Home » All posts

ราดหน้าแม่หวิน ชามเดียวจอด

ถ้าชอบแบบใส่ไข่ ให้เอาตะหลิวผลักเครื่องทั้งหมดไปไว้ข้างหนึ่งของกระทะ แล้วตอกไข่โปะลงไปในส่วนที่เป็นน้ำซุปล้วนๆ คนเร็วๆ ให้ไข่แตกหมด นับ หนึ่ง สอง สาม ปิดไฟ ตักใส่ชามที่มีเส้นทอดได้เลยค่ะ แบบนี้จะได้ออกมาเป็นราดหน้าไข่ข้น

สวัสดีค่า วันนี้เรามาเปลี่ยนบรรยากาศทำอาหารจานเดียวแบบง่ายๆ แต่อร่อยกันดีมั้ยคะ?

เวลาที่จำเป็นต้องไปทานอาหารตามฟู้ดคอร์ตข้างนอก อาหารจานที่จะเลือกสั่งเป็นประจำก็คือ ราดหน้าหมูค่ะ เพราะส่วนใหญ่เป็นอาหารที่ทำร้อนๆ ไม่ได้ทำทิ้งไว้ (ถึงแม้เขาจะทำตัวน้ำราดหน้าแยกไว้ แต่ก็จะทำทิ้งไว้นานไม่ได้ และต้องตั้งอุ่นอยู่เสมอค่ะ ไม่งั้นแป้งมันจะคืนตัว) เพื่อความปลอดภัยของกระเพาะของเรา ทานอาหารทำใหม่ ร้อนๆ จะดีกว่าสั่งอาหารที่ทำทิ้งไว้นะคะ

ส่วนใหญ่เวลาที่ทำราดหน้าจะมีคนบ่นว่าไม่รู้ว่าจะหมักหมูยังไงให้นุ่ม หอม อร่อย วันนี้มีเคล็ดลับการหมักหมูมาฝากค่ะ สูตรนี้มาจากแม่หวิน (แม่ครัวมือโปรของที่บ้าน) ทำทานที่บ้านจนเป็นอาหารขึ้นชื่อของบ้านไปแล้วค่ะ ส่วนชามเดียวจอดก็มาจากที่ทำชามหนึ่ง อิ่มจอดจุกแอ้กอ่ะค่ะ ฮี่ ฮี่

วิธีทำ

1. ผัดกระเทียมกับน้ำมันพืชเล็กน้อยพอหอม (อย่าให้เกรียมนะคะ) ตักหมูที่หมักไว้ผัดให้สุกแค่ครึ่งเดียว ยังมีส่วนที่เป็นเนื้อสีชมพูๆ อยู่ (ถ้าผัดสุกหมด เนื้อหมูจะแข็งไปค่ะ)

2. รีบตักน้ำซุปที่เตรียมไว้ลงในกระทะ คนนิดหนึ่ง รอให้น้ำซุปเดือดอีกที (ซึ่งถ้าทำทีละชาม น้ำซุปควรจะเดือดทันทีเลยค่ะเพราะเราตั้งน้ำซุปไว้ร้อนๆ อีกเตาหนึ่งอยู่แล้ว) หยิบผักคะน้าลวกแล้ว 1 ขยุ้ม มากน้อยตามชอบลงผัดกับน้ำซุป เตรียมคนน้ำแป้งให้เข้ากันแล้วโรยลงไปเลยค่ะ ระหว่างโรยให้คนตลอดเวลาเพื่อไม่ให้แป้งเป็นลูก

3. ถ้าชอบแบบใส่ไข่ ให้เอาตะหลิวผลักเครื่องทั้งหมดไปไว้ข้างหนึ่งของกระทะ แล้วตอกไข่โปะลงไปในส่วนที่เป็นน้ำซุปล้วนๆ คนเร็วๆ ให้ไข่แตกหมด นับ หนึ่ง สอง สาม ปิดไฟ ตักใส่ชามที่มีเส้นทอดได้เลยค่ะ แบบนี้จะได้ออกมาเป็นราดหน้าไข่ข้น

4. หรือถ้าชอบแบบเป็นไข่ดาว ก็ทำเหมือนข้างบน แต่ตอกไข่ลงไปทั้งฟองแล้วไม่ต้องตีให้แตก ก็จะได้ออกมาเป็นราดหน้าไข่ดาวค่ะ

