สูตรขนม สูตรอาหาร อาชีพรายได้เสริม ประกาศฟรี โฆษณาฟรี Career Articles Extra Income
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

Drop Down MenusCSS Drop Down MenuPure CSS Dropdown Menu

ส้มโอแก้วรวมรส ผลิตภัณฑ์พื้นบ้าน ของดีชัยนาท


Read More...


มังคุดคัดของจังหวัดนครศรีธรรมราช

         เดี๋ยวนี้ผลไม้ไทยเริ่มมีราคาสูงขึ้นตอนเราเป็นเด็กการที่จะได้กินแอปเปิ้ล สักลูกเป็นเรื่องยาก เพราะราคาแพง แต่ที่ไหนได้ป่านนี้ส้มไทยแท้ๆตกลูกละ ๑๐ กว่าบาท กล้วยก็เริ่มขายเป็นกิโล ในสมัยก่อนมีเพื่อนเล่าให้ฟังว่าที่ญี่ปุ่นกล้วยหอมลูกละ ๒๐ บาทเราแทบจะไม่เชื่อเพราะบ้านเราสมัยนั้นกล้วยหอมตกหวีละไมถึง ๒๐ บาท ทุกอย่างที่เราได้ยินและได้เห็นตอนเป็นเด็ก มาวันนี้สิ่งของต่างๆ หรือแม้แต่ผลไม้ช่างแสนแพง แต่ที่สำคัญผลไม้ที่ปลูกภายในประเทศแท้ๆ กลับแพงกว่าผลไม้ที่นำเข้ามาจากจีน หากยางพารากิโลกรัมละ ๒๐๐ บาทผมคิดว่ากล้วยหอมไทยคงตกหวีลร้อยกว่าบาทเป็นแน่ แต่มีผลไม้อีกชนิดหนึ่งที่แพงไม่แพ้ใครเพื่อนคือมังคุดครับ ๓ ลูก ๒๐ บาทแต่มันมาในรูปแบบมังคุดดิบ หลายท่านคงไม่เคยเห็นที่จังหวัดนครศรีธรรมราชเขาทานมังคุดดิบที่แพงกว่า มังคุดสุก แต่กรรมวิธีก็ดูแปลกแหวกแนวกว่าที่อื่นๆ ครับ


            คุณเดบบี้มาจากแคนาดา มาเจอมังคุดคัดที่นครศรีธรรมราช โดยปกติเธอก็คงไม่เคยเห็นมังคุดตัวจริงว่าเป็นเช่นไร และผมก็เรียกมันไม่ถูกว่าในภาษาอังกฤษเขาเรียกเช่นไร แต่คำว่า Mangosteen และเติมคำว่า Cut ข้างหลังที่แปลว่าตัก หรือล้วงเอามาก็คงไม่ผิด หากใครไปนครศรีธรรมราช แล้วไปทานขนมจีนที่ร้านในซอยหน้าวัดพระธาตุสะพานยมรับรองว่าได้เจอกับมังคุด คัด

บรรยากาศภายในร้านขนมจีนซอยสะพานยม

               แม่ค้าแบกถาดมังคุดคัดมาเดินเร่ขาย ไม้ละ ๒๐ บาท ลูกเล็กไม้ละ ๓ ลูก ลูกใหญ่ไม้ละ ๒ ลูก แต่ราคาไม้ละ ๒๐ บาท ๓ ไม้ ๕๐ บาทครับ ดูแปลกตาดีนะครับ ถึงแม้ว่าผมจะเป็นคนพัทลุง แต่เพิ่งไปเห็นที่นั่นเป็นครั้งแรกเช่นกัน วัฒนธรรมการกินถึงแม้ว่าอยู่ใกล้ใช่ว่าจะเหมือนกันนะครับ


               หน้าตาของมันเป็นอย่างนี้ มีผู้รู้เล่าให้ฟังถึงขั้นตอนการคัดมังคุดออกจากกะโหลกเป็นเรื่องที่ต้อง ระวังมิเช่นนั้นแล้วยางจะออกมาทำให้เนื้อมังคุดฝาด ไม่อร่อยและขายไม่ได้ราคา และมันคงจะมีที่นครศรีธรรมราชที่เดียวในประเทศไทย หรือหากที่ไหนมีช่วยบอกด้วยแล้วกันเผื่อผมจะได้แวะไปทาน เอนทรี่นี้ถือว่าผมได้พาผู้ชไปชมของแปลกที่จังหวัดนครศรีธรรมราชคือมังคุด คัด และคิดว่าหากใครอยากจะทำเองก็ให้หามังคุดดิบขนาดพอดี สำคัญอยู่ที่ขั้นตอนปอกหรือนำเนื้อมันออกมา ที่คนนครศรีธรรมราชเขาเรียกว่า " คัด " นั่นแหละครับมันคงจะยากอยู่พอสมควร เอาเป็นว่าเราก็ได้รู้จัก มังคุดคัดกันแล้ว คิดว่าคงไม่นานเราคงได้ทานมังคุดตัวจริง แต่ไม่รู้ราคาจะสูงตามเจ้ากล้วยหอมหรือเปล่า ที่ปัจจุบันราคากิโลกรัมละ ๒๕ บาท และหวังว่ามังคุดคงจะไม่แพงกว่ากล้วยหอม แต่หากมันจะแพง เราก็ได้แต่ทำใจ....

credit :  http://www.oknation.net/blog/pajondotcom


        มังคุดคัด ก็คือ ภูมิปัญญาชาวบ้าน ที่นำเอามังคุดผลดิบ แก่ ซึ่งมีเปลือกเขียวและแข็ง มาปอกด้วยมีด กรรมวิธีในการปอกมังคุดดิบแก่ จะเรียกกันว่า " คัด " การปอกมังคุดดิบแก่ยางจากเปลือกมังคุดจะไหลเยิ้ม การคัดจะต้องระวังไม่ให้เนื้อมังคุดถูกยางเปื้อน เพราะจะทำให้เสียรสชาติ และเนื้อมังคุดจะสีคล้ำ เมื่อคัดได้เนื้อมังคุดแล้วจึงนำไปแช่ในน้ำปูนใส เพื่อให้หมดยางและทำให้เนื้อมังคุดสีขาวน่ารับประทาน(จริงๆนะครับ) จากนั้นก็ผึ่งให้แห้ง เสียบไม้ 3 - 5 ลูกแล้วแต่ขนาดของลูกมังคุด ใส่ถาดคลุมผ้าขาวบางเพื่อกันฝุ่นละออง ทูนหัวขายตามย่านตลาดสด  หรือตามร้านอาหารต่างๆก็จะมีโอกาสพบได้เช่นกัน



มีโอกาสไปเที่ยวเมืองคอน ในช่วงนี้ซึ่งเป็นฤดูกาลของมังคุด ซึ่งว่ากันว่าเป็น ราชินีแห่งผลไม้ ลองมองหา "มังคุดคัด" ชิมดูนะครับ 

งานมังคุดหวานและของดีเมืองนคร

ประวัติ / ความเป็นมา
นครศรีธรรมราช เป็นจังหวัดทางภาคใต้ของประเทศไทย ที่มีภูมิอากาศเหมาะสำหรับการปลูกมังคุดเป็นอย่างดี เนื่องจากมีความชื้นสูงและมีฝนตกชุกตลอดปี ในช่วงเดือนกรกฎาคม – สิงหาคมของทุกปี เป็นช่วงที่มีมังคุดออกสู่ตลาดเป็นจำนวนมาก มังคุดจึงเป็นผลไม้ที่มีชื่อเสียง และทำรายได้ให้แก่จังหวัดนครศรีธรรมราชมากกว่าผลไม้อื่นๆ

ชาวนครศรี ธรรมราชนอกจากจะนิยมมังคุดที่เป็นผลสุกแล้ว ยังดัดแปลงผลที่ยังดิบมาเป็นของกินเล่น ที่เรียกว่า “มังคุดคัด” โดยนำมังคุดมาคัด (งัด) เอาเปลือกออกโดยให้เนื้อและเมล็ดคงรูปเดิมไม่แต่กระจายออกจากกัน จากนั้นนำมาล้างให้สะอาด และแช่น้ำเกลือที่มีความเค็มอ่อนๆ ทิ้งไว้ให้น้ำเกลือดูดซืมเข้าในเนื้อจนทั่วแล้วใช้ไม้เสียบเรียงเป็นตับๆ ในแต่ละไม้จะมีมังคุดประมาณ 5-7 ผล มังคุดคัดจะมีสีขาวสะอาด กรอบ และรสชาติหวานมันอร่อย รับประทานได้ทั้งเนื้อและเมล็ด นิยมทำจำหน่ายกันมากในจังหวัดนครศรีธรรมราช

เหตุที่เรียกว่ามังคุดคัดนั้น เป็นเพราะมังคุดที่นำมาทำแบบนี้ชาวสวนเห็นว่าไม่อาจเจริญสมบูรณ์ได้ เพราะดกเกินไปหรือมีขนาดผลเล็กกว่าปกติ จึงคัดเลือกออกจากต้นเสีย เพื่อให้ผลที่เหลืออยู่เจริญเติบโตได้อย่างเต็มที่ และเมื่อนำมาทำเป็นมังคุดคัดแล้วทำให้มีมังคุดรับประทานก่อนฤดูกาล รวมทั้งมีรสชาติแปลกกว่ามังคุดสุก นอกจากนั้นมังคุดยังมีสรรพคุณเป็นยากลางบ้านได้อีกด้วย

ดังนั้น จังหวัดนครศรีธรรมราชจึงได้จัดงานมังคุดหวานและของดีเมืองนครขึ้น ทั้งนี้เพื่อเป็นการเผยแพร่ชื่อเสียงของมังคุดเมืองนคร รวมทั้งผลไม้อื่นๆ และของดีของจังหวัดให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น นอกจากนั้นยังเป็นการส่งเสริมและเพิ่มพูนรายได้ให้กับเกษตรกรอีกทางหนึ่ง ด้วย

กำหนดงาน
งานมังคุดหวานและของดีเมืองนคร จัดให้มีขึ้นในช่วงเดือนสิงหาคม ณ สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ฯ สามารถตรวจสอบรายละเอียดได้ที่ www.tat.or.th/festival

กิจกรรม
กิจกรรมภายในงาน มีดังนี้
- การประกวดมังคุด
- การออกร้านจำหน่ายผลไม้ และสินค้าพื้นเมืองต่างๆ
- การจัดนิทรรศการทางการเกษตร
- การแสดงมหรสพนานาชนิด

