุ้นน้ำมะพร้าว เอแคลล์มะพร้าวอ่อน นมสดมะพร้าวอ่อน เค้กลูกตาล ที่ใช้ชีสโรยบนหน้าเค้กจากประเทศออสเตรเลีย ซึ่งเป็นชีสอย่างดี กลิ่นไม่รุนแรง ซึ่งรับประทานเข้ากันดีกับเค้กลูกตาลที่ไม่หวานจนเกินไป ในขณะที่ถ้วยกระดาษหลากสีสันที่ใช้เป็นภาชนะใส่ขนมเค้ก ก็เป็นมาตรฐานที่ใช้สำหรับใช้บรรจุอาหารได้ (Food Grade) ซึ่งสีจากถ้วยกระดาษจะไม่ตกลงไปในเนื้อเค้ก สร้างสีสันให้กับผู้พบเห็นได้เป็นอย่างดี พ่วงด้วยอีกหนึ่งเมนูที่เป็นอาหารคาวคือขนมผักกาด หรือไชเท้าก้วย ภายใต้แบรนด์ “กินจุ” ที่ปัจจุบันมีขนมกว่า 20 รายการ

“ในช่วงที่เราเริ่มเปิดร้านกินจุ ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสมนัก เนื่องจากเป็นเวลาของการเปลี่ยนขั้วรัฐบาล มีความไม่สงบในบ้านเมือง ส่งผลให้เศรษฐกิจตกต่ำ ผู้คนชะลอการใช้เงินเป็นอย่างมาก ในขณะที่เราลงทุนขยายสาขาอย่างรวดเร็วตามห้างสรรพสินค้า ซึ่งก็ไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าที่ควร เราจึงหันกลับมาดูทำเลใหม่ที่ค่าเช่าไม่สูงเกินไปนัก เพื่อประคับประคองธุรกิจให้อยู่รอด สุดท้ายจึงตัดสินใจยุบสาขาทั้งหมด มีเพียงหน้าร้านแห่งเดียวในขณะนี้คือ ตลาด อ.ต.ก. ย่านจตุจักร ล็อค ที่ 9/5 ใกล้รถไฟฟ้าใต้ดิน เพื่อใช้เป็นหน้าร้านขายสินค้า และเป็นสถานที่ให้ลูกค้าสำหรับจัดเลี้ยงมารับสินค้า ซึ่งธุรกิจไปได้ค่อนข้างดี แต่ก็ถือว่ายอดขายก็มีลดลงบ้างตามสภาวะเศรษฐกิจ ที่เกือบทุกร้านค้าในตลาด อ.ต.ก. ก็ล้วนได้รับผลกระทบจากพิษเศรษฐกิจด้วยกันทั้งสิ้น”
ขนมผักกาด (ไชเท้าก้วย) อาหารคาวเพียงอย่างเดียวของร้านกินจุ สำหรับกลยุทธ์ทางรอดให้กับธุรกิจของร้านกินจุ ศรีเพ็ญ บอกว่า ตนเองไม่ท้อต่อการทำธุรกิจนี้ เนื่องจากที่ผ่านมาตนเองผ่านมาทำธุกรกิจมากหลากหลายประเภท ที่ต้องพบเจอกับปัญหาที่แตกต่างกันไป หรืออาจเรียกได้ว่าตนเองเผชิญกับปัญหามาเกือบทุกรูปแบบ แต่ก็ผ่านมาได้ด้วยดี โดยอาศัยปรัชญาง่ายๆ ที่ว่า “มีปัญหาก็ต้องค่อยๆ แก้กันไป และต้องมีทางออกที่ดีสำหรับทุกปัญหา” ซึ่งตนเองก็ยึดถือมาโดยตลอด และครั้งนี้ ศรีเพ็ญ ใช้กลยุทธ์ในการทำตลาดให้กับร้านกินจุ ด้วยการเข้าสู่การเป็นผู้ผลิตอย่างเต็มตัว เน้นการขายส่งให้กับร้านสะดวกซื้อ และซูเปอร์สโตร์ขนาดใหญ่ของไทย ซึ่งขณะนี้อยู่ในช่วงการเจรจาธุรกิจ โดยศรีเพ็ญ เชื่อว่าทางออกดังกล่าวจะช่วยให้ธุรกิจอยู่รอด เนื่องจากเป็นการลดทุนได้หลายด้าน ทั้งในเรื่องค่าเช่าที่เปิดหน้าร้าน ลดการจ้างงาน ในขณะเดียวก็มุ่งมั่นในกระบวนการผลิตสินค้าที่ดีมีคุณภาพ ซึ่งเชื่อแน่ว่าเป็นวิธีที่เหมาะสมกับเศรษฐกิจ ณ ปัจจุบันนี้ บรรดาขนมนานาชนิดของร้านกินจุ นมสดมะพร้าวอ่อนบรรจุลงถ้วย รับประทานสะดวก นิยมนำไปจัดเลี้ยง แพคเกจสวยงามเหมาะเป็นของฝาก ***สนใจติดต่อ 08-1205-5545, 08-1205-5505*** อ้างอิงจาก ผู้จัดการออนไลน์

Read More...


‘ลัลลาบายมิ้วส์’ ไอศกรีมคอนเซ็บต์ รังสรรค์รสแปลกใหม่เอาใจลูกค้า




ไอศกรีมธีมซาฟารี


การรวมกลุ่มของผองเพื่อนที่หลงใหลในรสชาติความหวาน และเย็นฉ่ำของไอศกรีมโฮมเมด ที่หนึ่งในนั้นได้ไปเรียนการทำไอศกรีมขั้นพื้นฐาน จนสามารถยึดเป็นอาชีพหลัก แต่เมื่อต้องการขยายธุรกิจ จึงชักชวนเพื่อนสนิทอีก 2 คนเข้าร่วมด้วย จนก่อเกิดเป็นธุรกิจไอศกรีมโฮมเมดรสชาติเข้มข้น เน้นคุณภาพ พร้อมคัดสรรวัตถุดิบจากธรรมชาติ เน้นการทำการตลาดกับกลุ่มลูกค้าที่นำไปจัดเลี้ยงตามงานสังสรรค์รื่นเริงต่างๆ ภายใต้แบรนด์ “ลัลลาบายมิ้วส์”





นวรัตน์ พงศ์พิศิษฎ์สกุล ผู้ดูแลด้านการผลิตไอศกรีมลัลลาบายมิ้วส์


นวรัตน์ พงศ์พิศิษฎ์สกุล ผู้ดูแลด้านการผลิตไอศกรีมลัลลาบายมิ้วส์ เล่าว่า ตนเองเรียนจบมาจากคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งเมื่อเรียนจบก็ทำงานตามที่เรียนมา แต่ด้วยความที่ชื่นชอบรับประทานไอศกรีม จึงได้ไปเรียนการทำไอศกรีมโฮมเมดเพิ่มเติม หวังทำเป็นงานอดิเรก ซึ่งมีการฝึกฝนฝีมืออย่างสม่ำเสมอ จนได้ไอศกรีมโฮมเมดที่ตนเองคิดว่ารสชาติลงตัว และสามารถทำเป็นเชิงพาณิชย์ได้ แต่การที่เป็นผู้ผลิตไอศกรีมโฮมเมดน้องใหม่ในวงการ นวรัตน์จึงเน้นการผลิตเพื่อขายส่งตามร้านอาหารและภัตตาคาร โดยใช้ชื่อแบรนด์ว่า “มิ้วส์ (Muse)” จนกระทั่งได้ไปผลิตไอศกรีมหมีแพนด้า ที่ห้างเซ็นทรัล ซึ่งมีขนาดใหญ่ลำพังทำคนเดียวไม่ไหว จึงได้ชวนเพื่อนสนิท 2 คนที่เรียนในระดับอุดมศึกษามาช่วยผลิตชิ้นงานดังกล่าว คือ ปัทมา สุขสกุลชัย (หลิน) ดูแลด้านการออกแบบรสชาติ แพคเกจ ของไอศกรีม เพราะมีความเชี่ยวชาญด้านกราฟิกดีไซน์ และโฉมอนงค์ กันมล (เอ๋) ดูแลด้านการตลาด และติดต่อประสานงานกับลูกค้า





ไอศกรีมงานเลี้ยงแต่งงานทุกรสชาติเป็นสีชมพู


จากผลงานไอศกรีมหมีแพนด้านั้น ถือเป็นการจุดประกายให้เพื่อนทั้ง 2 คน สนุกและรักในการทำไอศกรีมโฮมเมด ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่ซ้ำใคร โดยอาศัยความรู้ด้านการออกแบบกราฟิกดีไซน์ เข้ามาช่วยสร้างสรรค์ไอศกรีมให้มีความแตกต่างจากผู้ประกอบการรายอื่น พร้อมทั้งสร้างแบรนด์อีกหนึ่งแบรนด์ที่ชื่อว่า “ลัลลาบายมิ้วส์ (Lullabymuse)” ที่เป็นไอศกรีมมีคอนเซ็ปต์ เน้นความแปลกทั้งรสชาติและชื่อของไอศกรีมในแต่ละรส เช่น Lullaby เป็นไอศกรีมรสนมผสมน้ำผึ้งและมอลล์ ช่วยให้นอนหลับสบาย Sleepless sonata ไอศกรีมรสมอคค่า ผสมคาราเมลโรยด้วยผงกาแฟเอสเพรสโซ่ Stardust ไอศกรีมรสดาร์คช็อคโกแลตผสมไวท์ช็อคโกแลตชิป Hoe (โฮ๊ะ) ไอศกรีมชอร์เบทผสม 5 รสชาติ และเนื้อผลไม้สด Jaguar ไอศกรีมรสชานมไทยผสมช็อคโกแลต และ King of Kong ไอศกรีมรสบานาน่าอัลมอลต์โรยด้วยผงโกโก้ เป็นต้น ซึ่งปัจจุบันมีประมาณ 10 รสชาติ เน้นเจาะกลุ่มลูกค้าที่จัดงานอีเว้นท์, งานจัดเลี้ยงต่างๆ ยังไม่การขายปลีก และยังไม่มีหน้าร้าน





ไอศกรีมสำหรับงานแต่งงานที่ทางร้านออกแบบแพคเกจเป็นชุดบ่าว-สาว


“เราดำเนินธุรกิจนี้มาประมาณ 6 เดือน ซึ่งผลตอบรับก็ค่อนข้างดี ทั้งๆที่ ยังไม่มีการทำตลาดอย่างจริงจัง อาศัยการโปรโมทสินค้า และแบรนด์ให้ลูกค้ารู้จักผ่านงานไอศกรีมเฟสติวัล (Ice-cream Festival) ที่ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ส่งผลให้หลังจากออกงานดังกล่าว 2 ครั้ง ก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้า ที่ได้นำนามบัตรไปและติดต่อให้นำไอศกรีมของเราไปจัดเลี้ยงของบริษัทอยู่หลายราย”





ไอศกรีมรส Hoe (โฮ๊ะ) รวม 5 รสชาติ


นอกจากลัลลาบายมิ้วส์ ที่สร้างความแตกต่างในเรื่องรสชาติแล้วแต่ยังสร้างความโดดเด่นด้านการบริหารด้วย คือ สามารถคิดรสชาติและคอนเซ็บต์ของไอศกรีมตนเองให้ตรงกับธีม (Theme) งานของลูกค้าได้อีกด้วย เช่น งานแต่งงาน ที่ทางลัลลาบายมิ้วส์ สามารถผลิตไอศกรีมทุกรสชาติให้เป็นสีชมพูได้ พร้อมทั้งมีการออกแบบถ้วยกระดาษที่เป็นภาชนะหลักในการเสิร์ฟไอศกรีม เป็นรูปชุดแต่งงานของเจ้าบ่าวและเจ้าสาวได้ โดยทางร้านรับจัดงานเลี้ยงตั้งแต่ 200 ถ้วยขึ้นไป ส่วนการขายปลีกตามห้างสรรพสินค้าที่ไปออกงานราคาอยู่ที่สกู๊ปละ 49 บาท





Jaguar ไอศกรีมรสชาไทยผสมช็อกโกแลต


โดยจุดเด่นของไอศกรีมโฮมเมดลัลลาบายมิ้วส์ จะอยู่ที่รสชาติที่เข้มข้น และแปลกใหม่สำหรับลูกค้าเมื่อได้ลิ้มลองรวมถึงสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ ในการคิดรสชาติไอศกรีมให้ตรงกับงานของลูกค้าได้ ซึ่งกลยุทธ์นี้ถือว่าตรงกับสถานการณ์ในปัจจุบันที่บริษัทเอกชนชั้นนำต่างๆ ต้องการสร้างความแตกต่าง ไม่ซ้ำใคร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการนำเสนอกลยุทธ์ขององค์กร ไปจนกระทั่งอาหารที่นำมาจัดเลี้ยงลูกค้า เพราะเชื่อว่าเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่องค์กรอีกทางหนึ่ง





King of kong ไอศกรีมรสกล้วยหอมอัลมอนต์ โรยด้วยผงโกโก้


ล่าสุดทางลัลลาบายมิ้วส์ ได้นำเข้าเครื่องทำไอศกรีมสปาเกตตี้ ที่สามารถทำให้ไอศกรีมไหลออกมาเป็นเส้นคล้ายเส้นสปาเกตตี้ พร้อมราดด้วยซอสเบอรี่รวมและซอสกีวีผสมมะม่วง ซึ่งสร้างความตื่นตาตื่นใจให้ลูกค้าพอสมควรโดยขายในราคาถ้วยละ 69 บาท





Lullaby ไอศกรีมรสนมผสมน้ำผึ้งและมอลต์


สำหรับแผนธุรกิจในอนาคตเล็งหาพื้นที่เปิดร้านไอศกรีมย่านสถานศึกษาเพื่อให้แบรนด์เป็นที่รู้จักมากขึ้น เพราะเชื่อว่าหากยังไม่มีหน้าร้านโอกาสเติบโตของธุรกิจจะค่อนข้างยาก พร้อมทั้งในปี 2553 นี้จะทำการบุกตลาดอย่างจริงจัง ที่จากเดิมลูกค้าติดต่อเข้ามาเอง แต่หลังจากนี้จะเดินเข้าไปหาลูกค้าเอง นำร่องเจาะกลุ่มลูกค้าในโรงแรมชั้นนำในกรุงเทพฯ ก่อน หวังต่อยอดนำไอศกรีมเข้าไปจัดเลี้ยงในโรงแรม





Sleepless Sonata ไอศกรีมรสมอคค่า ผสมคาราเมลโรยด้วยผงกาแฟเอสเพรสโซ่





Coco Limbo ไอศกรีมรสมะพร้าวน้ำหอมผสมเนื้อมะพร้าวและโรยด้วยผงโกโก้ด้านบน





ไอศกรีมสปาเกตตี้ ราดด้วยซอสเบอรี่


***สนใจติดต่อ 08-1555-7077, 08-6324-7717 หรือที่ www.lullabymuse.com***


อ้างอิงจาก    ผู้จัดการออนไลน์

Read More...


