สูตรขนม สูตรอาหาร อาชีพรายได้เสริม ประกาศฟรี โฆษณาฟรี Career Articles Extra Income: แฟรนไซส์
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

Drop Down MenusCSS Drop Down MenuPure CSS Dropdown Menu
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ แฟรนไซส์ แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ แฟรนไซส์ แสดงบทความทั้งหมด

"ปุ้ย"ผู้ประกาศใช้ชื่อปูทางสร้างแฟรนไชส์นักเก็ตไก่ทอด



 
นักเก็ตไก่ทอด
 

ไก่ทอดนักเก็ต อาหารว่างที่ชื่นชอบของเด็กๆ ร้านจำหน่ายไก่ทอดนักเก็ตในรูปแบบของแฟรนไชส์มีให้เลือกรับประทานกันหลายแบ รนด์ ส่วนหนึ่งที่มีแฟรนไชส์ไก่ทอดนักเก็ตออกมาขายกันอย่างแพร่หลายมาจากบ้านเรา เป็นแหล่งผลิตผลิตภัณฑ์เนื้อไก่สำเร็จรูปส่งออก ทำให้การเกิดแฟรนไชส์ไก่ทอดนักเก็ตจึงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับตลาดผู้บริโภค เมืองไทย

Read More...


Love Milk & Daikon (ไดก้อง) 2 แฟรนไชส์ไอเดียเจ๋ง ความเสี่ยงน้อยกำไรกว่า 50%

 
การมีร้าน นมสด & ขนมปัง เป็นของตัวเอง ถือเป็นความฝันของใครหลายคน เพราะมองเห็นโอกาสของการเติบโต เนื่องจากนมสดและขนมปังไม่ใช่เรื่องของเด็ก หรือวัยรุ่นเท่านั้น แต่ผู้ใหญ่ทั้งหนุ่มสาวออฟฟิศ ไปจนถึงครอบครัว ก็ล้วนแต่ชื่นชอบเมนูนี้ด้วยกันทั้งนั้น ทว่าแม้ นมสด และขนมปัง จะมีฐานลูกค้าอยู่มาก แต่หากลงทุนโดยขาดความรู้ความเข้าใจในธุรกิจอย่างแท้จริง โอกาสที่จะล้มเหลวก่อนประสบความสำเร็จย่อมจะมีมากกว่า

Read More...


จากแม่ค้าลำไยหาบเร่ขายต่างจังหวัด รู้ช่องทางทำกินต่อยอดแปรรูปส่งออก


'เส้น ทางเถ้าแก่'สัปดาห์นี้ขึ้นเหนือมาเชียงใหม่พบกับนางฉันทนา ทองดี อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 15 ม.8 ต.ชมภู อ.สารภี จ.เชียงใหม่ จากที่เป็นแม่ค้าหาบเร่ขายลำไยไปตามตลาดทั่วภาคเหนือ เก็บประสบการณ์จนเป็นเจ้าของโรงงานแปรรูปลำไยเอง กระทั่งส่งลำไยไปขายต่างประเทศ

หอบหิ้วลำไยตระเวนขายตามตลาด

นาง ฉันทนา เผยว่าย้อนไปเมื่อ 10 ปีก่อนหลังจากที่มีครอบครัวแล้ว ยึดอาชีพค้าขายลำไยสด กับสามีหอบหิ้วลำไยใส่ตะกร้าขึ้นรถรับจ้างไปขายตามตลาดต่างๆ ในเชียงใหม่ บางครั้งหาบเร่ขายไปทั่วเชียงใหม่ หากตลาดไหนขายไม่ดีก็ย้าย บางครั้งไปขายถึงตลาดทุ่งเกวียน จ.ลำปาง ที่เป็นตลาดชื่อดังในปัจจุบัน บางวันขายหมด บางวันเหลือกลับบ้านก็ยังพอมีรายได้เลี้ยงครอบครัว

Read More...


แฟรนไชส์ Mobile Coffee Car

รถกาแฟเคลื่อนที่ BONCAFÉ
แฟรนไชส์ BONCAFÉ 
BONCAFÉ(บอนกาแฟ) เป็นบริษัทร่วมทุนไทย-สวิส ดำเนินธุรกิจด้านกาแฟมากว่า 19 ปี (ก่อตั้งปี 2534) ภายใต้คอนเส็ปต์ one stop coffee solution เสนอธุรกิจที่ครบวงจรด้านกาแฟ ไม่ว่าเครื่องทำกาแฟ นำเข้าจากประเทศชั้นนำ รวมถึงผลิตกาแฟไทยได้คุณภาพ การให้คำปรึกษาสำหรับผู้ที่อยากทำธุรกิจกาแฟ และการจัดอบรมความรู้เพื่อการเปิดร้านกาแฟผ่าน

เรียกง่าย ๆ ว่าถ้าอยากทำธุรกิจร้านกาแฟ เดินมาที่ได้ครบทุกอย่าง BONCAFÉ เป็นทั้งผู้นำเข้าและผู้แทนจำหน่าย เครื่องทำกาแฟระบบอัตโนมัติ เครื่องทำกาแฟเอสเพรสโซ่ ระบบกึ่งอัตโนมัติ เครื่องทำกาแฟคาปูชิโน เครื่องทำกาแฟระบบหยอดเหรียญ เครื่องบดกาแฟ และอุปกรณ์ในการทำกาแฟจาก ประเทศอิตาลีและสวิตเซอร์แลนด์ และนำเข้าเครื่องต้มกาแฟแบบใช้กระดาษกรองจากประเทศสหรัฐอเมริกา นอกจากขายกาแฟแล้ว ยังขายเครื่องดื่มชนิดผงสำเร็จรูป เช่น ชาชงสำเร็จรูปกลิ่นผลไม้และช็อกโกแลตชงสำเร็จรูป ผลิตภัณฑ์แต่งหน้าเมนู ซอสตกแต่งเครื่องดื่ม ของหวาน ท็อปปิ้งไอศกรีม และเป็นตัวแทนจำหน่ายน้ำเชื่อมจาก Torani

สามารถหาชิมกันได้ตามคีออสหรือร้านกาแฟ BONCAFÉ หรือตามซูเปอร์มาเกตที่วางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของบริษัท เมื่อถูกใจรสชาติและมีทำเลทอง อยากเปิดร้านกาแฟบ้าง ก็ติดต่อไปได้ที่บริษัท บอนกาแฟ (ประเทศไทย) จำกัด หรือติดตามข่าวสารได้จากวารสาร Free copy “บิทเทอร์ สวีท”
BONCAFÉ เพิ่มทางเลือกให้คนอยากมีร้านกาแฟ ด้วยรูปแบบธุรกิจ “รถกาแฟเคลื่อนที่ BONCAFÉ” โดยใช้กระบะคันเล็ก ๆ ขับเข้าตรอกออกซอกซอยได้สบาย ขายได้ทั้งกรุงเทพฯ ต่างจังหวัด ตลาดนัด และงานอีเวนท์

รูปแบบการลงทุนรถกาแฟเคลื่อนที่ BONCAFÉ นำรถมาตกแต่งเอง หรือใช้รถที่บริษัทจัดหาให้ก็ได้ ต้นทุนกาแฟราคาต่ำมาก ไม่เกิน 20 บาทต่อแก้ว ส่วนราคาขายกาแฟร้อนไม่เกิน 30 บาท กาแฟเย็น 35-40 บาทขึ้นไป ได้กำไรเกือบครึ่งหนึ่ง เฉลี่ยแล้วกรณีที่คืนทุนได้ภายในหนึ่งปี ต้องขายกาแฟให้ได้ประมาณ 30 แก้วต่อวัน

รูปแบบชุดรถกาแฟเคลื่อนที่ BONCAFÉ

ชุดร้านกาแฟเคลื่อนที่มีให้เลือก 3 รูปแบบ คือ standard set, premium set 1 และ premium set 2 สามารถผ่อนชำระ 0% ได้นาน 10 เดือน กับบัตรเครดิตกสิกรไทย
standard set ราคา 39,000 บาท ได้รับเครื่องชงกาแฟ Ascaso รุ่น Uno PM1-Group กับเครื่องบดกาแฟ Saeco รุ่น MC 2002
premium set 1 ราคา 69,000 บาท ได้รับเครื่องชงกาแฟ Ascaso รุ่น Trio PM 2-Groups กับเครื่องบดกาแฟ Ascaso รุ่น i-1 (ไม่มีโถพักกาแฟ)
premium set 2 ราคา 72,000 บาท ได้รับเครื่องชงกาแฟ Ascaso รุ่น Trio PM 2-Groups กับเครื่องบดกาแฟ Ascaso รุ่น i-1d (ไม่มีโถพักกาแฟ)

ไม่ว่าซื้อชุดไหน จะได้รับการอบรมหลักสูตรเบื้องต้นด้วย พร้อมชุดอุปกรณ์เริ่มต้น ได้แก่
-แก้วกระดาษ 6.5 ออนซ์ 200 ชิ้น
-แก้วพลาสติก 16 ออนซ์ 200 ชิ้น
-ฝาปิดแก้วพลาสติก 200 ชิ้น
-แก้วช็อต 1 ใบ
-ถ้วยสตรีมนม 300 ซีซี 1 ใบ
-แก้ววัดปริมาณ 8 ออนซ์ 1 ใบ
-ช้อนวัดปริมาณ 1 เซท
-กาแฟเม็ด (มอคค่าดาร์ค) 10 กิโลกรัม
-บอนทีมิกซ์ 3 กระป๋อง
-บอนช็อคโก 1 กระป๋อง
-ซอสตกแต่งของหวาน 3 ขวด
-น้ำเชื่อมโทรานี่ 3 ขวด

กรณีที่ลูกค้าไม่มีรถ และกำลังมองหารถใหม่ ทางบริษัทแนะนำรถ DFM Mini Truck ด้วยราคารวมหลังคารถ ตู้โชว์ และสติกเกอร์ตกแต่งภายใน ภายนอก รุ่น DFM CAFÉ 1.1 L LPG-MPI 385,000 บาท รุ่น DFM CAFÉ 1.3 L LPG-MPI 435,000 บาท รุ่น DFM CAFÉ 1.1 L CNG-MPI 395,000 บาท และรุ่น DFM CAFÉ 1.3 L CNG-MPI 445,000 บาท ผ่อนชำระกับธนาคารกสิกรไทย 12-60 งวด (ดาวน์ 25%) อัตราชำระต่องวด ต่ำสุดห้าพันกว่าบาท และสูงสุดสองหมื่นกว่าบาท ขึ้นอยู่กับระยะเวลาการผ่อนชำระ
สนใจธุรกิจแฟรนไชส์รถกาแฟเคลื่อนที่ BONCAFÉ ติดต่อ ชั้น 21 อาคารเมืองไทย-ภัทร ตึก 2, 252/110 ถนน รัชดาภิเษก ห้วยขวาง กรุงเทพฯ 10310 ประเทศไทย โทร. 0-2693-2570 www.boncafe.co.th E-mail:marketing@boncafe.co.th

ขอขอบคุณเจ้าของบทความ : eJobeasy.com

Read More...


แฟรนไชส์กาแฟโบราณนมตรามะลิ

แฟรนไชส์กาแฟโบราณนมตรามะลิ
คีออสร้านแฟรนไชส์กาแฟโบราณนมตรามะลิ

กาแฟโบราณ” เครื่องดื่มที่อยู่คู่คนไทยมานาน แม้ว่าปัจจุบันจะมีกาแฟสดที่มีรสชาติที่หลากหลาย และกลิ่นหอมเย้ายวนออกมามัดใจนักดื่ม แต่ด้วยเสน่ห์ของกาแฟโบราณตามแบบนักชงมืออาชีพอย่างพ่อค้า แม่ค้าคนไทย ก็ยังคงมัดใจคอกาแฟทั้งรุ่นเก่า และหน้าใหม่ได้เป็นอย่างดี และด้วยเหตุนี้เองทำให้เรายังคงได้เห็นรถเข็นกาแฟโบราณ ออกมาขายกันทุกพื้นที่ ทั่วประเทศไทยก็ว่าได้

ทั้งนี้ ด้วยความนิยมในรสชาติของกาแฟโบราณ ทำให้ปัจจุบันมีพ่อค้า แม่ค้าหน้าใหม่ เองก็สนใจต้องการที่จะเป็นเจ้าของรถเข็นขายกาแฟในแบบที่ทันสมัย เพื่อเอาใจคนรุ่นใหม่ และคนเมืองที่ชอบกาแฟโบราณ จึงได้เป็นที่มาของแฟรนไชส์กาแฟโบราณนมตรามะลิ ธุรกิจรถเข็นสไตล์พรีเมี่ยมโดยมีบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง “อุตสาหกรรมนมไทย” เจ้าของผลิตภัณฑ์นมข้นหวานตรามะลิ

นายสุวิทย์ ผลวิวัฒน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท อุตสาหกรรมนมไทย จำกัด กล่าว ว่า ทางบริษัทได้เปิดตัวแฟรนไชส์รถเข็นกาแฟโบราณ มาได้กว่า 1 ปี ซึ่งผลตอบรับออกมาดีมาก จากปีแรกที่เปิดตัวมีผู้สนใจแฟรนไชส์เพียง 10 ราย ด้วยเงินลงทุน 25,070 บาท จนมาถึงปัจจุบันในปี 2554 มีผู้สนใจลงทุนรถเข็นแฟรนไชส์มากถึง 400 ราย โดยตั้งเป้าไว้ว่าภายในสิ้นปีนี้จะมีผู้สนใจลงทุนแฟรนไชส์รถเข็นกาแฟโบราณนม ตรามะลิมากถึง 1,000 คัน

แฟรนไชส์กาแฟโบราณนมตรามะลิ
บ. มิสเตอร์มิลล์ จก. ศูนย์ฝึกอบรมสำหรับสมาชิกผู้ลงทุนแฟรนไชส์กาแฟโบราณนมตรามะลิ

ส่วนการลงทุนแฟรนไชส์รถเข็นกาแฟโบราณนมตรามะลินั้น เป็นรูปแบบการลง ทุนในหลากหลายรูปแบบ ซึ่งสมาชิกแฟรนไชส์ส่วนใหญ่เกือบ 100% ลงทุนแล้วแฟรนไชส์อัตราการคืนทุน 1 – 3 เดือน ซึ่งเป็นแบบการชงที่ทำตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญของเรา ที่ได้พยายามพัฒนาสูตร โดยใช้วัตถุดิบหลัก อย่าง นมข้นหวานตรามะลิ

ส่วนหนึ่งที่คนสนใจธุรกิจแฟรนไชส์กาแฟโบราณนมตรามะลินี้กันมาก ก็คงจะมาจากผลตอบแทนหรือกำไรที่ได้ของการขายกาแฟโบราณที่สูงถึงกว่า 50% แม้ว่าปัจจุบันวัตถุดิบบางตัวจะมีการปรับราคาขึ้นก็ตาม แต่ผลตอบแทนก็ยังสูงอยู่ และประกอบกับความต้องการของผู้บริโภคก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะในรถเข็นกาแฟโบราณปัจจุบันไม่ได้มีแค่กาแฟ หรือ ชา แต่ยังมีเมนูของเครื่องดื่มประเภทอื่นๆ รวมถึงเมนูใหม่ที่ทางบริษัทได้คิดค้นขึ้นมา และนำมาเสริมเพิ่มทางเลือกให้กับผู้บริโภค และช่วยสร้างรายได้ให้กับผู้ลงทุนแฟรนไชส์ของเราด้วย

แฟรนไชส์กาแฟโบราณนมตรามะลิเปิดศูนย์ฝึกอบรบสำหรับสมาชิกลงทุน

ทั้งนี้ ล่าสุดแฟรนไชส์กาแฟโบราณนมตรามะลิ…เปิด ตัว บริษัท มิสเตอร์มิลล์ จำกัด ซึ่งเป็นศูนย์ฝึกอบรมสำหรับสมาชิกผู้ลงทุนแฟรนไชส์รถเข็นกาแฟโบราณนมตรามะลิ เพื่อรองรับการขยายตัวของแฟรนไชส์ ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีก 60% และเพื่อให้ผู้ลงทุนกับเราได้มียอดการขายเติบโตเพิ่มขึ้น ทั้งผู้ลงทุนเดิมและผู้ลงทุนน้องใหม่

โดยเริ่มจากเปิดคอร์สปฐมฤกษ์อบรมหลักสูตร “ปั่นแล้วรวย” อีกหนึ่งกลยุทธ์ที่ทางบริษัทฯ ส่งมาเปิดตลาดในปี 2554 นี้ ซึ่งน่าจะทำรายได้ให้กับแฟรนไชส์กาแฟโบราณนมตรามะลิเป็นอย่างดี เพราะเมนูปั่น จะเป็นการเจาะกลยุทธ์การตลาดเมนูเสริมสำหรับคนยุคใหม่ที่ต้องการเมนูโบราณ แบบพรีเมี่ยม เพิ่มสีสันให้กับเมนูเครื่องดื่มโบราณด้วยวิธี “การปั่น” มาตามกระแสเรียกร้องของกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่ ที่อยากให้มีเมนูปั่นอยู่ในร้านรถเข็นกาแฟโบราณนมตรามะลิบ้าง เพื่อเป็นทางเลือกใหม่ให้กับรถเข็นกาแฟโบราณนมตรามะลิและผู้บริโภคอีกด้วย