ที่มา http://thai.tourismthailand.org/festival-e...-80-2444-1.html





"นครศรีธรรมราช เมืองประวัติศาสตร์ พระธาตุทองคำ ชื่นฉ่ำธรรมชาติ
แร่ธาตุอุดม เครื่องถมสามกษัตริย์ มากวัด มากศิลป์ ครบสิ้นกุ้งปู"
ข้อมูลทั่วไป :
นครศรีธรรมราช เป็นเมืองเก่ามีความหมายถึง “นครอันเป็นสง่าแห่งพระราชาผู้ทรงธรรม” หรือ “เมืองแห่งพุทธธรรมของพระราชาผู้ยิ่งใหญ่” นครศรีธรรมราชอยู่ห่างจากกรุงเทพฯ โดยทางรถยนต์ประมาณ 780 กิโลเมตร และทางรถไฟประมาณ 832 กิโลเมตร มีเนื้อที่ 9,942.502 ตารางกิโลเมตร


ประวัติความเป็นมา :
เมืองคนดีนครศรีธรรมราชเป็นเมืองที่มีเสน่ห์น่าไปเยือนมากเมืองหนึ่งนอกจาก จะมีป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์และสวยงาม เช่นเขาหลวง หรือชุมชนพัฒนาตัวอย่างที่บ้านคีรีวง ที่เมืองนครฯก็ยังเป็นแหล่งศิลปะวัฒนธรรม ทั้งหนังตะลุง โนรา ที่แฝงไว้ด้วยคติธรรม และเป็นเมืองพุทธในแดนใต้ ดังมีพระมหาธาตุวรมหาวิหาร มรดกทางวัฒนธรรมที่เมืองนครมีอยู่ในปัจจุบันนั้นได้รับการสะสมมาจากประวัติ ศาสตร์อันยาวนานกว่า 1800 ปี

“ตามพรลิงค์” คือแคว้นที่เคยตั้งอยู่ที่เมืองนครศรีธรรมราชปัจจุบัน ได้รับการบันทึกอยู่ในเอกสารมิลินทปัญหาของอินเดียตั้งแต่ พุทธศตวรรษที่ 5 และเป็นที่รู้จักกันดีในหมู่พ่อค้าจากอินเดีย จีน ตะวันออกกลาง ด้วยเป็นเมืองท่าที่สำคัญ ตั้งอยู่บนคาบสมุทรที่กั้นน่านน้ำทั้งสองด้าน จึงเหมาะที่จะเป็นเส้นทางแลกเปลี่ยนสินค้าจากทั้งสองฝั่งสมุทร และประกอบกับมีอ่าวที่เป็นท่าจอดเรือได้ พร้อมกันนั้นศาสนาพราหมณ์ก็ได้แพร่เข้ามาด้วย พบหลักฐานมากในช่วงพุทธศตวรรษที่ 11-14

ต่อมาในพุทธศตวรรษที่ 14-16 อาณาจักรศรีวิชัยที่มีศูนย์กลางอยู่ที่เมืองครหิ ไชยา มีอำนาจปกครองเหนือดินแดนแถบคาบสมุทร พุทธศาสนานิกายมหายานจึงได้แพร่เข้ามาที่แคว้นตามพรลิงค์ด้วย
เมื่อเข้าสู่พุทธศตวรรษที่ 17-18 แคว้นตามพรลิงค์รุ่งเรืองสูงสุด ผู้ครองแคว้นตั้งตนเป็นกษัตริย์ทรงนามพระเจ้าศรีธรรมาโศกราช พร้อมกันนั้นได้สถาปนาราชวงศ์ปทุมวงศ์ และแผ่อิทธิพลรวมทั้งพุทธศาสนาไปยังเมืองต่างๆในภาคใต้ จนเป็นที่ยอมรับว่านครศรีธรรมราชเป็นศูนย์กลางของพุทธศาสนาในภูมิภาคเอเชีย ตะวันออกเฉียงใต้ในสมัยนั้น

เมืองนครศรีธรรมราช หรือ นครอันเป็นสง่าแห่งพระราชาผู้ทรงธรรม รุ่งเรืองอยู่ประมาณร้อยกว่าปี และเสื่อมลงเมื่อยกทัพไปตีเมืองลังกา และโจรชวาถือโอกาสเข้าปล้นเมืองถึง 3 ครั้งประกอบกับเกิดไข้ห่าระบาด จึงเป็นเหตุให้บ้านเมืองถูกทิ้งร้าง จนกระทั่งสมัยอยุธยา ผู้คนเริ่มกลับมาตั้งบ้านเมืองใหม่อีกครั้ง และนครศรีธรรมราชได้กลายมาเป็นหัวเมืองฝ่ายใต้ของราชอาณาจักรอยุธยา

ต่อมาในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ในช่วงรัชกาลที่ 5 ได้มีการแก้ไขการปกครองหัวเมืองปักษ์ใต้ใหม่ นครศรีธรรมราชได้เปลี่ยนฐานะเป็นมณฑลนครศรีธรรมราช ในปี พ.ศ. 2439 จนกระทั่ง พ.ศ. 2475 ได้มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองจึงได้ยุบมณฑลนครศรีธรรมราชและเปลี่ยนมาเป็น จังหวัดนครศรีธรรมราชในปัจจุบัน


การเดินทาง :  
ทางรถยนต์
จากกรุงเทพฯ โดยทางหลวงหมายเลข 35 (สายธนบุรี-ปากท่อ) แยกเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 4 หรือจะใช้ทางหลวงหมายเลข 4 ผ่านเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์จนถึงชุมพร เปลี่ยนมาใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 41 ผ่านอำเภอทุ่งสง อำเภอร่อนพิบูลย์ จนถึงนครศรีธรรมราช หรือจะเริ่มต้นจากกรุงเทพฯ โดยใช้ทางหลวงหมายเลข 4 ผ่านนครปฐม เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ จนถึงอำเภอท่าฉาง จังหวัดชุมพร แล้วจากนั้นให้แยกเข้าสู่สุราษฎร์ธานีโดยใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 401 เลียบชายฝั่งทะเลไปจนถึงนครศรีธรรมราช

ทางรถโดยสาร
บริษัท ขนส่ง จำกัด มีรถโดยสารปรับอากาศชั้นหนึ่ง และรถโดยสารธรรมดาออกจากสถานีขนส่งสายใต้ ถนนบรมราชชนนี (ถนนปิ่นเกล้า-นครชัยศรี) ติดต่อสอบถามได้ที่ โทร. 435-1200, 434-7192
นอกจากนี้ยังมีรถโดยสารปรับอากาศของบริษัทเอกชน ได้แก่
กรุงสยามทัวร์ โทร. 282-0261, 280-2118 หรือ โทร. (075) 341665
นครศรีทัวร์ โทร. 435-5033, 435-5025 หรือโทร. (075) 342134
โสภณทัวร์ โทร. 281-2882-3 หรือ โทร. (075) 341221
นครศรีร่มเย็นทัวร์ โทร. 435-7428, 435-5016, 433-0722 หรือ โทร. (075) 344373, 315390


ทางรถไฟ
มีขบวนรถเร็ว และรถด่วน กรุงเทพฯ-นครศรีธรรมราช ออกจากสถานีกรุงเทพฯ ถึงนครศรีธรรมราช ระยะทาง 832 กิโลเมตร นอกจากนี้ยังมีขบวนรถด่วน และรถเร็วอีกหลายขบวนผ่านสถานีชุมทางทุ่งสง ซึ่งสามารถจะต่อรถไฟ หรือรถยนต์เข้าสู่นครศรีธรรมราชได้อีกต่อหนึ่ง ติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่ สถานีรถไฟกรุงเทพฯ โทร. 223-7010, 223-7020 หรือที่ สถานีรถไฟนครศรีธรรมราช โทร. (075) 356364

ทางอากาศ
บริษัทการบินไทย จำกัด เปิดเที่ยวกรุงเทพฯ-นครศรีธรรมราช ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 1.40 ชั่วโมง รายละเอียดติดต่อสอบถามข้อมูลได้ที่ บริษัทการบินไทย จำกัด โทร. 280-0060, 628-2000 และที่นครศรีธรรมราช โทร. (075) 342491, 343874

การคมนาคมภายในตัวจังหวัด
มีรถสองแถววิ่งบริการรอบเมือง ส่วนการคมนาคมจากจังหวัดนครศรีธรรม ราชไปสู่จังหวัดข้างเคียง สามารถเลือกใช้บริการได้ทั้งรถตู้ รถแท็กซี่ รถโดยสาร รถไฟ และเครื่องบิน

ระยะทางจากอำเภอเมืองไปยังอำเภอต่างๆ




  • อำเภอปากพนัง 36 กิโลเมตร










  • อำเภอทุ่งสง 55 กิโลเมตร










  • อำเภอฉวาง 71 กิโลเมตร










  • อำเภอร่อนพิบูลย์ 32 กิโลเมตร










  • อำเภอชะอวด 71 กิโลเมตร










  • อำเภอท่าศาลา 28 กิโลเมตร










  • อำเภอเชียรใหญ่ 52 กิโลเมตร










  • อำเภอสิชล 66 กิโลเมตร










  • อำเภอหัวไทร 66 กิโลเมตร










  • อำเภอลานสกา 21 กิโลเมตร










  • อำเภอทุ่งใหญ่ 102 กิโลเมตร










  • อำเภอพิปูน 93 กิโลเมตร










  • อำเภอพรหมคีรี 21 กิโลเมตร










  • อำเภอบางขัน 94 กิโลเมตร










  • อำเภอถ้ำพรรณรา 25 กิโลเมตร










  • อำเภอจุฬาภรณ์ 50 กิโลเมตร










  • อำเภอขนอม 100 กิโลเมตร  








  • ระยะทางจากตัวจังหวัดไปยังจังหวัดใกล้เคียง










  • จังหวัดสุราษฎร์ธานี 356 กิโลเมตร










  • จังหวัดตรัง 131 กิโลเมตร










  • จังหวัดพัทลุง 193 กิโลเมตร










  • จังหวัดสงขลา 313 กิโลเมตร










  • จังหวัดกระบี่ 336 กิโลเมตร

    อาณาเขต และการปกครอง : ทิศเหนือ ติดต่อกับจังหวัดสุราษฎร์ธานีและอ่าวไทย
    ทิศใต้ ติดต่อกับจังหวัดพัทลุง สงขลา และตรัง
    ทิศตะวันออก ติดต่อกับชายทะเลฝั่งอ่าวไทย
    ทิศตะวันตก ติดต่อกับจังหวัดสุราษฎร์ธานี และกระบี่

    แบ่งการปกครองออกเป็น 19 อำเภอ 2 กิ่งอำเภอ คือ อำเภอเมือง อำเภอปากพนัง อำเภอเชียรใหญ่ อำเภอร่อนพิบูลย์ อำเภอชะอวด อำเภอทุ่งสง อำเภอท่าศาลา อำเภอฉวาง อำเภอสิชล อำเภอหัวไทร อำเภอลานสกา อำเภอทุ่งใหญ่ อำเภอพิปูน อำเภอนาบอน อำเภอพรหมคีรี อำเภอขนอม อำเภอบางขัน อำเภอถ้ำพรรณรา อำเภอจุฬาภรณ์ กิ่งอำเภอพระพรหม และกิ่งอำเภอนบพิตำ









  • Read More...