5. หรือถ้าชอบแบบราดหน้าไข่ขาวล้วน (แบบของร้านแกรนด์แสนยอด) ก็ใช้แต่ไข่ขาว ทำเหมือนราดหน้าไข่ข้นได้เลยค่ะ น้ำราดหน้าจะออกมามีเส้นไข่ขาวๆ ปนอยู่

เรียบร้อยแล้วค่า เห็นมะคะ ว่าทำง่าย หมูหมักออกมานุ่มเพราะหมักด้วยนมสด หอมขิงหน่อยๆ ถ้าท่านผู้อ่านลองทำดู แล้วอยากจะปรับรสชาติของหมูหมักก็ได้นะคะ จะใส่เต้าเจี้ยวเพิ่มขึ้น (เพราะเค็มน้อยไป หรือเต้าเจี้ยวแต่ละยี่ห้อก็มีความเค็มไม่เท่ากัน) ก็ได้นะคะ ไม่ผิดกติกาแต่อย่างใด ทำให้ถูกปากคนทานเป็นดีที่สุดค่ะ ฮ่า : D

ลองทำดูนะคะ อร่อยไม่อร่อยยังไง บอกมาก็ได้ค่ะ เราจะได้ช่วยกันปรับสูตร แนะนำสูตรกันนะคะ ขอตัวไปหม่ำราดหน้าไข่ข้นก่อนนะคะ ของโปรดดดดดดดดดดดดดดดดด

credit by : http://www.sentangsedtee.com/news_detail.php?rich_id=872&section=15&column_id=47

ฮอกไกโด มิลค์ โลฟ “ขนมปังปอนด์” ร้อนๆ จ้า

สูตรทำขนม

วิธีการทดสอบว่าโดได้ที่รึยัง คือให้เอานิ้วจิ้มลงไปในโด จิ้มลงไปสองข้อนิ้วเลยก็ได้ค่ะ ถ้าโดยังยุบอยู่เป็นรอยนิ้วที่เราจิ้มลงไป ไม่คืนตัวกลับมา แปลว่าโดได้ที่แล้วค่ะ

สวัสดีค่ะ คุณผู้อ่านทุกคน (ที่เผลอมาเปิดอ่านคอลัมน์นี้ ฮี่ ฮี่)

ก่อนอื่นต้องขอออกตัวเอี๊ยดล้อฟรีว่า ไม่ได้เป็นผู้ที่จบทางด้านการทำอาหาร จากสถาบันที่มีชื่อเสียงใดๆ ทั้งสิ้น

แต่เป็นคนที่ชอบทาน และขี้สงสัย พอไปทานอาหาร หรือขนมอะไร ก็มักจะสงสัยว่ามันทำยังไง พอกลับมาบ้านก็มาหาความรู้เพิ่มเติม จากบนอินเตอร์เน็ตบ้าง ไปแอบดูเขาทำบ้าง แล้วก็มาหัดเองค่ะ...โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกอาหารที่ทำจากแป้ง เพราะเป็นคนที่ชอบทานแป้งค่ะ ไม่ว่าจะเป็นขนมปัง พาสต้า ก๋วยเตี๋ยวประเภทต่างๆ ชอบมากกกกกกกกก...

(จนถึงตรงนี้ ผู้อ่านคงเดาได้นะคะว่า ผู้เขียนจะมีรูปร่างค่อนไปทางใด ฮ่า)

ผลงานที่ลงในคอลัมน์นี้เกิดจากการฝึกทำแล้วทำอีก ทานได้บ้าง ทานไม่ได้บ้าง หน้าตาดีบ้าง หน้าตาไม่ดีบ้าง แต่ทุกครั้งที่หัดทำ ไม่ว่าจะเป็นอาหารประเภทใด จะพยายามจับความรู้สึกของการทำครั้งนั้นๆ ไว้ และดูผลลัพธ์ว่ามันออกมาในทางใด กลับมาคิดว่าทำไม แล้วลองดูใหม่ ระวังในส่วนที่ทำแล้วไม่ชอบ เพื่อให้ได้ใกล้เคียงอย่างที่ต้องการให้ได้มากที่สุด อย่าเครียดค่ะถ้าทำแล้วยังไม่ได้ดังใจซะที วันหนึ่งต้องเป็นวันของเราค่ะ...:D