“ส่วนสถานที่ฝึกอบรมแฟรนไชส์กาแฟโบราณนมตรามะลิ แห่งนี้เปรียบเสมือนในการแลกเปลี่ยนความรู้ แชร์ประสบการณ์ และอัพเดทข้อมูลข่าวสารพร้อมร่วมรับฟังประสบการณ์ดีๆ เทคนิคการขายจากสมาชิกแฟรนไชส์ที่ประสบความสำเร็จและที่สำคัญยังเป็นศูนย์ กลางเน้นความรู้ด้านทฤษฎีและปฏิบัติในอบรมสูตรเครื่องดื่มแนวใหม่ ส่วนในครั้งแรกนี้เป็นการอบรมหลักสูตร “ปั่นแล้วรวย” โดย อาจารย์ ศศิฤทัย ชัยยอง หรือครูแอน ผู้คิดสูตรที่มาเผยเทคนิคการชงเพื่อรักษามาตรฐานรสชาติและคุณภาพของเครื่อง ดื่มแฟรนไชส์รถเข็นกาแฟโบราณนมตรามะลิกับ 3 เมนูใหม่ คือ กาแฟเย็นปั่น, ชาเย็นปั่น และนมเย็นปั่น สนนราคาขายที่แก้วละ 25 บาท จากราคาต้นทุนอยู่ที่แก้วละ 10 – 11.50 บาท กำไรแก้วละ 13.50 – 15 บาท ดังนั้นผู้ลงทุนแฟรนไชส์ที่นำ 3 เมนูปั่นเสริมเข้าไปในร้านก็สามารถเพิ่มยอดขายได้เกิน 60%”


แฟรนไชส์กาแฟโบราณนมตรามะลิ
เจ้าหน้าแฟรนไชส์กาแฟโบราณนมตรามะลิกำลังสอนและแนะการทำ ปั่นแล้วรวย

อย่างไรก็ตาม สำหรับคนที่กำลังมองหาอาชีพ หรือ ต้องการมีรายได้ แฟรนไชส์กาแฟโบราณนมตรามะลิน่า จะเป็นทางเลือกหนึ่ง เพราะผลตอบแทนดี เหมาะกับสภาพอากาศเมืองร้อนอย่างบ้านเรา แต่ด้วยยุคสมัยเปลี่ยน การแข่งขันที่สูงขึ้น ผู้ประกอบการหน้าใหม่ ก็ควรที่จะมีพี่เลี้ยงที่คอยช่วยเหลือ หลายคนอาจจะมองว่าแค่ขายกาแฟ แต่ปัจจุบันไม่ใช่ เพราะคนขายกาแฟมีอยู่มากมาย เราจำเป็นต้องหาความแตกต่าง ไม่ว่าจะเป็นเมนูใหม่ๆ หรือ การเลือกใช้วัตถุดิบคุณภาพ ฝีมือการชง รสชาติ เหล่านี้ ล้วนแต่เป็นเรื่องสำคัญที่ผู้ประกอบการจะต้องพิจารณา และการที่เรามีพี่เลี้ยงมันก็อาจจะช่วยตรงจุดนี้ได้
โทร. 08-1980-3300, 02-255-9040 ต่อ 146 , www.thaidairy.co.th

ขอขอบคุณเจ้าของบทความ : ASTVผู้จัดการออนไลน์

Read More...


แฟรนไชส์ “Dr.Sushi” ตั้งเป้าลุยตลาดใน กทม.



















ว่าไปแล้วผู้คนในบ้านเรานั้นนิยมรับประทานอาหารญี่ปุ่นมา เนิ่นนานหลายสิบปีแล้ว และเชื่อว่ากระแสนี้ก็ยังคงอยู่ต่อไป เห็นได้จากการเปิดร้านอาหารญี่ปุ่นใหม่ๆ อยู่ตลอด หรือแม้กระทั่งตามตลาดนัดหรือตลาดทั่วๆ ไป แม้กระทั่งหน้าโรงเรียนก็มีการวางขายอาหารญี่ปุ่น “ซูชิ” ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในสังคมไทย

กุศมัยกรุ๊ป เจ้าของ Dr.Sushi
ฉะนั้น วันนี้จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีแฟรนไชส์อาหารญี่ปุ่นอยู่หลายเจ้า หนึ่งในนั้นคือแบรนด์ “Dr.Sushi” ของบริษัท กุศมัย เคเทอริ่ง จำกัด ที่มี “คุณเกษมศักดิ์ ป้อมศุวรรณ” นั่งเก้าอี้ซีอีโอเชฟ ด้วยว่าเขาผู้นี้มีความเชี่ยวชาญในเรื่องอาหารของเมืองปลาดิบเป็นอย่างดี ผ่านการทำงานในภัตตาคารอาหารญี่ปุ่นมีชื่อ และเคยเปิดร้านอาหารญี่ปุ่นมาแล้วด้วย

สาเหตุสำคัญที่บริษัทกุศมัยฯ เข้ามาจับธุรกิจอาหารญี่ปุ่น เพราะคลุกคลีอยู่ในวงการนี้อยู่แล้ว และมองว่าอาหารญี่ปุ่นแม้จะเข้ามาในประเทศไทยถึง 30 ปีแล้ว แต่ก็ยังไปได้ดี อย่างที่คุณเกษมศักดิ์ เล่าว่า “บริษัทผลิตเกี่ยวกับเสื่อไม้ไผ่ ทำไม้จิ้มฟัน ทำตะเกียบอยู่แล้ว โดยส่งออกต่างประเทศทั่วโลกแล้วก็ส่งในประเทศด้วย ต่อมาก็เปิดเป็นบริษัท กุศมัย คิชเช่นแวร์ ขายเครื่องครัว และเปิดบริษัท กุศมัย มอเตอร์ ผลิตรถสามล้อขาย ต่อมา ดร.วิโรจน์ กุศลมโนมัย ประธานกรรมการกุศมัยกรุ๊ป ก็ชักชวนผมมาร่วมงาน เพราะตอนนั้นผมเปิดร้านขายอาหารญี่ปุ่นอยู่ที่จังหวัดอุดรธานี แต่มีปัญหาเศรษฐกิจขายไม่ดี”

ทั้งนี้ การทำแฟรนไชส์อาหารญี่ปุ่นของ “Dr.Sushi” ซึ่งเพิ่งเปิดตัวเมื่อปลายปีที่แล้ว มาจากความคิดของคุณเกษมศักดิ์ที่ว่า อยากทำให้เหมือนเป็นภัตตาคารอาหารญี่ปุ่นเคลื่อนที่ โดยนำอุปกรณ์ครัวทุกอย่างของญี่ปุ่นมาลงในรถสามล้อไทยและแต่งรถให้สวยงาม สามารถวิ่งไปมาได้ตามจุดขายต่างๆ ถือเป็นจุดเด่นที่ยังไม่มีเจ้าไหนทำ โดยใช้รถสามล้อ “ซูโมต้า” ที่กุศมัยกรุ๊ปเป็นผู้ประกอบรถเอง

เรียกว่าไปจอดรถที่ไหนก็ปั้นซูชิกันต่อหน้าเดี๋ยวนั้นเลย ให้ลูกค้าได้ลิ้มรสกันสดๆ ไม่ใช่ปั้นมาจากบ้านนานหลายชั่วโมงกว่าจะถึงปากลูกค้า และอยากจะเลือกซูชิหน้าไหนแบบไหนก็สั่งได้ตามใจชอบ
 
สามล้อ ดร.ซูชิ 250,000 บาท
คุณเกษมศักดิ์ ให้คำแนะนำสำหรับผู้ที่อยากเข้ามาทำธุรกิจนี้ว่า “คนที่จะมาซื้อแฟรนไชส์ผม คุณสมบัติแรกคือต้องรักการบริการ รักการทำอาหาร ต้องมีใจและต้องอึด ส่วนงบประมาณในการทำดร.ซูชิแบ่งเป็นหลายระดับ สเต็ปแรกออกมาเป็นรถ สเต็ปสองเป็นคีออสตั้งทั่วๆ ไป ราคา 150,000 บาท ซึ่งถ้าเป็นดร.ซูชิติดล้อจะเริ่มต้นที่ 250,000 บาท โดยใช้รถขนาด 200 ซีซี 14.5 แรงม้า ใช้น้ำมัน 20 กิโลเมตร ต่อลิตร โดยออกแบบที่ญี่ปุ่นแต่ผลิตที่ประเทศจีน แล้วมาประกอบในประเทศไทย ซึ่งในราคา 250,000 บาท จะครบเบ็ดเสร็จเลย มีเครื่องครัว มีรถ ฝึกงานให้ ใช้เวลาฝึก 1 เดือนถึง 45 วัน และช่วยเปิดร้านให้ด้วย”

สำหรับการเลือกซื้อแฟรนไชส์ดร.ซูชิแบบรถหรือแบบคีออสนั้น ขึ้นอยู่กับความชอบของลูกค้า เพราะบางคนอาจจะอยากขับรถขายวันละ 2 จุด กลางวันจุดหนึ่ง เย็นจุดหนึ่ง และสามารถไปรับงานข้างนอกได้ ไม่ว่าจะเป็นงานแต่งหรืองานบวช แต่ถ้าเป็นคีออสจะอยู่กับที่เลย

เตรียมเข็นอาหารญี่ปุ่นอีกหลายตัว
ในการทำแฟรนไชส์ดร.ซูชิ นั้นถือเป็นสินค้าชิ้นแรกของบริษัท ในอนาคตจะมีสินค้าอื่นๆ ตามมาอีก
“ตอนนี้เราทำแต่ซูชิก่อน ยังไม่อยากล่วงเข้าไปที่อาหารครัวร้อน ซึ่งตามแบบชุดแรกที่คำนวณไว้คือชุดเป็นรถดร.ซูชิ รถแบบต่อไปอาจจะเป็นรถราเม็ง ต่อไปก็เป็นรถข้าวหน้าญี่ปุ่น แล้วก็เป็นรถสเต๊ก สินค้าแต่ละอย่างจะเป็นแบรนด์ของตัวเอง เราจะไม่นำสินค้าไปปนกันเพราะจะทำให้งานสับสน ยกตัวอย่างคีออสคันเดียวแค่ซูชิอย่างเดียวเมนูก็เกือบ 20 อย่างแล้ว ถ้าจะดึงราเม็งมาร่วมกับซูชิด้วยจะสับสน”

ยันรสชาติเทียบเท่าภัตตาคาร
พูดถึงซูชิของที่นี่ คุณเกษมศักดิ์ รับประกันว่า รสชาติดีไม่แพ้ภัตตาคาร หรือตามห้างสรรพสินค้าทั่วไป แต่ราคาย่อมเยากว่ากันเยอะ

“ซูชิของเราจะใกล้เคียงกับที่ขายในภัตตาคารทั่วไป เซ็ตราคา 60 บาททุกเมนู ถ้าเป็นชุดเด็กจะมีข้าวปั้นหน้ากุ้ง ข้าวปั้นหน้าไข่หวาน แล้วก็จะมีแคลิฟอร์เนียมากิ โฟโตมากิ แล้วก็ข้าวห่อสาหร่ายไส้ต่างๆ เซ็ตหนึ่งมี 8-10 คำ เซ็ตหนึ่ง 60 บาท ถือว่าโอเคตกคำละ 10 บาทขึ้นไป และที่ขายราคานี้ได้เพราะเสียค่าเช่าพื้นที่น้อย ถ้าขึ้นห้างคงขายไม่ได้ ผมเป็นเชฟร้านอาหารมา การันตีได้ว่าวัตถุดิบทุกอย่างและความอร่อยไม่แตกต่างกัน คนส่วนใหญ่มักจะติดแบรนด์ แต่สูตรการทำใกล้เคียงกันอาจารย์ก็ใกล้เคียงกัน ทำงานมาด้วยกันถึงเวลาก็ไปแตกสาขา คนหนึ่งไปทำแบรนด์นี้คนนี้ก็ไปทำแบรนด์โน้น”

ในการซื้อแฟรนไชส์ของดร.ซูชินั้น จะต้องสั่งวัตถุดิบของบริษัทที่มีครบหมด ไม่ว่าจะเป็นข้าวญี่ปุ่น น้ำส้ม สาหร่าย รวมถึงวัตถุดิบเกี่ยวกับอาหารญี่ปุ่นทั้งหมด

“ในราคาที่กำหนดไว้นี้ปีแรกฟรี ปีต่อไปเก็บปีละ 12,000 บาท เป็นค่าป้ายอย่างเดียว ซึ่งจะไม่มีรายเดือนเพราะเราเก็บเป็นรายปีตกเดือนละ 1,000 บาท ผมถือว่าโอเค ก็เหมือนเป็นค่าแบรนด์ ขณะที่บางแฟรนไชส์เขาเก็บต่อยอดการขายด้วย อาจจะ 2-3 เปอร์เซ็นต์”

ชี้ทำเลทองขายดี
ทั้งนี้ ก่อนจะซื้อขายแฟรนไชส์กันนั้น ทางบริษัทจะมีการแนะนำลูกค้าก่อนว่าเหมาะที่จะขายในทำเลแบบใด
“คนที่จะทำต้องดูทำเลก่อน ควรจะเป็นแหล่งชุมชนที่มีผู้คนพลุกพล่าน อย่างหน้าหมู่บ้านใหญ่ๆ แหล่งชุมชนใหญ่ๆ ที่เป็นออฟฟิศหรือแหล่งที่มีคนทานอาหารเยอะๆ อีกแหล่งคือตามมหาวิทยาลัย ตอนนี้เราขายอยู่ที่ชุมชนใหญ่บางบอน ตลาดต้นสนหลังตึกสินธร และที่ทาวน์อินทาวน์ พร้อมกันนั้นกำลังเจรจากับเทศกิจในเขตเยาวราชว่าจะขายได้ไหม”



-->


จากประสบการณ์ที่คุณเกษมศักดิ์นำรถสามล้อตระเวนไปขายตามแหล่งใหญ่ๆ ที่ได้ระบุไว้นั้น ปรากฏว่า เฉลี่ยแล้วขายได้วันละ 100 กล่อง คิดเป็นเงิน 6,000 บาท จะได้กำไรประมาณ 30-35 เปอร์เซ็นต์

ส่วนการที่ทางบริษัทไปออกบู๊ธตามงานต่างๆ อาทิ งานแฟรนไชส์ ก็ได้รับความสนใจจากลูกค้าจำนวนไม่น้อย แต่ส่วนใหญ่อยู่ในระหว่างรอการตัดสินใจในเรื่องทำเล ซึ่งลูกค้าที่มาซื้อแฟรนไชส์ส่วนมากจะไปขายแหล่งออฟฟิศในกรุงเทพฯ แต่ก็มีต่างจังหวัดด้วย อย่างไรก็ตาม ทางบริษัทจะต้องพิจารณาก่อน เพราะตามนโยบายจะเน้นตลาดในกรุงเทพฯ เป็นหลัก เพราะมองว่ากรุงเทพฯ เป็นตลาดใหญ่ ทุกที่มีกำลังซื้อหมด แต่จะโตในแหล่งชุมชนที่มีขนาดใหญ่ก่อน ซึ่งอาจต้องใช้เวลาเป็นปีสองปีก็ว่ากันไป ถ้าจะก้าวกระโดดก็คงจะยากหน่อย”

ตั้งเป้าขยาย 10 จุดภายในปีนี้
ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าว่าภายในกลางปีนี้จะทำให้ได้ 5 จุด พอสิ้นปีน่าจะเป็น 10 จุด คือจะใช้รูปแบบตลาดจุดละ 1 ที่ เพื่อให้ลูกค้ามองเห็นว่าถ้าขายอยู่แหล่งนี้คนที่จะซื้อจะต้องขายอย่างไร

พร้อมกันนั้น คุณเกษมศักดิ์ ย้ำนักย้ำหนาว่า ของทุกอย่างเป็นของญี่ปุ่นหมด ไม่ว่าจะเป็นข้าวญี่ปุ่น น้ำส้มญี่ปุ่น วาซาบิสด สาเหตุที่ทำได้ก็เพราะบริษัทผลิตพวกนี้อยู่แล้ว

นอกจากนี้ ในการขายแฟรนไชส์ ลูกค้าบางคนตั้งคำถามว่าทำไมถึงต้องใช้เวลาในการเรียนรู้การทำซูชินาน 3-5 วัน ซึ่งคุณเกษมศักดิ์ ก็ต้องอธิบายความจำเป็นว่า เรียนวันเดียวไม่สามารถทำเป็นได้ทันที การเรียน 3-5 วันเพราะต้องไปฝึกงานในจุดที่บริษัทไปตั้งจุดขายด้วย เพื่อที่จะได้รู้ว่าหน้างานที่จะขายให้ลูกค้าเป็นอย่างไร  และในเวลาที่ลูกค้ามาสั่งครั้งละ 3-5 กล่อง จะต้องวางแผนการทำงานอย่างไร จะคุยกับลูกค้าอย่างไร ต้องเรียนรู้เรื่องพวกนี้ด้วย ไม่ใช่ว่าเรียนรู้วิธีทำแล้วจะขายได้เลย