    ทับทิมกรอบ วงเวียนใหญ่ ชื่นใจหวานเย็น

    บรรยากาศภายในร้านทับทิมกรอบ
           หลายๆ คนรอบกาย "ผ่านมาแวะกิน" ยังบ่นกันไม่หยุด กับเรื่องอากาศของบ้านเราที่มันช่างร้อน...ร้อนเสียเหลือเกิน และต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า รู้สึกว่าความร้อนของแดด มันช่างร้อนแรงแผดเผาร่างกายสูงขึ้นมากกว่าทุกปีที่ผ่านมา เหตุน่าจะเป็นเพราะสภาวะโลกร้อนที่เกิดขึ้นกับโลกเบี้ยวๆที่พวกเราอาศัยอยู่
    คุณแหม่ม อังคณา จิรภัตตานนท์ ชวนลิ้มรสทับทิมกรอบ
           เอา เถอะถึงตอนนี้ผู้คนทั่วโลกก็ได้รับรู้แล้วว่าต้องทำให้โลกใบนี้เย็นลง ต่างก็รณรงค์รักษ์โลก ช่วยกันดูแลให้โลกเย็นขึ้นกันอย่างเต็มที่ แต่ ณ เวลานี้พวกเราก็ต้องเผชิญกับความร้อนกันไปก่อน แล้วก็หาวิธีคลายร้อนกันไปตามแต่ใครจะเลือกเอาอย่าง "ผ่านมาแวะกิน" เป็นคนชอบกิน แน่นอนว่าเราก็ต้องขอเลือกคลายร้อนด้วยของกินชื่นใจ อย่างขนมหวานเย็น ที่ในมื้อนี้เราได้เลือกเดินทางมาที่ร้าน "ทับทิมกรอบ" ตรง วงเวียนใหญ่ เพื่อมาลองลิ้มทับทิมกรอบที่ขึ้นชื่อลือชา ถึงขนาดว่าหากใครมาวงเวียนใหญ่ แล้วไม่ได้แวะมากินทับทิมกรอบที่ร้านนี้ก็เหมือนมาไม่ถึงวงเวียนใหญ่
    ทับทิมกรอบ
           เรื่อง นี้เท็จจริงแค่ไหนต้องมาพิสูจน์กัน ซึ่งเมื่อมาถึงร้านทับทิมกรอบก็จะได้เห็นตู้ขนมหวานที่มีทับทิมกรอบสีสวยรอ (ให้มากิน) อยู่ และมีเจ้าของร้านคือ คุณแหม่ม อังคณา จิรภัตตานนท์ กำลังง่วนอยู่กับการตักทับทิมกรอบอยู่หน้าร้าน ซึ่งคุณแหม่มเป็นทายาทที่สืบทอดกิจการทับทิมกรอบนี้มาจากคุณแม่ดวงพร จิรภัตตานนท์ ซึ่งเป็นคนคิดค้นสูตรการทำทับทิมกรอบอันเลิศรส ที่เน้นเรื่องคุณภาพและความสะอาดในการทำ และไม่มีเรื่องของการใส่สารกันบูดต่างๆ ในขนม จนเป็นที่ถูกปากและติดใจของลูกค้ามาอย่างยาวนานจนถึงทุกวันนี้
    มะพร้าวแก้วและซาหริ่ม
           ทับทิมกรอบของที่นี่รสชาติดีไม่เปลี่ยนแปลง ว่าแล้วเราก็ลองลิ้มชิมรสด้วยการสั่ง ทับทิมกรอบ (20 บาท พิเศษ 30 บาท) มากินกัน ซึ่งในถ้วยนั้นมีทับทิมเม็ดขนาดกำลังดีไม่เล็กไปหรือใหญ่ไป สีส้มแดงน่ากิน ตัวทับทิมเคี้ยวแล้วกรอบนุ่มโดนใจ ตัวแป้งนั้นนุ่มบางใสส่วนแห้วข้างในก็กรอบกรุบจริงๆ
          
           อีก ทั้งยังมีมะพร้าวที่ไม่มีที่ไหนเหมือน เพราะทางร้านนำมะพร้าวกะทิมาหั่นเป็นชิ้นๆ แล้วเชื่อมกับน้ำตาล ออกมาเป็นมะพร้าวกะทิที่เคี้ยวมันหวานนุ่มหอมกะทิอยู่ในปาก และสุดท้ายในถ้วยยังมีแห้ว ที่ทางร้านคัดแต่แห้วแก่มาเชื่อมเอง ทำให้ได้แห้วเชื่อมที่เคี้ยวมันกรุบกรอบปาก แต่ที่ขาดไม่ได้ที่สร้างความชื่นใจให้ก็คือ น้ำกะทิที่ทางร้านทำเองแบบสดใหม่ทุกวัน ใช้หัวกะทิอย่างเดียวเอามาต้มจนสุก ทำให้ได้กะทิที่เข้มข้น ไม่มันมาก และหวานหอมเป็นอย่างมาก กินทับทิมกรอบใส่น้ำกะทิใส่น้ำแข็งเกร็ดเย็นๆ เคี้ยวกรุบกรอบหอมหวานชื่นใจ คลายร้อนดีนักแล
    มาวงเวียนใหญ่อย่าลืมแวะร้านทับทิมกรอบ
           นอกเสียจากทับทิมกรอบแล้ว ก็ยังมีซาหริ่ม (20 บาท) และมะพร้าวแก้ว (30 บาท) ให้สั่งมากินแบบเย็นปาก ส่วนถ้าใครอยากอิ่มท้องกลับบ้านไปด้วย ที่นี่ก็มีขนมจีนน้ำยากะทิ (25 บาท พิเศษ 30 บาท) รสดีที่ทางร้านทำน้ำยาเองมาให้ลิ้มรสแบบอิ่มทั้งของคาวและของหวานไปในคราวเดียวกันเลย
                 
           ร้าน "ทับทิมกรอบ" (วงเวียนใหญ่) ตั้งอยู่ที่ 184 ถ.ลาดหญ้า คลองสาน กทม. การเดินทางจากวงเวียนใหญ่ให้ตรงมาที่ถ.ลาดหญ้า ร้านทับทิมกรอบจะตั้งอยู่ริมถนนเป็นตึกแถวตรงข้ามกับห้างโรบินสันวงเวียน ใหญ่ มีป้ายร้านให้เห็นชัดเจน เปิดทุกวัน (หยุดทุกวันพุธที่ 4 ของเดือน) เวลา 9.00-21.00 น. ทางร้านรับสั่งทำตามงานเลี้ยงต่างๆ ตั้งแต่ 200 ถ้วยขึ้นไป โทร. 0-2438-2118, 0-2437-8077, 08-9500-8748

    Read More...


    วุ้นแก้วมังกร


    อากาศร้อนๆ ชวนมาลองทำ "วุ้นแก้วมังกร" ทานเล่น
    หวานเย็นๆ สีสวย พร้อมเป็นของฝากได้อีกด้วยค่า ^^
    ไม่ชอบทานแก้วมังกรเปล่าๆ ลูกปลาว่ามันจืดๆไม่อร่อยเลย
    นำมาแปรรูป แบบมั่วซั่ว ออกมาเป็น "วุ้นแก้วมังกร"
    สีสวย ไว้หลอกเด็กได้เลยค่ะ คิดเอง..เออเองว่าอร่อย 555



    จริงแล้ว วุ้นแก้วมังกรนี่ได้ไอเดียมาจากหนังสือ ชีวิจิต เล่มไหนไม่ทราบ นานแล้วค่ะ
    เค้าลงสูตรทำ น้ำแก้วมังกร ทานแก้โรคอะไรหลายอย่าง.. จำไม่ได้แล้วค่ะ (^^")
    ลูกปลาเลยเอามาดัดแปลง ทำเป็นวุ้นแก้วมังกรซ๊ะเลย หวานๆเย็นๆอร่อยดีค่ะ



    ส่วนผสมนะค่ะ

    เปลือกแก้วมังกร ล้างให้สะอาดหั่นเป็นสี่เหลี่ยม หรือหั่นหยาบๆก็ได้ค่ะ
    เนื้อแก้วมังกร หั่นเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าเล็กๆ
    น้ำตาล จริงๆอยากใช้น้ำตาลกรวด แต่ไม่มีเลยใช้น้ำตาลทรายแทนค่ะ
    ผงวุ้น ใช้ผงวุ้นที่ทำขนมนี่ค่ะ พอดีมีผงวุ้นกลิ่นดอกไม้ไทย เลยใส่ไปด้วย
    เหออออ....มั่วดีจริงๆ (^^")



    นำเปลือกแก้วมังกรที่ล้างสะอาดหั่นหยาบไปต้มกับน้ำสะอาด
    วันนี้ลูกปลาใช้แก้วมังกรไปสี่ลูก ต้มน้ำประมาณ 5-6 ถ้วยตวงค่ะ



    ต้มไปซั๊กพัก พอเปลือกแก้วมังกรเริ่มจะสุกก็ใส่ผงวุ้น กับน้ำตาลทรายค่ะ
    น้ำ 6 ถต. ใส่ผงว้น 1 ชช. กับผงวุ้นโลโบ้ 1ซอง และน้ำตาลทราย 1 ถต.
    ต้มต่อไปเรื่อยๆ จนน้ำเดือดอีกครั้ง ก็ปิดเตายกลงพักไห้คลายร้อนสักครู่ค่ะ