วันแรกเปิดตัวคอลัมน์ ขอฝากสูตรทำขนมปังปอนด์แบบง่ายๆ ไว้ให้ลองดูกันก่อนนะคะ สูตรนี้ได้มาจากการไปหาสูตรบนอินเตอร์เน็ต เอามาลองทำแล้วประสบผลสำเร็จ เลยเป็นสูตรในดวงใจค่ะ

วิธีทำ

1. ตวงส่วนผสมทุกอย่างลงอ่างผสม (เห็นมะคะ ง่ายจริงๆ)

2. นวดให้เข้ากัน (ถ้าไม่มีเครื่องนวดแป้ง นวดมือได้เลยค่ะ ใช้เวลานานหน่อย แต่ได้ออกกำลังกาย) จนเป็นโดเนียนนุ่ม จะสังเกตได้ว่าเนื้อโดจะมีเหมือนเป็นฟองอากาศเล็กๆ ปุดๆ อยู่ (นั่นคือยีสต์เริ่มทำงานแล้วค่ะ) เนื้อโดที่ได้ จะไม่แห้งมาก เอานิ้วแตะๆ จะยังเหมือนแฉะๆ ติดปลายนิ้วอยู่บ้าง (สูตรนี้ทำมาทุกครั้ง ไม่เคยต้องเติมแป้งเพิ่มเลยค่ะ ใช้ตามในสูตรเป๊ะๆ เลย)

3. รวบโดให้เป็นก้อนกลม (โดยการดึงแป้งให้มารวมกันตรงกลางแล้วขยุ้มเนื้อแป้งให้ติดกันค่ะ) พักโดในอ่างผสมที่ทาน้ำมันหรือเนยขาวไว้บางๆ เพื่อกันโดติดอ่างผสม พักโดไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง ถึง 1 ชั่วโมงครึ่งค่ะ ให้โดขึ้นเป็น 2 เท่า (แล้วแต่อากาศวันนั้นด้วยนะคะ ถ้าอากาศร้อนยีสต์จะทำงานได้เร็ว ถ้าอากาศเย็น ฝนตก ยีสต์จะทำงานช้าลงค่ะ ต้องลองสังเกต และจับเวลาเอานะคะ ไม่ต้องเป๊ะๆ)

วิธีการทดสอบว่าโดได้ที่รึยัง คือให้เอานิ้วจิ้มลงไปในโด จิ้มลงไป 2 ข้อนิ้วเลยก็ได้ค่ะ ถ้าโดยังยุบอยู่เป็นรอยนิ้วที่เราจิ้มลงไป ไม่คืนตัวกลับมา แปลว่าโดได้ที่แล้วค่ะ

4. เอาพิมพ์ขนมปังปอนด์ที่มีมาทาเนยขาวให้ทั่วข้างใน ถ้าใช้แบบมีฝาปิดอย่าลืมทาเนยที่ฝาด้วยนะคะ

5. เอาโดที่พักได้ที่แล้ว เทลงบนโต๊ะที่โรยแป้งไว้บางๆ และกดเอาอากาศออก (หรือที่เรียกกันว่า ìชกลมî แต่ไม่ต้องถึงกับชกจริงๆ หรอกนะคะ แค่เอาฝ่ามือกดๆ ให้อากาศออกก็พอ) แบ่งโดออกเป็น 2 ก้อนเท่าๆ กัน (ใช้ตาชั่ง ชั่งก็ได้ค่ะ หรือจะกะๆ เอาก็ได้ ไม่ซีเรียสเท่าไหร่) พับ/ม้วนโดให้เป็นแท่งยาวๆ อ้วนๆ (เหมือนคนทำ) เอานิ้วจับเนื้อโดให้ปิดสนิทในส่วนที่มันพับมาทบกัน (เพื่อกันอากาศที่ยีสต์ทำงานในแป้งออกหมดค่ะ ถ้าออกหมด หรือออกเยอะ เนื้อขนมปังจะไม่ขึ้นฟูค่ะ) เอาโดใส่ในพิมพ์ และพักอีกประมาณ 1 ชั่วโมง หรือให้โดเพิ่มขนาดขึ้นมาจากเดิมประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ (เราจะให้โดขึ้นเต็มที่ในเตาอบค่ะ หรือที่เรียกว่า "oven spring")