POPULAR ไอศกรีมทอด กรอบอร่อยไม่เหมือนใคร สอดไส้ไอศกรีม




ความอร่อยในรูปแบบแป้งกรุบกรอบด้านนอก เย็นฉ่ำด้วยเนื้อไอศกรีมหลากรสชาติด้านใน ของ POPULAR ไอศกรีมทอด น้องใหม่ในวงการไอศกรีม


ขอดับร้อนให้ผู้บริโภคด้วยเมนูไอศกรีมรูปแบบใหม่ ได้รสชาติอร่อยไม่เหมือนใคร พร้อมเปิดโอกาสให้กับผู้ที่สนใจเข้าร่วมลงทุน


เมนูไอศกรีมทอด POPULAR แจ้งเกิดจากคุณณภัชนันท์ อยู่คง ผู้หลงใหลในรสชาติความอร่อยของไอศกรีม และต้องการสร้างสรรค์เมนูไอศกรีมให้มีความอร่อยแปลกใหม่ ด้วยการคิดค้นสูตรไอศกรีมทอดของตัวเองขึ้นมา ผ่านการลองผิดลองถูก จนได้รสชาติที่พอใจในแบบฉบับ POPULAR ไอศกรีมทอดที่รับรองความอร่อยและความแปลกใหม่ ด้วยนิยามที่ว่า “POPULAR ไอศกรีมทอด ความแปลกใหม่ของรสชาติที่เป็นได้มากกว่าไอศกรีม









“เราเริ่มทำเป็นธุรกิจขนาดเล็ก แต่ก็เป็นที่สนใจของลูกค้าเป็นจำนวนมาก ด้วยความแปลกใหม่ของรูปแบบไอศกรีมทอดที่ยังไม่ค่อยมีใครทำ อีกทั้งเรื่องรสชาติความอร่อยก็สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้เป็นอย่างดี จนมีลูกค้าประจำบางรายขอซื้อสูตร บางรายขอซื้อแฟรนไชส์ นั่นจึงเป็นจุดเริ่มของการทำธุรกิจในรูปแบบของแฟรนไชส์ ภายใต้แบรนด์ POPULAR ไอศกรีมทอด”









การเข้าร่วมธุรกิจกับ POPULAR ไอศกรีมทอด ใช้งบประมาณในการลงทุนอยู่ที่หลักหมื่นต้น ๆ ซึ่งการบริหารงานก็ไม่ยุ่งยาก เนื่องจากทางแฟรนไชซอร์จะจัดส่งไอศกรีมแบบสำเร็จรูปให้ เพียงนำไปทอดให้เหลืองกรอบแต่ตกแต่งหน้าด้วยทอปปิ้งต่าง ๆ ก็จะได้เมนูไอศกรีมทอดพร้อมขาย ซึ่งมีรสชาติให้เลือกอร่อยหลายรส อาทิ ช็อคโกแลต ช็อคโกแลตชิพ สตอว์เบอรี่ บลูเบอรี่ เลมอน มอคคาชิพ ฯลฯ ราคาจำหน่ายอยู่ 15-30 บาท


“กำไรในการจำหน่าย POPULAR ไอศกรีมทอด จะอยู่ที่ 40-60% ทำให้ใช้ระยะเวลาในการคืนทุนไม่นาน พร้อมกันนี้ก็ไม่มีการเรียกเก็บส่วนแบ่งเปอร์เซ็นต์ยอดขาย หรือค่าทำการตลาดแต่อย่างใด เพียงแต่ต้องสั่งซื้อไอศกรีมกับเราเท่านั้น และผู้ที่ลงทุนกับเราก็จะได้รับอุปกรณ์ครบชุดพร้อมเปิดร้าน คีออสเป็นไม้ที่สวยงามมีรูปแบบที่ไม่ตายตัว หากลูกค้าต้องการเพิ่มเติมอะไรเข้าไปเพื่อให้เกิดความสะดวกเราก็จะทำให้ เช่น ต้องการให้มีล้อเพื่อสะดวกต่อการขนย้าย เป็นต้น และจุดเด่นของเราอีกอย่างคือ เรามีโปรโมชั่นใหม่สำหรับแฟรนไชส์ซีทุก ๆ เดือน”

Read More...


ขอดับร้อนให้ผู้บริโภคด้วยเมนูไอศกรีมรูปแบบใหม่ ได้รสชาติอร่อยไม่เหมือนใคร พร้อมเปิดโอกาสให้กับผู้ที่สนใจเข้าร่วมลงทุน
เมนูไอศกรีมทอด POPULAR แจ้งเกิดจากคุณณภัชนันท์ อยู่คง ผู้หลงใหลในรสชาติความอร่อยของไอศกรีม และต้องการสร้างสรรค์เมนูไอศกรีมให้มีความอร่อยแปลกใหม่ ด้วยการคิดค้นสูตรไอศกรีมทอดของตัวเองขึ้นมา ผ่านการลองผิดลองถูก จนได้รสชาติที่พอใจในแบบฉบับ POPULAR ไอศกรีมทอดที่รับรองความอร่อยและความแปลกใหม่ ด้วยนิยามที่ว่า “POPULAR ไอศกรีมทอด ความแปลกใหม่ของรสชาติที่เป็นได้มากกว่าไอศกรีม

“เราเริ่มทำเป็นธุรกิจขนาดเล็ก แต่ก็เป็นที่สนใจของลูกค้าเป็นจำนวนมาก ด้วยความแปลกใหม่ของรูปแบบไอศกรีมทอดที่ยังไม่ค่อยมีใครทำ อีกทั้งเรื่องรสชาติความอร่อยก็สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้เป็นอย่างดี จนมีลูกค้าประจำบางรายขอซื้อสูตร บางรายขอซื้อแฟรนไชส์ นั่นจึงเป็นจุดเริ่มของการทำธุรกิจในรูปแบบของแฟรนไชส์ ภายใต้แบรนด์ POPULAR ไอศกรีมทอด”

การเข้าร่วมธุรกิจกับ POPULAR ไอศกรีมทอด ใช้งบประมาณในการลงทุนอยู่ที่หลักหมื่นต้น ๆ ซึ่งการบริหารงานก็ไม่ยุ่งยาก เนื่องจากทางแฟรนไชซอร์จะจัดส่งไอศกรีมแบบสำเร็จรูปให้ เพียงนำไปทอดให้เหลืองกรอบแต่ตกแต่งหน้าด้วยทอปปิ้งต่าง ๆ ก็จะได้เมนูไอศกรีมทอดพร้อมขาย ซึ่งมีรสชาติให้เลือกอร่อยหลายรส อาทิ ช็อคโกแลต ช็อคโกแลตชิพ สตอว์เบอรี่ บลูเบอรี่ เลมอน มอคคาชิพ ฯลฯ ราคาจำหน่ายอยู่ 15-30 บาท
“กำไรในการจำหน่าย POPULAR ไอศกรีมทอด จะอยู่ที่ 40-60% ทำให้ใช้ระยะเวลาในการคืนทุนไม่นาน พร้อมกันนี้ก็ไม่มีการเรียกเก็บส่วนแบ่งเปอร์เซ็นต์ยอดขาย หรือค่าทำการตลาดแต่อย่างใด เพียงแต่ต้องสั่งซื้อไอศกรีมกับเราเท่านั้น และผู้ที่ลงทุนกับเราก็จะได้รับอุปกรณ์ครบชุดพร้อมเปิดร้าน คีออสเป็นไม้ที่สวยงามมีรูปแบบที่ไม่ตายตัว หากลูกค้าต้องการเพิ่มเติมอะไรเข้าไปเพื่อให้เกิดความสะดวกเราก็จะทำให้ เช่น ต้องการให้มีล้อเพื่อสะดวกต่อการขนย้าย เป็นต้น และจุดเด่นของเราอีกอย่างคือ เรามีโปรโมชั่นใหม่สำหรับแฟรนไชส์ซีทุก ๆ เดือน”
ขอดับร้อนให้ผู้บริโภคด้วยเมนูไอศกรีมรูปแบบใหม่ ได้รสชาติอร่อยไม่เหมือนใคร พร้อมเปิดโอกาสให้กับผู้ที่สนใจเข้าร่วมลงทุน เมนูไอศกรีมทอด POPULAR แจ้งเกิดจากคุณณภัชนันท์ อยู่คง ผู้หลงใหลในรสชาติความอร่อยของไอศกรีม และต้องการสร้างสรรค์เมนูไอศกรีมให้มีความอร่อยแปลกใหม่ ด้วยการคิดค้นสูตรไอศกรีมทอดของตัวเองขึ้นมา ผ่านการลองผิดลองถูก จนได้รสชาติที่พอใจในแบบฉบับ POPULAR ไอศกรีมทอดที่รับรองความอร่อยและความแปลกใหม่ ด้วยนิยามที่ว่า “POPULAR ไอศกรีมทอด ความแปลกใหม่ของรสชาติที่เป็นได้มากกว่าไอศกรีม “เราเริ่มทำเป็นธุรกิจขนาดเล็ก แต่ก็เป็นที่สนใจของลูกค้าเป็นจำนวนมาก ด้วยความแปลกใหม่ของรูปแบบไอศกรีมทอดที่ยังไม่ค่อยมีใครทำ อีกทั้งเรื่องรสชาติความอร่อยก็สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้เป็นอย่างดี จนมีลูกค้าประจำบางรายขอซื้อสูตร บางรายขอซื้อแฟรนไชส์ นั่นจึงเป็นจุดเริ่มของการทำธุรกิจในรูปแบบของแฟรนไชส์ ภายใต้แบรนด์ POPULAR ไอศกรีมทอด” การเข้าร่วมธุรกิจกับ POPULAR ไอศกรีมทอด ใช้งบประมาณในการลงทุนอยู่ที่หลักหมื่นต้น ๆ ซึ่งการบริหารงานก็ไม่ยุ่งยาก เนื่องจากทางแฟรนไชซอร์จะจัดส่งไอศกรีมแบบสำเร็จรูปให้ เพียงนำไปทอดให้เหลืองกรอบแต่ตกแต่งหน้าด้วยทอปปิ้งต่าง ๆ ก็จะได้เมนูไอศกรีมทอดพร้อมขาย ซึ่งมีรสชาติให้เลือกอร่อยหลายรส อาทิ ช็อคโกแลต ช็อคโกแลตชิพ สตอว์เบอรี่ บลูเบอรี่ เลมอน มอคคาชิพ ฯลฯ ราคาจำหน่ายอยู่ 15-30 บาท “กำไรในการจำหน่าย POPULAR ไอศกรีมทอด จะอยู่ที่ 40-60% ทำให้ใช้ระยะเวลาในการคืนทุนไม่นาน พร้อมกันนี้ก็ไม่มีการเรียกเก็บส่วนแบ่งเปอร์เซ็นต์ยอดขาย หรือค่าทำการตลาดแต่อย่างใด เพียงแต่ต้องสั่งซื้อไอศกรีมกับเราเท่านั้น และผู้ที่ลงทุนกับเราก็จะได้รับอุปกรณ์ครบชุดพร้อมเปิดร้าน คีออสเป็นไม้ที่สวยงามมีรูปแบบที่ไม่ตายตัว หากลูกค้าต้องการเพิ่มเติมอะไรเข้าไปเพื่อให้เกิดความสะดวกเราก็จะทำให้ เช่น ต้องการให้มีล้อเพื่อสะดวกต่อการขนย้าย เป็นต้น และจุดเด่นของเราอีกอย่างคือ เรามีโปรโมชั่นใหม่สำหรับแฟรนไชส์ซีทุก ๆ เดือน” “ภายในสิ้นปีนี้เราจะขยายสาขาให้ได้ 35 สาขา โดยจะดึงจุดเด่นมาโปรโมท อีกทั้งสร้างแรงจูงใจแก่แฟรนไชส์ซีเกี่ยวกับโปรโมชั่นและบริการ พร้อมกับคิดค้นเมนูแปลกใหม่ที่ไม่ซ้ำใครออกมาให้ลุกค้าได้มีทางเลือกที่หลากหลาย ซึ่งหากคุณสนใจจะทำธุรกิจที่สร้างรายได้ อยากให้นึกถึงแฟรนไชส์ POPULAR ไอศกรีมทอด ที่สามารถทำให้คุณเปิดร้านขายไอศกรีมทอดได้เลย พร้อมโปรโมชั่นพิเศษต่าง ๆ มากมาย และที่สำคัญตอนนี้ไอศกรีมทอดกำลังเป็นที่สนใจของผู้บริโภคทุกกลุ่ม ตลาดกำลังขยายกว้างขึ้นจึงเป็นโอกาสที่ดีสำหรับคุณ”
สนใจเข้าร่วมธุรกิจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ หมายเลขโทรศัพท์ 08-5404-3977, 08-3159-6165

Read More...