    ระหว่างรอ เราก็เอาเนื้อแก้วมังกรที่หั่นไว้มาใส่ลงในพิมพ์ตามต้องการค่ะ



    นำเปลือกแก้วมังกรที่ต้มไว้ต่ากี๊ มากรองเอาแต่น้ำค่ะ สีสวยม๊ากกก~ ^^



    พอน้ำแก้วมังกร เริ่มคลายร้อนบ้างแล้วก็เทลงพิมพ์เลยค่ะ
    แต่อย่ารจนเย็นเกินไปนะค่ะ ไม่งั้นวุ้นเซ็ทตัวแล้วจะยุ่ง 555



    ถ้าใครไม่ชอบทานวุ้น ตอนต้มเปลือกก็ไม่ต้องใส่ผงวุ้นนะคะ
    จะได้น้ำแก้วมังกร เอาไว้ทานเล่นใส่น้ำแข็งกับเนื้อแก้วมังกรค่ะ



    มาดูใกล้ๆกันหน่อย...สีสวยเนอะ ^^



    เปลือกแก้วมังกรที่กรองออกมา...น่ากินเนอะ ทิ้งด้วยความเสียดาย
    เอาไปทำไรได้มั่งหว่า ลืมชิม มัวแต่รีบๆ ไม่รู้กินได้มั้ย (^^")



    เสร็จแล้วก็นำไปแช่ตู้เย็นเลยนะค่ะ แป๊ปเดียวก็เซ็ทตัวแล้วค่ะ



    ถ้วยแบบนี้ เป็นถ้วยพลาสติกนะค่ะ ลูกปลาซื้อที่ร้านชวนชม ตกใบละประมาณ 15 บาทค่ะ



    เค้าขายเป็นแพค แพคละสิบใบ วันนี้เอาใช้ไปห้าใบ ที่เหลือเก็บไว้ทำคราวหน้าค่ะ อิอิ



    วุ้นธรรมดา ใส่ถ้วยใบนี้ ทำให้เป็นวุ้นที่ดูดี มีชาติตระกูลขึ้นมาทันที อิอิ



    หรือจะเป็นถ้วยแบบนี้ก็ได้ค่ะ ใบใหญ่หน่อย แต่ก็แพงกว่าถ้วยแก้วต่ากี๊อีก เหอๆ (^^")



    ที่แพงกว่า คงเป็นเพราะว่ามีฝาปิดด้วยแหละ ลูกปลาว่ามันสวยดีเนอะ ^^



    พอปิดฝาแล้ว จะเป็นทรงแบบนี้นะค่ะ



    รูปหมู่ เซ็ทแรก เอามาเฉพาะที่พิมพ์สวยๆค่ะ อิอิ



    ถ้าไม่อยากเสียตังค่าพิมพ์ แนะนำแบบ รีไซเคิลค่ะ
    อันนี้ใช่กล่องใส่ขนมหวาน ซื้อมาจากห้าง ล้างสะอาด ใช้ได้เหมือนกันค่ะ ^^



    เสร็จเรียบร้อยแล้วละค่ะ "วุ้นแก้วมังกร"
    ทำไว้ทานเล่นเอง หรือให้เป็นของฝากก็เก๋ดีนะค่ะ ^^
     
     
    credit : http://lukpla.bloggang.com

    Read More...


    ปิ่นโต เดลิเวอร์รี่ ธุรกิจอาหาร ส่งได้ถึงบ้าน

    ขอนำเสนอข้อมูลธุรกิจดี ๆ อีกหนึ่งธุรกิจ ที่เกี่ยวเนื่องกับเรื่องปากท้องของคนเมือง เป็นธุรกิจที่สวนกระแสเศรษกิจในบ้านเมืองนี้เป็นอย่างมาก เพราะเนื่องจากสามารถตอบสนองความต้องการของคนไทย ที่หันมาเน้นอยู่บ้านกันมากขึ้น ทำไมถึงอยู่บ้านมากขึ้น... นั้นก็เพราะการเดินทางนอกบ้านในแต่ละครั้ง ต้องมีค่าใช้จ่ายสูง และการจราจรที่ติดขัดเป็นระยะ ชวนให้หงุดหงิด อารมณ์เสียได้ตลอดเวลานั่นเอง


    ปิ่นโต เดลิเวอร์รี่ ธุรกิจอาหาร ส่งได้ถึงบ้าน
    เมนูข้าวกล่องข้าวผัดอเมริกัน และแกงเขียวหวานไข่เค็มปลาสลิด
    อีก ทั้งวิถีชีวิตของคนเมืองอย่างเรา ๆ จำนวนมาก ไม่ค่อยที่จะมีเวลาทำอาหารรับประทานกันเองที่บ้าน เพราะเหนื่อยล้าจากการเดินทาง และการทำงานมากพอสมควรอยู่แล้ว ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นการซื้ออาหารจากนอกบ้านมารับประทาน หรือทานจากนอกบ้านให้เสร็จเรียบร้อยเลย

    แต่ดั้งเดิมเรียกขานกันว่า อาหารปิ่นโต แต่มายุคนี้เห็นทีจะเชยถ้าเอ่ยเรียกว่าอย่างนั้น หลายท่านจึงนิยมเรียกทับศัพท์ภาษาอังกฤษให้ฟังดูโก้ว่า อาหารดีลิเวอรี่ (Delivery) นั่นเอง

    สิริกร ดีลิเวอรี่ ผู้ประกอบการด้านอาหารส่งตรงถึงบ้าน เริ่มดำเนินกิจการเมื่อไม่นานมานี้ แม้จะมีจุดเริ่มต้นจากครัวเล็กๆ หลังบ้าน แต่ไม่นานสามารถเติบโตจนเป็นที่ยอมรับกันอย่างกว้างขวาง
    ปิ่นโต เดลิเวอร์รี่ ธุรกิจอาหาร ส่งได้ถึงบ้าน

    แม้จะให้บริการได้เฉพาะพื้นที่ ย่านชานเมืองแถบฝั่งธนบุรี และยังไม่โด่งดังเทียบเท่ากับแบรนด์ใหญ่ แต่หุ้นส่วนคนสำคัญของกิจการนี้ ขอการันตีตัวเองว่า คุณภาพสินค้าและบริการของเขานั้นไม่น้อยหน้าใคร

    ในโอกาสนี้ เขาได้กรุณาสละเวลามาถ่ายทอดให้คนที่สนใจ ต้องการเสนอตัวเข้ามาเป็นผู้ประกอบการด้านอาหารดีลิเวอรี่ ตั้งแต่จุดเริ่มต้นไปตลอดจนเทคนิคสำคัญในการตั้งต้นเป็นอาชีพ แบบไม่หวงวิชากันเลยทีเดียว

    ปิ่นโต เดลิเวอร์รี่ ธุรกิจอาหาร ส่งได้ถึงบ้าน
    ชะอมไฟแดงห่อไข่

    ยังมีช่องว่างน่าลุ้น
    ธุรกิจ ด้านอาหาร ไม่ต้องเปิดเป็นร้านก็ได้ เพราะยังมีทางเลือกอื่นอีกหลายทาง ที่จะนำสินค้าไปส่งลูกค้าได้เหมือนกัน และธุรกิจอาหารดีลิเวอรี่นั้น ไม่ต้องลงทุนอะไรมากเท่ากับการเปิดเป็นร้าน ขอให้มีฝีมือในการทำอาหารและจัดการให้ดีก็พอ คุณภูวนาถ อินทราทิพย์ หุ้นส่วนคนสำคัญในกิจการ "สิริกร ดีลิเวอรี่" ในวัย 47 ปี เริ่มต้นบทสนทนา ก่อนเล่าความเป็นมาส่วนตัว ให้รู้จักกันมากขึ้นว่า ศึกษาจบมาทางด้านรัฐศาสตร์ แต่ไม่เคยทำงานตามสายที่ร่ำเรียนมา เพราะมีใจรักด้านการทำธุรกิจ เคยทำมาแล้วหลายอย่าง ทั้งงานโฆษณา อู่ซ่อมรถ กระทั่งร้านอาหารของตัวเอง

    เราจับประเด็นว่าตลาดอาหารดีลิเวอ รี่นี้ น่าจะมีช่องว่างให้เข้าไปแทรกได้ เลยเริ่มต้นด้วยการศึกษาตัวอย่างจากรายใหญ่แบรนด์ดังๆ ที่เขาทำมาก่อนหน้าแล้ว โดยดูทั้งกลยุทธ์ด้านการตลาด เมนูอาหาร พื้นที่จัดส่ง เราหาข้อมูลเหล่านี้กันนานพอสมควร ไม่งั้นคงจะเข้าไปแทรกขอแบ่งตลาดได้ลำบาก
    ปิ่นโต เดลิเวอร์รี่ ธุรกิจอาหาร ส่งได้ถึงบ้าน
    สปาเก็ตตี้ไก่

    หลังจากปิ่นโตมื้อเย็น ได้รับความนิยมมากขึ้น จึงประชาสัมพันธ์ตัวเองเพิ่มขึ้น ผ่านทางเว็บไซต์ ทำให้มีการถามถึงอาหารกลางวันและอาหารสำหรับงานประชุม สัมมนา จึงตัดสินใจเพิ่มการบริการในส่วนนี้ขึ้นมา ปัจจุบันเลยมีบริการทั้งอาหารปิ่นโตมื้อกลางวัน-เย็น อาหารกล่อง และสแน็กบ็อกซ์

    ก่อนบอกถึงเทคนิคสำคัญของการทำ ธุรกิจอาหารดีลิเวอรี่ด้วยว่า การจัดส่งให้ตรงเวลานั้นมีความสำคัญมาก เพราะไม่ว่าอาหารของคุณจะดียังไง ถ้าส่งไม่ตรงเวลา ลูกค้าไปหมดแน่ ฉะนั้น อาจต้องสร้างทีมส่งของตัวเองไว้สัก 2 สาย ที่เหลืออาจเป็น "ม้าด่วน" ที่ไว้ใจได้

    การ ส่งอาหารกำหนดเป็นช่วงเวลา มื้อเวลากลางวัน ส่ง 10 โมงเช้าถึงเที่ยง มื้อเย็นส่ง 4 โมงถึง 6 โมงเย็น และต้องทำความเข้าใจกับลูกค้าว่า การกำหนดเวลาตายตัวในการรับอาหารนั้น ทำได้แค่ใกล้เคียงที่สุด เพราะต้องส่งให้ลูกค้าหลายเจ้า แต่ถ้าลูกค้าได้รับอาหารเวลาไหน จะได้รับเวลานั้นตลอด ต้องพูดให้เข้าใจตรงกันก่อน

    จากสถิติ จากศูนย์วิจัยกสิกรไทยฯ พบว่า ในปี 2551 ธุรกิจดีลิเวอรี่สินค้าอาหารในประเทศไทยนั้น มีมูลค่าประมาณ 5,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 15 เมื่อเทียบกับปี 2550

    และนี้ก็คือข้อมูลดี ๆ ที่ทางรักอาชีพ ได้เรียบเรียงมาให้ทุกท่านได้อ่านกัน โดยธุรกิจนี้ แน่นอนเลยว่า การเติบโตนั้นดีแน่นอน เพราะเป็นธุรกิจในเรื่องของอาหารการกิน ที่ตอบสนองความต้องการของคนเมืองให้อย่างสมบูรณ์ หากสนใจสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ :

    โทร. 08-1139- 3355
    อีเมลล์. fooddelivery2@gmail.com
    เว็บไซต์. http://sirikorndelivery.multiply.com

    Read More...