6. ระหว่างที่พักโดครั้งที่ 2 ผ่านไปได้ประมาณครึ่งทาง เปิดเตาอบ ใช้ไฟล่างอย่างเดียว อุ่นเตาไว้ที่ 190 ⁰c เลยค่ะ พอโดพักได้ที่ เตาก็จะร้อนพอดี

7. พอพักโดไว้จนได้เวลา และขึ้นได้ขนาดที่ต้องการ เอาพิมพ์ใส่เตาอบได้เลยค่ะ

8. ใช้เวลาอบประมาณ 40 นาที (แต่ให้คอยดูขนมปังเมื่ออบได้ประมาณ 30 นาทีนะคะ คอยเช็กอยู่เรื่อยๆ อย่าเพิ่งหนีไปทำงานอย่างอื่นค่ะ)

9. เมื่อขนมปังอบสุกแล้ว รีบคว่ำออกจากพิมพ์ พักขนมปังไว้บนตะแกรงเพื่อให้ไอน้ำระเหยค่ะ ไม่งั้นขนมปังจะแฉะ

เสร็จแล้วค่ะ ขนมปังขาวใส่พิมพ์ปอนด์แบบง่ายๆ เดี๋ยววันหลังเรามาคุยกันเรื่องของชนิดของแป้ง และส่วนประกอบอื่นๆ เล่นๆ กันนะคะ

Happy Baking ค่า

credit by : http://www.sentangsedtee.com/news_detail.php?rich_id=808&section=15&column_id=47

Read More...

Stickhouse เจลาโต้(Gelato) ไอศครีมสายพันธุ์อีตาเลี่ยน

สูตรทำขนม

Stickhouse เจลาโต้(Gelato) ไอศครีมสายพันธุ์อีตาเลี่ยน,ไอศครีมแท่งสีสันสวยงามทำจากธรรมชาติแท้ๆ

Stickhouse เจลาโต้(Gelato)แบ รนด์ดังจากประเทศอีตาลี ได้เดินทางมาถึงเมืองไทยแล้วเมื่อเดือนตุลาคมปี_2556,ที่ผ่านมา ซึ่งมีร้านสาขากระจายอยู่ทั่วโลกมากกว่า_60สาขาทั่วโลก สติ๊กเฮาส์เป็นร้านไอศกรีมชื่อดังที่ถือกำเนิดจายประเทศอีตาลี เมืองมักโรนีที่เต็มไปด้วยศิลปะและวัฒนธรรมมากมาย ซึ่งวัฒนธรรมในการกินอาหารของคนชาวอีตาเลี่ยนก็น่าสนใจไม่น้อยเลย แต่ก่อนที่จะลงรายละเอียด Stickhouse เรามาทำความรู้จักเจ้า เจลาโต้(Gelato) กันก่อนดีกว่าว่ามันคืออะไร

Stickhouse เจลาโต้(Gelato)คำ ว่า“เจลาโต้”เป็นคำในภาษาอีตาลีแปลว่า“ไอศกรีม”แต่ไอศกรีมของคนอิตาลีมี เสน่ห์และความแตกต่างจากไอศครีมทั่วไป ก็ตรงที่ไอศกรีมมีไขมันต่ำกว่าไอศกรีมทั่วไป นั่นทำให้เจลาโต้มีเนื้อที่เนียน,แน่น,ฟูตัวน้อย,ปริมาตรอัดแน่นไปด้วย เนื้อไอศรีมจริงๆ จะเห็นถึงได้จากความหนืดคงรูปมากกว่าไอศกรีมทั่วไป และอีกจุดเด่นหนึ่งที่สำคัญของเจลาโต้ก็คือการทำมาจากวัตถุดิบที่เป็น ธรรมชาติ ส่วนประกอบหลักใหญ่ๆคือผลไม้ต่างๆ ซึ่งต้องไม่มีวัตถุที่ไม่เป็น

ธรรมชาติ,เช่น,สารสังเคราะห์และสารกันเสีย ต่างๆ นั่นจึงทำให้เจลาโต้ต้องทำแบบวันต่อวัน,ทำในปริมาณไม่มากไม่ได้,เก็บได้นาน ไม่เกินเจ็ดวัน ทำให้มีอิสระในการออกแบบสินค้า ให้ได้ไอศกรีมเจลาโต้ที่ไม่จำเจ มีรูปแบบและสีสันที่แตกต่างกันออกไป “นี่แหล่ะเสน่ห์ของเจลาโต้”