กระโจมเพาะเห็ด โมโน ฮัท



คนส่วนใหญ่ที่มุ่งในแนวทางสุขภาพ มักประกอบอาหารจากผักและธัญพืชต่าง ๆ โดยเฉพาะเห็ดเป็นอาหารที่ให้โปรตีนคุณภาพสูง จากกระแสในการบริโภคเห็ด 3 อย่างช่วยลดภาวะเสี่ยงโรคมะเร็ง ที่สำคัญเห็ดสามารถดัดแปลงเป็นเมนูรสเลิศได้มากมาย ทำให้คนหันมาบริโภคเห็ดกันมาก

กระโจมเพาะเห็ด โมโน ฮัท สร้างสรรค์ขึ้นจากแนวคิดของ คุณปกรณ์ สิทธิศักดิ์สมใจ ที่มีปัญหาป่วยด้วยโรคหัวใจจนต้องทำบอลลูน คุณหมอแนะนำให้หลีกเลี่ยงโปรตีนจากเนื้อสัตว์ โดยให้ทานโปรตีนจากพืชและปลา พืชที่มีโปรตีนมากคือถั่วเหลืองและเห็ด แต่ถั่วเหลืองใช้ปรุงอาหารได้ไม่หลากหลาย จึงเน้นมาทานเห็ด จากที่ซื้อเห็ดทานก็พบว่าเห็ดส่วนใหญ่ไม่ค่อยสดและสะอาด พบมีแมลงรบกวน ทำให้คุณปกรณ์เริ่มประดิษฐ์โมเดลกระโจมเพาะเห็ดเล็ก ๆ ขึ้น จนเมื่อเพื่อนฝูงมาพบเห็นก็ชอบก็ขอร้องให้ทำให้บ้างจึงเกิดการขยายต่อยอดมาสู่ธุรกิจ

จากประสบการณ์ที่ผมเคยไปดูเขาทำโรงเพาะเห็ด ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นโรงเรือนที่มุงด้วยแฝกและมีปัญหามด ปลวก แมลงรบกวนมาก เราจึงเกิดไอเดียคิดทำโรงเพาะเห็ดให้เล็กลงแต่สามารถดูแลได้ทั่วถึง จึงเป็นที่มาของกระโจมเพาะเห็ด โมโนฮัท

โดยรูปลักษณ์ภายนอกแล้วสามารถตั้งอยู่ในบริเวณบ้านได้ไม่น่าเกลียด จากนั้นก็เริ่มไปอบรมวิธีการเพาะปลูกเห็ดที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ด้วยควบคู่กัน ประกอบกับมีเพื่อนผมคนหนึ่งเพาะเชื้อเห็ดขายก็เลยเข้าไปคุยกัน

ช่วงนั้นเห็ด 3 อย่างกำลังดัง คนพยายามทานเห็ดให้ได้ 3 อย่างเพราะไปช่วยลดสารก่อมะเร็ง ผมมองว่าโรงเห็ดโรงหนึ่งโดยทั่วไปมักปลูกเห็ดเพียงชนิดเดียว เราคิดว่าจะทำอย่างไรที่จะนำเอาเห็ดสามชนิดมารวมกันในหนึ่งเดียว กลายเป็นที่มาของ โมโน ฮัท โรงเห็ดโรงเดียวสามารถปลูกเห็ดได้ถึง 4 ชนิด โดยต้องเป็นเห็ดที่ใช้ความชื้นและให้น้ำเหมือนกัน เช่น เห็ดนางฟ้า เห็ดนางรม เห็ด เป๋าฮื้อ เห็ดหูหนู สามารถเพาะรวมกันได้
โมโน ฮัท เป็นกระโจมเพาะเห็ดแบบ Knockdown โครงสร้างเป็นเหล็กเคลือบด้วยสีกันสนิม รับประกัน 1 ปี ประกอบด้วยแผ่นฟิวเจอร์บอร์ดที่มีคุณสมบัติระบายความร้อนและเก็บความชื้น มีระบบให้น้ำควบคุมความชื้นอัตโนมัติ จึงง่ายสำหรับผู้ที่ไม่มีประสบการณ์ปลูกเห็ดมาก่อน

ปัจจุบันมีไซซ์ 2×2 เมตร ติดตั้งง่าย และสวยงามไม่สร้างความรำคาญให้บริเวณบ้าน ใช้เวลาติดตั้งไม่เกิน 2 ชั่วโมง ค่าใช้จ่ายพร้อมค่าติดตั้งรวม 25,000 บาท พร้อมเชื้อเห็ดลงเพาะ ซึ่งหลังจากติดตั้งประมาณ 1 สัปดาห์ก็สามารถเก็บเห็ดทานได้ทันที

ลูกค้าของเราส่วนใหญ่จะอยู่ในระดับบนเพราะเป็นผู้ที่ดูแลใส่ใจในเรื่องสุขภาพอย่างแท้จริง ส่วนใหญ่นิยมซื้อไปปลูกเห็ดสด ๆ ทานกันเองในครอบครัว สร้างกิจกรรมและความอบอุ่นภายในบ้าน หรือหากผู้ใดสนใจนำไปเพาะขายเราก็รับเป็นที่ปรึกษาให้ อยากให้เป็นอาชีพเสริมคือตรงนี้คุณไม่ต้องไปดูแลมาก ถึงเวลาก็ไปเก็บเห็ด อาจมีบ้างสองสามวันไปดูสักครั้ง

ผมค่อนข้างภูมิใจกับกระโจมเพาะเห็ด โมโน ฮัท เพราะเป็นสิ่งที่เราคิดเองทำเอง นั่งวิเคราะห์วิจัย ตอนนี้ผมมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพราะมีลูกค้าบางท่านพักอยู่คอนโดมิเนียม พื้นที่ค่อนข้างจำกัด อยู่กันแค่สองคน ทานไม่หมด อยากได้กระโจมเพาะเห็ดไซซ์เล็กกว่านี้ ตอนนี้ผมกำลังทดลองทำอยู่โดยใช้ก้อนเห็ดขนาดเล็กลง และโรงเพาะเห็ดขนาดเล็กนี้จะต่อยอดนำไปสาธิตในโรงเรียนต่าง ๆ เพื่อให้ลู่ทางสร้างอาชีพแก่เด็กนักเรียนในต่างจังหวัดด้วย

กระโจมเพาะเห็ดนี้สามารถเพาะเห็ดได้ทุกชนิด ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิโดยรอบ หากนำไปติดตั้งไว้ทางภาคเหนือก็สามารถปลูกเห็ดทางเหนือได้ สำหรับปัญหาเรื่องเห็ดไม่ออกยังไม่พบ จะมีเพียงแต่เพาะนานไปเห็ดเริ่มออกน้อยลง ซึ่งเป็นธรรมชาติของเชื้อเห็ดที่มีอายุ 6 เดือน ช่วง 2-3 เดือนแรกจะออกค่อนข้างมาก แต่หลังจากนั้นจะค่อย ๆน้อยลงเพราะเชื้อเห็ดข้างในเริ่มลดลง คนเลี้ยงจึงต้องเข้าใจและรู้จักวิธีการกระตุ้น ซึ่งเรามีคำแนะนำให้

ผมมองว่าธุรกิจนี้ยังไปได้อีกไกล เพราะคนส่วนใหญ่หันมาใส่ใจสุขภาพกันมากขึ้น กระโจมเพาะเห็ด โมโน ฮัท ง่าย สะดวก ไม่ต้องดูแลมาก คุณรอเก็บเห็ดสดทานเพียงเท่านั้น และยังเป็นกิจกรรมหนึ่งที่สร้างความสุขในครอบครัวได้อย่างดีด้วย โดยเฉพาะเด็ก ๆ เขาจะสนุกกับการเรียนรู้ และยังได้ในเรื่องสุขภาพด้วย ถ้ามองในเรื่องสุขภาพแล้วผมว่ามันคุ้มค่า ซื้อกระโจมเพาะเห็ดผมแถมคู่มือทำอาหารจากเห็ดฟรี รวมหลากหลายสารพัดเมนูรสอร่อยจากเห็ด


สนใจกระโจมเพาะเห็ด โมโน ฮัท สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่ เลขที่ 65/12 ปารีณาโฮมออฟฟิศ ซ.แจ้งวัฒนะ 1 ถ.แจ้งวัฒนะ แขวงตลาดบางเขน เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ

โทร.0-2973-2284, 08-1457-4092

อ้างอิงจาก ejobeasy
 

Read More...


เฉาก๊วยธัญพืช ธุรกิจดับร้อน ส่งแฟรนไชส์ราคาถูกสู่คนตกงาน

 
เฉาก๊วยธัญพืช ธุรกิจดับร้อน ส่งแฟรนไชส์ราคาถูกสู่คนตกงานในช่วงหน้าร้อน ถือได้ว่าธุรกิจประเภทเครื่องดื่ม กลายเป็นช่วงเวลาแห่งการกอบโกยรายได้ที่ดีที่สุด เพราะสามารถช่วยคลายร้อน เพิ่มความสดชื่นในแต่ละวันได้เป็นอย่างดี และหากเป็นเครื่องดื่มที่มีสมุนไพรไทย ที่ช่วยลดอุณหภูมิความร้อนในร่างกายด้วยแล้ว อย่าง “เฉาก๊วย” ที่คนไทยคุ้นเคยเป็นอย่างดี เชื่อได้ว่าคงจะได้รับความนิยมไม่น้อยเลยทีเดียว ทำให้เจ้าของแฟรนไชส์ “เฉาก๊วยธัญพืช” ปรับโฉมคีออสใหม่ พร้อม ลดราคาการลงทุนลง เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ที่ตกงานได้ลืมตาอ้าปากได้จากธุรกิจการขายเฉาก๊วยธัญพืช ต้อนรับ

อรินทร์ ตรีช่อวิทยา กรรมการผู้จัดการ บริษัท เจลลี่ เบิร์ด จำกัด เจ้าของแฟรนไชส์เฉาก๊วยธัญพืช ที่ผสมลงในเครื่องดื่มหลากหลายรสชาติทั้งชา, กาแฟ, นมเย็น และโกโก้ เปิดเผยเส้นทางกว่าจะมาเป็นธุรกิจเฉาก๊วยธัญพืช ว่า ตนเองเคยเป็นมนุษย์เงินเดือนจากอาชีพวิศวกร แต่เมื่อเจอมรสุมวิกฤตเมื่อปี 2540 จำต้องออกจากงานประจำ และคิดมีธุรกิจเป็นของตนเอง เนื่องจากที่ผ่านมาตนเองได้มีโอกาสขายของเล็กๆ น้อย แล้วรู้สึกมีความสุข แต่ก็ยังไม่มีเป้าหมายว่าจะทำการค้าด้านใดดี จึงใช้ช่วงเวลาว่างของชีวิตอยู่วัดเพื่อศึกษาพระธรรม จนสุดท้ายได้กลายเป็นครูสอนสมาธิ ที่วัดธรรมมงคล ย่านสุขุมวิท 101 ได้ระยะหนึ่ง

จนกระทั่งปี 2544 คิดอยากผลิตเฉาก๊วยขึ้นเองจากความชอบส่วนตัวที่ชอบรับประทานเฉาก๊วยมาก แต่เมื่อไปรับประทานก็รู้สึกไม่ประทับใจในรสชาติเท่าที่ควร ประกอบกับในช่วงนั้นได้นำเฉาก๊วยใส่ลงไปในน้ำเต้าหู้เพื่อรับประทานคู่กัน ซึ่งรสชาติออกมาดี ส่วนผสมทั้ง 2 อย่างเข้ากันได้อย่างลงตัว จึงรับเฉาก๊วยมาขายในงานบ้านเลขที่ ซึ่งเป็นเฉาก๊วยใส่น้ำตาลธรรมดา ซึ่งก็ขายดีระดับหนึ่ง แต่ยังไม่เป็นที่พอใจนัก วันต่อมาจึงกับรูปแบบใหม่ ด้วยการนำธัญพืชมาโรยหน้า อย่าง ถั่วแดง ข้าวบาเลย์ และมันเชื่อม ปรากฏว่าสามารถเพิ่มยอดขายได้ถึง 30,000 บาท/วัน เลยทีเดียว




                 “เมื่อกลยุทธ์การเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าเป็นผลสำเร็จ ผมจึงคิดสร้างแบรนด์ให้กับเฉาก๊วย เมื่อให้ลูกค้าจดจำได้ ด้วยการเริ่มต้นธุรกิจด้วยเงินเพียง 5,000 บาท ที่ขอหยิบยืมมาจากอากง (คุณปู่) เพื่อมาตั้งตัวในการขายเฉาก๊วย ซึ่งในช่วงแรกเป็นการสั่งผลิตเฉาก๊วยเมื่อนำมาขาย พร้อมโรยธัญพืช ภายใต้แบรนด์ เจลลี่ เบิร์ด (Jelly Bird) ซึ่งกิจการเติบโตไปได้ด้วยดี มีคนมาขอซื้อแฟรนไชส์ ทำให้ในช่วงนั้นสามารถขยายสาขาได้หลายร้อยราย แต่เมื่อกำลังการผลิตเริ่มเยอะขึ้น ทำให้ผู้ที่รับจ้างผลิตเฉาก๊วยไม่สามารถผลิตได้ทัน ทำให้ผมจำเป็นต้องผลิตเฉาก๊วยขึ้นเอง โดยใช้เวลาเรียนรู้ ลองผิดลองถูก ประมาณ 1 ปี ทดลองทำแล้วทิ้งไปกว่า 2 ตัน จนได้เฉาก๊วยที่มีความเหนียวนุ่มอย่างในปัจจุบัน แต่ก็ต้องแลกไปกับการขอเลิกสัญญาของแฟรนไชซีไปกว่า 100 ราย เช่นกัน”


                 สุดท้ายทุกอย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสูตรเฉาก๊วย, คีออส และจำนวนแฟรนไชส์ ทำให้ อรินทร์ ลุกขึ้นสู้อีกครั้ง ลุยธุรกิจแฟรนไชส์เฉาก๊วยธัญพืชอย่างเต็มรูปแบบ ส่งผลให้ในปัจจุบันมีกำลังการผลิตเฉาก๊วยประมาณ 1 ตัน/วัน ทั้งการส่งขายให้กับแฟรนไชซี และบรรจุกล่องพร้อมรับประทานส่งขายตามซูเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำทั่วไป เช่น ท็อปซูเปอร์มาร์เก็ต, วิลล่ามาร์เก็ต, จัสโก้ และเลมอนฟาร์ม เป็นต้น โดยมีแผนจะกระจายสินค้าไปยังห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่อีกหลายแห่ง เพื่อทำให้สินค้าเป็นที่รู้จัก


สำหรับการลงทุนในรูปแบบแฟรนไชส์เฉาก๊วยธัญพืช ถือได้ว่าเป็นแฟรนไชส์ตัวอย่างที่ ได้รับรองจาก กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ว่าเป็นแฟรนไชส ์ที่ผ่านการอบรมจากกรมฯ และมีมาตรฐานของประเทศไทยทำให้แฟรนไชซีมีความมั่นใจมากขึ้น โดยล่าสุดทางเฉาก๊วยธัญพืช ได้เข้าร่วมโครงการ Rainbow Project กับทางกรมฯ ในราคาแฟรนไชส์ราคาถูกเริ่มต้นที่ 15,000 บาท ซึ่งนายอรินทร์ ตั้งเป้าขยายสาขาในปีนี้ (2552) ประมาณ 100 สาขา โดยตั้งเป้าขยายสาขาให้ครบ 250 สาขา โดยเน้นทำเลที่เป็นร้านอาหาร ย่านชุมชน ซึ่งแฟรนไชส์ราคาถูกนี้ ทางเฉาก๊วยธัญพืช ต้องการให้คนว่างงาน หรือผู้ที่มีทำเล และต้องการหาอาชีพเสริม ซึ่งถือว่าเป็นอาชีพที่เหมาะกับเศรษฐกิจในยุคนี้ที่สุด เนื่องจากใช้เงินลงทุนที่ไม่สูง    
***สนใจติดต่อ 0-2719-5009, 08-9204-5824 หรือที่ www.jellybird.com***

...............โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 




Read More...