    อาชีพขายผลไม้สด หรือ สับเฉาะ


    \

    เมืองไทยเป็นเมืองร้อนอากาศอบอ้าว แต่โชคดีที่บ้านเรามีผลไม้หลากหลายให้เลือกรับประทาน อาชีพขายผลไม้สด หรือสับเฉาะ เป็นอาชีพที่น่าสนใจ เพราะคนซื้อนิยมความสะดวก ซื้อง่ายขายคล่อง ทำกำไรได้ดี

    ข้อดีของอาชีขายผลไม้สด

    1. อาชีพนี้ขายได้ทุกวัน ขายง่ายใครๆก้นิยมกิน ผลไม้จะขายได้ดีกว่าขนมหรือของกินอื่นๆ เพราะมีคนจำนวนมากที่นิยมกินกัน ไม่ว่าใครๆก็นิยมกินผลไม้ ยิ่งใกล้แหล่งนักเรียนนักศึกษาหรือแถวสถานีขน ขายได้แม้ว่าจะเวลาดึกดื่นแค่ไหน และกินได้ทุกฤดูกาล

    2.เป็นอาชีพที่ ขายสะดวก ไม่ต้องปรุงก่อนขาย ไม่ยุ่งยาก ปอกเปลือกเสร็จ ก็เฉาะขายได้ทันที อาชีพนี้ก็มีข้อดี ผลไม้จะอร่อยด้วยตัวของมันเอง ไม่จำเป็นจะต้องใช้ฝีมือในการปรุงเข้ามาช่วยเลย ผลไม้รสชาติที่สดกรอบอร่อยในตัว

    3. อาชีพนี้ขายโดยเงินลงทุนน้อย ไม่ต้องจัดหาถ้วยชาม ไม่ต้องมีเงินหลักหมื่นหลักแสนก็สามารถทำธุรกิจได้ อาจซื้อมาน้อยเดินเร่ขายน้อย แต่ถ้ามีเงินเยอะก็สามารถใช้เงิน คัดเกรทผลไม้ดีๆมาจัดวางขายบนรถเข็น บนแผงผลไม้ มีตู้กระจก มีน้ำแข็งรักษาความสด และสามารถเลือกขาย ณ ทำเลหรูมีแอร์ อย่างแถวศูนย์การค้า แถวหน้าโรงหนัง หรือแถวFood Centerของสำนักงานตึกสูงๆ และจ้างเด็กขาย

    4. อาชีพนี้ขายได้กำไรสูง กำไรเป็นเท่าตัวอาชีพขายผล เมื่อเฉาะแบ่งขายแล้วจะได้กำไรเป็นเท่าตัวยกตัวอย่างเช่น -แตงโมลูกละ 40 บาท จะแบ่งขายได้ 8 ชิ้น ชิ้นละ 10 บาท= 80 บาท ถ้าลูกขนาดปกติลูกละ 30 บาท จะแบ่งขายได้ 6 ชิ้น ชิ้นละ 10 บาท = 60 บาท-แคนตาลูปเนื้อเหลืองหวานหอม ลูกละ 33 บาท จะแบ่งขาย 2 ซีก ซีกละ 33 บาท-มะละกอแขกดำสุก ลูกละ 30 บาท จะแบ่งขายได้ 6 ชิ้น ชิ้นละ 10 บาท = 60-สับปะรด1 ลูก ลูกละ 30 บาท จะแบ่งขายได้ 6 ชิ้น ชิ้นละ 10 บาท = 60 บาท-ฝรั่งสด กิโลกรัมละ 30 บาทประมาณ 3 ลูก จะเฉาะใส่ถุงได้ 6 ถุง ถุงละ 10บาท = 60-ชมพู่ องุ่น มันแกวก็เช่นกัน ซื้อมาเป็นกิโล แบ่งขายถุงละ 10 บาท ได้กำไรเท่าตัวทุกประเภทส้มเช้ง ละมุด พวกนี้จะยากตอนปอกเลือกและตัดแบ่งขาย แต่ราคาที่ขายถุงละ 20 บาท ก็ได้กำไรเท่าตัวทุกประเภทเช่นเดียวกัน

    หากสนใจจะทำอาชีพขายผลไม้นี้ สิ่งที่ควรจะมีคือ
    1. ต้องรู้และเข้าใจธรรมชาติของผลไม้ และต้องเลือกผลไม้เป็น ต้องรู้ว่าผลไม้บางอย่างซื้อเก็บไม่ได้ เช่น ฝรั่ง ชมพู่ องุ่น มันแกว ถ้าซื้อเก็บมันจะไม่สด ต้องซื้อผลไม้พวกนี้วันต่อวัน แต่ผลไม้บางอย่างท่านซื้อเก็บได้ เช่น สับปะรด ส้มเช้ง มะละกอ แตงโม และยังมีผลไม้บางอย่างต้องจับต้องและห่อหุ้มต้องทำอย่างระมัดระวัง ไม่งั้นผลไม้จะช้ำเสียหมด เช่น ฝรั่ง ชมพู่ ละมุด มะละกอ การเลือกผลไม้เป็น เมื่อปอกออกแล้วจะต้องเป็นผลไม้ที่กินอร่อย อาจจะต้องศึกษาข้อมูลการเลือกผลไม้ในระยะแริ่มแรก เมื่อเก่งและชำนาญแล้วก้สามารถเลือกได้ง่ายๆ การเลือกซื้อผลไม้ไม่ควรเลือกซื้จากจากผู้ขายเจ้าเดียว ควรเลือกผลไม้ที่ดีที่สุดจากผู้ขายหลายเจ้า หมายความว่าเราต้องรู้แหล่งผู้ขายหลายเจ้าด้วยว่าอยู่ที่ไหน เช่น ตลาดสี่มุมเมือง ,ตลาดมหานาคและต้องรู้ว่าเวลาที่ผลไม้แต่ละชนิดลงขาย และควรจะขยันไปเลือกซื้อก่อนผู้อื่นทุกวัน หากราคาที่ซื้อจะแพงหน่อย ก็อาจจะจะยอมซื้อเพื่อหวังขายคุณภาพเพื่อให้ลูกค้าติดใจ

    2. ต้องปอกผลไม้ได้สวยและเฉาะแบ่งผลไม้เป็น ต้องหัดปอกผลไม้ให้สวย และเแาะผลไม้ได้เร็ว ผลไม้จะสวย ดูน่ากิน ขนาดเท่ากันไม่ช้ำ มีดคม ไม่เฉือนเนื้อออกเยอะเกินไป ไม่ตัดแบ่งผลไม้แล้วเหลือเศษชิ้นเล็กๆมากเกินไป

    3. ร้านขายผลไม้ต้องสะอาดล้างผิวผลไม้ล้างให้สะอาดแต่เบามือเพื่อป้องกันผลไม้ ช้ำ อาจต้องล้างด้วยผ้านุ่มหรือฟองน้ำผิวละเอียด อาจต้องล้าง 2 น้ำ ผลไม้บางชนิดอาจต้องล้างด้วยด่างทับทิมหรือ (baking soda) เพื่อให้สะอาดปราศจากสารปนเปื้อนและสารเคมี ยาฆ่าแมลง มือที่จะจับหรือปอกผลไม้ต้องสะอาด ใช้มีดที่สะอาด ถุงหรือบรรจุภัณฑ์ที่จะใส่ผลไม้ ต้องสะอาดถัง กะละมังที่ใช้ จัดวางบรรจุภัณฑ์ในตู้แช่ความเย็นที่สะอาดปราศจากแมลงและฝุ่น มือผู้ขายที่หยิบจับเงินจากลูกค้าจะหยิบได้แค่บรรจุภัณฑ์ผลไม้ ต้องไม่หยิบจับตัวผลไม้โดยตรง

    4. ท่านจะต้องหาตลาดหรือทำเลเป็นบางครั้งอาจจะจ้างคนช่วยขาย ขายบนรถมอเตอร์ไซค์พ่วงข้าง ขายบนรถเข็น ขายบนรถกระบะที่ขับตระเวนไปจอดขายตามที่ต่างๆ ต้องดูว่าแถวๆนั้นไม่ควรมีร้านค้าคู่แข่ง หรือเราสามารถแข่งขันได้เช่น อาจขายใกล้ป้ายรถเมล์ หน้าโรงพยาบาล ตลาดนัด หน้าโรงเรียนสถานศึกษา ขายหน้าโรงงาน ใกล้ร้านอาหาร ใกล้สถานที่ราชการ ขายหน้าโรงงาน ขายใกล้สวนสาธารณะหรือสนามกีฬา ตอนกลางคืนอาจจะขายหน้าสถานบันเทิง ฯลฯ