ในฐานะที่เป็นเชฟอาหารญี่ปุ่น เขาบอกว่า “การทำซูชิไม่ยาก ขอให้เราตั้งใจและอดทนนิดหนึ่ง คนที่ทำเป็นคนที่ชำนาญทำง่ายแป๊บๆ เสร็จ แต่คนที่ยังไม่เคยทำแล้วมาทำตอนแรกดูเหมือนง่ายแต่ทำไปแล้ว...เอ๊ะทำไมมัน ยากจังเลย ดังนั้น ต้องเข้าใจว่าระยะเวลาที่เริ่มเรียนและฝึกงานคือการทำงานครั้งแรก อาจจะช้านิดหนึ่งแต่หลังจากที่ผ่านไปเดือนหรือสองเดือนจะง่ายขึ้น”

อาหารญี่ปุ่นอนาคตสดใส
ถามย้ำอีกครั้งถึงตลาดอาหารญี่ปุ่นแบบซูชิ ซีอีโอเชฟของกุศมัยฯ มองว่า “ผมคิดว่าตลาดอาหารญี่ปุ่นยังไปได้ กลุ่มผู้บริโภคก็ยังมีอยู่เพียงแต่ว่าการนำเสนอต่อผู้บริโภคจะทำอย่างไรเท่า นั้นเอง เมื่อก่อนที่ผ่านมา 2-3 ปีก็มีคนนำเสนอเป็นตลาดล่าง แต่ตลาดล่างคือคนที่ไม่ได้มีโอกาสเข้าห้าง พอไปตลาดเห็นก็ซื้อทาน แต่คนที่อยู่ในตลาดบนคือคนที่อยู่ในภัตตาคารอยู่ในห้างต่างๆ เขาก็เข้าห้างไปเลย ผมเองจับช่องว่างระหว่างบนกับล่างมาอยู่ตรงกลาง โดยคนที่อยู่ระดับล่างสามารถที่จะทานเหมือนคนที่อยู่ตลาดบนได้ ส่วนคนที่ภัตตาคารสามารถลงมาทานที่ตลาดล่างได้”

ฟังอย่างนี้แล้ว เชื่อว่าบางคนคงอยากจะมาขายซูชิแบบนี้บ้าง ซึ่งถ้าสนใจในแบรนด์ของดร.ซูชิ คุณเกษมศักดิ์ แนะนำว่า มาพูดคุยกับทางบริษัทได้ที่ โทรศัพท์ (02) 899-7882, (083) 145-7288, (02) 416-5615 อี-เมล info@kusamai.com หรือเข้าไปหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.kusamai.com ซึ่งทางบริษัทเองกำลังเจรจากับบริษัทไฟแนนซ์ เพื่อให้ปล่อยกู้สำหรับคนที่ศักยภาพผ่อนใช้

หลังสัมภาษณ์เสร็จสรรพก็ทดลองชิมดู ยอมรับว่าเงิน 60 บาทที่ซื้อไปคุ้มค่าทีเดียว เพราะรสชาติอร่อยอย่างที่เชฟเกษมศักดิ์คุยไว้จริงๆ...เสียดายอยากจะกลับไป รับประทานอีกครั้ง แต่เผอิญถิ่นที่อยู่หรือแม้กระทั่งที่ทำงานไม่ได้อยู่ในแหล่งที่มีแฟรนไช ส์ดร.ซูชิขายสักแห่ง สงสัยต้องรอจนกว่าทางบริษัทกุศมัยฯ จะทำแบบดีลิเวอรี่กระมัง

Read More...


รถจักรยานขายเบียร์



รถจักรยานขายเบียร์ หรือที่รู้จักกันในนามว่า "เบียร์ ไบค์" ถือเป็นยานพาหนะ/บาร์เบียร์ยอดฮิตของนักดื่มชาวเยอรมนี ที่ต้องการจะนั่งดื่มเบียร์และปั่นจักรยานชมเมืองไปพร้อมๆ กัน อย่างไรก็ตาม ศาลเยอรมนีได้พิพากษาให้มีการควบคุมจำนวนของยานพาหนะดังกล่าว โดยระบุว่ารถจักรยานขายเบียร์เหล่านี้ได้ก่อให้เกิดอันตรายและรบกวนผู้ใช้ ท้องถนนรายอื่นๆ

ยานพาหนะชนิดนี้ถูกผลิตขึ้นในประเทศ ฮอลแลนด์ แต่กลับมาเป็นที่นิยมในประเทศเยอรมนี โดยถูกนำมาให้บริการแก่นักท่องเที่ยวในเมืองต่างๆ 34 แห่ง นอกจากจะรู้จักกันในชื่อรถจักรยานขายเบียร์แล้ว ชาวเยอรมนียังเรียกมันว่า "ผับจักรยาน" หรือ "โต๊ะประชุมเคลื่อนที่"

โดยลักษณะการทำงานของจักรยานดังกล่าวก็คือ การ อนุญาตให้นักดื่มจำนวน 16 คนมานั่งล้อมรอบโต๊ะที่มีถังเบียร์ตั้งอยู่ จากนั้น ทั้งหมดก็จะทำการบริการตัวเองและพรรคพวก พร้อมกับนั่งฟังเพลงและปั่นจักรยานไปรอบๆ เมือง ทั้งนี้จะมีเจ้าหน้าที่ประจำรถหนึ่งคนที่ไม่ดื่มเบียร์ ซึ่งคอยทำหน้าที่ถือพวงมาลัยบังคับทิศทางของจักรยาน

อัตราค่าเช่าของยานพาหนะ/บาร์เบียร์ชนิดนี้จะอยู่ที่ 280 ยูโร (ประมาณเกือบ 12,000 บาท) ต่อสองชั่วโมง โดยเหล่านักดื่ม/นักปั่นจะดื่มเบียร์ได้สูงสุดไม่เกิน 10 ลิตรต่อชั่วโมง นอกจากนี้ จะมีช่วงเวลาให้เหล่านักดื่มได้พักเข้าห้องน้ำ โดย ผู้ที่ปราศจากความอดกลั้น จนปล่อยของเสียของตนเองออกมาในสถานที่สาธารณะจะถูกปรับเป็นเงิน 250 ยูโร (ประมาณ 10,000 บาท)

แต่ ล่าสุด ได้มีผู้ขับขี่ยานพาหนะรายอื่นยื่นฟ้องร้องต่อศาลว่ารถจักรยานขายเบียร์ได้ ก่อให้เกิดความวุ่นวายบนท้องถนน สร้างปัญหาการจราจรติดขัด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเหล่านักดื่มได้บริโภคเบียร์ไปเป็นจำนวนมาก พวกเขาก็จะมีเรี่ยวแรงในการปั่นจักรยานลดน้อยลง จนส่งผลให้รถจักรยานที่พวกเขานั่งอยู่เคลื่อนที่ไปอย่างเชื่องช้า

ศาล ประจำเมืองดุสเซลดอร์ฟได้พิพากษาคดีดังกล่าวว่า ต่อไปผู้ประกอบธุรกิจให้บริการรถจักรยานขายเบียร์เหล่านี้จะต้องยื่นเรื่อง เพื่อขออนุญาตจากทางการเป็นกรณีพิเศษ ก่อนจะนำยานพาหนะของตนออกวิ่งบนท้องถนน และมีความเป็นไปได้ว่า ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ที่ยื่นเรื่องเข้าไปให้เจ้าหน้าที่จะไม่ได้รับการอนุ มัติ

อูโด้ เคลมท์ ผู้จัดการของบริษัท "เบียร์ไบค์" ผู้ให้บริการรถจักรยานขายเบียร์รายใหญ่ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า เขาจะทำการต่อสู้กับคำตัดสินดังกล่าว ซึ่งกำลังทำลาย "ธุรกิจที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงสุด" จากจำนวนสถิติที่ระบุว่ามียานพาหนะประเภทนี้ถูกเช่าจากนักท่องเที่ยวไม่น้อยกว่า 150,000 ครั้งต่อปี นอกจากนั้น รถ จักรยานขายเบียร์ยังไม่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุต่างๆ ที่เกิดขึ้นบนท้องถนน และพนักงานที่คอยบังคับทิศทางรถก็ล้วนแล้วแต่ผ่านการฝึกอบรมในระดับสูงมา แล้วทั้งสิ้น

 credit : http://www.munjeed.com/

Read More...


คิง หมี่ฮ่องกง” สูตรเส้นสด อร่อยจุใจในแบบต้นตำรับ

แฟรนไชส์คิงหมี่ฮ่องกง
บะหมี่เกี๊ยวของแฟรนไชส์คิงหมี่ฮ่องกง


สำหรับคนเอเชีย โดยเฉพาะคนจีน การกินบะหมี่ไม่ ได้เป็นเพียงอาหารประทังชีวิต แต่ยังแฝงไปด้วยวัฒนธรรมที่สืบทอดภูมิปัญญามานับพันปี จนเลื่องชื่อถึงความอร่อยชวนลิ้มลอง ทำให้คนยุคนี้อยากลองสัมผัสบ้าง

ร้าน “คิง หมี่ฮ่องกง” เข้ามาเติมเต็มความต้องการดังกล่าว เพราะเป็นบะหมี่เส้นสดสูตรต้นตำรับ มาพร้อมรูปโฉมภายนอกที่ชวนให้ย้อนถึงกลิ่นอายแห่งวันวาน ผ่านการตกแต่งร้าน และภาชนะชามโตที่เสิร์ฟปริมาณอิ่มจุใจ แต่ขายราคาที่ควักกระเป๋าจ่ายได้ง่ายๆ

แฟรนไชส์คิงหมี่ฮ่องกง
ดลยา รักวิชา (ซ้าย) และ อรัญ เรืองรองเจ้าของคิงหมี่ฮ่องกง

คิดค้นบะหมี่ต้นตำรับให้คนไทยได้ลอง

ร้าน“คิง หมี่ฮ่องกง” เปิดมาประมาณ 3 ปีแล้ว เจ้าของ คือ อรัญ เรืองรอง และดลยา รักวิชา จากแรงบันดาลใจที่อยากให้คนไทยได้กินบะหมี่ดีๆ เหมือนต้นตำรับ

อรัญ เล่าว่า เรียนจบด้านศิลปะ แต่พลิกชีวิตไปทำงานเป็นเชฟอยู่ที่ประเทศนิวซีแลนด์ 4 ปี จากนั้น ไปเป็นเชฟอยู่บนเรือท่องเที่ยวสตาร์ครูส อีกราว 4-5 ปี แล่นเส้นทางประจำโซนเอเชีย โดยเฉพาะฮ่องกง ซึ่งไปบ่อยครั้งที่สุด จนรับรู้ได้ถึงความผูกพันของคนเอเชียที่มีต่อการกินบะหมี่ และสังเกตได้ว่า ทุกร้านบะหมี่ที่ฮ่องกงจะพิถีพิถันในการทำบะหมี่มาก ทำเส้นสดใหม่วันต่อวัน และเอาใส่ใจในทุกรายละเอียด ซึ่งสะท้อนถึงความเคารพต่อผู้กินอย่างสูง

“จากที่เห็นความเอาใส่ใจ ในการทำบะหมี่ของร้านที่ฮ่องกง ทำให้ผมคิดอยากทำเหมือนเขาบ้าง แล้วขายให้คนไทยได้กิน ผมจึงเริ่มศึกษาวิธีทำเส้นบะหมี่แบบต้นตำรับจริงจัง จากทั้งตำรา สอบถามผู้รู้ และตระเวนกินบะหมี่อย่างเดียว 2 สัปดาห์ เพื่อให้เข้าใจถึงแก่น แล้วทดลองทำด้วยตัวเอง ตั้งแต่นวดแป้งด้วยมือ จนค้นพบส่วนผสมที่ลงตัว ซึ่งมีเพียงแป้ง ไข่ น้ำ และเกลือเท่านั้นเอง ไม่มีการใส่สารปรุงรสใดๆ ทั้งสิ้น แต่กลับให้รสชาติที่นุ่มเนียน ซึ่งผมเชื่อว่า ใกล้เคียงกับรสชาติดั้งเดิมอย่างแท้จริง” เชฟหนุ่ม เผย
นอกจากเส้นบะหมี่แล้ว เขายังคิดค้นสูตรเกี๊ยว หมูแดง รวมถึง น้ำซุปที่เป็นแบบน้ำตุ๋น ที่ปรับรสชาติจากต้นตำรับเล็กน้อยให้ถูกปากคนไทย

แฟรนไชส์คิงหมี่ฮ่องกง
คิงหมี่ฮ่องกง เส้นรีดสดโชว์หน้าร้าน

คิงหมี่ฮ่องกงแต่งโฉมภายนอก ขายกลิ่นอายต้นตำรับ

ด้านรูปลักษณ์ภายนอกคิงหมี่ฮ่องกงให้ความสำคัญ ไม่แพ้กัน เพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสถึงบรรยากาศแบบต้นตำรับแท้ๆ ผ่านการแต่งร้านในสไตล์ร้านจีนโบราณ ไม่ ว่าจะตู้โชว์ โต๊ะ เก้าอี้ ฯลฯ พร้อมเสิร์ฟในชามขนาดใหญ่ บรรจุบะหมี่และเครื่องมาปริมาณจุใจ ให้ลูกค้าอิ่มและรู้สึกคุ้มค่า คล้ายกับไปกินที่ร้านบะหมี่ในต่างประเทศจริงๆ

อีกทั้ง หน้าร้านคิงหมี่ฮ่องกงยังมีการโชว์ลีลารีดเส้นบะหมี่สดๆ ให้ลูกค้าได้ชม ช่วยเพิ่มความสนใจ และยังตอกย้ำให้เห็นถึงความเอาใจใส่ที่มีต่อลูกค้า เปรียบเป็นบะหมี่ที่ดีที่สุด ซึ่งเป็นที่มาของชื่อร้าน “คิง หมี่ฮ่องกง”

อรัญ เผยว่า ใช้เงินลงทุนเปิดร้านเบื้องต้นกว่า 7 หลัก สาขาแรกอยู่ที่ สายไหม ซ.10 จากนั้นขยายสาขา 2 ที่ ถ.สีลม ซ.10 โดยขายชามละ 30-40 บาท (แล้วแต่เมนู) ซึ่งเป็นระดับราคาที่เชื่อว่า คนทั่วไปตัดสินใจกินได้ง่ายๆ โดยเฉลี่ยยอดขายทั้ง 2 สาขา อยู่ที่ 150-200 ชามต่อวัน

ไม่เท่านั้น เชฟหนุ่มยังสร้างสรรค์เมนูแปลกใหม่ไว้บริการในร้านกว่า 30 รายการ เช่น บะหมี่ส้มตำ ข้าวมันไก่สมุนไพรจีน เส้นบะหมี่ยำ ข้าวหมูย่างนมสดโรยงา ลูกชิ้นเกี๊ยวลวกจิ้ม ฯลฯ อีกทั้ง ยังจัดชุดคอกเทลบะหมี่เกี๊ยว สำหรับบริการงานจัดเลี้ยงนอกสถานที่ด้วย

ต่อยอดขายแฟรนไชส์คิงหมี่ฮ่องกงกระจายวัตถุดิบ

สำหรับแผนธุรกิจในปีนี้ (2554) ดลยา อธิบายว่า เนื่องจากพร้อมด้านการผลิตวัตถุดิบ โดยมีโรงงานทำเส้นบะหมี่ขนาดย่อมของตัวเอง จึงอยากเพิ่มช่องทางกระจายสินค้าในรูปแบบขายอาชีพกึ่งแฟรนไชส์ แบ่งรูปแบบลงทุน 2 ลักษณะ คือ ชุด 1. ลงทุน 150,000 บาท เน้นทำเลในฟู้ด คอร์ต ตามห้างสรรพสินค้า และโมเดิร์นเทรดต่างๆ โดยได้รับอุปกรณ์และวัตถุดิบพร้อมเปิดร้าน และ ชุด 2. ลงทุน 300,000 บาท เป็นรูปแบบร้านห้องแถว เน้นทำเลย่านสถานศึกษา ชอปปิ้งพลาซ่า และชุมชน โดยได้รับอุปกรณ์และวัตถุดิบพร้อมเปิดร้าน รวมถึง อุปกรณ์เครื่องเก็บเงิน และกล้องวงจรปิด 4 ตัวเพื่อดูแลร้าน
สำหรับเงื่อนไขแฟรนไชส์คิงหมี่ฮ่องกง ผู้ลงทุนต้องรับวัตถุดิบหลักจากส่วนกลางเท่านั้น เพื่อควบคุมรสชาติให้ได้มาตรฐานเดียวกัน ประกอบด้วย เส้นบะหมี่ หมูแดง เกี๊ยวชนิดต่างๆ และหัวเชื้อน้ำซุป โดยได้รับสิทธิฝึกอบรมที่ร้านต้นแบบ 7 วัน และมีทีมงานพร้อมบริการส่งวัตถุดิบ และแนะนำการตลาดให้อย่างสม่ำเสมอ

ดลยา เผยว่า ต้นทุน ก๋วยเตี๋ยวต่อชาม รวมค่าใช้จ่ายทุกด้านแล้ว เช่น ค่าวัตถุดิบ ค่าเช่า ค่าพนักงาน ฯลฯ เฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 40-50% จากราคาขายปลีก ดังนั้น หากขายได้ประมาณ 50 ชามต่อวัน จะมีกำไรสุทธิอย่างต่ำประมาณ 20,000 บาทต่อเดือน ทำให้อัตราคืนทุนอยู่ 6-15 เดือน (แล้วแต่รูปแบบลงทุน) อย่างไรก็ตาม หากยอดขายแฟรนไชส์คิงหมี่ฮ่องกงสูงขึ้น ระยะเวลาคืนทุนจะสั้นลงตามไปด้วย

แฟรนไชส์คิงหมี่ฮ่องกง
รูปแบบเคาวน์เตอร์ของ “คิง หมี่ฮ่องกง”

 

ตารางลงทุนแฟรนไชส์ “คิง หมี่ฮ่องกง”

- รูปแบบลงทุน
    ชุด 1. ลงทุน 150,000 บาท เป็นร้านเปิดในฟู้ด คอร์ต
    ชุด 2. ลงทุน 300,000 บาท เป็นรูปแบบร้านห้องแถว
- กำไรสุทธิต่อหน่วยประมาณ 50%
- ต้องรับวัตถุดิบหลักจากส่วนกลางเท่านั้น
- คาดการณ์คืนทุน 6-15 เดือน (แล้วแต่ทำเล และรูปแบบลงทุน)
  โทร.08-1827-0709 หรือ www.kinghongkongnoodle.com
  ที่มา: ASTVผู้จัดการออนไลน์

http://www.thaifc.net/


Read More...