สูตร ต้มเลือดหมู ตือฮวน อาชีพเสริม

พรพรรณ อภัย วัย 23 ปี เจ้าของร้าน ขนมจีนบ้านแม่พิน ย่านตลาดแหลมฉบัง จ.ชลบุรี เจียดเวลาเพียงวันเดียวเข้าร่วมอบรม ต้มเลือดหมู ตือฮวน กับโครงการของคม ชัด ลึก ฝึกอาชีพ หลังคิดแล้วว่าเมนูนี้ลงทุนน้อย ทำง่าย และตอบโจทย์ลูกค้าได้ครบวงจรมากกว่า


ต้มเลือดหมู-ตือฮวน

แม้ในตลาดแหลมฉบัง ซึ่งถือเป็นย่านนิคมอุตสาหกรรม จะมีอาหารประเภทต้มเลือดหมู-ตือฮวน อร่อยอยู่หลายร้าน รวมทั้งร้านขนมจีนบ้านแม่พิน ของพรพรรณซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับโรงพยาบาลแหลมฉบังอินเตอร์ ที่ได้เพิ่มเมนูนี้อยู่ในรายการอาหารของร้าน ภายหลังที่เจียดเวลา 1 วัน เข้ากรุงเทพฯ เพื่อเข้ารับการอบรมในโครงการ คม ชัด ลึก ฝึกอาชีพ กระทั่งเมนูน้องใหม่นี้มีลูกค้าอุดหนุนอย่างต่อเนื่องช่วยกระตุ้นยอดขายใน แต่ละวันได้มากโข

พรพรรณ หรือ น้องปุ้ย เล่าให้ฟังว่า ภูมิลำเนาเดิมอยู่ที่ จ.อุทัยธานี แต่ย้ายมาขายอาหารอยู่ที่ จ.ชลบุรี ก็เมื่อ 3-4 ปีที่ผ่านมา ตามคำชักชวนของผู้เป็นอา ซึ่งได้เข้ามาค้าขายในเมืองชลบุรีอยู่ก่อนหน้านั้น ด้วยชอบอาชีพค้าขายมาตั้งแต่เด็ก เมื่อมีโอกาสสร้างหลักฐานจึงเปิดร้านขายขนมจีนจนเป็นที่ยอมรับของลูกค้านับ แต่นั้นมา

วันหนึ่งลูกค้าเอ่ยปากถามว่าทำไมไม่ขายต้มเลือดหมูเป็นอาหารเสริมบ้าง บังเอิญได้เปิดเจอข่าวหนังสือพิมพ์ คม ชัด ลึก ฝึกอาชีพ มีหลักสูตรต้มเลือดหมู-ตือฮวน จึงสนใจและสมัครไปอบรม จากนั้นก็กลับมาทดลองทำกินเองทันที โดยให้คนในร้านช่วยชิมดูรสชาติจนเป็นที่ยอมรับ พรพรรณเผย

ส่วนสูตรต้มเลือดหมู-ตือฮวน พรพรรณบอกทำไม่ยาก ส่วนผสมประกอบด้วยต้มน้ำซุป กระดูกสันหลัง (กระดูกเล้ง) เกลือ รากผักชี กระเทียม พริกไทย ส่วนเครื่องในก็มีเลือดหมู ตับ เซี่ยงจี๊ ไส้อ่อน ปอด กระเพาะ หัวใจ ใบตำลึง ผักกาดหอม ตังฉ่าย กุยช่าย

ต้มเลือดหมู-ตือฮวน

วิธีทำ

นั้นให้นำรากผักชี เกลือ ใส่ลงในหม้อต้มรอให้น้ำเดือดแล้วจึงใส่กระดูกสันหลังหมู เสร็จแล้วตักเครื่องในที่ลวกไว้แล้ว ใส่ใบตำลึง ผักกาดหอม เสิร์ฟพร้อมข้าวสวยร้อนๆ แค่นี้ก็ได้ความอร่อยที่ลงตัว
โดยสนนราคาเมนูนี้ พรพรรณ บอกว่าชามธรรมดาราคา 25 บาท และพิเศษ 30 บาท ข้าวเปล่า 5 บาท ซึ่งเป็นราคาปกติยอมรับได้ในยุคข้าวยากหมากแพง นอกจากนี้ก็จะมีเครื่องปรุง น้ำส้ม น้ำปลา น้ำตาลทราย จัดเตรียมไว้ให้ลูกค้าปรุงได้อย่างตามใจชอบ อย่างไรก็ตาม พรพรรณฝากบอกว่า หากท่านใดที่ผ่านไปแถวแหลมฉบัง อยากลองชิมต้มเลือดหมู หรือขนมจีนหลากรสฝีมือเธอก็แวะไปชิมได้ เพราะร้านเปิดทุกวัน หรือถ้าจะให้ชัวร์โทรไปสอบถามได้ที่ 08-5211-2798

ร้านเราการันตีได้เลย นอกจากทุกเมนูอร่อยรสถูกปากกลมกล่อมแล้ว วิธีทำก็ต้องสะอาดถูกหลักอนามัยด้วย ส่วนรายได้จากการขายรวมประมาณวันละ 2,000 บาท เมื่อหักต้นทุนออกก็จะเหลือกำไรประมาณ 500-700 บาท ซึ่งก็พออยู่ได้อย่างไม่ขัดสนในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ พรพรรณเผย

ผ่านไปเกือบปีครึ่ง พรพรรณยอมรับว่าเมนู ต้มเลือดหมู-ตือฮวน ช่วยกระตุ้นยอดขายได้เพิ่มขึ้น จนกลายเป็นเมนูยอดฮิตของร้าน สำหรับผู้สนใจเมนูนี้ โครงการ คม ชัด ลึก ฝึกอาชีพ จะเปิดอบรมอีกครั้งในวันเสาร์ที่ 24 มกราคม 2553 โดยวิทยากรคนเดิม สมพล สืบสมาน เจ้าของร้านต้มเลือดหมู-ตือฮวน ชื่อดังย่านสวนหลวง ร.9 สอบถามรายละเอียดได้ที่โทร.0-2338-3356 และ 0-2338-3356 รับเพียง 40 ท่าน
ที่มา : คมชัดลึก

Read More...


กาแฟสด สร้างอาชีำพ

หลังจาก “ธภัทร ผางจันดา” ข้าราชการประจำ สังกัดปกครองจังหวัดขอนแก่น เข้ารับการอบรมกับ คม ชัด ลึก ฝึกอาชีพ เมื่อปลายปี 2550 หลักสูตรกาแฟสด และวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2551 ได้ลงทุนเปิดร้าน ซำบายกาแฟสด
ซำบายดีกาแฟสด

ช่วงแรกที่เปิดร้าน เธอจะให้ มิ่งขวัญ ผางจันดา น้องสาววัย 31 ปี ดูแลร้านวันจันทร์-ศุกร์ ส่วนธภัทรจะมาดูแลหลังเลิกงาน และวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ แต่ระยะหลังธภัทรจำต้องศึกษาต่อจึงไม่มีเวลาเข้ามาดูแลร้าน จึงให้น้องสาว มิ่งขวัญ เข้ามาดูแลร้าน โดยมีเธอยังคอยควบคุมเรื่องรสชาติให้คงเส้นคงวาอยู่เสมอ

มิ่งขวัญ เล่าว่า หลังเรียนจบปริญญาตรี ก็เข้าทำงานที่บริษัทเอกชนในกรุงเทพฯ เป็นเวลา 7 ปี กระทั่งพี่สาวไปฝึกอบรมทำกาแฟสด กับ คม ชัด ลึก ฝึกอาชีพ และลงทุนเปิดร้าน ต่อมาเมื่อเปิดได้ 5-6 เดือน พี่สาวก็ชวนให้มาอยู่ที่ร้าน และถ่ายทอดความรู้ที่เรียนมาและจากประสบการณ์จริงให้ตน ทั้งการบดกาแฟ การกลั่น การชง และส่วนผสมต่างๆ ตามมาตรฐาน ปัจจุบันสามารถทำได้ทุกเมนู

เธอบอกว่า สำหรับเมนูที่มีไว้บริการลูกค้าตั้งแต่เริ่มเปิดร้านถึงปัจจุบัน ได้แก่ ซำบายกาแฟสด น้ำปั่นเพื่อสุขภาพ ขนมปังปิ้ง ชามะนาว ฯลฯ ส่วนราคายังคงเท่าเดิมไม่เปลี่ยนแปลง คือเริ่มที่ 25-40 บาท แต่หลังจากที่เข้ามาบริหารอย่างเต็มตัวก็ได้เพิ่มเมนู ซำบายดี ขึ้นใหม่ ก็คือนำเอากาแฟสดผสมกับชา โดยจะมีกลิ่นของกาแฟเป็นตัวนำแต่ให้รสชาติที่กลมกล่อม ปัจจุบันเมนูนี้ได้รับความนิยมอย่างมากจากลูกค้า

เรายังเพิ่มเมนูใหม่คือ สมูตตี้สตรอเบอร์รี่ โดยนำโยเกิร์ตมาปั่นผสมกับสตรอเบอร์รี่และใส่วิปครีม เพื่อเป็นทางเลือกให้ลูกค้าซึ่งมีหลายกลุ่ม บางคนก็ต้องการกาแฟสดใส่วิปครีม จากปกติแก้วละ 30-35 บาท ก็เพิ่มเป็น 40-45 บาท”

ซำบายดีกาแฟสด

แม้ว่า มิ่งขวัญ จะมารับช่วงต่อจากพี่สาว แต่ก็ยังคงเน้นคุณภาพมาตรฐานตามที่พี่สาวได้ฝึกอบรมมา ขณะเดียวกันพี่สาวก็จะคอยควบคุมคุณภาพการปรุงอย่างต่อเนื่องทำให้กาแฟสดซำบายดีจากพี่สู่น้องรสชาติไม่มีผิดเพี้ยน ยังกลมกล่อม ถูกปากผู้บริโภคทั้งขาประจำ ขาจร เหมือนเดิม

สำหรับกลุ่มลูกค้าของร้านยังมีหลากหลาย โดยช่วงเที่ยงวันจะเป็นกลุ่มคนทำงานและกลุ่มนักธุรกิจที่มานั่งร้านเป็นสถานที่พูดคุย ส่วนตอนเย็นก็จะเป็นกลุ่มนักเรียนนักศึกษาที่มาช็อปปิ้งห้างสรรพสินค้าแล้ว แวะมากิน

กาแฟสด

ขณะนี้วัตถุดิบร้านกาแฟสด ปรับเพิ่มขึ้นประมาณ 20% ทั้งนม น้ำตาลทราย ครีมเทียม แต่ว่าทางร้านยังคงราคาเดิม ขณะที่คุณภาพก็พยายามปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น ก็มีลูกค้าบางรายเสนอให้ปรับเพิ่มราคาเล็กน้อย แต่ด้วยสภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ เห็นควรขายในราคาที่สบายกระเป๋าลูกค้า ซึ่งเราก็ไม่เดือดร้อนน่าจะดีกว่า
สำหรับยอดขายของร้าน หากเป็นวันธรรมดายอดขายเฉลี่ยวันละ 15-20 แก้ว หากเป็นช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ยอดขายวันละ 30-40 แก้ว โดยเฉลี่ยจะมียอดขายเดือนละ 2 หมื่นบาท ซึ่งถือว่าเป็นอาชีพที่เลี้ยงตัวเองได้อย่างไม่ขัดสน

แม้ว่า มิ่งขวัญ จะได้รับการถ่ายทอดหลักสูตรกาแฟสดจากพี่สาวและบริหารร้านกาแฟสดอย่างเต็มตัว แต่เธอก็ไม่หยุดนิ่ง หากมีเวลาว่างจะออกตระเวนชิมร้านชากาแฟ นมสด ในเขตเทศบาลเพื่อนำมาปรับปรุงเมนูที่ร้าน คาดว่าต้นปีหน้าจะมีเมนูใหม่ๆ ออกมาให้ลูกค้าได้ชิมกัน

สำหรับผู้ที่อยากมีกิจการร้านกาแฟสด เล็กๆ ลงทุนไม่มาก ตลาดยังเปิดกว้าง ไม่ควรพลาดที่จะเข้ารับการฝึกอบรมกับโครงการของ “คม ชัด ลึก ฝึกอาชีพ” ส่วนจะเป็นวันไหนนั้น สอบถามรายละเอียดที่โทร.0-2338-3356 และ 0-2338-3357
ที่มา : คมชัดลึก

Read More...


ข้าวมันไก่ สูตรไหหลำ

ใครสนใจหลักสูตรยอดฮิตใน โครงการ คม ชัด ลึก ฝึกอาชีพ ก็ต้องไม่พลาดวันเสาร์และอาทิตย์ที่จะถึงนี้ (14-15 พ.ย.) ที่ทีมงานจัดตารางวิชายอดนิยมสำหรับผู้สนใจจำนวน 4 หลักสูตรด้วยกัน

ข้าวมันไก่


ใกล้งวดเข้ามาทุกที สำหรับงานใหญ่ประจำปีของสมาคมสื่อมวลชนเกษตรแห่งประเทศไทย (สกท.) ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 19-20 ธันวาคมนี้ ภายใต้หัวข้อ เกษตรและอาหารเพื่อการอาชีพ เป็นการเปิดอบรมวิชาชีพระยะสั้นวันเดียวจบโดยมีวิทยากรมืออาชีพ เจ้าของร้านอาหารดังมาเปิดสอนเคล็ดลับการทำอาหารและงานภาคการเกษตรให้แก่ผู้สนใจอย่างหมดเปลือกกว่า 50 หลักสูตร ส่วนรายละเอียดจะมาเล่าให้ฟังในโอกาสต่อไป

แต่หากใครสนใจหลักสูตร ยอดฮิตในโครงการ คม ชัด ลึก ฝึกอาชีพก็ต้องไม่พลาดวันเสาร์และอาทิตย์ที่จะถึงนี้ (14-15 พ.ย.) ที่ทีมงานจัดตารางวิชายอดนิยมสำหรับผู้สนใจจำนวน 4 หลักสูตรด้วยกัน ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นวิชาที่เรียนง่าย ใช้ระยะเวลาการเรียนสั้นๆ เพียงแค่ 1 วันก็สามารถนำไปยึดเป็นอาชีพได้เลย ซึ่งเห็นตัวอย่างมาแล้วหลายราย

อย่างข้าวมันไก่สูตรไหหลำ พร้อมน้ำซุปสาหร่าย ซึ่งจะเปิดสอนวันเสาร์ที่ 14 พฤศจิกายน จะเป็นสูตรลับเฉพาะของ อ.ศักดา มีลาภ เจ้าของร้านเป็ดย่างลิตเติ้ลดั๊ก ที่ไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อน ยกเว้นที่นี่ แล้วก็เป็นสูตรข้าวมันไก่ที่ไม่เหมือนกับร้านที่เปิดขายโดยทั่วไปด้วย เช่นเดียวกับหลักสูตรการทำขนมเค้กช็อกโกแลตหน้านิ่ม เค้กบลูเบอร์รี่ และทอฟฟี่เค้ก ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์เด่นของปาเน็ตโทนเบเกอรี่และอาหาร โดยเจ้าของร้านคือ อ.โชคชัย โรจนาพันธุ์พัฒน์ ยกทีมมาสอนด้วยตัวเอง

ส่วนวันอาทิตย์ที่ 15 พฤศจิกายน ก็จะมี 2 วิชาเช่นกันแล้วก็ 2 วิชานี้เหมาะสำหรับทั้งเปิดร้านและทำรับประทานกันเองในครอบครัว ซึ่งก็ได้แก่ สเต๊กเนื้อ-หมู-ปลา พร้อมน้ำราดสูตร คุณปู่ เป็นสูตรลับที่คุณเกษรา พู่พันธ์พานิช เจ้าของร้านสเต๊กคุณปู่ ได้รับการถ่ายทอดเคล็ดลับมาจากคุณปู่ของเธอที่ว่ากันว่าทำสเต๊กได้อร่อยไม่ เป็นสองรองใคร โดยอาศัยการประยุกต์สูตรสเต๊กต่างๆ มาเป็นแบบฉบับของตนเองได้อย่างลงตัว ซึ่งสูตรดังกล่าวจึงถูกถ่ายทอดมายังตัวเธออย่างหมดเปลือก โดยใช้เนื้อทั้งสามชนิดคือ เนื้อ หมูและปลา ในรสชาติ 3 แบบ 3 สไตล์ที่หาไม่ได้ที่ไหน นอกจากสเต๊กคุณปู่เท่านั้น

เช่นเดียวกับหอยทอด ผัดไทย สูตรโบราณ โดยวิทยากรประจำโครงการคุณธนประเสริฐ อุดมเพชรทวีสิน เจ้าของร้านหอยทอด ผัดไทย สูตรโบราณชื่อดังย่านตลาดร่มเกล้า พูดถึงหอยทอด ผัดไทยร้านนี้ไม่ต้องอธิบายสรรพคุณอะไรมาก หากใครได้รับประทานแล้วต้องยกนิ้วให้ เพราะสูตรหอยทอด ผัดไทยของคุณธนประเสริฐนั้นไม่ได้โบราณแค่ชื่อเพื่อเรียกลูกค้า แต่เป็นสูตรการทำแบบโบราณจริงๆ ส่วนจะมีส่วนผสมอะไรบ้างต้องมาลองเรียนดูครับ บอกได้คำเดียวว่าไม่ผิดหวัง เห็นได้จากผู้เรียนที่ประสบความสำเร็จในการนำไปประกอบอาชีพจำนวนไม่น้อยในขณะนี้

ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดและสำรองที่นั่งได้ที่โครงการโทร .0-2338-3356-7 ทุกวันและผู้เรียนทุกวิชาจะได้รับสิทธิ์สมาชิก นสพ.”คม ชัด ลึก” ฟรี 1 เดือนด้วยครับ
ที่มา : คมชัดลึก

Read More...