    5.ต้องหากลยุทธ์ในการขายผลไม้

    • ท่านอาจจะทำบรรจุภัณฑ์ให้ดูดีน่ากิน น่าซื้อ หากบรรจุในถุงพลาสติก แม็กปากถุงขาย ใส่จำนวนน้อยหน่อย ขายถุงละ 10 บาท หรืออาจจะใส่ถาดโฟมแล้วปิดทับด้วยฟิล์มถนอมอาหาร ขายถาดละ 15 -20 บาท
    • นอกจากขายปลีกแล้ว อาจจะทำแบบขายส่ง แจกเบอร์โทรศัพท์ แล้วให้เด็กนำไปส่งตามสถานที่ต่างๆ เห็นฝรั่งแช่บ๊วยทำแบบนี้ ก็มีลูกค้ามากมายทำเป้นอาชีพหลักได้เลย
    • มีหลายหน่วยงานหรือสถานที่ราชการ ที่จัดเบรค เป้นของว่าง ที่ต้องการรับซื้อผลไม้พร้อมกิน ขอให้ส่งถึงที่ ขณะประชุม และขณะฝึกอบรมตอนบ่าย หากท่านขายเป็นเบรกของว่างขณะประชุมหรือขณะฝึกอบรมได้สัก 2 หน่วยงาน โดยขายได้สักวันละจำนวน 100 หากสามารถติดต่อสถานที่ราชการหรือหน่วยงานได้แบบนี้ทุกวันก้แทบจะไม่จำเป็น ต้องมีหน้าร้านเลยทีเดียวผลไม้ที่มีให้เลือก 2 ชนิด ที่สด รสชาติดี ตัดแต่งสวย บรรจุสวยและสะอาด ราคาขายไม่แพงเกินไป
    • การขายปลีกหรือขี่มอเตอร์ไซค์พ่วงข้างขายปลีกเอง อาจต้องจ้างเด็กมาช่วยขายแทน เพื่อขยายและเพิ่มช่องทางการขายได้อีกหลายๆแบบ อาจต้องตกแต่งรถมอเตอร์ไซค์ให้สีสวยสะดุดตา สะอาดนี้ซื้อ น่ากิน เสื้อผ้าสะอาดสีสวยสะดุดตา บรรจุภัณฑ์ที่สวยแปลกตาน่าซื้อ
    • ผลไม้ที่จะขายต้องเน้นมีรสชาติดี สดใหม่ด้วย แช่เย็น กินแล้วฉ่ำ น่ากิน สีสันสวยงาม
    • ถ้าขายผลไม้ไม่หมด ควรคิดค้นวิธีแปรรูปเป็นน้ำผลไม้ อาจจะตากแห้งอบ หรือปรุงรสเพิ่มเติม สามารถนำไปวางขายเป็นถุงร่วมกับผลไม้สด เพื่อเป็นทางเลือกใหม่ของลูกค้า และเพิ่มมูลค่าให้สินค้าไปในตัว

    **ประโยชน์ของผลไม้ที่มีต่อร่างกายคนเรา
    1. พบว่า สตรอเบอรี่มีวิตามินซี อี คาโรทีนอยด์ (คล้ายเบต้าแคโรทีน) และฟลาโวนอยด์ สูงที่สุด

    2.ส้มหรือผลไม้สีเหลือง จะป้องกันหรือลดความเสี่ยงของโรคมะเร็ง และโรคหัวใจ

    3. นมมีประโยชน์มากกว่าน้ำผลไม้สำหรับเด็ก เพราะนมจะมีโปรตีนที่ช่วยในการเจริญเติบโตของเด็ก หากต้องการให้เด็กได้วิตามินเสริม อาจให้เด็กทานโยเกิร์ตกับผลไม้ หรือนมกับธัญพืช

    4. ถ้าเป็นเบาหวาน ควรทานวิตามินซีให้มากๆ วิตามินซีจะหาได้จาก ส้ม ฝรั่ง สตรอเบอรี่ นักวิจัยชาวอิตาลีพบว่าผู้ใหญ่ที่เป็นโรคเบาหวานหากทานวิตามินซีวันละ1000 มิลลิกรัม เป็นเวลา 4 เดือน พวกเขาจะมีคอเลสเตอรอล ไตรกลีเซอไรด์ ลดลง และระดับอินซูลินเพิ่มขึ้น

    5.ทานมะเขือเทศทุกวัน จะช่วยป้องกันหรือลดความเสี่ยง การเกิดมะเร็งลำไส้ มะเร็งต่อมลูกหมาก

    6. ชา หัวหอม และแอปเปิล จะช่วยลดคอเลสตอรอลตัวไม่ดี ทำให้เลือดไม่เกาะตัวเป็นก้อนและอุดตันเส้นเลือด

    7. ลูกเกด จะอุดมไปด้วยไฟเบอร์ และวิตามินบี จัดอยู่ในกลุ่มธัญพืชที่ควรรับประทานเป็นอาหารเช้า ร่วมกับนมและธัญพืชอื่น หรือจะใช้เป็นอาหารว่างร่วมกับถั่วต่างๆ

    8. ทานผลไม้สดๆเป็นประจำ จะช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิดหัวใจวายแบบเฉียบพลันจะน้อยลง 24% ความเสี่ยงที่จะเป็นโรคเส้นเลือดสมองอุดตันแบบเฉียบพลัน 32%

    Read More...


    ธุรกิจ ข้าวแกงทอด

    ข้าวแกงทอด เมนูที่น่าสนใจนี้จึงทำให้มีคนให้ความสนใจโดยคิดเอาผลจากการวิจัยมา ปรับปรุงและผลิตจัดจำหน่าย สร้างเป็นอาชีพอย่างได้ผลเกินคาด


    ข้าวแกง หรือ ข้าวราดแกง เป็นเมนูอาหารฮิตที่คนไทยชื่นชอบ ส่วนมากผู้คนจะนิยมรับประทานข้าวแกงในแต่ละมื้ออาหารแล้วก็จบกันไป เพราะการรับประทานข้าวกับแกงที่สดๆ ใหม่ๆ ก็จะมีรสชาติอร่อย หากทิ้งแกงไว้นานนักก็จะลดความอร่อยลงไป ฉะนั้น ข้าวแกงจึงมีจุดจำกัดในเงื่อนเวลากับรสชาติอาหารอย่างน่าเสียดาย

    อย่างไรก็ตาม รสชาติความอร่อยของแกงนั้นยังคงเป็นเสน่ห์สำหรับอาหารไทยที่ชวนให้น่ารับ ประทานอยู่เสมอ ดังนั้นจึงมีนักวิจัยไทยค้นคิดเอาข้าวสุกมาผสมกับตัวแกงอร่อยของไทยหลายชนิด มาปรุงแต่งเป็นอาหารแบบกึ่งสำเร็จแล้วจะนำไปแช่แข็งเก็บไว้ได้นานหลายเดือน เมื่อต้องการจะรับประทานก็นำออกจากช่องฟรีซทิ้งไว้สักพักแล้วนำไปทอดใช้เวลา 2-3 นาทีเท่านั้น ท่านก็จะได้รับประทานข้าวแกงทอดเป็น ชิ้นขนาดย่อมพอรับประทานพร้อมความ อร่อยอย่างสมบูรณ์ที่มีกลิ่นอายของข้าวแกงไทยอย่างน่าสนใจ ซึ่ง อาจารย์เพลินใจ ตังคณะกุล แห่งสถาบันค้นคว้าและพัฒนาผลิตภัณฑ์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้เป็นผู้ค้นคิดงานวิจัยที่ชื่อว่า ข้าวแกงทอดกึ่งสำเร็จรูป โดยได้รับรางวัลชนะเลิศโล่พระราชทานจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ประจำปี 2550 (RICE INNOVATION AWARD 2007) ในงานวันนวัตกรรมแห่งชาติ ที่อิมแพค อารีนา เมืองทองธานี

    จากนวัตกรรม ข้าวแกงทอด ที่น่าสนใจนี้จึงทำให้มีคนให้ความสนใจโดยคิดเอาผลจากการวิจัยดังกล่าวนี้มา ปรับปรุงและผลิตจัดจำหน่าย สร้างเป็นอาชีพอย่างได้ผลเกินคาด
    คุณ อภิญญา จึงถาวรสถิตย์ หรือ คุณตุ้ย สาววัย 28 ปี สำเร็จการศึกษาจากคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ได้เป็นผู้หนึ่งที่น่าสนใจนำเอานวัตกรรม ข้าวแกงทอด มาทดลองและผลิตจำหน่ายดูและได้ผลเป็นที่น่าพอใจ

    หลังจากจบการศึกษาแล้ว คุณตุ้ยก็ให้ความสนใจในด้านการทำมาหากินมาโดยตลอด ได้เริ่มจากการทำหมูสะเต๊ะขายก็ไม่ได้ผลดีเท่าที่ควร ต่อมาก็หันมาค้าขายขนมสไตล์เกาหลีก็ได้ผลดีในระดับหนึ่ง แต่ก็ยังไม่พอใจนัก

    แม่ค้าสาวสวยได้เล่าเสริมให้ฟังว่า เธอโชคดีได้พบและรู้จักกับป้าอู๊ดที่ได้นำเอาแนวคิดวิจัย ข้าวแกงทอด มาผลิตเปิดจำหน่ายอยู่แถวจังหวัดนครปฐม หลังจากคุณตุ้ยได้มีโอกาสชิมรสชาติข้าวแกงทอดของ ป้าอู๊ดแล้วก็รู้สึกพอใจในรสชาติที่ดูคล้ายๆ จะเป็นอาหารกึ่งสำเร็จรูป รับประทานแล้วถูกปากน่าสนใจ ดังนั้น เธอจึงคิดอยากจะลองทำดูบ้าง ต่อมาจึงขอสมัครเป็นลูกศิษย์ป้าอู๊ด ซึ่งทางป้าอู๊ดก็ไม่รังเกียจ ช่วยถ่ายทอดความรู้การผลิตข้าวแกงทอดให้ลูกศิษย์อย่างเต็มที่

    ในที่สุด คุณตุ้ยก็ได้รับความรู้การผลิตข้าวแกงทอดจากป้าอู๊ดอย่างเป็นเรื่องเป็นราว


    ตัวอย่างการผลิต ข้าวแกงทอด รสหมูผัดกระเพราโดยคุณตุ้ย ดังนี้
    1. นำเอาข้าวหอมมะลิขนาด 5 ถ้วย มาหุงผสมกับข้าวเหนียว 1 ถ้วย แล้วหุงไปตามปกติ
    2. ขณะเดียวกัน ก็จัดทำหมูผัดใบกะเพราประกอบด้วยผัดหมูกับกระเทียมตำผสมพริกขี้หนูปรุงรสชาติให้อร่อยและเติมใบกะเพราช่วยชูรสตอนจบ
    3. ก่อนจะนำเอาข้าวสวยที่หุงสุกแล้วมาคลุกกับหมูผัดใบกะเพรา ควรมีการเติมผงรสดีช่วยชูความอร่อยต่อจากนั้นจึงทำการคลุกเคล้าข้าวสวยผสม หมูผัดใบกะเพราให้เข้ากันดี
    4. เมื่อได้ข้าวคลุกกับหมูผัดใบกะเพราเข้ากันดีแล้วจึงนำไปใส่แบบพิมพ์
    5. เมื่อดึงออกจากแบบพิมพ์แล้ว หลังจากนั้นก็นำแป้งสาลีคลุกกับข้าวผสมกับหมูผัดใบกะเพรา ก่อนจะนำไปแช่ตู้เย็นควรนำไปทอดให้ร้อนสักเล็กน้อย
    6. ก่อนบริโภคหรือจำหน่ายควรนำข้าวแกงทอดสำเร็จรูปไปคลุกด้วยเกล็ดขนมปังอีกครั้ง เพื่อช่วยไม่ให้ข้าวแกงทอดเมื่อทอดแล้วจะมีรูปทรงไม่แตกออก การทอดข้าวแกงทอดสำเร็จใช้เวลาประมาณ 2-3 นาที แล้วจึงนำขึ้นจากกระทะรอให้สะเด็ดน้ำมันแล้วจึงนำไปจำหน่ายหรือใช้บริโภคต่อไป
    ข้าวแกงทอด คุณตุ้ย อาหารบริโภคของคนยุคใหม่