แฟรนไชส์ไก่ทอด“ชิกกี้ชิก” ขอแจ้งเกิดใหม่ ชูเสี่ยงต่ำ กำไรน่าลุ้น

แฟรนไชส์ชิกกี้ชิก
แฟรนไชส์ชิกกี้ชิก

ไก่ทอดแบรนด์ “ชิกกี้ชิก” (CHICKY CHIC) เริ่มออกสู่ตลาดตั้งแต่ พ.ศ.2549 ในรูปแบบขายอาชีพกึ่งแฟรนไชส์ เคยมีสาขาคีออสกว่า 400 จุดทั่วประเทศ แต่เพราะขาดความจัดเจนในการบริหารสาขา จนล้มหายตายจากไปจำนวนมาก เหลือแค่ประมาณ 150 จุดในปัจจุบัน
ทว่า ล่าสุดแบรนด์นี้ขอกลับมาแจ้งเกิดอีกครั้ง โดยยกเครื่องระบบบริหารใหม่ พร้อมชูจุดขายเป็นช่องทางอาชีพที่ออกแบบให้ง่ายต่อการลงทุน ใช้พื้นที่และงบประมาณน้อย รายได้น่าสนใจ เหมาะสำหรับคนกำลังมองหาอาชีพที่ไม่ต้องรับความเสี่ยงมากเกินไป

ธนินวัฒน์ พรพัฒน์เดชอุดม ผู้จัดการทั่วไปอาวุโส บริษัท เอ็มดี 79 จำกัด เจ้าของแบรนด์ไก่ทอด “ชิกกี้ชิก” ที่พกประสบการณ์พัฒนาระบบแฟรนไชส์ ในบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่งของเมืองไทยกว่า 20 ปี เข้ามารับหน้าที่ปรับระบบใหม่นับแต่ต้นปี พ.ศ.2554 ที่ผ่านมา เล่าว่า เดิม ปัญหาสำคัญของชิกกี้ชิก คือ เน้นปริมาณมากกว่าคุณภาพ ทำให้ดูแลคุณภาพสาขาไม่ทั่วถึง อีกทั้ง ทำเลและผู้ลงทุนบางรายไม่เหมาะสมกับธุรกิจ ทำให้หลายรายต้องยุติกิจการ ดังนั้น ได้ปรับกลยุทธ์ใหม่ให้มีระบบดูแลชัดเจน

กล่าวคือ เน้นการปล่อยอาชีพรูปแบบกึ่งแฟรนไชส์ที่ ใช้งบลงทุนน้อย ความเสี่ยงต่ำ รายได้น่าสนใจ แต่ผู้ลงทุนต้องมียอดขายน่าพอใจ ไม่เช่นนั้นจะถูกยกเลิกสัญญา ซึ่งเป็นระบบที่กระตุ้นให้ผู้ลงทุนต้องเอาใจใส่ในอาชีพอย่างจริงจัง

แฟรนไชส์ชิกกี้ชิก
คีออส แฟรนไชส์ชิกกี้ชิก

สำหรับรูปแบบลงทุนแฟรนไชส์ชิกกี้ชิก มี 3 รูปแบบ คือ คีออสรถเข็น แบบฟู้ดคอร์ส และแบบร้าน Stand alone โดยเบื้องต้นจะเน้นปล่อยสาขาแบบคีออส กำหนดงบลงทุน ได้แก่ 1.ค่าการตลาดต่อจุดขาย 5,000 บาท 2.ค่าอุปกรณ์ย่อยประมาณ 4,000 บาท(สามารถเลือกซื้อเองได้หลายรายการ) 3.ค่าเช่าตู้แช่แข็ง 500 บาทต่อเดือน(ไม่เอาตู้แช่ไม่ต้องจ่าย) 4.เงินประกันอุปกรณ์ 25,000 บาท (คืนเมื่อเลิกและคืนอุปกรณ์โดยหักค่าซ่อมแซมให้ใช้งานได้ปกติ) 5.ค่าวัตถุดิบแรกเริ่ม(ตามยอดสั่งประมาณ8,000บาท) เบ็ดเสร็จงบลงทุนเบื้องต้น ประมาณ 45,000 บาท แต่จ่ายจริงประมาณ 20,000 บาท เนื่องจากจะได้เงินคืน 25,000 บาท หากยกเลิกสัญญาระหว่างกัน

ทั้งนี้แฟรนไชส์ชิกกี้ชิกมีเงื่อนไขว่า 1.ระยะ เวลาของสัญญาปีต่อปี 2.ไม่สามารถโอนหรือขายกรรมสิทธิ์ได้ 3.ต้องซื้อวัตถุดิบหลักจากบริษัทฯเท่านั้น คือ ไก่ทอดแช่แข็ง และบรรจุภัณฑ์ 4.ชำระค่าสินค้าเป็นเงินสดหรือโอนล่วงหน้าเท่านั้น ส่วนค่าใช้จ่ายต่างๆ เช่น ค่าแรงงาน ค่าเช่า ค่าสาธารณูปโภคและอื่นๆ ผู้ลงทุนต้องรับผิดชอบเอง

ด้านทำเลที่เหมาะสมจะนำแฟรนไชส์ชิกกี้ชิกไปลงนั้น ควรจะเป็นย่านชุมชน สถานศึกษา และห้างโมเดิร์นเทรด ซึ่งผู้ลงทุนต้องเป็นฝ่ายนำเสนอเพื่อให้บริษัทพิจารณา

สำหรับสินค้าหลักที่ขายในปัจจุบัน มี 8 ชนิด คือ ป๊อป ป๊อป, สไปซี่ ป๊อป, ชิก อบูริ, ชิกนักเก็ต, ชิก คาราเกะ, ชิก โกกอน, ชิก คัสซุ และเฟรนช์ฟราย โดยเฉลี่ยขายปลีกชุดละ 25 บาท ในน้ำหนักประมาณ 80 กรัม โดยเงื่อนไขการสั่งสินค้าจากบริษัท ขั้นต่ำ 30 กิโลกรัม ในราคากิโลกรัมละ 130 บาท ส่ง ณ จุดขาย (กรุงเทพฯ และปริมณฑล ไม่คิดค่าขนส่ง ส่วนต่างจังหวัดคิดตามระยะทาง) มีรอบการสั่งสินค้าสัปดาห์ละ 2 วัน โดยเฉลี่ยหลังหักต้นทุนค่าวัตถุดิบไก่แล้ว ผู้ขายจะมีกำไรประมาณ 40-50% จากยอดขาย แต่เมื่อรวมค่าใช้จ่ายอื่นๆ ทั้งหมดแล้ว จะเหลือกำไรสุทธิประมาณ 20-30% จากยอดขาย โดยข้อมูลที่ผ่านมา เฉลี่ยจะคืนทุนได้ในเวลา 1 เดือน
“ทางบริษัทฯ กำหนดเป้าให้ว่า ผู้ลงทุนแฟรนไชส์ชิกกี้ชิกควร จะขายได้อย่างต่ำวันละ 10 กิโลกรัม ซึ่งจะทำให้มีกำไรสุทธิประมาณ 1,000 บาทต่อวัน โดยบริษัทฯ จะตรวจสอบคุณภาพสาขาจากยอดการสั่งวัตถุดิบ และมีทีมงานซุ่มตรวจ รวมถึงเปิดสายรับร้องเรียนจากผู้บริโภค หาก สาขาใดยอดไม่เข้าเป้า ซึ่งอาจเกิดจากปัญหาทำเลไม่เหมาะสม หรือผู้ขายไม่ทำตามมาตรฐานที่กำหนด เช่น ไม่เปลี่ยนน้ำมันทอดทุกวัน นำวัตถุดิบอื่นมาขายแทน ขาดความสะอาด ฯลฯ เบื้องต้นจะส่งทีมงานเข้าไปช่วยเหลือแนะนำปรับปรุง แต่ถ้ายอดยังไม่ดีขึ้น เราจะขอยกเลิกสัญญา ยึดธุรกิจคืน ซึ่งวิธีนี้ จะทำให้คนลงทุนต้องเอาใจใส่ธุรกิจ ทำยอดขายให้ได้ตามเป้า ซึ่งจะเกิดประโยชน์แก่ทั้งสองฝ่าย” ธนินวัฒน์ อธิบาย
เขาเผยด้วยว่า จุดแข็งของแฟรนไชส์ชิกกี้ชิก อยู่ที่ตัวผลิตภัณฑ์ ที่ออกแบบมาให้ง่ายต่อผู้ขาย โดยเป็นไก่ทอดแช่แข็งสำเร็จรูป ผู้ขายเพียงแค่ทอดอุ่นร้อนเท่านั้น ด้านรสชาติวิจัยและพัฒนามาแล้วว่าถูกปากคนไทย กินได้ทันทีโดยไม่ต้องมีน้ำจิ้ม โดยมีแหล่งผลิตจากบริษัท พนัสโพลทรี่ จำกัด ซึ่ง เป็นบริษัทแม่ ดำเนินกิจการเกี่ยวกับไก่ครบวงจร มาตั้งแต่ปีพ.ศ. 2540 มีฟาร์มไก่ระบบปิด เลี้ยงด้วยธัญพืช ปลอดสารเคมี อีกทั้ง ไม่ใช้สารเร่งเจริญ (Growth Promoter) การผลิตได้รับมาตรฐานสากลครบถ้วน ทั้ง ISO 9002, HACCP, GMP และเครื่องหมายฮาลาล ทำให้ผู้บริโภคเกิดความเชื่อมั่นด้านความสะอาดและปลอดภัย
สำหรับแผนทำตลาดใหม่นี้ เบื้องต้นได้ไปปรับปรุงร้านเดิมที่มีกว่า 150 จุด ให้มาอยู่ในมาตรฐานใหม่ทั้งหมด นอกจากนั้น ตั้งเป้าว่า ภายในปีนี้ จะเปิดสาขาใหม่เพิ่มอีก 100 จุด รวมกับสาขาเดิมเป็น 250 จุด ซึ่งจะทำให้บริษัทฯ มียอดขายวัตถุดิบไก่ทอดแช่แข็ง ประมาณ 100 ล้านบาทต่อปี และเป้าระยะยาวอีก 3-5 ปีข้างหน้า จะเพิ่มสาขารวมกันถึง 1,000 จุด
แฟรนไชส์ชิกกี้ชิก
ไก่ทอด แฟรนไชส์ชิกกี้ชิก

ตารางลงทุนคีออสแฟรนไชส์ชิกกี้ชิก

การลงทุน
1.ค่าการตลาดต่อจุดขาย 5,000 บาท
2.ค่าอุปกรณ์ย่อยประมาณ 4,000 บาท(สามารถเลือกซื้อเองได้หลายรายการ)
3.ค่าเช่าตู้แช่แข็ง 500 บาทต่อเดือน(ไม่เอาตู้แช่ไม่ต้องจ่าย)
4.เงินประกันอุปกรณ์ 25,000 บาท (คืนเมื่อเลิกและคืนอุปกรณ์โดยหักค่าซ่อมแซมให้ใช้งานได้ปกติ)
5.ค่าวัตถุดิบแรกเริ่ม(ตามยอดสั่งประมาณ8,000บาท)
เงื่อนไข
1.ระยะเวลาของสัญญาปีต่อปี
2.ไม่สามารถโอนหรือขายกรรมสิทธิ์ได้
3.ต้องซื้อวัตถุดิบหลักจากบริษัทฯเท่านั้น คือ ไก่ทอดแช่แข็ง
4.ตั้งสั่งขั้นต่ำ 30 กิโลกรัม ในราคากิโลกรัมละ 130 บาท
5.ชำระค่าสินค้าเป็นเงินสดหรือโอนล่วงหน้าเท่านั้น
6 .ค่าใช้จ่ายต่างๆ เช่น ค่าแรงงาน ค่าเช่า ค่าสาธารณูปโภคและอื่นๆ ผู้ลงทุนต้องรับผิดชอบเอง
ผลตอบแทน
1. หลังหักค่าวัตถุดิบไก่แช่เข็ง ผู้ขายจะมีกำไรประมาณ 40-50% จากยอดขาย
2. แต่เมื่อรวมค่าใช้จ่ายอื่นๆ ทั้งหมดแล้ว จะเหลือกำไรสุทธิประมาณ 20-30% จากยอดขาย
3. ข้อมูลที่ผ่านมา เฉลี่ยจะคืนทุนได้ในเวลา 1 เดือน
โทร.08-1339-6295
ที่มา: ASTVผู้จัดการออนไลน์

Read More...


“ชะอำบาร์บีคิว” เผยสูตรเด็ด แฟรนไชส์ของคนทุนน้อย

ชะอำบาร์บีคิว
นายอภินันท์ โภคสวัสดิ์ เจ้าของสูตร ชะอำบาร์บีคิว
บาร์บีคิว อาหารว่างของนักชอปยามค่ำคืน โดยเฉพาะในยามที่อากาศเย็นในช่วงนี้ บาร์บีคิวเป็นอาหารจานโปรดของใครหลายคน ร้านรถเข็นขายบาร์บีคิว เกิดขึ้นมามากมาย แต่ละคนมีสูตรที่แตกต่างกัน สำหรับ “ชะอำบาร์บีคิว” มีสูตรเด็ด ให้คนที่อยากจะเป็นพ่อค้า แม่ค้า รถเข็นบาร์บีคิวไม่ต้องกังวล เพราะการทำบาร์บีคิวที่ย่างและไม่มีควันมากไปรบกวนร้านข้างๆ

นายอภินันท์ โภคสวัสดิ์ เจ้าของสูตร ชะอำบาร์บีคิว เล่า ว่า ที่มาของชะอำ บาร์บีคิว เริ่มต้นมาจาก การที่ได้มีโอกาสเข้าไปทำงานในร้านของอาหารแห่งหนึ่ง ในช่วงวัยรุ่น มาสักประมาณ 10 ปีที่ผ่านมา ซึ่งในขณะนั้น ต้องทำงานทุกอย่างภายในร้าน รวมถึงการเข้าไปช่วยพ่อครัวในห้องครัวด้วย ทำให้ไปได้สูตรการทำสเต็กจากพ่อครัวในร้านมา เป็นสูตรการทำสเต็กอิตาเลียนจานร้อน

ชะอำบาร์บีคิว
ชะอำบาร์บีคิวขณะย่างไม่มีควัน

ทั้งนี้ การทำสเต็กอิตาเลียน จะมีลักษณะคล้ายคลึงกับบาร์บีคิว ส่วนใหญ่ลูกค้าจะเรียกกันว่าสเต็กบาร์บีคิว หลังจากนั้น ได้นำมาดัดแปลงสูตรสเต็กบาร์บีคิวออกมาเป็นบาร์บีคิวเสียบไม้ขาย แต่ก็ยังคงใช้วิธีบางอย่าง เช่นเดียวกับการทำสเต็ก เช่น การหมักหมูเหมือนกับสเต็ก และที่หันมาทำเป็นบาร์บีคิวขายแทนที่จะขายสเต็กเป็นจานๆ เพราะ บาร์บีคิวทำง่าย ขายง่าย และขายได้เร็วกว่า ลูกค้าสามารถซื้อไปกินที่ไหนก็ได้ ที่สำคัญราคาไม่แพง ทุกคนสามารถซื้อกิน โดยจะเสียบเนื้อชิ้นใหญ่กว่าบาร์บีคิวที่ขายกันทั่วไปเล็กน้อย เพี่อให้อรรถรสของการกิน เช่นเดียวกับสเต็ก เนื่องจากสูตรได้มาเป็นสูตรสเต็กบาร์บีคิว
โดยได้ทดลองทำขาย เริ่มต้นขายที่หน้าร้าน ซึ่งเป็นสถานบันเทิงที่ตนเองเป็นผู้ช่วยในร้าน โดยร้านเปิดอยู่ ในย่านตลาดอตก.ก่อน ซึ่งในช่วงนั้นประมาณ 5-6 ปีที่ผ่านมาสถานบันเทิงหรือผับที่เปิดในย่านนั้นได้รับความนิยมอย่างมาก มีผับเปิดติดๆ กันหลายร้าน ทำให้ขายดีมาก วันหนึ่งขายได้ 200-250 ไม้เกือบทุกวัน ลูกค้าจะเป็นพนักงานที่ทำงานในสถานบันเทิงเหล่านั้น และลูกค้าที่มาเที่ยวในย่านนั้น ซึ่งจะเริ่มขายตั้งแต่เวลา 1 ทุ่ม ไปจนถึง 5 ทุ่ม ขายไม้ละ 15 บาท ตอนหลังปรับราคาเป็นไม้ละ 20 บาท กำไรที่ได้ต่อวันประมาณ 1,700 – 1,800 บาท