Stickhouse เจลาโต้(Gelato)ที่ เมืองไทยลัดฟ้ามาจาแดนไกล มาถึงเมื่อปีที่แล้วได้รับการตอนรับที่หล้นหล่าม โดยมีสองดาราวัยรุ่นชื่อดัง “ต่อ-แพตตี้” มารวมงานเปิดตัวด้วย Stickhouse เจลาโต้(Gelato)เป็นไอศครีมระดับพรีเมี่ยมที่ส่งตรงมาจากประเทศอิตาลี ผลิตจากวัตถุดิบที่นำเข้ามาจากอิตาลี โดยเฉพาะ,ถั่วพิสตาชิโอ,เฮเซลนัทและแอลมอนด์ ที่มีผลิตมาจากเกาะซิซิลีต้นกำเนิดโดยเฉพาะ

Stickhouse เจลาโต้(Gelato)มีไอศกรีมให้เลือกอยู่สามระดับราคา

Stickhouse เจลาโต้(Gelato)แบบเบสิกราคา_89บาท.
Stickhouse เจลาโต้(Gelato)แบบสเปเชียลราคา_109บาท.
Stickhouse เจลาโต้(Gelato)แบบซุปเปอร์สเปเชียลราคา_129บาท.

ขั้นตอนที่หนึ่งการเลือกซื้อ Stickhouse เจลาโต้(Gelato)เลือกรสชาติ
สามารถเลือกรสชาติได้มากมายหลากหลายไม่ว่าจะเป็นรสชาติพื้นๆแบบ,รสนม,รส กล้วย,รสช็อกโกแลตกับวานิลลา,รสกาแฟ,รสมะม่วง,รสเมล่อน,รสสตรอเบอรี่,รสรา สเบอร์รี่,รสเลมอน,รสมินท์,รสอโวคาโด,รสพิตตาชิโอ
และรสชาติแบบที่แปลกขึ้นมาอีกหน่อย เป็นแบบรสชาติที่ผสมกันก็อย่างเช่น,รสแตงโมกีวี,รสกีวีแก้วมังกร,รสสตรอ เบอร์รี่วานิลลา,รสตรอเบอรรี่มะม่วง,รสสตรอเบอรีชีสเค้ก,เสาวรสวานิลลา

ขั้นตอนที่สองการเลือกซื้อ Stickhouse เจลาโต้(Gelato)เลือกเคลือบช็อกโกแลต
สามารถเลือกเคลือบช็อกโกแลตเพิ่มออฟชั่นได้อีก มีให้เลือกเคลือบได้_3แบบ

เคลือบแบบเต็มแท่งราคา_25บาท
เคลือบแบบครึ่งแท่งราคา_15บาท
เคลือบแบบทำลายราคา_15บาท

ซึ่งมีช็อกโกแลตให้เลือก_3ชนิดคือ,ดาร์กช็อกโกแลต,มิลค์ช็อกโกแลตและไวท์ช็อกโกแลต

ขั้นตอนที่สามการเลือกซื้อ Stickhouse เจลาโต้(Gelato)เลือกท็อปปิ้ง
แล้วก็มาเลือกท็อปปิ้งเติ่มแต่งตามความชอบ ท็อปปิ้งจะมีพวกน้ำตาลสีๆ,ช็อกโกแลตเม็ด,ถั่วแอลมอนด์ราคาอยู่ที่_15บาท มีเฉพาะพิตตาชิโอเท่านั้นที่ราคา_25บาท

แต่ง…topping…design…กันหน่อย

สวยงาม…แจ่ม…

Stickhouse เจลาโต้(Gelato)เป็น ไอศกรีมที่น่าสนใจมากๆ มีจุดเด่นและการนำเสนอการขายให้แก่ผู้ที่ซื้อได้อย่างน่าดึงดูด ด้วยการมีส่วนรวมในการออกแบบไอศกรีมที่ลูกค้าต้องการเอง โดยมีวัตถุดิบที่เป็นธรรมชาติดีต่อสุขภาพ อีกทั้งยังตรึงลูกค้าด้วยคอนเซ็ปที่ว่า “Handcrafted Premium Italian Gelato” ไอศกรีมระดับพรีเมี่ยมที่คุณดีไซน์เอง ผลิตจากวัคถุดิบที่เป็นธรรมชาติ มาจากประเทศอิตาลี” เพื่อนคนไหนอย่างลิ้มลองรสชาติและออกแบบไอศกรีมในสไตล์ตัวเอง Stickhouse เจลาโต้(Gelato)ตั้งอยู่ที่ชั้น_G@ห้างสยามพารากอน