    คุณตุ้ยได้ทดลองเปิดตลาดข้าวแกงทอด ในช่วงแรกไปจำหน่ายตามตลาดทั่วไป โดยทำการผลิตวันแรก 300 ลูก ขายได้กำไร 1,000 บาท ทำให้เธอเกิดมีกำลังใจที่จะค้าขายต่อไป จากการสังเกตลูกค้าส่วนมากจะสนใจสินค้าข้าวแกงทอด ว่าเป็นของแปลกใหม่ น่าทดลองบริโภคดู พอรับประทานแล้วติดใจในรสชาติ ดังนั้นแม่ค้าสาวจึงเริ่มคิดปรับปรุงคุณภาพสินค้าให้หลากหลายรสชาติเพื่อให้ ลูกค้า เพิ่มความสนใจ มีทางเลือกที่จะซื้อสินค้าได้มากขึ้น และยังพยายามขยายตลาดให้กว้างขวางขึ้น เช่น ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ แฟชั่นไอส์แลนด์ เมืองทองธานี

    ทุกวันนี้ ข้าวแกงทอด คุณตุ้ย ได้ขยายกิจการมากยิ่งขึ้น บางวันจะได้ทำการเปิดบู๊ธ 2-3 แห่ง จากครั้งแรกผลิตสินค้าแค่วันละ 300 ลูก บัดนี้กำลังการผลิตวันละประมาณ 2,000-3,000 ลูก ซึ่งขึ้นกับความต้องการของตลาดแต่ละแห่งที่ไปเปิดบู๊ธ

    ดังนั้นเมื่อกิจการเจริญก้าวหน้าขึ้นคุณตุ้ยจึงจำเป็นต้องเพิ่มการผลิต มากขึ้นและก็ ต้องหาผู้ช่วยการผลิตมากขึ้น ปัจจุบันนี้ เธอมีลูกน้องช่วยงานประมาณ 8 คน ซึ่งจะมีหน้าที่ทำการผลิตข้าวแกงทอดเตรียม พร้อมไว้เพื่อรองรับความต้องการของตลาดแต่ละแห่ง ขณะเดียวกันเธอก็ภูมิใจที่ช่วยให้บรรดาลูกน้องมีงานและมีรายได้กันเป็นประจำ อยู่เสมอ

    เมื่อข้าวแกงทอด คุณตุ้ย ได้ดำเนินกิจการอย่างก้าวหน้าต่อไป คุณตุ้ยก็ไม่นิ่งเฉย พยายามคิดพัฒนารสชาติผสมในข้าวแกงทอดมากกว่า 23 ชนิด เช่น ข้าวหมกไก่ ข้าวแกงทอดเขียวหวานไก่ ข้าวหมูผัดกะเพรา ข้าวผัดปลาเค็ม ข้าวน้ำพริกปลาทู เป็นต้น และล่าสุด ได้เพิ่มรสชาติที่อินเทรนด์กับคนยุคใหม่ เช่น ข้าวหมูเกาหลี ข้าวหมูน้ำมันงา ข้าวผัดกิมจิ เป็นต้น ราคาสินค้าจำหน่ายลูกละ 6 บาท แต่ถ้าเป็นราคาส่งก็อาจจะลดในราคาพิเศษได้

    คุณตุ้ย ได้บอกเพิ่มเติมว่า นอกจากเธอจะไปเปิดบู๊ธตามตลาดหลักๆ แล้ว เธอยังจัดจำหน่ายข้าวแกงทอดทั้งปลีกและส่ง พร้อมทั้งบริการจัดเลี้ยงงานนอกสถานที่อีกด้วย
    ดังนั้น ท่านใดสนใจอยากลองลิ้มชิมรสข้าวแกงทอด คุณตุ้ย หลายรสชาติ น่าอร่อย ก็เชิญติดต่อสอบถามมาที่ คุณอภิญญา จึงถาวรสถิตย์ (คุณตุ้ย) โทรศัพท์ (02) 872-1272 (081) 697-2561 และ (087) 051-3828 begin_of_the_skype_highlighting (087) 051-3828 อี-เมล khunitui-kkt@hotmail.com
    ข้อมูลจำเพาะ

    ธุรกิจข้าวแกงทอด
    ยี่ห้อสินค้าข้าวแกงทอด คุณตุ้ย
    เจ้าของกิจการ คุณอภิญญา จึงถาวรสถิตย์ (คุณตุ้ย)
    จุดเด่นสินค้า เป็นสินค้าแปลกที่ทำการวิจัยโดยนักวิจัยคนไทย จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้รับรางวัลชนะเลิศด้านนวัตกรรมจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เป็นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ มีหลากหลายรสชาติ เพิ่มความอร่อย สะดวกต่อการรับประทานในยุคที่ต้องการความสะดวกและรวดเร็ว สามารถเก็บรักษาไว้ได้นานถึง 3 เดือน (ในช่องแช่แข็ง) เมื่อนำมาทอดคุณค่าทางอาหารยังคงเดิม

    ราคาสินค้า ลูกละ 6 บาท ถ้าสั่งจำนวนมากก็จะได้ลดราคาพิเศษ
    กลุ่มเป้าหมาย คนยุคใหม่ที่นิยมของแปลกใหม่ หรือผู้จัดเลี้ยงอาหารว่าง
    สถานที่ เลขที่ 394/104 ซอยสุขสวัสดิ์ 27 แขวงบางปะกอก เขตราษฎร์บูรณะ กรุงเทพฯ 10140
    โทรศัพท์ (02) 872-1272 (081) 697-2561 และ (087) 051-3828 (087) 051-3828
    อี-เมล khuntui-kkt@hotmail.com
    ที่มา : มติชน

    Read More...


    ไข่กระโหลก”ประยุกต์ข้าวไข่เจียว ปรับอาหารไทยสไตล์โมเดิร์น

    ไข่กระโหลก

    ไข่กระโหลก เป็นอาหารไทยแนวใหม่ ซึ่งเป็นการประยุกต์ ขนมครกญี่ปุ่น และข้าวไข่เจียวแบบ ไทย ไว้ด้วยกัน ได้อย่างลงตัว เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภคที่ชื่นชอบกินอาหารแนวใหม่ สไตล์ วัยทีน ซึ่งใครที่ชื่นชอบท่องเที่ยวตลาดน้ำแบบย้อนยุค คงจะพบเห็นและได้ลิ้มลองรสชาติไข่กระโหลกกันมาบ้างแล้ว

    เจ้าของไข่กระโหลก
    “นายสุชาย บุญกล่อมจิตร(ขวา) และนาย ธนาพันธ์ นาคดี (ซ้าย)

    สำหรับร้านไข่กระโหลกปัจจุบันยึดทำเลแหล่งท่องเที่ยวย้อนยุค เป็นทำเลทองในการเปิดร้าน ไม่ว่าจะเป็นที่ อัมพวา ร้านแรกของไข่กระโหลกของ “นายสุชาย บุญกล่อมจิตร” หรื อร้านที่สอง ที่ตลาดน้ำขึ้นชื่อดังอย่างตลาดน้ำอโยธยา ของ “นาย ธนาพันธ์ นาคดี” สอง หุ้นส่วนสำคัญที่พลิกผันตัวเองจากนักออกแบบตกแต่งภายใน และ มัคคุเทศน์ หันมาเอาดีเป็นพ่อค้าขายไข่กระโหลก จนกลายเป็นเศรษฐีย่อยๆ มีรายได้เฉลี่ยหลายพันบาทต่อวัน

    นายสุชาย เล่าถึงที่มาของไข่กระโหลก เกิดขึ้นมาจากเราสองคน ประสบปัญหาทางเศรษฐกิจ เมื่อหลายปีที่ผ่านมา ทำให้ต้องหันมาหาอาชีพอื่นๆ ที่สามารถสร้างรายได้ และมีเงินสดใช้จ่ายทุกวัน และเห็นว่าการขายอาหารการกินเป็นช่องทางที่ดี เพราะไม่ว่าเศรษฐกิจ จะเป็นเช่นไร คนเราก็ต้องกิน ตอนแรกคิดทำข้าวไข่เจียวขาย แต่เห็นว่ามันไม่แปลก เพราะปัจจุบันมีคนทำข้าวไข่เจียวขายกันทั่วไป

    ไข่กระโหลก
    ขณะกำลังปรุงบนเตาขนมครกญีปุ่น

    จนกระทั่งได้มีโอกาสเดินทางไปประเทศญี่ปุ่น และเห็นขนมครกญี่ปุ่นน่าสนใจดี แต่ก็มีคนทำขายกันอยู่เป็นจำนวนมากในบ้านเราเช่นกันและไม่ใช่อาหารไทย ซึ่งไม่รู้ว่าคนไทยจะชื่นชอบแค่ไหน จึงเกิดความคิดว่า ทำไมเราไม่ประยุกต์นำข้าวไข่เจียว อาหารแบบไทยๆ มาประยุกต์ใช้วิธีการทำแบบขนมครกญี่ปุ่น ซึ่งถ้าเป็นข้าวไข่เจียวธรรมดาและนำมาห่อแบบขนมครกญีปุ่น มันก็ธรรมดาไปอีก จึงคิดทำไส้ขึ้นมา และใส่ลงในห่อไข่พร้อมกับข้าว ซึ่งใช้ข้าวผัดปรุงรส