แครปเค้ก เนื้อปูทรงเครื่อง

ใครชอบรับประทานเนื้อปู หันมาฟังทางนี้ วันนี้ เชฟเออร์วิน อีเบอร์ฮาร์เตอร์ หัวหน้าพ่อครัวใหญ่ ประจำโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ จะมาแนะนำเมนู เนื้อปูทรงเครื่องแครปเค้ก ซึ่งมีวิธีทำง่ายๆ


แครปเค้ก

ใครชอบรับประทานเนื้อปู หันมาฟังทางนี้ วันนี้ เชฟเออร์วิน อีเบอร์ฮาร์เตอร์ หัวหน้าพ่อครัวใหญ่ ประจำโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ จะมาแนะนำเมนู เนื้อปูทรงเครื่อง แครปเค้ก ซึ่งมีวิธีทำง่ายๆ
ด้วยการหั่นขนมปังขาวแห้งเป็นชิ้นเล็ก นำไปปั่นจนละเอียด ผัดพริกไทยและต้นหอมในน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์จนใส นำ เนื้อปู และส่วนผสมต่างๆ คลุกเคล้าให้เข้ากัน เติมขนมปังขาวบดลงไป คลุกเบาๆ อีกครั้ง
จัดรูปโดยใส่ลงไปในแม่พิมพ์ นำไปทอดกับน้ำมันมะกอกพอเหลือง จากนั้นนำไปอบจนสุกกรอบ จะได้เนื้อปูทรงเครื่องเหลืองกรอบหอมกรุ่น เสิร์ฟพร้อมแตงกวาดองและแม็กซิกันชีสซอส

เคล็ดลับสำคัญของอาหารทุกจานคือ

วัตถุดิบที่สด และเนื้อปูคุณภาพดีที่สุด เนื้อปู และก้ามปูที่ใช้จะต้องเป็นแบบที่ชิ้นใหญ่ที่สุด และไม่แตกออกจากกัน

สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งคือ

ใช้เครื่องเทศที่กลิ่นหอมและรสชาติไม่แรงเกินไป ส่วนขั้นตอนการปรุงก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะการคลุกเคล้าส่วนผสมต่างๆ นั้นต้องทำอย่างทะนุถนอม และต้องไม่ทำให้ก้อนเนื้อปูแตก เพราะปูชิ้นใหญ่ย่อมให้รสชาติที่แสนอร่อย” เชฟเออร์วิน แนะนำ
ที่มา : คมชัดลึก

Read More...


สูตรสมุนไพร ลอดช่องสิงคโปร์ สด อบแห้ง

ลอดช่องสิงคโปร์สด -อบแห้ง สูตรสมุนไพรที่หลากสี จากสมุนไพรแท้ 11 ชนิด ภายใต้เครื่องหมายการค้า หรือแบรนด์ “แม่วนิดา” ส่งขายตามห้างสรรพสินค้าชื่อดัง บริษัทเอกชน และพ่อค้าคนกลางเพื่อขายต่อ


ลอดช่องสิงคโปร์

สุภาวดี เล่าที่มาของกิจการผลิตลอดช่องสิงคโปร์ทั้งสดและอบแห้ง สูตรสมุนไพร 11 ชนิด ว่า เมื่อราว 10 ปีก่อน กรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จัดงานแสดงสินค้าราคาถูกที่ศูนย์แสดงสินค้าอิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี จ.นนทบุรี ค่าบูธจำหน่ายสิ้นค้า 17 วันเพียง 5,000 บาทเท่านั้น จึงอยากเช่าขายเป็นของตัวเองบ้าง เพราะครอบครัวคือคุณแม่ซึ่งเป็นประธานกลุ่มแม่บ้านศรีพฤษกษา ผลิตดอกไม้ประดิษฐ์จากผ้า กระดาษสา และยางพารา ส่งให้บริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง เพื่อส่งออกขายต่างประเทศต่อ และอีกส่วนหนึ่งดอกไม้ประดิษฐ์เหล่านี้ คุณแม่และสมาชิกกลุ่มแม่บ้านศรีพฤษกษานำออกบูธตามงานต่างๆ ด้วย แต่สุภาวดียังคิดไม่ออกว่าจะนำสิ่งใดไปออกบูธ

บังเอิญได้คำแนะนำจากเพื่อนคนหนึ่งว่า น่าจะลองไปรับลอดช่องสิงค์โปร์ไปขาย เพราะคนกำลังนิยม จึงลองดู แต่ได้นำสินค้าอย่างอื่นไปขายด้วย อาทิ น้ำพริก และแค็บหมู ในบรรดาสินค้าเหล่านี้ลอดช่องสิงคโปร์ขายดีที่สุด จึงนึกว่าควรหาวิธีมาทำคอดช่องสิงคโปรค์เอง ระหว่างนั้นมีผู้อำนวยการกองคนหนึ่งในกรมส่งเสริมการเกษตรมาพบ และแนะนำว่า ลอดช่องสิงคโปร์น่าจะมีหลายสีเพราะมีแต่สีเขียวอย่างเดียว และงานแสดงสินค้าของกรมส่งเสริมการเกษตรได้จบสิ้นไปแล้ว การออกบูธในครั้งนั้นถือเป็นการจุดประกายให้สุภาวดีเริ่มจับธุรกิจเล็กๆ น้อยๆ เป็นของตัวเอง หลังจากที่ช่วยงานในครอบครัวมาดูงานด้านการผลิตดอกไม้ประดิษฐ์มาตลอด

“พองานแสดงสินค้าของกรมส่งเสริมการเกษตรเสร็จสิ้น ฉันกลับมาศึกษาวิธีการทำลอดช่องสิงคโปร์ สังเกตจากคนอื่นบ้าง แล้วกลับมาทำเอง พอทำได้แล้วพอดีช่วงนั้นเป็นจังหวะที่กระแสของสมุนไพรกำลังมาแรงมาก ทุกคนหันมาใส่ใจด้านสุขภาพ จึงนึกถึงคำพูดของผู้อำนวยการท่านหนึ่งว่าน่าจะทำเป็นหลายสีจึงมาศึกษาว่ามี สมุนไพรอะไรบ้างที่มีสีต่างๆ พอที่จะนำมาเป็นสีของลอดช่องสิงคโปร์ได้ จากเดิมที่เรารับเป็นสีที่มาจากสีวิทยาศาสตร์ จึงพบว่าดอกอัญชันให้สีม่วงคราม ใบเตยให้สีเขียว กระเจี๊ยบให้สีแดง ดอกคำฝอยให้สีเหลือง ผลมะตูมให้สีส้ม ขิงให้สีขาว นอกจากนั้นมีสีจางที่มาจากเมล็ดงา เก๊กฮวย แมงลัก และบัวบก เป็นสุมนไพรแท้ รวมแล้ว 11 ชนิด” สุภาวดี กล่าว

ลอดช่องสิงคโปร์

หลังจากที่คิดสูตรได้แล้ว สุภาวดีจึงรวบรวมบรรดากลุ่มแม่บ้านในแขวงคันนายาว เขตคันนายาว ได้ 7 คน ตั้งกลุ่มแม่บ้านเขตคันนายาว เพื่อผลิตลอดช่องสิงคโปร์สีต่างๆ สูตรสมุนไพรจากสมุนไพรแท้ 11 ชนิด ทั้งลอดช่องสด และอบแห้ง โดยได้รับการสนับสนุนจากเขตคันนายาวโดยให้เครื่องตีแป้ง และเครื่องอบแห้งอย่างละ 1 เครื่อง จากนั้นลงมือผลิต โดยอาศัยที่บ้านของตัวเองในหมู่บ้านเลิศอุบล ซอย 6 ถนนสวนสยาม แขวงคันนายาว เขตคันนายาว กรุงเทพฯ ซึ่งครั้งแรกที่ออกบูธที่ศูนย์แสดงสินค้าไบเทค บางนา
“ตอนนั้ฉันคิดว่าความฝันที่จะผลิตสินค้าส่งออกน่าจะเป็นจริงได้ เพราะลอดช่องสิงคโปร์สูตรสมุนไพรของเรา มีโอกาสโชว์นักธุรกิจนานาชาติ เพราะงานนั้นรัฐบาลไทยจัดขึ้นมา 5 วัน โดย 3 วันแรก ให้นักธุรกิจต่างชาติเข้าชมผลิตภัณฑ์สินค้าชุมชนและสินค้าโอท็อปของไทย และอีก 2 วันสุดท้ายให้คนทั่วไปเข้าชมและซื้อสินค้าได้ ที่จริงตอนนั้นนักธุรกิจต่างชาติสนใจเหมือนกัน คิดว่าสิ่งที่คิดน่าจะสำเร็จ ขนาดมีร้านขนาดใหญ่แห่งหนึ่งย่านดอนเมืองมาติดต่อพร้อมมีออเดอร์เข้ามา แต่ฉันปฏิเสธไปเพราะคิดจะส่งออก พอมาศึกษาขั้นตอนต่างๆ ไม่ง่ายอย่างที่คิด เราไม่มีความรู้ในด้านนี้เลย อย่างดีก็ผลิตผ่านพ่อค้าคนกลางอีก” สุภาวดี ย้อนความคิดในอดีตให้ฟัง

กระนั้นเส้นทางการค้า สุภาวดี ก็ไม่ได้ตันเสียทีเดียว เพราะหลังออกบูธอีกครั้งในห้างสรรพสินค้าแฟชั่นไอส์แลนด์ราว 6-7 ปีก่อน มีตัวแทนฝ่ายการตลาดของบริษัท เอส แอนด์พี ซินดิเคท จำกัด ได้นำสินค้าไปตรวจสอบถึงคุณภาพ คุณค่างทางอาหาร มีสารต้องห้ามหรือไม่ จากนั้นเพียง 1 สัปดาห์ จึงมีออเดอร์ลอดช่องสิงคโปร์สดสูตรสมุนไพรแท้จากบริษัท เอส แอนด์พี มาจนถึงวันนี้ตกเดือนละ 300-400 กิโลกรัม และอีกส่วนหนึ่งมีพ่อค้าคนกลางรับซื้อไปขายต่ออีกรวมแล้วมีออเดอร์เดือนละ ราว 700-800 กิโลกรัม ขายส่งในราคากิโลกรัมละ 37 บาท

ส่วนลอดช่องสิงคโปร์อบแห้งบรรจุภัณฑ์ในห่อพลาสติกขนาด 100 กรัม ขายส่งราคาห่อละ 14 บาท หรือกิโลกรัมละ 90 บาท ปัจจุบันส่งให้ห้างสรรพสินค้าตั้งฮั้วเส็ง สาขาต่างๆ ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ บางสาขา และพ่อค้าคนกลางรวมแล้วเดือนละกว่า 2,000 ห่อ รวมแล้วคิดมูลค่าแล้วสามารถเลี้ยงตัวเองได้เนื่องจากอีกส่วนหนึ่งนำออกจำหน่ายตามงานต่างๆ อีกด้วย

แม้วันนี้ สุภาวดี ศิริพันธุ์ ยังไม่ประสบผลสำเร็จในธุรกิจส่งออกอย่างที่คิดไว้ แต่ถือว่าผลิตภัณฑ์ลอดช่องสิงคโปร์สูตรสมุนไพรแท้ ประสบผลสำเร็จระดับหนึ่ง เพราะอย่างน้อยมีตลาดรองรับที่แน่นอน

สูตรลอดช่องสิงคโปร์สมุนไพร

สำหรับสูตรการทำลอดช่องสิงคโปร์ “แม่วนิดา สูตรสมุนไพร” ก่อนลงมือทำควรเตรียมอุปกรณ์ ดังนี้
1.แป้งสิงคโปร์ (แป้งมัน) 1 กก.
2.แป้งข้าวโพด 300 กรัม
3.น้ำสะอาด 1,500-2,000 ซีซี (1 ลิตรครึ่ง-2 ลิตร )
4.สมุนไพรที่ต้องการ อาทิ มะตูม หรือดอกคำฝอย

วิธีทำลอดช่องสิงคโปร์สมุนไพร

1.เอาน้ำสะอาดตั้งบนเตาให้เดือด ใส่มะตูม หรือดอกคำฝอยพอประมาณเคี่ยวให้ออกสี หรือเนื้อมะตูมเปื่อย
2.นำน้ำเคี่ยวสมุนไพรมากรองให้สะอาด
3.นำแป้งสิงคโปร์ผสมแป้งข้าวโพดเทน้ำสมุนไพรที่เคี่ยวมานวดให้เข้ากันตอนที่ น้ำยังร้อนจนเนื้อเนียน เหนียว เป็นเนื้อเดียวกัน
4.พอเหนียวแล้วมารีดเป็นแผ่นบางๆ หนาราว 2-3 มม. หรือใช้เครื่องรีดก็ได้ จากนั้นใช้มีดคมกรีดเป็นชิ้นขนาดกว้าง 1-2 นิ้ว ยาวตามที่ต้องการ
5.ใช้มีดคมสอยเป็นเส้นขนาดพอดีน่ารับประทาน
6.ต้มน้ำให้เดือด นำเส้นที่สอยมาเทลงไป ใช้อุปกรณ์กวนเรื่อยๆ ป้องกันเส้นติดกัน ราว 3 นาทีเส้นสุกจะลอยขั้นมา ใช้ตะแกรงตักไปน็อกในน้ำเย็น ก่อนนำไปรับประทานใส่น้ำเชื่อม กะทิสด และน้ำแข็ง


หากใครสนใจอยากเรียนการทำลอดช่องสิงคโปร์สูตรสมุรไพรตามแบบฉบับของแม่ วนิดา ไว้รับประทานเองหรือเพื่อการค้า สุภาวดี ศิริพันธุ์ จะบอกเคล็ดลับทุกขั้นตอนใน คม ชัด ลึก ฝึกอาชีพ วันเสาร์ที่ 12 ธันวาคมนี้ สอบถามได้ที่ 0-2338-3356-7
ที่มา : คมชัดลึก

Read More...