” สุดท้ายผมก็ต้องทิ้งรายได้ชะอำบาร์บีคิวที่ดี ตรงนั้นไปด้วย เหตุผลเพียงแค่ว่า แฟนเห็นว่า เข็นรถขายบาร์บีคิวดูเป็นพ่อค้าไม่มีเกียรติ ก็ให้ได้เลิกขายและให้ไปสมัครทำงานประจำดู แต่การทำงานประจำรายได้กลับไม่ได้ดังที่คิด เพราะกิจการบริษัทที่ทำอยู่มีปัญหา สุดท้ายผมก็ตกงานจึงหันกลับมาขายบาร์บีคิวอีกครั้งที่ อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี ขายนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติในย่านนั้น ซึ่งขายดีมากอีกเช่นกัน แต่การเข้ามาเปิดขายในกรุงเทพฯครั้งนี้ มาจากพี่ที่เคยทำงานร่วมกัน ได้ให้มาช่วยงานที่ร้านอาหาร ชื่อร้านแก้มลิง ถนนนวมินทร์ ตรงข้ามแฟลตคลองจั่น บางกะปิ ผมจึงนำบาร์บีคิวมาขายในร้านด้วย แต่ขายในร้านอย่างเดียวก็คงจะขายไม่ได้มาก จึงได้ทำบาร์บีคิวเสียบไม้ส่งให้กับพ่อค้า และคนที่สนใจรับไปขายต่อ พร้อมกับจ้างเด็กขายแบบรถเข็นใต้แฟลตคลองจั่นไปด้วย”

สำหรับแผนการตลาดชะอำบาร์บีคิวที่วางไว้ คือ ต้องการจะขายในลักษณะของแฟรนไชส์ เพื่อให้คนที่ต้องการจะมีอาชีพ และต้องการสูตรบาร์บีคิวในแบบของเรา ได้มาทำธุรกิจร่วมกัน โดยส่งวัตถุดิบที่เป็นเนื้อหมักเสียบไม้ เพื่อให้ได้รสชาติที่เหมือนกันทุกร้าน ส่วนผักลูกค้าสามารถนำไปเสียบเองได้ ขายส่งในราคาไม้ละ 8 บาท ที่เหลือลูกค้าก็ไปตั้งราคาขายเอง ส่วนน้ำซอสที่ราด ก็มีขายด้วยเช่นกัน หรือ ลูกค้าสามารถไปซื้อเองได้ ปัจจุบันมีคนมารับไปจำหน่ายหลายราย และขายในราคาที่แตกต่างกันตามสถานที่ ราคาเริ่มตั้งแต่ 10 บาท 15 บาท และ 20 บาท

แฟรนไชส์ชะอำบาร์บีคิว

ส่วนแฟรนไชส์ขณะนี้อยู่ในระหว่างการจัดวางระบบ ซึ่งตั้งราคาแฟรนไชส์ไว้ประมาณ 4,000 บาท ถึง 5,000 บาท โดยลูกค้าจะได้อุปกรณ์การขาย หลักที่เรามีให้คือ เตา โต๊ะ พร้อมป้ายชื่อ “ชะอำบาร์บีคิว” ส่วน ที่มาของชื่อชะอำบาร์บีคิว เป็นชื่อเดิม ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดี ในกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เคยไปเที่ยวพื้นที่ดังกล่าว ยังการันตีความอร่อย สำหรับคนที่เคยกินได้ โดยร้านแรกของผมเอง ซึ่งเปิดขายที่ใต้แฟลตคลองจั่น ช่วงเย็นนั้น มีรายได้ต่อวันประมาณ 400 บาทถึง 500 บาท เปิดขายเฉพาะช่วงเย็นถึง 2 ทุ่ม ตั้งราคาขายไม้ละ 10 บาท เพราะเป็นแหล่งชุมชน

สำหรับจุดขายของชะอำบาร์บีคิวของเรา คือ เมื่อย่างเนื้อบาร์บิคิวไปแล้วเนื้อจะไม่ย้อยลงมา ทำให้น้ำมันไม่หยดลงไปในเตา ซึ่งเป็นที่มาของการเกิดควันเวลาย่าง เป็นเหตุให้ไม่สามารถขายในสถานที่หลายแห่ง โดยเฉพาะในตึก อาคาร หรือหน้าร้านในชุมชน แต่ถ้ากรณีไม่มีควันเวลาย่าง ทำให้สามารถขายที่ไหนก็ได้ และที่เนื้อไม่ย้อยลงไปเวลาย่าง เพราะ เราไม่เสียบสับปะรดทิ้งไว้ หรือ เสียบไว้ใกล้กับเนื้อ เนื่องจากสับปะรดมีฤทธิ์เป็นกรด เมื่อหมักอยู่ใกล้กับเนื้อสัตว์ จะทำให้เนื้อสัตว์ยุ่ยได้

ชะอำบาร์บีคิว
ชะอำบาร์บีคิวขายดีทุกวัน

ส่วนผักจะนำมา เสียบชะอำบาร์บีคิวที่หลังในระหว่างย่างขาย เพื่อให้ได้ผักที่สดและใหม่ แต่ส่วนของเนื้อสัตว์ จะหมักและเสียบทิ้งไว้ได้ เพราะถ้าเสียบหรือหมักทิ้งไว้ จะทำให้ซอสที่หมักเข้าเนื้อ และเนื้อนุ่มน่ากิน และได้กินผักที่สด โดยบาร์บีคิวของ จะเลือกใช้เนื้อสัตว์ 3 ชนิด คือ หมู เนื้อวัว และไก่ ที่ผ่านมา บาร์บีคิว เนื้อวัวจะขายดีมาก เพราะจะมีวิธีหมักเนื้อให้นุ่ม ไม่เหนียว โดยเฉพาะสำหรับคนที่ชอบกินเนื้อวัว โดยเนื้อหมู และเนื้อวัวจะขายดีในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกัน

โทร. 08-7533-9934

ที่มา: ASTVผู้จัดการออนไลน์

Read More...


แฟรนไชส์ Love Milk


welcome to The love milk. 

   ร้านนม-รถตู้ ที่คงเคยผ่านตาคุณมาบ้าง ปัจจุบันเราพัฒนาและขยายสาขาทั่วประเทศแล้วกว่า 100 สาขา



ทุกรูปแบบรวมอุปกรณ์การขายและวัตถุดิบต่างๆพร้อมเปิดขายได้ทันที

เช่นเคาท์เตอร์-ป้ายร้าน-ป้ายเมนู-สูตรเครื่องดื่มร้อน-เย็น-ปั่น ต่างๆ

อุปกรณ์ เตาปิ้ง หม้อนึ่ง เครื่องปั่น กระติกน้ำร้อน วัตถุดิบ กว่า 40 รายการ 


8.JPG


ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ : คุณ ปรีดา มอญปาน (นุ)
ที่อยู่ : เลขที่ 112 อ่อนนุช 70/1 แขวงประเวศ เขตประเวศ กรุงเทพ 10250
Tel : 081-6321320 Fax : 02-7211615
E-Mail : nu.love@hotmail.com

milk-map.png

http://www.thelovemilk.net/


Read More...


8 แฟรนไชส์อาหารว่างน่าลงทุน

แฟรนไชส์อาหารว่างถือเป็นธุรกิจที่เติบโตและคืน กำไรให้กับเจ้าของได้อย่างรวดเร็ว อันมีที่มาจากพฤติกรรมการบริโภคของคนไทยที่มีกำลังซื้อและความต้องการค่อน ข้างสูงตลอดเวลา

อาหารว่างขายง่ายๆ ลงทุนเองได้ไม่ยาก
ถ้าเอ่ยถึงประเทศไทยชื่อเสียงอันดับต้นๆที่ ได้รับการพูดถึงมากที่สุดคงจะต้องยกให้กับเรื่องของอาหารการกินอย่างแน่นอน เพราะประเทศเรามีจุดแข็งอยู่ที่ความเป็นชาติกสิกรรมจึงมีความหลากหลายใน เรื่องอาหารอย่างมาก โดยเฉพาะหนึ่งในจุดเด่นที่สุดก็คงเป็นเ รื่องของอาหารว่างที่มีให้เลือกมากมายและมีกลุ่มตลาดผู้บริโภคที่กว้างอีก ทั้งมีกำลังซื้ออย่างต่อเนื่อง อาหารว่างจึงเป็นมากกว่าปัจจัยแต่ได้พัฒนากลายเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมการ รับประทานของคนไทยไปแล้ว

สังเกตได้จากในแต่ละวันผู้คนมักจะจ่ายเงินในส่วนของค่าอาหารไปมากกว่า ครึ่งของจำนวนเงินที่ใช้ในแต่ละวัน โดยจำนวนเงินส่วนหนึ่งก็ถูกกันออกมาและแบ่งไปใช้จ่ายให้กับค่าอาหารว่างแทบ ทั้งสิ้น ธุรกิจแฟรนไชส์อาหารว่างจึงมีความน่าสนใจและเหมาะกับการลงทุนเป็นอย่างมาก

โอกาสนี้้ Incquity ได้ออกไปสำรวจและรวบรวม 8 ธุรกิจแฟรนไชส์อาหารว่างที่น่าลงทุนมาให้ผู้ประกอบการใช้เป็นทางเลือกในการ ทำธุรกิจ โดยมีธุรกิจที่น่าสนใจดังต่อไปนี้

1. มันฝรั่งทอดเกลียวเสียบไม้

ayo chips

อาหารประเภทนี้เพิ่งจะเข้าเปิดตัวมาในเมืองไทยได้ไม่นาน และถือได้ว่าประสบความสำเร็จอยู่ในระดับพอสมควรเมื่อวัดจากกระแสการตอบรับ จากทุกกลุ่มผู้บริโภค ซึ่งคุณนันทิยา วรประทีปผู้นำการบุกเบิกตลาดเจ้าเดียวและเจ้าแรกของประเทศไทยในนามแฟรนไชส์ 'อะโย่ชิปส์' ได้กล่าวอย่างสั้นๆถึงกุญแจสำคัญที่ทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จว่า “ตัวแฟรนไชส์อะโย่ชิปส์ถึงแม้เราจะเป็นมือใหม่ในการทำธุรกิจ แต่ว่าเรามีการบริหารงานและดูแลสมาชิกแฟรนไชส์อย่างมือโปร และเรายังใส่ใจในทุกรายละเอียดตั้งแต่การคัดเลือกเกรดของมันฝรั่งที่จะได้ รับการคัดสรรมาเป็นอย่างดีจากแหล่งเพาะปลูกผ่านกรรมวิธีและสูตรลับที่ทางเรา ได้คิดค้นขึ้นเอง เพื่อให้รสชาติเป็นที่ถูกปากคนไทยมากที่สุด”

ปัจจุบันตัวมันฝรั่งทอดของอะโย่ชิปส์มีให้เลือกมากถึง 7 รสชาติ นอกจากนี้เธอยังได้บอกถึงปัญหาที่สมาชิกแฟรนไชส์อาจจะเจอก็คงหนีไม่พ้นใน เรื่องของราคาขายที่มักจะถูกบอกว่าค่อนข้างแพงแต่ส่วนตัวเธอเองก็คิดว่าคุ้ม มากกับรสชาติที่ได้มาขนาดนี้ ซึ่งผู้ที่สนใจสมัครแฟรนไชส์จะได้เข้ารับการอบรมฝึกสอนจากทางบริษัทจนสามารถ เปิดร้านได้ทันที

หากผู้ประกอบการท่านใดสนใจสามารถติดต่อขอทราบรายละเอียดได้ที่คุณนันทิยา วรประทีป หมายเลขโทรศัพท์ 08-6559-3335
  • จุดเด่น อะโย่ชิปส์มีแนวทางการบริหารและการทำตลาดอย่างเป็นระบบธุรกิจมืออาชีพ มีการพัฒนาและสร้างสรรค์ตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ๆอยู่ตลอดเวลา และที่สำคัญผู้ซื้อธุรกิจแฟรนไชส์จะได้รับการสนับสนุนในทุกๆเรื่องรวมทั้ง การโฆษณาประชาสัมพันธ์ด้วย ซึ่งเป็นสิ่งที่หาได้ยากสำหรับธุรกิจแฟรนไชส์ที่บางธุรกิจมักมีการแข่งขันจน หันมากินเนื้อพวกเดียวกันเองอยู่ตลอดเวลา 
  • จุดด้อย เนื่องจากค่าแฟรนไชส์่ค่อนข้างสูงจึงส่งผลให้ราคาขายต้องขยับตัวเองขึ้นตาม ไปด้วย ทำให้ผู้ที่ต้องการลงทุนในธุรกิจตัวนี้จะต้องมีพื้นที่จำหน่ายที่อยู่ท่าม กลางผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อมากเพียงพอ เช่น ตามห้างสรรพสินค้า หรือตามแหล่งธุรกิจขนาดใหญ่ๆ เป็นต้น
ค่าแฟรนไชส์ 60,000 - 90,000 บาท
ราคาขายส่งต่อหน่วย 13.50 บาท
ราคาขายปลีกต่อหน่วย 45 บาท
ระยะเวลาในการคืนทุน 3-6 เดือน

2. เฉาก๊วยเฮฮา

grass jelly

เฉาก๊วยถือเป็นของหวานที่ได้รับความนิยมอย่างมากในบ้านเรานับตั้งแต่อดีต จวบจนกระทั่งถึงปัจจุบัน แต่เชื่อหรือไม่ว่ากลับไม่มีธุรกิจรายใดเลยที่จะหันมาจับขนมเฉาก๊วยลงมาทำ ธุรกิจในรูปแบบแฟรนไชส์อย่างจริงจัง แฟรนไชส์เฉาก๊วยเฮฮาจึงถือกำเนิดขึ้นจากจุดนั้น ซึ่งเป็นอีกหนึ่งแฟรนไชส์อาหารว่างที่ขายดีเป็นอย่างมาก(โดยเฉพาะในช่วงหน้า ร้อน)

คุณอุ้ย หนึ่งในผู้ซื้อแฟรนไชส์ และเป็นผู้ลงมือขายด้วยตนเองได้ให้คำตอบถึงที่มาที่ทำให้เฉาก๊วยเฮฮาอร่อย ว่า “ตัวของเนื้อเฉาก๊วยมีความเหนียวนุ่มมากบวกกับน้ำเชื่อมที่เจ้าของเค้าคิด ค้นของเค้าเองแล้วมาโรยหน้าด้วยเครื่องตามแต่ที่ลูกค้าจะต้องการ คิดว่าจุดเด่นความอร่อยของมันคงจะอยู่ที่จุดนี้” นอกจากนี้ คุณอุ้ยยังได้ให้โจทย์ปัญหาข้อใหญ่สำหรับผู้ที่คิดจะซื้อแฟรนไชส์ตัวนี้มา ขายว่า ผู้ประกอบการจะต้องติดต่อกับผู้ส่งน้ำแข็งมาขายกับทางร้านให้ดีเนื่องจากเธอ ประสบปัญหาในเรื่องนี้ค่อนข้างมากเพราะน้ำแข็งไม่ได้ขนาดเพราะมีลักษณะที่ ใหญ่เกินไปบางครั้งยังมีกลิ่นตามมาอีกด้วย หลายครั้งถึงกับต้องเททิ้งทั้งหมด

นอกจากนี้ผู้ประกอบการจะต้องดูแลธุรกิจด้วยตัวเองเพราะเจ้าของแฟรนไชส์จะ ไม่เข้ามาดูแลให้ในส่วนนั้น โดยผู้สนใจสมัครแฟรนไชส์จะได้รับการสอนวิธีการขายและอุปกรณ์การดำเนินธุรกิจ ครบชุด ติดต่อได้ที่ คุณ วงศ์สถิตย์ อนันตกฤตยาธร โทรศัพท์ 08-7501-7766 หรือ www.heyhaa.com
  • จุดเด่น เป็นธุรกิจที่ลงทุนถือว่าค่อนข้างน้อยมากเมื่อเปรียบเทียบกับแฟรนไชส์ชนิด อื่นๆ อีกทั้งยังมีข้อได้เปรียบตรงที่ชื่อเสียงที่ได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคมาก ในระดับหนึ่งแล้ว จึงไม่ต้องลงทุนโปรโมทกิจการมากมายนัก อีกทั้งยังมีรสชาติที่เป็นจุดเด่นเฉพาะตัว
  •  
  • จุดด้อย มีคู่แข่งทางธุรกิจค่อนข้างเยอะโดยเฉพาะพวกร้านประเภทรถเข็นที่มักชอบแย่ง ลูกค้าด้วยการเสนอขายเฉาก๊วยที่มีราคาถูกกว่ามากเพียงถ้วยละ 10 บาทเท่านั้น บวกกับข้อจำกัดในเรื่องสถานที่ขายต้องเป็นพื้นที่ที่ไม่เสียค่าเช่าจนแพง เกินไปนักเพราะจะทำให้ธุรกิจขายสินค้าได้ลำบากอันเนื่องมาจากต้องปรับราคา สินค้าขึ้นตามไปด้วยนั่นเอง (โดยมากถ้าราคาขายสูงมากกว่า 30 บาทสำหรับเฉาก๊วยก็ถือว่าขายได้ค่อนข้างลำบากแล้ว) นอกจากนี้ยังต้องติดต่อกับทางบริษัทผู้ส่งน้ำแข็งในแต่ละพื้นที่ให้ดีเพราะ ธุรกิจนี้ขึ้นอยู่กับความตรงต่อเวลาและคุณภาพความสะอาดของนำแข็งเป็นสำคัญ จึงเหมาะสมที่จะเป็นอาชีพเสริมที่ต้องจ้างพนักงานมาขายมากกว่าที่จะเป็น อาชีพหลัก
ค่าแฟรนไชส์ 15,000 บาท
ราคาขายส่งต่อหน่วย แล้วแต่ตกลงกับทางเจ้าของแฟรนไชส์
ราคาขายปลีกต่อหน่วย ตั้งแต่ 20 บาทขึ้นไป
ระยะเวลาในการคืนทุน 1-3 เดือน