ข้อแตกต่างระหว่างไอศครีมอิตาลีStickhouse เจลาโต้(Gelato)กับไอศกรีมสไตล์สำเร็จรูป

เรื่องความฟูตัวของเนื้อไอศครีม(overrun):ไอศกรีมเจลาโต้มีความฟูตัว อยู่ประมาณ_35-40%,ไอศกรีมสำเร็จรูปทั่วไปจะมีความฟูตัวถึง_90% นั่นทำให้เจลาโต้มีเนื้อที่แน่นกว่า จะได้รสสัมผัสที่เต็มคำกว่าไอศครีมทั่วไป
เรื่องของไขมัน:ไอศกรีมเจลาโต้จะมีไขมันอยู่ประมาณ_5-10%,ส่วนไอศกรีมทั่วไปจะมีไขมันมากกว่า_10%
เรื่องส่วนผสมของไอศครีม:เจลาโต้จะเน้นทำจากวัตถุดิบที่เป็นธรรมชาติ ไม่ปรุงแต่งด้วยสารสังเคราะห์ใดๆ ซึ่งผิดกับไอศกรีมทั่วไปที่เติมแต่งสารสังเคราะห์ต่างๆ ทั้งสารแต่งรส,สารแต่งกลิ่น,สารกันเสีย,เพื่อให้อยู่ได้เป็นเวลานาน ไอติมเจลาโต้จึงอยู่ได้ไม่นาน

แบบล่าสุด”Pearl”เป็น Gelato Truffles บรรจุกล่องเป็นเซ็ต_16ชิ้น/499 บาท,และ_25 ชิ้น/769 บาท

สำหรับเพื่อนคนไหนที่สนใจธุรกิจ Stickhouse เจลาโต้(Gelato) คงต้องรอดูว่าผู้ที่ได้ลิขสิทธิ์ในประเทศไทย จะเปิดให้ทำในรูปแบบของแฟรนไชส์หรือไม่ แต่ถ้าได้ผลตอบรับที่ดีและการขยายสาขาอย่างต่อเนื่องสองพี่น้องนักธุรกิจ “ภูมิ เรืองสินภิญญา และ สุชญา กุลชล ผู้นำเข้าแบรนด์สินค้านี้ คงต้องมองหาผู้รวมธุรกิจอย่างแน่นอน

แต่สำหรับใครที่รอไม่ไหว ก็สามารถดูธุรกิจของ Stickhouse เจลาโต้(Gelato) แบบเจาะลึกลงในรายละเอียด ทั้งตำแหน่งผลิตภันฑ์,กลยุทธด้านราคา,การนำเสนอการขาย,การตลาดการประชา สัมพันธ์, เพื่อนำมาเป็นแนวทางในการประกอบธุรกิจของตัวเองได้มากเลย “การจะเก่งกาจ ต้องฝึกฝนกับคนที่เก่ง” แชม่อจื้อกล่าว(ใครอ่ะ)
ค่อยติดตามบทความต่อไปกับวิธีการทำเจลาโต้เร็วๆนี้

เอาอันไหนดีหน่า…

มะม่วงกีวี…น่าจัดมาก

Happy new year 2014

ห้าแท่งเลยหรือ…

เลือกไม่ถูกอ่ะ..

ไอติมยักษ์…จะหมดไหมเนี่ย..

บรรยากาศหน้า_shop

สาวสวยมารวมงานเปิดตัว

เหล่าบรรดา…เจ๊เจ๊…ก็มา…

ติมสวย…

หม่ำไม่แบ่งกันเลย…

สี่คนสี่แท่ง

“ต่อ-แพตตี้”มาด้วย..

สาวสวย..

แท่งนี้ขอเหอะ

สวย..

หลากหลายรสชาติ

2014

ยอดนิยมเลย…

credit by : www.ทําเลขายของ.com/?p=5471

Read More...