ขายกาแฟ ชาใบเตย เป็นรายได้เสริม

ป้าพุกเปิดร้านชำ เล็กๆ ขายจิปาถะ พร้อม กาแฟโบราณ ควบคู่สร้างรายได้เสริมเรื่อยมา ล่าสุดนำความรู้ที่ได้จาก “คม ชัด ลึก” ฝึกอาชีพ ปรับใช้กับเมนูเดิม และต่อยอดเป็นเครื่องดื่มใหม่ ชาใบเตย


กาแฟ-ชาใบเตย

จากที่ยึดอาชีพแม่ค้า มาตลอด ป้าพุก บอกว่า จึงทำให้รู้วิธีการบริหารจัดการอย่างเป็นระบบ ขณะเดียวกันได้ใช้ประสบการณ์ด้านค้าขายนี้ช่วยสามีรับเหมางานก่อสร้างควบคู่ด้วย โดยทำหน้าที่ดูแลค่าใช้จ่ายเหมือนฝ่ายการเงินของบริษัท ทำให้เข้าใจคนหาเช้ากินค่ำและคนมีรายได้น้อย

สิ่งสำคัญคือต้องเป็นคนยิ้มแย้มแจ่มใส ไม่ตั้งราคาสินค้าสูงเกินจริง ไม่เอาเปรียบลูกค้า แรกเริ่มที่ขายของใหม่ๆ จะมีลูกค้ามาชื้อและขอลงบัญชีเอาไว้จ่ายสิ้นเดือน เราในฐานะแม่ค้าต้องเห็นใจคนที่ไม่มี อย่างน้อยก็ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน และความที่เราเข้าใจเขานั้นส่งผลให้ลูกค้ามีความเกรงใจไม่กล้าเบี้ยว” ป้าพุกอธิบายถึงหลักการเปิดร้านขายของชำเมื่อกว่า 10 ปีก่อน ก่อนเจียดหน้าร้านขายกาแฟโบราณช่วงถัดมา
เหตุผลที่ขายกาแฟเสริมนั้น ป้าพุกบอกว่า เพราะมีลูกค้าสูงอายุมาอ่านหนังสือพิมพ์ที่ร้านในช่วงเช้าเยอะ และมีหลายคนแนะให้ขายกาแฟ จึงทดลองทำโดยอาศัยเรียนรู้ด้วยตัวเอง ทั้งอ่านจากตำรา สอบถามจากผู้มีประสบการณ์ จากนั้นจึงทำขาย ปรากฏว่าขายดีมาก มีลูกค้ามาอุดหนุนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนอกจากเป็นกลุ่มลูกค้าเดิมๆ แล้วก็ยังมีลูกค้าใหม่ๆ เพิ่มขึ้นด้วยในปัจจุบัน อย่างยิ่งหลังเข้าร่วมฝึกอาชีพกับ “คม ชัด ลึก” เมนูเทคนิคการชงกาแฟโบราณ” โดยคุณวิธาน ศิริเบญจวรรณ เจ้าของร้านวาสนาน้ำโบราณย่านตลิ่งชัน กทม.เมื่อเกือบ 3 ปีที่ผ่านมา

กาแฟ-ชาใบเตย

“เรานำสิ่งที่ได้รับจากการอบรมหนนั้นมาปรับใช้กับที่ร้านด้วย ซึ่งนอกจากรสชาติกาแฟจะอร่อยถูกใจประเภทสั่งได้แล้ว การให้บริการที่ดีเราก็ทำควบคู่ด้วย ซึ่งตรงนี้ถือเป็นจุดขาย บวกกับขายไม่แพงด้วยเพียงแก้วละ 6 บาท ซึ่งเราขยับราคาขึ้นอีก 1 บาท หลังขายแก้วละ 5 บาทมานานหลายปีไม่เปลี่ยน เพราะราคาวัตถุดิบที่แพงขึ้น แต่ก็ไม่ได้รับผลกระทบจากการปรับราคา ยังขายดีมากอยู่เหมือนเดิม” ป้าพุก บอกและว่าปัจจุบันได้นำความรู้จากการอบรมหนนั้นมาทำชาใบเตยขายอีกชนิด ซึ่งก็ได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดีพอๆ กับกาแฟโบราณ

ป้าพุกบอกอีกว่า จะได้รับคำชมจากลูกค้าตลอดว่าเป็นชาที่หอมอร่อย สามารถรับประทานกับปาท่องโก๋ได้อย่างลงตัวเช่นเดียวกับกาแฟ ซึ่งเฉพาะปาท่องโก๋นั้นจะขายไม่ต่ำกว่าวันละ 100 ตัว
“ไม่ว่าจะทำอะไรหากเราทำด้วยใจรัก ทำแล้วมีความสุข แม้ว่าเงินหรือค่าตอบแทนจะไม่มาก แต่เราก็อยู่ได้อย่างมีความสุข” นั่นเป็นคติประจำใจของป้าพุก ซึ่งเธอยอมรับว่า ด้วยเพราะยึดอาชีพค้าขายนี้ทำให้เธอมีรายได้ส่งเสียให้ลูกๆ ได้ร่ำเรียนจนจบปริญญากันทุกคน อย่างยิ่งการเปิดหน้าร้านขายกาแฟโบราณ-ชาใบเตย ที่มีลูกค้าอุดหนุนอย่างต่อเนื่องและเพิ่มมากขึ้นในทุกวันนี้

สำหรับผู้กำลังมองหางาน หรือต้องการมีอาชีพเสริม ทางโครงการ “คม ชัด ลึก ฝึกอาชีพ” มีแผนจะเปิดอบรมหลักสูตร “เทคนิคการชงกาแฟโบราณ” นี้อีกครั้งเมื่อไหร่นั้น สามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ 0-2338-3356 และ 0-2338-3357
ที่มา : คมชัดลึก

Read More...


ต้มยำไฮโซ เมนูเด็ด รายได้ดี

สุดยอดความอร่อย ร้านก๋วยเตี๋ยวเฮียหมู แห่ง อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี โดยคุณสมโภชน์ ประเสริฐสงค์ ความอร่อยทั้งมวล เกิดจากความประณีต ความเอาใจใส่ของเจ้าของ ล่าสุด “ก๋วยเตี๋ยวต้มยำไฮโซน้ำพริกเผา” กลายเป็นอีกเมนูเด็ดที่สร้างเม็ดเงินให้ร้านได้ไม่น้อย


ก๋วยเตี๋ยวต้มยำไฮโซ

สมโภชน์ ย้อนอดีตให้ฟังถึง ร้านก๋วยเตี๋ยวเฮียหมู ซึ่งตั้งอยู่ 73-74 ถนนเทศบาลติดกับธนาคารออมสิน สาขาบ้านหมี่ ว่า ร้านเปิดมากว่า 50 ปี โดยคุณยายเป็นผู้บุกเบิกกิจการ ก่อนจะตกทอดสู่รุ่นแม่หรือที่ลูกค้ารู้จักกันในนามร้าน เจ๊เป้า กระทั่งตกทอดมาถึงรุ่นของตนเองเป็นรุ่นที่ 3 เมื่อเกือบ 10 ปีที่ผ่านมา โดยยึดทำเลขายในตลาดเขตเทศบาลเมืองบ้านหมี่ตลอด ขายทุกเมนูที่เกี่ยวกับก๋วยเตี๋ยวหมู

จากปากต่อปากที่เอ่ยถึงความอร่อยในทุกเมนู ทำให้ในแต่ละวันตลอดระยะเวลาอันยาวนานจึงมีลูกค้าให้การอุดหนุนคับคั่ง และที่ทำให้ช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา ร้านก๋วยเตี๋ยวเฮียหมู เปลี่ยนไปเป็น ร้านก๋วยเตี๋ยวต้มยำไฮโซน้ำพริกเผา ก็เพราะความอร่อยสุดๆ ของเมนูนี้นั่นเอง

ร้านก๋วยเตี๋ยวต้มยำไฮโซน้ำพริกเผา

 

เคล็ดลับความอร่อยก๋วยเตี๋ยวต้มยำไฮโซ

ความอร่อยของเมนูก๋วยเตี๋ยวต้มยำไฮโซนี้ เคล็ดลับคือ เส้นบะหมี่สด ที่เราทำเองด้วยแป้งหมี่คุณภาพดี ขณะที่ลูกชิ้นปลากลาย เนื้อหมูที่ปรุงรสทำเป็นหมูแดง หมูบะช่อ รวมทั้งถั่วลิสง พริกป่น กระเทียมเจียว รวมทั้งน้ำพริกเผาซึ่งปรุงรสชาติที่เผ็ดอร่อย ซึ่งทุกอย่างเราทำเองหมดและทำวันต่อวัน ใช้มะนาวปรุงรส ที่สำคัญน้ำก๋วยเตี๋ยวนั้นร้านจะใช้กระดูกหมูต้มให้มีรสชาติหวานกลมกล่อม สมโภชน์ เล่าให้ฟัง
ด้วยทุกอย่างคำนึงถึงคุณภาพความอร่อยบนพื้นฐานความพึงพอใจของลูกค้าเป็น สำคัญนั้น สมโภชน์บอกว่า แต่ละวันจึงขายได้ไม่ต่ำกว่า 150-200 ชาม และกำหนดราคาขายชามธรรมดา 30 บาท พิเศษ 35-40 บาท โดยลูกค้าส่วนใหญ่นอกจากขาประจำในละแวกถิ่นแล้ว มีทั้งขาจร รวมถึงนักท่องเที่ยวในถิ่นอื่นที่เดินทางมาตามคำบอกเล่าเพื่อลิ้มลองและ พิสูจน์ในรสชาติความอร่อยของก๋วยเตี๋ยวเมนูนี้

นายสกล ปิยะสุวรรณ์ นายกเทศมนตรีเมืองบ้านหมี่ กล่าวว่า ในเขต อ.บ้านหมี่ มีกิจการร้านก๋วยเตี๋ยวจำนวนมากที่นอกจากเปิดร้านขายก๋วยเตี๋ยวแล้ว ยังผลิตเส้นบะหมี่ออกจำหน่ายด้วย ทั้งขายที่หน้าร้านและขายส่งไปตามอำเภอต่างๆ เทศบาลคิดทำโครงการสนับสนุนผู้ประกอบการเปิด “ร้านก๋วยเตี๋ยวบะหมี่” เพราะในจังหวัดมี อ.บ้านหมี่ แห่งเดียวที่ผลิตเส้นบะหมี่สดออกจำหน่าย ทั้งนี้นอกจากเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวของอำเภอแล้ว ยังสร้างอาชีพให้คนพื้นถิ่นมีอาชีพที่มั่นคงและยั่งยืนด้วย

ที่มา : คมชัดลึก

Read More...


ทำเค้กลำไย อาชีพเสริม

ปัจจุบันเค้กลำไยของกลุ่มได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคว่าอร่อย รสชาติกลมกล่อม หอม หวาน มัน ที่เป็นจุดเด่นและเราภูมิใจมากๆ คือเค้กลำไยของกลุ่มจะนุ่มอร่อยลิ้นทีเดียว เพราะเป็นสูตรสำเร็จที่เราพยายามคิดขึ้นจนลงตัว


เค้กลำไย

จากแนวคิดที่ไม่หยุดนิ่ง ด้วยเหตุผลแรกเริ่มต้องการเพิ่มมูลค่า ลำไย วัตถุดิบในท้องถิ่นให้มากขึ้น เพื่อเป็นทางเลือกของผู้บริโภคนอกเหนือจากการขายเป็นผลไม้ธรรมดา จึงทำให้กลุ่ม วิสาหกิจชุมชนห้วยกานเบเกอรี่ แห่ง ต.บ้านโฮ่ง อ.บ้านโฮ่ง จ.ลำพูน โดยการนำของ ป้าสมพร จอมอิ่น ร่วมกันคิดจนพัฒนาเป็น เค้กลำไย สินค้ายอดนิยมของผู้บริโภคทั้งในและนอกพื้นที่ เพราะติดใจในรสชาติอันสุดอร่อย จนสร้างรายได้เข้าสู่ชุมชนอย่างต่อเนื่อง ป้าสมพร” ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนห้วยกานเบเกอรี่ เล่าว่า กลุ่มเกิดขึ้นเมื่อปี 2548 ปัจจุบันมีสมาชิก 25 คน เกือบทั้งหมดเป็นเกษตรกรที่ปลูกลำไยอยู่ในพื้นที่ แต่ระยะหลังผลผลิตราคาตกต่ำเธอและสมาชิกจึงร่วมกันคิดหาหนทางเพิ่มมูลค่าของ ลำไยด้วยการทดลองนำมาแปรรูปเป็นอาหารในหลายรูปแบบแต่ไม่ประสบผลสำเร็จ กระทั่งมาลงตัวที่ เค้กลำไย หลังจากเธอและสมาชิกส่วนหนึ่งได้ร่วมอบรมการทำขนมเค้กที่จังหวัดจัดอบรมขึ้น

เมื่อเล็งเห็นช่องทางการสร้างรายได้ให้แก่ชุมชน และมองว่าเมื่อสมาชิกผู้ผลิตพร้อมแล้ว เธอจึงรวมกลุ่มสมาชิกควักทุนบุกเบิกตลาด เค้กลำไย ในทันที โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณส่วนหนึ่งจากจังหวัดเพื่อซื้ออุปกรณ์ต่างๆ

ทดลองพลิกแพลงนับครั้งไม่ถ้วน แรกๆ กินได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่พวกเราก็ไม่ย่อท้อ ช่วยกันคิดช่วยกันทำจนตอบโจทย์ผู้บริโภคได้สำเร็จ ทำให้ปัจจุบันเค้กลำไยของกลุ่มได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคว่าอร่อย รสชาติกลมกล่อม หอม หวาน มัน ที่เป็นจุดเด่นและเราภูมิใจมากๆ คือเค้กลำไยของกลุ่มจะนุ่มอร่อยลิ้นทีเดียว เพราะเป็นสูตรสำเร็จที่เราพยายามคิดขึ้นจนลงตัว ป้าสมพร แจง