3. แจ็คลูกชิ้นปลาระเบิด

Jack fish ball

หนึ่งในของว่างที่ได้รับความนิยมมากอีกหนึ่งอย่างคือลูกชิ้นทอด และเมื่อพูดถึงลูกชิ้นทอดแล้วต้ัองยกให้กับแจ็คลูกชิ้นปลาระเบิดเท่านั้น ซึ่งนายกีรติ ยวงใย หรือคุณแจ็คได้ให้สัมภาษณ์ในตอนหนึ่งถึงสิ่งที่ทำธุรกิจของเขามีความโดดเด่น และน่าสนใจว่า “จุดเด่นของผมมาจากความที่ลูกชิ้นมีลักษณะที่ใหญ่โตมากกว่าเจ้าอื่นๆแถมยัง เด่นตรงที่กรอบนอกและนุ่มในขณะที่เจ้าอื่นๆไม่มี และน้ำจิ้มของผมก็อร่อยมากด้วย ซึ่งถ้าคิดกับเงิน 39,000 ผมว่ามันคุ้มมากนะ”

สำหรับผู้สนใจสมัครแฟรนไชส์ทุกคนจะได้รับอุปกรณ์ขายครบชุดอีกทั้งยังได้ รับการเทรนด์นิ่งในวิธีการทอดและเคล็ดลับการขายเป็นอย่างดี พร้อมทั้งดูแลในเรื่องของสถานที่จำหน่ายให้อีกด้วยจากคุณแจ็คเจ้าของ แฟรนไชส์โดยตรง (ต้องตั้งร้านห่างกันอย่างน้อย 3 กิโลเมตร) แต่ในทางกลับกันสมาชิก
แฟรนไชส์ลูกชิ้นปลาระเบิดบางท่านได้กล่าวกับเราว่า “ลูกชิ้นปลาระเบิดของคุณแจ็คน่ะดีจริง แต่มีลูกชิ้นปลาทอดของคู่แข่งเยอะแยะเต็มไปหมด ถ้าจะขายก็ต้องดูที่ดูทางให้ดีด้วย” จึงเป็นแง่คิดที่สะท้อนออกมาจากหนึ่งในสมาชิกแฟรนไชส์โดยตรง ซึ่งหากผู้ประกอบการท่านใดสนใจจะต้องขบคิดและหาทางแก้ไขตรงจุดนี้ให้ได้เสีย ก่อน

ท่านใดที่สนใจสมัครสมาชิกแฟรนไชส์ร้านแจ็คลูกชิ้นปลาระเบิดสามารถติดต่อ ได้ที่ คุณ กีรติ ยวงใย หมายเลขโทรศัพท์ 08-9106-2102 ได้โดยตรง
  • จุดเด่น มีลักษณะผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นมากในเรื่องของขนาดที่ใหญ่โตกว่าลูกชิ้นปลาทอด ของร้านอื่นๆ จึงสามารถเรียกลูกค้าให้เข้ามาซื้อได้เป็นจำนวนมากและคืนทุนได้ในระยะเวลา ที่รวดเร็ว 
  • จุดด้อย ลูกชิ้นปลาทอดถือว่าเป็นธุรกิจที่มีคู่แข่งในตลาดเป็นจำนวนมากทั้งที่เป็น แฟรนไชส์และไม่ใช่แฟรนไชส์ การเลือกทำเลสถานที่ขายจึงมีความจำที่จะต้องเอาใจใส่ในเรื่องนี้ให้มากเป็น พิเศษ ซึ่งบางสถานที่ อย่างเช่น ห้างสรรพสินค้าก็ยังมีกฎห้ามใช้แก๊สในการทอดอาหารภายในตัวอาคารอีกด้วย จึงเป็นอุปสรรคพอสมควร
ค่าแฟรนไชส์ 39,000 บาท
ราคาขายส่งต่อหน่วย 80 บาท ต่อ 5 กิโลกรัม
ราคาขายปลีกต่อหน่วย 20 บาท ต่อ 10 ลูก
ระยะเวลาในการคืนทุน 1-2 เดือน

4. ตำนานฝรั่งแช่บ๊วย 50 ปี

Farang

ฝรั่งแช่บ๊วยเป็นอีกหนึ่งผลไม้แปรรูปที่ขายดีมาก เพราะมีรสชาติที่ผ่านการปรุงแต่งด้วยวิธีการเฉพาะที่เป็นความลับทางธุรกิจ มากว่า 50 ปี โดยคุณวรรณงาม จารุขจรจินดา เจ้าของธุรกิจตัวนี้ได้กล่าวว่า “คุณสมบัติเฉพาะของสูตรเราคือฝรั่งจะมีรสชาติดีหอมหวานและมีความกรอบกำลังพอ ดีจึงเป็นที่ถูกใจของลูกค้าจำนวนมาก มีลูกค้าประจำเยอะ ส่วนในเรื่องค่าแฟรนไชส์ก็ไม่คิดเงิน ถ้่าคุยกันรู้เรื่องและจะมารับสินค้าจากทางเราเป็นประจำก็เอาป้ายจากที่นี่ แล้วไปตั้งร้านขายได้เลย”

นอกจากนี้แล้วทางร้านยังมีสินค้าเสริมอีกหลายรายการเพื่อเพิ่มความหลาก หลายเพราะนอกจากฝรั่งแล้วยังมีมะม่วงและผลไม้แช่อิ่มให้เลือกมากมายหลากหลาย ชนิด แต่จากการสอบถามสมาชิกของทางร้านฝรั่งแช่บ๊วยบางท่านได้บอกเล่าปัญหาที่น่า สนใจเกี่ยวกับธุรกิจนี้ก็คือ หากผู้ประกอบการท่านใดที่คิดจะขายฝรั่งแช่บ๊วยจะต้องไปติดต่อในเรื่องของตู้ ขายสินค้าและอุปกรณ์เองทั้งหมดพร้อมทั้งดูแลสถานที่เอาเองด้วย ซึ่งเจ้าของไม่ได้มีบริการให้ในส่วนตรงนี้ และบางครั้งถ้าฤดูกาลไหนมีตัวผลไม้น้อยราคาต้นทุนก็จะสูงขึ้นแถมยังได้ฝรั่ง ที่มีขนาดปานกลางเสียเป็นส่วนใหญ่

ผู้ประกอบการท่านใดที่สนใจสามารถติดต่อได้ที่ คุณวรรณงาม จารุขจรจินดา โทรศัพท์ 08-9228-9977
  • จุดเด่น ความมีชื่อเสียงและสูตรลับในการปรุงฝรั่งถือเป็นจุดขายที่สร้างชื่อเสียงและ การยอมรับมาอย่างยาวนานสำหรับผู้บริโภค จึงทำให้มียอดขายต่อวันที่สูงมาก นอกจากนี้คือราคาขายส่งฝรั่งแช่บ๊วยต่อหน่วยอยู่ที่ราคาประมาณ 18 บาท ต่อ 1 ลูกเท่ากันทั้งหมด ซึ่งฝรั่งที่ได้มากลับมีขนาดที่แตกต่างกันทำให้สามารถตั้งราคาขายปลีกเองได้ ตั้งแต่ 25-40 บาท จึงค่อนข้างจะได้กำไรมาก นอกจากนี้ยังมีความหลากหลายของสินค้าตัวอื่นๆเข้ามาเสริม เช่น มะม่วง และกระท้อนแช่อิ่ม 
  •  
  • จุดด้อย ผลไม้จะมีมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับตามฤดูกาลดังนั้นราคาขายส่งจึงมักมีการ เปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นอยู่บ่อยๆ นอกจากนี้ยังมักถูกตีตลาดจากพวกรถเข็นขายฝรั่งแช่บ๊วยราคาถูกที่มีราคาต่ำ กว่า ส่วนการขนส่งยังเป็นอุปสรรคที่สำคัญเพราะต้องใช้ความระมัดระวังให้มากเป็น พิเศษเพื่อไม่ให้ผลไม้มีอาการช้ำหรือยุบอีกด้วย
ค่าแฟรนไชส์ ไม่เสีย
ราคาขายส่งต่อหน่วย 18 บาท
ราคาขายปลีกต่อหน่วย 25-40 บาท
ระยะเวลาในการคืนทุน 2 เดือน

5. หมูย่างเฉพาะกิจ

pork sticks

แฟรนไชส์หมูย่างเฉพาะกิจถือเป็นแฟรนไชส์แห่งแรกที่จับเอาธุรกิจหมูปิ้ง พร้อมข้าวเหนียวที่จำหน่ายทั่วๆไปในตอนเช้านำมาพัฒนาต่อยอดออกมาเป็นธุรกิจ แบบบอกรับสมาชิก โดยทางบริษัทมีการคัดสรรเลือกวัตถุดิบอย่างดีทั้งเนื้อหมูและเครื่องเทศบวก กับสูตรลับเฉพาะในการหมักหมูที่ใช้เวลานานร่วม 16 ชั่วโมงจึงได้รสชาติที่เข้มข้นมากเป็นพิเศษ โดยมีรสชาติให้เลือก 6 ชนิด

คุณเค หนึ่งในสมาชิกที่ซื้อแฟรนไชส์ตัวนี้และมีร้านตั้งอยู่แถวแถบชานเมืองบอกเล่า เกี่ยวกับธุรกิจของตนว่า “ผมคิดว่าธุรกิจตัวนี้สำหรับผมถือว่าดีมากๆ เนื้อหมูมีรสชาติอร่อย ขายได้ง่ายและขายได้ตลอดเวลาถ้าเทียบกับพวกรถเข็นที่คุณจะขายได้เฉพาะตอน เช้าๆเท่านั้น แต่ถ้าถามถึงปัญหาก็มีอยู่ข้อเดียวคือคุณต้องเลือกทำเลที่ตั้งร้านให้ดีก็ เท่านั้นเอง”

หากผู้ประกอบการท่านใดสนใจจะสมัครเป็นสมาชิกแฟรนไชส์ของหมูย่างเฉพาะกิจ สามารถติดต่อขอสมัครเข้าร่วมแฟรนไชส์ได้ที่ บริษัท หมูย่างเฉพาะกิจ

โดยตรงที่หมายเลขโทรศัพท์ 08-1340-2482,08-6303-0789

โดยจะได้อุปกรณ์การขายครบชุด พร้อมการเทรนนิ่งจากบริษัทเจ้าของแฟรนไชส์
  • จุดเด่น มีรสชาติที่อร่อยเป็นเอกลักษณ์ และที่สำคัญคือการสนับสนุนที่ดีจากเจ้าของธุรกิจแฟรนไชส์
  • จุดด้อย ต้องเลือกสถานที่ขายสินค้าให้ดีเป็นพิเศษ มิเช่นนั้นอาจถูกหมูย่างไม้ละ 3 บาท ตามรถเข็นทั่วไปแย่งลูกค้าไปจนหมด เพราะมีราคาที่ถูกกว่าถึงแม้จะมีรสชาติที่สู้หมูย่างเฉพาะกิจไม่ได้ก็ตาม
ค่าแฟรนไชส์ 29,000 บาท
ราคาขายส่งต่อหน่วย 7 บาท
ราคาขายปลีกต่อหน่วย 10 บาท
ระยะเวลาในการคืนทุน 3 เดือน

6. มหาชัยไอศครีม

mahachai ice cream

มหาชัยไอศครีมเป็นต้นตำรับของไอศครีมกะทิของไทยแท้ๆที่ขึ้นชื่อในเรื่อง ของความอร่อยมาอย่างยาวนาน จุดเด่นอยู่ที่รสชาติความอร่อยของไอศครีมกะทิต้นตำหรับผสมเข้ากับเครื่องโรย หน้าที่มีให้เลือกมากมายไม่ว่าจะเป็น ลูกบัว พุทราจีน ถั่วลิสงคั่ว มะยม ข้าวโพด แห้ว วุ้นมะพร้าว ลูกชิด ฟักทอง ข้าวเหนียว ฯลฯ ซึ่งเป็นจุดเด่นและจุดขายหลักของไอศครีมสัญชาติไทย

พี่ไก่หนึ่งในสมาชิกแฟรนไชส์ของมหาชัยไอศครีมได้กล่าวอย่างสั้นๆถึง แฟรนไชส์ตัวนี้ว่า “คิดว่ามันขายง่ายมาก วิธีการทำก็ไม่ยุ่งยาก แค่ตักใส่ถ้วยแล้วโรยหน้าตามที่คนซื้อต้องการเท่านั้นเอง” นอกจากนี้พี่ไก่ยังได้กล่าวแบบติดตลกและอารมณ์ดีเมื่อถามเกี่ยวกับปัญหาที่ เจอก็คือ “แฟรนไชส์ร้านมหาชัยไอศครีมมันค่อนข้างจะเยอะนะ เรียกได้ว่าหันไปไหนก็เจอบางครั้งจึงต้องช่วยกันอุดหนุนพวกเดียวกันเองบ้าง ก็มี” ด้วยความที่ขายง่ายและวิธีการทำก็ไม่ยุ่งยากหากผู้ประกอบการท่านใดสนใจ สามารถสั่งซื้ออุปกรณ์และตู้แช่ได้จากทางร้านแฟรนไชส์ของมหาชัยไอศครีมได้ ที่ นายสมชาย เลิศสมิทวงษ์ เบอร์โทรศัพท์ 02-977-4961
  • จุดเด่น ความมีชื่อเสียงของไอศครีมมหาชัยเป็นที่ทราบดีของคนไทยจึงไม่จำเป็นต้องมี การโปรโมทมากมายแต่อย่างใด อีกทั้งยังมีวิธีการขายที่ง่ายมากไม่จำเป็นต้องใช้ฝีมือในการทำที่สลับซับ ซ้อนแต่ประการใด จึงสามารถจ้างพนักงานขายได้ โดยที่ผู้ประกอบการสามารถกำหนดรูปแบบตามที่ตนเองต้องการได้ทั้งในส่วนของ ราคา และเครื่องโรยหน้าของไอศครีม นอกจากนี้ไอศครีมยังสามารถเก็บไว้ได้นานโดยไม่เน่าเสียอีกด้วย
  •  
  • จุดด้อย ถึงแม้มหาชัยไอศครีมจะมีวิธีการขายที่ไม่ยุ่งยากนัก แต่จุดอ่อนที่สำคัญคือมหาชัยไอศครีมมีผู้ขายที่เยอะมากทั้งของจริงและของ ปลอมในบางสถานที่มีการตั้งร้านค้าที่ซ้ำกันมากถึง 3 เจ้า ผู้ประกอบการที่สนใจจึงต้องศึกษาในรายละเอียดเรื่องนี้ให้มากเป็นพิเศษเพราะ เป็นเรื่องที่คุณแทบจะต้องดำเนินการเองทั้งหมด
ค่าแฟรนไชส์ 14,000 บาท
ราคาขายส่งต่อหน่วย 850 บาท ต่อ ถัง
ราคาขายปลีกต่อหน่วย 15-25 บาท ต่อ ถ้วย
ระยะเวลาในการคืนทุน 3-4 เดือน

7. ร้านปังสด ขนมปัง-นมสด

Pangsod

ขนมปัง-นมสด เป็นอีกหนึ่งกลุ่มร้านแฟรนไชส์เกี่ยวกับอาหารว่างที่ขายดีมากในทุกโอกาส ซึ่งแฟรนไชส์ที่อยากจะขอแนะนำคือร้าน ปัง-สด ที่มีจุดเด่นอยู่ที่เครื่องดื่มและอาหารว่างให้เลือกมากมายหลายรายการ ซึ่งแฟรนไชส์นี้มีมาตรฐานเป็นที่ยอมรับในระดับประเทศพิสูจน์ได้จากจำนวนสาขา ที่มีเป็นจำนวนมาก โดยสมาชิกผู้ซื้อร้านแฟรนไชส์แห่งนี้ผู้ไม่ขอเปิดเผยชื่อกล่าวกับเราว่า “จุดเด่นที่ชอบมากที่สุด ก็คงเป็นเรื่องของจำนวนเมนูของสินค้าที่เรามีให้ผู้บริโภคสามารถเลือกทานได้ เป็นจำนวนมาก เพราะมันดีทั้งกับทางเราที่เป็นคนขายและดีในมุมของลูกค้าด้วยที่เขามีโอกาส ได้เลือกทานมากขึ้นทั้งน้ำและขนม แต่ถ้าให้พี่พูดถึงจุดอ่อนก็คงไม่มีอะไรมากนอกจากเรื่องของการหาทำเลค้าขาย ที่เราจะใช้ตั้งร้านเพราะบางทีเราก็ต้องหลบคู่แข่งที่เป็นร้านขนาดใหญ่และ พวกรถเข็นประเภทกาแฟโบราณเจ้าต่างๆ”