    หลังจากนั้น ปรุงรสด้วยซอสที่เราคิดค้นขึ้นมา เพิ่มรสชาติด้วย ซอสพริก ซอสมะเขือเทศ และมายองเนส รองก้นด้วยกะหล่ำปรี ออกมาเป็นไข่กระโหลก เพิ่มความน่าสนใจ สำหรับกลุ่มคนรุ่นใหม่ ด้วยกล่องที่ออกแบบขึ้นมาเป็นพิเศษ ทำให้ไข่กระโหลก ดูทันสมัย และสะดวกแก่การซื้อกลับออกไปกินในสถานที่ต่างๆ

    ไข่กระโหลก
    ไข่กระโหลกพร้อมเสิร์ฟ

    ทั้งหมดเป็นแนวคิดของคนรุ่นใหม่ที่ต้องการจะฉีกรูปแบบอาหารไทย ให้ไม่ซ้ำซากจำเจ เพราะในปัจจุบัน มีอาหารจากประเทศต่างๆ เข้ามาเป็นจำนวนมาก และดึงกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่ ให้หันไปสนใจ และซื้อกินกัน จนบางครั้งลืมอาหารไทย ถ้าเราไม่รู้จักนำมาประยุกต์ให้ดูทันสมัย สุดท้ายก็ต้องนำเข้าอาหารจากต่างประเทศเข้ามาจนลืมอาหารไทย แบบข้าวไข่เจียว ที่มีคุณค่าทางอาหารมากมาย และราคาไม่แพง
    นายสุชาย เล่าว่า สำหรับช่องทางการขาย เนื่องจากมองว่าอาหารในลักษณะนี้ ไม่ใช่อาหารที่ใครจะกินได้ทุกวัน เช่นเดียวกับอาหารหลายชนิด เช่น พิซซ่า ก็คงจะไม่มีใครกินได้ทุกวัน ดังนั้น ผมจึงมองตลาดซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยว เพราะคนมาเที่ยวจะหมุนเวียนเปลียนหน้ากันไปเรื่อย ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวจะมีกำลังซื้อ และตั้งใจจะมาหาซื้อของฝากและของกินอยู่แล้ว

    ไข่กระโหลก
    กล่องไข่กระโหลกออกแบบเพื่อให้ดูทันสมัยสะดวกแก่การกิน

    ทั้งนี้ ที่เลือกแหล่งท่องเที่ยวแนวย้อนยุค เพราะต้องการจะนำเสนอไข่กระโหลกออกมาในแนวอาหารย้อนยุค ซึ่งคำว่ากระโหลกเป็นคำไทยโบราณที่สามารถเป็นตัวสื่อได้ โดยเปิดแหล่งแรกที่ตลาดน้ำอัมพวา ตลาดน้ำอโยธยา ตลาดน้ำ 4 ภาคที่พัทยา และตลาดเพลินวา ที่หัวหิน และมีแผนที่จะขยายสาขาเพิ่มในรูปแบบของแฟรนไชส์ เพราะต้องการจะกระจายสินค้าให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น และเห็นว่าน่าจะเป็นช่องทางให้กับคนที่ต้องการจะมีอาชีพได้มีรายได้ และ จากประสบการณ์ทีเราทำมาประมาณ 1 ปี พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า สามารถขายได้ ในระดับที่น่าพอใจ โดยส่วนของสาขาตลาดน้ำอโยธยา สามารถขายช่วงวันหยุดประมาณ วันละ 15,000 บาท ถึง 20,000 บาท ส่วนวันธรรมดา 3,000 บาท ถึง 5,000 บาท โดยเชื่อว่า จะสามารถคืนทุนได้ภายใน 2 – 3 เดือน ถ้าได้ทำเลที่ดี

    ไข่กระโหลก
    ไข่กระโหลกขณะปรุงอยุ่บนเตาใช้เวลาประมาณ 5 นาที

    ตารางลงทุนรถร้านแฟรนไชส์ชายสี่บะหมี่เกี๊ยว

    สำหรับราคาแฟรนไชส์มีราคาเดียว 85,000 บาท ได้อุปกรณ์ในการขายครบชุดพร้อมคีออส และวัตถุ ดิบในการขายงวดแรก พร้อมถ่ายทอดสูตรการทำทั้งหมดให้ และหลังจากนั้น ลูกค้าแฟรนไชส์จะต้องซื้อวัตถุดิบจากเราในสัดส่วน 20 % คือ ตัวซอสปรุงรส เพื่อให้รสชาติเดียวกัน และกล่องเพื่อให้คงคอนเซ็ปต์เดียวกัน ส่วนวัตถุดิบอื่นๆ สามารถหาซื้อเองได้ แต่จะกำชับขอให้คัดเลือกวัตถุดิบที่มีคุณภาพดี เช่นเดียวกับร้านต้นแบบเพื่อจะได้คุณภาพเดียวกันทุกสาขา

    ในส่วนไข่กระโหลกปัจจุบันมีให้เลือก 3 ไส้ คือ ปลาแซลมอน ซีฟู้ด ไส้กรอกชีส และที่ขายดีสุดเป็นไส้ซีฟู้ด ในอนาคตอาจจะมีการเพิ่มตัวท้อปปิ้ง ที่ปัจจุบันมีเพียงซอส มายองเนส พริกขี้หนูและหัวไช้โป้วหวาน ส่วนราคาขายลูกละ 40 บาท ต้นทุนอยู่ที่ประมาณ 60% เพราะใส่เครื่องเยอะ ให้คุ้มกับราคา ที่ตั้งไว้ ซึ่งลูกค้าแฟรนไชส์ต้องการให้ขายในราคาเดียวกัน

    “สำหรับการทำธุรกิจไข่กระโหลก ตัวนี้ ผมไม่ได้คาดหวังเพียงแค่ยอดขาย หรือ ผลกำไรเท่านั้น แต่เราต้องการจะสร้างแบรนด์อิมเมจ ซึ่งเป็นความตั้งใจของเราตั้งแต่เริ่มแรก ตั้งแต่ตั้งชื่อไข่กระโหลก การออกแบบร้าน ออกแบบเพคเกจจิ้ง ทุกอย่างจะต้องดูทันสมัยและสะดุดตาให้คนจดจำได้ ที่สำคัญ เราจำเป็นจะต้องทำไข่กระโหลกออกมาให้ดีและคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไป เพื่อจะได้จดจำแบรนด์ของเรา ในอนาคตมีแผนที่จะทำผลิตภัณฑ์อื่นๆ ภายใต้แบรนด์ไข่กระโหลก ออกมาขายเพิ่ม เช่น เสื้อ พวงกุญแจ หรือของที่ระลึกอื่นๆ”
    โทร. 08-9799-3225
    ที่มา: ASTVผู้จัดการออนไลน์

    Read More...




    ----------------

    ปรับปรุง
    รายการบทความทั้งหมด



    การบำรุงรักษารถยนต์เบื้องต้น



    ร้านค้าเคลื่อนที่ ใช้ รถบรรทุกขนาดเล็กมาดัดแปลง



    รวมบทความอาชีพ เสริม หลากไอเดียวิธีหารายได้เสริม



    รวมบทความงานฝีมือ-สิ่งประดิษฐ์ รายได้เสริม



    ทองม้วน thong muan ; rolled wafer





    MASK รุ่นสายคล้องคอ







    MASK รุ่นสายคล้องคอ. ��รุ่นนี้เป็นที่นิยมใช้กันมาก #ขายดีมาก
    ทำจากผ้าคอตตอนแท้ 100%  ไม่ผสม เนื้อผ้านุ่ม 
    3 ชั้น. สวมใส่พอดีกับใบหน้า ไม่เจ็บหู มีสายคล้องคอปรับได้
    เวลาถอดออก ไม่ต้องกลัวลืม เพราะถอดแล้วคล้องคอไว้ได้
    บรรจุในถุงซิปฟรอย์อย่างดี
    ราคาชิ้นละ. 59. บาท. ไม่รวมส่ง 
    มีหลายสีให้เลือกนะคะ   สนใจทักแชทขอดูสีผ้าได้นะคะ
    หน่วยงาน บริษัท ห้างร้าน หรือ สนใจสั่งไปจำหน่าย 
    มีเรทราคาส่งค่ะ

    -> id line : noeyhorm_06
    #มีวางจำหน่ายหน้าร้านชานมไต้หวันมาราชาสาขาจรัญ44


    ร้านมาราชาชานมไข่มุก สาขาจรัญสนิทวงศ์ 44
    ● รับบัตรสะสมครบ 10 แก้ว แลกรับฟรี 1 แก้ว
    ● สั่งเดลิเวอรีผ่าน LINE MAN, Foodpanda ,GET ...ถึงมือปั๊บพร้อมดื่มปุ๊บ!
    ● อัพเดทโปรโมชั่นใหม่ๆ รสชาติใหม่ ตลอดเวลา
    ● มีเมนูให้เลือก 40 กว่าเมนู : https://bit.ly/2Z9iqV0






























































    เลือกช่องทางติดต่อและรับข่าวสารบริการหลังการขาย
    ฟอร์ด พลปิยะอยุธยาและฟอร์ด พลปิยะวังน้อย

    --------------------------------------------------------------------------------------------
    แคมเปญ-โปรโมทชั่น อะไหล่ฟอร์ด อัพเดททางออนไลน์และปรับปรุงข้อมูลออนไลน์
    อะไหล่ฟอร์ด อะไหล่รถฟอร์ด อะไหล่รถยนต์ฟอร์ด อะไหล่ฟอร์ดแท้ ร้านขายอะไหล่รถฟอร์ด ขายอะไหล่รถฟอร์ด อะไหล่ฟอร์ด
     
    Option

    รวมบทความอาชีพเสริม หลากไอเดียวิธีหารายได้เสริม หาอาชีพเสริมอิสระทำเงิน สร้างอาชีพอิสระงานฝีมือ แนะนำการสร้างรายได้เสริมทำเงินด้วยการขายสินค้าหรือขายของเป็นอาชีพเสริม อิสระงานฝีมือ แนะแนวธุรกิจ อาชีพเสริม อาชีพแก้จน อยากจะมีรายได้เสริมนอกเหนือจากงานประจำ บล๊อกจัดทำขึ้นเป็นวิทยาทานเพื่อเผยแผ่ความรู้อันจะเป็นไปเพื่อบุญกุศล ขอให้ทุกท่านที่มีส่วนร่วมในบทความของบล๊อกนี้ จงได้รับอานิสงฆ์ด้วยเทอญ.