ขนมเค้กลำไย

นอกจากความใหม่สดของสินค้าที่ผลิตวันต่อวัน บวกรสชาติที่สุดยอดของความอร่อย แถมยังขายราคาย่อมเยา ภายใต้แพ็กเกจที่สวยงามทันสมัย พร้อมการันตีคุณภาพสินค้าด้วยโอท็อป 3 ดาว,การรับรองจากคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เครื่องหมายฮาลาล มาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน (มผช.) สิ่งเหล่านี้คือสาเหตุหลักที่ทำให้สินค้าของกลุ่มติดตลาดและมีแนวโน้มขยาย ตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่วงเทศกาลต่างๆ ผลิตไม่ทันต่อความต้องการของลูกค้า

เค้กลำไยของกลุ่มมีขายตลอดปี กระจายอยู่ตามร้านค้า ร้านของฝากในตัวจังหวัด และพื้นที่ใกล้เคียง โดยในทุกวันเกือบทั้งหมดจะผลิตตามออเดอร์ ซึ่งมี 2 ขนาด แบบเป็นกล่องขายส่งกล่องละ 35 บาท และขนาดเป็นชิ้น ชิ้นละ 4.50 บาท …จากที่กลุ่มมีออเดอร์เป็นประจำทำให้สมาชิกแต่ละคนมีรายได้เสริมเฉลี่ย เดือนละไม่ต่ำกว่า 4,000-5,000 บาท ขณะที่ส่วนหนึ่งเราก็แบ่งเก็บไว้เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ของกลุ่มต่อไป” ป้าสมพรแจงด้วยความภูมิใจ

ส่วนผสมและวิธีการทำเค้กลำไย ก็จะมีไข่ แป้ง น้ำตาลทราย น้ำมันพืช ผงฟู และที่ขาดไม่ได้ก็คือลำไยแห้ง ที่จะนำมาปั่นผสมเข้าไป

ส่วนวิธีการทำเค้กลำไย

ก็ทำตามขั้นตอนการทำขนมเค้กทั่วไป และเมื่อส่วนผสมพร้อมแล้วก็จะนำไปเข้าตู้อบไฟฟ้าตั้งความร้อนที่ 400 องศาเซลเซียส นานประมาณ 30 นาที หรือครึ่งชั่วโมง ก็จะได้ “เค้กลำไย” ที่หอมกรุ่น สูตรอร่อยของวิสาหกิจชุมชนบ้านห้วยกาน วางไว้จนอุณหภูมิเย็น ก่อนแพ็กลงบรรจุภัณฑ์เตรียมวางจำหน่ายต่อไป

สำหรับผู้สนใจอยากเรียนรู้กรรมวิธีการทำ หรือต้องการลองลิ้มความอร่อย ป้าสมพรบอกติดต่อได้ที่กลุ่ม วิสาหกิจชุมชนห้วยกานเบเกอรี่ โทรศัพท์ 08-4985-9296, 08-2486-0557 และ 08-4177-0082 เพราะนอกจากกลุ่มจะรับสั่งทำตามออเดอร์ บริการส่งให้ทั่วประเทศแล้ว เธอและสมาชิกยินดีให้ความรู้แก่ทุกๆ คนด้วย
ที่มา : คมชัดลึก

Read More...


แฟรนไชส์ เสื้อผ้ามือสอง สินค้าทำกำไร

เจ้าของแฟรนไชส์เสื้อมือสอง เกรด A เจ้าแรกและเจ้าเดียวในประเทศไทย ที่พลิกปรากฏการณ์ฮ็อตฮิตถล่มทลาย ด้วยกลยุทธ์ใหม่ถอดด้ามให้เลือกได้ -เปลี่ยนได้ไม่อั้น พาผู้ค้าทั้งรายเล็ก-รายใหญ่ มือใหม่ มืออาชีพ ร่ำรวยกันถ้วนหน้า


แฟรนไชส์เสื้อผ้ามือสอง

คุณรชา (ลิ่มศิลา) รัฐฐานนท์ อดีตบรรณาธิการบริหารนิตยสารวัยรุ่น คลุกคลีอยู่ในวงการบันเทิงมาเกือบ 20 ปี มีผลงานการเขียนมากมาย เคยเป็นฝ่ายคัดสรรศิลปินของค่ายเทป โปรดิวเซอร์รายการทีวี ครีเอทีฟแมเนเจอร์บริษัทออร์แกไนซ์ ฯลฯ เมื่อคิดจะทำธุรกิจ เธอพลิกโฉมทำในสิ่งที่คนอื่นคิดไม่ถึงว่าจะมีใครทำ นั่นคือ แฟรนไชส์เสื้อผ้ามือสอง ที่ทั้งสภาพดี ราคาถูก แถมยังให้เลือกได้ทุกตัวแบบบุฟเฟ่ต์ เปลี่ยนได้ทุกตัวอีกถ้าตัวไหนขายไม่ได้

ถามแนวคิดของผู้บริหาร ว่าไอเดียดีๆ แบบนี้ มีที่มาที่ไปอย่างไร เธอตอบว่า คนที่เคยเดินทางไปซื้อเสื้อมือสองไกลๆ เสียทั้งเวลา เปลืองค่าน้ำมัน บางครั้งอาจต้องเสียอารมณ์หากพบสินค้ามีตำหนิเหตุผลนี้ Switch ON ขอเป็นทางเลือกใหม่นำเสื้อผ้ามือสองมาจำหน่ายในรูปแบบแฟรนไชส์ เพราะแม้ลูกค้าจะอยู่ไกล เพียงแค่โทรศัพท์เข้ามาสั่ง 4 วัน สินค้าก็จัดส่งถึงบ้านได้

“วิธีคิดของเรามันอาจไปค้านกับความเชื่อของคนส่วนใหญ่ ว่าทำธุรกิจต้องมุ่งเอาแต่กำไรให้มากที่สุด แต่สำหรับ Switch ON เราคิดว่ากำไรเอาแค่พออยู่ได้ ให้การบริหารจัดการเป็นไปได้ไม่ติดขัด แต่ทำยังไงให้ธุรกิจเราช่วยคนให้ตั้งตัวได้มากที่สุดในยุคเศรษฐกิจแบบนี้ ลงทุนน้อยๆเลยออกมาเป็นทั้งถูกด้วย ดีด้วย เลือกได้และเปลี่ยนได้ตลอดด้วย” คุณรชา ระบุ

มาถึงที่แล้ว ปรากฏว่าที่สิ่งที่ได้เจอคือบรรยากาศในร้านนั้น ราวกับว่าลูกค้ามาสังสรรค์บ้านญาติมิตร เลือกไปคุยกันไป แลกเปลี่ยนความรู้-ไอเดียการขายกัน เส้นทางเศรษฐีเลยเข้าไปจับเข่าคุยกับผู้ค้ารายหนึ่งซึ่งกำลังเลือกเสื้อแจ๊คเก็ตยีนส์ไปขายอย่างขะมักเขม้น ปรากฏคำตอบที่ได้รับคือ

“ขายดีค่ะ เพราะสินค้าคุณภาพดี ถูกด้วย ตัวละ 30 กว่าบาท เอาไปขายขั้นต่ำก็ 100 ตัว ตัวไหนสวยมากก็ 150-200 บาท บางทีไปถึง 300 บาท ก็เคยขายมาแล้ว ชอบตรงที่เขาให้เปลี่ยนได้ตลอด มีของสวยๆมาไม่ขาด ตอนแรกขายเสื้อมือหนึ่งอยู่ ลองเอมือสองไปแซม ขายไปสักพักมือสองเริ่มกำไรดีกว่า เลยเปลี่ยนมาขายอย่างเดียวเลย ซื้อตอนแรกแพ็กเกจ 100 ตัวก่อน และขยับมา 1 กระสอบ พอขายดีมากๆ วิ่งตลาดนัดหลายที่ ตอนนี้ซื้อแพ็กเกจพรีเมี่ยม 4 กระสอบ แถม 1 กระสอบ แล้วค่ะ”

ภายในร้านมีสินค้าหลากหลายชนิดทั้ง เสื้อยืด กางเกงขาสั้น-ขายาว สายเดี่ยว กระโปรง แต่ที่จะดูขายดีที่สุด เจ้าของแฟรนไชส์ บอกว่า เห็นจะเป็นแจ๊คเก็ตยีนส์ ซึ่งมีทั้งของผู้หญิงผู้ชาย ลูกค้าหอบกลับกันคนละ 100 หรือ 200 ตัว สาเหตุเพราะขายได้ทุกฤดูกาล แถมขายได้ราคากว่าเสื้อประเภทอื่นหลายเท่าตัว รองลงมาเห็นจะเป็นเสื้อเชิ้ต เพราะใส่ทุกเทศกาล มีทั้งแบบของผู้หญิงผู้ชาย วัยรุ่น รวมทั้งวัยทำงาน

คุณรชา บอกต่ออีกว่า เท่าที่ผ่านมา มีคนมาขอซื้อสิทธิ์เป็นตัวแทนจำหน่ายในทุกจังหวัดมาโดยตลอด แต่ก็ยังไม่ได้เปิดขายให้ใครเพราะอยู่ระหว่างวางระบบการบริหารจัดการ ขณะนี้ Switch ON จะเริ่มเปิดรับ Master Franchise (มาสเตอร์แฟรนไชส์) แล้ว โดยให้สิทธิ์แค่ 4 จังหวัด นำร่อง เท่านั้น จังหวัดใดก็ได้ที่พร้อม และติดต่อมาก็จะได้สิทธิ์ในการเป็นเอเย่นต์อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียว ในจังหวัดและทุกอำเภอในจังหวัดนั้นๆ โดยที่ Switch ON ที่กรุงเทพฯ จะคัดเลือกของสวยๆ จากโกดังป้อนให้ตลอด พร้อมกับโปรโมตให้โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย เพียงแต่

สิ่งที่ผู้ต้องการเป็นมาสเตอร์แฟรนไชส์ต้องมี คือ

1. ต้องมีหน้าร้านในจังหวัดนั้นๆ 1 คูหา มีเนื้อที่พอจะลงเสื้อล็อตแรกที่ Switch ON จัดให้ทันที 1,000 ตัว ครบแบบ ครบสี ครบ ITEM และสามารถติดป้ายแบนเนอร์ขนาดใหญ่ ที่จะได้รับไฟล์ภาพไปขยายติดเพื่อโปรโมตการเป็นตัวแทนจำหน่ายแต่เพียงผู้ เดียว (ในป้ายนั้นมีรูปรายการทีวีเกือบ 10 รายการ ที่มาถ่ายทำที่ Switch ON)
2. ค่าลิขสิทธิ์แฟรนไชส์ 99,000 บาท ลิขสิทธิ์นี้จะอยู่กับผู้เป็นมาสเตอร์ตลอดอายุสัญญาจนกว่าจะเลิกกิจการ ผู้ซื้อมีสิทธิ์ดำเนินการไปตลอดจนถึงรุ่นลูกรุ่นหลาน เว้นเสียแต่ทำผิดข้อตกลงคือ หนึ่ง ปิดกิจการลงเอง สอง ปิดร้านนานเกิน 2 เดือน สาม สั่งเสื้อผ้าจากที่อื่นเข้ามาขาย
3. ต้องรับสินค้าจากบริษัทแม่เท่านั้น เพราะทางบริษัทจะจัดหาของสวยๆ แปลกๆ ส่งถึงร้านตัวแทนจำหน่ายตลอดเวลา และดูแลเรื่องการตลาด/โปรโมชั่นออกสื่อและเทรนด์เสื้อผ้า Update ให้ตลอด
” เราให้สิทธิ์มาสเตอร์ของเราขายปลีกได้อีกด้วยค่ะ กำไรนี่ขั้นต่ำต่อตัว 60-70 บาทขึ้นไปอยู่แล้ว แจ๊คเก็ตนี่ 100-200 สบายๆ ตรงนั้นมาสเตอร์เรารับไปเต็มๆเลย ส่วนที่ขายส่งก็ได้วอลลุ่ม ในจังหวัดคุณเราจะให้ลูกค้าไปรับจากคุณเลย ถ้าจังหวัดใกล้เคียงจะซื้อกับคุณด้วยเราก็ไม่มีปัญหา และเวลามีสื่อมาสัมภาษณ์เราจะลงรูปร้านคุณและที่ตั้งโปรโมตให้ด้วย มาสเตอร์เราแทบไม่ต้องทำอะไร จริงๆ คือขายแฟรนไชส์ 20 เจ้าก็คืนทุนแล้ว นอกนั้นรับอย่างเดียวไปตลอด แค่มีเจตนารมณ์เดียวกัน คือต้องการช่วยคนไทยให้ร่ำรวย ตั้งตัวได้ มีรายได้เป็นกอบเป็นกำ พ้นวิกฤตเศรษฐกิจค่ะ”

สินค้าทำกำไรดี สนใจร่วมลงทุน

ติดต่อได้เลย
คุณรชา เล่าว่า ลูกค้าที่ตั้งตัวได้มีจำนวนมาก เพราะมาที่นี่ทุกคนรู้สึกเหมือนอยู่ครอบครัวเดียวกัน แม้ไม่มีความรู้เรื่องเทรนด์เสื้อหรือการตลาด Switch on แนะนำให้หลายคนพัฒนาจากแพ็กเกจเล็กๆ จนเป็นพรีเมี่ยม 1,000 ตัว


“ต้นทุนไม่ถึง 30 บาท แต่ขายตัวละร้อยกว่าๆกำไรตัวละร้อยคูณพันตัวเข้าไป (ฟังแล้วอยากลาออกจากงานประจำ)”

นอกจากนี้ ยังต่อยอดไปอีกมากมาย คือทุกเดือน Switch ON จะออกค่าใช้จ่ายให้ลูกค้าที่สนใจปฏิบัติธรรมที่รีสอร์ตฟรีถึงเดือนละ 3-4 คนอีกด้วย

“ยุคนี้คนเครียดเยอะ แต่การได้พักกายพักใจ นั่งสมาธินี่เหมือนเอาคบเพลิงไปจุ่มน้ำนะคะ พอใจสงบเดี๋ยวก็พบทางสว่าง ปัญหาทุกอย่างจะหมดไปเอง วิกฤตทุกอย่างแก้ไปได้ด้วยบุญค่ะ”

นอกจากนี้ คุณรชา บอกว่า ให้ติดตามเว็บไซต์ของ Switch ON ให้ดี เพราะกำลังจะมีสิ่งดีๆ ออกมาให้สมาชิกมีกิจกรรมร่วมกันอีกเยอะ เช่น ทุกเดือนจะมีการประมูลเสื้อแบรนด์เนมมือสองดังๆ หายาก แปลกๆ น่าเก็บสะสม เดือนละ 6 ตัว เพื่อนำรายได้ ช่วย 266 วัด ใน 4 จังหวัดภาคใต้ และมีคลาสสิฟายด์ คือให้ลูกค้านำของมือสองสภาพดี มาโพสต์ขายกัน ซึ่งมี shop อยู่ใน Switch ON ให้ดูของจริงอยู่อีก 1 shop ด้วย และเร็วๆ นี้ ในเว็บเดียวกันในฐานะที่เป็นบรรณาธิการเก่าเธอจะทำ E-Magazine ออกมาในรูปแบบ Magazine Online (เธอฝากบอกว่าถ้านายทุนคนไหนอยากโดดมาร่วมวงธุรกิจหนังสือ อยากลงทุนทำออกมาเป็นเล่มก็ติดต่อมาคุยกันได้ เพราะมีทีมงานเก่งๆ และเนื้อหาพร้อม)