ผู้ประกอบการท่านใดที่สนใจสมัครสมาชิกแฟรนไชส์ร้านปังสดจะได้รับการอบรม และบอกสูตรเคล็ดลับของเครื่องดื่มและการทำอาหารว่างประเภทต่างๆจากทางร้าน พร้อมทั้งได้รับการดูแลเอาใจใส่ในทุกๆเรื่องทั้งด้านของอุปกรณ์ร้านค้า การตกแต่ง และการนำส่งวัตถุดิบโดยตรงถึงหน้าร้านของผู้ประกอบการ ขอเพียงผู้ประกอบการมีที่ขายสินค้าเป็นพอ

ติดต่อได้ที่ ห้างหุ้นส่วนจำกัด ปัง สด เบอร์โทรศัพท์ 089-5190066, 089-5098056, 089-5197700
  • จุดเด่น แฟรนไชส์นี้ร้านปังสดจะดูแลในธุรกิจของลูกค้าสมาชิกในทุกๆเรื่อง ผู้ประกอบการจึงลดภาระไปได้ในส่วนหนึ่ง
  •  
  • จุดด้อย การทำจะธุรกิจประเภทนี้ให้ประสบความสำเร็จได้นั้นต้องอยู่ที่ฝีมือการทำ เครื่องดื่มของผู้ประกอบการเป็นหลัก เพราะบางทีระยะเวลาเพียงแค่ 1 วันไม่สามารถจะทำให้รสชาติในการชงเครื่องดื่มอยู่ตัวได้ ดังนั้นผู้ประกอบการที่คิดจะทำต้องหมั่นฝึกซ้อมให้ดีเสียก่อนที่จะไปเปิด ร้านขายจริง เพราะในตลาดการค้าขายเครื่องดื่มก็มีคู่ต่อสู้ที่มีฝีมือเป็นจำนวนมากอยู่ แล้ว
ค่าแฟรนไชส์ 28,000 - 50,000 บาท
ราคาขายส่งต่อหน่วย แล้วแต่ตกลงกับทางเจ้าของแฟรนไชส์
ราคาขายปลีกต่อหน่วย ตามเมนูที่กำหนด
ระยะเวลาในการคืนทุน 1-3 เดือน

8. เอ็น แอนด์ บี เครป

n&b crepe

แฟรนไชส์ เอ็น แอนด์ บี เป็นร้านค้าที่ขายสินค้าเกี่ยวกับขนมและเครปโดยเฉพาะซึ่งเป็นรูปแบบของอาหาร ที่นิยมในหมู่วัยรุ่นเป็นอย่างมาก โดยมีตัวสินค้าที่ได้รับการพัฒนาอยู่ตลอดเวลาประกอบไปด้วย 4 หมวดหลักคือ มินิเครป ซุปเปอร์เครป ไส้กรอกทวิน และพิซซ่าเครปหน้าต่างๆ โดยสมาชิกแฟรนไชส์เอ็นแอนด์บีท่านหนึ่งได้ให้ข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับ ธุรกิจของร้านตนเองว่า “เอาแค่เฉพาะตัวร้านของพี่นะ พี่ว่ามันโอเคขายดีมากเลย มีลูกค้าเรื่อยๆตลอดทั้งวัน ส่วนปัญหาพี่ขอติแค่นิดเดียวคือหน้าร้านค่อนข้างเล็กจัดวางของยากและอุปกรณ์ เสริมบางอย่างพังง่าย” ส่วนในเรื่องการดูแลและให้ความช่วยเหลือสมาชิกเธอกล่าวว่า “ดีมาก ยิ่งวันไหนสั่งของไปน้อยวันรุ่งขึ้นจะมีพนักงานเดินทางมาหาเราโดยทันที”
ผู้ประกอบการท่านใดที่สนใจจะสมัครเป็นสมาชิกร้านแฟรนไชส์เอ็น แอนด์ บี สามารถติดต่อได้ที่คุณบุญประเสริฐ พู่พันธ์ หมายเลขโทรศัพท์ 08-1890-2402 โดยตรง
  • จุดเด่น เป็นอาหารว่างที่ได้รับความนิยมเป็นพื้นฐานเดิมอยู่แล้วสำหรับกลุ่มอาหาร ประเภทนี้ จึงค่อนข้างที่จะขายได้ง่ายและหมดในระยะเวลาที่รวดเร็ว บวกกับการคิดค้นสูตรและปรับปรุงตัวสินค้าอยู่ตลอดเวลาทำให้เป็นธุรกิจที่น่า ลงทุนมาก เพราะมีความต่อเนื่องมาจากบริษัทเจ้าของแฟรนไชส์นั่นเอง 
  •  
  • จุดด้อย การเลือกทำเลที่ตั้งต้องใช้ความระมัดระวังมากเป็นพิเศษ เพราะอาจจะไปติดกับร้านที่ขายสินค้ามีลักษณะเหมือนกันแต่ขายตัดราคาถูกกว่า พราะไม่สามารถสู้รสชาติและความอร่อยของทางร้านได้ นอกจากนี้ผู้ประกอบการควรต้องฝึกฝนวิธีการขายให้ชำนาญเสียก่อนที่จะไปเปิด ร้านจริงเพื่อประโยชน์ในการประกอบธุรกิจ
ค่าแฟรนไชส์ 49,000 บาท
ราคาขายส่งต่อหน่วย แล้วแต่ตกลงกับทางเจ้าของแฟรนไชส์
ราคาขายปลีกต่อหน่วย แล้วแต่ตกลงกับทางเจ้าของแฟรนไชส์
ระยะเวลาในการคืนทุน ไม่เกิน 6 เดือน

ธุรกิจแฟรนไชส์จะประสบความสำเร็จได้ต้องยอมรับว่าส่วนหนึ่งนั้นต้องขึ้น อยู่กับตัวของผู้ประกอบการเองเป็นกำลังสำคัญส่วนหนึ่งด้วย เพราะไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเลือกทำเลที่ตั้ง รูปแบบการบริหารงาน หรือแม้กระทั่งฝีมือในการทำสินค้าล้วนมีที่มาจากตัวผู้ประกอบการเองเป็นผู้ กำหนดขึ้นมาแทบทั้งสิ้น แฟรนไชส์จึงมีส่วนช่วยประมาณ 50% เท่านั้น ผู้ประกอบการจึงต้องหมั่นศึกษาและเรียนรู้แนวทางการทำธุรกิจอยู่เสมอๆ อย่าหวังพึ่งพากับบริษัทแม่เจ้าของแฟรนไชส์อยู่แต่เพียงอย่างเดียว ให้คิดเสียว่าเจ้าของแฟรนไชส์คืออาจารย์ผู้ให้คำปรึกษาในการทำธุรกิจแต่ไม่ ใช่ผู้ที่จะคอยอุปการะธุรกิจของผู้ประกอบการเสมอไป

credit :  http://incquity.com/

Read More...


แฟรนไชส์ "OK อุปกรณ์ร้านค้า" ลุย ตจว. ควบสร้างแบรนด์




"OK อุปกรณ์ร้านค้า" สบช่องร้านค้าปลีกปรับตัวตกแต่งร้านสู้ศึกห้างต่างชาติ ประกาศขายแฟรนไชส์ หวังสร้างแบรนด์ขยายตลาดต่างจังหวัด เน้น 44 เมืองใหม่ คาดรายได้เพิ่ม 200 ล้านบาท พร้อมวางแผนโกอินเตอร์บุกเวียดนาม


       จากการขยายตัวของดิสเคาท์สโตร์และคอนวีเนี่ยนสโตร์ โดยเฉพาะในพื้นที่ต่างจังหวัด ส่งผลต่อความอยู่รอดของโชว์ห่วย บางรายถึงกับต้องปิดกิจการไปอย่างถาวร ทำให้โชว์ห่วยรายย่อยที่เหลือ ที่ต้องการอยู่รอดจำเป็นต้องปรับตัวอย่างจริงจัง ปรับปรุงรูปแบบร้าน การจัดเรียงสินค้า เพิ่มมาตรฐานการให้บริการ จากสาเหตุการปรับตัวดังกล่าวจึงส่งผลดีต่อผู้ประกอบการธุรกิจจำหน่ายอุปกรณ์ ร้านค้า
      
       บริษัท แคนนอนบอล แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ร้านค้าปลีกครบวงจร อาทิ ชั้นวางของ ชั้นวางหนังสือซีดี เคาเตอร์ ตู้แช่ เป็นต้น ภายใต้แบรนด์ “OK อุปกรณ์ร้านค้า” โดย สุปรียา ท้าวล่า ผู้จัดการทั่วไป ให้ข้อมูลว่าบริษัทได้เห็นถึงโอกาสทางธุรกิจที่เกิดจากการปรับตัวของโชว์ ห่วย จึงประกาศขยายตลาดไปยังต่างจังหวัด ด้วยวิธีการขายแฟรนไชส์
      
       ในอดีตชื่อเดิมของ "OK อุปกรณ์ร้านค้า" คือ "OK EQUIPMENT" ทำหน้าที่เป็นหน้าร้านจำหน่ายอุปกรณ์ ร้านค้าต่างๆที่ผลิตจากโรงงานของบริษัท แคนนอนบอลฯ "OK อุปกรณ์ร้านค้า" มีสินค้าแบ่งเป็น 8 กลุ่มด้วยกันคือ 1.ชั้นวางสินค้าในซุปเปอร์มาเก็ต 2.อุปกรณ์ค้าปลีก 3.ชั้นวางหนังสือ ชั้นวางซีดี 4.ชั้นโครงเหล็ก 5.ตู้แช่เย็นเครื่องดื่ม 6.เฟอร์นิเจอร์ร้านค้า 7.ชั้นโฆษณาสินค้า(P.O.P) 8.อุปกรณ์จำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม
      
       สินค้าที่ขายดีคือ ชั้นวางสินค้าและตู้แช่ เน้นกลุ่มลูกค้าเป้าหมายในระดับกลางลงล่าง ราคาสินค้าจึงไม่สูงมาก ตัวอย่างเช่น ชั้นวางสินค้าจะมีราคาอยู่ในช่วง 1,000-4,000 บาท หรือตู้แช่ราคาจะอยู่ในช่วง 23,000-30,000 บาท รูปแบบร้านและโลโก้เน้นความสดใสด้วยโทนสีขาว-ส้ม เพื่อดึงดูดสายตาของลูกค้า ส่วนใหญ่เน้นทำเลอยู่บริเวณห้างแม็คโคร เพื่อจับกลุ่มลูกค้าที่เป็นผู้ประกอบการรายย่อยหรือร้านโชว์ห่วยที่มาซื้อ สินค้าจากแม็คโครไปจำหน่าย
      
       ในขณะเดียวกันก็จำหน่ายสินค้าให้กับลูกค้าที่เป็นบริษัทรายใหญ่ๆ อาทิเช่น บริษัท สหพัฒน์พิบูลย์ จำกัด (มหาชน),บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด (มหาชน),บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) เป็นต้น ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อเป็นจำนวนมาก ปัจจุบันมีร้านจำหน่ายทั้งหมด 14 แห่งทั่วกรงเทพฯ
      
       สำหรับประเทศไทยแล้ว สินค้าประเภทอุปกรณ์ร้านค้านั้นยังไม่มียังไม่มีผู้ประกอบการรายใดสร้าง แบรนด์ขึ้นมาอย่างชัดเจนในตลาด มีเพียงแค่โรงงานที่ผลิตสินค้าและส่งกลับไปจำหน่ายตามตัวแทนต่างๆ ด้วยเหตุผลนี้ จึงเป็นจุดแข็งของ“OK อุปกรณ์ร้านค้า” ที่เป็นเพียงรายเดียวในตลาดที่เน้นการสร้างแบรนด์อย่างจริงจัง


       นอกจากนี้บริษัทยังมีความได้เปรียบในเรื่องของการมีโรงงานผลิตสินค้าครบวงจร เป็นของตัวเอง มีส่วนแบ่งการตลาดมากกว่า 50% ซึ่งการขายแฟรนไชส์ในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์หลักคือ ต้องการขยายตลาดและสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักในต่างจังหวัด สำหรับกลยุทธ์ในต่างจังหวัดจะเน้นจังหวัดที่ความเจริญทางเศรษฐกิจใหญ่ 44 จังหวัดทั่วประเทศ โดยต้องการต้องกรแฟรนไชซีจังหวัดละ 1 รายเท่านั้น เพื่อป้องกันปัญหาการแข่งขันกันเองอันนำมาซึ่งปัญหาเรื่องราคาสินค้าไม่ได้ มาตรฐาน

      
       โดยเงินลงทุนเริ่มต้นขึ้นอยู่กับขนาดของพื้นที่ร้านที่เปิด แบ่ง เป็น 2 แบบ คือ ขนาด 2 ห้อง (80 ตร.ม.) เงินลงทุน 850,000 และขนาด 3 ห้อง (180 ตร.ม.) เงินลงทุน 1,150,000 บาท อายุการต่อสัญญา 2 ปี ต่อหนึ่งครั้ง ไม่มีค่าบริการจัดการระบบแฟรนไชส์ ไม่มีค่ารอยัลตี้ฟี ไม่มีค่าการตลาด

      
       ทั้งนี้บริษัทจะเป็นผู้สนับสนุนในเรื่องต่างๆ อาทิ พิจารณาในการเลือกทำเลที่ตั้ง สนับสนุนการฝึกอบรมพนักงานขาย การจัดเรียงสินค้า ระบบการจัดการสต็อกสินค้า ระบบการจัดการ บัญชี เป็นต้น นอกจากนั้นบริษัทยังมีระบบตรวจสอบสินค้า เพื่อป้องกันตัวแทนจำหน่ายนำสินค้านำสินค้าจากแหล่งอื่นมาขายภายในร้าน โดยมีการส่งเจ้าหน้าที่ไปเช็คสินค้าเป็นประจำทุกเดือน

      
       บริษัทได้ทำการวิเคราะห์การลงทุนในการเปิดร้านจำหน่าย หนึ่งร้านด้วยการหาระยะเวลาคืนทุนให้กับแฟรนไชซี ด้วยการคำนวณจากการประมาณการยอดขายต่อเดือน แบ่งเป็นช่วงต่างๆ เช่น ถ้า ยอดขาย 1,200,000 ต่อเดือน ระยะเวลาคืนทุนขนาด 2 ห้องและ 3ห้อง จะอยู่ที่ 3.99 เดือน และ 5.4 เดือนตามลำดับ หรือถ้ายอดขายอยู่ที่ 300,000 บาทต่อเดือน ระยะเวลาคืนทุนขนาด 2 ห้องและ 3 ห้องจะอยู่ที่ 15.96 เดือนและ 21.60 เดือนตามลำดับ
      

       ทั้งนี้ ยอดขายที่แตกต่างกันในแต่ละเดือนขึ้นอยู่กับปัจจัย 4 ประการด้วยกัน คือ 1.ขนาดของร้าน 2.ปริมาณการสต๊อกสินค้า ที่พร้อมจัดส่งให้กับลูกค้าได้ทันที 3.ความสามารถของพนักงานในแต่ละที่ 4.จำนวนปีที่เปิดดำเนินการ นอกจากนี้ระยะเวลาคืนทุนที่คำนวณออกมายังไม่ได้นำค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน มาคำนวณ เนื่องจากขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการของแฟรนไชซีในแต่ละที่


      
       โดยทางผู้บริหารประมาณการรายได้หากสามารถขายแฟรนไชส์ได้ครบทั้ง 44 จังหวัด จะทำให้มีรายได้เพิ่มเข้ามาประมาณ 200 ล้านบาท ซึ่งปีนี้คาดว่าจะเปิดได้อย่างแน่นอนอย่างน้อย 3 จังหวัดคือ สุรินทร์ นครสวรรค์ ระยอง นอกจากต้องเป้าหมายที่จะขยายตลาดในต่างจังหวัดแล้ว บริษัท แคนนอนบอลฯยังมีแผนที่จะขยายไปยังตลาดต่างประเทศ
      
       สำหรับประเทศแรกที่บริษัท แคนนอนบอลฯเลือกที่จะไปเปิดตลาดคือ ประเทศเวียดนาม โดยทางผู้บริหารกำลังเจรจาหาตัวแทนจำหน่ายใน 2 เมืองใหญ่ คือ ฮานอยและโฮจิมินต์ มีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายคือโชว์ห่วยรายย่อย ไม่เน้นกลุ่มลูกค้าที่เป็นห้างขนาดใหญ่ ทั้งนี้เนื่องจากมีผู้ผลิตและจำหน่ายรายใหญ่อยู่แล้ว 2-3 ราย ทั้งนี้ทางผู้บริหารคาดว่าจะประสบความสำเร็จ ตลาดในเวียดนาม เนื่องจากเชื่อว่าผู้บริโภคในเวียดนามชื่นชอบสินค้าที่มาจากประเทศไทยอยู่ แล้ว คาดหวังสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศ 10-20% ของยอดขายรวม

Read More...