ฟองดองคัพเค้ก' เค้กที่ไม่ซ้ำแบบใคร !!

สูตรทำขนม

เป็นประจำทุกสุดสัปดาห์แบบนี้ พบกับคอลัมน์ Trend can do อีกเช่นเคย สัปดาห์นี้เอาใจสาวๆ ที่รักการทำขนม มารู้จักกับการทำฟองดองคัพเค้ก...
เมื่อถึงวันสำคัญหรือเทศกาลพิเศษๆ นอกจากของขวัญแล้ว เค้ก ก็ยังเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่มักจะเป็นส่วนหนึ่งของเทศกาลเฉลิมฉลองต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น วันเกิด วันแต่งงาน วันครบรอบ ฯลฯ แต่ถ้าหากเบื่อเค้กปอนด์แล้ว เราขอแนะนำเค้กพิเศษๆ ที่ไม่เหมือนใครสำหรับคนพิเศษโดยเฉพาะ นั่นก็คือ “ฟองดองคัพเค้ก” เค้กที่ไม่ซ้ำใคร

ฟองดองคัพเค้ก แบบแมนๆ สำหรับวันเกิดแฟนหนุ่ม

หลายๆ คนอาจจะยังสงสัยว่า เจ้าฟองดองคัพเค้กคืออะไร วันนี้ไทยรัฐออนไลน์จะมาไขข้อสงสัยกัน "ฟองดอง" (fondant) เป็นศัพท์ภาษาฝรั่งเศส หมายถึง หล่อหลอมหรือละลาย ในทางเบเกอรี่ ฟองดอง หมายถึง การปั้นแป้งหรือแผ่นน้ำตาลให้มีรูปร่างหน้าตาต่างๆ เพื่อตกแต่ง

อุปกรณ์ที่ต้องเตรียม

1.Fondant (ฟองดอง) สำเร็จรูปยี่ห้อใดก็ได้
2.Gumpaste ยี่ห้อใดก็ได้
3.สีผสมอาหารแบบเจล
4.silicone mat
5.modeling tools
6.Fondant Rolling Pin
7.พิมพ์สำหรับกดคัพเค้กหรือพิมพ์รูปต่างๆ แล้วแต่ชอบ
8.ของประดับตกแต่งหน้าเค้ก

ฟองดองคัพเค้ก ออกแบบได้เอง ไม่ซ้ำแบบใคร !

ขั้นตอนการทำ
1.อบคัพเค้กตามแบบที่ชอบ หรือจะซื้อคัพเค้กสำเร็จรูปมาก็ได้แล้วแต่ความสะดวกของคุณ
2.ออกแบบลวดลายสำหรับหน้าคัพเค้กได้ตามความชอบ
3.นำฟองดองมาผสมสีผสมอาหารให้ได้สีตามต้องการ
4.นำ Fondant Rolling Pin มาคลึงให้แบนและกดพิมพ์ให้เป็นฐานไว้วางบนหน้าคัพเค้ก ทิ้งไว้ให้แห้ง

5.ใช้อุปกรณ์ผสมกับทักษะการปั้นสร้างสรรค์ลวดลายลวดลายลงบนฐานที่ทำไว้ โดยใช้ Fondant และ Gumpaste ตามแบบที่ชื่นชอบ

6.ใช้บัตเตอร์ครีมบีบลงบนหน้าคัพเค้กและวางทับด้วยหน้าฟองดองที่เราทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว

ฟองดองคัพเค้ก 'การ์ตูนญี่ปุ่น' คาวาอี้มากๆ

**เคล็ด(ไม่)ลับ**
การใส่ไอเดียเข้าไปในเค้กช่วยทำให้ได้เค้กที่สวยงาม โดนใจและไม่ซ้ำแบบใคร ทำให้เค้กมีคุณค่ามากกว่าเดิม ประทับใจทั้งผู้ให้และผู้รับ นอกจากความสวยงามแล้ว ความอร่อยของคัพเค้กยังอยู่ที่ความนุ่มของเนื้อเค้กและการเลือกใช้วัตถุดิบ ที่ดีมีคุณภาพจึงจะทำให้เค้กมีรสชาติที่ดีเยี่ยม
ภาพและวิธีการทำจาก Instagram : Fondant_cc_Bangsaen

credit by : http://www.thairath.co.th/content/435879

Read More...