ต้องบอกว่าเป็นเจ้าโปรเจ็คต์จริงๆ อย่างนี้เห็นที่ต้องจับจ้องตาไม่กะพริบ ส่วนลูกค้าทั่วไปที่อยากเป็นสมาชิกแฟรนไชส์ Switch ON ได้เปิดแพ็กเกจเล็กเพิ่มอีก 1 แพ็กเกจ ส่วนค่าแฟรนไชส์ราคาเดิม 4,500 บาท จ่ายครั้งเดียวตลอดชีพ (ถ้าไม่สะดวกจ่ายเต็มสามารถผ่อนได้ 2 งวด)

ใครสนใจร่วมลงทุน แฟรนไชส์เสื้อผ้ามือสองสอบถามรายละเอียด หรือชมสินค้า สามารถเดินทางไปได้ที่หน้าร้าน แถวรังสิตคลองสาม ร้านเปิดตั้งแต่เวลา 13.00-18.00 น. โทรศัพท์(087) 555-3548, (082) 442-1448 หรือคลิกผ่าน http://www.deedeeproject.com/

Switch on มีให้เลือก 4 แพ็กเกจ ด้วยกันคือ

แพ็กเกจที่ 1 MINIPAC 50 ตัว 3,500 บาท (ราคาสมาชิกเหลือ 2,500 บาท) ตกตัวละ 50 บาท
แพ็กเกจที่ 2 ครึ่งกระสอบ/100 ตัว 5,500 บาท (ราคาสมาชิกเหลือ 4,000 บาท) ตกตัวละ 40 บาท
แพ็กเกจที่ 3 1 กระสอบ/200 ตัว 9,500ั้บาท (ราคาสมาชิกเหลือ 7,500 บาท) ตกตัวละ 37 บาทั้
แพ็กเกจพรีเมี่ยม ซื้อ 4 กระสอบ แถม 1 กระสอบ (30,000 บาท) จ่ายทีเดียวทยอยรับสัปดาห์ละกระสอบ (เพราะนำเข้าของใหม่ๆ สวยๆ ทุกสัปดาห์ เพื่อให้ลูกค้าไม่พลาดของสวยในล็อตต่อไป)

วิธีชำระเงิน

เมื่อ โอนเงินเข้าบัญชีแล้ว FAX สลิปใบโอนที่เขียนชื่อเล่น-ชื่อจริง ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ และรอคิวรับของหลังจากโอนเงิน 4 วัน เพราะทางร้านต้องคัดของจากโกดังให้ตรงตามความต้องการของลูกค้าให้มากที่สุด

วิธีเข้าชม

Show Room เป็นหน้าร้านให้ลูกค้าชมสินค้าอยู่ รังสิต คลองสาม ต้องโทรศัพท์นัดวันเข้าชมก่อน 1-2 วัน เพื่อไม่ให้คลาดเคลื่อนกับวันที่ร้านหยุด ใน 1 สัปดาห์ จะหยุด 1 วัน ร้านเปิดเวลา 13.00-18.00 น. สอบถามได้ที่ โทรศํพท์ (087) 555-3548, (082) 442-1448
ที่มา : มติชน

Read More...


น้ำนมข้าวกล้องงอก รายได้เสริม

สูตรน้ำนมข้าวกล้องงอกของกลุ่มแม่บ้านที่นี่มีข้อสังเกตว่า หากเป็นข้าวกล้องเก่าจะมีการใส่ข้าวเหนียวด้วย และหากเป็นข้าวกล้องใหม่ก็ไม่ ต้องใส่ข้าวเหนียว แต่โดยปกติโดยทั่วไปแล้วเขาใช้ข้าวกล้องใหม่กัน นอกจากนี้น้ำข้าวกล้องงอกของที่นี่มีกลิ่นใบเตย


น้ำนมข้าวกล้องงอก


เมื่อปี พ.ศ. 2520-2521 บริเวณพื้นที่ราบเชิงเขาบรรทัด ในเขต อ.นาดี อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี และ อ.เมืองสระแก้ว อ.วัฒนานคร อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว ซึ่งเป็นเขตรอยต่อ 4 จังหวัด คือ จ.ปราจีนบุรี จ.สระแก้ว จ.นครราชสีมา และ จ.บุรีรัมย์ เป็นพื้นที่ที่ มีปัญหาต่อความมั่นคงของประเทศเป็นอย่างมาก กล่าวคือ พื้นที่ที่เคยเป็นป่าสงวนแห่งชาติที่อุดมสมบูรณ์ ได้ถูกราษฎรบุกรุก แผ้วถาง เพื่อปลูกพืชไร่เป็นจำนวนมาก จนทำให้พื้นที่บริเวณนี้ กลายเป็นป่าเสื่อมโทรม จนสิ้นสภาพป่า ดินขาดความอุดมสมบูรณ์ และขาดแคลนน้ำเพื่อการเกษตรและการเพาะปลูก


พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงทราบปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนที่อาศัยอยู่ในบริเวณนี้ จึงมีพระราชดำริให้มีการพัฒนาพื้นที่ราบเชิงเขา โดยทรงมีพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ ให้ ม.จ.จักรพันธ์เพ็ญศิริ จักรพันธุ์ องคมนตรี ประสานงานกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เพื่อวางโครงการพัฒนาพื้นที่ราบเชิงเขา จังหวัดปราจีนบุรี ตามพระราชดำริโดยร่วมมือกับกองทัพภาคที่ 1 จังหวัดปราจีนบุรี กระทรวง ทบวง กรมต่าง ๆ เข้าดำเนินการตามโครงการ โดยเริ่มตั้งแต่เดือนมกราคม 2521


ในส่วนของ จ.สระแก้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำริให้มีการพัฒนาพื้นที่ราบเชิงเขาโดยพระราชทานแนวทางการพัฒนา ไว้ 3 ด้าน คือ 1. การพัฒนา ด้านจิตใจของราษฎร 2. การพัฒนาทาง ด้านความรู้การประกอบอาชีพ 3. การจัดสรรที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัย


เมื่อทาง กรมกิจการพลเรือนทหารบก กองทัพบก พาสื่อมวลชนสัญจรตามรอยเบื้องพระยุคลบาท โครงการพัฒนาที่ราบเชิงเขาจังหวัดสระแก้วตามแนวพระราชดำริ มีโอกาสแวะไปดู โรงสีข้าวพระราชทาน บ้านคลองทราย ตั้ง อยู่ ณ ต.หนอง ตะเคียนบอน อ.วัฒนานคร


สำหรับโรงสีข้าวพระราชทานบ้านคลองทรายเป็นโครงการหนึ่งในโครงการพัฒนา พื้นที่ราบเชิงเขาจังหวัดสระแก้ว-ปราจีนบุรี ตามแนวพระราชดำริ โดยเริ่มทดลองสีข้าวตั้งแต่วันที่ 5 ธันวาคม 2529 มีแม่บ้านเกษตรกรที่มีสีหน้าเบิกบานแจ่มใสและยินดีต้อนรับ นำ น้ำข้าวกล้องงอก มาให้ชิมจึงเรียนถามสูตรจากตัวแทนแม่บ้านเกษตรกรมาเผื่อว่าใครจะทำตามก็ไม่ยากอะไร สำหรับข้าวกล้องงอกนั้นมีข้อมูลระบุว่า ลักษณะการงอกของข้าวที่มีคุณค่าทางโภชนาการคือ จะมีการงอกแค่ตุ่มเล็ก ๆ เท่านั้น
น้ำนมข้าวกล้องงอก

สูตรน้ำนมข้าวกล้องงอก

ของกลุ่มแม่บ้านที่นี่มีข้อสังเกตว่าหากเป็นข้าวกล้องเก่าจะมีการใส่ข้าวเหนียวด้วย และหากเป็นข้าวกล้องใหม่ก็ไม่ ต้องใส่ข้าวเหนียว แต่โดยปกติโดยทั่วไปแล้วเขาใช้ข้าวกล้องใหม่กัน นอกจากนี้น้ำข้าวกล้องงอกของที่นี่มีกลิ่นใบเตยเนื่องจากมีขั้นตอนหนึ่งใช้ ใบเตยมาเป็นองค์ประกอบเพื่อให้ได้กลิ่นหอม แต่เราว่ากลิ่นหอมของข้าวกล้องงอกก็หอมเป็นธรรมชาติดีอยู่แล้ว แล้วอีกอย่างที่นี่เขาใส่ครีมเทียมด้วยเพื่อเพิ่มความมัน
จากอดีตราษฎรที่อาศัยอยู่บริเวณนี้มีแต่ความทุกข์ยากและหวาดหวั่น หากปัจจุบันเห็นได้ชัดเจนว่า ด้วยพระมหากรุณาธิ คุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ราษฎรปราศจากทุกข์ใด ๆ โดยสิ้นเชิง

ส่วนประกอบของน้ำข้าวกล้องงอก

แต่ละสำนักก็คล้าย ๆ กัน ขอนำสูตรของกรมการข้าว เจ้าตำรับมาให้พิจารณาก็แล้วกัน นางลัดดาวัลย์ กรรณนุช ผอ.สำนักพัฒนาผลิตภัณฑ์ข้าว เปิดเผยสูตรการทำน้ำข้าวกล้องงอกว่า เริ่มจากเมล็ดข้าวกล้องใหม่ 100 กรัม หรือ 1 ขีด จะต้องซาวน้ำล้างเอากรวดทรายออกก่อนหนึ่งครั้ง แล้วนำไปแช่น้ำประมาณ 1 ลิตร ทิ้งไว้ประมาณ 5-6 ชม. ก็จะเกิดเป็นตุ่มงอกสีขาวขึ้นมาที่เมล็ดข้าวพอมองเห็น จากนั้นให้เอาขึ้นนำมาผึ่งให้แห้ง แล้วนำไปต้มใช้ไฟปานกลางให้เดือด แต่อย่าให้เดือดมาก เพราะถ้าร้อนมากเกินไป สารกาบ้าจะถูกทำลายมาก หากเดือดพอดีให้เคี่ยวไปสัก 15-20 นาที สารกาบ้าจะยังอยู่ในข้าวถึง 70 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นปริมาณเพียงพอต่อร่างกาย เสร็จแล้วใช้ผ้าขาวบางหรือกระชอนกรองน้ำเพื่อนำมารับประทาน และสามารถเพิ่มรสชาติโดยโรยเกลือป่นให้ออกเค็มเล็กน้อย


เหมือนที่บอก หากจะทำก็ไม่ยากเลย เห็นเขาทำจำหน่ายตามตลาดก็ดูเหมือนคนจะนิยมรับประทานกันมาก สามารถสร้างงาน สร้างเงิน ได้เช่นกัน


ที่มา : เดลินิวส์

Read More...




----------------

ปรับปรุง
รายการบทความทั้งหมด



การบำรุงรักษารถยนต์เบื้องต้น



ร้านค้าเคลื่อนที่ ใช้ รถบรรทุกขนาดเล็กมาดัดแปลง



รวมบทความอาชีพ เสริม หลากไอเดียวิธีหารายได้เสริม



รวมบทความงานฝีมือ-สิ่งประดิษฐ์ รายได้เสริม



ทองม้วน thong muan ; rolled wafer





MASK รุ่นสายคล้องคอ







MASK รุ่นสายคล้องคอ. ��รุ่นนี้เป็นที่นิยมใช้กันมาก #ขายดีมาก
ทำจากผ้าคอตตอนแท้ 100%  ไม่ผสม เนื้อผ้านุ่ม 
3 ชั้น. สวมใส่พอดีกับใบหน้า ไม่เจ็บหู มีสายคล้องคอปรับได้
เวลาถอดออก ไม่ต้องกลัวลืม เพราะถอดแล้วคล้องคอไว้ได้
บรรจุในถุงซิปฟรอย์อย่างดี
ราคาชิ้นละ. 59. บาท. ไม่รวมส่ง 
มีหลายสีให้เลือกนะคะ   สนใจทักแชทขอดูสีผ้าได้นะคะ
หน่วยงาน บริษัท ห้างร้าน หรือ สนใจสั่งไปจำหน่าย 
มีเรทราคาส่งค่ะ

-> id line : noeyhorm_06
#มีวางจำหน่ายหน้าร้านชานมไต้หวันมาราชาสาขาจรัญ44


ร้านมาราชาชานมไข่มุก สาขาจรัญสนิทวงศ์ 44
● รับบัตรสะสมครบ 10 แก้ว แลกรับฟรี 1 แก้ว
● สั่งเดลิเวอรีผ่าน LINE MAN, Foodpanda ,GET ...ถึงมือปั๊บพร้อมดื่มปุ๊บ!
● อัพเดทโปรโมชั่นใหม่ๆ รสชาติใหม่ ตลอดเวลา
● มีเมนูให้เลือก 40 กว่าเมนู : https://bit.ly/2Z9iqV0






























































เลือกช่องทางติดต่อและรับข่าวสารบริการหลังการขาย
ฟอร์ด พลปิยะอยุธยาและฟอร์ด พลปิยะวังน้อย

--------------------------------------------------------------------------------------------
แคมเปญ-โปรโมทชั่น อะไหล่ฟอร์ด อัพเดททางออนไลน์และปรับปรุงข้อมูลออนไลน์
อะไหล่ฟอร์ด อะไหล่รถฟอร์ด อะไหล่รถยนต์ฟอร์ด อะไหล่ฟอร์ดแท้ ร้านขายอะไหล่รถฟอร์ด ขายอะไหล่รถฟอร์ด อะไหล่ฟอร์ด
 
Option

รวมบทความอาชีพเสริม หลากไอเดียวิธีหารายได้เสริม หาอาชีพเสริมอิสระทำเงิน สร้างอาชีพอิสระงานฝีมือ แนะนำการสร้างรายได้เสริมทำเงินด้วยการขายสินค้าหรือขายของเป็นอาชีพเสริม อิสระงานฝีมือ แนะแนวธุรกิจ อาชีพเสริม อาชีพแก้จน อยากจะมีรายได้เสริมนอกเหนือจากงานประจำ บล๊อกจัดทำขึ้นเป็นวิทยาทานเพื่อเผยแผ่ความรู้อันจะเป็นไปเพื่อบุญกุศล ขอให้ทุกท่านที่มีส่วนร่วมในบทความของบล๊อกนี้ จงได้รับอานิสงฆ์ด้วยเทอญ.