แฟรนไชส์ก๋วยเตี๋ยว



ก๋วยเตี๋ยว เป็นอาหารยอดนิยมตลอดกาลชนิดหนึ่งที่คนทั่วไปนิยมกินกัน ทั้งสะดวกคนกินและสะดวกคนขาย คือกินง่าย และขายง่าย เสริฟใส่ชามมา ปรุงนิดหน่อยก็อร่อย มีร้านก๋วยเตี๋ยวมากมายในระยะทางที่เราผ่านไปไหนมาไหนแต่ละวัน แต่ทุกร้านจะต้องมีคนกิน ยิ่งร้านไหนมีสูตรเด็ดน้ำซุปอร่อยๆ เส้นเหนียวนุ่ม หมู เนื้อ ลูกชิ้นอร่อย รับรองคนแน่นร้านทุกวันแน่ๆ อาชีพขายก๋วยเตี๋ยวเป็นอาชีพที่ทำรายได้ดี แต่ต้องอาศัยความขยันอดทน รักในงานบริการลูกค้า ต้องมีลูกมือช่วยอย่างน้อย 1 คน วันนี้อยากจะแนะนำแฟรนไชส์ก๋วยเตี๋ยวเด็ดๆให้ลองตัดสินใจสำหรับผู้ที่สนใจใน งานด้านนี้ไปตัดสินใจดู



  • 1. ก๋วยเตี๋ยวบางกอก เป็นก๋วยเตี๋ยวชื่อดังที่มีอุปกรณ์ครบครันพร้อมขายได้ทันที มีทีมงานคอยสนับสนุนการขาย ไม่มีประสบการณ์ก็สามารถขายได้โดยทางเจ้าของจะจัดอบรมการทำก๋วยเตี๋ยวให้จน เป็น และมีการจัดทำ ก๋วยเตี๋ยวเอื้ออาทร สำหรับท่านที่สนใจแต่ไม่มีเงินลงทุน ลองติดต่อสอบถามดูได้ที่ ก๋วยเตี๋ยวบางกอก บริษัท สยามฟู้ดส์ แฟรนไชน์จำกัด 1463 ลาดพร้าว 94 แขวงทองหลาง เขตทองหลาง กรุงเทพฯ โทร. 0-2935-6276-7, 0-2530-3736-7 ,085-043-5299 ,089-337-4419 แฟกซ์ 0-2530-3774 E-mail: siamfood_fc@hotmail.com info@siamfoodfranchise.com หรือ www.siamfoodfranchise.com

  • 2. ก๋วยเตี๋ยวโบราณนายอู๊ด เป็นก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นน้ำใส ติดต่อได้ที่ ภาคตะวันออก : 0-3832-6374 087-130-0210 กรุงเทพ และต่างจังหวัด: 0-2508-2509 089-105-7709 085-908-1502กรุงเทพฯ: 081-755 081-809-4105

  • 3. ก๋วยเตี๋ยวกระทุ่มแบน ต้มยำขลุกขลิก เข้มข้น สนใจแฟรนไชส์ ติดต่อคุณ ภูริวิชญ์ บุญส่งกิจ 1524/7 ตรงข้ามหอนาฬิกา ต.ตลาด อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร 74110 โทร. 081-915-4985 081-349-4642 หรือ ที่ www.rosdet.net

  • 4. ก๋วยเตี๋ยวหมูนายฮุย มาตรฐาน อย. และ GMP ติดต่อ 269/249-253 ซ.จรัญสนิทวงศ์ 35 ถ.จรัญสนิทวงศ์ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ 10700 โทร. 0-2418-2668, 0-2411-3996 ,081-943-5831 ,086-389-1409

  • 5. ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นหมูพริกกะเหรี่ยง รสเด็ด เผ็ด อร่อย บริษัท ท้าพิสูจน์ ฟูดส์ กรุ๊ป จำกัด 46/14 ซ.วัดเสาธงหิน ถ.ตลิ่งชัน-สุพรรณบุรี ต.เสาธงหิน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี 11140 โทร. 02-926-6509 02-926-5518 02-926-5519

  • 6. ภิตินันท์ก๋วยจั๊บญวน เชลล์ชวนชิม อร่อยแบบไม่ต้องปรุง ติดต่อคุณ ภิตินันท์ อนุสาร โทร. 089-799-4926, 089-669-4779



  • 7. แฟรนไชส์ก๋วยเตี๋ยวเรือยอดเฮง ก๋วยเตี๋ยวเรือชื่อดังแห่งอยุธยา อร่อยแบบไม่ต้องปรุง กลมกล่อม ลูกชิ้นทำ เองได้มาตรฐาน น้ำจิ้มรสเด็ด 6รางวัลรับประกันความอร่อย สนใจแฟรนไชส์ติดต่อได้ที่ 1596/742-3 หมู่ 9 สุขุมวิท 115 ต.สำโรงเหนือ อ.เมือง จ. สมุทรปราการ โทร. 02-755-0526 ,081-576-9869 แฟกซ์: 02-755-0248

8. แฟรนไชส์เกาเหลาเนื้อ-หมูตุ๋น ธัญรส ลูกชิ้นชั้นหนึ่ง -รางวัลชนะเลิศจานทอง ประเภทรสชาติยอดเยี่ยม 3 ปีซ้อน-ลงทุนค่าธรรมเนียมแรกเข้า 20000-40000 บาทการลงทุนมี 2 แบบ1. เกาเหลา/ก๋วยเตี๋ยวเนื้อ2. เกาเหลา/ก๋วยเตี๋ยวหมูสิ่งที่จะได้รับ-อบรมความรู้ในการปรุงเกาเหลาและ ก๋วยเตี๋ยว 2-5 วัน-ป้าย ร้าน เกาเหลาเนื้อ-หมูตุ๋น ธัญรส ลูกชิ้นชั้นหนึ่งสนใจแฟรนไชส์ เกาเหลาเนื้อ-หมูตุ๋น ธัญรส ลูกชิ้นชั้นหนึ่ง ติดต่อ คุณ อุดมศักดิ์ ปิยะวรรณรัตน์ 803/8-9 ถ.เจตจำนงค์ ต.บางปลาสร้อย อ.เมือง จ.ชลบุรี 20000 โทร. 089-488-4490 ,081-823-2119 Email:udom_actually@hotmail.com

Read More...


ธุรกิจร้านกาแฟ



การ เป็นเจ้าของร้านกาแฟเล็กๆคงเป็นที่ปรารถนาของใครหลายๆคน ธุรกิจร้านกาแฟเป็นธุรกิจที่น่าจับตามอง อีกอย่างหนึ่งเพราะมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องทุกปี คนไทยในปัจจุบันนิยมกินกาแฟมากขึ้นกว่าในอดีตและมีแนวโน้มมากขึ้นเรื่อยๆโดย เฉพาะในวัยทำงาน เพราะกินแล้วทำให้กระปรี้กระเปร่า มีแรงทำงานได้อย่างต่อเนื่อง จนหลายคนติดกาแฟ วันไหนไม่ได้กินจะง่วงเหงา เหมือนขาดอะไรไปสักอย่าง ธุรกิจกาแฟจึงน่าลงทุน แต่ไม่ใช่ว่าใครๆก็สามารถประสบความสำเร็จในธุรกิจนี้ได้ ต้องอาศัย ใจรัก ใช้ศาสตร์และศิลป์ มีความชำนาญผ่านการฝึกฝน จนได้สูตรเป็นของตัวเอง แต่ละร้านจึงมีสูตรที่แต่ต่างกันไปแล้วแต่ลูกค้าจะชอบ ร้านใด ปัจจุบันมีสถาบันให้การอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับการทำร้านกาแฟเกิดขึ้นมากมาย วันนี้เลยนำแหล่งข้อมูลทางธุรกิจร้านกาแฟมาให้ท่านที่สนใจอยากเปิดร้าน ได้ติดต่อสอบถามดู


1. คอฟแมน เป็นแหล่งให้ความรู้อบรม หลักสูตรการคั่วกาแฟ การชงกาแฟ และจัดจำหน่ายอุปกรณ์สำหรับเปิดร้านกาแฟ เหมาะสำหรับท่านที่ต้องการสร้างแบรนด์เป็นของตัวเองติดต่อได้ที่ คอฟแมน (วิภาวดี) ฝ่ายขาย และอบรม :โทร. 02-579-8130-117/86 หมู่2 ซ.วิภาวดี 58 ถ.วิภาวดี-รังสิต แขวงตลาดบางเขน หลักสี่ กรุงงเทพฯ 10210ฝ่ายขาย : 086-604-5256, 089-894-0076 ,086-526-0663 ,089-140-5168 คอฟแมน(แมคโครบางกะปิ) โทร: 02-734-2964-5


2. Billioncoffee กาแฟไทย สไตล์นอก จำหน่ายเมล็ดกาแฟ อุปกรณ์ต่างๆ ครบวงจร อะไหล่เครื่องชงกาแฟ บริการซ่อมเครื่องชงกาแฟ โดยช่างที่ชำนาญงาน ติดต่อที่ ภูริชวัน จำกัด โทร.02-899-4766-7 ,02-899-1228 หรือที่ www.billioncoffee.com


3. 94 coffee ประสบการณ์กว่า 50 ปี ร้านกาแฟที่เกิดจากแนวคิดของคนไทย โดยฝีมือเกษตรกรไทย คัดสรรเมล็ดกาแฟ ที่มีคุณภาพ ติดต่อที่ คุณ กฤษณรักษ์ โทร. 081-907-5958 บริษัท อัลติเมต เบเวอร์เรต โปรดักส์ จำกัด 139/13, 139/16-18 โชคชัย 4 ซ.ราดพร้าว วังทองหลาง กรุงเทพฯ 10310 โทร.02-933-4191-5 ,02-530-6730-1 ,02-530-3610 แฟกซ์ : 02-530-3610 หรือที่ www.94coffee.com


4. กาแฟเขาทะลุชุมพร บริการกาแฟคั่วบด/ไม่บด กาแฟพร้อมชง รับคั่วกาแฟทุกเมนู ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการทำธุรกิจกาแฟ ติดต่อคุณ วิสุทธิ์ ทองคำ โทร. 02-437-2920 ,081-908-9298ร้าน 1 The Erawan group (ตึกอัมรินทร์พลาซ่า โซโก้) โทร. 02-684-1692ร้าน 2 หน้าอาคารปิยวรรณ (ซ.อารีย์)


5. Salotto coffee จำหน่ายเมล็ดกาแฟ คั่วสด สินค้าและอุปกรณ์ที่ใช้ในร้านกาแฟ อบรมและให้คำปรึกษาการเปิดร้านกาแฟ พร้อมสูตรกาแฟกว่า 80 สูตรติดต่อ บริษัท ซาลอตโต้คอฟฟี่ จำกัด 15/148 ถ.รัชดาภิเษก 36 (ซ.เสือใหญ่อุทิศ) แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900 โทร : 02-541-0877,081-496-0095แฟกซ์ : 02-541-8018 Email : info@salotto.co.th


6. hillkoff ศูนย์บริการธุรกิจกาแฟครบวงจร ผลิต จำหน่าย พร้อมให้คำปรึกษาธุรกิจกาแฟ กาแฟคั่วอาราบิก้า ตราฮิลล์คอฟฟ์ โทร : 053-213078 แฟกซ์ : 053-412213 Email : info@hillkoff.com หรือ www.hillkoff.com

  • ศูนย์เชียงใหม่ คุณนฤมล 081-6710932
  • ศูนย์กรุงเทพฯ คุณภารดี 081-9553025
  • ศูนย์ชลบุรี คุณศันสนีย์ 081-8635462
  • ศูนย์อุบลราชธานี คุณสุขสรร 081-6666747

7. บริษัท วีพีพี โปรเกรสซีฟ จำกัด วัตถุดิบ จากไร่กาแฟโครงกาหมู่บ้านวิสาหกิจชุมชน อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ มีโรงงานคั่วกาแฟ ได้มาตรฐานสากล มีสินค้าและผลิตภัณฑ์รองรับการขาย พร้อมทั้งให้คำปรึกษาในการทำธุรกิจการแฟ ติดต่อที่ บริษัท วีพีพี โปรเกรสซีฟ จำกัด 726-728 ถ.รัชดาภิเษก แขวงบุคคโล เขตธนบุรี กรุงเทพฯ โทร : 02-8760291-5 แฟกซ์ : 02-8760350


8. Tom & Team’s Coffee ท่านที่สนใจเปิดเป็นร้านกาแฟ มีพื้นที่พอสมควร การลงทุนมี 3 แบบ

  • 1. แบบคีออส งบลงทุนประมาณ 300,000 บาทขึ้นไป
  • 2. แบบคอฟฟี่คอร์นเนอร์ งบลงทุนประมาณ 500,000 บาทขึ้นไป
  • 3. แบบ stand alone งบลงทุนประมาณ 900,000 บาทขึ้น

ไปสิ่งที่จะได้รับ

  • 1. บริษัทจัดหาทำเลให้
  • 2. บริษัทออกแบบร้าน ดูแลเรื่องการก่อสร้าง และการแต่งให้เรียบร้อย
  • 3. จัดหาอุปกรณ์ให้ครบครัน
  • 4. บริษัทจัดหาพนักงานและฝึกอบรมจนเป็นบาริสต้าที่มีประสิทธิภาพ5. บริษัทดูแลเรื่องการตลาดและประชาสัมพันธ์สนใจติดต่อ Call center 086-3218137 ,086-3218138, 086-101-7590

Read More...




----------------

ปรับปรุง
รายการบทความทั้งหมด



การบำรุงรักษารถยนต์เบื้องต้น



ร้านค้าเคลื่อนที่ ใช้ รถบรรทุกขนาดเล็กมาดัดแปลง



รวมบทความอาชีพ เสริม หลากไอเดียวิธีหารายได้เสริม



รวมบทความงานฝีมือ-สิ่งประดิษฐ์ รายได้เสริม



ทองม้วน thong muan ; rolled wafer





MASK รุ่นสายคล้องคอ







MASK รุ่นสายคล้องคอ. ��รุ่นนี้เป็นที่นิยมใช้กันมาก #ขายดีมาก
ทำจากผ้าคอตตอนแท้ 100%  ไม่ผสม เนื้อผ้านุ่ม 
3 ชั้น. สวมใส่พอดีกับใบหน้า ไม่เจ็บหู มีสายคล้องคอปรับได้
เวลาถอดออก ไม่ต้องกลัวลืม เพราะถอดแล้วคล้องคอไว้ได้
บรรจุในถุงซิปฟรอย์อย่างดี
ราคาชิ้นละ. 59. บาท. ไม่รวมส่ง 
มีหลายสีให้เลือกนะคะ   สนใจทักแชทขอดูสีผ้าได้นะคะ
หน่วยงาน บริษัท ห้างร้าน หรือ สนใจสั่งไปจำหน่าย 
มีเรทราคาส่งค่ะ

-> id line : noeyhorm_06
#มีวางจำหน่ายหน้าร้านชานมไต้หวันมาราชาสาขาจรัญ44


ร้านมาราชาชานมไข่มุก สาขาจรัญสนิทวงศ์ 44
● รับบัตรสะสมครบ 10 แก้ว แลกรับฟรี 1 แก้ว
● สั่งเดลิเวอรีผ่าน LINE MAN, Foodpanda ,GET ...ถึงมือปั๊บพร้อมดื่มปุ๊บ!
● อัพเดทโปรโมชั่นใหม่ๆ รสชาติใหม่ ตลอดเวลา
● มีเมนูให้เลือก 40 กว่าเมนู : https://bit.ly/2Z9iqV0






























































เลือกช่องทางติดต่อและรับข่าวสารบริการหลังการขาย
ฟอร์ด พลปิยะอยุธยาและฟอร์ด พลปิยะวังน้อย

--------------------------------------------------------------------------------------------
แคมเปญ-โปรโมทชั่น อะไหล่ฟอร์ด อัพเดททางออนไลน์และปรับปรุงข้อมูลออนไลน์
อะไหล่ฟอร์ด อะไหล่รถฟอร์ด อะไหล่รถยนต์ฟอร์ด อะไหล่ฟอร์ดแท้ ร้านขายอะไหล่รถฟอร์ด ขายอะไหล่รถฟอร์ด อะไหล่ฟอร์ด
 
Option

รวมบทความอาชีพเสริม หลากไอเดียวิธีหารายได้เสริม หาอาชีพเสริมอิสระทำเงิน สร้างอาชีพอิสระงานฝีมือ แนะนำการสร้างรายได้เสริมทำเงินด้วยการขายสินค้าหรือขายของเป็นอาชีพเสริม อิสระงานฝีมือ แนะแนวธุรกิจ อาชีพเสริม อาชีพแก้จน อยากจะมีรายได้เสริมนอกเหนือจากงานประจำ บล๊อกจัดทำขึ้นเป็นวิทยาทานเพื่อเผยแผ่ความรู้อันจะเป็นไปเพื่อบุญกุศล ขอให้ทุกท่านที่มีส่วนร่วมในบทความของบล๊อกนี้ จงได้รับอานิสงฆ์ด้วยเทอญ.